ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #39 : ตอนที่ 20 ยุทธการลับบนโลก ช่วงพักยก กลับสู่เขาหอเมฆา พบกับพี่น้องของเหล่าสหายผู้จากไป ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18
      0
      20 ก.ค. 63

              กลางทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน ตอนนี้ปราการวอลเดมอร์ทลอยลำอยู่ โดยมีกองกำลังเทอร่าสควอดอนคุมอยู่ วันต่อมา
              "การตรวจสอบภายในปราการแห่งที่สองเป็นยังไงบ้างละ ดร.เมลเบจ" บราวน์เดคกล่าวกับหญิงในชุดแฮซแมทพร้อมกับนักวิจัยอีก 40 คนซึ่งเข้าไปเช็คภายในป้อมปราการกัน
              "แม้ว่าภายในนี้จะมีคลื่นรังสีคล้ายกับกัมตภาพรังสีที่อยู่ในทอเรี่ยม พัลเลเดี่ยม ยูเรเนี่ยม พลูโตเนี่ยมกันแล้วก็ตาม แต่ก็มีเพียงน้อยนิดอยู่ในสิ่งก่อสร้างแห่งนี้ไว้ ซึ่งฉันคิดว่า ผู้ที่สร้างมันนั้น ต้องการจะใช้เป็นปราการสำหรับบุกจู่โจมทั้งสองทวีปกันแน่ๆละคะ"
              "แต่ที่มันยังอยู่ในทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนมาตลอด 44 ปีกันนิ คงเพราะว่ามันอันตรายเกินไปที่จะใช้มันเลยสิน่ะ" บราวน์เดคกล่าว
              ดร.เมลเบจตอบ "คะ เห็นได้จากเหล่าศพที่อยู่ในชุดเกราะ ซึ่งนอนกราดเกลือนตามทางไว้ ดร.ไวท์ไลน์ที่มาด้วยนั้น ยื่นยันแล้วคะ ว่าศพพวกนี้ คงเป็นเหล่าแมนิเกเตอร์แน่นอน หากแต่พวกเขาตายมานานแล้ว เพียงแต่สภาพศพยังคงใหม่อยู่ บ่งบอกได้ว่า พวกครอสตรีมปิดตายแห่งนี้ไว้แล้วให้มันจมอยู่ในทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน โดยใช้บาเรียกันมิให้รังสีรั่วไหลออกและกันไม่ให้น้ำทะเลไหลเข้ามาด้วยคะ"
              "แล้วไม่มีกลไกอื่นใดที่คุมอยู่ในปราการเลยสิคะ" จูดิธถาม
              ดร.เมลเบจบอก "นายช่างกากริฟและทีมกำลังเช็คอยู่น่ะ ว่าแมนิเกเตอร์ที่สร้างปราการนี้ มีอะไรอีกบ้าง เพราะถึงแม้ปราการนี้ไร้ซึ่งพลังไปแล้ว อันตรายก็ยังมีอยู่น่ะ"
              "งั้นพวกคุณรีบสืบโดยเร็ว ก่อนที่เบื้องบนจะสั่งให้พวกเราถอนกำลังกลับไปเสียก่อนน่ะ" บราวน์เดคบอก และหันมายังจูดิธ ซึ่งเธอกับเอลีททเวลฟ์ รวมถึงเรดดิลและบลูดัสท์ด้วย "ถ้าให้เดาน่ะ พวกไทรเวเซอร์เปิดเผยสถานะของกัลสตาร์เซโร่ให้พวกเธอทราบก่อนเวลาอันควรเลยสิน่ะ"
               จูดิธพยักหน้า "คะ และไม่ใช่แค่ท่านนายพลกับไวโอล่าอย่างเดียว เพื่อนเราสองคนเองก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วยน่ะ"
              "ที่ฉันต้องปิดพวกเธอไว้ เพราะพวกเธอบางคนอาจจะคัดค้านเรื่องนี้อย่างแน่นอน และในเมื่อเป็นเช่นนี้ฉันคงปิดอะไรไม่ได้แล้วละ" บราวน์เดคบอก "เรดดิลและบลูดัสท์นั้น คือนักบินเทอรอทโซลาร์ดและเทอรอทลูนาร์ด เทอรอททรูปเปอร์อันทรงพลังและไพ่ตายสองใบของพวกเราในเวลานี้ ซึ่งฉันให้ทั้งสองเข้าร่วมในกองกำลังของเราในสถานะสมาชิกหน้าใหม่ของทีมกัลสตาร์ซีโร่รุ่นสอง สืบต่อจากรุ่นแรกไว้ เพื่อให้ทั้งคู่ เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือพวกเธอและพวกเราในการปกป้องโลกไว้น่ะ"
               โรนัลด์บอก "ท่านนายพลครับ แต่ทั้งคู่มีประสบการณ์มากพอแล้วหรือ ที่จะมาเข้าร่วมกับพวกเราที่เป็นสมาชิกระดับแนวหน้าของกองกำลังนี้น่ะ"
              "พวกเธอคงไม่รู้เลยสิน่ะ ว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมานั้น เรดดิลและบลูดัสท์ปฏิบัติการณ์ในฐานะนักบินของโซลาร์ดและลูนาร์ดมาก่อน หลังจากที่รุ่นแรกเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติการณ์ แล้วเรดดิลกับบลูดัสท์ก็สานต่อแทนรุ่นแรกในฐานะสมาชิกรุ่นสองไว้ เพียงแต่ ฉันปิดบังทั้งคู่ไว้ จากการปฏิบัติการณ์ครั้งก่อนหน้า จนถูกส่งไปร่วมฝึกในกองทัพอเมริกาไว้ เพราะพวกเธอคงจะรู้แค่ว่า ทั้งเรดดิลและบลูดัสท์มักจะทำเทอร่าทรูปเปอร์พังเสียหายอยู่บ่อยๆ จนทำให้การปฏิบัติภารกิจของพวกเธอมีปัญหาเลยสิน่ะ" บราวน์เดคบอก
               มิลโดว์บอก "และถ้าให้เดาน่ะ พวกเธอสองคนก็คงจะรู้มาแต่แรกแล้วละสิ"
              "ทีแรก เราก็แทบไม่เชื่อเลยน่ะ ว่าเด็กใหม่ทั้งสองนี้จะเป็นนักบินโซลาร์ดและลูนาร์ด ไพ่ตายของพวกเราในเวลานี้เลยน่ะ" นิโคล่าบอก
              ริโคน่าบอก "เรากะจะบอกกับพวกเธออยู่แล้ว แต่พวกเธอบางคนอาจจะไม่เชื่อ รวมถึงจูดิธ ที่บ้างานมากไปหน่อยก็คงค้านหัวชนฝาได้แน่ๆน่ะ"
              "พวกเธอก็เลยปิดพวกเราไว้เลยละสิน่ะ" ทาริก้าบอก
              เฮลก้าบอก "แต่ตอนนี้เราก็รู้แล้ว ว่าไพ่ตายของเรานั้นเป็นเด็กใหม่ที่มีประวัติการทำเทอร่าทรูปเปอร์พังมาทุกภารกิจเลยน่ะ"
              "แม้ว่าเรดดิลและบลูดัสท์จะมีประวัติเสีย ทั้งคู่เองถือเป็นสมาชิกที่สำคัญไม่น้อยกว่าพวกเธอเลยน่ะ" บราวน์เดคบอก
              จูดิธกล่าว "ตอนนี้ ฉันขอเสนอให้ท่าน ปลดทั้งคู่ออก แล้วให้นักบินคนอื่นมาควบคุมโซลาร์ดและลูนาร์ดแทนนะคะ"

              "เกรงว่า เราคงทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกคะ" เรดดิลบอก
              บลูดัสท์กล่าว "ไม่มีนักบินไหนที่สามารถควบคุมทั้งโซลาร์ดและลูนาร์ดได้ นอกจากพวกเรา ผู้สืบทอดสายเลือดโซลราฟและลูสนาร์คเท่านั้นนะครับ" แล้วก็บอก "อีกอย่าง พวกคุณคงไม่รู้หรอกนะครับ ว่าพวกเรามีประสบการณ์มากกว่าที่คุณคิดไว้น่ะ"
              "ประสบการณ์มากนะหรือ ช่วยเล่าให้ฟังได้มั้ยละ" โรนัลด์ถาม
              เยลโลว์ไลน์เลยออกมาอธิบายไปว่า "ก่อนหน้าที่เรดดิลและบลูดัสท์เข้าร่วมกับพวกเรานั้น ทั้งคู่เป็นทหารในกองกำลังพิทักษ์ดวงจันทร์ ซึ่งได้เข้าร่วมในการต่อต้านกองกำลังรุกรานโลกจากดาวทั้งแปด โดยทั้งสองไม่เพียงร่วมรบพร้อมกับเหล่าทหารบนดวงจันทร์อย่างเดียว แต่ร่วมมือกับเหล่าทหารรับจ้างและทหารจากดาวทั้งแปดดวงหยุดยั้งกองกำลังรุกรานโลกกันไว้ โดยทั้งคู่สู้ด้วยเทอร่าทรูปเปอร์แบบใช้งานในอวกาศ ต่อกรกับเหล่าศัตรูจากกองกำลังรุกรานทั้งในดงดาวเคราะห์น้อย สถานีอวกาศ สเปซโคโลนี่ ไปจนถึงยานอวกาศและยานรบกันด้วยน่ะ โดยทั้งคู่เสี่ยงตายบุกเข้าขัดขวางพวกศัตรูเหมือนที่ทำในเวลานี้แหละ"
              "หมายถึงการหยุดยั้งกองกำลังซอลโดมิเนี่ยนเมื่อ 7 ปีก่อนละสิ เท่าที่ทราบมา สงครามนั้นดำเนินมาตลอด 3 ปีนอกโลกกันแล้ว ซึ่งการรบในครั้งนั้นแทบไม่มีศัตรูหลุดเข้ามาที่โลกได้เลยสักคนด้วย แต่ถ้าเรดดิลและบลูดัสท์เกี่ยวข้อง ก็น่าจะมีข้อมูลระบุกันในข่าวด้วยสิ" จูดิธกล่าว
              บราวน์เดคบอก "นายบ้านโซลราฟและลูสนาร์คปิดข่าวไว้ เพื่อรักษาความลับมิให้ฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ได้รับรู้ จนส่งคนมาดึงตัวเข้ากองกำลังไว้ ฉันเลยต้องรีบเกณฑ์เรดดิลและบลูดัสท์มาเป็นสมาชิกหน้าใหม่ แม้ในตอนนั้น ทีมกัลสตาร์เซโร่ยังมีเรดดิคและบลูเดลอยู่ด้วยแล้วก็ตาม อย่างน้อย ฉันก็ตัดสินใจได้ถูกต้อง เพราะเรดดิคและบลูเดลถูกฆ่าตายในระหว่างปฏิบัติภารกิจหยุดพวกเอเลี่ยนเถื่อนไว้น่ะ เรดดิลและบลูดัสท์เลยต้องรับช่วงต่อเอง"
              "แล้วท่านกับไวโอล่าก็ช่วยปิดเรื่องนี้เลยสิน่ะ" โรนัลด์บอก
              มิลโดว์กล่าว "แต่ถึงกระนั้น พวกเราคงจะยอมรับได้ยากมั่ง เพราะการปฏิบัติการณ์แบบสุดโต่งและไม่สนแบบแผนนั้น ย่อมทำให้ภารกิจพังเร็วน่ะครับ"
              "แล้วจะอธิบายเรื่องพวกไทรเวเซอร์กันยังไงละ พวกเขาก็ทำแบบกัลสตาร์ซีโร่ ด้วยการบุกปราการของศัตรูด้วยการอ้อมเข้าเขตแอฟริกาขึ้นเหนือ และบุกฝ่าพวกเราแบบไม่กลัวเกรง บ่งบอกว่าพวกเขา เสี่ยงแบบไม่มีอะไรจะต้องเสียมาหลายครั้งแล้วน่ะ" บราวน์เดคบอก "อีกอย่าง การปฏิบัติการณ์เป็นแบบแผนเกินไปนั้น อาจจะต้องพังเพราะเรื่องที่คาดไม่ถึงหรือบางอย่างที่อยู่นอกเหนือการคำนวณและการคาดการณ์กันอยู่ดี ซึ่งแผนการของเธอในภารกิจนั้น คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยน่ะ"
              จูดิธพยักหน้า "ฉันทราบดีแล้วคะ ท่านนายพลบราวน์เดค แต่เรื่องที่จะให้เราร่วมรบพร้อมกับกัลสตาร์ซีโร่ทีมนั้น เราคงยอมรับได้ยากนะคะ เพราะสมาชิกของเราจากฝั่งเอเชียเองคงไม่เห็นชอบด้วยน่ะ"
              "เกรงว่า ฝั่งเอเชียได้ยอมรับในความสามารถของเราแล้วละคะ" เรดดิลบอก "เพราะตลอด 3 ปีที่เราปฏิบัติการณ์มานั้น เราได้ร่วมงานกับรุ่นพี่ฮันโดว์ คุณคงเดช คุณเจย์เดน คุณกุนทรี คุณจูอิน แล้วก็คุณลิ่วเฟย จนพวกเขายอมรับในความสามารถของเราแล้วละคะ"
               บลูดัสท์บอก "ถ้าพวกคุณไม่เชื่อละก็ ลองติดต่อไปหาพวกเขาเลยมั้ยละครับ"
              "เยี่ยม ถ้าให้เดาน่ะ ฝั่งเอเชียก็ปิดปากไม่บอกเราเรื่องพวกเธอด้วยสิ" มิลโดว์บอก
              โรนัลด์บอก "พวกเธอทำให้คงเดชยอมรับในความสามารถของเธอได้ก็ไม่แปลก เพราะคงเดชก็เหมือนกับพวกเธอ แต่บ้าและซ่ายิ่งกว่าน่ะ" แล้วก็ส่ายหน้า "แต่กับเทนยะที่ว่าเป็นสมาชิกที่ฉลาดในระดับเดียวกันกับจูดิธ แต่สุขุมรอบคอบมากกว่ากันนิ พวกเธอคงไม่ได้ติดสินบนอะไรเขาเลยสิน่ะ"
              "เปล่าหรอกครับ เราฝึกกับรุ่นพี่เทนยะในสำนักดาบที่ญี่ปุ่น เพื่อขัดเกลาเพลงอาวุธของพวกเราให้เฉียบคมเทียบเท่าและเหนือกว่าพวกพี่ๆกันนะครับ" บลูดัสท์บอก
              จูดิธส่ายหน้า "สงสัยว่าฉันคงต้องตำหนิเทนยะสักหน่อยแล้ว ที่ไปสอนเด็กใหม่ที่อวดดีอย่างพวกเธอไว้แล้วแท้ๆน่ะ" แล้วก็บอก "ว่าแต่ พวกเราควรจะไล่ตามพวกไทรเวเซอร์เลยมั้ยคะ"
              "ตอนนี้ สหพันธ์โลกใหม่ได้ระงับการปฏิบัติการณ์ของเราและทุกกองไว้ เพื่อไว้อาลัยต่อนายพลเชอริตัลที่จากไปไปสักระยะหนึ่งก่อน ซึ่งนั้นหมายถึงพวกเราจะคลาดกับพวกไทรเวเซอร์ไปเลยก็ตามน่ะ" บราวน์เดคบอก "แต่ฉันได้แจ้งกับไวโอเลฟกับฝั่งเอเชียรับทราบไว้แล้ว ถ้าพวกไทรเวเซอร์โผล่มาในขอบเขตดังกล่าว เทนยะและพวกฝั่งเอเชียจะรับผิดชอบเองน่ะ"
              จูดิธพยักหน้า "แล้วจะทำไงกับทีมกัลสตาร์ซีโร่ดีละคะ"
              "ฉันจะให้พวกเขาสแตนด์บายอยู่กับพวกเธอไว้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจในภายหลังน่ะ" บราวน์เดคกล่าว "ตอนนี้ พวกเธอแยกย้ายกันไปพักได้แล้ว"
              ทั้งหมดกล่าว "ครับ/คะ"

              วกกลับมายังพวกไทรเวเซอร์ ที่ยานไทรแองเกิ้ล ภายในเขตป่าดีเนสต้า
              "พีวิล นายช่วยเปิดข้อความสุดท้ายของแพทรีออทให้เราฟังได้มั้ยละ" คลอเวฟบอก
              เจเนลกล่าว "นั้นสิ เรายังไม่รู้เลยว่า เกซิคเกี่ยวข้องอะไรกับพวกอีเนอไมนด์และครอสตรีมกันเลยน่ะ"
              "โชคดีมากที่ฉันยังไม่ทำลายข้อความนี้ก่อน เพราะพวกนายสมควรจะได้รับทราบเรื่องไว้ด้วยน่ะ" พีวิลกล่าวพร้อมกับ "ฟึ่บบ แกร็ก" เสียบทรัมป์ไดร์ฟที่แพทรีออทส่งมาเข้าโต๊ะประชุมในห้อง ซึ่งก็ฉายภาพโฮโลแกรมของแพทรีออทไว้
              "พีวิลเอ๋ย เมื่อเจ้าเปิดข้อความแล้วเจอข้าแล้วละก็ ข้าคงไม่ได้อยู่ในโลกนี้ เพราะพลาทูนั่มได้นำร่างศพของข้ามาเป็นแหล่งพลังงานให้กับเทมเดน ซึ่งหากข้าออกจากแกนกลางไป ข้าก็จะอยู่ได้อีกไม่นาน จนข้าหมดโอกาสที่จะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับพลาทูนั่ม ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และมันเป็นสาเหตุ ที่เจ้าถูกข้าฆ่าทิ้งและชุบชีวิตให้กลายเป็นแมนิเกเตอร์อย่างที่เจ้าเป็นในเวลานี้แล้วน่ะ" แล้วก็บอก "ทั้งหมดที่ข้าทำไปนั้น ก็เพื่อที่จะหยุดยั้งพลาทูนั่มมิให้ทำลายอีเนอไมนด์ที่ข้าสร้างขึ้น ด้วยอารมณ์และความโกรธอันไร้เหตุผล จากการส่งเสริมของผู้คุมกฎเกซิคที่เข้าแทรกแซงเรื่องภายในอีเนอไมนด์และครอสตรีมเมื่อ 3 ปีก่อนมหาสงครามระหว่างบิดรเทพและพวกเจ้าไว้น่ะ"
              "แพทรีออทฆ่าพีทและเปลี่ยนเป็นแมนิเกเตอร์ เพียงเพื่อให้พีทหยุดพลาทูนั่มอย่างงั้นนะหรือ" สเตฟอร์ดบอก
              โฟรซ่ากระแอ่มเพื่อที่จะฟังอดีตแม่ทัพอีเนอไมนด์เล่าต่อ "ก่อนหน้าที่ข้าจะเจอกับพีวิลนั้น ขุนพลครองคอร์ดได้เลือกยอดขุนพลจากสองกองมาก่อนแล้ว นั้นคือ ดาบมือหนึ่งเอชมาสวาร์ทาร์แห่งครอสตรีม และกราดิเอเตอร์มารีนคลอเวฟจากแอตแลนไทซ์ ซึ่งไม่เพียงเป็นตัวแทนของกองกำลังทั้งสองในการรบกับพวกมนุษย์ แต่ยังเป็นตัวแทนของสองกองกำลังที่จะมาเป็นกำลังสำคัญให้กับโคเคส แอคเมนโด้ หัวหน้าเหล่าซุปเปอร์โซลเยอร์ ผู้ซึ่งบิดรเทพโอเวอร์เดส เลือกให้ผู้นำเหล่าแมนิเกเตอร์ก่อตั้งกองกำลังต่อต้านสู้กับฝ่ายเรา มีแต่อีเนอไมนด์ของข้า ที่ข้าได้เลือกผู้สืบทอดเอาไว้ อย่างพลาทูนั่มมาแล้ว แต่ยังไม่ลงตัว ในเรื่องการหาใครมาเป็นตัวแทน เพราะถ้าข้าเลือกพลาทูนั่มให้เป็นตัวแทน ก็ย่อมหมายถึงข้าต้องหาอีเนอไมนด์ตัวอื่นมารับช่วงต่อ ซึ่งพลาทูนั่มคงไม่เห็นชอบแน่ๆ" แล้วก็กล่าว "ในระหว่างที่ข้ากลุ้มใจกับเรื่องที่ยังไม่ลงตัวว่าจะหาข้อสรุปนี้ยังไงดี ท่านอาทรัลเตอร์ก็เข้ามาพอดี แม้ว่านั้นจะเริ่มต้นจาก ลูกน้องใต้บัญชาของพลาทูนั่มที่คุมโมรอคโคไปหาเรื่องท่านแม่ทัพ จนทำให้ข้าต้องเป็นฝ่ายเข้าไปสู้เอง" โดยแพทรีออทเล่าให้พีวิลและพวกเห็นภาพ "ฟ้าวๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แพทรีออทบุกเข้ากระหน่ำรั่วต่อยและถีบใส่อาทรัลเตอร์ ซึ่งยกแขนขวาป้องกันหมัดเท้าไว้ "ฟึ่บบบบ ป้ากกก" อาทรัลเตอร์เสยฝ่ามือใส่แพทรีออทจนแม่ทัพอีเนอไมนด์ต้องเป็นฝ่ายถอย "ฟ้าวๆๆๆๆๆ ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก" แล้วแพทรีออทก็ปะมือกับอาทรัลเตอร์อย่างหนักหน่วง โดยที่อดีตแม่ทัพครอสตรีมยืนปักหลักและใช้มือและแขนปัดการโจมตีอันรวดเร็วของแพทรีออทมาอย่างไม่ลดละ
              "แพทรีออทสู้อย่างเร็ว ก็น่าจะชนะอาทรัลเตอร์ได้แล้วนิน่า" จิลบอก
              มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้า "ไม่เลย ท่านอาทรัลเตอร์ไม่ได้เป็นแค่ปรมาจารย์ด้านอาวุธดาบและหอกกันอย่างเดียว วิทยายุทธมือเปล่าของท่านอาทรัลเตอร์เอง ไม่เป็นสองรองใครทั้งนั้นน่ะ"

              "เมื่อข้าได้ปะมือกับอดีตแม่ทัพครอสตรีมกันแล้ว ข้ายอมรับได้เลย ว่าแม้จะชราภาพจนต้องมอบตำแหน่งให้กับโครเต้ สไครเดอร์รับช่วงต่อ ฝีมือด้านการต่อสู้นั้น ตรงตามที่ขุนพลครองคอร์ดเล่ามาเป๊ะ ซึ่งข้ารู้กาละเทศะดี ว่าถึงแม้เป็นแมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์เหมือนกัน ข้าย่อมต้องให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสกว่า แม้จะมาจากดาวอื่นเลยก็ตาม" แพทรีออทกล่าว "จากนั้น ข้าได้พูดคุยกับท่านอาทรัลเตอร์ถึงการทำงานของสองกองกำลังในช่วงระยะนี้ ซึ่งข้าได้รับฟังและรวบรวมข้อมูลจากผู้อาวุโสให้ได้มากที่สุด เพื่อนำมาปรับใช้กับกองกำลังอีเนอไมนด์ของข้า ซึ่งท่านอาทรัลเตอร์ ได้ทำให้ข้ารับรู้เรื่องของพลาทูนั่มไว้" โดยแพทรีออทหวนนึกถึงเรื่องที่ฟังจากอาทรัลเตอร์
              "เจ้ายังลังเลเรื่องมือขวาของเจ้าเลยสิน่ะ แพทรีออท ว่าจะส่งเขาเป็นตัวแทนของกองกำลังของเจ้าดี หรือจะให้เป็นผู้สืบทอดแทนเจ้า เหมือนที่ข้าให้โครเต้รับช่วงต่อกันน่ะ"
              "ครับ ปัญหาดังกล่าวนี้ คือเรื่องที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้เลยนะครับ ท่านอาทรัลเตอร์ ผมจึงอยากจะให้ท่านชี้แนะหน่อยนะครับ" แพทรีออทบอก
              อาทรัลเตอร์กล่าว "เจ้าควรจะรู้ไว้น่ะ ว่ามือขวาของเจ้านั้น.....ทำตัวเลวร้ายมากกว่าที่คิดไว้"
              แล้วแพทรีออทก็ฟังอาทรัลเตอร์ "ท่านอาทรัลเตอร์เล่าให้ข้าฟัง ว่าพลาทูนั่มได้รับคำแนะนำจากเกซิคให้ใช้อำนาจของมือขวา สั่งการและบีบบังคับเหล่าลูกน้องใต้บัญชาให้บุกถล่มฐานทัพมนุษย์แบบเสี่ยงอันตรายกันไม่ว่า เขายังใช้อำนาจในการกดดันเหล่าอีเนอไมนด์ที่มีความเห็นต่าง และคัดค้านด้วยการลงโทษให้ปฏิบัติภารกิจที่มีความเสี่ยงสูงจนถูกพวกมนุษย์ฆ่าตาย แม้จะปฏิบัติภารกิจสำเร็จ พลาทูนั่มก็จัดการกับพวกเขาทิ้ง แล้วโกหกกับข้าว่าพวกเขาไม่ฟังคำสั่งเอง เหมือนที่พลาทูนั่มเชือดลูกน้องรายอื่นที่ฉันสร้างมาด้วยกัน แล้วโทษว่าพวกเขาล้มเหลวเอง ซึ่งรวมถึงบุคคลากรที่มีพลังและความสามารถที่โดดเด่นกว่าด้วย แม้ข้าจะรู้ว่าพลาทูนั่มภักดีกับข้ามากแค่ไหน และทำเพื่อให้ข้ายอมรับในความสามารถของเขาเพียงผู้เดียวเลยก็ตาม ถ้าข้าปล่อยให้พลาทูนั่มคุมอีเนอไมนด์หรือส่งเขาเป็นตัวแทนขึ้นมา มันจะมีแต่เสียกับเสียทั้งคู่ เพราะนิสัยที่เห็นแก่ตัวและทำได้ทุกอย่างด้วยอำนาจที่มีและได้รับจากผู้คุมกฎเกซิคของพลาทูนั่ม จะทำลายอีเนอไมนด์ให้วอดวาย รวมถึงแผนการให้อีเนอไมนด์พ่ายแพ้ก่อนกันด้วย ข้าจึงถามท่านอาทรัลเตอร์ถึงทางแก้ในเรื่องนี้ไว้"
              "แพทรีออท ถ้าเจ้าคิดจะใช้คนเก่งๆมาเพื่อหยุดพลาทูนั่มละก็ ข้าบอกตามตรงน่ะ ว่าบนโลกนี้ คนเก่งๆมีเยอะก็จริง แต่ เจ้าแน่ใจหรือ ว่าคนเก่งๆนั้นจะหยุดพลาทูนั่มได้ตามที่เจ้าคิด ถ้าเขาไม่เป็นพวกเดียวกับพลาทูนั่ม ซึ่งเลือกเฟ้นพวกพ้องที่เข้าข้างตนไว้มาข่มเจ้าแล้ว พลาทูนั่มก็หาเรื่องกำจัดคนเก่งได้อยู่ดี" อาทรัลเตอร์บอก "ดังนั้น ทำไมเจ้า ไม่หาคนดีๆ ที่รู้ผิดชอบชั่วดีมากที่สุด ทำเพื่อส่วนร่วมมากกว่าตนเองที่สุด และ....ไม่นิ่งเฉยและปล่อยผ่านเรื่องเลวร้ายได้กันละ ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะเลือกผู้นั้นแหละ เป็นตัวหยุดมือขวาของเจ้า และ....ให้คนดีๆนั้น เป็นตัวแทนของอีเนอไมนด์ของเจ้า ซึ่งข้าเห็นว่า นี้คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้วละ"
              แพทรีออทพยักหน้า "คำแนะนำของอาทรัลเตอร์ทำให้ข้าคิดได้ขึ้นมา แน่นอน ว่าข้าแอบส่งเหล่าลูกน้องที่ยังภักดีต่อข้าทำหน้าที่สอดแนมตามกองทัพที่อยู่ในเขตตะวันออกกลาง ซึ่งพลาทูนั่มยังยื่นมือเข้าไปไม่ถึง ซึ่ง....การหาคนดีๆในกองทัพฝ่ายมนุษย์นั้น แม้จะยากแสนเข็ญ แต่สุดท้าย เจ้า ปีเตอร์ แอนเดอร์สัน เจ้าคือคนที่ข้าต้องการ จากการที่ลูกน้องของข้าในชุมชนแห่งหนึ่งที่อิสราเอล เจอเจ้าอยู่ที่นั้น ซึ่งข้าโชคดีมาก ที่รู้ว่าเจ้ากับเพื่อนอีกคนจะถูกส่งไปอยู่ที่มหาสหรัฐอเมริกา ซึ่งข้าตั้งใจจะขยับขยายขอบเขตของอีเนอไมนด์เข้าไปถึงหลุมหลบภัยที่ฝ่ายมหาสหรัฐอเมริกา รวบรวมเหล่าทหารผู้เก่งกล้าที่หลับไหลในบังเกอร์ใต้ดินเป็นจำนวนมากอยู่พอดี และการที่ข้าได้เจ้ามาเป็นพวกนั้น ได้ทำให้ข้าได้หลุมหลบภัยดังกล่าวมาใช้แปรสภาพพวกทหารเก่งกล้าของมนุษย์ให้กลายเป็นอีเนอไมนด์ พร้อมกับขยับขยายขอบเขตไปถึงอเมริกาเหนือเพียงบางส่วน เข้าขัดขวางกบฎของโคเคสให้ต้องหนีข้ามมาที่แอฟริกากัน แม่ทัพครองคอร์ดเองก็ได้เพื่อนของเจ้ามาดัดแปลงเป็นแมนิเกเตอร์ของเขาอีกด้วย เท่ากับว่าข้าได้นกสามตัวในการยิงเพียงนัดเดียวกันนี้แหละ"

