ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #41 : ตอนที่ 21 ยุทธการลับบนโลก ขั้นที่ 6 พักร้อนที่แดนอาทิตย์อุทัย ไฟท์ใหญ่ใกล้หุบเขาฟุจิ ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11
      0
      21 ก.ค. 63

              ที่ฐานทัพสหพันธ์โลกใหม่ ภายในพื้นที่พรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ 4 วันถัดมา
              "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกโซลูนาสตี้โผล่ออกมาจากใต้ฐานทัพ บุกฝ่ากระสุนปืนที่ทหารเกาหลีเหนือและใต้กราดยิงใส่ ซึ่งไม่เพียงไม่ระคายผิว เพราะแม้ถูกยิงที่ขาและลำตัว เซนเครูทและเบทชอนก็บุกเข้ามา "ป้ากกก ฉึก ฉั้วะ ฉับ" ฆ่าทหารเกาหลีใต้เหนือด้วยมีดกริฟไนฟ์และเรซเซอร์อาร์มได้อยู่ดี
              "รีบเปิดระบบทำลายตัวเองเดียว...." หัวหน้าฐานสั่ง แต่.... "ฉึก" ก็ถูกเบทชอนหญิงพุ่งแทงทะลุอกอย่างจังๆ หลังจากที่ทหารในห้องสั่งการโดนฆ่าไปด้วย โดยที่ทหารส่วนใหญ่ทั้งทหารประจำฐานและทหารเกณฑ์รีบถอยหนีออกมาข้างนอก ซึ่งถูกพวกโซลูนาสตี้ไล่ล่ามา "หวับๆๆๆๆ ฉับๆๆๆๆ" ใบมีดโค้งพุ่งตัดแขนและขาของพวกโซลูนาสตี้จนขาดไปส่วนหนึ่ง "ฟ้าวววว เปรี้ยงงงงง" เซนเครูทกลุ่มหนึ่งโดนไซโคลเนียพุ่งโฉบอัดใส่จนล้มกลิ้งไป "ตรึงๆๆๆๆๆ" เกรมฮอร์ท 3 ตัวบุกเข้ามาหมายจะจัดการกับไซโคลเนียที่ยืนอยู่ "ฟ้าวววว ชรี้ดดดดด กรี้กกกกก เปรี้ยงงงงง" แด็กซ์พุ่งขึ้นจากพื้นและใช้เฮฟวี่ดริลอาร์มเจาะทะลวงร่างเกรมฮอร์ทจนขาดเป็นสองท่อนไป "ฟึ่บๆๆๆๆๆ" พีวิล คีธ เลนแชทต้า โทรวแนคกระโดดเข้ามา "หวับๆๆๆๆๆ ฉับๆๆๆๆๆ" โทรวแนคซัดโซนิคสไลเซอร์สองอันเข้าตัดคอและหัวของเซนเครูทขาด "แมกนั่มฟิสท์" พีวิลพุ่งเข้ามาต่อยใส่เกรมฮอร์ทที่บุกชาร์จมาจน "เปรี้ยงงง ฟ้าวววว โครมมม" เป่าเกรมฮอร์ทจนเกราะด้านหลังแตกและปลิวไปอัดใส่เซนเครูท 6 ตัวล้มกลิ้งไป "เลเซอร์วิป" คีธใช้เชือกเลเซอร์มัดคอเซนเครูท แม้มันจะใช้กริฟไนฟ์เข้ามาแทงใส่ "ป้ากกก เปรี้ยงงง" แต่คีธหมุนตัวปัดมือถือมีดออกไปด้านข้างและถีบเข้าใส่หน้าเซนเครูทจนคอหักไป "หวับๆๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆๆๆๆๆ" เลนแชทต้าใช้ใบมีดหลังแขนสองข้างและหมุนตัวเข้ากรีดตัดพวกเบทชอนที่ดาหน้ามาจนขาดไปหลายราย "อิมแพคบลัสต์" แด็กซ์จู่โจมด้วยการเป่าพลังคลื่นเป่าเกรมฮอร์ทปลิวไปอัดใส่พวกโซลูนาสตี้จนยับ "ฟ้าววววว ป้ากกกก หมับบ หวับบบบ โครมมมมม" ไซโคลเนียจิกหน้าเบทชอนที่กระโดดเข้ามาแล้วทุ่มฟาดอัดใส่พวกโซลูนาสตี้จนกระเจิงไป "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พีวิลกระหน่ำยิงใส่พวกเบทชอนและเซนเครูทจนล้มดับอนาจไป "ไฮย้า" จูอินพุ่งเข้ามาหาพีวิลด้วยการถีบลงมา "โครมมมม" จนพื้นลานรอบฐานแตกร้าว ส่วนพีวิลพุ่งหลบออกมาได้ทัน "อีย้า" จูอินเลยบุกเข้า "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" รั่วถีบใส่พีวิลอย่างรวดเร็ว "ฟึ่บ หวับๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" เบรซซิ่งฟิสท์ตวัดฝ่ามือปัดการถีบไป แต่ทหารเทอร่าสควอดอนฝั่งเกาหลีบุกมา "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ ตูมๆๆๆๆๆๆๆ" ไซโคลเนียโปรยไมโครมิไซล์เข้าเล่นงานทหารไว้ "รีบาวนด์บอล" โทรวแนคซัดลูกบอลกระเด้งเข้าใส่พวกทหารที่เตรียมปืนยาวยิงกระสุนไฟฟ้าให้เสียหลักไปหลายนาย "วาโช้ววววว ลูกถีบโฮกิลด้งคิก" คีธกระโดดถีบเข้าใส่จูอินไปทีหนึ่ง ซึ่งเธอรีบไขว้แขนบล็อกไว้ได้ แต่ "ฟ้าววว หมับบบ" คีธใช้เลเซอร์วิปพุ่งมัดตัวแล้วดึงตัวเองเข้ามา "หวับบบบ หวืบบบบ ป้ากกกก" จูอินที่โดนมัดเลยหวดขาถีบ แต่คีธรีบลงพื้นและพุ่งสไลด์เตะขัดขาจูอินจนตัวปลิว "หมับบบ หวับบบบ โครมๆๆๆๆ" มาให้แด็กซ์คว้าจับตัวทุ่มลงไปกองกับพื้นไป
              "คุณพีวิล เราได้ของที่ต้องการแล้วละ" แด็กซ์บอก
              พีวิลพยักหน้าแล้วสั่ง "โทรวแนค เปิดทางให้หน่อย"
              "เข้าใจแล้วละ คุณมือโต เอาไปเลย" โทรวแนคหยิบลูกบอลหลากสีออกมา โยนเข้าใส่เหล่าทหารทั้งหลาย รวมถึงจูอินจน "วี้วววววว ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ลูกบอลแตกระเบิดวินาศสันตะโรไป เพียงแต่.....
              "ฮึยยยยยย นี้มันกวนโอ้ยกันมากไปแล้วนะ" จูอินวีนแตก เพราะชุดเกราะของเธอและเหล่าทหาร เปรอะเปื้อนสีฝุ่นกันอย่างยกใหญ่ ทำให้ฐานทัพระหว่างเหนือใต้ของเกาหลี มีสีสันขึ้นมา โดยที่โครงประตูมิติ ถูกรื้อออกพร้อมกับทหารบางส่วนโดนอัดยับไปก่อนแล้ว

              ในเวลาเดียวกัน ที่แม่น้ำสาละวิน พรมแดนระหว่างไทยและพม่า จังหวัดแม่ฮองสอน
             "คาราบาวสแมชชชชช" คงเดชพุ่งเข้าชาร์จใส่บุลพลาทจนล้มกลิ้งไป แต่ "กร้องงง หมับ หมับ" ไรแกทและแบร็อคเข้าชาร์จกระแทกใส่ พร้อมกับคว้าจับตรงสีข้างและขายกขึ้นมา "เหนือกว่านกเอี้ยงมาเลี้ยงควายเฒ่า คือเหยี่ยวดินระเบิดพุ่งอัดถึกควายทุยนี้แหละ" เฟรดกล่าวแล้ววิ่งเข้ามาเหยียบบนหลังบุลฟลาทที่ตั้งเป็นฐานและ "ฟอลคอนเบรค" เสยเข่าอัดใส่คงเดชที่รีบบล็อกดอกแรกได้ แต่.... "หนุมานยันพักตร์ทศกัณฐ์" ต้านจังหวะสองที่เฟรดใช้มอญยันหลักกลางอากาศถีบใส่ไม่ได้ จนคงเดชล้มลงไปกองกับพื้น "เฮ้ยยยยยย" ทว่ามีนักรบชุดเกราะสีธงอิตาลีพุ่งเข้ามา "เอนปิซ่าพันช์" เสยหมัดใส่เฟรดที่เผลอตัว "กร้องงงงง" แฮรี่วิ่งเข้ามาบล็อกต้านไว้ แล้วก็ "หวับ ก้อง ก้อง ก้อง กร้อง" ต่อยสวนใส่นักรบเกราะธงอิตาลีไปอย่างหนักหน่วง
               "ไม่คิดเลยว่าคนจากฝั่งยุโรปจะมาสมทบเร็วกว่าที่คาดไว้น่ะ" แฮรี่บอก หลังจากที่โดนต่อยล้มไป "ป้ากก ป้ากก เปรี้ยงงง" เลยสวนกลับด้วยอัปเปอร์คัตไปสองที และถีบซ้ำในดอกที่สามตาม
              "แน่ละ เพราะว่าเราไม่ยอมเสียท่าและโอกาสอีกแล้วนะสิ" มิลโดว์บอก โดยเขาสวมเกราะสีธงอิตาลีเข้าปะทะกับแฮรี่อย่างหนักหน่วง "ตอนนี้ พวกนายคงไม่มีทางหนีรอดไปได้หรอก" แล้วก็ "ฟ้าววว" ต่อยหมัดซัดเป็นลูกพลังเข้าใส่ "แว้งงง ป้ากกก" แฮรี่บล็อกด้วยโลห์พลังงานไว้ได้ทัน ในจังหวะที่ทหารไทยและอิตาลีนั้น "กร้องๆๆๆๆๆ" ทอฟเฟล่าใช้ตะบองหินผาหวดฟาดใส่ตะบองยาวของทหารชาวอิตาลี ในขณะที่คิจิโร่ใช้ทอนฟ่าสองอันโต้ตอบดาบยาวของทหารไทย ซึ่งทั้งสองสวมเกราะสู้รบกันยกใหญ่ "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกนายรอมานานเป็นชั่วโมงๆ พอเห็นพวกเราปุ๊บเลยบุกชาร์จเข้ามาอย่างกริ้วกราดเลยละสิน่ะ" แฮรี่บอก
              "อย่างน้อยการที่เราเสียเวลารอมาช้านานนั้น มันก็คุ้มอยู่แล้วละ" คงเดชกล่าว
              เฟรดบอก "เออ ไม่อยากจะบอกหรอกน่ะ แต่ เกรงว่าพวกนายจะพลาดมุขเดิมอีกรอบแล้วละน่า คงเดช"
              "ตรูมมมมมมมมม" ไม่ทันไร ฐานทัพสหพันธ์โลกฝั่งพม่าก็ระเบิดอย่างจังๆ พร้อมกับ "ซูมมมมมมม ฟ้าววววว ฟ้าววววว ฟ้าววววว ฟ้าวววววว" อาร์ซกรีโทรนของบิลเดรทและบ็อกไซน์ อาร์ซโทรนบาบาโลน และฟอสเทสซิกัสบินออกมา เฟรดและแฮรี่จึงรีบลงมือด้วย "ดับเบิ้ลแมกนั่ม ช็อคสตั่นเนอร์" การยิงกระสุนไฟฟ้าเข้า "ป้ากๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆ" ช็อตคงเดช มิลโดว์และพวกทหารให้ล้ม โดยเฉพาะพวกที่เท้าปริ่มน้ำนั้นโดนเยอะที่สุด เปิดช่องให้สเตฟอร์ดและพวก รีบพาพวกเฟรดหนีไปโดยทันที
              "กะแล้วว่าพวกนายต้องออกจากฐานไปมาก จนเปิดช่องให้พวกไทรเวเซอร์ที่เหลือบุกมาถล่มถึงฐานกันได้เลยน่ะ" จูดิธตำหนิคงเดชที่อยู่ในแผนกพยาบาล พร้อมกับมิลโดว์ด้วย
              "ทำไงได้ละ ลูกน้องของฉันมันเห็นพี่เฟรดและพวกอยู่ฝั่งตรงข้าม ถ้าไม่รีบไปขวางไว้ ก็แย่พอดีนะสิ" คงเดชอธิบาย "ดีที่ชุดเกราะมีฉนวนกันไฟฟ้าเอาไว้ เลยทำให้ฉันและมิลโดว์ รวมถึงทหารส่วนหนึ่ง แค่ตัวชาไว้ ไม่งั้นแย่ๆน่ะ"
              "ดีที่นายใส่ชุดเกราะที่คิดค้นโดยดร.เมลเบจสร้างขึ้นมา ถ้าเป็นชุดเกราะของทางรัฐบาลไทย ที่สร้างขึ้นโดยมีงบที่ถูกโกงกินไป 64 เปอร์เซนต์ละก็ นายคงเป็นควายย่างเกรียมไปนานแล้วละ" จูดิธบอก
              มิลโดว์กล่าว "แต่ก็ไม่คิดเลยนิ ว่าพวกไทรเวเซอร์จะมีตัวช่วยเพิ่มอีกเยอะ เลยทำให้พวกเรารับมือกับกลุ่มสองกลุ่มพร้อมกันไม่ได้เลยน่ะ"

              "ใช่ แต่ส่วนใหญ่ที่พวกไทรเวเซอร์ได้เปรียบนั้น เพราะว่าพวกทหารสหพันธ์โลกใหม่เองต่างหากละที่รีบร้อนและวู่ว่ามก่อนน่ะ" จูดิธกล่าว เพราะว่าในสี่วันที่ผ่านมานั้น "เคร้งงง เคร้งงง เกร้งงงง เคร้งงง" กุนทรีหวดตะบองปะทะใส่แอนเดรียที่ใช้สไตร์คเมชแบทสู้กัน ในขณะที่จูดิธก็ "เชร้ง เชร้ง เชร้ง เชร้ง เชร้ง เชร้ง" ปะดาบสู้กับโฟรซ่าที่ใช้กริฟเรเฟียร์สู้ ตอนที่โฟรซ่าบุกจู่โจมฐานทัพที่รัฐอัสสัม อินเดีย โดยมากับ "อาจ้าก" ลิ้วเซียงบุกต่อกรกับทหารเทอร่าสควอดอนฝั่งอินเดียโดยใช้พลองสามท่อน "หวับๆๆๆๆๆ เกร้งๆๆๆๆ" กวาดแกว่งปัดป้องหอกและตะบองของฝ่ายอินเดียไป "ตึกๆๆๆๆๆๆ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง" แคร์เรี่ยนวิ่งมาอย่างเร็วเพื่อจัดการกับทหารฝรั่งเศสที่บุกมาด้วยโลห์และดาบเรเฟียร์พลังแสง ด้วยทวินสแลชเชอร์สองข้างไปแบบไม่กลัวเกรงใดๆ โดยที่อีกชุดนั้น "ฟ้าวๆๆๆๆๆๆ" มาริพุ่งเข้าจู่โจมด้วยฟุโรวกะใส่จน "ฉืบๆๆๆๆๆๆๆ" ฟันทำลายเกราะท่อนบนและหมวกแตกไปกันอย่างรวดเร็ว
               "คิดว่าพี่ถือดาบแล้วจะไม่เก่งเท่ากับการกวาดแขนผ่ารถถังขาดเสียอีกน่ะ" จูดิธกล่าวโดยที่เธอปะดาบสู้กับโฟรซ่าอยู่
              "ต่อให้เธอสู้ฉันได้ แต่ ถ้าเธอมัวแต่คิดเอาชนะเพียงฝ่ายเดียวละก็ ยังไงก็ต้องแพ้วันยังค่ำละน่า" โฟรซ่ากล่าว แล้วก็ "หวับๆๆๆๆ เคร้งงง หวับๆๆๆๆ ปั้ก" สบัดดาบหมุนดาบของจูดิธวนแล้วก็ปัดให้ปลิวหลุดมือไป "ฟึ่บบบ" เปิดช่องให้โฟรซ่าเอาดาบมาจ่อตรงหน้าจูดิธไป
              "คุณจูดิธ" กุนทรีเลยปัดการโจมตีของแอนเดรียเพื่อมาช่วย โฟรซ่าเลยรีบโดดข้ามหัวกุนทรีไปโดยเร็ว ซึ่งมาริ แคร์เรี่ยน และลิ่วเซียงรีบวิ่งมาสมทบโดยเร็ว
              โฟรซ่าบอก "ทีจริงฉันอยากจะเล่นกับพวกเธออีกสักชั่วโมงหนึ่ง แต่....เกรงว่าเราคงไม่เปิดช่องให้กำลังเสริมของเธอมาทันเวลาไปได้หรอกน่ะ"
              "ว่ายังไงน่ะ" จูดิธกล่าว
              ไม่ทันไรก็ "ตรูมมมม บรึมมม บรึมมม บรึมมมม หวืออออ โครมมมม" ฐานทัพที่อยู่ห่างออกไประเบิดขึ้นทันที
              "สิบโท อสูรกายหลุดจากกรงขังแบบไม่มีสาเหตุกันไม่ว่า พวกมันดึงพวกไทรเวเซอร์สามไซส์เข้ามาจัดการจนราบคาบไปแล้วน่ะ" กุนทรีได้รับการแจ้งจากฐานทัพมา กุนทรีเลยหันมายังพวกโฟรซ่าเข้า "กวี้กกกกกกกก" ไทฟูลและเรซเซอร์ร็อคบินเข้ามา "ฟึ่บบบบ ปั้ก เปรี้ยงงงง" แอนเดรียซัดทรัมป์ไดร์ฟบอมปักพื้นให้เป่าระเบิดแสงใส่พวกจูดิธ แล้วก็พาบินหนีไปพร้อมกับพวกเจเนไซด์ทีมและพวกฟลาแน็กซ์โดยเร็ว
              "พี่โฟรน่ากับพวกเป็นแค่ตัวล่อ ทำให้ทหารลาดตระเวนในอัสสัมแห่เข้ามาโดยไม่ฟังคำสั่งของกุนทรี บุกเข้ามาติดกับจนฉันและกุนทรีต้องรีบมาเบรคไว้ ซื้อเวลาให้หน่วยย่อยของร้อยเอกแอสตันที่ลอบเข้าประตูหลังฐานทัพ มาจัดการกับพวกแมนิเกเตอร์ที่อยู่ในฐานเหล่านั้น พร้อมกับหนีไปเช่นนี้ ฉันน่าจะรู้ทันแผนการหลอกล่อไว้น่ะ" จูดิธกล่าว
              "เฮลก้า ทาริก้า โรนัลด์ นิโคล่าและริโคน่าที่มาช่วยลิ่วเฟยเองก็หนักหนาพอๆกันเลยน่ะ" มิลโดว์บอก โดยนึกถึงยุทธการที่กำแพงเมืองจีน "หวับๆๆๆๆๆๆ" เฮลก้าสเก็ตเข้าใส่นาเดียพร้อมกับหมุนตัวเตะด้วยใบมีดสเก็ต ซึ่งเธอใช้กริฟทอนฟาปัดป้องไป ลิ่วเฟยเลยบุกเข้ามาหมายจะจัดการกับนาเดีย "อ้านนนน เปรี้ยงงงง" น็อกกี้กระโดดเข้ามาชกใส่ลิ่วเฟยให้ล้มลง แต่ก็กระเด้งตัวขึ้นมาพร้อมกับชักดาบจีนความร้อนสูงออกจากหลังแขน "อ้านๆๆๆๆๆ เชร้งๆๆๆๆๆๆ" น็อกกี้เลยบุกเข้าปะทะด้วยไนโตรแอ็กซ์ฟาดโต้ตอบใส่ "ฟ้าวววววว ฟ้าวววว หวับบบ หวับบบ" นิโคล่าและริโคน่าพุ่งเข้าจู่โจมด้วยตะบองไฟฟ้าสปาร์คร็อดใส่นิคและรีฟที่รีบโดดหลบมาอย่างรวดเร็ว "ดริฟไดมอนด์" "วอเตอร์แกตลิ่ง" นิคกระหน่ำยิงกระสุนเกล็ดน้ำแข็ง ซึ่งนิโคล่าและริโคน่ารีบปัดป้องจนทุบเกล็ดน้ำแข็งใหญ่กระจุย แต่พลาดตรงกระสุนน้ำของรีฟที่ยิงจนตัวช็อตทั้งคู่ไป
              "เฮ้ พวกเธอรีบกลับมาได้มั้ยละ เพราะว่าตอนนี้ ฐานทัพที่อยู่ฝั่งจีนของฝ่ายเรา โดนบุกแล้วละ" ทาริก้าบอก เพราะตอนนี้ "แกร็กๆๆๆๆๆ" สเปียริท มาสวาร์ทาร์ ฟิเกซ แอบไบออส พลัสเชอริท และเนคมาดูซัมล้อมเธอและโรนัลด์ที่อยู่ในฐานทัพ หลังจากที่พวกทหารจีน อังกฤษและรัสเซียโดนน็อกสนิทหมดแล้ว
              "ดีที่หน่วยศูนย์ไม่ได้เข้าร่วมด้วย เพราะฐานทัพแต่ละแห่งนั้นมีภูมิประเทศที่พวกไทรเวเซอร์นำลงมาได้ เลยมีแต่พวกเราที่เข้าปะทะเลยน่ะ" มิลโดว์บอก "ว่าแต่ เรดดิลและบลูดัสท์ล่ะ"
              ไม่ทันไร "ปี้บๆๆๆๆๆ" มือถือของจูดิธดังขึ้น "โอ้ว ทั้งคู่ติดต่อเข้ามา ว่าเทนยะมีคำแนะนำมาให้น่ะ" แล้วก็กดปุ่มบนมือถือ เพื่อเปิดภาพโฮโลแกรมวินโดว์ขึ้น เผยภาพของชายผมตั้งสีดำเข้มในชุดเจ้าหน้าที่ของรัฐ

