ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #86 : ตอนที่ 30 ปฏิบัติการณ์ฟลีทเจอนีย์ขั้นที่ 1 หน่วยนาวิกหน้าใหม่บนยานลำใหม่ กับปัญหาวุ่นๆที่มีปัญหาใหญ่พวงท้าย พาร์ทสอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10
      0
      22 ก.ค. 63

              "แคร้งๆๆๆๆๆ เปร้งๆๆๆๆๆ" แมนิเกเตอร์สวมเกราะท่อนบน แขนและขาสีขาว กับสกินสูทสีเทาข่วนใส่เครื่องควบคุมยังชีพไว้ด้วยกงเล็บดาบสองซี่ที่หลังแขนสองข้าง หากแต่ทุกเครื่องมีฟิลด์ป้องกันเอาไว้
              "หยุดเดียวนี้เลย ตอนนี้เธอกำลังก่อความเดือดร้อนให้กับทุกๆคนบนยานลำนี้ แม้ไม่รู้ว่าเธอทำไปเพื่ออะไร แต่เราไม่ยอมให้เธอทำต่อไปได้หรอก" มาสวาร์ทาร์กล่าว โดยเขากับแอนเดรียมาถึงส่วนควบคุมการยังชีพแล้ว
              แอนเดรียบอก "กรุณาหันหน้ามาทางพวกเราเดียวนี้เลย"
              "สุดท้ายพวกคุณก็โผล่หน้ามาจนได้สิน่ะ" แมนิเกเตอร์ตัวสีขาวเลยหันหน้ามา ซึ่งมีใบหน้าสีขาว ดวงตาสีดำมีแววตาสีแดงเข้มอยู่ข้างใน สวมหมวกขาวติดรัดเกล้าสีทองมีปุ่มแก้วสีฟ้า ซึ่งมันกำลังหมุนอยู่
              "เธอ เป็นพวกบีสทอยด์นะหรือ" แอนเดรียบอก
              "พวกคุณไม่รู้จักผมกับพวกกันก็ไม่แปลกหรอกที่จะพูดเช่นนี้ได้น่ะ" แมนิเกเตอร์ตัวสีขาวบอก แล้วก็ตะคอกใส่ "แต่ก็ดีแล้ว เพราะว่าพวกคุณจะได้เห็นเขี้ยวเล็บของเดรมเกอร์ผู้นี้เองแหละ"
              แอนเดรียบอก "เธอควรจะสงบสติอารมณ์กันก่อน เพราะสภาพของเธอในตอนนี้ พวกเราฟังไม่รู้เรื่องน่ะ"
              "ผมไม่คิดจะฟังพวกคุณกันหรอก เพราะตอนนี้ผมทนรอมานานพอแล้วละ" เดรมเกอร์ตะโกนพร้อมกับกระโจนเข้าถีบใส่ "แฟ้วววว ปึก" แต่รีบยกแขนซ้ายป้องกัน เพราะมาสวาร์ทาร์ยิงฟักดาบเข้าใส่
              "เกรงว่า พวกเราคงต้องทำให้เธอสงบด้วยการใช้กำลังแล้วละ"
              "ย่อมได้ เพราะยังไง ผมต้องทำให้พวกคุณฟังผมให้ได้นี้แหละ" เดรมเกอร์โวยพร้อมกับ "แฟ้ววว ฟึ่บๆๆๆๆๆ หวับๆๆๆๆ" กระโจนเข้ามารั่วถีบใส่มาสวาร์ทาร์ ซึ่งรีบเอี้ยวตัวหลบการถีบใส่อย่างทันควัน จากนั้นก็ไล่ข่วนใส่มาสวาร์ทาร์ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆ เชร้งๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งรีบฟาดฟันดาบโต้ตอบอย่างรวดเร็ว "ย้ากกกก" เดรมเกอร์หวดหมัดขวาเข้าใส่ "แฟ้ววววว หมับบบบ หวับบบบ ป้ากกก" แอนเดรียยืดปอยผมเข้าหมัดแขนขวาของเดรมเกอร์ แล้วก็สบัดหัวไปข้างหลัง กระชากตัวเดรมเกอร์ให้หลังฟาดพื้นไป "ฮึยยยย" เดรมเกอร์ยั้วะหลังจากที่ลุกขึ้น เนตรของเขากลายเป็นสีแดงก่าแล้ว "ครี้งๆ"  กงเล็บที่แขนทั้งสองยืดยาวขึ้นมา "เจอกับไวลด์สแลชคลอว์หน่อยเป็นไง" เดรมเกอร์บอกพร้อมกับ "หวับๆๆๆๆๆ แว้งง เกร้งๆๆๆๆๆ เปร้งๆๆๆๆ" ไล่ข่วนใส่แอนเดรียซึ่งใช้เซฟการ์ดอาร์มเมอร์เข้าปัดป้อง และป้องกันการข่วนด้วยกงเล็บดาบของเดรมเกอร์อย่างบ้าคลั่งกัน "ย้า" แอนเดรียเลยก้มลงและใช้สองมือจับข้อมือของเดรมเกอร์แล้วก็ "ฟึ่บบบ หมับบบ" จับทุ่มด้วยการถีบยันท้องเดรมเกอร์ให้ข้ามตัว แต่ "หมับบบ หวับบบ ฟ้าววว โครมๆๆๆ" เดรมเกอร์โต้ตอบด้วยการคว้าจับข้อมือของแอนเดรียและทุ่มเธอให้ล้มกองกับพื้นไปสี่ทีด้วยกัน "แฟ้วววว" มาสวาร์ทาร์พุ่งเข้ามาอ้อมดักหน้าเดรมเกอร์ และ "หวับบบ แฟ้ววววว" ชักดาบฟันซัดเรซเซอร์เอดจ์เข้าใส่ "กรรรรร" เดรมเกอร์เลยชูแขนขวาที่มีกงเล็บดาบสองซี่ "แว้งงง หวับบบ เปรี้ยงง ตรูมๆ" ข่วนทำลายเรซเซอร์เอดจ์จนขาดและระเบิดด้านข้างแทน
              "นี้เธอเป็นอะไรไปกันมิทราบละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "เป็นอะไรนะหรือ ก็เป็นแบบนี้กันนะสิ โฮกกกกกกกก" เดรมเกอร์กล่าวแล้วก็ส่งเสียงคำรามเข้าใส่ "ฟึ่บบบบ เกร้งงง แว้งๆๆๆๆ แว้ง ป้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" มาสวาร์ทาร์ใช้โชลเดอร์ชิลด์กางป้องกันคลื่นเสียง แอนเดรียป้องกันตัวด้วยโปรเทคชั่นสเฟียร์
              "สภาพของเธอเหมือนคลุ้มคลั้งเช่นนี้ เธอควบคุมตนเองไม่ได้เลยหรือไงน่ะ" แอนเดรียบอก โดยที่เธอปิดบาเรีย มาสวาร์ทาร์ประกอบโลห์เป็นเกราะหัวไหล่สองข้างโดยเร็ว
              "เปล่าเลย เปล่าเลย เปล่าเล้ยยยยยยย เพราะว่าตอนนี้ ผมโกรธพวกคุณมากแล้วต่างหาก" เดรมเกอร์บอกพร้อมตะคอกไปด้วย แล้วก็ "เปรี้ยงงงง" เปล่งพลังงานออร่าสีขาวขึ้นซึ่งก่อตัวมาในรูปของเสือตัวโตสีขาวขึ้นมา
              "เธอมีพลังของเปี้ยคโค (พยัคฆ์ขาว) นะหรือ ถึงว่าสิ ว่าทำไมเธอถึงแสดงอากัลป์กิริยาแบบนั้น เพราะเธอปล่อยให้สัญชาตญาณสัตว์ครอบงำเธอไว้น่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "ผมไม่ได้ปล่อยตัวเองให้ครอบงำ แต่ผมเป็นอย่างงี้เองต่างหากละ ทีนี้ ถึงเวลาที่คุณต้องฟังผมบ้างแล้ว พวกไทรเวเซอร์!!!!!!!!" เดรมเกอร์โวยแล้วก็พุ่งเข้าใส่ "แฟ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โดยกระโจนไปมาด้วยความเร็วสูงจนแอนเดรียและมาสวาร์ทาร์ต้องยืนนิ่งไว้
              "สภาพของเธอในตอนนี้คงไม่มีทางฟังพวกเราได้ต่างหากละ" แอนเดรียบอก

              ทางด้านคลังเสบียงหมายเลข 3 แมนิเกเตอร์หญิงเกราะสีเขียวกับชุดสกินสูทสีเหลือง ซึ่งมีแขนติดโลห์ทรงแปดเหลี่ยมหนาทั้งสองข้าง พยายามเดินไปมาด้วยความหวาดกลัวอยู่
              "นี้เธอ มาอยู่นี้ได้ไงกันน่ะ" สเปียริทตะโกนลั่น จนแมนิเกเตอร์หญิงตกใจไม่น้อย และหันมาเห็นพีวิลและสเปียริทกัน
              "เออ ขอโทษด้วยนะคะ ที่หนูไม่ได้ตั้งใจที่จะก่อความวุ่นวายเลยนะคะ" แมนิเกเตอร์หญิงบอก
              "เออ ใจเย็นๆก่อนน่ะ พวกเราไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร เราแค่อยากให้เธอสงบแล้วไปกับพวกเราเลยดีกว่าน่ะ" พีวิลบอก แล้วก็ค่อยเดินอย่างช้าๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
              แมนิเกเตอร์หญิงพยักหน้า แต่... "ทะ พวกทหาร อ้า อย่า อย่า อย่าเข้ามานะคะ" เธอกลับเห็นลูกเรือของแฮงโก้โผล่หน้ามา จนเกิดความหวาดกลัว แล้วก็ "แว้งงงงง" เกิดพลังงานบางอย่างขยายตัว จน "ฟึ่บบบบ" พีวิลรีบโดดหลบออกมาโดยเร็ว
              "เธอสร้างบาเรียขึ้นได้เองเลยหรือ เธอช่วยปิดมันได้มั้ยละ" สเปียริทบอก
              แมนิเกเตอร์หญิงกล่าว "หนูปิดไม่ได้คะ อยู่ๆมันก็เป็นเองโดยเฉพาะตอนที่หนูกลัวน่ะ" และตกใจยิ่งขึ้น "อ้า ทหารอีกแล้วหรือคะ ไม่น่ะ พวกคุณคงจะจับหนูไปก่อนแน่ๆน่ะ" แล้วก็แบมือทั้งสองข้างจน "แว้งๆ" เกิดพลังบางอย่างเข้า "แว้งงงงง เปร้งๆ" สเปียริทแบมือสร้างโฮลด์เซอเคิ้ลขึ้นมาป้องกันคลื่นเอาไว้
              "ทหารนะหรือ" พีวิลบอก และสังเกตุเห็นลูกเรือโผล่หน้าออกมาจากหลังกล่องคอนเทนเนอร์ พีวิลเลยต้องบอกให้ "หัวหน้าแฮงโก้ สั่งลูกน้องของคุณออกจากที่เกิดเหตุโดยเร็วเถอะ เดียวพวกเขาจะพลอยซวยไปด้วยน่ะ"
              แฮงโก้ตอบกลับ "เข้าใจแล้วละ" แล้วก็กดปุ่ม "ตึกๆๆๆๆๆ" พวกลูกเรือที่ได้รับสัญญาณจึงรีบวิ่งไปโดยเร็ว
              "เอาละ ทหารไปแล้ว ทีนี้ ตาเธอปิดพลังของเธอบ้างละ" สเปียริทกล่าว
              แต่แมนิเกเตอร์หญิงกลับตะโกนลั่น "กลัวๆๆๆๆ อ้า...." พร้อมกับ "ครืนนนนนน" สร้างออร่าสีม่วงก่อตัวเป็นเต่ายักษ์ขึ้นมา โดยที่เนตรสีดำของเธอเปล่งแสงสีม่วงกัน "ครืนนนนน" พร้อมกับขยายสนามพลังให้กว้างขึ้น
              "เธอมีพลังของเต่าดำอยู่หรือ ถึงว่าสิ ว่าทำไมเธอสร้างบาเรียได้น่ะ" สเปียริทบอก
              "แต่ตอนนี้ เราต้องรีบหยุดเธอไว้ก่อนดีกว่า ก่อนที่เธอจะขยายพลังงานทำลายคลังแสงทั้งหมดน่ะ" พีวิลบอก
              สเปียริทเลยต้องใช้คริสทรัลร็อดแบบเฮฟวี่ดัมเบลออกมา "เกรงว่าฉันคงกั้กพละกำลังไว้ไม่ได้แล้วละ"

