ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] See through B's trick (chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #11 : - CH 7.2 : kid -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.69K
      34
      31 มี.ค. 59


    chapter 07.2


       

    They say before you start a war, you better know what you’re fighting for

    เขาว่ากันว่าก่อนเริ่มสงคราม คุณควรจะรู้ ว่าคุณสู้เพื่ออะไร

    …..

     

                ห้องน้ำ ไม่ใช่ที่ที่ผมอยากไปดังที่บอกไว้กับเทาและชานยอลเองก็รู้ว่าผมต้องการไปที่ไหน เราจึงพบกันนอกสนามที่เงียบและปลอดผู้คนมากกว่าภายใน แหงล่ะ ในเมื่ออีกไม่ถึงสิบนาทีการแข่งขันเบสบอลที่ทุกคนตั้งตารอกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว 


                ผมรอไม่ถึงสามนาที ร่างสูงโปร่งก็ปรากฏกายขึ้น เขายังคงรักษามาดสงบนิ่งสวนทางกับผมที่ยืนกระดิกเท้ายิกๆด้วยความกังวล ชานยอลมองไปทั่วบริเวณจนกระทั่งแน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตถึงการมาของเขา ขายาวจึงก้าวไวขึ้นแล้วลากผมไปยังมุมลับสายตาคน ยามเมื่อเขาถอดหมวกออกผมสีแดงไวน์องุ่นนั้นก็สะท้อนรับกับแสงแดดเสริมให้เขาดูดีขึ้นเป็นเท่าตัว ผมไม่แน่ใจว่าชานยอลต้องการอำพรางตัวจริงๆรึเปล่า เพราะผมพูดได้เต็มปากเลยว่ารูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้โคตรดึงดูด


                “นายรู้อะไร?” ชานยอลถามผม เขาคงรู้ว่าผมต้องการคุยกับเขาเรื่องอะไรแต่ผมกลับทำเพียงแค่จ้องตาไม่กะพริบและไม่ยอมปริปากพูดใดๆ กระทั่งชานยอลดึงแมสก์ให้ลงไปอยู่ใต้คางแล้วถามผมซ้ำ “แบคฮยอน นายรู้อะไรเกี่ยวกับปริศนาแล้วใช่ไหม? ตอบฉันสิ


                “ฉันไว้ใจนายได้จริงๆใช่ไหม?”


                ผมถามเขาเสียงแผ่ว คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันหลังจบคำถามนั้น ชานยอลเขยิบเข้ามาใกล้ก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้


                “ฉันเคยบอกนายไปครั้งหนึ่งแล้วใช่ไหม ว่านายเชื่อใจฉันได้” ผมพยักหน้าน้อยๆ ตาของเรายังคงประสานกัน วินาทีนั้นผมเห็นประกายบางอย่างวูบไหวอยู่ในดวงตาของเขา แต่สิ่งที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือใบหน้าของผมที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น


             “ฉันขอให้นายจำให้ขึ้นใจ ว่านายเชื่อใจและไว้ใจฉันได้


                ทุกคำพูดประทับลงในสมองของผม อาวุธของชานยอลมีทั้งน้ำเสียงที่เหมือนจะทำลายกำแพงแห่งความสงสัยที่ผมมีต่อตัวเขา และสายตาที่เหมือนย้ำให้ผมมั่นใจว่าทุกคำพูดของเขานั้นคือเรื่องจริง


              ชานยอลยังคงมีชั้นเชิงร้ายกาจที่ทำให้คนฟังยอมเอนอ่อนและคล้อยตามไปกับทุกๆคำที่เขาพูด


                “นายเอาปริศนามาได้ยังไง?”


                ผมยังคงตั้งคำถาม ชานยอลพ่นลมหายใจแรงๆเหมือนถูกขัดใจที่ผมไม่มีทีท่าตอบรับคำพูดของเขา ผมไม่ได้แสดงออกว่าผมไว้ใจเขาแล้วหรือไม่ มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ใจตัวเองดีว่า ณ เวลานี้ผมเชื่อในตัวชานยอลมากน้อยแค่ไหน


                เขาปล่อยมือออกจากไหล่ของผมก่อนจะถอยไปยืนพิงผนัง เสียงครึกโครมจากภายในสนามยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อชานยอลพูดเสียงเหล่านั้นกลับไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด


                “พวกฉันรู้ปริศนากันทุกคนแต่ไม่รู้ว่าวิธีแก้คืออะไร เอสมั่นใจมากว่าระเบิดจะทำงานก่อนที่พวกนายจะไขปริศนาได้ ฉันจึงต้องมาช่วยนี่ไงล่ะ” ผมอ้าปากจะถามแต่ดูเหมือนว่าชานยอลจะรู้ทันเขาถึงได้ชิงพูดตัดหน้าซะก่อน “ที่ฉันมาช่วยก็เพราะฉันไม่เคยเห็นเอสพลาดมาก่อน ถ้าเราทำให้มันพลาดได้ บางทีเอสอาจจะเปิดเผยตัวตนให้ฉันรู้


                ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนที่ชานยอลจะเดินเข้ามาจับไหล่ของผมอีกครั้ง กลิ่นน้ำหอมแบรนด์คุ้นเคยอย่างฮิวโก้บอสลอยมาปะทะกับจมูก นั่นทำให้ผมได้รู้ว่าชานยอลใช้น้ำหอมแบรนด์เดียวกับหัวหน้าอี้ฝาน


                ไม่ใช่แค่ความฉลาดที่ทั้งหัวหน้าอี้ฝานและชานยอลมีเหมือนกัน แต่รสนิยมของพวกเขาก็ยังคล้ายกันอีกด้วย


    นายรู้อะไรก็รีบบอกฉันมา เรามีเวลาไม่มากหรอกนะ


                ผมคิดถึงสิ่งที่อยู่ในหัว พยายามถ่ายทอดให้ชานยอลเข้าใจได้ง่ายที่สุด แม้ผมจะไม่รู้ว่าที่ชานยอลพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริงมากแค่ไหน แต่ในเวลานี้

     

                ผมจะลองเชื่อใจเขาสักครั้ง


                “ที่จอแอลซีดีนั่น นายก็เห็นใช่ไหม?” ผมบอกเขา ชานยอลขานตอบในลำคอก่อนที่ผมจะพูดต่อไป “หมายเลขนักกีฬา 10 7  3 และ 4 มันตรงกับห้าหลักแรกของปริศนาที่เอสตั้งไว้ นักเบสบอลหมายเลข คังมินฮยอกคือผู้เล่นที่สำคัญที่สุด ซึ่งนั่นเหมือนกับเลข 4 ที่เอสเน้นย้ำไว้ ฉันว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกัน นายคิดว่าไง?”


                ชานยอลพยักหน้าคิดตาม คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ ผมรับรู้ได้ว่าความเครียดเริ่มเกาะกินความรู้สึกของเราสองคน เสียงที่ดังที่สุดระหว่างเราในตอนนี้คือเสียงลมหายใจของกันและกัน ผมจมอยู่ในความคิดอยู่นานจนกระทั่งชานยอลเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนี้ลง


    ระหว่างที่ฉันมาที่นี่ มีป้ายแสดงความยินดีต่อวันเกิดของคังมินฮยอกซึ่งก็คือวันนี้ ฉันคิดว่านายคงเห็นว่ามีแฟนเบสบอลเตรียมของขวัญมาให้หมอนั่นด้วย แสดงว่ามินฮยอกคงเป็นผู้เล่นสำคัญอย่างที่นายว่า


                ทั้งๆที่อากาศไม่ได้ร้อนแต่ผมกลับรู้สึกถึงความชื้นของเหงื่อที่ไรผมและขมับ ใช่ ผมเห็นว่ามีแฟนเบสบอลหลายคนที่เตรียมของขวัญมาแต่ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเตรียมให้ใคร อีกอย่าง เทาที่ชื่นชอบมินฮยอกนักหนาก็ไม่เห็นว่าจะเตรียมของขวัญอะไรมาเลยนี่


                “ชานยอล...” ในวินาทีที่ความเงียบส่งผลให้เกิดความกดดันนั้นเองที่ผมคิดอะไรขึ้นมาได้ “ถ้าการสันนิษฐานของฉันเกี่ยวกับตัวเลขและคังมินฮยอกถูก มันเป็นไปได้ไหมที่ระเบิดนั่นจะปนอยู่ในของขวัญของมินฮยอก?”


