คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ซามานน่านครแห่งปัญญา
“เสร็จแล้ว “ ไดแอซยิ้มร่าพร้อมสะพายยามบรรจุข้าวของเดินออกมานั่งคอย “จะไปไหนหรือไดแอซ” ท่านลุงที่เพิ่งกลับถึงบ้านถาม “พอดีทางโน้นเขาเรียกตัวครับ” มาร์คัสเดินลงมาพอดี “พวกจอมปราชญ์เรียกไปทำไมหรือ” ผู้สูงวัยซักต่อ “แจ้งมาว่าเป็นการทดสอบความสามารถครับ”
อีกฝ่ายพยักหน้าเชิงรับรู้ “ทำไมหัวเจ้าปูดแบบนั้นล่ะ” ท่านลุงหันไปเห็นเข้าเลยถามด้วยความเป็นห่วง “โดนหนังสือทับ แล้วก็ยังโดนคนใจร้ายใจดำ ไม่มีเมตตาไร้มนุษยธรรมเขกหัวต่ออีก” คำตอบพร้อมแอบจิกคนข้างๆ สายตาของผู้เป็นลุงเบนกลับไปจ้องมาร์คัสอย่างเอาเรื่อง อ่า.. รายนั้นเกาหัวแกร๊กๆ “ข้าไม่ได้ตั้งใจนี่นา” คำแก้ตัวที่ฟังยังไงก็ไม่ขึ้น “เอ้าไดแอซอย่างอนนักเลย” ผู้สูงวัยจัดการไกล่เกลี่ย “ยังไงซะรายนั้นเขาก็หวังดีกับเจ้านะ”
“ดีก็ได้”
คำพูดแบบเด็กๆ พร้อมยกนิ้วก้อยให้เหมือนทุกครั้งที่ทะเลาะกัน มาร์คัสจัดการเกี่ยวก้อยทำสัญญาประนีประนอมเรียบร้อยพร้อมกับการมาถึงของเวส “พวกข้าไปนะครับ” มาร์คัสกล่าวลา “เดินทางดีๆล่ะ ฝากบอกมอเดรสว่าข้าคิดถึง” ผู้สูงวัยอวยพรพร้อมลูบผมไดแอซ “แล้วข้าจะหาของอร่อยๆมาฝากท่าน”
***************************
“ตรานั่นมันอะไรเหรอ” ไดแอซถามระหว่างทั้งสามเดินออกจากเมือง “เจ้าไม่รู้หรอกหรือ” เวสเลิกคิ้วแสดงความประหลาดใจ ก็ตรานั่นแม้แต่เด็กสามขวบมองยังรู้เลยว่าตราอะไร
“ตราประจำสภาแห่งซามานน่า มีอำนาจสั่งการผู้ใช้เวททุกคนที่อยู่บนแผ่นดินนี้” มาร์คัสแย่งมาอธิบายเสียเอง “แล้วซามานน่านี่อยู่ไกลไหม” เด็กหนุ่มถามต่อ “ก็ไกลพอสมควรล่ะ แต่รับรองว่าเราไปถึงทันแน่”
“พวกคนแก่นี่ก็แปลกนะ” มาร์คัสเอ่ยกับคนข้างตัว จะไม่แปลกได้ยังไง สั่งให้ไปถึงก่อนสิ้นเดือน แล้ววันนี้มันวันที่ 29 แถมเดือนนี้ยังมี 30 วันอีกต่างหาก คิดแล้ววัย(เลย)รุ่นเครียด
ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าก้มตาเดินขณะที่ความมืดเริ่มโรยตัวลงมา “พวกเจ้าจะไปไหนกัน” ทหารที่ยืนยามประจำประตูด้านทิศเหนือเอ่ยถามหลังตรวจตราพวกเขาเสร็จ “จะไปซามานน่าพี่ชาย” มาร์คัสตอบ “หนทางยังอีกไกล ขอให้โชคดี” พวกเขายิ้มรับแล้วก้าวออกมายืนอยู่หน้าประตูเมือง
ไดแอซหันมองคนโน้นทีคนนี้ทีสลับกับจ้องทางที่หายลับเข้าไปในป่าด้านหน้าด้วยความแปลกใจ
“ไม่ใช้มังกรหรือครับ”
“นั่นมันสัตว์ของทางราชการ”
“กราไฟต์ล่ะ” เด็กหนุ่มเอ่ยถึงนกยักษ์
“ก็สัตว์ของทางราชการอีกนั่นแหละ”
“แล้ว
..”
