ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #80 : ตอนที่ 29 ครอบครัวตัวแสบปรากฎตัว ศึกชิงมรดกของเดลวีแองนูสุดอลเวง พาร์ทแรก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16
      0
      22 ก.ค. 63

              ที่ห้องบัญชาการในกองบัญชาการกองรบที่ 11 เฟิร์สฮิลล์ หลังจากการประชุมที่ทำเนียบเงินจบลงแล้ว
              "เธอทำถูกแล้วละ ที่ยอมให้จอมพลแฮซกริฟตัดสินโทษเมลเซ่ไว้ ซึ่งฉันนึกว่าเธอจะกระทำแบบเดิมตอนอยู่แรซัลก้ากันแล้วน่ะ" เพอซิอัสกล่าวกับสเปียริท ซึ่งตอบไปว่า
              "ฉันรู้กาละเทศะดีคะ ว่าจอมพลแฮซกริฟอยู่ในห้องด้วย อีกทั้งฉันรู้สถานะปัจจุบันของฉันดี ว่าถึงแม้ฉันมียศสูงหรือใกล้เคียงกับเมลเซ่ที่ปลอมเป็นเมลเซี่ยน ฉันไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจมาลงโทษอะไรเธอได้ เพราะเมลเซ่เป็นผู้เคราะห์ร้ายและผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ชาวอาณานิคมบนดาวคาเทรน่า-5 ของเบลซาร์ทหรือมาโดวเวลเดอร์ ฉันเลยให้จอมพลแฮซกริฟที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพ ตัดสินใจลงโทษเองนะคะ"
              "และต้องขอบใจข้อมูลเหตุการณ์ที่เมลเซ่มาบอกกับพวกเราในที่ประชุมจนได้ข้อสรุปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงที่คาเทรน่า-5 กันแล้วน่ะ ดังนั้น ฉันขอทวนเหตุการณ์ทั้งหมดเลยน่ะ" จูเดทต้าบอก และเล่าเรื่อง "เทรแซท กาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์ แมนิเกเตอร์ระดับสามตน ซึ่งเข้าร่วมกับกองรบแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดส ก่อสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรกกับพวกมนุษย์เมื่อ 64 ปีก่อนบนโลก โดยทั้งสามมีความร้ายกาจและเป็นอันตรายต่อพวกมนุษย์ แล้วก็พวกแมนิเกเตอร์ภายใต้การนำของโอเวอร์เดสกันด้วย โดยที่โอเวอร์เดสรู้ถึงความน่ากลัวของทั้งสามดี เลยส่งพวกเทรแซทให้ถูกพวกมนุษย์ฆ่าตาย ส่วนตนเองกับพวกที่เหลือรบกับพวกมนุษย์ต่อ"
              สเปียริทบอก "จนกระทั่งท่านแม่โอเวอร์เรสรับรู้เรื่องของท่านพ่อโอเวอร์เดส เลยรีบพาพวกลงมาที่โลก เพื่อนำตัวท่านพ่อกับพวกแมนิเกเตอร์ส่วนมาก ไปอยู่ในแรซัลก้า จนทำให้มนุษย์โลกรอดพ้นจากการถูกท่านพ่อกำชัยชนะลงไปได้ แต่นั้นหมายถึง มนุษย์โลกเอาคืนพวกแมนิเกเตอร์ที่ยังเหลืออยู่บนโลก รวมไปถึงการไล่ล่าแอนเดรียและดร.เดลวีแองนู ที่ถูกสหพันธ์โลกในตอนนั้นบีบบังคับให้สร้างโอเวอร์เดสขึ้นมาด้วยนะคะ"
              "หากแต่ เทรแซทและพวกยังรอดและลอยนวลไปได้ พร้อมกับวางแผนหลอกพวกมนุษย์โลกให้เข่นฆ่าทำสงครามกับมนุษย์นอกโลกในระบบสุริยะจักรวาล ด้วยการบุกลอบสังหารมหาประธานาธิบดีของอเมริกา แต่ไม่สำเร็จ แล้วหลอกล่อด้วยการส่งสัญญาณปลอมออกนอกโลก เหมือนที่กาเบลแบนเยอร์หลอกพวกเธอและหน่วยของแคร์เรี่ยนให้ไปที่โลกในคราวนี้เลยน่ะ" เพอซิอัสบอก
              สเตฟอร์ดกล่าว "แต่เทรแซทคาดผิด เพราะพวกมนุษย์ฉวยโอกาสนี้ ส่งกองรบไปเข่นฆ่าพวกแมนิเกเตอร์และชาวอาณานิคมที่ให้ที่หลบซ่อน จนแมนิแฟคเตอร์ในโครงการสำรวจอวกาศของเทเรซ่าและเฮอแมนที่อยู่นอกโลกถูกฆ่าตายไปทั้งหมด จนพวกเขากลายเป็นพวกโซลูนาสตี้ในอีกสิบปีต่อมา และเรื่องการกระทำของเทรแซทนั้น รู้ถึงหูของโอเวอร์เดสที่อยู่ในแรซัลก้ากันด้วย โอเวอร์เดสเลยเตรียมการสร้างกองรบแมนิเกเตอร์ขึ้นใหม่ เพื่อดำเนินตามแผนการอัลคาเดียที่ได้วางเอาไว้ โดยเริ่มจากการกำจัดตัวอันตรายทั้งสาม นั้นคือเทรแซท กาเบลแบนเยอร์ และมาโดวเวลเดอร์ลงเสียก่อน"
              "ซึ่ง การกำจัดตัวอันตรายนั้น กาเบลแบนเยอร์บาดเจ็บสาหัสปางตาย มาโดวเวลเดอร์คงจะถูกเล่นงานจนร่างกายถูกทำลายและเหลือเพียงแค่ดาบ โดยที่ครองคอร์ดกับพวกแมนิเกเตอร์คงจะถล่มประตูมิติที่เทรแซทแอบสร้าง เพื่อใช้หลบหนีกันไว้ให้ระเบิดเป่าทั้งคู่ให้หายไป ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดในทีแรก ส่วนเทรแซทนั้น มันขู่โอเวอร์เดสและพวกว่ามีระเบิดแรงสูงที่แรงพอถึงขั้นทำลายโลกให้เป็นจุลได้ จนโอเวอร์เดสเลือกที่จะปิดผนึกเทรแซทแล้วเอาไปไว้ในที่ๆพวกมนุษย์เข้าไปไม่ถึง โดยให้เกซิคถือกุญแจเปิดผนึกไว้นะครับ" พีวิลบอก "หากแต่ เทรแซทที่ถูกผนึกเองคงไม่คิดที่จะอยู่นิ่งๆและถูกเกซิคหลอกใช้แน่นอน แม้จะไม่รู้ว่าเทรแซทหนีออกจากผนึกสเตซิสได้ยังไง แต่ตอนนี้เทรแซทหนีไปแล้วละครับ"
              เพอซิอัสบอก "แล้วพวกเธอก็ไม่รู้ว่าเทรแซทอยู่ที่ไหนสิน่ะ" พีวิลพยักหน้า

              "งั้นกลับมาที่เรื่องของกาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์เลยน่ะ แม้ว่าพวกครองคอร์ดจะกำจัดทั้งคู่ไปได้ แต่....ทั้งคู่หนีเข้าประตูมิติไปโผล่ในอีกดาวได้สำเร็จ ซึ่งดาวที่ทั้งคู่หนีมานั้น คือดาวฮาแซงค์-2 ดาวที่ชาวอาณานิคมในกองยานบุกเบิกซึ่งนำโดยนายพลกาโกริน ลงจอดฉุกเฉินและตั้งรกรากบนดาวดวงนั้น ซึ่งกาเบลแบนเยอร์ที่สาหัสปางตายอยู่ คงจะเห็นตัวนายพลกาโกริน ซึ่งมีร่างเป็นคนแคระที่เหมาะสมแก่การปลอมตัวเข้าไป กาเบลแบนเยอร์เลยฆ่านายพลกาโกริน และสวมรอยโดยเก็บศพเอาไว้ใช้ทำประโยชน์อย่างอื่น แล้วฆ่าเหล่าทหารและชาวอาณานิคมบนดาวฮาแซงค์-2 จนราบคาบหมด" จูเดทต้าบอก
              แอบไบออสกล่าว "และการฆ่านั้น เพื่อที่จะดูดกลืนพลังชีวิตมาฟื้นฟูร่างกายที่สาหัสปางตายจากการถูกพวกครองคอร์ดโจมตีเลยสิน่ะ ว่าแต่ ประชากรชาวซัลคาเลี่ยนบนดาวฮาแซงค์-2 นิ มีจำนวนเท่าไหร่กันละ"
              "ตามข้อมูลที่เบติสและวิลด้า ซึ่งรับผิดชอบในเรื่องตรวจเช็คผู้เดินทางไปกับกองยานบุกเบิกนั้น ชาวอาณานิคมที่อยู่บนยานของนายพลกาโกริน เป็นชาวซัลคาเลี่ยนที่อาศัยอยู่ในสเปซโคโลนี่เอ็น-8 มีจำนวน 13,000 คน มีตั้งแต่ชาวซัลคาเลี่ยนปกติ ลิมฟ่า และแบบอื่นๆคละเคล้ากันไปอยู่บนยาน ซึ่งรวมถึงทหารใต้บังคับบัญชาของนายพลกาโกรินด้วย" เพอซิอัสบอก "ส่วนกลุ่มชาวอาณานิคมที่นำโดยนายพลพรอเทมและครอบครัว กองทหารใต้บังคับบัญชา รวมถึงเบลซาร์ทอยู่ด้วย โดยลงจอดฉุกเฉินและตั้งรกรากกันที่คาเทรน่า-5 นั้น เป็นชาวซัลคาเลี่ยนที่อยู่ในสเปซโคโลนี่วาย-3 จำนวน 15,600 คน โดยในกลุ่มนั้น มีจำนวน 2,100 คนที่พึ่งกลับจากการรบที่โฟรเดริม-4 แล้วขอเดินทางไปด้วยน่ะ"
              โฟรซ่าบอก "นั้นก็เยอะมาก จนกาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์ฟื้นตัวได้เต็มที่ หากแต่ไม่คิดเลยว่า กาเบลแบนเยอร์จะหลอกเบลซาร์ทได้นะ"
              "จากปากคำของเมลเซ่ผู้รอดชีวิตนั้น เธอได้ยินเมลเซี่ยนคุยกับเบลซาร์ท ถึงเรื่องที่กลุ่มโจรสลัดจู่โจมเขตชุมชนที่อยู่รอบนอกและมีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีกันมากขึ้น ซึ่งเบลซาร์ทรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างมาก ที่ตนพยายามจะปกป้องประชาชนให้รอดพ้นกันมากแค่ไหน ก็ไม่อาจช่วยผู้คนให้รอดตายไปได้อยู่ดี แม้เมลเซี่ยนและเมลเซ่ ผู้ซึ่งมีสัมพันธ์กับเบลซาร์ทอย่างลึกซึ่ง เพียงแต่คนน้องหลงรักเบลซาร์ทข้างเดียว ในขณะที่เบลซาร์ทนั้นสนิทกับเมลเซี่ยนมาตั้งแต่ตอนอยู่โฟรเดริม-4 แบบลึกซึ้งกันมาก่อน เพราะว่าเบลซาร์ทเข้าช่วยเมลเซี่ยนให้รอดพ้นจากการดักซุ้มของพวกเฮซเทิร์ซกันไว้น่ะ" จูเดทต้าบอก
              พีวิลบอก "แสดงว่าที่เบลซาร์ทสบประมาทผมว่าเป็นคนโง่และอ่อนแอ ก็เพื่อปิดบังบาดแผลในใจสินะครับ"