              ที่โรงเก็บยาน ตอนนี้แมนิเกเตอร์หนุ่มในชุดเกราะสีขาว สกินสูทสีแดง เกราะแขนขาเหลี่ยมและยาวมีแถบหลังแขนและหน้าแข้งเป็นสีฟ้าใส สวมหมวกที่มีเขายาวสีทองบนหมวกสองข้าง ตาสีดำหน้าขาว พยายามวิ่งไปทั่ว เพื่อมองหายานบินที่จอดอยู่
              "เกรงว่าถึงเธอจะหายานเจอ เธอคงขับหนีออกไปไหนไม่ได้หรอกน่ะ เพราะเธอไม่มีกุญแจเลยน่ะ" เนคมาดูซัม ซึ่งมากับลิเนียร์ตี้ ได้บอกกับแมนิเกเตอร์หนุ่มในชุดสีขาว 
              "เยี่ยม พวกไทรเวเซอร์ พวกคุณโผล่มาจนได้สิน่ะ นึกว่าจะไม่ได้เจอกันเสียแล้วน่ะ" แมนิเกเตอร์หนุ่มกล่าวอย่างดีใจ แต่สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นโมโห "แต่ไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะโกหกกันเสียได้น่ะ"
              "โกหกนะหรือ หมายความว่าไงกันละ พวกเราไม่เข้าใจเลยน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              แมนิเกเตอร์เกราะขาวบอก "นอกจากพวกคุณจะปฏิเสธความช่วยเหลือจากพวกเราแล้ว พวกคุณยังเป็นพวกเดียวกับพวกทหารกันด้วยแบบนี้ ไม่โกหกแล้วจะหมายถึงอะไรละ" แล้วก็ "แฟ้วววววว" กระโดดเข้าถีบด้วยฝ่าเท้าที่แหลมแบนใส่ลิเนียร์ตี้ "กร้องงงงง" เนคมาดูซัมเข้ามาป้องกันด้วยเกราะหลังแขนซ้ายแทนและ "ฟึ่บบบบ ป้ากก หวับๆๆๆๆ ตึก" ปัดแมนิเกเตอร์หนุ่มให้ปลิว "ไม่เลวเลยนิ ที่ป้องกันการถีบของฉัน ดรากูลิคไปได้ แต่แย่หน่อย เพราะว่าฉันจะเล่นพวกคุณให้ยับไปเลยนี้แหละ"
              "พวกเราไม่เก็ตในสิ่งที่เธอบอกเลยนะ ว่าเธอมาหาเรื่องเราด้วยเหตุใดน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              ดรากูลิคชูแขนและแบมือทั้งสองข้าง "ซูมมมมมม" จนเกิดพลังพายุขึ้นรอบแขนแล้วก็ "ว้ากกก" กระโดดเข้าฟาดฝ่ามือใส่ "กร้องงง" เนคมาดูซัมรีบยกแขนซ้ายบล็อก จนแขนซ้ายมีรอยฟันแม้จะเบาบางเลยก็ตาม "พลังลมตัด ให้ฉันจัดการเองดีกว่า เนคมาดูซัม" ลิเนียร์ตี้กล่าวพร้อมกับ "แฟ้วววว" กระโดดเข้าถีบใส่ดรากูลิค ซึ่งรีบถอยออกมา และ "หวับๆๆๆๆๆ" กวาดแกว่งด้วยฝ่ามือพลังพายุใส่ลิเนียร์ตี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเธอก็ "แว้งๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆ" โต้ตอบด้วยการอัดพลังขึ้นที่กำปั้นปัดป้องการจู่โจมด้วยพลังพายุรอบแขนสองข้างของดรากูลิคไป
              "โอ้ว นี้เธอโต้ตอบการจู่โจมด้วยสตอร์มเบลดด้วยหรือ สมแล้วที่เป็นยอดนักสู้หญิงที่ว่องไวแต่มีพลังเยอะน่ะ" ดรากูลิคบอกพร้อมกับเพิ่มความเร็วในการจู่โจมใส่ ลิเนียร์ตี้เลยเพิ่มสปีดในการปัดป้องไป "ฟึ่บๆๆๆๆๆ ป้ากกก" แต่ดรากูลิคเล่นถีบลิเนียร์ตี้ให้ล้ม แล้วก็เงื้อแขนสองข้างฟาดลง "กร้องงงงง" แต่สตอร์มเบลดของดรากูลิคกลับถูกท่อนแขนขวาของเนคมาดูซัมต้านแล้วก็ "ฮึยยยย" หวดแขนอัดดรากูลิคให้ปลิวกระเด็นไป "โครมๆๆๆ" กลิ้งกระแทกพื้นไปสี่ทีด้วยกัน
              "นายยังโต้ตอบได้อีกหรือ เนคมาดูซัม" ลิเนียร์ตี้กล่าว โดยแบมือให้เนคมาดูซัมดึงตัวเธอขึ้นมา
              "พลังลมเมื่อครู่นั้น แค่ทำเกราะแขนมีรอยแค่ระดับขีดข่วน ฉันเลยโต้ตอบมันด้วยพละกำลังที่มากพอน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว ดรากูลิคเลยลุกขึ้นยืนมา "เพียงแต่ ฉันรู้สึกได้ว่า หมอนี้คงมีพลังเหนือกว่าซ่อนอยู่แน่นอน" เนคมาดูซัมบอก โดยตั้งท่า เช่นเดียวกับลิเนียร์ตี้ด้วย
              "สงสัยว่าคงต้องเอาจริงสักหน่อยแล้วละ สวิตซ์ออน พลังมังกรฟ้า!!!!" ดรากูลิคกล่าวแล้วก็ไขว้แขนบังวงกลมตรงกลางเกราะหน้าอกที่เปล่งแสง แล้วก็ "แวบบบบ ซูมมมมมมม" บังเกิดพลังพายุพุ่งทะยานขึ้น โดยก่อตัวขึ้นมาเป็น "กรรรรรรรรร" มังกรตัวสูงสีน้ำเงินพร้อมกับกงเล็บที่ยาวขึ้นมา พร้อมกับหดตัวเข้าไปในร่างของดรากูลิค จนเปล่งแสงสีน้ำเงินขึ้น
              "นี้ใช้พลังของมังกรเลยหรือ ทั้งๆที่หน้าตาเหมือนกับพวกเฮเรเค้นเนี้ยน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              ดรากูลิคบอก "สงสัยว่าต้องทำให้พวกคุณหัวโล่งจากการพูดไม่รู้เรื่องด้วยนี้เลยแล้วกัน แฟนท่อมเฮอริเคน" แล้วก็กำหมัดขวาและชกออก "ซูมมมมม" เนคมาดูซัมรีบเข้ากำบังลิเนียร์ตี้โดยเร็ว แม้พลังลมจะทำให้แกตไทซ์เฮฟวี่คอมมานโด้ผงะจนส้นเท้าขวายกขึ้นมาก็ตาม แต่เนคมาดูซัมก็ต้านไว้
              "ไหวมั้ยละ เนคมาดูซัม" ลิเนียร์ตี้บอก
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "ดูท่าว่า เราต้องระวังตัวกันให้มากแล้วละ ลิเนียร์ตี้ หมอนี้มีพลังเยอะกว่าจนเกือบทำให้ฉันปลิวได้ มันก็คงเล่นงานเธอให้ยับได้เช่นกันน่ะ"

              "ซูมมมมมมม ซูมมมมมมม พรึ่บบบบบบบบ" แมนิเกเตอร์เกราะสีน้ำเงินที่สวมหมวกมีเขาข้างหัวสองข้างแต่มีเขาแบนเหนือหัวอยู่ ใช้ปลายนิ้วทั้งสิบพ่นไฟใส่เครื่องไม้เครื่องมือในโซนซ่อมบำรุงจนไฟลุกขึ้นมา "ปี้บ แกร็ก ซ่า" แต่ไม่ทันไร ระบบฉีดน้ำบนเพดานก็ฉีดน้ำดับไฟโดยเร็วจนไฟมอดลง
              "หมดเวลาเล่นไฟแล้ว หันหน้ามาเดียวนี้เลย" แอบไบออสบอก โดยตนกับพลัสเชอริทมาถึงแล้ว
              แมนิเกเตอร์สีน้ำเงินหันหน้ามา "ได้อยู่แล้วละ พวกคุณไทรเวเซอร์" โดยเผยใบหน้าสีขาวซีดและตาสีดำกัน "อย่างน้อยไฟก็ช่วยนำทางให้พวกคุณมาหาพวกเราจนได้น่ะ หึๆๆๆๆๆ"
              "หน้าตาเหมือนกับพวกไทรเมร่า แต่รูปร่างต่างกันเช่นนี้ ไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลเลยน่ะ" พลัสเชอริทกล่าว
              แอบไบออสบอก "เธอใช้อัคคีภัยเรียกพวกเรามานิ คงจะมีเหตุผลมากเลยสิน่ะ ที่ต้องทำเช่นนี้น่ะ"
              "ถ้าไม่ทำเช่นนั้น พวกคุณก็คงหลบอยู่หลังพวกทหารกันพอดีนะสิ" แมนิเกเตอร์สีน้ำเงินกล่าวและชูนิ้วมือข้างขวา "พรึบๆๆๆๆ" ซึ่งจุดไฟที่ปลายนิ้วทั้งห้า "ดังนั้น เตรียมถูกเผาด้วยไฟร์ซอร์ดฟิงเกอร์ของดรันนิคซะเถอะ" แล้วก็ "ตึกๆๆๆ แฟ้ววววว" วิ่งไปสี่ก้าวและพุ่งเข้าใส่ "หวับบบบบ" จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือเพลิงเข้าใส่แอบไบออส "เปรี้ยงงงง" จนโดนฟันเข้าที่หน้าอกและแขนซ้ายขาดไป ส่วนแขนที่ขาดนั้นก็มอดไหม้กลายเป็นฝุ่นตาม ดรันนิคเลยเตรียมใช้ดรรชนีดาบเพลิงฟันใส่ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" พลัสเชอริทยิงชูริเคนชู้ตเตอร์ใส่ดรันนิค "พรึบบบบ หวับบบบบ ครืนนนน ฉ่าๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งโต้ตอบด้วยการตวัดฝ่ามือซัดดาบเพลิงให้ใหญ่พอจนเผาดาวกระจายที่ยิงออกให้มอดไหม้ไป "ฮ่า" จากนั้นก็จ้วงฝ่ามือซ้ายที่ไฟลุกพุ่งจากปลายนิ้วเข้า "เปรี้ยงงง" ทะลวงใส่พลัสเชอริทไปเต็มๆจน "พรึบบบบ" ร่างมอดไหม้ไป "ป้ากกก" แต่ดรันนิคกลับล้มเพราะแอบไบออสพุ่งเข้าเตะขัดขาใส่ไปเต็มๆ "แฟ้ววววว แกร็กๆ" จากนั้นก็โดนโซ่ติดมีดสองเส้นพุ่งมัดแขน โดยพลัสเชอริทที่โผล่มาข้างหลัง แล้วก็ "หวืดดด หวับบบ โครมมม" ดึงโซ่เข้ามาและสบัดยกตัวขึ้นมาฟาดดรันนิคลงกับพื้นไปเต็มๆ
              "พลังไฟของเธอแรงและตรง แต่แย่หน่อย ที่เธอเล่นกับศัตรูผิดกลุ่มแล้วละ" แอบไบออสบอก พร้อมกับ "ฉ่า กึกๆๆๆๆๆ พรวดดด ฉ่า" ไฟมอดดับลงและงอกแขนในทันที แม้จะมีไอร้อนออกจากแขนเลยก็ตาม
              "พวกคุณเก่งสมคำเล่าลือแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงเป็นที่รู้จักกันในเขตอวกาศทางตอนใต้น่ะ" ดรันนิคบอก "แต่เกรงว่า พวกคุณจะต้านความร้อนแรงนี้ไว้ไม่ได้แน่นอนน่ะ" แล้วก็ "วี้งงงง ซูมมมมมม" เปล่งแสงขึ้นที่ปุ่มวงกลมกลางหน้าอกจนเกิดคลื่นเพลิงโพยพุ่ง และก่อตัวขึ้นมาเป็น "ครืนนนน กวี้กกกกกกกกกกกก" นกเพลิงสีแดงชาดที่กู่ร้องขึ้นมา
              "นึกแล้วเชียวว่าทำไมเพลิงมันร้อนมาก เพราะมีพลังของนกฟินิกซ์เองละสิ" แอบไบออสกล่าว
              "หงษ์แดงต่างหากละ ด้วยพลังความร้อนแรงนี้จะแผดเผาศัตรูทุกตัวที่อยู่ตรงหน้าภายในเวลาอันสั้น ต่อให้พวกคุณเอง ก็ต้านไม่อยู่หรอก" ดรันนิคกล่าวโดยนกเพลิงพุ่งเข้าร่างตนจนมีออร่าสีแดง "ซูมมมมมมมม" ดาบสีส้มเปลี่ยนเป็นสีแดงชาดขึ้นมา
              พลัสเชอริทกล่าว "ต่อให้มีความร้อนราว 3 พันองศาเซลเซียส พวกเราไม่กลัวเกรงกันหรอกน่ะ" แล้วก็ "ฟึ่บบบ" กำหมัดเพื่อนำสไตรเดอร์คาตาน่าออกมา แอบไบออสหยิบโบนเซเบอร์ออกมา
              "มีปฏิกิริยาพลังงานอันรุนแรงในพื้นที่การต่อสู้ของพวกไทรเวเซอร์กันนะคะ" เรเชียลบอก "ท่านนายพล จะให้เรียกกำลังเสริมมาช่วย...."
              คาร์ทตันบอก "ฉันอยากจะรู้ว่า พวกเขามีขีดความสามารถมากพอที่จะรับมือกับปัญหาเหล่านั้นเลยหรือเปล่าน่ะ"
              "ทั้งๆที่พวกเขาเองต้านทานคู่ต่อสู้ที่เป็นผู้ก่อกวนทั้งสี่กันไม่ได้เลยหรือคะ" เรเชียลถาม
              คาร์ทตันมองมอนิเตอร์ทั้งสี่ไว้ "ถ้าพวกเขาทำไม่ได้ เท่ากับว่าพวกเขาทำลายความเชื่อถือของฉันไปโดยปริยายนะสิ"

