ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] See through B's trick (chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #30 : - CH 22.2 : true ♡ -

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.86K
      27
      13 ส.ค. 59

                                 
    chapter 22.2



    You’re the type I don’t wanna lose

    คุณเป็นคนที่ผมไม่อยากสูญเสียไป

    .....

     

                    แบคฮยอนถูกสารวัตรมินซอกเรียกไปสอบปากคำในฐานะของพยาน

     

    สีหน้าของคนตัวเล็กตลอดการให้ปากคำนั้นแสนนิ่งเฉย เขาตอบทุกคำถามและทำให้การรวบรวมหลักฐานเพื่อมัดตัวเอสเป็นไปอย่างราบรื่น แม้จะมีบางช่วงที่แบคฮยอนชะงักไปบ้างหลังฟังคำถามจบ กระนั้นเขาก็ยังให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ผมรู้ดีว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยคงเต็มไปด้วยความเศร้าใจ แต่แบคฮยอนก็แยกความรู้สึกส่วนตัวกับหน้าที่ออกจากกันได้อย่างชัดเจน ระหว่างที่รอคนรักอยู่นั้น ผมได้อ่านบันทึกที่เอสเขียนเอาไว้ ทุกๆตัวอักษรทำให้ผมได้รู้เรื่องราวอีกด้านหนึ่งในชีวิตของหวงจื่อเทา ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ วิธีการต่างๆหรือแม้กระทั่งความรักที่มีต่อแบคฮยอนและเมื่อไล่สายตาไปจนถึงบรรทัดสุดท้ายคนตัวเล็กก็เสร็จสิ้นการสอบปากคำพอดี

     

    เราสองคนกลับมาที่บ้านหลังจากประสานงานกับทางตำรวจ ผมไม่ได้บอกเจ้าหน้าที่ของสตาสแม้แต่คนเดียวว่าผมยังมีชีวิตอยู่เนื่องจากไม่ต้องการให้เรื่องการจับกุมเอสแพร่งพรายไปถึงหูของคนทรยศอย่างจางอี้ชิง ผลเลือดที่เอสเคยป้ายไว้ในเล็บของแบคฮยอนจะส่งถึงมือของคุณคิมในวันพรุ่งนี้ และนั่นคือเวลาที่ผมจะจับกุมเขาด้วยหลักฐานชิ้นสำคัญ อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมยังไม่จับอี้ชิงในตอนนี้คือผมไม่ต้องการให้เขาได้ตั้งตัวรับมือ ผมอยากให้เขาเชื่อว่าผมได้จมหายไปในแม่น้ำ สิ่งที่ผมต้องทำในตอนนี้คือการเตรียมพร้อม พรุ่งนี้ผมจะเข้าหน่วยและลากคอจางอี้ชิงเข้าคุกด้วยตัวเองเหมือนอย่างที่ทำกับเอสในวันนี้

     

    ถึงแม้จะรู้แล้วว่าหัวหน้าของทีมบีอย่างจางอี้ชิงคือหนอนบ่อนไส้ในสตาส แต่ผมก็ไม่สามารถสลัดความคิดที่ว่ามีคนทรยศสองคนออกไปได้ ถ้าการจับกุมอี้ชิงเป็นไปได้ด้วยดี ผมก็หวังว่าคนที่ครั้งหนึ่งเคยอ่อนโยนที่สุดในสตาสนั้นจะยอมสารภาพทุกอย่างด้วยความเต็มใจ

     

    ผมไม่ได้มีชีวิตรอดจากระเบิดหรือจากแม่น้ำนั่นเพื่อกลับมาหายใจเพียงอย่างเดียว แต่ผมรอดมาพร้อมกับแบกความเชื่อมั่นของคิมจงแดเอาไว้ด้วย คำฝากฝังสุดท้ายของมันสมองของทีมเอยังคงติดอยู่ในความทรงจำ แบคฮยอนเล่าให้ผมฟังแล้วว่าจงแดยังไม่ตายแต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นความโชคดีเพราะเขาเสียทั้งแขนและขา ซึ่งนั่นทำให้ผมปวดใจที่คนดีๆอย่างคิมจงแดต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายจากคนชั่วช้าเพียงไม่กี่คน

     

     

    อย่าใส่แตงกวานะ

     

    แบคฮยอนที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์บอกแบบนั้นและทำให้ผมหยุดมือที่กำลังจะใส่ผักสีเขียวลงในกระทะ เป็นเพราะความคิดที่วิ่งวนอยู่ในหัวทำให้ผมเกือบจะใส่ผักกลิ่นแรงที่คนรักของผมเกลียดนักเกลียดหนาลงในข้าวผัดเบคอน แตงกวากับคนตัวเล็กเป็นเหมือนศัตรูที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ผมเคยเผลอใส่แตงกวาลงในอาหารที่ทำและตอนนั้นแบคฮยอนต้องมานั่งเขี่ยผักเจ้าปัญหาพร้อมทำหน้าตาบูดบึ้งอยู่นาน ผมเงยหน้าขึ้นจากเตาก่อนจะมองคนตัวเล็กด้วยสายตาขอโทษ

     

    โทษที ผมบอกก่อนจะลูบผมนิ่มๆของเขาด้วยความหมั่นเขี้ยว ขอแก้ตัวด้วยการเพิ่มเบคอนให้ก็แล้วกัน

     

    ร่างเล็กยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น ถ้าแตงกวาคือศัตรูของแบคฮยอน เบคอนก็เปรียบเป็นฮีโร่ของเขา คนรักของผมชอบอาหารมันๆและอย่างที่รู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่นัก บางครั้งผมจึงทำเนียนใส่ผักอย่างอื่นลงไปด้วย แน่นอนว่าแบคฮยอนไม่เคยปฏิเสธเพราะถ้าเขาไม่กินสิ่งที่ผมทำให้ ทางออกสุดท้ายของคนทำอาหารไม่เป็นอย่างเขาก็คือรามยอนที่แสนจืดชืด

     

    ใส่อีกนิดสิ หมดแพ็คเลยก็ได้ เสียงเล็กๆสั่งให้ผมเพิ่มเบคอนเข้าไปอีกแต่เรื่องอะไรที่ผมจะต้องตามใจ แค่ทุกวันนี้เขาก็นุ่มนิ่มไปหมดทั้งตัวแล้ว

     

    พอแล้ว จะกินให้ไขมันล้นออกหูเลยรึไง?