              "หากแต่ เบลซาร์ทไม่รู้เลยว่า การจู่โจมของพวกโจรสลัดอวกาศแบบต่อเนื่องนั้น มันเกิดขึ้นหลังจากที่เบลซาร์ทและพวก ช่วยเหลือกาเบลแบนเยอร์ในคราบของนายพลกาโกรินผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ไป ซึ่งกาเบลแบนเยอร์ติดต่อพวกโจรสลัดที่อยู่ในเขตอวกาศให้มาโจมตีเขตชุมชนบนดาวคาเทรน่า-5 เพื่อกระตุ้นให้เบลซาร์ทท้อแท้กับความอ่อนแอของตนเองที่ไม่สามารถปกป้องประชาชนส่วนมาก จนต้องยอมจำนนให้กับกาเบลแบนเยอร์ ด้วยการรับมอบดาบของมาโดวเวลเดอร์ โดยอ้างว่าดาบเล่มนี้คือสุดยอดอาวุธอันทรงพลัง มากพอที่จะกำจัดเหล่าโจรสลัดอวกาศให้ราบคาบลงไปได้ แน่นอน ว่าเบลซาร์ทที่สิ้นหวัง ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำสัญญากับปีศาจในดาบเล่มนั้น" มาสวาร์ทาร์กล่าว "แน่นอน ว่าเพื่อให้ดาบนั้นทรงพลังยิ่งขึ้น กาเบลแบนเยอร์หลอกเบลซาร์ทให้สังหารทุกๆคน โดยอ้างว่าทุกคนเป็นพวกโจรสลัดอวกาศปลอมตัวมา หรือไม่ก็บอกว่าทุกๆคนพร้อมจะมอบพลังให้ดาบทรงอำนาจยิ่งขึ้น ซึ่งการสังหารหมู่ชาวอาณานิคมบนคาเทรน่า-5 นั้นก็เริ่มขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเบลซาร์ทก็ใช้ดาบกวาดล้างพวกโจรสลัดจนราบคาบ แต่ตนเองก็ต้องกลายเป็นมาโดวเวลเดอร์รุ่นสองไปโดยปริยายนะครับ"
              เนคมาดูซัมพูดต่อ "เพียงแต่ เบลซาร์ทอาจจะฆ่าเมลซี่ลงไปได้ แต่เขาไม่รู้เลยว่า เธอเอาตัวป้องกันเมลเช่ที่อยู่ข้างใต้เอาไว้ แม้เกราะจะช่วยปกป้องเมลเซ่ให้รอดพ้นเงื้อมมือของเบลซาร์ทได้ แต่เมลซี่ที่ถูกเล่นงานเข้ากลางหลังนั้นไม่รอดและสิ้นใจลง โดยที่เมลเซ่ได้เห็นเบลซาร์ท ฆาตกรที่ฆ่าทุกๆคนตายกลายเป็นมาโดวเวลเดอร์ เช่นเดียวกับเห็นธาตุแท้ของกาโกรินที่เป็นต้นเหตุของการลอบสังหารทุกๆคนบนดาวคาเทรน่า-5 และฮาแซงค์-2 ก่อนหน้ากัน โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัวเลยว่า เมลเซ่เห็นทุกอย่างแล้ว"
              "จากนั้นเมลเซ่เลยใช้บัตรประจำตัวของเมลซี่สวมรอย โดยที่กาโกรินและเบลซาร์ทได้รับการช่วยเหลือจากยานซัลคาลาส ที่ทางกองทัพส่งไปตรวจสอบหากองยานบุกเบิกที่ลงจอดบนดาวในระหว่างทาง ส่วนตัวเธอนั้นได้กองรบของบลูโรเซียทที่ตามมาเข้าช่วยเหลือ แล้วก็อยู่ในกองรบเดิมของพี่สาว เพื่อหาโอกาสมาแจ้งกับจอมพลแฮซกริฟเรื่องกาโกรินและเบลซาร์ท แต่ล้มเหลวทุกครั้งและถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษและสั่งย้ายไปอยู่กองรบอื่นตั้งหลายครั้งเลยนะครับ" ฟิเกซกล่าว
              เพอซิอัสบอก "จากนั้นกาโกรินก็ก่อตั้งกองกำลังเอฟซีตรอนขึ้นมา จากการที่ตนได้รับรู้เรื่องภายในกองทัพ รวมถึงเรื่องแผนการทรยศของเสนาธิการวอลเดน จากการดูดซับความทรงจำจากสมองของกาโกรินที่รู้ถึงพิรุธของวอลเดนมาก่อน จนรู้เรื่องและตำแหน่งของเกาะลับของนายพลวอลเลนซ์ที่ดึงมาจากแรซัลก้าเข้ามาตั้งไว้ในดาวดวงนี้  กาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์เลยบุกเข้ายึดเกาะ และเข้าควบคุมเหล่าทหารโคลนนิ่งของโฟมเมคที่คนของวอลเลนซ์นำศพมาใช้เอาไว้ ต่อด้วย การส่งโคลนนิ่งไปขโมยเอไอวิเคราะห์ตลาดหุ้นจากโปรแกรมเมอร์ผู้หนึ่ง เพื่อเอาตัวเอไอนั้นมาใส่ในหุ่นแอนดรอยแล้วเอาข้อมูลความจำของสแทมเทเดอร์ ซึ่งวอลเลนซ์เก็บอยู่ในฐานข้อมูลเอามาอัดทับเอไอเดิมโดยคงขีดความสามารถในการวิเคราะห์ จนสร้างทรูปสตรัคเทเซอร์ขึ้นมา โดยให้ทรูปสตรัคเทเซอร์เจาะเข้าฐานข้อมูลของออคตากอนอย่างลับๆ เพื่อหาข้อมูลการสู้รบของฝ่ายประธานาธิบดีกับโอเวอร์เดส ซึ่งเป็นข้อมูลเหตุการณ์ที่ขาดหายไปในช่วงที่ตนกับมาโดวเวลเดอร์ถูกเนรเทศไปแล้วน่ะ"

              "แน่นอน ว่ากาเบลแบนเยอร์รู้เรื่องของการ์ดเชสเตอร์ รวมถึงเรื่องขัดคำสั่งของแพนทานิคซ์กันด้วย กาเบลแบนเยอร์เลยใช้ประตูมิติที่วอลเดนสร้างขึ้นเพื่อใช้หลบหนีไปอยู่ดาวอื่น หากแผนการแก้แค้นล้มเหลว มุ่งหน้าไปที่โลก ชักชวนการ์ดเชสเตอร์ที่กลับมาเห็นปีรามิลด้าพังพินาศลงให้เป็นสมาชิกในกองกำลังเอฟซีตรอน ซึ่งเป็นชื่อเกาะลับของนายพลวอลเลนซ์ที่ใช้ในการแก้แค้นพวกเรา ที่ขัดขวางแผนการช่วยเหลือเดลอาเนี่ยนกำชัยชนะเหนือพวกเรากัน ซึ่งรวมถึง ให้ที่หลบซ่อนแก่เดโบรม น้องชายของเดโรคที่รอดจากการกวาดล้างลัทธิมอสวอร์ทเมื่อ 3 ปีก่อนลงด้วย โดยให้ปลอมเป็นเทรซซัคเคิ้ลนะครับ" เนคมาดูซัมบอก
              เพอซิอัสบอก "แล้วก็เรียกตัวฟูมดาห์ไคท์ เวมท็อคซินตัวสุดท้ายที่รอดจากการกวาดล้าง ซึ่งหนีมาพึ่งพานายพลกาโกรินและแฝงตัวอยู่ในฐานะของพ่อบ้าน ตามด้วยมิสตี้ ไซเฟรอนหญิงที่หลบหนีการตามจับตัว มาอยู่กับกาโกรินในฐานะพยาบาลส่วนตัว ให้เป็นสมาชิกกองกำลังเอฟซีตรอน จากนั้นก็ปลุกเดรฟมัสค์ ซึ่งเป็นนักล่าเซเวคชั่นอาครีม่าที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของมือสังหารสโทรเพธซัลวาส และถูกดัสท์คิลเลอร์ดัดแปลงร่างกายให้เป็นมือสังหาร มาเป็นสมาชิกอีกราย โดยมีเบลซาร์ทเป็นหัวหน้าสมาชิกตัวหลักเลยสิน่ะ"
              "แล้วซอลดอชล่ะ พันโทคิริซาว่า กาเบลแบนเยอร์คงจะชักชวนเขาให้เข้าร่วม ในเวลาเดียวกันกับการ์ดเชสเตอร์เลยสิน่ะ" จูเดทต้าถาม
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "หลังจากโทชิอิถูกไล่ต้อนจนเสียชีวิตไปนั้น ทราเวยน์ได้นำตัวโทชิอิมาคืนชีพในฐานะอดีตมนุษย์ เพื่อหวังจะให้โทชิอิเป็นหนึ่งในสมุนตัวเอ้ไว้ใช้สู้กับผม หากแต่ ดาบอังเซนคิของโทชิอิมีออร่าแห่งการฆ่าฟันที่รุนแรงเกินไป ถึงขั้นที่โทชิอิสามารถฆ่าทราเวยน์ที่ไม่สามารถควบคุมโทชิอิได้ ทราเวยน์เลยขับไล่โทชิอิออกไป จนกาเบลแบนเยอร์มาเจอตัวแล้วชักชวนเข้าร่วมกับเอฟซีตรอน ในฐานะของนักดาบซอลดอชกัน ซึ่งโทชิอิรับข้อเสนอและทำตามคำสั่งของกาเบลแบนเยอร์ทุกอย่างด้วย" แล้วก็ถอนใจก่อนจะพูดว่า "น่าเสียดาย ที่โทชิอิไม่รู้เลยว่า ที่กาเบลแบนเยอร์ต้องการตัวโทชิอิมานั้น จริงๆแล้ว กาเบลแบนเยอร์ต้องการพลังของดาบอังเซนคิที่อยู่ในกายของโทชิอิ ที่มีกลิ่นไอการฆ่าอันรุนแรงและทรงพลังอย่างมาก มาเป็นพลังงานให้มาโดวเวลเดอร์ฟื้นตัวและเพิ่มพลังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น กว่าโทชิอิรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็สายเกินไปแล้วละครับ"
              "จากนั้นกาโกรินก็ให้ทรูปสตรัคเทเซอร์แฮคข้อมูลเบอร์ติดต่อของโฮเซ่ บรันเดส จากสส.คัลลาร์ด ผู้ซึ่งมีอคติต่อกองทัพบนดาวของเรา สวมรอยเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายแนะนำให้คัลลาร์ดโจมตีการทำงานของฝ่ายรัฐบาล โดยให้ความช่วยเหลือสส.คัลลาร์ดมีฐานเสียงเข้าข้างตนให้มากขึ้น ด้วยการลักพาตัวเหล่าผู้มาสมัครงานด้านธุรกิจไปกักตัวในที่ทำการพรรค แล้วควบคุมสมองพวกเขาให้ต้องทำงานช่วยสส.คัลลาร์ด ซึ่งสมาชิกพรรคเดิมเองก็พลอยโดนไปด้วย จากนั้นก็ว่าจ้างยามตัวโตมาขวางหน้าที่ทำการพรรค เพื่อกันมิให้สมาชิกพรรคที่ร่วมกับพรรคครีโมเครทที่รู้ถึงพิรุธบางอย่างของสส.คัลลาร์ดเข้าไปเห็นได้ รวมถึงแนะนำและยั่วยุให้สส.คัลลาร์ดมีท่าทีต่อต้านรัฐบาลและกองทัพมากขึ้นด้วย" พีวิลบอก
              โฟรซ่ากล่าว "หากแต่ สมาชิกพรรคที่เป็นพันธมิตรนั้นใช้ความไม่ปกติภายในพรรคครีโมเครทมาขวางสส.คัลลาร์ดกัน อีกทั้งกาโกรินคงจะรู้เรื่องที่สส.คัลลาร์ดเกลียดพวกทหารมาก่อนจากปากของเฟอร์กินซ์ ลูกชายของสส.คัลลาร์ดที่กลุ้มใจเรื่องที่สส.คัลลาร์ดมีอคติต่อทหารและกองทัพ โดยเฉพาะกับพวกเราด้วย กาโกรินเลยแนะนำเฟอร์กินซ์ให้ไปเป็นผู้ตรวจการณ์ โดยอาศัยความช่วยเหลือของโพโบโวโล่ ซึ่งเป็นผู้ตรวจการณ์เฟิร์สฮิลล์ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการส่งรูปถ่ายของโพโบโวโล่ที่ไปบาร์เกย์ บีบให้โพโบโวโล่ยอมพาเฟอร์กินซ์เข้ามาทำงานกับพวกเราได้เป็นผลสำเร็จ โดยที่ไม่รู้เลยว่า กาโกรินคิดจะใช้การตายของเฟอร์กินซ์ ที่ทำงานอยู่กับพวกเรา เป็นข้ออ้างให้สส.คัลลาร์ดใช้เพื่อบีบให้ท่านประธานาธิบดีสั่งปลดพวกเราและกองทหารทั้งหมดลง จนสส.สามารถใช้อำนาจทางการเมืองเอาชนะพวกทหารตามความต้องการของตนเองลงได้นะคะ"

