ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #37 : ตอนที่ 19 ยุทธการลับบนโลก ขั้นที่ 5 ปราการวิญญาณมรกต ภายใต้อำนาจของวิญญาณแค้น ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12
      0
      20 ก.ค. 63

              เช้าวันถัดมา ป่าดีเนสต้า ยานไทรแองเกิ้ลและยานสโตรม่ากริฟยังจอดอยู่
              "คราฟตันติดต่อมาบอกให้พวกนายออกไปจากโลกเลยสิน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก หลังจากที่เขาติดต่อเข้ามาหาพวกไทรเวเซอร์และได้รับทราบเรื่องที่บราวน์เดคส่งคำเตือนมา โดยที่เบเร่ต์และวิลเลี่ยมติดต่อมาด้วย พีวิลพยักหน้า
              สเตฟอร์ดถาม "เฟอร์นันเดอร์ นายพอจะรู้จักกับบราวน์เดค คราฟตันกันบ้างมั้ยละ เพราะพวกเราพึ่งจะรู้เอาตอนนี้เองน่ะ"
              "ไม่แปลกหรอกที่หน่วยรบที่ 54 ของนายจะไม่เคยรู้จักและเจอหน้าบีดีคราฟมาก่อนเลยน่ะ" วิลเลี่ยมกล่าว เฟอร์นันเดอร์เลยเล่าไปว่า "บราวน์เดค คราฟตัน เป็นนายทหารชาวอเมริกาที่ถูกส่งไปประจำการที่เอเธ่นพร้อมกับพ่อของเขา บราวน์เนฟ คราฟตัน ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังที่ 24 ของทางสหภาพยุโรป ซึ่งบราวน์เดค เป็นนายทหารที่ไม่เพียงเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดและมีอุดมการณ์ที่สูงส่งอย่างมาก แต่เขากับผบสส.บราวน์เนฟเอง เป็นมนุษย์เพียงไม่กี่ราย ที่ให้ความช่วยเหลือเหล่าแมนิเกเตอร์ที่เดือดร้อน และไม่เห็นด้วยกับแนวทางและการกระทำทุกเรื่องของสหพันธ์โลกในเวลานั้น โดยเฉพาะเรื่องการไล่ล่าพวกแมนิเกเตอร์ที่หลบหนีหลังมหาสงครามของโอเวอร์เดสครั้งแรก จนส่งผลให้มีนักวิทยาศาสตร์ถูกจับกุมหรือถูกประหาร ชาวโลกและชาวอาณานิคมแปดดาวต้องมารับเคราะห์กันไปไม่น้อย และเพิ่มเหตุผลให้โอเวอร์เดสกลับมายึดโลกพร้อมก่อสงครามครั้งที่สองขึ้นมา ถึงขั้นที่ประกาศไม่ยอมให้ความร่วมมือกับฝ่ายสหพันธ์โลกในการต่อสู้กับโอเวอร์เดส แต่จะช่วยปกป้องสหภาพยุโรปและแทแรนเซียไว้น่ะ"
              "แสดงว่านายพลบราวน์เดคและจอมพลบราวน์เนฟคงจะอยู่ในช่วง 20 ปีหลังจากที่โอเวอร์เดสยึดโลกได้เลยสิน่ะ" เจเนลบอก "แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพ่อลูกคราฟตันกันละ"
              วิลเลี่ยมบอกไปว่า "เว้ากันซื่อๆเลยน่ะ ความจริงแล้ว ตัวแทนของฝ่ายสหภาพยุโรปที่จะเข้ามาช่วยพวกเราในการต่อสู้กับโอเวอร์เดสเมื่อ 24 ปีก่อนนั้น ควรจะมีบราวน์เดคและกองกำลังของเขาร่วมอยู่ด้วย หากแต่....มีเหตุการณ์บางอย่าง ที่ทำให้เขาถูกกักตัวและออกรบกันไม่ได้เลยนะสิ"
              "เพราะว่ามันมีคนใส่ความบราวน์เดค ว่าเป็นผู้ให้ความร่วมมือกับ......พวกนายที่แฝงตัวอยู่ในยุโรป โดยมีวัตถุประสงค์ในการจู่โจมเขตเมืองสำคัญๆในระแวกนั้นไว้ แม้บราวน์เดคพยายามจะแก้ต่าง เพราะแม้เขาจะเจอกับพวกแมนิเกเตอร์มาให้เขาช่วย บราวน์เดคก็ปฏิเสธคำขอไว้และแนะนำให้พวกเขาออกไปเลยก็ตาม แต่ศาลทหารไม่รับฟังคำอุทธรณ์ บราวน์เดคและกองกำลังของเขา เลยถูกกักตัวมาทั้งปี โดยให้เฝ้าเขตเมืองเอเธนส์ไว้ตลอดเลยน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก "ว่าแต่ โคเคสมีให้พวกนายแฝงตัวอยู่ในยุโรปเพื่อก่อเรื่องขึ้นมา จริงหรือเปล่าละ"
              มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้า "สมาชิกกองกำลังต่อต้านของโคเคสในเวลานั้น มีอยู่ในยุโรปจริง แต่เรื่องรวมตัวเพื่อจู่โจมเมืองสำคัญๆนั้น โคเคสสั่งห้ามไม่ให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อความเดือดร้อนขึ้นมา พอโคเคสพาทุกๆคนไปยังเวลเซน่า พวกที่อยู่ในยุโรปก็โยกย้ายไปรวมตัวกันที่นั้นโดยทันทีนี้แหละ"
              "เยี่ยม แสดงว่าไอ้เกรย์เบียส มันเล่นงานบราวน์เดคจนได้สิวะ" วิลเลี่ยมกล่าว
              โฟรซ่าบอก "เกรย์เบียสนะหรือ คงไม่ใช่ เกรย์เบียส เฮมเบค อาชญากรสงครามระดับเป้ง ซึ่งมีหมายจับจากห้าทวีปติดตัวเลยสิน่ะ"
