คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 5th
ร่างขาวก้าวออกจากลิฟต์ ในมือมีถุงพลาสติกใส่ข้าวกล่องสองกล่องที่กะเอามากินกับไอ้เพื่อนตัวแสบที่มุดหัวอยู่ในห้องไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่รู้อะไรนักหนา อยากจะเข้าใจมันอยู่หรอก
แต่อย่างว่า คนอย่างเขามันไม่เคยถูกปฏิเสธ
เคาะประตูได้ไม่นานประตูห้องก็เปิดออกโดยเจ้าของสีหน้ามึนๆ ดวงตาลึกโหลและดูล่องลอย...ไม่เหมือนเพื่อนเขาซักนิด
ไม่มีคำทักทาย การพยักหน้าเพียงนิดเดียวก็หมายถึงการอนุญาต ร่างเล็กเบี่ยงตัวเข้าห้อง ก่อนจะจัดการเตรียมอาหารกลางวันบนโต๊ะอย่างถือวิสาสะ
“กูรู้ว่ามึงขี้เกียจล้าง แดกแม่งในกล่องนี่แหละ” พูดอย่างอารมณ์ดีขณะเดินไปหยิบช้อนส้อมมาให้ ฟูลอบมองเรียวปากหยักสวยที่ยกยิ้มขึ้นแวบหนึ่ง
แค่นั้นก็มากพอแล้ว
ข้าวกลางวันผ่านไปอย่างเงียบที่สุดเท่าที่มันจะสามารถเกิดขึ้นได้ และตามนิสัยถาวรอันเกือบจะเรียกเป็นสันดานของคนตัวเล็กกว่า มือขาวๆเคาะบุหรี่ออกมาจุดสูบหลังมื้ออาหาร
“ฟู ขอได้ปะ” ประโยคแรกที่ชลเอ่ยปากในวันนี้เป็นน้ำเสียงขอร้องอย่างที่อีกคนไม่เคยได้ยิน
นิ้วขาวๆเคาะอีกมวนออกจากซองส่งให้ แต่สิ่งที่ได้รับคือการส่ายหน้า
“ไม่ กูหมายถึง มึงน่ะ เลิกสูบได้มั้ย”
ปากอิ่มแย้มออกทั้งที่ยังคาบบุหรี่มวนหนึ่งอยู่ มือขาวคีบมันออกมาถือไว้ก่อนจะโต้กลับอย่างเจ็บแสบ
“มึงเป็นใครชล แม่กูขอกูยังไม่เลิกเลย” เลิกคิ้วกวนอารมณ์ก่อนจะพ่นควันขาวๆใส่หน้าหล่อๆของเจ้าของห้องที่ดูจะช็อกกับประโยคเมื่อครู่ เพียงครู่เดียวความช็อกที่ว่าก็ย้ายฝั่งมาเข้าสิงอีกคน เมื่อร่างเล็กกว่าอัดควันร้อนๆเข้าปอด แต่ไม่ทันไรมือใหญ่แข็งแรงข้างหนึ่งก็คว้าข้อมือที่นิ้วขาวๆกำลังคีบบุหรี่อยู่ มืออีกข้างล็อกท้ายทอยของคนที่ยังไม่ทันตั้งตัว และไวกว่าความคาดหมายใดๆ เรียวปากหยักได้รูปประกบเข้ากับปากอิ่มของอีกฝ่าย สูบเอาควันกรุ่นเมื่อครู่ไปจนหมด
สำลักกันไปทั้งคู่
หลังจากไอจนแทบหมดแรง หมัดลุ่นๆจากร่างเล็กที่ตั้งตัวได้ก่อนก็ซัดเปรี้ยงเข้าให้ที่ใบหน้าไอ้คนที่เล่นพิเรนทร์เมื่อครู่ ชลยืนนิ่ง ไม่ได้ปัดป้องทั้งที่ทำได้ ตาคมลอบมองใบหน้าขาวที่กลายเป็นสีแดงจัด ไม่รู้เพราะการสำลักเมื่อครู่ หรือเพราะความโกรธที่พุ่งสูงจนปรอทแทบแตก
“ไอ้สัด กูก็เป็นห่วงกลัวแม่งจะอดตาย แล้วนี่มึงทำเหี้ยไรเนี่ย คิดถึงพี่กันย์แล้วมาทำกับกูแบบเนี้ยนะ มึงมันเหี้ยมากรู้ตัวปะ”
ปังง!!!
Foo’s view
ผมวิ่งลงบันไดหนีไฟมาด้วยไม่มีกะใจจะรอลิฟต์ เรื่องไอ้ชล เหอะ ไม่ต้องหวังครับมันไม่มาหรอก
เพราะปกติผมเองที่เป็นฝ่ายตามมันตลอด
หยุดวิ่งเมื่อถึงครึ่งทาง ชั้น 12
เพิ่งรู้ตัวว่าหายใจลำบากกว่าครั้งก่อนที่วิ่งลงมาด้วยกัน เพราะตอนนี้ผมไม่ได้แค่หอบ
...ผมกำลังสะอื้น...