              "หากแต่ กาเบลแบนเยอร์ก็ซ้อนแผน ด้วยการอาศัยช่วงที่สส.คัลลาร์ดปลดพวกทหารทั้งหมดลง เริ่มการปฏิวัติขึ้นด้วยการส่งพวกทหารโคลนของโฟมเมค ซึ่งถูกฝึกฝนและถูกส่งไปถล่มทุกเมือง ตามแผนการแก้แค้นของวอลเดนที่วางไว้ หากแต่ ทหารโคลนเหล่านั้นไม่รู้เลยว่า พวกเขาถูกลดขีดความสามารถลงจนพ่ายแพ้ง่าย เพื่อหลอกล่อพวกเธอและพวกผบ.บาโธโรมิวเข้าไปที่เกาะ ซึ่งถูกใช้เป็นระเบิดทำลายล้างเป็นหนที่สองตามที่วางเอาไว้เลยสิน่ะ" จูเดทต้าบอก
              เพอซิอัสกล่าว "โดยที่สมาชิกตัวหลักของเอฟซีตรอนนอกเหนือจากเบลซาร์ท ล้วนแล้วถูกกาเบลแบนเยอร์ส่งไปให้พวกเธอกำจัดทิ้ง โดยที่กาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์มีแผนหลบหนีที่เตรียมเอาไว้นานแล้ว ซึ่งคงจะหนีไปหาเทรแซทที่หนีออกจากโลกไปก่อนหน้า หากแต่ไม่รู้ว่าเทรแซทไปไหนเลยสิน่ะ"
              "แต่กาเบลแบนเยอร์ก็มองข้ามมิสตี้และการ์ดเชสเตอร์ไปเสียสนิท เพราะมันคงคิดว่าทั้งคู่พ่ายแพ้พวกเราจนอ่อนแอและไม่มีพลังมากพอ ที่จะหยุดยั้งการระเบิดของเตาพลังงานเซจเจนบนเกาะนี้ไปได้ โดยไม่รู้เลยว่า ทั้งคู่ยังมีพลังที่หลงเหลืออยู่มากพอที่จะสยบการระเบิดลงไปได้ แต่ทั้งคู่ก็ต้องสังเวยชีพลง โดยที่เดโบรมไปก่อนเป็นรายแรกเลยนะครับ" เนคมาดูซัมบอก
              โฟรซ่ากล่าว "ต่อให้พวกเรากู้สมองกลของทรูปสตรัคเทเซอร์ลงไปได้ น่าเสียดาย ที่ข้อมูลความจำที่ทับเอไอนั้นถูกลบทิ้งไปแล้วละคะ"
              "ส่วนพวกเวมท็อคซินที่เป็นลูกของฟูมดาห์ไคท์เองก็ถูกส่งไปที่ดาวดวงอื่น โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นดาวดวงไหนเลยสิน่ะ" เพอซิอัสบอก "ไม่คิดเลย ว่ากาเบลแบนเยอร์จะหลอกพวกเราให้เสียท่ากันได้เลยน่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "ว่าแต่ตอนนี้ สส.คัลลาร์ดเป็นยังไงกันละครับ"
              "แม้เราจะรู้ว่าสส.คัลลาร์ดถูกกาเบลแบนเยอร์หลอกใช้จนกลายเป็นแพะในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการก่อปฏิวัติ ถึงแม้ว่าการปฏิวัติจะไม่สำเร็จ และสส.คัลลาร์ดเองก็อ้างว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันด้วย น่าเสียดาย ที่หลักฐานทุกชิ้นมันชี้ไปที่สส.คัลลาร์ดกันเสียเองแล้วละ" จูเดทต้าบอก "ดังนั้น ท่านประธานาธิบดีเลยต้องสั่งลงโทษสส.คัลลาร์ด ด้วยการตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี โดยให้อยู่ในควบคุมของทางรัฐบาล ส่วนพรรคครีโมเครทนั้น ตอนนี้ท่านประธานาธิบดีได้แจ้งกับทางพรรคที่เหลือ ให้ลงมาทำงานที่ดาวดวงนี้ หากแต่ สส.คัลลาร์ดไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคกันแล้วละ"
              เพอซิอัสบอก "เพียงแต่ ฉันเช็ครายงานเรื่องเฟอร์กินซ์ที่เธอส่งมานั้น พวกเธอระบุว่า เฟอร์กินซ์อยู่ในสถานะ MIA (Missing In Action) ทั้งๆที่มันควรจะเป็น KIA (Killed In Action) หรือ DIA (Die In Action) กันนั้น พวกเธอพอจะอธิบายได้มั้ยละ"
              "คือว่า เฟอร์กินซ์นำเทอเรลเครชที่ทางเราขโมยมา ออกจากยานไปหยุดปราการวอลเดมอร์ท โดยใช้เทเลพอร์ตเตอร์โมดูลที่ชำรุด ส่งปราการขนาดใหญ่ที่ทรูปสตรัคเทเซอร์ส่งมาบดขยี้ไทรแองเกิ้ลของเราให้หายไปกันนะคะ" สเปียริทบอก "ตามที่ฟังจากคุณมินอร์ตี้เล่ามา เทเลพอร์ตเตอร์โมดูลที่ชำรุดไปนั้น หากถูกใช้งานทั้งอย่างงั้น ตัวโมดูลที่ชำรุดจะส่งทุกอย่างให้หายไปก่อนเวลาอันควร โดยหายไปอยู่ในตำแหน่งไหนของจักรวาลหรืออยู่ในระบบดาวที่ไหนสักแห่งนั้น ซึ่งไม่ตรงกับที่หมายที่เราต้องการในทีแรก มันจึงสามารถพาไปได้ทุกที่ในจักรวาลกันได้นะคะ"
              เพอซิอัสบอก "เธอคงไม่ได้บอกว่า เฟอร์กินซ์รีบใช้เทเลพอร์ตเตอร์เพื่อส่งปราการให้หายไป โดยที่ไม่ได้ตั้งรหัสพิกัดปลายทางเลยสิน่ะ"
              "สถานการณ์ฉุกเฉินและเร่งด่วนอย่างมาก เฟอร์กินซ์คงไม่ได้ใส่ที่หมายให้แน่ชัด เพราะต้องการจะปกป้องพวกเราด้วยการทำให้ปราการนั้นหายไป แม้นั้นจะทำให้เขาพลอยหายสูญไปด้วยก็ตามนะครับ" สเตฟอร์ดบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "และในเมื่อเราไม่รู้ว่าเฟอร์กินซ์หายไปอยู่ตรงไหนในจักรวาล ซึ่งอาจจะไปโผล่ได้ทุกที่ แม้กระทั่งเขตอวกาศของพวกเฮซเทิร์ซที่อยู่ในเขตอวกาศดาวเหนือกันด้วยนั้น เราจึงสรุปว่าเฟอร์กินซ์หายสาปสูญไป แต่ยังไม่รีบออกตามหากันในเวลานี้ได้เลยนะครับ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะพวกเธอไม่อยากจะเสียเวลาหมดไปกับการสุ่มหาแบบเลื่อนลอย โดยไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดกันเลยสิน่ะ" จูเดทต้าบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "เช่นเดียวกับที่หลบซ่อนของเทรแซท กาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์นั้น จนกว่าเราจะพร้อมในแง่ข้อมูลและยุทโธปกรณ์ เรายังไม่รีบลงมือกันด้วยนะครับ ท่านนายพล"
              "นั้นก็คือข้อสรุปเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเวลานี้แล้วนะ" เพอซิอัสบอก "แม้ว่าตอนนี้ พวกเธอและพวกเราต่างกู้สถานการณ์ให้รอดพ้นจากการถูกปลดโดยมิชอบลงไปแล้วก็ตาม แต่สภาพการณ์โดยรวมของพวกเรานั้นยังมีปัญหากันอยู่ ซึ่งเราคงต้องใช้เวลาฟื้นตัวกันด้วยน่ะ"
              จูเดทต้ากล่าว "โดยเฉพาะเหล่าประชาชนที่ถูกจับมาทำงานในพรรคครีโมเครทแบบไม่ยินยอมนั้น ท่านประธานาธิบดีและจอมพลแฮซกริฟช่วยเหลือพวกเขา ด้วยการส่งไปโรงพยาบาลเพื่อรับการฟื้นฟูร่างกายและสภาพจิตให้หายดีพอ ที่จะส่งพวกเขาไปทำงานในบริษัทที่สมัครงานไว้ก่อนหน้า แม้เหล่าครอบครัวและญาติของผู้เสียหายนั้น เตรียมใจจะฟ้องสส.คัลลาร์ดกันอย่างเต็มที่ ในฐานะตัวต้นเหตุของเรื่องเลยก็ตาม เราหวังได้แค่ว่าสส.คัลลาร์ดคงจะต้องรับผิดชอบกันมากน่ะ"
              "เช่นเดียวกับพวกเธอเองด้วย ที่ตอนนี้รู้แล้วว่า คลอเวฟยืมเงินของพวกเธอไปทำอะไรกันแน่แล้ว แต่ตอนนี้ ฉันอยากจะให้พวกเธอ ซ่อมแซมไทรแองเกิ้ลให้กลับมาใช้งานกันต่อ พร้อมกับดำเนินการฝึกฝนและฝึกสอนไปตามปกติแล้วกันน่ะ" เพอซิอัสบอก "นี้ก็เลยเวลาไปมากแล้ว พวกเธอกลับไปทำงานเดียวนี้เลย"
              แล้วพวกเนคมาดูซัมก็เดินทางกลับมา "บอกตรงๆนะ ว่านี้มันน่าหงุดหงิดไม่น้อยเลย ที่ไอ้กาเบลแบนเยอร์ทำกับพวกเราไว้น่ะ" คลอเวฟสบถ
              "ไม่ใช่แค่พวกเราหรอก แต่รวมถึงพวกแมนิเกเตอร์ที่เดือดร้อนจากการกระทำของกาเบลแบนเยอร์กันด้วย ซึ่งฉันรู้สึกเห็นใจสส.คัลลาร์ดที่ถูกหลอกใช้กันด้วยนะคะ" แอนเดรียกลาว
              จิลบอก "แถมตอนนี้ พวกเราเองก็ไม่รู้เลยว่าเทรแซทอยู่ไหน กาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์หนีไปอยู่ไหนกันด้วย แม้เราจะรู้ว่า ทั้งคู่ก่อเรื่องขึ้นในเขตอวกาศภาคกลางกันแล้วน่ะ"
              "ถ้าขนาดพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตเองยังถูกหลอกใช้ เอฟซีตรอนเองก็ไม่ต่างกันหรอกน่ะ" แอบไบออสบอก
              โฟรซ่าบอก "แม้ว่าตอนนี้ พวกเรากลับสู่สภาวะเดิม เช่นเดียวกับดาวดวงนี้แล้วก็ตาม...." แล้วก็เหล่มายังคลอเวฟ "....แต่ปัญหาเดิมมันยังคงอยู่ตรงเนี้ยเลยน่ะ"

              "พอเหอะน่า พวกนาย ฉันเสียทุกอย่างไปในการรบในครั้งนั้นก็เกินพอแล้ว อย่าซ้ำเติมอะไรไปมากกว่านี้เลยดีกว่าน่า" คลอเวฟบอก
              พีวิลกล่าว "เรารู้อยู่แล้วน่ะ ว่านายเสียทั้งนอร์ติลุสและการ์ดเชสเตอร์ ซึ่งเราไม่อยากจะซ้ำเติมนายกันในตอนนี้ก็จริง" แล้วก็แบมือพร้อมกวักเข้ามาสามที และพูดว่า "แต่ตอนนี้ นายรีบใช้หนี้ที่ติดพวกเราจำนวน 2 แสนแปดพันแกลดอลกลับมาเลยดีกว่าน่ะ"