     

    ขี้งก

     

    ผมยิ้มรับคำประชดก่อนจะหันมาสนใจข้าวผัดเบคอนที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้องครัว อาจจะเป็นเพราะทนต่อความหอมของเบคอนไม่ไหวที่ทำให้คนตัวเล็กกระโดดลงจากเคาน์เตอร์บาร์แล้วมาหยุดยืนข้างๆผม แต่ผิดคาด เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ในกระทะแต่กลับมองมาที่ใบหน้าของผมแทน

     

    จะเอาอะไร หือ?

     

    ผมถามเมื่อคนตัวเล็กกว่าเอาแต่ยืนมองอยู่แบบนั้น ตอนนั้นเองที่มือเรียวแนบลงมาบนแก้มของผมทั้งสองข้างเป็นการบังคับให้ผมหันหน้าไปหา เราสบตากันก่อนที่แบคฮยอนจะไล่สายตาไปทั่ว ดวงตาเรียวเล็กคู่นั้นสำรวจใบหน้าของผมอย่างเชื่องช้าตั้งแต่คิ้วจรดปลายคาง หลังจากนั้นเขาก็วาดรอยยิ้มบางๆแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

     

    ฉันนึกว่าจะเสียนายไปแล้วซะอีก…”

     

    “…”

     

    ขอบคุณนะที่ยังอยู่ตรงนี้

     

    หางตาตกๆของคนตรงหน้าทำให้ผมเอ็นดูเขาไม่เปลี่ยน แบคฮยอนน่ารักเสมอเวลาพูดความในใจหรือแสดงออกถึงความเป็นห่วง นั่นเองที่ทำให้ผมส่งมือของตัวเองไปประกบกับมือนิ่มๆของคนรัก แม้ว่ามือของแบคฮยอนจะไม่ได้ใหญ่และไม่ได้แข็งแรงเท่ามือของใคร แต่ก็เป็นมือเล็กๆคู่นี้ที่กุมหัวใจของผมไว้ได้ทั้งดวง

     

    ถ้าฉันตายแล้วใครจะเลี้ยงนายล่ะ?ผมพูดติดตลกเพราะไม่อยากทำให้เขาคิดมาก ผมเลือกที่จะไม่บอกว่าใครเป็นคนช่วยผมไว้ ถ้าแบคฮยอนรู้สาเหตุที่แท้จริงเขาอาจจะจมอยู่กับความทุกข์ใจและผมไม่ต้องการเห็นเขาเป็นแบบนั้น ผมจูบเบาๆไปที่หลังมือนิ่มก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ไปนั่งรอข้างนอกก่อนไป นายทำให้ฉันไม่มีสมาธิ

     

    ผมเลื่อนสายตาลงไปมองที่หน้าอกของแบคฮยอนซึ่งตอนนี้ใส่เสื้อกล้ามคอลึกทำให้เห็นแผ่นอกขาวๆอย่างช่วยไม่ได้ แบคฮยอนมองหน้าอกของตัวเองก่อนจะดึงมือออกไปแล้วต่อยท้องของผมเบาๆ ดูก็รู้ว่าเขาเขิน ต่อให้ในเวลาปกติร่างเล็กจะดื้อรั้นมากก็ตาม แต่เขาจะหน้าแดงทุกครั้งที่ผมพูดเรื่องทะลึ่ง และนั่นก็เป็นความธรรมชาติของเขาที่ผมตกหลุมรัก

     

    ผมอมยิ้มตามหลังคนที่เดินไวๆออกไปจากห้องครัวแต่การเดินกะเผลกของแบคฮยอนก็ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว ผมเก็บคำถามเอาไว้ก่อนจะหันกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ในกระทะ ไม่นานข้าวผัดร้อนๆก็ถูกใส่จานพร้อมเสิร์ฟ และเมื่อเดินมาจนถึงโต๊ะกินข้าวผมก็ไม่รู้เลยว่าอะไรที่หม่นหมองมากกว่ากันระหว่างแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกกับแววตาของแบคฮยอน

     

                    คนตัวเล็กสะดุ้งเมื่อผมวางจานลงบนโต๊ะ แม้ว่าคนตรงหน้าจะพยายามทำตัวเป็นปกติแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังเศร้าใจ ผมอยากจะปลอบเขาแต่ก็ไม่อยากเป็นผู้เปิดประเด็นให้คนรักต้องจมไปกับเรื่องที่ผ่านมา ด้วยเหตุนั้น ผมจึงเริ่มบทสนทนาใหม่อย่างที่ไม่พาเขาวกกลับไปยังเรื่องของน้องชาย

     

                    ขาไปโดนอะไรมา ทำไมถึงเดินกะเผลกล่ะ?

     

                    แบคฮยอนมองไปที่แผลตรงหัวเข่าของตัวเองก่อนจะตอบอย่างเนิบนาบ

     

                    “ล้มแล้วเข่าไปกระแทกกับชั้นวางทีวีอ่ะ โคตรซุ่มซ่ามเลย เขาหัวเราะเบาๆคล้ายกับสมน้ำหน้าตัวเองก่อนจะลงมือจัดการกับมื้อเย็น ผมถอนหายใจเบาๆระหว่างมองไปยังคนที่ตักเบคอนเข้าปาก แบคฮยอนยังคงปกปิดความอ่อนแอไว้ภายใต้ใบหน้าได้อย่างดีเยี่ยม เขาไม่แม้แต่จะพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาหรือเรื่องที่ทำให้หกล้มเมื่อวานนี้ คล้ายว่ากำแพงที่กักขังความไม่เข้มแข็งนั้นจะแข็งแกร่งมากเกินไป คนรักของผมจึงไม่ยอมเผยด้านอ่อนแอให้ใครเห็นและเลือกที่จะเก็บความเศร้าไว้เพียงคนเดียว ส่วนผมเองก็ไม่ต้องการคาดคั้นให้แบคฮยอนแสดงออกว่าเสียใจ ผมมีหน้าที่คอยประคองเขาเอาไว้ถ้าหากว่าเขาจะล้มลง คอยเฝ้ามองและพร้อมกอดคนตัวเล็กเสมอถ้าเขาต้องการอ้อมกอดอุ่นๆ

     

                    แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องบาดแผลของเขาไปได้ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่เคี้ยวข้าวจนแก้มอูม แบคฮยอนมองผมที่ย่อตัวลงตรงหน้าอย่างสงสัยก่อนจะร้องซี้ดเบาๆเมื่อผมเลิกขากางเกงของคนตัวเล็กขึ้น รอยถลอกตรงหัวเข่าทำให้ผมรู้ว่าคนรักไม่ได้ทำแผลเลยด้วยซ้ำ แม้มันจะเป็นแค่แผลเล็กๆแต่ผมก็ไม่ชอบใจที่แบคฮยอนต้องเจ็บตัวแบบนี้ ผมลุกขึ้นยืนตามเดิมแล้ววางมือลงไปที่หัวของร่างเล็ก วินาทีนั้นเองที่คนตรงหน้ายื่นมือมาแตะเข้าที่แผลตรงเอวของผมเบาๆ เขากวาดสายตาไปยังแผลจากสะเก็ดระเบิดส่วนอื่นๆบนร่างกายของผมด้วยก่อนที่เสียงแหบหวานจะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

     

                    เจ็บไหม?