              "ถูกแล้วละ ฉันนึกว่าการที่เธอกลายเป็นแมนิเกเตอร์จะทำให้ความจำนั้นหล่นหายหรือถูกลบไปแล้วเสียอีกน่ะ" เบเร่ต์บอก
              สเปียริทบอก "แล้วไอ้เกรย์เบียสนั้น มันไปก่อเรื่องอะไรมา จนห้าทวีปตั้งหมายจับไว้น่ะ"
              "เกรย์เบียสเป็นอดีตนายทหารของสหพันธ์โลกที่มีประวัติเสียกันไม่น้อย นับตั้งแต่ใช้อำนาจไปในทางมิชอบ ให้การสนับสนุนช่วยเหลือพวกทหารที่ต้องคดีและทำผิดวินัยระดับรุนแรง ใส่ความทหารดีๆให้เสียอนาคตไปหลายนาย รวมไปถึง คิดค้นสร้างและผลิตอาวุธ ABC ระดับรุนแรงขายในเครือข่ายตลาดมืด จนกลุ่มผู้ก่อการร้ายรับซื้อและนำไปใช้ก่อความเดือดร้อนในเมืองสำคัญๆของอเมริกา ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลียและแอฟริกา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตนับไม่ถ้วนกันไม่ว่า เกรย์เบียสยังอ้างด้วยน่ะ ว่าที่ทำไป เพราะมีแมนิเกเตอร์แฝงตัวอยู่ในเมือง ซึ่งทหารไม่มีทางเข้าไปจัดการอะไรได้แน่นอน ทั้งๆที่ผู้เสียชีวิตนั้น เป็นแค่มนุษย์ไม่มีพวกแมนิเกเตอร์เลยสักตนน่ะ" โฟรซ่าบอก
              แอบไบออสบอก "ความผิดของเกรย์เบียสนิ ไม่ต่างจากแพททริคกันเลยน่ะ"
              "แล้วที่เกรย์เบียสก่อเรื่องเล่นงานบราวน์เดคนิ แปลว่าบราวน์เดคคงจะขัดขวางเกรย์เบียสกันไว้นะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เฟอร์นันเดอร์กล่าว "เกรย์เบียส เฮมเบคเป็นอาชญากรตัวเอ้ที่ใช้อำนาจจากสหพันธ์โลกใหม่ไปก่อความเดือดร้อนกันนับไม่ถ้วน ซึ่งพ่อลูกคราฟตันขัดขวางแผนการของเกรย์เบียสมาหลายครั้ง แม้จะไม่สำเร็จจนมีผู้เดือดร้อนไปเลยก็ตาม แต่ก็ทำให้พวกลูกน้องของเกรย์เบียสส่วนมากถูกจับกุมและถูกสังหารไปพร้อมกับสูญเสียอาวุธที่สร้างขึ้นมา ล่าสุด ปีครึ่งก่อนหน้ามหาสงครามปีที่ 21 ของพวกนายจะเกิดขึ้น เกรย์เบียสพยายามจะใช้อาวุธร้ายแรงเพื่อทำลายเมืองสำคัญให้ราบเป็นหน้ากอง ซึ่งพ่อลูกคราฟตันพากองกำลังเข้าขัดขวางไว้ จนช่วยชาวเมืองส่วนมากให้ออกจากเมืองได้เป็นผลสำเร็จ แม้ว่านั้นหมายถึง บราวน์เนฟ คราฟตันต้องสละชีวิตเอาไว้พร้อมกับ....เมืองเวลเซน่า โอเอซิสซิตี้อันสวยงามต้องกลายเป็นซากเมืองร้างที่พวกนายใช้เป็นฐานที่มั่นเอาไว้ แล้วก็พาหายไปจากแผนที่โลกเมื่อ 24 ปีก่อนน่ะ"
              "ไม่คิดเลยนะคะ ว่าเวลเซน่าจะมีประวัติที่คาดไม่ถึงเลยนะคะ" แอนเดรียบอก "แต่จากเหตุการณ์ที่ว่ามานิ เกรย์เบียสคงจะหนีรอดไปได้ จนหาเรื่องใส่ความนายพลบราวน์เดคเลยสิคะ"
               เบเร่ต์พยักหน้า "แม้ว่าตอนนั้น สหพันธ์โลกได้สิ้นสูญลงไปแล้ว จนทำให้เกรย์เบียสเหมือนหมาบ้าที่ไร้โซ่ล่ามจนออกไปกัดผู้อื่นจนวอดวายไปหลายเมือง ทำให้จอมพลบราวน์เนฟเสียชีวิตลง รวมถึงทำให้บราวน์เดคเสียโอกาสออกรบร่วมกับพวกเราไปก็ตามน่ะ แต่อย่างน้อย นั้นก็ช่วยเซฟชีวิตของเขาและกองกำลังให้รอดจากการถูกฆ่าและจับคืนชีพมาเป็นส่วนหนึ่งของพวกโอเวอร์เดสน่ะ"
              "และถ้าพูดถึงเกรย์เบียสแล้วละก็ กรรมตามสนองมันไปแล้วละ เพราะบราวน์เดค พบกับศพของเกรย์เบียสถูกพวกเฮซเทิร์ซฉีกเป็นชิ้นๆ พร้อมกับลังอาวุธเปล่าที่มันคิดค้นขึ้นมาเลยน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              คลอเวฟบอก "เยี่ยม ไอ้เกรย์เบียสคงไม่รู้ละสิ ว่าไอ้พวกเฮซเทิร์ซนั้นมันเลวระยำแค่ไหนน่ะ"
              "แล้วนายพลบราวน์เดค ร่วมรบกับพวกนายและผบ.ฮาซาเดนในช่วงที่เฮซเทิร์ซรุกรานหรือเปล่าละ" พีวิลบอก
              เฟอร์นันเดอร์กล่าว "ร่วมสิ บราวน์เดคและกองกำลังของเขาได้รวบรวมเหล่าหนุ่มสาวมีฝีมือและความสามารถเข้ากองรบ โดยตั้งชื่อว่า เทอร่าสควอดอน ช่วยเหลือพวกเราในการสู้รบกับพวกเฮซเทิร์ซกัน ซึ่งเขาได้แรงสนับสนุนจาก....." แล้วก็เปิดภาพของนายพลหญิงผมสีม่วงในชุดทหารสีน้ำเงินคราม "พลอากาศเอกหญิงไวโอเลฟ มิลเดรล ผู้บังคับบัญชากองยานจากเจนีวา ซึ่งเธอรับผิดชอบในการช่วยเหลือและค้นหาผู้ประสบภัยจากซากเมือง ที่พวกโซลูนาสตี้ส่งเมืองลอยฟ้าให้ร่วงลงมาถล่มทับไว้ ซึ่งเธอกับบราวน์เดคสนิทกันมาก่อน หากแต่มิได้ลงเอยกันเสียที เนื่องจากว่าเธอกับบราวน์เดคลงเอยกับคู่หมั้นหมายที่ผู้ใหญ่สู่ขอไปแล้ว และต่างก็มีลูกกันด้วยน่ะ"