              "ถ้าเป็นเรื่องนั้นละก็ ฉันตั้งใจว่า จะอัพราคาเหล้าในฟูลบาร์ 3 หรือ 10 เท่า แล้วก็เปิดขาย 24 ชั่วโมง โดยจะบุกไปแจกให้กับทุกๆคนในเมืองทุกวัน ด้วยราคาที่กำหนดเอาไว้ รับรอง ภายใน 3-4 เดือนฉันหาเงินมาคืนพวกนายได้นี้แหละ" คลอเวฟบอก
              สเตฟอร์ดบอก "นายจะแจกเหล้าให้ทุกคน โดยไม่เกี่ยงว่า จะเป็นลูกค้าหรือไม่ แม้กระทั่งพวกเราทั้งหมดเองด้วยละสิน่ะ"
              "เป็นไอเดียที่งี่เง่ามากเลยน่ะ นายบื้อ ถึงนายจะมอมเหล้าพวกเราให้เมาทั้งเมือง หรือทำให้กองรบที่ 11 เมาตามไปด้วย ยังไงนายก็ไม่ได้ตังค์เยอะกันหรอก เพราะถึงตอนนั้น ทุกคนที่เมาคงไม่ได้หยิบตังค์ออกจากกระเป๋ากันได้ เผลอๆอาจจะทำร่วงเยอะกว่าด้วยน่ะ" สเปียริทกล่าว
              ไซโคลเนียบอก "อีกอย่าง นายเองก็รู้นิ ว่าทุกคนในเมืองไม่มีตังค์เยอะพอที่จะซื้อเหล้าในราคา 3 และ 10 เท่าที่นายตั้งไว้กันหรอกนะยะ"
              "และถ้านายตั้งราคาแบบนั้น นายก็ต้องหาเงินมาซื้อเหล้าให้ได้เยอะเพื่อให้มีเหล้าเต็มร้านมากทุกวันเช่นนี้ มันจะยิ่งทำให้นายเสียเงินมากกว่าเดิมเลยน่า" ฟิเกซบอก
              คลอเวฟบ่น "อะไรกันวะ ไอเดียของฉันนั้น อุตสาห์คิดมาดีแล้วแท้ๆ และคิดว่าน่าจะได้เงินมากพอที่จะสร้างเรือนอร์ติลุสลำใหม่กันได้น่ะ"
              "ไม่อยากจะบอกเลยนะคะ แต่.....เกรงว่าคุณจะต้องใช้งบในการสร้างเรือชั้นแคร์แลนด์ลำใหม่ เป็น 5-6 เท่าของหนี้ที่ยืมคุณพีวิลไปนะคะ" แอมเบอร์กล่าว แล้วก็คำนวณผลออกมาให้คลอเวฟดู
              "บ้าชะมัด ไอ้คุณพี่แพนแทคตั้งราคาเรือเป็นล้านแบบนี้ กะจะไม่ให้ฉันสร้างใหม่ได้เองเลยละสิ"

              "แต่ตอนนี้ เรื่องหนี้ของคุณคลอเวฟขอพักไว้ก่อนจะดีกว่านะคะ" แอนเดรียพูดเปลี่ยนเรื่องโดยทันที "แม้ว่าเราจะเติมเงินกองกลางมาทดแทนส่วนที่เราต้องไปจ่ายหนี้ให้กับแอตแลนไทซ์ จากการที่คุณคลอเวฟไปยืมเงินรองหัวหน้าเกลดีนจำนวน 2 แสนแกลดอล ส่งผลให้เรามีหนี้อยู่ 2 แสนแปดพันแกลดอลอยู่ จนทำให้สเปียริทต้องถอนเงินจากบัญชีของสมาคมเหมืองแร่ไป 3 แสนมาทนแทนจนมีเงินราว 4 แสน 5 พันแกลดอลกันก็จริง แต่.... มันคงไม่พอสำหรับการซ่อมยานไทรแองเกิ้ลเลยนะคะ"
              คลอเวฟบอก "ไม่พอหรือ นี้คงไม่ได้หมายความว่าเราต้องซ่อมมากกว่าเกราะตัวยานเลยสิน่ะ"
              "มันก็จริงนะคะ ที่แม้ทรูปสตรัคเทเซอร์จะทำให้ยานของเราเสียหายจากภายนอกเลยก็ตาม ซึ่งตามปกติแล้วเรายังสามารถซ่อมแซมได้กันก็จริง" แอนเดรียบอก "แต่จากที่คุณมินอร์ตี้และคุณบริคซ์ไปตรวจสอบเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟแล้ว ปรากฎว่า แม้มันจะมีกำลังเครื่องมากที่จะทำให้ยานบินออกนอกดาวและเข้ามาในดาวได้ แต่มันไม่สามารถบินด้วยความเร็วเหนือแสงได้เลยนะคะ"
              ทั้งหมดตกใจ ไซโคลเนียบอก "เดียวก่อนน่ะ งั้นที่เราเดินทางกลับมาที่ดาวหลังจากที่เฟอร์กินซ์หายตัวไปนิ ก็คือครั้งสุดท้ายนะหรือ"
              "ถ้าเราเดินทางกลับมาที่ระบบอีสทาล่าฟรอนเทียร์โดยไม่มีอุปสรรค์ใดๆละก็ เครื่องยนต์คงพอให้เราบินด้วยความเร็วเหนือแสงได้ก็จริง แต่....ก่อนหน้านั้น จากการที่เรานำยานบินตรงไปยังระบบดาวแปดดวงของกลุ่มเอทพลาเนส ซึ่งอยู่ไม่เป็นที่อย่างชัดเจนแถมอยู่ไกลจากดิสก์เวิร์คไปมากนั้น ได้ทำให้เครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟทำงานหนักมากกว่าที่คิดไว้ราว 60 เปอร์เซนต์ด้วยกัน และยิ่งบวกกับเจอสภาพแวดล้อมที่แตกต่างของดาวนั้น ทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วโดยที่ทีมช่างพึ่งจะมาตรวจสอบเจอในตอนนี้เลยนะคะ" แอนเดรียบอก "อีกทั้งเรากลับมาแล้วถูกขัดจังหวะจนต้องจอดยานอยู่กลางทาง และถูกโจมตีซ้ำอีก ส่งผลให้เครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟที่เสื่อมสภาพอยู่แต่ก่อนนั้น มีกำลังเครื่องชุดสุดท้ายในการพาพวกเรากลับบ้านได้เท่านั้นนะคะ"
              เจเนลบอก "ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าการเดินทางไประบบดาวแปดดวงมันจะสร้างภาระเยอะถึงขนาดนี้เลยน่ะ"
              "งั้นยานเฮฟไดซ์อินสเปคทรัลเองก็ประสบปัญหาแบบเดียวกับเราด้วยสิ" โฟรซ่าบอก
              แอนเดรียพยักหน้า "ความจริงแล้ว เหตุที่กองกำลังหลังฉากไปร่วมกับพวกเราเดินทางไปที่โลกไม่ได้นั้น เพราะ ระบบขับเคลื่อนความเร็วเหนือแสงของเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟของยานอินสเปคทรัล ใช้การไม่ได้มาตลอด 4 เดือนเต็มแล้วละคะ โดยตอนนี้ คุณโดซี่ทำเรื่องขอเปลี่ยนเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟเซต้า ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดกันมาแล้ว หากแต่ เบื้องบนติดปัญหาจากสส.คัลลาร์ดทำให้ต้องรอมาจนถึงตอนนี้เลยนะคะ"
              "ตะกี้นี้ เธอพูดถึงเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟรุ่นล่าสุดนะหรือ" คลอเวฟกล่าวอย่างสงสัย
              แอนเดรียพยักหน้าแล้วก็อธิบาย "คะ ทุกคนคงจะรู้นะคะ ว่ายานไทรแองเกิ้ลเป็นยานอวกาศของชาวออร์เลี่ยนกลุ่มสุดท้าย ที่ลี้ภัยมาที่ดาวดวงนี้เพื่อเก็บยานไว้ที่ทะเลทรายเวลแซนดร้า รอคอยให้พวกเราที่ถูกสร้างด้วยข้อมูลที่เหลืออยู่ของชาวออร์เลี่ยนมาพบเจอและปลดผนึกออกมา ซึ่งในบังเกอร์ที่เก็บยานไทรแองเกิ้ลนั้น มีข้อมูลพิมพ์เขียวสร้างเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟที่มีขีดความสามารถในการขับเคลื่อนด้วยความเร็วเหนือแสง ชนิดที่สามารถบินไปยังระบบดาวที่อยู่ห่างไกลชนิดที่อยู่อีกฝั่งของจักรวาลได้ในเวลาอันสั้น โดยไม่ทำให้เครื่องยนต์รับภาระหนักและใช้พลังงานขับเคลื่อนเพียงน้อยนิด ในการขับเคลื่อนเหนือแสงในแต่ละครั้ง อยู่ด้วยนะคะ" จากนั้นก็นำข้อมูลของเครื่องยนต์ดังกล่าว "เมื่อ 3 ปีก่อน รัฐมนตรีโยธาด็อดเจอร์กับรัฐมนตรีวูลลิเซียได้ใช้ข้อมูลแบบแปลนดังกล่าว พัฒนาสร้างเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟเซต้าขึ้นมาสำเร็จ และได้ทำการติดตั้งใส่ในยานชั้นเฮฟไดซ์และซัลคาลาส จำนวนละ 2 ลำ ในการทดสอบบินไปกลับระหว่างอีสทาล่าฟรอนเทียร์และเขตอวกาศภาคกลางในส่วนที่ลึกในระดับหนึ่ง ในปีถัดมาแล้วละคะ"
              "เธอคงไม่ได้บอกว่า กองยานที่ติดตั้งเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนั้น ได้เข้าช่วยกาโกริน เบลซาร์ทและเมลเซ่ที่คาเทรน่า-5 เมื่อ 2 ปีก่อนกันด้วยสิน่ะ" สเปียริทบอก
              แอนเดรียกล่าว "คะ ว่ากันตามจริงแล้ว ไทรแองเกิ้ลเอง ควรจะติดตั้งเครื่องยนต์นี้ด้วย เพียงแต่ ถ้าไม่เพราะเรื่องงบประมาณถูกตัด จนต้องระงับการทดสอบบินของยานส่วนมากไปก่อน บวกกับพวกเรายังทำรายการอัมเบรแฮมเวเซอร์ และมีเรื่องฝึกฝนสำหรับการแข่งขันสแมคบอลและการเข้าร่วมการประลองด้วย เราเลยไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟเซต้าไปเลยนะคะ"
              "แต่ ตอนนี้ เราต้องการไอ้เครื่องยนต์นั้นโดยเร็วแล้วละ แอนเดรีย" คลอเวฟบอก
              แอนเดรียส่ายหน้า "เรามีปัญหาอีกเรื่องหนึ่งนะคะ" แล้วก็แจ้งบอก "นี้คือราคาทั้งหมดเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟเซต้านะคะ" จากนั้นก็กดเครื่องคิดเลขระบุราคาขึ้นมา
              "7 แสน 8 พันแกลดอชเลยหรือ ราคามันสามเท่าของหนี้ที่คลอเวฟติดพวกเรากันชัดๆเลยน่ะ" โฟรซ่ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
              เจเนลบอก "พวกเรามีเงินกองกลางเพียง 4 แสน มันไม่พอที่จะซื้อเครื่องยนต์รุ่นใหม่มาติดตั้งเลยน่ะ"
              "แล้วถ้าบวกกับค่าซ่อมยานนิ รวมแล้วเท่าไหร่ละ แอนเดรีย" เนคมาดูซัมบอก
              แอนเดรียกล่าว "ถ้าบวกกับค่าซ่อมเปลี่ยนเกราะยานทั้งลำ ซ่อมแซมภายในตัวยาน ซ่อมระบบอาวุธ ซ่อมแซมอุปกรณ์สำคัญๆเข้าไปแล้วละก็.....เราต้องจ่ายเท่านี้คะ" แล้วก็นำตัวเลขมา พวกเมนซิกส์ทีนเห็นก็เหงื่อแตกซีดทันที ส่วนพลัสเชอริทถึงกับส่ายหน้าขึ้นมา