                “ก็อาจจะเป็นไปได้” สีหน้าจริงจังของชานยอลถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น ราวกับดวงตาของเขานั้นมีประกายวิบวับเมื่อคิดว่าเรากำลังก้าวเท้าเข้าสู่การไขปริศนาทีละก้าว


                “แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ระเบิดก็ต้องถูกเก็บไว้เป็นอย่างดีแล้วแบบนี้มันจะทำให้คนบาดเจ็บมากมายอย่างที่เอสบอกได้ยังไง?”


                ดวงตาสีน้ำตาลของชานยอลสบตากับผมเพียงครู่ก่อนรอยยิ้มมุมปากที่ก่อให้เกิดลักยิ้มบนแก้มของเขาจะปรากฏขึ้น


                ลองเสี่ยงกับฉันไหมล่ะแบคฮยอน?”


                ผมชะงักไปเพียงเสี้ยววิก่อนที่จะยิ้มตอบ แม้ตัวเลขอื่นๆจะยังไม่กระจ่าง แต่ผมมั่นใจว่าถ้ามีชานยอลอยู่ข้างๆในตอนนี้เขาจะต้องช่วยผมได้แน่


                ผมและชานยอลสบตากันอย่างสื่อความหมาย พวกผมอาจจะคลำทางมาถูกทางหรือผิดทางก็ได้


    ใครจะไปรู้




     

                เริ่มอินนิ่งแรก เป็นการบุกของทีมไจแอนท์วู้ด พิชเชอร์คือคังมินฮยอก หมายเลขสี่ ผู้ตีคืออีจงฮยอน หมายเลขสิบแปด โอ้ววว ลูกที่สามขว้างไปแล้วครับ!!”


                บอล!!”


                การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นแล้ว เสียงเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งสนาม พิชเชอร์อย่างมินฮยอกไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง เมื่อการขว้างลูกของเขาทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถตีลูกได้ เป็นผลทำให้คะแนนของทีมไจแอนท์วู้ดในตอนนี้ขึ้นนำอย่างสวยงาม


    แม้การแข่งขันจะเริ่มเข้มข้นแค่ไหน แต่เด็กหนุ่มที่ชื่นชอบเบสบอลเป็นจิตใจอย่างเทากลับมีสมาธิไม่มากพอที่จะจดจ่ออยู่กับเกมเลยแม้แต่น้อย เขาชะเง้อคอมองไปทางที่แบคฮยอนควรจะเดินกลับมาแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว


                “พี่แบคฮยอนไปนานจังวะ


                “ไปขี้เปล่าวะมึง” เควินตอบเพื่อนสนิทโดยที่สายตายังคงจดจ่อไปยังสนามที่การแข่งขันบีบหัวใจของทุกฝ่าย “มึงดูเอาเหอะ มินฮยอกแม่งจะขว้างลูกเทพไปละสัด จงฮยอนตีไม่ถูกสักลูก เดี๋ยวมึงดูอินนิ่งหน้าเถอะ บิ๊กโฮปกูต้องโกยคะแนนกลับมาได้แน่ กูมั่นใจ


                “มึงอย่ามั่นใจให้มากไอ้เควิน เดี๋ยวแพ้ขึ้นมาแล้วมึงจะร้องไห้


                คำพูดน่าหมั่นไส้จากเควินดึงให้เทาหันมาสนใจเกมในสนาม แม้สายตาของเขาจะมองไปยังมินฮยอกที่ตั้งท่าขว้างลูก แต่ภายในหัวนั้นเขายังคิดไว้ว่าแบคฮยอนจะกลับมาก่อนที่จะพลาดฉากสำคัญไป


                “ผมว่ามันไม่นานไปหน่อยเหรออี้ฝาน จนป่านนี้แล้วเอสยังไม่ติดต่อเรามาสักที


                เสียงเรียกของอี้ชิงดึงสติอี้ฝานที่นั่งครุ่นคิดถึงภารกิจให้กลับสู่เจ้าของ เขาอยู่กลุ่มเดียวกับอี้ชิงและคยองซูที่ตอนนี้ยังคงนั่งสังเกตผู้คนมากหน้าหลายตา พวกเขาคิดว่าอาจจะมีไนท์แมร์ซ่อนตัวปะปนอยู่ภายในสนามก็เป็นได้ อี้ฝานที่นั่งปนอยู่กับผู้คนหันไปมองหน้าอี้ชิงที่นั่งอยู่ข้างกาย ใช่ ทั้งๆที่เกมเริ่มไปกว่าสิบห้านาทีแล้วแต่ก็ยังไร้วี่แววการติดต่อจากเอส  


                หรือบางที เรื่องระเบิดที่เอสว่าอาจจะเป็นเรื่องหลอก? แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ เอสพูดจริงและทำจริงนั่นคือประสบการณ์ที่อี้ฝานเคยพบมา


                “บางทีมันอาจจะถ่วงเวลาเพื่อให้เราตายใจก็ได้ ผมว่าคุณอย่าเพิ่งตระหนกไปเลย” อี้ฝานแตะไหล่คนร่างผอมเบาๆเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นกังวล หากจะพูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา คำว่า มิตรภาพ อาจจะเหมาะสมที่สุดแล้ว


                แต่แน่นอนว่าในสายตาของแบคฮยอน อี้ฝานคือคนที่ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดและอี้ชิงคือเหตุผลหลักในทุกๆการกระทำของอี้ฝาน


                แต่แบคฮยอนไม่เคยรู้...ไม่เคยรู้เลยว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงของพวกเขาทั้งสองนั้นเป็นยังไง


                แบคฮยอนไม่เคยรู้เลย


                “ดูคุณซะก่อนเถอะอี้ฝาน หน้าเครียดยิ่งกว่าพวกเราทั้งหน่วยรวมกันซะอีก


                อี้ชิงว่าอย่างติดตลกเรียกรอยยิ้มจากหัวหน้าทีมเอได้อย่างไม่ยาก หากแบคฮยอนคือคนที่อี้ฝานรัก อี้ชิงเองก็เป็นคนที่ร่างสูงอยู่ด้วยแล้วไม่เคยอึดอัดใจเลยสักครั้ง อาจจะเรียกได้ว่าหัวหน้าตัวเล็กของทีมบีเป็นความสบายใจของอี้ฝานก็ว่าได้


                “เดี๋ยวผมจะลองไปเดินสำรวจรอบนอกดู เผื่อจะได้เบาะแสอะไรบ้างแล้วผมจะติดต่อมา


                อี้ชิงพยักหน้าก่อนจะเขยิบตัวเพื่อให้อี้ฝานเดินได้สะดวกขึ้น ในขณะที่อี้ฝานกำลังจะลุกออกไปนั่นเอง หูฟังที่แนบอยู่กับใบหูก็มีสัญญาณแทรกเข้ามา ส่งผลให้คนตัวสูงชะงักนั่งลงตามเดิม


                [พร้อมจะสนุกกันรึยัง?]