              "ถ้าให้เดาน่ะ ครองคอร์ดรู้เรื่องแพทรีออทอยากได้นายมาเป็นพวกมานานเลยสิน่ะ มันถึงเล็งฉันไว้ด้วยน่ะ" เจเนลกล่าว พีวิลพยักหน้าแบบยอมรับ แล้วฟังแพทรีออทเล่าต่อ
               "พีวิล เหตุที่ข้าให้เจ้ามีพลังอีเนลเซี่ยมที่น้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็นนั้น ไม่ใช่แค่เพื่อควบคุมเจ้าที่อาจจะทำนอกเหนืออำนาจของชิปควบคุมสมองของเจ้าอย่างเดียว ข้าไม่อยากจะให้เจ้าเป็นเหมือนพลาทูนั่ม ที่ข้าให้พลังอีเนลเซี่ยมมากจนทำให้เขาหลงระเริงใช้พลังไปในทางที่ผิดจนก่อเรื่องเลวร้ายกันไม่น้อย และข้าอยากให้เจ้าปรับตัวกับพลังที่เจ้ามีและเรียนรู้ที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะพลังอีเนลเซี่ยมก็ดี พลังครอสเซี่ยมก็ดี แม้ทรงพลังมากแค่ไหน ถ้าเอาไปใช้แบบผิดๆหรือใช้แบบไม่รู้จักคิด พลังก็จะย้อนกลับมาทำลายผู้ใช้เมื่อนั้น" แล้วแพทรีออทก็ยิ้มก่อนบอกไปว่า "แต่การที่ข้าได้พบกับเจ้าและพองเพื่อนกันอีกครั้ง บ่งบอกได้ว่า เจ้ายังคงเป็นแมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์ที่ยังคงความเป็นคนดีเหมือนเดิมไม่ว่า เจ้าควบคุมพลังจากแกนกลางของโฮปป้าสคาโพลนอสที่ข้ามอบให้ จนสามารถนำไปใช้ต่อกรกับผู้รุกรานมาหลายต่อหลายครั้ง และเป็นตัวแทนของพวกเรา ที่ข้าภาคภูมิใจมากที่สุด เพราะแมนิเกเตอร์ที่ดีนั้น หาใช่เป็นผู้ที่เข้มแข็ง ทรงพลัง กล้าแกร่ง ชาญฉลาด หลักแหลม และหัวไวไม่ แต่เป็นผู้ที่อ่อนโยน รู้กาละเทศะ เจียมเนื้อเจียมตน เป็นผู้เสียสละ ทำเพื่อส่วนรวมมากกว่าตนเอง ถึงขั้นเสี่ยงอันตรายเพียงลำพังหรือพร้อมกับพวกพ้องของเจ้า ข้าคิดถูกแล้ว ที่เลือกเจ้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอีเนอไมนด์ และได้สั่งสอนพลาทูนั่มให้รู้ว่า การกระทำของพลาทูนั่มนั้นผิดมาแต่ต้น นับแต่พลาทูนั่มหลงเชื่อคำพูดของเกซิคไว้แล้วน่ะ"
              "แล้วท่านก็ช่วยเตือนสติให้ฉันรู้ว่า การต่อสู้ยังไม่จบสิ้นด้วยสิน่ะ" พีวิลบอก
              แพทรีออทกล่าว "สิ่งที่ข้าได้บอกกับเจ้านั้น ข้าได้บอกกับเจ้าไว้เกือบหมดแล้ว ดังนั้น ข้าหวังว่า เจ้ากับพวกพ้องกองกำลังไทรเวเซอร์ จะสามารถหยุดยั้งแผนการของเกซิค ที่หลอกลวงมวลมนุษยชาติให้กลายเป็นกองกำลังรุกรานระบบดาวของพวกเจ้าไว้ได้ แม้ว่าพวกเจ้าอาจจะต้องปะมือกับเทอร่าสควอดอนของบราวน์เดค คราฟตันเลยก็ตาม มีแต่พวกเจ้าที่จะปลดโซ่ตรวนของเกซิคที่มัดคอบราวน์เดคและพวกไว้ ซึ่งข้าเชื่อว่าเจ้ากับพวกต้องทำได้แน่ๆ เหมือนที่เจ้าใช้ความเชื่อมั่นอันแรงกล้า เอาชนะข้าและกองกำลังของข้า รวมถึงพิชิตพลาทูนั่มที่ทรงพลังยิ่งกว่าลงไปได้นี้แหละ" จากนั้นแพทรีออทก็ถอดหมวกลง "และข้าหวังว่า หมัดอันเที่ยงตรงและเพลิงสีน้ำเงินของเจ้า จะแรงกล้ากว่า อำนาจของเหล่าบุตรแห่งเทพกันบ้างน่ะ พีวิล แม้นี้จะเป็นเรื่องบ้ามากๆ ที่คนตายมาแล้วจะท้าทายแมนิเกเตอร์ขั้นเทพมาได้ จนข้าไม่เห็นว่าพวกเจ้าจะผ่านมันไปได้ก็ตาม แต่ข้าเชื่อเสมอ ว่าเจ้าย่อมทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้แน่นอน ขอให้โชคดีแล้วกันน่ะ" แล้วโฮโลแกรมของแพทรีออทก็ดับวูบลง พีวิลก็เก็บทรัมป์ไดร์ฟนั้นไว้ในคอมแพดซ้ายตามเดิม
              "ถ้าให้เดาน่ะ แพทรีออทคงจะรู้เรื่องเหล่าบุตรของโอเวอร์เดสจากครองคอร์ดมาเลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              พีวิลพยักหน้า "แม้ว่าการตายของฉัน จะทำให้ทั้งเจมส์และรุ่นพี่ทั้งสองกลายเป็นแมนิเกเตอร์ไปเลยก็ตาม แต่ถ้าไม่เพราะแพทรีออทมีเจตจำนงจะหาใครมาหยุดพลาทูนั่มได้ละก็ พวกเราคงไม่มารับรู้เรื่องแบบนี้ได้หรอกน่ะ" แล้วก็มองมายังมือของตนเองและกล่าวไปว่า "ขอบคุณมากนะ แพทรีออท สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้น่ะ"

    TriVeser Manigator Saga: Hyperstar Troopers ภาคโลกา
    ตอนที่ 20 ยุทธการลับบนโลก ช่วงพักยก กลับสู่เขาหอเมฆา พบกับพี่น้องของเหล่าสหายผู้จากไป


              "เราได้ข้อสรุปกันแล้วละ ว่าภายในกองกำลังจักรวรรดิ์แมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสนั้น เกซิคพยายามที่จะเข้าแทรกแซงการทำงานของกองรบภายใต้อำนาจของครองคอร์ดกันไว้เลยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              แอนเดรียกล่าว "แต่ ผู้คุมกฎเกซิค มีโซลูนาสตี้ที่อยู่นอกโลก เป็นขุมกำลังของเขา ซึ่งมีมากกว่าสามกองรบบนโลกกันมิใช่หรือคะ ทำไมเขาถึงต้องยั่วยุพลาทูนั่มและทราเวยน์กันด้วยละคะ"
              "โซลูนาสตี้แม้จะมีขุมกำลังมากกว่า จากการที่โอเวอร์เดสได้คืนชีพเหล่าแมนิแฟคเตอร์ในโปรเจคสำรวจอวกาศบนดวงจันทร์ และดาวทั้งแปดดวงในระบบสุริยะรวมกัน และมีเทคโนโลยี่ที่เหนือกว่าทั้งสามกองกันก็จริง แต่เนื่องจากว่ากองกำลังดังกล่าวมันอยู่นอกโลก ซึ่งถือว่าเป็นคนส่วนกับบนโลก เกซิคจึงไม่มีอำนาจเข้าไปยุ่งภายในกองกำลังที่อยู่ในการดูแลของครองคอร์ดอย่างแน่นอนนะสิ" พลัสเชอริทบอก
              โฟรซ่ากล่าว "ดังนั้น เกซิคเลยคิดที่จะใช้คนในกองกำลังที่มีปัญหามากที่สุด อย่างพลาทูนั่ม ซึ่งมีพลังอันแรงกล้าและเป็นลูกน้องมือขวาของแพทรีออท กับทราเวยน์ ครอสตรีมพาราไดน์ที่อ่อนด้อยมากที่สุดในหมู่ศิษย์ทั้งหกของอาทรัลเตอร์ ให้ไปก่อเรื่องภายในกองดังกล่าวเลยละสิน่ะ"
              "เป็นเช่นนั้นแหละ และที่เกซิคไม่เข้าไปยุ่งกับแอตแลนไทซ์ได้นั้น เพราะเกซเฟลิคภักดีกับโอเวอร์เดสอย่างมาก ชนิดที่ไม่มีอะไรหรือใครมาเปลี่ยนใจได้ ซึ่งนั้นหมายถึงไม่มีใครหน้าไหนมาเบรคหรือห้ามเกซเฟลิคในเรื่องที่เขาทำอยู่นี้ได้นะสิ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              คลอเวฟบอก "นายไม่บอก ฉันก็รู้อยู่แล้วละน่า มาส ว่าไอ้เกซเฟลิคมันก่อเรื่องอะไรไว้น่ะ"
              "แน่นอน ว่าเมื่อเกซิคได้ตัวสมุนจากอีเนอไมนด์และครอสตรีมอยู่ในกำมือด้วยแล้ว เท่ากับว่าเขามีอำนาจเหนือกว่าครองคอร์ดที่มีสองกองกำลังที่ยังภักดีและแอตแลนไทซ์อยู่แน่นอน ซึ่งการที่เกซิคทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้โอเวอร์เดสดำเนินแผนการยึดครองโลกให้ได้โดยเร็วที่สุด หรือใช้ขุมกำลังที่มียึดอำนาจจากโอเวอร์เดสแทน หลังจากที่โอเวอร์เดสให้กองกำลังที่อยู่บนโลกนั้น อยู่ในสภาพคุมเชิงพร้อมโต้ตอบหากผู้บุกรุกเข้ามา และเข้าจู่โจมกองรบมนุษย์ที่แอบแฝงอันตรายบางอย่างไว้ มาตลอด 20 ปีเต็มด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "แน่นอน ว่าเกซิคคงจะรู้เรื่องปราการวอลเดมอร์ทที่ไม่เพียงทำให้ครอสตรีมเสียกำลังไปเกินครึ่ง จนโอเวอร์เดสสั่งให้เป็นกองกำลังองครักษ์พิทักษ์กัน และทำให้ท่านอาทรัลเตอร์เลือกโครเต้เป็นแม่ทัพคนต่อไปด้วย ซึ่งด้วยอำนาจของผู้คุมกฎนี้เอง ที่ทำให้เกซิครู้แผนการที่โอเวอร์เดสวางไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะสิ"
              ฟิเกซบอก "เพราะว่าโอเวอร์เดสคิดจะสร้างขุมกำลังที่สามารถโค่นพวกเขาลงได้ขึ้นมา ซึ่งย่อมหมายถึงเกซิคอาจจะต้องถูกฝ่ายเราฆ่าตายในการรบอย่างแน่นอน เกซิคเลยหาทางเอาตัวรอดด้วยการใช้อำนาจของผู้คุมกฎ ซื้อตัวพลาทูนั่มและทราเวยน์ ส่งเสริมให้พวกเขาใช้อำนาจที่มีบวกกับความคุ้มครองจากผู้คุมกฎออกไปก่อเรื่องสร้างปัญหาภายในกองทัพกัน จนแพทรีออทต้องสร้างฉันขึ้นมาเลยสิน่ะ"
              "ใช่ และที่ครองคอร์ดต้องสร้างเจเนไซด์ทีมขึ้นมา เพราะครองคอร์ดรู้ ว่าพลัสเชอริทเพียงตนเดียว ไม่สามารถโต้ตอบเกซิคที่มีอีเนอไมนด์และครอสตรีมส่วนหนึ่งที่ภักดีต่อพลาทูนั่มและทราเวยน์ได้แน่นอน" เนคมาดูซัมกล่าว "และ ทั้งพีวิลและเจเนลเองก็เป็นรุ่นน้องของนายและโฟรซ่าด้วยแล้ว ย่อมสร้างโอกาสฝ่ายโอเวอร์เดสได้ตัวพวกนายทั้งสองมาดัดแปลงเป็นแมนิเกเตอร์ด้วย แม้จะให้อยู่ในกองกำลังที่สังกัดต่อเกซิคเลยก็ตาม โอเวอร์เดสและครองคอร์ดก็ทำให้หน่วย 54 กลายเป็นแมนิเกเตอร์กันทั้งหมด แม้จะแถมไซโคลเนีย จายด์และจิลมาด้วยก็ตามน่ะ"
              โฟรซ่ากล่าว "และการมาของพวกเราก็ดึงดร.รีไลฟ์เวอรี่และพวกเบย์แทนด์ที่มีแอนเดรียอยู่ด้วยให้มาช่วยพวกท่านประธานาธิบดีไปในตัว เพราะพวกเรามีทุกอย่างที่เหนือกว่าฝ่ายมนุษย์โลกและกองกำลังของท่านประธานาธิบดีอย่างมากเลยสิน่ะ"
              "และการที่โซลูนาสตี้ลงมา ย่อมหมายถึง ครองคอร์ดมีสิทธิ์จะโยกย้ายกองกำลังที่ลงมาที่โลกไปแรซัลก้าได้แน่นอน และเพื่อให้แน่ใจว่า เกซิคจะไม่ยื่นมือเข้ามาสอดยุ่งในเรื่องนี้ ครองคอร์ดส่งเจเนไซด์ทีมเข้าไปด้วยอีกแรง เพื่อสร้างความแน่ใจให้มากขึ้นด้วยน่ะ" พลัสเชอริทกล่าว
              เจเนลบอก "ไอ้หัวแหลมคงฉลาดมากพอที่จะขัดขาเกซิค พอๆกันกับพยายามกดพวกเราให้ทำตามคำสั่งด้วยสิน่า"
              "นั้นบ่งบอกได้ว่า เกซิคฉลาดกว่าที่ท่านพ่อคิดไว้ ไม่แปลกใจเลย ที่จีเนฟารี่จะร่วมด้วย เพราะเกซิครู้ว่าเธอสวมรอยด้วยสถานะที่ไปแย่งฉันไว้น่ะ" สเปียริทบอก "แต่จากที่ฟังมานั้น ถ้าขนาดโน้มน้าวให้พลาทูนั่มใช้อำนาจทำตามใจตนเองโดยอ้างความภักดีหลอกแพทรีออทก็ดี ยั่วยุให้ทราเวยน์กระทำคุรุฆาตต่อท่านอาทรัลเตอร์เพื่อหวังสุดยอดดาบก็ดี เกซิคคงจะหลอกชาวโลกส่วนมากให้หลงเชื่อ จนมีส่วนหนึ่งเดินเข้ากับดักแปรสภาพเป็นแมนิเกเตอร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่แปลกใจเลย ที่ท่านพ่อคิดจะให้เกซิคตายพร้อมจีเนฟารี่ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเมื่อ 24 ปีก่อนน่ะ"
              ไซโคลเนียกล่าว "และคงจะฉลาดมากพอที่จะเอาตัวรอดได้ทุกเมื่อ ถึงขั้นหนีไปพร้อมกับจีเนฟารี่ได้ก่อนที่ยานจะถูกทำลายไปแล้ว พวกเราจะชนะชาวซัลคาเลี่ยนที่ฉลาดมากนี้ยังไงดีละ"
              "ต่อให้เกซิคฉลาดเป็นกรดหรือหัวไวจนเอาตัวรอดได้เหมือนศรีธนนชัยกันก็ตาม นักปราชญ์ผู้รอบรู้ย่อมก้าวพลาดได้เสมอ เกซิคก็เช่นกัน ต่อให้เขาได้เปรียบเราในแง่ที่มีชาวโลกจำนวนมากที่หลงเชื่อในคำพูดของเขาไว้ในกำมือ เขาก็ยังกลัวเกรงพวกเราอยู่ดีนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "นั้นคงเป็นเหตุผลที่เขาสั่งเทอร่าสควอดอนให้มาขวางเราเลยสิน่ะ"
              "แม้ว่าเราสามารถจัดการกับทราเวยน์ลงได้ แต่เราไม่ได้ทำลายปราการวอลเดมอร์ททิ้งลง เพราะจูดิธและพวกเข้ามาขวางทางไว้ เท่ากับว่าเกซิคได้ปราการของเขากลับมาใช้งานต่ออีกรอบแน่นอน" โฟรซ่าบอก
              สเตฟอร์ดบอก "แม้ว่าสหพันธ์โลกใหม่จะอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ จากการก่อเรื่องของทราเวยน์ไว้ ตอนนี้ยุโรปและแอฟริกา มีกำลังของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่เข้ามาคุมไว้แน่นอน ทำให้เราทำงานได้ยากขึ้นกว่าเก่าเลยละ"
              "แล้วทำไมพวกนายไม่ส่งพวกเราเข้าไปจู่โจมตามฐานเหล่านั้นเสียเลยละ" แคร์เรี่ยนบอก "อย่างน้อย แค่เราจู่โจมอย่างรวดเร็วและลงมือให้ทันก่อนที่พวกเทอร่าสควอดอนจะมาถึงซะ ทุกอย่างก็ง่ายแล้วนิ"
              เจเนลบอก "เกรงว่าแผนที่เธอว่ามานั้น คงไม่ได้ผลหรอกน่ะ เพราะลูกทีมของบราวน์เดคเห็นยานของเราและของเธอบินหนีออกไปกันแล้ว ต่อให้พวกเธอพยายามหนีให้เร็ว แต่สภาพยานสโตรม่ากริฟที่แม้จะซ่อมเสร็จไว้ คงไม่อาจจะตีฝ่าวงล้อมไปได้โดยไม่ทำร้ายพวกมนุษย์กันหรอกน่ะ"
              "แต่ถ้าพวกนายหรือพวกเราไม่ทำอะไรสักอย่างที่ทำให้พวกมนุษย์เหล่านั้นไม่มาราวีเรากันเลยหรือ" แคร์เรี่ยนบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "มีอยู่แล้วละ แคร์เรี่ยน คิดว่าเราไม่เตรียมพร้อมในเคสนี้กันเลยหรือไงน่ะ" แล้วก็บอก "ว่าแต่ พวกสหพันธ์โลกใหม่ใช้เวลากี่วันในการไว้ทุกข์ให้กับทหารที่ตายไปแล้วกันน่ะ"
              "ประมาณ 4-5 วันสำหรับพลทหารและนายทหาร ถ้าเป็นระดับนายพลหรือผู้บังคับบัญชา คือหนึ่งสัปดาห์เต็ม โดยที่นายทหารและพลทหารยังต้องอยู่ในฐานหรืออยู่ในกองบัญชาการตามเดิม ห้ามออกปฏิบัติการณ์ในช่วงเวลานั้นเป็นอันขาด ไม่งั้นจะถูกลงโทษฐานฝ่าฝืนคำสั่ง เพื่อกันมิให้มีหน่วยหรือกองทหารออกไปก่อเรื่องด้วยความแค้นที่สูญเสียพวกพ้องและผู้บังคับบัญชาไว้น่ะ" โฟรซ่าบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "แต่ถ้าอยู่ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างเช่นเมื่อ 44 ปีก่อนละก็ สามารถลดหย่อนเวลาลงเหลือเพียง 3-4 วันหรือน้อยกว่านั้น หากพวกแมนิเกเตอร์บนโลกคุกคามหรือมีแผนก่อการระดับรุนแรงอยู่ ซึ่งบีบให้เวลาสั้นลงไปอย่างมากเลยน่ะ"
              "ต่อให้เรามีกี่วัน พวกเราก็ยังไม่ปลอดภัยกันอยู่ดี" แคร์เรี่ยนกล่าวอย่างกังวลไม่น้อย
              ฟิเกซกล่าว "เราคงหวังว่า นายพลบราวน์เดคคงจะไม่รู้แผนการหลบหนีที่พวกเราเคยใช้ตอนอยู่ในเขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยนกันบ้างน่ะ"
              "มันต้องเสี่ยงกันสักตั้งแล้วละ ว่าไอ้สถานีนอกโลกบนวงแหวนวงโคจรมันจะรู้ทันพวกเราได้หรือเปล่าน่ะ" คลอเวฟกล่าว
              เนคมาดูซัมพยักหน้า แล้วก็สั่ง "แอมเบอร์ เตรียมใช้แผนเด็กเลี้ยงแกะแบบจำนวนมากเดียวนี้เลย" จากนั้นก็หันมายังแคร์เรี่ยน "ตอนนี้ ฉันขอให้เธอทำหน้าที่คุ้มกันไทรแองเกิ้ลให้ออกไปจากเขตป่าดีเนสต้าไว้ เพราะเราจะย้ายไปหลบซ่อนที่อื่น มากกว่าอยู่นี้แล้วโดนพบตัวเข้าให้เลยน่ะ"
              "แล้วพวกนายคิดจะซ่อนตัวกันยังไงละ" แคร์เรี่ยนถาม
              พีวิลบอก "ไทรแองเกิ้ลและทุกๆคนในยานรวมถึงพวกเธอ จะต้องล่วงหน้าไปก่อน โดยที่พวกเราจะตามไปทีหลัง เพื่อให้ฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่เชื่อว่าเราแยกย้ายออกไปปฏิบัติภารกิจตามที่ต่างๆในยุโรปและแอฟริกา เพื่อมาเก็บงานที่ค้างหรือปล่อยผ่านไปในครั้งที่แล้วอยู่ ซึ่งเราหวังแค่ว่า ฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่และเทอร่าสควอดอนจะถูกแผนของเราตรึงเอาไว้ได้นานพอให้เราหนีไปได้น่ะ"
              "ภาวนาว่านายคงจะไม่หนีเจออะไรที่แย่กว่าเสือบ้างน่ะ" แคร์เรี่ยนกล่าว และหันมาถาม "แล้วพวกนายคิดจะออกปฏิบัติการณ์แยกกลุ่มตามที่วางไว้เลยละสิน่ะ"
              สเปียริทบอก "เราไม่อยากจะบอกหรอกน่ะ ว่าพวกเรา....จะขอใช้สิทธิ์ลาพักร้อนระหว่างปฏิบัติหน้าที่กันสักระยะหนึ่งก่อนน่ะ"