     

                    “ไม่เท่าไหร่ แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า ผมพูดตามความจริงก่อนจะลูบเส้นผมนิ่มลื่นของแบคฮยอนเพื่อให้รู้ว่าผมเองก็เป็นห่วงเขาเช่นกันแล้วนายล่ะ

                     

                    “…”

     

                    เจ็บมากไหม?

                   

                    ดวงตาของแบคฮยอนเคยเป็นเหมือนฤดูร้อนมาโดยตลอด มันสดใสและเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ทว่าทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกฎของธรรมชาติ เมื่อมีฤดูร้อนก็ต้องมีฤดูฝน ด้วยสาเหตุนั้น ดวงตาของเขาในตอนนี้จึงหม่นแสงและเศร้าสร้อย ราวกับว่าก้อนเมฆแสนอึมครึมกำลังก่อตัวและพร้อมจะกลั่นเป็นหยดน้ำ แบคฮยอนกะพริบตาถี่ๆเมื่อรู้ว่าฝนในตาใกล้จะโปรยปรายเต็มที คนตัวเล็กนิ่งไปครู่หนึ่งหลังฟังคำถามก่อนจะพยักหน้าแทนคำตอบ ทว่าความเจ็บที่เขาตอบผมมานั้นอาจจะไม่ได้หมายถึงการเจ็บตัวแต่หมายถึงการเจ็บที่ความรู้สึก และผมที่เข้าใจดีว่าแบคฮยอนยังไม่ต้องการเผยความอ่อนแอออกมาในตอนนี้จึงเลือกที่จะกลับไปนั่งที่เดิมแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

                   

                    กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะนะ เสร็จแล้วฉันจะทำแผลให้

     

                    จอมรั้นพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะก้มหน้าก้มตากินโดยที่ไม่เงยหน้ามาสบตากับผมเลยสักครั้ง อย่างที่บอกว่าผมไม่ชอบเร่งรัดหรือบังคับให้อีกฝ่ายแสดงความรู้สึกของตัวเอง ผมจะรอจนกว่าเขาจะต้องการคำปลอบใจ จะรอจนกว่าเขาจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้

     

                    มื้อเย็นดำเนินไปอย่างเงียบเชียบแต่ก็ไม่ได้น่าอึดอัด เมื่อร่างเล็กทานเสร็จ ผมจึงเก็บจานเพื่อนำไปล้าง แบคฮยอนยังคงก้มหน้าอยู่แบบนั้น ผมไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปแต่เลือกที่จะยีผมของคนรักอย่างหยอกล้อก่อนจะเดินไปที่อ่างล้างจาน

     

                    แสงจากพระอาทิตย์ที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างย้อมให้ผนังของห้องครัวกลายเป็นสีส้มและอีกไม่นานทั่วทั้งห้องนี้ก็จะถูกกลืนกินไปด้วยความมืด หากความรักสามารถส่องแสงได้ก็คงไม่ต่างอะไรกับแสงของดวงอาทิตย์ ไม่ว่าจะสุขหรือขื่นขม ความรักก็จะย้อมให้หัวใจรู้สึกเช่นเดียวกัน และเพราะแบบนั้น ผมจึงไม่ได้โกรธเคืองที่แบคฮยอนเลือกเก็บความทุกข์เอาไว้มากกว่าจะนำมาเปิดเผยต่อกัน ไม่ใช่ว่าผมเฉยชาต่อความเสียใจของคนตัวเล็ก แต่เป็นเพราะผมคิดว่าความรักคือการให้เกียรติและการปรับตัวเข้าหาอีกฝ่าย ในเมื่อแบคฮยอนเข้าใจในนิสัยของผม ผมเองก็ควรที่จะเข้าใจในนิสัยของเขาด้วย

     

                    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมหันหลังไปมอง แบคฮยอนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องครัวกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไป จากสรรพนามที่คนตัวเล็กเลือกใช้ทำให้รู้ว่าปลายสายคือเพื่อนรักของผมอย่างอู๋อี้ฝาน ผมจับใจความได้ว่าเขาโทรมาเพื่อบอกแบคฮยอนเรื่องการงมหาร่างของผมในแม่น้ำ แน่นอนว่าไม่มีนักประดาน้ำคนไหนหาพบอยู่แล้ว ผมหันกลับมาสนใจการล้างจานและเมื่อรู้สึกตัวอีกที แขนของใครบางคนก็เอื้อมมากอดผมเอาไว้จากด้านหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากจอมดื้อที่ชื่อว่าแบคฮยอน

     

                    ตัวนายใหญ่จัง ผมยิ้มให้กับคนที่เอาหน้าแนบไปกับแผ่นหลังของผม เสียงอู้อี้ของแบคฮยอนทำให้ผมคิดว่าเขาน่ารักมากกว่าปกติ

     

                    ตัวนายเล็กเองต่างหาก

     

                    ไม่จริงอ่ะ อย่างฉันเขาเรียกว่าไซส์มาตรฐาน นายต่างหากที่เป็นยักษ์ ร่างเล็กพูดยิ้มๆก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อดึงหูของผมทั้งสองข้าง แถมยังหูกางอีก ยักษ์อัปลักษณ์ชัดๆ

     

                    นอกจากจะได้อยู่เฉยๆ มีคนทำกับข้าวให้กิน มีคนล้างจานให้แล้วยังมาล้อเลียนกันอีก ผมตั้งใจว่าจะส่งสายตาดุๆใส่ตัวแสบที่ยืนอยู่ข้างหลัง แต่เพียงแค่หันใบหน้าไปเท่านั้น แบคฮยอนที่รอจังหวะอยู่แล้วก็ยื่นริมฝีปากมาแตะที่แก้มของผมเบาๆ เขายิ้มก่อนที่ปลายจมูกรั้นจะหอมซ้ำลงมาอีกเมื่อผมยังคงนิ่งค้าง

     

                    ล้างจานต่อสิ ยืนนิ่งอยู่ทำไม?