              "ฉันทราบเรื่องจากเรดดิลและบลูดัสท์แล้วละ ว่าพวกเธอพลาดท่าให้กับพวกไทรเวเซอร์มาตลอด 4 วันเลยน่ะ" ชายผมตั้งบอก
              คงเดชกล่าว "ใช่แล้วละ เทนยะ พวกไทรเวเซอร์แบ่งจู่โจมตามฐานทัพภายในทวีปเอเชีย ตั้งแต่จีนลงไปยังอินโดนีเซีย โดยใช้หน่วยเล็กเป็นตัวล่อให้กองทหารหัวร้อนและสมาธิสั้นออกไปจากฐาน จนบีบให้พวกเรารีบออกไปตามกลับและถูกดักซุ่มโจมตี เปิดช่องให้หน่วยที่สองบุกเข้าจัดการกับภายในฐานอย่างรวดเร็ว แล้วพาพวกเขาถอนตัวหนีไป ซึ่งเป็นแบบนี้มาสี่ครั้งแล้วละ"
              "ว่าแต่ ฉันอยากจะรู้ว่า นายมีความเห็นยังไงกับความเคลื่อนไหวของพวกไทรเวเซอร์ในระยะนี้ล่ะ" จูดิธถาม
              ชายผมตั้งนาม ฮันโดว์ เทนยะ เจ้าหน้าที่เทอร่าสควอดอนชาวญี่ปุ่นกล่าว "เหตุผลที่ทำให้พวกเขาสามารถแบ่งกำลังออกเป็นสี่ห้ากลุ่มเข้าจู่โจมสถานที่ต่างๆภายในแถบเอเชีย ในเวลาไล่เลี่ยกันไปได้นั้น เพราะว่าพวกเขาคงได้กำลังเสริมเข้ามา แม้จะมีจำนวนน้อย แต่จากที่ฉันได้รายงานการปะทะเมื่อ 4 วันก่อนมานั้น เกรงว่ากำลังเสริมของพวกไทรเวเซอร์จะชำนาญหมัดมวยและเพลงยุทธ์ที่เหนือชั้นยิ่งกว่า ซึ่งตรงกับรายงานเมื่อ 24 ปีก่อน ที่หน่วยรบของเจ้าหน้าที่มัตสึดะหายหน้าไปจากกองรบของแอคเมนโด้เลยน่ะ"
              "ที่ว่าหายไปนิ คงไม่ได้หนีออกจากกองทัพละสิ" มิลโดว์บอก
              เทนยะกล่าว "เปล่า พวกเขาเหมือนจะหาเวลาไปฝึกฝนวิชาต่อสู้กันที่ไหนสักแห่ง และชักชวนพวกแมนิเกเตอร์ที่เก่งกาจจากในพื้นที่มาร่วมด้วย ซึ่งไม่เพียงไม่มีข้อมูลในประวัติสัมมะโนครัวที่ไหน ข้อมูลอาชญากรรมเองก็ไม่ปรากฎออกมาเลย เหมือนกับว่า ไม่ได้มีตัวตนอยู่ในประเทศดังกล่าวเลยน่ะ"
              "นายจะพูดว่า กำลังเสริมเหล่านั้น เป็นแมนิเกเตอร์ที่ถูกสร้างมาและอยู่ในที่หลบซ่อนมาตลอดหลายสิบปีเลยสิน่ะ" จูดิธบอก "ลิ่วเฟยเคยบอกไว้ ว่ากลุ่มคนเหล่านั้นเหมือนใช้เพลงมวยจีน หากแต่พวกเขาแต่ละคนล้วนมีสภาพกายที่แปลกๆ อย่างยืดแขนให้ยาวได้ มีใบมีดงอกออกจากแขนขาได้ หรือแม้กระทั่งบิดงอแขนขาเหมือนกระดูกเป็นปล้องๆคล้ายกระดูกงูได้นี้แหละ"
              เทนยะกล่าว "ซึ่งในการต่อสู้หลังจากนั้นมา ก็เจอแต่หน้าตาของพวกเขาอยู่ในกลุ่มของพวกคุณมัตสึดะไว้ เพียงแต่งวดนี้ เพศสภาพของพวกเขาตรงข้ามกันก็เท่านั้นเอง"
              "และบวกกับว่าพวกเงาสยามทมิฬลักพาตัวพวกพี่เฟรดจากดาวอื่นมาที่โลกด้วย เท่ากับว่าพวกไทรเวเซอร์สามารถเล่นงานเราได้ต่อเนื่องเลยละสิ" คงเดชกล่าว
              เทนยะส่ายหน้า "ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้เปรียบในแง่ยุทธการ แต่พวกเขาจะเสียเปรียบทันที เพราะว่ากำลังพลที่เพิ่มมากขึ้น ย่อมหมายถึงภาระที่มากขึ้นตามไปด้วยน่ะ"
              "ภาระที่มากขึ้นนะหรือ นายคงไม่ได้หมายความว่า กำลังพลที่มากขึ้นนั้น ทำให้พวกเขาอยู่ได้อีกไม่นานเลยสิน่ะ" จูดิธกล่าว
              เทนยะพยักหน้า "คิดดูนะ ว่าพวกเขามานี้เพื่อมาจัดการกับพวกแมนิเกเตอร์ที่หลุดออกจากฐานทัพของสหพันธ์โลกใหม่ไว้ เพียงแต่ เพราะมีพวกเรามากระตุ้นขัดขวางไว้ เลยทำให้พวกเขาต้องใช้ทรัพยากรในการปฏิบัติการณ์ไม่น้อย ย่อมหมายถึงเสบียงกระสุน อะไหล่ อาหารและยาต้องพล่องลง แล้วยิ่งมามีภาระเพิ่มขึ้นอีก 2-3 กลุ่มด้วยแล้ว ยิ่งทำให้พวกเขาบุกฐานทัพ ที่มีโครงประตูมิติเอาไว้ด้วย ซึ่งเธอน่าจะรู้น่ะ ว่าพวกเขาบุกเพื่ออะไรละ"
              "ฉันรู้แล้วละ พวกเขาหลอกล่อให้ทหารออกไปจากฐานให้หมด เพื่อยึดประตูมิติมาใช้ขนเสบียงจากดาวแม่ของพวกเขาไว้น่ะ" จูดิธบอก "แต่ ถ้าพวกเขาทำเช่นนั้นจริง ก็ต้องมีหุ่นหรือยานขนส่งเสบียงจำนวนมากออกไปเลยสิ"
              เทนยะกล่าว "แล้วถ้าเกิดว่าหุ่นรบมีระบบพลางตัวคอยบังยานขนส่งขึ้นมาล่ะ พวกไทรเวเซอร์ใช้วิธีพลางตัวแบบนี้มาสองครั้งแล้วน่า"
              "จะว่าไปก็ใช่น่ะ เรดดิลและบลูดัสท์เห็นหุ่นตัวโตสองตัวคลุมตัวเองเป็นหุบเขา ทั้งๆที่แถบนั้นไม่มีหุบเขาสักหน่อยน่ะ" คงเดชบอก
              เทนยะกล่าว "ใช่ และไม่ใช่แค่เสบียงที่พวกเขาได้จากดาวอื่น เกรงว่าพวกเขาคงไม่ยอมให้ฐานทัพแต่ละแห่งใช้ประตูมิติได้แน่นอน ซึ่งเธอคงจะรู้อยู่แล้วใช่มั้ยละ"
              "ใช่ ทาริก้าและพวกตรวจเช็คสิ่งที่เราตรวจพบจากฐานทัพดังกล่าวแล้ว ล้วนเจอโครงประตูมิติที่หักพังเสียหาย แถมมีชิ้นส่วนบางอย่างหายไปด้วยน่ะ" จูดิธกล่าว
              มิลโดว์บอก "พวกเขาคงไม่ได้ขโมยชิ้นส่วนเพื่อสร้างประตูมิติใช้พาหนีไปจากโลกเลยละสิ"
              "ทำนองนั้น เพียงแต่ ถ้าพวกเขาทำโครงประตูแบบนี้ให้ใหญ่กว่าละก็ คงเป็นไปได้ยาก เพราะจากที่ฉันดูมานิ โครงประตูเหล่านั้นคงใช้พลังงาน 3 ใน 4 ของโรงไฟฟ้าพลังพลาสม่าหรือมากกว่านั้นแน่นอน" เทนยะบอก "แต่ถ้าจะใช้แหล่งพลังงานที่สามารถทำเช่นนี้ได้ โดยไม่ถูกจับได้ละก็ พวกเขาคงจะต้องใช้พลังงานจากที่อื่น ซึ่งพวกเขาต้องไปที่ญี่ปุ่นแน่นอนน่ะ"
              จูดิธกล่าว "ถ้าให้ฉันเดาน่ะ นอกจากมัตสึดะ คิริซาว่าแล้วนิ ในประเทศของนายยังมีกลุ่มแมนิเกเตอร์หัวขบถที่หลบหนีออกนอกประเทศไปเข้ากับกองกำลังของโคเคส แอคเมนโด้เมื่อ 24 ปีก่อนด้วยนิน่า เห็นว่าชื่อคาวาอะไรสักอย่างน่ะ"
              "คาเซคาว่า มาริ ทายาทมือสังหารตระกูลคาเซคาว่าในแถบคันไซ หนึ่งในโปรเจคซุปเปอร์ชิโนบิของทางรัฐบาลที่รวบรวมเหล่านินจาจากทั่วญี่ปุ่น มาดัดแปลงเป็นแมนิเกเตอร์เพื่อรับมือกับกลุ่มผู้คุกคามประเทศภายใต้เงามืด ซึ่งเธอกับพวกหลบหนีออกนอกประเทศไปเข้ากับกองกำลังโคเคส โดยที่พวกเธอจัดการกับพวกมือสังหารที่กลุ่มตระกูลนินจาส่งมาเก็บเธอและพวกไปได้ แล้วก็หายเงียบไปพร้อมกับโคเคสและพวกด้วยน่ะ" เทนยะบอก "เธอเองก็เห็นสมาชิกสวมเกราะอยู่ตนหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและจัดการกับทหารฝ่ายเราอย่างรวดเร็ว ด้วยดาบเพียงเล่มเดียวละก็ นั้นแหละ คาเซคาว่า มาริกันละ"
              จูดิธบอก "แสดงว่าการที่เธอไปอยู่กับฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ คงทำให้เธอฝึกฝนตนเองก้าวไกลกว่าที่คิดแน่ๆเลยละ คิดว่าเธอจะกลับบ้านไปเคลียร์เรื่องครอบครัวหรือเปล่าละ"
              "ต้อง เพราะ ข่าวลือของกลุ่มนินจาอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายคาเซคาว่า ที่ทำงานให้กับฝ่ายรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น เห็นว่าผู้อาวุโสโยรุคาเซะพยายามไม่น้อยที่จะส่งคนของเขาลอบขึ้นสถานีอวกาศ เพื่อมุ่งหน้าไปเชือดเธอถึงที่ดาว ซึ่งโดนสกัดกั้นมาหลายครั้งด้วยน่ะ" เทนยะกล่าว "และการที่เธอถูกลักพาตัวพร้อมกับพวกพ้องจากดาวอื่น เป็นไปได้แค่อย่างเดียวก็คือ...."
              คงเดชบอก "ตาแก่ตระกูลคาเซคาว่าร่วมหัวกับไอ้พวกเงาสยามทมิฬอย่างงั้นละสิน่ะ"
              "แค่ครึ่งเดียว เพราะอีกครึ่งนั้น เหมือนพวกเขาจะได้แรงสนับสนุนจากสหพันธ์โลกใหม่ให้ทำเช่นนั้นแหละ" เทนยะกล่าว
              จูดิธบอก "ไม่อยากบอกเลยน่ะ เทนยะ แต่งานนี้ฉันคงต้องให้นายจัดการแล้วละ"
              "ถึงเธอไม่บอก ฉันก็จัดการก่อนแล้วละ เพราะว่า....ฉันได้ยินมา ว่านายพลฮิซาริเตรียมพร้อมต้อนรับพวกไทรเวเซอร์เอาไว้แล้วน่ะ" เทนยะบอก
              คงเดชกล่าว "ภาวนาว่าพวกยากูซ่าในเครื่องแบบคงจะอ่วมอรทัยกันบ้างน่า"

    Triveser Manigator Saga:Hyperstar Trooper ภาคโลกา
    ตอนที่ 21 ยุทธการลับบนโลก ขั้นที่ 6 พักร้อนที่แดนอาทิตย์อุทัย ไฟท์ใหญ่ใกล้หุบเขาฟุจิ


              ณ.เขตเมืองเกโร กิฟุ ภูมิภาคชูบุ ประเทศญี่ปุ่น
              "บรืนนนนนนนนนน" พีวิลขับรถบัสคันโตเคลื่อนไปตามถนน โดยมีผู้โดยสารเป็น....
              "เอ้ย พวกเราจะไปออนเซนทั้งที ทำไมไม่ไปที่เมืองมันดังๆเลยวะ" คลอเวฟบ่น โดยที่เขากับพวกแปลงสภาพเป็นมนุษย์ไว้แล้ว
              เจเนลบอก "นั้นสิ เมืองออนเซนดังๆอย่างอาตามิและเบ็ปปุ ไม่ไป ทำไมต้องไปไกลถึงขนาดนี้ด้วยละ"
              "คงไม่ได้ไป เพื่ออยู่ให้ห่างจากจุดจอดยานของพวกเราสิน่ะ" เบติสกล่าวโดยที่เขาพาครอบครัวมาด้วย
              พีวิลบอก "นั้นถูกครึ่งหนึ่งนะครับ เพราะเราจอดยานอยู่ที่หุบเขาไฟฟุจิ ซึ่งเราต้องไปให้ห่างจากยานสักหน่อย แม้นั้นหมายถึงเราอาจจะกลับมาที่ยานช้าไปเลยก็ตาม" แล้วก็พูดต่อ "อีกครึ่งนั้น เราได้รับคำแนะนำจากนายพลฟอสเตอร์ นายพลผู้รับผิดชอบกองรบภายในเขตเอเชีย ประจำประเทศไทยทางตอนกลางกันนะครับ ว่าให้เราไปที่ออนเซนในเกโร กิฟุ เนื่องจากว่า นายพลท่านหนึ่งในญี่ปุ่นนัดหมายพวกเราไว้นะครับ"
              "คุรามะ ฮิซาริละสิน่ะ พีวิล" สเตฟอร์ดบอก พีวิลพยักหน้า
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าให้เดาน่ะ มาสวาร์ทาร์ไม่มากับเรานั้น คงจะไปเยี่ยมบ้านครอบครัวฝั่งแม่ของเขาละสิ"
              "ใช่ แม้ว่าเขาไม่อยากจะกลับมาในสภาพของแมนิเกเตอร์แล้วก็ตาม แต่ มาสวาร์ทาร์เลือกจะเผชิญหน้ากับทุกๆคนในครอบครัว หากว่ายังมีครอบครัวเหลืออยู่บ้างน่ะ" พีวิลบอก
              สเปียริทกล่าว "เพราะอย่างงั้น นายเลยได้การ์ดจากมาสวาร์ทาร์ไว้เลยสิน่ะ"
              "การ์ดที่ฉันได้มานั้นเป็นบัตรเครดิตของมาสวาร์ทาร์ ซึ่งมีเงินสดหลงเหลืออยู่ในบัญชีธนาคาร อีกทั้งมาสวาร์ทาร์อนุญาตให้เราใช้เงินในการไปเที่ยวออนเซนไว้ด้วย เพียงแต่ เราต้องใช้ในสถานะนักท่องเที่ยวธรรมดาเท่านั้นเองน่ะ" พีวิลกล่าว
              ลิเนียร์ตี้บอก "แล้วไม่กลัวว่า บัญชีของมาสวาร์ทาร์จะถูกรัฐบาลญี่ปุ่นอาญัติไว้เลยหรือ"
              "นั้นสิ ขนาดฉันพยายามจะเบิกเงินจากบัญชีของฉันที่ยังอยู่ในบ้านเกิดเอง ก็ทำไม่ได้เลยน่ะ" โฟรซ่าบอก
              มิลด์กล่าว "นั้นเพราะว่าคุณออลเบนท์เป็นญาติผู้รับผิดชอบเงินจากบัญชีของคุณ เขาจึงแจ้งให้ศาลสั่งอาญัติบัญชีของคุณไว้นะคะ"
              "มาสวาร์ทาร์เองก็รู้ดี ว่าบัญชีของเขาต้องถูกอาญัติแน่นอน แต่นั้นก็เป็นหลักฐานยืนยันว่าพวกเราเป็นพวกเดียวกันกับมาสวาร์ทาร์นี้แหละ" พีวิลตอบ
              เนคมาดูซัมบอก "แม้จะเสี่ยงกับการที่กองทหารที่มิใช่ฝ่ายของนายพลคุรามะมาเจอเข้าเลยก็ตาม แต่เราจำเป็นต้องยืนยันให้อีกฝ่ายรู้สถานะของพวกเราเลยสิน่ะ"
              "แล้วว่าแต่ โรงแรมออนเซนที่เราจะต้องเจอกับนายพลฮิซารินิ เป็นที่ไหนละ พีวิล" วิลด้าถาม
              พีวิลบอก "นายพลฟอสเตอร์ให้ที่อยู่ออนเซนที่ว่าไว้แล้วละครับ ไกซ์ เช็คแผนที่ในแพ็ดได้มั้ยละ เผื่อว่าแผนที่เดิมมันเปลี่ยนแปลงด้วยเวลาผ่านไป 24 ปีนะ"
              "ได้อยู่แล้วละครับ ลูกพี่ เพราะรถบัสที่เราไปนำมาจากโรงรถที่เฟิร์สฮิลล์นิ ระบบจีพีเอสยังรุ่นเก่าแกลบเลยนะครับ" ไกซ์กล่าว โดยชี้มายังตัวจีพีเอสที่แปะป้ายไว้ว่า "เจ็ง รอเปลี่ยนตัวใหม่" เลยต้องใช้แพดเปิดแอพแผนที่เอง
              จิลบอก "แน่ละ ถ้าไม่เพราะเพื่อนเราตนหนึ่งไปสร้างหนี้เพิ่ม พวกเราคงมีเงินไว้ซ่อมตัวจีพีเอสนี้ไปนานแล้วละ" โดยหันมายังคลอเวฟที่นั่งหน้า
              "พอเหอะน่า เอาเรื่องไปพบปะกับนายพลฮิซาริให้จบเสียก่อนจะได้มั้ยละ" คลอเวฟแย้ง
              แอบไบออสบอก "ได้อยู่แล้วละ" จากนั้นพีวิลก็ขับรถขึ้นหุบเขาไปตามทาง ซึ่งก็มาถึง.... "เกนบุออนเซน มาถูกที่แล้วใช่มั้ยละ ร้อยเอก" แอบไบออสบอก  
              "ถูกที่แล้วครับ สิบเอก ตำแหน่งตรงกัน มีที่จอดรถด้านหน้าอาคารหลัก อยู่บนหุบเขา ใกล้กับแม่น้ำฮิดะและมาเซะ และมีรูปเต่าดำแปะบนป้ายด้วยละครับ" พีวิลบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "แต่ หมอกมันลงหนามากขนาดนี้ ไม่กลัวว่าจะมีศัตรูแอบซุ่มเลยหรือ"
              "เออ หมอกนั้นเป็นไอน้ำจากออนเซนซะมากกว่าน่ะ เพราะอุณหภูมิโดยรอบนั้นมีความร้อนอยู่รอบ จนแลดูเหมือนเป็นหมอกปกคลุมกันนี้แหละ" พลัสเชอริทกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "ถ้าเช่นนั้น เราลงจากรถกันดีกว่าน่ะ" แล้วทั้งหมดก็ลงจากรถ โดยที่จายด์ ลงด้วยการเปิดประตูหลังแล้วเลื่อนหมุนเก้าอี้ไปข้างหลัง จากนั้นจายด์ก็เลื่อนเก้าอี้กลับไปที่เดิม และดันประตูหลังเข้าที่ จากนั้นก็เปิดเอาสัมภาระที่อยู่ใต้ท้องรถออกมา จากนั้นพีวิลก็ขับรถบัสไปจอดใกล้กับทางเข้าไว้ ก่อนจะลงมาจากรถ แล้วเข้าไปในโรงแรมออนเซนด้วยกัน
              "โอ้ว แขกแต่ละคนนิ ไม่ปกติทั้งนั้นเลยน่ะ" แคร์เรี่ยนในสภาพมนุษย์กล่าวอย่างไม่ไว้ใจ เนื่องจากแขกที่เข้ามาพักนั้น มีผู้ชายเป็นส่วนมาก ซึ่งมีรอยแผล รอยบากตามหน้า บางคนสวมแว่นดำ และสวมหน้ากากปิดปากไว้ ในขณะที่แขกผู้หญิงนั้นมีเพียงน้อยนิด แต่บางคนมีการสวมแว่นและทำสีผมฉูดฉาดไว้ด้วย
              เจเนลกล่าว "ตอนนี้เธอควรทำตัวให้ปกติไว้ก่อนจะดีกว่าน่า"
              "เออ แขกจำนวน 19 ท่าน เด็ก 3 ผู้ใหญ่ 16 สั่งจองพักห้องรวมห้องซุยเรนตามที่แจ้งมาแล้วนะคะ" พนักงานต้อนรับกล่าว โดยที่พีวิลกับสเปียริทแจ้งไว้แล้ว เธอถามไปว่า "ว่าแต่ พวกคุณจะจ่ายด้วยเงินสดหรือว่า...."
              พีวิลเลยส่งบัตรเครดิตมาให้ สเปียริทบอก "เราขอจ่ายด้วยบัตรเครดิตนี้แล้วกันนะคะ"
              "พอทราบชื่อเจ้าของบัตรได้มั้ยละคะ คุณ...." พนักงานสาวกล่าว
              พีวิลบอก "มัตสึดะ คิริซาว่า เทมตัน เลขประจำบัตร....." แล้วก็บอกเลขบัตรที่จำได้โดยเร็ว ซึ่งก็ทำให้....แขกที่เข้ามาพักต่างมองมาอย่างพร้อมเพียงกัน
              "เออ พ่อคะ พวกเขากลัวพวกเราหรือเปล่าละคะ" แฟริลถาม
              เบติสบอก "อย่ากลัวไปเลยน่ะ ลูก พวกเขาแค่ประหลาดใจเท่านั้นเองแหละ"
              "ถ้าเช่นนั้น พวกคุณเชิญไปที่ห้องพักซุยเรนได้เลยคะ คุณคิริซาว่า ขอให้มีความสุขกับการพักผ่อนนะคะ" พนักงานสาวกล่าว พวกพีวิลสามารถเข้าพักในโรงแรมออนเซนได้แล้ว
              "ห้องพักนิ กว้างกว่าห้องพักของมาสวาร์ทาร์อย่างมากเลยวะ" คลอเวฟกล่าว เมื่อมาอยู่ในห้องซุยเรน ซึ่งมีความกว้างสำหรับรองรับแขกที่มาพักเป็นสิบคนขึ้นไปได้
              "แล้วก็มีวิวป่าเขาใกล้ๆกันเสียด้วยน่า" โฟรซ่าบอก โดยที่เธอเอากระเป๋าไปวางแล้ว "ว่าแต่ บ้านเกิดของมาสวาร์ทาร์อยู่ที่ไหนน่ะ"
              พีวิลบอก "อยู่แถวเกียวโตนะครับ บ้านคิริซาว่าเป็นสำนักเพลงดาบชื่อดังที่อยู่แถบป่า มาสวาร์ทาร์คงต้องใช้รถขับไปแน่นอน เพียงแต่ เขาคงไม่ใช้รถของเราแน่นอน"

              "ขอบคุณมากนะครับ มิสเตอร์เรนตัน หวังว่าคุณคงจะคืนรถกลับมาได้นะครับ" พนักงานร้านเช่ารถกล่าว หลังจากที่มาสวาร์ทาร์ทำเรื่องเช่ารถมาแล้ว โดยที่เขามากับแอนเดรียด้วย
              "ไม่คิดเลยว่า บริการให้เช่ารถเก๋งยังคงอยู่ ทั้งๆที่มันควรหายไปในช่วงยุคทอง ทันทีที่มีการสร้างรถบินได้เองนิคะ" แอนเดรียกล่าว เมื่อได้เห็นรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชี่แลนเซอร์รุ่นเก่า เพียงแต่ตัวเครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์พลังโปรตอนที่เคยใช้ในช่วงยุคทองมาก่อน
              "ความต้องการรถยนต์ปกติยังคงอยู่น่ะ แอนเดรีย อีกอย่าง รถบินได้นั้น มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่ารถบนพื้น เนื่องจากว่ามันอาจจะชนกับเสาส่งไฟฟ้า ชนกับป่าเขาสูง หรือแม้กระทั่งเครื่องบินโดยสารภายในกันด้วย รถบินได้จึงถูกสร้างไว้สำหรับกรณีที่เฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถใช้งานได้นะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก โดยที่เปิดประตูให้แอนเดรียนั่งฝั่งซ้าย ตัวเขาไปนั่งฝั่งคนขับด้านขวา แต่ยังไม่ทันจะสตาร์ทรถเลยนั้น "ก็อกๆๆๆ" อีธานเคาะกระจกดังๆ จนมาสวาร์ทาร์เปิดกระจกมา ก็เห็นอีธาน เอโอลีน แมบิลีน ฟูลออเรสและเมดิน่ายืนอยู่ด้วย
               "ขอโดยสารไปได้มั้ยละครับ" อีธานกล่าว
              "ว่าแต่ พวกคุณควรจะไปตรวจหาสถานที่เก็บอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับทำเครื่องมือสำคัญมิใช่หรือคะ" แอนเดรียบอก
              เอโอลีนกล่าว "ฉันได้ระบุตำแหน่งให้พวกคุณเมย์เดย์ไปขนมาเก็บไว้ที่ยานแล้วละ ซึ่งโชคดีมากที่ตำแหน่งบังเกอร์ลับที่เขตโทโฮคุกับคันโตยังอยู่ดีทุกอย่าง เราเลยต้องมากับพวกคุณ เพื่อไปเช็คตำแหน่งที่เขตคันไซและคิวชูเลยนะคะ"
              "เพราะอย่างงั้นพวกคุณเลยต้องมาด้วยกันสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "แต่....เธอสองคนมาด้วยนิ ถือว่าเสี่ยงไม่น้อยเลยน่า เพราะว่าพวกเธออยู่นอกระยะส่งหุ่นเพรโทรแน็กซ์ไปมากเลยน่ะ"
              ฟูลออเรสกล่าว "ขอแค่พวกเราจบธุระแล้ว รีบกลับไปก็ไม่สายเลยนะครับ"
              "แต่พวกเธอคงรู้เอาไว้น่ะ ว่าต่อให้รถคันนี้มีพลังงานโปรตอน ที่ทำให้ฉันสามารถขับจากเกียวโตไปโตเกียวได้นั้น อาจจะไปล่าช้าได้ จากการมีทหารสหพันธ์โลกใหม่ประจำญี่ปุ่นมาตั้งด่าน การจราจรติดขัด รวมถึงอุบัติเหตุบนท้องถนนกันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              แมบิลีนกล่าว "เรื่องนั้นคุณพ่อเล่าตอนขับรถจากนิคโก้มาหาคุณลุงและคุณป้าไว้แล้วนะคะ อย่างน้อย หนูอยากรู้ว่าบ้านเกิดแม่ของลุงมาสวาร์ทาร์เป็นเหมือนในการ์ตูนหรือเปล่าละคะ"
              "ไปถึงเดียวก็รู้เองละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว แล้วก็ขับรถตรงไปยังเขตป่าเขารอบเกียวโต รัดเลาะไปตามถนน จนกระทั่งมาถึง....
              "นี้คงเป็นบ้านของคุณแม่ของคุณสิคะ" แอนเดรียกล่าว เมื่อเธอและพวกมาถึงหน้าบ้าน อันเป็นสำนักเพลงดาบคิริซาว่า กันแล้ว
              "ทุกอย่างดูไม่เปลี่ยนไปเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก โดยที่เขาเดินตรงไปยังประตูหน้า
              "แอ็ดดดด" ไม่ทันไร ประตูหน้าก็เปิดออก พร้อมกับชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเดินออกมา ซึ่งเขาเห็นหน้ามาสวาร์ทาร์ในสภาพมนุษย์ก็ตกใจขึ้นมา "เออ คุ คุณมัตสึดะ...." เขาทักมาสวาร์ทาร์ ซึ่งกล่าวตอบเมื่อได้เห็นหน้าไปว่า
              "....ฮิโรกิ อากิยามะ ฮิโรกิใช่มั้ยละ"
              "คุณมัตสึดะยังจำผมได้เลยหรือ ดีจังเลยนะครับ ที่คุณยังอยู่น่ะ" ชายหนุ่มกล่าว ไม่ทันไรก็มีชายหญิงเดินออกมา "นี้พวกเรา คุณมัตสึดะ กลับมาแล้วน่ะ"
              โดยที่พวกเขาต่างได้เห็นหน้ามาสวาร์ทาร์ก็อุทานขึ้นมา "พี่มัตสึดะจริงๆหรือเนี้ย นึกว่าพี่ตายไปแล้วเสียอีกน่ะ" ชายร่างอ้วนกล่าวขึ้นมา
              "มาบูตะ ยูริกะ ซาโยะ คุเซกะ โอทากิ นาโอมิ เคนซากิ ซึบาเมะ นี้พวกเธอ ยังอยู่จริงๆด้วยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าวอย่างดีใจ
              หญิงสาวนามนาโอมิบอก "พี่มัตสึดะกลับมาได้เช่นนี้ ถือว่าปฏิหารย์ช่วยไว้ได้จริงๆนะคะ"
              "นั้นสิครับ พวกเราได้รับข่าวมาว่า คุณเสียชีวิตตอนอยู่ที่ลอนดอนแล้ว ไม่คิดเลยว่าคุณจะกลับมาได้เสียอีกน่ะ" ชายผมตั้งชื่อเคนซากิ
              ชายผมพังค์ชื่อคุเซกะบอก "พวกเราไม่คิดเลยว่าพี่จะไม่กลับมาเสียอีก หลังจากที่....คุณตาของพี่จากไปแล้วน่ะ"
              "คุณตา ไปแล้วนะหรือ....ท่านไปตั้งแต่เมื่อไหร่ละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              หญิงผมสั้นสีน้ำตาลชื่อซึบาเมะบอก "อาจารย์ตาคิริซาว่าจากไปเมื่อ 15 ปีก่อนนะคะ โดยตอนนี้พวกเราได้มาช่วยดูแลสำนักเพลงดาบนี้ให้คงอยู่ต่อ ถึงแม้ว่า พวกเราส่วนมาก ต่างไปมีหนทางชีวิตใหม่กันแล้วก็ตาม" แล้วก็บอก "ตอนนี้ พวกเราตั้งใจจะไปเคารพศพอาจารย์ตาและคุณป้าอยู่เลยนะคะ"
              "เออ ว่าแต่ คนพวกนี้เป็นใครกันละครับ" ชายอ้วนนามมาบูตะบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เออ นี้คือ แอนเดรีย เพื่อนชาวรัสเซียที่รู้จักกันที่ไซบีเรีย ส่วนนี้ ครอบครัวเนบิวเลย์ เพื่อนจากดวงจันทร์ พวกเขามานี้เพื่อมาท่องเที่ยวกันน่ะ" แล้วก็แนะนำตัว "พวกเขา เป็นลูกศิษย์รุ่นเด็กที่คุณตาและคุณแม่สอนพวกเขากันอยู่นะ"
              "ยินดีที่ได้รู้จักกันนะคะ" แอนเดรียบอก
              ชายร่างผอมนามโอทากิบอก "ว่าแต่ คุณมัตสึดะคงจะไม่ได้แต่งงานกับคุณแอนเดรียไปแล้วละสิน่ะ"
              "เออ เราแค่คบหาดูใจกันมาตลอด 4 ปีแล้วละจ๊ะ" แอนเดรียกล่าว "ในเมื่อพวกเธอไปเคารพศพของคุณแม่และคุณตาของคุณมัตสึดะกัน พวกเราขอไปด้วยได้มั้ยละ"
              ฮิโรกิบอก "ได้อยู่แล้วละครับ"
              จากนั้น พวกฮิโรกิก็พาพวกมาสวาร์ทาร์มาที่สุสานห่างจากสำนักดาบไปไม่มากนัก โดยมาอยู่ตรงหน้าป้ายสุสานที่เขียนตัวคันจิ แปลได้ว่า สุสานตระกูลคิริซาว่า เอาไว้ ฮิโรกิและพวก รวมถึงพวกมาสวาร์ทาร์ ต่างทำความเคารพศพกัน
              "คุณแม่ คุณตา ผมขอโทษด้วย ที่มิอาจกลับมาเยี่ยมพวกท่านได้ ไม่ใช่ว่าผมใจดำหรือเห็นแก่ตัว เพียงแต่ ผมไม่สามารถกลับมาในฐานะมนุษย์ได้ก็เท่านั้นเอง หวังว่าพวกท่านคงจะให้อภัยต่อผมนะครับ" มาสวาร์ทาร์คิดในใจขึ้นมา
              แอนเดรียบอก "ถึงไม่มีชื่อของคุณแม่และคุณตาของคุณ พวกเขาก็คงอยู่ด้วยกันเลยละสิคะ"
              "นั้นเป็นธรรมเนียมของญี่ปุ่นกันน่ะ ที่ต้องมาเคารพศพตรงป้ายหลุมศพประจำตระกูลไว้ ไม่ว่าจะมีคนในครอบครัวเสียไปเท่าไหร่ก็ตามน่ะ" อีธานบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ว่าแต่ พวกเธอมานี้ คงไม่ได้คิดที่จะขายสำนักเพลงดาบ แล้วไปอยู่ที่อื่นเลยสิน่ะ"
              "พวกเราทำตามคำสั่งเสียของท่านอาจารย์เอาไว้นะครับ นับตั้งแต่คุณหายสาปสูญไปแล้ว อย่างน้อยเราก็ช่วยดูแลสำนักเพลงดาบนี้เพื่อให้คุณดูแลต่อเองนะครับ" ฮิโรกิบอก
              หญิงผมสีน้ำเงินนามยูริกะกล่าว "ตลอด 24 ปีที่ผ่านมา พวกเราช่วยกันดูแลสำนักเพลงดาบและฝึกฝนเด็กๆให้สืบสานเพลงดาบของสำนักแห่งนี้ไว้ แม้ว่าพวกเราจะมีคนเข้าสำนักน้อยลงเลยก็ตาม อย่างน้อยก็ดีกว่าเราปล่อยทิ้งร้างไว้นะคะ"
              "เกรงว่าฉันคงต้องให้พวกเธอดูแลมันต่อไปแล้วละ เพราะว่า ฉันไม่สามารถกลับมาดูแลสำนักดาบนี้ต่อไปได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "แต่ในเมื่อฉันกลับมาทั้งที ถ้าไม่กลับมาบ้านก็เหมือนใจดำไปหน่อยน่ะ"
              เอโอลีนกล่าว "พวกเราเองก็ขอรบกวนพวกคุณด้วยนะคะ"

