คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - mouth to mouth -
บยอน แบคฮยอนตระหนักอยู่เสมอว่าผู้คนในเมืองดอร์ลานากว่าหกสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ไม่ต้องการให้เขาเกิดมา
มันเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เด็กหนุ่มคาดไปเอง
บางทีมันอาจจะเป็นเจ็ดสิบ แปดสิบห้าหรือเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์เลยก็ได้...ใครจะไปรู้
แบคฮยอนยังจำได้ดีถึงหัวข้อข่าวประจำวันที่ 6 มิถุนายน ซึ่งมันก็คือสิบเดือนที่แล้ว
เพียงแค่อักษรภาษาสวีเดนขนาดใหญ่ที่ถูกพาดไว้บนหนังสือพิมพ์แต่กลับดึงดูดความสนใจจากผู้คนกว่าค่อนสมอลันด์ได้
และเนื้อหาของข่าวนั้นก็คือจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขา
ถ้าจะให้เล่าโดยละเอียดก็อาจจะต้องใช้เวลานานและใช่ แบคฮยอนไม่อยากที่จะรำลึกถึงเหตุการณ์นั้นอีก
แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่จะเล่าเรื่องราวอย่างคร่าว ๆ ไม่ได้
ครอบครัวของเขา
พ่อ แม่ รวมทั้งพี่ชายถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในบ้าน ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นความโชคดีที่มีเขาเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว
ข่าวของครอบครัวเขากลายเป็นข่าวเขย่าขวัญที่สุดในรอบหลายปีเพราะหมู่บ้านที่เขาอยู่เป็นหมู่บ้านศิลปะอันเงียบสงบ
การตายของครอบครัวทำให้เขากลายเป็นเด็กกำพร้าและแน่นอนว่าเด็กไร้ญาติอย่างเขามีเพียงแค่สถานสงเคราะห์ที่เขาจะถูกส่งตัวไป
การใช้ชีวิตจากเมืองสมอลันด์สู่บ้านเด็กกำพร้าเป็นเรื่องที่ยากลำบากนักสำหรับแบคฮยอน
แต่เพียงแค่สิบสองวันเขาก็ถูกรับเลี้ยงจากผู้อุปการะคนหนึ่ง
เรื่องเอกสารถูกจัดการอย่างรวดเร็วโดยที่เด็กหนุ่มยังคงรู้สึกสับสนไม่น้อย
เขาสูญเสียครอบครัว
เขาได้อาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์และกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้งกับครอบครัวใหม่
แบคฮยอนรู้สึกว่าทุกอย่างมันรวดเร็วเสียจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
และกว่าจะรู้ตัวเขาก็มาถึงดอร์ลานาเสียแล้ว
“นี่”
เสียงเรียกและแรงสะกิดที่หัวไหล่หยุดการย้อนอดีตของแบคฮยอนรวมทั้งหยุดมือที่กำลังตวัดดินสอเป็นลายเส้นลงบนเฟรม
ดวงตาเรียวหันกลับไปมองเจ้าของเสียงก่อนจะพบว่าเป็นอีวา เด็กสาวลูกของหัวหน้าแม่บ้านที่เขาสนิทสนมด้วยในระดับหนึ่ง
เธออยู่ในชุดกระโปรงที่พลิ้วไหวตามแรงลม
เส้นผมสีทองและดวงตาสีเทาตามแบบฉบับคนสวีเดนทำให้เธอดูคล้ายตุ๊กตาเซรามิก
“คุณชายเรียกเธอแหน่ะ” สำเนียงสวีดิชเอ่ยบอกอย่างเนิบนาบ