              "บีดีคราฟและวีเลทเดรลรวมถึงเทอร่าสควอดอนนั้น ช่วยเราได้มากในการสู้กับพวกเฮซเทิร์ซที่ใช้ทุกแผนรุกรานโลก ดวงจันทร์และอีกแปดดาวกันด้วย ซึ่งแม้พวกเขาไม่ได้สู้กับพวกแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสเลยก็ตามน่ะ" วิลเลี่ยมบอก
               คลอเวฟบอก "แล้วทำไมนายพลบราวน์เดคถึงไปอยู่กับฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่กันวะ"

              "หลังจากที่สงครามกับเฮซเทิร์ซจบลง แล้วสหพันธ์โลกใหม่ก็ถูกก่อตั้งขึ้นมา โดยพวกนั้นใช้อิทธิพลกดดันพวกเราและแทแรนเซียให้ยอมจำนน เหมือนกับประเทศอื่นๆไว้ จนทำให้มีกำลังทหารเหนือกว่า บราวน์เดคเห็นเช่นนั้น เลยมาบอกกับเรา ว่าจะเข้าไปจัดการกับพวกสหพันธ์โลกใหม่นี้จากภายในเอง ซึ่งนั้นหมายถึง เทอร่าสควอดอนต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังสหพันธ์โลกใหม่ได้น่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก และถอนใจขึ้นมา "แต่ฉันรู้สึกได้ว่า บราวน์เดคและพวกคงจะซ้ำรอยเดียวกับโคเคสกันแน่ๆแล้วละสิ"
              สเตฟอร์ดบอก "แล้วพวกนายก็เข้าไปช่วยบราวน์เดคและพวกเทอร่าสควอดอนกันไม่ได้เลยละสิ"
              "พอบราวน์เดคเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์โลกใหม่กันแล้ว เขาก็แจ้งเตือนพวกเรา ว่าอย่าพยายามขัดขวางหรือห้ามเขาเป็นอันขาด เพราะเขาไม่อยากจะเป็นศัตรูกับพวกพ้องที่ร่วมรบกัน และไม่อยากจะขัดคำสั่งจากสหพันธ์โลกใหม่กันด้วย แม้นั้นจะหมายถึง การที่เขาต้องก้มหัวและรับคำสั่งจากกลุ่มที่เขาและพ่อต่อต้านมาเลยก็ตามน่ะ" วิลเลี่ยมบอก "หวังว่าพวกนายคงจะไม่จัดการกับลูกน้องหรือคนของบราวน์เดคและไวโอเลทกันบ้างน่ะ อย่างน้อยก็เห็นแก่พวกเรากันบ้างละ"           เนคมาดูซัมบอก "แต่เราไม่รับประกันในเรื่องที่นายพลบราวน์เดคจะเล่นแรงกับเราเลยน่ะ"
              "เราหวังแค่ว่า พวกนายคงจะช่วยทำให้บราวน์เดคและพวกเทอร่าสควอดอนเชื่อมั่นในตัวพวกนาย เหมือนที่พวกเราและแทแรนเซียเชื่อว่า พวกนายไม่ได้เป็นพวกเลวร้ายตามที่สหพันธ์โลกใหม่กล่าวอ้างกันในเวลานี้เลยน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก "ส่วนเรื่องติดต่อไปหาโคเคสและพวกนั้น หวังว่าพวกนายคงจะโปรเทคกันไว้ด้วยละ" พีวิลพยักหน้า
               เนคมาดูซัมบอก "เรื่องนั้นเราทำอยู่แล้วละ แต่พวกคุณละ จะทำเช่นไร"
              "ตอนนี้ ฉันได้แจ้งกับคนของฉันให้ประสานงานกับกองทหารที่พวกนายช่วยเหลือเอาไว้ โดยที่ฉันจะอยู่ที่อิสราเอลพร้อมกับดักลาสไปก่อน อย่างน้อยฉันจะได้แจ้งพวกนายว่า มีพวกแมนิเกเตอร์แห่มากันบ้างน่ะ" วิลเลี่ยมบอก
              เบเร่ต์บอก "ทางเราได้เรียกกองทหารอเมริกาที่ประจำในยุโรปให้มาที่แทแรนเซียได้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังมีส่วนหนึ่งที่ยังประจำการอยู่ เพื่อรับมือกับการคุกคามของพวกแมนิเกเตอร์ที่เป็นศัตรู รวมถึงพวกนายด้วย ซึ่งพวกนายคงไม่หาเรื่องไปเหยียบบ้านเกิดเลยน่ะ"
              "วางใจได้น่า พวกเรารับมือกับเรื่องนี้กันได้แล้วน่ะ" โฟรซ่าบอก
              เฟอร์นันเดอร์กล่าว "งั้นพวกนายรีบติดต่อกับโคเคสและพวกกันโดยเร็วด้วยละ" แล้วภาพโฮโลแกรมของพวกเฟอร์นันเดอร์ก็ดับลง

              "ไอ้เกรย์เบียสนั้น สมควรตายแล้วละน่า หลังจากที่มันเล่นงานบราวน์เดคไปได้น่ะ" บัลโต้บอก หลังจากที่พวกเมนซิกส์ทีนรายงานเรื่องบราวน์เดคและเกรย์เบียสให้ฟังแล้ว
              "แสดงว่า พวกท่านประธานาธิบดีรู้จักกับนายพลคราฟตันมาก่อนเลยสิคะ" จูเดทต้าบอก
