ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : โรคติดต่อของความตาย
บทที่1 โรคติดต่อของความตาย
\"นี่เธอรู้รึเปล่าว่าฉันกำลังจะตาย\"
โทคิโกะ ยืนนิ่งงันเมื่อได้ยินเพื่อนรักพูดออกมาแบบนั้น
\"อะไร เธอเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือโรคประจำตัว ทำไมไม่บอกฉัน!!\"
\"เอ๊ะ ฉันนี่ก็บ้า เธอหลอกฉันเล่นใช่ไหม หนอย...\"
โทคิโกะพอรู้ว่าตัวเองถูกหลอกก็ เริ่มทุบตีเพื่อนคนสนิทหลายๆครั้ง
หลังจากเล่นกันซักพักนึงเพื่อนสนิทของเธอก็เดินออกไปจากห้องเรียน
\"โมโม...\" โทคิโกะเรียก
โมโม หันมายิ้มให้เพื่อนรักแต่ไม่ได้ตอบอะไรแล้วเธอก็เดินออกไปจากห้อง
บางทีโมโม ก็ชอบทำสีหน้าแปลกๆ โทคิโกะก็ไม่ค่อยเข้าใจเธอเหมือนกัน
...นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของโรคติดต่อ...
เช้าวันถัดมา ทั้งโรงเรียนเริ่มมีเสียงเซ็งเซ่ไปทั่ว ดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรสักอย่าง เพราะทุกคนพูดถึงเรื่องเดียวกันไปหมด
\"โทคิโกะ!!\"  ชูเฮ ที่ถือว่าเป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งของโรงเรียนเลย เรียกฉัน
\"เธอ.... เธอ รู้ข่าวรึยัง\"
\"รู้อะไร ถ้าข่าว สึนามิ หรือ ระเบิดตึก ฉันไม่อยากจะฟังแล้ว ไม่รู้ทำไม คนยังตายไม่พอรึไง ฟังแล้วหงุดหงิดชะมัด\"
\"ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่ข่าวภาคใต้นะ\"
\"โมโม น่ะ โมโม ตายแล้ว...!!\"
สิ้นสุดเสียงของชูเฮ ฉันรู้สึกเหมือนถูกแกว่งอยู่บน ชิงช้าไวกิ้ง หรือ G-force โลกมันขึ้นสูงและดำดิ่งลงภายในวูบเดียว ความดำมือแผ่กระจายออกจากกลางอกแล้วครอบคลุมไปทั่วร่าง...ฉันเกือบจะหน้ามืด
\"โอ้.. ไม่จริง... นาย.. นายหลอกฉันใช่ไหม\" ฉันพึมพำออกมาเบาๆ ปากกับมือเริ่มจะสั่นๆและขยับไม่ได้ดั่งใจ
\"ไม่ ไม่ นี่เรื่องจริงนะโทคิโกะ แล้วตอนนี้มีทนายที่ต้องการสืบสวนเรื่องการตายของโมโมด้วย เพราะเขาว่าดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ ว่าไงดี เค้าบอกว่า รูปการณ์ดูเป็นการฆ่าตัวตายทุกอย่างเลย แต่หาแรงจูงใจไม่เจอ\"
“ใช่ โมโม ไม่มีทางฆ่าตัวตาย เธอเป็นคนที่สดใสขนาดนั้น เมื่อวานฉันยังคุยกับเธอ เล่นกับเธออยู่เลย”
แต่พอฉันพูดถึงเรื่องเมื่อวาน ก็นึกถึงประโยคที่ฟังดูทีเล่นที่จริงของโมโมขึ้นมาได้
(เธอรู้รึเปล่า ฉันกำลังจะตาย)
(ไม่ ไม่จริงหรอกก็โมโม ไม่เห็นมีเหตุผลที่ต้องตายเลยนี่นา เธอไม่มีศัตรูเป็นคนดีของสังคม การเรียนก็ดี ครอบครัวก็อบอุ่น ที่สำคัญ เธอไม่มีแฟนอยู่แล้วไม่ใช่ปัญหาเรื่องนี้แน่)
ชูเฮมองฉันที่นิ่งเงียบไปครู่นึง
“โทคิโกะ หรือว่าเธอรู้อะไร...”
ทำไงดีฉันควรจะบอกเขาไหมนะ แต่นี่มันเรื่องสำคัญมากนะ ฉันต้องหาใครเป็นที่ปรึกษาแล้ว
“ชูเฮ จริงๆแล้วเมื่อวาน โมโมน่ะ...โม  ฮือ---”  ฉันพยายามจะบอกเรื่องคำพูดนั้นแต่ว่า น้ำตาก็ไหลออกมาซะก่อน ก็ตอนนี้ น่ะ...โมโม ...เพื่อนรักของฉันเธอตายไปแล้ว...
ผ่านไปเกือบ ชั่วโมงทีเดียวกว่าฉันจะหยุดร้องไห้ ตอนนี้เป็นเวลาเข้าเรียนแล้ว แต่ฉันไม่อยากไปนั่งที่นั่งที่ข้างๆไม่มีโมโมอีกต่อไป...เลยหลบออกมา ไม่รู้ทำไมชูเฮก็มากับฉันด้วย
“ขอโทษนะชูเฮ โมโมตายยังไงหรอ” ฉันฉุกคิดขึ้นได้จึงถามเรื่องราวก่อนที่ตัวเองจะเล่าอะไรออกไป
“โมโม ตายแล้ว เธอกระโดดตึกตาย แล้วรู้อะไรไหม ตอนที่เธอกระโดดตึกน่ะ มีรถคันนึงวิ่งผ่านมาอีก แล้วทับร่างของเธอจน...”