แข้งขาทรุดลงอย่างหมดแรง ปล่อยน้ำตาไหลโดยที่ไม่คิดจะกลั้นหรือแม้แต่ปาดมันออกให้พ้นทาง
มันจะรู้สึกอะไรหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมเจ็บ
ปีครึ่งที่เป็นเพื่อนห่างๆของมัน กับอีกเกือบครึ่งปีที่เป็นเพื่อนสนิท คุณอาจจะคิดว่ามันเร็วเกินไป แต่จริงๆมันไม่เร็วเลยสำหรับผม ทุกอย่างมันช้าเกินไปด้วยซ้ำ
เกือบปีที่ผมรู้ว่ามันแอบชอบรุ่นพี่คนนึง ตกใจเหมือนกันว่าที่แทนที่จะเป็นรุ่นพี่สวยๆหุ่นเป๊ะๆอย่างที่ผมเล็งไว้ กลายเป็นรุ่นพี่รูปหล่อ ตัวเล็กๆคนนั้นไปได้
ผู้ชายหน้าหล่อ พ่อรวย แถมยังเรียนโคตรเก่งอย่างชล วันๆผู้หญิงแทบจะต่อแถวเข้ามาให้มันเลือก แรกๆมันก็ดูมีความสุขดีกับการเหล่คนนู้นที หยอกคนนั้นทีตามประสาผู้ชายรักสนุก แต่หลังจากวันนั้น ชลก็ไม่เหมือนเดิมอีก
ผมกับมัน (ซึ่งตอนนั้นยังไม่สนิทกันมาก) ถูกหัวหน้าห้องจอมเผด็จการใช้ให้ไปยกหนังสือจากห้องชมรมวารสาร ซึ่งเด็ก ม.4 เพิ่งเข้าใหม่อย่างผมสองคนเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อห้องเป็นครั้งแรก
“มันมีห้องนี้อยู่ในโรงเรียนด้วยเหรอวะ” ผมเดินเกาหัวอย่างอารมณ์เสีย หลังจากวนมาเจอตึกเก่าๆโทรมๆนี้มาเป็นรอบที่สาม
“มีดิ ก็เห็นไอ้ต่อมันบอกว่าอยู่ชั้นสองตึกสอง”
“แล้วตึกสองมันอยู่ไหนนนน” ผมชักยั้วะ เหนื่อยครับ ร้อนด้วย หิวนิดๆอีกต่างหาก แล้วมาใช้งานผมตอนพักครึ่งของช่วงบ่ายเนี่ย เสียเวลานอนมากๆ
“เห้ยเดี๋ยว! นั่นพี่สายเราปะวะ??” ไอ้คนตาไวข้างๆผมเหลือบไปเห็นรุ่นพี่คนนึงหอบเอกสารปึกเบ้อเริ่มก้าวเร็วๆผ่านหน้าไป เออ คุ้นๆเหมือนจะใช่ครับ แต่ไม่แน่ใจ พี่ๆผู้ชายผมไม่ค่อยได้จำ
ไม่ใช่ไม่รักนะ แค่ใส่ใจน้อยนิดนึง
“ฟู มึงเรียกดิ พี่เค้าชื่ออะไรนะ” ชลเขย่าขายาวๆของมันด้วยอาการลน เมื่อที่พึ่งหนึ่งเดียวสาวเท้าไกลออกไปเรื่อยๆ
“โอ่ยยยย” แล้วมึงมาถามกูเนี่ยย ความจำกูดีมากเลยนะสาดดดด ว่าแต่ก็คลับคล้ายคลับคลา เหมือนจะนึกออก พี่..
