ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค่ตามใจ... รักวุ่นวายของผู้ชายหัวตีฟ[yaoi]

    ลำดับตอนที่ #9 : 6th (Foo's view#2)

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 55


                    อีกเรื่องนึงที่ผมจะเล่าคือนอกจากหน้าหม้อลดลงแล้ว  มันก็อยู่ไม่สุขครับ  พอถึงวันที่ต้องเลือกชมรมมันก็เซอร์ไพรส์ผมด้วยการเขียนคำว่า “นิเทศศิลป์” ตัวเบ้อเริ่มลงไปในใบสมัครชมรม   อะไรวะ! ตอนแรกเตี๊ยมกันแล้วว่าจะลงชมรมวิชาการตามประสาคนขี้เกียจ (พวกวิชาการงานน้อยครับ  มีค่าเท่ากับคาบว่างเลยก็ว่าได้)  แล้วนี่อะไรนิทงนิเทศ  ทำละครทีเหนื่อยจะตายชัก

    “เอาเหอะหน่า...”

    เท่านั้นไม่พอ   มันยังเอาใบสมัครผมไปขีดฆ่า “ฟิสิกส์” ของผมทิ้ง  แล้วเขียนคำเดียวกับมันลงไป

    ไอ้ชั่วววววว  เผด็จการสัสๆๆๆๆๆ

    โว้ย แล้วทำไมผมต้องยอมมันด้วยวะครับ?  ยืนต่อแถวยื่นใบสมัครชมรมนิเทศมาเกือบยี่สิบนาทีก็ไม่มีวี่แววว่าแถวมันจะสั้นลง  มันไม่มีชมรมอื่นแล้วรึไง  อยากเข้าอะไรกันนักหนาวะ ก็แค่ได้ทำละครเวทีทุนหนาฉากอลังการ แถมมีบุคลากรอิมพอร์ตเป็นรุ่นพี่ไอดอลที่คนทั้งโรงเรียนและประชากรรอบรั้วเค้ารอดูกันปีละครั้ง  ไม่เห็นมันจะน่าสนใจ  ตรง.. ไหน...

    อ้อ  ผมรู้แล้ว

    “อ้าวฟู! ชลด้วย? มาสมัครนิเทศเหรอ” พี่กันย์ครับ  เดินหล่อมาแต่ไกล ใครไม่เห็นก็ถือว่าพลาดละ

    “ครับ  พี่กันย์ก็อยู่ชมรมนี้เหรอ”  ไอ้หล่อหมายเลขสองข้างๆผมตีหน้าเซ่อถามไปเนียนๆ

    ไอ้ตอแหล!!   ผมพนันสิบเอาหนึ่งว่ามันรู้อยู่แล้ว

    “อืม แถวยาวหน่อยนะ คนเยอะ  ปีนี้พี่ๆบอกว่าต้องคัดด้วย” เรียวปากสีสวยยกยิ้มให้ผมอย่างใจดี

    พอได้ยินคำว่า “คัด” เราทั้งคู่ต่างก็ตาลุกวาวด้วยเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน  ชลมันคงตื่นเต้นอะครับ  แต่ผมดีใจ

    รีบๆตัดกูตกเหอะ  กูจะกลับไปยื่นฟิสิกส์  ฮ่าๆๆๆๆ

     

    ชลได้สิทธ์พิเศษไม่ต้องสัมภาษณ์  เนื่องจากหน่วยก้านไปเข้าแก๊ปพี่สาว (เค้าให้เรียกแบบนั้น) ที่รับสมัครอยู่เข้าอย่างจัง  เลยได้โควต้าหน้าตาดีผ่านฉลุยไป  ส่วนผม ...เหอะๆ

    พี่กันย์เส้นให้ครับ !!

    ให้ตายเหอะ  ผมรู้ว่าพี่เป็นพี่ที่ใจดี น่ารัก แล้วก็รักน้องแบบสุดๆๆๆๆๆ

    แต่ผมอยากได้คาบว่างไปเตะบอลมากกว่าอะ !!

    โวยวายตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วครับ  ก็อีกคนเล่นออกอาการระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำ แถมยังขอบอกขอบใจพี่กันย์แทนผมซะ   โอย  เพลียว่ะ

    หลังจากนั้นในคาบชมรมผมกับชลก็แทบจะแยกขาดจากกันครับ  มันได้บทพระรองในละครเวที (ถือว่าออกตัวแรงมากสำหรับเด็ก ม. สี่) ส่วนผมอัปเปหิตัวเองมาอยู่หลังฉาก  เนื่องจากดูลักษณะงานทั้งชมรมแล้ว ก็จะมีแต่พวกเลื่อยๆ ตัดๆ ตอกตะปู ทาสีนี่แหละที่ผมพอจะทำเป็น  ที่เหลือ เอ่อ...  ไม่พูดดีกว่าครับ แหะๆ

    เช้าวันอังคารหลายสัปดาห์ถัดมามันโยนกระดาษเอสี่ปึกเบ้อเริ่มลงบนโต๊ะนักเรียนผม  ตัวหนังสือเป็นย่อหน้าแปลกๆดูไม่คุ้นตา  นอกจากนั้นยังมีปากกาไฮไลท์หลายสีขีดเป็นช่วงๆ วงกลม ลูกศรโยง แล้วก็สัญลักษณ์ประหลาดๆที่ดูแวบเดียวก็ตาพร่า

    “โพยไรวะ??”  ผมถามซื่อๆ  เพราะปกติชลมันมีวิธีจดย่อแปลกๆที่มนุษย์โลกอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะ

    “โพยห่านไรล่ะ  บทกู”  ไอ้หล่อว่าเสียงเซ็งๆขณะลากเก้าอี้ออกมาแล้วกระแทกตัวลงนั่ง   ผมทำตาโตขณะหยิบโพยนรกนั่นมาดูอย่างกล้าๆกลัว  แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าตัวอักษรที่ถูกเน้นมันเยอะโขอยู่

    “พระรองเชี่ยไรวะบทเยอะกว่าพระเอกกับนางเอกรวมกันอีก” ผมตั้งข้อสังเกตหลังจากเปิดผ่านๆดูจนเกือบหมดปึก

    “แม่งพูดมากมั้ง” ยกแขนขึ้นเท้าคางมองหน้าผมที่วางบทลงกับโต๊ะอย่างแหยงๆ “ฟู”

    “หืม”

    “หลังฉากเหนื่อยมั้ย”

    “ทำไม  มาเปลี่ยนเอาตอนนี้ไม่ทันละเว้ย” ผมยักคิ้วแหย่มัน

    “บ้าเหรอ  กูแค่คิดว่ากูพามึงมาลำบากรึเปล่า”

    “ไอ้สัสสสส  เพิ่งคิดได้เหรอ” โบกกบาลมันไปหนึ่งทีเต็ม ไม่นึกตอนลากกูไปล่ะไอ้เวร อยากจะเบิ้ลอีกซักรอบแต่เห็นสีหน้าสำนึกผิดของมันแล้วชะงักกึก

    “...” ดูมัน จ๋อยซะ

    “กูล้อเล่นนนนน  มันไม่ได้หนักขนาดนั้นหรอก คนเยอะอยู่ ช่วยๆกันพอไหว”

    “จริงนะ” ชลยังคงมองผมอย่างเคลือบแคลง  คนตาดุๆอย่างมันทำหน้าแบบนี้ก็ตลกดีนะ  ฮ่าๆๆ ผมเพิ่งสังเกต

    “เออดิ  พี่ๆใจดีมากๆด้วย  กูแฮปปี้ว่ะ  พูดจริง”

    ชลยิ้มอย่างโล่งอก  และผมเองก็เผลอยิ้มตามมันอย่างไม่รู้ตัว...