“พอแล้ว หยุดพูดที” ฉันนึกตามก็แทบทนไม่ไหว ทำยังไงดีแม้แต่ร่างของโมโม ก็หายไปทั้งอย่างนี้เหรอ
เธอ หายไปจากโลกนี้ ง่ายๆอย่างนั้นเชียว
-ปิ๊ง ป่องงงงงงง-
“คิราซากิ โทโมโกะ กับอิคาริ ชูเฮ ขอให้ทั้งสองคนมาที่ห้องผู้อำนวยการด่วน”
อยู่ดีๆ ก็มีเสียงประกาศจากโรงเรียนขึ้นมาแบบนั้น ฉันกับชูเฮ เลยเดินไปที่ห้องของผู้อำนวยการด้วยกัน
“เอ้า นั่งก่อนสิ” ผอ.เชิญให้ฉันกับชูเฮนั่งลง 
ห้องของ ผ.อ. โรงเรียนกว้างใหญ่ ฉันไม่เคยเข้ามา และไม่คิดที่จะเข้ามาโดยเฉพาะเวลาอย่างนี้เวลาที่มีทั้งทนายความ ตำรวจ แล้วยังพ่อแม่ของ โมโมอยู่ในห้องด้วยกัน
“พวกเธอคงจะรู้ข่าวเรื่องของโมโมแล้วสินะ”
“ค่ะ / ครับ” ฉันกับชูเฮพูดขึ้นพร้อมกัน
ฉันมองหน้าพ่อแม่ของโมโมแล้วน้ำตาพาลจะไหลอีกรอบ ไม่สิมันไหลออกมาแล้วต่างหาก...
บรรยากาศทั้งห้องหดหู่ไม่รู้จบ แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งทำลายความสงบขึ้นมา
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ คุณโทคิโกะ คุณเป็นเพื่อนสนิทของคุณโมโม ใช่ไหมครับ” ทนายที่ยืนสุขุมอยู่นานคนนั้นกล่าวขึ้น
“ขอโทษครับ ผมเป็น ทนายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมชื่อ โทโยมะ วากะ”
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“อืม...ผมจะขอถามคุณโทคิโกะนะครับ ขอให้ตอบมาตามความเป็นจริง อ้อ คุณชูเฮด้วยนะครับ”
“ค่ะ / ครับ”
จริงๆแล้ว ฉันสงสัยอยู่เหมือนกันนะว่าทนายเรียก ชูเฮ มาสอบปากคำด้วยทำไม เพราะเพื่อนสนิทของ โมโม น่ะคือฉันคนเดียวเท่านั้นนะ ถึงโมโมจะมีเพื่อนหลายคนน่ะแต่คนที่สนิทที่สุดคือฉันแน่ๆ ฉันมั่นใจ
ทนายวากะ เมื่อได้ยินพวกเรา 2 คนรับคำแล้วก็หยิบสิ่งที่ดูเหมือนโน้ตข้อความขึ้นมา มันเป็นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ฉีกจากสมุดฉีกทั่วไป ในนั้นมีลายมือของโมโมอยู่
-------โรคติดต่อแห่งความตาย--------
อะไรน่ะ ฉันไม่เข้าใจเลย คุณทนายเอาอะไรมาให้ฉันดูเนี่ย ฉันนึกว่าตลกร้ายแต่มันไม่ใช่ เพราะฉันไม่ตลกซักนิด ท่าทางชูเฮก็จะรู้สึกเหมือนฉันเหมือนกัน เข้าชิงพูดขึ้นมาก่อน
“คุณทนายเอาอะไรมาให้ผมดูครับเนี่ย!! นี่มันกระดาษอะไร”
“นั่นลายมือของโมโม ค่ะ” ฉันโพล่งออกไป “แต่ว่าทำไมเธอถึงเขียนข้อความแบบนี้ล่ะ”
พ่อแม่ของโมโม ร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง จริงๆแล้วพ่อแม่ส่วนใหญ่จำลายมือลูกตัวเองไม่ได้หรอก แต่คุณทนายคงจะไปเทียบลายมือแล้วสรุปว่าเป็นลายมือของโมโม แล้วก่อนจะมาถามฉันซะมากกว่า แต่เหมือนเขาจะเอามันออกมาให้ดูเพื่อทดสอบอะไรฉัน แต่มันเกี่ยวกับชูเฮ ตรงไหนเนี่ย ฉันยังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่
“ผมทราบแล้วครั้บว่าเป็นลายมือของคุณ โมโม แต่ผมอยากสอบถามเรื่องนี้กับคุณโทคิโกะแหล่ะครับว่า ข้อความนี้มันหมายความว่าอย่างไร”
“ดิฉันไม่ทราบค่ะ”
“คุณเป็นเพื่อนสนิทของคุณโมโม ไม่ใช่เหรอครับ”
ทนายวากะยอกย้อนฉัน ฉันรู้สึกโมโหขึ้นมา  “ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ ทำไมคุณต้องพูดแบบนี้ด้วย ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเธอ และตอนนี้ฉันก็เศร้ามากอยู่ด้วยไม่เห็นรึไง!!” พูดจบฉันก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ ตอนนี้ตาของฉันคงบวมดูไม่จืด
ทนายวากะเหมือนจะทำสีหน้าอ่อนลง “ขอโทษครับ ผมแค่สอบถามไปตามเรื่องน่ะครับ ยังไงผมขอถามต่อเลยนะครับ” ทีนี้ทนายวากะหันไปถามชูเฮบ้าง
“แล้วคุณทราบเกี่ยวกับข้อความนี้ไหมครับ”
“ไม่ครับ........”  ชูเฮตอบแทบจะทันทีแต่ก็กลับคำพูดอย่างทันที 
“ไม่สิ...ผมไม่แน่ใจ”
ฉันตกใจหันไปมองหน้าเขา ชูเฮ รู้เรื่องอะไรงั้นเหรอ ทนายวากะตาลุกวาวขึ้นมาทันที พ่อแม่ของโมโมก็ด้วย แทบทั้งห้องน่ะแหล่ะที่ตกใจ
“เมื่อวานเธอพูดกับผมว่า... รู้รึเปล่าว่าเธอกำลังจะตาย....น่ะ ครับ”
โอ... คำพูดนั่น.... ฉันก็ได้ยินเธอพูดเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าเธอจะไปพูดกับชูเฮด้วย เพราะอะไรนะ....
