คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 3 ( ความรู้สึก )
พอเจ้าตัวขี้โวยวายมาถึงห้องตัวเองก็รีบเปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อใส่ยกใหญ่ยังไม่พอนางถอดเสื้อที่เปียกอยู่โยนเคว้งคว้างอยู่กลางเตียงอีกตั้งหาก ไอเราที่นั่งอยู่ขอบมุมเตียงด้วยความเจียมตัวก็ได้แต่หันหลังให้คิปเปอร์เพราะไม่อยากเห็นหุ่นอันล่ำสันของเขา เขามี 6 แพคด้วยอะ แอ้ย! คือฉันไม่ชอบของพวกนี้เลยเห็นแล้วทำตัวไม่ถูก >///<
“นี่ฉันไม่มีเสื้อผ้าใส่เลยหรอเนี่ย” ฉันแอบหันไปดูนิดหน่อย เดี๋ยวปิดประตูเสื้อผ้ากระแทกหน้าเลย เสื้อผ้าเรียงกันเป็นตับห่านขนาดนั้นบอกไม่มีเสื้อผ้าใส่ นิสัยผู้หญิงจริงๆเลย
“หยิบๆมาสักตัวเถอะหนะ ไอเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนมุมๆนั้นก็ได้” ฉันพูดปัดๆพรางชี้ให้เขาดู
“ตัวไหน”
“นั่นไง ไม่เห็นอ๋อ ตาหรือเม็ดงาเนี่ย!” ฉันแทบจะวิ่งไปจับหัวเขามุดกับตู้เสื้อผ้าด้วยความหงุดหงิด
“ฉันไม่ได้มีเสื้อสีฟ้าตัวเดียวนะยายโง่” คำก็โง่สองคำก็โง่ ไปคบกับเซอร์ไอแซค นิวตันสิ จะได้พอใจ -*-
“ก็ตัวนี้ยังไงเล่า!” ฉันลุกจากเตียงแล้วเดินตรงดิ่งไปยังตู้เสื้อผ้าไม่ลืมที่จะผลักเขาออกไปไกลๆก่อนจะพยายามหยิบเสื้อตัวที่ฉันว่าออกมา แต่มันสูงจังแฮะตู้เสื้อผ้านายนี่ (-.-”) คือมันก็ไม่สูงมากหรอกแต่ฉันจับตัวไม้แขวนเสื้อไม่ถึงอ๊า!
“ตู้เสื้อผ้ามันขนาดมาตรฐานเลยนะนั่น - -” คิปเปอร์ที่ยืนมองอยู่ข้างหลังพูดขึ้น
“มันติดตั้งหากเล่า” แหลอย่างด้านๆ
“มานี่ฉันหยิบเอง”
“ไม่ต้อง... -///-” ถึงกับหยุดทุกการเคลื่อนไหวเมื่อคิปเปอร์เดินมาเสียบด้านหลังฉันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเสื้อตัวที่ฉันจับอยู่ แผ่นอกของเขามันแนบกับหลังของฉันอะ อยากจะร้องไห้เป็นสายเลือด ทำอะไรเกรงใจหัวจิตหัวใจฉันหน่อยไม่หรือไง!