     

    ผมส่งสายตาเป็นการคาดโทษก่อนจะหันมาทำสิ่งที่ค้างไว้ ไม่บ่อยนักที่แบคฮยอนจะเป็นฝ่ายเริ่มแตะเนื้อต้องตัวของผมก่อนและมันทำให้ผมประหลาดใจ กระนั้นก็อดยอมรับไม่ได้ว่าสัมผัสเล็กๆน้อยๆจากคนรักทำให้ผมใจสั่นได้เสมอ ร่างเล็กหัวเราะคล้ายล้อเลียนก่อนจะเงียบไป แม้ว่าจะหันหลังให้ แต่ผมก็สามารถจินตนาการถึงรอยยิ้มที่ค่อยๆเลือนหายไปจากใบหน้าลูกหมาได้ แขนเรียวนั้นกอดเอวผมเอาไว้ ผมรู้ว่าแบคฮยอนมีเรื่องที่จะพูดและเขาคงกำลังเรียบเรียงประโยคในหัว จนกระทั่งวินาทีที่ผมล้างมือและเช็ดมันจนแห้งคนตัวเล็กก็เริ่มต้นถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจ

     

     “นายรู้ไหมว่าฉันรู้จักครอบครัวของจงแดด้วยนะ

     

    “…”

     

    พ่อแม่ของเขาน่ะใจดีมากๆ อารินภรรยาของเขาก็สวยมากเหมือนกัน จงอินยังเคยแซวอยู่เลยว่าอารินไม่น่าตาถั่วมารักกับไอ้แว่นที่ไหนก็ไม่รู้ วันนั้นจงแดอยากด่าไอ้จงอินแทบตายแต่เป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคนรักก็เลยทำได้แค่แอบชูนิ้วกลางใส่พวกเรา

     

    ถึงจะมองไม่เห็นแต่น้ำเสียงของแบคฮยอนก็ทำให้เดาได้ว่าเขากำลังยิ้ม ราวกับว่าสิ่งที่พูดนั้นได้พาเขาย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่อบอวลไปด้วยความสุข

     

    วันที่อารินคลอดลูก ทีมเอแห่กันไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลทั้งหมดเลย จงแดน่ะเห่อลูกชายอย่างกับอะไรดี แต่ว่าดาอึลก็น่ารักสมกับที่พ่อเขาจะเห่อนั่นแหละ บอกตามตรงว่าฉันไม่เคยเห็นครอบครัวไหนที่สมบูรณ์แบบได้เท่ากับครอบครัวของจงแดอีกแล้ว แบคฮยอนหยุดพูดเมื่อถูกระลอกของความสะเทือนใจเข้าเล่นงาน ผมแตะแขนของเขาเบาๆเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างเล็กกำลังสั่นน้อยๆ ฉ...ฉันไม่อยากคิดเลยชานยอลว่าพวกเขาจะเสียใจแค่ไหนที่จงแดเป็นแบบนี้

     

    ร่างเล็กกระชับอ้อมกอดพร้อมกับกำเสื้อของผมแน่น คล้ายว่าความรู้สึกของแบคฮยอนเป็นระเบิดที่ได้รับการจุดชนวนแล้ว สิ่งที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจดวงนี้จึงพรั่งพรูออกมาให้ผมได้รับรู้ ผมพยายามจะหันไปหาแต่แบคฮยอนกลับขืนตัวเอาไว้ แก้มอวบๆนั้นแนบสนิทไปกับแผ่นหลังและไม่ยอมปล่อยแขนจากเอวของผม แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าลึกราวกับต้องการข่มความรู้สึกเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังสัมผัสถึงความทรมานในใจของเขาได้ผ่านทางเสียงแหบพร่า

     

                    ความจริงแล้วฉันโกรธมากตอนที่รู้ว่าเอสคือใคร ร่างเล็กๆของแบคฮยอนสั่นระริกเมื่อพูดถึงประโยคนี้ เสียงของเขาสั่นไหวและนั่นทำให้ผมปวดใจไปด้วย ฉันอยากพุ่งเข้าไปต่อยเขาหลายๆหมัดให้สาสมกับทุกชีวิตที่เสียไป ยิ่งเห็นว่าเขาฆ่าจงอินได้ลงคอก็ยิ่งอยากจะเกลียดเขา อยากให้เขาได้ลิ้มรสของการสูญเสียคนสำคัญ อยากจับเขาเข้าคุกได้โดยที่ไม่ต้องรู้สึกอะไร

     

    “…”

     

    แต่ที่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้เพราะว่าความเสียใจมันกลับมีมากกว่าความโกรธ ฉันสับสนไปหมดชานยอล...ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเพราะไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ฉันเชื่อใจจะทำให้ผิดหวังและเป็นเพราะรู้ว่านอกจากฉันแล้วเทาก็ไม่เหลือใคร ถ้าฉันปล่อยมือจากเขาไปอีกคน ฉันก็คงให้อภัยตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

     

    ผมยังคงยืนนิ่งและปล่อยให้แบคฮยอนพูดในสิ่งที่ต้องการ เขาทนเก็บความรู้สึกแย่ๆไว้เพียงลำพังและต่อสู้กับความสับสนด้วยตัวเองมานานมากเกินไป ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนตัวเล็กและหวงจื่อเทามีจุดเริ่มต้นยังไงแต่ผมได้เห็นจุดจบของความสัมพันธ์นี้มาแล้ว มันน่าหดหู่และคงทำให้คนรักของผมเจ็บช้ำเกินบรรยาย เสื้อเชิ้ตที่ผมใส่ยับย่นเพราะแรงกอดจากอีกฝ่าย ผมสอดมือของตัวเองไปกุมมือขาวที่กำเข้าหากันให้คลายออก ราวกับว่าไม่ใช่เพียงแค่มือข้างนั้นที่ถูกทำให้คลายออกจากกันแต่เป็นทุกๆความรู้สึกของแบคฮยอนด้วยที่ได้ถูกปลดปล่อย

     

    ฉันต้องทำเป็นเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไรตอนที่เห็นว่าน้องถูกจับใส่กุญแจมือ แต่นายรู้ไหมชานยอล ใจฉัน...หัวใจของฉัน...