“ฉันด้วยค่ะ คำพูดนั้น โมโม ก็พูดกับฉันด้วยค่ะ” ฉันกล่าวเสริม
ทนายวากะมองฉันหงุดหงิดขึ้นมา “แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกครับ”
“ฉันนึกว่าเป็นคำพูดเล่นของโมโมค่ะ ขอโทษนะคะ”
“ผมก็นึกว่าเธอพูดเล่นเหมือนกันครับ” ชูเฮกล่าวเสริม
“แล้วมีอะไรที่แปลกๆเกี่ยวกับคุณโมโม อีกไหมครับ”
“อืม...ไม่มีแล้วค่ะ” ฉันหยุดคิดนึดนึงก่อนตอบ
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ ถ้ายังไงผมอาจจะต้องขอพูดคุยกับพวกคุณอีก ถึงตอนนั้นขอรบกวนด้วยนะครับ” ทนายวากะตัดบทอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปพูดอะไรไม่รู้กับพ่อแม่ของโมโม แล้ว ผ.อ. ก็บอกให้ ฉันกับชูเฮกลับไปเข้าห้องเรียนตามปกติ
ระหว่างทางเดิน ชูเฮมองฉันเป็นพักๆ เหมือนกับว่าเขาคิดอะไรอยู่
“โทคิโกะ” 
“อะไร?”
“ทนายคนนั้นสงสัยพวกเรารึเปล่านะ” ฉันอึ้งๆกับคำพูดชูเฮนิดนึง แล้วหันหน้าไปถามเขา
“ทำไมนายคิดยังงั้นล่ะ ว่าแต่นายมาเกี่ยวข้องกับโมโมได้ยังไง”
“ก็จริงๆแล้วฉันเป็นผู้พบศพของโมโมคนแรกน่ะสิ จริงๆแล้วฉัน...” เสียงของชูเฮ หายเข้าไปในลำคอ
“ว่าไงนะ ฉันไม่ได้ยิน”
“รถคันที่ชนโมโมซ้ำอีกครั้งน่ะ รถฉันเองแหล่ะ” ชูเฮ หน้าซีดก่อนจะตอบ เค้าต้องมีความทรงจำอะไรที่น่ากลัวต่อเหตุการณ์นั้นแน่ๆ
“เธอ... แล้วรู้ไหมว่า โมโม ยิ้มมาทางรถฉันช่วงที่กระโดดลงมาด้วย ฉัน...คิดตอนนี้แล้วมันน่ากลั.......ว”
พูดจบประโยคนี้ฉันกับชูเฮยืนแข็งทื่ออยู่ตรงทางเดิน เสียงคนที่เดินผ่านเริ่มจ๊อกแจ๊กกันมากขึ้น เพราะชูเฮเป็นดาวเด่นของโรงเรียนน่ะสิคนเลยสงสัยกับท่าทีของเขาต่อฉัน แต่ว่า ฉันกลัวเรื่องที่เขาพูดมากกว่าคนรอบข้างเสียอีก
“นาย บอกเรื่องนี้กับทนายรึยัง”
“ฉันบอกแล้ว เขาว่าฉันตาฝาดเพราะคนตกตึกมาด้วยความเร็วสูงฉันไม่มีทางมองทัน ที่สำคัญถ้าฉันอยู่ในอาการตกใจที่มีคนตกตึกลงมาฉันยิ่งไม่น่ามองทัน.... แต่เชื่อฉันนะ... ฉันเห็นโมโม ยิ้มจริงๆ ปากเธอขยับด้วย บางทีเธออาจจะพูดอะไรออกมาด้วยในตอนนั้น”
“แล้วนั่น ทำให้นายคิดว่า ทนายวากะสงสัยว่านายเป็นคนฆ่างั้นเหรอ ถึงนายไม่ขับรถมาโมโมก็กระโดดตึกลงมาจริงๆ”
“ไม่ๆ นั่นคนละเรื่องกัน...แต่ตอนที่ฉันถูกสอบปากคำครั้งแรกน่ะ ตำรวจสรุปแล้วว่า เป็นการฆ่าตัวตาย แต่พ่อแม่ของโมโมไม่เชื่อว่าลูกสาวเธอจะฆ่าตัวตายได้ เลยจ้างทนายวากะมาสืบสวนพวกเราอยู่นี่ไง ”
แย่....แย่จริงๆ พอชูเฮพูดจบฉันรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที ฉันรู้สึกผิดหวังที่ฉันตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปอีกคน แต่ก็พยายามคิดในแง่ที่ดีขึ้น ไม่หรอก เค้าก็แค่ต้องสอบถามไปตามเรื่อง....โอย ยังไงก็แย่อยู่ดี ฉันต้องเสียเพื่อนรักแล้วยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยเนี่ยนะ
