ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #83 : ตอนที่ 29 ครอบครัวตัวแสบปรากฎตัว ศึกชิงมรดกของเดลวีแองนูสุดอลเวง พาร์ทสุดท้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19
      0
      22 ก.ค. 63

              หลังจากนั้น โทมาสและทิคแซทก็พาพวกไทรเวเซอร์ขึ้นยานวอร์ครุยเซอร์มุ่งหน้าไปยังดิสก์เวิร์ด เพื่อเข้ารับพิจารณาคดีที่บรอมเวิร์ทฟ้องแอนเดรียและพวกไทรเวเซอร์ โดยที่พวกบรอมเวิร์ทไม่รู้ว่า พวกเขาจะถูกพิจารณาโทษที่พวกเขาก่อไว้กันด้วย
              "ฉันขอโทษด้วยที่ไม่อาจจะขัดคำสั่งของศาลสูงน่ะ" เรมมิสบอกต่อพวกไทรเวเซอร์ โดยออกห่างจากพวกบรอมเวิร์ทกันอยู่
              พีวิลบอก "ไม่เป็นไรหรอกนะครับ คุณแค่ทำตามคำสั่งที่ศาลมอบให้ พวกเราไม่ถือสาอะไรหรอกนะครับ"
              "ฉันไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมพวกเขาน่ารังเกียจเช่นนี้ ทั้งตาลุงอ้วนและป้าอ้วนนั้นพยายามให้ฉัน พูดอะไรแย่ๆเพื่อดีสเครดิตพวกนายกันไว้ ซึ่งฉันไม่อยากจะพูดเลยน่ะ" เรมมิสบอก
              โฟรซ่ากล่าว "แต่นั้นอาจจะทำให้พวกเขาฟ้องคุณว่าพยายามช่วยพวกเรากันไว้ และยิ่งมาคุยกับเรา ยิ่งทำให้พวกเขาเชื่อหนักเข้าไปใหญ่เลยน่ะ"
              "ฉันหวังแค่ว่า พวกเขาคงจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทน่ะ ถ้าเช่นนั้น ขอตัวก่อนแล้วกัน" เรมมิสกล่าวแล้วเดินไปคุยกับครอบครัวบรอมเวิร์ทกัน
              ฟิเกซบอก "ถ้าขนาดเรมมิสยังอึดอัดจนกล้ามาบอกกับพวกเรากันเช่นนี้ ญาติของเธอคงจะทำตัวแย่มากละสิ"
              "ว่าแต่ ตอนนี้พวกเฮเรเค้นอยู่ข้างนอกห้องพิจารณาคดีแล้วหรือคะ" แอนเดรียบอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า
              เนคมาดูซัมบอก "ฉันแจ้งกับลุงเบติสกับป้าวิลด้า รวมถึงคุณอีธานและคุณเอโอลีน แล้วก็โดซี่ ให้คุมพวกเฮเรเค้นไว้ที่ห้องโถงด้านหน้า เพื่อฟังการพิจารณาคดีจากข้างนอก ซึ่งให้พวกเขาปฏิญาณไว้ด้วย ว่าจะยอมรับผลที่เกิดขึ้นตามมา ตามที่เธอขอร้องไว้น่ะ"
              "ผมเองก็ต้องขอโทษด้วย ที่ไม่อาจจะช่วยอะไรพวกคุณได้เลยนะครับ" คาลเทดบอก
              สเปียริทบอก "พวกเราเข้าใจในความหวังดีของคุณนะคะ ว่าคุณทำดีที่สุดแล้ว ถ้าไม่เพราะว่าพวกบรอมเวิร์ทเล่นแรงกันแบบนี้เลยน่ะ"
              "เราเหลือเวลา 2 นาทีก่อนขึ้นศาลกันแล้ว เรารีบเข้าไปเลยดีกว่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลบอก "อย่างน้อย ให้ทุกๆคนในชั้นศาลเห็นว่า พวกเราไม่หนีปัญหาที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกับมนุษย์บางรายในอดีตกันหรอกน่ะ"

              แล้วก็การพิจารณาคดีก็เริ่มต้นขึ้นมา
              "ศาลที่เคารพครับ ฝ่ายโจทก์หาว่าฝ่ายจำเลยหลอกลวงพวกเขาด้วยการปลอมตนเป็นมนุษย์ เพื่อที่จะให้พวกเขาตายใจและหลงคิดว่าเป็นมนุษย์ จากนั้นก็เผยตัวเพื่อสร้างความหวาดกลัวขึ้นมา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฝ่ายโจทก์ต้องการฟ้องฝ่ายจำเลยให้ชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้นะครับ" เรมมิสบอก
              คาลเทดบอก "ขอค้านครับ ศาล ฝ่ายโจทก์รู้สาแก่ใจดีว่าดาวที่คุณหนูเอเดรียนอยู่และตัวคุณหนูเอเดรียนเป็นแมนิเกเตอร์อยู่แล้ว พอพวกเขาทำไม่สำเร็จ ก็หาเรื่องกันเช่นนี้นะครับ"
              "คำค้านตกไป ทนายฝ่ายโจทก์ เล่าต่อได้เลย" ผู้พิพากษาไม่รับคำค้านและสั่งเรมมิสพูดต่อ
              "แม้ว่าพวกเขาจะรู้ และพยายามว่าจ้างเหล่าบอดี้การ์ดเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพวกเขา แต่ด้วยการที่ฝ่ายจำเลยทำร้ายพวกเขาจนสาหัส แม้จะไม่ถึงตายเลยก็ตาม ข้าพเจ้าจึงอยากจะให้ศาลพิจารณาในเรื่องนี้หน่อยนะครับ"
              "ฝ่ายจำเลย มีอะไรจะแก้ต่างอะไรมั้ยละ" ผู้พิพากษาถาม
              คาลเทดพยักหน้าและลุกขึ้น "ศาลที่เคารพครับ กองกำลังบอดี้การ์ดที่ฝ่ายโจทก์จ้างมานั้น เป็นอดีตอาชญากรสงครามที่กองกำลังฝ่ายพันธมิตรมนุษย์ต้องการตัว ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดล้มล้างการปกครองของสมาพันธ์อวกาศเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งฝ่ายโจทก์จ้างทหารเหล่านี้มา เพราะรู้ว่าคุณหนูเอเดรียนและพองเพื่อนฝ่ายจำเลยเป็นแมนิเกเตอร์นั้น พวกทหารคุ้มกันได้ก่อการคุกคาม เพื่อหวังจะสร้างสถานการณ์ก่อความเดือดร้อน เพื่อดึงความสนใจของฝ่ายทหารของสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ และเพื่อให้หัวหน้ากองทหารรับจ้าง ลอบสังหารคุณหนู เพื่อที่พวกเขาจะได้มรดกเพียงผู้เดียว ซึ่งฝ่ายโจทก์ผู้เป็นผู้สั่งการนั้น ได้รับการพิจารณาโทษขั้นต้นไว้และส่งตัวมานี้เพื่อรับการพิจารณาในชั้นศาลขึ้นมา แต่ การที่ฝ่ายโจทก์ฟ้องฝ่ายจำเลย เพื่อหวังจะให้พวกเขาชดใช้นั้น ย่อมหมายถึง....พวกเขาจะเสียสิทธิ์และโอกาสในการรู้ผลของพินัยกรรม รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุร้ายนี้กันด้วยนะครับ"
              "อืมมมมม" ผู้พิพากษารับฟังคำพูดของคาลเทด โดยที่พวกบรอมเวิร์ทมาคุยกับเรมมิส ซึ่งแจ้งว่า
              "ฝ่ายโจทก์จะไม่เอาเรื่องฝ่ายจำเลย หากผลของพินัยกรรมเป็นที่พึ่งพอใจหรือมีบางอย่างที่ทำให้ฝ่ายจำเลยไม่ได้มรดกเลยนะครับ"
              ผู้พิพากษาพยักหน้า "ทนายฝ่ายจำเลย คุณมีพินัยกรรมที่ว่ามาอย่างงั้นใช่มั้ย งั้นช่วยสรุปผลกันเดียวนี้เลย"
              "ครับ แต่....ผมขอชี้แจงเรื่องบางอย่างให้พวกท่านทราบไว้นะครับ" คาลเทดบอก แม้จะไม่เห็นด้วยกับแอนเดรีย แต่เธอพยักหน้าไว้ จนเขาต้องออกมาพูดว่า "คุณหนูเอเดรียน บุตรีโดยสายเลือดของดร.อัลบาร์ท เจ้าของมรดกและเป็นผู้เขียนพินัยกรรมนั้น ขอสละสิทธิ์การรับมรดกกันนะครับ" พวกบรอมเวิร์ทได้ฟังก็ถึงกับดีใจขึ้นมา แต่กับพองเพื่อนไทรเวเซอร์ถึงกับตกใจไปตามๆกัน รวมถึงพวกที่อยู่ข้างนอกห้องพิจารณาคดีด้วย
              เรมมิสบอก "จำเลยสละสิทธิ์ด้วยเหตุอันใดหรือครับ"
              "คุณหนูรู้สถานะของตนเองว่าเป็นแมนิเกเตอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มชนมนุษย์ที่สูญเสียสถานะความเป็นมนุษย์ อันได้แก่ภูมิลำเนา ชื่อนามสกุล ครอบครัว สภาพร่างกาย สภาพทางจิต และสถานะการมีชีวิตในตอนที่เป็นมนุษย์กันมานานแล้ว ซึ่งคุณหนูยอมรับในสถานะนี้และอยู่ในฐานะประชากรของฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาพันธ์อวกาศ เท่ากับว่า คุณหนูมิใช่มนุษย์ และไม่มีสิทธิ์รับมรดกได้ตั้งแต่แรก จึงขอสละสิทธิ์โดยมีหนังสือรองรับไว้แล้วละครับ" คาลเทดบอก แล้วก็นำหนังสือไปยื่นต่อผู้พิพากษาไว้ ซึ่งทำให้ครอบครัวบรอมเวิร์ทยิ้มเริงร่า แต่กับสหายไทรเวเซอร์เองทำหน้าบึ้งตึง โดยเฉพาะโฟรซ่าที่ทำหน้าเสียดายเงินจำนวนมหาศาลไป "ก็อกๆๆๆๆ" ผู้พิพากษาเลยเคาะค้อนลง เพราะเห็นว่าครอบครัวบรอมเวิร์ททำตัวไม่สำรวมกัน
              "จำเลย แอนเดรีย เบอเลนเบิร์ค จำเลยยอมรับมานิ เป็นเพราะความตั้งใจของตัวจำเลย หรือมีใครบีบบังคับกันบ้างมั้ย"

              "ศาลที่เคารพคะ ฉัน แอนเดรีย เบอเลนเบิร์ค หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เอเดรียน เดลวีแองนู บุตรีของคุณพ่ออัลบาร์ท เดลวีแองนู นักวิทยาศาสตร์ในช่วงยุคทองช่วงสุดท้าย ผู้ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วบนโลกนั้น เหตุผลที่ฉันเลือกจะสละสิทธิ์ เป็นความตั้งใจของฉันอย่างแท้จริง โดยไม่มีการบีบบังคับจากคุณลุงและคุณป้าแต่อย่างใด" แอนเดรียกล่าว "แต่....ฉันต้องการให้เรื่องความขัดแย้งในมรดกของคุณพ่อนั้น จบลงอย่างถาวรกันเสียที เพื่อไม่ให้ฝ่ายมนุษย์และแมนิเกเตอร์ ต้องขัดแย้งกันอย่างใหญ่โตกับเรื่องเงินๆทองๆ ที่ทำลายพวกมนุษย์เหมือนในอดีตกันเลยนะคะ"
              เบิร์คครีทบอก "ศาลที่เคารพ เอเดรียนคงจะพูดจายั่วยุให้ท่านหลง...."
              "ป้ากกกกก" ผู้พิพากษาฝ่ายมนุษย์ใช้ค้อนทุบไปเต็มๆ ด้วยความแรงในระดับเดียวกับที่ท่านเปาปุ้นจิ้น ผู้พิพากษาหน้าดำเจ้าเมืองไคฟง ทุบโต๊ะเพื่อให้ผู้ต้องหาเงียบลง "จำเลย พูดต่อไปได้เลย เพราะถึงแม้ว่าจำเลยไม่ใช่มนุษย์ แต่ศาลให้สิทธิ์แก่จำเลยในการพูด หากไม่เกี่ยวข้องกับคดีความแต่อย่างใดเลยน่ะ"
              แอนเดรียพยักหน้าเมื่อผู้พิพากษาให้โอกาสแก่เธอ เธอจึงพูดต่อไปว่า "ศาลที่เคารพคะ ในอดีตนั้น เมื่อมีคดีขัดแย้งเรื่องมรดกที่ไม่ลงตัว จนทำให้ญาติพี่น้องที่ต้องการได้ส่วนแบ่งมากกว่าอีกฝ่าย หรือต้องการครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดเพียงผู้เดียว ส่งผลให้ครอบครัวเกิดความแตกแยกกันมานับต่อนับ เกิดความขัดแย้งอย่างใหญ่โตชนิดที่ไม่สามารถเยียวยาอะไรได้ จนก่อความสูญเสียให้กับสมาชิกครอบครัวและคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันไปมาก เนื่องจากว่า ต่างฝ่ายต่างมีสิทธิ์รับมรดกกันเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าเวลาจะเป็นศตวรรษที่ 20 หรือในช่วงยุคทอง หรือแม้กระทั่งช่วงเวลานี้เลยก็ตาม ความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์และเงินๆทองๆยังคงอยู่ ขนาด คนทำลอตเตอรี่เงินล้านหาย จนมีอีกคนมาเก็บไปขึ้นเงินนั้น ยังขัดแย้งกันไม่เลิก จนต้องใช้เวลาเป็นทศวรรษ กว่าเรื่องจะจบลง พวกเขาสูญเสียเวลาอันมีค่าที่ควรจะทำคุณประโยชน์ให้ดีกว่านี้ สูญเสียความอดทนอดกลั้นจากเวลาและกระบวนการที่ไม่คืบหน้าในความคิดของพวกเขา สูญเสียความดีในตัวเอง จากความกลัวที่จะต้องเสียเงิน ความโกรธและความเกลียดชังที่มีต่อฝ่ายที่ได้และเหล่าผู้ที่ช่วยเหลือ สูญเสียความน่าเชื่อถือจากการมีคนกลั้นแกล้งไม่ว่าจะทางปากหรือทางสื่อออนไลน์ และสูญเสียชีวิตหากว่าฝ่ายที่เสียนั้น แค้นฝ่ายที่ได้ถึงขั้นไม่ให้มีความสุขกับสิ่งที่เขาควรจะได้ไปเลยนะคะ" แล้วก็พูดต่อ "แน่นอน ว่าถึงแม้ฉันจะยอมให้พวกญาติของฉันเป็นฝ่ายได้ เพื่อให้เรื่องมันจบลง แต่ฉันรู้ดีคะ ว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นชนวนให้พวกมนุษย์ที่เกลียดชังและหวาดกลัวพวกเราที่อยู่บนโลก หรืออยู่ในดาวดวงใดสักแห่ง ใช้เป็นเครื่องมือในการชักจูงพวกประชาชนอื่นๆให้เห็นด้วยกับพวกเขาและต่อต้านพวกเรา หรือแม้กระทั่งสร้างข้อได้เปรียบต่อพวกเราในเชิงกฎหมาย รวมไปถึงทำให้พวกเราที่อยู่ในอีสทาล่าฟรอนเทียร์ หรือแม้กระทั่งแมนิแฟคเตอร์เกิดความไม่พอใจในความไม่ยุติธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ฉันจำต้องหยุดยั้งมิให้จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งอันใหญ่หลวง ระหว่างมนุษยชาติและเหล่าแมนิเกเตอร์เกิดขึ้นมาได้ แม้ฉันมีโอกาสและมีหนทางที่จะต่อสู้กันอีกหลายทาง ซึ่งอาจจะนำพาให้ฉันและพวกกำชัยชนะมาได้ แต่ชัยชนะที่ได้มาบนความวุ่นวายและความขัดแย้งอันใหญ่หลวงนี้ จนนำพาความสูญเสีย ความเดือดร้อน ความทุกข์ระทมของผู้เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องไปทั่ว เหมือนที่เดลอาเนี่ยนทำกับชนเผ่ากลุ่มน้อยภายใต้การปกครองมาตลอดครึ่งสหัสวรรษนั้น พวกเราเลือกที่จะไม่สู้ต่อ และยอมให้พวกเขาได้ในสิ่งที่ควรได้ไปซะ ดีกว่ามาพ่ายแพ้ให้กับความโกรธแค้นจนเปลี่ยนพวกเราเป็นฝ่ายอธรรม ตามที่พวกมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวและเกลียดชังพวกเราต้องการไว้นะคะ"