              "ใช่ กลุ่มกรีนยูโรเปี้ยนที่อยู่ในเอเธนส์เคยแวะไปติดต่อกับคุณบราวน์เดค เพื่อขอความร่วมมือในการสู้กับโอเวอร์เดสที่บุกรุกมา แม้จะได้รับคำปฏิเสธกลับไป แต่คุณบราวน์เดคแนะนำให้พวกเราไปกบดานที่อื่น และอย่ามาติดต่อกับเขาถ้าไม่มีความจำเป็น ซึ่งพี่ชายและผมซึ่งอยู่ด้วยนั้น ต่างเข้าใจความรู้สึกของคุณบราวน์เดคไว้ ว่าเขาอยากจะช่วยพวกเรา แต่ไม่อยู่ในฐานะที่จะทำอะไรได้เลยน่ะ" เดลิคกล่าว และถอนใจขึ้นมา "ไม่คิดเลย ว่าการพบปะของพวกเรากับนายพลบราวน์เดค จะถูกคนของนายพลเกรย์เบียสที่รอดจากการระเบิดของเวลเซน่าไปได้นั้น ใช้เป็นหลักฐานเอาผิดจนกักบริเวณคุณบราวน์เดคและกองกำลังเอาไว้เลยน่ะ"
              โคเคสบอก "และที่แย่ไปกว่านั้นคือ บราวน์เดคและเทอร่าสควอดอนนั้น ประสบเหตุเดียวกับที่ฉันและพวกเคยเป็น ตอนอยู่ใต้อำนาจของโอเวอร์เดสไปแล้ว เพียงแต่ บราวน์เดคยังไม่รู้ว่า สหพันธ์โลกใหม่อยู่ใต้อำนาจของเกซิคก็เท่านั้นเอง"
              "แล้วเฟอร์นันเดอร์มีบอกมั้ย ว่าศพของเกรย์เบียสนั้นได้นำไปทำลายทิ้งแล้วน่ะ" บัลโต้บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "นายพลเฟอร์นันเดอร์บอกแค่ว่าเจอศพเกรย์เบียสตายไปเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่ามีการเอาไปทำลายทิ้งหรือเปล่าละครับ"
              "แบบนั้นไม่ดีแล้วละ เพราะถ้าศพไอ้เกรย์เบียสมันไม่ถูกทำลาย ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวนั้น พวกนายก็น่าจะรู้อยู่แล้วน่ะ" บัลโต้กล่าว
              แอบไบออสบอก "คงไม่ได้หมายความว่า เกซิคใช้พวกทหารสหพันธ์โลกใหม่หรือแอบส่งคนไปเก็บศพของเกรย์เบียสมาชุบชีวิตเลยละสิน่ะ"
              "ใช่ เพราะว่าเกรย์เบียสเป็นศัตรูตัวเป้งของพ่อลูกคราฟตัน ถ้านายพลบราวน์เดครู้ว่าเกรย์เบียสที่น่าจะตายไปแล้ว ยังรอดกลับมาอยู่ในกองทัพของสหพันธ์โลกใหม่กันแล้ว เหตุผลที่เขาเข้ากับสหพันธ์โลกใหม่นั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องการแก้แค้นแล้วน่ะ" โคเคสบอก
              เพอซิอัสบอก "แล้วพวกเธอคงไม่คิดจะกลับมาที่ดาวของเรา ตามคำเตือนจากนายพลคราฟตันเลยสิน่ะ"
              "แม้นั้นหมายถึงเราต้องปะทะกับเทอร่าสควอดอน และอาจจะมีมนุษย์ในกองรบของนายพลบราวน์เดคตายไปสามสี่คนหรือมากกว่านั้นเลยก็ตาม พวกเราโต้ตอบเพื่อปกป้องตัวพวกเรา มากกว่าไประรานหาเรื่องกับพวกเขาตามที่สหพันธ์โลกของเกซิคหวังให้เป็นเช่นนั้นนะครับ" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เราจัดการกับฐานหลักแห่งใหม่ของอีเนอไมนด์รวมถึงตามที่ต่างๆในแอฟริกากันไว้แล้ว เราจะเริ่มแผนขั้นที่สองเลยนะครับ"
              "ดีแล้วละ และขอให้พวกเธอปฏิบัติการณ์อย่างระมัดระวังด้วย เพราะตอนนี้พวกเธอได้ทำให้ชาวโลกมีแรงโต้ตอบกันมากขึ้น และอย่าก่อเรื่องร้ายแรงจนทำให้ชาวโลกใช้อาวุธจากนอกโลกเป็นอันขาดน่ะ" เพอซิอัสบอก เนคมาดูซัมพยักหน้า
               ไม่ทันไร เดลิคได้รับการติดต่อมา "เออ ผู้ว่าการเซริซ่ามีเรื่องฉุกเฉินจะแจ้งให้ทางไทรเวเซอร์ทราบด้วยนะครับ"
              "ได้ เชื่อมสายเข้ามาได้เลย" โคเคสตอบ
              แล้วโฮโลแกรมของหญิงสวมแว่นในชุดทำงานปรากฎขึ้นมา "ดูเหมือนว่าตอนนี้ พวกเธอจัดการกับพวกอีเนอไมนด์แล้วสิน่ะ" เซริซ่ากล่าว
              "ที่คุณติดต่อเข้ามาหาพวกเรานิ คงไม่ได้หมายความว่า แมนิเกเตอร์จากโลก ได้บุกเข้ามาที่แคสเซรอน-4 แล้วสิคะ" แอนเดรียบอก
              เซริซ่าพยักหน้า "หลังจากการโจมตีเขตเมืองเผ่าอีเนอไมนด์ของสามใบเถาจาเฟสติสจบลง พวกครอสตรีมโต้ตอบกับพวกเดียวกันจากโลกที่โผล่มาจากประตูมิติ ซึ่งปรากฎขึ้นห่างจากเขตเมืองหลักไป 45 กิโลเมตร โดยมาทั้งพวกแมนิเกเตอร์เดินเท้าและโมบิลลอยด์เช่นเดียวกับพวกอีเนอไมนด์ของพลาทูนั่มไว้น่ะ"
              "อากาเมมนอสและพวกเป็นยังไงบ้างละ ผู้ว่าการเซริซ่า" มาสวาร์ทาร์ถาม
              เซริซ่ากล่าว "ไฮลอร์ดแห่งครอสตรีมไม่เป็นอะไรมากนัก และเขาต้องการจะคุยกับพวกนายสักหน่อยน่ะ" แล้วโฮโลแกรมของอากาเมมนอสโผล่มา