พอฉันกลับไปเข้าห้องเรียนก็พบว่า โต๊ะ โมโม ที่เคยอยู่ข้างฉันถูกยกออกไปแล้ว มันเหมือนยิ่งตอกย้ำว่าเธอหายไปจากโลกนี้แล้วจริงๆ เพื่อนๆในห้องมองฉันอย่างเห็นใจ ฉันได้แต่พยายามฝืนยิ้มแห้งๆให้เหมือนจะบอกพวกเขาว่า ฉันไม่ตายตามโมโมหรอก... อย่ากังวล
ครืดดดดดดดอยู่ดีๆชูเฮก็ลากโต๊ะของเขาเข้ามานั่งแทนที่ของโมโม ถ้าเป็นปกติเพื่อนๆคงแซวกันใหญ่แต่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในสถาณการณ์แบบนั้น ฉันก็รู้ว่าชูเฮแค่อยากปลอบใจฉันเพราะเขาไม่ได้พูดอะไรเลย
แล้วชั่วโมงเรียนก็เป็นไปตามปกติ แต่ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนตอนนี้หรอก ฉันอยากรู้เรื่องของโมโม มากกว่านี้ เพราะมันติดเป็นคำสงสัยในใจว่า ทำไมเธอถึงตาย เธอฆ่าตัวตายหรือ? ฉันไม่คิดยังงั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครฆ่าเธอไปทำไม ตอนที่คิดฟุ้งซ่านอยู่ชูเฮก็ ยื่นโน้ตกระดาษให้ฉัน 
---ฉันอยากรู้เรื่อง โรคติดต่อของความตาย เลิกเรียนแล้วเธอว่างไหมเราไปด้วยกัน---
กริ่งเลิกเรียนดังขึ้นแล้ว... ฉันออกมาพร้อมชูเฮ
“โทคิโกะ... เธอบอกทนายไปหมดทุกเรื่องใช่ไหม”
“ใช่..แล้วนายล่ะ”
“ฉันก็เหมือนกัน”
“แล้วยังงี้เราจะทำอะไรกันต่อดีล่ะ เราจะไปรู้เรื่อง โรคติดต่อของความตาย จากที่ไหน”
“นั่นสิ เรา 2 คนไม่รู้อะไรจริงๆ แต่เราอยากรู้ว่าข้อความนั้นหมายถึงอะไรมากเลย”
ฉันรู้สึกงมเข็มในมหาสมุทรยังไงยังงั้นเพราะฉันนึกอะไรไม่ออกเลย ชูเฮก็เหมือนจะนึก แต่ฉันคิดว่าเข้าไม่น่าจะนึกอะไรออกหรอกเพราะว่า เขาไม่ใช่เพื่อนสนิทโมโม นี่นา ขนาดฉันเองยังไม่รู้อะไรเลย
“เธอว่า โมโม แปลกๆไปก่อนตายไหม” ชูเฮถามฉัน
“ถ้าแปลกก็แปลกแค่เรื่องที่เธอพูดประโยคนั้นกับฉันน่ะแหล่ะ... จริงสิ มันน่าแปลกที่เธอพูดประโยคนั้นกับนายด้วย”
ชูเฮก็ว่ามันแปลกเหมือนกันที่โมโมพูดประโยคนี้กับเขา เขาเลยพยายามนึกอะไรอีกครั้ง
“นายไปคุยกับโมโมตอนไหนน่ะ” ฉันถามออกไป
“ถ้าประโยคแปลกๆนั่นเธอพูดกับฉันเมื่อวาน”
อืม วันเดียวกับฉันเลย บางทีฉันก็เผลอคิดไปว่า หรือว่าโมโม จะแอบชอบชูเฮ แล้วไม่บอกฉันนะ
“แล้วนายเคยพูดกับเธออย่างสนิทสนมมาก่อนรึเปล่า”
“ไม่นะ ก็ปกติที่จะคุยกันแบบคนไม่สนิทเจอก็ทักแต่เราไม่ได้คุยอะไรกันเป็นพิเศษ”
“อืม มีการกระทำอะไรที่พวกเราทำแล้วเชื่อมโยงเข้ากับความตายไหมนะ” ฉันพึมพำกับตัวเอง
แล้วบางสิ่งก็ผุดขึ้นในสมองของฉัน น่าแปลกใจที่ฉันกับชูเฮแทบจะเอ่ยปากออกมาพร้อมกัน
“Funny Dead Duck!!”