     

                    หัวใจของผมวูบไหวคล้ายถูกแรงโน้มถ่วงกระชากลงไปที่พื้นเมื่อรับรู้ได้ถึงหยดน้ำอุ่นๆที่ซึมผ่านเนื้อผ้าตรงแผ่นหลัง วินาทีนั้นเองที่ผมเข้าใจว่าฤดูฝนได้เริ่มต้นขึ้นในดวงตาของแบคฮยอนแล้ว สำหรับผม การจับกุมหัวหน้าของไนท์แมร์จอมชั่วช้าอย่างเอสถือว่าเป็นจุดจบของคดี แต่สำหรับแบคฮยอนมันเพิ่งจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นที่เขาไม่เคยต้องการเลยสักครั้ง เพราะมันคือการเริ่มต้นของความเสียใจที่ต้องสูญเสียคนที่รัก

     

                    อ...อย่าเพิ่งหันมานะ

     

    คนตัวเล็กเอ่ยห้ามแต่เสียงสูดจมูกและแรงสั่นน้อยๆทำให้ผมอดใจไม่ไหว สุดท้าย ผมก็หันไปรวบตัวเขามาไว้ในอ้อมกอด แบคฮยอนยอมยืนนิ่งๆให้ผมกอดเอาไว้แบบนั้น เขาซุกใบหน้าลงกับหน้าอกของผมก่อนจะสบถเบาๆ

     

    แม่งเอ๊ย...ทำไมต้องร้องไห้ด้วยวะ

     

    ไม่บ่อยนักที่แบคฮยอนจะพูดคำหยาบ ผมรู้ดีว่าแบคฮยอนเข้มแข็ง เขาไม่ชอบเสียน้ำตาให้ใครเห็นและไม่อยากเผยด้านอ่อนแอให้คนอื่นได้รับรู้ เขาคงอดทนจนถึงที่สุดแล้วจึงได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบอย่างเช่นการร้องไห้ แต่ก็เพราะแบบนั้นที่ทำให้ผมรู้สึกอยากกอดปลอบคนตรงหน้ามากขึ้นไปอีก

     

    ตอนนี้นายอาจจะคิดว่าเรื่องที่เจอมันยาก แล้วฉันก็รู้ว่านายเข้มแข็ง

     

    “…”

     

    แต่อย่าลืมสิ...ว่านายมีฉันอยู่ทั้งคนนะ

     

    ผมกระซิบข้างใบหูขาวก่อนจะลูบหลังเขาช้าๆ คำพูดนั้นคล้ายค้อนปอนด์อันใหญ่ที่ทุบกำแพงของความเข้มแข็งจนมันพังลงอย่างไม่เหลือซาก เขาร้องไห้ไม่ต่างจากวันที่เสียคิมจงอินไป ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเมื่อคนตัวเล็กสะอึกสะอื้น ทั้งๆที่น้ำตาของแบคฮยอนไม่ใช่ยาพิษ แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนจะตายเสียให้ได้เมื่อหยดน้ำอุ่นๆซึมผ่านเสื้อเข้ามาสัมผัสกับหน้าอกของผม ผมรวดร้าวไปทั้งใจเมื่อเห็นคนรักร้องไห้ ผมรู้ว่าแบคฮยอนต้องอดทนมามาก ไม่ว่าจะพบเจอกับการสูญเสียอีกกี่ครั้งก็ไม่มีใครทำใจให้ชินได้และแบคฮยอนเองก็เช่นกัน

     

    ฉ...ฮึก...ฉันไม่อยากเสียใครไปอีกแล้วใบหน้าขาวเต็มไปด้วยน้ำตา เขาส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเช็ดน้ำมูกลงกับเสื้อของผม แต่ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความรังเกียจ มากกว่านี้ผมก็เต็มใจให้เขาได้ แม้กระทั่งกับนาย...ฉันก็กลัว...ฮึก...กลัวว่าจะต้องเสียนายไป

     

    ผมจูบไปที่เรือนผมหอมๆของแบคฮยอน ราวกับว่าจะให้จุมพิตนี้เป็นตัวแทนของคำปลอบโยน แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาหา จังหวะที่เขาใช้ดวงตาเคลือบน้ำช้อนขึ้นมาสบตาช่างทำให้เขาดูน่าสงสารเหลือเกิน ผมค่อยๆทิ้งริมฝีปากไปที่หน้าผากของแบคฮยอนหนึ่งครั้งเพื่อให้รู้ว่าความเสียใจของเขาได้แบ่งเบามาที่ผมแล้ว ผมจูบไปที่ปลายจมูกน่ารักให้เขารู้ว่าวันนี้เขาไม่จำเป็นจะต้องร้องไห้อีก และสุดท้าย ผมจุมพิตใบหูขาวเพื่อให้เขารับฟังแต่เสียงของผมเท่านั้น

     

    ไม่ต้องกลัวนะแบคฮยอน...ฉันทิ้งคนที่ฉันรักไปไม่ได้หรอก

     

    ร่างเล็กนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพยายามส่งยิ้มบางๆมาให้ เขาซุกหน้าลงกับอกของผมอีกครั้งพร้อมกับกอดผมแน่นขึ้น สิ่งที่ผมพูดไปนั้นไม่ใช่คำสัญญาหรือคำสาบาน แต่ผมไม่มีคำพูดสวยหรูเพื่อเอาไว้ปลอบใจ ผมแค่พูดออกไปตามความรู้สึก ผมไม่ได้สมบูรณ์แบบจนสามารถเป็นร่มให้กับเขาในวันที่ฝนตก แล้วผมก็ไม่ได้อบอุ่นจนถึงขั้นเป็นแสงไฟให้กับแบคฮยอนในวันที่มืดมิด แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการที่พักพิง ผมก็อยากให้เขารู้ว่าผมจะอยู่ตรงนี้ คอยอ้าแขนรับร่างเล็กๆเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและคอยแบ่งเบาความเศร้าโศกด้วยหัวใจของผมเอง

     

    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เรากอดกันอยู่แบบนั้น อาจจะหลายนาทีหรือนานเป็นชั่วโมง แสงของดวงอาทิตย์ถูกแทนที่ด้วยดวงจันทร์แล้วเช่นเดียวกับที่ความหม่นหมองถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ แบคฮยอนคลายอาการสะอื้นจนกระทั่งกลับมาเป็นปกติ ผมยิ้มให้คนในอ้อมแขนก่อนจะได้รับรอยยิ้มกลับมาเช่นกัน ถึงแม้มันจะเป็นยิ้มที่ไม่ได้สดใสนักแต่ก็ดีกว่าการต้องเห็นเขาร้องไห้ ดวงตาและจมูกรั้นที่ขึ้นเป็นสีช้ำของคนตรงหน้าทำให้ผมหายใจไม่ออก แบคฮยอนมีท่าทีดีขึ้นมากแต่ผมก็เข้าใจว่าเขาคงไม่ได้สลัดความเศร้าออกไปได้ทั้งหมด และมันเป็นความคิดที่ไม่สมควรเลยเมื่อผมรู้สึกว่าใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของแบคฮยอนทำให้เขาดูน่ารังแกมากกว่าปกติ