              "โฮกกกกกกก" เดรมเกอร์พุ่งเข้าใส่มาสวาร์ทาร์และแอนเดรีย "แว้งงงงง" ซึ่งแอนเดรียรีบกางโปรเทคชั่นสเฟียร์ป้องกันการโจมตีของเดรมเกอร์ไว้ "แฟ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" บาเรียทรงกลมพลังเพเรเนี่ยมป้องกันการข่วนด้วยความเร็วสูงและต่อเนื่องของเดรมเกอร์ จนทำให้บาเรียมีรอยร้าวเกิดขึ้นหลายรอยและความเปราะบางเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "ต่อให้ป้องกันได้ แต่คงได้เท่านี้แหละ ว้ากกกก" เดรมเกอร์บุกเข้ามาพร้อมกับจ้วงกงเล็บทั้งสองข้าง "ท่าไม้ตาย แฟงค์แคลชเชอร์" เพื่อแทงทะลุโปรเทคชั่นสเฟียร์เข้าถึงภายใน
              "เคร้งงงงง" แต่กงเล็บกลับถูกฟักดาบของมาสวาร์ทาร์ยันเอาไว้ "ฟะ ฟักดาบ นี้คุณรู้ได้ไง ว่าฉันจะบุกเข้ามาน่ะ" เดรมเกอร์อุทานขึ้นอย่างตกใจ มาสวาร์ทาร์ไม่ตอบแล้วก็ "ครี้งงงงงง หวับบบ" ชักดาบมาสวาร์ทาร์เบลดออกจากฟักและฟันซ้ำ จนเดรมเกอร์รีบโดดหลบออกไปเสียก่อน และโยนฟักดาบที่ง้างกงเล็บสองซี่ลงกับพื้น
              "ฟึ่บบบ" ส่วนมาสวาร์ทาร์จับดาบชี้มาที่เดรมเกอร์ "เธอสามารถสู้กับพวกเราได้ด้วยสัญชาตญาณดิบของเธอกันก็จริง แต่....แค่นั้น ไม่มีทางชนะฉันได้หรอกน่ะ"
              "เดียวก็รู้เองละน่า" เดรมเกอร์กล่าวแล้วก็ "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" วิ่งวนรอบมาสวาร์ทาร์ที่ยืนนิ่ง โดยที่แอนเดรียนั่งลงกับพื้นด้วยความอ่อนแรง "กรรรรรร" เดรมเกอร์กระโจนมาจากด้านข้าง "หวับบบ เคร้งงงง" มาสวาร์ทาร์สบัดดาบปัดกงเล็บของเดรมเกอร์ จนแมนิเกเตอร์พลังพยัคฆ์ขาวรีบโดดหลบแล้วก็ "ฟ้าวๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆๆ" กระโดดชิ่งไปตามผนัง "แฟ้วววว" และพุ่งเข้าใส่ด้วยกงเล็บจากด้านหลัง "ปึกกก แฟ้ววว เคร้งงง" แม้ไร้ฟักดาบ มาสวาร์ทาร์หันดาบขึ้นในแนวเฉียงและตบท้ายฟักดาบยิงแสงพุ่งขึ้นไปกระแทกบ่าขวาของเดรมเกอร์ แม้จะเฉียดๆเลยก็ตาม เดรมเกอร์เลยลงพื้นพร้อมกับวิ่งแบบใช้มือต่างขาหน้า และกระโจนใส่ "เคร้งงงง" มาสวาร์ทาร์หวดดาบฟันโต้ตอบกงเล็บของเดรมเกอร์ใส่จนผงะ "เคร้งงง เคร้งงงง เคร้งงง เคร้งงงง" เดรมเกอร์พยายามจู่โจมมาสี่ครั้ง มาสวาร์ทาร์ก็ใช้ดาบฟันปัดป้องไปได้สี่ทีด้วยกัน "นี้คงจะมีพลังมากละสิ ถึงโต้ตอบการบุกของฉันได้ทุกทางน่ะ" เดรมเกอร์บอก
              แอนเดรียกล่าว "คุณมาสวาร์ทาร์มิได้สำแดงพลังอะไรมาก แค่จับทางของเธอได้เท่านั้นเองน่ะ"
              "แต่ถึงยังไงเสีย ฉันซึ่งมีพลังของเหรียญพยัคฆ์ขาวนี้ เร็วพอที่จะชนะคุณได้เช่นกันน่ะ" เดรมเกอร์กล่าวแล้วก็วิ่งเข้าใส่ โดยที่มาสวาร์ทาร์จับดาบด้วยสองมือไว้อย่างมาดมั่น ซึ่งเดรมเกอร์เตรียมจะใช้กงเล็บเพื่อจ้วงแทงใส่ แต่ "ครี้งงงงงงงง หวับบบบ แฟ้ววว ป้ากกก" มาสวาร์ทาร์จับดาบขึ้นและฟันใส่เดรมเกอร์จนร่างขาดสองท่อนไป "ตะกี้นี้ คงเป็นพลังบางอย่างของคุณละสิ" เดรมเกอร์บอก โดยที่ตนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหากตนบุกเข้าใส่มาสวาร์ทาร์กัน จน "หวืออออ" ออร่าที่ปกคลุมได้ดับหายไป
              มาสวาร์ทาร์บอก "เปล่าหรอก ฉันแค่แสดงให้เธอเห็นว่า ต่อให้มีพลังมากแค่ไหน ถ้าฝ่ายตรงข้ามที่มีพลังด้อยกว่า แต่มีจิตที่แน่วแน่บวกกับการเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับความตายอย่างเต็มเปี่ยมแล้วละก็ ฝ่ายที่มีพลังด้อยกว่าก็สามารถเอาชนะเธอที่ใช้พลัง แต่ปล่อยให้สัญชาตญาณดิบครอบงำจนพลาดพลั้งและพ่ายแพ้ลงอย่างง่ายดายนะสิ"
              "งั้น คำเล่าลือที่ว่าคุณเป็นยอดนักดาบแมนิเกเตอร์ที่เก่งกาจมากที่สุดเลยนั้น ก็เป็นความจริงละสิ" เดรมเกอร์กล่าว แล้วก็ "ครี้งง กึก" หดกงเล็บเข้าเกราะหลังแขน แล้วก็คุกเข่าลง "ผมยอมแพ้แล้ว แต่ผมไม่ยอมให้พวกคุณจับผมส่งไปให้พวกทหารกันหรอก" โดยที่แอนเดรียเดินมาล็อกตัวเดรมเกอร์จากข้างหลังไว้ มาสวาร์ทาร์เดินมาหยิบฟักดาบขึ้น เพื่อเสียบดาบกลับไป
              "ทหารนะหรือ เธอเคยมีเรื่องกับพวกทหารจนไม่กล้าเข้าใกล้ แม้กระทั่งพวกเราที่เป็นพวกเดียวกับพวกทหารเลยสินะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "แต่พวกเราต้องการคำอธิบายจากพวกเธอ ถึงสาเหตุที่เธอต้องทำลงไป ดังนั้น เรายังไม่รีบส่งเธอไปโดยที่เราไม่รู้เรื่องกันหรอกน่ะ" แอนเดรียบอก
              เดรมเกอร์กล่าว "เกรงว่าพวกคุณต้องหยุดพวกพ้องของผมให้ได้ก่อนเหอะ"

              "แว้งงงงง" แมนิเกเตอร์หญิงเกราะเขียวสร้างบาเรียกั้นไว้ โดยที่ "แฟ้วๆๆ" ปล่อยกระสุนพลังพุ่งเข้าใส่ "แฟ้ว แฟ้ว ป้ากๆ" พีวิลซัดเอนเนอจี้โบลท์จากสองมือเข้าทำลายกระสุนพลังทิ้ง สเปียริทยิงแฟลชแอร์โรวเข้า "เปร้งๆๆ" แต่ธนูแสงกลับกระเด้งออกโดยที่ปลายลูกธนูบิ่นไปในทันทีที่กระทบกับบาเรีย
               "สภาพพื้นที่ไม่อำนวยต่อการใช้ไม้ตายเลยน่ะ" สเปียริทบอก
              พีวิลกล่าว "แม้ว่าพลังการป้องกันอาจจะแข็งจนต้านการโจมตีของเราได้ก็จริง" แล้วก็บอก "แต่ ถ้าโดนต่อเนื่องแบบไม่จบสิ้นละ"
              "นายไม่บอก ฉันก็รู้ว่าจะทำเช่นไรน่ะ พีวิล นายช่วยระวังหลังให้ฉันด้วย" สเปียริทกล่าว พีวิลพยักหน้า แล้วก็ "ตึกๆๆๆๆๆๆๆ" ทั้งคู่ก็วิ่งเข้าใส่
              "อย่าเข้ามานะคะ อ้า" แมนิเกเตอร์หญิงกล่าวโดยเธอปล่อยพลังออกไป "หวับๆๆๆๆ เปร้งๆๆๆ" สเปียริทควงพลองหัวดัมเบลหมุนปัดกระสุนพลังให้กระจุย
              "เจอนี้หน่อยสิ มิลเลี่ยนสไปค์ อาด้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทรั่วแทงคริสทรัลร็อดดับเบิ้ลสเปียร์ใส่บาเรียพลังเต่าดำของแมนิเกเตอร์หญิงเกราะเขียว อย่างต่อเนื่อง "ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แม้การระดมแทงใส่ของสเปียริทจะแทงทะลุ แต่พลังบาเรียนั้นฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว "อาด้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทก็รั่วแทงแบบไม่ยั้งใส่บาเรียขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเธอใช้พลังรั่วแทงไม่ยับจน "แว้งงงงง" เปล่งออร่าให้แมนิเกเตอร์หญิงได้เห็น เป็นเทพียักษ์ที่มีแขนทั้งสิบถือหอกยาวรั่วแทงใส่
              "นี้มัน อะไรกันน่ะ" แมนิเกเตอร์หญิงได้เห็นร่างออร่าของสเปียริทเข้า จนทำให้เธอตกใจขึ้นมา ส่งผลให้ "วืออออ" บาเรียดับหายไปพร้อมกับพลังเต่าดำด้วย "ฮา" พีวิลพุ่งเข้ามาพร้อมกับเสยหมัดขวาเข้า "อ้า!!!" แมนิเกเตอร์หญิงรีบยกแขนติดโลห์เข้า "กร้องงง" ป้องกันหมัดของพีวิลที่ชกมาได้ แต่ก็ "เหวอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แมนิเกเตอร์หญิงตนนั้นก็ล้มเสียหลักจน "โครมมมม" ล้มเอาหลังฟาดพื้นไปเต็มๆ
              "ไหวมั้ยละ สเปียริท" พีวิลบอก
              "ไหวสิ ดีน่ะที่ฉันรั่วจู่โจมจนสร้างภาพให้อีกฝ่ายช็อค แต่ไม่ถึงกับกลัวมาก จนเธอดับพลังลงไปโดยไม่รู้ตัวเลยน่ะ" สเปียริทหอบเหนื่อยเพียงชั่วครู่ก่อนจะสูดหายใจลึกๆไว้
              พีวิลพยักหน้า "เออ แต่ผมคงทำเธอแรงไปหน่อยหรือเปล่าน่ะ" เพราะเห็นแมนิเกเตอร์หญิงนอนลงกับพื้น โดยที่ส่วนแขนติดโลห์ทั้งสองยุบตัวลงไป
              สเปียริทเลยเดินเข้ามาพร้อมกับถามว่า "ว่าแต่เธอเป็นใครกันมิทราบ"
              "ฉันชื่อ เดรเชล ฉันมากับเพื่อนๆทุกๆคนที่แอบตามขึ้นมาที่ยานลำนี้นะคะ" เดรเชลบอก "เพียงแต่ฉันหลงทางและไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน จากนั้นพวกคุณก็มา แล้วทุกอย่างก็เป็นแบบนี้เลยนะคะ"
              พีวิลบอก "เออ เดรเชล ช่วยลุกขึ้นมาได้มั้ยละ"
              "ไม่ได้คะ ตอนนี้ฉันไม่อยู่ในสภาพลุกขึ้นมาได้ หลังจากที่ฉันใช้พลังไปแล้ว แขนสองข้างของฉันจะหนักมากจนยกไม่ขึ้นเลยนะคะ" เดรเชลบอก "พวกคุณช่วยฉันขึ้นมาได้มั้ยละคะ"
              พีวิลหันมายังสเปียริท ซึ่งตอบไปว่า "ขอโทษด้วย พีวิล ถึงฉันมีแรง แต่ยังเหนื่อยอยู่น่ะ"
              "ต้องการความช่วยเหลือบ้างมั้ยละ พีวิล สเปียริท" จิลบอก โดยเธอกับจายด์มาถึงพอดี
              พีวิลบอก "ต้องการอย่างยิ่งเลย จิล" และหันมาถาม "แล้วเจเนลล่ะ"
              "เจเนลออกตามหาคลอเวฟกันอยู่นะสิ เพราะหมอนั้นไม่ตอบการติดต่อมาน่ะ" จายด์บอก
              สเปียริทกล่าว "คงจะแอบหนีไปทำอะไรบ้าๆกัน ถ้าเจอเมื่อไหร่ รับรองโดนแน่" แล้วจิลก็ใช้พลังจิตยกตัวเดรเชลขึ้น โดยที่จายด์รีบเอาแผ่นกระดานมารองรับไว้
              "โอ้วๆๆๆๆ ทำไมตัวแม่หนูตนนี้หนักกว่าที่เห็นเลยน่ะ" จายด์บอก ซึ่งเขาเกือบทำเดรเชลร่วงลงจากแผ่นกระดานไป