\"นี่เธอรู้รึเปล่าว่าฉันกำลังจะตาย\"
โทคิโกะ ยืนนิ่งงันเมื่อได้ยินเพื่อนรักพูดออกมาแบบนั้น
\"อะไร เธอเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือโรคประจำตัว ทำไมไม่บอกฉัน!!\"
\"เอ๊ะ ฉันนี่ก็บ้า เธอหลอกฉันเล่นใช่ไหม หนอย...\"
โทคิโกะพอรู้ว่าตัวเองถูกหลอกก็ เริ่มทุบตีเพื่อนคนสนิทหลายๆครั้ง
หลังจากเล่นกันซักพักนึงเพื่อนสนิทของเธอก็เดินออกไปจากห้องเรียน
\"โมโม...\" โทคิโกะเรียก
โมโม หันมายิ้มให้เพื่อนรักแต่ไม่ได้ตอบอะไรแล้วเธอก็เดินออกไปจากห้อง
บางทีโมโม ก็ชอบทำสีหน้าแปลกๆ โทคิโกะก็ไม่ค่อยเข้าใจเธอเหมือนกัน
...นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของโรคติดต่อ...
เช้าวันถัดมา ทั้งโรงเรียนเริ่มมีเสียงเซ็งเซ่ไปทั่ว ดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรสักอย่าง เพราะทุกคนพูดถึงเรื่องเดียวกันไปหมด
\"โทคิโกะ!!\"  ชูเฮ ที่ถือว่าเป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งของโรงเรียนเลย เรียกฉัน
\"เธอ.... เธอ รู้ข่าวรึยัง\"
\"รู้อะไร ถ้าข่าว สึนามิ หรือ ระเบิดตึก ฉันไม่อยากจะฟังแล้ว ไม่รู้ทำไม คนยังตายไม่พอรึไง ฟังแล้วหงุดหงิดชะมัด\"
\"ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่ข่าวภาคใต้นะ\"
\"โมโม น่ะ โมโม ตายแล้ว...!!\"
สิ้นสุดเสียงของชูเฮ ฉันรู้สึกเหมือนถูกแกว่งอยู่บน ชิงช้าไวกิ้ง หรือ G-force โลกมันขึ้นสูงและดำดิ่งลงภายในวูบเดียว ความดำมือแผ่กระจายออกจากกลางอกแล้วครอบคลุมไปทั่วร่าง...ฉันเกือบจะหน้ามืด
\"โอ้.. ไม่จริง... นาย.. นายหลอกฉันใช่ไหม\" ฉันพึมพำออกมาเบาๆ ปากกับมือเริ่มจะสั่นๆและขยับไม่ได้ดั่งใจ
\"ไม่ ไม่ นี่เรื่องจริงนะโทคิโกะ แล้วตอนนี้มีทนายที่ต้องการสืบสวนเรื่องการตายของโมโมด้วย เพราะเขาว่าดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ ว่าไงดี เค้าบอกว่า รูปการณ์ดูเป็นการฆ่าตัวตายทุกอย่างเลย แต่หาแรงจูงใจไม่เจอ\"
“ใช่ โมโม ไม่มีทางฆ่าตัวตาย เธอเป็นคนที่สดใสขนาดนั้น เมื่อวานฉันยังคุยกับเธอ เล่นกับเธออยู่เลย”
แต่พอฉันพูดถึงเรื่องเมื่อวาน ก็นึกถึงประโยคที่ฟังดูทีเล่นที่จริงของโมโมขึ้นมาได้
(เธอรู้รึเปล่า ฉันกำลังจะตาย)
(ไม่ ไม่จริงหรอกก็โมโม ไม่เห็นมีเหตุผลที่ต้องตายเลยนี่นา เธอไม่มีศัตรูเป็นคนดีของสังคม การเรียนก็ดี ครอบครัวก็อบอุ่น ที่สำคัญ เธอไม่มีแฟนอยู่แล้วไม่ใช่ปัญหาเรื่องนี้แน่)
ชูเฮมองฉันที่นิ่งเงียบไปครู่นึง
“โทคิโกะ หรือว่าเธอรู้อะไร...”
ทำไงดีฉันควรจะบอกเขาไหมนะ แต่นี่มันเรื่องสำคัญมากนะ ฉันต้องหาใครเป็นที่ปรึกษาแล้ว
“ชูเฮ จริงๆแล้วเมื่อวาน โมโมน่ะ...โม  ฮือ---”  ฉันพยายามจะบอกเรื่องคำพูดนั้นแต่ว่า น้ำตาก็ไหลออกมาซะก่อน ก็ตอนนี้ น่ะ...โมโม ...เพื่อนรักของฉันเธอตายไปแล้ว...
ผ่านไปเกือบ ชั่วโมงทีเดียวกว่าฉันจะหยุดร้องไห้ ตอนนี้เป็นเวลาเข้าเรียนแล้ว แต่ฉันไม่อยากไปนั่งที่นั่งที่ข้างๆไม่มีโมโมอีกต่อไป...เลยหลบออกมา ไม่รู้ทำไมชูเฮก็มากับฉันด้วย
“ขอโทษนะชูเฮ โมโมตายยังไงหรอ” ฉันฉุกคิดขึ้นได้จึงถามเรื่องราวก่อนที่ตัวเองจะเล่าอะไรออกไป
“โมโม ตายแล้ว เธอกระโดดตึกตาย แล้วรู้อะไรไหม ตอนที่เธอกระโดดตึกน่ะ มีรถคันนึงวิ่งผ่านมาอีก แล้วทับร่างของเธอจน...”