“พี่กะ.. พี่กุน? ไม่ พี่กันย์!! พี่กันย์ครับ”
รุ่นพี่ที่ถูกเรียกหันมาทำหน้าเหรอหรา ฮ่าๆ แสดงว่าผมเรียกถูกใช่มั้ยครับ
“อ้าว น้องสายนี่” พี่คนเดิมหันมายิ้ม ยกเอกสารปึกเท่าบ้านขึ้นบังแดดจ้ายามบ่ายที่แยงตาเรายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด “มีอะไรครับ”
ไม่รู้เพราะรอยยิ้มใจดีของของพี่รึเปล่าที่ทำให้ผมเห็นว่าพี่กันย์เป็นคนน่ารักเอามากๆ ตาสีน้ำตาลใส จมูกรั้นๆกับปากสีชมพูส้มที่สาบานได้ว่าไม่เหมือนสีลิปสติกแบรนด์ไหนที่ผมเคยเห็น
หล่อว่ะครับ อิจฉา
“พี่กันย์ครับ ห้องวารสารมันอยู่ตรงไหน คือผมกับเพื่อนจะไปเอาหนังสือแต่ แบบ หลงอะ แหะๆ”
“อ๋ออ..” ตาสีน้ำตาลคู่นั้นกระพริบปริบๆ “นี่ๆ น้องเห็นจามจุรีต้นนั้นมั้ย เดินตรงไปนะ ไปเรื่อยๆแล้วมันก็จะเจอสนาม สนามที่มีน้ำพุน่ะนะ แล้วก็เดินไปอีกจนสุดมุม เลี้ยวซ้าย แล้วก็เดินตรงไป เห็นสนามวอลเล่มั้ย เลยสนามวอลเล่ไปอีก เดินไปจนสุดตรงที่เป็นสวนหินข้างๆนั่นอะแล้วก็เลี้ยวซ้าย น้องขึ้นตึกไปเลย บันไดซ้ายนะ ข้างขวาห้ามขึ้น พอขึ้นบันไดแล้ว เอ่อ.. พี่พาไปดีกว่า” พี่กันย์ตัดบทขำๆกับอาการเอ๋อบริโภคของเด็กสองคนที่ยืนอ้าปากหวอฟังคำบอกทางที่ต่อให้ฟังซ้ำอีกทีก็คงจำไม่ได้ เรายกมือไหว้ขอบคุณพี่กันย์แล้วเดินตามอย่างว่าง่าย
ถึงห้องวารสารก็เล่นเอาหืดจับ
“ไงกันย์ เอารายชื่อน้องมาส่งเหรอ” พี่ธุรการในชุดฟอร์มเอ่ยถามขึ้นอย่างสนิทสนม
“เปล่าครับ เอาน้องมาส่ง” ตาสวยคู่นั้นเหลือบมองมาทางผม “รับวารสารรายปีกับเอกสารประชาสัมพันธ์เรื่องเลือกตั้งประธานนักเรียนครับ”
เป๊ะครับ ชื่อหนังสือที่ผมกับชลจำได้คนละครึ่ง กับเอกสารอีกอย่างที่เราสองคนลืมไปสนิท
“แล้วในมือนั่น..”
“อ๋อ อันนี้ส่งอาจารย์บัณฑิตครับ”
“อ้าว งั้นรีบไปๆเดี๋ยวหมดพัก” พี่ธุรการโบกไม้โบกมือไล่พี่กันย์ยกใหญ่ พลางชี้มือมายังหนังสือสีสวยกองโตข้างตู้กับเอกสารโรเนียวกระดาษขาวอีกปึกหนึ่ง “ของไอ้หนูกองนี้ลูก”
พี่กันย์หันมาโบกมือลาพวกผมก่อนจะหมุนตัววิ่งฉิวออกจากห้องไป ผมมารู้ที่หลังว่าจุดหมายพี่กันย์ในตอนแรกคือห้องพักครูตึกที่อยู่อีกฟากของโรงเรียน อาจารย์บัณฑิตที่พูดถึงนั่นก็โหดอันดับต้นๆของโลก (ผมเว่อร์ครับ เอาเป็นว่าโหดมากจนพี่ ม.6 แก่พรรษายังไม่กล้าแหยมละกัน) ผมนึกขอบคุณพี่กันย์มากขึ้นอีกเป็นสองสามเท่าหลังจากที่รู้
สงสัยอะไรเหรอครับ อ๋อ ผมคงลืมเล่าสินะว่าไอ้ชลมันมองพี่กันย์จนลับสายตา ไม่แปลกหรอกที่จะลืม ตอนนั้นผมแทบไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่ว่ามันปล่อยผมก้มหยิบวารสารตั้งนั้นอยู่คนเดียว ปวดหลังจะแย่
หลังจากนั้นระดับความหน้าหม้อของมันลดลงเป็นสิบเท่าเลยครับ กิริยาหมาจิ้งจอกหยอกไก่ประจำตัวมันก็แทบไม่มีให้เห็นแล้ว สาวๆตัดพ้อกันยกใหญ่ว่าเดี๋ยวนี้ชลหยิ่ง อันที่จริงก็ไม่หรอกครับ มันก็ยังพูดคุยตามปกติ ยังยิ้มแย้มให้ชาวบ้านร้านตลาดตามนิสัยมัน แต่สายตากรุ้มกริ่มตามปกตินั้นมันหายไป
ตอนนั้นผมยังไม่รู้ ว่าดวงตาคู่นั้นมันสอดส่องหาใครคนหนึ่งอยู่ตลอดเวลา
ความคิดเห็น