หวีด เวสผิวปาก ซักพักมีเสียงวิ่งกุบกับๆเหมือนม้าดังจากป่า เด็กหนุ่มเปลี่ยนจากยืนข้างๆเป็นยืนหลบหลังคนทั้งสองแทน สิ่งที่ปรากฏเป็นสัตว์รูปร่างเหมือนม้าผิดกันก็แต่กีบเท้าที่ใหญ่เป็นมันปลาบและดูท่าทางจะคม รวมถึงตาแดงๆ ตัดกับตัวสีดำสนิทจนชวนขนลุกอีกต่างหาก
“ว่าไง บัคกี้ จิล” เวสเดินเข้าไปลูบหัวทักทายเหมือนคุ้นเคยกันมานาน “พวกนางไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” เขาหันมาบอกไดแอซที่ยังหลบอยู่หลังมาร์คัส เด็กหนุ่มเลยจัดการผลักมาร์คัสกระเด็นออกไปประจันหน้ากับสัตว์ประหลาดเพื่อพิสูจน์คำพูดทันที
แผล๊บๆๆ
เจ้าสองตัวนั้นเข้ามารุมล้อมมาร์คัส แล้วใช้ลิ้นสากๆเลียหน้าเลียตาชายหนุ่มอย่างรักใคร่ “ง่า..” เขาครางพลางเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำลายที่เหนอะอยู่แถวๆแก้ม
“เจ้าพวกนี้เรียกว่าออบซิเดียน เป็นสัตว์อสูรธาตุดิน เห็นน่ากลัวอย่างนี้จริงๆใจดีมากเลยรู้ไหม” เวส บอกไดแอซ “น่ารักจะตายแถมว่าง่ายด้วยนะ”
“อย่ากลัวไปนักเลย” มาร์คัสทำท่าไม่น่าไว้วางใจก่อนจะเดินเข้ามาลากคอไดแอซแล้วโยนเข้าไปกลางกลุ่มออบซิเดียน พวกนั้นถอยห่างจากตัวเด็กหนุ่มย่อขาหน้าก้มหัวลงเป็นเชิงคำนับ คนที่อยู่กลางวงเลยทำตาแป๋วแล้วหันไปหาเวสกับมาร์คัส เมื่อไม่มีใครพูดอะไรเด็กหนุ่มจึงยื่นมือไปลูบหัวตัวที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างแผ่วเบา มันใช้จมูกโตๆดุนมือเขาอย่างอ้อนๆ เด็กหนุ่มยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“รีบเข้าเถอะ มัวเล่นกันอยู่นั่นเดี๋ยวไปถึงไม่ทันหรอก” เวสบอกพลางจัดการบังเหียนบนหลังบรรดา ออบซิเดียน เขาขึ้นไปนั่งบนหลังของจิลแล้วให้มาร์คัสช่วยส่งตัวไดแอซตามขึ้นมาเรียบร้อยแล้วจึงจัดการส่งตัวเองขึ้นไปบ้าง กีบเท้าของเหล่าออกซิเดียนกระทบพื้นเป็นจังหวะทิ้งฝุ่นฟุ้งเป็นทางไว้เบื้องหลัง
พวกเขาผ่านเข้าไปในป่าค่อนข้างลึกซึ่งเปรียบเสมือนอาณาเขตกั้นระหว่างเมือง ไดแอซมีท่าทีตื่นเต้นกับความเร็วและการเดินทางบนหลังออบซิเดียนเป็นครั้งแรก เด็กหนุ่มหันมองทิวทัศน์ของป่าสลับทุ่งหญ้ากลางแสงจันทร์อย่างสนอกสนใจ มาร์คัสก้มลงดูเข็มทิศเป็นระยะๆตามที่เวสสั่งเพื่อกันไม่ให้หลงออกนอกเส้นทาง