              "ต้องขอบใจพวกนายมากเลยน่ะ ที่ช่วยตัดตอนกองรบของไอ้พลาทูนั่มที่โลกไว้ได้ ฉัน แพนทานิคซ์ แล้วก็โซแลชกับลูแนช เลยมีเวลารับมือแม้จะสั้นแค่วันเดียว แต่ก็สามารถหยุดพวกพี่น้องที่มีสภาพแย่กว่าที่สามใบเถาจาเฟสติสโดนไว้น่ะ" อากาเมมนอสบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "ว่าแต่ นายพอจะรู้มั้ย ว่ากองรบครอสตรีมบนโลกนั้น มันมาจากไหนน่ะ"
              "แลนเซเลสต้าเช็คมาแล้ว พวกครอสตรีมจากโลกที่บุกรุกมานั้น ไม่ได้มีแค่ทหารที่เกิดและเติบโตในช่วง 24 ปีบนโลก ซึ่งเป็นได้ทั้งทหารในกองรบหรือพวกทหารเกณฑ์กันอย่างเดียว ยังมีผู้ใช้แรงงาน พลเรือนตั้งแต่ในเมืองยันชนบทห่างไกล รวมไปถึง หุ่นแอนดรอยหรือเอไอโดรนแบบมนุษย์กันอีกด้วย ซึ่งอย่างหลังนั้น เหมือนดูถูกพวกเราทางอ้อมด้วยน่ะ" อากาเมมนอสบอก "ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ.....พวกนั้นมาเพื่อบอกกับเราด้วย ว่าใครสร้างครอสตรีมขึ้นมาใหม่ให้มันมัวหมองลงไปด้วยน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์ถาม "แล้วนายทราบมั้ย ว่าใครเป็นคนสร้างและส่งพวกครอสตรีมบนโลกมาหาเรื่องกับพวกนายน่ะ"
              "ศิษย์ร่วมรุ่นเดียวกับพวกเรา ที่เนรคุณต่ออาจารย์ของเราด้วยวิธีอันไร้ศักดิ์ศรี ซึ่งมันควรจะสิ้นสูญคาดาบของนายไปนาน บัดนี้ วิญญาณเลวนั้นมันกลับมาแล้วละ" อากาเมมนอสบอก
              มาสวาร์ทาร์ชะงักและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เพราะเขารู้ว่าตัวการนั้นคือ.... "ทราเวยน์ อัศวินโฉด ผู้ลอบสังหารท่านอาทรัสเตอร์ละสิน่ะ อากาเมมนอส" ไฮลอร์ดพยักหน้า

    Triveser Manigator Saga:Hyperstar Troopers ภาคโลกา
    ตอนที่ 19  ยุทธการลับบนโลก ขั้นที่ 5 ปราการวิญญาณมรกต ภายใต้อำนาจของวิญญาณแค้น


              ณ.สุสานวีรชน ลอนดอน สหราชอาณาจักรอังกฤษ
              "นั้นคงจะเป็นสุสานของพ่อของคุณเลยสิคะ" แอนเดรียกล่าว โดยที่เธออยู่ในชุดไว้ทุกข์ นั้นคือชุดกระโปรงสีดำและสวมหมวกปีกมีดอกไม้ดำติดอยู่ด้วย ซึ่งเธอมากับมาสวาร์ทาร์ ในคราบของมนุษย์ก่อนที่จะกลายเป็นแมนิเกเตอร์ โดยสวมชุดทหารมาเคารพศพต่อ เซอร์อัลเบี้ยน เทมตัน พ่อของมาสวาร์ทาร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับสุสานตระกูลเทมตันด้วย
               "แม้ว่าฉันเป็นลูกอกตัญญู เนื่องจากไม่ได้มาร่วมงานศพของพ่อ เพราะฉันได้เสียชีวิตไปโดยไม่มีศพอยู่ด้วยก็ตาม" มาสวาร์ทาร์บอกพร้อมกับวางช่อดอกเบญจมาศเอาไว้ใกล้กับหลุมศพ แล้วก็ลุกขึ้นยืน "ถึงเวลาบนโลกจะผ่านไปตั้ง 20 ปี การกลับมาที่โลกนั้นคือโอกาสเดียวที่จะได้กลับมาเจอพ่อได้เสียทีน่ะ"
              "ฉันนึกว่าเธอคงไม่ได้มาเยี่ยมฉันที่หลุมเสียอีกน่ะ มัตสึดะ" เสียงนั้นกล่าว
                 มาสวาร์ทาร์และแอนเดรียมองไปรอบๆ จนมาเห็นบุรุษสูงอายุในชุดทหาร ซึ่งมีสภาพเลือนลางและมีกายสีฟ้า บ่งบอกว่าผู้นี้เป็นวิญญาณ "คงจะรอผมอยู่นานเลยสิน่ะ พ่อ"
              "ใช่ แม้ฉันจะได้ยินเสียงของผู้คนที่อยู่ตรงหน้าหลุมของฉันและวงศ์ตระกูลพูดกันว่า เธอกลายเป็นปีศาจร้ายตามโครเต้ เธอกลายเป็นศพเดินได้ที่ถือดาบสู้กับคนที่เธอสาบานว่าจะปกป้อง ด้วยการใช้วิชาดาบของแม่และความรู้ที่ได้รับจากฉันมา และเธอได้ร่วมมือกับพองเพื่อนแบบเดียวกับเธอสู้กับเทพยักษ์จักรกลแห่งความตายจนตัวตายไปแล้วก็ตาม....ฉันยังคิดเสมอ ว่าเธอจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน แม้ว่า....เธอจะแปลงโฉมให้ดูเหมือนเดิมเลยก็ตามน่ะ" เซอร์อัลเบี้ยนกล่าว โดยมองมาสวาร์ทาร์ในสภาพปลอมตัวจนเห็นธาตุแท้ที่อยู่ข้างในกันได้ "แต่การที่เธอเห็นฉันมานั้น ส่วนหนึ่งเพราะ พลังที่เธอได้รับมาอยู่ในตัวเลยสิน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "ผมคงอธิบายให้พ่อฟังไปมากกว่านี้ไม่ได้เลยนะครับ เดียวมีผู้คนเห็นผมเป็นบ้าแล้วไปเรียกทหารกับตำรวจมาล้อมจับได้น่ะ"