     

    เช็ดน้ำมูกก่อนเร็ว จะบอกให้ว่าหน้าตานายตอนนี้มันดูไม่ได้เลย

     

    ดูไม่ได้ก็ไม่ต้องดู

     

                    การตอบกลับคำหยอกล้อทำให้ผมใจชื้นเพราะมันหมายความว่าแบคฮยอนควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว คนตัวเล็กดึงชายเสื้อของผมออกไปเช็ดหน้าก่อนจะยิ้มทะเล้นมาให้

     

                    ตอนนี้หน้าฉันดูได้รึยัง?

     

                    แบคฮยอนมองมาที่ผมก่อนจะถามอย่างกวนๆ ให้ตายเถอะ ไอ้จมูกแดงๆนั่นมันน่าจับมาฟัดเป็นบ้า ด้วยความที่เป็นคนอ่านง่าย แบคฮยอนจึงแสดงแทบทุกความคิดไว้บนใบหน้า ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้และผมสามารถเย้าแหย่เขาได้ ผมจึงแกล้งทำเป็นอ้าปากแล้วก็หุบ เชื่อเลยว่าเขาจะต้องถามว่า...

     

    มีอะไรจะพูดรึเปล่า?”

     

    นั่นไง ผมบอกแล้วว่าเขาอ่านง่ายจะตายไป

     

     แต่ก็เป็นเพราะความอ่านง่ายเหล่านี้ที่ทำให้ผมไปไหนไม่รอด

     

    ทุกครั้งที่ผมมองแบคฮยอน ผมเห็นเรื่องท้าทายในชีวิต เขาเป็นปริศนาที่ผมอยากแก้ เป็นยาเสพติดที่ผมอยากลิ้มลอง เป็นคนรักที่โคตรน่ารักและโคตรรั้นในเวลาเดียวกัน

     

    ก่อนที่จะมาเจอกับแบคฮยอน ผมเคยผ่านผู้หญิงสวยๆมามาก แต่ความสวยเหล่านั้นกลับตราตรึงได้ไม่เท่าความธรรมดาและไม่น่าประทับใจเท่าความบริสุทธิ์ของคนตรงหน้า

     

                    ยิ้มอะไร? คนตัวเล็กขมวดคิ้วถามก่อนจะดันตัวออกไปจากอ้อมแขนของผม ผมไม่ตอบคำถามนั้นเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่ากำลังคิดอะไรต่อเขาอยู่บ้าง

     

     “ไปอาบน้ำเถอะ เสร็จแล้วจะได้ทำแผล ฉันก็ต้องทำเหมือนกัน

     

    ผมพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะมองไปยังแผลตรงหัวเข่าของเขา แบคฮยอนทำหน้าสงสัยแต่ก็ยอมทำตามโดยดี

     

     

    ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนจะมองไปยังโทรทัศน์ที่ปิดสนิท หน้าจอสีดำสะท้อนให้เห็นผู้ชายตัวสูงเจ้าของใบหน้าเรียบเฉย ผมมองภาพสะท้อนของตัวเองก่อนเอนหัวพิงกับพนักของโซฟาแล้วใช้นิ้วคลึงขมับเพื่อเป็นการผ่อนคลาย ข้อเท็จจริงที่ว่าคดีของไนท์แมร์นั้นใกล้สิ้นสุดลงแล้วทำให้ผมมีสองความรู้สึก ผมยินดีที่คดีแสนยืดเยื้อนี้จะจบลงพร้อมกับคนชั่วที่ถูกจับกุม แม้ว่าเอสจะถูกทางตำรวจควบคุมตัวไปแล้วแต่คนทรยศอย่างจางอี้ชิงก็อาจจะร้ายกาจไม่แพ้กัน ผมอยากรู้ว่าอะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้เจ้าหน้าที่คนนั้นตัดสินใจเลือกเดินในเส้นทางที่เป็นปฏิปักษ์กับหน่วยสตาส แล้วอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขาอยากทำร้ายแบคฮยอน? ไม่ว่ายังไงก็ตาม วันพรุ่งนี้ผมจะจับเขาแล้วทำการสอบสวนด้วยตัวเอง แต่การสอบสวนผู้ต้องหาไม่เคยเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะกับพวกไนท์แมร์ด้วยแล้วคำว่าง่ายก็ดูเหมือนจะเป็นแค่มุกตลกมุกหนึ่ง

     

    การที่หวงจื่อเทาถูกจับกุมทำให้แบคฮยอนต้องพบกับความเศร้าอย่างที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้ ความเสียใจมันไม่ได้เกาะติดอยู่ตลอดเวลา แต่มันจะเล่นงานก็ต่อเมื่อรู้สึกอ่อนไหว ถึงจะรู้ว่าแบคฮยอนเข้มแข็งจนเกินกว่าที่จะเอาแต่ร้องไห้ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าภายในอนาคตเขาจะไม่ร้องไห้อีก ผมอยากเป็นคนปลอบเขา อยากเป็นคนกอดเขาในทุกๆครั้งที่เขาเสียใจ แต่ผมไม่รู้ว่าจะสามารถทำแบบนั้นได้ตลอดไปหรือไม่ มันมีความจริงหนึ่งข้อที่ไม่เคยมีใครตระหนักถึงมาก่อนแม้กระทั่งคนรักของผมเอง ผมอยากบอกให้แบคฮยอนรู้แต่ก็คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา ร่างเล็กต้องเจอกับการพลัดพรากมามากและผมไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจไปมากกว่านี้ เพราะความจริงที่ว่าคือยิ่งคดีของไนท์แมร์จบลงเร็วเท่าไหร่...ผมก็ต้องถูกส่งกลับอเมริกาเร็วขึ้นเท่านั้น

     