“ดาน่าจ๊า ซามานน่ามันไปทางไหนเหรอ” มาร์คัสเปิดฝาถามเข็มทิศเวทเมื่อพวกเขามาถึงสี่แยก ปลาโลมาตัวจิ๋วกระโดดขึ้นจากหน้าปัดเข็มทิศซึ่งเป็นเหมือนน้ำไปทางด้านซ้าย ขอบใจ ชายหนุ่มบอกแล้วปิดฝายัดเข็มทิศใส่ย่าม เหล่าออบซิเดียนออกวิ่งอีกครั้ง
“เข็มทิศนั่นมันอะไรอ่ะ” ไดแอซสวมวิญญาณเด็กน้อยขี้สงสัยเริ่มตั้งคำถาม “เข็มทิศเวท พวกเราจะอัญเชิญภูตตามแต่สายธาตุมาสถิตอยู่ในนั้น เป็นทั้งผู้ช่วยบอกทาง เพื่อนคุย สารพัดล่ะ” เวสอธิบาย “ท่านไม่มี เหรอ” เด็กหนุ่มยังคงถามคนข้างหลังต่อ “มีเหมือนกัน แต่ของข้าภูตมันขี้อาย” เวสทำท่าปลงตก
“แล้วเราจะไม่หยุดพักกันหน่อยเหรอ” เด็กหนุ่มถามเมื่อพวกเขาเลี่ยงจุดพักจุดที่ 20 ไป “พักอะไร ใครบอกว่าจะพัก” มาร์คัสอุตส่าห์หูดีได้ยินเข้า “ขืนพักก็ไม่ทัน ง่วงก็นั่งหลับไปได้เลย ถ้าตกข้าค่อยไปตามเก็บเอา”เด็กหนุ่มทำหน้าจ๋อยไปเล็กน้อย ก็เขาอยากเดินดูนี่นาว่าจุดพักมันเป็นยังไงมั่ง แต่ก็ทำได้แค่แอบบ่นอยู่ในใจ
“เราจะถึงเมื่อไรละ” คราวนี้เป็นเวสที่หันไปถามมาร์คัส “ข้าว่าคงหัวรุ่ง” มาร์คัสคาดการณ์ ไดแอซเงยมองพระจันทร์บนฟ้าที่บัดนี้เริ่มค่อนไปทางทิศตะวันตก “อีกไม่นานแล้ว” เวสกระซิบข้างหูเขา “เบิกตาเข้าหน่อยเดี๋ยวร่วงไปจริงข้าคว้าไม่อยู่จะซวยเอานา ขี้เกียจไปตามเก็บซาก”
**********************
หลังการเดินทางสุดทรหดบนหลังออบซิเดียนเป็นเวลาหนึ่งคืนเต็มๆ ไม่มีพักไม่มีหยุดที่ไหนพวกเขาก็เข้าเขตชานเมืองในที่สุด ตัวเมืองปรากฏขึ้นแก่สายตาของพวกเขาพร้อมๆกับพระอาทิตย์ที่เพิ่งโคจรขึ้นเหนือฟากฟ้าฉายแสงสีทอง เสียงไก่ขันรับอรุณดังแว่วมาเป็นระยะ ซามานน่านครแห่งภูมิปัญญากำลังตื่นจากการหลับใหล
“ถึงซะที” มาร์คัสยิ้มด้วยท่าทางโล่งใจ ขณะที่เวสเองต้องคอยจับเด็กหนุ่มที่ตอนนี้โงนเงนๆ เอียงซ้ายเอียงขวาไม่ให้ร่วงลงไปจากหลังออบซิเดียนเสียให้ได้ เมื่อล่วงเข้าสู่ตัวเมือง โคมไฟตามถนนค่อยๆดับลงทีละดวง ระฆังจากหอคอยสูงในวิทยาลัยดังเหง่งหง่างสะท้อนก้องด้วยอำนาจเวท ร้านค้าต่างๆเริ่มเปิดทำการ สัญญาณแห่งชีวิตของซามานน่าเริ่มขึ้นแล้ว