              "แฟ้วววว แฟ้วววว แฟ้วววว" ดรากูลิคพุ่งเข้าใส่เนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้ด้วยการบินใส่ดุจพายุหมุนเข้า
              "สปีดและพลังแบบนี้ คงโต้ตอบโดยไม่ทำให้ยานบินเสียหายกันไม่ได้แน่ๆน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "มีแต่ต้องตั้งรับเท่านั้นแล้วละ"
              "คงจะทำอะไรไม่ได้สิน่ะ ดี งั้นฉันขอจั่วเลยแล้วกัน" ดรากูลิคพุ่งเข้ามาหมายจะจู่โจมใส่ลิเนียร์ตี้ด้วยฝ่ามือ "ป้ากกกก" แต่ฝ่ามือของดรากูลิคเจาะทะลุฟอสชิลด์ที่ลิเนียร์ตี้กางไว้ "ไม่คิดเลยว่าเธอจะกางโลห์พลังได้ แต่เกรงว่าพลังพายุของมังกรฟ้าจะบดขยี้ให้กระจุยกันแล้วละ" ดรากูลิคคิดจะอัดพลังใส่ลิเนียร์ตี้จากระยะประชิด แต่.... "แว้งงงง" ฟอสชิลด์ของลิเนียร์ตี้เปล่งแสงแล้วก็ "หวับๆๆๆๆๆๆ" หมุนตามการหมุนมือสองข้างของลิเนียร์ตี้ทำให้ดรากูลิคหมุนตามไปด้วย จากนั้นก็ "ย้า" สบัดฝ่ามือสองข้างไปข้างหน้า ผลักดรากูลิคให้ปลิวกระเด็น "ฮึยยย แฟนท่อมเฮอริเคน" ดรากูลิคเลยซัดพายุออกไป "แว้งงงง ป้ากกกกก งึงๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงง" เนคมาดูซัมมาข้างหลังลิเนียร์ตี้และใช้โบลท์รีเฟรคเตอร์สะท้อนพลังพายุย้อนกลับไป "ซูมมมม ป้ากกก" ดรากูลิคเลยใช้มือซ้ายปล่อยพลังพายุเข้า "ป้ากกก ตรูมมม" อัดปะทะกับพายุที่ถูกสะท้อนกลับให้หายไป "เฮ้ยยยย โบลท์นัคเคิ้ล" เนคมาดูซัมกระโจนเข้าใส่ดรากูลิคพร้อมกับเสยหมัดลงมา "ป้ากกก เปรี้ยงงง" ชกลงพื้นกระจายพลังควอตไซเซอร์เป่าดรากูลิคจนปลิวกระเด็น ส่งผลให้ออร่ามังกรฟ้าหายไปด้วย
              "เกือบแล้วสิน่ะ เนคมาดูซัม" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              "ดีแล้วละ ที่เธอเลือกผลักให้มันถอยออกไป เพื่อให้ฉันมีโอกาสสวนกลับไปได้น่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              ดรากูลิคกล่าว "ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าพวกคุณจะเล่นรุมจนชนะไปได้แบบนี้ มันขี้โกงเลยน่ะ"
              "แล้วเธอละ เธอพาวเวอร์อัพขึ้นมาจนมีสปีดและพลังเหนือเราเช่นนี้ มันไม่ขี้โกงแล้วจะให้เรียกอะไรได้ละ" ลิเนียร์ตี้บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แย่หน่อยนะ ที่ฉันกับลิเนียร์ตี้ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนแล้ว เธอคงจะเก่งแต่คงจะเป็นมือใหม่ประสบการณ์น้อยละสิ ที่บุกเข้ามาโจมตีโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้วิธีโต้ตอบกลับได้"
              "สุดยอด งั้นพวกเราตัดสินใจไม่ผิดแล้วละ ที่รีบมาหาพวกคุณ แม้ว่าพวกคุณจะปฏิเสธและโกหกพวกเรามาก่อนน่ะ" ดรากูลิคบอก
              เนคมาดูซัมบอก "ปฏิเสธนะหรือ เกรงว่าเราต้องการคำตอบจากเธอสักหน่อย ก่อนที่เราจะจัดการกับเธอทีหลังน่ะ"
              "แต่ผมยังเหลือพวกพ้องกันอยู่น่า" ดรากูลิคบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "อีกเดียว พวกเขาจะตามเธอมาเองแหละ" แล้วก็จับล็อกแขนดรากูลิคไว้ข้างหลังด้วยวงแหวนพลังแสง ก่อนจะพาตัวออกไปโดยเร็ว

              "หวับๆๆๆๆ เคร้งๆๆๆๆๆ" พลัสเชอริทและแอบไบออสหวดดาบโต้ตอบไฟร์ซอร์ดฟิงเกอร์ของดรันนิคที่หวดฟาดมาอย่างต่อเนื่อง "ฮา โท้ววว" ทั้งคู่เลยเสยอาวุธแทงใส่ดรันนิค "ซูมมมมมม" ซึ่งรีบบินขึ้นไป "แฟ้ววววว แฟ้ววววว แฟ้วววว แฟ้วววว แฟ้วววว" จากนั้นก็พุ่งเข้าโฉบใส่ด้วยปีกแห่งเพลิงจน "แฟ้วๆๆๆๆ หวับบ หวับบบ หวับบบ" พลัสเชอริทพุ่งหลบหลีกการโฉบเฉี่ยวอย่างรวดเร็ว แอบไบออสโผกระโดดหลบการโฉบเฉียวใส่ แม้เพลิงจากปีกจะเฉียดใส่ตัวแอบไบออสจนขากางเกงผิวหนังและตามตัวมีแผลไหม้ตาม
              "พลังการบินและพลังการโจมตีเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซนต์ ความร้อนจากดาบเพลิงปลายนิ้ว ทำให้สไตรเดอร์คาตาน่าเสียหายจากการโดนความร้อนสูงถึง 30 เปอร์เซนต์ด้วยกันน่ะ" พลัสเชอริทบอก
              แอบไบออสกล่าว "ลืมตัวเลขเปอร์เซนต์ไปก่อนเถอะ พลัสเชอริท เราต้องการวิธีเอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่มีพลังนกเพลิงอยู่น่ะ"
              "การบุกแบบไม่ยั้งคิดหรือชิงลงมือ ไม่ใช่วิธีเอาชนะศัตรูแบบนี้และในที่แบบนี้ด้วยน่ะ" พลัสเชอริทกล่าวโดยคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว "สงสัยว่าเราต้องใช้การโจมตีที่ดีที่สุดแล้วละ" แอบไบออสพยักหน้า
              ดรันนิคบอก "ต่อให้พวกคุณแน่แค่ไหน ก็เอาชนะผมไม่ได้หรอก" แล้วก็บินวนเพื่ออยู่เหนือหัว แล้วก็ "ซูมมมมมมม" พุ่งลงมา "สไปรัลเบรคดรอป" โดยฝ่าเท้ามีเพลิงลุกโชนปกคลุมไว้ในช่วงที่พุ่งลงมา "ฟ้าวววว ตรูมมมม" พลัสเชอริทและแอบไบออสหลบออกมาได้ก่อนที่เพลิงเป่าพวกเขาไว้ "แฟ้วววววว แฟ้ววววว หวับบบบ ฟ้าวววว ตรูมมมมม ตรูมมมม" ดรันนิคก็ใช้ไม้ตายพุ่งกระทืบใส่ไปสองที ซึ่งเดธเทนและมือสังหารสายฟ้าก็หลบได้อีกเช่นเคย
              "แฟ้ววววววววว แฟ้ววววววว" ดรันนิคเลยบินวนเหนือหัวแอบไบออสและพลัสเชอริท ซึ่งสาวเท้าหลบโดยเร็ว พลัสเชอริทหันหน้ามายังแอบไบออสซึ่งพยักหน้าไว้ "คราวนี้ไม่พลาดแน่ ย้ากกกก" ดรันนิคบอก แล้วก็พุ่งลงมากระทืบใส่ "หวับบบ หวับบบบบ"  พลัสเชอริทโดดถอยหลัง เช่นเดียวกับแอบไบออสที่โดดตามจน "แฟ้ววว ตรูมมม" ดรันนิคพุ่งลงมากระทืบพื้นจนเกิดเพลิงประทุเข้า "ฟึ่บบบ หวับบบบ" พลัสเชอริทซัดกัลวาติคแดกเกอร์ใส่แอบไบออส ซึ่งยกดาบโบนเซเบอร์ขึ้นมา "กิ้กกกก ฟึ่บบ หวับๆๆๆๆๆๆ" ตั้งในแนวขวางให้มีดกระทบกับตัวดาบกระดูกขาว ซึ่งแอบไบออสใช้สองมือผลักดาบดีดมีดสั้นปลิวกระเด็นไปยังดรันนิค "กริ้ง" ซึ่งรีบยกหลังแขนมาบล็อกจนมีดกระเด็นออก แต่ "เปรี้ยงงงง" กัลวาติคแดกเกอร์แตกระเบิดกระแสไฟฟ้าช็อตตัวดรันนิค จนเป่าออร่านกเพลิงให้หายไป "แฟ้วววว แฟ้วววว ตึกๆๆๆๆๆๆๆ" พลัสเชอริทพุ่งไปยังด้านหลังดรันนิค ในขณะที่แอบไบออสวิ่งตรงมา ซึ่งดรันนิคตัวชาจากการถูกช็อตไฟฟ้าไม่สามารถทำอะไรได้
              "ย้ากกก ฮา" แอบไบออสพุ่งมาเหยียดขาถีบ ในจังหวะเดียวกันที่พลัสเชอริทหวดขาขวาเข้าหมายจะเตะกลางหลังดรันนิคไป "กึก กึก" แต่แข้งของพลัสเชอริทเบรคไว้จนห่างหลังดรันนิคไป 12 เซนติเมตร ส่วนเบลดทาลอนของแอบไบออสจ่ออยู่ตรงหน้าดรันนิคเพียง 15 เซนติเมตร
              "ทำไมพวกคุณถึงไม่จัดการกับผมเสียเลยละ" ดรันนิคบอก
              แอบไบออสบอก "แล้วเธอละ ถ้าเธอคิดจะเอาจริง เธอควรจะพุ่งโจมตีพวกเราเดียวนี้ได้เลย ไม่รอให้เรากระโดดหลบถึง 3-4 เที่ยวให้พวกเราจับทางได้หรอกน่ะ"
              "อีกอย่าง เหตุที่เธอก่อเรื่องก็เพื่อดึงพวกเราให้มาฟังเธอกับพวกต้องการจะพูด ดังนั้น เธอจึงมีเหตุผลมากพอที่จะเบรคการโจมตีใส่พวกเรา เพราะคงรู้ว่าพวกเราที่ว่องไวพอ จะหลบออกไปได้น่ะ" พลัสเชอริทบอก "ต่อให้เรามีโอกาสชนะเพียง 40 เปอร์เซนต์จากการที่เธอใช้พลังเกิน 120 เปอร์เซนต์ แต่การที่เธอไม่คิดจะให้เราตาย เธอช่วยให้เราชนะเพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซนต์ไปด้วยน่ะ"
              ดรันนิคเลยนั่งทรุดเข่าลง "เพราะอย่างงั้นสิน่ะ ที่พวกคุณชนะการประลองของฝั่งใต้ไว้นะ ดีที่ผมมาเจอพวกคุณเสียก่อนน่ะ"
              "ใช่ เพียงแต่ ก่อนที่เธอจะต้องรับผิดชอบจากการเผาเขตซ่อมบำรุงกันนั้น เราต้องการรู้ว่า เธอและพวกขึ้นยานลำนี้มาเพื่ออะไรน่ะ" แอบไบออสบอก พร้อมกับ "แกร็ก" นำกุญแจมือมาล็อกมือของดรันนิคไว้ "และห้ามจุดไฟด้วย เพราะเธอจะถูกเผาก่อนน่ะ" โดยแอบไบออสชูนิ้วจุดเพลิงกรดขึ้นก่อนจะเป่าดับลง
              ดรันนิคยิ้ม "ถึงผมแพ้ อย่างน้อยผมกับพวกก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว"

              "เอาละ ไอ้คางแหลม อยู่ในนี้ไปเลยแล้วกัน เดียวฉันจะไปตามเพื่อนนายมาขังไว้นี้แหละ" คลอเวฟบอก โดยเอาตัวมาเทอุสไปขังไว้ในห้องเก็บเครื่องทำความสะอาดกัน
              มาเทอุสบอก "ไม่เอาน่า คุณคลอเวฟ คุณขังผมไว้ตลอดไปไม่ได้หรอก"
              "ไว้ฉันเจอเพื่อนของนายเสร็จ ฉันจะลากนายออกมาเองแหละ" คลอเวฟกล่าวแล้วก็เดินออกมา
              "เฮ้ พวก เสียเวลาขัดพื้นด้วยแว็กซ์อยู่นานละสิ ถึงได้ไม่ตอบรับการติดต่อของเราเลยน่ะ" เจเนลตะโกนลั่นแล้วก็เดินออกมา
              "ก็กูยุ่งอยู่นะสิ เจเนล ตอนนี้ กูไม่ว่าง ขอตัวไปจัดการกับเรื่องยุ่งๆกันก่อนน่ะ" คลอเวฟบอก
              เจเนลเลย "วี้ดดดดดด" เป่าปากดังๆ พีวิลและสเปียริทเดินออกมาขวางคลอเวฟไว้ ตามด้วยแอบไบออสและพลัสเชอริทที่ควบคุมตัวดรันนิค
              "นายหาพวกตัวยุ่งเหล่านี้อยู่ละสิน่ะ คลอเวฟ เกรงว่านายอย่าเสียเวลาเลยจะดีกว่า" เนคมาดูซัมบอก พร้อมกับลิเนียร์ตี้ที่นำตัวดรากูลิคมา เช่นเดียวกับแอนเดรียและมาสวาร์ทาร์ที่นำตัวเดรมเกอร์มาด้วย
              "ว่าแต่ แล้วเดรเชลหายไปไหนละ" ดรากูลิคถาม
              สเปียริทบอก "ถ้าเป็นเพื่อนหญิงของพวกเธอละก็ เราไปไว้ในห้องพักของเราแล้วละ"
              "ดีเลย เดียวฉันจะตามไปเลยแล้วกันน่ะ พวกนายนำไปก่อน...." คลอเวฟบอก
              เจเนลกระพริบตาให้จิล "ครืดดดด" เปิดประตูห้องเก็บเครื่องทำความสะอาดเข้า "อ่า นายยังอยู่นี้หรอกหรือเนี้ย" เดรมเกอร์กล่าว
              "พวกเธอบอกว่า นายคางแหลมนี้มากับพวกเธอหรือพาพวกเธอเข้ามาในยานลำนี้ ใช่มั้ยละ" สเปียริทกล่าว เดรมเกอร์และดรากูลิคพยักหน้า ดรันนิคไม่แสดงออกและนิ่ง
              คลอเวฟกล่าว "เออ พวก กูอธิบายได้น่ะ ว่าเรื่องมันเป็น...."
              "เจเนลบอกกับเราแล้วละ ว่านายแอบเอาตัวผู้บุกรุกรายที่ห้าเข้ามาแอบไว้ในนี้ และคิดจะปิดเรื่องนี้เอาไว้กันด้วย" พีวิลบอก "ก่อนที่นายจะพูดอะไรต่อ ไปคุยกันในห้องพักเลย"
              เนคมาดูซัมกล่าวกับมาเทอุสว่า "แล้วเธอเองก็ต้องไปกับเราด้วยน่ะ"