    “แล้วมึงอะ เป็นไง” ผมถามมันกลับบ้าง  เห็นจากบทปึกเบ้อเริ่มนั่นก็น่าจะหนักเอาการอยู่  ถึงความจำมันจะดี แต่เรื่องพื้นฐานการแสดงมันนี่ผมไม่แน่ใจ

    “หินสาสสส  ทุกอย่างใหม่หมดอะ”  นิ้วยาวแข็งแรงถูกยกขึ้นนวดขมับ “ถ้าไม่มีพี่กันย์กูตายห่าไปแล้ว”

    ผมยิ้มขำๆ ยกมือตบไหล่มันไปสองป้าบ  เค้ามีแต่ตบหัวแล้วลูบหลัง ผมเนี่ยแหละตบหัวแล้วตบหลังต่อ  ฮ่าๆๆๆ

    “ก็ยังดีน่า”

     

    ข่าวเรื่องละครดูจะปิดไม่มิด  พี่ๆน้องๆเล่นตามไปส่องกันถึงที่ซ้อม  และแน่นอนครับว่าพระรองของเรา (ใครบอกของคุณคนเดียวล่ะ ฮ่าๆๆ) ก็ดูจะแจ้งเกิดเร็วผิดปกติ

    จากเดิมสาวๆแค่ต่อแถว  พอถึงตอนนี้ผมแทบต้องแจกบัตรคิวครับ  ปวดหัวหนักเป็นทวีคูณเมื่อหลังๆมันแวบบ่อยชิบหาย

    “ฟู...~  ชลไปไหนอ่า...” เสียงหวานลากยาวมาจากเพื่อนสายศิลป์ซักคนที่ผมคุ้นหน้า  ก็ต้องคุ้นแหละครับ  แม่เจ้าประคุณเทียวไล้เทียวขื่อไอ้ชลอยู่นานละ  ติดอยู่แค่ว่าเจ้าตัวไม่ยักกะเล่นด้วยก็เท่านั้น

    “มันบอกมีซ้อมนะ บ่ายนี้” ผมบอกตามที่มันสั่งไว้

    “ไปหาที่ห้องชมรมแล้วไม่อยู่นี่” ปากอิ่มเคลือบสีชมพูหวานยู่ลงอย่างขัดใจ

    “งั้นเราก็ไม่รู้แล้วล่ะ” ตัดบทเพียงเท่านั้นก่อนจะเก็บของเร็วๆแล้วหิ้วกระเป๋านักเรียนออกจากห้องมา  ปล่อยให้สาวผมลอนยืนค้อนกับลมกับแล้งอยู่อย่างนั้น

    ปกติเรื่องปล่อยให้ผู้หญิงอารมณ์เสียนี่ไม่ใช่นิสัยผมหรอกนะ  แต่ตอนนี้มันชักจะมากไป

     มานั่งอารมณ์ขุ่นต่อบนรถเมล์ระหว่างทางกลับบ้าน  ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร  กะอีแค่เพื่อนสนิทไปซ้อมละครจนแทบไม่เห็นหน้าค่าตาถึงจะอยู่ห้องเดียวกัน  ก็มันเล่นซ้อมจนดึก ตื่นสาย มาโรงเรียนสาย ซ้อมตอนพักเที่ยง หลังเลิกเรียน วันหยุด  เรียกว่าเวลาว่างทั้งหมดของชีวิตมันที่เคยใช้กับผม(บ้าง)มันอุทิศให้ละครของมันหมดเลยครับ  ไอ้ผมตอนแรกก็ไม่เดือดร้อนหรอก  ผมเพื่อนเยอะ เอะอะพวกไอ้บอสไอ้มดไอ้เก้าก็ลากไปเตะบอล ดูหนัง เหล่หญิงตามประสา  แต่...  ไม่รู้สิ 

    มันเหงาแปลกๆ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×