              "ค่าซ่อมยานไทรแองเกิ้ลทั้งหมด แม่มแพงกว่าสร้างนอร์ติลุสลำใหม่กันชัดๆเลยวะ" คลอเวฟกล่าวอย่างหงุดหงิด เพราะราคาซ่อมโดยรวมอยู่ในหลักล้านด้วยกัน "ยัยบื้อ เธอช่วยถอนเงินของเธอออกมาให้หมดได้มั้ยละ"
              สเปียริทบอก "ไม่ได้ยะ ฉันสงวนเงินในบัตรนี้สำหรับเงินกองกลางของกองกำลังของเราแล้ว ถ้าถอนหมด แล้วเราจะเอาเงินที่ไหน มาซื้อยา อาหาร อาวุธ มาซื้ออะไหล่สำหรับซ่อมอาวุธ ซ่อมโมบิลลอยด์ ซ่อมบำรุงยานไทรแองเกิ้ล แล้วก็ จ่ายเงินให้ลูกเรือทั้งหมดกันได้ละยะ"
              "สเปียริทพูดถูกแล้วละ ถ้าเราถอนเงินหมดแล้วเราจะเอาอะไรกินในแต่ละวัน แล้วไหนจะต้องจ่ายภาษีโพโบโวโล่กันอีก หัดคิดซะบ้างสิ คลอเวฟ" โฟรซ่าย้ำ
              เจเนลลงไปนอนและบ่นแบบเซ็งๆว่า "แล้วเราจะหาเงินจำนวนมากมาซ่อมยานไทรแองเกิ้ลกันยังไงดีละเนี้ย เพราะต่อให้รับจ็อบรองทุกวันก็คงไม่ได้ถึงหมื่นแน่ๆเลยละ"  
              "กรี้งก้องๆ" เสียงอ็อดหน้าบ้านดังขึ้น "โพโบโวโล่มาเก็บภาษีอีกละสิ" คลอเวฟสบถ
              พีวิลเลยเดินมองออกไปข้างนอก เห็นชายในชุดสูทสีเทา แต่ส่วนหูเป็นหูฟังทรงกลมทั้งสองข้าง ตนเลยออกไปดู "เออ ว่าแต่ คุณมีธุระอะไรกันหรือครับ"
              "ที่นี้คือ เวเซอร์เฮาส์ ที่พักปัจจุบันของคุณหนูเอเดรียนหรือเปล่าละครับ" ชายในชุดสูทเทากล่าว พีวิลพยักหน้า โดยที่แอนเดรียสังเกตุเห็นเลยเดินออกมา
              "เออ ต้องลำบากคุณแล้วนะคะที่เดินทางมาถึงดาวดวงนี้ได้นะคะ คุณทนายคาลเทด" แอนเดรียบอก
              "ทนายคาลเทดนะหรือ" พีวิลกล่าว
              ชายชุดเทากล่าวและยื่นนามบัตรมาให้ "คาลเทด กรอสกี้ ทนายผู้รับผิดชอบมรดกของดร.อัลบาร์ท เดลวีแองนู ผมมาจากดาวรักเร-6 เพื่อมาแจ้งเรื่องสำคัญให้กับคุณหนูเอเดรียนกันนะครับ"

    TriVeser Manigator Saga:Hyperstar Trooper
    ตอนที่ 29 ครอบครัวตัวแสบปรากฎตัว ศึกชิงมรดกของเดลวีแองนูสุดอลเวง


              "กาแฟคะ" ลิเนียร์ตี้เสริฟกาแฟดำในแก้วพร้อมจานรองให้กับคาลเทด ซึ่งนั่งโซฟาฝั่งขวา อยู่ฝั่งตรงข้ามกับแอนเดรียและมาสวาร์ทาร์ พร้อมกับทุกๆคนในบ้าน คาลเทดพยักหน้าและยกแก้วกาแฟมาดื่ม จากนั้นก็วางลงกับโต๊ะ
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "แอนเดรีย เขาเป็นทนายความของดร.เดลวีแองนูนะหรือ"
              "คะ คุณคาลเทด กรอสกี้ ทนายความจากมอสโคว์ เขาเป็นผู้รับผิดชอบทรัพย์สินของคุณพ่อในช่วงที่คุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ และทำงานอยู่ในสถาบันวิจัยแมนิแฟคเตอร์ก่อนหน้ามหาสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรกอุบัติขึ้น ซึ่งในตอนนั้น คุณพ่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินจำนวนมหาศาลจากผลงานที่เขาสร้างและมีส่วนร่วมในการวิจัยที่ประสบความสำเร็จ รวมไปถึงมรดกที่เป็นตัวเงินที่สืบทอดมาจากรุ่นตา รุ่นตาทวด ไปจนถึงปู่ทวดรูเกล ผู้ค้นพบองค์ความรู้ที่ใช้สร้างแมนิเกเตอร์และเป็นผู้เริ่มต้นยุคทองเมื่อสองร้อยปีก่อน โดยตัวเงินดังกล่าวนั้น ถ้ารวมกันแล้ว ถือว่ามหาศาลมากนะคะ" แอนเดรียบอก
              โฟรซ่าหูพึ่งและหันมาถาม "แล้วตัวเงินที่ว่ามานิ คงจะมากกว่าหลักพันล้านเลยละสิ"
              "ครับ จำนวนเงินที่ดร.อัลบาร์ทรับช่วงต่อจากรุ่นก่อนหน้าอีก 4 รุ่นนั้น รวมเบ็ดเสร็จตามนี้นะครับ" คาลเทดบอกและนำแพดมาระบุตัวเลข ซึ่งก็ทำให้พวกเนคมาดูซัมถึงกับอึ้ง หากแต่แอนเดรียนิ่งเฉยต่อผลรวมของจำนวนเงินที่เห็น
              "แม่ม เลขศูนย์ตั้ง 40 หลักเลยหรือ ตกลงมันควรจะเรียกอสงไขยเลยใช่มั้ยละ" คลอเวฟบอก
              "เงินจำนวนมากแบบนี้ อย่าว่าแต่ซื้อยานอวกาศชั้นเดรดนอธลำโตหลายสิบลำเลย เอาไปสร้างสเปซโคโลนี่สิบแห่งก็ยังได้เลยน่ะ" จายด์บอก
              แอบไบออสบอก "ถ้ารัฐบาลมีเงินจำนวนมหาศาลแบบนี้ โครงการน้อยใหญ่หลายสิบหลายร้อยโปรเจคคงได้รับอนุมัติ และพวกเราคงจะเจริญรุ่งเรืองไปเป็นศตวรรษก็ยังได้เลยน่ะ"
              "เผลอๆ เราอาจจะรุ่งเรืองยิ่งกว่าแรซัลก้า ทรอยอาร์ หรือแม้กระทั่งสเตรดาร์ธได้เลยนะเนี้ย" สเปียริทบอก
              เนคมาดูซัมบอก "สหพันธมิตรแมนิเกเตอร์คงยั้งยืนและมั่นคงด้วยเงินจำนวนมหาศาลกันอย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องกองทัพถูกตัดงบประมาณกันได้แล้วละ"
              "เออ ว่าแต่ ตอนนี้จำนวนเงินอันมหาศาลนิ อยู่ไหนละคะ" โฟรซ่าถามอย่างออกนอกหน้า
              คาลเทดกระแอ่ม "คุณหนูเอเดรียน ยังไม่ได้บอกกับเพื่อนๆของคุณถึงจำนวนเงินที่ดร.อัลบาร์ทในตอนนี้สินะครับ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงกันไปแล้วน่ะ"
              "คะ 70 เปอร์เซนต์ของจำนวนเงินทั้งหมดของคุณพ่อนั้น พ่อมอบให้ดร.รีไลฟ์เวอรี่นำไปเป็นทุนสำหรับโปรเจคพัฒนาพวกริดิวิเนี่ยน ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวนั้น ดร.รีไลฟ์เวอรี่ได้มอบให้คุณเทเรซ่าและคุณเฮอแมน สร้างยานอวกาศลำใหญ่ไปแล้วละคะ" แอนเดรียบอก เท่านั้นแหละ พวกเนคมาดูซัมถึงกับบ่นเสียดาย
              ไซโคลเนียบอก "เดียวก่อนน่ะ อย่าบอกน่ะ ว่าไอ้เดธฮาเว่น ดูมโทเปีย จานบินลำโตอีกแปดลำ รวมถึงยานอวกาศลำโตสำหรับโซแลชและลูแนชกับพวกโซลูนาสตี้ที่เหลือ แล้วไหนจะเอ็กโซดัสอาร์คและยานอีกสองลำด้วยนิ มาจากเงินจำนวน 70 เปอร์เซนต์เลยหรือเนี้ย"
              "ถึงว่าสิ ว่าทำไมดร.รีไลฟ์เวอรี่ถึงสร้างยานลำโตให้พวกเรานำพาพวกแมนิเกเตอร์ลี้ภัยออกนอกโลกได้ ถ้าไม่เพราะมีเงินจำนวนมหาศาลจากดร.เดลวีแองนูมอบให้น่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              โฟรซ่าหันมาถาม "แล้ว อีก 30 เปอร์เซนต์ละคะ ยังอยู่หรือเปล่า"
              "30 เปอร์เซนต์ที่เหลือนั้น ดร.อัลบาร์ทได้เอาไปซื้อหุ้นจนกลายเป็นหุ้นส่วนในบริษัทน้อยใหญ่ทุกแห่งในช่วงเวลาก่อนมหาสงครามเริ่มขึ้น ซึ่งแม้ว่าดร.อัลบาร์ทไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจเหล่านั้นไว้ เพราะเขาตั้งใจจะมอบเงินส่วนนี้ช่วยเหลือเครือบริษัทที่มีปัญหาและใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดกัน ซึ่งผลจากการที่เขาเป็นหุ้นส่วน ทำให้เขามีทรัพย์สินเป็นตัวเงินด้วยจำนวนเท่านี้นะครับ" คาลเทดบอกและนำตัวเลขดังกล่าวมา
              "เหลือเชื่อ ดร.เดลวีแองนูเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทแดรมมี่ อาร์แซด การ์เดนนิ่ง หรือแม้กระทั่งเทอทีนมิลลิเนี่ยมวูลฟ์ วอลซ์ซิดนีย์ พาราเดาท์ ที่เป็นบริษัทสื่อบันเทิงชื่อดังในช่วงยุคทอง ซึ่งมีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในหลักหมื่นหลักแสนเลยน่ะ" จิลกล่าว
              "เครือบริษัทอุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมอาหาร เภสัชกร วัสดุภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ รวมถึงบริษัทผลิตอาวุธชื่อดังกันเช่นนี้ แต่ละชื่อนั้น ทำเงินเป็นพันล้านเลยน่ะ" เจเนลบอก
              สเปียริทกล่าว "เบ็ดเสร็จรวมกัน ดร.เดลวีแองนูมีเงินจากการเป็นหุ้นส่วนในระดับแสนล้านล้านเลยนิ ก็ยังถือว่าเยอะอยู่เลยน่ะ" และหันมาถาม "ว่าแต่ คุณยังคงเก็บใบถือหุ้นบริษัทเหล่านี้อยู่เลยสิคะ"
              "ครับ เพราะดร.อัลบาร์ทนั้น เป็นหุ้นส่วนกับเครือบริษัทในครึ่งค่อนโลก โดยให้ผมเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องใบถือหุ้นของกลุ่มบริษัทไว้ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ถูกระบุอยู่ในมรดกชิ้นสุดท้ายของดร.อัลบาร์ท โดยที่คุณหนูเอเดรียน แล้วก็ญาติฝั่งแม่ของคุณหนู ล้วนมีสิทธิ์ในมรดกนี้กันนะครับ" คาลเทดบอก