              "แล้วจำเลย ยังคิดว่ากระบวนการทางยุติธรรมนั้นไม่มีความหมายเลยละสิ" เรมมิสถาม
              แอนเดรียตอบ "แม้ว่าศาลที่ฉันกับพวกมารับฟังการพิจารณาคดีนั้น จะเป็นของฝ่ายมนุษย์เลยก็ตาม และผลการตัดสินนั้นอาจจะไม่เป็นที่น่าพอใจมากสำหรับพวกเราบางคน และพอใจสำหรับมนุษย์บางกลุ่มเลยก็ตาม ฉันเองก็รู้ดีคะ ว่าบางครั้ง กฎหมายมันย่อมมีช่องโหว่ มีจุดอ่อน มีบางข้อที่พวกเราเสียเปรียบ หรือบางข้อที่ทำให้เราไม่ชนะคดี รวมถึงตัวแปรต่างๆที่เข้ามา และยิ่งฉันเป็นแมนิเกเตอร์ ซึ่งฉัน ได้ตายไปนานแล้ว และคืนชีพมาในฐานะแมนิเกเตอร์ จากนั้น ฉันก็เจออุบัติเหตุที่ทำให้ฉันกลายพันธุ์จนเป็นมิวแทนอยด์ระดับอันตรายที่ค่อนข้างหนักหนา แต่ฉันสามารถควบคุมได้เพราะทุกๆคนคอยย้ำเตือน ช่วยเหลือ และปกป้องฉันมาตลอด 4 ปีเต็ม โดยยอมรับในสถานะนี้ไว้และยังมีชีวิตอยู่ เพื่อช่วยเหลือทุกคนต่อสู้กับภัยคุกคามทั้งหลายกันด้วย จึงขอสละสิทธิ์ตามที่ว่ามาแล้ว" แล้วก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับบอกว่า "ฉันจึงอยากจะขอแจ้งให้กับชาวโลกและมนุษย์ที่อยู่ตามดาวต่างๆ ซึ่งอาจจะมีคนที่ต้องการตัวคุณพ่อและฉันมารับโทษในสิ่งที่ก่อไว้เมื่อมหาสงครามครั้งแรกกันไว้ด้วย ว่าถึงแม้ พวกคุณในเวลานั้นจะเป็นฝ่ายบีบบังคับให้คุณพ่อ สร้างโอเวอร์เดสขึ้นเพื่อควบคุมเหล่าแมนิเกเตอร์ที่สร้างขึ้นไว้ ให้ไปรบกับพวกเฮซเทิร์ซจนตัวตาย จนทำให้โอเวอร์เดสโต้ตอบพวกคุณจนเกือบจะพ่ายแพ้ และทำให้พวกเราสองพ่อลูกต้องหลบหนีไปซ่อนตัวมาเลยก็ตาม แม้พวกคุณในเวลานั้นอาจจะไม่มีชีวิตอยู่ และลูกหลานของพวกคุณจะสืบทอดเจตนารมณ์ต่อ เพื่อหวังจะปิดบังความผิดที่พวกคุณเป็นต้นเหตุให้ยุคทองบนโลกจบสิ้นลงไปนั้น ฉันขออโหสิให้แก่พวกคุณทั้งหลายไว้ เพราะทั้งฉันและคุณพ่อ มิได้แค้นพวกคุณมาตั้งแต่แรก และไม่มีประโยชน์อันใดเลย ที่ต้องมาแค้นมนุษย์ทั้งหมด ที่มีเหล่าคนดีๆที่เห็นใจและช่วยเหลือพวกเรารวมอยู่ด้วย จนทำให้พวกเรากลายเป็นศัตรูของมวลมนุษยชาติแบบกู่ไม่กลับอย่างแน่นอน"

              "แล้วถ้าเกิดว่าพวกมนุษย์เหล่านั้น นอกจากไม่ฟังและยังดื้อด้านหาเรื่องพวกคุณกันต่อละ" เรมมิสถาม
              แอนเดรียบอก "บอกตามตรงนะคะ ว่าแม้พวกเราจะถูกกระทำโดยพวกมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว และพวกที่อยากจะได้ชื่อเสียงจากการเป็นวีรบุรุษพิชิตพวกเรา ซึ่งฉันแน่ใจว่ายังมีอยู่ไม่น้อยที่คิดเช่นนี้ต่อ แม้ฉันพูดให้พวกเขาล้มเลิกก็คงไม่ฟังเลยก็ตาม พวกเราจะไม่เป็นฝ่ายรุกรานโลกหรือดาวของพวกคุณ แต่พวกเราจะต้อนรับพวกเขา แบบเดียวกันกับที่ต้อนรับการมาของรอสโซเซนจูรี่ และเหล่าอาชญากรที่แห่มาที่ดาวของเรา รวมไปถึงพวกเดลอาเนี่ยนกันด้วย เพราะอะไรนะหรือคะ เพราะว่าพวกเรา เบื่อที่จะเป็นคนเลวในสายตาทุกสังคมในเขตอวกาศนี้กันแล้ว พวกเราอยากจะอยู่ร่วมกันกับทุกเผ่า รวมถึงพวกมนุษย์กันอย่างทัดเทียมและเสมอภาคต่อกันและกัน มีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน เหมือนที่พวกเรา สหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ได้สร้างความเชื่อมั่นต่อสมาพันธ์อวกาศ และพันธมิตรมนุษย์กันในช่วงมหาสงครามแรซัลก้าไว้แล้ว ซึ่งพวกเราได้ทำตามเจตจำนงของคุณพ่ออัลบาร์ท ที่อยากจะเห็นแมนิเกเตอร์ทั้งหมดอยู่ร่วมกันกับทุกชนเผ่ารวมถึงมนุษย์กันอย่างสันติสุขเลยนะคะ" แล้วก็ยิ้มขึ้นและบอกว่า "สิ่งที่ฉันได้พูดไปนั้น มีเท่านี้แล้วละคะ ศาลที่เคารพ"
              ".........." ทุกคนในศาลต่างเงียบขึ้นมา
              อ็อคเอียร์กล่าว "แค่คำพูดโลกสวยก็คงไม่ช่วยให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปได้หรอกน่ะ เอเดรียน มนุษย์ทั้งหลายคงไม่มีทางเชื่อปีศาจอย่างเธอได้หรอกน่ะ"
              ผู้พิพากษาเคาะค้อนลงบนโต๊ะดังๆ "ถ้าคุณพูดอีก จะถือว่าเป็นละเมิดระเบียบศาลเลยน่ะ" แล้วก็ "โจทก์ จำเลย ฟังคำตัดสิน ถึงแม้ว่าจำเลยจะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้ทุกคนในศาลฟัง ไม่มีผลต่อการตัดสินเลยก็ตาม แต่ศาลขอห้ามมิให้มีใครใช้คำพูดของฝ่ายจำเลยไปสร้างปัญหากันเป็นอันขาด"
              "งั้นก็สรุปมาโดยเร็วๆเลยแล้วกันน่ะ" เบิร์คกรีดกล่าว
              ผู้พิพากษาจึงตัดสินให้ "จากการที่ฝ่ายจำเลยสละสิทธิ์เพราะสถานะตัวตนของจำเลยในปัจจุบันมิใช่มนุษย์อันเป็นบุคคลตามกฎหมายมา ศาลจึงขอตัดสินให้ ครอบครัวบรอมเวิร์ท เป็นผู้ได้รับมรดกจากพินัยกรรมของดร.อัลบาร์ท เดลวีแองนู แต่เพียงผู้เดียว" ซึ่งนั้นก็ทำให้ครอบครัวบรอมเวิร์ทถึงกับดีใจไม่น้อย "เพียงแต่ ผู้ได้รับมรดกนั้นจะต้องรับผิดชอบทรัพย์สินที่ถูกกำหนดอยู่ในพินัยกรรมฉบับล่าสุดและสุดท้ายของดร.อัลบาร์ท เดลวีแองนูไว้ ซึ่งศาลจะตั้งเจ้าหน้าที่มาช่วยควบคุมเรื่องทรัพย์สินเหล่านั้นไปด้วย"
              "ไม่จำเป็นเลยนะครับ ศาล พวกเรายังมีสติดีพร้อมที่จะรับผิดชอบทรัพย์สินในมรดกกันได้นะครับ" เบิร์คครีทกล่าว
              ผู้พิพากษากล่าว "แต่ถึงแม้ว่า คดีเรื่องมรดกจะได้ข้อสรุป เพราะฝ่ายจำเลยสละสิทธิ์ไปก่อนแล้ว" แล้วก็พูดต่อหลังจากที่ดื่มน้ำไปแล้ว "แต่...ไม่ว่าศาลนี้จะคุมโดยมนุษย์หรือไม่ กระบวนการทางยุติธรรมจะไม่เข้าข้างฝ่ายต่างดาวหรือแมนิเกเตอร์ก็ตาม ทุกศาลจะต้องให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเสียหายหรือฝ่ายกระทำเลยก็ตาม ศาลจะไม่นิ่งเฉยต่อคดีความที่ฝ่ายโจทก์ก่อขึ้นไว้ในช่วงก่อนจะเดินทางไปที่อีสทาล่าฟรอนเทียร์ได้แน่นอน"
              "ศาลที่เคารพครับ ฝ่ายโจทก์อ้างว่าไม่รู้เรื่องว่าพวกเขาไปกระทำอะไรผิดไว้นะครับ" เรมมิสบอกตามที่เขารู้มา
              ผู้พิพากษาบอก "แต่หลักฐานจากตัวหัวหน้าทหารรับจ้างที่ฝ่ายโจทก์ให้มานั้น มันให้ข้อมูลที่สวนทางกันอย่างมากเลยนะ ทนายฝ่ายโจทก์ เพราะฝ่ายโจทก์รู้สถานะของฝ่ายจำเลยมาแต่แรก ว่าเป็นบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์รับมรดก แต่ยังคิดประทุษร้ายต่อจำเลยเพื่อให้มีผลในมรดกกัน จนตัวจำเลยมิได้เสียชีวิตจากการกระทำดังกล่าว และฝ่ายจำเลยทั้งหมดก็นำตัวโจทก์ไปพิจารณาคดีขั้นแรกจนถูกตัดสินโทษไปแล้ว" แล้วก็ถาม "คณะลูกขุน สรุปผลจากหลักฐานที่ได้รับมาได้มั้ย ว่าฝ่ายโจทก์ผิดจริงหรือเปล่า"
              "ขอรับ จากการพิจารณาหลักฐานและข้อมูลปากคำของผู้เสียหายจากการกระทำของฝ่ายโจทก์มานั้น พวกเราทั้งหมดเห็นว่า ฝ่ายโจทก์ผิดจริงทุกประการ ตามคำตัดสินที่ให้ไว้ก่อนหน้านะครับ" มนุษย์จากดาวโฮคาแคน-5 ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายลูกขุนบอก
              อ็อคเอียร์กล่าว "โกหก พวกแมนิเกเตอร์คงยัดเงินให้พวกแกพูดแบบนั้นละ...."
              "ก็อกๆๆๆๆ" ผู้พิพากษาเคาะไปแรงๆหลายที จนอ็อคเอียร์ชะงักและหยุดนิ่งลง เรมมิสส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามไว้ "ทนายฝ่ายจำเลย มีความเห็นเป็นเช่นไรละ" ผู้พิพากษาถาม
              คาลเทดบอก "ผมขอให้ศาลตัดสินตามหลักฐานและวิจารณญาณด้วยนะครับ"
              "แล้วทนายฝ่ายโจทก์ละ" ผู้พิพากษาถามเรมมิส ซึ่งตอบพร้อมกับยิ้มไปว่า
              "ผมไม่มีอะไรจะค้านท่านแล้ว เชิญตามสบายได้เลยครับ" จนทำให้พวกบรอมเวิร์ท เว้นแต่แฮมค็อคโกรธจัดมากๆ
              "ถ้าเช่นนั้น ฟังคำตัดสิน" ผู้พิพากษากล่าว "จากการที่ฝ่ายโจทก์ได้ก่อเรื่องต่อผู้เสียหายก่อนที่จะเดินทางมารับมรดกกันที่อีสทาล่าฟรอนเทียร์ และมีการจ้างกองทหารรับจ้างเพื่อจัดการกับจำเลย ถือว่าเป็นการกระทำที่ไตร่ตรองไว้แต่แรก เพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายโจทก์ที่จะได้รับอย่างเต็มที่ ซึ่งตามหลักแล้ว ฝ่ายโจทก์จะต้องชดใช้ด้วยเงินจำนวนมหาศาลและจำคุก 20 ปีโดยไม่อนุญาตให้ประกันตัวและไม่อนุญาตให้เสียค่าปรับด้วย หากแต่ ฝ่ายโจทก์ไม่มีทรัพย์สินที่ติดตัวอยู่เลย บวกกับว่าฝ่ายโจทก์ยังมีทรัพย์สินจากมรดกที่ได้รับจากคดีก่อนหน้านี้มา ศาลจึงตัดสินให้ เนรเทศฝ่ายโจทก์กลับสู่ภูมิลำเนาเดิม ระงับการเดินทางระหว่างดวงดาวเป็นเวลา 30 ปี โดยให้โจทก์ทำเรื่องจัดการทรัพย์สินเพื่อชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้งหลายไว้ และให้มารายงานเจ้าหน้าที่คุมประพฤติกันเป็นระยะๆ ที่สำคัญก็คือ ห้ามโจทก์โยกย้ายทรัพย์สินในมรดกไปเป็นของตนเองด้วย"
              เบิร์คกรีดถาม "แล้วถ้าพวกเราไม่ทำตามกันละ"
              "ศาลจะถือว่า การรับมรดกของโจทก์เป็นโมฆะ ทรัพย์สินในมรดกจะถูกส่งเป็นของหลวงไปโดยปริยาย และโจทก์จะต้องกลับมารับโทษที่ให้ไว้ดั่งเดิมด้วย" ผู้พิพากษากล่าว แล้วก็ "ป้าก" ทุบค้อนลง "การตัดสินคดีจบลงแล้ว เลิกศาล!!!!!!"