              หลังจากนั้น พวกไทรเวเซอร์ก็ลากเหล่าผู้ก่อเรื่องเข้ามาคุยกันในห้องพัก
              "นายพลคาร์ทตันอนุญาตหรือเปล่าละ" พีวิลบอก
              เมื่อเนคมาดูซัมเดินเข้ามา "ท่านนายพลอนุญาตให้เราสอบปากคำผู้ก่อกวนและบุกรุก และให้พวกเราตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้น่ะ"
              "ดีเลย เพราะเราอยากรู้ว่าพวกเธอทั้งหลายก่อเรื่องไปเพื่ออะไรกันน่ะ" สเปียริทบอก
              เจเนลบอก "แต่ก่อนอื่นเลย ไอ้คางแหลม นายเป็นใครกันวะ"
              "เออ ผมคือ มาเทอุส อีเกิ้ลไนท์ ผมมาเพื่อมาหาคุณคลอเวฟ โดยขอร้องให้เขารับผมเป็นศิษย์กัน แต่โดนไล่เสียก่อนนะครับ" มาเทอุสบอก
              คลอเวฟกล่าว "กูอยากรู้เพียงเท่านี้แหละ ให้เรื่องมันจบไปเลยไม่ดีกว่าหรือ"
              "เงียบเลย คลอเวฟ เราไม่ได้สั่งให้นายพูดสักหน่อยน่ะ" เจเนลบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "มาเทอุส ไปยืนตรงผนัง ถ้าเราบอกให้พูดก็ต้องพูด ไม่ให้พูดก็ให้นิ่ง และห้ามพูดเยิ่นเย่อเกินจำเป็นด้วย"
              "ครับ" มาเทอุสบอกและทำตาม เพราะมาสวาร์ทาร์พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
              เนคมาดูซัมบอก "พวกเธอทั้งสี่ คงจะรู้น่ะ ว่าการบุกขึ้นยานรบของทางทหารในขณะที่เป็นพลเรือนนั้น ถ้าไม่ถูกจำคุกก็ต้องรับโทษด้วยการทำงานชดใช้ในยาน ซึ่งดูจากการกระทำของพวกเธอนั้น แม้จะมีความจำเป็นที่อยากจะให้พวกเรามา แต่นั้นถือเป็นความผิดกันอยู่ดีนี้แหละ"
              "เพียงแต่ เราอยากรู้ว่าพวกเธอต้องการให้พวกเรามาทำไมกันน่ะ" สเปียริทบอก
              ดรากูลิคบอก "พวกเราต้องการให้พวกคุณที่อยู่ในยานลำนี้มาหาพวกเรากันโดยเร็ว หลังจากที่พวกเรา....ตั้งใจจะบอกกับเพื่อนของพวกคุณไว้ แต่กลับถูกปฏิเสธไว้นะครับ"
              "ถูกปฏิเสธนะหรือ...." เจเนลบอกและเหล่มายังคลอเวฟ และหันมายังมาเทอุส พร้อมกับบอกว่า "ถ้าให้เดาน่ะ ก่อนหน้านี้ พวกเธอขอให้ไอ้คางแหลมมาเทอุส ฝากไปบอกคลอเวฟเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ถูกปฏิเสธมาอย่างงั้นสิน่ะ"
              "คะ พวกเราไม่สามารถไปหาพวกคุณได้โดยตรง เลยฝากเพื่อนผู้นี้ให้ไปบอกกับคุณคลอเวฟกันนะคะ" เดรเชลบอก
              แอนเดรียบอก "แล้วทำไมพวกเธอไม่บอกกับทหารเลยละ พวกเขาอยู่ในตัวเมืองเธอก็น่าจะบอกกับพวกเขาบ้างสิ"
              "ถ้าพวกเราไปคุยกับทหารซัลคาเลี่ยนขึ้นมา พวกเราจะถูกจับไปส่งที่ฐานทัพเพื่อเปลี่ยนพวกเราให้เป็นอาวุธสู้รบและส่งไปรบจนตัวตาย ตามที่คุณปู่และคุณพ่อเล่าไว้นะครับ" ดรากูลิคบอก สเปียริทและเนคมาดูซัมได้ฟังก็ชะงักลง โดยเนคมาดูซัมแบมือไว้
              "เธอบอกว่า คลอเวฟปฏิเสธคำขอของพวกเธอนะหรือ แล้วพวกเธอฝากมาเทอุสไปบอกคลอเวฟกันเมื่อไหร่ และพวกเธอมาที่เฟิร์สฮิลล์กันตอนไหนละ" แล้วเนคมาดูซัมถามกลับ
              "พวกเราฝากหมอนี้ไปบอกกับคุณคลอเวฟกันเมื่อ 3-4 วันก่อนนะครับ ส่วนพวกเรามาถึงเมืองนี้ หลังจากที่เราลงจอดที่ดาวของพวกคุณก็ประมาณ 3 เดือนเห็นจะได้นะครับ" เดรมเกอร์บอก
              แอบไบออสบอก "สามเดือนก่อนหรือ ถ้าเป็นตอนนั้นพวกเราไม่อยู่เพราะติดภารกิจที่ระบบสุริยะจักรวาลกันอยู่นะสิ" และหันมาถาม "แล้วว่าแต่ เธอมีแวะไปที่อพาร์ทเมนต์เพื่อหาพวกเด็กๆที่อยู่ที่นั้นหรือเปล่าละ"
              "พวกเราต่างไปกันคนละเที่ยวแล้ว แต่....นอกจากจะไม่เจอ เราได้ยินจากปากของพวกเขาด้วยคะ ว่าถ้าพวกเขาเจอพวกเรา พวกเราคงโดนเล่นงานแน่นอนคะ" เดรเชลบอก แล้วก็หยิบเอามือถือออกมา ซึ่งเปิดบทสนทนาของพวกเฟรดกับเจ้าของอพาร์ทเมนต์ ไปจนถึง
              "....อย่าให้พวกกูเจอน่ะ ไอ้คางแหลมเฮงซวย เดียวมึงจะโดนตื้บแน่ๆ" น็อกกี้กล่าว
              "แล้วพวกเธอก็หลบอยู่ในเมืองนี้ รอพวกเรามาตลอด แม้กระทั่งตอนที่เมืองนี้โดนเอฟซีตรอนบุกด้วยสิน่ะ" จายด์บอก
              จิลบอก "แล้วพวกเธอมีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่า คลอเวฟปฏิเสธพวกเธอกันละ"
              "มือถือของฉันติดระบบดักฟังไว้ โดยฉันเผลอทำมันกระเด็นไปอยู่ใต้โต๊ะหินเข้าเลยทำให้ได้ยินเสียงการพูดคุยมา แน่นอน ว่าฉันได้ติดไว้ในเสื้อโค้ทที่มาเทอุสใส่ เพราะเราแน่ใจว่า มาเทอุสคงไปหาคุณคลอเวฟโดยลืมเรื่องที่เราขอไว้ด้วยนะคะ" เดรเชลบอก
              แล้วก็เปิดเสียงของ "ถ้าคิดจะหลอกให้ฉันออกจากร้าน แล้วแอบมากินเหล้าละก็ เมินเสียเหอะ เพราะฉันไม่เห็นว่านายมีเพื่อนติดตามมาด้วยเลยสักรายแบบนี้ นายคงมีแผนอะไรบ้าๆในใจกันเลยละสิ" คลอเวฟบอก
              "เออ มันก็ ไม่เชิงหรอกน่ะ ขอแค่คุณช่วยสอนให้ผมแข็งแกร่งขึ้นไว้ จากนั้น ก็ไปช่วยรับฟังปัญหาจากเพื่อนๆของผมด้วยเลยแล้วกันน่ะ" มาเทอุสบอก
              คลอเวฟกล่าว "หรือ.....นายอาจจะฉลาดมากเลยสิน่ะที่มาหลอกฉันไว้ได้น่ะ แต่เสียใจด้วย เพราะฉันไม่เชื่อนายกันหรอก ไอ้คางแหลม นายมาทำให้อารมณ์ของฉันที่มันดีๆ ให้มันบูดในเวลาสองวินาทีแบบนี้ นายวอนหาเรื่องแล้วละ" มาเทอุสบอก "เออ คุณคงไม่ทำเช่นนั้นหรอกน่า คุณคลอเวฟ เพราะปัญหาที่เพื่อนๆของผมโดนนั้น มันหนักหนาจริงๆ แต่ผมแค่อยากให้คุณมา...."
              "พอกันที ไอ้คางแหลม นายจะไปดีๆ หรือว่าจะให้ฉันเรียกทหารมาลากนายไปที่กองบัญชาการ หรือ จะให้ฉันถีบนายออกไปจากบาร์ของฉัน ซึ่งตอนนี้ ฉันอยากจะทำอย่างที่สามกับนายกันแล้ว ถ้านายยังไม่ไสหัวออกไปกันเดียวนี้น่ะ" คลอเวฟกล่าวด้วยอารมณ์โกรธมาก
              มาเทอุสกล่าวอย่างกลัวไม่น้อย "ก็ได้ครับ คุณคลอเวฟ ขอตัวก่อนละ" ซึ่งทุกๆคนเหล่มายังคลอเวฟกันทั้งหมด
              "มีอะไรจะอธิบายกันบ้างมั้ยละ ไอ้หุ่นกระป๋อง" สเปียริทกล่าว
              คลอเวฟบอก "ก็ กูคิดว่าไอ้คางแหลมนั้นมันอ้างเพื่อที่จะขอลายเซ็นกู แล้วเอาไปทำอะไรบางอย่างที่ไม่เข้าท่ากัน ซึ่งเรื่องที่ให้กูฝึกมันให้แกร่งก็คงเป็นข้ออ้างกันด้วย เผลอๆอาจจะเป็นพวกศัตรูหลอกไอ้บ้านี้ให้มารุมเล่นงานกูเลยก็ได้"
              "พวกเราไม่ได้มีเจตนาแย่แบบนั้นสักหน่อยนะ" เดรมเกอร์บอก
              ดรากูลิคบอก "พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณจริงๆ เพราะว่า ดาวบ้านเกิดของพวกเรา ถูกศัตรูรุกรานกันแล้วละครับ"

          "ว่ายังไงน่ะ!!!!!!!" พวกไทรเวเซอร์อุทานลั่นอย่างพร้อมเพียง แม้กระทั่งคลอเวฟด้วย
              พีวิลบอก "พวกเธอ ดาวบ้านเกิดของพวกเธอถูกรุกรานกันตั้งแต่เมื่อไหร่ละ"
              "คือ เมื่อ 4 เดือนก่อน พวกเราตั้งใจจะเดินทางกลับดาวบ้านเกิดกันแล้ว" เดรเชลบอก "แต่ คุณแม่ที่อยู่ที่ดาวบ้านเกิดของพวกเรานั้น ส่งข้อความตรงมาซึ่งเป็นเรื่องที่แย่มากเลยนะคะ"
              แล้วก็เปิดข้อความเสียงของผู้หญิงที่ติดต่อไปว่า "เดรเชล ลูกกับเพื่อนๆห้ามกลับมาที่ดาวของเราเป็นอันขาด ศัตรูบุกเข้ามายึดดาวของเราแล้ว อีกไม่ช้า สถาบันของพวกเราก็จะพลอยโดนไปด้วย ดังนั้น ไม่ว่ายังไง ลูกกับทุกๆคนไม่ต้องกลับมาเป็นอันขาด...." ตามด้วยเสียง "แฟ้ววว อ้านนนน อ้านนน อ้านนน อ้านนนน เพล้งงง เพล้งงง เพล้งงง เพล้งงง โครมมม โครมมมม โครมมมม" เครื่องยนต์ของบางอย่างดังและพุ่งทะลุกระจกจนแตก และพุ่งปะทะกับบางอย่างจนพัง "ซ่า........" จากนั้นข้อความก็จบลงในทันที
              "แล้วในเมื่อพวกเธอรู้ว่าดาวบ้านเกิดของพวกเธอถูกศัตรูบุกนิ พวกเธอมิได้ไปแจ้งกับตำรวจอวกาศเลยหรือ" จิลบอก
              เดรมเกอร์กล่าว "พวกเรามาจากเขตอวกาศภาคกลางกันน่ะ ต่อให้เราอยากจะแจ้งกรมตำรวจอวกาศ พวกเขาก็คงมีงานยุ่งมากจนไม่สนคำขอของพวกเราได้หรอก" แล้วก็บอก "โชคดีที่พวกเราได้ยินชื่อเสียงของพวกคุณมาก่อน และรู้ว่าพวกคุณอยู่ที่ดาวดวงที่สามในระบบอีสทาล่าฟรอนเทียร์ พวกเราจึงตัดสินใจเดินทางมานี้ เพื่อมาขอความช่วยเหลือจากพวกคุณนะครับ"
              "แล้วทุกอย่างก็มาลงเอยกันที่ยานลำนี้เลยสิน่ะ" แอบไบออสบอก ดรากูลิคและพวกพยักหน้า แล้วพวกไทรเวเซอร์ที่เหลือก็จ้องมายังคลอเวฟด้วยสายตาที่โมโหอย่างมาก
              "นี้พวกนาย เอาจริงดิ" คลอเวฟสบถ
              "ดรากูลิค เดรเชล เดรมเกอร์และดรันนิค ไปยืนใกล้ๆกับมาเทอุส รอพวกเราตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับพวกเธอก่อน อย่าพึ่งไปไหนเป็นอันขาด" มาสวาร์ทาร์บอก โดยพวกดรากูลิคเดินไปยืนเรียงแถว
              พีวิลบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "คลอเวฟ นายเองก็ไปยืนใกล้กับมาเทอุสด้วย เราไม่ได้เรียก นายห้ามไปไหนทั้งนั้นแหละ"
              "เออ...." คลอเวฟเห็นสีหน้าทุกๆคนบึ้งตึงกันหมด เลยรีบเดินไปอยู่ใกล้กับมาเทอุสที่อยู่ฝั่งขวาด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่พวกดรากูลิคอยู่ฝั่งซ้ายมือ
              เนคมาดูซัมบอก "พวกเราสุ่มหัวใช้ความคิดกัน จายด์ อนุญาตให้ยืนฟังได้ เพื่อดูคลอเวฟกับพวกด้วยน่ะ" 