              เนคมาดูซัมบอก "ญาติฝั่งแม่ของแอนเดรียนะหรือ"
              "ที่จริงแล้ว คุณพ่อแต่งงานใหม่กับคุณแม่ นับตั้งแต่พี่ชายของภรรยาคนแรกของคุณพ่อเสียไปพร้อมกับภรรยาคนแรกด้วยกันนะคะ ซึ่งคุณแม่ เป็นน้องสาวของคุณป้า ซึ่งแต่งงานกับคนที่ฉันและคุณพ่อไม่ชอบอย่างมากเลยนะคะ" แอนเดรียบอก
              สเปียริทถาม "แล้วญาติน่ารังเกียจของเธอนิ เป็นใครมิทราบละยะ"

              "ครอบครัวบรอมเวิร์ทคะ ครอบครัวนี้มีลุงเบิร์คกรีด สามีของป้าออคเอียร์ พี่สาวของคุณแม่มาธาร์ และแฮมค็อค ลูกชายของลุงเบิร์คกรีดและออคเอียร์ ซึ่งพวกเขาไม่เพียงเห็นแก่ตัว แต่เขามานี้เพื่อต้องการเงินที่คุณพ่อสร้างสิ่งประดิษฐ์และงานวิจัยด้านแมนิเกเตอร์ เอาไปใช้จ่ายอย่างสะดวกสบายแต่ฟุ่มเฟือยจนเงินหมดภายในเวลาอันสั้นเลยนะคะ" แอนเดรียบอก "ลุงเบิร์คกรีดนั้น เขาเป็นนักธุรกิจที่เห็นแก่ผลกำไร ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งโยนความผิดให้กับบริษัทคู่แข่งจนล่มจมไปสามสี่แห่ง อีกทั้งเขาชื่นชอบการกดขี่ลูกน้องและใช้เงินเอาไปลงทุนเพื่อให้ได้เงินมากๆ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมาหลายครั้ง แล้วก็เอาเงินไปเล่นการพนันในคาสิโนผิดกฎหมาย จนเจ้าของบ่อนและเจ้าพ่อมาเฟียที่เป็นเจ้าของคาสิโน ต้องส่งคนมาทวงเงินจากคุณพ่อ ผู้ซึ่งเป็นญาติของคุณลุงกันมาหลายครั้งแล้วคะ"
              โฟรซ่าบอก "ลุงของเธอนิ ผลาญเงินที่ได้มาเพื่อให้ได้เงินเยอะๆเลยนิ แกไม่เคยทำงานอย่างขยันขันแข็งหรือเก็บหอมรอมริบเลยหรือ"
              "พ่อเคยตักเตือนลุงแบบนั้น แต่ลุงกลับหาว่าพ่ออวดฉลาดแถมอ้างด้วยน่ะ ว่าถ้าไม่ขายสิ่งประดิษฐ์ให้กับเขาด้วยเงินจำนวนมาก เขาจะขอเงินให้มากเป็นสามเท่าอีกด้วย ซึ่งด้วยการกระทำของลุงนี้แหละคะ ที่ทำให้คุณพ่อต้องถูกตามล่า ด้วยข้อหาทำธุรกิจเจ็งจนมีหนี้สินขึ้นมา ทั้งๆที่คนทำก็คือคุณลุงนะคะ" แอนเดรียบอก "คุณป้าออคเอียร์ก็พอกัน ใช้เงินที่ได้จากคุณพ่อมาแบบสุรุ่ยสุร่าย หมดเงินไปกับการซื้อสินค้าแพงๆจากห้างดังๆ ร้านขายเสื้อผ้าชั้นนำ ร้านเสริมสวย ร้านกาแฟดังๆ ร้านอาหารหรูๆ เพราะคุณป้าเป็นคนรักความสะดวกสบาย ทำตัวให้เป็นคนรวยทั้งๆที่พื้นฐานเดิมของคุณป้านั้น มาจากครอบครัวยากจน ซึ่งคุณแม่เลือกจะเป็นคุณครู ที่แม้จะไม่ใช่เป็นอาชีพที่ทำเงิน แต่ก็เป็นอาชีพสุจริตที่ช่วยสอนสั่งเด็กรุ่นหลัง แม้นั้นจะไม่ช่วยสอนให้คุณป้ากลับตัวได้เลย แถมคุณป้าเองยังดูถูกคุณแม่ด้วย ว่าแต่งงานกับคุณพ่อทำไมไม่สอนให้คุณพ่อแบ่งเงินมาให้น่ะ"
              สเปียริทบอก "ถ้าให้เดาน่ะ คุณแม่ของเธอคงจะเอือมระอาคุณป้าของเธออย่างมาก กับนิสัยเสียที่กลายเป็นสันดานเลยสิน่ะ"
              "ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เวลาคุณป้าหงุดหงิด มักจะทำร้ายฉันทั้งทางกายและทางคำพูดด้วย ซึ่งสิ่งที่คุณป้าทำกับฉันนั้น คือหนึ่งต้นเหตุที่ทำให้ฉันมีจิตด้านลบเกิดขึ้นหลังจากที่คุณแม่เสียไปแล้วน่ะ" แอนเดรียบอก "ส่วนแฮมค็อค ลูกคุณลุงและคุณป้านั้น หนักหนายิ่งกว่า เขาไม่เพียงขี้เกียจตัวเป็นขน ไม่รู้จักทำงานบ้าน แกยังเป็นคนตระกละกินเก่ง เงินที่ได้มักจะหมดไปกับขนมของกินจนตัวอ้วนฉุ นอกจากนี้ยังเป็นหัวโจกของพวกเด็กไม่ดี กลั้นแกล้งเพื่อนๆที่เขาไม่ชอบหน้า จนมีคนต้องเข้าโรงพยาบาลตั้ง 5-6 คน ซึ่งก็รอดตัวไปได้ เพราะคุณป้าพูดเข้าข้างแฮมค็อคและโทษคนอื่นจนอาจารย์เองหน่ายกับนิสัยเสียของแฮมค็อค และต้องสั่งไล่ออกไปเรียนที่อื่น แล้วก็ก่อปัญหาทำนองนี้มาหลายครั้ง จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่เอง ก็ไม่ทำงานทำการ จนเป็นภาระให้คุณลุงและคุณป้าด้วยนะคะ"
              "แล้วหมอนั้น แกล้งเธอตอนเด็กๆมาหลายทีละสิ" จิลบอก
              แอนเดรียพยักหน้า "ถ้าถามว่าเยอะกว่าที่สเปียริทโดนแกล้งกันละก็ ฉันบอกได้คำเดียว ว่าเยอะมากเลยน่ะ จนคุณพ่อต้องย้ายบ้านไปอยู่ในตัวเมืองให้ห่างจากครอบครัวของคุณลุง แน่นอน ว่าคุณพ่อเคยแจ้งตำรวจมาจับครอบครัวบรอมเวิร์ทมาหลายครั้ง แต่พวกเขาก็หาเรื่องใช้เงินที่ไปยืมคนอื่นมาประกันตัวออกจากโรงพักมาหลายครั้ง จนตอนนี้ พวกเขาติดหนี้ในระดับร้อยล้านแล้วละคะ"
              "สงสัยว่า ในหมู่ผู้ที่ไล่ล่าเธอกับดร.เดลวีแองนู ต้องมีเจ้าหนี้ที่ลุงกับป้าตัวแสบไปก่อไว้ด้วยละสิน่ะ" โฟรซ่ากล่าว
              แอนเดรียพยักหน้า "เพราะว่าคุณลุงคุณป้าไปติดหนี้นอกระบบกันหลายเจ้า แถมยังไปกู้เงินจากบริษัทเงินกู้หลายแห่ง ซึ่งมันมากพอที่พวกเขาจะไล่ล่าพ่อเพื่อบีบให้พ่อจ่ายหนี้ที่คุณลุงคุณป้าก่อนไว้เลยนะ"
              "แล้วครอบครัวบรอมเวิร์ท ยังอยู่ที่โลกหรือเปล่าละ แอนเดรีย" มาสวาร์ทาร์ถาม
              แอนเดรียตอบ "บอกตามตรงนะคะ เดิมที คุณพ่อตั้งจะใช้ยานอวกาศลี้ภัยออกนอกโลก ในช่วงที่คนทั้งโลกไล่ล่าคุณพ่อและฉันในฐานะผู้สร้างโอเวอร์เดส หลังจากมหาสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรกจบลงกันแล้ว แต่ทว่า.....ครอบครัวบรอมเวิร์ทรู้เรื่องการหลบหนีของคุณพ่อเข้า เลยตัดหน้าด้วยการขโมยยานอวกาศลี้ภัยบินออกนอกโลกและระบบสุริยะจักรวาล แล้วหายไปจากสายตาของเราและโลกอีกนานเลยละคะ" แล้วก็ถอนใจ "โชคดีมาก ที่คุณพ่อมีแผนสำรอง นั้นคือแคปซูลจำศิลซึ่งอยู่ในบังเกอร์ห่างจากเซฟเฮาส์สุดท้ายไปอีก 15 กิโลเมตร ซึ่งนั้นช่วยให้ฉันและคุณพ่อหลับไหลหลบซ่อนการไล่ล่าของชาวโลกที่โกรธแค้นไปได้ตลอดราว 40 ปีด้วยกัน"
              "นอกจากละโมบโลภมากและพุ่มเพือยแล้วนิ ลุงของเธอก็ขี้โกงกันด้วยสิน่า" สเปียริทบอก
              แอบไบออสบอก "และที่พวกนี้หาเรื่องหนีไปนั้น แสดงว่าพวกเขาสร้างหนี้ไว้ใหญ่โต จนพวกเจ้าหนี้เบนเข็มมาทางแอนเดรียและดร.เดลวีแองนูกันอย่างเดียวละสิ"
              "หากแต่ เจ้าหน้าที่สายลับที่เกซิคสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง มาเจอเธอและดร.เดลวีแองนูกันเมื่อ 3-4 ปีก่อนมหาสงครามระหว่างพวกเรากับโอเวอร์เดสจะเกิดขึ้นเสียเองสิน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว แอนเดรียพยักหน้า โดยไม่เล่าต่อ เพราะทุกๆคนรู้เรื่องหลังจากไปนี้แล้ว
              ฟิเกซถาม "แล้วคุณทนายนิ หลังจากที่มหาสงครามแมนิเกเตอร์เมื่อ 64 ปีบนโลกจบลงไปแล้ว คุณไปอยู่ที่ไหนละครับ"
              "คือว่า ผมถูกทางการรัสเซียจับกุมไว้ได้ แม้ว่าผมไม่รู้ที่ซ่อนของดร.อัลบาร์ทและคุณหนูเอเดรียนกันจริงๆ แต่ทางรัฐบาลเลยแช่แข็งผมที่เรือนจำเย็นในไซบีเรียมาตลอด 40 ปีเต็ม ตอนนี้ ผมถูกปล่อยตัวและเดินทางออกนอกระบบสุริยะไปเมื่อ 23 ปีก่อนบนโลก จากนั้นก็ไปทำงานอยู่ที่สำนักงานกฎหมายบนดาวรักเร-6 ในฐานะทนายความคดีแพ่ง ซึ่งผมในตอนนี้ เป็นแมนิแฟคเตอร์กันแล้วนะครับ" คาลเทดบอก "เพียงแต่ ที่ผมมานี้ก็เพื่อมาแจ้งให้คุณหนูเอเดรียนทราบว่า ครอบครัวบรอมเวิร์ทเจอตัวผมแล้วละครับ"
              แอนเดรียตกใจขึ้นมา "ว่าแต่ พวกเขารู้ว่าฉันอยู่ที่ดาวดวงนี้เลยสิคะ"
              "ครับ แม้ว่ายานอวกาศลี้ภัยที่พวกเขาขโมยดร.อัลบาร์ทมาจะช่วยให้พวกเขาหนีออกจากโลกไปได้ก็จริง แต่ เนื่องจากว่าคุณเบิร์คกรีด ไม่รู้วิธีขับยาน เลยใช้ระบบนักบินอัตโนมัติแทน จากนั้นก็หลับอยู่ในแคปซูลจำศิล ปล่อยให้ยานล่องลอยอยู่ในอวกาศเป็นเวลานาน โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า เวลาบนโลกผ่านไปนานมากเลยนะครับ แต่ตอนนี้ ยานของพวกเขาลงจอดที่ดาวอื่น และพวกเขาเจอผมผ่านหนังสือพิมพ์กันจนบุกมาหาผมที่ทำงานด้วยนะครับ" คาลเทดกล่าว