                เอส...ติดต่อมาแล้ว


                อี้ฝานแทบสบถหลังจากได้ยินคำนั้น ทั้งหน่วยสตาสและตำรวจต่างตั้งใจฟังสิ่งที่กำลังจะได้ยินกันถ้วนหน้า สารวัตรมินซอกทำสัญญาณมือให้ตำรวจส่วนหนึ่งไปประจำที่เพื่อตรวจสอบค้นหาเอสตามแผนที่ตกลงกันไว้ มีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ที่เอสอาจจะแฝงตัวอยู่ในสนามเช่นเดียวกับพวกไนท์แมร์


                [รอปริศนากันอยู่สินะ เอาล่ะ ฉันจะไม่พูดมากแล้วกันกลัวว่าพวกแกจะอกแตกตายกันซะก่อน]


                “ไอ้เชี่ยนี่...” คยองซูเผลอสบถคำหยาบด้วยความขุ่นเคืองก่อนที่จะถูกอี้ชิงปรามด้วยสายตาให้เงียบและรอฟังต่อไป


                [ปริศนาอยู่ในโทรศัพท์ที่ฉันซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งแถว แต่ของโซนไหนฉันคิดว่าพวกแกน่าจะมีปัญญาหาเจอ เมื่อพวกแกเจอปริศนาแล้ว...ซึ่งฉันก็ไม่มั่นใจว่าจะเมื่อไหร่แต่ระเบิดจะทำงานเมื่อทีมบิ๊กโฮปทำสไตรค์แรกได้และแกจะมีเวลาสามสิบนาทีในการหาระเบิดก่อนที่มันจะตู้มมมม!]


                เราจะเริ่มอินนิ่งที่สองซึ่งเป็นการบุกของทีมบิ๊กโฮปแล้วนะครับ ในอินนิ่งแรกนั้น ทีมไจแอนท์วู้ดทำคะแนนไว้ได้ดีเยี่ยมสมกับที่มีทีมชาติอยู่ในทีมจริงๆครับบบบ!!”


                เสียงของโฆษกประกาศให้รู้ว่าเกมที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว คราวนี้ทีมบิ๊กโฮปมีโอกาสเป็นฝ่ายบุกซึ่งนั่นหมายความว่าบิ๊กโฮปมีโอกาสทำสไตรค์และเวลาการค้นหาปริศนานั้นกำลังลดลงเรื่อยๆ เสียงเชียร์ยังคงดังอย่างต่อเนื่องแต่สิ่งที่อี้ฝานได้ยินตอนนี้มีเพียงแค่เสียงแปร่งๆอันกวนประสาทของเอสเท่านั้น


    [ระเบิดสิบสองลูกมากพอที่จะทำให้มีคนตายไม่ต่ำกว่าห้าร้อย แต่ถ้าแกกำจัดลูกที่เป็นเครื่องหลักได้อีกสิบเอ็ดลูกที่เหลือก็จะหยุดทำงานไปด้วย]


    อี้ฝานไม่แน่ใจว่าระหว่างเสียงหัวใจที่ดังเพราะความกังวลที่เพิ่งรู้ว่าระเบิดไม่ได้มีเพียงลูกเดียวกับเสียงความโกรธที่แล่นไปทั่วทั้งร่างนั้นเสียงใดที่ดังมากกว่ากัน


    [ถือว่าฉันใจดีมากนะที่บอกพวกแกละเอียดขนาดนี้ ไม่ต้องซาบซึ้งไปหรอกน่า เอาล่ะ ฉันหวังว่าพวกแกจะโชคดีหรือไม่....ก็ตายๆไปซะ]


                อี้ฝานสบตากับอี้ชิง พยายามตั้งสติระงับความโกรธ แถว G ที่พวกเขาต้องค้นหาโทรศัพท์เพื่อเอาปริศนานั้นมีถึงสิบห้าโซน สิ่งสำคัญคือพวกเขาต้องทำแข่งกับเวลา ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต่างรู้ถึงหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำตามแผนที่วางกันไว้แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่าการทำตามแผนนั้นคือการทำให้สำเร็จ


                “สไตรค์!!!!”


                “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!!!”


                ยังไม่ทันที่จะขยับตัวด้วยซ้ำ เสียงประกาศจากกรรมการในสนามก็ทำให้ทุกคนรู้โดยทั่วกันว่าบิ๊กโฮปสามารถทำสไตรค์แรกได้ภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ และนั่นหมายความว่า....ระเบิดได้ทำงานแล้ว


                “เหี้ยแล้วไงครับหัวหน้า” 


                “คุณช่วยเงียบหน่อยได้มั้ยคยองซู


                คยองซูเผลอพูดอย่างลืมตัวอีกครั้งจนอี้ชิงหันมามองอย่างเอาเรื่อง ตอนนี้ในหัวใจของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดต่างเคร่งเครียด วินาทีนั้นเองที่อี้ฝานส่งสัญญาณหาแบคฮยอนด้วยโค้ดเนมที่ตั้งไว้เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปได้ง่าย เขาแค่ต้องการเช็คให้มั่นใจว่าคนผลีผลามอย่างแบคฮยอนยังคงอยู่ในกฎและแผนการอย่างที่ตกลงกัน


              “คริสเรียกบี ตอบด้วย!”


                ไร้ซึ่งการตอบรับ อี้ฝานขมวดคิ้วพร้อมกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เขาลองพูดกับไมค์ขนาดเล็กที่ติดไว้ตรงปกเสื้อเพื่อสื่อสารกับแบคฮยอนอีกครั้ง


                คริสเรียกบี ตอบด้วย!”


                อี้ชิงและคยองซูที่มองอยู่ส่งสายตาเป็นคำถาม หัวหน้าทีมเอก้มลงกระซิบบอกกับอี้ชิงและนั่นก็ตามมาด้วยท่าทางตกใจของอีกฝ่าย “ผมติดต่อแบคฮยอนไม่ได้


                เขารับรู้ถึงความผิดปกติว่าแบคฮยอนอาจจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ก็กำลังทำนอกเหนือคำสั่งอยู่เป็นแน่


                อี้ฝานได้แต่หวัง ว่าแบคฮยอนนั้นจะปลอดภัย




     

                ผมไม่แน่ใจนักว่าเอสจะส่งสัญญาณถึงพวกเราในเวลาไหน ทั้งๆที่เกมดำเนินไปหลายนาทีแล้วแต่ก็ยังไร้วี่แววการติดต่อมา บางทีหมอนั่นอาจจะทำเป็นถ่วงเวลาเพื่อปั่นประสาทพวกเราก็ได้ และผมคงต้องยอมรับว่าเขาทำสำเร็จ เพราะในตอนนี้ความเครียดและความกังวลนั้นได้กระจายไปทั่วทั้งความรู้สึกของผมแล้ว 


    เบื้องหน้าในเวลานี้คือห้องสตาฟของทีมไจแอนท์วู้ด ชานยอลติดตามผมอยู่ไกลๆเพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสังเกต ผมจัดการส่งข้อความไปหาเทาเพื่อไม่ให้เขาสงสัยเรื่องที่ผมหายไปนานก่อนที่จะเริ่มต้นทำในสิ่งที่ตั้งใจ


                พี่ท้องเสียอ่ะ อาจจะเข้าไปช้าหน่อยนะ


                สตาฟทำท่าเหมือนจะไล่เมื่อผมเดินดุ่มๆเข้าไป ผมยื่นบัตรเจ้าหน้าที่หน่วยS.T.A.S.ให้ดู พวกเขาเบิกตาอย่างตกใจก่อนที่จะมองผมอย่างไม่เชื่อสายตา แหงล่ะ ผมอาจเป็นสตาสคนแรกเลยมั้งที่พวกเขาจะได้เห็นหน้าน่ะ


                “ผมคาดว่าอาจจะมีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลกำลังจะเกิดขึ้น สิ่งที่ผมต้องการคืออยากรู้ว่ามีคนให้ของขวัญคังมินฮยอกบ้างไหมครับ?”  สตาฟทั้งสามมีสีหน้าฉงนแต่ก็ยังตอบคำถามของผมด้วยน้ำเสียงที่ติดจะสั่นเล็กน้อย


                “อะ...เอ่อ...มีครับ ก่อนที่จะเริ่มแข่งมีคนฝากของขวัญมาให้คุณมินฮยอกเยอะแยะเลย


                “แล้วพวกคุณเก็บมันไว้ที่ไหน?” ชานยอลที่ตามเข้ามาแล้วเอ่ยถามบ้าง เขากลับมาใส่หมวกและดึงแมสก์ไปปกปิดใบหน้าไว้แล้ว แต่ผมอยากจะบอกว่าความดูดีของเขาก็ยังไม่อาจถูกกลบได้เพียงแค่เครื่องอำพรางตัว