“พอแล้ว หยุดพูดที” ฉันนึกตามก็แทบทนไม่ไหว ทำยังไงดีแม้แต่ร่างของโมโม ก็หายไปทั้งอย่างนี้เหรอ
เธอ หายไปจากโลกนี้ ง่ายๆอย่างนั้นเชียว
-ปิ๊ง ป่องงงงงงง-
“คิราซากิ โทโมโกะ กับอิคาริ ชูเฮ ขอให้ทั้งสองคนมาที่ห้องผู้อำนวยการด่วน”
อยู่ดีๆ ก็มีเสียงประกาศจากโรงเรียนขึ้นมาแบบนั้น ฉันกับชูเฮ เลยเดินไปที่ห้องของผู้อำนวยการด้วยกัน
“เอ้า นั่งก่อนสิ” ผอ.เชิญให้ฉันกับชูเฮนั่งลง 
ห้องของ ผ.อ. โรงเรียนกว้างใหญ่ ฉันไม่เคยเข้ามา และไม่คิดที่จะเข้ามาโดยเฉพาะเวลาอย่างนี้เวลาที่มีทั้งทนายความ ตำรวจ แล้วยังพ่อแม่ของ โมโมอยู่ในห้องด้วยกัน
“พวกเธอคงจะรู้ข่าวเรื่องของโมโมแล้วสินะ”
“ค่ะ / ครับ” ฉันกับชูเฮพูดขึ้นพร้อมกัน
ฉันมองหน้าพ่อแม่ของโมโมแล้วน้ำตาพาลจะไหลอีกรอบ ไม่สิมันไหลออกมาแล้วต่างหาก...
บรรยากาศทั้งห้องหดหู่ไม่รู้จบ แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งทำลายความสงบขึ้นมา
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ คุณโทคิโกะ คุณเป็นเพื่อนสนิทของคุณโมโม ใช่ไหมครับ” ทนายที่ยืนสุขุมอยู่นานคนนั้นกล่าวขึ้น
“ขอโทษครับ ผมเป็น ทนายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมชื่อ โทโยมะ วากะ”
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“อืม...ผมจะขอถามคุณโทคิโกะนะครับ ขอให้ตอบมาตามความเป็นจริง อ้อ คุณชูเฮด้วยนะครับ”
“ค่ะ / ครับ”
จริงๆแล้ว ฉันสงสัยอยู่เหมือนกันนะว่าทนายเรียก ชูเฮ มาสอบปากคำด้วยทำไม เพราะเพื่อนสนิทของ โมโม น่ะคือฉันคนเดียวเท่านั้นนะ ถึงโมโมจะมีเพื่อนหลายคนน่ะแต่คนที่สนิทที่สุดคือฉันแน่ๆ ฉันมั่นใจ
ทนายวากะ เมื่อได้ยินพวกเรา 2 คนรับคำแล้วก็หยิบสิ่งที่ดูเหมือนโน้ตข้อความขึ้นมา มันเป็นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ฉีกจากสมุดฉีกทั่วไป ในนั้นมีลายมือของโมโมอยู่
-------โรคติดต่อแห่งความตาย--------
อะไรน่ะ ฉันไม่เข้าใจเลย คุณทนายเอาอะไรมาให้ฉันดูเนี่ย ฉันนึกว่าตลกร้ายแต่มันไม่ใช่ เพราะฉันไม่ตลกซักนิด ท่าทางชูเฮก็จะรู้สึกเหมือนฉันเหมือนกัน เข้าชิงพูดขึ้นมาก่อน
“คุณทนายเอาอะไรมาให้ผมดูครับเนี่ย!! นี่มันกระดาษอะไร”
“นั่นลายมือของโมโม ค่ะ” ฉันโพล่งออกไป “แต่ว่าทำไมเธอถึงเขียนข้อความแบบนี้ล่ะ”
พ่อแม่ของโมโม ร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง จริงๆแล้วพ่อแม่ส่วนใหญ่จำลายมือลูกตัวเองไม่ได้หรอก แต่คุณทนายคงจะไปเทียบลายมือแล้วสรุปว่าเป็นลายมือของโมโม แล้วก่อนจะมาถามฉันซะมากกว่า แต่เหมือนเขาจะเอามันออกมาให้ดูเพื่อทดสอบอะไรฉัน แต่มันเกี่ยวกับชูเฮ ตรงไหนเนี่ย ฉันยังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่
“ผมทราบแล้วครั้บว่าเป็นลายมือของคุณ โมโม แต่ผมอยากสอบถามเรื่องนี้กับคุณโทคิโกะแหล่ะครับว่า ข้อความนี้มันหมายความว่าอย่างไร”
“ดิฉันไม่ทราบค่ะ”
“คุณเป็นเพื่อนสนิทของคุณโมโม ไม่ใช่เหรอครับ”
ทนายวากะยอกย้อนฉัน ฉันรู้สึกโมโหขึ้นมา  “ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ ทำไมคุณต้องพูดแบบนี้ด้วย ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเธอ และตอนนี้ฉันก็เศร้ามากอยู่ด้วยไม่เห็นรึไง!!” พูดจบฉันก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ ตอนนี้ตาของฉันคงบวมดูไม่จืด
ทนายวากะเหมือนจะทำสีหน้าอ่อนลง “ขอโทษครับ ผมแค่สอบถามไปตามเรื่องน่ะครับ ยังไงผมขอถามต่อเลยนะครับ” ทีนี้ทนายวากะหันไปถามชูเฮบ้าง
“แล้วคุณทราบเกี่ยวกับข้อความนี้ไหมครับ”
“ไม่ครับ........”  ชูเฮตอบแทบจะทันทีแต่ก็กลับคำพูดอย่างทันที 
“ไม่สิ...ผมไม่แน่ใจ”
ฉันตกใจหันไปมองหน้าเขา ชูเฮ รู้เรื่องอะไรงั้นเหรอ ทนายวากะตาลุกวาวขึ้นมาทันที พ่อแม่ของโมโมก็ด้วย แทบทั้งห้องน่ะแหล่ะที่ตกใจ
“เมื่อวานเธอพูดกับผมว่า... รู้รึเปล่าว่าเธอกำลังจะตาย....น่ะ ครับ”
โอ... คำพูดนั่น.... ฉันก็ได้ยินเธอพูดเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าเธอจะไปพูดกับชูเฮด้วย เพราะอะไรนะ....