              "เนคเกอร์กับพวกเพี้ยนแน่ๆเลย จะลาพักร้อนทั้งๆที่เราติดแหงกอยู่ในวงล้อมของพวกมนุษย์เนี้ยน่ะ" บ็อกไซน์บ่นในโรงอาหารหลังจากที่แคร์เรี่ยนเดินเข้ามา
              รอสซายกล่าว "นั้นดิ เนคเกอร์และพวกให้เราล่วงหน้าไปกันนิ คงไม่ได้ออกไปหาเรื่องเที่ยวเพียงกลุ่มเดียว แล้วปล่อยให้พวกเราโดนพวกมนุษย์จับตัวไปเลยสิน่ะ"
              "เออ พวกคุณคงไม่รู้อะไรนะคะ ว่าพวกคุณพีวิลไปพักผ่อนนั้น มันแค่ครึ่งเดียวเองนะคะ" มิลด์บอก
              เมย์เดย์ถาม "ครึ่งเดียวนะหรือ หมายความว่ายังไงกันละ"
              "คือ...พวกคุณครูตัดสินใจที่จะ.....ไปเยี่ยมบ้านเกิดของพวกคุณบรอนเซอรูทกันสักหน่อยนะครับ" อิคกรีทบอก
              แคร์เรี่ยนกล่าว "บ้านเกิดของพวกบรอนเซอรูทนะหรือ คงไม่ได้หมายถึงหุบเขาหอเมฆบินอะไรนั้นสิน่ะ"
              "หุบเขาหอเมฆานะคะ เป็นหุบเขาสูงใหญ่ในพรมแดนจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ตั้งของสำนักหมัดมวยที่พวกคุณบรอนเซอรูทอยู่อาศัย เติบโตและฝึกฝนมาตลอด 20 ปีเต็มเลยคะ" ดิเรนท์กล่าว
              เบติสกล่าว "ฉันพอจะรู้มาบ้างน่ะ ว่าพวกบรอนเซอรูทอยู่บนหุบเขาสูงและฝึกวิชาต่อสู้บนนั้นมาด้วย แต่ ถ้าเป็นหุบเขาสูงนั้น น่าจะใช้ยานบินหรือโมบิลลอยด์บินได้ไปเลยมิใช่หรือ"
              "เกรงว่า พวกเขาคงทำไม่ได้นะครับ เพราะว่า....ในช่วงที่พวกลูกพี่พีวิลออกตามหาเจ้ไซโคลเนียที่ติดอยู่ในหุบเขาเฟเธอร์ไฮด์นั้น พวกเขาเจอกับท่านแม่ทัพอาทรัลเตอร์ ผู้ซึ่งแนะนำให้พวกลูกพี่มุ่งหน้าไปยังหุบเขาหอเมฆา ซึ่งหุบเขานั้น มันตั้งอยู่กลางป่าทึบหนามาก ชนิดที่ไม่สามารถนำยานลงจอดหรือเอาโมบิลลอยด์เข้าไปได้เลย และหุบเขาสูงนั้นก็มีสภาพอากาศรุนแรงอยู่ล้อมรอบหุบเขา ซึ่งเป็นอุปสรรค์ต่อพวกลูกพี่พีวิลที่เดินไต่บันไดขึ้นไป และพวกลูกเจเนลที่ปีนขึ้นเขาไปด้วย ดังนั้น เรื่องที่ให้เอายานบินไปได้นั้น เป็นไปไม่ได้แน่ๆเลยละครับ" ไกซ์บอก
              เฮเรเค้นกล่าว "พออาจารย์และพวกกลับลงจากเขามา อาจารย์ก็พาพวกบรอนเซอรูทมาเข้าร่วมกองกำลัง โดยพวกเขาช่วยสอนพวกเราใช้วิชากังฟูกันได้ แม้ว่านั้นจะต้องโดนฝึกหนักเหมือนในเวลานี้เลยนะครับ"
              "แต่ถ้าหุบเขามันมีสภาพอากาศที่ไม่สามารถบินได้กันก็จริง แล้วใครพาพวกบรอนเซอรูทไปที่สำนักหมัดมวยบนยอดเขานั้นละ" แคร์เรี่ยนบอก
              เมดิน่าบอก "นั้นสิ เท่าที่รู้มา คุณไซโคลเนียได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถบินได้เลยนั้น คงไม่น่ามีใครพาพวกคุณบรอนเซอรูทที่ยังเป็นเด็กทารกไ ปที่สำนักหมัดมวยที่อยู่บนยอดเขาสูงไปตั้งพันฟุตเลยนิคะ"
              "หัวหน้าไวส์แลงค์ ผู้ช่วยแม่ทัพไวซ์ไมเซล แม่ทัพที่รับผิดชอบเรื่องสร้างสัตว์ประหลาดกันนะสิ เธอเป็นแม่แท้ๆของพวกคุณบรอนเซอรูท โดยที่แม่ทัพไวซ์ไมเซล เป็นพ่อของพวกเขาด้วยนะสิ" เวลลิทบอก "เท่าที่ฟังมา พวกคุณบรอนเซอรูทเป็นหนึ่งในเหล่ามิวแทนอยด์ที่ไวซ์ไมเซลและไวส์แลงค์สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นกองทัพของเขา หากแต่คุณไวส์แลงค์รีบส่งพวกคุณบรอนเซอรูทที่ยังเป็นทารกไปที่หุบเขาหอเมฆา ให้เจ้าสำนักที่นั้นช่วยเลี้ยงดูและสอนสั่งวิชาการต่อสู้ไว้ให้ ซึ่งทำให้ไวซ์ไมเซลโกรธจัดอย่างมาก เลยเอาพี่น้องที่เหลือไปเก็บไว้ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งท่านประธานาธิบดีและผู้การเฮลิคเอง ยังหาไม่เจอเลยนะคะ"
               ฟูแรมบอก "ส่วนหนึ่งเพราะคุณไวส์แลงค์ไม่ยอมให้ลูกๆอย่างพวกคุณบรอนเซอรูท ถูกใช้เป็นเครื่องมือเลยสิน่ะ"
              "เมื่อกี้นี้ เธอบอกว่า ถ้าจะขึ้นเขาไปที่สำนักหมัดมวยบนหุบเขาสูงนิ จะต้องเดินบันไดและปีนขึ้นไปเลยสิน่ะ" วิลด้าบอก
              มัลแด็กซ์กล่าว "อาจารย์บอกว่า การขึ้นเขาหอเมฆานั้น คือบททดสอบแรกๆว่าเราจะไปถึงจุดมุ่งหมายกันแบบไหน ซึ่งทั้งสองทางนั้นลำบากกันทั้งนั้นแหละครับ เพราะพวกอาจารย์ต้องเดินขึ้นบันไดหลายก้าวจากตีนเขาไปยังยอดเขาเบื้องบนโดยไม่หยุดพัก ส่วนพวกคุณเจเนลนั้น เลือกที่จะไต่เขาขึ้นไป มากกว่าเดินขึ้นบันไดจนพวกอาจารย์ไหวตัวได้ทันนะครับ"
              "นั้นบ่งบอกได้ว่า นายสามเขานั้นบ้ามากเลยสิน่า ถึงได้ให้จายด์และจิลมาร่วมทรมานทรกรรมไว้น่ะ" แคร์เรี่ยนกล่าว "แต่หมอนั้นมันปีนขึ้นมาจนถึงยอดได้พร้อมกับพาทั้งสองขึ้นมาด้วยนั้น....คงไม่ได้แค่จะหนีจากเงื้อมมือของแม่ทัพหัวแหลมกันละสิ"
               ไกซ์บอก "ใช่ครับ เพราะตอนที่ลูกพี่เจเนลกับลูกพี่พีวิลอยู่บนเขานั้น พวกเขาแทบไม่ถูกพวกครอสตรีมและแอตแลนไทซ์ตามล่าเลยสักนิดเดียวนะครับ"
              "ถ้าพวกเราไม่สามารถนำยานบินลงจอดใกล้กับตีนเขาเพราะมีป่าทึบล้อมรอบกันนิ แล้วพวกเขาไปที่หุบเขาได้ไงกันละ" เนคกี้ถาม
              เฮเรเค้นบอก "งั้นพวกนายคงจะต้องได้เห็นสิ่งที่อยู่ในหุบเขาเฟเธอร์ไฮด์แล้วละ" โดยนำแพดจับภาพของพวกเมนซิกส์ทีนผ่านกล้องด้านนอกเอาไว้ โดยพวกเขายืนอยู่ใกล้กับทะเลสาป

              "ได้เวลาแล้วละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว แล้วก็หยิบนกหวีดออกมา "วี้ดดดด วี้ดดดดดด วี้ดดดด" เป่าดังๆสามทีไปยังหุบเขาที่อยู่ห่างออกไป จนกระทั่ง.... "กวี้กกกกกก" หุบเขามีเสียงร้องดังขึ้น จากนั้นก็มีบางอย่างออกจากรูในหุบเขาตรงมา "ฟ้าวววว ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" เป็นนกยักษ์ขนสีเขียวบินถลาลมลงมาตรงหน้าพวกเมนซิกส์ทีนไว้
              "อะไรวะเนี้ย หุบเขานั้น มีนกยักษ์ด้วยหรือวะ" บ็อกไซน์ร้องลั่น
              "นั้นคงจะเป็นสัตว์ปีกที่ใหญ่มากเลยละสิน่ะ" ฟูลออเรสบอก
              ฟลาแน็กซ์พยักหน้า "นี้คือ ไทฟูล สตอร์มฮอวค์ที่อยู่อาศัยในหุบเขาเฟเธอร์ไฮด์ นกยักษ์ที่ช่วยคุณไซโคลเนียเอาไว้จากการถูกพวกครอสตรีมเล่นงานกันนะสิ" แล้วก็บอก "ตอนที่เราจะย้ายออกนอกโลกไปนั้น เหล่านกยักษ์ เลือกจะอยู่ที่เดิมโดยที่พวกมันอยู่ในสภาพจำศิลไว้ รอคอยให้พวกเรากลับมาอีกครั้งหนึ่งไว้น่ะ"
              "นกยักษ์นั้นอยู่มาตั้ง 24 ปีนิ มันไม่เคยถูกล่าเลยหรือไงน่ะ" วิลด้าบอก
              ไรแกทกล่าว "เกรงว่าเหล่านายพรานคงไม่มากันหรอก เพราะนายพรานกลุ่มหนึ่งที่จับตัวไทฟูลและเจ้ไซโคลเนียไปนั้น โดนพวกคุณครูเล่นซะหมอบจนไม่กล้ามาอีกเลยนะครับ"
              "กวี้กกกกก" ไทฟูลร้องขึ้นด้วยความดีใจ พร้อมกับเอาหัวมาตรงหน้าไซโคลเนียไว้ ซึ่งเธอเอามือลูบหัวอย่างเอ็นดู
              "เรากลับมาแล้วน่ะ ไทฟูล แม้ว่านายต้องรอนานตั้ง 24 ปีเลยก็ตามน่ะ" ไซโคลเนียบอก ไทฟูลเลยหันมามองพวกเจเนไซด์ทีม มองพีวิล มาสวาร์ทาร์ สเปียริท สเตฟอร์ด โฟรซ่า รวมถึงคลอเวฟและพลัสเชอริทด้วย แม้ว่ามันจะเกรงๆต่อแอบไบออสก็ตาม เพราะมันเห็นสัญชาตญาณของเวโนม็อกซ์ สัตว์ประหลาดที่น่าหวาดกลัวมากที่สุดจากตัวแอบไบออสอยู่
               "ไม่ต้องกลัวหรอกน่ะ คุณแอบไบออสไม่ทำร้ายเธอหรอกน่ะ" แอนเดรียบอก แล้วก็แบมือมาให้ไทฟูล ที่แม้จะรู้สึกหวั่นเกรงต่อแอนเดรีย จากการที่มันรับรู้ความเป็นปีศาจของเธอเลยก็ตาม จนกระทั่งมันใช้ลิ้นเลียตรงมือของแอนเดรีย "กี้ก กี้กๆๆๆ กี้ก" พร้อมกับส่งเสียงไปด้วย
              "สงสัยว่าไทฟูลรู้ว่าเธอไม่อันตรายกว่าแอบไบออสแล้วละ" ลิเนียร์ตี้บอก "แต่ แค่ตัวเดียวจะพาพวกเราไปที่หุบเขาหอเมฆาได้หรือ"
               มาสวาร์ทาร์บอก "เพราะอย่างงั้นแหละ ฉันจำต้องเรียกอีกตัวมาช่วยด้วยน่ะ" แล้วก็ "วี้ดๆ วี้ดๆ วี้ดวี้ดวี้ดดด" เป่านกหวีดอีกแบบหนึ่งจน "กวี้กกกกกก แฟ้วววววว" เสียงร้องดังมาจากยอดเขาพร้อมกับนกอีกตัวพุ่งเข้ามา เป็นนกยักษ์ขนสีขาวสลับเขียวที่มีขนยาวสีแดงบนหัวพร้อมกับรอยดวงตาสองจุดบนคอ บินลงมาตรงหน้าด้วย
              "ตัวนั้นมันดูต่างกันมากนิ คงเป็นสายพันธุ์อีกแบบละสิ" รอสซายบอก
              สวอนน่าบอก "ตัวนี้คือ อาคาชิค สตอร์มฮอว์คเผือก นกยักษ์ของแม่ทัพอาทรัลเตอร์นะคะ ซึ่งเป็นตัวที่พาพวกครูไปหาพวกคุณบรอนเซอรูทนะคะ"
              "อาคาชิค นายคงจะอยู่บนหุบเขานี้มานานโขเลยสิน่ะ" คลอเวฟบอก นกยักษ์อาคาชิคผงกหัวขึ้น โดยมันมองพวกพีวิลเหมือนเดิม เพียงแต่ มันมองฟิเกซ มองลิเนียร์ตี้ แอนเดรีย เนคมาดูซัมกัน แล้วก็แอบไบออสด้วย "กืออ กวี้กกกก กี้กกก" อาคาชิคมีท่าทีอ่อนลง
              "ดูท่าว่ามันจะรับรู้ถึงสัญชาตญาณดิบของเวโนม็อกซ์ที่ถูกสยบลงแล้วละน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "แต่ นกสองตัวจะพาพวกเราทั้งหมดนี้ไปได้เลยหรือ" เนคมาดูซัมกล่าว
              อาคาชิคเลยกู่ร้องขึ้น "กวี้กก กวี้กก กวี้กก กวี้กกกก กวี้กกก" พร้อมกับนกยักษ์อีกสี่ตัวบินออกมาจากหุบเขากัน ตัวหนึ่งเป็นนกเพลิง ตัวที่สองมีปีกเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ตัวที่สามมีปีกที่มีประกายไฟฟ้าติดตามตัว ตัวที่สี่นั้นมีปีกที่แข็งดุจหินผาเข้ากับขนสีน้ำตาล
              "นกฟินิกซ์ ฟรอเซนวิงค์ ธันเดอร์เบิร์ด แล้วก็เรซเซอร์ร็อค คิดว่าจะโดนสอยร่วงไปแล้วเสียอีกน่ะ" ไซโคลเนียบอก
              "กวี้ก กวี้ก กวี้กๆๆๆ" อาคาชิคร้องลั่นขึ้นมา ไซโคลเนียได้ฟังก็ตกใจมาก
              สเปียริทบอก "เธอคงไม่ได้บอกว่า สี่ตัวนี้ เป็นลูกของอาคาชิคกับนกตัวอื่นละสิ"
              ไซโคลเนียพยักหน้า "ร้ายเหลือเกินเลยน่ะ อาคาชิค ไม่คิดเลยน่าว่านายจะเจ้าชู้เป็นเหมือนกันน่ะ"
              "นกพวกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่อาศัยอยู่บนเขาด้วยหรือ ไม่อยากจะเชื่อแล้วน่ะ" ฟูแรมกล่าว
              ฟลาแน็กซ์พยักหน้า "แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริงแล้วละ เพราะพวกเราได้ขโมยไข่ของเหล่านกยักษ์มาจากห้องเพาะเลี้ยงของไวซ์ไมเซลมาไว้ในหุบเขา เพื่อให้มันเติบใหญ่ขึ้นมาเอง แม้นั้นจะเสี่ยงกับการที่มีนายพรานเข้ามาล่าไว้นะ"
              "แต่ตอนนี้ เราต้องออกจากที่แห่งนี้เสียก่อนน่ะ" บริคซ์กล่าว "และไม่ต้องห่วงเรื่องหุบเขาเฟเธอร์ไฮด์หรอก เพราะเท่าที่ฟังจากมาสวาร์ทาร์เล่ามา วิญญาณของอดีตแม่ทัพครอสตรีมจะช่วยคุ้มครองไว้เองน่ะ"
              ฟลาแน็กซ์บอก "หวังว่าคงจะช่วยได้บ้างน่ะ"
              "กวี้กกกกก" อาคาชิคร้องลั่นพร้อมกับ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" กระพือปีกพามาสวาร์ทาร์ พีวิล แอนเดรียและสเปียริทบินไป โดยที่ไทฟูลนำเนคมาดูซัม ลิเนียร์ตี้และไซโคลเนีย ฟินิกซ์บินนำแอบไบออสและเจเนล เรซเซอร์ร็อคนำจายด์และสเตฟอร์ด ธันเดอร์เบิร์ดนำพลัสเชอริท โฟรซ่าและจิล ฟรอเซนวิงค์พาฟิเกซและคลอเวฟบินตามมา โดยที่ยานไทรแองเกิ้ลและยานสโตรม่ากริฟบินออกไปก่อนแล้ว
              "ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นกพวกนี้จะบินได้ทั้งๆที่แบกเพื่อนเราที่ตัวหนักกว่าไว้บนหลังเลยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "สุดยอดไปเลย ไม่คิดว่าจะได้ขี่นกยักษ์บินไปด้วยกันเลยน่ะ"
              "รู้น่ะ ว่าตื่นเต้นไม่น้อยน่ะ ลินี่ แต่อย่าตะโกนลั่นใส่หูไทฟูลได้มั้ยละ" ไซโคลเนียบอก จนลิเนียร์ตี้รู้สึกเจื่อนๆและเก็บอารมณ์ดีใจไว้
               "ว่าแต่ ตอนที่พวกนายขี่นกมานิ คงขี่แบบนี้เลยสิน่ะ" แอบไบออสบอก
              "เออ ตอนแรกพวกพีวิลขี่อาคาชิคไปเพียงตัวเดียว พอฉันกับพวกพีวิลลงมาจากเขาพร้อมกับพวกบรอนเซอรูท ไทฟูลก็บินมารับไปด้วยน่ะ" เจเนลบอก "แต่นายคงจะรู้สึกร้อนก้นอยู่ละสิ"
              แอบไบออสกล่าว "ก็นิดหน่อย หวังว่านกฟินิกส์คงไม่จุดไฟกันบ้างน่า"
              "มั่นใจนะคะ ว่านกยักษ์เหล่านี้จะพาเราไปได้นะคะ" แอนเดรียกล่าว เพราะเธอพึ่งนั่งบนหลังนกยักษ์เป็นครั้งแรกเอง
              มาสวาร์ทาร์บอก "วางใจได้เลย อาคาชิคเป็นนกยักษ์ที่ท่านอาทรัลเตอร์วางใจได้ และรู้ว่าพวกเราต่างเป็นคนสำคัญของท่านอาทรัลเตอร์เลยน่ะ"
              "ฉันก็คิดเช่นนั้นนะคะ แม้จะรู้สึกไม่มั่นใจว่าเจ้าอาคาชิคจะไว้ใจฉันได้หรือเปล่าละคะ" แอนเดรียบอก
               สเปียริทกล่าว "ขอแค่เธอไม่ก้มลงมองเบื้องล่างก็เกินพอแล้วละ"
              "ว่าแต่ นายมีเรื่องที่อยากจะเล่าให้ป้ารัคชูมี่ฟังได้มั้ยละ ว่านายเจอประสบการณ์แบบนี้ไว้น่ะ" คลอเวฟบอก
              ฟิเกซกล่าว "แต่เกรงว่าไทรแองเกิ้ลคงไม่กว้างพอให้นกห้าหกตัวเข้าไปได้ โดยไม่กินลูกเรือเป็นของว่างกันได้หรอกน่ะ"

              วกมาทางฝั่งเทอร่าสควอดอน ซึ่งจอดอยู่เหนือทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนอยู่
              "เป็นความจริงเลยหรือ ไวโอล่า" เฮลก้าบอก
              ไวโอล่ากล่าว "เราได้รับรายงานจากฐานทัพในแอฟริกาและยุโรปมา ว่าพวกเขาจับสัญญาณพวกไทรเวเซอร์อยู่รอบนอกฐานทัพ โดยอยู่ห่างออกไปจากที่ตั้งฐานทัพอย่างมาก ซึ่งพวกเขาบุกมาทีเดียวพร้อมกันเลยน่ะ"
              "พร้อมกันเลยหรือ เธอคงไม่ได้พูดโม้เลยสิน่ะ" จูดิธกล่าว
              ทาริก้าบอก "ฉันก็คิดเหมือนเธอนั้นแหละ แต่พอใช้ระบบตรวจสอบดู พบว่า ด้านนอกฐานนั้นมีการตรวจจับสัญญาณของพวกไทรเวเซอร์ ฐานละ 2-3 จุดด้วยกัน ซึ่งนั้นดูบ้ามากๆ เพราะฐานแต่ละฐาน ไม่เพียงมีทหารอยู่เพียบ แต่ยังมีการป้องกันการบุกรุกระดับสูงอีกด้วยน่ะ" แล้วก็เปิดแผนที่ระบุตำแหน่งของพวกไทรเวเซอร์อยู่ "การที่พวกเขาบุกมาได้นั้น คงเป็นเรื่องยาก เลยทำให้พวกเขาต้องอยู่ห่างๆ เพื่อหาช่องว่างและจังหวะบุกเข้าไปแน่ๆเลยละ"
              "โอ้ว หน่วย 54 แยกกันไปคนละฐานแบบนี้ แถมอยู่ไกลด้วยนั้น คงไม่ดีแล้วสิ" มิลโดว์บอก
               โรนัลด์กล่าว "คุณมัสด้ายังพาคุณเอเดรียนมาซุ่มห่างจากฐานทัพที่น็อตติ้งแฮมนิ คิดว่าตนเองเป็นโรบินฮู๊ดหรือไงกันน่ะ"
              "ไม่ๆๆๆๆ ไม่น่ะๆๆๆ นี้มันแย่มากแล้วละเนี้ย" จูดิธอุทาน เพราะเธอเห็นจุดสัญญาณของโฟรซ่าที่ฝรั่งเศส
              นิโคล่าบอก "เธอคงไม่ได้เจอพันโทแลงครูทซุ่มอยู่หลังฐานทัพของคนที่สำคัญมากละสิ"
              "พี่โฟรน่าอยู่หลังคุณออลเบนท์ ซึ่งอยู่ในฐานทัพที่นอร์มันดี โดยเขามานี้เพื่อมาตรวจเช็คสภาพภายในฐานทัพในวันนี้นะสิ" จูดิธกล่าว "แถมมากับตัวเอสเปอร์เด็กนั้นด้วยแล้ว คงไม่ดีแน่ หากพี่ใช้เด็กนั้นพาวาร์ปเข้าไปในฐานกันได้น่ะ"
              แล้วเรดดิลและบลูดัสท์เดินเข้ามา "เออ พวกคุณทราบเรื่องที่เกิดแล้วสิครับ" บลูดัสท์บอก
              "เราทราบเรื่องแล้วละ บลูดัสท์ และตอนนี้ เรารอให้นายพลบราวน์เดคมาสั่งการไว้น่ะ" ริโคน่าบอก แล้วบราวน์เดคเข้ามาในห้องกัน
              "จากที่ฉันทราบมาน่ะ นั้นบ่งบอกได้ว่าพวกไทรเวเซอร์ใช้แผนจู่โจมฐานทัพที่ยังไม่ถูกโจมตีในช่วงที่ทหารยังไว้ทุกข์กันอยู่ ซึ่งเป็นช่วงที่เหล่าทหารไม่สามารถออกปฏิบัติการณ์ได้เลยนะสิ" บราวน์เดคบอก
              "ถึงกระนั้นเรายอมให้พวกไทรเวเซอร์ลงมือกันไม่ได้อยู่ดีนะครับ" โรนัลด์บอก
              บราวน์เดคพยักหน้า "เพราะอย่างงั้น ฉันเลยต้องให้พวกเธอแยกย้ายไปช่วยฐานทัพดังกล่าวไว้เองน่ะ จูดิธ มุ่งหน้าไปยังฐานทัพที่นอร์มังดีโดยเร็วเลย ทาริก้า ไปที่ฐานทัพที่โมร็อคโค่ โรนัลด์ เธอไปที่น็อตติ้งแฮม มิลโดว์ ให้ไปที่ซิซิลี่ เฮลก้า ตรงไปยังมิวนิส นิโคล่าและริโคน่า พวกเธอมุ่งหน้าไปยังอัลจีเลียไว้ เพราะฐานทัพดังกล่าวนั้น ได้แจ้งคำร้องเอาไว้แล้วละ"
              "แล้วพวกเราละคะ" เรดดิลถาม
              บราวน์เดคบอก "พวกเธอสแตนด์บายอยู่ที่นี้ไว้ เพราะ โซลาร์ดและลูนาร์ดยังต้องซ่อมบำรุงกันอยู่ ที่สำคัญ ทางเรายังไม่ได้รับคำสั่งให้ออกจากพื้นที่ควบคุม เท่ากับว่าเรายังต้องคุ้มกันปราการแห่งนี้จากการบุกของพวกไทรเวเซอร์ที่อาจจะบุกมาอีกก็ได้น่ะ"
              "อย่างน้อย พวกเธอเหมาะจะอยู่นี้มากกว่ามาขวางพวกเรากันน่ะ" จูดิธบอก
              โรนัลด์กล่าว "และพวกเราจะกลับมาพร้อมกับนำตัวไทรเวเซอร์กลับมา ซึ่งพวกเธออยู่ช่วยนายพลบราวน์เดคป้องกันยานนี้ไว้ก็พอน่ะ"
              "เข้าใจแล้วละครับ คุณโรนัลด์" บลูดัสท์บอก
              บราวน์เดคกล่าว "เวลาไม่คอยท่าแล้ว พวกเธอรีบออกจากยานแล้วมุ่งหน้าไปตามฐานภายใน 3 นาที ฉันแจ้งนายช่างกากรีฟให้ขนส่งหุ่นขึ้นยานไปแล้วละ"
              "เฮ้ออออ พวกเราน่าจะอยู่ช่วยพวกคุณจูดิธตามจับพวกไทรเวเซอร์กันด้วยน่ะ" เรดดิลบ่นหลังจากที่เธอและบลูดัสท์เข้ามาที่ห้องทำงานของเยลโลว์ไลน์
              เยลโลว์ไลน์บอก "อย่างน้อย พวกคุณจูดิธไปตามฐานก็ดีแล้วละ เพราะพวกเขาเหมาะกับงานรับมือกับการบุกของเหล่าแมนิเกเตอร์ โดยเฉพาะพวกไทรเวเซอร์เลยน่ะ" แล้วก็บอก "ที่สำคัญ ฉันพึ่งจะรวบรวมข้อมูลการต่อสู้ของพวกไทรเวเซอร์ที่บุกเข้าป้อมปราการ รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลที่หมอไวท์ไลน์เจอศพมาด้วยน่ะ"
              "ว่ามาได้เลย เยลโลว์ไลน์" บลูดัสท์บอก
              เยลโลว์ไลน์กล่าว "หมอไวท์ไลน์เช็คสภาพพวกแมนิเกเตอร์ฝ่ายศัตรูที่อยู่ในฐานลอยฟ้าแล้ว พบว่าบางตัวมิได้แค่ถูกจัดการด้วยอาวุธมีคมอย่างเดียว แต่ยังถูกทิ้มแทงอย่างต่อเนื่องและถูกทุบตีอย่างรุนแรงกันอีกด้วย บ่งบอกได้ว่า พวกไทรเวเซอร์มิได้ใช้แค่อาวุธปืน แต่ยังใช้อาวุธแบบโบราณอย่างดาบหรือค้อนด้วยน่ะ"
              "นั้นไม่แปลกหรอก แมนิเกเตอร์แอนดรอยหญิงชื่อสเปียริทนั้น ถนัดใช้หอกเป็นอาวุธ ผู้พันแวนเซนถือค้อนใหญ่สีดำเมี่ยมเข้าทุบรถถังและยานเกราะที่ลูทาเอลจนยุบในคราวเดียว แถมเอชมาสวาร์ทาร์หรือผู้พันคิริซาว่าเอง ก็เป็นยอดนักดาบที่เรียนรู้จากฝั่งอังกฤษและญี่ปุ่นพร้อมกันเช่นนี้น่ะ" บลูดัสท์บอก
              เยลโลว์ไลน์กล่าว "แต่แผลที่ฝ่ายตรงข้ามได้มานั้น มีรอยฟันและเฉาะจากวัตถุที่ใหญ่ไม่ว่า มีบางตัวที่ถูกจู่โจมด้วยการฟันและแทงหลายรอยในคราวเดียว แถมที่พื้นยังมีรอยสไลด์กันด้วย แสดงว่าตัวที่จู่โจมนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วกว่าคุณเฮลก้าแน่นอน"
              "เธอจะบอกว่า พวกไทรเวเซอร์มิได้แค่เก่งด้านการใช้ปืน แต่มีทักษะด้านการใช้อาวุธแบบนักรบในการสู้ รวมถึงวิทยายุทธ์เลยละสิน่ะ" เรดดิลกล่าว
               เยลโลว์ไลน์พยักหน้า "ใช่ เพราะข้อมูลจากหน่วยรบ 54 นั้น ทั้งร้อยเอกแอนเดอร์สัน ร้อยเอกแอชตันมีทักษะการต่อสู้แบบมวยทหาร พันเอกแวนแซนเก่งด้านมวยปล้ำและการสู้แบบคลุกวงใน ส่วนพันโทแลงครูท ผ่านการฝึกป้องกันตัวและการจู่โจมระยะประชิดในช่วง 3 ปีหลังจากที่ร้อยเอกแอนเดอร์สันและร้อยเอกแอชตันเสียชีวิตและกลายเป็นแมนิเกเตอร์ไปแล้วน่ะ"
              "พันโทแลงครูทคงจะฝึกใช้มีดด้วยหรือเปล่าละ เพราะตอนเธอบุกลูทาเอล เธอผ่าเสาไฟฟ้าขาดด้วยฝ่ามือเปล่าได้น่ะ" เรดดิลบอก เยลโลว์ไลน์พยักหน้าอีก
              บลูดัสท์บอก "นั้นบ่งบอกได้ว่า พวกไทรเวเซอร์เองมีทักษะการต่อสู้ที่รอบด้านและอันตรายไม่น้อย จากการต่อสู้กับศัตรูในอวกาศอย่างแน่นอน" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "ชักเป็นห่วงพวกคุณจูดิธแล้วสิเนี้ย"
              "ถ้าขนาดพวกเขาสามารถบุกเข้าป้อมปราการฝ่ายศัตรู โดยผ่านยานเทอร่าครุยเซอร์ด้วยวิธีพาดโพนได้ละก็ การที่พวกเขาโผล่อยู่นอกฐานทัพหลายแห่งในเวลาเดียวกันนั้น ย่อมทำได้แน่นอนน่ะ" โซลาร์ดกล่าว
              ลูนาร์ดบอก "แต่ฉันกลับรู้สึกว่า มีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลอยู่นะสิ เหมือนกับว่าเราถูกพวกเขาหลอกหรือไงน่ะ"
              "หลอกนะหรือ ถ้าพวกเขาบุกถล่มฐานทัพฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ลงได้อย่างต่อเนื่อง มีหรือที่พวกเขาจะไม่ทำแบบนี้อีกน่ะ" บลูดัสท์บอก
               เรดดิลพยักหน้า "หวังว่าพวกคุณจูดิธจะแก้ปัญหานี้โดยเร็วบ้างน่ะ"

              ในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเมนซิกส์ทีนได้ขี่นกยักษ์บินตรงมายังพรมแดนจีนฝั่งตะวันตก ซึ่งมีเขตป่าทึบปกคลุมล้อมรอบหุบเขาสูงใหญ่เบื้องหน้า
              "นั้นคงเป็นเขาหอเมฆาเลยสิคะ" แอนเดรียกล่าว มาสวาร์ทาร์พยักหน้า
               สเตฟอร์ดบอก "ขุนเขาสูงใหญ่นี้แหละ คือที่อยู่เดิมของพวกบรอนเซอรูทมาตลอด 20 ปีบนโลกนี้ และเป็นที่ตั้งของสำนักเพลงหมัดมวยของยอดปรมาจารย์ของพวกบรอนเซอรูท ซึ่งอยู่บนยอดเขาสูงสุดกู่กันนี้แหละ"
              "ว่าแต่ นกยักษ์พวกนี้จะลงจอดได้เลยหรือ" ฟิเกซกล่าว
              ไม่ทันไร อาคาชิค ไทฟูลและนกทั้งสี่ตัวบินลงไปในป่าทึบ เพื่อให้เมนซิกส์ทีนลงจากหลังนก มาอยู่ตรงตีนเขา
               "ว่าแต่ เราจะขึ้นไปที่ยอดเขากันยังไงละ" เนคมาดูซัมบอก
              "มีอยู่สองทางที่เราจะไปหาปรมาจารย์เฟยหลงที่อยู่บนยอดเขาได้เท่านั้นแหละ" สเปียริทบอก แล้วก็เดินมายังที่ป้ายภาษาจีนโดยอ่านว่า "เหนือขุนเขามีสรรพวิชา สองเส้นทางหนึ่งทางเลือก หนึ่งบันไดหินแห่งอุตสาหะ หนึ่งโขดผาแห่งความอดทน บรรจบลงเอยที่เบื้องบน จุดเริ่มแห่งการเรียนรู้ครั้งใหม่"
              เนคมาดูซัมบอก "เดินขึ้นบันไดหลายขั้นกับปีนไต่เขาขึ้นไป ทางหนึ่งเหมือนง่ายแต่ไม่ง่าย อีกทางนั้นลำบากและท้าทายไม่น้อย คงไม่มีใครอยากจะลองปีนขึ้นเขาเลยสิ"
              "ทำนองนั้นแหละ และหลังจากที่เราลงจากเขามา 24 ปีแล้วนิ มีผู้ท้าทายมาจบลงที่นี้กันมากกว่าเดิมแล้วละ" จิลกล่าว เพราะเธอเห็นหลุมศพที่อยู่ห่างออกจากจุดที่ปีนเขาไป ซึ่งมีจำนวนเยอะกว่าเดิมจนต้องแผ่วถางป่าส่วนหนึ่งออกไป
              "แล้วเราขี่นกบินไปไม่ได้ด้วย เพราะสายลมบนเขาจะพัดพวกที่เล่นงานให้ปลิวกระเด็นไปได้น่ะ" ไซโคลเนียบอก
              "และคงยากที่บินสูงไปได้เลยสิน่ะ แม้ว่าจะมีคนหนึ่งที่เข้ามาบนหุบเขาได้ง่ายๆกันน่ะ" โฟรซ่าบอกโดยเธอเอ่ยถึงไวซ์แลงค์ที่พาพวกบรอนเซอรูทตอนเป็นทารกมาส่ง
              สเตฟอร์ดบอก "ว่าแต่ เราจะเลือกทางไหนกันละ ระหว่างเดินขึ้นกับปีนขึ้นไป"
              "แจ่ม ฉันนึกว่านายจะปีนเขาไปเสียอีกน่ะ เนคเกอร์" คลอเวฟบ่นเพราะเนคมาดูซัมเลือกเดินขึ้นบันไดไปกับตน มาสวาร์ทาร์ พีวิล สเปียริท สเตฟอร์ด โฟรซ่า เจเนไซด์ทีม ไซโคลเนีย พลัสเชอริท หากแต่คราวนี้ มีลิเนียร์ตี้และแอนเดรียมาด้วย
              เนคมาดูซัมกล่าว "ฉันอยากจะเห็นสภาพตอนขึ้นบันไดไปมากกว่าน่ะ ว่าระหว่างทางมีอะไรบ้าง"
              "หวังว่าฟิเกซกับสิบเอกจะปลอดภัยกันบ้างน่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "วางใจได้น่ะ ฟิเกซเก่งในเรื่องการปีนเขา ส่วนแอบไบออสเองก็เป็นเวโนมิไนซ์ เรื่องปีนเขาสูงถือว่าเป็นเรื่องง่ายแล้วน่ะ"
              "แต่นายเองก็อย่าลืมน่ะ ว่ายิ่งสูงมากเท่าไหร่ ยิ่งหนาวมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้แอบไบออสสามารถฟื้นตัวได้ไว และมีพลังไฟในตัว แต่ความเย็นจัดก็เล่นงานเขาได้เช่นกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              โดยตอนนี้ "กึกๆๆๆๆๆๆๆ" ฟิเกซใช้สี่แขนและสองเท้าเกาะบนผนังผาไต่ขึ้นไปอย่างช้าๆ "แกร็กๆๆๆๆ" แอบไบออสตะกุยขึ้นหุบเขาด้วยอุ้งเล็บเท้าสามซี่ทั้งสองข้างและนิ้วมือจิกผนังผาไต่ไปด้วย
               "ไม่คิดเลยว่า นายจะปีนเขาเป็นด้วยน่ะ" ฟิเกซกล่าว
               "ตอนที่ฉันเป็นทหารเกณฑ์นั้น ครูฝึกจับฉันและเพื่อนๆฝึกไต่เขาสูงระดับนี้ เพื่อวัดว่าใครอึดและถึกกว่ากัน ซึ่งฉันโชคดีมากที่ฉันฝึกปีนเขากับคุณลุงที่ทำรีสอร์ทบนหุบเขาหิมะ หลังจากที่พ่อแม่แยกทางกันไว้น่ะ" แอบไบออสบอก "พอมาอยู่ในกองรบของผู้ฝูงทริปเปิ้ลที ฉันแทบจะไม่ได้ปีนเขาเลย แม้กระทั่งมีครอบครัวแล้วน่ะ จนกระทั่งมาเป็นแมนิเกเตอร์ ฉันได้ไต่เขาเยอะกว่าปกติเลยน่ะ"
              "ไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมนายออกไปข้างนอกตอนกลางคืนน่ะ เพราะว่านายไปปีนเขาเลยสิน่ะ" ฟิเกซกล่าว
              แอบไบออสพยักหน้า "ฉันแค่อยากจะลับคมสักหน่อยน่ะ อย่างน้อย ทักษะการปีนเขาจะได้ไม่ฝืดลงตามน่ะ"
              "ชุมชนบนเขานั้นคงจะเป็นเขตชุมชนที่อยู่รอบฐานเขาเลยสิคะ" แอนเดรียบอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า หลังจากที่พวกเขาเดินขึ้นบันไดในความสูง 400 เมตรด้วยกัน
              โฟรซ่าบอก "ถ้าให้เดานะ เวลา 24 ปีคงทำให้ใครบางคนแก่ลงหรือจากไปอย่างสงบแน่นอนน่ะ" เพราะเธอเห็นชาวบ้านหน้าตาคุ้นๆแต่อายุมากแล้ว พร้อมกับชาวบ้านบางคนที่ดูไม่คุ้นหน้า ซึ่งมีอยู่เยอะด้วย
              "พวกลื้อจะขึ้นไปอีกแล้วใช่มั้ยละ" อาเจ้คนหนึ่ง ซึ่งเดิมเป็นสาวหมวยเมื่อ 24 ปีก่อนกล่าวขึ้นมา
               ชายวัยกลางคนซึ่งแบกปลาทั้งแห จากเดิมที่แบกปลาตัวเดียวเมื่อ 24 ปีบอก "คิดว่าพวกลื้อจะไปสวรรค์แล้วน่ะ แล้วนี้คิดจะขึ้นไปบนยอดโน่นอีกละสิ"
              "พวกลื้อมีเพื่อนใหม่มา แต่คงไปไม่ถึงครึ่งทางนี้แหละ" คนแก่หัวล้านบอก
              ป้าอวบบอก "พวกเราขอให้พวกลื้อโชคดีแล้วกันน่ะ" แล้วพวกพีวิลก็เดินต่อไป
              "คิดว่าพวกเขาจะอวยพรให้พวกเราโชคดีหรือเปล่าละ" ลิเนียร์ตี้บอก
              ไซโคลเนียกล่าว "พวกเขาคงจะผิดหวังไม่น้อยที่เห็นเรารอดกลับมาได้ แต่คราวนี้เราคงจะทำให้พวกเขาอึ้งและเงิบไปเลยน่ะ"
              "ว่าแต่ ตอนนี้ฟิเกซและแอบไบออสไปถึงไหนแล้วละ" สเตฟอร์ดบอก
              พลัสเชอริทกล่าว "ฉันคงต้องบอกว่า ทั้งคู่ ห่างพวกเราตั้ง 150 เมตรแล้วละ"
              "ถ้าเช่นนั้น พวกเราเดินแบบมีสติกันต่อแล้วกัน และห้ามเดินผ่านเขตถัดไปด้วย" มาสวาร์ทาร์กล่าว แล้วพวกเขาก็เดินขึ้นบันไดต่อไป จนมาถึงระยะ 840 เมตร โดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีด้วยกัน
              "นั้นเยอะกว่าเดิมเลยนะเนี้ย" คลอเวฟกล่าวเมื่อเห็นสำนักหมัดมวยตั้งอยู่ หากแต่มีป้ายระบุด้วย ว่านี้คือสำนักหมัดมวยเมฆาที่แท้จริง บางแห่งก็ระบุว่านี้จริงกว่า บางแห่งนั้นมีการโต้ตอบอีกฝ่ายกันอีกด้วย
              "เราไปต่อดีกว่าน่ะ และอย่าสนคนเหล่านั้นด้วยน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              แอนเดรียพยักหน้า "ดูท่าว่าพวกเขาคงจะมาได้เท่านี้เลยสิคะ" เพราะเห็นสำนักหมัดมวยบางแห่ง ไม่ได้ฝึกฝนอะไรเลยสักอย่าง นอกจากกินๆนอนๆไปวันๆ แม้คนเหล่านั้นหายเพี้ยนไปบ้าง แต่พวกเขาเลือกจะหลีกเลี่ยงหาเรื่อง เพราะในกลุ่มมีจายด์ และเนคมาดูซัมรวมอยู่ด้วย
              "ถ้าให้เดาน่ะ ฟิเกซและแอบไบออสคงไปช้าชัวร์" คลอเวฟกล่าว
               เนคมาดูซัมถาม "อะไรที่ทำให้นายมั่นใจขนาดนั้นเลยละ"
              "เพราะว่าในระยะ 700 เมตรจากภาคพื้นไปนั้น....มีนกตัวเล็กตัวน้อยทำรังอยู่นะสิ" เจเนลบอก เพราะฟิเกซและแอบไบออสเจอกับรังนกอยู่มาก แต่พวกมันกลับรีบบินพร้อมยกรังหนี เพราะเจอแอบไบออสที่มีสัญชาตญาณของเวโนม็อกซ์ที่เป็นสัตว์ใหญ่ยักษ์กว่ากันทั้งนั้น
              ฟิเกซกล่าว "ภาวนาว่านกเหล่านี้คงไม่แตกตื่นจนทำตัวเองตายทั้งรังหรอกน่า"

              จากนั้น พวกเมนซิกส์ทีนก็ขึ้นเขาทั้งสองทางไปอีก จนถึงระยะ 1450 เมตรด้วยกัน
              "คราวก่อน พวกนายขึ้นไปถึงยอดในเวลาเท่าไหร่กันละ" เนคมาดูซัมถาม
              พีวิลบอก "เราใช้เวลาราว 5 ชั่วโมงจากตีนเขาขึ้นมาบนยอดเขากัน โดยพวกเรามาถึงก่อน แล้วเจเนไซด์ทีมก็ปีนมาถึงในภายหลังนะสิ"
              "แต่ดูเหมือนว่า เราจะใช้เวลาเร็วกว่าที่คิดไว้แล้วละ" โฟรซ่าบอก โดยนำนาฬิกาจับเวลา ซึ่งพวกเขาใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงด้วยกัน
              จายด์กล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะว่าพวกเราในตอนนี้ แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเลยสิ ถึงได้ไม่รู้สึกเหนื่อยเวลาเดินขึ้นเขาสูงเลยน่ะ"
              "ถ้าฉันไม่ได้เป็นแมนิเกเตอร์ คงไม่มีทางได้เห็นวิวแบบนี้แล้วละ" แอนเดรียกล่าวโดยมองเห็นวิวอันไกลแสนไกลมา และหันมาถาม "แล้วอาคาชิคและนกตัวอื่นๆละคะ"
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ยังบินอยู่เลยนะสิ สงสัยคงจะคอยดูพวกเราจากระยะห่างแล้วน่ะ" โดยเธอเห็นนกจำนวน 6 ตัวบินอยู่ห่างจากเขาไปค่อนข้างมาก
              "แต่ อากาศโดยรอบนั้น มันเย็นกว่าที่คิดไว้ ทั้งๆที่เรายังไม่ขึ้นไปในระยะ 2,500 เมตรเลยน่ะ" สเปียริทกล่าว
              พีวิลบอก "แบบนั้นไม่ดีสำหรับสิบเอกและฟิเกซแน่ๆเลยละ" แล้วก็ "ปี้บบบ ครืดดด แกร็ก" กดปุ่มตรงส่วนหูเพื่อสวมหน้ากากอ็อกซิเจนไว้ ซึ่งทั้งหมดสวมหน้ากากเอาไว้แล้ว "เราไปต่อดีกว่าน่ะ"
              "รู้สึกหนาวถึงกระดูกหรือยังละ" ฟิเกซบอก
              แอบไบออสกล่าว "ฉันไม่เคยรู้สึกหนาวแบบนี้ นับแต่การฝึกปีนเขามาก่อนแล้วละ" แล้วก็จิกตรงคางเพื่อสร้างหน้ากากปิดปากไว้ ฟิเกซเองก็เช่นกัน "แต่เราไม่ควรจะรั้งท้ายให้พวกสิบเอกเป็นห่วงได้หรอกน่ะ" แอบไบออสบอก 
              แล้วพวกเขาก็ปีนต่อไปอีกจนถึงระยะ 2,640 เมตร อันเป็นจุดที่ยากที่สุด เนื่องจากมีเมฆหมอกอันหนาวเหน็บและสายลมผู้พิทักษ์พัดวนรอบอยู่
              "อย่ามองไปข้างหลังละ ลิเนียร์ตี้ ไปต่อไป" เนคมาดูซัมกล่าว โดยตอนนี้ตัวเขามีน้ำแข็งเกาะแล้ว
              ลิเนียร์ตี้บอก "รู้แล้วละ แต่ ฉันอยากจะใช้พลังเพื่อทำให้ตัวเองอุ่นสักหน่อยน่ะ"
              "เซฟพลังไว้จะดีกว่าน่ะ ลินี่ ถ้ารีบใช้จนหมด เธออาจจะแย่เลยน่ะ" ไซโคลเนียบอก
               จิลบอก "บอกตามตรงน่ะ ว่างวดนี้ลมแรงมากกว่าคราวก่อนตั้งเยอะเลยละ"
              "คุณไหวมั้ยละ แอนเดรีย" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              แอนเดรียพยักหน้า "คะ แม้ว่าฉันรู้สึกง่วงเพราะความหนาวเหน็บครอบงำ แต่ฉันยังไม่อยากจะล้มเดียวนี้เลยนะคะ"
              "ดีแล้วละ เพราะ....เราใกล้จะถึงยอดเขาแล้วน่ะ" สเปียริทบอก
              คลอเวฟกล่าว "ภาวนาว่าบรอนเซอรูทและพวก คงจะช่วยอวยชัยให้พวกเราผ่านไปถึงยอดเขากันได้น่ะ"
              "เหวอออ" แอบไบออสร้องลั่นเพราะนิ้วพลัดจากขอบผาไป "ฟึ่บบบบ ฉึกกก" ตนจึงรีบใช้โบนเซเบอร์แทงผนังผาไว้
              ฟิเกซกล่าว "เกือบแล้วมั้ยละ"
              แอบไบออสพยักหน้า แล้วก็ "ฟึ่บบบ จึกๆ" โยกตัวใช้เล็บเท้าจิกพื้นไป "ดูท่าว่านี้คงเป็นเหตุผลที่ไม่มียานบินไหนสามารถผ่านขึ้นไปยอดเขาได้ รวมถึงเรื่องที่คนพลัดตกเขาลงไปกันอีกด้วย ต่อให้มีการเตรียมพร้อมที่ดีเลยก็ตาม ยังไงก็หยุดพวกเราไม่อยู่หรอกน่ะ" แล้วตนกับฟิเกซก็ไต่เขาไปต่อ
              "ดูเหมือนว่า พวกเขาจะทำสำเร็จอีกเช่นเคยแล้วละครับ ท่านอาจารย์" ชายวัยกลางคนกล่าวกับชายชราที่นั่งทำสมาธิต่อหน้าองค์พระใหญ่
              ซึ่งกล่าวไปว่า "....แม้พวกเขาจะผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆมาเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งปี อย่างน้อย นั้นบ่งบอกว่าพวกเขาเข้มแข็งกว่าคราวก่อนอย่างเห็นได้ชัดเลยน่ะ"

              หลังจากนั้น เวลาผ่านไป เมนซิกส์ทีนก็ใช้ความพยายามบวกกับแรงฮึดเพิ่มเติม บุกฝ่าแนวสายลมพิทักษ์ขุนเขาขึ้นมาสู่ยอดเขาที่ความสูง 3,048 เมตรหรือ 1,000 ฟุตด้วยกัน
              "ถึงยอดแล้วละ" ฟิเกซกล่าว เมื่อตนกับแอบไบออสไต่มาจนถึงยอดเขาได้ก่อน
              "เฮ้อ ไม่เคยปีนเขาได้ยาวนานถึงเพียงนี้เลยนะเนี้ย ถ้าไม่ถูกเวสเทรซแปรสภาพให้เป็นอสูรกายละก็ คงไม่ได้ปีนมาถึงยอดได้อย่างปลอดภัยแล้ว อ่า...." แอบไบออสกล่าวก่อนจะสลบพร้อมฟิเกซ เนื่องจากใช้แรงในการปีนและฝ่าพายุอันหนาวเหน็บมา
              "สุดท้าย พวกเราก็มาถึง จนด้ายยยยย" คลอเวฟกล่าว โดยลากสังขารตัวเองขึ้นมาได้ เช่นเดียวกับพวกเนคมาดูซัม
              เจเนลกล่าว "บอกตามตรงน่ะ ว่าเดินขึ้นบันไดนิ ทรหดมากกว่าตอนปีนขึ้นไปเสียอีกน่ะ"
              "อย่างน้อย นายก็รู้สึกเหมือนกับพวกเราแล้วสิน่ะ เจมส์" สเตฟอร์ดบอก
              ลิเนียร์ตี้หอบเหนื่อยจนเข่าทรุด "แต่อย่างน้อย เราก็มาถึงยอดเขาจนได้เอง ด้วยพลังที่เรามีและด้วยแรงฮึดของเราด้วยน่ะ"
              "ที่นี้ คงจะเป็นที่ๆพวกคุณบรอนเซอรูทอาศัยอยู่มาตลอด 20 ปีเต็มเลยสิคะ" แอนเดรียบอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า เมื่อได้เห็นเสาประตูติดป้ายสำนักจ้าวภูผาเหนือเมฆาอยู่ตรงหน้า
              ไซโคลเนียกล่าว "บอกตรงๆน่ะ ว่าเรา ทำลายสถิติเดิมของเราลงได้แล้วละ"
              "พวกเราใช้เวลา 2 ชั่วโมง 24 นาที กว่าจะขึ้นมาถึงยอดเลยน่ะ" โฟรซ่าบอก
              สเปียริทนั่งพักเหนื่อยไว้ "คราวก่อน เราใช้เวลาทั้งบ่ายกว่าจะมาถึงยอดได้ คราวนี้ เราได้ความสำเร็จกลับไปบอกทินเหมาลีกันแล้วละ"
              "ว่าแต่ ข้อต่อตามตัวของนายแข็งอยู่หรือยังละ" จายด์บอก
              เนคมาดูซัมส่ายหน้า "บอกตามตรงน่ะ ว่าความเย็นของหุบเขาสูงลูกนี้ เทียบเท่ากับหุบเขาในแกตโตเดี่ยนนี้แหละ เพียงแต่มันหนาวและลมแรงก็เท่านั้นเอง"