              หลังจากนั้น ครอบครัวบรอมเวิร์ทก็เดินลงบันไดมา โดยมีพวกเมนซิกส์ทีนเดินตามหลัง ซึ่งก็มาเจอกับ "พวกเธอคงจะเป็นพวกลูกสมุนหรือนักเรียนของเอเดรียนละสิน่ะ ไม่แปลกใจเลย ที่นางปีศาจจะเป็นครูของตัวประหลาดอย่างพวกเธอเลยน่ะ" อ็อคเอียร์กล่าว
              "ป้าพูดดีไปเหอะ ต่อให้ป้ากับลุงอ้วนนั้นชนะคดี เพราะครูแอนเดรียยอมให้เลยก็ตามน่ะ" บุลฟลาทกล่าว
              ฟลาแน็กซ์บอก "แต่พวกคุณลุงเอง ก็โดนตัดสินโทษเนรเทศไปแล้ว หวังว่าคงไม่หาเรื่องกับพวกเรากันหรอกน่ะ"
              "เกรงว่าจะไม่หรอกมั่ง เพราะฉันจะไปป่าวประกาศให้ชาวโลกเชื่อในคำพูดเรา จากนั้น พวกเธอกับเอเดรียนจะต้องทุกข์ใจกันมากขึ้นไปเลยนี้แหละ กับการที่ครูของพวกเธอไม่กล้าเป็นฝ่ายบุกเลยน่ะ" เบิร์คครีทกล่าว
              เจเนลบอก "ได้ทีเอาใหญ่นะ ลุงอ้วน ต่อให้ลุงกับพวกชนะคดีพวกเราได้ เพราะว่าแอนเดรียและพวกเราไม่อยากจะมีเรื่องบานปลายไปมากกว่านี้ก็ตามน่ะ"
              "แต่ถ้าไม่เพราะว่าพวกเราอยู่ในศาลของฝ่ายมนุษย์กันด้วย พวกเราคงหาเรื่องกับพวกลุงไปนานแล้ววะ" คลอเวฟกล่าว โดยจายด์ขยับคอไปมา แอบไบออสกัดฟันทำเสียงคำรามในคอ
              "ระบุจุดตายของเป้าหมายสามจุดได้ราว 45 จุดกันแต่แรก ตอนนี้ขอลบเป้าหมายออกทั้งหมดเพราะสถานที่ไม่อำนวย" พลัสเชอริทบอก
              "ถ้าคุณลุงคุณป้าอยากจะก่อความเดือดร้อนละก็ เกรงว่าคงไม่ได้นะคะ ถึงแม้ว่าพวกเราที่อยู่ตรงนี้ และที่อยู่ใต้บันไดไปนั้นจะไม่เอาเรื่องเลยก็ตาม พวกเราก็ชนะใจของพวกเราเองไม่ให้แพ้ต่อคำยั่วโมโหของลุงและป้าได้เลยนะคะ" แอนเดรียบอก
              อ็อคเอียร์กล่าว "แน่ละ เพราะว่าเธออ้างสถานะความเป็นสมาชิกของสมาพันธ์อวกาศอะไรนั้นไว้แล้วนิ" และเห็นสร้อยล็อคเก็ตที่ห้อยคอแอนเดรีย "นี้เธอยังใส่สร้อยคอของแม่ของเธอเลยละสิน่ะ"
              "คะ นี้เป็นของดูต่างหน้าของแม่ที่ฉันเหลือไว้ ซึ่งฉันยังเก็บมันไว้ตลอดเวลาเลยละคะ" แอนเดรียอ้าง
              อ็อคเอียร์กล่าวไปว่า "งั้นก็เก็บสร้อยของแม่หน้าโง่ของเธอไปเลยแล้วกันนะ เอเดรียน เพราะพวกเราได้ทรัพย์สินจำนวนมหาศาลไว้ เราไม่จำเป็นต้องได้ของที่น่ารังเกียจจากนางปีศาจอย่างเธอหรอกน่ะ"
              "เชิญเธอจมปลักอยู่กับเพื่อนตัวประหลาดและลูกศิษย์หน้าแปลกๆเหล่านี้ไปเลยแล้วกัน แล้วก็ หลีกทางไปซะ ไอ้พวกบ้า" เบิร์คครีทกล่าวและไล่พวกเฮเรเค้นที่อยู่เบื้องล่างให้แยกออกไป อ็อคเอียร์เลยเดินตามมาอย่างร่าเริง
              แฮมค็อคบอก "เอเดรียน เธอคงไม่โกรธฉัน ที่มาแกล้งเธอกันเลยละสิน่ะ แล้วเธอคงไม่มาเอาคืนฉันให้เจ็บตัวด้วยสิ"
              "เรื่องสมัยเด็กนั้นฉันลืมไปนานแล้วละ แฮมค็อค เพราะฉันเองก็มิใช่มนุษย์แล้ว ฉันจึงอโหสิให้แก่เธอ และขอร้องให้เธอช่วยดูแลพ่อแม่ของเธอเลยแล้วกันน่ะ" แอนเดรียบอก แฮมค็อคพยักหน้า แล้วก็รีบวิ่งไปสมทบกับเบิร์คครีทและอ็อคเอียร์ เพื่อไปขึ้นรถลอยที่จะพาพวกเขาไปส่งกลับโลกมนุษย์ ดาวดวงที่สามในระบบสุริยะจักรวาลกัน
              "คุณแอนเดรีย คุณไม่เป็นไรมั้ยคะ" มาริกล่าว
              "ฉันไม่เป็นไรหรอกน่ะ และต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกเธอผิดหวังเลยน่ะ" แอนเดรียบอก
              รีฟกล่าว "เปล่าเลยคะ พวกเราภูมิใจมากกว่า ที่คุณพูดให้มนุษย์ทั้งหลายรู้จุดยืนและสถานะของพวกเราในฐานะสมาชิกของสมาพันธ์อวกาศเลยนะคะ"
              "แม้ว่าเราคาดไม่ถึงเลยว่า เธอจะกล้าพูดเพื่อพวกเรากันแบบนี้เลยก็ตาม แต่นั้นเป็นสุนทราพจน์ที่ดีมากเลยนะ แอนเดรีย" วิลด้าบอก
              โดซี่กล่าว "แม้ว่านั้นจะทำให้พวกศัตรูที่อยู่บนโลกจะกล้าหือกับเรามากก็ตาม แต่อย่างน้อย เธอก็ทำให้ชาวโลกรู้ว่าพวกเราไม่ควรถูกหยามกันได้แล้วละนะ ราพันเซลเอเดรียน"
              "ถึงคุณจะไม่ได้มรดก แต่อย่างน้อย แค่คำพูดแสดงจุดยืนของคุณนั้น ก็มากพอที่จะชนะใจมนุษย์ที่ยังเห็นใจเราได้บ้างนะครับ" เฟรดบอก
              น็อกกี้กล่าว "และป้าคงจะปกป้องพวกเรา เพียงแต่ใช้คำพูดมากกว่าสนามพลังอันแข็งป้ากและใหญ่ครอบพวกเราได้เลยสิน่ะ"
              "คุณน้าสุดยอดไปเลยนะคะ แม้ว่าหนูจะอึ้งไปเลยก็ตามที่คุณน้ามีความกล้ามากเลยนะคะ" แมบิลีนบอก
              เทรอนเร็กซ์กล่าว "ไม่อยากจะบอกเลยนะ ว่าครูโคตรเจ็งมากเลยน่ะ"
              "ขอบใจมากนะ พวกเธอทุกๆคน ที่ช่วยปลอบใจฉันไว้น่ะ" แอนเดรียบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "คุณทำถูกแล้วละ แอนเดรีย เพราะถึงแม้เราได้มรดกไป พวกบรอมเวิร์ทเองก็คงไม่เลิกราตามที่คุณว่าไว้ คุณเลยเลือกที่จะยอมให้พวกเขาได้ในสิ่งที่ควรได้ไปเลยสิน่ะ"
              "แต่ตอนนี้ ท่านประธานบาแรมโซ่ เรียกพวกเราไปคุยเรื่องที่แอนเดรียพูดไว้ในศาลเลยน่ะ" แอบไบออสกล่าวโดยรับสายจากทิคแซทบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "อย่าห่วงเลย แอนเดรีย เราจะช่วยพูดให้เธอเองแล้วกัน"

              "สรุปคือ ท่านประธานสภาบาแรมโซ่ต้องการคำอธิบายในสิ่งที่แอนเดรียพูดมา ว่าเธอยินยอมรับในการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมของศาลฝ่ายมนุษย์ และต้องการแสดงให้มนุษย์รับรู้ว่าพวกแมนิเกเตอร์อย่างพวกนายเป็นสมาชิกของสมาพันธ์อวกาศเลยสิน่ะ" โทมาสบอก
              พีวิลพยักหน้า "พวกเราอธิบายว่า พวกเรามิได้มีเจตนาที่จะปลุกปั่นให้แมนิแฟคเตอร์ที่อยู่ตามดาวต่างๆให้รวมตัวกันเรียกร้องสิทธิ์ หรือแม้กระทั่งปลุกปั่นให้มนุษย์ตามดาวก่อสงครามขึ้นมาเลยก็ตาม แค่แสดงจุดยืนของฝ่ายเราให้รับรู้กันไว้ ซึ่งเธอพูดตามเจตนาเดิมของดร.เดลวีแองนูที่ต้องการให้แมนิเกเตอร์อยู่ร่วมกันกับมนุษย์ และมนุษย์ต่างดาวทุกเผ่ากัน อย่างทัดเทียมเลยนะครับ"
              "ที่สำคัญ แอนเดรียเองต้องการเตือนให้ชาวโลกที่อยากจะหาเรื่องกับพวกเธอให้หยุดการกระทำนี้ไว้ แม้นั้นจะทำให้พวกเขายิ่งเหิมเกริมมากกว่าเดิมเลยก็ตาม แต่อย่างน้อยเธอก็ได้พูดในตอนนี้ ดีกว่ามาพูดในภายหลังกันเลยนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              มิลเดียกล่าว "แม้นั้นจะเสี่ยงไม่น้อยกับการที่ชาวโลกที่ดั้นด้นเดินทางมาจะไม่พอใจนิดๆ แต่ นั้นก็ช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับพวกชาวโลกที่อยากจะเป็นวีรบุรุษแบบไร้หัวคิดกันเสียบ้างน่ะ" แล้วก็บอก "ฉันได้รับการติดต่อจากราชินีแทแรนเซียแล้ว ว่าเธอได้ฟังคำพูดของแอนเดรียขึ้นมา เธอเลยจะใช้คำพูดดังกล่าวนี้ ช่วยเสริมให้เธอมีแรงผลักดันในการห้ามชาวเมืองบนดาวดวงใหม่ รู้ว่าแมนิเกเตอร์อย่างพวกเธอไม่ควรเป็นฝ่ายถูกคุกคามเลยน่ะ"
              "แม้ว่าพวกนายจะไม่ได้มรดกอันมากมายไว้ แต่อย่างน้อย พวกนายก็ชนะใจทุกฝ่ายในอวกาศกันได้แล้วละน่ะ" โทมาสบอก
              มาสวาร์ทาร์หันมาถาม "คุณคาลเทด ว่าแต่ ตอนที่เปิดพินัยกรรมนิ คุณมิได้เปลี่ยนแปลงพินัยกรรมนั้นเองหรือครับ"
              "ผมเป็นทนายความที่รับผิดชอบพินัยกรรมของดร.อัลบาร์ทกันนะครับ ถ้าผมแก้ข้อความในพินัยกรรมเอง ผมก็จะมีความผิดตามไปด้วย ซึ่งผมไม่ทำเช่นนั้นกันแน่นอน" คาลเทดกล่าว "อีกอย่าง ดร.อัลบาร์ทเองก็เป็นคนร่างพินัยกรรมไว้ หลังจากที่มอบเงินจำนวนมากให้กับดร.รีไลฟ์เวอรี่ไปแล้ว เท่ากับว่าดร.อัลบาร์ทมีสิทธิ์ที่จะใส่หรือไม่ใส่ทรัพย์สินลงในพินัยกรรม โดยที่ผมมีหน้าที่อย่างเดียวก็คือรับผิดชอบดูแลทรัพย์สินส่วนที่ระบุอยู่ในพินัยกรรม และตัวพินัยกรรมฉบับล่าสุดไว้จนกว่าจะถึงเวลาเปิดนะครับ"
              แอบไบออสบอก "เข้าใจแล้วละ ดร.เดลวีแองนูเองคงรู้ดี ว่าถ้ายังคงใส่เงินจำนวนมากไว้ในพินัยกรรม แล้วเงินที่ยังอยู่ในเซฟหรือธนาคารถูกทำลายไป ก็จะสูญหายไปอย่างถาวรแน่นอน อีกทั้งพวกบรอมเวิร์ทเองก็เป็นพวกละโมบโลภมากในเรื่องเงิน ยิ่งทำให้พวกเขาคิดอยากได้มรดกตัวเงินกันอย่างแน่นอน"
              "รวมถึงล็อกเก็ตของดร.อัลบาร์ทที่ให้แอนเดรียตอนที่เราไปที่โลกนั้น ก็คงไม่อยู่ในรายการมรดกด้วยสิน่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมบอก "ตอนนี้เราขอไปดูแอนเดรียกันดีกว่า เพราะว่าเธอเหนือยพอตัวหลังจากไปพูดในชั้นศาลเลยน่ะ"