                จากใจจริงเลย ผมหมั่นไส้ชานยอล


                “ผมเป็นคนเอามันไปเก็บไว้เองครับ อยู่ในนี้


                หนึ่งในสามของสตาฟชี้ไปยังห้องๆหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปข้างใน ผมมองตามไปก่อนจะหันมาพูดอย่างสุภาพเพื่อไม่ให้ทุกคนตกใจ


                “ขอความกรุณาให้ความร่วมมือและอย่าบอกเรื่องนี้แก่ใครนะครับ


                ผมถูกพาเข้ามาในห้องๆหนึ่ง ดูแล้วน่าจะเป็นห้องพักนักกีฬา  ผมให้สตาฟไปให้ไกลจากห้องนี้และกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาได้ ชานยอลเดินมายืนข้างผมจนท่อนแขนของเราสัมผัสกัน เบื้องหน้าปรากฏของขวัญมากมายตามที่คาดไว้วางอยู่บนโต๊ะเหล็ก ผมกับชานยอลช่วยกันแยกของขวัญที่เป็นพัสดุออกจากช่อดอกไม้และของจุกจิก ของขวัญที่เป็นกล่องนั้นมีราวๆสิบสี่กล่องได้ ผมคิดว่าเราอาจจะต้องแกะดูทุกกล่อง ถึงจะเป็นการกระทำที่เสียมารยาทต่อมินฮยอก แต่ในเวลานี้เราไม่มีทางเลือกอื่น


    แต่ในตอนนั้นเองที่สายตาของผมสะดุดเข้ากับกล่องๆหนึ่ง


    มันไม่มีลวดลายสลักสลวยเหมือนชิ้นอื่นๆ แต่เป็นเพียงแค่กระดาษเรียบๆที่ห่อกล่องทรงสี่เหลี่ยมไว้ข้างใน ผมหยิบมันขึ้นมาอย่างเบามือพร้อมจดจ้องมันอยู่อย่างนั้น


    กล่องนี่เหรอ?” ชานยอลถาม ผมยักไหล่ส่งๆก่อนที่จะถามเขากลับ


    เสี่ยงดูไหมล่ะ?”


    เอาสิ” และรอยยิ้มของเขาก็เป็นคำตอบว่าเขาพร้อมที่จะเสี่ยงไปกับผม


    ชานยอลอาสาเป็นคนแกะกล่องนั้นเอง มือของเขานิ่งมากจนผมไม่อยากเชื่อ เขาไม่ได้ฉีกกระดาษออกอย่างรีบร้อน แต่กลับค่อยๆบรรจงแกะมันออกจนไม่มีกระดาษส่วนไหนที่ฉีกขาดเลย นั่นทำให้ผมรู้ว่าชานยอลเป็นคนรอบคอบมากแค่ไหน หากข้างในเป็นระเบิดจริง ความมือนิ่งของชานยอลก็จะไม่ทำให้มันกระทบกระเทือน


    เพียงไม่กี่อึดใจ สิ่งของที่อยู่ภายในก็ปรากฏแก่สายตา


    มันคือ...กล่องเหล็กที่มีฟันเฟืองให้หมุนรหัสคล้ายตู้เซฟ


    จากการดูลักษณะรูปทรงฟันเฟืองและจากประสบการณ์ที่เคยทำภารกิจที่คล้ายกับกรณีนี้ พบว่ากล่องนี้มีคุณสมบัติที่คล้ายกับตู้เซฟคุณภาพสูง นั่นหมายความว่าหากผมใส่รหัสผิดเพียงครั้งเดียวมันจะล็อคตัวเองทันทีและจะเปิดไม่ได้อีกแน่นอน ซึ่งผู้ที่รู้รหัสและสามารถใช้กล่องเหล็กลักษณะนี้ได้อย่างไม่ผิดพลาดนั้นมีเพียงผู้เดียว คือเจ้าของของมันเท่านั้น


    ในเวลานี้ ผมมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนี้...คือระเบิดที่เอสซุกซ่อนไว้


    คงไม่มีแฟนเบสบอลคนไหนที่อยากให้ของขวัญวันเกิดแก่นักเบสบอลในดวงใจเป็นกล่องประหลาดนี่แน่ๆ


    เรายังเหลือตัวเลขอีกสี่ตัวแต่กล่องนี้ใช้รหัสแค่สาม แต่ว่าเลขในปริศนาที่เหลือตอนนี้มีแค่สองตัวเท่านั้นคือเลข1กับ0”


    ผมบอกชานยอล ตอนนี้พวกผมเหลือตัวเลขในปริศนาเพียงแค่ 0 1 (1) 0 แต่ผมไม่รู้ว่าเหตุใดเลขหนึ่งถึงถูกเน้นย้ำไว้หรือบางทีนี่อาจเป็นตัวเลขสำคัญ


    ตอนนี้เราแน่ใจได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าข้างในนี้มีระเบิด เอางี้นะ ฉันจะไปบอกให้สตาฟกันที่นี่ให้แน่นหนากว่าเดิม นายอย่าเพิ่งทำอะไรกับกล่องนี้จนกว่าฉันจะกลับมา เข้าใจใช่ไหม?”


    ผมพยักหน้าตอบก่อนที่เขาจะลุกจากไป ผมมองแผ่นหลังที่ทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ก่อนจะกลับมามองกล่องในมือ เลขสี่ตัวแต่รหัสสามหลัก เลขหนึ่งเป็นเลขที่ผมมั่นใจว่าทิ้งมันไปไม่ได้เด็ดขาด


    0 1 (1) 0


    ผมต้องการเพียงแค่สามตัว แต่มันจะเป็นตัวไหนกันล่ะ ความน่าจะเป็นที่เลขสี่ตัวนี้จะสลับที่กันมีหลายตำแหน่งจนยากที่จะเดาได้ ผมรู้สึกได้ว่าเส้นประสาทเต้นตุบจนเริ่มปวดหัว ความตึงเครียดครอบงำผมในทุกช่วงของลมหายใจ ผมควรทำยังไงในตอนนี้ รอชานยอลกลับมางั้นเหรอ? แล้วถ้าเขากลับมาแล้วยังไงต่อล่ะ? ไม่มีหลักฐานยืนยันนี่ว่าชานยอลจะช่วยผมไขปริศนาได้จริงๆ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดที่ผมควรจะทำนั่นก็คือวิธีของผมเอง


     ผมเดินไปล็อคประตูห้องก่อนที่ชานยอลจะกลับเข้ามา ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมจะแก้มันด้วยตัวเอง


    แบคฮยอน!”


    เสียงเรียกของชานยอลดังลั่นอยู่นอกประตูแต่ผมไม่สนใจ ผมนั่งคิดถึงปริศนาและจ้องมองไปที่ฟันเฟืองไขรหัสอย่างเอาเป็นเอาตาย อย่างน้อยหากมันจะเกิดความผิดพลาด ผมก็จะโทษว่ามันคือความผิดของผมคนเดียว ไม่มีใครมาเกี่ยวข้อง


    แบคฮยอนเปิดประตูเดี๋ยวนี้!”


    ชานยอลเรียกผมและเขย่าประตูอยู่อีกหลายครั้งจนกระทั่งผมได้ยินเขาสบถก่อนที่เสียงจะเงียบหายไป ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ บางทีเขาอาจจะเกิดกลัวตายขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่นั้นคือระเบิด แต่ก็ช่างเถอะ ผมไม่ได้สนเขาอยู่แล้ว


    ผมตั้งสติก่อนจะปล่อยให้ความคิดแล่นไปมาในสมอง รหัสสามหลักนั้นจะเป็นอะไรได้บ้าง ในเมื่อเลข 1ที่ถูกเน้นย้ำนั้นไม่ควรที่จะถูกตัดออก งั้นมันก็น่าจะเป็นได้ทั้ง  010   110   011 และ  101


    ถึงแม้จะมีรหัสจำนวนไม่มาก แต่ผมมีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ผมไม่รู้เลยว่าควรจะใช้รหัสไหนกันแน่


    หรือบางที...