              "ถึงว่าสิ ว่าทำไมนายถึงไม่รู้สึกช้าลงในช่วงฝ่าพายุลมหนาวรอบเขาเลยน่ะ" จิลบอก มาสวาร์ทาร์เลยรีบลุกขึ้น
              แต่.... "ไฮย้า" มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมา พร้อมกับหญิงผมยาวด้านหน้าใส่เสื้อกล้ามสีแดงเข้มพร้อมกางเกงขายาวสีดำสลับแดงกระโดดเข้าใส่มาสวาร์ทาร์ "ฟึ่บบบ ป้ากกกก" ซึ่งรีบใช้หลังแขนซ้ายป้องกันการถีบมาอย่างแรง "ฟึ่บ หวับๆๆๆๆๆ ตึก" หญิงสาวผู้นั้นเลยตีลังกากลับหลังมา
              "ไอ้พวกผู้บุกรุก กล้าขึ้นมาถล่มสำนักใช่มั้ย เตรียมตัวไว้ให้ดีเลย" หญิงสาวกล่าว แล้วก็.... "อาจ้า" กระโจนเหยียบบ่าหัวไหล่มาสวาร์ทาร์ตรงมา เสยฝ่ามือใส่ "เฮ้ยยยย ย้ากกก" พีวิลและเจเนลรีบวิ่งมา "ป้ากกกก" เสยฝ่ามือปะทะฝ่ามือของยอดยุทธ์หญิงจนเธอถอยผงะไป "ย้าๆๆๆๆๆ" โฟรซ่าเลยบุกเข้ามาจู่โจมด้วยเรซเซอร์อาร์มใส่จอมยุทธ์หญิง ซึ่งเธอก็ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ" จู่โจมด้วยการทิ้มดรรชนีอย่างต่อเนื่อง "อี้ยั้ย!!!!!" จอมยุทธ์หญิงใช้นิ้วชี้และกลางข้างซ้ายหยุดฝ่ามือของโฟรซ่า เพื่อใช้ฝ่ามือข้างขวาสับ "วาช้ากกกก" สเปียริทเลยพุ่งกระโดดถีบใส่จอมยุทธ์หญิงจน "ฟึ่บบบ ป้าบบบบ" เธอต้องเปลี่ยนจากการใช้ฝ่ามือสับมาเป็นฟาดปะทะรับฝ่าเท้าของสเปียริทโดยเร็ว "ฟึ่บๆๆๆ" โฟรซ่า สเปียริท พีวิลและเจเนลตั้งท่าไว้
               "พวกแก ใช้วิชาเพลงหมัดโต้ตอบวิชา 18 ฝ่ามือสยบมังกรของฉันได้สิน่ะ ดี งั้นเจอกับพลังของฉันหน่อย...."
              "พอได้แล้วละ ลิ่วเซียง พวกเขามิใช่ผู้บุกรุกกันหรอกน่ะ" ชายชรากล่าวโดยเปิดประตูไม้ที่อยู่ด้านหลังออกมา
              จอมยุทธ์หญิงนามลิ่วเซียงเลยกล่าว "ท่านอาจารย์คะ ท่านจะปล่อยให้ผู้บุกรุกเข้ามาในสำนักได้เลยหรือคะ"
              "ผู้บุกรุกเหล่านั้น เป็นเพื่อนกับพี่น้องของเจ้าและพวกกันน่ะ ลิ่วเซียง" ชายชราบอก โดยมองมายังพวกพีวิล "กาลเวลานอกโลกทำให้พวกเจ้าดูเปลี่ยนแปลงน้อยลงไปเลยสิน่ะ"
              พีวิลพยักหน้า "ฟึ่บบบบบ" แล้วก็โค้งคำนับเช่นเดียวกับเจเนล สเปียริทและโฟรซ่าด้วย "พวกเรากลับมากันแล้วละครับ ท่านปรมาจารย์เฟยหลง"
              "คนผู้นี้หรือว่าจะเป็น....เจ้าสำนักบนเขาแห่งนี้สิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "หลีเฟยหลง เป็นปรมาจารย์เพลงหมัดและเจ้าสำนักเพลงหมัดบนเขาหอเมฆากันในเวลานี้แหละ และเขา เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูและฝึกฝนพวกบรอนเซอรูทกันด้วย" แล้วก็เดินมาพร้อมกับโค้งคำนับ "ไม่ได้เจอซะนานเลยนะครับ ท่านเฟยหลง"
              "เช่นกันน่ะ แม้ข้าจะรู้ว่าพวกเจ้ากับพวกบรอนเซอรูทไปสู่แดนดินอันไกลโพ้นเลยก็ตาม ข้าได้แค่ขอให้พวกเจ้าอยู่อย่างมีความสุขก็เกินพอแล้วละ" เฟยหลงบอก "ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีพวกพ้องหน้าใหม่มาด้วยแล้วนิ แสดงว่าการออกเดินทางสู่บ้านหลังใหม่อันไกลโพ้นคงจะต้องพบพานกับการต่อสู้เลยสิน่ะ"
              สเตฟอร์ดกล่าว "ครับ แม้ว่าจะยากลำบากอย่างมาก แต่เราก็ฟันฝ่าอุปสรรค์ไปได้นะครับ"
              "ดี งั้นพวกเจ้าทั้งหมดรีบเข้ามาได้แล้วละ เพราะ.....เพื่อนพ้องของเจ้าทั้งสองที่มาก่อนหน้านั้น....อยู่ที่อารามหลักแล้วละ" เฟยหลงกล่าว
              เนคมาดูซัมกล่าว "แสดงว่าฟิเกซและแอบไบออสปีนขึ้นมาได้สิน่ะ หวังว่าคงไม่น่ามีปัญหากันหรอก"
              "สิบเอก ฟิเกซ ไม่เป็นไรใช่...." พีวิลกล่าวโดยทันทีที่เดินเข้ามาในอาราม ก็ต้องชะงักลง เพราะ....
              "คุๆๆๆ ฮะๆๆๆๆๆๆๆ" คลอเวฟเห็นหน้าแอบไบออสที่โดนละเลงหน้าแบบแป๊ะยิ้มก็ถึงกับหัวเราะลั่น เช่นเดียวกับฟิเกซที่โดนระบายสีถึงเจ็ดสีบนหน้าด้วย
              "คลอเวฟ อย่าหัวเราะได้มั้ยละ คนพึ่งจะเหนือยจากการปีนเขามาน่ะ" แอบไบออสบ่น
              "คลอเวฟขำเพราะเห็นสภาพหน้าของพวกนายนะสิ" เนคมาดูซัมบอก
              โฟรซ่าเลยส่งตลับกระจกให้กับฟิเกซและแอบไบออสดู "โอ้ว ให้ตายสิ นี้เราไม่ได้โดนเล่นแบบนี้มา 4 ปีแล้วหรือ เฮ้ออออ" ฟิเกซกล่าว
              "อิๆๆๆๆๆๆๆๆ" มีเสียงดังมาจากพระพุทธรูปด้านหลัง จอมยุทธ์หญิงลิ่วเซียงเลยเดินตรงไป แล้วก็จิกตัวหญิงผมเปียขดสองข้างสีม่วงอ่อนในชุดทหารจีนสีเขียวแก่ออกมา
               "ลูชิลี่ ฝีมือเธออีกละสิน่ะ" ลิ่วเฟยบอก
              หญิงผมเปียสองข้างนามลูชิลี่กล่าวอย่างเจื่อนๆ "ก็แค่อยากทำให้ใบหน้าที่น่ากลัวมากๆ ให้มีสีสันเท่านั้นเองแหละ" แล้วก็หันมายังพวกพีวิลที่มาด้วย "ว่าแต่ ใครกันเนี้ย หน้าตาไม่คุ้นเลยน่ะ"
              "ท่านอาจารย์เฟยหลงครับ สองคนนี้คงจะเป็น...." จายด์บอก
              เฟยหลงพยักหน้า "นี้คือลิ่วเซียงและลูชิลี่ พี่น้องกลุ่มที่สองของพวกบรอนเซอรูทยังไงละ" แล้วก็บอก "ลิ่วเฟย ลูชิลี่ พวกเขาคือศิษย์จากต่างแดน ที่ร่วมรบกับพวกบรอนเซอรูทกันนี้แหละ"
              "เพื่อนของพวกอาเฮียบรอนเซอรูท พวกคุณคงจะเป็นกองกำลังเวเซอร์เลยสิคะ" ลิ่วเซียงกล่าว
              ลูชิลี่อุทาน "จริงหรือเนี้ย พวกคุณเป็นยอดนักรบที่ร่วมต่อสู้กับเทพยักษ์อันน่ากลัวเมื่อ 24 ปีก่อน และหายไปจากโลกนี้แล้ว นี้พวกคุณกลับมาแล้วหรือคะเนี้ย"
              "ถ้าให้ฉันเดาน่ะ เธอคนหนึ่งคงจะเป็นน้องฝาแฝดของบรอนเซอรูท อีกคนต้องเป็นน้องของฟันดิวเรคเลยละสิน่ะ" สเปียริทบอก
              ลิ่วเซียงพยักหน้า "สมแล้วที่พวกคุณเป็นเหล่าสหายของพวกอาเฮียบรอนเซอรูทเลยนะคะ"
              "แล้วตอนนี้พวกพี่เขาสบายดีหรือเปล่าละ" ลูชิลี่กล่าว
              เจเนลบอก "พวกเขาก็อยู่สุขสบายแน่นอนแหละ อีกอย่าง พวกเขาก็ช่วยได้มากในเรื่อง...."
              "เจเนล ฉันรู้น่ะ ว่าเธอพยายามจะพูดให้ลิ่วเซียงและลูชิลี่รู้สึกดีใจ รวมถึงฉันเองด้วยก็ตาม แต่....ฉันไม่ได้โง่เพราะความชราภาพกันหรอก" เฟยหลงกล่าว
              เจเนลเลยชะงักและทำหน้าเจื่อนลง เพราะรู้ว่าปรมาจารย์ท่านนี้ รู้เรื่องทุกอย่างไปแล้ว ตนจึงกล่าวไปว่า "ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ต้องพูดแบบนี้ เพราะผมกลัวว่า ท่านอาจารย์และทุกๆคนอาจจะรับไม่ได้นะครับ"
              "ดีที่เจ้ามีเจตนาและเป็นห่วงข้าอยู่ ข้ายังพอให้อภัยได้นะ" เฟยหลงบอก และหันมายังพีวิล "เจ้าช่วยเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ข้ากับศิษย์ทั้งสองได้มั้ยละ"
               พีวิลพยักหน้า แล้วก็เล่าเรื่องทุกอย่าง นับตั้งแต่พวกบรอนเซอรูทมีบทบาทในมหาสงครามกับแรซัลก้า และการต่อสู้กับพวกเดลอาเนี่ยน ทรอยอาร์ สเตรดาร์ธ และริดโอคาร์เทลเมื่อ 3 ปีก่อน จนถึงเวลานี้ด้วย "ทั้งหมดมีเท่านี้แล้วละครับ ท่านอาจารย์" พีวิลกล่าว
    "ข้านึกแล้ว ว่าบรอนเซอรูท เซเทธ ทอฟคานิค ฟันดิวเรค และเลอแชน ต้องชาตะขาดอย่างแน่นอน นับแต่ดาวทั้งห้าหายไปบนท้องฟ้าเมื่อ 20 กว่าปีก่อนแล้วน่ะ" เฟยหลงบอก "แต่ข้ารู้สึกดีใจไม่น้อย ที่ทินเหมาลี โมคุโตะและกริมเบอรี่ยังอยู่ เพราะในหมู่แปดพี่น้อง ทินเหมาลีเป็นแมนิเกเตอร์ที่ชาญฉลาดมากที่สุด และรู้เคล็ดวิชาการต่อสู้ได้เยอะกว่าคนอื่น เธอจึงเหมาะกับการเป็นเจ้าสำนักหมัดมวยที่สืบทอดเคล็ดวิชาของสำนักนี้ แม้ว่าโมคุโตะจะต้องมีภาระเพิ่มขึ้นจากความผิดพลาดของเธอเอง และกริมเบอรี่ต้องรับผิดชอบมากขึ้นไปเลยก็ตาม ข้าขอบใจพวกเจ้าด้วย ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยพวกทินเหมาลีไว้น่ะ" เนคมาดูซัมบอก "พวกบรอนเซอรูทเป็นเหล่าสหายที่พวกเราไม่ทอดทิ้งกันอยู่แล้วละครับ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ช่วยพวกเราปกป้องดาวจากผู้รุกราน แต่หน้าที่ในการสอนเหล่าแมนิเกเตอร์รุ่นใหม่ให้สืบทอดวิชาการต่อสู้ไปนั้น ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยน่ะ"
              "น่าเสียดายจังเลย นึกว่าจะได้เจอกับพวกอาเฮียแล้วเสียอีกน่ะ" ลูชิลี่บอก
              ลิ่วเซียงกล่าว "นั้นสิ ถ้าพวกน้องตนอื่นๆอยู่ด้วยละก็ พวกเขาคงจะเสียใจไม่น้อยนะคะ ที่พวกอาเฮียอาเจ้ต้องมีชาตะกรรมแบบนี้น่ะ"
              "พูดถึงพี่น้องของพวกเธอนิ ที่เหลือไปไหนกันละ" โฟรซ่ากล่าว
              ลิ่วเซียงบอก "เออ พวกเขาลงจากหุบเขาไปสู่แผ่นดินใหญ่ไปเมื่อ 2-3 ปีก่อนแล้วละคะ ส่วนฉันกับลูชิลี่ไม่รู้จะไปไหน เลยอยู่สอนพวกเด็กๆที่ท่านอาจารย์รับอุปการะต่อ นับตั้งแต่ พวกเรามาที่หุบเขาแห่งนี้เมื่อ 23 ปีก่อนนะคะ"
              "แปลว่า พวกคุณคงจะอยู่ที่ไหนสักแห่งของโลก แล้วมีบางอย่างพาพวกคุณที่ยังเป็นเด็กออกจากเกาะไปเลยสิคะ" แอนเดรียบอก
              ลูชิลี่กล่าว "ตอนที่พวกเรามองดูดาวตอนกลางคืนอยู่ที่เกาะของพวกเราเมื่อ 23 ปี อยู่ๆ ก็มีนกยักษ์ตัวสีขาวบินเข้ามา พร้อมกับชายผมขาวที่ขี่มาด้วย เขาบอกกับคุณแม่ของพวกเราและเราไว้ ว่าเขารู้ว่าพี่น้องกลุ่มแรกของเราเคยทำอะไรกันอยู่ เขาเลยพาพวกเราไปที่แห่งนั้น ด้วยการให้เราขี่นกตัวโตนี้ไป ซึ่งคุณแม่ของเราอนุญาตแล้วละคะ"
              "ชายผมขาวนะหรือ แล้วเขามีชื่อหรือเปล่าละ" จิลบอก
              ลิ่วเซียงกล่าว "เห็นว่าชื่อ ตงฟางปุป้ายนี้แหละ เขาไม่เพียงรู้จักกับแม่ของเรา แต่ยังรู้จักกับคุณพ่ออีกด้วย เขาเลยพาเราขึ้นขี่หลังนกยักษ์ บินพาพวกเรามายังหุบเขา ซึ่งมาเจอกับท่านอาจารย์เฟยหลง จนรู้ว่าท่านอาจารย์ได้ดูแลและสอนสั่งพวกพี่ชุดแรกไว้ เช่นเดียวกับสอนพวกเราด้วยนะ"
              "ตงฟางปุป้ายนะหรือ คงจะเป็นขันทีหรือชายแต่งหญิงแน่ๆเลยละ" สเปียริทเดา แล้วถาม "แล้วพวกเธอเจอตงฟางปุป้ายกันบ้างหรือเปล่าละ"
              ลูชิลี่กล่าว "เขามาที่หุบเขาตลอดครึ่งปีเลยละ แม้เขาไม่ได้เอาของขวัญอะไรมา แต่เขามาถามอาจารย์อยู่ตลอด ซึ่งท่านอาจารย์เองก็คุยกับเขาอยู่เสมอเลยละคะ"

              "ลูชิลี่ ลิ่วเซียง กลับไปทำธุระกันได้แล้วละ" เฟยหลงบอก ลิ่วเซียงและลูชิลี่พยักหน้าแล้วเดินออกไป  แล้วตนก็เล่า "เกี่ยวกับตงฟางปุป้ายนั้น ถ้าข้าบอกว่า เขาเป็นผู้ที่เคยพาพวกบรอนเซอรูทตอนเด็กๆและแม่ของพวกเขามาที่หุบเขานี้กันละ"
              ไซโคลเนียบอก "แปลว่า ยังมีอีกรายที่ติดตามไวส์แลงค์มาเลยสิคะ"
              "ใช่ เพราะพวกบรอนเซอรูทที่เป็นทารกนั้น แม่เด็กเพียงคนเดียวที่บินได้นั้น คงไม่มีแรงพอที่จะแบกพวกเขาทั้งหมดมาแน่ๆ นอกเสียจาก จะมีอีกคนที่คอยช่วยอีกแรงน่ะ" เฟยหลงบอก
              พีวิลถาม "แล้วพอจะจำได้มั้ยละครับ ว่าตงฟางปุป้าย ผู้ซึ่งมากับแม่ของพวกบรอนเซอรูทนิ มีหน้าตาและอะไรที่เป็นเอกลักษณ์เด่นบ้างมั้ยละครับ"
              "ตลอด 44 ปีที่ข้าอยู่บนหุบเขาแห่งนี้ ข้ายังจำได้ดี ถึงรอยยิ้มของเขาผู้นี้ รอยยิ้มอันชาญฉลาดแต่แฝงความเจ้าเล่ห์กลิ้งกรอกอยู่ด้วย ซึ่งเดิมข้าไม่เชื่อถือในคนที่มีลักษณะแบบนี้ เพราะข้าอาจจะถูกคนผู้นี้หักหลังได้แน่นอน" เฟยหลงบอก "แต่ในช่วง 22 ปีที่ผ่านมานั้น เขาเห็นว่าเขามีสีหน้าที่จริงจังอยู่ แม้ว่าสภาพของเขาในตอนนั้นโทรมเหมือนเจออะไรบางอย่างที่หนักหนากว่ามากก็ตาม รอยยิ้มที่ข้าจำได้ไม่มีวันลืมนั้น ยังคงอยู่ แม้จะถูกความจริงจังลดความเจ้าเล่ห์ลงไปเลยก็ตามน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "แล้วเขาเรียกร้องอะไรจากท่าน นอกเหนือจาก ให้ท่านสอนพวกลิ่วเซียงบ้างมั้ยละครับ"
              "42-43 ปีก่อนนั้น หลังจากที่เขาพาพวกบรอนเซอรูทมาให้ข้ารับดูแล ตงฟางปุป้ายมาขอดูตำรับตำราประวัติศาสตร์ในหอตำรา เพื่อมาคัดลอกทำอีกเล่มไว้ โดยอ้างว่า เขาทำเพื่อรักษาองค์ความรู้ที่ข้ารับผิดชอบดูแลไว้ให้คงอยู่ ซึ่งข้ามองแล้วคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ เพราะตำราประวัติศาสตร์ในหอตำรานั้น มีเยอะเป็นร้อยเล่มด้วยกัน คนเดียวคงไม่มีทางลอกได้หมด และยิ่งให้เครื่องบินมาเอาก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะหุบเขาแห่งนี้ไม่มีใครหน้าไหนนำเครื่องบินลงมาที่ยอดเขามานานแล้วละ" เฟยหลงกล่าว "แต่....ตงฟางปุป้ายทำเรื่องน่าเหลือเชื่อ เขาได้รวบรวมข้อมูลจากการอ่านตำราทั้งหลายในหอตำรา จากนั้นก็จัดการคัดลอกใส่หนังสือหน้าเปล่าที่เขาเสกมาทุกเล่ม ซึ่งรายละเอียดเนื้อหาในตำรานั้น เหมือนใช้เวทย์มนต์เสกทุกข้อความลงในหน้ากระดาษทุกหน้าด้วยกัน พอๆกันกับการทำให้หนังสือหน้าเปล่าที่เขาเขียนมานั้น หายไปจากที่เขายืนอยู่กันด้วยน่ะ โดยเขาอ้างว่า นี้คืออำนาจเวทย์มนต์ที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์ กันนี้แหละ"
               จายด์ถาม "แล้วท่านคิดว่าหนังสือที่เขาคัดลอกมาทั้งหมดนิ มันไปไหนละครับ"
              "ข้าถามตงฟางปุป้ายไว้แล้ว เขาบอกแค่ว่า เขาขอหนังสือประวัติศาสตร์ทั้งหลายนี้ ไปส่งในแดนที่ห่างไกลโพ้นไว้ ให้ลูกหลานจากที่โน่นได้อ่านไว้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถอ่านตัวจีนที่อยู่ในตำราเหล่านั้นได้เลยก็ตาม แค่เขาไม่ขโมยตำราในหอไปสองสามเล่มหรือทั้งหมดเลย ก็ถือว่าเกินพอแล้วละ" เฟยหลงกล่าว
              สเปียริทได้ฟังก็บอกไปว่า "ตงฟางปุป้ายทำเช่นนั้นจริงคะ เพราะว่า ฉันเคยอ่านหนังสือที่เขาส่งมาให้ตอนที่ฉันยังเด็กอยู่นะคะ"
              "เจ้าเคยอ่านหนังสือที่ตงฟางปุป้ายคัดลอกและส่งไปงั้นหรือ ช่วยอธิบายเรื่องได้มั้ยละ สเปียริท" เฟยหลงกล่าว สเปียริทพยักหน้าและเล่าเรื่องของเธอให้ฟัง จนปรมาจารย์พยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ฉันไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทินเหมาลีเห็นบางอย่างในตัวเจ้าจึงเกิดความสนใจขึ้นมา เพราะว่าเจ้ามีพลังที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับเทพบิดรที่คุกคามโลกเมื่อ 24 ปีก่อน ซึ่งเป็นสาเหตุที่เจ้ากับพวกพ้องโค่นล้มเทพบิดรยักษ์ลงได้ รวมถึงเทพมารดรที่แดนดินอันห่างไกลด้วย แม้ว่านั้นจะเป็นการที่เจ้ากลายเป็นลูกทรพีเลยก็ตามน่ะ"
              สเปียริทกล่าว "ฉันทราบดีคะ ว่าบาปของฉันนั้นหนักหนามาก แต่ฉันก็ยังจดจำมันไว้ เพื่อให้ฉันมีเหตุผลที่ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ต่อ เพื่อไถ่บาปอันหนักอึ้งนี้ให้หมดไป แม้นั้นจะต้องแลกด้วยชีวิตเลยก็ตาม ฉันก็พร้อมจะเสี่ยงได้นะคะ"
              "แสดงว่าเจ้ามีจิตใจที่เข้มแข็งมากกว่าที่ข้าคิดเช่นนี้ ไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมเจ้าถึงสนิทกับทินเหมาลีผู้ชาญฉลาดไปได้ เพราะว่าเจ้านั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจเหนือกว่าที่คู่ควรของนางไว้นี้เอง" เฟยหลงบอก "และนั้นก็คงเป็นเหตุผลที่เจ้าอ่านตำราและหนังสือภาษาจีนได้ ทั้งๆที่เจ้ายังไม่เคยเจอมันมาก่อน เพราะว่าเจ้าเคยอ่านมาแล้วทีหนึ่งตอนที่เจ้ายังเป็นเด็ก หากแต่เจ้าสูญเสียความทรงจำในอดีตมาก่อนเอง" สเปียริทพยักหน้า
              พีวิลบอก "แล้วตงฟางปุป้ายในคราวนี้มาขออะไรจากท่านอีกละครับ"
              "บันทึกตรามังกรดำนะสิ เป็นบันทึกข้อมูลของผู้เกี่ยวข้องกับสมาชิกพรรคบัวขาวของวัดเส้าหลินเหนือ ในสงครามกับต่างโลกเมื่อศตวรรษที่ 20 ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มมือสังหารป่ายักษ์อันโด่งดังและเร้นลับด้วย ในนั้น มีข้อมูลประวัติของผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายแหล่ รวมไปถึงท่วงท่าจู่โจมสังหารทั้งหลายแหล่ที่ผู้บันทึกได้เขียนลงไป ทุกคน ทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์ ทุกท่วงท่า ทุกอย่าง อยู่ในบันทึกเล่มดังกล่าวไว้ ซึ่งวัดเส้าหลินเก็บบันทึกเหล่านี้แล้วส่งมาให้ข้าดูแลเอาไว้" เฟยหลงบอก
              ฟิเกซถาม "พอจะบอกรายละเอียดมั้ยละครับ ว่าเนื้อหาของบันทึกนั้นเป็นเช่นไร"
              "ข้ารู้แค่ว่า ความรู้เหล่านั้น อาจถูกใช้เพื่อสร้างขุมกำลังมือสังหารที่โหดร้ายยิ่งกว่าก็เท่านั้นเอง ซึ่งข้าพยายามห้ามตงฟางปุป้ายไว้ แต่สายตาอันจริงจังของเขานั้น ได้ทำให้ข้าไม่สามารถห้ามเขาไว้ได้เลย จนกระทั่ง เขาลอกข้อมูลทุกอย่างไปจนหมดเล่มแล้วน่ะ" เฟยหลงบอก "และด้วยเหตุนี้แหละ ที่ทำให้พี่น้องของลิ่วเซียงลงจากเขาเมื่อ 2-3 ปีก่อน เพื่อออกตามหาตงฟางปุป้ายให้เจอ แม้ข้าไม่สามารถลงจากเขาไปได้ แต่...ข้ารับรู้ได้ว่า พวกเขาคงไปไม่ไกลจากจีนแผ่นดินใหญ่แน่นอน"
              จิลบอก "อย่าห่วงไปเลยคะ เพราะว่าเราจะออกตามหาพวกเขาเอง"
              "แต่ตอนนี้ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าแยกจากกลุ่มส่วนมากมาอยู่ที่นี้ เพื่อมาหลบสายตาจากเบื้องบน นับตั้งแต่โลกสร้างเสาสูงทะลุฟากฟ้าของโลกนี้ไปแล้วน่ะ" เฟยหลงเอ่ยถึงเสาลิพท์วงโคจรที่สร้างขึ้นเสร็จสิ้นกับสถานีอวกาศบนวงแหวนวงโคจรไว้ "แต่ ข้าให้เวลาพวกเจ้าได้เพียง 2-3 วันในการอยู่ที่นี้ เพราะข้าแน่ใจว่า กองกำลังที่ไล่ล่าพวกเจ้านั้นจะต้องรู้กลอุบายของพวกเจ้าอย่างแน่นอนน่ะ"
              เนคมาดูซัมบอก "เรารู้ดีนะครับ ว่าแผนของเราไม่ได้ผลแน่นอน อย่างน้อยเราก็ได้มายังสถานที่ที่พวกพีวิลเคยมาได้นะครับ"
              "ถ้าเช่นนั้น ข้าหวังว่าพวกเจ้าคงจะพาลิ่วเซียงและลูชิลี่ รวมถึงตามหาพวกพี่น้องที่อยู่ในแผ่นดินจีนให้เจอ เพื่อออกจากโลกนี้ไป เพียงแต่พวกเจ้าควรจะพักผ่อนหลังจากที่พวกเจ้ามาถึงนี้ได้น่ะ" เฟยหลงบอก
               แอนเดรียกล่าว "ดีเหมือนกันคะ เพราะพวกเราเหนือยมากแล้วคะ"

              "ไม่คิดเลยว่าพวกนายนอนในที่แบบนี้มาก่อนน่ะ" ฟิเกซกล่าวโดยที่เขากับพวกนอนในโรงนอนใกล้ๆ
              สเตฟอร์ดบอก "24 ปีผ่านไป สภาพยังคงเหมือนเดิมเลยน่า" โดยที่ตนนอนพื้นไว้
              "แล้วพวกบรอนเซอรูทก็นอนในนี้ด้วยสิ" เนคมาดูซัมกล่าว
              คลอเวฟบอก "เห็นพวกเขาหลับอยู่ในอารามกันนี้แหละ เพราะทุกเช้าเขาต้องออกมาที่ลานหน้าอารามเพื่อฝึกพวกเด็กๆไว้น่ะ" แล้วก็บอก "แน่นอน ว่าห้องนี้แคบมาก นับแต่พวกนายมานอนด้วยน่ะ" เนื่องจากจายด์มาร่วมนอนด้วย
              "ตอนนี้ เราคงต้องอยู่นี้เพียง 2-3 วันเท่านั้นเอง เพราะถ้าเราอยู่นานเกินไป พวกเทอร่าสควอดอนอาจจะรู้แผนเรากันได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
               เจเนลกล่าว "หรือรู้เร็วเกินไปด้วย จนเราต้องลงจากเขาก่อนกำหนดเลยน่ะ" แล้วก็เอนตัวเข้ากับผนัง "แต่นั้นก็รู้แล้วละ ว่าตงฟางปุป้ายนั้นเป็นใคร และรู้ด้วยว่าตอนนี้มันกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ"
              "แค่รู้ว่าบุรุษผู้นี้มีแค่รอยยิ้มและสามารถคัดลอกข้อมูลในหน้ากระดาษออกไปโดยไม่เอาหนังสือไปด้วยนั้น พวกนายคงจะรู้เลยสิน่ะ ว่าบูรพาไร้พ่ายผู้นี้เป็นใครกันน่ะ" แอบไบออสบอก
              พีวิลกล่าว "รู้สิ และเราคิดว่าบุรุษผู้นี้ น่าจะสิ้นชีพไปเมื่อ 24 ปีก่อนด้วยน่ะ"
             