หน้าวิทยาลัยมีสวนสาธารณะกว้าง แล้วไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีคนเต็มไปหมดส่วนมากเป็นพวกจอมเวทจากสารพัดถิ่นที่ถูกเรียกตัวเข้ามาแบบเร่งด่วน พวกเขาลงจากพาหนะ เวสกระซิบสั่งสองสามคำก่อนที่พวกออบซิเดียนจะวิ่งตรงไปคอกสัตว์อย่างรู้งาน มาร์คัสสอบถามรายละเอียดและสถานที่จากคนรู้จักแล้วพาเวสและไดแอซเดินไปยังตึกใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหน้าทันที
อันที่จริงไม่ต้องถามใครก็เดาได้อยู่แล้วเพราะตึกที่มีคนอย่างกับมดในยามเช้าตรู่แบบนี้มีไม่มากนักหรอก ภาพแถวยาวเหยียดล้นออกมานอกอาคารของผู้ใช้เวทที่แห่กันมาลงทะเบียนทำให้มาร์คัสอยากจะเป็นลมสักสามสี่ตลบ ทั้งเขาทั้งเวสจึงรีบเดินไปต่อท้ายแถวเพื่อไม่ให้มันยาวไปมากกว่านี้
“ง่วงอ่ะ”
“อย่าหลับแถวนี้นะเว้ย”
“หนังตาข้าจะปิดอยู่ร่อมร่อแล้ว” เด็กหนุ่มอุทธรณ์ ตอนนี้เขาไม่สนอะไรทั้งนั้นเพราะเพลียเสียจนแทบจะหลับทั้งยืนได้อยู่แล้ว “เอาน่า ทนหน่อยแล้วกัน ลงทะเบียนเสร็จข้าจะรีบหาที่พักอย่างด่วนเลย” เวสหันมาบอก
มาร์คัสกับเวสใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะได้ลงทะเบียน เมื่อกลับออกมาก็ได้พบไดแอซที่มีสภาพเครื่องดับ ภาระจึงตกเป็นของมาร์คัสที่ต้องกึ่งลากกึ่งพยุงเด็กหนุ่มตามเวสไปหาที่พัก
พวกเขาได้โรงแรมค่อนข้างสบายแถมยังอยู่ติดกับวิทยาลัย หลังแบ่งห้องซึ่งมาร์คัสกับเวสจับไม้สั้นไม้ยาวกันว่าใครจะอยู่ห้องเดียวกับไดแอซ ผลปรากฏว่ามาร์คัสจับได้ไม้สั้นชายหนุ่มจึงต้องอยู่ห้องเดียวกับคนที่ตอนนี้ไร้สติสุดๆ “ไปนอนซะไป” เขาหันไปบอก เจ้าตัวเดินโซเซชนเก้าอี้ทีชนโต๊ะที มาร์คัสกับเวสแอบลุ้นว่ามันจะเดินไปถูกทางรึเปล่า แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ไปถึงเตียงจนได้
มาร์คัสดึงผ้าห่มมาคลุมให้เด็กหนุ่มที่หลับเป็นตายแล้วเดินไปนั่งจิบชากับเวสที่ห้องข้างๆ “ข้าว่ามันแปลกๆอยู่นา การทดสอบความสามารถครั้งนี้” เวสอดสงสัยไม่ได้ “เรียกคนมาตั้งมากมาย จะกลายเป็นงานรวมญาติละไม่ว่า” ชายหนุ่มหันไปมองหอคอยสีขาวสะอาดอันเป็นที่อยู่ของเหล่าคณาจารย์ตั้งตระหง่านอยู่นอกหน้าต่างห้อง “มานี่แล้วก็คิดถึงสมัยยังเป็นนักเรียน”
“ข้ายังจำได้สมัยที่พวกเราอยู่ปีสุดท้ายน่ะ รู้สึกว่าเจ้ากับจาห์มีจะแกล้งป่วยการเมืองนอนตีพุงอยู่ในหอ พวกผู้เฒ่ารู้ทันเลยบุกมาลากตัวพวกเจ้าไปเรียนแถมยังสั่งให้คัดลายมืออีกคนละพันหน้า กวาดคอกสัตว์อีกหนึ่งอาทิตย์” มาร์คัสรำลึกความหลังด้วยการขุดวีรกรรมของเพื่อนออกมายำ