    เลขหนึ่งที่อยู่ในวงเล็บนั่นต่างหากคือเลขที่ไม่จำเป็น


    ไม่ว่าความคิดของผมจะผิดหรือถูกแต่ผลจากการกระทำของผม ผมจะรับผิดชอบมันเอง


    ผมหมุนฟันเฟืองไปที่รหัสตัวแรกตามที่คิดไว้ เสียงแกร่กๆยามที่หมุนฟันเฟืองนั้นเหมือนเสียงกระตุ้นให้หัวใจของผมเต้นเร็วรัวจนแทบกระดอนออกมาจากแผ่นอก


    0


    รหัสหนึ่งตัวเปรียบเสมือนหนึ่งก้าวที่ผมเดินเข้าสู่ความเสี่ยง


    1


    ผมแค่ภาวนาขอให้ความคิดของผมนั้นถูก แม้พระเจ้าจะไม่เคยเมตตาผมเลยก็ตาม แต่ครั้งนี้ ผมไม่ได้ทำเพราะชีวิตของผมเอง แต่ผมทำเพราะชีวิตของประชาชน เพราะชีวิตของเทา ครอบครัวของผม


    0


    และตัวเลขสุดท้ายคือเลขชี้ชะตา...

     

    กริ๊ก


    เสียงสัญญาณนี่มัน...


    บอกว่ารหัส...ถูกต้อง


    ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก เหงื่อไหลจากข้างขมับผ่านไปจนถึงลำคอ ลมหายใจถูกพรูออกมาจากริมฝีปากเพื่อระบายความตึงเครียด ผมโล่งใจได้ไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำเพราะเสียงต่อมาที่ทักทายทันทีที่ผมเปิดกล่องก็ทำให้ผมแทบหยุดหายใจ


    ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด


    และสิ่งที่ผมไม่เคยวาดฝันว่าจะเกิดขึ้นก็ทำให้ผมรู้ซึ้ง


    เพราะระเบิด อยู่ตรงหน้าผมแล้ว

     



    นาฬิกาข้อมือจับเวลาถอยหลังจากสามสิบนาทีทันทีหลังจากที่บิ๊กโฮปทำสไตรค์แรกได้ เซฮุนเป็นผู้ค้นหาโทรศัพท์ที่มีปริศนาได้ก่อนจะทำการส่งรหัสให้แก่เจ้าหน้าที่ทุกคน พวกเขาต้องไขปริศนาก่อนที่เวลาจะหมดลงซึ่งนั่นเป็นเรื่องยากที่บีบหัวใจ ถึงแม้ว่าจอแอลซีดีจอยักษ์จะยังคงฉายรายชื่อนักกีฬาซ้ำไปมาแต่ก็ไม่มีใครได้สนใจ 


    [ไคเรียกคริส ตอบด้วย!] 


    คริส รับทราบ!”


    [ผมทำการติดต่อกับบีแต่ไร้การตอบรับ จากการตรวจสอบของเฉินพบว่าสัญญาณของบีถูกตัดครับ]


    จงอินเป็นผู้เรียกเข้ามาและรายงาน จงแดตรวจสอบพบว่าสัญญาณของแบคฮยอนนั้นถูกตัดไปแล้วซึ่งนั่นทำให้เกิดความเครียดในหัวใจของอี้ฝานเพิ่มมากขึ้นไปอีก 


    แก้ปริศนาให้ได้ก่อน เรื่องของบีค่อยว่ากันทีหลัง


    แม้เขาจะบอกแบบนั้นแต่ในใจของเขาเป็นห่วงแบคฮยอนเหลือเกิน


    แบคฮยอน...เรายังปลอดภัยดีใช่ไหม?

      




    พี่แบคฮยอนบอกว่าท้องเสียว่ะ แต่เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลยนะเว้ย


    อีกฟากของสนามเทาบอกกับเควินด้วยท่าทีไม่สบายใจนัก แต่เควินหาได้สนใจเพราะในสนามเวลานี้บิ๊กโฮปทีมโปรดของตนกำลังทำคะแนนได้สวยตามที่ตั้งเป้าไว้


    เชี่ยเควิน ฟังกูอยู่เปล่าวะ


    เออ พี่แบคฮยอนแค่ท้องเสียเว้ยไม่ได้ไปหลับในห้องน้ำ เดี๋ยวก็กลับมาน่า


     ในขณะที่เทากำลังจะอ้าปากเถียงกับเพื่อนสนิท วินาทีนั้นเองที่เก้าอี้ของแบคฮยอนถูกแทนที่ด้วยร่างสูงโปร่งของบุคคลแปลกหน้า


    โทษนะพี่ ตรงนี้มีคนนั่งแล้ว” เทาหันไปบอกด้วยอาการไม่สบอารมณ์นัก แต่เมื่อเห็นหน้าของผู้มาใหม่อย่างชัดเจนก็ตกใจจนร้องดังลั่น “อูบิน!”


    ไงเรา


    คิมอูบินนักข่าวช่องกีฬาผู้มีชื่อเสียงที่เดินมานั่งข้างเด็กหนุ่มเรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนได้ไม่น้อย แม้กระทั่งเควินก็ยังละสายตาจากสนามมามองก่อนที่จะทำตาโต


    แต่อย่างที่คุณก็รู้ดี ว่าตัวตนอีกด้านของคิมอูบินนอกจากการเป็นนักข่าวนั้น เขาเป็นอะไร…


    พี่ขอนั่งตรงนี้สักพักนะ ยืนทำข่าวมานานแล้ว เมื่อยไปหมด


    ได้เลยพี่” เควินตอบแทนอย่างดี๊ด๊า


    แต่ว่า...


    ถ้าเจ้าของที่กลับมาพี่จะลุกไปเอง โอเคไหม?”


    ...ก็ได้ครับ”  แม้จะไม่เต็มใจนักแต่เทาก็ต้องตอบรับอย่างเสียไม่ได้


    ในขณะที่คุยกันนั้นเอง อูบินได้ส่งเครื่องดักฟังขนาดเล็กเหน็บไว้ที่ชายเสื้อของเทาโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น หากนี่คือน้องชายคนสนิทของแบคฮยอน เครื่องดักฟังนี้จะทำให้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ตัวเล็กนั้นอยู่ที่ไหนซึ่งนั่นจะทำให้เขาจับตัวแบคฮยอนไปส่งผู้เป็นนายได้ง่ายขึ้น หรือบางทีตัวของเด็กวัยรุ่นคนนี้อาจเป็นข้อต่อรองชั้นดีที่จะทำให้การจับแบคฮยอนนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


    รอยยิ้มร้ายถูกจุดขึ้นมุมปากของนักข่าวผู้หล่อเหลาโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าภายในใจของเขานั้นคิดถึงเรื่องชั่วช้าแค่ไหน


    วินาทีเดียวกันนั้นเองที่อีกฝั่งสนาม ชานยอลที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของอัฒจันทร์กำลังถอนหายใจด้วยความเป็นกังวล เขาบังเอิญพบจงอินที่เดินสำรวจอยู่ตรงหน้าห้องพักนักกีฬา โชคดีที่อีกฝ่ายไม่เห็นเขา แต่โชคร้ายที่เขาไม่สามารถกลับไปหาคนตัวเล็กที่แสนเอาแต่ใจคนนั้นได้ เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้แบคฮยอนจะเป็นอย่างไรบ้าง


    โถ่เว้ย!! 


    และเขาทำได้เพียงแค่สบถอยู่กับตัวเองเท่านั้น



      

    บีเรียกคริส ตอบด้วย!” 


    บีเรียกไค ตอบด้วย!”


    บีเรียกดีโอ ตอบด้วย!”