              วกกลับมายังพวกพีวิลที่เกนบุออนเซนกันบ้าง
              "ไม่คิดเลยว่า เราต้องเปลือยกันแบบนี้เลยน่ะ" ไซโคลเนียบอก โดยที่เธอและพวกผู้หญิงต่างเดินลงบันไดไป โดยมีผ้าเช็ดตัวเล็กปิดไว้
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ไม่ต้องแปลกใจหรอก เพราะว่าพวกป้าๆเองก็เปลือยแบบเดียวกับเรานี้แหละ" โดยที่คุณป้าและคุณยายต่างลงอาบออนเซนในสภาพเปลือยเหมือนกัน จนมาถึงบ่อน้ำร้อนกันแล้ว
              "แสดงว่าที่เห็นคนสวมผ้าเช็ดตัวลงอาบนิ มีแต่ในรายการนำเที่ยวเองละสิน่ะ" วิลด้าบอก
              โฟรซ่ากล่าว "คะ เพราะรายการนำเที่ยวนั้นแพร่หลายไปให้คนอื่น ซึ่งผู้สร้างรายการคงไม่อยากให้ภาพเปลือยของผู้นำเสนอเห็นได้เลยนะคะ" แล้วก็หย่อนตัวลงบ่อน้ำร้อนไป
              "อา รู้สึกดีจังเลยนะเนี้ย ไม่คิดเลยว่าออนเซนดั่งเดิมจะร้อนได้เพียงนี้น่ะ" สเปียริทบอก
              จิลกล่าว "นั้นสิ พวกเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติกันเช่นนี้ รู้สึกร่มรืนและโล่งใจอย่างมากเลยละ"
              "แล้วเธอไม่กลัวว่าร่างแอนดรอยของเธอจะผิวลอกเลยหรือไงน่ะ" แคร์เรี่ยนในร่างมนุษย์ถามมิลด์ ซึ่งตอบไปว่า
              "วางใจได้คะ เพราะว่าผิวกายของแอนดรอยอย่างฉันและพวกเราที่มาด้วย ตอนนี้แทบเหมือนกับมนุษย์และไม่มีการหลุดลอกเมื่อโดนน้ำแล้วละคะ"
              "นั้นเป็นอนิสงห์ที่คุณเมซ่ามอบให้เมื่อ 4 ปีก่อนนี้แหละ แม้ว่าตอนนี้ พวกเราจะถูกตามล่าเลยก็ตามน่ะ" ไซโคลเนียบอก
              วิลด้าบอก "ดีหน่อยหนึ่งที่บ่อน้ำนี้มีกำแพงขวางกั้นเขตชายหญิงไว้ด้วย ไม่งั้น คงได้เขินอายกันแน่ๆเลยละ"
              "ว่าแต่ นายคงไม่เผลอเปิดแขนอีกคู่ออกมาสิน่ะ" เจเนลกล่าวโดยตอนนี้ เขา พีวิล แอบไบออส พลัสเชอริทและฟิเกซอาบอยู่ในถังไม้
               ฟิเกซกล่าว "คาโมฟลัทฟอร์มนั้นสมบูรณ์แบบมาก ถึงขั้นปิดแขนคู่ที่สองไว้แล้ว ยิ่งอยู่ในน้ำร้อนจัดด้วยนั้น ยิ่งไม่เป็นปัญหากันหรอก"
              "สกินโค้ทติ้งที่ฉันใช้อยู่นั้นแม้ป้องกันน้ำและความร้อนได้ร้อยเปอร์เซนต์แล้วก็ตาม แต่อย่างน้อย คงจะกันแร่ธาตุที่แฝงมากับน้ำได้บ้างน่ะ" พลัสเชอริทที่ปลอมตนเป็นชายผิวเข้มกล่าว
              แอบไบออสบอก "แต่ร่างของฉันคงได้แร่ธาตุในน้ำมาเต็มๆแล้วละน่า" แล้วหันมาบอกกับพีวิล "แต่ บ่อนี้มีคนหน้าตาไม่ไว้ใจกันทั้งนั้นเลยน่ะ" เพราะเขาเห็นชายหัวโล้นที่มีรอยสักเต็มตัว มากับชายผมกะลาครอบคาดที่ปิดตาสีดำไว้ตาซ้ายมีรอยสักยักษ์กับงูเห่าไว้ตรงหัวไหล่สองข้าง กับชายหัวเกรียนร่างใหญ่ที่มีรอยสักเสือโคร่งประทับหลังไว้
              "โรงแรมออนเซนแห่งนี้ เป็นเขตอนุญาตให้ยากูซ่ามาพักได้นะครับ สิบเอก" พีวิลบอก โดยที่พวกเนคมาดูซัม ซึ่งลงอาบพร้อมกับเบติสและไกซ์ในบ่อกันแล้ว
              จายด์บอก "รู้สึกว่า คนเหล่านี้มองพวกเรากันยกใหญ่เลยน่า" เพราะเขาเห็นสายตาของพวกยากูซ่าที่อาบอยู่ในบ่อเดียวกันมองมาทางพวกเขาด้วย
              "พวกเขาคงเห็นว่านายเป็นโคตรกอริลล่ากระมั่ง เพราะนับแต่นายลงน้ำมา พวกลิงตัวเล็กตัวน้อยที่ควรจะอยู่แถวนี้ ดันหายไปหมดเลยน่ะ" คลอเวฟบอก
              ไกซ์กล่าว "ที่ถูกนั้นควรเป็นกอริลล่า 4 ตัวและคิงคองอีกตัวซะมากกว่าน่ะ"
              "ไกซ์ พูดดีๆหน่อยน่ะ แม้ฉันตัวใหญ่ แต่ก็ไม่เท่ากับกอริลล่ากันหรอกน่ะ" เบติสตำหนิ แล้วก็ถาม "คิดว่า นายพลฮิซาริอยู่แถวนี้หรือเปล่าน่ะ"
              สเตฟอร์ดบอก "ตอนนี้ ผมแนะว่าเราไม่ควรพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับท่านนายพลคุรามะจะดีกว่านะครับ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ ในหมู่ยากูซ่า อาจจะมีคนของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่แฝงอยู่สิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว "งั้นเราทำตัวไปตามปกติเลยแล้วกันน่ะ"
              จากนั้น พวกพีวิลก็ขึ้นจากการอาบน้ำร้อน ทำกิจกรรมในโรงแรม อย่างเล่นปิงปอง ร้องเพลงคาราโอเกะ ทานข้าวเย็นกัน แล้วก็มารวมตัวกันในห้องนอน
               "ถ้าพวกเธอคิดจะปาหมอนละก็ อย่าดีกว่าน่ะ เพราะเราไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่นเลยน่ะ" วิลด้าห้าม
              "พวกเราไม่มีทางฆ่าพวกเดียวกันด้วยการปาหมอนใส่หน้าได้หรอกคะ" สเปียริทบอก วิลด้ากระแอ่มไว้ เพราะสเปียริทมีพละกำลังเยอะสุด
              เบติสบอก "แคร์เรี่ยน ทีมของเธอได้ของจากในบังเกอร์ที่อีธานระบุไว้ได้หรือยังละ"
              "ได้แล้วละคะ คุณเบติส เหลือเพียงแต่ฝั่งตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้เท่านั้น ที่ยังไม่ได้เข้าไปเช็คเลยนะคะ" แคร์เรี่ยนกล่าวหลังจากที่เธอรับการติดต่อมาแล้ว
              เนคมาดูซัมกล่าว "หวังว่าพวกบ็อกไซน์คงไม่ไปหาเรื่องกับพวกทหารในระแวกใกล้เคียงกันบ้างน่ะ ไม่งั้นพวกเราจะซวยกันหมดเลยน่ะ" แล้วก็บอก "เพราะว่ามาสวาร์ทาร์แจ้งเตือนเราถึงเจ้าหน้าที่เอลีททเวลฟ์อีกคนที่อยู่ในญี่ปุ่นไว้น่ะ"
              "พอจะบอกได้มั้ย ว่าเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นที่เป็นเอลีททเวลฟ์นั้น เป็นใครละ" เบติสถาม
              โฟรซ่านำภาพชายผมตั้งสีดำพร้อมกับบอกว่า "ฮันโดว์ เทนยะ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์เอลีททเวลฟ์ของเทอร่าสควอดอน เกิดที่จังหวัดอิบารากิ ฝึกฝนสำนักดาบคิริซาว่าตอนอายุ 6 ขวบ และไปฝึกเพิ่มเติมที่สำนักดาบในบ้านเกิดเมื่ออายุ 8 ขวบ จนชนะการแข่งเคนโด้มา 6 ครั้ง สมัครเข้ากองทัพเมื่ออายุ 17 ปี โดยเดินเส้นทางเดียวกันกับมาสวาร์ทาร์ เพียงแต่ เขาเข้าร่วมเทอร่าสควอดอนเมื่อ 10 ปีก่อน ในฐานะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการณ์เชิงยุทธการ รวมไปถึงหัวหน้าคุมทีมฝั่งเอเชียด้วย"
              "หัวหน้าทีมฝั่งเอเชีย มิใช่ไอ้ควายทุยคงเดชหรือวะ" คลอเวฟกล่าว
              โฟรซ่าบอก "คงเดชแค่เป็นรองหัวหน้า แต่รักษาการณ์ในช่วงที่เทนยะทำงานอยู่ในญี่ปุ่นกันนะสิ และเทนยะเอง ก็เป็นรุ่นพี่ของเรดดิลและบลูดัสท์ด้วย เพราะลูกศิษย์ที่เป็นทหารใต้บัญชาของฟอสเตอร์ เคยเห็นและเจอเทนยะฝึกเพลงดาบกับเรดดิลและบลูดัสท์กันด้วยน่ะ"
              "ถึงว่าสิ ว่าทำไมทั้งคู่ถึงสู้กับผมและมิลด์ได้น่ะ" ไกซ์กล่าว
              แคร์เรี่ยนบอก "เธอบอกว่าเทนยะเดินตามเส้นทางเดียวกับมาสวาร์ทาร์นิ เธอคงไม่คิดว่าเทนยะเองก็เก่งวางแผนยิ่งกว่ายัยจูดิธของเธอเลยสิน่ะ"
              "ทำนองนั้นแหละ ข้อมูลวงในบ่งบอกด้วย ว่าจูดิธและเทนยะต่างเป็นคู่แข่งกัน แต่ไม่ถึงขั้นเป็นศัตรูต่อกัน เพราะทั้งคู่ต่างเคารพต่อความสามารถของอีกฝ่ายซึ่งกันและกันอยู่น่ะ" โฟรซ่าบอก
              พีวิลบอก "หวังว่ามาสวาร์ทาร์คงจะรู้เรื่องนี้บ้างน่ะ"

              ตัดกลับมาที่มาสวาร์ทาร์กันบ้าง
              "ดีนะคะ ที่บ้านของคุณมัตสึดะมีน้ำร้อนด้วยนะคะ" เอโอลีนบอก โดยที่เธอ แอนเดรีย แมบิลีนและเมดิน่าอาบน้ำด้วยกัน
              "บนดวงจันทร์คงไม่มีวิวดีๆเลยสิน่ะ" ยูริกะกล่าว
              "พวกเราอาบน้ำอยู่ในห้องที่ติดกำแพงสร้างโฮโลแกรมเสมือนจริงไว้ พอมาอยู่กลางป่าเขาจริงๆก็รู้สึกตื่นเต้นเท่านั้นเองนะคะ" เมดิน่าบอก
              ซาโยะกล่าว "ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อย เราก็อาจจะมีลูกศิษย์เป็นชาวดาวพุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ หรืออังคารกันก็ได้น่ะ"
              "แล้วคนแถวนี้ไม่มาฝึกดาบที่สำนักเลยหรือคะ" แอนเดรียถาม
              ซึบาเมะกล่าว "ก็มีอยู่บ้างน่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็ขอออกจากสำนักและเลิกฝึกกลางคันกันทั้งนั้นแหละ เพราะว่าพวกเราคงไม่เหมือนครูฝึกแบบดิจิตอลที่สอนพวกเขาได้ง่าย แต่ไม่เข้าถึงจิตวิญญาณของนักดาบอย่างแท้จริงหรอกน่ะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะว่าพวกคุณน้าคงอยากจะอนุรักษ์เคล็ดวิชาไว้เลยสิคะ" แมบิลีนบอก
              ยูริกะพยักหน้า "ใช่จ๊ะ แม้ว่าพวกเราไม่ได้ใช้วิชาเพลงดาบกันจริงจัง ขอแค่ใช้เพื่อปกป้องตัวเองจากภัยอันตรายได้ก็ถือว่าเกินพอแล้วละ"
              "เทนยะมาที่นี้อย่างงั้นนะหรือ" มาสวาร์ทาร์กล่าวกับฮิโรกิ ซึ่งตอนนี้มาอาบน้ำต่อจากพวกแอนเดรียแล้ว
              "ครับ เทนยะแวะมาที่นี้เมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อมาดูความปลอดภัยที่เกิดขึ้นในสำนักเพลงดาบนี้ โดยบางครั้ง เขาพาทหารต่างชาติและนอกพื้นที่เข้ามาร่วมฝึกกัน ซึ่งพวกเราต้องให้ความร่วมมือกันอยู่แล้วนะครับ" ฮิโรกิเล่า
              "ฉันพอทราบมาบ้างน่ะ เพราะก่อนที่เทนยะจะไปอยู่กับอาจารย์ซาซากิ มินาโมโตะ เจ้าสำนักเพลงดาบเทนเซย์ที่อิบารากิ ซึ่งเป็นปู่ของเทนยะกันนั้น เทนยะเคยฝึกร่วมกับพวกเธอด้วยนะ" มาสวาร์ทาร์บอก "แล้วตอนนี้เทนยะยังมิได้กลับไปดูแลสำนักเพลงดาบของเขาที่อิบารากิเลยสิน่ะ"
              มาบูตะกล่าว "เทนยะให้มุซากิ ลูกชายของปู่ซาซากิคุมสำนักเทนเซย์ โดยที่เขาทำหน้าที่เป็นครูฝึกในสำนักเพลงดาบไว้ แม้ว่าเขาจะทำงานสองที่ด้วยกันนะครับ"
              "เออ คุณเทนยะที่ว่ามานิ คงไม่ได้ทำงานให้กับฝ่ายรัฐบาลประเทศนี้อย่างเดียวนะหรือครับ" อีธานบอก
              โอทากิกล่าว "เคยได้ยินมาน่ะ ว่าเทนยะทำงานให้กับนายพลคราฟตัน หัวหน้ากองกำลังเทอร่าสควอดอนอะไรเนี้ยแหละ ซึ่ง หมอนั้นไม่น่าคิดผิดไปร่วมงานกับฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ ซึ่งพยายามไม่น้อย ที่จะบีบให้รัฐบาลญี่ปุ่นยอมเป็นสมาชิกแบบเต็มตัว เหมือนที่ทำกับประเทศในแถบเอเชียนี้แหละ"
              "แต่อย่างน้อย เทนยะก็มีเงินมากพอมาจุนเจือและช่วยเหลือสำนักเพลงดาบ มิให้ถูกนายทุนที่ดินและเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ซื้อ แล้วเอาไปทำโรงแรมเหมือนสำนักอื่นๆก็เกินพอแล้วนิน่า" คุเซกะบอก
              เคนซากิไม่เห็นด้วย "สำนักเพลงดาบของเราก็ควรจะเป็นของญี่ปุ่นสิ มิใช่ของพวกสหพันธ์โลกใหม่ที่หาเรื่องกดดันราชอาณาจักรแทแรนเซีย จนตัดขาดการค้าขายระหว่างดาวอื่นในระบบสุริยะกันหรอกน่ะ" แล้วก็บอก "พี่มัตสึดะ พี่มีความเห็นเป็นเช่นไรละ"
              "ว่าแต่ เทนยะเคยมาที่นี้ใช่มั้ย แล้วเขาจะมาเมื่อไหร่ละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              ฮิโรกิกล่าว "พักนี้เทนยะงานยุ่ง คงไม่น่ามาเดียวนั้นหรอกนะครับ"
              "เออ แล้วนายไม่คิดจะบอกพี่มัตสึดะถึงเรื่อง....." มาบูตะบอก ฮิโรกิส่ายหน้า
              คุเซกะกล่าวเปลี่ยนเรื่อง ".....ว่าแต่พี่มัตสึดะจะคุยกับเทนยะด้วยเรื่องอะไรละครับ"
              "ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ถามไถ่เรื่องทั่วไปก็เท่านั้นเอง" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              ฟูลออเรสได้ฟังก็บอกไปว่า "พี่อีธานครับ สงสัยว่าคุณมัตสึดะจะซีเรียสไม่น้อยนะครับ" อีธานพยักหน้าและไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นทั้งหมดก็เข้านอนกัน

              ที่เรียวกังเกนบุออนเซน ตอนกลางคืน
              "เธอยังคงเป็นห่วงซิลเวเทรทและพวกเลยสิน่ะ" เจเนลบอก เมื่อเห็นแคร์เรี่ยนออกมาสูดอากาศข้างนอก
               "ฉันไม่ได้อยู่แบบชิลๆเหมือนพวกนายสักหน่อย เพราะว่าฉันไม่อยากจะทอดทิ้งเพื่อนร่วมรบของฉันให้ตกอยู่ในวงล้อมของพวกมนุษย์โลกไปได้หรอกน่ะ" แล้วก็บอก "แม้ว่าที่นี้ทำให้ฉันใจสงบมาบ้าง แต่ฉันก็อดกังวลไม่ได้เสียด้วยซ้ำน่ะ"
              "เพื่อนร่วมรบของเธอ แล้วก็ของเรย์แมกซ์ด้วยสิน่ะ ฟิเกซเล่าให้ฉันฟังมาแล้วละ ว่าบ็อกไซน์ โทรวแนค บิลเดรท เมย์เดย์ เฟลาลี่ เบย์แลค มิลเลย์ รอสซาย แล้วก็ ไนน์ตี้เกล เป็นเพื่อนกับเรย์แมกซ์ในช่วงที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสงบของครีซีแทน โดยมีบทบาทในการช่วยเหลือรอชแมนต่อกรกับการก่อเรื่องของไวลิคม่ากัน ซึ่งพวกเขาเองก็เข้าร่วมรบในโฟรเดริม-4 มาด้วย โดยที่พวกเขาเกือบไม่รอดในสนามรบกันแล้วน่ะ ถ้ารอชแมนไม่เสียสละตนไว้น่ะ" เจเนลบอก "แน่นอน ว่าที่เนคมาดูซัมพาเธอมาด้วย เพราะพักนี้ เธอบุกแบบวู่ว่ามมากไปหน่อยเท่านั้นแหละ เขตป่าเขาและออนเซนน่าจะช่วยทำให้เธอเย็นลงบ้างละ"
              แคร์เรี่ยนกล่าว "ฉันแค่ต้องการจบภารกิจอย่างรวดเร็วเท่านั้นเองน่ะ"
              "ถ้าให้เดาน่ะ เธอคิดจะกลับไปที่แคสเซเดี่ยน-3 แล้วไปลากตัวมิสตี้มาถามเรื่องกาเบลแบนเยอร์เกี่ยวข้องกับพวกเอฟซีตรอนใช่มั้ยละ" เจเนลบอก แคร์เรี่ยนชะงักขึ้นมา แล้วฟังเจเนลเล่าต่อ "ยัยเปี้ยกจิลและอาเจ้โฟรน่าบอกกับฉันไว้แล้ว ว่าตัวการหมายเลขหนึ่งที่พลาดท่าให้กับอาเจ้นั้น คือยัยมิสตี้ ซึ่งเป็นสมาชิกของเอฟซีตรอนที่ใช้พลังลำแสงทำลายล้างได้ รวมไปถึงเจ้าเดรฟมัสค์นั้นด้วย"
              แคร์เรี่ยนกล่าว "ในเมื่อพวกเอฟซีตรอนมันโผล่มาเช่นนี้ ทำไมนายกับเนคมาดูซัมถึงไม่รีบตามหาพวกมันเสียเลยละ"
              "เธอยังไม่เข้าใจสถานการณ์เลยหรือ ว่าเราเป็นฝ่ายถูกล่ากันอยู่น่ะ และถึงแม้ว่าเราจะปฏิบัติการณ์ได้สำเร็จก็จริง ใช่ว่าเราทำสำเร็จเสมอไปหรอกน่ะ เพราะต่อให้เราหนีจากกับดักชิ้นแรก มันก็ยังมีอันที่สองและสาม แล้วอีกหลายๆอันอยู่ดี ซึ่งเราจำต้องใช้วิธีส่งพวกเธอกลับไปที่ดาวแคสเซเดี่ยน-3 โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะ" เจเนลบอก "ส่วนเรื่องพวกเอฟซีตรอนเข้ามาขัดขวางงานนั้น ถึงเรารู้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าพวกนี้เกี่ยวข้องกับกาเบลแบนเยอร์กันยังไง และไม่รู้ด้วยว่า มันกับมาโดวเวลเดอร์มาที่โลกจริงหรือว่าเราโดนพวกมันหลอกกันแน่ เราจึงไม่ควรจะเสียเวลากับการหาเป้าหมายที่พวกเรามีข้อมูลไม่พอเพียงกันหรอกน่ะ"
              แคร์เรี่ยนกอดอกแล้วกล่าวแบบดูถูกไปว่า "อดีตมนุษย์ที่ดันทุรังและวู่ว่ามจนทำอะไรบ้าๆได้อย่างนาย ฉลาดเป็นแล้วสิน่ะเนี้ย ไม่แปลกใจเลย ว่านายพาจายด์และจิลปีนเขาสูงตั้งหลายฟุตขึ้นไปถึงยอดได้ก็ดี ช่วยพีวิลและเพื่อนของนายหนีจากวงล้อมของพวกเดลอาเนี่ยนก็ดี คงเพราะว่านายโดนมาหลายทีแล้วละสิ"
              "ใช่ แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันต้องจริงจังและไม่ทำอะไรบ้าๆกันนั้น ก็เพื่อที่จะช่วยพีวิลนะสิ" เจเนลกล่าว
              แคร์เรี่ยนบอก "พีวิลนะหรือ แต่พีวิลยังสบายดีมิใช่หรือ"
              "เปล่าเลย พีวิลพูดไปงั้นเอง แต่จริงๆแล้ว พีวิลรู้สึกผิดและเสียใจกับเรื่องของบรอนเซอรูทมาสามปีเต็ม แม้ว่าพวกเราจะเสียใจกับเรื่องนั้นไว้ แต่พีวิลกลับเป็นหนักกว่า ซึ่งฉันเองแม้จะทำเป็นเล่น แต่ความที่ฉันรู้จักกับพีวิลมาตั้งแต่เด็ก เลยรู้และเข้าใจความรู้สึกของพีวิลได้เป็นอย่างดีเลยน่ะ" เจเนลบอก แคร์เรี่ยนที่ดูถูกก็รู้สึกอ่อนลง "พอลูกพี่สตีฟและอาเจ้โฟรน่าจะออกจากดาวไปปฏิบัติภารกิจนอกระบบ ทั้งคู่สั่งให้ฉันช่วยดูแลพีวิลไว้ แน่นอน ว่าฉันคงทำเป็นเล่นหรือวู่ว่ามเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง พีวิลอาจจะเสียใจจนไม่คิดจะสู้ต่อแน่นอน ฉันเลยต้องปรามและช่วยพีวิลมาตลอด 3 ปีกันนี้แหละ"
               แคร์เรี่ยนกล่าว "แต่ อย่างน้อย พวกนายได้พาพวกลิ่วเซียงที่เป็นพวกน้องๆของพวกบรอนเซอรูทมามิใช่หรือ"
              "ถึงแม้ว่าพีวิลจะรู้สึกดีใจที่เห็นลิ่วเซียงและพวกยังอยู่ แต่เพราะว่าพวกเธอเป็นเหมือนตัวแทนของพวกบรอนเซอรูท ซึ่งได้ตอกย้ำให้เขารู้สึกผิด ที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยพวกเขาจากเงื้อมมือของเจ้ารัฟแพนเนสไปได้เลยน่ะ" เจเนลกล่าว
              แคร์เรี่ยนบอก "ฉันรู้มาน่ะ ว่าพวกนายปล่อยให้ลูกตาแก่ริชเชลลิอาร์ลลอยนวลไปได้ในสภาพที่ทรมานอย่างมาก และโหดกว่าวาลว์สเลฟตั้งหลายเท่าเช่นนี้ พวกนายน่าจะฆ่าแพนเนสให้ตายไปพร้อมกับไอ้เทเนดีนเสียเลยนิน่า"
              "ต่อให้เราเชือดไอ้เวรตะไลสองตัวนี้ พวกบรอนเซอรูทก็ไม่มีทางกลับมากันได้หรอกน่ะ แคร์เรี่ยน เพราะการตายนั้นมันง่ายและไม่ทำให้คนเลวอย่างมันและเทเนดีนสำนึกผิดในสิ่งที่มันทำเอาไว้ แม้นั้นจะเป็นการให้แพนเนสกลับมาเอาคืนพวกเราได้อีกครั้งก็ตาม หวังว่าธาตุไฟเข้าแทรกที่เราให้กับแพนเนสนั้น คงทำให้มันฆ่าพวกเดียวกันโดยที่มันคุมพลังอันมหาศาลนี้ลงได้บ้างน่ะ" เจเนลกล่าว "แน่นอน ว่าพวกเราไม่ได้นิ่งเฉยกับความโกรธแค้นของเธออย่างเดียวนะ แคร์เรี่ยน ว่ากาเบลแบนเยอร์ทำอะไรกับเราไว้ แต่....ถ้าเธอยังใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลและสภาพการณ์ในตอนนี้ เธอเองก็แย่เหมือนกับพีวิลที่ไม่มีใครคอยช่วยปลอบใจไว้เลยน่ะ"
              แคร์เรี่ยนบอก "นายพูดเหมือนกับเนคมาดูซัมเลยสิน่ะ แสดงว่าที่นายทำนิ คงเป็นเพราะได้รับคำสั่งมาสิน่ะ"
              "ฉันก็เหมือนกับเธอนี้แหละ ตรงที่ต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ปัญหามันจะหนักหนามากกว่านี้น่ะ เพียงแต่....ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ และรู้ดีว่าหากพลาดหรือช้าเพียงนิดเดียว ทุกอย่างจบเห่แน่นอน" เจเนลกล่าว "ต่อให้พีวิล ลูกพี่ อาเจ้ หรือเนคมาดูซัมหรือทุกๆคนไม่มาสั่งหรือบอก ฉันก็ต้องทำอยู่ดี รวมถึงเบรคเธอไม่ให้ทำอะไรโง่ๆจนทุกๆคนเป็นห่วงไปด้วยหรอกน่ะ"
              แคร์เรี่ยนกล่าว "นายอย่าเอาตัวเองมาตีเสมอฉันจะดีกว่าน่า เพราะนายไม่ได้ฉลาดและรู้ทันเหมือนมาสวาร์ทาร์เลยน่ะ"