              "ฮา.....ไม่คิดเลยว่า บนยอดเขายังมีสระน้ำใหญ่ด้วยน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าวโดยที่เธอ สเปียริท โฟรซ่า ไซโคลเนีย จิล และแอนเดรียอาบน้ำกันอยู่
              "นับว่าโชคดีแล้ว ที่แห่งนี้ไม่ถูกรบกวนจากภายนอกอย่างเห็นได้ชัดเลยนะคะ" แอนเดรียบอก
              "24 ปีผ่านไป น้ำในสระนี้ยังคงเย็นสบายเหมือนเคยเลยน่า" ไซโคลเนียบอก
              สเปียริทกล่าว "แม้ว่าที่แห่งนี้จะทำให้เรารู้สถานะของโมคุโตะแล้วก็ตาม.... แต่อย่างน้อย เราก็มีเรื่องไปบอกทินเหมาลีได้ละน่า"
              "พวกคุณอยู่นี้เอง นึกแล้วว่าพวกคุณคงนอนไม่สบายตัวแน่ๆเลยน่ะ" ลิ่วเซียงกล่าวโดยที่เธอมากับลูชิลี่ด้วย
              จิลกล่าว "คงจะรู้สึกโกรธที่เรามาอาบก่อนเลยสิน่ะ"
              "ไม่เลย เพราะดีเสียอีก ที่เรามีเพื่อนจากภายนอกมาอาบด้วยน่ะ" ลูชิลี่กล่าวพร้อมกับถอดชุดออกแล้ว "ฟึ่บบบ ซ่า" กระโดดลงน้ำไปเต็มๆ
              โฟรซ่ากล่าว "นี้ลูชิลี่ทำแบบนี้บ่อยเลยหรือ" แล้วก็โดนลูชิลี่สาดน้ำไปเต็มๆ
              "ก็บ่อยมากเลยนะ เพราะในหมู่พวกเรานั้น ลูชิลี่ซุกซนมากที่สุดเลยน่ะ" ลิ่วเซียงถอดชุดออกและเดินลงสระอย่างช้าๆ "อีกอย่าง ฉันอยากจะรอให้พวกคุณกลับมาที่นี้อีกครั้ง ต่างจากพี่น้องรายอื่นๆที่ลงเขาไปเพื่อหาทางไปยังโลกของพวกคุณสักหน่อย แม้ฉันรู้ว่าพวกเขาทำอะไรอยู่ ฉันกับลูชิลี่คงต้องหลงทิศแน่ๆเลยละคะ"
              ไซโคลเนียบอก "เพราะอย่างงั้นเธอเลยเลือกจะอยู่บนนี้ รอคอยพวกเราให้มาเลยสิน่ะ"
              "แต่ตอนนี้พวกคุณก็ลงมากันแล้วน่ะ เป็นโชคดีมากๆด้วย เพราะฉันไม่รู้จะไปที่ไหนดีน่ะ" ลูชิลี่กล่าว
              ลิ่วเซียงพยักหน้า และหันมาถาม "คุณสเปียริท ในฐานะที่คุณสนิทกับเจ้ทินเหมาลีกันนิ เจ้เป็นคนยังไงละคะ"
              "แม้ว่าทินเหมาลีจะมีภาระเยอะ แต่เธอก็ยังเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งที่ดีมาตลอดนะสิ ไม่ว่าฉันจะเป็นเช่นไรก็ตามน่ะ" สเปียริทกล่าว แล้วก็เล่าเรื่องในช่วง 3 เดือนก่อน ตอนที่พวกไทรเวเซอร์กลับจากการปฏิบัติภารกิจนอกระบบดาวมาแล้ว และแอนเดรียอยู่ที่สถาบันวิจัยมิวแทนอยด์ไปได้ 5 วันด้วยกัน สเปียริทก็ฝึกไปตามปกติ จนกระทั่ง..... "ตึกๆๆๆๆๆๆ" เธอรู้สึกผิดสังเกตุเลยวิ่งเข้าไปในป่า จนมาเจอกับ
              "ดูเหมือนว่าเธอจะว่างไม่น้อยสิน่ะ ถึงได้ออกจากพรรคมาหาฉันถึงที่ได้น่ะ เหมาลี" สเปียริทกล่าว เมื่อเห็นทินเหมาลียืนหันหลัง ซึ่งเธอวิ่งให้สเปียริทไล่ตามมา
              "ฉันคิดว่าเธอจำความอะไรได้แล้ว จะลืมฉันและพวกอาเฮียบรอนไม่ได้แล้วสิ สเปียริท" แล้วก็หันหน้ามา
              "ที่เธอทราบเรื่องของฉันนิ ผบ.บัลโต้คงจะชี้แจงให้เธอทราบเลยสิน่ะ" สเปียริทกล่าว
              ทินเหมาลีบอก ".....ต่อให้ผบ.บัลโต้ไม่มาบอกหรือไม่ได้ให้ผู้การเดลิคมาอธิบาย ฉันก็รู้อยู่แล้ว ว่าเธอ มีพลังที่เทียบเท่าและเหนือกว่าโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่ยังไม่กล้ายืนยันได้ชัดเจน แค่ให้พวกอาเฮียรู้เพียงเท่านั้นแหละ" แล้วก็กล่าว "พอฉันลองถามป้ารัคชูมี่ดู นั้นก็ทำให้ฉันรู้ว่า เธอมีสถานะที่ยิ่งใหญ่กว่าและถูกเลือกให้เป็นตัวแปรสำคัญในชัยชนะของฝ่ายเรากันด้วย ซึ่งนี้เป็นเรื่องน่าตกใจอย่างมาก สำหรับพวกเราทั้งแปดที่ได้มารับรู้ความลับสุดยอดนี้ไว้น่ะ"
              "แต่ที่ไม่มาบอกกับพวกเราในช่วงที่เดลอาเนี่ยนและกลุ่มอื่นๆก่อเรื่องกันนิ เพราะกลัวว่าพวกเราไม่เชื่อเลยสิน่ะ" สเปียริทบอก
              ทินเหมาลีพยักหน้า "ความเป็นจริงนั้น มันทำให้เราช่วยไขปริศนาให้กระจ่างได้ แต่มันก็ทำให้เรารับรู้ความลับอันดำมืดและเจ็บปวดตามไปด้วย ซึ่งอย่างหลังนั้น คงจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด อยู่ตลอดเวลาเลยสิน่ะ" แล้วก็ "ฟึ่บๆๆๆๆ" สบัดฝ่ามือทั้งสองไปรอบทิศ แล้วมาจบลงในท่ากางแขนสองข้างเหมือนพญาหงส์กางปีก โดยมีง้าวมังกรเขียวด้ามแดงในมือทั้งสองข้าง
              "แต่ต่อให้เธอเจ็บปวดแค่ไหน ฉันอยากรู้เหลือเกิน ว่าฉัน จะสามารถสู้กับเธอได้อย่างทัดเทียมเหมือนเดิมหรือเปล่าละ องค์หญิงแอสเซน" แล้วก็ "หวับๆๆๆๆ ฟึ่บ" ควงง้าวให้มาอยู่ในมือโดยตั้งท่าเตรียมแทงไว้
              "ฉันไม่อยากจะทำร้ายเธอเลยน่ะ แต่ในเมื่อเธอท้าทายฉันแบบนี้แล้วละก็ ปฏิเสธไปก็เท่านั้นแหละ" สเปียริทได้ฟังก็ "ฟึ่บบบ หวับๆๆๆๆๆๆๆ ฟึ่บ" สบัดคริสทรัลร็อดแท่งเล็กให้ยาวเป็นพลองแล้วก็หมุนควงเหนือหัว และจับพลองยื่นไปข้างหน้า ".....เพราะฉันจะสนองต่อความต้องการของเธอเลยแล้วกันน่ะ หัวหน้าพรรคบัวแดง นางพญาหงษ์แดงทินเหมาลี เข้ามาเลย!!!!!"
              ทินเหมาลีตะโกนลั่น "ย้า" แล้วเธอก็บุกเข้า "หวับๆๆๆๆๆ เกร้งๆๆๆๆๆ" กวาดแกว่งง้าวเข้าใส่สเปียริท ซึ่งควงพลองโต้ตอบอย่างทันควัน คมง้าวที่ฟาดมาตั้งแต่บนลงล่าง ล่างเสยขึ้นบน ซ้ายไปขวา และขวาไปซ้าย ต่างถูกสเปียริทโต้ตอบด้วยพลองได้หมด "มิลเลี่ยนสไปค์" สเปียริทจู่โจมด้วยการรั่วแทงพลองไปหลายดอก "วังวนแดงชาด" ทินเหมาลีใช้การหมุนคมง้าวเป็นวงกลมอยู่กึ่งกลางการจู่โจมด้วยพลองของสเปียริท จนแหวกการจู่โจมแบบต่อเนื่องไปได้ ส่งผลให้สเปียริทต้อง "เกร้งงงงง" กระทุ้งพลองเข้าปะทะกับคมง้าวของทินเหมาลีโดยทันที "แกร็กๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟึ่บบบบ หวับๆๆๆๆ ตึกๆ" ทินเหมาลีต้านแรงกดจากสเปียริทไม่ไหวเลยรีบกระโดดถอยหลัง โดยที่สเปียริทรีบโดดตามเพราะแน่ใจว่าทินเหมาลีหลบเพื่อโต้ตอบสวนกลับไว้
               "ไม่เลวเลยนิ ที่รีบโต้ตอบท่าสกัดกั้นท่ารั่วแทงไม่ยั้งของเธอได้ก่อน และรีบกลับมาตั้งหลักเพื่อโต้ตอบอีกรอบนั้น เธอฉลาดมากขึ้นเลยสิน่ะ" ทินเหมาลีกล่าว
              "ถ้าขืนดันทุรังจู่โจมจนเธอปัดทำลายท่าของฉันถึงขั้นที่หัวง้าวเข้าใกล้ตัวฉันได้ละก็ ฉันคงแพ้เธอไปนานแล้วละ" สเปียริทบอก "แต่ไม่คิดเลย ว่าหัวหน้าพรรคที่มีงานรัดตัวอย่างเธอ แถมแขนของเธอพึ่งหายจากการบำบัดมา ฝีมือไม่พร่องลงไปมาตลอด 3 ปีเต็มเลยน่ะ"
              ทินเหมาลีบอก "ฉันต้องค่อยๆก้าวอยู่เสมอนี้แหละ สเปียริท เพราะฉันเห็นเธอเป็นทั้งเพื่อนที่ไว้ใจได้ และเป็นคู่แข่งที่ฉันยอมรับในพลังและความสามารถของเธอไว้ด้วย ซึ่ง....นั้นเป็นเหตุผลที่ฉันมาหาเธอในคราวนี้แหละ"
              "แล้วเธอไม่กลัวว่าฉันจะเล่นงานเธอจนอ่วมชนิดที่ลุกจากเตียงไม่ได้เลยหรือ" สเปียริทกล่าว
              ทินเหมาลียิ้มและบอกไปว่า "บอกตามตรงน่ะ ว่าเธอไม่กล้าทำเช่นนี้หรอกน่ะ สเปียริท เพราะฉันรู้ว่าเธอคงไม่ยอมทำร้ายเพื่อนให้สาหัสกันเช่นนี้เลยน่ะ" จากนั้นก็ "พรึ่บบบบ" เพลิงสีแดงเผาร่างของเธอจนกลายเป็นร่างอสูรมิวแทนอยด์ที่มีส่วนลูกแก้วติดปิ้นแก้วสีแดงบนหัว ลำตัวแขนขาหุ้มด้วยเปลือกเกราะสีขาวมีผลึกสีชมพู โดยที่ส่วนง้าวของเธอนั้นเปลี่ยนเป็นง้าวทรงหัวนกมีปีกเพลิงสีแดงไว้ "....ไม่ว่าเธอจะเป็นองค์หญิงหรือยอดนักรบ ฉันจะดวลกับเธออย่างถึงที่สุด ว่าถ้าสู้แบบเต็มเหนี่ยวแบบนี้ ใครจะล้มก่อนน่ะ"

              "บอกตามตรงน่ะ ว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแล้วละ ทินเหมาลี เพราะเธอเป็นสหายตนเดียวที่ฉันนับถืออย่างมากเลยละ" สเปียริทกล่าวแล้วก็ "แว้งงงง ครี้งงงง" แทรนซิ่งเปลี่ยนเป็นดรากูเนสสเปียริทขึ้นมา "....เธอมีเท่าไหร่ก็จัดมาได้เลย ทินเหมาลี" แล้วก็พุ่งเข้าใส่ทินเหมาลี ซึ่งบุกเข้ามาพร้อมกับปีกนกเพลิงที่โพยพุ่งกลางหลัง "แคร้งงงง เคร้งงงงง เคร้งงงง แกร้งงงง เคร้งงงงงง ทั้งคู่หวดอาวุธยาวปะทะใส่กันไปห้าทีจนเกิดเสียงสั่นสะเทือนไปทั่วป่า "ฟ้าวๆๆๆๆๆๆๆ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง แกร็กๆๆๆๆ เคร้งงง" โดยทั้งคู่พุ่งขึ้นไปสู้กันกลางอากาศจนส่งเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่องอีก จนทั้งคู่ต้องบินลงมา "ไฮย้า" สเปียริทกระทุ้งหอกสองหัวปะทะใส่ทินเหมาลีที่ควงง้าวจนปลิวกระเด็นไป
              "นี้แน่" ทินเหมาลีพุ่งกลับมาหวดง้าวฟาดใส่สเปียริทเข้าตรงเกราะหัวไหล่ซ้ายจนผลักเธอปลิวไป พร้อมกับเกราะหัวไหล่ร้าวด้วย "เพลงง้าวพิฆาต ปีกหงษ์เพลิงร่ายรำ" ทินเหมาลีพุ่งจู่โจมสเปียริทด้วยการบินอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฟันง้าวใส่สเปียริทจนได้แผลไปทั่วตัว "บิลเลี่ยนสไปค์" สเปียริทกระหน่ำแทงใส่ทินเหมาลีที่บินตรงมาข้างหน้าจนหงษ์แดงเพลิงต้องรีบเบรค แต่ก็ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆ" โดนกระหน่ำแทงจนแขนขากระจุยไปพร้อมกับตามตัวบางส่วนด้วย "แว้งงงงง แว้งงงง แว้งงง แว้งงงง" แต่ทินเหมาลีก็ใช้พลังของนกเพลิงสมานแผลทั้งหมดโดยเร็ว แม้แขนขวาจะสมานได้ช้ากว่าอันเนื่องจากเป็นแขนข้างเดียวที่โดนพิษกัมตภาพรังสีมาก่อน
               "ดีที่เธอชะงักมือเอาไว้เลยน่ะ สเปียริท ฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางทำร้ายฉันให้ถึงตายได้แน่ๆ" ทินเหมาลีกล่าว
              "แม้ว่าการยั้งมือนั้นจะทำให้ฉันแสดงพลังไม่ได้เต็มที่ แต่นั้นก็ดีแล้ว เพราะถ้าฉันไม่ยั้งมือละก็ เธอพรุนเป็นเนยแข็งแน่นอนน่ะ" สเปียริทบอก "อีกอย่าง เธอรีบจะชนะฉันมากไปหน่อย แม้เธอจะเล่นงานฉันไปหลายที แต่เธอก็เสียแรงไปไม่น้อย ทั้งๆที่เธอมีวิธีเอาชนะฉันอยู่หลายวิธีที่ไม่เสียแรงเยอะเลยน่ะ"
              ทินเหมาลีพยักหน้า "ฉันคงจะโฟกัสไปที่การเอาชนะเธอมากไปหน่อย เพราะว่าเธอมีพลังมากและมีความแข็งแกร่งกว่าพวกเราแบบหลายขุม เลยไม่ได้คิดวิธีสู้แบบอื่นที่นอกเหนือจากการใช้พลังสู้กับพลังเท่านั้นน่ะ"
              "รู้ทั้งรู้ว่าเธอชนะด้วยพลังไม่ได้ แต่ยังดันทุรังสู้ต่อไปนิ แสดงว่าเธออยากรู้ว่าฉันจะสู้กับเธอเช่นไรสิน่ะ" สเปียริทกล่าวแล้วคืนร่างเดิม
              ทินเหมาลียิ้มและกลับคืนร่างเดิมตาม "สเปียริท แม้ว่าเธอจะทรงพลังมากกว่าพวกเรากัน แต่....เธอก็เหมือนกับฉันนี้แหละ ที่ท้าทายกับคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าเธอหลายขุมด้วยกัน ซึ่งในฐานะที่ฉันเป็นเพื่อนของเธอ ฉันขอแนะว่าเธอยังไม่ควรปะทะกับผู้เป็นพี่ใหญ่อย่างคิโคเดนกันหรอกน่ะ"
              "แล้วเธอจะปล่อยให้คิโคเดนครอบครองสหพันธมิตรของพวกเราเลยหรือ" สเปียริทบอกอย่างไม่พอใจ
              ทินเหมาลีกล่าว "แม้ว่าเธอจะจำความได้และต้องการหยุดยั้งการกระทำอันคุกคามความสงบสุขของพวกเร าด้วยการปะทะกับคิโคเดนเลยก็ตาม แต่เธอในตอนนี้เหมือนเป็นไข่ที่พุ่งปะทะกับขุนเขาใหญ่อย่างคิโคเดนอยู่ เธอยังมีความกลัวต่อคิโคเดนอยู่บ้าง ซึ่งฉันเข้าใจดี เพราะไม่ว่าฉันหรือทุกๆคน ต่างก็มีความหวาดกลัวด้วยกันทั้งนั้น" แล้วก็ตบไหล่สเปียริทไว้ "แต่....เธออย่าลืมความเข้มแข็งในตัวเธอไว้ เพราะแม้จะเป็นข้อเสียที่ทำให้เธอแข็งกร้าวไปบ้าง แต่เธอก็เป็นตัวเธอมาได้เพราะเธอมีความเข้มแข็งทางใจที่สูงกว่า ขอแค่ลดระดับลงมาอย่าให้มากเกินไป เพราะอะไรที่เยอะเกินก็ย่อมนำพาความพ่ายแพ้มาได้เช่นกันน่ะ"
              "นึกแล้วเชียว ว่าทำไมยัยทินเหมาลีถึงไม่คิดสู้กับแอนเดรีย เพราะว่ายัยทินเหมาลีไปปะทะกับเธอมาก่อนนี้เองน่ะ" โฟรซ่ากล่าวกับสเปียริทไว้
              ลูชิลี่กล่าว "แต่เจ้ทินเหมาลีสู้กับเธอที่แปลงร่างได้อย่างสูสีนิ บ่งบอกว่าเจ้ทรงพลังกว่าที่คิดแล้วสิน่า"
              "อาเจ้ทินเหมาลีคงจะฉลาดมากเลยสิคะ ถึงมองคุณออกเยอะเลยน่ะ" ลิ่วเซียงกล่าว "แม้ว่าอาเจ้กับพวกอาเฮียจะมีความสามารถในการกลายร่างที่แข็งแกร่งไปได้นั้น ฉันกับทุกๆคนก็คงมีเหมือนกันด้วยสิน่ะ"
              แอนเดรียบอก "แสดงว่าพวกคุณก็กลายร่างด้วยสิน่ะ"
              "แม้จะตกใจไม่น้อยที่รูปร่างของเราเปลี่ยนไปหลังจากที่เราอายุ 17-18 แล้ว ดีที่อาจารย์สอนให้เราใช้การทำสมาธิเพื่อควบคุมร่างกายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ซึ่งฉันเกือบจะเป็นตัวประหลาดที่มีแขนยาวเป็นขดหลากสีไปแล้วละ" ลูชิลี่บอก
              โฟรซ่ากล่าว "แสดงว่าอาจารย์เฟยหลงคงจะรู้ว่าพวกเธอมีสภาพเป็นเช่นไรบ้างน่ะ"

              หลังจากนั้น เช้าวันต่อมา ทั้งหมดก็มาที่หน้าอารามกัน โดยเฟยหลงพิจารณาเนคมาดูซัม แอนเดรีย ลิเนียร์ตี้ แอบไบออส และฟิเกซกัน
              "ข้าบอกตามตรงน่ะ ว่าพวกเจ้าทั้งห้ามีสภาพเหมือนน้ำเกือบเต็มแก้วแล้ว ไม่จำเป็นต้องสอนอะไรเพิ่มหรอกน่ะ" เฟยหลงกล่าว โดยเริ่มจาก.... "ฟิเกซ แม้ว่าเจ้ามีทีเดียวสี่แขน ซึ่งสามารถรับมือกับศัตรูได้อย่างว่องไว และผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการเอาตัวรอดจากการสู้กับภยันตรายอันรุนแรงถึงแก่ความตายมาก่อนแล้ว บ่งบอกได้ถึงการฝึกฝนขัดเกลาการต่อสู้มาอย่างดี รวมไปถึงเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอดมาแล้ว....เท่ากับว่าข้าไม่ต้องสอนในสิ่งที่เจ้ารู้แต่แรกเพิ่มแต่อย่างใดหรอกน่ะ"
              เจเนลบอก "ท่านน่าจะสอนให้ฟิเกซทำงานเป็นทีมกันก็ได้แล้วนิ"
              "ถึงข้าไม่สอน พวกเจ้าก็ต้องช่วยปรามฟิเกซกันอยู่แล้ว เพราะข้าเห็นว่าฟิเกซแม้เก่งมาก แต่เลือกที่จะเสี่ยงอันตรายเพียงลำพังเพื่อมิให้พวกเจ้าต้องมีปัญหา แม้นั้นจะทำให้พวกเจ้าพลอยเป็นกังวลเลยก็ตาม" เฟยหลงบอก "ข้าหวังว่าญาติอาวุโสของเจ้าคงจะเตือนเจ้าในเรื่องนี้กันบ้างน่ะ"
              ฟิเกซกระแอ่มอย่างยอมรับ "ขอรับท่านปรมาจารย์"
              "เนคมาดูซัมเองก็เช่นเดียวกัน แว่บเดียวที่ข้าเห็น ก็เผยรัศมีพลังอันแรงกล้ามาแต่ไกลแล้ว พอข้ารู้ว่าเนคมาดูซัมเองก็มีประสบการณ์แบบเดียวกันกับฟิเกซมา ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วงเช่นกัน บวกกับมีพลังกล้าแกร่งและเหนือกว่าคลอเวฟกันด้วยนั้น ข้าก็ไม่คิดจะสอนเพิ่มเติมมากหรอกน่ะ" เฟยหลงบอก
              คลอเวฟกล่าว "แต่หมอนั้นมือมันก็เจ็บมาก่อนจนใช้พลังได้ไม่เต็มที่เลยน่า"
              "แม้ว่ามือที่เจ็บนั้นเป็นอุปสรรค์ที่ทำให้ใช้พลังได้ไม่เต็มที่ แต่มันก็เป็นเครื่องย้ำเตือนให้รู้จักประมาณตนได้ดี ว่าจะใช้พลังมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเนคมาดูซัมนั้นจำมาตั้งแต่เด็กจนถึงบัดนี้แล้ว เท่ากับว่าเขารู้จักประเมินตนว่าจะสู้แบบไหนบ้างน่ะ" เฟยหลงกล่าว "แต่อย่างเดียวที่ควรจะบอกไว้ก็คือ ต้องขัดเกลาฝีมือและความสามารถที่มีอยู่ให้ดีกว่านี้ไว้ เพราะการย้ำกับที่นั้นคือหนทางแห่งความประมาทเลยน่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "ผมจะจำไว้นะครับ"
              "ลิเนียร์ตี้ ข้ารู้ว่าเจ้ามีพลังอันยิ่งใหญ่ที่เกือบจะทำให้เจ้าแพ้ภัยตัวเองกันแล้ว ซึ่งเดิมข้าตั้งใจจะให้เจ้าควบคุมพลังไว้ด้วยการใช้สมาธิเลยก็ตาม" เฟยหลงบอก "ว่าแต่ เจ้ามีอาจารย์ท่านใดสอนให้เจ้าควบคุมพลังในตัวหรือเปล่าละ"
              ลิเนียร์ตี้บอก "มีคะ แม้ว่าจะอยู่เพียงไม่กี่วัน ฉันก็จดจำคำสอนและทำตามจนสามารถคุมพลังได้ดีนะคะ"
              "แม้ว่าเจ้าจะมีความจดจำดีและลงมือได้เร็วกว่าเพื่อนพ้องตนอื่นๆ แต่อย่างเดียวที่เจ้าควรจะมีก็คือ มีสมาธิตั้งมั่นกับสิ่งที่ทำมากกว่านี้ แต่อย่ามากจนเกินไป เพราะการยึดตึงเกินก็ไม่ดี หย่อนยานก็ไม่ดี ควรจะอยู่ทางสายกลาง พอเหมาะพอประมาณ และมีสติอยู่กับสิ่งที่ทำ มิใช่กระจายสมาธิกับสิ่งที่ทำหลายอย่างมากจนเกินไปละ" เฟยหลงกล่าว ลิเนียร์ตี้ยิ้มขึ้นเพราะเฟยหลงรู้ว่าเธอแยกสมาธิกับหลายอย่างมากไปหน่อย
              แล้วปรมาจารย์ก็หันมายังแอนเดรีย "หนูคงจะมีอีกด้านที่น่ากลัวแอบแฝง แต่ยังไม่รู้ตัวจนถึงบัดนี้เลยสิน่ะ"
              แอนเดรียพยักหน้า "คะ แม้ว่าฉันจะคุมสติจนสามารถควบคุมด้านลบไว้ แต่ฉันรู้ดีว่าด้านลบคงจะไม่หายไปง่ายๆเลยละคะ"
              "ข้ารู้ว่าที่เจ้าเป็นเช่นนี้ เพราะเจ้าเผลอคิดในแง่ลบอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัวละสิ แม้ว่านิสัยของเจ้าที่เป็นผู้อ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตนมากนั้นจะช่วยให้เจ้าไม่รู้สึกคิดอะไรแย่ๆไว้ แต่หากใจเจ้าไม่คิดในแง่บวกมากกว่านี้หรือลดความกังวลด้วยการเชื่อมั่นในความเป็นไปได้อยู่ละก็ ด้านลบของเจ้าก็ยังอยู่เหนือสติของเจ้าได้อยู่ดี ซึ่งข้าหวังว่าเจ้าคงจะจำสิ่งที่ฝึกฝนกับโมคุโตะกันบ้างน่ะ" เฟยหลงบอก แอนเดรียพยักหน้า
              แล้วเฟยหลงก็หันมายังแอบไบออส "เจ้าเอง มีสัญชาตญาณดิบที่แรงกว่าของแอนเดรียหลายเท่า แม้ว่าเจ้าจะผ่านการฝึกฝนจากพวกบรอนเซอรูทมาจนใช้สมาธิคุมสติให้อยู่เหนือสัญชาตญาณดิบที่เจ้ามีไว้ แม้จะคุมส่วนน้อยไม่ให้หลุดออกมาได้ก็ตามน่ะ"
              แอบไบออสบอก "ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยต่อครอบครัวของผม คือเหตุผลที่ผมยังคงสติเดิมไว้เลยนะครับ"
              "เจ้ามีครอบครัวเป็นแรงจูงใจนั้น ข้าเข้าใจดี เพราะว่าเจ้าทำเพื่อมิให้ครอบครัวของเจ้ามีอันตรายกันไว้ก็จริง" เฟยหลงกล่าว "แต่ ห่วงมากก็ย่อมทุกข์มาก ครอบครัวของเจ้าอาจจะอยู่กับเจ้าได้ไม่ตลอดไป ข้าจึงอยากจะให้เจ้ายอมรับในตรงนี้ไว้ ไม่เช่นนั้น เจ้าอาจจะต้องเสียใจเหมือนกับคลอเวฟกันด้วยน่ะ"
              แอบไบออสพยักหน้า "คำแนะนำของท่านนั้น ช่วยให้ผมเตรียมตัวเตรียมใจไว้ดีแล้วละครับ"
              "ส่วนพวกเจ้าเองนั้น ข้ารู้เลยว่า พวกเจ้าคงจะฝึกฝนตนเองและมีการสอนสั่งต่อลูกศิษย์ของเจ้าที่ร่วมรบกันด้วย แม้จะร่วมมือกับศิษย์แบบเดียวกันกับพวกบรอนเซอรูทที่มาจากแผ่นดินใหญ่เลยก็ตาม" เฟยหลงบอก "ข้าจึงอยากจะให้พวกเจ้าฝึกฝนแบบนี้ต่อไป และช่วยนำคำสอนของข้าไปให้ทินเหมาลี โมคุโตะและกริมเบอรี่รับทราบและสอนศิษย์รุ่นหลังด้วย"
              พีวิลและทุกๆคนพยักหน้า มาสวาร์ทาร์บอก "พวกเราจะจำเอาไว้เลยนะครับ"
              "ข้ารู้ว่าพวกเจ้ารู้สึกร้อนรนต่อพวกพ้องของเจ้าที่แยกทางกันไปเลยก็ตาม แต่เชื่อเถอะ ว่าพวกเขาจะต้องรอดไปได้แน่นอน" เฟยหลงบอก "ข้าจึงขอให้พวกเจ้าอยู่ต่อ แล้วมะรืนนี้ พวกเจ้าพาลิ่วเซียงและลูชิลี่ ลงจากเขาเพื่อตามหาพวกพี่น้องที่เหลือกันด้วยน่ะ"
              เจเนลกล่าว "ถ้าเช่นนั้น เราคงต้องฝึกซ้อมกันให้ท่านเห็นสักหน่อยแล้วละน่ะ"