              "อืมมมมม แล้วลูกคงจะได้แฟนสาวประเภทเดียวกันเลยสิน่ะ" เซอร์อัลเบี้ยนบอก "หนูคงจะไม่ใช่ เอเดรียน เดลวีแองนู ลูกสาวของอัลบาร์ทเลยสิน่ะ"
              แอนเดรียพยักหน้า "ที่คุณรู้นิ ส่วนหนึ่งเพราะ คุณมีเพื่อนเป็นเจ้าหน้าที่ MI6 ซึ่งมีข้อมูลของพ่อของฉันเลยสิคะ"
              "เรื่องที่ดร.เดลวีแองนูพาลูกสาวหลบหนีหายไปจากโลกมาตลอด 40 ปี มีหรือที่สหราชอาณาจักรจะไม่รู้เรื่องน่ะ" เซอร์อัลเบี้ยนกล่าว "ถ้าให้เดาน่ะ หนูคงจะกลายเป็นสิ่งที่พ่อของหนูสร้างและปกป้องขึ้นมาเสียเองสิน่ะ" แอนเดรียพยักหน้า
               มาสวาร์ทาร์บอก "แสดงว่าพ่อรู้เรื่องของแอนเดรียมาแต่แรก แต่ไม่บอกผมเลยสิครับ"
              "เรื่องบางอย่างพ่อมีสิทธิ์ที่จะไม่บอกลูกก็ได้นะ มัตสึดะ" เซอร์อัลเบี้ยนกล่าว "แต่ที่พ่อรีบโผล่มานั้น เพราะ อริเก่าของลูกอยู่ใกล้กับบ้านเกิดแห่งนี้แล้วละ"
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "เรื่องนั้นผมทราบแล้วละครับ" แล้วก็หวนกลับไปในช่วงที่เขาคุยกับอากาเมมนอสกัน

              "ถูกเผงเลยละ คาตานะลอร์ด ไอ้ทราเวยน์ มันไม่เพียงรอดกลับมาได้อย่างเดียว แต่มันขายความลับการสร้างเหล่านักรบให้กับเกซิค นำไปใช้สร้างครอสตรีมรุ่นใหม่ จากการที่สหพันธ์โลกใหม่ได้โฆษณาเชิญชวนให้เข้าร่วมกองทัพ แล้วถูกจับไปดัดแปลงกันไม่ว่า ทราเวยน์เองมันยังอนุมัติให้สร้างครอสตรีมแบบหุ่นยนต์กันอีกด้วย ซึ่งนายเองก็น่าจะรู้ดีใช่มั้ยละ" อากาเมมนอสบอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า
              คลอเวฟกล่าว "นายคงไม่ได้หมายความว่า ไอ้ทราเวยน์เป็นเจ้าของไอเดียในการสร้างครอสตรีมแบบแอนดรอยเพื่อเอามาสู้กับอีเนอไมนด์แบบหุ่นเลยสิน่ะ"
              "ใช่ ทราเวยน์เห็นว่าพวกเรามีจำนวนนักรบที่น้อยกว่าแอตแลนไทซ์และอีเนอไมนด์อย่างมาก เลยไปเสนอแนวคิดกับโครเต้ให้อนุมัติสร้างครอสตรีมหุ่นยนต์ขึ้นมา ซึ่งไอเดียนั้นมันเป็นการผิดกฎที่ท่านอาทรัสเตอร์วางไว้ ว่าไม่ให้สร้างหุ่นขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนในสนามรบ ซึ่งนอกจากโครเต้ไม่อนุญาตแล้ว ทั้งฉัน มาสวาร์ทาร์ เฟอร์คาน่า แล้วก็แรมลอช ก็ไม่เห็นด้วย เพราะพวกเราเชื่อมั่นในการใช้ยุทธการ ใช้วิชาการต่อสู้ และการใช้พลังในการสู้กับพวกมนุษย์แบบตรงไปตรงมา มากกว่าส่งพวกหุ่นยนต์ออกไปสู้แล้วรับเคราะห์แทน ซึ่งเป็นยุทธวิธีของผู้ขลาดเขลาและไร้ศักดิ์ศรีอย่างมาก พอๆกันกับส่งเหล่านักรบไปรุมสังหารพวกมนุษย์เพียงตนเดียวน่ะ" อากาเมมนอสบอก "แม้กระทั่งขุนพลครองคอร์ดเองก็ยังปฏิเสธ จนมาตำหนิและต่อว่าโครเต้กันไปด้วยน่ะ"
              สเปียริทบอก "นั้นคงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ทราเวยน์คิดอยากได้สุดยอดดาบของท่านอาทรัสเตอร์ ถึงขั้นกระทำการอันไร้ศักดิ์ศรีเลยสิน่ะ"
              "แล้วนายได้อะไรจากศพเหล่านั้นบ้างละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อากาเมมนอสกล่าว "จากการตรวจสอบศพเพื่อระบุตัวผู้เคราะห์ร้ายที่เป็นหมากของทราเวยน์แล้ว พบว่า พวกเขาเกิดและโตอยู่ในแถบยุโรป ซึ่งมีประเทศบ้านเกิดพ่อของนายรวมอยู่ด้วยน่ะ"
              "แม้กระทั่งบ้านเกิดของฉันด้วยสิน่ะ" โฟรซ่ากล่าว
              อากาเมมนอสพยักหน้า "แม้ว่านี้จะเป็นคำใบ้ที่ฉันรู้มาเพียงเท่านั้น เพราะทราเวยน์คงไม่ยอมให้พวกนายเข้ามาหยุดยังได้แน่นอน" แล้วก็แจ้งบอก "ดังนั้น นายช่วยจัดการกับทราเวยน์ลงอีกรอบให้มันจบสิ้นลงไปซะ ถ้านายพบเจอของสำคัญที่หลงเหลือบนโลกละก็ นายช่วยนำกลับมาจะได้มั้ยละ"
              "ได้อยู่แล้วละ อากาเมมนอส แต่นั้นขึ้นกับว่าฉันมีเวลาและจังหวะได้หรือเปล่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว แล้วเหตุการณ์ก็กลับสู่สภาวะปัจจุบันกัน "แล้วว่าแต่ พ่อเห็นใครที่มาจากสหพันธ์โลกใหม่หรือเปล่าละครับ"

               เซอร์อัลเบี้ยนพยักหน้า "เธอจำโรนัลด์ได้หรือเปล่าละ"