              วกกลับมาที่มาสวาร์ทาร์กันบ้าง
              แอนเดรียเดินออกมาข้างนอก หลังจากที่พาแมบิลีนไปห้องน้ำตอนกลางคืนแล้ว ก็ได้เห็น "หืออ คุณมาสวาร์ทาร์ อยู่กับผู้หญิงด้วยหรือ" มาสวาร์ทาร์คุยกับผู้หญิงชุดขาวที่ยืนอยู่ จากนั้นก็เดินเข้าไปในอาคารโรงฝึก โดยถือดาบมาด้วย แอนเดรียจึงเดินเข้าไปที่โรงฝึกอย่างช้าๆ
              "คงจะเป็นห่วงมัตสึดะอย่างมากเลยสิน่ะ ถึงได้ตามหา ทั้งๆที่ ตอนนี้มันมืดแล้วและเธอไม่มีไฟฉายเลยน่ะ" หญิงชุดขาวบอก
              "ฉันแค่เป็นห่วงคุณมัตสึดะนะคะ ว่าแต่ คุณเป็นใครคะ" แอนเดรียถาม และก้มลงมองไปที่เท้า ซึ่งเลื่อนรางพร้อมกับมีดวงไฟสีฟ้าอยู่ จนเธอชะงักขึ้นมา
              "ตกใจละสิน่ะ ที่เธอเห็นผีเป็นครั้งแรกกันตรงๆ ทั้งๆที่วิญญาณคนตายไม่ควรจะปรากฎตัวต่อหน้าคนเป็นได้ เว้นเสียแต่ คนๆนั้นเคยตายมาก่อนและได้รับการคืนชีพจนมีชีวิตเป็นปกติ แม้กายเนื้อจะเปลี่ยนไป เหมือนกับที่ลูกชายของฉันเป็นละสิ"
              "ลูกชาย คุณคงจะเป็น คุณแม่ของคุณมาสวาร์ทาร์ละสิคะ" แอนเดรียบอก
              หญิงชุดขาวผมยาวสีดำพยักหน้า "ใช่ ฉันชื่อคิริซาว่า มิคาซึกิ แม่ของมัตสึดะ ภรรยาของเซอร์อัลเบี้ยน เทมตัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการณ์วางแผนจากลอนดอน ลูกสาวของเจ้าสำนักเพลงดาบคิริซาว่านะจ๊ะ" แล้วก็บอก "หนูคงจะเป็นแอนเดรีย เอเดรียน เดลวีแองนู บุตรีของดร.เดลวีแองนูคนสุดท้าย ซึ่งกลายเป็นแมนิเกเตอร์เหมือนกับมัตสึดะเลยสิน่ะ"
              "คุณมาสวาร์ทาร์คงจะเล่าให้คุณฟังหมดเลยสิคะ" แอนเดรียบอก
              มิคาซึกิพยักหน้า "แม้ฉันรู้สึกตกใจไม่น้อย ที่รู้ว่าลูกชายของฉันตายมาแล้วและกลายเป็นศัตรูของประเทศนี้ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็ตาม แต่....ฉันควรจะขอบใจเธอเสียด้วยซ้ำ ที่ช่วยให้ลูกชายของฉันได้สติ และกลับมาต่อสู้กับฝ่ายอธรรมที่หลอกลวงและใช้เขาเป็นเครื่องมือในการคุกคามโลกมาเมื่อ 24 ปี แม้นั้นจะหมายถึงการที่เธอ...."
              "ฉันอโหสิให้กับคุณมาสวาร์ทาร์ไปแล้วคะ และแก้ปัญหานั้นไปเรียบร้อยแล้วคะ" แอนเดรียกล่าว
              มิคาซึกิบอก "แม้ว่าเธอจะมีกลิ่นไอแห่งความน่ากลัวกระจายออกมา จนพวกโยไคที่อยู่รอบๆนี้ออกห่างจากเขตป่าไปมากเลยก็ตาม" แล้วก็บอก "อย่างน้อย ฉันก็หวังว่าเธอคงจะอยู่เคียงข้างลูกชายของฉันได้บ้างน่ะ"
              "คุณพูดเกินไปหน่อยนะคะ แม้ว่าฉันอาจจะน่ากลัวจนภูตผีปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้เลยก็ตามน่ะ" แอนเดรียถอนใจขึ้นมา "แล้วตอนนี้คุณมาสวาร์ทาร์เข้าไปในโรงฝึกนิ เขาไปทำอะไรละคะ"
              มิคาซึกิกล่าว "ฉันรู้แค่ว่า มัตสึดะ ควรจะเผชิญหน้ากับคุณพ่อของฉันแล้วน่ะ"

              "ตึกๆๆๆๆ" มาสวาร์ทาร์เดินเข้ามาในโรงฝึกที่มืดมิด แต่ด้วยแสงจันทร์ที่สาดส่องมาจากร่องหน้าต่างในโรงฝึก ทำให้เห็นป้ายชื่อเจ้าสำนักหลายรุ่นติดเอาไว้ ซึ่งมาสุดลงตรงรุ่นที่ 65 และไม่มีการตีตราเพิ่มอีกเลย
             "สุดท้าย เจ้าก็มาจนได้สิน่ะ แม้ว่า จะมาเอาตอนที่ฉัน จากโลกนี้ไปแล้วน่ะ มัตสึดะ" เสียงชายชรากล่าว ซึ่งดังก้องไปทั่วโรงฝึก พร้อมกับการปรากฎตัวของชายชราผมยาว ในชุดฝึกเสื้อแขนยาวสีขาวกางเกงขาโปร่งสีดำเข้ม ในมือถือฟักดาบไม้เอาไว้
              "ความผิดที่ผมได้ก่อไปนั้น คือเหตุผลที่ผมไม่สามารถกลับมาที่นี้ได้เลยนะครับ ท่านอาจารย์ตามัตสึซากะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "แม้ว่าเจ้าจะเดินทางไปกับพ่อของเจ้า จนไม่ได้กลับมาที่นี้อีกเลยนั้น จะทำให้ข้าสูญเสียผู้สืบทอดสำนักเพลงดาบนี้ไปเลยก็ตาม แต่อย่างน้อย เด็กรุ่นที่เจ้าเคยฝึกมาและฮันโดวคุงมาช่วยดูแล ก็ดีพอแล้วละ เพราะว่าลูกหลานที่ไม่เอาไหนของฉันคิดจะขายสำนักเพลงดาบนี้ ให้นายทุนเปลี่ยนเป็นโรงแรมกลางป่าเขาและสนามกอล์ฟหลายทสึโบะ ซึ่งนั้นหมายถึงป่าแถบนี้จะต้องถูกแผ่วถางลงแน่นอน" คิริซาว่า มัตสึซากะ เจ้าสำนักรุ่นที่ 65 กล่าว "แต่การที่เจ้าไม่กลับมานั้น เจ้าคงจะสำนึกผิดในสิ่งที่ก่อและเตรียมใจพร้อมที่เผชิญหน้ากับฉันแล้วสิ มัตสึดะคุง"
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ผมไปจากโลกนี้ เพื่อใช้ความรู้ความสามารถในการปกป้องเหล่าแมนิเกเตอร์ให้ไปถึงบ้านแห่งใหม่ที่ไกลจากโลกอย่างมาก และอยู่ช่วยแก้ไขปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาตลอด ซึ่งผมไม่มีเวลามากพอที่จะกลับมาสู้หน้าท่านอาจารย์ตาได้ แต่ตอนนี้ ผมพร้อมที่จะสู้แล้วละครับ" แล้วก็เตรียมดาบมาสวาร์ทาร์เบลดไว้
              "เก็บดาบหยกเขียวของเจ้าไว้ใช้ฟันพวกศัตรูจะดีกว่าน่ะ มัตสึดะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีคนในกลุ่มลูกศิษย์ไปขโมยดาบต้องห้ามนั้นมาแล้วละ" มัตสึซากะบอก พร้อมกับ "ฟึ่บบ หวับๆๆๆๆๆๆ ปั้ก" โยนดาบคาตานะเล่มหนึ่งไว้ มัตสึดะเลยต้องใช้ดาบที่ปักอยู่กับพื้นตรงหน้าขึ้นมา
               "ผมทราบเรื่องที่ดาบต้องห้ามนั้นถูกคนขโมยไปใช้กันแล้วละครับ อาจารย์ตา" แล้วก็จับดาบเอาไว้ โดยที่มัตสึซากะตั้งท่าดาบพร้อม "แต่ผมจำเป็นต้องพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับหัวขโมยด้วยการเผชิญหน้ากับท่านนี้แหละ"
              "เจ้าเลือกถูกแล้วละ มัตสึดะ" มัตสึซากะกล่าวแล้วก็ "ฟ้าวววว" พุ่งเข้ามาเนื่องจากว่าปรมาจารย์ดาบผู้นี้เป็นวิญญาณ จึงไร้ฝ่าเท้าที่วิ่งเข้ามา แล้วหวดดาบเข้าใส่ "เคร้งงงงง" มาสวาร์ทาร์หวดดาบโต้ตอบกลับแล้วก็ "หวับ เคร้งๆๆๆๆ" บุกเข้าตวัดดาบใส่มัตสึซากะ ซึ่งโต้ตอบดาบของมาสวาร์ทาร์ที่ฟาดมาอย่างใจเย็นมากๆ "เคล็ดวิชาดาบคิริซาว่า เพลงดาบแนวตรงสามจังหวะ" มัตสึซากะบุกเข้าใส่มาสวาร์ทาร์ "หวับบบ เกร้งงง" พร้อมกับฟันใส่ โดยที่ดาบมือหนึ่งปัดดาบไปทีหนึ่งตามด้วย "ฟึ่บบ เกร้งงงง" โผล่มาจากข้างหลังฟันใส่ โดยที่มาสวาร์ทาร์หมุนตัวและตั้งดาบปัดป้องตาม แล้วก็พุ่งขึ้นมาและฟาดดาบลงมา "หึ" มาสวาร์ทาร์สาวเท้าถอยหลังแล้วก็กระโจนเข้าใส่ "เพลงดาบความเร็วสูง" ฟันดาบใส่มัตสึซากะ ซึ่งหวดดาบลงมาและเตรียมแทง แต่ "เกร้งงงง" ดาบของมาสวาร์ทาร์ฟาดปะทะกับดาบของตนได้ก่อน
              "ไม่เลวนิ ที่เจ้าโต้ตอบเพลงดาบของฉันได้ แต่ยังไม่ดีพอที่จะชนะฉันได้หรอก" มัตสึซากะบุกเข้ามาพร้อมกับหยิบฟักดาบและเสียบดาบใส่เข้าไป มาสวาร์ทาร์จึงเลือกที่จะสาวเท้าก้าวเดินพร้อมกับจับดาบไปข้างหน้า "ฟึ่บบบ เกร้งงง" โดยขยับดาบไปทางซ้ายจนคมดาบปะทะบางอย่างขึ้นมา
              "ท่านคิดจะใช้ท่าอิไอกิริ(ดาบฟันแบบยืนนิ่ง)สู้กับผมแบบนี้ แสดงว่าท่านคิดจะหลอกให้ผมเข้าใกล้ไม่ได้เลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "เคล็ดเพลงดาบของสำนักนี้ ต้องฝึกทุกอย่าง แม้กระทั่งอิไอโด ที่ใช้ในกรณีที่เราต้องยืนหยัดสู้โดยไม่ก้าวเท้าไปไหน เหมือนมุซาชิโบ เบงเคย์ที่ยืนบนสะพานและรับห่าลูกธนูจากฝ่ายศัตรูผู้ปองร้ายขนสิ้นชีพนี้แหละ" มัตสึทากะบอก แล้วก็ "ฟึ่บๆๆๆๆ เคร้งๆๆๆๆ" สบัดดาบจู่โจมจากระยะห่างไปห้าทีด้วยกัน โดยที่มาสวาร์ทาร์ใช้ดาบปัดไปทั้งห้าทีตาม
             "แน่นอน ว่าต่อให้เจ้าผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนและใช้ดาบของเจ้าพิชิตศัตรูมานับไม่ถ้วน คงไม่มีทางสู้กับดาบของฉันที่แฝงรังสีการฆ่าฟันไว้ทุกครั้งได้หรอกน่ะ" มัตสึทากะบอก แล้วก็ "ฟึ่บบบบ" สบัดดาบออกจากฟักอย่างรวดเร็ว แต่ "เคร้งงงงง" ดาบของปรมาจารย์ถูกมาสวาร์ทาร์ปัดออกด้วยวิธีเดียวกัน เพียงแต่ตนหลับตาเอาไว้ จนมัตสึทากะ "ฟึ่บๆๆๆๆๆ" สบัดดาบไปหลายทีอย่างรวดเร็ว "หวับๆๆๆๆๆ เคร้งๆๆๆๆๆ" มาสวาร์ทาร์ก็ใช้ดาบปัดป้องไปหลายดอกเช่นกัน
                "คิดว่าผมไม่ทำเช่นนั้นเลยหรือครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
             "หึๆๆๆๆๆ นึกแล้วว่าเจ้าสามารถฝึกฝนศาสตร์ดาบพิฆาตในคราวเดียวได้ไกลกว่าที่ฉันคาดไว้ แม้ว่าเจ้าจะได้มาหลังจากที่เจ้าเป็นแค่คนตายแล้วก็ตาม ถ้าเจ้ามิได้ไปกับพ่อของเจ้าแล้วละก็ สำนักดาบนี้คงจะไปได้ไกลโขกว่าที่ฉันคาดไว้แล้วละ" มัตสึซากะบอก พร้อมกับชักดาบเก็บฟักไว้ "แต่ก็ดีแล้ว ที่เจ้าอุทิศตนใช้วิชาที่เจ้าฝึกฝนมาให้เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติและพวกพ้องที่เจ้าปกป้องอยู่ แม้ว่าเจ้าจะผิดคำสาบานไว้ ว่าจะไม่สอนวิชาดาบให้ผู้อื่นเลยก็ตามน่ะ แต่อย่างน้อย ฉันมองเห็นความหวังที่มีต่อเจ้าในเรื่องจัดการกับผู้ขโมยดาบต้องห้ามแล้วละ"
                มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "เหตุที่ผมต้องสอนวิชาดาบให้กับผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องที่ผมต้องทำไว้ และเป็นเหตุผลที่ผมไม่กล้ากลับมาได้เลยนะครับ"
              "ทุกดาบที่เจ้าซัดออกไปนั้น แม้จะแฝงความสำนึกผิดในใจของเจ้าอยู่ แต่ฉันรู้ได้ว่าเจ้ายังมีความกล้าที่จะฟันฝ่าปัญหาที่คุกคามเจ้าและเหล่าสหายของเจ้าเลยก็ตาม" มัตสึซากะบอก "เท่านี้ ฉันคงได้พักอย่างสงบกันเสียที จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลมาสองทศวรรษแล้วละ"
               มาสวาร์ทาร์เสียบดาบกลับเข้าฟักแล้วส่งคืนให้มัตสึซากะ "อย่างน้อย แค่อาจารย์ตาอภัยให้ผมได้ ผมก็จะได้สู้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังแล้วละครับ"
             "แล้วเจ้าไม่กลัวว่าพวกพ้องของเจ้าจะมีปัญหาเลยหรือ" มัตสึซากะถาม
              มาสวาร์ทาร์ยิ้มและบอกไปว่า "เพื่อนพ้องของผมเอาตัวรอดได้อยู่แล้วละครับ"

              ตัดกลับมายังฝั่งพีวิลที่เกนบุออนเซนบ้าง
              "เดียว ฉันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวกันน่ะ" แคร์เรี่ยนบอก
              เจเนลเลยรีบตรงมายังสเตฟอร์ด โดยเคาะที่หลังให้ตื่นก่อนแล้วกระซิบข้างหู "ลูกพี่ เรามีแขกไม่ได้รับเชิญบุกมาแล้วน่ะ" โดยที่แคร์เรี่ยนย่องไปเตือนพวกเนคมาดูซัมด้วย
              "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆ" มีเสียงฝีเท้าก้าวมาตรงหน้าประตูห้องซุยเรน จนมีเงาคนโผล่มาเป็นจำนวนมาก "ฟึ่บบบบบ" เงาคนตัวโตผลักประตูกระดาษสองข้างออกพร้อมกับ "แกร็กๆๆๆๆๆ" ยากูซ่าทั้งหลายชักปืนสั้นออกมา ในขณะที่บางคนแบมือ เผยแขนกลติดอาวุธหนักออกมา "แกร็กๆๆๆๆๆๆ" พีวิลงัดเอาอาร์มชู้ตเตอร์ออกมา เจเนลเตรียมจีบัสเตอร์ สเตฟอร์ดและพวกเนคมาดูซัมงัดอาวุธปืนออกมา โดยที่เบติสและวิลด้าเตรียมปืนสั้นมาด้วย ส่วนบลูทูซและแฟริล ไกซ์และมิลด์คอยป้องกันไว้ด้วยปืนสั้นริมฟ็อกซ์เช่นกัน
              "โว้ววว นี้กะจะลองดีกับพวกเราเลยสิน่ะ" คลอเวฟบอก โดยที่ถือช็อคแคนน่อนอยู่ในมือซ้ายไว้
              เนคมาดูซัมกล่าว "ต่อให้เป็นยากูซ่าที่มีอาวุธปืนของทหาร คงไม่มีทางสู้กับพวกเรา ซึ่งบดขยี้พวกมาเฟียจีนและเกาหลีมาหลายวันก่อนไปได้หรอกน่ะ"
              "สมแล้วที่เป็นกองกำลังตัวเอ้ของฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ ขนาดปลอมเป็นมนุษย์ ยังกล้าบุกเข้าพักในโรงแรมแบบชิลๆ โดยไม่กลัวเกรงลูกน้องของฉันที่คุมโรงแรมนี้ไว้เช่นนี้ ไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไม กองทัพสหพันธ์โลกใหม่ถึงกลัวพวกเธอกันนักน่ะ" เสียงของชายแก่รูปร่างกำยำเดินเข้ามา โดยมาในชุดทหารเต็มยศ ซึ่งเหล่ายากูซ่าทั้งหลาย ไม่ว่าจะมีอาวุธปืน หรือมีแขนกลติดอาวุธหนักไว้ ต่างก้มหัวและเดินถอยออกไป โดยมีลูกน้องในชุดทหารเตรียมเบาะรองนั่งไว้แล้ว พวกไทรเวเซอร์ทั้งหลาย จึงลดอาวุธลง
              โฟรซ่าบอก "คุณคงจะเป็น คุรามะ ฮิซาริ ผู้บังคับบัญชาการสูงสุดของกองทัพญี่ปุ่น เอกบุรุษผู้ไร้เทียมทานที่ยังมีชีวิตอยู่ในภูมิภาคเอเชียเลยสิคะ"
              "ฉันนึกว่าชื่อเสียงของฉัน คงไปไม่ถึงปารีสแล้วละสิน่ะ อดีตพันโทโฟรน่า แลงครูท รองหัวหน้าหน่วยรบพิเศษที่ 54 เธอกับอดีตพันเอกสตีฟ แวนเซน เกือบจะได้มาปะทะกับพวกเราแล้วแท้ๆ ไม่ติดว่าโคเคส แอคเมนโด้ส่งกองรบมาขวางไว้เสียก่อนน่ะ" ชายชรา หรืออีกนัยหนึ่งคือ นายพลคุรามะ ฮิซาริกล่าวขึ้น "แม้ว่าจะเป็นกองกำลังเวเซอร์เลยก็ตาม แต่การที่เปลี่ยนเป็นไทรเวเซอร์นั้น แสดงว่า เธอคงจะเป็นหัวเรือใหญ่คุมกองรบในเวลานี้เลยสิน่ะ เธอคือ..."
              เนคมาดูซัมกล่าว "เนคเกอร์ มาสซั่ม แมนิเกเตอร์เผ่าแกตไทซ์ ยศพันเอก หัวหน้ากองกำลังไทรเวเซอร์ตนปัจจุบัน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ท่านนายพลคุรามะ"
              "ฉันพอรู้มาบ้างว่าหัวหน้าใหญ่ตนใหม่คงจะแกร่งกว่ากราดิเอเตอร์มารีนนั้นแน่ๆ และเธอคงไม่น่าใช่มัตสึดะ คิริซาว่า เทมตันได้แน่นอน เพราะใบหน้าของเธอดูหนุ่มกว่านี้ แม้บัตรที่เธอใช้เพื่อเป็นค่าโรงแรมนั้นจะมีชื่อนี้ไว้ แต่นึกหรือ ว่าฉันจะไม่รู้ชื่อและหน้าตาของเธอกันเลยน่ะ อดีตร้อยเอกปีเตอร์ แอนเดอร์สัน" คุรามะกล่าว
              พีวิลพยักหน้าและก้มโค้งลง ก่อนจะเงยหน้าและบอกไปว่า "ท่านนายพลรู้เช่นนี้ ผมคงไม่มีทางปิดบังต่อไปได้อีกแล้วละครับ"
              "สมแล้ว ที่แม้เป็นแมนิเกเตอร์ เธอยังถ่อมเนื้อถ่อมตนเหมือนเดิมเลยน่ะ" คุรามะบอก "เธอคงอยากจะรู้สิน่ะ ว่าทำไมพวกเราถึงรู้ว่าพวกเธอปลอมตัวมาเป็นนักท่องเที่ยวกันได้ละ"
              สเปียริทบอก "เรารู้มาว่า ท่านนายพลเคยเป็นยากูซ่ามาก่อนที่จะรับราชการทหาร จนดึงสมาชิกแก็งค์ยากูซ่าให้เข้ามาในกองทัพ เท่ากับว่า ยากูซ่าที่อยู่ในโรงแรมออนเซน ที่ปกติแล้วส่วนมากจะไม่รับยากูซ่าเข้าพัก เว้นเสียแต่ โรงแรมนี้ เป็นถิ่นหรือพื้นที่ในความรับผิดชอบของท่านนายพลเท่านั้นแหละ"
              "โดยปกติแล้ว โรงแรมทุกแห่งจะต้องมีเครื่องสแกนหน้าประตูและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยตรวจสอบนักท่องเที่ยว ว่าพกพาวัตถุอันตรายโดยเฉพาะอาวุธ หรือเป็นพวกแมนิเกเตอร์ปลอมตัวเข้ามาหรือเปล่า แต่ที่นี้ไม่มีทั้งสองอย่าง แถมเจ้าหน้าที่รีเซฟชั่นเองก็อนุญาตให้เราใช้เงินในบัตรของมาสวาร์ทาร์ ซึ่ง ควรจะถูกรัฐบาลอาญัติไว้ จากการที่มาสวาร์ทาร์เป็นแมนิเกเตอร์แล้ว ถ้าไม่ใช่กับดักก็ต้องเป็นความจงใจของท่านแน่นอน" พลัสเชอริทกล่าว
              โฟรซ่าบอก "และการที่ท่านมั่นใจว่าพวกเราจะไม่มีทางหนีไปได้ เพราะท่านคงจะรู้ชื่อเสียงเรียงนามของพวกเรามาก่อนหน้า และรู้ด้วยว่า พวกเรามาเพื่อติดต่อกับท่านเลยสิคะ"
              "แม่นแล้วละ หากแต่ ที่เรารู้ว่าต้องเป็นพวกเธอนั้น มิใช่แค่รู้จักชื่อเสียงของพวกเธอส่วนที่เป็นอดีตทหารมาก่อนอย่างเดียว" คุรามะกล่าว แล้วก็นำรีโมทมาเปิดหน้าจอด้านข้าง เผยภาพของพวกเนคมาดูซัมที่อยู่ตรงโถงชั้นล่าง และนำภาพเปรียบเทียบ ซึ่งเผยโฉมหน้าของพวกเนคมาดูซัมขึ้นมา "ระบบกล้องวงจรปิดของพวกเรานั้นสามารถส่องทะลุโฉมหน้าของพวกเธอได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยี่ล่าสุดที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้รับมาจากโทมาส ทิลเทอแรน ในช่วงที่เขาเดินทางมาที่ญี่ปุ่นเมื่อ 24 ปีก่อน เพื่อใช้จับตัวพวกต่างดาวเถื่อนเฮซเทิร์ซที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อก่อวินาศกรรมในประเทศแห่งนี้ไว้ ซึ่งโทมาสได้ให้ข้อมูลของพวกเธอทั้งหมดต่อฉัน รวมถึง.....มังกรร้อนเย็นร็อดดิเกรส เหยี่ยวอวกาศเฟรมิเดรก้า แล้วก็ เดธเทน อดีตลูกทีมของทริปเปิ้ลทีด้วยสิน่ะ"
              แอบไบออสบอก "เยี่ยม พวกคุณคงจะไม่ใช้ลูกน้องจำนวนมากล้อมผู้การโทมาสเพื่อรีดเอาข้อมูลเลยสิน่ะ"
              "ฉันไม่คิดทำร้ายคนในตระกูลทิลเทอแรน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุตรของยอดวีรบุรุษเกรย์สันได้หรอกน่ะ หึๆๆๆๆ" คุรามะบอก "แม้ว่าตอนนี้ ฉันได้ข่าวการจากไปของเขามาแล้ว ฉันเองก็รู้สึกเสียใจด้วยเช่นกันน่ะ"
              เนคมาดูซัมบอก "ทางเราเองก็เสียใจกับการจากไปอย่างสงบของท่านนายพลเกรย์สันด้วยนะครับ"
              "ดี ถ้าเช่นนั้น ฉันจะได้เข้าเรื่องกันเสียทีแล้วละ" คุรามะกล่าว แล้วภายในห้องก็เปิดไฟสว่างขึ้นมา
              เนคมาดูซัมถาม "ท่านนายพลคุรามะ ที่ท่านเรียกพวกเรามานี้ มีเหตุอันใดกันละครับ"
              "ที่ฉันต้องเรียกพวกเธอมานี้ เพราะว่าฉันต้องการให้พวกเธอช่วยจัดการแก้ไขปัญหากันสักหน่อยน่ะ" คุรามะบอก
              เจเนลถาม "แล้วปัญหาที่พวกท่านให้เราไปจัดการนิ มันเป็นปัญหาแบบไหนละครับ"
              "คาเซคาว่า มาริ ไม่มาด้วยสิน่ะ" คุรามะกล่าวนำ
              โฟรซ่าถาม "ไม่มาคะ ว่าแต่ ที่ท่านนายพลเอ่ยชื่อคาเซคาว่ามานิ คงไม่ได้หมายความว่าตระกูลนินจาของเธอมีความเคลื่อนไหวที่เป็นภัยต่อความมั่นคงเลยสิคะ"
              "บุคลากรของฉันส่วนหนึ่งเป็นนินจาฝั่งคันไซนั้น มาแจ้งกับฉันไว้ ว่าโยรุคาเซะ หัวหน้าตระกูลคาเซคาว่าเรียกเหล่าหมู่บ้านนินจาทั่วญี่ปุ่นให้มารวมตัวกัน ซึ่งมีข่าวลือมาว่า โยรุคาเซะเตรียมจะก่อการลอบสังหารบุคคลสำคัญของรัฐบาลญี่ปุ่น ไม่ว่าการเมืองและการทหาร ซึ่งนั้นหมายถึง ฉันจะโดนหางเลขได้แน่นอน" คุรามะกล่าว
              นายทหารยากูซ่าล้ำบึกเดินเข้ามาอธิบาย "ท่านคุรามะแม้จะมีกำลังทหารที่เป็นยอดฝีมือและผู้ชำนาญการต่อสู้หมัดมวยมาบ้าง แต่ถึงกระนั้น เราไม่สามารถรับมือกับเหล่านินจาของฝ่ายคาเซคาว่าและกลุ่มหมู่บ้านนินจาอื่นๆได้แน่นอนน่ะ"