    ผมพยายามติดต่อกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งหน่วยตำรวจแต่มันก็เปล่าประโยชน์  ไม่มีใครตอบรับจนผมเริ่มถอดใจ หูฟังของผมคงเกิดการขัดข้อง นั่นเท่ากับว่าตอนนี้เหมือนผมอยู่เพียงลำพังอย่างแท้จริง


    การกู้ระเบิดมีความเสี่ยงสูง ทุกวินาทีที่อยู่กับระเบิดหมายความว่าชีวิตของผมมีโอกาสตายได้ทุกเมื่อ ตอนที่ผมยังฝึกอยู่ในโรงฝึกพิเศษนั้นก็ได้ถูกฝึกให้กู้ระเบิดเช่นกัน แต่เราไมได้ฝึกกันอย่างจริงจังจนชำนาญเหมือนพวกตำรวจหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด แต่ ณ วินาทีนี้ ผมคงไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว


    ระเบิดเวลาถูกวางไว้ที่โต๊ะเหล็กตัวเดิม หน้าจอของระเบิดบอกว่าผมเหลือเวลาอีกเพียง8นาทีเท่านั้นกับการกำจัดมันทิ้ง


    08:00


    07:59


    07:58


    แต่ละวินาทีที่เสียไปเพิ่มความกดดันให้แก่ผม เหมือนหูของผมได้ยินเพียงแค่เสียงนับถอยหลังของระเบิดเท่านั้น วินาทีนั้นเองที่ผมมองหาของรอบตัวที่พอจะใช้ประโยชน์ได้


    จังหวะนั้นผมเห็นของขวัญชิ้นหนึ่งซึ่งถูกผูกโบว์ไว้และไม่ได้ถูกห่อแต่อย่างใด มันเป็นขวดแก้วที่บรรจุดาวกระดาษน่ารักไว้จนเต็มขวด ผมต้องขอขอบคุณและขอโทษคนที่ส่งของขวัญชิ้นนี้ให้มินฮยอกจากใจจริง


    เพล้ง!!


    ผมทุ่มขวดแก้วจนมันแตกกระจาย ดาวกระดาษกระจัดกระจายไปบนพื้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจ ผมหยิบเอาเศษแก้วที่ยังมีความคมมาถือไว้ในมือ


    เอาล่ะ  ผมคงต้องลองเสี่ยงตายดูสักตั้ง


    จากที่ดูระเบิดนี้น่าจะเป็นระเบิดเครื่องหลักที่หากกู้ได้ลูกอื่นๆก็จะหยุดทำงาน นั่นแสดงว่าที่นี่ไม่ได้มีระเบิดเพียงลูกเดียว วินาทีนั้นเองที่ผมได้คำตอบว่าระเบิดที่ซ่อนมากับของขวัญจะทำให้มีคนบาดเจ็บมากมายได้ยังไง 


    เอสยังคงร้ายกาจจนผมไม่สามารถประเมินความเลวร้ายที่แท้จริงของเขาได้เลย 


    เหงื่อไหลไปตามขมับจนมันเปียกชุ่มที่ไรผมและหยดลงสู่พื้น ราวกับหยดเหงื่อแต่ละหยดนั้นตอกย้ำความกดดันในเวลานี้ หัวใจของผมเต้นรัวจนรู้สึกปวดในอก ผมพยายามควบคุมมือไม่ให้สั่นก่อนที่จะใช้ความรู้ที่มีลงมือกู้ระเบิดด้วยตัวเอง


    อย่างน้อยหากจะมีคนตาย ผมก็อยากให้คนๆนั้นเป็นผมซะเอง


    ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด


    เวลายังคงดำเนินไปเรื่อยๆและคล้ายว่าเสียงนับถอยหลังจะดังขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ผมรู้ว่านั่นเป็นการคิดไปเอง แต่ทุกโสตประสาทของผมมีแต่เสียงเล็กแหลมที่บีบคั้นหัวใจจนผมเริ่มหายใจติดขัด ผมพยายามเรียกสติไม่ให้คิดอะไรไปไกลกว่านี้ ผมหลับตาลงก่อนจะเป่าปากเอาทุกความกดดันให้ออกไปจากความรู้สึก ผมบังคับมือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อไม่ให้สั่นก่อนจะค่อยๆกรีดเศษแก้วลงกับเส้นสีแดงของระเบิดอย่างช้าๆ


    ช้าๆ...และช้าๆ


    บ้าเอ๊ย...


    ผมสบถเมื่อคมของเศษแก้วบาดเข้าที่ข้อนิ้ว มันเจ็บแปลบแต่ไม่ได้ทำผมเสียสมาธิจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สติคือสิ่งที่ผมต้องมีในเวลานี้ ความประมาทเพียงเสี้ยววิก็ทำให้ผมตายได้


    03:07


    03:06


    03:05


     ผมพยายามเฉือนลงบนสายชนวนอย่างเบามือแม้จะถูกคมแก้วบาดแค่ไหนก็ตาม เวลาดำเนินไปนานเท่าไหร่ผมไม่อาจทราบได้ สิ่งที่ผมต้องมีคือความใจเย็นและสติ อะดรีนาลีนพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่างจนรู้สึกได้ว่าเสียงลมหายใจสะท้อนก้องไปทั่วห้อง ผมขยับข้อนิ้วอย่างช้าๆ...และช้าๆ


    ฉับ!


    และวินาทีสุดท้ายที่สายชนวนขาดสะบั้นลงทุกอย่างก็ดูคล้ายกับจะหยุดนิ่ง


    สายชนวนถูกตัดขาดไปแล้ว...แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าระเบิดหยุดการทำงาน ผมก็แค่ตัดสายชนวนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่จะทำในขั้นต่อไป  


                    ผมหลับตานิ่งก่อนจะลูบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเพื่อเรียกสติแล้วเริ่มทำการชำแหละระเบิดออกทีละชิ้นอย่างช้าๆ ผมไม่แน่ใจนักหรอกว่าผมจะมือนิ่งได้เท่ากับชานยอลไหมแต่นี่คือสิ่งที่ผมเลือกแล้ว


    ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด


    เสียงเล็กแหลมเงียบลงทันทีเมื่อผมแกะระเบิดออกจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม ซึ่งนั่นเป็นหลักประกันว่า...


    ระเบิดได้หยุดการทำงานแล้ว 


     ตัวบอกเวลาค้างอยู่ที่ 00:49 นาที 


    ผมกู้ระเบิดสำเร็จ ความจริงข้อนี้ทำให้ผมทรุดตัวนอนกับพื้นเย็นเฉียบอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งๆที่ผมไม่ได้วิ่งไปไหนด้วยซ้ำแต่เสียงหายใจที่ดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้องเป็นตัวบ่งชี้ว่าผมเหนื่อยแค่ไหน วินาทีนั้นเองบานประตูที่ผมล็อคได้เกิดเสียงโครมครามจนมันพังลงมาในที่สุดก่อนที่ร่างคุ้นตาจะปรากฏขึ้น


    ผมหวังว่านั่นจะเป็นชานยอล แต่กลับกลายเป็นหัวหน้าอี้ฝานที่เดินเข้ามาหา


    ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ คนอื่นเป็นห่วงแค่ไหน รู้บ้างไหม!!”


    เขาดูโกรธมาก ดวงตาของเขาแดงก่ำเหมือนคนที่ระงับอารมณ์ไว้แทบไม่อยู่ เขาดึงให้ผมลุกขึ้นแล้วมองผมด้วยสายตาที่ทั้งเป็นห่วงและโมโห ผมไม่ทันได้โต้ตอบ หัวหน้าอี้ฝานก็กระชากให้ผมเข้าสู่อ้อมกอด ผมพูดอะไรสักคำเพราะผมรู้ว่าเวลาหัวหน้าอี้ฝานโกรธนั้นเขาเป็นยังไง


    สนุกมากใช่ไหมแบคฮยอนที่ทำให้คนอื่นแทบเป็นบ้าเพราะเราแบบนี้?


    ผมพยายามดันตัวเองออกแต่ท่อนแขนแกร่งกลับรั้งผมไว้ เรายื้อยุดกันไปมาได้เพียงครู่ผมก็เป็นฝ่ายหมดแรงและยอมยืนนิ่งๆให้เขากอดอยู่แบบนั้น


    วินาทีนั้นเองที่ผมได้แต่คิด ว่าชานยอลหายไปไหนกันแน่?