              แอนเดรียบอก "แล้วพวกเขาเค้นเอาที่อยู่ของฉันมาจากคุณเลยสิคะ"
              "ใช่ เพราะว่าพวกเขาตั้งใจจะมาบีบบังคับให้คุณโอนมรดกทุกอย่างที่ดร.อัลบาร์ทตั้งใจมอบให้คุณไว้ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมฉบับล่าสุดกัน ให้เป็นของพวกเขาแล้ว อีกเรื่องที่ผมเป็นกังวลว่าคุณหนูจะสูญเสียสิทธิ์ในพินัยกรรมของดร.อัลบาร์ทกันด้วย ซึ่งนั้นจะทำให้ครอบครัวบรอมเวิร์ทที่เป็นญาติฝั่งแม่ จะได้ทุกอย่างไปโดยปริยายนะครับ" คาลเทดบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เพราะว่าตอนนี้ แอนเดรียกลายเป็นแมนิเกเตอร์ ซึ่งตามกฎหมายแล้ว แมนิเกเตอร์ไม่ถือว่าเป็นมนุษย์ และการที่เธอคืนชีพมาเป็นแมนิเกเตอร์ เท่ากับว่า เธอสูญเสียสถานะความเป็นมนุษย์ อันจะส่งผลให้เธอไม่มีสิทธิ์รับมรดกเลยสิครับ"
              "ใช่แล้วละครับ ดังนั้น ผมจึงอยากจะให้พวกคุณปกป้องทรัพย์สินของดร.อัลบาร์ท ซึ่งเป็นใบผู้ถือหุ้นบริษัททั้งหลายที่ผมถืออยู่ในเวลานี้ ไม่ให้ตกอยู่ในกำมือของครอบครัวบรอมเวิร์ทกัน เพราะนั้นหมายถึง ทุกบริษัทที่พวกเขาได้เป็นหุ้นส่วนจะล่มจมลง จากการที่พวกเขาใช้เงินของทุกบริษัทไปใช้อย่างสิ้นเปลืองหรือเอาไปใช้ในทางที่ผิดกันนะครับ" คาลเทดกล่าว "อีกอย่าง ผมทราบด้วยว่า คุณหนูเอเดรียนและพวกคุณเอง เป็นกองกำลังหัวหอกชื่อดังของสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ ซึ่งครอบครัวบรอมเวิร์ทไม่ได้รับรู้ เนื่องจากว่าพวกเขาหลับจำศิลในช่วงที่พวกคุณต่อสู้กันด้วย ผมจึงมาแจ้งให้พวกคุณหาทางแก้โดยเร็วนะครับ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "อย่าห่วงไปเลยครับ คุณทนาย ให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเองนะครับ"
              "ถ้าเช่นนั้น ผมขอตัวกลับไปพักที่โรงแรมเลยนะครับ แม้ว่าผมตั้งจะมาหาพวกคุณตั้งแต่รู้ว่าพวกคุณเดินทางกลับมา ซึ่งผมถูกทหารกักตัวเอาไว้ราว 2-3 วันกว่าผมจะออกมาได้นะครับ" คาลเทดกล่าว แล้วก็ลุกขึ้น
              แอนเดรียบอก "ขอให้โชคดีนะคะ คุณคาลเทด" จากนั้น ทนายคาลเทดก็เดินออกจากเวเซอร์เฮาส์ไป

              "เออ ว่าแต่ พวกเราออกไปกระทืบครอบครัวตัวดีก่อนเลยมั้ยละ อย่างน้อย น่าจะช่วยสั่งสอนให้พวกมันรู้เสียบ้างว่ามาเล่นกับกองกำลังหัวหอกอย่างพวกเราน่ะ" คลอเวฟบอก มาสวาร์ทาร์กระแอ่ม
              สเตฟอร์ดบอก "ถ้านายทำแบบนั้น ครอบครัวบรอมเวิร์ทก็รู้กันพอดีนะสิ ว่าแอนเดรียเป็นแมนิเกเตอร์เหมือนกับพวกเรา แถมพวกนั้นก็หาเรื่องฟ้องพวกเราฐานทำร้ายร่างกายกันด้วยน่ะ"
              "อีกอย่าง ครอบครัวบรอมเวิร์ทเองก็เป็นมนุษย์ พวกเราที่เป็นแมนิเกเตอร์ไม่ควรไปหาเรื่องกับพวกเขาไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่งกันด้วยนะสิ" พีวิลบอก
              เจเนลบอก "แล้วเราจะปล่อยให้พวกมันรู้เรื่อง จนแอนเดรียไม่ได้รับมรดกกันเลยหรือ มันไม่ดีเลยนะ พีท"
              "เจมส์พูดถูกแล้วละ ถึงแม้พวกเราอาจจะไม่มีสิทธิ์ได้เป็นเจ้าของหุ้นบริษัทที่ดร.เดลวีแองนูเป็นหุ้นส่วนเลยก็ตาม ถ้าเรากันมิให้พวกครอบครัวบรอมเวิร์ทไม่ได้มรดกไปซะ ก็ถือว่าเราชนะพวกนี้ได้อยู่ดีนี้แหละ" โฟรซ่าบอก
              สเปียริทกล่าว "ฉันอาจจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูดกันอยู่นะ แม้ว่าเธออยากจะได้เงินจนตัวสั่นเลยน่ะ"
              "เธอไม่ขัดสักเรื่องจะได้มั้ยละยะ สเปียริท" โฟรซ่ากล่าว
              แอบไบออสชูมือ "แต่เรามีปัญหาอยู่หนึ่งเรื่องน่ะ" แล้วก็ชี้มาที่ตน คลอเวฟ พลัสเชอริท ตามด้วยทุกๆคน "สภาพพวกเราในตอนนี้ ก็เป็นหนึ่งข้ออ้างที่ทำให้แอนเดรียไม่ได้มรดกกันอยู่แล้วน่ะ"
              "จริงด้วยน่ะ หน้าตาของพวกเราส่วนมากดูไม่ใช่มนุษย์อย่างแรงเลยน่ะ" ฟิเกซกล่าว
              สเตฟอร์ดบอก "ต่อให้แอนเดรียพยายามทำตัวให้เหมือนมนุษย์เช่นเดียวกับฉันและโฟรซ่าได้ก็จริง แต่ถ้าพวกเราที่เหลือยังเป็นแบบนี้ มันไม่เวิร์คอยู่ดีนี้แหละ"
              "แต่ก็ใช่ว่า เราจะไม่มีทางแก้เสมอไปกันหรอกน่ะ" คลอเวฟบอก
              แอนเดรียบอก "พวกคุณจะใช้โฮโลแกรมคาโมฟรัจ ปลอมตัวเป็นมนุษย์กันใช่มั้ยละคะ"
              "ก็มีแต่ทางนี้ทางเดียวแล้วน่ะ แอนเดรีย ส่วนเธอแค่ปิดบังอะไรง่ายๆ มันก็เกินพอแล้วละจ๊ะ" โฟรซ่าบอก พร้อมกับเอาที่คาดผมมา "ฟึ่บบบ" รูดปิดเขาเล็กๆสองข้างบนหัวไว้
              จิลถาม "แต่ปัญหาคือ ครอบครัวบรอมเวิร์ทจะมาที่ดาวของเราเมื่อไหร่กันละ"
              "นั้นสิ พวกเรารู้แค่พวกเขากำลังจะมา แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขามาวันไหน และไปพักอยู่ที่ไหนกันเลยนะสิ" จายด์บอก
              พลัสเชอริทบอก "และถ้าเราไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน แล้วนายจะบุกไปหาเรื่องกับพวกเขาได้ถูกที่เลยหรือ คลอเวฟ" คลอเวฟได้ฟังก็หงุดหงิดนิดๆ
              "แล้วเราสมควรจะบอกพวกเฮเรเค้นให้ร่วมมือกับพวกเรากันเลยมั้ยละ" สเตฟอร์ดบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "ที่ถูกนั้น คืออธิบายให้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ แต่ยังไม่บอกเรื่องเงินจำนวนมหาศาลหรือการเป็นหุ้นส่วนของหลายบริษัทบนโลกกันไว้หรอกน่ะ"
              "แล้วเรื่องฝึกซ้อมบนเขาหลังเมืองที่เราทำกันเป็นประจำละ" ลิเนียร์ตี้บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "เกรงว่าเราต้องจัดสรรเวลากันสักหน่อยแล้ว เพราะถ้าพวกเราออกมาแล้วครอบครัวรอมเวิร์ทมาเจอเข้า มันก็ไม่ดีแน่ๆนะสิ"
              "ถ้าเราไม่รู้ว่า ครอบครัวตัวดีของแอนเดรียมาตอนไหน เราคงต้องเตรียมพร้อมไว้รอพวกเขามาถึงสถานเดียวเลยสิน่ะ" ฟิเกซบอก
              พลัสเชอริทกล่าว "อย่างน้อยถ้าเราเตรียมพร้อม เราก็ยังได้เปรียบพวกเขาได้ 120 เปอร์เซนต์เต็มเลยละ"
              "ถ้าเช่นนั้นละก็ พวกเรา มาช่วยกันปกป้องมรดกของแอนเดรียให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกญาติเฮงซวยนี้ด้วยกันเถอะ" โฟรซ่ากล่าว แล้วทั้งหมดก็ "เฮ้!!!!" ร้องเฮลั่น
              เว้นแต่แอนเดรียที่ชูแขนแต่ไม่ตะโกน แถมยังคิดในใจอย่างเป็นกังวลไปว่า "มันก็ดีอยู่หรอก แต่ฉันจะอธิบายให้ทุกๆคนเข้าใจกันยังไงดีน่า.....ถึงความจริงอีกอย่างที่ฉันรู้มาน่ะ"

              "มันก็จริงอยู่หรอกน่ะ ที่พวกเธอตั้งใจจะปกป้องทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่แอนเดรียกันก็จริง" จูเดทต้าบอก หลังจากที่เนคมาดูซัมและมาสวาร์ทาร์มาชี้แจงเรื่องที่ได้รับมา "แต่ถ้าจะขอร้องให้พวกเราร่วมมือในการปิดบังพวกมนุษย์ไม่ให้รับรู้สถานะความเป็นแมนิเกเตอร์กันละก็ เกรงว่าถึงทำได้ก็คงไม่มีประโยชน์อยู่ดีนี้แหละ"
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกคุณกลัวว่าทหารใต้บังคับบัญชาจะไม่ให้ความร่วมมือเลยหรือครับ"
              "ถึงทางเราอยากจะช่วยพวกเธอกันก็จริง แต่ แม้ว่าพวกเธอและพวกเราจะช่วยปิดบังครอบครัวฝั่งแม่ของเจ้าหน้าที่แอนเดรียไปได้วันหนึ่ง คิดหรือ ว่าพวกเขาไม่เลิกรา จนกว่าจะได้ในสิ่งที่พวกเขารู้อยู่ แม้ว่าพวกเขาไม่รู้เลยว่า ระบบดาวอีสทาล่าฟรอนเทียร์เป็นของสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์กันก็ตาม" เพอซิอัสบอก "แต่ถ้าพวกเขารู้โฉมหน้าที่จริงของพวกเธอและพวกเราแล้วละก็ พวกเขาก็มีข้ออ้างมาโจมตีเราว่าเป็นพวกหลอกลวง จนทำให้ความน่าเชื่อถือที่สมาพันธ์อวกาศและพันธมิตรมนุษย์สูญเสียไปได้น่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "เรื่องนั้นเราทราบดีนะครับ หากแต่ พวกเราไม่อยากจะใช้วิธีรุนแรงกับพวกญาติของแอนเดรียที่เป็นมนุษย์กันแต่แรก แต่ก็ไม่อยากให้พวกเขามาเล่นงานพวกเราด้วยวิธีนี้ไว้นะครับ"