“ช่าย สยองชะมัดเลยล่ะ ข้ากับจาห์มีกำลังนอนกินขนมที่จิ๊กมาอยู่ดีๆ ท่านรารัสโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้เสกเวทตู้มใส่ เจ้าจาห์มีเกรียมไปเลย ส่วนข้าหลบทัน ถึงอย่างนั้นก็เถอะยังซวยจ๊ะเอ๋ท่านวาริด เกือบโดนถีบออกนอกหน้าต่างหอแน่ะ” เวสพูดถึงวีรกรรมของตนกับเพื่อนที่ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มท่าทางเรียบร้อยอย่างน่าตาเฉย “ใครมาได้ยินเข้าคงไม่เชื่อแหงเลย จาห์มีเนี่ยล่ะตัวแสบนัก” มาร์คัสหัวเราะ เวสรับคำอย่างเห็นด้วย
กว่าไดแอซจะตื่นอีกที พระอาทิตย์ก็เริ่มเอียงไปทางตะวันตกแล้ว เขาพบมาร์คัสกับเวสนั่งคุยกันอย่างสบายอกสบายใจ “อ้าว ตื่นพอดีเลย ข้ากับเวสกำลังจะออกไปเดินเล่น เจ้าจะไปด้วยไหมล่ะ” มาร์คัสหันไปถาม เด็กหนุ่มรีบล้างหน้าล้างตาแล้วตามออกมาสมทบ
พวกเขาแวะเวียนเข้าไปในตรอกแคบๆซึ่งจัดเป็นแหล่งขายอุปกรณ์เวท มีทั้งร้านขายตำราแบบเดียวกับที่มาร์คัสเอามาให้เขาอ่านเป๊ะ ซึ่งเป็นร้านเดียวที่ไดแอซไม่คิดจะก้าวเท้าเข้าไป ร้านขายของพวกเข็มทิศเวท อุปกรณ์ชั่ง ตวง วัด รวมไปถึงหนังสัตว์ และยังมีร้านที่ขายวัตถุดิบแปลกๆส่งกลิ่นฉุนเตะจมูก หน้าร้านห้อยเขี้ยวตัวอะไรไม่รู้แต่ใหญ่พอๆกับโคนไอศกรีมเต็มไปหมด
พวกเขาใช้เวลาอยู่พักใหญ่ในการเดินดูข้าวของตามร้านต่างๆ สำหรับคนที่ออกอาการประหลาดใจอย่างโอเว่อร์ก็หนีไม่พ้นไดแอซ เด็กหนุ่มมองดูอุปกรณ์เวทหลายๆด้วยความสนใจชนิดจ้องตาแทบไม่กระพริบจนมาร์คัสต้องลากตัวออกจากร้านให้เดินต่อ
“เฮ้ย” ไดแอซร้องอย่างตกใจเมื่อมาร์คัสลากตัวเขาจากแผงลอยไปหาเวสซึ่งหยุดยืนพิจารณาผลไม้รูปร่างกลมดิกใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อย สีแดงสดอยู่
“แกลเบอรี่ สองเซล 30 เหรียญเงิน” คนขายบอกกับชายหนุ่ม “แน่ใจว่าหวาน” คนขายต่ออีก “ป้าข้าเอาสามเซล 60 เหรียญเงินได้ไหม” คำพูดทำเอาทั้งป้าคนขาย ทั้งมาคัสและเวสอดหันไปมองคนพูดไม่ได้ มันต่อราคาหรืออะไรวะเนี่ย