              "เข้าใจแล้วละ" จายด์บอก แล้วที่เหลือทั้งหมดมุงกันโดยเร็ว โดยจายด์ทำหน้าที่มองคลอเวฟและพวกมาเทอุสด้วย
              สเปียริทสบถ "นายหุ่นกระป๋องเฮงซวย ปัญหาเดิมจบ ยังมีปัญหาใหม่เข้ามาพร้อมกับอีกปัญหาในตอนนี้ มันน่าโมโหจริงๆน่ะ"
              "นั้นสิ คลอเวฟปฏิเสธที่จะรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นที่มีปัญหาดาวบ้านเกิด ถูกพวกศัตรูที่ไหนไม่รู้รุกรานกันแบบนี้ ถ้าเกิดว่าดาวถูกบุกจนทุกอย่างไม่เหลือซากขึ้นมา นั้นเป็นเรื่องที่แย่กว่าเฮงซวยเสียอีกน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              แอนเดรียบอก "แต่พวกดรากูลิคกลัวทหารอยู่ เพราะไม่อย่างงั้นพวกเขาคงไม่ฝากมาเทอุสให้ขึ้นไปบอกกับคุณคลอเวฟ ซึ่งก็คงไม่เชื่อ เพราะไม่เห็นพวกเขามาด้วย หรือพาไปแล้วไม่เจอพวกเขาเลยนะคะ"
              "คลอเวฟเองก็ระแวงเพราะต้องปิดบังเรื่องเรือนอร์ติลุสกัน รวมถึงเรื่องที่เหล้าหายไปจากบาร์ตอนที่ไม่อยู่ด้วย จึงไม่แปลกหรอกที่คลอเวฟจะไล่ตะเพ็ดมาเทอุสไป" พลัสเชอริทบอก
              เจเนลบอก "แถมพวกดรากูลิคก็มาตอนพวกเรามีเรื่องพวกญาติเฮงซวยของแอนเดรียกันด้วยเช่นนี้ นอกจากพวกเขามาผิดจังหวะเวลา แถมยังต้องหลบหนีทหารชาวซัลคาเลี่ยนในกองที่ 11 ที่มาประจำการในเมืองนี้ด้วยน่ะ ยิ่งรู้ว่าคลอเวฟปฏิเสธไป ยิ่งทำให้พวกดรากูลิคมีเหตุผลที่ต้องตามพวกเรามาถึงนี้ โดยให้มาเทอุสที่กลับมามือเปล่าพาพวกเขามาด้วยน่ะ"
              "ปัญหาคือ พวกเราจะทำยังไงกับพวกดรากูลิคดีล่ะ" จิลถาม
              มาสวาร์ทาร์บอก "ตอนนี้เรารู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับดาวบ้านเกิดของพวกดรากูลิคกันแล้ว เพียงแต่ เรารู้แค่ครึ่งเดียว เพราะแค่สัญญาณติดต่อ ใครๆก็ทำเลียนแบบได้ และใครที่ฟังก็ต้องเชื่อได้แน่นอน"
              "มีแต่ต้องให้พวกเขาพาพวกเราไปที่ดาวบ้านเกิดของเขา เพื่อดูสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ศัตรูผู้รุกรานบุกมาที่ดาวเมื่อ 4 เดือนก่อนเท่านั้น ถึงจะรู้ว่า พวกไหนบุกมายึดดาวของพวกเขาน่ะ" พีวิลบอก
              เจเนลบอก "จะดีหรือ แล้วถ้าเกิดว่าเป็นพวกกรัมสกิซขึ้นมาละ พวกเรามิยิ่งซวยเลยหรือ"
              "พวกดรากูลิคผิดหวัง เพราะคลอเวฟไปปฏิเสธพวกเขาผ่านมาเทอุสกัน แม้คลอเวฟไม่รู้ และพวกเราไม่ทราบเรื่อง ก็ถือว่าพวกเรามีส่วนผิดเหมือนกับคลอเวฟนี้แหละ" เนคมาดูซัมกล่าว "ดังนั้น พวกเราจะแสดงความรับผิดชอบที่คลอเวฟก่อเรื่องจนยานเอลอาควีทีเรียเกือบพังไป ด้วยการมุ่งหน้าไปยังดาวบ้านเกิดของพวกดรากูลิค เพื่อเช็คดูสภาพของดาวว่าแย่แค่ไหนกันน่ะ"
              สเปียริทบอก "แล้วเราต้องพานายบื้อกับอัศวินคางแหลมไปด้วยสิน่ะ"
              "คลอเวฟก่อเรื่องให้พวกเราและพวกนายพลคาร์ทตันเช่นนี้ ให้อยู่ในยานไม่ได้ เราต้องพาไปเพื่อให้ดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไว้ ส่วนมาเทอุส เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่เกี่ยวข้องกับพวกดรากูลิคและคลอเวฟ เราต้องพาเขาไปด้วยน่ะ" พีวิลบอก "ส่วนเรื่องผู้รุกรานที่ดาวนั้น เราจะลงไป แม้นั้นหมายถึง เราต้องปะทะกับพวกนั้น โดยไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ตามน่ะ"
              แอบไบออสถาม "แล้วพวกเราจะไปกันทั้งหมดนี้เลยหรือ"
              "ฉันจะอยู่ที่เอลอาควีทีเรียเอง เพื่อคอยแจ้งพวกนายให้ทราบ เผื่อว่านายพลคาร์ทตันรู้ว่าพวกนายไปทำอะไรน่ะ" พลัสเชอริทอาสา เนคมาดูซัมพยักหน้า
              มาสวาร์ทาร์บอก "เรื่องรายงานนายพลคาร์ทตันนั้น ต้องให้นายจัดการแล้วละ"

              "พวกเด็กวัยรุ่นเหล่านั้นก่อเรื่องขึ้นที่ยาน เพื่อเรียกร้องให้พวกเธอส่งพวกเขากลับดาวบ้านเกิดนะหรือ" คาร์ทตันกล่าว
              เนคมาดูซัมกล่าว "ครับ ท่านนายพล จากการสอบปากคำพวกเด็กแสบทั้งห้าแล้ว ปรากฎว่า พวกเขาอยากจะเดินทางกลับบ้านเกิดโดยเร็ว เลยมุ่งหน้ามาหาพวกเราที่ดาว แต่บังเอิญว่าพวกเราไม่อยู่ พวกเขาเลยต้องรอจนพวกเรากลับมา ซึ่งพอพวกเรามาถึง พวกเขาเลยให้เพื่อนคนหนึ่งไปบอกคลอเวฟ ซึ่งเป็นผู้เดียวที่ติดต่อเรื่องยานอวกาศให้พาพวกเขากลับดาวกัน" โดยพาคลอเวฟไปด้วย แล้วก็ "โป้ง" ใช้มือตบหลังหัวคลอเวฟไปเต็มๆ "แต่คลอเวฟด่าว่าเพื่อนคนหนึ่ง จนเขาไปฟ้องที่เหลือ ส่งผลให้พวกเขาต้องดั้นด้นตามพวกเรามาถึงยานลำนี้นะครับ"
              "เป็นความจริงใช่มั้ยละ คลอเวฟ" คาร์ทตันกล่าว
              คลอเวฟตอบ "เออ ครับ ท่านนายพล อีกอย่าง ไอ้เด็กคางแหลมนั้นมันพูดจากวนๆใส่ผมก่อน ผมเลยก็ต้องด่าเขาไป โดยไม่ฟังเรื่องที่เขาจะอธิบายเลยนะครับ"
              "ในเมื่อลูกทีมของเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้ยานของฉันเสียหายเช่นนี้ พวกเธอจะทำเช่นไรล่ะ" คาร์ทตันบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แม้ว่าพวกเราจะสามารถหยุดพวกเขาไว้ได้ จนยานได้รับความเสียหายที่พอซ่อมแซมไปได้เลยก็ตาม ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าของคลอเวฟ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านกับพวกเกือบเดือดร้อนกันนั้น ผมตัดสินใจที่จะ พาพวกเด็กๆกลับสู่ดาวบ้านเกิด พร้อมกับตักเตือนไม่ให้พวกเขาทำผิดอีกนะครับ" แล้วก็บอก "แน่นอน ว่าผมพาคลอเวฟไปขอโทษพ่อแม่ของพวกเด็กๆด้วยนะครับ"
              "แล้วรู้หรือ ว่าดาวบ้านเกิดของพวกเขาอยู่ที่ไหนน่ะ ถ้าเกิดว่าพวกเขาอยู่ในระบบดาวที่ห่างไกลขึ้นมา เท่ากับว่าพวกเธอออกนอกเส้นทางและถือว่าพวกเธอหายสาปสูญในระหว่างปฏิบัติหน้าที่เลยน่ะ" คาร์ทตันบอก
              เนคมาดูซัมบอก "พวกเราทราบดีครับ เรื่องที่เราอาจจะต้องเจออันตรายจนทำให้พวกเราหายสาปสูญไปนั้น เป็นเรื่องที่เราเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนหน้าที่จะมาประจำการบนยานลำนี้แล้วละครับ"
              "ใช่แล้วละครับ เนคเกอร์เองตัดสินใจเช่นนี้ ผมที่เป็นต้นเหตุเองก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยนะครับ" คลอเวฟกล่าวแล้วก็ก้มหัวลง
              คาร์ทตันบอก "เงยหน้าขึ้นมาได้แล้วละ คลอเวฟ" แล้วก็กล่าวกับเนคมาดูซัม "ฉันอนุมัติให้พวกเธอพาพวกเขากลับสู่ดวงดาวบ้านเกิดได้ จากนั้น พวกเธอรีบเดินทางกลับมาที่ยานโดยเร็ว ซึ่งฉันอนุญาตให้พวกเธอใช้มินิไฮเปอร์ไดร์ฟกับยานเพริบาทรอส ในการเดินทางระยะไกลด้วยความเร็วเหนือแสงด้วยน่ะ"
              "ขอบคุณมากนะครับ ท่านนายพล" เนคมาดูซัมกล่าว คลอเวฟพยักหน้า จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องไป แล้วมาที่ยานเพริบาทรอสซึ่งติดเครื่องยนต์สีขาวไว้ด้านท้ายและหลังเครื่องยนต์ตรงปีกสองข้าง ซึ่งเป็นเครื่องยนต์มินิไฮเปอร์ไดร์ฟที่ถูกติดตั้งไว้แล้ว
              "พร้อมกันแล้วใช่มั้ยละ พวก" เนคมาดูซัมบอก จายด์พยักหน้าโดยที่ให้มาเทอุสกับพวกดรากูลิคนั่งด้านใน ลิเนียร์ตี้ สเปียริท แอนเดรีย จิล พีวิล มาสวาร์ทาร์ แอบไบออสนั่งรออยู่แล้ว
              "พวกนายกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยละ" พลัสเชอริทกล่าว
              "ฝากด้วยแล้วกันน่ะ พลัสเชอริท" พีวิลกล่าว แล้วคลอเวฟก็เดินขึ้นยาน โดยมีเนคมาดูซัมเดินตามมา ซึ่งลิเนียร์ตี้ส่งซีคเก้ไรเฟิ่ลสองกระบอกให้เนคมาดูซัม โดยนั่งในสุดพร้อมกับคลอเวฟที่นั่งฝั่งตรงข้าม "เจเนล เซตรหัสตำแหน่งพิกัดนี้เข้าระบบมินิไฮเปอร์ไดร์ฟไว้น่ะ" พีวิลบอก
              เจเนลพยักหน้าพร้อมกับคีย์ข้อมูลเข้าไปในระบบขับเคลื่อนเหนือแสงที่อยู่ฝั่งซ้าย "ถึงยานเอลอาควีทีเรีย เพริบาทรอสขออนุญาตบินออกจากยาน โดยใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยความเร็วเหนือแสง ไปปฏิบัติภารกิจที่ร้องขอไว้" เจเนลกล่าว
              "เข้าใจแล้วละคะ ท่านนายพลอนุญาตให้พวกคุณเดินทางไประบบดาวดังกล่าว และพอเสร็จเรื่อง พวกคุณก็ต้องรีบกลับมาโดยเร็วนะคะ" เรเชียลบอก
              เจเนลกล่าว "เข้าใจแล้วละ เพริบาทรอสของหน่วยรบไทรเวเซอร์ ขอออกบินได้เลย"