“ฉันด้วยค่ะ คำพูดนั้น โมโม ก็พูดกับฉันด้วยค่ะ” ฉันกล่าวเสริม
ทนายวากะมองฉันหงุดหงิดขึ้นมา “แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกครับ”
“ฉันนึกว่าเป็นคำพูดเล่นของโมโมค่ะ ขอโทษนะคะ”
“ผมก็นึกว่าเธอพูดเล่นเหมือนกันครับ” ชูเฮกล่าวเสริม
“แล้วมีอะไรที่แปลกๆเกี่ยวกับคุณโมโม อีกไหมครับ”
“อืม...ไม่มีแล้วค่ะ” ฉันหยุดคิดนึดนึงก่อนตอบ
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ ถ้ายังไงผมอาจจะต้องขอพูดคุยกับพวกคุณอีก ถึงตอนนั้นขอรบกวนด้วยนะครับ” ทนายวากะตัดบทอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปพูดอะไรไม่รู้กับพ่อแม่ของโมโม แล้ว ผ.อ. ก็บอกให้ ฉันกับชูเฮกลับไปเข้าห้องเรียนตามปกติ
ระหว่างทางเดิน ชูเฮมองฉันเป็นพักๆ เหมือนกับว่าเขาคิดอะไรอยู่
“โทคิโกะ” 
“อะไร?”
“ทนายคนนั้นสงสัยพวกเรารึเปล่านะ” ฉันอึ้งๆกับคำพูดชูเฮนิดนึง แล้วหันหน้าไปถามเขา
“ทำไมนายคิดยังงั้นล่ะ ว่าแต่นายมาเกี่ยวข้องกับโมโมได้ยังไง”
“ก็จริงๆแล้วฉันเป็นผู้พบศพของโมโมคนแรกน่ะสิ จริงๆแล้วฉัน...” เสียงของชูเฮ หายเข้าไปในลำคอ
“ว่าไงนะ ฉันไม่ได้ยิน”
“รถคันที่ชนโมโมซ้ำอีกครั้งน่ะ รถฉันเองแหล่ะ” ชูเฮ หน้าซีดก่อนจะตอบ เค้าต้องมีความทรงจำอะไรที่น่ากลัวต่อเหตุการณ์นั้นแน่ๆ
“เธอ... แล้วรู้ไหมว่า โมโม ยิ้มมาทางรถฉันช่วงที่กระโดดลงมาด้วย ฉัน...คิดตอนนี้แล้วมันน่ากลั.......ว”
พูดจบประโยคนี้ฉันกับชูเฮยืนแข็งทื่ออยู่ตรงทางเดิน เสียงคนที่เดินผ่านเริ่มจ๊อกแจ๊กกันมากขึ้น เพราะชูเฮเป็นดาวเด่นของโรงเรียนน่ะสิคนเลยสงสัยกับท่าทีของเขาต่อฉัน แต่ว่า ฉันกลัวเรื่องที่เขาพูดมากกว่าคนรอบข้างเสียอีก
“นาย บอกเรื่องนี้กับทนายรึยัง”
“ฉันบอกแล้ว เขาว่าฉันตาฝาดเพราะคนตกตึกมาด้วยความเร็วสูงฉันไม่มีทางมองทัน ที่สำคัญถ้าฉันอยู่ในอาการตกใจที่มีคนตกตึกลงมาฉันยิ่งไม่น่ามองทัน.... แต่เชื่อฉันนะ... ฉันเห็นโมโม ยิ้มจริงๆ ปากเธอขยับด้วย บางทีเธออาจจะพูดอะไรออกมาด้วยในตอนนั้น”
“แล้วนั่น ทำให้นายคิดว่า ทนายวากะสงสัยว่านายเป็นคนฆ่างั้นเหรอ ถึงนายไม่ขับรถมาโมโมก็กระโดดตึกลงมาจริงๆ”
“ไม่ๆ นั่นคนละเรื่องกัน...แต่ตอนที่ฉันถูกสอบปากคำครั้งแรกน่ะ ตำรวจสรุปแล้วว่า เป็นการฆ่าตัวตาย แต่พ่อแม่ของโมโมไม่เชื่อว่าลูกสาวเธอจะฆ่าตัวตายได้ เลยจ้างทนายวากะมาสืบสวนพวกเราอยู่นี่ไง ”
แย่....แย่จริงๆ พอชูเฮพูดจบฉันรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที ฉันรู้สึกผิดหวังที่ฉันตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปอีกคน แต่ก็พยายามคิดในแง่ที่ดีขึ้น ไม่หรอก เค้าก็แค่ต้องสอบถามไปตามเรื่อง....โอย ยังไงก็แย่อยู่ดี ฉันต้องเสียเพื่อนรักแล้วยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยเนี่ยนะ