“เธอนี่มันเตี้ยจริงๆ ปากฉันแทบจะเลยหัวเธออยู่แล้วเนี่ย 555”
“มาตราฐานหญิงไทยโว้ย!” ฉันเผลอหมุนตัวกลับไปพร้อมคำแก้ตัวอันมีเหตุผลของฉัน ถึงกับยืนนิ่งถึงจุดเยือกแข็งเมื่อพอฉันหันไปแก้มฉันก็ตวัดไปโดนปากคิปเปอร์อย่างไม่ได้ตั้งใจ อ๊างงงง =///O///=
“นี่เธอหันมาให้ฉันหอมเลยหรอเนี่ย”
“(=///^////=)” อยากจะคาบอมตัวเอง ณ ตรงนี้ ฉันยืนจับแก้มตัวเองไม่พูดอะไร จะเงยหน้าก็เขินจนไม่กล้าสบตาเขาจะก้มหน้าก็เจอ 6 แพคอันสุดแสนจะอันตรายต่อจิตใจฉัน ฉันทำตัวไม่ถูกกกก
“เงียบทำไม อยากโดนก็ไม่บอก” คิปเปอร์โยนเสื้อสีฟ้าที่เพิ่งจะหยิบได้เมื่อกี้ไปที่เตียงที่อยู่ด้านหลังก่อนจะหันกลับมาหาฉัน
“โดนบ้าอะไรของนาย!” ฉันผลักเขาออกแต่เขาก็ดึงตัวฉันกลับเข้าไปในอ้อมแขนของเขาจนตอนนี้ตัวฉันแนบสนิทกับแผ่นอกของเขา TOT
“จะว่าไปเธอก็น่ารักเหมือนกันนะอเบล ^^” คิปเปอร์ล๊อกแขนฉันแน่นพรางก้มหน้าลงมามองหน้าฉันด้วยสีหน้าเย้ายวน ไปหมดแล้ว ไปหมดแล้วสมองเสมิง สตงสติฉ้าน!!
“ใครๆก็ว่าฉันหน้าเหมือนไอเอเทน นายคงไม่พิศวาสมันหรอกใช่มั้ย T^T”
“อย่าทำให้ฉันหมดอารมได้มั้ยเนี่ย - -”
“นายสมควรทำ T^T” ฉันพยายามดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของคิปเปอร์
“นี่เธอเกลียดขี้หน้าฉันขนาดนั้นเลยหรอไง” คิปเปอร์ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
“คงงั้นมั้ง T^T”
“-*-” คิปเปอร์ค่อยๆปล่อยตัวฉันก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวสีฟ้าที่มันเพิ่งโยนไปที่เตียงมาใส่ราวกับว่าเมื่อไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
“ไปกันเถอะ” คิปเปอร์พูด
“หา?” เปลี่ยนอารมไวจังคุณ
“ฉันบอกว่าไปได้แล้ว”
“แล้วนายไม่เก็บเสื้อที่มันเปียกของนายหรอ” ฉันยืนมองอย่างงงๆ ถ้าเป็นพ่อฉันเห็นนะ ฉันโดนเอาหัวโขกกำแพงไปแล้วเนี่ย ครอบครัวนี้ชอบใช้กำลังวังชา
“เดี๋ยวคนใช้ที่บ้านก็มาเก็บเองแหละ”
“นายมีคนใช้ด้วยออ? O.o” อิจฉาจุง
“เลิกถามมากแล้วตามฉันมาเถอะหนา” คิปเปอร์ทำเสียงเข้มใส่ฉัน ฉันเลยรีบเดินตามเขาออกไปอย่างจำใจ อะไรกันเมื่อกี้ยังยียวนกวนประสาทฉันอยู่เลย จู่ก็ทำเป็นเข้มขึ้นมาซะงั้น ฉันรีบเดินตามคิปเปอร์ไปที่รถ เขาเดินไวมากแต่ก็พอจะสังเกตได้ว่าบ้านเงียบมากเหมือนไม่มีคนอยู่ในบ้านเลยแต่ก็เหมือนมีคนอยู่บ้าน เข้าใจกันมั้ยคะ - -”
“นายพาฉันกลับบ้านแล้วนายก็ไปงานต่อได้มั้ย” ฉันหันไปถามในขณะที่คิปเปอร์กำลังจะสตาร์ทรถ
“ใครว่าฉันจะไปที่งาน” คิปเปอร์พูดจบก็ออกตัวรถ เข็มขัดนิรภัยก็ไม่ได้รัดแล้วยังจะขับเร็วอีกนะ คิปเปอร์นายจะบ้าไปหรือไงกันเนี่ย!!
“นี่นายขับช้าๆหน่อยไม่ได้หรอ”
“…”
“ซีทเบลท์ก็ไม่ยอมรัด!”