              "ครืดดดด ซูมมมมม ฟ้าวววววววว" เจเนลก็นำเพริบาทรอสบินออกจากเอลอาควีทีเรียทางลานส่งด้านซ้าย พอยานบินออกนอกยานหลักไปได้สักระยะหนึ่ง "เกาะไว้ให้แน่นๆนะ พวก ได้เวลาเปิดระบบบินเหนือแสงกันแล้วละ" เจเนลกล่าว จายด์รีบใช้มือจับราวที่อยู่ด้านบน พวกเนคมาดูซัมรีบเกาะราวด้านบน เช่นเดียวกับคลอเวฟที่มือจับราวตรงทางเข้าออกคอกพิตยาน "หึมๆๆๆๆๆๆๆ แฟ้วววววววว" เพริบาทรอสใช้มินิไฮเปอร์ไดร์ฟทะยานด้วยความเร็วเหนือแสงบินออกไปโดยเร็ว
              "หวังว่าพวกนี้คงไปแล้วไม่กลับมาอีกเลยน่า แม้ท่านนายพลอยากให้พวกนี้รีบกลับมาเลยก็ตามน่ะ" แฮงโก้บอก
              "แน่ละ พวกเราหวังว่าพวกนี้คงจะเก่งและแน่พอที่จะช่วยเราจัดการกับไอ้พวกคนทรยศทั้งเก่าและใหม่กันเสียทีน่ะ" เฮฟฟอนบอก แฮงโก้พยักหน้า
              ยิปเซทบอก "เออ ฉันไม่อยากจะขัดจังหวะพวกนายกันหรอกน่ะ" แล้วหันมาถาม "เฮฟฟอน นายเบิกป้อมมิไซล์ติดตามเป้าหมาย 8 ช่องยิงไปสองหน่วยหรือเปล่าละ"
              "เปล่านิ เพราะว่าฝูงบินยังต้องฝึกจู่โจมด้วยซีมูเลเตอร์ตามเดิมเลยน่ะ" เฮฟฟอนบอก
              ยิปเซทกล่าว "แฮงโก้ แล้วนายอนุญาตให้เบิกเอาสแกนเนอร์และกล้องจับภาพผ่านภูมิประเทศหนาทึบกันหรือเปล่าละ เพราะฉันเช็คดูแล้ว เหมือนมันหายไปหน่วยหนึ่งน่ะ"
              "หวังว่าตาทิพย์ของนายคงจะเห็นอะไรเบลอๆกันบ้างน่ะ" แฮงโก้นำแพดมาเช็คดู "เอ้ย กล่องสแกนเนอร์สำหรับติดใต้ท้องยานหมายเลข 6 กับกล่องใส่กล่องจับภาพเบอร์ 15 นั้น เหมือนกล่องมันไม่ถูกเปิดด้วยมือหรือเครื่องมือ แต่ข้าวของหายไปจากกล่องน่ะ" ยิปเซทพยักหน้า
              เฮฟฟอนกล่าว "สถุลเอ้ย กลับมาเมื่อไหร่ เราต้องสวดพวกไทรเวเซอร์กันแล้ววะ"

              "แฟ้ววววววว" เพริบาทรอสของพวกไทรเวเซอร์มาถึงเขตระบบดาวแห่งหนึ่ง หลังจากที่ใช้มินิไฮเปอร์ไดร์ฟไปแล้ว
              "มาถึงแล้วละ ระบบเบต้าดิน่า ระบบดาวของพวกเธอกันน่ะ" เจเนลบอก "ว่าแต่ ดาวของพวกเธอนั้นเป็นดวงที่เท่าไหร่ละ" แล้วก็เปิดภาพแผนที่ระบบดาวที่มาถึง
              เดรเชลชี้ไปที่ดาวดวงที่ 4 ในระบบ "ดาวบ้านเกิดของพวกเรา เบย์เบรดินนั้น เป็นยังไงบ้างละคะ"
              "ตอนนี้เราอยู่ระหว่างดาวดวงที่ 6 เลยนะ อย่างน้อย เราพอมีเวลาในการเดินทางไปที่ดาวของพวกเธอบ้างน่ะ" เจเนลบอก ดรากูลิคพยักหน้า
              สเปียริทบอก "และไกลพอที่จะสอบถามพวกเธอกันบ้างนะ"
              "ว่าแต่ พวกคุณอยากรู้เรื่องของพวกเรากันเลยหรือครับ" ดรากูลิคกล่าว
              เนคมาดูซัมพยักหน้าและกล่าว "พวกเธอ เป็นพวกเบรเดรน อย่างงั้นใช่มั้ยละ"
              "คุ คุณรู้จักชื่อเดิมของพวกเรา เบย์บาลิค ที่มาจากบ้านเกิดเดิม ที่มีพวกทหารเลวกันนะหรือ" เดรมเกอร์โวยลั่น
              สเปียริทแบมือก่อนจะบอกว่า "วางใจได้น่ะ เพราะถึงแม้ว่าเราเคยได้ยินชื่อเดิมของพวกเธอมา แต่พอเห็นพฤติกรรมของพวกเธอที่มีต่อทหารซัลคาล่านั้น ทำให้ฉันรู้ว่าพวกเธอ ไม่สิ บรรพบุรุษหรือพ่อแม่ของพวกเธอคงมาจากแรซัลก้า เหมือนที่ฉัน แล้วก็เนคมาดูซัมเคยอยู่มาก่อนน่ะ"
              "แต่วางใจได้ เพราะว่าพวกเรามิใช่พวกเดียวกันกับพวกทหารเลวเหล่านั้นหรอกน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              ลิเนียร์ตี้ถาม "เนคมาดูซัม ว่าแต่ เบรเดรนนิ เป็นแมนิเกเตอร์แบบไหนละ"
              "เบรเดรนนั้น เป็นพวกแมนิเกเตอร์มนุษย์สังเคราะห์ชีวภาพหรือไบซินที่เกิดและโตในเขตชุมชนเบรเดม ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแมนิเกเตอร์สังเคราะห์ด้านเกษตรกรรม ตั้งแต่ทำไร่ ไถนา ทำสวน หาของป่า เลี้ยงสัตว์ทั้งบก อากาศและประมง ไปจนถึงจัดการกับผลผลิตเข้าสู่กระบวนการแปรรูปในกับพื้นที่อื่น โดยพวกเบรเดรนนั้นถือเป็นกลุ่มมนุษย์สังเคราะห์ชีวภาพที่ทำให้ประชาชนทุกชนชั้นในแรซัลก้า รวมถึงแมนิเกเตอร์จากนอกดาวอย่างพวกเรานั้น อิ่มท้องได้ตลอดเลยน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว "แน่นอน ว่าฉันกับฟิเกซเองก็ถูกส่งไปคุ้มกันพื้นที่ทำไร่ของพวกเบรเดรนที่ภูมิภาคอีสาน ซึ่งเป็นจุดที่พวกเฮซเทิร์ซคุกคามอยู่บ่อยครั้ง เพราะมันเคยเป็นชุมชนที่มีชาวซัลคาเลี่ยนอาศัยแต่ถูกปล้นสะดมจนไม่เหลือซาก และเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทำไร่เลยน่ะ"
              เดรมเกอร์บอก "แสดงว่า คุณเคยรู้จักกับคุณปู่คุณย่าของพวกเราเลยสิครับ"
              "แล้วทำไม บรรพบุรุษของพวกเธอถึงย้ายจากแรซัลก้าไปยังระบบดาวอันห่างไกลเลยน่ะ" แอนเดรียกล่าว
              สเปียริทบอก "ฉันเคยได้ยินมา เมื่อปีจักรวรรดิ์ที่ 34 พวกเบรเดรนถูกสภาขุนนางสงสัยว่าจะก่อการกบฎ แต่สโทรเพธกลุ่มหนึ่งที่เคยเป็นเบรเดรนมาก่อน เข้ามาปกป้องและร้องขอให้มารดรเทพโอเวอร์เรสไว้ชีวิตพวกเขา ด้วยการอพยพพวกเขาไปอยู่ในดาวที่ห่างไกล เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเขาว่าพวกเขามิได้ทำตามที่สภาขุนนางกล่าวหา แน่นอน ว่ามารดรเทพอนุญาตและให้สโทรเพธเหล่านั้นพาพวกเบรเดรนทั้งหมดออกจากแรซัลก้า แต่ให้ควอเดี่ยมกลุ่มหนึ่งไปด้วยอีกทีน่ะ" แล้วก็บอก "หลังจากที่เบรเดรนหายไป แรซัลก้าเลยให้ชาวซัลคาเลี่ยนเข้ามาคุมชุมชนเกษตรกรรมแทน เพียงแต่พวกเขามิได้ชำนาญเรื่องผลผลิตดีกว่าเบรเดรนก็เท่านั้นเองแหละ"
              "นั้นแค่ความจริงเพียงครึ่งเดียวนะคะ เพราะความจริงแล้ว...." เดรเชลบอก ".....เหล่าผู้พิทักษ์ทำเพื่อปกป้องบรรพบุรุษของพวกเรา ผู้ซึ่งได้รับพลังจาก บีสท์เมดัล อันทรงพลัง จากเงื้อมมือของพวกทหารเลวนะคะ"
              พีวิลถาม "บีสท์เมดัลนะหรือ นั้นคงเป็นต้นพลังของมังกร เสือ เต่าและนกไฟด้วยสิน่ะ"
              "ครับ คุณปู่ของผมเป็นผู้ถือครองเหรียญพลังสัตว์เทพอันทรงพลัง เช่นเดียวกับพวกพ้องรุ่นแรกๆด้วย โดยผมเป็นรุ่นที่สามที่ได้รับสืบทอดมานะครับ" ดรากูลิคบอก โดยชี้มายังปุ่มวงกลมเรืองแสงตรงกลางเกราะหน้าอก "ด้วยเบย์มอเตอร์ที่อยู่รอบเซอเคิ้ลแทคนี้ มันจะกระตุ้นเหรียญให้สำแดงพลังของสัตว์เทพออกมา โดยมีเกราะแขนขาเป็นตัวรับและแปลงพลังดังกล่าวมาในรูปแบบต่างๆไว้ ซึ่งพวกเราต้องได้รับการฝึกฝนให้ใช้พลังจากเหรียญนี้เองนะครับ"
              จิลบอก "และพลังสัตว์เทพที่ปรากฎออกมาแล้วเข้าร่างพวกเธอก็เป็นการสำแดงพลังอีกอย่างด้วยสิน่ะ"
              "แต่เราจะเชื่อพวกคุณได้ไง ในเมื่อคุณทำงานให้กับพวกทหารบนยานลำนั้น อีกทั้งเพื่อนทั้งสองของพวกคุณก็เคยอยู่บนดาวเดิมของบรรพบุรุษของเรา เท่ากับว่าพวกคุณที่เหลือก็เป็นพวกเดียวกันไปด้วยสิ" ดรันนิคบอกอย่างไม่ไว้ใจ
              มาสวาร์ทาร์บอก "พวกเรามิใช่ชาวซัลคาเลี่ยนอย่างที่พวกเธอเข้าใจกันหรอก พวกเรา นอกเหนือจากแอบไบออสที่เป็นมนุษย์มาจากระบบดาวอื่นนั้น เป็นมนุษย์มาจากดาวโลกนะสิ"
              "ดาวโลกนะหรือคะ" เดรเชลบอก
              จายด์บอก "ใช่ ดาวดวงที่สามของระบบสุริยะบ้านเกิดแห่งแรกของพวกเรา ซึ่งพวกเราเดินทางมาที่อีสทาล่าฟรอนเทียร์ หลังจากมหาสงครามกับดาวดวงเดิมของบรรพบุรุษของพวกเธอจบลงแล้วน่ะ"
              "งั้นที่ทหารในเมืองพูดถึงพวกคุณว่าเป็นเทรอมนั้น ก็เพราะว่าพวกคุณมาจากดาวโลกเลยสิน่ะ" เดรมเกอร์กล่าว
              พีวิลบอก "ทีนี้ ช่วยอธิบายให้เทรอมอย่างพวกเราฟังได้มั้ย ว่าบรรพบุรุษของพวกเธอได้พลังมายังไง และลงเอยที่ระบบดาวนี้ได้ไงน่ะ"