              "รู้สึกว่า ล็อคเก็ตของเธอมันเบี้ยวๆอยู่น่ะ" โฟรซ่ากล่าว เพราะสังเกตุว่าฝาล็อกเก็ตของแอนเดรียเหมือนจะเบี้ยวไปทางซ้าย
              "มันเจ็งในช่วงที่เธอฟัดกับไอ้ทหารรับจ้างหุ้มเกราะตัวโตหรือเปล่าละ" คลอเวฟบอก
              "ฉันไม่คิดเช่นนั้นหรอกน่ะ เพราะตอนที่นอนนั้น ฝาล็อกเก็ตยังเป็นปกติดีอยู่นิ" แอนเดรียกล่าวและหยิบล็อกเก็ตมาบิดฝา แต่ "ฟึ่บบ แกร็ก" ทันทีที่เธอหมุนฝาให้เข้าที่ มีเสียงดังจากข้างในขึ้นมา
              "ล็อกเก็ตของเธอมันไม่ธรรมดาแล้ว เพราะแค่เสียงก็รู้ว่ามันเป็นเสียงกลไกบางอย่างที่อยู่ในล็อกเก็ตแน่ๆเลยละ" สเปียริทกล่าว
              "อันเล็กเท่านี้เนี้ยนะ จะมีกลไกอยู่ข้างในได้น่ะ" เจเนลบอก
              แอนเดรียบอก "ไม่หรอกคะ คุณพ่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่รับเอาองค์ความรู้ในการสร้างแมนิเกเตอร์จากรุ่นสู่รุ่นมา คุณพ่อคงจะดัดแปลงล็อกเก็ตของแม่ให้มีกลไกขนาดเล็กไว้ทำอะไรสักอย่างแน่นอน" แล้วก็บอก "ก่อนที่คุณพ่อจะเสียและมอบล็อกเก็ตนี้ไว้ ท่านบอกกับฉันว่า...ล็อกเก็ตอันนี้ มีค่ามากกว่าของดูต่างหน้าของแม่ และเป็นสิ่งเดียว ที่พ่อมอบให้ฉันโดยไม่ได้ใส่ไว้ในพินัยกรรมกันแต่แรกน่ะ อย่างงี้แหละ"
              "ล็อคเก็ตของเธอมีค่ามากกว่าชนิดที่ดร.เดลวีแองนูมิได้ใส่ไว้ในพินัยกรรมแต่แรกกันนั้น แสดงว่ามันมีค่ามากกว่ามรดกตกทอดหรือหนังสือผู้ถือหุ้นทุกบริษัททั่วโลกละสินะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              แอนเดรียพยักหน้า "และคุณพ่อบอกวิธีเปิดไว้ด้วยนะคะ" แล้วก็ "หมุนซ้ายถึงเจ็ดโมงเช้า หมุนขวาไปตอนตีสอง หมุนซ้ายไปห้าทุ่ม หมุนขวาไปตอนบ่ายสี่โมง ย้อนกลับมาตอนเที่ยง แล้วกดปุ่มตรงกลาง" หมุนฝาตามเข็มนาฬิกาให้ปลายชี้ไปยังแนวเฉียงซ้ายล่าง จากนั้นหมุนทวนเข็มนาฬิกาไปแนวเฉียงขวาบน หมุนตามเข็มนาฬิกาไปยังทิศซ้ายบน แล้วก็หมุนทวนเข็มไปขวาล่าง จากนั้นหมุนให้ฝาเลื่อนขึ้นข้างบน และกดปุ่มเข้า "แกร็กๆๆๆ กรี้งงง กรึกกก" จากนั้นก็มีเสียงดังจากข้างในสี่ที ตามด้วยเสียงกริ่งดังและฝาล็อกเก็ตด้านในเปิดอยู่ "แวบบบบบ" แล้วมีแสงสว่างจ้าออกมา
         "โครมมมมมมม" ฉับพลัน เรือนรับรองก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา
              "เสียงมาจากเรือนรับรองน่ะ" ทิคแซทบอก แล้วพีวิล มาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัม แอบไบออสพาพวกโทมาสวิ่งไปยังเรือนรับรอง ซึ่งก็
              "ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอัดพวกนายกันแบบนี้เลยน่ะ" พีวิลกล่าว เมื่อเห็นคลอเวฟโดนวัตถุสารบางอย่างอัดจนหน้าแนบกับหน้าต่าง
              "แกร็ก ครืดดด กรี้งๆๆๆๆๆๆๆ" มาสวาร์ทาร์รีบเปิดประตูออก แต่วัตถุสารที่อยู่ข้างในเทออกมากองข้างนอกกัน "ทุกๆคน ไม่เป็นไรใช่มั้ยละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว "ฟึ่บบบ ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โครมมม" แอนเดรีย สเปียริท ไซโคลเนีย ลิเนียร์ตี้ เจเนล โฟรซ่า สเตฟอร์ด ฟิเกซ พลัสเชอริทโผล่หัวออกมา จายด์โผล่ขึ้นมาจากกองวัตถุสารกันอย่างรวดเร็ว
              "พวกเราไม่เป็นไรเลยละคะ คุณมาสวาร์ทาร์" แอนเดรียตะโกน
              "แล้วมันเกิดอะไรกันขึ้นน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "คือว่า แอนเดรียบิดหมุนล็อกเก็ตของเธอ เพราะรู้สึกได้ว่ามันมีกลไกบางอย่างอยู่ เธอเลยบิดตามที่ดร.เดลวีแองนูสั่งเสียเอาไว้ ซึ่งพอเปิดออกมาปุ๊บ เศษเหรียญจำนวนมากก็ท่วมใส่เราทันทีนี้แหละ"
              "ว่าแต่ ยัยเปี้ยกหายไปไหนละเนี้ย" สเปียริทบอก
              เจเนลกล่าว "สงสัยคงจะจมกองเงินแล้วละมั่ง" ไม่ทันไรก็ "อี้กๆๆๆๆๆๆๆ" เจเนลเจ็บหัวขึ้นมา สเปียริทเลยฝ่ากองเหรียญเงินเข้ามาแล้วก็ "ฟึ่บบ กึกๆๆๆๆๆๆ หมับบบ ฟึ่บบบ" ใช้มือควานหาจนจับตัวจิลขึ้นมาได้ "โห่ นี้เธออยู่ข้างใต้เองหรอกหรือเนี้ย"
              "นี้มันเหรียญอะไรกันเนี้ย ทำไมมันเยอะมากถึงเพียงนี้เลยน่ะ" โฟรซ่ากล่าว
              ทิคแซทเลยก้มลงมาหยิบดู "เอ้ยๆๆๆๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยน่ะ" แล้วก็บอก "พี่รอง พี่เห็นอย่างที่ผมเห็นหรือเปล่าละ"
              "ว่าแต่ เหรียญเหล่านั้นมันมีอะไรให้ผบ.แปลกใจกันหรือ" เนคมาดูซัมบอก
              โทมาสกล่าว "เหรียญเงินเหล่านี้ มันเป็นเหรียญเงินสกุลยูโรที่เคยใช้ในศตวรรษที่ 20 มาตลอด 150 ปีก่อนที่มันจะหายไปแล้วนะสิ" แล้วก็บอก "แถมเหรียญแต่ละเหรียญเอง ก็มีเหรียญเงินของสหราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งกลับเข้าเป็นสมาชิก หลังจากที่การแยกตัวบีเอ็กซิสล้มเหลวลงเมื่อปี 2060 กันอีกด้วยนะสิ"
              "จะว่าไปแล้ว คุณพ่อ คุณลุงญาติฝ่ายพ่อ และคุณปู่เอง มีงานอดิเรก สะสมเหรียญเงินเก่าที่ไม่ได้ใช้ในช่วงยุคทองเอาไว้ ซึ่งถ้าเป็นโลก เหรียญเงินเหล่านี้จะเป็นแค่เศษเหล็กไร้ค่ากันเลยนะคะ" แอนเดรียบอก
              ทิคแซทบอก "แต่สำหรับชาวโลกที่อยู่ในอวกาศนั้น เหรียญเงินสกุลเก่าที่ไม่ได้ใช้กันนั้น ถือว่ามีค่าอย่างมาก เพราะมันเป็นสมบัติของฝ่ายมนุษย์ที่บ่งบอกถึงระบบเศรษฐกิจดั่งเดิมที่ยังดำรงอยู่ในช่วงยุคทอง และสูญหายไปตามกาลเวลาและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งธนาคารอวกาศเองต้องการรับซื้อเงินเก่าจากชนเผ่าต่างดาวทุกประเภท ซึ่งรวมถึงพวกแมนิเกเตอร์อย่างพวกนายกันด้วยน่ะ"
              "เออ ว่าแต่ ไอ้เงินสกุลยูโรช่วงศตวรรษที่ 20 นิ จะได้สักกี่แกลดอลกันละ" โฟรซ่าบอก
              มิลเดียเลยรีบหยิบแพดมาเพื่อหาแอพมาเปรียบเทียบไว้ "ณ.ปัจจุบัน เงินสกุลยูโรเก่าที่ธนาคารอวกาศต้องการนั้น 1 เหรียญจะมีค่าเท่ากับ..... 4-6,000 แกลดอล ขึ้นกับสภาพของตัวเหรียญว่ายังมีสมบูรณ์กันบ้างหรือเปล่าน่ะ"
              "ถ้าให้เดาน่ะ ไอ้ล็อกเก็ตตัวนี้ คือไทม์แคปซูลแบบพิเศษที่ดร.เดลวีแองนูใช้เก็บเหรียญสกุลเก่าจำนวนมากที่มีทั้งหมดนี้ โดยใช้กระบวนการย่อส่วนเหรียญให้เล็กในระดับไมครอนและโยกย้ายไปใส่ไว้ในล็อกเก็ต โดยใส่กลไกขนาดไมครอนเอาไว้ เพื่อกันมิให้มีใครได้และเผลอเปิดออกมาก่อเวลาอันควร หรือกันมิให้ล็อกเก็ตแตกและของที่อยู่ข้างในนั้นหลุดออกมาเลยน่ะ" สเปียริทบอก
              แอนเดรียบอก "และคุณพ่อก็เก็บล็อกเก็ตนี้ไว้กับตัว โดยบอกว่ามันเป็นของดูต่างหน้าของแม่ที่ไม่มีอะไรเลยนั้น คงเพื่อปกป้องมิให้ใครรู้ตัวจริงของล็อคเก็ตนี้เลยสิน่ะ" และหันมาถาม "คุณคาลเทดคะ ว่าแต่ คุณมีความเห็นเป็นเช่นไรละคะ"
              "ตามกฎหมายแล้ว ดร.อัลบาร์ทไม่ได้ใส่ล็อกเก็ตไว้ในรายการมรดกที่แจ้งไว้ในพินัยกรรมอยู่ จึงถือว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของดร.อัลบาร์ทไป และเมื่อคุณหนูรับล็อกเก็ตตัวนี้มา ก็เท่ากับว่า คุณหนูคือเจ้าของล็อกเก็ตและของที่อยู่ในนั้นไว้ด้วยเพียงผู้เดียวนะครับ" คาลเทดบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แต่ตอนนี้ เราคงต้องเก็บกวาดเหรียญเงินนี้ออกจากเรือนรับรอง แล้วมาช่วยกันนับ เพื่อเอาไปขายให้ธนาคารอวกาศเลยดีกว่าน่ะ"

              หลังจากนั้น พวกไทรเวเซอร์เลยเรียกทุกๆคนมาเก็บกวาดกองเหรียญเงินยูโรทั้งหลายออกไปจากเรือนรับรอง แล้วก็มาตรวจสอบกันทั้งหมด ปรากฎว่า ดร.เดลวีแองนูเก็บเหรียญเงินเก่าและไร้ค่าในช่วงยุคทองแต่มีค่ามหาศาลในช่วงเวลานี้ เป็นจำนวน 1 ล้านเหรียญซึ่งธนาคารอวกาศได้รับซื้อเหรียญเก่าโดยวิเคราะห์สภาพเหรียญทั้งหมดแล้ว พวกเขาคิดราคาต่อเหรียญละ 5 พันแกลดอล รวมแล้ว แอนเดรียเป็นเจ้าของเงิน 5 พันล้านแกลดอล ซึ่งด้วยเงินจำนวนนี้ ทำให้เธอตกเป็นเป้าหมายของคนละโมบโลภมากกันแน่นอน ดังนั้น เธอจึงต้องแบ่งเงินที่เธอได้มากันเสียก่อน