“…”
“นี่นายฟังฉันบ้างมั้ยเนี่ย!”
“ถ้าไม่อยากตายช่วยอยู่เงียบๆได้มั้ย ฉันต้องการสมาธิขับรถ - -” ฉันถึงกับนั่งเงียบไม่พูดอะไรทั้งสิ้น มือก็กำเบาะแน่น ถนนเมืองไทยมันไม่ได้มีพื้นที่ว่างให้ซิ่งขนาดนั้นนะโว้ย TOT เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย ขับไวจนเข็มจะทะลุจอ
“นายเป็นอะไรหรือป่าวเนี่ยคิปเปอร์” ฉันกลั้นหายใจถามเขาอีกครั้ง
“ฉันดูป่วยหรอ - -”
“มะ ไม่ใช่ คือนายดูหงุดหงิด ฉันทำอะไรผิดบอกฉันได้นะ = =” ถึงฉันจะไม่รู้ว่าใครผิดแต่ฉันก็ไม่ชอบอะไรที่มันค้างคาแบบนี้นะ ฉันเกลียดบรรยากาศแบบนี้ที่สุด
“ทำไมเธอถึงเกลียดฉัน”
“นายโมโหฉันเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ”
“ตอบฉันมาเถอะหนะ!”
“ฉันป่าว!” อะไรของเขาเนี่ย เขายังคงเหยียบคันเร่งต่อไปทั้งๆที่รถก็แล่นเต็มถนนไปหมด นี่เขากำลังจะพาฉันไปไหนกันแน่เนี่ย
“ก็เธอพูดตอนอยู่ในห้อง”
“ฉันบอกว่า คงงั้นมั้ง ตั้งหาก” ทำไมเขาเจ้าคิดเจ้าแค้น คิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้นะ
“มันก็ไม่ได้ต่างจากคำว่าเกลียดหรอก”
“คิปเปอร์!!... TOT” ฉันจะอ้วกแล้วนะ เขาเหยียบคันเร่งเข้าไปอีก ดูท่าทางเขาจะอารมไม่ค่อยดีเอามากๆ ฉันทำผิดอะไร คำพูดฉันมันมีอิทธิพลขนาดนั้นเลยหรอไงกัน สักพักใหญ่รถก็ได้มาจอดลงที่สวนแห่งหนึ่งซึ่งมีทะเลสาบกว้างใหญ่มากๆ แถมไม่มีคนแล้วด้วย ก็นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วหนิ ฉันยังอยู่กับผู้ชายอยู่เลย ทำไมฉันใจแตกแบบนี้เนี่ย =^=
“นายพาฉันมาที่ไหนเนี่ย” ฉันที่นั่งตัวแข็งอยู่ในรถสักพักก็ถามเขาขึ้นมาพรางกวาดสายตาสำรวจพื้นที่อย่างสงสัย
“ฉันชอบมาที่นี่เวลาอยากอยู่คนเดียว” คิปเปอร์ดูสงบขึ้นเมื่อเขามาถึงที่นี่อย่างเห็นได้ชัด
“แล้วนายลากฉันมาด้วยทำไมกัน”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเกลียดฉันนัก” มันเคืองนานเว้ย =O=
“ทำไมนายถึงแคร์กับคำพูดของฉันนัก”
“ฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่ชอบเวลาเห็นเธอพูดว่าเกลียดฉันหรือทำหน้าไม่พอใจเวลาอยู่กับฉัน” คิปเปอร์ใช้นิ้วชี้เขี่ยพวงมาลัยเล่น
“นายเคยตัวมากกว่าเพราะคนรอบกายนายมีแต่คนเอาใจนายหละสิ”
“มันไม่ใช่แบบนั้น” คิปเปอร์หันมาจ้องหน้าฉัน ฉันไม่ชอบเวลาเขาจริงจังเลย ฉันทำอะไรไม่ถูกทุกที
“หรือว่านาย...”