              "แล้วมึงเป็นใผ่กันวะ" คลอเวฟบอกแบบหยาบคาย จนสเตฟอร์ดกระแอ่มขึ้นมา
               คุรามะกล่าว "เกือบลืมไปน่ะ นี้คือพันเอกคุเรยะ คาวาซาดะ มือขวาของฉันเอง" แล้วก็บอก "คุเรยะคุง อธิบายเรื่องทั้งหมดหน่อยสิ"
              "ครับ ท่านคุรามะ" นายทหารยากูซ่านามคาวาซาดะบอก แล้วเล่าขึ้นมา "ตลอด 24 ปีที่ผ่านมา ทางเราได้หยุดยั้งการคุกคามและการก่อเรื่องของนินจากลุ่มคาเซคาว่ามาตลอด ซึ่งพวกเราต่างเสียกำลังไปไม่น้อย พอๆกันกับกลุ่มนินจาที่เป็นปรปักษ์กับตระกูลคาเซคาว่าที่มาช่วยทางเราด้วย จนทำให้พวกคาเซคาว่าแทบไม่โผล่มาอีกเลยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อน นินจากลุ่มคาเซคาว่าได้บุกสังหารกองทหารในแถบโทโฮคุตายไป 4 กองรบด้วยกัน แม้เราเข้าขัดขวางไปได้ เราก็เสียคนไปไม่น้อย เพื่อแลกกับความจริงอันน่ากลัวขึ้นมาเลยน่ะ"
              เจเนลบอก "คุณคงไม่ได้บอกว่า พวกนินจาที่ว่ามานั้น เป็นพวกที่ถูกฆ่าตายและกลายเป็นแมนิเกเตอร์เลยสิน่ะ"
              "ใช่แล้วละ ร้อยเอกแอชตัน และที่มันแย่ก็คือ....." คาวาซาดะบอกแล้วชี้มายังสเตฟอร์ดและโฟรซ่า รวมถึงไซโคลเนียด้วย "ไอ้พวกนินจาเหล่านี้ดันมีรูปร่างเหมือนกับรุ่นพี่ทั้งสองของเธอ แล้วก็ฟริตซีล่าบ้องแบ้วนั้นไม่ว่า พวกมันสวมหน้ากากเหมือนกับตัวเทนงูกันด้วยน่ะ"
               ไซโคลเนียกล่าว "เทนงูนะหรือ คงไม่ใช่ภูตผีที่สวมหน้ากากจมูกยาวเลยสิน่ะ"
              "ช่าย ฉันนึกว่า ฟริตซีร่าคงไม่รู้จักปีศาจเทนงูแล้วเสียอีกน่ะ" คาวาซาดะกล่าว แล้วก็นำภาพของพวกนินจาที่ตอนนี้ไม่เพียงสวมชุดแบบโซลูนาสตี้ หากแต่สวมหน้ากากจมูกยาวแหลมไว้ด้วย พีวิล สเปียริท สเตฟอร์ด โฟรซ่า ไซโคลเนีย คลอเวฟมองภาพที่คาวาซาดะนำมาก็มีสีหน้าโกรธจัดขึ้นมา ในขณะที่พลัสเชอริทไม่แสดงอาการออกมา
               แอบไบออสบอก "นายคงจะรู้จักกับพวกนี้มาก่อนสิน่ะ"
              "รู้สิ เพียงพวกโซลูนาสตี้เหล่านี้ มันไม่สวมหน้ากากจมูกแหลมเยอะในตอนนี้ได้หรอกน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              โฟรซ่ากล่าว "เพราะโซลูนาสตี้ที่สวมหน้ากากแบบนี้ มีแต่แดนเจอรอท เออไดน์ คอสลอร์ดเท่านั้นแหละ"
              "เออไดน์ คอสลอร์ดนะหรือ มันเป็นใครกันละยะ" แคร์เรี่ยนบอก
              เจเนลเลยอธิบายไปว่า "เออไดน์ คอสลอร์ด เป็นนายทหารในกองกำลังฝ่ายมหาสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคนมีฝีมือที่เก่งกาจอย่างมาก เสียแต่อย่างเดียว ก็คือตัวเองดันไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับญาติที่ก่อการรัฐประหารรัฐบาลเมกซิโกแล้วถูกประหารทิ้งกันหมด รวมถึงตัวเออไดน์เองด้วย ซึ่งฉันกับพีทต่างรู้ข่าวนี้ไว้แล้ว" แล้วก็บอก "แต่....ไม่ทันไร เออไดน์มันก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปว่าตนรอดจากการถูกจับขังในคุกของเมกซิโกไว้ จนทำให้ลูกพี่และอาเจ้ที่ประจำการในยุโรปไม่ทราบข่าวที่ฉันและพีทรู้มาแต่แรกไว้ พอพีทและฉันกลายเป็นแมนิเกเตอร์ เออไดน์มันก็หลอกลูกพี่และอาเจ้ไปฆ่าทิ้งในป่าเขี้ยวเสือ เพื่อนำตัวมาคืนชีพเป็นแมนิเกเตอร์กลุ่มโซลูนาสตี้นี้เองแหละ"
              "แต่ความจริงแล้ว เออไดน์ไม่ได้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของพวกครอบครัวที่ก่อรัฐประหารในเมกซิโกกันอย่างเดียว มันเป็นลูกหลานของปิแอร์ ลุควิด กลาสเตน นายทหารของสหพันธ์โลกเก่า ซึ่งเป็นผู้หลอกลวงเหล่าแมนิแฟคเตอร์อวกาศของเทเรซ่าและเฮอแมนที่อยู่บนดวงจันทร์และอีกแปดดวง ซึ่งพวกเขาขอความคุ้มครองจากโลกไว้ แต่ลุควิดและพ่อของเขาที่เป็นผบ.กองกำลังทหารของโลก กลับขายพวกเขาเพื่อแลกชื่อเสียงและที่ยืนในสหพันธ์โลกไว้ ส่งผลให้เทเรซ่า เฮอแมนและพวกแมนิแฟคเตอร์อวกาศต้องเสียชีวิต จนพวกโอเวอร์เดสคืนชีพมาเป็นโซลูนาสตี้เองแหละ" สเตฟอร์ดบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "หลังจากที่ผบ.กลาสเตนถูกโอเวอร์เดสฆ่าตายไปพร้อมกับพวกสหพันธ์โลกเก่าไปแล้ว ตัวลุควิดหนีไปกบดานอยู่กับญาติที่เมกซิโก แล้วถูกฆ่าตายในระหว่างที่เดินทางไปคิวบา พร้อมกับพวกญาติๆและเออไดน์ที่โดนประหารชีวิตไปแล้วน่ะ" และถาม "ท่านนายพลคะ นี้อย่าบอกนะคะ ว่าพวกนินจาของฝ่ายคาเซคาว่านั้น คือเป้าหมายที่ท่านต้องให้เราไปจัดการเลยนะคะ"
              "ใช่ เพราะฉันได้รับข่าวจากคนในตระกูลให้มา ว่าโยรุคาเซะสะสมกองกำลังนินจาแมนิเกเตอร์พวกนี้ โค่นล้มรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อทำให้ญี่ปุ่น กลับสู่ช่วงรัฐบาลบาคุฟุ ไม่สิ ทำให้ญี่ปุ่นเหมือนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จากนั้นก็นำกองรบไปคุกคามประเทศอื่นๆ โดยมีสหพันธ์โลกใหม่ให้การสนับสนุนในการคุกคาม และการลอบสังหารบุคคลสำคัญที่เป็นอุปสรรค์ของสหพันธ์โลกใหม่เลยน่ะ" คุรามะกล่าว
              คาวาซาดะบอก "และไม่ใช่แค่ญี่ปุ่นอย่างเดียว เพราะเราได้รับข้อมูลจากประเทศแถบเอเชียอาคเนย์มา ว่ามีกลุ่มมือสังหารอื่นๆในประเทศดังกล่าว อยู่ในสภาพเดียวกันนี้แหละ"
              "เราเจอกับพวกเงาสยามทมิฬ ซึ่งเป็นกลุ่มมือสังหารจากประเทศไทยกันมาแล้ว และได้จัดการกับพวกนี้ลงไปแล้วด้วยนะครับ" พีวิลบอก คุรามะพยักหน้า
              โฟรซ่าบอก "พวกตระกูลคาเซคาว่าก่อการเช่นนี้ คงไม่ได้แค่ทำให้ญี่ปุ่นมีสภาพเหมือนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กันอย่างเดียว แต่ ผู้นำตระกูลนี้ คิดจะจัดการกับคาเซคาว่าเลยสิคะ"
              "ถูกต้อง เพราะคนในที่ให้ข้อมูลมานั้น รายงานมาว่า ตาแก่โยรุคาเซะ รู้ว่าคาเซคาว่า มาริและพวกนินจาอื่นๆที่หนีออกจากประเทศไปเมื่อ 24 ปีก่อน อยู่ที่ระบบดาวอีสทาล่าฟรอนเทียร์ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากโลกอย่างมากด้วย" คุรามะกล่าว
              คาวาซาดะบอก "เดิมที ท่านคุรามะตั้งใจจะส่งข่าวไปให้ผู้การโทมาสรับทราบเอาไว้ แต่ทางเราได้รับข้อมูลจากกลุ่มพันธมิตรมนุษย์มา ว่าพวกนายลงมาที่โลกนี้กันแล้ว เราจึงต้องรีบดึงพวกนายมาเจอกับท่านคุรามะให้ทันก่อนที่เทนยะจะควบคุมตัวพวกเธอก่อนนะสิ"
              "พวกคุณรู้จักกับฮันโดว เทนยะมานิ แสดงว่า เขาเคยอยู่ในกองทัพของพวกคุณมาก่อนสิครับ" ฟิเกซกล่าว
              คาวาซาดะบอก "เทนยะเคยเป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธและวางแผนให้กับกองกำลังของเราเลยน่ะ แม้ว่าหมอนั้นจะทำตัวอวดฉลาดและอวดเก่งไปบ้าง แต่ถ้าไม่เพราะว่าความสามารถในการวางแผนของเขา ฉันกับพวกคงโดนไอ้เอเลี่ยนโฉดฆ่าตายกลางป่าที่ชิโกกุไปนานแล้วละ" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "น่าเสียดายจริงๆ ที่เทนยะไปอยู่กับพวกสหพันธ์โลกใหม่ ถึงแม้ว่าหมอนั้นจะอยู่กับนายพลคราฟตันเลยน่ะ"
              "อย่างน้อย เทนยะก็อยู่กับนายพลที่ไว้ใจได้ มากกว่านายทหารของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ที่เป็นพวกเห็นแก่ได้จนเปลี่ยนเทนยะให้เลวตามกันนั้นแหละ คุเรยะคุง" คุรามะกล่าว แล้วพูดเข้าเรื่องต่อ "แม้ว่าพวกคาเซคาว่าจะเป็นกลุ่มนินจาเพียงพวกเดียวที่พยายามจะคุกคามโลก เพื่อหวังจะบุกขึ้นไปเชือดหลานสาวที่พาพวกหนีออกจากประเทศไปอยู่ดาวอื่นพร้อมกับพวกเธอเลยก็ตาม แต่สิ่งที่ฉันกังวลนั้น คือสิ่งที่โยรุคาเซะจะทำ ภายในการประชุมกลุ่มนินจากันนี้แหละ"
               ลิเนียร์ตี้กล่าว "ท่านคงไม่คิดว่า ฝ่ายคาเซคาว่าคิดจะเปลี่ยนผู้นำกลุ่มนินจาอื่นๆ ให้เป็นแมนิเกเตอร์ แล้วมาจัดการกับที่เหลือเลยสิคะ"

              "ถูกต้อง เพราะฉันทราบมา ว่ากลุ่มนินจาส่วนมากนั้น ที่เข้าร่วมประชุม ก็เพื่อที่จะห้ามปรามโยรุคาเซะในการยึดญี่ปุ่นและเปลี่ยนให้เป็นจักรวรรดิ์อันโหดร้าย เฉกเช่นเดียวกับคนทรยศต่อตระกูลได้ยั่วยุมหาจักรพรรดิ์ในช่วงนั้นให้เข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ เพื่อแสดงแสนยานุภาพอันเกรียงไกรของประเทศนี้ เพื่อให้ตระกูลของตนสำแดงฝีมือ ซึ่งสวนทางกับแนวทางของตระกูลที่ไม่อยากเข้าร่วมสงครามมาแต่ต้น จนทำให้นางาซากิและฮิโรชิม่าต้องวายวอดด้วยระเบิดนิวเคลียร์จากอเมริกา เหมือนที่อเมริกานำทัพเรือดำมาบีบให้บาคุฟุเปิดประเทศและตระกูลโตกุกาว่าที่ครองญี่ปุ่นมา 2 ศตวรรษ ต้องคืนอำนาจให้กับพระมหาจักรพรรดิ์ในทันที แน่นอน ว่าโยรุคาเซะกำลังนำพาญี่ปุ่น ไม่สิ โลกทั้งใบ กลับสู่ความฉิบหายวายวอดที่หนักหนากว่านี้แน่นอน แม้คนในตระกูลเข้าจัดการกับคนทรยศนี้หลังสงครามจบลง และหยุดยั้งคนที่คิดแบบนี้มาจนถึงบัดนี้ก็ตาม" คุรามะบอก "เพื่อมิให้กลุ่มนินจาอย่าง ตระกูลฮิยามะ ตระกูลเทนซุย ตระกูลเท็ตสึโมริ ตระกูลไรชิมะ และตระกูลโฮชิบานะ ต้องกลายเป็นเหมือนตระกูลคาเซคาว่ากับกลุ่มพันธมิตรนั้น ฉันจึงอยากให้พวกเธอช่วยหยุดโยรุคาเซะนั้นให้ได้โดยเร็วนะ"
              เนคมาดูซัมบอก "วางใจได้เลย ท่านนายพล พวกเราจะจัดการเรื่องนี้ให้เองนะครับ"
              "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะว่า....โยรุคาเซะไม่ได้แค่มีพวกนินจาเหล่านี้คุมอยู่ แต่มันยังมีพวกนี้รวมอยู่ด้วยน่ะ" คุรามะกล่าวแล้วนำภาพนี้มาให้พวกเนคมาดูซัมตรวจสอบดู
              พีวิลกล่าว "เยี่ยม ว่าแต่ พวกนี้อยู่แถวไหนกันละครับ"
              "พวกเดียวกับนายอยู่ระหว่างฮอคไกโดกับโทโฮคุ ในขณะที่พวกนักรบฝ่ายเดียวกันกับมัตสึดะนั้น อยู่ระหว่างคิวชูและโอกินาว่า แม้พวกมันไม่เคลื่อนไหวเลยก็ตาม แต่คงไม่ดีแน่ หากพวกมันบุกเข้ามาผสมโรงด้วยน่ะ" คาวาซาดะบอก "ว่าแต่ พวกนายพอจะแจ้งให้มัตสึดะ เพื่อนของนายรู้ได้หรือยังละ ว่าตอนนี้เทนยะและพวกนั้น เตรียมการจะจับกุมเขาและพวกนายอยู่น่ะ"
              คลอเวฟกล่าว "ถึงมึงไม่บอก เราก็รู้อยู่แล้ว ว่าบราวน์เดค คราฟตันจะจับเราทั้งก๊วนกันให้ได้ ไม่ว่าเราจะหนีไปสุดขั้วโลกใต้เลยก็ตามน่ะ"
              "แล้ว พวกคุณคงไม่คิดที่จะช่วยเราเลยสิคะ" วิลด้าบอก
              คุรามะกล่าว "ถ้าช่วยพวกเธอ แล้วญี่ปุ่นต้องเดือดร้อนจากการถูกสหพันธ์โลกใหม่คุกคามจนต้องยอมจำนนนั้น ฉันแนะว่าพวกเธอควรรีบจบปัญหานี้โดยเร็ว โดยพามัตสึดะและพวกที่เหลือไปจากประเทศนี้โดยเร็วจะดีกว่า" แล้วก็บอก "ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะเจอปัญหาที่หนักหนามากกว่าไฟไหม้ ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว สึนามิเข้า อย่างสัตว์ประหลาดยักษ์ก็ดี มนุษย์ต่างดาวก็ดี หุ่นอสูรกายก็ดี แม้กระทั่งภูตผีปีศาจก็ดี พวกเราต่างฟันฝ่าปัญหาเหล่านั้นและก้าวเดินไปพร้อมกับฟื้นฟูความเสียหายกลับมาได้ก็จริง แต่กับพวกมนุษย์ที่มีความเห็นแก่ตัวและเกลียดชังพวกเธอ รวมถึงสหพันธ์โลกใหม่นั้น คือศัตรูที่น่ากลัวมากกว่าภัยคุกคามที่เราเคยเจอมา ซึ่งนี้เป็นปัญหาที่แย่กว่าไม่ว่า เผลอๆ ญี่ปุ่นอาจจะเหลือแต่ชื่อได้แน่นอน"
              "ถ้าขนาดพวกเขายังกล้ายิงเลเซอร์จากอวกาศลงมาที่แทแรนเซียได้ มีหรือที่พวกเขาจะไม่คิดถล่มทั้งหมู่เกาะให้วอดไปเลยน่ะ" จายด์บอก
              คาวาซาดะบอก "บอกตามตรงน่ะ ว่าถ้าญี่ปุ่นหายไปได้จริง เผลอๆ ซิดนีย์อาจจะแหว่งเป็นรูได้แน่นอน เพียงแต่ มันไม่ใช่ความผิดของกลุ่มสเปซโคโลนี่หรือพวกแปดดาวเคราะห์ แต่มันเป็นความผิดของสหพันธ์โลกใหม่กันนี้แหละ"
              "ดังนั้น ถ้าฉันเป็นพวกเธอ ฉันจะต้องเช็คเอาท์ออกจากที่นี้โดยเร็ว แล้วรีบไปจัดการเรื่องที่ฉันสั่งไว้ด้วยน่ะ เพราะฉันไม่อยากจะให้คุเรยะหรือลูกน้องของฉันส่วนมาก โดนพวกเธอยำเละเลยน่ะ" คุรามะแนะนำ
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "พวกเราจะจำไว้นะครับ"