มาร์คัสรู้สึกคุ้นๆกับคำพูดและท่าทางของชายหนุ่มที่มีความสามารถต่อราคาได้กินใจคนฟังมากๆ “มอเดรส” เขาเรียกเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น “อ้าวมาร์คัส เจ้าเองหรือ” มอเดรสจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา “อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นสิ” ชายหนุ่มว่า
“ข้ามาซามานน่าตามหมายเรียกตัว” มาร์คัสบอกหลังช่วยอีกฝ่ายซื้อของด้วยราคาและปริมาณที่ถูกต้อง “เจ้านี่ก็เซ่อซะจริง นั่นเรียกว่าต่อราคารึไง“ ชายหนุ่มบ่น
“เอ้อ
.ก็ข้า”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวไปหน่อยเลย ตอนอยู่ฟอนเทนเบิร์กข้าสอนแล้วสอนอีกเจ้าก็ไม่ระวัง”
มาร์คัสเริ่มทับถมอีกฝ่าย ก็มอเดรสชอบซื้อของแบบไม่ดูราคา พอจะต่อราคาก็ไพล่ไปเพิ่มให้ราคาสูงเกินจริง แบบนี้มันน่าปวดหัวอยู่ใช่น้อยซะเมื่อไหร่ ภาวะการเงินของชายหนุ่มเลยตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ต้องพึ่งพิงชาวบ้านเขาจนถึงปัจจุบัน
“นั่นใครหรือ” มอเดรสถามหลังทักทายเวสเสร็จ “ข้าชื่อไดแอซ” เด็กหนุ่มแนะนำตัว “ท่านมอเดรสใช่ไหม ข้าได้ยินมาร์คัสพูดถึงบ่อยๆ” มอเดรสพยักหน้าแทนคำตอบ เขาเป็นชายหนุ่มที่จัดว่าสูง ผมค่อนข้างยาวถูกรวบลวกๆไม่ให้เข้าหน้าเข้าตา ชุดที่ใส่ก็ดูเหมือนจะเป็นเครื่องแบบอะไรสักอย่าง “กัปตันอาเรสฝากไว้ ดูเหมือนว่าจะมาจากทวีปอื่น แถมยังเสียความทรงจำอีก” มาร์คัสกระซิบ มอเดรสไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรกับเด็กหนุ่มที่กำลังเริ่มกินแกลเบอรี่แต่อย่างใด ชายหนุ่มจึงหันไปคุยกับเวสต่ออย่างออกรส
พวกเขาเดินแทะแกลเบอรี่ไปคุยไปผ่านจตุรัสกลางเมือง ผ่านลานน้ำพุ ผ่านตลาด ผ่านสารพัดจะผ่านจนเย็นย่ำ จึงพากันเดินขาลากกลับมาวิทยาลัย “ข้าไปล่ะ” มอเดรสรีบบอกเมื่อเหลือบไปเห็นคนในชุดคลุมเหมือนเขาสองถึงสามคนเดินปรี่เข้ามาหา ชายหนุ่มเผ่นหายไปในสวนข้างๆด้วยความรวดเร็ว พวกเขาได้ยินเสียงบ่นแว่วๆจากคนที่พึ่งเดินมาถึง
“จริงๆเชียว เจ้ามอเดรสมันโดดงานอีกแล้ว ถ้าเจอตัวมันเมื่อไหร่ข้าจะเอาให้ตายเลยคอยดู”
“ไม่ทราบว่าชายเมื่อซักครู่ไปทางไหนหรือ” หนึ่งในนั้นถามเวส “ทางนั้น” เขาชี้ไปที่ทางเดินสู่สวนกว้าง ชายคนดังกล่าวค้อมศรีษะเป็นเชิงขอบคุณ แล้วรีบยกพวกวิ่งตามไปทันที “ญาติเจ้านี่ไม่ไหวเลย” เวสหันไปหามาร์คัส “ทำใจเถอะ มันชอบอู้ยังงี้ประจำ”