              อีกด้านหนึ่งที่หุบเขาแห่งหนึ่งในมองโกเลีย ยานไทรแองเกิ้ลและยานสโตรม่ากริฟจอดอยู่
              "ดีแล้วละที่ประเทศแห่งทุ่งหญ้านี้ยังมีหุบเขาอยู่ ไม่เช่นนั้น เราคงโดนยานภาคพื้นที่มีหมู่บ้านติดอยู่ทับเอาได้แน่ๆน่ะ" แคร์เรี่ยนบอก "ว่าแต่ พวกเจเนลหายไป 2 วันแล้ว คงจะลงมาได้แล้วน่า"
              ฟูแรมบอก "พวกเขายังไม่รีบลงมานะครับ เพราะถึงแม้หุบเขาสูงนั้นจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่สถานีอวกาศนอกโลกมองเห็น แต่คงไม่ดีแน่ หากมีคนของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่อยู่ในอาณาบริเวณนั้นนะครับ"
              "ว่าแต่ ตอนที่พวกคุณพีวิลออกไปจากกองกำลังนิ พวกเขาไปฝึกฝนวิชาบนเขานั้นเลยสิครับ" เฟอร์กิ้นซ์บอก
              บริคซ์กล่าว "ทำนองนั้นแหละ แม้ฉันแทบไม่เชื่อเลยว่ามันมีหุบเขาสูงนี้อยู่ในจีน แต่เรื่องที่พวกเขาพาพวกบรอนเซอรูทมาช่วยด้วยนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็เท่ากับว่ามีหุบเขานั้นอยู่จริงแน่นอน" แล้วก็บอก "แต่ถ้าถามว่าพวกเราอยากจะลองปีนขึ้นไปมั้ย บอกตามตรงน่ะ ว่าต่อให้พวกเราเป็นซุปเปอร์โซลเยอร์ที่ทนต่อทุกสภาพอากาศ ก็ยังต้องแพ้เพราะแรงหมดแน่นอน"
              "แปลว่าพวกคุณก็ร่วมทีมกับพวกคุณพีวิล เพราะว่าพวกเขาเคยช่วยเหลือพวกคุณไว้เลยสิครับ" เฟอร์กินซ์กล่าว "พอจะให้รายละเอียดของพวกบรอนเซอรูทกันได้มั้ยครับ"
              บริคซ์บอก "พวกเธอถามเยอะไปหน่อยน่ะ"
              "พวกเธอคงอยู่ค้นหาข้อมูลกันเลยสิน่ะ" วิลด้าบอกเมื่อเห็นฟูลออเรสและพวกเฮเรเค้นช่วยกันสืบค้นข้อมูลของเทอร่าสควอดอนอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์
              มิลด์บอก "พวกเรารู้มาว่าเทอร่าสควอดอนมีหุ่นรบติดระบบเอไอระดับสูงอยู่ เราเลยรีบค้นหาข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ในช่วงยุคทอง รวมถึงช่วงมหาสงครามครั้งแรกเมื่อ 64 ปีก่อนนะคะ"
              "แล้วพวกเธอพบอะไรบ้างละ" เบติสถาม
              ฟูลออเรสบอก "ผมแทบไม่เชื่อเลยนะครับ ว่าเมื่อในช่วงยุคทองนั้น มีการสร้างปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาตนเองถึงขั้นมีจิตใจเป็นมนุษย์ได้ รวมถึงการนำปัญญาประดิษฐ์เหล่านั้นไปติดตั้งในหุ่น เพื่อให้เป็นมิตรและเพื่อนกับเด็กๆด้วย ไม่ว่าหุ่นจะมีขนาดเล็กหรือเท่ามนุษย์ปกติ รวมไปถึงโมบิลเวิร์คเกอร์และโมบิลทรูปเปอร์กันด้วยน่ะ"
              "นายพูดเหมือนดูการ์ตูนที่มีเด็กเป็นเพื่อนกับหุ่นซุปเปอร์โรบอทบ่อยละสิ" เฮเรเค้นกล่าว
              ฟูลออเรสบอก "ถึงแม้ว่าฉันได้ดูมาแล้ว แต่พอมาเห็นข่าวปุ๊บ ก็รู้ได้เลยว่าวิทยาการของดร.เดลวีแองนูนั้นพัฒนาสิ่งที่อยู่ในหนังการ์ตูนให้ออกมาเป็นจริงแล้ว แม้ว่าจะพัฒนาสำเร็จในช่วงปลายยุคทองเลยก็ตาม" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "น่าเสียดาย ที่หุ่นโมบิลทรูปเปอร์ติดระบบเอไอระดับสูงนั้น ส่วนมากถูกพวกโอเวอร์เดสทำลายทิ้งทั้งนั้นน่ะ"
              "เว้นแต่ตระกูลโซลราฟและลูสนาร์คที่ลี้ภัยขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์พร้อมกับหุ่นโซลาร์ดและลูนาร์ดนั้นสิน่ะ" วิลด้าบอก
              ไกซ์พยักหน้า "ผมพึ่งจะรู้มา ว่าระบบเอไอที่มีความคิดแบบมนุษย์นั้น ภายหลังนำมาใช้กับแอนดรอยอย่างพวกมิลด์แทน เพราะทรัพยากรสร้างแผงวงจรเอไอนั้นถูกรัฐบาลสงวน และควบคุมเอาไว้หลังจากที่โอเวอร์เดสและพวกหายไปจากโลกเมื่อ 64 ปีก่อน และพอโอเวอร์เดสกลับมาอีกใน 20 ปีต่อมา โรงงานผลิตแผงวงจรเอไอแห่งหนึ่งถูกยึดเพื่อนำมาใช้สร้างพวกแอตแลนไทซ์ขึ้นมานะครับ"
              "งั้นที่แรซัลก้ามีการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับผลิตแผงวงจรเอไอระดับสูงเข้ามานั้นก็คงเป็นความจริงสิน่ะ เพราะในช่วง 24 ปีก่อนนั้น แรซัลก้าผลิตครีซีแทนขึ้นมาเยอะเกิน เนื่องจากมีทรัพยากรจากที่อื่นมากเกินไปหน่อยน่ะ" วิลด้าบอก
              เมดิน่ากล่าว "นั้นคงทำให้แอตแลนไทซ์เหมือนกับพวกครีซีแทน ในส่วนที่เป็นแมนิเกเตอร์หุ่นยนต์ที่มีความนึกคิดแบบมนุษย์เลยสิคะ" แล้วก็บอก "โซลาร์ดและลูนาร์ดก็คงเป็นหุ่นตัวใหญ่ติดระบบเอไอสองตัวสุดท้าย ที่เหลือรอดจากการกวาดล้างของโอเวอร์เดสในช่วงยุคทองด้วย ซึ่งนั้นคงทำให้เราสู้ได้ลำบากแน่ๆ เลยละคะ"
              "แน่ละ หุ่นสองตัวนั้นฟัดกับบาร์คทรอนตัวโตๆที่มาเป็นสิบๆตัวได้อย่างง่ายดายกันนิน่า" เฮเรเค้นบอก
              ฟลาแน็กซ์กล่าว "เปล่าเลย อย่าลืมสิ ว่าพวกเราและพวกอาจารย์นั้น เวลาควบคุมโมบิลลอยด์มักจะมีพลังและความสามารถมากขึ้นใช่มั้ยละ" แล้วก็เอามือซ้ายจับตรงคางพร้อมกับพิจารณาไปว่า "แล้วถ้าพวกมนุษย์เลียนแบบพวกเรา ด้วยการให้มนุษย์ทำงานประสานกันกับหุ่นติดระบบเอไอ ที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถได้ทุกครั้งที่มีการต่อสู้ขึ้นมาละ นั้นก็เหมือนกับฟูลออเรสและเมดิน่าควบคุมเพรโทรแน็กซ์ติดที่มีระบบปัญญาประดิษฐ์กันนี้แหละ"
              "นายว่ามาก็มีส่วนถูกน่ะ เพราะ....อิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนเองถูกสร้างขึ้นด้วยเศษชิ้นส่วนของนักรบเพรโทรน็อกซ์ทั้งสองไว้ จึงทำให้มีคุณลักษณะเหมือนกันน่ะ" ฟูลออเรสกล่าว
              เบติสกล่าว "นายพลบราวน์เดคมีอาวุธในอดีตที่ทรงอำนาจไว้ในครอบครองเช่นนี้ เราคงต้องหลีกเลี่ยงให้มากแล้วน่ะ"

              วกกลับมายังฝั่งเทอร่าสควอดอนกันบ้าง
              "คราวนี้พวกเขาไปไกลกว่าเดิมแล้วสิครับ" บลูดัสท์บอก เพราะเห็นภาพแผนที่ยุโรปและแอฟริกา โดยตอนนี้พวกเอลีททเวลฟ์ฝั่งยุโรปเริ่มขยับออกห่างมากกว่าเดิม
              "คุณเฮลก้าลงใต้ไปสวิตเซอแลนด์ คุณโรนัลด์ข้ามไปไอส์แลนด์ คุณจูดิธตรงไปสเปน คุณเฮลก้าไปลิเบีย คุณทาริก้าไปเซเนกัล คุณนิโคล่าและคุณริโคน่าลงไปที่คาเมรูน เพราะพวกเขาแจ้งว่าพวกไทรเวเซอร์โยกย้ายจากจุดเดิมไปอยู่ที่นั้นเมื่อวาน เลยรีบตรงดิ่งไปอีกนะคะ" เยลโลว์ไลน์วิเคราะห์ทิศทางที่พวกจูดิธเคลื่อนไหวไป
              "ว่าแต่ เธอเช็คกับฐานทัพหกแห่งแรกมาแล้ว พบร่องรอยที่บ่งบอกว่าพวกไทรเวเซอร์มาหรือเปล่าละ" บราวน์เดคถาม
              ไวโอล่ากล่าว "ฉันเช็คแล้วคะ แต่พวกเขากลับไม่เจอร่องรอยดังกล่าวว่าพวกไทรเวเซอร์มาอยู่รอบๆนี้เลยนะคะ แม้ว่าเรดาห์จะจับสัญญาณของพวกเขาแล้วตรงไปยังตำแหน่งดังกล่าวก็ไม่พบอะไรอีก จนพวกเขาไม่ไปเช็คเลยและปิดเรดาห์ด้วยนะคะ"
              "ฉันกลัวว่าพวกเขาจะหลงกลอุบายซะมากกว่าน่ะ" บราวน์เดคถอนใจไว้ "ช่วยแจ้งให้พวกจูดิธที่มุ่งหน้าไปที่ฐานแห่งใหม่ ให้สั่งเหล่าทหารออกค้นหารอบทิศด้วยคำสั่งฉุกเฉินชั่วคราวเดียวนี้เลย"
              เรดดิลบอก "คิดว่า พวกเขาส่งหุ่นโดรนมาหลอกล่อพวกเราหรือเปล่าคะ"
              "เธอจะบอกว่า พวกเขาส่งโดรนติดระบบล่องหนแล้วควบคุมให้ดึงความสนใจของพวกทหาร ให้เรียกพวกคุณจูดิธไปให้ไกลแบบนี้เลยสิน่ะ" บลูดัสท์กล่าว เรดดิลพยักหน้า
              บราวน์เดคกล่าว "ฉันก็คิดเช่นนั้นน่ะ เพราะฉันเคยทราบข้อมูลมา ว่าพวกไทรเวเซอร์เคยบุกถึงถิ่นของพวกศัตรู เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องที่ถูกจับตัวโดยที่ไม่ถูกศัตรูเข้าดักจับไป....โอ้ว แย่ละ" แล้วก็สั่งการให้ "ไวโอล่า เช็คหาตำแหน่งยานรบของพวกไทรเวเซอร์กันเดียวนี้เลย เผื่อพวกนี้ส่งโดรนดึงพวกจูดิธออกไป แล้วนำยานไปรอจู่โจมฐานที่อื่นไว้น่ะ"

              แล้วฝั่งพวกไทรเวเซอร์ล่ะ วันต่อมาที่หุบเขาหอเมฆา
              "ข้าคงจะไม่ได้เจอกับพวกเจ้าอีกต่อไปแล้วน่ะ แม้ว่าพวกเจ้าอยากจะกลับมาเลยก็ตาม ข้ารู้ ว่าคนบนโลกคงไม่ต้องการพวกเจ้ากันแน่นอนน่ะ" เฟยหลงกล่าว "ข้าจึงหวังว่าพวกเจ้าจะพาเหล่าพี่น้องของลูชิลี่ที่ลงเขาไปแล้ว รวมถึงกลุ่มที่อยู่บนเกาะลับนั้นไปจากโลกนี้ได้บ้างน่ะ"
              พีวิลพยักหน้า "วางใจได้เลยน่ะครับ ท่านปรมาจารย์เฟยหลง พวกเราจะบอกกับพวกเขาเองนะครับ"
              "ท่านเองก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ" เจเนลกล่าว
              เฟยหลงบอก "ข้าอาจจะอยู่ได้อีกหลายสิบปีหรือหลายร้อยปีกันก็ตาม แต่....ไม่ช้าก็เร็ว ข้าอาจไม่ได้อยู่ตรงนี้ และมีผู้อื่นมาดูแลสำนักแห่งนี้ต่อ สอนสั่งเหล่าศิษย์ที่ได้รับเลือกกันไว้ต่อไป หรือไม่ก็รื้อทุกอย่างที่ข้ารักษาไว้ให้หายสูญไปอย่างถาวรกันด้วยน่ะ" แล้วก็บอก "ขอแค่มีผู้สืบทอดเคล็ดวิชาการต่อสู้ต่อ แม้จะอยู่ห่างไกลแสนไกลมากก็ตาม ข้าไม่หวังอะไรมากอีกแล้วละ"
              "เรื่องราวของท่านนั้น พวกเราจะถ่ายทอดให้กับชนรุ่นหลังที่อยู่แดนไกลให้เองนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมบอก "ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะจากท่านไว้ แม้จะไม่ได้อยู่นานเลยก็ตาม อย่างน้อยก็เพื่อให้ท่านกับพวกอยู่อย่างปลอดภัยบ้างนะครับ"
              "ศิษย์ขออำลาท่านอาจารย์เลยนะคะ" ลิ่วเซียงบอก
              ลูชิลี่กล่าว "พวกหนูจะพาพวกพี่น้องไปอยู่กับเจ้ทินเหมาลีไว้ ท่านเองก็ขอให้อายุยืนด้วยนะคะ"
              "ข้าดีใจมากที่ได้สอนสั่งพวกเธออีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าข้าจะสอนพวกเธอได้ไม่เต็มที่ เพื่อให้พวกเธอต่อยอดวิชาของข้าได้เองเลยก็ตาม ข้าขอให้พวกเธอโชคดีแล้วกันน่ะ" เฟยหลงอวยพร แล้วก็มอบสร้อยตรามังกรทองไว้ให้ทั้งสอง "รักษาตัวไว้ด้วยละ" ลิ่วเซียงและลูชิลี่พยักหน้า แล้วทั้งสองก็ตามพวกไทรเวเซอร์ลงจากเขาไป แม้จะลงไปเพียงครึ่งทางเลยก็ตาม
              "กวี้กกกก กวี้กกกก กวี้กกก กวี้กกก กวี้กกกก กวี้กกกกก" อาคาชิค ไทฟูลและนกยักษ์ก็บินมา
              "ว้าว คุณนกขาว นี้คุณมารับพวกเราเลยหรือ" ลูชิลี่กล่าวต่ออาคาชิคที่บินมา
              "เข้าใจแล้วละ อาคาชิคบินไปรับพวกเธอจากเกาะมาส่งที่หุบเขาเลยสิน่ะ" สเปียริทบอก "แต่ พวกมันควรจะอยู่ในป่าเพื่อรอเรามิใช่หรือไงน่ะ"
              อาคาชิคส่งเสียง "กวี้กก กวี้กๆๆๆ กี้กๆๆๆๆ แกว็กๆๆๆๆ"
              ไซโคลเนียฟังที่อาคาชิคพูดก็กล่าว "พวกมันรอในป่าไม่ได้นะสิ เพราะว่าพวกมันรับรู้จิตสังหารที่หลบซ่อนอยู่ในป่าได้ ถึงสองจุดด้วยกันน่ะ"
              "กี้กๆๆๆๆ" อาคาชิคพยักหน้า และยื่นหัวมายังแอบไบออส
              "ฉันพอรู้แล้วละ ว่าตัวอะไรอยู่ในป่านี้น่ะ" แอบไบออสกล่าวเพราะอนุมานบางอย่างได้
               ลิ่วเซียงกล่าว "คุณคงไม่ได้บอกว่า มีพวกพ้องของคุณโผล่มาที่ป่านี้น่ะ"
              "ตอนนี้เราคงต้องอธิบายกันในระหว่างบินกลับไปสมทบกับพวกบริคซ์ดีกว่าน่ะ" คลอเวฟบอก แล้วอาคาชิคกับเหล่านกยักษ์ก็พาพวกเมนซิกส์ทีน รวมถึงลิ่วเซียงและลูชิลี่ออกจากเขาแล้วพาบินตรงดิ่งไปยังหุบเขาในมองโกเลียโดยเร็ว
              "ชิ ไอ้พวกนกยักษ์บ้า พวกมันไม่น่าไหวตัวทันเลยวะ" ตัวอันตรายที่หลบอยู่ในป่าตีนเขาสบถขึ้น โดยที่มันมีพวกมาด้วยอีกตนหนึ่ง
             
              "เฮ้ มีวัตถุบางอย่างตรงมาหาเราจากฟากฟ้าแล้วละ" เบย์แลคบอก เมื่อเขาเห็นบางอย่างบินเข้ามาตั้ง 6 จุดด้วยกัน
              รอสซายกล่าว "ฝูงบินของพวกสหพันธ์โลกใหม่อีกละสิ"
              "ไม่น่ะ วัตถุนั้นมันเหมือนนก แต่ตัวมัน....เออ...." เบย์แลคกล่าว
              แบร็อคโวยลั่น "พวกอาจารย์กลับมากันแล้วนะสิ รีบจุดไฟโดยเร็วเลย" แล้วทั้งหมดรีบไปเอาพลุมา แต่โดนบริคซ์กับลูกเรือเบรคไว้ก่อน เพราะพวกเขาจะใช้ตะบองเรืองแสงนำทางให้
              "กวี้กกกกก" อาคาชิคร้องขึ้นโดยที่มันบินโฉบลงมาตรงพื้นดาดฟ้า พร้อมกับนกอีกห้าตัวด้วยกัน ซึ่งพวกเฮเรเค้นและบริคซ์รีบวิ่งหลบโดยเร็ว "เกือบโดนนกพุ่งเสยให้แล้วมั้ยละ" บริคซ์บอก แล้วก็กล่าว "นึกว่าพวกนายจะขึ้นเขาไปแล้วไม่กลับมาเสียอีกน่ะ"
               คลอเวฟบอก "แต่อย่างน้อย ฉันก็รีบกลับมาให้แน่ใจว่ายานรบของพวกเรายังอยู่ดีหรือเปล่าน่ะ"
              "อาจารย์และคุณครูปลอดภัยดีนะคะ" ดิเรนท์กล่าว แอนเดรียพยักหน้า
              มาสวาร์ทาร์บอก "พวกเธอคงจะรอพวกเรามานานสิน่ะ ตอนนี้พวกเรากลับมากันแล้วละ"
              "ว้าวววววว นี้คงเป็นยานอวกาศของพวกคุณสิน่ะเนี้ย" ลิ่วเซียงกล่าวอย่างทึ่งๆ 
              ลูชิลี่บอก "นั้นคงจะเป็นลูกน้องของพวกนายด้วยสิน่า แต่ทำไมตาดำๆกันละเนี้ย"
              "เออ ว่าแต่ สองตนนี้ คงจะไม่ใช่....." ไรแกทบอก
              สเตฟอร์ดกล่าว "ลิ่วเซียงและลูชิลี่ เป็นพี่น้องของพวกบรอนเซอรูทนะสิ ซึ่งเราเจอพวกเธออยู่บนยอดเขาหอเมฆากันนะสิ"
              "เกรงว่าเราคงต้องทำความรู้จักกันในยานสักหน่อยน่ะ เพราะเราอยู่ข้างนอกคงไม่ดีแน่ๆน่ะ" สเปียริทออกความเห็น
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "และเราต้องรีบออกตามหาพี่น้องที่เหลือทั้งหกกันด้วยน่ะ" แล้วก็บอก "ลิ่วเซียง ลูชิลี่ ช่วยให้ความร่วมมือกับพวกเราในการตามหาพี่น้องที่เหลือไว้ด้วยละ"

              หลังจากนั้น เขตร้านอาหารแห่งหนึ่งในปักกิ่ง จีนแผ่นดินใหญ่ ร้านอาหารคังซิม 1 ใน 20 ร้านอาหารจีนชื่อดังในช่วงเวลานี้
              "น่าหงุดหงิดจริงๆเลย" ชายผมสีแดงเข้มหน้าคมในชุดผู้ช่วยพ่อครัวสบถพร้อมกับเดินออกมาหลังร้าน พร้อมกับหยิบบุหรี่ออกมา "พึบ" โดยใช้ปลายนิ้วจุดไฟเพื่อสูบ "หือ" ชายผู้นั้นเห็นบางอย่างเลยรีบหยิบไม้กวาดที่อยู่ใกล้มา "ฟึ่บบบบ กึก" ซึ่งโดนชายสวมหมวกและชุดเสื้อผ้าสีคล้ำ มากับหญิงสองคนที่สวมชุดสีมอเหมือนกัน
              "ไอ้พวกกุ๊ย กล้ามาหาเรื่องกับฉัน ทินเกาซีเลยหรือ ดีเลย เพราะฉันหงุดหงิดอยู่พอดี" แล้วก็ "ฟึ่บๆๆๆๆๆ" ใช้ไม้กวาดฟาดใส่ชายหนุ่มอย่างหนักหน่วง "หวับบ ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก" ซึ่งชายหนุ่มใช้ฝ่ามือปัดหัวไม้กวาดที่ฟาดเข้ามาได้ทุกดอก "ฮึย ฮา" ชายผมแดงยั้วะเลยกำด้ามไม้กวาดจนหัวไม้ลุกโชนแล้วก็ "ฟึ่บบบ ซูมมมม" ฟาดให้เกิดคลื่นวงล้อเพลิง "หึ" ชายหนุ่มยิ้มแล้วก็ "ฟึ่บบบ" กำหมัดจนเพลิงสีน้ำเงินลุกโชนและ "ฮา" เสยหมัดชกใส่วงล้อเพลิงให้มอดไหม้ไปในทันที โดยไม่ทำให้รอบด้านมีไฟลุกตามด้วย
              "นึกแล้วเชียว ถึงจะเป็นแฝดของทินเหมาลี และมีฝีมือกับพลังเหมือนกัน แต่ก็มีนิสัยต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยน่ะ"
              "นายชกด้วยหมัดติดเพลิงสีน้ำเงินนะหรือ....นายคือสหายของพวกเฮียบรอนเซอใช่มั้ยละ" ทินเกาซีบอกและหันมายังหญิงผิวเข้มแล้วก็ "เจ้ลิ่ว นี้เจ้ลงจากเขาแล้วหรือ" ทินเกาซีเอ่ยต่อหญิงสวมหมวก ซึ่งเลิกหมวกให้เห็นหน้าขึ้นมา
              "นายยังอารมณ์ร้อนเหมือนเช่นเคยเลยน่ะ เกาซี ไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมนาย ถึงไม่ได้เป็นพ่อครัวเลยน่ะ"
              "เจ้ลิ่วก็น่าจะรู้ดีแล้วนิน่า" ทินเกาซีบอก แล้วก็กุมมือทำความเคารพ "ทินเกาซี น้องคนรองของเจ้ลิ่ว ทำความเคารพต่อ ศิษย์พี่พีวิลแล้วก็...." พีวิลกุมมือรับการเคารพ
              โดยที่หญิงผิวเข้มเผยหมวกมา "ศิษย์พี่สเปียริท มิตรของทินเหมาลีก็มาด้วยน่ะ"
              "ศิษย์พี่หญิงดูคล่ำกว่าที่คิดไว้เสียอีกน่ะ ว่าแต่ พวกท่านจะพาผมไปจากนี้เลยสิน่ะ" ทินเกาซีบอก
               พีวิลกล่าว "ว่าแต่ ทำไมนายถึงมาอยู่ในร้านอาหารนี้ได้ละ"
              "เกาซี นายคงมาทำงานในร้านอาหารเพื่อหาเงินเก็บไปขึ้นยานอวกาศที่เสาสูงละสิน่ะ" ลิ่วเซียงกล่าวถึงเสาลิพท์วงโคจรที่อยู่ระหว่างจีนและรัสเซีย
              ทินเกาซีพยักหน้า "หลังจากที่ผมลงเขา ผมก็ได้ไปทำงานในร้านอาหารจีนที่อยู่ชานเมืองปักกิ่ง แม้ว่าจะไม่ทำเงินเยอะ แต่เถ้าแก่และคนในร้านต่างเป็นกันเองมาก โดยที่ผมอยู่ทำงานในร้านมาตลอด 2 ปีด้วยกัน" แล้วก็หยิบบุหรี่มาเพื่อสูบ แต่โดนลิ่วเซียงมาหยิบออกและโยนทิ้งเสียก่อน จนทินเกาซีพูดต่อ "จนกระทั่งมีไอ้พวกแก็งค์อั้งยี่ในเมือง เข้ามาทำร้ายทุกคนในร้านไม่ว่า พวกมันใช้เงินซื้อกิจการแล้วขายทิ้งไป แถมยังบีบบังคับให้พวกเราบางคนไปทำงานในร้านนี้ด้วย ผมเองก็ต้องไปแทนลูกสาวเถ้าแก่ที่กลัวเกรงพวกมัน แล้วถูกคนในร้านที่เป็นคนของแก็งค์กลั้นแกล้งให้ทำงานผู้ช่วยพ่อครัว ขนาดมีคนพยายามแสดงฝีมือ ก็โดนไอ้พ่อครัวและเจ้าของร้านสวมรอยแย่งผลงานไปเสียได้น่ะ"  
              "นั้นบ่งบอกว่านายหงุดหงิดตอนออกมาเลยสิน่ะ" พีวิลบอก "แล้วเพื่อนนายที่อยู่ในร้านละ"
              ทินเกาซีบอก "ไปนอนโรงพยาบาลกันหมดแล้วละ เพราะว่าโดนคนในแก็งค์ที่คุมร้านกระทืบจนสาหัส บางรายมือหักถึงขั้นทำกับข้าวไม่ได้เลยไม่ว่า พ่อครัวในร้านกับลูกเองก็ไปล่องเรือสำราญทีคาบสมุทรอินโดจีน ปล่อยให้ผมทำงานในครัวเพียงลำพังเลยน่ะ"
              "อย่าห่วงไปเลย เกาซี ถึงเวลาที่พวกนั้นจะรู้ฤทธิ์เสียทีแล้วละ" สเปียริทกล่าว
              โดยอั้งยี่ในร้านเดินเข้าไปในครัว "ไอ้เบื้อกนั้นคงได้ไปอู้ในห้องดับจิตกันแล้วละมั่ง" เพื่อตามหาทินเกาซี แต่ "วาช้ากกกก" ทินเกาซีพุ่งถีบอั้งยี่คนนั้นจน "โครมมมมมม" ตัวอัดกับตู้เย็นไปเต็มๆ จนพวกอั้งยี่ในร้านได้ยิน เลยรีบบุกเข้ามา
              "เฮ้ย นี้แก ทำอะไรกันแน่วะ" อั้งยี่ร่างท้วมเห็นพวกพ้องโดนเล่นงานเลยชักปืนมา "ซูมมมมมม ฟ้าววว เปรี้ยงงง" ทินเกาซีเลยซัดคลื่นเพลิงจากเตาแก็สพุ่งเข้าเผาใส่อั้งยี่ร่างท้วมไป จนอีกรายรีบไปคว้าเอาถังดับเพลิงมา "อาจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ลิ่วเซียงพุ่งเข้ามารั่วถีบจักรยานอัดใส่อั้งยี่ตนที่สามไปเต็มๆ "วาช้ากกกกกก" ทินเกาซีพุ่งเข้ามาจิกหน้าอั้งยี่ร่างอ้วนให้ตัวลอยเหนือพื้นพร้อมกับ "ฟ้าวววววว โครมมมม เปรี้ยงงงง" เขวี้ยงทะลุกำแพงไปพังโต๊ะจีนในห้องจัดเลี้ยงจนคนในร้านแตกตื่นไปกันใหญ่ พวกอั้งยี่ที่อยู่ข้างบนเลยรีบลงมา "ฟ้าวววว ป้ากกก ฟ้าววว เปรี้ยงงง ฟ้าวววว พลั้วก ฟ้าววววว หมับบบบ หวับบบ เพล้งงงง" พีวิลพุ่งด้วยความเร็วสูงต่อยใส่อั้งยี่คนแรกจนจุก จากนั้นพุ่งมาถีบเข้ากลางหลังคนที่สอง ต่อด้วยพุ่งมาตะบันหน้าอั้งยี่คนที่สามจนหน้าบุบคาหมัดแบบปกติค แล้วก็จิกหัวอั้งยี่คนที่สี่ทะลุกระจกร้านไปข้างนอก "ฮึยยยย" พวกอั้งยี่ที่เหลือรีบทุบตู้กระจกใกล้ๆ เพื่อเอาปืนกลจีนแดงมา "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงใส่ "หวับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทควงพลองปัดกระสุนให้กระเด็นขึ้นไปทะลุเพดาน ผนังและย้อนศรกลับตัวผู้ยิงไป "เฮ้ยยยย" หัวหน้ากลุ่มอั้งยี่เห็นเลยรีบบุกมาด้วยกระบี่เลเซอร์ในมือ "เฮ้ยยยยย" ทินเกาซีคว้าไม้ม็อบที่ลุกโชนเป็นไฟเข้า "เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง" ฟาดใส่หัวหน้าอั้งยี่จนได้แผลไหม้ระดับ 4 เป็นรูปกากบาทบนหน้าอกไป ซึ่งทำให้เหล่าลูกค้าในร้านเกิดความหวาดกลัวไป
              "ถ้าพวกคุณอยากจะชดใช้ความเสียหายละก็ ไปเก็บเอาได้ที่เถ้าแก่ใหญ่ที่คุมร้านนี้ ที่เรือสำราญต้าตงไห่" ทินเกาซีกล่าวและโค้งคำนับต่อลูกค้าไว้ จากนั้นตนก็รีบไปกับพวกพีวิลโดยเร็ว แล้วก็.... "โว้ววววว เหวออออ เจี้ยกกกกก อ้าคคคคคคคคคค" อีกสี่ร้านที่มีเจ้าของเดียวกันก็โดนถล่มยับอีก
              "พอใจแล้วสิน่ะ เกาซี ที่ได้ช่วยเพื่อนร่วมงานในร้านเดิมไว้น่ะ" ลิ่วเซียงบอก
              "ผมคงทำสำเร็จไม่ได้ หากไม่ได้เจ้แล้วก็ศิษย์พี่ทั้งสองด้วยนะครับ" ทินเกาซีกล่าว
              พีวิลบอก "ถ้าเช่นนั้น เรารีบออกจากนี้กันดีกว่า เพราะการก่อเรื่องของพวกเรา ได้ทำให้ตำรวจในปักกิ่้งไหวตัวแล้วละ"