“นั่นสิ หรือว่าฉันจะชอบเธอ - -”
“จะบ้าหรอ! ฉันกะว่าจะพูดเล่นสักหน่อย คนบ้าอะไรเจอกันวันเดียวจะชอบกันได้” แล้วดูท่าทางฉันก็ไม่ใช่สเป็คของคิปเปอร์ด้วยซ้ำ ไม่จริงหรอก = =
“แต่ฉันรู้เรื่องเธอมากเลยนะ เหมือนกับว่าฉันรู้จักเธอมานานมาก”
“เป็นเพราะไอเอเทนตั้งหากที่มันไปพล่ามเรื่องฉันกับพวกนายหนะ นี่ถ้ากะอีแค่เรื่องราวของฉันมันทำให้นายชอบฉันได้ ป่านนี้คนอื่นในกลุ่มไม่รักฉันไปด้วยแล้วหรอ” ฉันก็หวังให้ฮันเตอร์คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะ -..-
“เออนั่นดิ” คิปเปอร์ทำหน้าเห็นด้วย
“เห็นมั้ย มันไม่ใช่...”
“ฉันต้องไปถามพวกมันและว่าคิดอะไรกับเธอมั้ย เพราะฉันถ้าพวกมันคิดฉันจะจัดการพวกมันเรียงตัวเลย”
แว้กกก!! =[]= อะไรของนายเนี่ย ฉันจะพูดว่า เห็นมั้ย มันไม่ใช่รักหรอก ไหงมันคิดคนละอย่างกับฉันวะเนี่ย
“นี่นายชอบฉันจริงหรอคิปเปอร์?” ฉันถามอย่างตกใจสุดชีวิต บร๊ะเจ้า! มันเป็นไปไม่ได้หรอก พูดตามตรงนะ เขาทั้งฮอตและยอมรับเลยว่าเขามีเสน่ห์มาก และฉันก็ไม่ได้เกลียดไรเขามากมายฉันแค่ไม่ค่อยชอบหน้าเขา ไม่ชอบผู้ชายชอบมีเรื่องชกต่อยอะไรเทือกนั้น
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ฉันเลยพาเธอมาที่นี่ไง”
“แล้วทำไมต้องที่นี่”
“ฉันไม่เคยพาใครมาที่นี่ ฉัน... ไม่รู้สิ เธอเป็นคนแรกที่ฉันพาติดรถมานี่ด้วย” สีหน้าเขาดูสับสน “มันเป็นความรู้สึก” คำพูดของเขามันทำให้ฉันรู้สึกว่าตายแล้วเกิดใหม่ภายใน 3 วินาที
“ฉันว่านายเมาอะคิปเปอร์ นายพูดจาเลอะเทอะมากตอนนี้ ฉันกลับบ้านเองได้นะ = =” ฉันทำท่าจะเปิดประตูออกแต่เขาก็เอื้อมมือมาคว้ามือฉันไว้แทน มันถึงเนื้อถึงตัวอีกแล้ว!
“ขอร้องละ อยู่กับฉันสักพักเถอะ” คิปเปอร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนฉันต้องยอมทำตาม เขาแทบจะไม่มองหน้าฉันเลยตลอดเวลาที่เราหยุดสนทนากัน คิปเปอร์ได้แต่นั่งนิ่งมองออกไปนอกรถเหมือนคนกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย สีหน้าของเขาดูไร้อารมไร้ความรู้สึกเห็นแบบนั้นฉันก็อยากจะเอามือไปลูบหน้าเขาจัง ไม่ได้มีอารมหื่นแต่อย่างใด ฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ผ่านอะไรมาเยอะกว่าที่ฉันคิด เขาดูหน้าสงสารมาก ณ ตอนนี้ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ภายในหนึ่งวันในการอยู่ด้วยกันกับการรู้เรื่องราวของชีวิตคนๆนึงผ่านใครสักคนมันจะสามารถทำให้จิตใจคนเราหวั่นไหวได้ ทฤษฏีที่ฉันไม่สามารถให้คำตอบได้
ความคิดเห็น