     

    โดยที่แบคฮยอนไม่รู้เลยว่า หลังบานประตูมีสายตาคู่หนึ่งมองมายังภาพที่คนตัวเล็กถูกอี้ฝานกอดจนแทบจมหายไปในอ้อมอก มันเป็นสายตาเรียบนิ่งที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาแต่ในหัวใจของเขากลับมีหลากหลายความรู้สึกปะปนเสียมากมาย


    โกรธ หงุดหงิด โล่งใจ เป็นห่วง


    ทุกอย่างตีรวนอยู่ในหัวใจของเขา แต่ร่างโปร่งทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าหันหลังให้แก่ภาพนั้นแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ


    ชานยอลทำได้แค่นี้ เขาทำได้เพียงแค่มองเท่านั้น 




     

    มันกี่ครั้งแล้วแบคฮยอนที่คุณปฏิบัตินอกเหนือจากคำสั่ง หากคุณกู้มันไม่ได้รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณรู้ไหม!”


    เสียงของคุณคิมดังลั่นจนผมทำได้เพียงแค่ก้มหน้า ผมถูกพากลับมายังหน่วยทันทีหลังจากที่งานเบสบอลจบลง ผมได้คุยกับเทาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำก่อนที่จะต้องแยกออกมา คุณคิมดูโกรธผมมากกว่าหัวหน้าอี้ฝานหลายเท่านัก ทั้งทีมเอและทีมบีต่างเอาใจช่วยด้วยการส่งสายตามาจากข้างนอกห้องเพราะทุกคนรู้ว่าผมคือคนที่กู้ระเบิดได้


    คุณจะกลายเป็นฆาตกรแทนที่จะเป็นฮีโร่ การเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ดีแต่คุณผิดพลาดมากี่ครั้งแล้ว ถึงแม้คุณจะกู้ระเบิดได้แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณอยู่ในหน้าที่


    ผมไม่แม้แต่จะขานรับ คุณคิมอาจจะมองว่าสิ่งที่ผมทำมันคือความอวดดี แต่จะให้ผมทำยังไงในเมื่อถ้าผมไม่ทำระเบิดลูกนั้นพร้อมกับอีกสิบเอ็ดลูกที่จงอินบอกผมมันก็ต้องระเบิด แล้วชีวิตของประชาชนล่ะ? จะให้ผมอยู่เฉยๆอย่างงั้นหรือ?  ถ้าเป็นคุณที่อยู่ในสถานการณ์นั้นแทนผม คุณจะทำยังไงล่ะ?


    ผมชื่นชมที่คุณกู้ระเบิดได้ด้วยตัวเองแต่คุณทำเกินจากหน้าที่มาหลายครั้งแล้ว ถ้าผมไม่ทำอะไรกับคุณบ้างคนอื่นอาจเอาเป็นเยี่ยงอย่างได้ คุณเข้าใจใช่ไหม?”


    ครับ


    เอาล่ะ ผมคิดว่าคุณควรไปพักคิดทบทวนสักหนึ่งอาทิตย์ ใช้เวลาช่วงนั้นคิดว่าควรทำอย่างไรกับนิสัยที่ไม่ฟังใครของคุณซะบ้าง เชิญ


    ผมโค้งลาคุณคิมที่ไม่แม้แต่จะมองผมด้วยซ้ำ เอาล่ะ ตอนนี้เรื่องจริงก็คือผมถูกพักงาน ทุกคนเข้ามาแสดงความเป็นห่วงและเสียใจไม่เว้นแม้แต่จินกิ ที่โทษว่าตนสะเพร่าจนไม่ทันรับรู้ว่าสัญญาณของผมถูกตัดจึงไม่สามารถเชื่อมสัญญาณของผมกับคนอื่นๆได้


    แต่ก็ช่างเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะมาคร่ำครวญหรอก


    จงอินเป็นคนเล่าให้ผมฟังทั้งเรื่องที่เอสติดต่อมา เรื่องที่เขาสืบถามจากสตาฟจนรู้ว่าผมอยู่ที่ไหนหรือแม้กระทั่งเรื่องที่ฝ่ายตำรวจจะเรียกสอบปากคำทั้งคังมินฮยอกและสตาฟเกี่ยวกับผู้ให้ของขวัญซ่อนระเบิดกล่องนั้น


    แต่เชื่อผมเถอะ ว่าไม่มีใครจำหน้าคนที่ให้ของขวัญกล่องนั้นได้หรอก ผมเอาหัวเป็นประกันเลย 


    ไม่เป็นไรใช่ไหม?” หัวหน้าอี้ฝานเดินเข้ามาหาผมเป็นคนสุดท้ายหลังจากที่คนอื่นๆคุยกับผมจนหมดแล้ว เขาดูสงบลงและไม่โกรธผมเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ความเป็นห่วงที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเขาก็ทำให้ผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรให้มันมากความ


    ครับ


    แบคฮยอน...พี่ถามจริงๆนะ


    “…”


    เรามีอะไรปิดบังพี่อยู่รึเปล่า?”


    คำถามของหัวหน้าอี้ฝานเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา ผมไม่ตอบอะไรกลับไปและทำได้แค่สบตาคู่คมนั้นอย่างพยายามให้เป็นปกติที่สุด ผมไม่รู้ว่าหัวหน้าอี้ฝานหมายถึงอะไรแต่ผมคิดว่าเขาจะต้องมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวผมแล้วแน่ๆ


    พี่จะไม่ถามว่าทำไม...ทั้งๆที่สัญญาณของเราถูกตัดแต่กลับไขปริศนาได้ก่อนคนอื่น” 


    “…”


    ไม่ว่าเรากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ พี่เชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดี พี่ไว้ใจเรานะ


    หัวหน้าอี้ฝานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะบีบไหล่ของผมเบาๆ ผมไม่ตอบอะไรเขาและขอบคุณที่เขาไม่ถามจนทำให้ผมรู้สึกแย่ แต่ในใจของผมนั้นร้อนรนเหมือนคนที่มีความผิดปกปิดไว้ เหตุใดหัวหน้าอี้ฝานจึงตั้งคำถามนี้กับผม เขารู้เรื่องผมกับชานยอลอย่างนั้นเหรอ?


    ผมได้แต่หวัง ว่าการสันนิษฐานของผมนั้นจะผิดพลาด


    หัวหน้าจะไปไหนต่อเหรอครับ?


    ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมถามเขาไปแบบนั้นแต่กว่าจะรู้ตัวผมก็เอ่ยออกไปซะแล้ว มันคงเหมือนกับคนที่ปิดบังความผิดแล้วเปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อเบี่ยงเบนให้อีกฝ่ายลืมเรื่องของเราล่ะมั้ง


    พี่กะว่าจะไปเยี่ยมลู่หานน่ะ อยากไปด้วยกันไหม?”


    ครับ ผมจะไปด้วย


    เขาชวนผมไปเยี่ยมลู่หานและผมไม่ปฏิเสธ ผมคิดถึงเซฮุนที่เคยบอกว่าถ้าจะไปเยี่ยมลู่หานให้บอกเขาด้วย แต่ในเวลานี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะชักชวนใครมากนักหรอก


    ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผมนั่งรถของหัวหน้าอี้ฝานมาที่โรงพยาบาลแทนที่จะขี่CBR ของตัวเอง เขาพาผมเดินไปที่โซนคนไข้วีไอพีอย่างชำนาญทำให้ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาหาลู่หาน


    หัวหน้าอี้ฝานมักเป็นแบบนี้เสมอ เขาไม่เคยปล่อยมือจากลูกทีมเลย เขาใส่ใจ เขาให้ความสำคัญ เขาจึงเป็นคนที่พวกเราเคารพ


    ชั้นสิบเอ็ดคือห้องที่ลู่หานพักฟื้นอยู่ เพียงแค่เราเปิดประตูเข้าไปก็พบลู่หานที่นอนอยู่บนเตียง เมื่อเขาหันมาเห็นผมกับหัวหน้าอี้ฝาน ลู่หานก็ยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลจนผมต้องรีบเดินไปช่วยพยุงให้เขานั่งได้สะดวกขึ้น 