    ถ้าคุณยังจำได้ คุณคงรู้ว่าผมไม่ได้ประจำการอยู่ที่เกาหลีมาตั้งแต่แรก และเมื่อถึงเวลาผมก็จำเป็นที่จะต้องกลับไป ผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะต้องกลับไปในที่ที่ผมจากมา ทว่าเมื่อผมรักแบคฮยอน อเมริกาก็เปรียบเหมือนสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ผมไม่อยากกลับไปเพราะผมได้บ้านอันอบอุ่นอยู่ที่นี่แล้ว

     

    แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ นี่คือสิ่งที่ผมกับแบคฮยอนต้องเผชิญ

     

    เสียงน้ำกระทบกับพื้นทำให้ผมรู้ว่าคนตัวเล็กคงจะเริ่มอาบน้ำแล้ว ผมไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัวแล้วจดจ้องไปที่เงาสะท้อนของตัวเองอีกครั้ง คราวนี้ผมเห็นผู้ชายตัวสูงคนที่อยากใช้เวลากับคนรักให้นานเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมไม่เคยคิดเลยว่าฝีมือการสะเดาะกลอนจะได้ใช้ประโยชน์กับประตูห้องน้ำจนกระทั่งวินาทีที่ลูกบิดถูกปลดล็อค ผมเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ เป็นเพราะเสียงน้ำที่ทำให้แบคฮยอนไม่ได้ยินเสียงไขลูกบิด และเพียงแค่เห็นแผ่นหลังกับสะโพกขาวๆใต้ฝักบัวนั่น หัวใจของผมก็เต้นเร็วขึ้นมาเสียอย่างนั้น

     

    ย่าห์! ชานยอล นายเข้ามาทำไม!

     

    แต่ทันทีที่ผมเดินเข้าไปหาแบคฮยอนก็หันมาโวยวายยกใหญ่ โสตประสาทของเขาไวสมกับคนที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ผมค่อยๆถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกโดยไม่สนใจเสียงร้องของคนรักและเป็นโชคดีที่แผลจากแรงระเบิดไม่ได้สาหัสจนถึงขั้นที่โดนน้ำไม่ได้

     

     “อาบด้วย

     

    ผมพูดสั้นๆก่อนจะก้าวเข้าไปยืนใต้ฝักบัวอันเดียวกันกับแบคฮยอน ร่างเล็กใช้มือปิดของสงวนของตัวเองเอาไว้ก่อนจะเสตามองไปทางอื่นคล้ายเขินอายที่ผมเข้ามา จะอายอะไรกันเล่า เราก็เคยเห็นกันมาหมดแล้วนี่

     

    แต่เมื่อคิดดูดีๆอีกที มีแต่ผมฝ่ายเดียวต่างหากที่เคยเห็นของแบคฮยอน

     

    จะบ้ารึไง! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”

     

    อาบพร้อมกันก็ประหยัดน้ำประหยัดไฟไง ไม่ดีเหรอ?

     

    ชานยอล ฉันไม่ตลกนะแบคฮยอนเสียงสั่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหนาวหรือเขิน แต่ผมเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า ตัวของเขาแดงระเรื่อแถมหยดน้ำบนร่างกายก็ยิ่งทำให้แบคฮยอนน่ามองมากกว่าที่เคย ตาเรียวรีบปิดลงเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ ผมอมยิ้มให้กับท่าทางเหล่านั้น ผมบอกคุณแล้วว่าแบคฮยอนยังอ่อนนักในเรื่องพวกนี้ เขาขี้อายและตามเรื่องใต้สะดือที่ผมพูดไม่ทันอยู่บ่อยครั้ง ไม่ใช่ว่าเขาไร้เดียงสา คนตัวเล็กก็รู้ทุกอย่างเท่าที่ผู้ใหญ่สมควรรู้ เพียงแต่ว่าผมมีประสบการณ์มากกว่าเขาเท่านั้นเอง

     

    เลิกหลับตาแล้วมาอาบน้ำเร็ว

     

    ฉันอาบเสร็จแล้ว!”

     

    ไม่เชื่อ

     

    ผมว่าก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คนรักมากขึ้น มือเรียวคู่นั้นยังเอาแต่ปิดส่วนกลางกายของตัวเองเอาไว้ ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่ามันไม่มีประโยชน์หรอก เพราะแค่ผมเคยเห็นของเขาครั้งเดียวผมก็จำได้ไปจนตายแล้ว ผมไล่ต้อนแบคฮยอนจนกระทั่งหลังขาวๆนั่นแนบชิดไปกับผนัง เป็นเพราะสัมผัสกับความเย็นทำให้ร่างเล็กสะดุ้งเบาๆซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมกดจมูกไปที่ซอกคอของเขา แบคฮยอนลืมตาโพลงก่อนจะตัวแข็งทื่อ กลิ่นสบู่อ่อนๆทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก แบคฮยอนอาบน้ำแล้วจริงๆ

     

    ไม่หลับตาอีกเหรอ ฉันจะได้จูบนายง่ายๆหน่อยแม้จะรู้ว่าคนรักนั้นอายแค่ไหนแต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะแกล้ง แต่คิดอีกทีลืมตาแบบนี้ก็จูบได้เหมือนกัน

     

    ใบหน้าตื่นๆของแบคฮยอนทำให้ผมนึกถึงสัตว์ตัวเล็กๆสักตัว มันน่าทะนุถนอมและสมควรได้รับการปกป้อง  ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขามากขึ้นและดวงตาเรียวคู่นั้นก็ทำให้ผมเอ็นดูเขาเหลือเกิน

     

    ทำไมหางตาตก?

     

    “…” แบคฮยอนขมวดคิ้ว เดาได้เลยว่าอีกไม่เกินสิบวินาทีเขาจะต้องโวยวายเป็นแน่ ด้วยสาเหตุนั้น ผมจึงรีบพูดก่อนที่คนรักจะโต้ตอบ

     

    ตอบไม่ได้ก็ต้องถูกจูบ

     

    แบคฮยอนย่นคอหนีเมื่อผมจะทำอย่างที่พูด ทว่าจุดหมายของผมหาใช่ริมฝีปากอย่างที่บอกเอาไว้ ผมแกล้งเขาด้วยการจุมพิตตรงรอยต่อระหว่างปากและจมูกก่อนจะเลื่อนไปที่จุดเล็กๆเหนือริมฝีปาก ผมกดจูบไปที่มุมปากทั้งสองข้างแล้วลากผ่านไปที่คาง ผมแกล้งคนอ่อนประสบการณ์ด้วยการเฉียดไปเฉียดมากับปากบางแต่ก็ไม่ยอมสัมผัสตรงๆสักทีและนั่นทำให้เขาตามผมไม่ทัน ผมใช้ช่วงเวลาที่แบคฮยอนกำลังมึนงงค่อยๆดึงมือของเขาออกจากส่วนกลางกาย และเมื่อร่างเล็กทำตามอย่างว่าง่ายผมจึงประทับจูบลงไปที่ริมฝีปากของเขาเป็นการให้รางวัล