              ที่สำนักเพลงดาบคิริซาว่า เช้าวันต่อมา
              "พวกพี่จะไปแล้วหรือครับ" ฮิโรกิบอก โดยที่มาสวาร์ทาร์กับพวกเตรียมออกจากบ้าน หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว
              มาสวาร์ทาร์บอก "ต้องขอโทษด้วยนะ คือพวกเรามีงานด่วนที่ต้องรีบไปโดยเร็วเลยน่ะ"
              "น่าเสียดายนะคะ พวกเราอยากจะให้พวกคุณอยู่ต่ออีกสองสามวันเลยนะคะ" ซึบาเมะกล่าว
              ยูริกะบอก "เรายังไม่ได้เข้าป่าไปปิ้งบาบีคิวเลยน่า"
              "ไม่เป็นไรหรอกคะ ไว้โอกาสหน้า พวกเราจะกลับมาอีกรอบนะคะ" แอนเดรียบอก แต่ไม่ทันไรก็ "ครืดดดด" ประตูด้านหน้าเปิดออก
              มาบูตะบอก "เอ้ย นี้มาเร็วกว่าที่คิดไว้เลยหรือ" ทว่า ผู้ที่ก้าวเดินเข้ามา กลับเป็นชายผมสีขาวในชุดสีเทาและกางเกงสีดำ ถือดาบยาวฟักสีแดงเข้ม มีออร่าสีแดงเลือดโพยพุ่งออกมาจากดาบ โดยเขาเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม มาบูตะกับพวกฮิโรกิเห็นก็ส่ายหน้า "ไม่จริงน่ะ ไอ้โทชิอิ ยังไม่ตายเลยหรือ"
              "ตกใจละสิน่ะ พวกนาย ที่คิดว่าฉันควรจะตายไปแล้ว ได้หวนกลับมาที่นี้อีกครั้งเลยน่ะ หึๆๆๆๆ" ชายผมขาวนามโทชิอิกล่าวขึ้น และหันมาเห็นมาสวาร์ทาร์แล้วกล่าวขึ้น "โอ้ว พี่มัตสึดะ นึกแล้วเชียว ว่าพี่ต้องกลับมานี้จนได้สิน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้าและเห็นดาบที่อยู่ในมือโทชิอิ เลยกล่าวไปว่า "โทชิอิ นี้เธอ เอาดาบต้องห้ามออกมาเลยสิน่ะ"
              "ช่ายแล้วละ พี่ ดาบอังเซนคิ (ดาบพันอสูรทมิฬ) นี้ทรงพลังสมคำเล่าลือกันจริงๆ ถ้าพวกพี่และเหล่านักบวชไม่ปิดตายดาบเล่มนี้มาหลายร้อยปีละก็ ประเทศนี้คงจะสงบสุขไปนานแล้วละ หึๆๆๆๆๆ" โทชิอิบอก "แน่นอน ว่าผมได้พิสูจน์ให้พวกเพื่อนๆได้เห็นว่า ผมไม่ได้กระจอกและถูกมองข้ามจากพี่และคนอื่นๆกันไปแล้ว ด้วยดาบเล่มนี้แหละ"
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ดาบต้องสาปเล่มนี้ มันไม่ได้แค่ทรงพลังถึงขั้นสู้กับซามูไรและนักรบจากต่างแดนได้ทุกคนกันอย่างเดียว แต่มันยังหลั่งเลือดผู้บริสุทธิ์นับไม่ถ้วน เพราะว่าดาบเล่มนี้ ตีขึ้นด้วยเลือดและกระดูกของซามูไรสุดโฉด 48 คนที่เข่นฆ่าผู้คนให้กับไดเมียวที่สังเวยลูกตนเองให้ปีศาจร้ายเพื่อความเป็นใหญ่ จนถูกโอดะ โนบุนากะยกทัพสังหารทิ้งหมดทั้งไดเมียวและซามูไรไว้ โดยช่างตีดาบได้ทำดาบนี้ ให้กับอาเคจิ มัตสึฮิเดะใช้ฆ่าโนบุนากะเป็นการแก้แค้น จนโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ มือขวาของโนบุนากะและโตกุกาว่า อิเอยาสุ พันธมิตรของโนบุนากะสั่งให้ตระกูลคิริซาว่าหยุดยั้งเหตุร้ายนี้ และนำดาบไปผนึกไว้ในศาลเจ้ามิโรคุ เพื่อมิให้ดาบเล่มนี้ตกอยู่ในมือผู้โง่เขลาที่แสวงหาอำนาจมืดอันเลวร้ายของดาบนี้ ตั้งแต่ยุคเซนโกคุมาจนถึงบัดนี้แล้วน่ะ"
              "บรรพบุรุษของพี่ห้ามไม่ให้ใครหน้าไหนได้ดาบเล่มนี้ไปก็จริง แต่....เสียงแห่งสวรรค์ได้บอกกับผมถึงที่ตั้งของดาบเล่มนี้ไว้แล้ว ซึ่งผมไม่ยอมปล่อยโอกาสทองที่ผมเข้าฝึกในสำนักดาบนี้ เพื่อค้นหาดาบสุดยอดอันทรงพลัง ที่ทำให้ผมเหนือกว่าทุกคนที่กล้ามองข้ามผมลงไปได้ แน่นอน ว่าฮิโรกิและพวกเองคงไม่ได้บอกกับพี่เลยสิน่ะ ว่าพวกที่มาแกล้งผมนั้น มีจุดจบยังไง" โทชิอิบอก
              มาสวาร์ทาร์จ้องหน้าด้วยสายตาอันกริ้วโกรธ "ถึงพวกเพื่อนๆของเธอจะแกล้งเพราะเห็นว่าเธอตัวเล็กกว่าและดูอ่อนแอกว่า รวมถึงเรียนรู้ได้ช้ากว่าก็ตาม เธอไม่มีสิทธิ์มาฆ่าพวกเขาทิ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใช้ดาบต้องห้ามนี้ สนองต่อความแค้นที่ทำให้เธอดูเลวกว่าพวกเขาเสียด้วยซ้ำน่ะ โทชิอิ"
              "ผมไม่สนใจหรอก ขอแค่ผมได้ใช้ดาบนี้เพื่อทำให้ผมเป็นผู้แข็งแกร่งกว่าก็เกินพอแล้ว แน่นอน ว่าพวกฮิโรกิเองสมควรจะต้องตายด้วยมือของผม ฐานที่พวกเขาไม่มาช่วยผมจากมือของพวกเพื่อนเลวๆไว้ ถ้าไม่เพราะว่าเทนยะมาขวางผมจนทำให้ผม เป็นเหมือนพี่เองนี้แหละ" โทชิอิกล่าว แล้วก็ถลกเสื้อออก จนเผยส่วนอกที่ติดลูกแก้วพร้อมกับมีสายไฟโผล่มาด้วย
              "ถ้าให้เดาน่ะ ครอสตรีมของทราเวยน์คืนชีพเธอให้เป็นแมนิเกเตอร์เลยละสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              "แน่นอน ว่าผมฉลาดมากพอที่จะหลอกพี่และเพื่อนๆที่หลบหนีอยู่บนดาวอันห่างไกลไปได้ ซึ่งพี่คงดูไม่ออกหรอก เพราะว่าผมสวมหน้ากากนี้ไว้น่ะ" โทชิอิกล่าวแล้วก็นำหน้ากากปิดส่วนตาครึ่งซีกบนออกมา
              แอนเดรียบอก "คุณคือซอลดอซ สมาชิกของกองกำลังเอฟซีตรอนนิน่า แต่ ทำไมคุณถึง....."
              "หึๆๆๆๆ คุณคงจะรู้แล้วสิน่ะ คุณเอเดรียน เดลวีแองนู ว่าผมเป็นใครกัน แต่คงไม่ดีแน่ หากปล่อยให้คุณกับพวกรอดไปได้ ไม่ว่าจะด้วยน้ำมือของผม หรือ ของพวกฮิโรกิเลยก็ตามน่ะ" โทชิอิกล่าว มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็ชะงักและหันมายัง "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆ" ฮิโรกิและพวกเลยรีบชักดาบออกมาจ่อใส่พวกแอนเดรียกันยกใหญ่
              "พวกเธอร่วมกับเทนยะให้มาจับพวกเรา หลังจากที่ได้รับแจ้งมาแล้วสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "ยกโทษให้พวกเราด้วยนะครับ พี่มัตสึดะ เราต้องทำเพื่อรักษาสำนักเพลงดาบนี้ไว้ ไม่เช่นนั้น ลูกหลานฝั่งท่านอาจารย์จะขายที่นี้ให้นายทุนเอาไปทำโรงแรมและสนามกอล์ฟกันนะครับ" ฮิโรกิบอก "แน่นอน ว่าเราบอกเทนยะเรื่องที่พี่ไปสู้กับผีท่านอาจารย์เมื่อคืนไปแล้วด้วย เทนยะเลยบอกให้เรารีบลงมือโดยเร็ว ก่อนที่คนของนายพลคุรามะจะมาช่วยไว้น่ะ"
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "พวกเธอทำแบบนั้นไป ก็ไม่ได้ช่วยให้เธอรอดจากโทชิอิกันได้หรอกน่ะ" แล้วก็ชักดาบมาสวาร์ทาร์เบลดออกมา
              "พี่คิดจะฆ่าผมเลยหรือ คงยากกระมั่ง เพราะดาบนี้เรียกร้องให้ผมฆ่าพี่ให้ตายพร้อมกับเพื่อนๆของพี่และพวกฮิโรกิกันแล้วละ" โทชิอิกล่าวแล้วก็ชักดาบออกมา "ฟ้าววววว" ซึ่งเกิดคลื่นออร่าสีแดงเลือดเข้มโถมเข้าใส่ "ฟึ่บบบบ ฉึกก เปรี้ยงงง" มาสวาร์ทาร์เลยแทงดาบของตนลงพื้นจนเป่าพลังระเบิดคลื่นสีแดงก่าให้สลายไป "โง่มากเลยน่ะ ตายซะเหอะ พี่เอช มัตสึด้า......" โทชิอิกระโจนขึ้นพร้อมกับเงื้อดาบขึ้นในมือเพื่อฟาดใส่มาสวาร์ทาร์
              "ชิ ไม่ทันเลยหรือเนี้ย" ดาบมือหนึ่งสบถเพราะเขาไม่อาจจะดึงดาบได้ทัน

              "ฟิ้ววววว ฉึก" แต่ทว่ากลับมีธนูพุ่งปักสีข้างของโทชิอิไปเต็มๆ จนล้มเสียหลักไปในทันที
              "หนอยยยย แกมาขวางอีกแล้วหรือ ฮันโดว เทนย้า!!!!!!" โทชิอิโวยลั่น เมื่อเห็นเทนยะยืนอยู่บนกำแพงพร้อมกับคันธนูในมือ เขาเป็นคนยิงธนูขัดจังหวะโทชิอิไว้
              "ฉันนึกไว้แล้ว ว่าตอนที่นายร่วงตกหน้าผาลงทะเลไปนั้น แม้ทำให้นายตายไป แต่สุดท้าย ต้องมีคนมาคืนชีพนายจนได้ละสิน่ะ จาบากิ โทชิอิ" เทนยะกล่าวแล้วก็ "ฟึ่บบบ ครืดดด" หยิบลูกธนูจากแล่งออกมา "ธนูดอกแรกและดอกนี้ อาบน้ำศักดิ์สิทธิ์จากศาลเจ้ามิโรคุ ซึ่งนายได้ฆ่านักบวชที่โน่นตายเพื่อดาบอังเซนคิไว้ ถึงคราวที่นายต้องได้รับการลงโทษแล้วละ" เทนยะบอกและ "ฟิ้ววววว" ยิงธนูออกไป โทชิอิเลยฟาดดาบซัดคลื่นคมดาบสีแดงเข้มตรงมา "โพละ ฟ้าวววว โครมมมม" ซึ่งได้ทำลายลูกธนูหัวสองง่ามทิ้ง จนเทนยะต้องรีบโพออกมา โทชิอิเลยรีบวิ่งเข้ามาเพื่อใช้ดาบแทงใส่เทนยะ "ฟ้าวววว ปั้ก" แต่มาสวาร์ทาร์ยิงฟักดาบอัดกระแทกใส่ก๊กหูขวาของโทชิอิไปเต็มๆ "ฮา" แล้วซัดเรซเซอร์เอดจ์เข้าใส่ "ซูมมมม ป้าก" แต่ออร่าสีเลือดโพยพุ่งเข้าป้องกันคลื่นคมดาบของมาสวาร์ทาร์ไว้ โดยที่ฟักดาบกระเด็นกลับมาที่มือของมาสวาร์ทาร์โดยเร็ว
              "แสบมากนักน่ะ พี่มัตสึดะ พี่ยังคงขวางผมเหมือนเดิม เช่นเดียวกับเทนยะและพวกฮิโรกิเช่นนี้น่ะ" โทชิอิบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ฉันแค่ต้องการให้เธอเข้มแข็งและลุกขึ้นสู้ด้วยตนเองไว้ ซึ่งเธอทำไม่ได้ไม่ว่า เธอยังไปหวังพึ่งพลังที่ไม่สมควรนำออกมาใช้ จนทำให้เธอมีสภาพไม่ต่างจากฉันในตอนนี้ แต่แย่ยิ่งกว่า เพราะเธอใช้พลังอันเลวร้ายไปสนองความต้องการบ้าๆเช่นนี้ ฉันยอมให้เธอรอดไปไม่ได้แล้วละ"
              "เกรงว่าพี่เองต่างหากละที่จะเอาตัวไม่รอดน่ะ พี่มัตสึดะ พี่กับพวกไทรเวเซอร์หน้าโง่จะต้องถูกสหพันธ์โลกประหาร แล้วสงครามระหว่างมนุษย์โลกและแมนิเกเตอร์จะได้เริ่มต้นอีกครั้ง โดยที่พี่กับพวกหยุดยั้งอะไรไม่ได้แล้วละ โดยที่ผมกับชาวโลกเป็นฝ่ายชนะกันนี้แหละ" โทชิอิกล่าวแบบไม่สำนึกผิดแล้วก็ชูดาบขึ้น "หวังว่าพี่ต้องเอาตัวรอด ด้วยการเชือดเทนยะและพวกฮิโรกิแทนแล้วละ ฮะๆๆๆๆๆๆๆ" สิ้นเสียงหัวเราะ โทชิอิก็ใช้ออร่าสีแดงเข้มพาเขาหายตัวไปในทันที
              มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้า "บอกตามตรงน่ะ ว่าเธอมิได้ชนะใครหรอก เพราะว่าเธอ พ่ายแพ้ให้กับคำยั่วยุของทราเวยน์ที่ส่งเข้ามาในหัวของเธอ และพ่ายให้กับพลังอันชั่วร้ายของดาบอังเซนคิไปนานแล้วละ"  
              "ดูท่าว่า โทชิอิจะทำให้พี่ผิดหวังไม่น้อยสิน่ะ เพราะผมรู้มาอยู่แล้ว ว่าโทชิอิมานี้ เพื่อที่จะได้ดาบต้องห้ามมาช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลของเขาให้แข็งแกร่งมากขึ้น แต่กลับทำให้ตระกูลของเขาต้องหลั่งเลือดให้กับดาบนั้นไปได้น่ะ" เทนยะบอกโดยที่เขาลุกขึ้นยืนมา ซึ่งเขาเอาคันธนูและแล่งวางพื้น พร้อมกับชักดาบออกมา "เหมือนที่คุณกำลังจะหลั่งเลือดชาวญี่ปุ่นทั้งหมดไว้ในไม่ช้าด้วย ซึ่งผมมานี้เพื่อมาหยุดยั้งคุณกับพวกไว้นี้แหละ"
              มาสวาร์ทาร์หันมายังเทนยะ "แต่เธอยังไม่รีบส่งฉันและพวกแอนเดรียให้นายพลบราวน์เดค เพราะเธอคิดที่จะดวลกับฉันเลยสิน่ะ เทนยะ" แล้วก็จับดาบมาสวาร์ทาร์เบลดไว้ในมือ
              "ท่านอาจารย์คิริซาว่าตายไปโดยไม่ได้เจอหน้าคุณเลยนั้น คือเหตุผลที่คุณต้องกลับมานี้ไว้เพื่อสะสางทุกอย่างให้คุณกับอาจารย์หมดห่วงกันแล้วก็ตาม" เทนยะบอก "เพียงแต่ ถ้าคุณรีบกลับมาในตอนนั้น ผมคงไม่ได้ดวลกับคุณแน่ๆ เพราะผมกับฮิโรกิยังเด็กไปที่จะเผชิญหน้ากับคุณตัวต่อตัวได้น่ะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "เธอเลยฝึกฝนมาตลอด 24 ปีเพื่อมาดวลกับฉันตรงๆเลยสิน่ะ เทนยะ เพื่อที่เธอจะใช้วิชาดาบของท่านซาซาคิและของที่นี้มาสู้กับฉันได้เลยน่ะ"
              "แน่นอน เพราะว่าผมมั่นใจพอที่จะสู้กับคุณได้อยู่แล้วละ" เทนยะกล่าว แล้วก็จับดาบจนเกิดพลังออร่าแบบเพลิงขึ้นที่ดาบ "ฮาจาชินเคนโอกิ เอนโนวโควฮา (เพลงดาบเที่ยงแท้พิฆาตมาร คลื่นแสงจักรวรรดิ์อัคคี)" และฟาดออกไป "ฟ้าวววว" มาสวาร์ทาร์เลยซัดเรซเซอร์เอดจ์เข้า "ป้ากกกก ตรูมมมม" ปะทะใส่จนระเบิดไป
              "เธอใช้เพลงดาบที่แฝงพลังเอาไว้นิ เพราะว่าเธอคงใช้พลังจากชุดเกราะที่เธอใส่ทับในชุดฝึกเลยสิน่ะ เทนยะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "สายตาของคุณแม่นยำมากๆเลยนะ พี่มัตสึดะ" เทนยะกล่าวพร้อมกับ "ฟึ่บบบ" สลัดชุดฝึกเผยชุดเกราะเพิ่มพลังที่ใส่ทับในไว้ แล้วก็จับดาบบุกเข้ามา "แคร้งๆๆๆๆๆๆ" ฟาดฟันสู้กับมาสวาร์ทาร์อย่างรวดเร็ว "ด้วยเทคโนโลยี่ของญี่ปุ่น ได้พัฒนาชุดเกราะเพิ่มพลังการต่อสู้พิเศษขึ้น เพื่อใช้รับมือกับพวกคุณกันนี้แหละ" เทนยะบอกพร้อมกับหวดดาบใส่มาสวาร์ทาร์ ซึ่งปัดดาบออกไป
               "ด้วยชุดเกราะที่ทำให้เธอมีพลังเทียบเท่าฉันและพวกนั้น คงทำให้เธอมั่นใจในการสู้กับเราเลยสิน่ะ แย่หน่อยที่เธอแย่กว่าโทชิอิเสียอีกน่ะ"
              "ผมแย่กว่าโทชิอิตรงไหนละ" เทนยะกล่าวโดยที่ใช้ดาบปัดการฟันลงมาของมาสวาร์ทาร์ได้ทัน
              มาสวาร์ทาร์เลยตำหนิไปว่า "เธอขอให้พวกฮิโรกิล้อมจับพวกแอนเดรียไว้ ซึ่งพวกฮิโรกิมีอาวุธอยู่ในมือ ในขณะที่แอนเดรียและพวกไม่มีอาวุธใดๆ ถือว่าเธอให้เพื่อนของเธอคุกคามผู้อ่อนแอกว่า ทั้งๆที่อาจารย์ตาสอนให้เราปกป้องคนอ่อนแอจากคนเลวที่แข็งแกร่งกว่า อีกทั้งในกลุ่มของแอนเดรียก็มีผู้หญิงเยอะรวมถึงเด็กด้วยนั้น การกระทำของเธอมันไม่ใช่สุภาพบุรุษ ซึ่งต่อให้เธอวางแผนมาดีแค่ไหน ฉันมองเธอว่าเป็นคนที่ข่มเหงคนอ่อนแอเพื่อหวังในชัยชนะ ไม่ต่างจากโทชิอิ หากแต่แย่กว่าก็เท่านั้นแหละ" แล้วก็ "เคร้งงงง" ใช้ดาบปัดดาบของเทนยะจนปลิวกระเด็นไป "ถ้าไม่เพราะว่าเธอกับพวก แล้วก็พวกเรา ต่างประสบเหตุเดียวกันแล้วละก็ ฉันคงลงดาบใส่เธอไปแล้วน่ะ"
              "แต่ถึงยังไงคุณกับพวกคงไม่ได้หนีออกไปได้หรอกน่ะ การหนีของพวกคุณจะยิ่งทำให้ฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่สร้างความเดือดร้อนให้กับทั่วโลกมากขึ้น นายพลบราวน์เดคจำต้องให้พวกคุณไปจากโลกนี้โดยเร็ว ซึ่งคุณไม่มีทางหาเรื่องเล่นงานผมในสภาพนี้แน่นอน" เทนยะกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "แล้วไหนละ ทหารของเธอน่ะ เธอไม่ลองติดต่อไปหาพวกเขาเลยหรือ" เทนยะเลยกดปุ่มตรงหูฟังขึ้นมา
              "หัวหน้า....พวกเราคงมาช่วยไม่ได้แล้วละ เพราะ....เราโดนพวกพ้องของมัตสึดะเล่นงานจนอ่วมเลยน่ะ" ทหารเทอร่าสควอดอนของเทนยะรายงานด้วยอาการสาหัส เนื่องจากถูกบ็อกไซน์และพวกเฮเรเค้นไล่กระทืบกันหมด
              "ซูมมมมมมมมม" ไม่ทันไรก็มีลมแรงขึ้นมาพัดใส่พวกฮิโรกิที่ล้อมพวกแอนเดรียไว้จน "แว้งงงงงงง" อีธานใช้เทเลพอร์ตพาพวกแอนเดรียหายตัวไป "ครืนนนนน ครืนนนนนน" จากนั้น อิชเชเตียนพาวเวิร์ดและฟาร์โอเวี่ยนพาวเวิร์ดโผล่มาจากป่าทางเหนือของสำนักเพลงดาบไว้ โดยบินเข้ามา
               "แม่เจ้า พี่มัตสึดะ มีซุปเปอร์โรบอทมาด้วยเลยหรือเนี้ย" มาบูตะบอก
              "ผมไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมจูดิธและคงเดชถึงเสียท่าให้พวกคุณได้ เพราะว่าพวกคุณเตรียมพร้อมมาดีน่ะ" เทนยะบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "อย่างน้อย ฉันแค่ไม่หาเรื่องให้พวกเธอเจ็บตัวได้ก็พอแล้วละ" แล้วก็ "โท้วววว" กระโดดบนฝ่ามือของอิชเชเตียน แล้วหุ่นสองตัวก็บินหนีไปโดยเร็ว ซึ่งมีนกยักษ์ธันเดอร์เบิร์ด ฟินิกซ์และฟรอเซนวิงค์ที่มีพวกฟลาแน็กซ์ขี่อยู่ พร้อมกับพวกบ็อกไซน์และพวกเฮเรเค้นขี่มาด้วย
              "เกือบแล้วนะครับ อาจารย์ ดีที่พวกเราปักหมุดเทเลพอร์ตส่งอิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนมาไว้ในป่าได้ก่อน ไม่งั้นเสร็จแน่ๆเลยละ" ฟลาแน็กซ์บอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ฉันรู้อยู่แล้วว่า เทนยะและพวกคงให้ทหารดักล้อมไว้ เผลอๆอาจจะมีปืนต่อต้านอากาศยานมา ซึ่งไม่ดีต่อพวกนกยักษ์แน่นอน เลยต้องลำบากพวกเธอมาจัดการกันนี้แหละ"
              "แล้วพวกคุณเนคมาดูซัมเป็นยังไงบ้างละคะ" แอนเดรียบอก
              เมย์เดย์กล่าว "แคร์เรี่ยนแจ้งมา ว่าตอนนี้พวกเขาออกจากโรงแรมมาตั้งแต่ตอน 3 ทุ่มแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมบุกเข้าจู่โจมเขตหมู่บ้านคาเซคาว่ากันไว้น่ะ"
              "แสดงว่าผู้นำอย่างโยรุคาเซะคงจะเตรียมการประชุมเหล่านินจา แล้วเปลี่ยนเหล่าผู้นำที่เข้าร่วมเป็นแมนิเกเตอร์เลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              ไม่ทันไร เมดิน่าก็ได้รับการติดต่อเลยกดเชื่อมต่อสัญญาณไว้ "พวกเธอช่วยมาสวาร์ทาร์และแอนเดรียมาแล้วละสิน่ะ" พีวิลถาม
              "พวกเราไม่เป็นไรหรอกคะ คุณพีวิล ว่าแต่ พวกคุณจะมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านนินจาเลยมั้ยละคะ" แอนเดรียบอก
              พีวิลบอก "ทีแรก เราจะรีบกลับไปที่ไทรแองเกิ้ลกันก่อน แต่....เนคกี้และเนคกัสมาแจ้งกับเราในระหว่างที่เดินทางไว้แล้วนะสิ"
              "คงไม่ได้หมายความว่าพวกคาเซคาว่าเจอยานของพวกเราและเจอตัวคุณมาริเลยสิคะ" เมดิน่าบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ตรงข้ามเลยต่างหากละ มาริบุกตรงไปที่บ้านเกิดของเธอ เพื่อสะสางกับหัวหน้าวงตระกูลด้วยตัวเธอเองไว้ จนแฮรี่และพวกไล่ตามไปด้วยนะสิ"
              "คาเซคาว่าคุงไม่น่าเดินเข้าปากเสือ จนดึงพวกที่เหลือให้ติดกับไปด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว "ถ้าเช่นนั้น ฉันจะไปรับพวกนายตรงดิ่งไปที่หมู่บ้านกันได้เลย เพราะว่าฉันรู้ทางไปหมู่บ้านเลยน่ะ"
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "งั้นนายให้อิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนพาพวกเราไปได้เลย" แล้วหุ่นเพรโทรแน็กซ์แบบบินได้สองตัวกับนกอีกสามตัวก็บินตรงไปยังถนนสายหลัก โดยเห็นรถบัสของพวกเนคมาดูซัม ซึ่งจิลโผล่ขึ้นมาจากหลังคาเพื่อช่วยระบุตำแหน่ง ให้อิชเชเตียนบินลงมา "ฟ้าวววว กึกกก ซูมมมม" คว้ารถบัสขึ้นจากถนนสายหลักแล้วตรงไปที่หมู่บ้านโดยเร็ว

              ในขณะนั้นเอง ภายในป่าเกนฟุ ป่าลับที่อยู่ในแถบคันไซ อาณาเขตของกลุ่มนินจาตระกูลคาเซคาว่า
              "ซวบๆๆๆๆๆๆๆ" มาริในชุดนินจาสีเขียวเข้มโดยสวมเกราะหน้าอกสีเงินพร้อมกับดาบฟุโรวกะวิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
               "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" ไม่ทันไร ก็มีนินจากระโดดตีลังกาเหนือหัวเธอ พร้อมกับโดดมาล้อมรอบเธอไว้ "เฮียวบะ คุณตาส่งนายกับพวกมากำจัดฉันใช่มั้ยละ" มาริกล่าวต่อนินจาในชุดสีดำเข้ม ซึ่งสวมหน้ากากเหล็กไว้ โดยเจ้าตัวถอดออกเผยใบหน้าชายที่มีรอยแผลเป็นกากบาทบนดั้งจมูก "ท่านโยรุคาเซะต้องการให้ข้าพเจ้าพาคุณหนูกลับไปหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ตามนะครับ" ซึ่งลิ้วล้อของเฮียวบะนั้น "ฟึ่บ" ถอดปลอกแขนเผยแขนกลที่มีแถบแสงสีเขียวตรงสันแขนทั้งสองข้าง
              "คุณตาสังเวยพวกนายไปกี่คนแล้ว เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังที่เกือบจะทำลายประเทศนี้เมื่อ 24 ปีก่อนน่ะ" มาริกล่าว
              เฮียวบะบอก "ถ้าเพื่อเปลี่ยนแปลงญี่ปุ่นให้เข้มแข็งขึ้นมาได้ละก็ การเสียสละนั้นคุ้มค่าแน่นอนนะครับ" แล้วก็สบัดนิ้วแทนคำสั่ง "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆ" นินจาจำนวน 6 คนบุกเข้าจู่โจมใส่มาริ "ฉั้วะๆๆๆๆๆ" โดยที่เธอมิได้โต้ตอบกลับแต่อย่างใด จนเธอถูกสับหัว ตัว แขนและขาขาดไปกันหมด "ดูให้ชัดหน่อยสิ ว่าคุณหนูตายแล้วหรือยังละ" เฮียวบะสั่งให้นินจาหญิงเข้าไปดูสภาพศพ ซึ่งเดินดูอย่างละเอียด
              "คุณหนูยังไม่ตายคะ" นินจาหญิงกล่าว โดยโยนส่วนหัวของมาริมา ซึ่งเป็นหัวหุ่นลองเสื้อที่สวมหมวกนินจาไว้
               "ฟ้าววววว" ไม่ทันไร มาริก็โผล่ขึ้นจากใต้ดินพร้อมกับ "ฟิ้วๆๆๆๆๆ" ซัดดาวกระจายเข้าอัดใส่นินจาหญิงและพวกนินจาทั้งหกที่จู่โจมเธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับ "ตึก ตึกๆๆๆๆๆๆ หวับๆๆๆๆๆ" ลงพื้นแล้ววิ่งเข้าใส่พวกนินจาและใช้ฟุโรวกะฟาดฟันใส่โดยเร็ว "ฮา" เฮียวบะเสยหมัดขวาจนมีโซ่ติดลูกตุ้มพุ่งออกมา "หวับบบบ" จนมาริโดดออกมาได้ทันก่อนที่ลูกตุ้มติดโซ่จะเสยกับเกราะหน้าอกของเธอไป "คุณมาโกโตะบอกกับฉันไว้ไม่มีผิด นับแต่นายกับพวกถูกพวกเฮซเทิร์ซเล่นงานจนเสียแขนขวา ที่เป็นข้างถนัดในการใช้เคียวร้อยโซ่ไปนั้น นายได้แขนกลใหม่ขึ้นมา ทั้งๆที่ตระกูลของเรานั้น หากใครแขนขาขาด จะต้องให้อยู่ในหมู่บ้านเป็นครูฝึกสอนกันมิใช่หรือ" มาริบอก
              "ท่านโยรุคาเซะเปลี่ยนกฎเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น นินจาที่พิการนั้นจะได้กลับมาสู้ต่ออีกครั้งนี้แหละ แม้ว่าจะมีคนมาขัดขวาง เราก็เปลี่ยนให้มาอยู่ข้างเราอยู่แล้วละน่า" เฮียวบะบอก
              มาริกล่าว "ไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมคุณมาโกโตะกับเพื่อนรุ่นเดียวกันถึงออกจากหมู่บ้านเดียวนั้น เพราะคุณตาทำสัญญากับปีศาจที่เกือบจะคุกคามประเทศเราเมื่อ 24 ปีก่อนแล้ว แถมยังคิดจะคุกคามตระกูลอื่นอีกด้วยน่ะ"
              "ช่างประไรละ ถ้าเพื่อให้เป้าหมายของท่านโยรุคาเซะบรรลุได้ซะ การเสียสละของเราก็ย่อมมีค่าอยู่แล้วนะสิ" เฮียวบะกล่าว "พอเราจัดการนำตัวคุณหนูมาแล้ว ผมจะส่งคนไปจัดการกับคนทรยศนี้ ให้ประชาชนรับรู้ว่า ไม่มีใครหน้าไหนกล้าหนีหรือหือกับคำสั่งของท่านโยรุคาเซะได้หรอก"
              มาริตอกกลับ "ด้วยการฆ่าแล้วเอาศพเปลือยไปให้วางบนถนน เหมือนที่คนของเราไปฆ่าคุโนอิจิกลุ่มกบ งูเห่าสองกลุ่ม และแมงมุม แล้วโยนความผิดให้กลุ่มแมงป่องและตะขาบเมื่อศตวรรษที่ 20 นะหรือ นายไม่รู้เลยหรือ ว่าหลังจากนั้น คนทรยศถูกน้องสาวของแมงป่องนรกตัดหัวแล้วเอาไปปักหน้าหมู่บ้านของเราพร้อมดาบของเธอ หลังจากที่ฆ่านินจาหญิงสองคนที่เป็นเพื่อนกับกลุ่มฮายาบูสะเลยน่ะ"
              "นินจาหญิงเหล่านั้นทำเสียชื่อนินจาที่เป็นมือสังหารเงียบด้วยการสู้จนชุดขาดวิ่นเช่นนี้ ถ้าพวกเธอพ่ายแพ้ด้วยการเปลือยเปล่า ก็สมควรตายแบบเดียวกันกับตอนเกิดมานี้แหละ" เฮียวบะบอก "แต่ก่อนจะจัดการกับยัยมาโกโตะผู้ทรยศและพวก คุณหนูจะเป็นรายแรกที่ตายแบบนั้นแหละ"
              มาริจับดาบฟุโรวกะขึ้นมา "ตราบใดที่ฉันยังอยู่ พวกนายไม่มีทางไปทำเช่นนี้กับคุณมาโกโตะและพวกได้หรอกน่ะ"
              "คุณหนูไม่มีทางสู้กับพวกเราที่ได้รับพลังใหม่ไปได้หรอก เตรียมตัวตายได้เลย" เฮียวบะกล่าวแล้วก็บุกเข้าใส่
              มาริตะโกนลั่น "เกรงว่าพวกนายต่างหากละที่ไม่มีทางทำสำเร็จได้หรอก เข้ามาเลย!!!!!" จากนั้นเธอก็บุกเข้าโต้ตอบพวกเฮียวบะกัน