พอฉันกลับไปเข้าห้องเรียนก็พบว่า โต๊ะ โมโม ที่เคยอยู่ข้างฉันถูกยกออกไปแล้ว มันเหมือนยิ่งตอกย้ำว่าเธอหายไปจากโลกนี้แล้วจริงๆ เพื่อนๆในห้องมองฉันอย่างเห็นใจ ฉันได้แต่พยายามฝืนยิ้มแห้งๆให้เหมือนจะบอกพวกเขาว่า ฉันไม่ตายตามโมโมหรอก... อย่ากังวล
ครืดดดดดดดอยู่ดีๆชูเฮก็ลากโต๊ะของเขาเข้ามานั่งแทนที่ของโมโม ถ้าเป็นปกติเพื่อนๆคงแซวกันใหญ่แต่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในสถาณการณ์แบบนั้น ฉันก็รู้ว่าชูเฮแค่อยากปลอบใจฉันเพราะเขาไม่ได้พูดอะไรเลย
แล้วชั่วโมงเรียนก็เป็นไปตามปกติ แต่ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนตอนนี้หรอก ฉันอยากรู้เรื่องของโมโม มากกว่านี้ เพราะมันติดเป็นคำสงสัยในใจว่า ทำไมเธอถึงตาย เธอฆ่าตัวตายหรือ? ฉันไม่คิดยังงั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครฆ่าเธอไปทำไม ตอนที่คิดฟุ้งซ่านอยู่ชูเฮก็ ยื่นโน้ตกระดาษให้ฉัน 
---ฉันอยากรู้เรื่อง โรคติดต่อของความตาย เลิกเรียนแล้วเธอว่างไหมเราไปด้วยกัน---
กริ่งเลิกเรียนดังขึ้นแล้ว... ฉันออกมาพร้อมชูเฮ
“โทคิโกะ... เธอบอกทนายไปหมดทุกเรื่องใช่ไหม”
“ใช่..แล้วนายล่ะ”
“ฉันก็เหมือนกัน”
“แล้วยังงี้เราจะทำอะไรกันต่อดีล่ะ เราจะไปรู้เรื่อง โรคติดต่อของความตาย จากที่ไหน”
“นั่นสิ เรา 2 คนไม่รู้อะไรจริงๆ แต่เราอยากรู้ว่าข้อความนั้นหมายถึงอะไรมากเลย”
ฉันรู้สึกงมเข็มในมหาสมุทรยังไงยังงั้นเพราะฉันนึกอะไรไม่ออกเลย ชูเฮก็เหมือนจะนึก แต่ฉันคิดว่าเข้าไม่น่าจะนึกอะไรออกหรอกเพราะว่า เขาไม่ใช่เพื่อนสนิทโมโม นี่นา ขนาดฉันเองยังไม่รู้อะไรเลย
“เธอว่า โมโม แปลกๆไปก่อนตายไหม” ชูเฮถามฉัน
“ถ้าแปลกก็แปลกแค่เรื่องที่เธอพูดประโยคนั้นกับฉันน่ะแหล่ะ... จริงสิ มันน่าแปลกที่เธอพูดประโยคนั้นกับนายด้วย”
ชูเฮก็ว่ามันแปลกเหมือนกันที่โมโมพูดประโยคนี้กับเขา เขาเลยพยายามนึกอะไรอีกครั้ง
“นายไปคุยกับโมโมตอนไหนน่ะ” ฉันถามออกไป
“ถ้าประโยคแปลกๆนั่นเธอพูดกับฉันเมื่อวาน”
อืม วันเดียวกับฉันเลย บางทีฉันก็เผลอคิดไปว่า หรือว่าโมโม จะแอบชอบชูเฮ แล้วไม่บอกฉันนะ
“แล้วนายเคยพูดกับเธออย่างสนิทสนมมาก่อนรึเปล่า”
“ไม่นะ ก็ปกติที่จะคุยกันแบบคนไม่สนิทเจอก็ทักแต่เราไม่ได้คุยอะไรกันเป็นพิเศษ”
“อืม มีการกระทำอะไรที่พวกเราทำแล้วเชื่อมโยงเข้ากับความตายไหมนะ” ฉันพึมพำกับตัวเอง
แล้วบางสิ่งก็ผุดขึ้นในสมองของฉัน น่าแปลกใจที่ฉันกับชูเฮแทบจะเอ่ยปากออกมาพร้อมกัน
“Funny Dead Duck!!”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น