              และแล้ว ในที่สุด แอนเดรียและพวกไทรเวเซอร์ก็กลับมาพร้อมกับเงินก้อนโตด้วยกัน โดยทุกคนให้แอนเดรีย ผู้เป็นเจ้าของเงิน จัดการแบ่งสรรปันส่วนเงินของเธอกันไว้แล้ว วันต่อมา ที่เวเซอร์เฮาส์
              "พวกเราได้เพียง 1 เปอร์เซนต์เองหรอกหรือ มันน่าจะเป็นสิบเปอร์เซนต์นิน่า" คลอเวฟบอก
              โฟรซ่ากล่าว "แอนเดรียแบ่งเท่านี้ก็เกินพอแล้วละ เพราะถึงตัดน้อยแค่ไหน เราก็ยังได้เงินเยอะอยู่ดีนี้แหละ" โดยตอนนี้แอนเดรียตัดเงินในส่วนของพวกเธอ 5 สิบล้านแกลดอล เหลือเพียง 4,950 ล้านแล้ว "ว่าแต่ เธอจะแบ่งห้าสิบล้านของเธอออกกันยังไงละจ๊ะ" โฟรซ่าถาม
              "ก่อนอื่นเลยนะคะ เรื่องเงินกองกลางนั้น ตามกฎแล้ว เราควรมีเงินในระดับล้านได้ แต่ไม่ควรมากถึงระดับสิบล้าน ซึ่งเป็นจำนวนเงินสูงสุดของเงินกองกลางของกองทัพเทรอมและซัลคาเลี่ยนแต่ละกอง ฉันจึงแบ่งเงินกองกลางออกเป็น 5 ล้าน รวมของเก่าแล้วเป็น 5 ล้าน 4 แสนแกลดอลด้วยกันนะคะ" แอนเดรียบอก
              สเตฟอร์ดกล่าว "ถ้าเช่นนั้นก็เท่ากับว่า เรามีงบมากพอที่จะซ่อมยานไทรแองเกิ้ลเลยสิน่ะ"
              "นอกจากจะซ่อมแล้ว เราจะได้ติดตั้งเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟเซต้ากันแน่นอนน่ะ" ไซโคลเนียบอก
              สเปียริทกล่าว "ตอนนี้เหลือ 45 ล้านแล้วนะ แอนเดรีย เธอจะแบ่งยังไงกันต่อละ"
              "ฉันจะจัดการเรื่องส่วนแบ่งของทุกๆคนก่อนเลย โดยเริ่มจากพวกคุณบริคซ์ ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 150 คน รวมถึงหมอเดเมี่ยน คุณมินอร์ตี้และฟูแรมด้วย โดยตามกฎแล้ว บุคลากรในกองกำลังระดับพวกเรานั้น ควรมีเงินในระดับหมื่นและแสน แต่ไม่เกินล้าน ดังนั้น ฉันให้คนละ แสนแกลดอลเลยนะคะ" แอนเดรียบอก ซึ่งเท่ากับว่าเหล่าลูกเรือไทรแองเกิ้ล ได้รวมกันเป็น 15 ล้านด้วยกัน
              คลอเวฟกล่าว "แล้วไม่กลัวว่าบริคซ์จะขอมากกว่าในระดับล้านเลยหรือ"
              "อย่าห่วงเลยนะคะ ว่าถ้าเราเหลือเศษเยอะ เรายังพอให้ได้ แต่เงินที่ฉันแบ่งมา ถือว่าเป็นรางวัลที่ให้แก่พวกเขาเลยนะคะ" แอนเดรียบอก โดยตอนนี้เงินถูกแบ่งจนเหลือ 30 ล้านแล้ว "แล้วก็มาถึงเวลาสำคัญของพวกเราแล้วละคะ" แอนเดรียกล่าว
              โฟรซ่าบอก "ดีเลย แอนเดรีย ว่าแต่ เธอให้พวกเราคนละเท่าไหร่ละจ๊ะ"
              "ด้วยกฎเดียวกันนั้น ฉันและทุกๆคนทั้งหมด จะได้คนละ 4 แสนแกลดอลนะคะ" แอนเดรียกล่าว โดยเอาเงินที่เธอแบ่งมามอบให้กับทุกๆคน รวมถึงตัวเธอ และคลอเวฟด้วย
              "อ่า เงินสดๆซิงๆแบบนี้ คงจะสามารถใช้เป็นทุนสำหรับสร้างนอร์ติลุสลำใหม่แน่นอน" คลอเวฟกล่าวโดยตอนนี้เขามีเงินอยู่ในมือแล้ว
              "ขอบใจมากนะ แอนเดรีย ที่เธอแบ่งให้พวกเราเท่าๆกันเลยน่ะ" สเปียริทบอก โดยตอนนี้ เมนซิกส์ทีนได้รวมกันทั้งหมด 6 ล้าน 4 แสนแกลดอล จนตอนนี้เหลือ 23 ล้าน 6 แสนแกลดอลแล้ว และสเปียริทก็นึกขึ้นมาได้ "เดียวก่อนนะ พวกเรา ในเมื่อพวกเราต่างก็มีเงิน แอนเดรียก็มีเงิน แล้วก็ นายบื้อหุ่นกระป๋องของเรา ก็มีเงินอยู่แล้ว ใช่มั้ยละ"
              พีวิลพยักหน้า เช่นเดียวกับทุกๆคนด้วย ยกเว้นคลอเวฟ "ถูกเผงเลยละ สเปียริท และเรารอคอยเวลานี้มานานแล้วละ" พีวิลบอก
              "เวลาอะไรของพวกนายกันมิทราบละ" คลอเวฟบอก
              แล้วแอนเดรียก็ "ฟึ่บๆๆ" คว้าเงินจำนวน 3 แสนแกลดอลออกจากมือของคลอเวฟไป "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จากนั้นก็จัดการแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆด้วยกันอย่างรวดเร็วและแม่นยำ "อ่า นี้ของคุณพีวิล ของคุณมาสวาร์ทาร์ ของคุณเนคมาดูซัมนะคะ" โดยเธอแจกเงินให้กับพีวิล มาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัม ตามด้วย "ต่อด้วย ของสเปียริท ของลิเนียร์ตี้ ของคุณโฟรซ่า ของจิล ของไซโคลเนีย ของคุณแอบไบออส ของคุณพลัสเชอริท ของคุณสเตฟอร์ด ของคุณฟิเกซ ของคุณเจเนล ของคุณจายด์ ของฉันเอง และสุดท้าย เงินกองกลางอีก 1 แสนกว่าๆนะคะ" แบ่งเงินคืนให้กับทุกๆคนและคืนกองกลาง จนเงินกองกลางเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้าน 5 แสนแกลดอลแล้ว
              "เฮ้ย นี้มันหมายความว่ายังไงกันวะ" คลอเวฟโวย
              สเตฟอร์ดบอก "ก็ ในเมื่อนายมีเงินอยู่ในกำมือแล้ว เท่ากับว่า นาย มีเงินมาจ่ายหนี้ที่นายยืมพวกเราทั้งหมดนี้ไปเพื่อซื้อวัสดุอะไหล่มาซ่อมเรือนอร์ติลุส คืนมาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วละสิ ฮะๆๆๆๆ" แล้วก็ดูส่วนแบ่งของตนเองที่ได้คืนมา "อ่า สุดท้ายนี้ เราก็หมดหนี้กันเสียที"
              "แล้วเงินของฉันเหลือแค่แสนเดียวเนี้ยนะ" คลอเวฟบ่น เพราะตอนนี้ตนเหลือเงินเพียง 1 แสน 2 พันแกลดอลในมือ
              แอนเดรียบอก "ที่คุณเหลือน้อย เพราะคุณต้องจ่ายคืนพวกเราเป็นรายบุคคลและกองกลางไปเยอะมาก ซึ่งหวังว่าคุณคงจะใช้แสนหนึ่งให้เป็นประโยชน์กันมากเลยน่ะ"
              "ว่าแต่ ฉันพอจะยืมเงินที่เหลือของเธอมาสักล้านหนึ่งได้มั้ยละ" คลอเวฟกล่าว จนทุกๆคนบอก "ไม่ได้!!!!!" อย่างพร้อมกัน
              เนคมาดูซัมกล่าว "อย่าลืมสิ คลอเวฟ ว่าพวกเราต้องมีเงินติดตัวห้ามเกินล้านขึ้นไปนะเฟ้ย ไม่งั้นนายโดนปรับภาษีเยอะเลยน่ะ"
              "และอย่างน้อยก็กันมิให้แพนทานิคซ์มายืมนายตั้งหลายวันด้วยน่ะ เพราะการที่นายมีเงินเท่านี้ ก็ยังดีกว่านายมีเป็นสิบล้านเลยน่ะ" พีวิลบอก
              ฟิเกซกล่าว "มีเงินน้อยนั้นทุกข์น้อยกว่ามีเงินเยอะแบบใส่กระเป๋าเงินได้หลายใบ แล้วเดินช้าจนโดนปล้นหมดเลยน่ะ"

              "ตอนนี้เราเหลือ 23 ล้านแล้ว เธอจะแบ่งให้ใครบ้างละ" ลิเนียร์ตี้ถาม
              แอนเดรียบอก "ครอบครัวของคุณเบติสและคุณวิลด้า แล้วก็พวกคุณอีธานนั้น ฉันตั้งให้ครอบครัวละ 4 ล้าน โดยจ่ายเข้าบัญชีธนาคารไว้ ซึ่งไกซ์ มิลด์ ฟูลออเรส เมดิน่า สามารถยืมเงินได้ แต่ต้องขออนุญาตผู้ปกครองอย่างพวกคุณเบติสกันเสียก่อน และยืมได้ในหลักร้อยและพันเท่านั้นนะคะ" โดยเธอแบ่งให้สองครอบครัวรวมกัน 8 ล้าน เหลือเพียง 15 ล้าน 6 แสนแกลดอลแล้ว "จากนั้น ฉันก็ได้มอบเงินจำนวน 6 ล้านแก่คุณโดซี่และกองกำลังหลังฉาก ซึ่งอาจจะให้มากสักหน่อย เพราะว่าพวกเขาช่วยเหลือพวกเราอย่างมาก และถือว่าชดเชยในส่วนที่พวกเฟรดและน็อกกี้พลาดพลั้งมาด้วยนะคะ"
              "ซึ่งเธอคงจะให้โดซี่เป็นผู้คุมเงินทั้งหมดเลยสิน่ะ" โฟรซ่ากล่าว ซึ่งตอนนี้ เหลือเงินเพียง 9 ล้าน 6 แสนแกลดอลแล้ว "แล้วพวกเฮเรเค้นล่ะ"
              แอนเดรียบอก "พวกเขาทุ่มเทอย่างมากในฐานะสมาชิกตัวรอง และอยู่กับพวกเรามาตลอดในฐานะนักเรียนด้วย อาจารย์อย่างฉันเลยให้รางวัลพวกเขาแต่ละตน ตนละ 2 หมื่นแกลดอลนะคะ" ซึ่งพวกไทรเมร่าทั้งหมด 21 ตนนั้น เบ็ดเสร็จทั้งหมดได้ 4 แสน 2 หมื่นแกลดอลด้วยกัน จนเหลือเงินเพียง 15 ล้าน 1 แสน 8 หมื่นแกลดอล
              "เพียงแต่ เธอกับมาสวาร์ทาร์ผู้เป็นอาจารย์นั้น เป็นผู้รับผิดชอบเงิน 4 แสนว่าจะให้ยืมเท่าไหร่เลยสิน่ะ" สเปียริทบอก
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "นั้นเป็นการกันมิให้เฮเรเค้น ไลเอิร์ท ชาร์เครฟหรือแม้กระทั่งเทรอนเร็กซ์กับพวก ผลาญเงินหมดไปอย่างรวดเร็วกับการซื้อได้ทุกอย่างเพียงแค่สองหมื่นไว้นะสิ"
              "จากนั้น ก็เป็นพรรคบัวแดงของคุณทินเหมาลีนั้น ฉันจะมอบ 5 ล้านให้ เพราะในตอนนี้ คุณทินเหมาลีมีพวกลิ่วเซียงกับเหล่าพี่น้องจำนวนมากมาอยู่ในความดูแลและฝึกซ้อมกัน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินทุนไม่น้อย รวมไปถึงให้กับคุณโมคุโตะและครอบครัวกันด้วยคะ" แอนเดรียกล่าว "ต่อมาก็คือคุณทนายคาลเทดที่สละเวลามาช่วยเหลือพวกเรา ฉันให้เงิน 1 ล้านแกลดอลตอบแทนเขาไว้นะคะ" จนตอนนี้ เหลือเงิน 9 ล้าน 1 แสนกับ 8 หมื่นแกลดอลกันแล้ว
              แอบไบออสบอก "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อย เขาเป็นทนายที่ดูแลมรดกของดร.เดลวีแองนูกันด้วยน่ะ"
              "แล้วเธอจะทำยังไงกับเงินอีก 9 ล้านกว่ากันละ" โฟรซ่าถามอย่างสงสัย
              แอนเดรียบอก "9 ล้านแกลดอลนั้น ครึ่งหนึ่ง ฉันจะมอบให้คุณโพโบโวโล่นำไปพัฒนาดูแลเมืองนี้ให้ดีขึ้น ส่วนอีกครึ่งนั้น ถือเป็นค่าเสียหายที่ใช้ซ่อมวาสโทเรียสสแควร์ที่เสียหายแม้ว่าจะเล็กน้อยเลยก็ตาม ซึ่งรวมถึง ค่าใช้จ่ายที่คุณลุงคุณป้าใช้บริการของโรงแรม ค่าเช่าเรือข้ามมาที่เมืองนี้แล้วพากลับเมืองไป รวมถึงค่ากินค่าใช้ต่างๆ ซึ่งฉันจำต้องจ่ายแทนพวกเขาไว้นะคะ" แล้วก็หยิบเงินกองสุดท้ายมา "ส่วน 1 แสนและ 8 หมื่นนี้ สำหรับค่าใช้จ่ายประจำวันของพวกเราทั้งหมดเลยนะคะ"
              "ไม่ชอบเลยที่ให้เธอแบ่งเงินจนเหลือแสนกว่าเลยน่ะ" คลอเวฟบอก
              จายด์บอก "ทำไงได้ละ แอนเดรียเป็นเจ้าของเงินพันล้านแกลดอล เธอจำต้องแบ่งให้เหลือพอเหมาะพอใช้ และต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกันนี้แหละ"