***********************
รุ่งเช้ามาร์คัสนึกขึ้นได้ว่าต้องพาไดแอซไปพบจอมปราชญ์คนใดคนหนึ่งให้ได้ จึงรีบลากไดแอซขึ้นมาจากเตียงโยนเข้าห้องน้ำแล้วพาเข้าวิทยาลัย เด็กหนุ่มมองดูตึกต่างๆประกอบคำอธิบายของมาร์คัส
วิทยาลัยแห่งซามานน่ามีอาณาเขตครอบคลุมเนินเขาเล็กๆทางด้านใต้ของเมืองเกือบหมด ทั้งยังมีกำแพงค่อนข้างสูงเอาการล้อมรอบ ภายในเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพรรณให้ความร่มรื่นปลูกเคียงไปกับตึกรูปทรงเก่าแก่สร้างด้วยอิฐสีแดงหลายสิบตึก ทางเดินหลายสายตัดไปมาค่อนข้างวกวนเล็กน้อย ตึกก็มีรูปลักษณะคล้ายกันด้วยถูกสร้างขึ้นในสมัยเดียวกัน หากไม่รู้จักทางดีพออาจหลงเอาง่ายๆ ใจกลางของวิทยาลัยเป็นที่ตั้งของหอคอยสีขาวล้อมรอบด้วยสระบัว หอคอยแห่งนี้เป็นที่พักของบรรดาจอมปราชญ์ทั้งหลาย
“ไดแอซ รีบเดินข้ามมาสิ” มาร์คัสหันไปเร่งเด็กหนุ่มซึ่งยืนแหลงคอตั้งบ่ากลางสะพานไม้ ดูเหมือนเขาพยายามจะนับว่าหอคอยนี้มีทั้งหมดกี่ชั้น ประตูบานใหญ่ของหอคอยสร้างขึ้นด้วยไม้ลงเวทพิเศษให้ปิด-เปิดตามเวลาและตามต้องการ
ภายในเป็นห้องโถงขนาดใหญ่เพดานที่ถูกยกขึ้นสูงประดับกระจกเล่นมุมให้สะท้อนแสงวิบวับ เราจะขึ้นไปชั้นไหน เด็กหนุ่มถาม
“ยอด”
“หา!! เดินขึ้นไป”
เด็กหนุ่มว่าแล้วเบนสายตาไปมองไปมองบันไดอย่างช้าๆ “แบบนี้ไม่เอานะ” มาร์คัสเขกหัวไดแอซเข้าโป๊กหนึ่ง “ใช้เวทช่วยสิฟะ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับที่บริเวณกลางห้องอักขระที่เรียงตัวกันเป็นวงกลมค่อยๆสว่างขึ้นมาทีละน้อยจนเต็มวง แสงสีขาวเจิดจ้าจนพวกเขาต้องหลับตานาทีต่อมาปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดดำกลาง วงแสงนั้น
เขาตั้งท่าจะเดินออกไปแต่มาร์คัสเรียกเอาไว้เสียก่อน “เดี๋ยวท่าน ข้างบนมีจอมปราชญ์คนไหนอยู่บ้าง” ผู้ใช้เวทส่ายศรีษะ “ออกไปเตรียมงานพรุ่งนี้ทั้งหมดเลย เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง” เขาบอก แต่ในหัวของมาร์คัสตอนนี้มีแต่คำว่า “จอมปราชญ์เป็นคนเตรียมงาน” ดังอยู่
“ตายหยังเขียดแน่เรา”
------------------------------------------
ช่วยแนะนำมาด้วยนะคะ หมู่นี้ไม่ค่อยมีเวลาว่างเอาซะเลย ยังไงก็ฝากด้วยค่ะ
ความคิดเห็น