              "หมายถึง โรนัลด์ เอฟ สแตนฟอร์ด ลูกชายท่านเอิร์ลสแตนฟอร์ดนะหรือครับ ผมจำได้แล้ว แม้ว่าตอนนั้นเขามีอายุ 8 ขวบเลยก็ตาม ปานนี้คงเจริญรอยตามพ่อของเขาเลยสิครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เซอร์อัลเบี้ยนบอก "เขาแวะมาเคารพศพพ่อด้วย หลังจากที่เขาได้ฝึกฝนจนเข้ากองทัพของอังกฤษ เขาก็เข้าร่วมกับกองรบของคราฟตันผู้ลูกกันอยู่ และเขาคงไม่ดีใจแน่ๆที่เห็นหน้าลูกไว้ ดังนั้น พ่อแนะนำให้ลูกรีบไปจากนี้ซะ" และหันมายังแอนเดรีย "หนูเองก็ด้วยน่ะ คอยดูแลมัตสึดะไว้ให้ดีแล้วกัน เพราะลูกชายของฉันแม้จะฉลาดมาก แต่คงปรับตัวกับผู้หญิงอย่างหนูได้ไม่ดีเลยน่ะ"
              "ไม่เป็นไรหรอกคะ เพราะว่าฉันเข้าใจคุณมาสวาร์ทาร์ดีนะคะ" แอนเดรียบอก
              เซอร์อัลเบี้ยนพยักหน้า "หวังว่าลูกกับหนูเอเดรียนคงจะอยู่ด้วยกันบ้างน่ะ แม้พ่อจะไม่ได้เห็นหน้าหลานเลยก็ตามน่ะ" แล้วก็เดินหายไป
              "พ่อนิจริงๆเลย ขนาดตายไปแล้ว ยังชอบแซวเรื่องผู้หญิงกันแบบนี้ทุกที" มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้าขึ้นมา
              แอนเดรียบอก "อย่างน้อย พ่อของคุณก็พูดด้วยความเป็นห่วงคุณบ้างนะคะ"
              "และผมไม่คิดเลยว่า คุณจะได้กลับมาที่นี้อีกครั้งเลยน่ะ" เสียงชายหนุ่มดังมาจากข้างหลัง เป็นชายหนุ่มผมสั้นสีบลอนด์สั้นในชุดสูทสีดำเข้ม
              มาสวาร์ทาร์หันมามองหน้าพร้อมกับบอกว่า "เธอคงจะดักซุ่มดูฉันและแอนเดรียมาตลอดเวลานิ เหมือนที่เธอเล่นซ่อนแอบในพุ่มไม้ที่บ้านของเธอเลยสิน่ะ โรนัลด์"
              "ผมนึกว่าคุณกลายเป็นแมนิเกเตอร์แล้วจะจำผมไม่ได้เสียอีกน่ะ คุณมัสด้า" ชายหนุ่มผมบลอนด์กล่าว และแนะนำตัว "คุณสุภาพสตรี ผม โรนัลด์ โรนัลด์ เอฟ สแตนฟอร์ด ยินดีที่ได้รู้จักน่ะ"
              แอนเดรียพยักหน้า "ถ้าคุณอยู่นี้ แสดงว่า คุณรู้อยู่แล้ว ว่าพวกเราต้องมาเพื่อเคารพศพของคุณมาสวาร์ทาร์เลยสิคะ"
              "คุณคงจะเป็นแฟนของคุณมัสด้าเลยสิน่ะ ถึงได้รู้ใจเขาดีมากเลยน่ะ หึๆๆๆๆ" โรนัลด์บอก และหันมายังมาสวาร์ทาร์ "ผบ.บราวน์เดคแจ้งให้พวกคุณออกไปจากโลกแล้ว ทำไมคุณยังดื้อดึงต่อไปได้ละ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "ฉันควรจะถามเธอมากกว่าน่ะ โรนัลด์ เธอสวมเครื่องแบบสายลับของ MI6 แต่ติดเข็มกลัดรูปลูกโลกพร้อมดาว 4 ดวงบนปกเสื้ออยู่ ซึ่งนั้นหมายถึง เธอควรทำตามคำสั่งขององค์ราชินีอลิซาเบธที่ 24 มากกว่าจะทำตามคำสั่งของสหพันธ์โลกใหม่ที่พยายามกดดันแทแรนเซียที่เป็นผู้นำของสหภาพยุโรปกันเสียอีก ซึ่งเธอในตอนนี้ เหมือนคนทรยศต่อประเทศ สมเด็จพระราชีนีและราชวงศ์อังกฤษกันอยู่น่ะ"
              "อย่างน้อย ผมก็ไม่เหมือนคุณที่ใช้ความรู้ช่วยพวกอัศวินผีมาถล่มคนชาติเดียวกันเมื่อ 30 ปีก่อนกันแล้วน่ะ" โรนัลด์บอก โดยตอนนี้ เจ้าหน้าที่ MI6 โผล่ออกมาจากหลังป้ายสุสาน ซึ่งพวกเขาดักซุ่มเอาไว้ "ผมหวังว่าคุณควรจะให้ความร่วมมือกับเราดีๆ เพราะผมทำตามคำสั่งของผบ.บราวน์เดค ให้จับเป็นคุณ แล้วก็คุณด้วยน่ะ คุณเอเดรียน"
               แอนเดรียถอนใจขึ้นมา "เรารู้อยู่แล้วละ ว่าพวกคุณคงไม่ยอมให้เราหลุดรอดไปเลยสิคะ แต่เกรงว่า พวกคุณทำพลาดอย่างใหญ่หลวงเลยละคะ"
              "บุ้งๆๆๆๆๆๆๆ" กลางแม่น้ำเธม ใกล้กับสะพานทาวเวอร์บริดจ์นั้นมีฟองอากาศโผล่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ "ตรูมมม ซ่า" ฟาลครีด้าของแคร์เรี่ยนทะยานขึ้นจากแม่น้ำเธมต่อหน้าเรือบรรทุกสินค้าที่ผ่านสะพานไป จนทำให้ผู้คนที่อยู่ในระแวกนั้นตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย โดยฟาลครีด้าของแคร์เรี่ยนบินตรงไปยัง "แฟ้ววววววว ตรึงงงง" สุสานที่มาสวาร์ทาร์และแอนเดรียถูกโรนัลด์และพวกล้อมเอาไว้ "ฟู้ววววววววววววววววววว" แคร์เรี่ยนเลยปล่อยไอหมอกจากส่วนข้อมือกระจายไปทั่วสุสาน ทำให้โรนัลด์และเจ้าหน้าที่ MI6 นั้น