    ไง มีคนมาเยี่ยมบ้างไหม


     หัวหน้าอี้ฝานเอ่ยคำทักทาย ลู่หานโค้งหัวทำความเคารพและยิ้มให้กับผม เขาน่าจะดูแข็งแรงขึ้นมากแล้วแต่ที่แขนยังคงใส่เฝือกและมีผ้าพันไว้ที่ช่วงตัวเพราะซี่โครงหัก


    นอกจากคุณแล้วก็มีสารวัตรมินซอกล่ะครับ หวัดดีแบคฮยอน


    ลู่หานตอบก่อนจะหันมาทักทายผม สารวัตรมินซอกกับลู่หานเป็นเพื่อนกันไม่แปลกที่ตำรวจคนเก่งคนนั้นจะมาเยี่ยมเขา


    ผมวางกระเช้าผลไม้ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะมองลู่หานที่คุยกับหัวหน้าอี้ฝานอย่างสนิทสนม ดวงตาคล้ายกวางของเขายังคงดูสวยและน่ามองเสมอ ผมได้แต่หวังว่าเขาจะหายภายในเร็ววัน


    หัวหน้าอี้ฝานคุยกับลู่หานอยู่พักใหญ่ ผมที่นั่งอยู่ข้างๆฟังเขาเล่าเรื่องราวนู่นนี่ไปเรื่อยๆ มีบ้างที่ผมจะเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา กระทั่งหัวหน้าอี้ฝานจะทำการแจ้งข่าวร้ายให้ลู่หานได้ทราบ


    ลู่หาน


    ครับ?


    ฮโยยอน...เธอตายแล้วนะ


    ลู่หานมีสีหน้าสลดไปในทันทีหลังจากสิ้นคำนั้น เขาหันมาหาผมช้าๆเหมือนกับจะถามว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่และเมื่อผมพยักหน้าตอบเขาก็มีท่าทีราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง


    หลังจากที่นายโดนทำร้าย พวกไนท์แมร์ก็ตามไปฆ่าเธอถึงที่บ้าน เราจัดงานศพให้เธอไปแล้วและฉันหวังว่านายจะหายไวๆล่ะ ไม่ต้องคิดมาก ยังไงซะ ฮโยยอนก็ยังคงเป็นคนของทีมเอ


    ผมบีบไหล่ลู่หานเบาๆ เขายังไม่รู้เรื่องที่ผมถูกพักงาน แต่ช่างเถอะ แค่ได้รับรู้เรื่องของฮโยยอนนั่นก็เป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับคนป่วยมากพอแล้ว ในขณะที่ความเงียบเข้ามาครอบคลุมจนน่าอึดอัด วินาทีนั้นเองที่ลู่หานเป็นฝ่ายเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา


    วันนั้นที่ผมถูกลอบทำร้าย จริงๆแล้วพวกไนท์แมร์ไม่ได้แค่จะทำร้ายผมอย่างเดียวหรอกครับ  ผมกับหัวหน้าอี้ฝานขมวดคิ้วแทบจะพร้อมกัน ลู่หานพิงแผ่นหลังไว้กับหัวเตียงก่อนจะพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่สดใส พวกมันตั้งใจจะฆ่าผม แต่มีคนมาช่วยผมไว้ซะก่อน


    ใคร?” หัวหน้าอี้ฝานถาม ลู่หานสบตากับผมและหัวหน้าอี้ฝานอีกครั้งก่อนที่คำตอบจะออกมาจากริมฝีปาก เสียงของลู่หานแผ่วเบาแต่มันช่างหนักแน่นมากเหลือเกินที่จะประทับลงมาในโสตประสาทของผม


    ชานยอล


    “…”


    เขามาช่วยผม...จากพวกของตัวเอง


    ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากในขณะที่หัวหน้าอี้ฝานมีสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด


    ชานยอลช่วยลู่หานเอาไว้ นั่นคือข้อเท็จจริงที่ผมเพิ่งได้รับรู้


    ผมไม่รู้ว่าชานยอลต้องการอะไรกันแน่ ผมไม่เคยตามเขาทัน ทุกๆครั้งที่ผมคิดว่าจะสามารถรู้เรื่องราวของเขาได้กลับกลายเป็นเขาก้าวนำหน้าผมไปหนึ่งขั้นเสมอ


    บางทีผมอาจจะเป็นแค่เด็ก...เด็กน้อยผู้ที่ตามเรื่องราวไม่ทันและไม่เข้าใจอะไรเลยก็ได้ 




     

    ในห้องสี่เหลี่ยมที่บรรจุเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างครบครันปรากฏชายร่างสูงที่ยืนพิงระเบียงมองไปยังแผ่นฟ้าสีหม่นอย่างที่ชอบทำ ในมือมีโทรศัพท์เครื่องหรูที่กำลังเปล่งเสียงของคนในสาย เขารับฟังทุกคำพูดจากอีกฝ่ายพร้อมกับกระตุกยิ้มอย่างชอบใจ ถึงแม้วันนี้การวางระเบิดป่วนพวกหน้าโง่จะไม่สำเร็จ แต่แล้วยังไงเล่า คนอย่างเขาไม่ได้แคร์อะไรขนาดนั้น


    ใช่ คนอย่างเอสยังมีเรื่องที่น่าสนุกรอเขาอยู่อีกนับไม่ถ้วน อย่างน้อยก็เรื่องที่เขากำลังรับฟังอยู่นี่ยังไงล่ะ


    ผมติดเครื่องดักฟังไว้ที่ตัวน้องมันแล้วครับ คืนนี้มันจะกลับบ้านและพวกผมตั้งใจว่าจะลงมือจับมันคืนนี้เลย


    ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ก้อนเมฆสีหม่นนั่นกักเก็บน้ำไว้พร้อมที่จะปล่อยลงมาเป็นสายฝน แต่ถึงแม้น้ำจากฟ้าจะร่วงหล่นลงมามากแค่ไหนก็ไม่อาจชำระล้างความมืดหม่นในใจของมนุษย์ได้เลย 


    [ดี  ฉันหวังว่าพวกแกจะไม่ทำพลาดแบบคราวที่แล้วก็แล้วกันดวงตาของเขายังคงทอดมองไปที่แผ่นฟ้าสีเข้ม เอสไม่คิดเลยว่าพวกหน้าโง่เหล่านั้นจะไขปริศนาของเขาได้ แต่ก็ช่างเถอะ ถึงแม้พวกมันไม่ตายในวันนี้แต่เขานี่แหละที่จะทำให้พวกมันตายอย่างช้าๆไปทีละคนสองคน


    ถึงแกจะโชคดีที่รอดจากการถูกระเบิดแต่คืนนี้แกไม่รอดแน่


    แบคฮยอน 




    TBC

                ปริศนาไก่กาต้องขอภัยด้วยค่ะ บอกเลยตอนนี้แต่งยากมากจริงๆ

                เป็นยังไงก็เม้นท์บอกกันน้า สงสัยหรืออยากติตรงไหนก็อย่าเก็บไว้คนเดียว บอกเรานี่

              เราว่าแบคก็ทำดีแล้วนะที่กู้ระเบิดอ่ะ แต่มันนอกเหนือคำสั่งไงละแบคเป็นแบบนี้มาหลายภารกิจละ โดนเอาจริงซะบ้าง สะใจเว้ย

                ถ้าฟิคเรารกหน้าอัพเดตต้องขอโทษด้วยนะคะ เราสะเพร่ามองหาคำผิดไม่เคยครบ เลยเข้ามาแก้บ่อยๆ T_T

                ต้องขอบคุณ @_Wfanfan_ที่ช่วยพรูฟให้เกือบทุกตอน นางเป็นรูมเมทเราเอง และเป็นคริสเลย์ชิปเปอร์ที่เป่าหูเราตลอดเวลาว่าให้มีโมเม้นท์ให้นางบ้าง

     ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ~

     Up : 19/01/2015

     

     

     

     

     

               

     

     

               

     

               

     


    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×