              หลังจากนั้น 4 นาทีต่อมา ที่ลานกลางหมู่บ้านฟุคาเงะ ของตระกูลคาเซคาว่า
              "แอ็ดดดดด" ประตูหลักเปิดออก พร้อมกับเฮียวบะและพวกนินจา เดินมาพร้อมกับมาริและหญิงผมยาวลอนสีดำปลายสีน้ำตาล ซึ่งถูกซ้อมสะบั่กสะบ่อมกันทั้งคู่ และถูกเฮียวบะพาตัวมาตรงหน้าเรือนหลัก ซึ่งประตูเปิดออก "ครืดดดด" ชายชราในชุดสีเขียวสลับดำบนรถเข็นติดเครื่องมือด้านหลังไว้เคลื่อนตัวออกมา
              "ดูท่าว่า พวกเจ้าทั้งสองจะช่วยให้ข้าไม่ต้องเสียเวลารอคอยกันแล้วสิน่ะ มาริ แล้วก็ มาโกโตะ" ชายชราบอก
              มาโกโตะกล่าว "แน่ละ ฉันมานี้เพื่อมาจบเรื่องที่คุณตาส่งคำขู่มาให้โดยเร็ว ซึ่งฉันคงทำคนเดียวไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่ได้เจอกับมาริที่อยู่รอบๆหุบเขาไฟฟุจิไว้น่ะ"
              "หึๆๆๆๆๆ นึกแล้วเชียวว่าพวกเงาสยามทมิฬก็ช่วยให้เรื่องนี้มันง่าย สมกับที่มันบอกไว้จริงๆน่ะ หึๆๆๆๆๆๆ" ชายชราบนรถเข็น หรืออีกนัยหนึ่งคือคาเซคาว่า โยรุคาเซะกล่าวขึ้น
              มาริบอก "แสดงว่าท่านเป็นคนร้องขอพวกนั้น หลังจากที่ท่านได้พลังอันเลวร้ายนี้เปลี่ยนคนของพวกเราให้เป็นปีศาจร้ายแล้ว ท่านก็มอบให้พวกนั้นไปเลยสิ"
              "ถ้าข้าลุกจากรถเข็นและมีพละกำลังเหมือนตอนอายุ 30 ละก็ ข้าคงออกไปนานแล้วละ แต่แย่หน่อยที่สภาพกายของข้าในตอนนี้ ซึ่งต้องพึ่งเครื่องประคองชีพไว้ตลอดเวลานั้น ขนาดข้ายังออกจากเรือนหลักไม่ได้ ข้าคงออกนอกประเทศไม่ได้หรอก" โยรุคาเซะกล่าว "เพียงแต่ ผู้ปกครองโลกในเวลานี้ต่างหากละ ที่มอบพลังให้กับข้าใช้เปลี่ยนลูกน้องของข้าทั้งภักดีและต่อต้านให้เชื่อฟังได้ แถมยังเชื่อมต่อการสื่อสารกับกลุ่มมือสังหารในแถบเอเชีย ให้ข้าสามารถพูดคุยติดต่อกับพวกนั้นได้อย่างลับๆ หลังจากที่ผู้ปกครองมอบพลังให้กับกลุ่มมือสังหารในเอเชียไปแล้ว รวมถึงสร้างทางเชื่อมลัดจากโลกไปยังดาวของเจ้าได้นี้แหละ"
              มาริกล่าว "ท่านรับเทคโนโลยี่การดัดแปลงมนุษย์เป็นแมนิเกเตอร์จากสหพันธ์โลกใหม่มา หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งระงับการดัดแปลงมนุษย์ให้เป็นแมนิเกเตอร์ไปเมื่อ 24 ปีก่อน จนส่งผลให้ตระกูลนี้ไม่สามารถใช้แขนขากลหรืออวัยวะเทียมได้เลยสิน่ะ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านเปลี่ยนเฮียวบะให้เป็นแมนิเกเตอร์แบบโซลูนาสตี้เลยน่ะ" แล้วถามกลับ "แต่ทำไมท่านถึงรับเอาเทคโนโลยี่ของกองกำลังที่สั่นสะเทือนโลกไปสองครั้งมาละ ท่านทำแบบนั้นมันไม่เป็นการทรยศต่อรัฐบาลและจักรวรรดิ์ญี่ปุ่นเลยหรือ"
              "รัฐบาลและจักรวรรดิ์ญี่ปุ่นเองต่างหากละที่ทรยศพวกเรา ด้วยการทำตัวอ่อนโยนเกินเหตุจนไม่เหลือความน่าเกรงขามของเหล่าบุตรเทพีสุริยันกันแล้วนะสิ" โยรุคาเซะกล่าว "นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงด้วยความปราชัยที่คนทรยศนำพามานั้น ญี่ปุ่นได้พยายามฟื้นฟูความเสียหายและจะไม่กระทำซ้ำรอยเดิมกันก็จริง แต่นั้นก็เป็นจุดเริ่มของความถดถอยของความน่าเกรงขามลง นับตั้งแต่การ์ตูนตาหวานที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นเหมือนตุ๊กตาฝรั่ง ลุกลามจนกลายเป็นวัฒนธรรมน่ารักที่ทำให้หญิงญี่ปุ่นแต่งตัวสีสันฉูดฉาดผิดมนุษย์มนา ตามด้วยการมีกลุ่มไอดอลที่ทำให้ผู้ชายในญี่ปุ่นเสียเงินและเวลาที่มีค่า หมดไปกับการมุงดูพวกเธอร้องรำทำเพลง ซึ่งทำให้คนในหมู่บ้านของเราไม่สืบสานวิชานินจาของพวกเรามาตลอดแล้ว แม้จะมีส่วนหนึ่งที่พอสานต่อเคล็ดวิชาของเรามาจนถึงบัดนี้ก็ตาม แต่ไอ้วัฒนธรรมเฮงซวยที่ทำให้คนทั่วโลกเห็นญี่ปุ่นเป็นแค่ตัวตลก กำลังจะฉุดคนในหมู่บ้านของเราและของที่อื่นจนไม่เหลือใครสืบทอดกันด้วยน่ะ"
              มาริบอก "แล้วคนของเราในศตวรรษที่ 20 ต้องลงโทษพวกนินจาเหล่านี้ด้วยการฆ่าให้ตายนั้นสิน่ะ แม้กระทั่งสังหารลูกศิษย์ที่คิดจะออกจากหมู่บ้านไปทำตามความฝันของตนเอง เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูนั้น มันไม่ได้แค่สร้างความหวาดกลัวให้กับทุกๆคน แต่จะสร้างศัตรูภายในขึ้นมากันอีกด้วย ซึ่งนั้นก็ทำให้ท่านต้องนั่งรถเข็นติดเครื่องประคองชีวิตไว้ เพราะสิ่งที่ท่านทำเอาไว้กันนี้แหละ"
              "สำหรับข้าแล้ว ใครไม่ทำตามคำสั่งและกล้าเดินสู่เส้นทางที่ทำให้ญี่ปุ่นซอฟท์ลงละก็ ข้าถือว่าเป็นคนทรยศพอๆกันกับเจ้าที่พาพวกหนีไปอยู่กับพวกกองกำลังแมนิเกเตอร์ ทั้งๆที่ฉัน ต้องการให้เจ้าไปฆ่าพวกคนทรยศเหล่านี้ให้ข้าไว้ ซึ่งเจ้าคือเหตุผลที่ข้า ต้องรวบรวมกำลังนินจาทั้งหมด ทำให้ญี่ปุ่นกลับเป็นจักรพรรดิญี่ปุ่นตามเดิม ทำลายวัฒนธรรมเจป็อบไอดอลคาวาอิน่ารักนี้ให้สิ้นซากไปซะ เพื่อทำให้ตระกูลคาเซคาว่ามีชื่อเสียงในฐานะตระกูลนินจาที่แข็งแกร่งที่สุดกันนี้แหละ" โยรุคาเซะบอก
              มาโกโตะบอก "ท่านไม่รู้เลยหรือ ว่าญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น สร้างความน่ากลัวให้กับคนทั้งโลกกันมาก แม้จะเป็นรองนาซีเยอรมันเลยก็ตาม การที่ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่แสดงออกถึงความอ่อนโยนนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อให้ทุกๆคนรู้ว่าเราก็มีสีสันที่ดี แต่เป็นการบ่งบอกว่า เราจะไม่ซ้ำรอยเดิมเหมือนที่ท่าน กำลังทำแบบคนทรยศที่เสี้ยมสอนจักรพรรดิ์ให้เข้าร่วมกับฮิตเลอร์และมุลโซลินี่ และไม่ให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ จนนางาซากิและฮิโรชิม่าถูกอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์จนคนล้มตายไปไม่น้อย หากแต่ท่าน จะทำให้ญี่ปุ่นวอดวายมากขึ้นกว่าเดิมจากการเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเลยน่ะ"
              "ข้าไม่สนใจอะไรไปมากกว่า การรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลที่เป็นเหมือนเทียนที่ใกล้มอดให้ส่องประกายขึ้นมาเท่านั้นแหละ ใครกล้าคัดค้าน ทัดทาน เปลี่ยนแปลงหรือถอนตัว ข้าถือว่าเป็นคนทรยศกันทั้งหมดนี้แหละ" โยรุคาเซะบอก
              มาริกล่าว "แต่สำหรับฉัน ท่านต่างหากละ คือคนทรยศต่อตระกูลของเรา ท่านทำให้นามสกุลของเราต้องด่างพล้อย จากการหลั่งเลือดทุกๆคนไปมาก ตั้งแต่ฟุบามิ แล้วก็พวกลูกศิษย์ที่อยากจะทำตามความฝัน จนท่านไม่สามารถล้างเลือดที่เปรอะมือท่านไปได้นี้แหละ"
              "ผู้ชนะและอยู่รอดไปได้เท่านั้น คือผู้ที่บอกความจริงให้โลกทั้งใบรับรู้ไว้ แม้คำพูดของคนตายนั้นเป็นจริง แต่มันจะถูกลืมไปกับสายลมนี้แหละ" โยรุคาเซะกล่าวและสั่งให้ "เฮียวบะ ประหารคนทรยศทั้งสองเดียวนี้เลย" เฮียวบะพยักหน้า แล้วก็เดินเข้ามาเงื้อดาบขึ้นเหนือหัวมาริไว้ "หวับบบบ ฟ้าวววว ปั้ก กึกๆๆๆๆๆ" แต่เฮียวบะกลับซัดดาบปักตรงโคนเสาประตูไปในทันที
              นินจาที่อยู่ในวงล้อมบอก "หัวหน้าเฮียวบะ ท่านทำบ้าอะไรกันน่ะ"
              "เกรงว่า นี้ไม่ใช่เฮียวบะตัวจริงหรอกน่ะ" มาริบอก เฮียวบะจึงถอดหน้ากาก ซึ่งจิกทั้งหนังหน้าออกมา เป็นแด็กซ์ แฮมเมอร์
               "แกไม่ใช่เฮียวบะ แกเป็นใคร...." โยรุคาเซะกล่าว ไม่ทันไร "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปิ้วๆๆๆๆๆๆ" ลูกน้องของเฮียวบะก็กระหน่ำยิงใส่พื้นด้านหน้าโยรุคาเซะไปในทันที พร้อมกับ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" สบัดผ้าออก เป็นพวกหน่วยรบวิหคและสติลลิมป์นี้เอง "พวกแก....พวกแกทำอะไรกับลูกน้องของฉันละ" โยรุคาเซะสบถ

              "แย่หน่อยนะคะ ที่ฉันไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากมาริเพียงผู้เดียวหรอก ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเพื่อนๆของมาริที่ตามมาด้วยน่ะ" มาโกโตะกล่าว โดยเล่าถึงช่วงที่มาริบุกปะทะกับพวกเฮียวบะนั้น "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าวววว ฟ้าววว ฟ้าววว ป้ากๆๆๆๆๆ" นินจาทั้งหกถูกชายสี่หญิงสองสวมโม่งและโพกผ้าปิดหน้าเข้าโดดถีบจนล้มลง "ชิ" เฮียวบะเลยเตรียมใช้โซ่ติดลูกตุ้ม "ทิ้วๆๆๆ ป้ากๆๆๆ เปรี้ยง" แต่กลับถูกกระหน่ำยิงเข้าที่หน้าอกและแขนขวาจนโซ่แตกกระจุยไป พร้อมกับชายสามคนในชุดทหารสวมโม่งไว้
              "นี้พวกแกเป็นใครกันวะ ถึงกล้ามาสอดยุ่งเรื่องของพวกเราละ" เฮียวบะกล่าว
            "พวกนายไม่มีความจำเป็นต้องรู้หรอกน่ะ" ทหารสวมโม่งสีดำกล่าว
              เฮียวบะบอก "แก....พวกเรา ฆ่ามันเดียวนี้เลย" แล้วนินจาของเฮียวบะบุกเข้ามาด้วยท่อนแขนคลื่นความถี่สูงกับดรรชนีลำแสงในมือ "หวับบบบ" โดยนินจาคนแรกบุกเข้าใส่บุรุษสวมโม่งสีแดงสลับขาว ซึ่งเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือคลื่นความถี่สูง แล้วแทงศอกใส่ท้องนินจาให้จุก แล้วก็ "หมับบบ ป้ากกกก" จิกข้างหัวมาตีเข่าใส่หน้าจนหน้ากากหลุดพร้อมกับเผยใบหน้าที่มีตาหุ่นยนต์ข้างซ้ายออกมา "วาช้ากกกก" ชายคนที่สองกระโดดเข้าถีบใส่หน้านินจาตนที่สองให้ล้มก่อนที่จะบุกเข้าใช้ดรรชนีเลเซอร์ "ฟ้าวๆๆๆๆ" นินจา 5 ตนกระโดดขึ้นเพื่อเล่นงานทหารเสื้อกั้กเขียวสวมโหม่งดำสองคน "ฟึ่บ หวับๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" ทหารสวมโหม่งซัดขวานสีแดงเข้าเล่นงานนินจาทั้งห้าล้มลง แต่ยังบุกเข้ามาได้ต่อ "หวับๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆ ชรี้ดดด ฉั้วะๆๆๆๆ" ขวานสีแดงบินกลับมาเล่นงานพวกนินจาจากข้างหลังและโดนเลื้อยไฟฟ้าพุ่งสับร่างขาดไป "ไฮย้า" หญิงกระโปรงยาวสีชมพูกับเสื้อแขนยาวสีขาวพุ่งกระโดดตีเข่าเสยใส่นินจาหญิงที่บุกเข้ามาจนล้ม แล้วก็ "หวับบบ ป้ากกก" แทงศอกใส่ท้องนินจาอีกตนไปเต็มๆ "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าวววว หมับๆๆๆๆ" นินจาทั้งสี่ซัดโซ่มัดตัวทหารสวมโม่งทั้งสามไว้ โดยที่ตัวโตโดนมัดสองแขนพร้อมกัน แต่ "ฟึ่บบบ ฟึ่บบบบบ" กลับโดนกระชากจนกระเด็นเข้ามา แม้ทั้งคู่จะมีมีดสั้นไว้ "แชดดดดด แชดดดดด" หญิงชุดกระโปรงสวมหน้ากากใช้แขนปืนข้างซ้ายยิงเลเซอร์ใส่จนทะลุ ส่วนชายอีกสองคนที่โดนโซ่มัดแขนนั้น "หวับบบ หวับบบ ฟ้าวววว ป้ากกก ฉึกกก" แต่ก็ดึงนินจาให้มาโดนอัปเปอร์คัตเสยปลายคางและโดนดาบแสงแทงทะลุหน้าอกไป
              "ปลอดภัยดีนะ มาริ" ทหารโม่งดำกล่าวโดยถลกโม่งดำออก เป็นแฮรี่ ไมท์นี้เอง พวกที่สวมชุดนั้นเป็นพวกเฟรดและน็อกกี้ด้วย
              "พวกแกคงเป็นเพื่อนของคุณหนูเลยสิน่ะ แต่แย่หน่อย เพราะว่าฉันจะฆ่าพวกแกทั้งหมดนี้เอง ตายซะ...." เฮียวบะกล่าวแล้วก็บุกตรงมาด้วยดาบในมือ "ฟ้าวววว หวับบบบ" มาริเลยกระโจนเข้าใส่พร้อมกับฟันดาบสวนกลับโดยเร็ว "โอ้ว คุณหนู คุณหนูกล้าใช้ดาบผ่าหมอก(คาสุมิกิริ)เลยสิน่ะ แย่หน่อย ที่ผมเสริมเกราะตรงหน้าท้องและหน้าอกไว้ ถึงไง คุณหนูก็...."
              มาริถือดาบฟุโรวกะในมือขวาไว้ "ถ้านายคิดว่า ฉันอยู่ในอวกาศแล้วไม่ฝึกปรือเพลงดาบให้เหนือกว่าละก็ นายคิดผิดแล้วละ เพราะเวลา 4 ปีที่ฉันอยู่นอกโลกนั้น ฉันเจอความตายมาเยอะจนยมฑูตผิดหวังไปหลายครั้งแล้วละ"
              "สามหาวนักนะ คุณหนู ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของฉันนั้น ไม่มีทางที่ดาบ...." เฮียวบะบอก ไม่ทันไรก็ "ฉืบๆๆๆๆ" ข้อเท้า ข้อพับขา ข้อต่อหว่างขาและเอวถูกตัดขาด ตามด้วย "ฉืบๆๆๆๆๆ" ตามตัวเกิดเสียงตัดขาดอย่างต่อเนื่อง "ปะ เป็นไปไม่ได้น่า คุณหนูเป็นแค่นินจาระดับกลาง ไม่น่าที่จะฝึกวิชาที่ระดับสูงใช้กันเลยนิ" เฮียวบะอุทานลั่นโดยที่เลือดออกตามตัวแล้ว มาริกล่าวพร้อมกับสบัดดาบเพื่อเก็บเข้าฟัก
               "ฉันเป็นแมนิเกเตอร์มาก่อนนายและผ่านการสู้รบกับพวกศัตรูมานับไม่ถ้วนนั้น ได้ทำให้ฉันฝึกฝนเพลงดาบประจำตระกูล ถึงขั้นสำเร็จวิชา ดาบคลื่นผ่าสูญญากาศ (โควคูซันฮา) ได้แล้วละ" แล้วก็เสียบดาบลงดัง "กริ้ก" แล้วก็
              "อาๆๆๆๆ อาเบะชี้ ยาราไนเกอรรรรรรรรรรรรรรรรร์" เฮียวบะร้องลั่นและ "ตรูมมมมมม" ร่างระเบิดจนชุดกระจุยและเลือดออกจากตัวหมด แต่ไม่ถึงกับตัวกระจุยเป็นชิ้นๆ
              "นึกแล้วเชียว ว่าเธอเหนือกว่าที่ฉันคาดไว้เลยน่า ถ้าเธอเข้าวงการแล้วละก็ เธอคงดังได้ยาวเป็นทศวรรษแล้วละน่า" หญิงผมยาวสีน้ำเงินเดินออกมาจากพุ่มไม้
              มาริลุกขึ้น "คุณพูดเกินไปหน่อยนะคะ คุณมาโกโตะ อีกอย่าง ฉันรีบใช้ท่าดาบนี้เร็วโดยไม่ได้รวบรวมสมาธิเต็มที่ เลยไม่สามารถทำให้เฮียวบะกระจุยเป็นผุยผงได้น่ะ" แล้วก็บอก "แต่ คุณไม่น่าให้พวกแฮรี่ตามมาด้วยเลยนิคะ" โดยที่พวกเฟรดถอดโม่งและถอดผ้าโพกหัวออกไปแล้ว
              "อาเจ้ ปัญหาภายในครอบครัวของอาเจ้นั้น มันเป็นปัญหาของพวกเราด้วยน่ะ" น็อกกี้อ้าง
              เฟรดบอก "นั้นสิครับ อย่างน้อย คุณไม่ควรสู้เพียงลำพัง แต่พวกเราจะช่วยด้วยอีกแรงนะครับ" มาริแม้ไม่ชอบ แต่ก็ต้องพยักหน้ารับไว้