              อีกด้านหนึ่ง ที่เซียงไฮ้ ในเขตชุมชนตึกแถวสามมุม ซึ่งเป็นถิ่นของพวกอั้งยี่ระดับเป้งอย่าง แก็งค์เก๋อซิ่ง โดยพวกอั้งยี่เหล่านี้ใช้เคียวคมสั้นด้ามยาวเป็นอาวุธ เข้าเล่นงานชายผมยาวในชุดสีดำ และหญิงหัวพังค์ในชุดสีขาวด้วย "เฮ้ยยยย" อั้งยี่หวดเก้อเข้าใส่หญิงชุดขาว "หวับบบ ฟึ่บบบบบ หวับบบบ" ซึ่งรีบก้มหลบและเสยแขนซ้ายขึ้นพร้อมกับตวัดขาเตะใส่จน "ฉับบบบ ฉูดดดดดดดด" หัวเก๋อขาดออกพร้อมกับหน้าแข้งอั้งยี่เลือดสาดลง "หมับบบ ฉึกกก ป้ากกก" หญิงหัวพังค์คว้าหัวเก๋อมาปักตรงบ่าขวาของอั้งยี่และถีบเข้าที่หน้าให้ล้ม
              "ว้ากกก ย้ากกกกก เฮ้ยยยย" พวกเก๋อซิ่งอีก 3 คนบุกเข้ามา "ฟึ่บบบบ" ชายผมยาวสีดำและชุดเสื้อแขนกุดกางเกงขายาวสีดำกระโดด พร้อมกับใช้แขนสองข้างเลื้อยรอบเก๋อของอั้งยี่ทั้งสองที่บุกมาด้านข้าง และใช้เท้าหนีบหัวอั้งยี่คนที่สามไว้
              "ไอ้บ้านิ แขนมันไร้กระดูกหรือวะ" อั้งยี่คนที่อยู่ข้างซ้ายกล่าว ไม่ทันไรก็ "ฮา" ชายหนุ่มสบัดแขนสองข้างหักหัวเก๋อทั้งสองกระจุยพร้อมกับ "หวับๆๆๆๆๆๆ" บิดตัวเองและขาจนเป็นเกรียว แล้วก็ "ฟึ่บๆๆๆๆ หวับๆๆๆๆ โครม" คลายตัวจนบิดหัวอั้งยี่ที่อยู่ตรงหน้าให้หัวทิ้มปักพื้นลงไป
              "พวกแกคิดว่าจะสู้กับพวกเราไม่ให้คุกคามเมืองละก็ คิดผิดแล้วละ เพราะว่าแก็งค์ของเรานั้น ได้รับการสนับสนุนจากคนของรัฐบาลจีนแล้ว พวกแกสองตัวทำอะไรเราไม่ได้หรอก" อาซินตง หัวหน้าแก็งค์กล่าว
              "มึงคิดว่ามึงจะสานต่อแก็งค์ขวานซิ่ง กระบี่ซิ่ง ดาบซิ่ง หอกซิ่ง ง้าวซิ่ง ตะบองซิ่ง แล้วก็พิญซิ่ง ที่พ่ายแพ้ให้กับจอมยุทธ์กันนะหรือ คิดผิดแล้วโว้ย ไอ้พวกบ้า" ชายผมยาวบอก
              หญิงหัวพังค์บอก "ต่อให้พวกแกยึดตรอกเล้าหมีมาได้ นึกหรือ ว่าเราจะให้แกก่อความเดือดร้อนให้กับเซียงไฮ้ เพื่อแข่งกับติ่งเลี่ยมผู้ยิ่งใหญ่ไปได้น่ะ"
              "ติ่งเลี่ยมเป็นอดีตและตำนานที่ถูกลืมแล้ว ถึงเวลาที่เก๋อซิ่งจะยิ่งใหญ่เป็นที่หนึ่งในแผ่นดินจีน......" อาซินตงบอก แต่.... "เจี้ยกกกกกกก" ตนกลับร้องลั่นขึ้น เพราะมีลูกน้องในแก็งค์ ทิ้มเข้ารูทวารไป
              "เฮ้ย หยุดไอ้บ้านั้นเร็ว มันสวมรอยเป็นอั้วะอยู่น่ะ" ลูกน้องตัวจริงมาถึงในสภาพสวมบ็อกเซอร์ไว้ เด็กแก็งค์ตัวปลอมเลยกระโดดลงมาพร้อมกับสบัดชุดออก
              "ฉันมาช่วยแล้วละ เลนแชทต้า กริมบลัค" ซึ่งก็คือลูชิลี่ปลอมตัวมา
              "เจ้ลู นี้เจ้ตามพวกเรามาเลยหรือ" หญิงหัวพังค์นามเลนแชทต้ากล่าว ชายผมดำนามกริมบลัคบอก "แต่ถึงเจ้จะมาช่วย ก็คงเอาพวกนี้ไม่อยู่หรอกน่ะ ต่อให้เจ้....เล่นหัวหน้าใหญ่ไปเลยก็ตาม" เพราะเขาเห็นอาซินตงอยู่ในท่าอ้าปากค้างแบบถาวรไปแล้ว เนื่องจากว่าลูชิลี่จี้จุดตรงรูทวารแบบรุนแรงจนทำให้เป็นอัมพาตยาวกัน
              "อย่าห่วงไปเลย เพราะว่าฉันพาคนที่ล้มได้ทั้งแก็งค์มาช่วยแล้วน่ะ" ลูชิลี่กล่าว โดยตอนนี้ โฟรซ่า ลิเนียร์ตี้และไซโคลเนียเดินมาแล้ว
              "พวกแกคิดว่าจะเอาสวยประหารมาสู้กับแก็งค์เก๋อซิ่งได้หรือ ช่างไม่เจียมแบบนี้ พวกเรา ฆ่ามัน....." ลูกน้องแก็งค์เก๋อซิ่งโวยลั่น แล้วพาพวกทั้งหมดแห่มา กว่าพวกเขาจะรู้ว่ากำลังเล่นกับใคร ทุกอย่างก็.... "เหวอออ อุว้ากกกก อ้ากกกกกก เอี้ยยยยยย เจี้ยกกกกกก แอ้ววววววววววว อาม้าาาาาาาาาาาา อาโก้งงงงงงงงงงงงงงงงงงง อาเฮียยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อาเจ็บบบบบบบบบบบ" สายไปแล้วเมื่อทุกคนในแก็งค์เก๋อซิ่งร้องลั่นไปทั่วชุมชนในเซียงไฮ้ ล้มลงมากองตรงลานรอบชุมชนในสภาพที่แขนขาขาด บางรายถูกจับทะลุหน้าต่าง ประตู ผนัง เพดาน อัดกับเครื่องสูบน้ำ ทะลุหลังคาและเสากันยกใหญ่
              "สมแล้วที่เป็นสหายของพวกอาเฮียเลอแชนที่คมกริบเช่นนี้น่ะ" เลนแชทต้าบอก
              โฟรซ่ากล่าว "แก็งค์อั้งยี่ซิ่งที่เซียงไฮ้นั้น ต่อให้ฟอร์มแก็งค์กี่สิบเที่ยว ยังไงก็สู้แมนิเกเตอร์ผ่านศึกมาเยอะไม่ได้หรอกน่ะ"
              "แต่ถึงจะปราบแก็งค์นี้ได้จริง แก็งค์ที่ใหญ่กว่าในไต้หวั่นนั้น อาจจะมาแทนก็เป็นได้น่า" กริมบลัคบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "วางใจได้ เพราะเพื่อนเราไปจัดการให้แล้วละ"

              ที่คฤหาสน์แห่งหนึ่งในไต้หวั่น อันเป็นที่ตั้งของแก็งค์ตั้งโต๊ะเกี่ยม แก็งค์มาเฟียจีนที่ใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดในเวลานี้
              "หวังว่าแก็งค์เก๋อซิ่งคงจะจัดการยึดเซียงไฮ้กันได้แล้ว....." หัวหน้าแก็งค์กล่าวโดยนั่งบนโซฟาในห้องโถง แต่ "เพล้งงงงง เพล้งงงง เพล้งงงง เพล้งงงง เพล้งงงงงง โครมมม โครมมม โครมมม โครมมมม" ลูกสมุนในแก็งค์กระเด็นทะลุกระจกกันยกใหญ่ มีบางรายที่พุ่งกระแทกกับรูปปั้นนางฟ้า หงส์ มังกรเลื้อยเสาหน้าบ้าน และรูปปั้นจตุเทพที่อยู่รอบน้ำพุจนพังไปด้วย "ปังงงงงง" ประตูหลักถูกถีบออก โดยเนคมาดูซัม สเตฟอร์ด คลอเวฟ รอสซาย มิลเลย์ และเบย์แลคในคราบมนุษย์                "โอ้ว แผ่นดินใหญ่ส่งหน่วยพิเศษมากวาดล้างเรานะหรือ โง่เง่าสิ้นดี พวกเรา แก็งค์ตั้งโต๊ะเกี่ยมนั้น มีอาวุธอันทันสมัยที่ได้จากกองทัพสหพันธ์โลกใหม่มาแล้ว พวกเราไม่กลัวพวกแกกันได้หรอก" หัวหน้าแก็งค์บอก โดยเหล่าสมาชิกในแก็งค์มีปืนเลเซอร์ไรเฟิ่ลและสวมเกราะป้องกันแบบเต็มตัวกันทั้งนั้น
               คลอเวฟบอก "ถ้าคิดว่าเราเป็นคนจากทางการจีนส่งมาปราบพวกแกละก็ พวกแกคิดผิดถนัดเลยวะ"
              "ต่อให้พวกนายมีอาวุธเป็นปืนเลเซอร์ที่ยิงทะลุเกราะทำด้วยไทแทเนี่ยมได้จริง เกรงว่าพวกนายคงเหนี่ยวไกไม่ทันหรอก" สเตฟอร์ดกล่าวพร้อมกับ "ฟึ่บๆๆๆๆ ฟึ่บ" หยิบแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์ออกมา คลอเวฟ มิลเลย์ เบย์แลคก็งัดแรปิดเดเตอร์พันนิชเชอร์ ในขณะที่รอสซายและเนคมาดูซัมเอาอาวุธประจำตัวออกมา "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" บรรเลงเสียงกระสุนตะกั่วโครเมี่ยมดังจากคฤหาสน์ของแก็งค์ตั้งโต๊ะเกี๋ยมให้ทั่วเกาะไต้หวั่นกัน
               "บอกตรงๆน่ะ ว่าพวกนายวอนหาเรื่องกับกองกำลังไทรเวเซอร์จากฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ไปแล้วละ" เนคมาดูซัมกล่าว พร้อมกับพาพวกเดินออกจากคฤหาสน์ไป
              โดยที่หัวหน้าแก็งค์ แม้ไม่ถูกยิง แต่ก็ "อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก" กลัวจนร้องลั่นเสียงดัง เมื่ออยู่ท่ามกลางลูกน้องที่โดนกระหน่ำยิงและคฤหาสน์ที่พรุนยับไปทั่ว

              ที่ฮ่องกง ตึกแถวที่เป็นซ่องหอนางโลม
              "อยู่นิ่งๆหน่อยสิจ๊ะ แม่หนู" ตาแก่หื่นกามพยายามไล่จับหญิงไว้ผมปรกสีดำ ซึ่งรีบหนีไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว จนตาแก่รีบนำเครื่องช็อตมา "อู้วววว" แต่ตาแก่กลับทำปากจู่ เนื่องจากเธอจู่โจมเข้าเป้าหว่างขามาอย่างรวดเร็ว
              "ถ้าคิดจะจับฉัน ฟงอี้ ละก็ เร็วไปหลายปีละ..." เธอกล่าวแล้วรีบหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้า และวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไว้ "โครมมมม โครมมมม โครมมมม โครมมม โครมมมม ป้ากกก โครมมมมม" ฟงอี้ได้ฟังเสียงจากข้างนอกเลยรีบเปิดประตูและเดินไปชั้นล่าง "โครมมมมม" ชายฉกรรจ์ตัวโตโดนจายด์ในคราบมนุษย์จับกระแทกผนังจนทะลุ ชายคุมซ่องตัวโตพยายามยกโต๊ะมาฟาดใส่จายด์ "ฟ้าวววว เปรี้ยงงงงง" เจเนลพุ่งเข้าถีบใส่จนโต๊ะไม้กระจุยพร้อมฝ่าเท้าอัดหน้าชายตัวโตจนล้ม ชายร่างผอมบุกเข้ามาคว้าตัวจิล "แว้งงงง" เธอหายตัวไปอยู่ข้างหลัง แล้วก็ "ฟึ่บบบบ ฟ้าววววว โป้งงงง" คว้าเอาถังน้ำดื่มโยนด้วยพลังจิตไปอัดใส่ชายร่างผอมเข้าหลังหัวไปเต็มๆ หญิงแม่เล้าเห็นเลยรีบบุกไปคว้าโทรศัพท์ "ฟึ่บบบ" ฟงอี้โผล่มาพร้อมกับ "ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" รั่วต่อยเข้าท้อง ท้องน้อยแบบรั่วต่อเนื่องพร้อมกับ "โปร้งงงงง" ฟาดฝ่ามืออัดหน้าหญิงแม่เล้าจนดั้งจมูกหักและล้มคว่ำกับพื้นไป ซึ่งเธอเลือดออกจมูกและตาอย่างจังๆ
              "ถ้าให้เดาน่ะ อาจารย์ให้พวกนายทั้งสามมาตามฉันกลับไปสิน่ะ" ฟงอี้กล่าว
              "เธอคงจะเป็นน้องฝาแฝดของเซเทธใช่มั้ยละ ทำไมถึงมาลงเอยในที่แบบนี้ล่ะ" จิลถาม
              ฟงอี้บอก "ฉันแค่มาช่วยเหลือเพื่อนในหมู่บ้านที่ถูกคนเหล่านี้จับขายซ่องแห่งนี้นะสิ และรู้ด้วยว่า ซ่องนี้ใครคุมด้วย" แล้วก็กล่าว "เพียงแต่ ตัวเจ้าของแก็งค์หลิวดำดันผ่าเป็นลูกชายเส้นใหญ่ ซึ่งอาศัยอยู่ในตึกสูงที่อยู่ตรงโน่น และคงมีคนคุ้มกันเพียบ ซึ่งต่อให้ฉันไวกว่า คงไม่รอดแน่ๆ"
              "วางใจได้น่ะ น้องของเซเทธ เพราะพวกเราพร้อมจะเคลียร์เรื่องนี้ให้เองแหละ" จายด์บอก
              ฟงอี้กล่าว "ฉันชื่อฟงอี้น่ะ เจเนไซด์ทีม หวังว่านายคงจะมีเพื่อนมาอีก 10 กว่ารายเลยน่ะ"
              "3-4 รายก็เหลือเหล่แล้วละ" เจเนลบอก แล้วเจเนไซด์ทีม แคร์เรี่ยน พลัสเชอริท แอบไบออส ฟิเกซ มากับฟงอี้ เดินเข้าไปในโบตั่นทาวเวอร์ อันเป็นที่ตั้งของแก็งค์หลิวดำ ซึ่งมีมาเฟียสวมเกราะและอาวุธไฮเทคกัน แน่นอนว่า "เปรี้ยงงงงง" สมุนแก็งค์พุ่งกระแทกประตูห้องสวีท ซึ่งตัวลูกชายที่กำลังดูหนังโป๊บนจอกว้างระดับ 64:16 ถึงกับตกใจขึ้นมา
              "กล้ามากเลยน่ะ ที่บุกมาถึงนี้ แต่เสียใจด้วย เพราะฉันมีชุดเกราะต้าลิโป้อยู่น่ะ" ลูกชายตัวแสบทำการสวมเกราะรบขนาดใหญ่คล้ายนักรบจีนมาพร้อมกับง้าววงเดือนสองเสี้ยว บุกเข้าใส่พวกเจเนลกัน "ป้าก โครม เปรี้ยง โครมๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆ ฉั้วะ ฉับๆๆ เปรี้ยงงง หวืออออออ โครมมมมมมม" ซึ่งการต่อสู้บนห้องสวีทจบลงด้วยความปราชัยของลูกชายตัวแสบที่ร่วงกระแทกพื้น ในชุดเกราะกับสภาพที่โดนอัดยับแน่นิ่งไป ส่วนพวกเจเนลล่าถอยไปจากที่เกิดเหตุด้วยนกยักษ์แล้ว

              ในสนามประลองผิดกฎหมายที่คุนหมิง หญิงตัวโตผิวลายหินผาสีดำในชุดแข่งสีน้ำเงินเข้มนั่งพัก โดยเธอสู้กับคู่แข่งหญิงตัวโตและกล้ามโตกว่า
              "สู้ให้เต็มที่ไปเลยสิ ทอฟเฟล่า" พี่เลี้ยงกล่าวกับหญิงตัวโต ซึ่งเธอตอบไปว่า
              "อาเจ้ เจ้ลงมาช่วยหนูนะหรือ" โดยเธอเห็นลิ่วเซียง มาสวาร์ทาร์มากับแอนเดรีย "แต่ หนูต้องแพ้ในยกนี้ ไม่เช่นนั้น พวกชาวบ้านจะถูกแก็งค์บนโน่นยิงเอา....แถม"
              "วางใจได้ คนในหมู่บ้านที่เธอช่วยไว้ ได้รับการช่วยเหลือแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก โดยนำแพดฉายภาพที่พวกเฮเรเค้นและไกซ์ไปถล่มพวกแก็งค์มาเฟียเกาหลีที่คุมหมู่บ้านในเสฉวนจนราบคาบแล้ว แอนเดรียบอก "พวกเราเป็นเพื่อนของคุณทอฟคานิค ดังนั้น ถ้าคุณไม่เชื่อพวกเรา ก็ควรจะเชื่อในตัวคุณทอฟคานิคกันบ้างนะคะ" หญิงตัวโตพยักหน้า แล้วก็ "ก้องงงง" เสียงระฆังดังขึ้น คู่ต่อสู้หญิงตัวโตเลยบุกเข้ามา "ป้ากกกก" ทอฟเฟล่าพุ่งศอกใส่พุงของคู่ต่อสู้หญิงตัวโตจนจุก จากนั้นก็ "ป้ากกกกก" คว้าจับตัวคู่ต่อสู้กระแทกกับเสาเหล็กจนบุบ "หมับ กร็อบบบบ" แม้คู่ต่อสู้หญิงเสยหมัดชก แต่ถูกทอฟเฟล่าล็อกแขนและจับบิดหักกระดูกแขนงอลง "ฟึ่บบบบ หมับบบ กร็อบบบบ" จากนั้นก็จับทุ่มหักหลังแบบอาเจนติน่า แล้วก็ "ป้ากกกก" จับหักกระดูกหลังด้วยหัวเข่าไปเต็มๆ "ป้ากๆๆๆ" จากนั้นก็รั่วต่อยใส่คู่ต่อสู้หญิงไม่ยั้ง
    "ยัยนั้นไม่ทำตามแบบนี้ คงได้นองเลือดกันแน่ๆ" หัวหน้าแก็งค์ที่มองดูการแข่งไม่เป็นไปตามนั้น ก็เตรียมเอามือถือมา แต่ "ขออภัยด้วยนะคะ ที่ปลายสายมารับไม่ได้ เนื่องจากว่าพวกเขา...." เสียงของมิลด์กล่าว โดยพวกเฮเรเค้นบอกพร้อมกันว่า ".....โดนเราอัดน่วมไปแล้วละครับ/คะ"
    "ใคร ใคร พวกแกเป็นใครกัน...." หัวหน้าแก็งค์โวยลั่น แต่ก็.... "แฟ้วววววว เพล้งงงง โครมมมมมม" โดนนักปล้ำหญิงกล้ามโตซึ่งถูกทอฟเฟล่าจับทุ่มขึ้นไปทะลุห้องวีไอพี อัดคากำแพงไปอย่างจังๆ "พวกเราขอตัวก่อนนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก พร้อมกับพาแอนเดรีย ทอฟเฟล่าและลิ่วเซียงหนีออกไป ซึ่งพวกสมาชิกแก็งค์เกาหลีที่อยู่ตามทางและรอบนอก โดนเล่นงานจนยับไปกันหมด

              และสุดท้าย กวางเจา อันเป็นที่ตั้งของพี่น้องตนสุดท้าย
              "ผมนึกแล้ว ว่าอาเจ้ต้องเจอกับเหล่าสหายของอาเจ้โมคุโตะกันจนได้น่ะ" ชายผมสีดำในชุดคาราเต้เสื้อขาวกางเกงฟ้าเดินออกมาจากลานประลองผิดกฎหมาย หลังจากที่พีวิล สเปียริท และทินเกาซีมาช่วยไว้ได้
              "พวกเราไม่ทิ้งนายหรอกน่ะ คิจิโร่ แม้ว่านายไม่อยากจะให้เราช่วยก็ตามน่ะ" ทินเกาซีบอก
              "ตอนนี้ พวกคุณคงจะเจอกับพี่น้องตนอื่นๆแล้วสิน่ะ" คิจิโร่ ฝาแฝดเพศชายของโมคุโตะกล่าว
              พีวิลพยักหน้า "งั้นเรารีบไปจากนี้ก่อนดีกว่าน่ะ เพราะฉันพึ่งแจ้งกองปราบในระแวกนั้นให้มาแล้วน่ะ"  
              "แล้วพวกคุณคงไม่มีเครื่องบินพาหนีไปเลยละสิ" คิจิโร่บอกโดยที่ออกมาข้างนอกไว้ สเปียริทเลยรีบพาเจ้าไทฟูลมาหา "โว้ว พี่นกยังอยู่เลยหรือเนี้ย นึกว่าไปแล้วไปลับเลยน่ะ"
              สเปียริทบอก "อย่ารอช้าอยู่เลย รีบหนีไปก่อนดีกว่าน่ะ"

              ที่เทอร่าครุยเซอร์ เหนือทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน
              "มีปลายสายมาจากนายพลเจียง ซานหมินนะคะ" ไวโอล่าติดต่อเข้ามาหาบราวน์เดค ซึ่งรับสายติดต่อ โดยเปิดภาพของนายพลชาวจีนวัยกลางคนที่ติดต่อเข้ามา
              "ท่านนายพลเจียง มีธุระอะไรที่ติดต่อมาหาพวกเราละครับ" บราวน์เดคบอก
              "ลื้อกับกองกำลังยังอยู่ฝั่งยุโรปเลยละสิน่ะ พวกลื้อกำลังทำอะไรอยู่" นายพลเจียงถาม
              บราวน์เดคกล่าว "ทางเรากำลังไล่ตามกองกำลังไทรเวเซอร์ที่แยกย้ายไปอยู่ในยุโรปและแอฟริกากันนะครับ ว่าแต่ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือครับ"
              "ลื้อดูข่าวนี้แล้วกันน่ะ" นายพลเจียงเลยนำภาพข่าว
              "เมื่อตอนสองทุ่ม เกิดเหตุทะเลาะเบาะแว้งในร้านคังซิม หนึ่งในร้านอาหารภายใต้การดูแลของโอวต้าหนี่ มาเฟียผู้มีสมญาลิ้นเทวดาแห่งแผ่นดินจีน ผู้โค่นแป๊ะเล้งบั้วะ ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการอาหารจีนมาตลอด 240 ปีเต็ม ซึ่งการปะทะดังกล่าวนั้น มาจากผู้ช่วยพ่อครัวกับผู้ก่อเรื่องอีกสามราย เข้าต่อกรกับสมาชิกแก็งค์ภายใต้การนำของโอวต้าหนี่ ซึ่งถูกตำรวจควบคุมตัว เนื่องจากเหล่าลูกค้าที่อยู่ในร้านดังกล่าว พยายามเรียกร้องค่าเสียหายจำนวนมากในการก่อเหตุดังกล่าว และไม่ได้มีแค่ร้านคังซิมร้านเดียว เพราะร้านคังกิ้ม เตี้ยคัง และเซี่ยก๊วยเบี้ยว ซึ่งเป็นร้านเดิมของร้าน 13 มังกรดำที่ถูกซื้อกิจการไปเมื่อ 140 ปีก่อน ก็เจอเหตุเดียวกัน"
              จากนั้นก็มีอีกข่าวหนึ่ง "เกิดเหตุบุกถล่มคฤหาสน์ของแก็งค์ตั้งโต๊ะเกี่ยมที่ไต้หวัน จากปากคำของชาวเมืองว่ามีเสียงกระสุนลั่นอย่างต่อเนื่อง โดยเกิดหลังจากที่แก็งค์เก๋อซิ่ง แก็งค์มาเฟียที่พยายามจะอยู่เหนือเจ้าพ่อเซียงไฮ้มา 400 ปี ถูกถล่มยับเยิ่น โดยที่ตัวหัวหน้าแก็งค์ทั้งสอง รอดชีวิตอยู่กลางศพของเหล่าลูกน้องเป็นจำนวนมาก ตามข้อมูลที่เกิดเหตุในคฤหาสน์ของแก็งค์ตั้งโต๊ะเกี่ยม พบปลอกกระสุนสำหรับปืนกลหนักอัตโนมัติรุ่นเก่าตกอยู่เป็นจำนวนมาก...."
              "ทายาทแก็งค์หลิวดำร่วงตกจากตึกโบตั่นทาวเวอร์อันเป็นที่พักสุดหรู หลังจากมีการปะทะกันในตึกอย่างหนักหน่วง ต่อมา คฤหาสน์ของแก็งค์หลิวดำก็ถูกถล่มตาม เพียงแต่หัวหน้าแก็งค์ขัดขืนต่อสู้จนมีรูกระสุนเพียบเลยคะ" นักข่าวหญิงจากช่องถัดมากล่าวด้วยภาษาแมนดาริน
              นักข่าวชายจากอีกช่องบอก "กองปราบเข้าบุกบ่อนพนันผิดกฎหมายในคุนหมิงและกวางเจาได้ โดยที่ตัวหัวหน้าคุมบ่อน ซึ่งเป็นหัวหน้าแก็งค์จากเกาหลีทั้งสองกลุ่ม ได้ถูกทำร้ายอย่างหนัก ซึ่งฝั่งกวางเจานั้น หัวหน้าแก็งค์ถูกเล่นงานแบบเดียวกันที่ปักกิ่ง บ่งบอกได้ว่า การก่อเหตุนี้ เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน...."
              "ท่านนายพลคงไม่ได้หมายความว่า เรื่องที่เกิดมานั้น...." บราวน์เดคบอก
              นายพลเจียงพยักหน้า "อั้วะหวังว่าลื้อจะสั่งการคนของลื้อในฝั่งเอเชียให้มาจัดการได้น่ะ ถ้าฝั่งยุโรปมัวแต่เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยน่ะ" แล้วก็ตัดการติดต่อไป
              "เอาไงกันดีละคะ" ไวโอล่าบอก
              บราวน์เดคกล่าว "แจ้งพวกจูดิธที่นอร์เวย์ให้กลับมาที่นี้ด้วยคำสั่งฉุกเฉินได้เลย แล้วก็แจ้งให้ไวโอเลฟรับทราบกันด้วย"

    ต่อช่วงที่ 2



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×