อีวามักพูดช้า ๆ เสมอเพราะกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ แต่หารู้ไม่ว่าแบคฮยอนเก่งภาษาสวีเดนมากกว่าภาษาเกาหลีที่เป็นภาษาบ้านเกิดเสียอีก “อย่าช้าล่ะ รู้ ๆ กันอยู่ว่าเขาไม่ชอบรอนาน”
แบคฮยอนพยักหน้าเร็ว
ๆ เป็นการตอบรับก่อนจะเก็บอุปกรณ์วาดเขียน อีวาหยิบกล่องสีที่วางอยู่บนพื้นหญ้าขึ้นมาก่อนที่จะตีมือเรียวของเด็กหนุ่มแรง
ๆ เป็นการตำหนิ
“บอกว่าให้รีบไปไง ของพวกนี้เดี๋ยวฉันเก็บเองน่า”
แบคฮยอนยิ้มสดใสให้อีวาแทนการขอบคุณก่อนจะผละตัวออกไปจากมุมวาดรูปของตัวเองซึ่งเป็นมุมเล็ก
ๆ ในสวนหลังบ้าน ผืนหญ้านุ่ม ๆ ยามที่เท้าเปล่าได้สัมผัสทำให้แบคฮยอนรู้สึกดีเสมอ
การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาเคยกังวล กลับกัน มันดีเสียยิ่งกว่าที่จะจินตนาการได้เสียอีก
แม้ว่าจะมีคนถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ในดอร์ลานาที่ไม่ต้องการให้แบคฮยอนเกิดมา
แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงยิ้มได้ เพราะยังคงมีหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ทำให้รู้สึกว่าตนเองนั้นมีคุณค่า
ซึ่งก็คืออีวาและเขาคนนั้น คนที่ทุกคนเรียกว่าคุณชาย...
“มานี่”
เพียงแค่เปิดบานประตูเข้าไปเสียงทุ้มอันแสนคุ้นเคยก็เอ่ยสั่งอย่างที่เป็นมาโดยตลอด
ร่างเล็กปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะเดินไปยังตำแหน่งที่เขาต้องการให้ตนไป มันเป็นที่ที่แสนพิเศษเพราะมีแบคฮยอนเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ได้ครอบครอง
ณ ที่แห่งนี้
ที่ว่างบนเตียงฝั่งซ้าย
คือพื้นที่ที่คุณชายยกมันให้กับแบคฮยอน
“วาดรูปอยู่หรือ?” แบคฮยอนแทรกตัวเข้าสู่อ้อมแขนแกร่งก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ
คุณชายของเขาเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรสักอย่างที่เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดอย่างเขาไม่เข้าใจ
แต่แบคฮยอนรู้ว่าเป็นเพราะสิ่งนั้นจึงทำให้คุณชายมีอิทธิพลในดอร์ลานา
....รวมทั้งมีอิทธิพลต่อหัวใจดวงน้อยของตนเองด้วยเช่นกัน
“หิวหรือเปล่า?” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่สื่อสารกับเด็กหนุ่ม
แต่มือใหญ่ที่ลูบอยู่ตรงเอวนั้นก็ดูคล้ายว่าต้องการที่จะสื่อสารกับเขาด้วย
มันลูบผ่านเอวบาง ไล้วนอยู่ตรงแผ่นหลัง และเพียงแค่กะพริบตาสัมผัสอุ่นก็เข้ามาในเสื้อเสียแล้ว
แบคฮยอนส่ายหัวตอบคำถามนั้นก่อนจะช้อนตาเรียวสบเข้ากับดวงตาคมของคนตรงหน้า
และเป็นตอนนั้นเองที่ชานยอล
พาร์ค ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป
ร่างสูงโปร่งจับเด็กหนุ่มให้นอนราบไปกับผืนเตียงแล้วคร่อมร่างบางเอาไว้
ชานยอลรู้ดีว่าเขาเป็นพวกความอดทนต่ำแต่ความเอาแต่ใจสูง