              "แล้วเจ้าหน้าที่แอนเดรียเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือเปล่าละ" จูเดทต้าถาม
              มาสวาร์ทาร์ถาม "ผมคิดว่า แอนเดรียก็คงจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้นะครับ"
              "แค่คิดอย่างเดียว แต่ถ้าเธอไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่พวกเธอทำกันละ พันโทคิริซาว่า" เพอซิอัสบอก "แม้ว่าพวกเธออาจจะเกลี้ยกล่อมลูกทีมในกองของเธอและกองกำลังหลังฉากของโดโรซีนให้ร่วมมือได้ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่แอนเดรียไม่เห็นด้วย ก็เท่ากับว่าพวกเธอทำเกินเลยไปหน่อยน่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะลองถามแอนเดรียกันสักหน่อยนะครับ"

              "ลุงเบติสและป้าวิลด้ายินดีให้ความร่วมมือกับเรา หลังจากที่เล่าเรื่องให้ฟังแล้วละ" ฟิเกซแจ้งเมื่อเนคมาดูซัมและมาสวาร์ทาร์กลับมาแล้ว
              สเปียริทบอก "คุณอีธานและคุณเอโอรีนยอมร่วมมือด้วย หากแต่พวกเขาจะช่วยดูให้หากพวกรอมเวิร์ทแอบเอาบางอย่างติดตัวไว้ ด้วยการติดตั้งเครื่องดักฟังหรือเครื่องมือสแกนหาความผิดปกติ ไว้ในจุดต่างๆของบ้านแล้วน่ะ"
              "แล้วพวกเฮเรเค้นล่ะ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              แอบไบออสบอก "ฉันเล่าให้พวกเขาคอยหลบอยู่ห่างๆ หากครอบครัวรอมเวิร์ทเข้ามาในตัวเมืองกันแล้ว และถ้ามีอะไรผิดปกติ พวกเขาจะแจ้งพวกเรามา โดยพวกเราจะออกไปสั่งการให้พวกเขาลงมือกันนี้แหละ"
              "ส่วนโดซี่และกองกำลังหลังฉากนั้น จะช่วยบริคซ์และพวกอีกแรง โดยคอยเป็นหูตาปากและตัวขัดขวางบางอย่างที่ไม่เข้าท่าโผล่มาด้วยน่ะ" โฟรซ่าบอก "ส่วนโพโบโวโล่นั้น แม้จะไม่ชอบ แต่ก็ยินดีจะช่วยให้อีกแรงหนึ่งน่ะ"
              พีวิลบอก "แล้วนายพลเพอซิอัสและนายพลจูเดทต้ายินยอมช่วยเราหรือเปล่าละ"
              "ทั้งคู่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่เราทำอยู่นะสิ เพราะเห็นว่าถึงเราช่วยปิดบังพวกเขาได้ แต่คงได้แค่ระยะสั้นๆนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แถมทั้งคู่ไม่แน่ใจว่าแอนเดรียจะเห็นด้วยกับเรื่องที่เราทำกันหรือเปล่า เลยต้องมาถามเธอไว้น่ะ"
              "บอกตามตรงนะคะ ว่าฉันรู้สึกไม่มั่นใจกับเรื่องที่พวกคุณทำในตอนนี้ ซึ่งนายพลเพอซิอัสและนายพลจูเดทต้าพูดมาถูกแล้ว ว่าการหลอกพวกคุณลุงคุณป้านั้น แม้มันได้ผล แต่ก็ได้แค่ชั่วขณะหนึ่งเลยนะคะ" แอนเดรียบอก "และที่สำคัญ ถึงฉันพยายามมากแค่ไหน ฉันคงไม่มีทางได้มรดกกันอยู่แล้วละคะ"
              สเปียริทบอก "แล้วเธอจะยอมให้คุณลุงคุณป้าและลูกพี่ลูกน้องของเธอหยามเหยียดเธอเพียงฝ่ายเดียวกันเลยหรือ"
              "นั้นสิ แม้เรารู้แค่ว่าพวกเขานิสัยแย่แค่ไหน แต่ถ้าเธอไม่แสดงให้พวกเขารู้ว่าเธอไม่ได้อ่อนแอกันแล้ว เธอจะเป็นฝ่ายถูกกระทำตลอดไม่ได้เลยน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              โฟรซ่ากล่าว "ตอนนี้เธอเข้มแข็งมากแล้วน่ะ แม้ว่าพวกเขาจะนิสัยแย่ เธอมีสิทธิ์ที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเธอเปลี่ยนไปมาก ต่อให้ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอเป็นแมนิเกเตอร์ แต่เธอก็ทำให้พวกเขารู้ว่าเธอไม่ควรถูกหยามกันไปได้หรอก"
              ".........." แอนเดรียถอนใจไปพักหนึ่ง แล้วก็บอกว่า "แม้ฉันรู้ว่า พวกเขายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนโลกหรือเกิดขึ้นกับฉันในตอนนี้ และรู้ด้วยว่าแผนอาจจะไม่ได้ผลด้วยก็ตาม" จากนั้นก็ลุกขึ้น "แต่ฉันอยากจะดูท่าทีของพวกเขาสักหน่อย ว่าพวกเขาวางแผนอะไรไว้ อย่างน้อย ฉันน่าจะช่วยให้พวกคุณเตรียมพร้อมรับมือได้นะคะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "แปลว่าคุณเห็นด้วยกับแผนการของเราเลยสิน่ะ"
              "คะ เพียงแต่ เราจัดการเรื่องที่พวกเขามาถึงให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไปนะคะ" แอนเดรียบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าเช่นนั้น เราคงต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อนน่ะ โดยเริ่มจาก ตารางเวลาก่อน ว่าเราจะเริ่มฝึกกันตอนไหนดี เพื่อให้พวกรอมเวิร์ทไม่เห็นโฉมหน้าของพวกเราเลยน่ะ" จากนั้น พวกเนคมาดูซัมก็วางแผนซักซ้อมกัน โดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีในการทำความเข้าใจแผนการ แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายไป

              "เฮ้อ แม้จะไม่มีนอร์ติลุสอยู่ แต่อย่างน้อย บาร์ของฉันก็คงอยู่บ้างละน่า" คลอเวฟกล่าว โดยกลับมาที่ฟูลบาร์ในตอนเย็น ซึ่งก็ทำความสะอาดเพื่อเตรียมขายเหล้าต่อ
              "กรี้งๆๆ" ไม่ทันไรกริ่งประตูดังเมื่อประตูเปิด คลอเวฟเงยหน้ายิ้มขึ้นเมื่อรู้ว่ามีลูกค้า แต่พอเห็นลูกค้า ซึ่งเป็นชายในเสื้อโค้ทขาว ใบหน้าเป็นหน้าหงุดหงิดทันที
              "มึงมาอีกแล้วหรือวะ มาเดบุส" คลอเวฟร้องทักทันที
              "ไม่เอาน่า คุณคลอเวฟ ผมแค่มาหาคุณด้วยเรื่องสำคัญก็เท่านั้นเองน่ะ อีกอย่าง ผมชื่อมาเทอุส กรุณาเรียกถูกๆหน่อย" ชายคนนั้นหรืออีกนัยหนึ่งคือมาเทอุสกล่าว แล้วก็เดินเข้ามาในร้าน
              "เรื่องสำคัญนะหรือ คงสำคัญพอๆกันกับการที่มึงมาขอลายเซ็นหรือถ่ายรูปกันละสิวะ คลอเวฟกล่าว "แล้วนี้มึงขโมยเสื้อโค้ทของใครมาใส่กันละเนี้ย มันดูไม่เข้ากับคางแหลมของมึงเลยน่ะ"
              มาเทอุสบอก "ไม่เอาน่า คุณคลอเวฟ ผมมาเพราะว่าเพื่อนๆของผมต้องการให้คุณช่วย และถือว่ามันสำคัญอย่างมากชนิดคอขาดบาดตายเลยน่ะ"
              "สำคัญถึงขั้นคอขาดบาดตายนะหรือ" คลอเวฟบอก
              มาเทอุสพยักหน้า "จะดีกว่ามาก หากคุณไปหาพวกเขาสักหน่อย อย่างน้อย คุณก็น่าจะรับฟังความช่วยเหลือกันบ้างน่ะ"
              "แล้วเพื่อนๆที่นายว่ามานิ อยู่ไหนละ" คลอเวฟกล่าว
              มาเทอุสได้ฟังก็ทำหน้างงๆ "เออ พวกเขาอยู่ไม่เป็นที่เองน่ะ จะดีกว่ามาก ถ้าคุณไปกับผมก็พอแล้วละ"
              "ถ้าคิดจะหลอกให้ฉันออกจากร้าน แล้วแอบมากินเหล้าละก็ เมินเสียเหอะ เพราะฉันไม่เห็นว่านายมีเพื่อนติดตามมาด้วยเลยสักรายแบบนี้ นายคงมีแผนอะไรบ้าๆในใจกันเลยละสิ" คลอเวฟบอก
              มาเทอุสบอก "เออ มันก็ ไม่เชิงหรอกน่ะ ขอแค่คุณช่วยสอนให้ผมแข็งแกร่งขึ้นไว้ จากนั้น ก็ไปช่วยรับฟังปัญหาจากเพื่อนๆของผมด้วยเลยแล้วกันน่ะ"
              "หรือ.....นายอาจจะฉลาดมากเลยสิน่ะที่มาหลอกฉันไว้ได้น่ะ" คลอเวฟกล่าว แล้วก็หยิบแองเกอร์แอ็กซ์ออกมาบนเคาน์เตอร์ "แต่เสียใจด้วย เพราะฉันไม่เชื่อนายกันหรอก ไอ้คางแหลม นายมาทำให้อารมณ์ของฉันที่มันดีๆ ให้มันบูดในเวลาสองวินาทีแบบนี้ นายวอนหาเรื่องแล้วละ"
              มาเทอุสบอก "เออ คุณคงไม่ทำเช่นนั้นหรอกน่า คุณคลอเวฟ เพราะปัญหาที่เพื่อนๆของผมโดนนั้น มันหนักหนาจริงๆ แต่ผมแค่อยากให้คุณมา...."
              "พอกันที ไอ้คางแหลม นายจะไปดีๆ หรือว่าจะให้ฉันเรียกทหารมาลากนายไปที่กองบัญชาการ หรือ จะให้ฉันถีบนายออกไปจากบาร์ของฉัน ซึ่งตอนนี้ ฉันอยากจะทำอย่างที่สามกับนายกันแล้ว ถ้านายยังไม่ไสหัวออกไปกันเดียวนี้น่ะ" คลอเวฟกล่าวด้วยอารมณ์โกรธมาก
              มาเทอุสเห็นก็กลัวไม่น้อย "ก็ได้ครับ คุณคลอเวฟ ขอตัวก่อนละ" แล้วก็รีบวิ่งออกจากร้านไป
              "ชิ ฉันไม่โง่ให้โดนหลอกง่ายๆหรอกนะเฟ้ย ไอ้เบื้อก" คลอเวฟสบถแล้วก็เดินเข้าร้านไป
    ต่อพาร์ทสองเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×