              "แล้วส่วนมากที่เป็น 4,950 ล้านละ" โฟรซ่าถาม
              แอนเดรียยิ้มและบอกไปว่า "ฉันตัดสินใจ แบ่งเงินก้อนโตที่เหลือ 99 เปอร์เซนต์ไปนั้น ออกเป็นสามส่วนด้วยกัน ซึ่งฉันได้บริจาคเงินส่วนแรกให้กับทางรัฐบาลของเรา ตามด้วยจ่ายให้กับทางสมาพันธ์อวกาศ เพื่อใช้เป็นเงินทุนทดแทนที่ธนาคารอวกาศเสียไปจากการเสียเงินซื้อเงินสกุลยูโรเก่าของคุณพ่อ และให้กับทางกองกำลังพันธมิตรมนุษย์ เพื่อให้พวกเขาใช้เป็นทุนช่วยเหลือกลุ่มสหพันธ์ระบบสุริยะจักรวาลที่เดินทางมาตั้งรกราก โดยที่ฉันขอให้พวกผู้การฮาซาเดนเป็นผู้มอบเงินให้เองนะคะ"
              "และเธอคงจะมอบให้กับท่านประธานาธิบดีและรัฐบาลในฐานะบุตรีของเดลวีแองนูเลยสิน่ะ" สเปียริทกล่าว
              แอมเบอร์เลยเปิดทีวีให้ เป็นภาพของโคเคสที่มาประกาศไปว่า "เป็นข่าวดีอย่างมากเลยนะครับ ที่ตอนนี้ รัฐบาลของพวกเราได้รับเงินสนับสนุนงบประมาณบริหารดาวดวงทุกดวงในระบบของเรา เป็นจำนวนเงิน 1,650 แกลดอลกัน ซึ่งนั้นหมายถึง รัฐบาลมีงบประมาณมากพอสำหรับกลุ่มบริษัทต่างๆ ที่มีปัญหาด้านการเงิน การทำงานของทุกกระทรวง รวมถึง กองทัพทุกกองที่ประจำการอยู่เดิมและถูกส่งมาจากแคสเซรอน-4 รวมถึงกลุ่มที่ส่งไปอยู่ดาวอื่นๆนั้น แม้กระทั่งดาวอื่นๆในระบบของเราที่มีการตั้งเมืองอยู่ในตอนนี้นั้น ไม่ต้องตัดงบประมาณแบบเกินตัวกันอีกต่อไปแล้วละครับ" โคเคสบอก
              "ท่านคิดว่า ผู้ที่ให้งบประมาณนั้น คือเอเดรียน เดลวีแองนู หรือเจ้าหน้าที่แอนเดรียจากไทรเวเซอร์หรือเปล่าละคะ" นักข่าวมนุษย์หญิงที่อยู่ในกลุ่มกล่าว
              โคเคสบอก "ผมรู้ดีนะครับ ว่าเรื่องที่แอนเดรียพูดในชั้นศาลฝ่ายมนุษย์นั้นจะทำให้ท่านคิดว่า ไทรเวเซอร์ให้ความช่วยเหลือฝ่ายรัฐบาลนั้น บอกตามตรงนะครับ ว่าเงินจำนวนมากนี้ มาจากการเสียสละของบุคคลที่ต้องการให้พวกเราเป็นชนเผ่าอารยชนที่ทัดเทียมกับทุกเผ่าในอวกาศนี้ แม้ว่าคำพูดของแอนเดรียนั้นจะดูเป็นไปไม่ได้ในเวลานี้เลยก็ตาม แต่กาลเวลาที่ผ่านพ้น การกระทำอันมีเจตนาดีของพวกเราส่วนมาก รวมถึงพวกไทรเวเซอร์นั้น จะเป็นข้อพิสูจน์แน่ชัดเองนะครับ" แล้วก็บอก "ส่วนเรื่องที่พวกเราอาจจะเสียเปรียบพวกมนุษย์ในแง่ของกฎหมายนั้น ทางเราจะนำเรื่องไปพิจารณาในที่ประชุม ซึ่งผมจะแจ้งให้พวกท่านทราบหากทางเราได้ข้อสรุปแล้วละครับ"
              "ดีแล้วละ ที่เธอได้ให้ผู้การฮาซาเดนเป็นคนส่งเงินจำนวนพันล้านหกกว่าๆ ไปให้ท่านประธานาธิบดี โดยเธออยากจะให้เขาประกาศว่า มาจากบุคคลผู้ไม่ประสงค์ออกนาม แต่มีวัตถุประสงค์ดีกันละสิน่ะ" โฟรซ่าบอก
              แอนเดรียพยักหน้า "อย่างน้อย พวกเราก็ภูมิใจที่ได้กระทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ นอกเสียจาก ทำให้ทุกๆคนอยู่อย่างสงบสุขและมั่นคงได้ก็เกินพอแล้วละคะ"
              "แต่ มันก็น่าโมโหไม่น้อยเลยน่ะ เพราะว่าญาติของเธอได้เงินเยอะจากการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับทุกบริษัทบนโลกเลยน่ะ" ไซโคลเนียกล่าว
              เจเนลบอก "ปานนี้ทุกบริษัทคงต้องเจ็งบ้งจากครอบครัวตัวอ้วนมหาประลัยกันแน่ๆเลยละ"

              "ถึงพวกคุณลุงคุณป้าจะได้หนังสือสถานะผู้ถือหุ้นของทุกบริษัทบนโลกไว้ได้ จนยักยอกเงินทั้งหมดมาใช้เอง โดยไม่สนว่าพวกเขาเป็นหนี้ก้อนโตจากการไปก่อเรื่องกับคนนอกโลกเลยก็ตาม" แอนเดรียบอก "แต่เกรงว่า ที่พวกเขาได้ไปนั้น มันเป็นแค่เศษกระดาษไร้ค่ากันหมดแล้วละคะ"
              เนคมาดูซัมบอก "เธอคงไม่ได้หมายความว่า ทุกบริษัทที่ว่ามานั้น ล้วนถูกโอเวอร์เดสและกองทัพแมนิเกเตอร์ในช่วงสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรก ทำลายล้างไปจนหมดเลยสินะ"
              "คะ 80 เปอร์เซนต์ของกลุ่มบริษัทที่คุณพ่อไปเป็นผู้ถือหุ้นนั้น ล้วนถูกกองทัพแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสทำลายทิ้งจนไม่เหลือซาก ไม่ว่าจะด้วยการส่งพวกแมนิเกเตอร์ไปทำลายตัวบริษัทโดยตรง หรือทำลายสถาบันการเงินที่ค้ำจุนกลุ่มบริษัท ซึ่งให้การสนับสนุนเงินทุนแก่บริษัทผลิตอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ชิ้นส่วนยานเกราะ เรือรบ เครื่องบินรบ ไปจนโมบิลทรูปเปอร์ แม้กระทั่งปัจจัย 4 ที่จะเอาไปให้ผู้ประสบภัยสงครามและผู้ลี้ภัยจากเมืองที่ถูกโจมตีกันไว้นะคะ" แอนเดรียบอก
              สเปียริทบอก "ท่านพ่อคงจะรู้ว่า ตราบใดที่กลุ่มบริษัทที่สนับสนุนกองทัพฝ่ายสหพันธ์โลกยังมีเงินทุนจากธนาคารและสถาบันการเงินอยู่ การรุกรานของท่านพ่อคงจะยื้อเยื้อนานกว่าครั้งที่สองกันแน่ๆ ท่านพ่อเลยต้องตัดเส้นเลือดทิ้งเพื่อทำให้การสนับสนุนกองทัพเป็นอัมพาต และสร้างศัตรูให้กับพวกมนุษย์เกลียดชังแมนิเกเตอร์ให้หนักข้อยิ่งกว่าเดิมเลยสิน่ะ"
              "แล้วอีก 20 เปอร์เซนต์ละ" ลิเนียร์ตี้ถาม
              แอนเดรียบอก "ที่เหลือนั้น ถ้าไม่เป็นเจ้าหนี้เดิมที่เป็นรุ่นลูกสืบต่อจากรุ่นพ่อ มีการเปลี่ยนมือเป็นเจ้าของรายอื่นแต่ไม่สนเรื่องที่คุณพ่อเป็นผู้ถือหุ้น ก็ต้องอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลประเทศนั้นๆ เนื่องจากว่าคุณพ่อที่เป็นบุคคลต้องการตัวมีรายชื่อผู้ถือหุ้น กลุ่มบริษัทเหล่านั้นเลยเลือกลบและทำลายหลักฐานทิ้ง จนรอดพ้นการตรวจสอบของรัฐบาลไปได้ แต่บางแห่งนั้น รัฐบาลรู้เรื่องและใช้ตรงนี้ในการควบคุมบริษัทดังกล่าวไป หรือไม่ก็ขอร้องให้ร่วมมือกับทางรัฐบาลนั้นๆไว้ ซึ่งบริษัทไวส์ไอเซนนั้น และบริษัทในเครือตระกูลโซลราฟและลูสนาร์คนั้นก็อยู่ในข่ายนั้น โดยพวกเขาทำลายเอกสารผู้ถือหุ้นของคุณพ่อไปก่อนแล้วละคะ"
              "แล้วเธอคงจะได้ข้อมูลจากยัยแฮคเกอร์ทาริก้า ก่อนหน้าที่ครองคอร์ดจะโผล่มาเลยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก
              แอนเดรียพยักหน้า "คะ นั้นคือเหตุผลที่ฉันรู้เรื่องก่อน เพราะฉันรู้ดี ว่าการคุกคามของโอเวอร์เดสและพวกแมนิเกเตอร์ในสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรกนั้น ต้องสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับทุกฝ่ายแบบไม่เหลืออะไรเลย ซึ่งทาริก้าให้ข้อมูลนี้กับฉัน เพื่อให้ฉันเตรียมตัวสละสิทธิ์มอบมรดกของคุณพ่อที่ตอนนี้ ไม่มีค่าใดๆให้คุณลุงคุณป้ารับแทน แม้นั้นเหมือนแกล้งพวกเขาเลยก็ตามนะคะ"
              "ไม่คิดเลยว่า บริษัทที่ผลิตเบอร์แปดและเก้าทั้งเก่าและใหม่จะเอาตัวรอดได้แบบนี้น่ะ" สเตฟอร์ดบอก แอนเดรียพยักหน้า
              จิลบอก "แต่อีกหนึ่งปัญหาก็คือ พวกบรอมเวิร์ทเห็นโฉมหน้าของพวกเรา และรู้ที่ตั้งของพวกเรานิ เธอไม่กลัวว่าพวกเขาจะปากโป้งบอกพวกมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวเหล่านั้น หรือไม่ก็เศษเดนของพวกเกซิคด้วยน่ะ"
              "จิลพูดถูกแล้วละ เพราะถ้าพวกเขาไม่ยอมแพ้ถึงขั้นฟ้องศาลฝ่ายมนุษย์ได้ พวกเขาก็คงทำแบบนี้กับชาวโลกได้เช่นกันน่ะ" จายด์บอก
              แอนเดรียส่ายหน้า "เกรงว่าพอพวกเขากลับไปที่โลก พวกเขาจะไม่สามารถพูดเรื่องนี้ออกไปได้ เพราะว่า พวกเขาจะลืมเรื่องที่เจอหน้าฉันและทุกๆคนกันด้วยคะ"
              "หมายความว่ายังไงกันนะ แอนเดรีย" เนคมาดูซัมบอก
              แอนเดรียพยักหน้าและนำภาพเอ็กซ์เรย์ออกมา "จากเครื่องสแกนเนอร์ร่างกายของพวกคุณลุงคุณป้าที่ติดไว้ในบ้านนั้น นอกจากจะไม่เจออิมแพลนท์อื่นๆที่อยู่ในร่างกายแล้ว แต่เรากลับเจอบางอย่างที่คาดไม่ถึงในตัวของพวกเขาทั้งสามด้วย" แล้วก็ถอนใจก่อนจะบอกว่า "พวกบรอมเวิร์ทมีสภาวะเป็นโรคสมองเสื่อม จากการเข้าแคปซูลจำศิลที่ไม่สมบูรณ์แบบเลยนะคะ"
              "โรคสมองเสื่อมจากการหลับในแคปซูลจำศิลแบบไม่สมบูรณ์แบบนะหรือ มันยังไงกันน่ะ" คลอเวฟกล่าวอย่างงงๆ
              แอนเดรียบอก "ตามความคิดของพวกคุณนั้น การเข้าแคปซูลจำศิลให้แคปซูลแช่แข็งร่างกายของเราอยู่ในสภาวะจำศีลเป็นเวลานานๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่มีคนปลุกเราขึ้นหรือตัวเครื่องปลุกเราขึ้นมาตามเวลาที่เซตไว้นั้น พวกเราจะปลอดภัยจนถึงเวลานั้นแน่นอน ซึ่งมันก็ถูกครึ่งหนึ่งเลยนะคะ เพราะอีกครึ่งนั้น ถ้าหลับแล้วไม่ตื่น ก็คือเสียชีวิตจากสภาวะอวัยวะสำคัญถูกแช่แข็งสนิทกันทั้งหมดเลยนะคะ"
              "จะว่าไป มันก็ใช่น่ะ เพราะการหลับจำศิลในยานอวกาศกู้ชีพเพื่อรอเวลาอันยาวนานกว่าจะมีคนช่วยเหลือ ใช่ว่าจะมีคนรอดตายและตื่นขึ้นมาได้เหมือนในหนังไซไฟเลยน่ะ" แอบไบออสบอก
              ไซโคลเนียบอก "แล้วลุงกับป้าเธอเป็นโรคสมองเสื่อมได้ไงละยะ ในเมื่อพวกนั้นยึดยานลี้ภัยออกนอกโลกที่มีแคปซูลจำศิลเหมือนที่เธอกับดร.เดลวีแองนูใช้งานกันอยู่น่ะ"
              "ความจริงแล้ว การแช่แข็งร่างกายให้อยู่ในสภาพแน่นิ่งนั้น เป็นการรักษาสภาพร่างกายให้คงอยู่ได้เป็นเวลานานๆเหมือนกับสัตว์จำศิลกันใช่มั้ยละคะ นั้นแค่ครึ่งเดียวเอง ส่วนอีกครึ่งนั้น มาจากการกินยาที่มีนาโนแมชชีนหรือตัวยาที่ช่วยรักษาสภาพของอวัยวะภายในทุกชิ้นจากสภาวะการถูกแช่แข็งสนิท ซึ่งตัวยาและนาโนแมชชีนที่อยู่ในร่างนั้น จะทำการแปรสภาพโมเลกุลของไตรกรีเซอไลน์และคอเรสเตอรอลในเส้นเลือด ให้เป็นพลังงานความร้อนเพื่อช่วยรักษาสภาพร่างกายให้คงที่และมีชีวิตอยู่ หากแต่อวัยวะทำงานช้าลงแต่ไม่ถึงกับหยุดสนิทจนดับชีพไป แค่ทำให้หลับไปยาวแบบปลอดภัยเท่านั้นเอง ซึ่งแคปซูลที่ฉันและคุณพ่อเองใช้นั้น จะมียาที่มีนาโนแมชชีนเตรียมเอาไว้ โดยติดระบบทำงานประสานกันกับนาโนแมชชีนให้ช่วยดูแลร่างกายของเราสองพ่อลูก ซึ่งคุณพ่อตั้งเวลาปลุกไปที่ 40 ปีต่อมา หรือเร็วกว่านั้นหากมีใครบางคนทั้งดีหรือไม่ดีเข้ามาเจอและเปิดระบบปลุกเข้า ซึ่งฉันกับคุณพ่อ ถูกปลุกขึ้นมาหลังจากหลับไป 37 ปีหลังมหาสงครามครั้งแรกและอยู่ในช่วงมหาสงครามครั้งที่สองนะคะ" แอนเดรียเล่า "กรณีของพวกบรอมเวิร์ท นอกจากพวกเขาจะไม่กินยาที่พ่อทำไว้ให้ เพราะคงคิดว่าคุณพ่อคงทำยาพิษให้กับพวกเขาทานแน่ๆ แถมเวลาเข้าไปในแคปซูล คุณลุงคุณป้านอนดันนอนผิดด้าน เอาหัวไปนอนตรงปลายเท้า แล้วเอาเท้าไปตรงส่วนหัว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่หมอนเลื่อนขึ้นมา พอพวกเขาหลับอยู่ในสภาพแช่แข็งไปนั้น ความเย็นจากการแช่แข็ง ได้ทำให้ ไขมันทั้งดีและเลวที่อยู่ในกระแสเลือด ซึ่งไหลจากเท้าที่ถูกดันขึ้นไปรวมกันที่หัวโดยเฉพาะที่สมองนั้น เกิดการแข็งตัวจนไปเบียดกล้ามเนื้อสมองอย่างช้าๆ อีกทั้งพวกเขาเองก็มีค่าน้ำตาลในเลือดที่สูงมากพอที่จะน็อกพวกเขาให้หลับยาวไปได้เลยนะคะ ซึ่งมาจากการที่พวกเขาไม่มีนาโนแมชชีนจากยาที่กินเข้าไปเลยนะคะ"
              โฟรซ่าบอก "เพราะว่าไขมันถ้าโดนความเย็นจัดจากตู้เย็นไม่ว่าช่องธรรมดาและช่องฟรีซ ล้วนแข็งตัวเป็นก้อนไขมันได้เลยสิน่ะ"
              "แต่ แคปซูลจำศิลที่เธอว่ามานั้นเป็นแบบทรงกระบอกกลมใช่มั้ย บางทีอาจจะทำไว้ให้นอนได้ทั้งสองด้านมิใช่หรือ แล้วก็ลุงกับป้าของเธอ น่าจะชอบนอนกลับด้านก็ได้น่ะ" สเปียริทบอก
              แอนเดรียส่ายหน้าและกล่าว "แคปซูลจำศิลส่วนมากซึ่งรวมถึงอันที่คุณพ่อสร้างไว้ในยานและในบังเกอร์แล้ว มักจะเซตให้นอนตรงตามตำแหน่งไว้ ว่าต้องให้ส่วนหัวนอนตรงส่วนหัวนอนที่มีหมอนเหล็กเลื่อนขึ้นมา และส่วนตำแหน่งเท้าจะเลื่อนลงจนร่างกายเอียงลงตาม เป็นการสร้างสมดุลย์ทางร่างกายไว้ในช่วงที่ถูกแช่แข็งอยู่ ซึ่ง ตอนเธออยู่ในแคปซูลก่อนที่คุณพีวิลและคุณมาสวาร์ทาร์มาเจอ ก็คงจะใส่ในตำแหน่งที่ถูกต้องแต่แคปซูลไม่ขยับตัวเพราะเธออยู่ในสภาพโคม่าเลยสิคะ"
              "เออ จะว่าไปมันก็ใช่เลยน่ะ แถมตอนนั้นฉันแน่นิ่งจนถูกจีเนฟารี่ทำให้ยานร่วงตกลงกันด้วยน่ะ" สเปียริทบอกเพราะเธอนึกขึ้นมาได้แล้ว
              โฟรซ่าบอก "แล้วยานลี้ภัยที่ญาติของเธอขโมยมานั้น คงจะเซตให้ปลุกพวกเขาหลังจากที่ยานลงจอดเลยสิ"