เขาประทับจูบลงไปที่ริมฝีปากเล็กหนัก ๆ จนแบคฮยอนต้องใช้มือผลักอกแกร่งให้ออกจากกาย
แต่มีหรือที่แรงของเด็กหนุ่มวัยกระเตาะจะสู้กับร่างสูงที่เป็นหนุ่มเต็มตัวได้
สิ่งที่ตามมาหลังจากริมฝีปากของทั้งสองผละออกจากกันก็คือเสียงหอบหายใจของคนตัวเล็ก
คุณชายยิ้มมุมปาก เขาพอใจเสมอตรงที่แบคฮยอนไม่เคยร้องขัดขืนหรือเอะอะโวยวายให้เขาเกิดความรำคาญ
แน่ล่ะ
เพราะแบคฮยอนพูดไม่ได้
ข่าวลือมักถูกสร้างขึ้นโดยคนที่เกลียดชัง ถูกส่งต่อโดยคนไร้ความคิด
และถูกเชื่อโดยคนหูเบา แบคฮยอนรู้สึกชื่นชมผู้ที่คิดคำกล่าวนี้ขึ้นมาเหลือเกิน
เด็กหนุ่มคิดว่าชาวดอร์ลานาเกลียดเขาก็เพราะข่าวลือ
เขาแค่เป็นเด็กกำพร้าและเป็นใบ้ แต่การที่จะมีคนดูถูกเขาจนนำไปสร้างเรื่องเลวทรามเสริมให้เขาดูเป็นคนร้ายกาจมันก็เกินกว่าที่เด็กหนุ่มจะไปห้ามใครได้
เขาไม่ได้เป็นตัวซวยที่ทำให้ครอบครัวต้องตายตามที่ชาวดอร์ลานาเชื่อและเขาก็ไม่ใช่เด็กที่มีความผิดปกติทางจิตที่จะฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง
แต่ไม่ว่าผู้คนจะเกลียดเขามากแค่ไหนก็ตาม ถึงกระนั้น ชานยอล
พาร์ค ก็ยังคงเป็นผู้ที่เชื่อใจและเอ็นดูเขาเสมอ
“ทำหน้าแบบนั้นอยากได้อะไรหรือเด็กน้อย?” ข้อมือทั้งสองถูกคนเอาแต่ใจนำไปคล้องไว้ที่คอแกร่ง
ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้ตอบคำถาม เสียงทุ้มก็เอ่ยออกมาเสียก่อน “ของขวัญใช่ไหม ฉันมีให้นายอยู่แล้วล่ะ”
ชานยอลรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของบยอน แบคฮยอน
มันเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มประทับใจในร่างสูงเหลือเกิน
กล่องของขวัญที่อยู่ตรงข้างเตียงดึงความสนใจให้แบคฮยอนเบนสายตาออกจากใบหน้าคม แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีดวงตาเรียวก็กลับมาสบเข้ากับคุณชายอีกครั้ง
“อย่าเพิ่งสนใจของขวัญตอนนี้”
“…”
“เพราะนายต้องสนใจฉันมากกว่า”
การจูบเกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนของคนตัวเล็กที่ถูกถอดออกไป
ชานยอลจูบแบคฮยอนราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้ มันทั้งตะกรุมตะกรามและเต็มไปด้วยความรู้สึก
แม้ไม่ต้องพูดออกมาแต่แบคฮยอนก็รู้ว่าคุณชายที่แสนน่าเกรงขามคนนี้รู้สึกอย่างไรต่อเขา
ต่อให้คนทั้งดอร์ลานาหรือแม้แต่คนทั้งโลกจะไม่ต้องการให้แบคฮยอนเกิดมาก็ตาม
แต่ประโยคที่ชานยอลกระซิบชิดริมฝีปากกลับทำให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งจนคล้ายว่ามันจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง
ๆ
“ขอบคุณที่เกิดมานะ...แบคฮยอน”
END
ขอบคุณที่เกิดมานะแบคฮยอน
สุขสันต์วันเกิด ♥
Up:
06/05/2015 #fellascb
ความคิดเห็น