              "แล้วเฮียวบะล่ะ" โยรุคาเซะถามอย่างโกรธแค้น
              มาโกโตะบอก "เกรงว่าเฮียวบะจะตายแบบเดียวกันกับเหยื่อที่เขาคิดจะฆ่ากันเสียแล้วละมั่งคะ" โดยตอนนี้เฮียวบะและพวกนินจา โดนจับแก้ผ้าอยู่ในป่าไว้แล้ว พร้อมกับเขียนประจานไว้ด้วย
              "พวกเจ้ากล้ามากเลยน่ะ ที่ฆ่าคนในตระกูลเช่นนี้ ถึงคราวที่ฉันจะฆ่าพวกเจ้าทิ้ง ในฐานะคนทรยศนี้แหละ" โยรุคาเซะโวยลั่นแม้จะเสียงแหบจากความชราเลยก็ตาม โดยที่เหล่านินจาภายใต้คำสั่งของโยรุคาเซะเตรียมใช้แขนคลื่นความถี่สูงกับอาวุธนินจาอย่างดาบสั้น เคียวร้อยโซ่ กงเล็บ ไปจนถึงดาวกระจายขนาดใหญ่
              มาริกล่าว "เกรงว่าท่านจะหาเรื่องให้เสียแล้วละ" แล้วก็ถอดปลอกแขนซ้ายออก เผยกำไลแปลงร่างออกมา "พวกเรา ช่วยสั่งสอนสมุนของโยรุคาเซะกันเดียวนี้เลย" มาริสั่ง
             "โอเค!!!" ทั้งหมดกล่าวแล้วก็ "แปลงร่างสวมเกราะ" ทำการแปลงร่างเป็นนักรบสวมเกราะของกองกำลังแบ็คไซด์คอมแบทกันทันที
              "พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่แปลงร่างอย่างงั้นหรือ ถึงกล้ามาสู้กับพวกสุดยอดนินจาของข้าได้น่ะ" โยรุคาเซะกล่าว
               มาริบอก "กล้าสิ ต่อให้ไม่ได้มาจากดวงจันทร์ หน่วยรบวิหคและสติลลิมบ์จะลงทัณฑ์ท่านตาเองแหละ" โดยที่ดวงตาหลังก็อกเกิ้ลสโคปเรืองแสงขึ้น
              "ฮึยยย ฆ่ามันซะ" โยรุคาเซะสั่งเหล่านินจาร่างโซลูนาสตี้บุกเข้าใส่โดยเร็ว โดยมีบางรายตีลังกาเข้าใส่ไปด้วย "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" หน่วยรบวิหคและสติลลิมบ์งัดอาวุธออกมา แล้วบุกประจัญบานใส่ "โว้วววว" นินจา 3 ตนบุกเข้าใช้ดาบคาตานะที่มีคลื่นความถี่บุกเข้าใส่น็อกกี้ "อ้านๆๆๆๆ หวับบบ เคร้งงง เคร้งงง เคร้งงง ปึก ฉั้วะ ฉับ เคร้งงงง" ซึ่งใช้ไนโตรแอ็กซ์แบบบิดคันเร่งจนคมขวานร้อนฉ่าฟาดฟันสู้กับนินจาที่ฟาดดาบใส่ไปสามที โดยรายที่สามถูกน็อกกี้ถีบเข้าเป้าจนชะงักและโดนฟันเข้าที่หน้าอก จากนั้นก็หวดขวานฟันเสยนินจาคนที่ 2 และฟันใส่นินจาคนแรกให้ล้ม "ฟิ้วๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆ" นินจา 4 ตนกระโดดสูงพร้อมกับซัดดาวกระจายเข้าใส่นาเดีย จนเธอรีบกระโดดขึ้นบนหลังคา พวกมันเลยโดดตามเพื่อใช้ดาบคาตานะหนีบข้อนิ้วสามเล่มในมือ "ย้า" นาเดียกระโดดขึ้นสูงพร้อมกับ "กริฟทอนฟ่า" เสยกริฟทอนฟ่าอัดใส่นินจารายแรกให้ร่วง จากนั้นก็ถีบตัวขึ้นมา "ฟ้าวววว ป้ากกกก ฟ้าวววว เปรี้ยงงง" แล้วพุ่งลงมาจู่โจมด้วยกริฟทอนฟ่ากระแทกเข้าที่หัวของรายที่สอง รายที่สามรีบไขว้ดาบป้องกันจนดาบแตกกระจุย แล้วกระโดดสูงขึ้น แต่นินจาตนที่ 4 พุ่งโดดสองจังหวะให้สูงกว่านาเดีย "หวับๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงง" โดยที่เธอควงทอนฟ่าอย่างรวดเร็วจนทำลายกงเล็บดาบ แล้วก็ "ป้ากก ป้าก ป้ากก หมับบบ หวับบบ โครมมม" หวดทอนฟ่าฟาดใส่นินจาตนที่ 4 ไป 3 ทีแล้วใช้ทอนฟ่าเกี่ยวหลังคอทุ่มไปอัดใส่รายแรก แล้วก็ "เอานี้ไปเลย องค์บากแคลชเชอร์" งอเข่าให้เท้าแนบกับสะเอวแล้วทิ้งตัวลงมา "ฟ้าวววว เปรี้ยงงงง" แทงเข่าอัดกลางหลังนินจาสองตนไปเต็มๆ "ฟ้าวววว ฟ้าววว หวับๆๆๆๆ เปร้ง หวับๆๆๆ ปั้ก เปรี้ยงงง" คีธกระโดดเข้าใส่นินจาที่กระโดดเพื่อใช้มีดคุไนที่มีประกายไฟฟ้าโดยคีธหมุนตัวเตะมีดให้ไปปักกับผนังบ้าน แล้วก็หมุนตัวถีบอัดหน้ากลางอากาศ จากนั้นก็ลงพื้น "กริฟแดกเกอร์คลอว์" ใช้สนับมือติดมีดสามเล่มทั้งสองข้างเข้า "เกร้ง เกร้ง เกร้ง ป้ากๆๆๆ ป้ากๆๆๆ เคร้งงงงง ฟึ่บ หมับ หวับๆๆๆๆๆ โครมมมม" ปะทะกับนินจาที่ใช้กงเล็บไฟฟ้าแรงสูงไป 3 ราย โดยเข้าเตะใส่นินจารายที่สามเข้าที่หัวอย่างต่อเนื่อง แต่นินจาสองรายแรกบุกเข้ามาด้านข้าง คีธเลยใช้สนับมือเข้ายัน แล้วก็กระโดดใช้เท้าหนีบคอนินจารายที่สามที่วิ่งเข้ามา พร้อมกับบิดตัวหมุนเพื่อจับนินจาตนที่สามกระแทกกับพื้น "หวับๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" จากนั้นก็กลับหัวหมุนตัวเตะข่วนใส่นินจาทั้งสองให้ล้มลง "ตรึงๆๆๆๆๆๆ" นินจาตัวโตวิ่งเข้าใส่คีธ แต่แด็กซ์พุ่งลงมา "ป้ากกก โครมมมม" ถีบขาคู่อัดใส่นินจาตัวโตจนล้มกลิ้ง ตัวโตตัวที่สองและสามเลยเสยหมัด "ตรุ้งง ตรุ้งงง" ยิงกระสุนตะปูเรือใบออกไปเป็นจำนวนมาก "ฟึ่บบบ เกร้งๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆ" แด็กซ์กางโลห์ออกจากปลอกแขนเข้าป้องกันกระสุนตะปูเรือใบไว้ได้ทั้งหมด "ฟ้าววววว ฟ้าววววว ฟ้าวววว หวืออออ" แต่นินจาตัวโตกระโดดสูงและพุ่งลงมากระทืบใส่แด็กซ์ "ซูมมมม แฟ้วววว เปรี้ยงงงง" ซึ่งโต้ตอบด้วยการใช้เจ็ทบู็ททะยานขึ้นพร้อมกับจู่โจมด้วยเฮฟวี่ดริลอาร์ม ทะลวงใส่นินจาตัวโตตนแรกให้ทะลุ จากนั้นก็ "อิมแพคบลัสต์" ชกด้วยหมัดซ้ายอัดใส่ตัวที่สองเข้ากลางหลังจน "ฟ้าวววว โครมๆๆๆ" พุ่งกระเด็นไปถล่มป่าฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ แล้วก็พุ่งเข้ามากระแทกเข้าที่ท้องนินจาตัวโตตัวที่ 3 และจับทุ่มให้หัวนินจาตัวโตคว่ำกับพื้นในท่า "เดธวอลเลย์บอมส์" ทุ่มแบบตอกค้อนลงพื้นจน "โครมมมมม" ทำหมู่บ้านสั่นสะเทือนไปเต็มๆ

              "ฟ้าววว หมับๆๆๆ" รีฟโดนนินจาหญิงใช้เคียวร้อยโซ่มัดเข้าที่แขนและขาทั้งสองข้าง เพื่อใช้ฝ่ามือไฟฟ้าแรงสูงช็อตผ่านโซ่ "อีเลคทริคสปาร์คช็อค" รีฟเลยชิงลงมือด้วยการช็อตไฟฟ้าจากตัวเธอเล่นงานพวกนินจาหญิงสี่รายจนส่วนแขนกลระเบิดไป จากนั้นก็ "ฟึ่บบบ แว้งงง" หยิบพัดกราฟแฟนออกมา "คุแจคเกอร์แฟน นกยูงรำแพน" แล้ววิ่งเข้าใส่ "หวับบบบ ฉับ" ฟันใส่ตัวนินจาหญิงรายแรกที่ท้อง "ฟึ่บบบ ป้ากกก ฉับ" นินจาหญิงรายที่สองใช้เคียวสั้นเข้าจู่โจม แต่รีฟใช้พัดปัดกระเด็นและฟันเสยจากสีข้างซ้ายขึ้นขวา "ฟึ่บ หวับๆๆๆๆๆๆ ฉับ" จากนั้นก็ซัดพัดเข้ากรีดเกราะหน้าอกนินจาหญิง แล้วหยิบอันที่สองมา "ฟึ่บ" ซึ่งสร้างตัวพัดพลังเราซ์อะตอมมิคที่ยาวขึ้น "หวับบบบ ป้ากๆๆๆๆๆๆๆๆ" แล้วก็ใช้ฟาดใส่นินจาหญิงรายที่สี่ให้หัวสบัดซ้ายขวาไปหลายที จากนั้นก็จับพัดมา "เปรี้ยงงง" ฟาดใส่หัวรายที่สามให้หัวคว่ำตีลังกากับพื้น "เคร้งงง เคร้งงง แคร้งงง เคร้งงง" เฟรดหวดกริฟทวินเบลดฟาดฟันใส่นินจาที่บุกเข้ามาด้วยเรซเซอร์อาร์มจนล้มลง "ฟึ่บ แกร็ก หวับๆๆๆๆๆๆ ป้ากกก" เฟรดซัดใบมีดใต้สนับมือเข้าอัดใส่นินจาตัวโตที่บุกมาด้วยพลองสองท่อนแบบมีปลายติดหนามจนเสียหลัก แล้วก็ "ฟ้าววว หมับบบ ฉั้วะๆๆๆๆๆ" ใช้แอคเซลเวสท์คว้าจับใบมีดยาวเข้าฟันตัดเส้นเอ็นของนินจาตัวโตอย่างรวดเร็ว "ฟ้าววว หวับบบ ฉืบบบ" นินจาตัวโตเลยถีบเข้าใส่ เฟรดเลยหมุนตัวหลบแล้วใช้ใบมีดสองเล่มตัดเอ็นร้อยหวายข้อเท้าขวาขาด แล้วก็ "กิ้ก ฉั้วะ" ต่อประกอบใบมีดเข้ากับสนับมือฟันใส่ตรงท้อง จากนั้นก็ "หวับบบ ฉึกกก" แทงผ่านเอวเข้าใส่นินจาตัวโตที่บุกมาจากด้านหลัง "ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก" แฮรี่ต่อยใส่นินจาตัวโตล้มไป 3 ราย "เปรี้ยงงงง ป้ากกก" แต่กลับโดนเล่นงานเข้ากลางหลังไปสองที ซึ่งเกราะด้านหลังอินทรีปีกเหล็กนั้นเสริมแกร่งไว้ก่อนหน้า เลยทำให้แฮรี่เสียหลักไว้
              "ก็อกเกิ้ลสโคป เซิร์จ" แฮรี่เปิดส่วนตาทั้งสองข้างเพื่อหาตัวนินจาที่ใช้การพลางตัวบังสายตาปกติไว้ โดยพวกมันกระโดดพร้อมกับกงเล็บที่หลังมือสองข้าง "กริมแฮมเมอร์" แฮรี่ใช้กริฟอาร์มติดค้อนสองอันเข้า "ป้ากก ป้ากก ป้ากก ป้ากกก" ทุบพวกนินจาที่พลางตัวจนล้มกระเจิงไปกันหมด "ป้ากกกก" แจ็สถีบใส่นินจาชายที่ใช้สามง่ามสั้นเป็นอาวุธให้ล้ม "หมับบบ ฟ้าวววว กร้องงงง" แล้วจับกระแทกกับเสาไฟสว่างไปเต็มๆ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกนินจา 8 ตนรั่วซัดดาวกระจายมาอย่างเร็ว จนแจ็สต้องรีบหลบเข้ามุมบ้านไป แล้วก็พุ่งออกมา "แมกเนตมิไซล์" ยิงจรวดแม่เหล็กเกือกม้าพุ่งเข้ามาในจังหวะที่พวกนินจาซัดห่าดาวกระจายเข้ามา "ฟ้าวววว ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จรวดแม่เหล็กพุ่งผ่านพวกนินจา โดยอำนาจคลื่นแม่เหล็กดึงห่าดาวกระจายเข้าปักใส่ผู้ขว้างกันทั้งหมด "หวับๆๆๆๆๆ" อีกกลุ่มจากด้านหลังซัดดาวกระจายแบบฟูม่าที่มีขนาดใหญ่เข้ามา "ตรุ้งงงง แฟ้วววววว" แจ็สเลยงอแขนขวาไปข้างหลังและยิงแมกเนตมิไซล์พุ่งเข้าผ่านพวกนินจา "หวับๆๆๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆ" โดยจรวดดูดดาวกระจายใหญ่ปักคาพวกนินจาล้มกลิ้งไป "ฟ้าวๆๆๆๆ" นินจา 5 ตนซัดมีดคุไนติดโซ่ออกจากแขน "กราฟทวินเบลด" นิคหมุนควงดาบสองคมแสงสีครามเข้าตัดมีดสั้นขาดจากโซ่ แล้วก็ "หวับๆๆๆๆๆๆ พรึ่บ" หมุนควงจนดาบลุกโชนเป็นเพลิง "เบิร์นนิ่งวิลคัตเตอร์" แล้วซัดเข้า "หวับๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" ปะทะใส่พวกนินจาจนล้มลง แล้วก็พุ่งแดชเข้ามา "หมับบบ ฉั้วะ" ฟันใส่นินจาตัวโตจนไฟครอกร่างไปในทันที "ฟ้าวๆๆๆๆๆๆๆ เคร้งๆๆๆๆๆๆๆ" มาริกระโดดขึ้นบนหลังคาเข้าปะทะใส่นินจาที่เข้าสู้กับเธอด้วยดาบและมีดซ่อนในปลอกแขน "ตึกๆๆๆๆๆ เคร้งๆๆๆ ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ" จากนั้นเธอวิ่งลงพื้นแล้วก็ใช้ฟุโรวกะฟันใส่นินจาหญิงสามคนจนล้มไปก่อนที่เธอใช้เรซเซอร์อาร์ม "ตึกๆๆๆๆๆ ฟึ่บๆๆๆๆๆ ฟ้าวๆๆๆๆๆ" นินจาชุดสีเทาจำนวน 10 คนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับใช้วิชาแยกร่างพันเงาเข้าใส่มาริ "เคล็ดวิชาตระกูลคาเซคาว่า พายุหมุนลมตัด (คาไมทาชิทัตสึมาคิ)" เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็วจนเกิดพายุแล้วซัดให้พุ่งเข้าใส่ "ฟ้าววว ฉืบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกร่างแยกของนินจาชุดเทาจนร่างแยกทั้งหลายถูกสับขาดสลายหายไป พร้อมกับเล่นงานร่างจริงให้ชะงัก "ฟึ่บๆๆๆๆๆ" แต่พวกชุดเทาอีก 9 ตนกระโดดเข้าเพื่อจัดการกับมาริจากข้างหลัง "เคล็ดวิชานินจาหน่วยรบวิหค ดับเบิ้ลแมกนั่ม" แฮรี่ เฟรด คีธและนาเดียกระหน่ำยิงใส่นินจาชุดเทาจากข้างหลังด้วยกระสุนและเลเซอร์จนล้มลง "เคล็ดวิชาสติลลิมบ์ กระหน่ำยิงพร้อมกัน" สติลลิมบ์ยิงอาวุธจากแขนเข้าเล่นงานนินจาชุดเทาที่เหลืออีก 5 ให้กระเจิง
               "ว่าไงละ ท่านตา มีเท่านี้หรือยังละ" มาริกล่าว

              "เจ้าคงไม่รู้ใช่มั้ย ว่าตอนนี้ ฉันเตรียมแจ้งเตือนให้กลุ่มนินจาที่อยู่นอกหมู่บ้านให้เข้ามาสมทบกันแล้ว แม้ว่าพวกนี้ยังไม่ถูกดัดแปลง แต่ถ้าฉันสั่งคำเดียว พวกเจ้าได้ตายแน่ๆ" โยรุคาเซะกล่าว
              มากาโตะบอก "เออ ท่านคงต้องดูนี้หน่อยนะคะ" แล้วก็นำมือถือเปิดภาพของกลุ่มนินจาชุดแดงส้มเข้าล้อมนินจากลุ่มคาเซคาว่า ตามด้วยกลุ่มชุดฟ้า ชุดส้ม ชุดเหลือง และชุดชมพูเข้าจัดการกับพวกนินจาของโยรุคาเซะ โดยที่มีพวกคาเซคาว่าอีกกลุ่มเข้าช่วยอีกแรง "ตอนนี้ ท่านไม่เหลือใครนอกจากท่านแล้ว เพราะว่าฉันได้แจ้งให้กลุ่มนินจาอื่นๆตรงไปจัดการกับพวกสมุนของท่านแล้วละคะ"
              "เจ้านิมัน อวดฉลาดเกินไปหน่อยแล้วน่ะ คนอย่างเธอนั้นสักวันจะต้องโดนเอาคืนแบบนั้นบ้าง" โยรุคาเซะแค้นและแบมือเพื่อยิงลูกดอกเข้าใส่มาริ "ฟึ่บบบ ปั้ก" มาริเลยซัดดาวกระจายเข้าอัดใส่ตรงข้อมือซ้ายและขวาจนทำลายเครื่องยิงลูกดอกให้พัง "ฟึ่บๆ เกร้งๆ" แล้วก็ซัดมีดนินจาไปขัดซี่ล้อรถเข็นทั้งสองข้าง "มาริ ฉันน่าจะส่งคนไปแฝงตัวในกลุ่มเพื่อนเพื่อสังหารเจ้าแล้วแท้ๆ ไม่น่าปล่อยให้รอดมาเข่นฆ่าพวกเดียวกันให้ย่อยยับได้เลยน่ะ" โยรุคาเซะโวย
              โดยที่มาริเดินเข้ามา "ท่านต่างหากละที่ฆ่าคนของฝ่ายเราไปเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นพวกภักดีต่อท่านและต่อต้านท่านไว้ จนทำให้ตระกูลของเราย่อยยับไปเช่นนี้ ในฐานะผู้สืบสายเลือดของตระกูลคาเซคาว่า ฉันถือว่านี้เป็นการกระทำที่ไม่น่าให้อภัยเสียเลยน่ะ"
    "ข้าทำไปเพื่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูล เพื่อให้พวกเรามีโอกาสได้ใช้ความรู้ความสามารถกันอย่างเต็มที่ และเพื่อให้ญี่ปุ่นกลับมาเข้มแข็ง มากกว่าอ่อนยวบด้วยความน่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่บัดทอนจิตวิญญาณของญี่ปุ่นไปจนหมดสิ้นแล้วน่ะ" โยรุคาเซะบอก นาเดียกล่าว "ตกลงนิ คุณไม่เคยออกมาดูโลกภายนอกหรือไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงหรือปรับตัวเข้ากับโลกที่เปลี่ยนไปเลยสิคะ"
    "บอกตามตรงน่ะ ว่าคุณในตอนนี้ ไม่ต่างจากรัฐบาลบาคุฟุที่โดนประเทศของเรานำเรือดำมาข่มให้เปิดประเทศกันเลยน่ะ" แฮรี่บอก น็อกกี้กล่าว "แต่ที่มันแย่กว่าก็คือ แกเสือกไปทำสัญญากับปีศาจร้าย สังเวยคนในตระกูลของแกไปหลายคนเพื่อสร้างขุมกำลังนินจาแมนิเกเตอร์ให้เหนือกว่าเจ้มารินิ ถ้าไม่ติดว่าแกนั่งรถเข็นและแก่จนลงโลงละก็ ปานนี้แกคงโดนยำเละแล้วละมั่ง"
              "พวกแกคือตัวการที่ทำให้ญี่ปุ่นพินาศ และพังแผนการของฉันให้พังไปด้วยเช่นนี้ ถ้าฉันดัดแปลงร่างของฉันให้แกร่งขึ้นมาได้ละก็ รับรองว่าพวกแกไม่รอดแน่ๆ" โยรุคาเซะบอก
              นิคกล่าว "แต่แย่หน่อย ที่บาปกรรมของคุณได้ทำให้ร่างกายของคุณย้ำแย่ลงไปเช่นนี้ ถึงขั้นที่คุณไม่สามารถดัดแปลงเป็นแมนิเกเตอร์ไปได้เลยน่ะ"
              "แน่ละ เพราะว่าพวกแกเป็นปีศาจทำลายล้างในคราบมนุษย์กันแล้ว และพวกแกเองกำลังจะฆ่ามนุษย์ผู้นี้ให้ตายไปด้วยน่ะ ซึ่งนั้นจะทำให้ผู้ปกครองโลกพร้อมใจจะบดขยี้พวกแกให้วอดวายกันนี้แหละ" โยรุคาเซะกล่าว
              เฟรดส่ายหน้า "คุณนิเหมือนกับคนทรยศระบบดาวของพวกเรากับจักรวรรดิ์ต่างดาวที่รุกรานดาวของพวกเรารวมกันนิ สงสัยว่าพวกเราคงเกลื้ยกล่อมคุณไม่ได้แล้วละ" แล้วมาริก็ก้าวเดินออกมา
              "เจ้าคงคิดจะปิดบัญชีด้วยการฆ่าข้าให้ตายสิน่ะ แน่นอน ว่ามือของเจ้าจะแดงไปตลอด เพราะว่าเจ้าฆ่าพวกเดียวกันด้วยมือของเจ้าไปแล้วน่ะ" โยรุคาเซะบอก
              มาริส่ายหน้า "ฉันแค่ปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระเท่านั้นเอง เพราะว่าท่านได้ฆ่าความเป็นมนุษย์ของพวกเขา แล้วยัดเยียดความเป็นปีศาจแห่งการทำลายล้างเข้าไปโดยที่พวกเขาไม่อยากจะได้แต่แรกกันต่างหาก" แล้วก็เอามือไปไว้ข้างหลัง "แน่นอน ว่าสิ่งที่ท่านได้ทำลงไปตั้งแต่ต้นจนจบมานั้น ท่านไม่ได้ทำเพื่อวงศ์ตระกูลอย่างแท้จริงเลย แต่ท่านทำเพื่อตัวเองต่างหาก ที่แสดงความเห็นแก่ตัว ไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงจากโลกภายนอก ไม่ปรับตัวกับสภาพการณ์ที่แปรเปลี่ยน และไม่แม้กระทั่งยอมรับความเห็นจากผู้อื่น เพราะในความคิดของท่าน ทุกคนในความดูแลของท่าน ต้องเชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น"
              "และเจ้าก็ฝ่าฝืนคำสั่งของข้า ในการฆ่าพวกที่อ่อนแอกว่าเช่นนี้ แถมยังพาพวกพ้องหนีออกจากประเทศหลังจากที่เข้ารับดัดแปลงเป็นสุดยอดนินจา ไปเข้ากับพวกกองกำลังแมนิเกเตอร์แล้วหนีไปสุดขอบจักรวาลกันนั้น เจ้าไม่มีสิทธิ์ใช้สกุลของพวกเราได้หรอก" โยรุคาเซะกล่าวและเตรียมใช้มีดที่ซ่อนไว้ในเสื้อ เพื่อแทงใส่มาริ "หมับบบบ กึกๆๆๆๆ กร็อบ" แต่เธอลงมือคว้าจับข้อมือขวาของโยรุคาเซะ แล้วบีบตรงข้อมือจนเอ็นข้อมือหักลง "เอาสิ แน่จริงก็ฆ่าข้าเสียเลยสิ ฆ่าข้าให้ตายไปซะ เพื่อแก้แค้นให้กับทุกๆคนที่ตายด้วยคำสั่งของข้าน่ะ"
              มาริเปิดหน้ากากและยิ้มขึ้น "รู้อะไรมั้ยคะ คุณตา นินจาอย่างเราสามารถฆ่าคนได้หลายวิธี ซึ่งส่วนมากทำให้เป้าหมายตายได้ทั้งนั้นก็จริง แต่.....เกรงว่าท่านจะต้องตายทั้งเป็นแล้วละ"

              "คงไม่คิดจะใช้ยาพิษที่ทำให้ข้าทรมานงั้นสิ" โยรุคาเซะกล่าว มาริเลยหยิบบางอย่างจากหลังเอวมา "ฟึ่บบบ แกร็ก" เสียบกับช่องเสียบยูเอสบีของเครื่องช่วยได้ยินตรงหลังหัวไว้ "ปี้บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แล้วเธอก็กดรั่วไปหลายที โยรุคาเซะกล่าว "เจ้าคิดจะใส่ไวรัสก่อกวนเครื่องประคองชีพนะหรือ"
              มาริบอก "เปล่าเลยคะ ฉันแค่....มอบความฝันของคนในหมู่บ้านที่ท่านทำลายทิ้งให้ท่านได้ยินกันนี้แหละคะ" แล้วมาโกโตะก็เดินมาเอาหูฟังเสียบเข้าที่หูของโยรุคาเซะไว้
              "อือ อะๆๆๆ อะไรเนี้ย เสียงเพลงนี้ เพลงของพวกไอดอลน่ารังเกียจแถวอากิบะนี้หน่า แม้กระทั่งคันไซ คิวชูก็ด้วยนะหรือ" โยรุคาเซะโวยลั่นเพราะเขาได้ยินเสียงเพลงของกลุ่มไอดอลเข้า เลยพยายามจะดึงหูฟังออก แต่
              "อย่าพยายามแกะให้หูหลุดเลยคะ เพราะหนู ทากาวช้างคิวามิไว้ที่หูฟังแล้ว ท่านตา ควรจะต้องฟังเพลงที่ท่านรังเกียจนี้ เท่ากับจำนวนคนที่ท่านฆ่าทิ้งไปนี้แหละคะ" มาโกโตะบอก
              "บะๆ บ้าที่สุด แน่จริงแกก็ฆ่าข้าสิ อย่าให้ข้าได้ยินเสียงเพลงที่ผู้คนว่างจัดเอาแต่ถือแท่งเรืองแสงอยู่ตรงหน้าเวทีได้มั้ยละ" โยรุคาเซะโวยลั่น และพยายามปิดเครื่อง แต่.... "แกร็กๆ" มาริเอากุญแจมือใส่ข้อมือทั้งสองข้างของโยรุคาเซะไว้
              มาริบอก "ฉันไม่ให้ท่านได้ตายง่ายๆหรอกคะ เพราะว่านี้เป็นบทลงโทษที่เหมาะสมกับท่าน ให้ท่านตายทั้งเป็น และอยู่กับมันจนกว่าท่านจะสำนึกบาปที่ท่านได้ก่อไว้กับทุกๆคนมาตลอด 24 ปีกันนี้แหละ" แล้วก็บอก "อย่างน้อย ถ้าท่านไม่ชอบก็ไม่ว่า แต่อย่ามาทำลายความฝันของทุกๆคน ด้วยการพรากชีวิตอันมีค่าเพียงเพื่อความเห็นแก่ตัวและข้ออ้างในการรักษาวงศ์ตระกูลไปเลยนะคะ"
              "แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะรักษาวงศ์ตระกูลนี้ไว้เลยหรือ เพราะว่าเจ้าได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับพวกเราไว้แล้วน่ะ" โยรุคาเซะบอก "อีกอย่าง ต่อให้เจ้าใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนรู้มาไปช่วยเหลือผู้อื่นไว้ แต่นึกหรือ ว่าจะมีใครสืบทอดได้ ถ้าเจ้าไม่คิดทำแบบที่ฉันทำ เจ้าจะไม่เหลือใครไว้เลยนะ หึๆๆๆๆๆ"
              มาริกล่าว "ฉันรู้อยู่แล้ว ว่ามันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ แต่....ท่านตาคือเหตุผลที่ฉันจะไม่ซ้ำรอยเดิมอีกต่อไปแล้ว ฉันจะไม่บีบบังคับผู้อื่น หากเขาหรือเธอไม่ต้องการกันจริงๆ ฉันจะให้ทุกอย่างขึ้นกับการตัดสินใจของทุกๆคน ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจทำให้ฉันผิดหวังไม่น้อยก็ตามน่ะ"
              "แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ อะๆๆๆๆ อย่า อย่าเพิ่มเสียงได้มั้ย" โยรุคาเซะกล่าวและโวย เพราะมาโกโตะปรับวอลลุมเสียงให้ดังขึ้น
              น็อกกี้บอก "โอ้ว นั้นเป็นการลงโทษที่ ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วละ ลูกพี่แฮรี่ คุณนิค"
              "นั้นสิ แค่จับคนมาฟังเพลงไอดอลแบบนันสตอปกันก็แย่พออยู่แล้ว แต่นี้เป็นคนชราด้วยนิ มันแย่ยิ่งกว่าเก่าเลยน่ะ" นิคบอก
              นาเดียกล่าว "คิดว่าคุณคาเซคาว่าโหลดเพลงของคุณจิลและคุณลิเนียร์ตี้เข้าไปด้วยได้มั้ยละคะ"
              "แค่เพลงไอดอลของญี่ปุ่นก็เกินพอแล้วละ ตาแก่นี้คงไม่รู้จักเพลงของเลิฟลี่แองจี้กันหรอกน่า" แจ็สบอก
              เฟรดบอก "ถึงแม้ว่าคุณคาเซคาว่าจะเล่นแรงไปบ้างก็ตาม แต่อย่างน้อย คุณคาเซคาว่าก็หมดห่วงเรื่องครอบครัวกันเสียทีน่ะ" โดยตอนนี้พวกนินจากลุ่มอื่นๆเข้ามาในหมู่บ้านกันแล้ว โดยที่ยานเพริบาทรอสบินลงมาด้วยต่

    ต่อช่วงที่ 2 กัน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×