              "คะ พอยานอวกาศลี้ภัยลงจอดบนดาวที่ไหนสักแห่งปุ๊บ ระบบปลุกจะละลายน้ำแข็งที่ปกคลุมร่างของพวกเขา ซึ่งรวมถึงไขมันที่แข็งตัวก็จะละลายไปทั้งหมดด้วยความร้อนสูงด้วย หากแต่เซลสมองที่ถูกไขมันเบียดไปนั้นได้เสียหายขึ้นมา ส่งผลให้พวกเขา เกิดอาการหลงๆลืมๆ สูญเสียความยับยั้งชั่งใจ การควบคุมอารมณ์ ความต้องการ การกระทำ การรู้ผิดชอบชั่วดี คำพูด ความจำไปชั่วขณะหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาจำไม่ได้ว่าไปก่อเรื่องแย่ๆอะไรไว้ จำไม่ได้ว่าไปยืมเงินใครมา ใครให้เงินไป ให้ไปเท่าไหร่ และห้ามใช้เกินเท่าไหร่ด้วย แม้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องในอดีต รู้จักฉันทั้งชื่อและหน้าตาดั่งเดิมเลยก็ตาม แต่พวกเขาจะเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูดออกไป แม้กระทั่งไปด่ามนุษย์ต่างดาว ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่คุณลุง คุณป้าและแฮมค็อคไม่รู้จักมาก่อน รวมถึงการจำชื่อของฉันที่พูดต่อคุณโดซี่ก็คือผลของอาการที่เกิดจากสมองเสียหายนะคะ" แอนเดรียบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "จะว่าไปแล้ว คุณอ็อคเอียร์เคยเกลียดแม่ของคุณมากที่เป็นตัวขัดขวางความเจริญของคุณ ซึ่งการที่คุณอ็อคเอียร์พูดชื่อ เอเดรียน เบอแลนเบิร์ค ทั้งๆที่พวกเขาควรจะเรียกคุณว่า เอเดรียน เดลวีแองนูกัน บ่งบอกว่า คุณอ็อคเอียร์ไม่รู้ว่าเธอพูดนามสกุลเดิมของคุณและคุณแม่ของคุณออกไปสิน่ะ"
              "คะ ทั้งเรื่องที่คุณป้าด่าคุณโดซี่ที่ขอตังค์จากการที่พวกเขาสัญญาว่าจะจ่ายให้ไปนั้น เรื่องที่คุณลุงบอกว่าไม่รู้เรื่องที่เขากับครอบครัวไปก่อเรื่องอะไรมา เรื่องที่พวกเขาไปกินเหล้าในบาร์ของคุณคลอเวฟแล้วไม่รู้สึกถึงรสชาติของเหล้า เรื่องที่พวกคุณลุงสั่งอาหารจีนมาหลายอย่างแล้วกินแบบไม่แบ่ง ทั้งๆที่พวกเขาควรจะอิ่มและหยุดกินเมื่อท้องเต็มแล้ว รวมไปถึงการที่พวกเขาไปก่อเรื่องยืมเงินของคนใจบุญแล้วเอาไปใช้แบบสิ้นเปลือง ไปข่มขืนสาวในบาร์โป๊ทั้งๆที่มีข้อห้ามไว้ แม้กระทั่งไปจ้างทหารรับจ้างและหลงเชื่อในคำพูดของดอฟ เทย์เลิร์ทแบบสนิทใจนั้น เป็นผลจากการที่สมองของพวกเขาเสียหาย จนระบบประสาทเรรวน แถมประพฤติตนจนอาการเรื้อรั้ง โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด อีกทั้งความสนใจของพวกเขาเพียงหนึ่งเดียวนั้น ก็มีแต่เรื่องเงินๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เท่านั้นเอง ที่เป็นตัวสร้างสมาธิให้กับพวกเขาโดยไม่สนใจอย่างอื่น แม้กระทั่งคำเตือนของคุณพ่อและคุณแม่เลยนะคะ" แอนเดรียบอก
              จายด์ถาม "ถ้าพวกเขาไม่มีความยับยั้งชั่งใจหรือแม้กระทั่งรับรู้ว่าพวกเขาทำอะไรผิดไปนั้น พวกเขาก็จะทำซ้ำไปเรื่อยๆเลยสิน่ะ"
              "ถ้าให้เดาน่ะ ที่พวกเขาอ้วนฉุแบบนั้น คงเพราะว่าพวกเขากินเยอะจนไม่ได้ออกกำลังกายมาก่อนที่จะมาถึงดาวดวงนี้เลยสิน่ะ" สเปียริทบอก
              แอนเดรียพยักหน้า "จากรอยนิ้วมือของพวกเขาที่อยู่บนแก้วในบาร์ของคุณคลอเวฟนั้น มันเด่นชัดและเหนียวเหนอะมากๆ จากการที่ร่างกายของพวกเขาพยายามจะขับไขมันส่วนเกินออกไป ซึ่งนอกจากจะทำให้ผิวของพวกเขาเป็นมันวาวขึ้น อันเป็นผลจากสมองเสียหายแบบเรื้อรัง จากไขมันส่วนเกินที่ไหลเวียนในร่างกายและกลับมาอุดตรงแผลในสมองของพวกเขาไว้จนหนักข้อมากกว่าเดิม ซึ่งของคุณลุงคุณป้านั้นจะเป็นหนักสุด ถ้าไม่ได้รับการรักษาโดยเร็ว พวกเขาจะเจอกับสภาวะสมองตายได้นะคะ"
              "แล้วไอ้อ้วนแฮมค็อคนิ มันไม่เป็นอะไรเลยหรือวะ" คลอเวฟบอก
              แอนเดรียกล่าว "ฉันคิดว่า แฮมค็อคคงจะพยายามบอกให้คุณลุงและคุณป้ากลับไปนอนให้ถูกต้อง แต่พวกเขาคงไม่ฟังและไม่สนใจ เพราะพวกเขาอยากจะหลับกันเร็วๆ ซึ่งแฮมค็อคคงจะหลับอย่างถูกต้อง แต่คงจะไม่ได้กินยา แม้เขาจะเห็นเป็นลูกอม แต่คงบ้วนทิ้งเพราะรสชาติไม่อร่อยแน่นอน อาการของเขาเลยเป็นน้อยกว่า แต่ยังมีผลเหมือนกันอยู่ดี ซึ่งการที่เขากลัวฉันจากการเห็นฉันสู้กับเหล่าร้ายด้วยการใช้กำลังรุนแรงนั้น บ่งบอกว่าสมองของเขายังคงดีพอให้เขามีสติเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาบ้าง แต่หลังจากนี้ ฉันกลัวว่าเขาอาจจะกลัวจนขาดสติยั้งคิดและก่อเรื่องรุนแรงโดยที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เลย เพราะสมองของเขากำลังเป็นตามคุณลุงคุณป้าไปแล้วน่ะ"
              "แล้วเธอคงไม่ได้บอกเรื่องที่พวกเขาป่วยร้ายแรงและเรื้อรังให้ศาลฟังเลยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก
              แอนเดรียส่ายหน้า "ถ้าขนาดคุณพ่อและคุณแม่ รวมถึงคุณตาและคุณยายพูดเตือนและขอร้องให้พวกเขาไปหาหมอ พวกเขายังไม่ฟัง นับประสาอะไรกับคำพูดของฉัน ซึ่งเป็นลูกของคุณพ่อและคุณแม่ที่พวกเขารังเกียจกันเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ แมนิเกเตอร์หรือปีศาจร้ายเลยก็ตาม" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "แม้ว่าฉันจะรู้สึกดีใจ ที่พวกเขาจะต้องลืมเรื่องนี้ไป แต่....ฉันคงได้แต่สงสารพวกเขาในภายภาคหน้าด้วย"
              "แน่ละ พวกเขาทำร้ายตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ทำร้ายผู้อื่นกันอีกด้วยแบบนี้ ถึงเราช่วยแต่พวกเขาไม่ยอมให้ช่วย มันก็สุดวิสัยกันแล้วน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "พวกเราก็ทำดีที่สุดกับพวกเขาแล้วละ"
              ซึ่งสิ่งที่แอนเดรียว่ามานั้น ได้เป็นจริงกันแล้ว เพราะหลังจากที่ครอบครัวบรอมเวิร์ทเดินทางกลับมาที่โลกนั้น พวกเขาต้องพบกับความผิดหวังมาหลายครั้ง จากกลุ่มบริษัทที่ดร.อัลบาร์ทเป็นผู้ถือหุ้นได้สูญหายไปเป็นจำนวนมาก แถมบริษัทที่อยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาลเองก็ปฏิเสธไม่ยอมรับพวกเขาเป็นผู้ถือหุ้นด้วย จากนั้นก็มาเจอกับโจทก์เจ้าหนี้เดิมที่เป็นรุ่นลูกและรุ่นหลานแห่มาจับตัวพวกเขา ไปทำงานใช้หนี้อย่างหนักหน่วงทุกวันทุกคืน แม้พวกเขาจะได้เงินมา ก็ถูกเจ้าหนี้เชิดไปจนหมด แต่ครอบครัวบรอมเวิร์ทที่สมองมีปัญหากลับจำไม่ได้ว่าทำให้ใครและต้องจ่ายใคร จนถูกทำร้ายอย่างหนัก แถมไม่สามารถบอกเรื่องที่พวกเขาเจอกับแอนเดรียและเหล่าแมนิเกเตอร์ให้ใครฟังได้ เพราะเบิร์คครีทและอ็อคเอียร์สูญเสียความจำไปจนหมดในอีก 2 สัปดาห์ถัดมาบนโลก ส่วนแฮมค็อคเองก็จำไม่ได้เหมือนกันแถมเกิดความหวาดกลัวกันไปด้วย เพียงแต่ในหัวของพวกเขามีแต่อย่างเดียวเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขาอยู่ได้ นั้นคือ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา เพื่อให้พวกเขาอยู่สุขสบายกันอีกครั้ง โดยไม่ได้รับรู้ถึงความจริงที่ว่า พวกเขาทำตัวเองตกต่ำจนถึงขีดสุดไปโดยปริยายแล้ว