     

    ความนุ่มหยุ่นของแบคฮยอนทำให้ผมลุ่มหลงได้เสมอ เขาหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะเอียงใบหน้ารับจูบ ภาพที่เขาหลับตาพริ้มยินยอมให้ผมป้อนจูบทำให้ผมยิ่งได้ใจ ผมบดเบียดลงไปก่อนดูดเม้มที่ริมฝีปากล่างจนแบคฮยอนครางในลำคอ วินาทีที่จอมรั้นจูบตอบคือวินาทีที่ผมไม่อาจทำได้เพียงแค่จุมพิตแผ่วเบาอีกต่อไป เป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนส่งลิ้นเข้ามาทักทายผมก่อน ลิ้นเล็กๆของเขาพยายามสู้กับผมอย่างใจเย็นแต่ผมไม่สามารถโอนอ่อนตามเขาได้ ความใจร้อนทำให้ผมกระหวัดเอาลิ้นของแบคฮยอนมารัดแน่นๆและพลิกเกมกลับมาเป็นฝ่ายนำตามเดิม ผมจับสะโพกของคนตรงหน้าเมื่อเขาเริ่มที่จะทรงตัวไม่อยู่ คนตัวเล็กเอนกายมาพิงผมเอาไว้และเป็นเพราะว่าเราไม่ได้ใส่เสื้อผ้าด้วยกันทั้งคู่ทำให้ บางอย่างของเราถูกันเบาๆ

     

     

    CUT



    แบคฮยอนฟาดหน้าอกของผมแรงๆเป็นการเอาคืนที่ถูกกวนประสาทและเป็นตอนนั้นเองที่เขาเผลอตัวสบตากับผม

     

    เรามองตากันนิ่งนานและใช่ว่าจะมีแค่แบคฮยอนที่หัวใจเต้นแรง แต่ผมเองก็เหมือนกัน ผมกดจูบไปที่หน้าผากของเขาอย่างนิ่มนวลและสัมผัสอ่อนโยนนั้นทำให้แบคฮยอนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะค่อยๆเผยรอยยิ้ม


    ผมชอบเวลาที่เขายิ้มทั้งปากและตา ปากเล็กๆนั้นจะขยายออกคล้ายเป็นรูปสี่เหลี่ยม ดวงตาเรียวรีของเขาจะกลายเป็นเส้นตรง ฟังแล้วอาจดูน่าประหลาดแต่เมื่อมันมารวมกันอยู่บนใบหน้าของแบคฮยอน สิ่งเหล่านั้นกลับทำให้เขาน่ารักจนคนมองอย่างผมได้แต่เอ็นดู

     

    รอยยิ้มอ่อนหวานบนใบหน้าลูกหมานั้นทำให้ผมนึกถึงประโยคหนึ่งของ Tommaso Ferraris ที่ว่า 'They told me that to make her fall in love, I had to make her laugh. But everytime she laughs, I'm the one who falls in love.'

     

    ใครๆก็บอกว่าการที่จะทำให้เขารักผม ผมต้องทำให้เขาหัวเราะ แต่ทุกๆครั้งที่เขาเผยรอยยิ้ม กลับเป็นผมเสียเองที่เป็นฝ่ายตกหลุมรัก

     

    และผมตกหลุมรักแบคฮยอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพียงเพราะรอยยิ้มแสนละมุนละไมนั้น

     

    มีสองทางให้เลือก ผมกระซิบเสียงแผ่วพร้อมกับคลอเคลียไปที่ซอกคอของคนรัก

     

    “…”

     

    จะไปอาบน้ำใหม่หรือจะต่ออีกยก?

     

    อาบน้ำ!” การตอบอย่างไม่เสียเวลาคิดทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แบคฮยอนมองผมตาขวาง แต่แทนที่ผมจะสำนึกกลับกลายเป็นว่าผมหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กมากกว่าเดิม สุดท้าย ผมก็อดใจไม่ไหวที่จะมอบจุมพิตให้เขาอีกครั้ง

     

    แม้จะไม่เคยพูดว่าผมรักแบคฮยอนแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้เขารู้คือไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่กลัวว่าจะสูญเสียผมไป แต่ผมเองก็คงใจสลายถ้าต้องเสียเขาไปเช่นกัน แบคฮยอนอาจจะไม่เคยรู้ว่าฝันร้ายสำหรับเขานั้นคือการฝันถึงพ่อแม่ แต่ฝันร้ายสำหรับผมคือการไม่มีเขา

     

    ผมไม่รู้ว่าอนาคตต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร ไม่ว่าจะพบเจอกับเรื่องดีหรือเลวร้ายผมก็ได้แต่หวังว่าเราสองคนจะยังคงเป็นที่พักพิงให้กันและกันได้เสมอ ผมคิดแค่ว่าจะรักแบคฮยอนไปเรื่อยๆและถ้าถามว่าจะรักเขานานแค่ไหน ผมก็จะตอบว่าไม่นานหรอก

     

    แค่ชั่วชีวิตผมเท่านั้นเอง

     

    (end chanyeol’s part)

     

     

    TBC

    ขออภัยด้วยค่ะที่แบคในเรื่องยังเป็นเวอร์ชั่นนุ่มนิ่มอยู่ ฉะนั้นอย่าคิดถึงกล้ามพี่เขาในตอนนี้เลย55555555555555555 แต่อนุญาตให้คิดถึงกล้ามพี่ชานยอลได้ รายนั้นคือฝันที่เป็นจริง

    สำหรับคนที่โกรธเอส เราก็จะบอกว่าบทเขายังไม่หมด ต้องเจอกันยันแชปที่ 24

    ไม่ต้องกลัวว่าเราจะเทเรื่องนี้นะคะ เราแต่งจนรักมันไปแล้ว ยังไงก็จบแน่นอน (อีโมดอกไม้บาน)

    ที่สำคัญเงินของทุกคนอยู่กับเราค่ะ หัวเด็ดตีนขาดก็ทิ้งไม่ได้ พยายามแต่งอยู่ค่ะ ไม่เคยนิ่งนอนใจ;___;

    Up : 12/08/2016

     

     


    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×