              "คือว่า บรรพบุรุษของพวกเรานั้น ได้พบเหรียญบีสท์เมดัลจากซากยานขนส่งที่ร่วงลงมา ซึ่งพวกเขาได้นำมันมาเช็คเผื่อว่าจะมีค่ามากพอ จนกระทั่ง พวกต่างดาวโฉดชั่วจากดาวเหนือ ต้นเหตุที่ทำให้ยานขนส่งร่วงลงมานั้นได้บุกเข้ามา เป็นเหตุให้บรรพบุรุษของพวกเราที่ได้เหรียญเหล่านั้น ได้ใช้พลังสัตว์เทพที่อยู่ในแต่ละเหรียญ ปราบพวกต่างดาวเหล่านั้นให้ล่าถอยออกไป จนรู้ว่าเหรียญเหล่านี้ ทรงพลังมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้ และมากพอที่มีคนเลวทั้งหลายหมายปองเพื่อใช้มันก่อเรื่องเดือดร้อนกันด้วย" ดรากูลิคบอก "หลังจากนั้น ข่าวเรื่องที่บรรพบุรุษของเราสำแดงพลังจากเหรียญที่ได้รับมาก็แพร่กระจายไป จากนั้นพวกทหารเลวแห่มาเพื่อจับกุมพวกเขาไปสร้างเป็นสุดยอดอาวุธ และบีบให้เราทำตามคำสั่งของพวกเขา แน่นอน ว่าการปะทะนั้นบังเกิดขึ้นมา แม้ฝ่ายคุกคามจะบาดเจ็บไปมากแล้วก็ตาม ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ เหล่าผู้พิทักษ์ตัดสินใจขอร้องต่อเทพีจักรพรรดินีให้ละเว้นชีวิต ด้วยการส่งบรรพบุรุษของเราทั้งหมด ออกไปสู่แดนดินอื่นที่ห่างไกลจากเงื้อมมือของพวกทหารเลวที่มีผู้มีอำนาจหนุนหลัง ซึ่งนั้นก็คือ ดาวเบย์เบรดินของพวกเรานี้แหละ"
              แอนเดรียบอก "แสดงว่า พ่อแม่ของเธอคงจะสอนสั่งให้พวกเธออย่าไว้ใจพวกทหารชาวซัลคาเลี่ยน ซึ่งพวกเขาคิดว่าทหารเหล่านั้นคงออกตามหาพวกเขาอยู่ละสิน่ะ"
              "ใช่ พวกเราได้ยินคำสอนของพ่อแม่ของเราจนชินแล้ว ซึ่งส่วนมากก็หวาดกลัว แต่กับผมนั้น ถ้าพวกทหารเข้ามา ผมเผาพวกนั้นก่อนเลยน่ะ" ดรันนิคบอก
              มาเทอุสถาม "แล้วแมนิเกเตอร์เกษตรกรอย่างพวกนายไปทำอีท่าไหนให้มีหน้าตาแบบนี้ได้ละ"
              "มาเทอุส ไม่ได้สั่งก็อย่าพูดเป็นอันขาดน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              พีวิลบอก "ว่าแต่ บรรพบุรุษของพวกเธอตั้งรกรากที่ดาวดวงนี้ แต่คงเจอปรากฎการณ์ธรรมชาติที่หนักหนามากกว่าที่พวกเขาคาดคิดเลยสิน่ะ"
              "คะ ระบบดาวของเรานั้น มีดวงอาทิตย์สีขาวนวลอยู่ ซึ่งแสงอาทิตย์นั้นไม่เพียงทำให้พืชพันธุ์ รวมถึงสัตว์พื้นเมืองและสัตว์เลี้ยงที่เรานำมาเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่มัน ได้กระตุ้นให้สภาพอากาศแปรปรวนกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นพายุฝนฟ้าคะนอง พายุหมุน แดดแรง พายุหิมะหนาวเหน็บ ซึ่งแม้จะไม่เกิดแบบถี่ๆ แต่เกิดเป็นเวลานานมาก ส่งผลให้บรรพบุรุษของพวกเราปรับตัวไม่ได้ จนมีอาการล้มป่วยอยู่บ่อยๆ แม้จะไม่มีใครตายเลยก็ตาม" เดรเชลบอก "เหล่าผู้พิทักษ์เล็งเห็นถึงผลระยะยาวกันด้วยว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง บรรพบุรุษของพวกเราคงจบสิ้นลงแน่นอน พวกเขาจึงตัดสินใจ ดัดแปลงบรรพบุรุษของพวกเราทั้งหมด ด้วยการใส่ดวงตาแว่นแก้วดำ เพื่อลดแสงอาทิตย์อันเข้มข้นไปทำลายดวงตาจนถึงสมอง ปรับผิวหนังให้สามารถทนต่อแสงแดดและสภาพแวดล้อมแปรปรวนกัน รวมถึงสร้างชุดเกราะเชื่อมต่อกับบีสท์เมดัล เพื่อใช้พลังในการสู้กับภัยธรรมชาติทั้งหลายลงไปได้ทุกครั้งนะคะ"
              แอนเดรียบอก "ซึ่งนั้นทำให้พวกเธอมีสภาพอย่างที่เราเห็นเลยสิน่ะ แล้วเธอรู้วิชาต่อสู้กันจากเหล่าผู้พิทักษ์ละสิ"
              "เหล่าผู้พิทักษ์ได้สอนบรรพบุรุษของเราในวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยที่พวกเรามีหนังสือและตำราวิชาการต่อสู้แบบต่างๆ แม้บรรพบุรุษจะไม่คุ้นเคยกับท่วงท่าเหล่านั้นในทีแรก แต่เพื่อปกป้องดาวบ้านเกิดจากภัยคุกคามและป้องกันตัวเองจากการปองร้ายของศัตรู พวกเขาจึงฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้อย่างเต็มที่ และสอนลูกหลานอย่างพวกเราให้มีวิชาต่อสู้เพื่อป้องกันตัว จนพวกเรากลายเป็นเบย์บาลิค ซึ่งเปลี่ยนชื่อเดิมไปแล้วละครับ" ดรากูลิคบอก
              คลอเวฟถาม "แล้วพวกเธอออกจากดาวได้ไง แล้วไปทำอะไรกันก่อนที่จะมาที่ดาวของพวกเราละ"
              "พวกเราทั้งสี่นั้น ได้ผ่านการประลองภายในดวงดาว เพื่อคัดเลือกเป็นสมาชิกในทีมเบย์บัลท์แอทแทคเกอร์ ซึ่งเป็นทีมต่อสู้จากเขตอวกาศภาคกลางกลุ่มแรก ที่เข้าร่วมการประลองศึกราชันย์ยอดนักสู้แห่งจักรวาลกัน โดยมีฉัน เดรมเกอร์ ดรันนิค และดรากูลิค ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศในการประลองนี้ แม้ว่านิสัยของเขาจะดูวู่ว่ามและเลือดร้อนมาก แต่เขาก็มีฝีมือเก่งกาจอยู่บ้างนะคะ" เดรเชลบอก
              มาเทอุสบอก "การประลองนั้นนะหรือ ฉันเองก็เข้าร่วมด้วยน่ะ"
              "พวกเธอทั้งห้า เข้าร่วมการประลองนะหรือ ว่าแต่ เข้าร่วมในครั้งที่เท่าไหร่กันละยะ" สเปียริทถาม
              เดรมเกอร์บอก "ก็ครั้งล่าสุดนี้แหละครับ โดยพวกเราเข้าร่วมในกรุ๊ปทีม 4 คน ในกลุ่มเฮช หากแต่ผม เดรเชลและดรากูลิคลงประลองได้เท่านั้น ดรันนิคเป็นตัวสำรองเอง"
              "แล้วเธอละ มาเทอุส คงจะลงประลองแบบเดี่ยวเลยสิน่ะ" แอบไบออสบอก
              มาเทอุสพยักหน้า "ผมอยู่ในกลุ่มเอฟ ลำดับที่ 63 โดยผมต้องประลองกับทีม 3 คนเพียงลำพังเองนะครับ"
              "แต่พวกเราไม่เคยเห็นเธอในการประลองรอบคัดเลือกเลยนิ แปลว่า พวกเธอแพ้ตกรอบเลยสิน่ะ" แอนเดรียกล่าว
              เดรมเกอร์บอก "พวกเราแพ้ทีมมนุษย์ดาวปูที่ตัวใหญ่กว่าและกระดองหนามาก แม้เรามีพลัง แต่ก็ถูกห้ามไม่ให้ใช้พลัง ไม่เช่นนั้นพวกเราหมดสิทธิ์กลับมาที่ดาวบ้านเกิดได้อีกเลยนะครับ"
              "ส่วนผมนั้น ผมแพ้ต่างดาวหัวม้าลายที่ทำผมตกเวที ทั้งๆที่ผมสู้ได้ต่อจนถีบมันร่วงไปแล้ว กรรมการก็ให้ผมแพ้ไปทั้งๆที่ผมไม่ควรแพ้เลยนะสิ" มาเทอุสบอก
               คลอเวฟบอก "นี้ยังไม่รู้เลยหรือ ว่าถ้าตกเวทีโดยที่อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งแตะพื้นไปแล้ว ถือว่าแพ้ทันทีน่ะ"

              "แล้วที่พวกเธอรู้ว่าพวกเราเป็นหนทางเดียวที่จะกอบกู้ดาวของพวกเธอนิ คงมาจากการที่เธอได้ยินพวกต่างดาวเล่าลือกันสิน่ะ" สเปียริทกล่าว เดรเชลพยักหน้า
              ดรากูลิคกล่าว "เพราะอย่างงั้นแหละ พอเรารู้ว่าดาวของพวกเราถูกรุกราน เราเลยต้องตรงมาหาพวกคุณก่อน ถ้าไม่เพราะเราเสียเวลาในการตรงมาหาพวกคุณที่เมืองแล้วละก็....ปานนี้เราคงให้พวกคุณนำยานบินไปกอบกู้ดาวของเรานานแล้วละ"
              "นี้พวกเธอยังไม่รู้เลยหรือ ว่ายานรบลำเดิมของเรายังอยู่ในช่วงซ่อมแซมเลยน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              เดรเชลบอก "เรารู้จากการได้ยินพวกลูกเรือของพวกคุณในเมืองคุยกันแล้ว อีกอย่าง เราไม่เห็นทางอื่นใด นอกเสียจากต้องขอร้องพวกวีรบุรุษสงครามผู้ผดุงความยุติธรรมอย่างพวกคุณเท่านั้นเองนะคะ แม้พวกเราต้องแอบขึ้นยานของพวกทหารมาก็ตามน่ะ"
              "บอกตามตรงน่ะ ว่าพวกเราเป็นกองกำลังหัวหอกที่เก่งกาจและเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมกันก็จริง" พีวิลบอก "แต่...ที่จริงแล้ว พวกเราเคยเป็นผู้รุกรานและคุกคามความสงบสุขมาก่อนนะสิ"
              มาเทอุสบอก "พวกคุณรวมถึงคุณคลอเวฟ มิได้เป็นมิตรแห่งความยุติธรรมกันแต่แรกเลยหรือ"
              "พวกเราไม่อยากจะทำลายความฝันหรือความหวังลมๆแล้งๆกันหรอกน่ะ แต่นี้เป็นความจริงของพวกเราที่พวกเธอสมควรรู้ไว้แหละ" คลอเวฟกล่าว "และไม่ใช่แค่พวกเราที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้รุกราน พวกเราบางตนก็เป็นแมนิเกเตอร์ที่มีสถานะเป็นตัวอันตรายกันด้วย"
              ดรันนิคบอก "แล้วพวกคุณกลายเป็นกองกำลังหัวหอกที่เก่งกาจกันยังไงละ"
              "ถึงแม้ว่าพวกเราบางส่วนเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังคุกคามความสงบสุขมาก่อน บางส่วนต้องหลบซ่อนอยู่กับพวกแมนิเกเตอร์อีกกลุ่ม แน่นอน ว่าพวกเราแต่ละตน ต่างก็มีอดีตอันน่าเจ็บปวด ต่างถูกบีบบังคับให้ทำตามคำสั่ง ต่างถูกผู้อื่นทรยศหักหลัง ต่างถูกไล่ล่า และได้เห็นเรื่องไม่ถูกต้องโดยพยายามเข้าแก้ไขหรือขัดขวางก็ไม่เป็นผล เหล่านี้เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราต้องร่วมมือกับกองกำลังต่อต้านเล็กๆที่ประสบเหตุเดียวกัน ต่อกรกับบิดรเทพและมารดรเทพ กอบกู้ความสงบสุขให้กับโลกและอวกาศทั้งปวง จนกลายมาเป็นสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์อย่างที่เธอเห็น โดยที่พวกเราได้ใช้ความรู้ความสามารถที่มีจากการฝึกฝน จากการรับใช้กองรบฝ่ายรุกรานเข้าต่อสู้กับภัยคุกคามอื่นๆ เพื่อมิให้เหตุร้ายและโศกนาฎกรรมแบบที่พวกเราเจอมา เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งนะสิ" เนคมาดูซัมบอก
              ดรากูลิคบอก "แปลว่าตอนนี้ พวกคุณยังไถ่โทษในสิ่งที่พวกคุณเคยทำเอาไว้อยู่สิน่ะ"
              "ตราบใดที่ความสงบสุขยังไม่มาถึง และภัยคุกคามยังไม่ถูกหยุดยั้ง จนมีผู้เดือดร้อนแบบพวกเธอโผล่มา พวกเรายังต้องต่อสู้ต่อไปนี้แหละ แม้ว่าตอนนี้ พวกเรายังไม่พร้อมที่จะสู้กับผู้รุกรานดาวของพวกเธอที่เราไม่รู้ว่าเป็นใครเลยก็ตามน่ะ" พีวิลกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "และการที่พวกเราพาเธอไปถึงดาว ก็คือความรับผิดชอบของพวกเราที่ไม่รู้ว่าพวกเธอมาด้วยความเดือดร้อนเช่นนี้เลยน่ะ"
              "ไม่เป็นไรหรอกนะครับ แค่พวกคุณรับฟังปัญหาของเราจนมาถึงดาวของพวกเราได้ ก็ถือว่าเกินพอแล้วละครับ" เดรมเกอร์บอก
              เจเนลบอก "อีกไม่ช้าจะถึงดาวเบย์เบรดินแล้วน่ะ"
              "เอาละ พวกเธออาจจะได้กลับบ้าน แต่พวกเราจะช่วยพวกเธอในการกอบกู้ดาวของพวกเธอเลยน่ะ" คลอเวฟกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "ดังนั้น พวกเราจึงขอให้พวกเธอเตรียมตัวไว้ เผื่อเหตุไม่คาดคิดกันด้วยน่ะ"

    แต่ทว่า พวกไทรเวเซอร์กับพวกดรากูลิคไม่รู้เลยว่า พวกเขากำลังเจอกับปัญหาที่อยู่บนดาวเบย์เบรดินแล้ว
    โปรดติดตามในตอนต่อไป กับตอนที่ 31 ปฏิบัติการณ์ฟลีทเจอนีย์ขั้นที่ 2 ศัตรูผู้รุกรานดาวเผยตัว กับการประลองหมาหมู่สุดโกลาหล
    ตอนหน้า พวกไทรเวเซอร์ต้องลงจอดบนดาวของพวกดรากูลิค ที่มีพวกศัตรูรุกรานดาวอยู่ในนั้น ซึ่งไม่เพียงทำให้มาเทอุสโกรธอย่างมาก แต่ยังนำพาไปสู่การรุมสกัมของฝ่ายศัตรู ที่ไม่รู้ว่ากำลังเล่นกับใครอยู่
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×