              "งั้นบทสรุปของญาติของเธอก็จบลงแล้ว แต่สำหรับพวกเรานั้น เรามาฉลองกันเลยมั้ยละ" คลอเวฟบอก
              สเตฟอร์ดกระแอ่มห้ามไว้ "เรื่องฉลองเอาไว้ทีหลังเหอะ เพราะ....เราต้องซ่อมไทรแองเกิ้ลกันก่อน จากการที่เรา พร้อมในเรื่องเงินแล้วละ"
              "ตอนนี้ ผบ.บัลโต้มาถึง พร้อมกับกองเรือขนส่งแล้วละคะ" แอมเบอร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "งั้นเราลงไปเลยดีกว่า"
              จากนั้น ทั้งหมดก็ลงมาที่ท่าเรือกันแล้ว โดยเรือขนส่งลำโตแล่นจอดเทียบท่ากัน
              "ยินดีด้วย จากการพวกนายช่วยเหลือพวกเราเรื่องเงินจำนวนพันล้านที่ แอนเดรียแลกเปลี่ยนเงินเก่ามา จนสภาพการเงินของสหพันธมิตรได้รับการฟื้นตัวแล้วน่ะ" บัลโต้บอก แอนเดรียพยักหน้า
              พีวิลบอก "ว่าแต่ ผบ.บัลโต้คงจะส่งมอบเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟรุ่นล่าสุดให้กับพวกเราและกองกำลังหลังฉากเลยสิครับ"
              "ถูกต้องแล้วละ เออ รัฐมนตรีด็อดเจอร์" บัลโต้เรียกชายผมยุ่งในชุดสูทสีเทา ซึ่งก็คือด็อดเจอร์ อดีตนายช่างประจำกองรบสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ ปัจจุบัน รัฐมนตรีกระทรวงโยธา วิศวกร และอุตสาหกรรม
              "ไม่ได้เจอซะนานเลยนะครับ รัฐมนตรีนายช่าง นึกว่าอยู่บริหารงานในออฟฟิศไปนานจนหายสูญไปเลยนะ" ฟิเกซบอก
              "บอกตามตรงน่ะ ว่าการนั่งอยู่ในห้องทำงานติดแอร์นั้น มันไม่ใช่ตัวฉันหรอก เพราะฉันอยากจะออกมาดูการทำงานของฝ่ายผลิตและฝ่ายซ่อมแซมด้วยตัวเองมากกว่า จะได้รู้ว่า ไอ้เรื่องที่รับรายงานมากับไอ้ที่เกิดขึ้นจริงมันตรงข้ามกันหรือเปล่าน่ะ" ด็อดเจอร์บอก "แล้วก็ คุณเอเดรียน สุนทรพจน์ของคุณช่วยให้พวกมนุษย์รู้ได้เสียที ว่าพวกเราไม่ได้พวกภัยคุกคามตามที่พวกเขามโนสาไถเลยน่ะ"
              แอนเดรียบอก "ตอนนี้ฉันยังเป็นแอนเดรียอยู่นะคะ ไม่จำเป็นต้องเรียกชื่อจริงเลยนะคะ นายช่างด็อดเจอร์"
              "กลับเข้าเรื่องเลยดีกว่าน่ะ พวก" บัลโต้กล่าว
              ด็อดเจอร์พยักหน้า แล้วก็ "ครืดดดด ครืดดดดด ครืดดดด ครืดดดดด" กราบเรือเปิดออก เผยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่สี่อันที่ถูกขนออกจากเรือมา "นี้คือ เครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟเอพซีลอนไทป์ เครื่องยนต์ขับเคลื่อนติดระบบบินด้วยความเร็วเหนือแสงรุ่นล่าสุด ที่ทางกระทรวงโยธาและกระทรวงวิทยาศาสตร์ร่วมมือกันสร้างขึ้นแล้วละ"
              "เอพซีลอนไทป์นะหรือ แล้ว รุ่นเซต้าละครับ" จายด์บอก
              บัลโต้กล่าว "ถ้าหมายถึงรุ่นต้นแบบที่สร้างมาก่อนหน้าละก็ อันนั้นไม่เหมาะกับยานของพวกนายและของโดซี่กันหรอกน่ะ เพราะเอพซีลอนไทป์นี้ สร้างขึ้นด้วยข้อมูลการทดสอบบินของกองยานที่ติดตั้งรุ่นเซต้าเข้าไป โดยทางสถาบันริดิวิเนี่ยนได้วิเคราะห์ข้อมูลการบินก่อนหน้านี้ไว้ และหาจุดบกพร่องในตัวเครื่องยนต์นำมาปรับแก้ไขและพัฒนาสร้างเครื่องยนต์รุ่นนี้ ซึ่งเป็นรุ่นที่บินด้วยความเร็วเหนือแสงไปยังระบบดาวที่อยู่ไกลสุดกู่ หรือบินไปยังสุดขอบจักรวาลที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แม้กระทั่งบินเข้าไปในใจกลางของจักรวาลได้ด้วยพลังงานเพียง 5-10 เปอร์เซนต์เท่านั้นเองแหละ"
              "โว้วววว สุดยอด นี้แปลว่าเราสามารถบินเข้าไปเขตอวกาศของพวกเฮซเทิร์ซหรือไปโผล่ที่ดาวแม่ของพวกเนโอเดลอาเนี่ยนได้ละสิ" น็อกกี้กล่าว
              บัลโต้บอก "นั้นเป็นขีดความสามารถของเครื่องยนต์ดังกล่าวไว้จากการวิเคราะห์การใช้งานผ่านซีมูเลเตอร์เองน่ะ เพียงแต่ ฉันและเบื้องบนไม่อนุญาตให้พวกเธอไปล้ำเส้นในถิ่นศัตรูจนถูกรุมยำเละ และถูกพวกมันขโมยเครื่องยนต์แบบนี้ไปใช้กับกองยาน จนดิสก์เวิร์ดโดนยึดภายในเวลาอันสั้นได้หรอกน่ะ"
              "ที่สำคัญ เราตั้งจะทดสอบเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ แต่เกิดติดปัญหาเรื่องงบประมาณของรัฐบาลเหลือน้อย ส่งผลให้การทดสอบต้องชะงักงันและถูกระงับไปตั้งสองปีนี้แหละ" ด็อดเจอร์บอก "และ เครื่องยนต์เอพซีลอนไทป์ที่ทางเราร่วมกันสร้างมานั้น ฉันคิดราคา 1 ชุดไว้เท่านี้แหละ" แล้วก็นำเครื่องคิดเลขออกมา
              "ราคาหนึ่งล้านห้าแสนแกลดอลที่ว่ามานิ รวมค่าติดตั้งด้วยหรือเปล่าละคะ" โดซี่กล่าว
              "ก็รวมไว้ด้วยนี้แหละ แม้ว่าของเดิมจะมากกว่าที่เสนอไว้ตั้ง 2 เท่าด้วยกัน" บัลโต้บอก "แต่นั้นคงไม่ทำให้พวกนายกระอักเลือดหรอกน่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "สำหรับพวกเราทั้งหมดนั้น ไม่มีปัญหาเลยนะครับ" โดยตอนนี้ ไทรเวเซอร์กับแบ็คไซด์คอมแบท ต้องเสียเงินจำนวน 2 ล้านในการซ่อมแซมยานและติดตั้งเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟรุ่นเอฟซีลอนให้กับไทรแองเกิ้ล และ 1 ล้านห้าแสนสำหรับติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ให้กับเฮฟไดซ์อินสเปคทรัลกับอีก 1 ล้านสำหรับปรับแต่งยานใหม่ยกชุด จนไทรเวเซอร์ เหลือ 3 ล้าน 6 แสนแกลดอล ในขณะที่กองกำลังหลังฉากเหลือเพียง 3 ล้าน 5 แสนแกลดอลกันแล้ว
              "ในเมื่อเรามีทุกอย่างพร้อมแล้ว เราเริ่มการซ่อมแซมยานกันเลยดีกว่าน่ะ" คลอเวฟบอกกับเหล่าลูกเรือและบุคคลากรทั้งหมด จากกองกำลังไทรเวเซอร์และกองกำลังหลังฉากกัน
              บัลโต้บอก "พวกนายอาจจะดีใจมากที่จะได้ซ่อมยานให้กลับมาใช้งานได้ก็จริง" แล้วก็มาบอก "แต่ฉันมีเรื่องจะให้พวกนายทั้ง 16 ไปคุยกันที่กองบัญชาการกองรบที่ 11 กันก่อนดีกว่าน่ะ"
              "ผบ.บาโธโรมิวมาด้วยเรื่องมอบงบประมาณที่รัฐบาลอนุมัติเลยสิครับ" เพอซิอัสกล่าว
              บัลโต้พยักหน้าและส่งกระเป๋าเงินมาให้ "ไม่ใช่แค่พวกนายกองเดียว แต่ทุกกองไม่ว่าเทรอมหรือซัลคาเลี่ยน ต่างได้งบกองกลางมากันหมดแล้วละ" บัลโต้บอก
              "ซึ่งท่านคงไม่บอกหรอกนะคะ ว่าใครมอบเงินให้นะคะ" จูเดทต้าบอก แอนเดรียพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร และฟังนายพลหญิงบอกไปว่า "ตอนนี้เธอแบ่งเงินที่แยกออกมา 1 เปอร์เซนต์ได้ลงตัวเลยสิน่ะ"
              แอนเดรียตอบ "คะ ฉันแบ่งเงินตามคำแนะนำของท่านนายพลจูเดทต้าและอิงตามกฎการมีทรัพย์สินตัวเงินไว้ในครอบครองทุกประการ จนลงตัวแล้วนะคะ"
              "และทางเราใช้กฎผู้ปกครองให้รับผิดชอบเรื่องเงินที่ได้รับมา ว่าจะให้ยืมเจ้าหน้าที่ระดับล่างได้มากน้อยแค่ไหนนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              บัลโต้กล่าว "แม้ว่านั้นจะช่วยเบรคพวกเด็กแสบไม่ให้ผลาญเงินจนหมดภายในเวลาอันสั้นเลยก็ตาม ซึ่งนั้นพอทำให้พวกนายสบายใจกันบ้างน่ะ" แล้วก็หยิบแฟ้มออกมา "พอดีเลย ฉันตั้งใจจะมามอบภารกิจให้พวกนายไปทำ ในช่วงที่กำลังซ่อมแซมไทรแองเกิ้ลกันอยู่น่ะ"
              "แล้วผบ.บัลโต้จะให้พวกเราไปทำอะไรกันละครับ" พีวิลถาม
              บัลโต้ เพอซิอัสและจูเดทต้าพยักหน้า โดยบัลโต้บอกไปว่า "ฉันจะส่งพวกนาย ไปประจำการที่ยานเอลอาควีทิเรียกันเลยน่ะ"

              แม้ว่าพวกไทรเวเซอร์จะแก้ไขปัญหาการเงินให้กับพวกเขาและสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ลงได้ก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีภารกิจใหม่เข้ามาเสียแล้วละ

    โปรดติดตามในตอนต่อไป กับตอนที่ 30 ปฏิบัติการณ์ฟลีทเจอนีย์ขั้นที่ 1 หน่วยนาวิกหน้าใหม่บนยานลำใหม่ กับปัญหาวุ่นๆที่มีปัญหาใหญ่พวงท้าย
    ตอนหน้า เมนซิกส์ทีนส่วนมากถูกส่งไปประจำการที่ยานเอลอาควิทิเลียของนายพลเรือคาร์ทตัน ซึ่งออกเดินทางไปสำรวจเขตอวกาศภาคกลางเพิ่มเติม โดยพวกเขาหารู้ไม่ว่า ได้มีกลุ่มบุคคลแอบตามพวกเขาขึ้นยานมาและก่อเรื่องขึ้นด้วยสาเหตุที่ไม่เข้าท่ากันด้วย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×