              "แย่แล้วละ แว่นสแกนถูกรบกวนด้วยอนุภาค เรามองไม่เห็นตัวเป้าหมายทั้งสองแล้วน่ะ" เจ้าหน้าที่ MI6 หญิงกล่าว "ซูมมมมมมม" โรนัลด์เงยหน้ามองเห็นฟาลครีด้าของแคร์เรี่ยนบินมาพร้อมกับมาสวาร์ทาร์และแอนเดรียอยู่บนฝ่ามือ แล้วก็ "แฟ้วววววววว" พาบินหนีออกไปโดยเร็ว
              "ไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมคุณถึงไม่กลัวพวกเรา เพราะว่าคุณเตรียมการไว้แล้วน่ะ คุณมัสด้า" โรนัลด์กล่าว

              ที่สุสานแห่งหนึ่งในปารีส ฝรั่งเศส
              "คุณพ่อคะ คุณแม่คะ คุณปู่ คุณตา คุณย่า คุณยาย หนูกลับมาแล้วนะคะ แม้ว่าหนูจะไปไกลจากบ้านของเราไปหลายปีแสงเลยก็ตาม อย่างน้อยหนูก็แก้ตัวในเรื่องที่ไม่สามารถกลับมาได้นะคะ" โฟรซ่าในชุดทหารกล่าว โดยที่เธอวางช่อดอกไม้ลงบนหลุมศพตระกูลแลงครูท พร้อมกับวางกล่องขนมไว้ตรงป้ายของ "อย่างน้อย พี่ก็กลับมาหาเธอได้แล้ว แม้จะมาอยู่ตรงหน้าหลุมแล้วก็ตามน่ะ เรซซี่ พี่ขอโทษด้วย ที่พี่ไม่ได้อยู่ในหลุมกันจริงๆน่ะ" เรซซี่ แลงครูท น้องสาวคนเล็กของโฟรซ่าที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยอยู่ใกล้กับป้ายหลุมศพของเธอด้วย ซึ่งมีรอยสีสเปรย์ รอยขีดข่วนและรอยไหม้บนป้าย บ่งบอกถึงสภาพที่เกิดขึ้น โฟรซ่าเองก็ส่ายหน้าเพราะทำใจกับเรื่องนี้ไว้แล้ว
              "สุดท้าย เธอก็โผล่มาจนได้สินะ ทั้งๆที่เธอควรจะไปอยู่ในโลกหน้าแล้วแท้ๆน่ะ" เสียงของชายดังมาจากข้างหลัง โฟรซ่าลุกขึ้นและหันมาเห็น ชายวัยกลางคนผมสีทองในชุดสูทสีดำ ซึ่งถือช่อดอกไม้มาด้วย
              "พี่ออลเบนท์ หนูคิดว่าพี่คงจะติดงานมากจนไม่ได้มาแวะที่นี้ก่อนเลยสิคะ" โฟรซ่าบอก
              ชายวัยกลางคนเลยชักปืนออกมาจากชุดสูทมาจ่อตรงหน้าโฟรซ่าพร้อมกับโวยไปว่า "อย่าเรียกฉันว่าพี่เป็นอันขาดเลยน่ะ โฟรน่า เธอควรจะตายไปแล้วที่แอฟริกา ไม่ควรจะกลับมาทำให้ฉันต้องเจ็บแค้นไปมากกว่านี้ กับสิ่งที่เธอได้ทำลงไปเลยน่ะ" แล้วก็ก้าวเดินมาตรงหน้า เพื่อมิให้โฟรซ่าถอยออกไป "อีกอย่าง เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเยี่ยมพ่อแม่ รวมถึงเรซซี่กันด้วยน่ะ"
              "หนูรู้ดีนะคะ ว่าสิ่งที่หนูได้ทำลงไปในฐานะศัตรูนั้น ได้ทำให้พี่ ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเองต้องประสบกับความยากลำบากไม่น้อย จากการที่คนที่ไว้ใจพี่ได้นั้นต้องตีจากไป แม้กระทั่งไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย เพราะพี่เกี่ยวข้องกับหนูในฐานะแมนิเกเตอร์ และทำให้ตระกูลแลงครูทด่างพล้อยและอยู่แบบกระท่อนกระแท่นมาตลอด 24 ปีเต็มเลยก็ตาม" โฟรซ่าบอก ตามที่เธอรับรู้จากเบเร่ต์ไว้ "แต่โชคดีมากที่พี่ใช้ความพยายามไม่น้อยจนสามารถฟื้นฟูตระกูลแลงครูท ด้วยการให้สนับสนุนเงินทุนต่อรัฐบาลฝรั่งเศสในเรื่องการสร้างสถานีอวกาศ และให้ความช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากภายในยุโรปมาตลอด แม้นั้นจะไม่สามารถลบจุดด่างพล้อยนี้ก็ตาม พี่น่าจะลืมเรื่องนี้กันไปได้แล้วนะคะ"
              ออลเบนท์บอก "มันจะดีกว่ามาก หากเธอซึ่งเป็นจุดด่างพล้อยนี้ ตายด้วยน้ำมือของฉันเสียเอง ตระกูลแลงครูทของเรา จะได้กลับมารุ่งเรืองเลยเสียที"
              "ถ้าพี่อยากได้มากเช่นนั้นละก็..." โฟรซ่ากล่าวแบบไม่กลัวเกรงและเดินมาตรงหน้าพี่ชายของเธอ พร้อมกับจับกระบอกปืนสั้นมาจ่อตรงหน้าผากไว้ "....หนูรู้นะคะ ว่าพี่ไม่มีทางเหนี่ยวไกยิงน้องสาวผู้นี้ลงได้ เพราะหนูรู้ว่าพี่รู้สึกดีใจอยู่น่ะ" ออลเบนท์ยั่วะและพยายามจะยิง แต่..... "หวออออออออออออออออออ" กรมตำรวจและกองกำลังป้องกันตัวเองโผล่มา โดยมีหญิงหยักศกสีแดงสวมแว่นเดินลงมาจากรถตำรวจ
              "นี้เธอตามฉันมาอย่างงั้นนะหรือ จูดิธ" ออลเบนท์เลยรีบดึงปืนออกจากหน้าผากโฟรซ่าไว้
              "จูดิธนะหรือ" โฟรซ่าบอก โดยเห็นหน้าหญิงสวมแว่นเลยจำได้ในทันที "เธอคงจะเป็นจูดิธ อามิสตัน เพื่อนร่วมชั้นของเรซซี่ที่เป็นเด็กอัจฉริยะเลยละสิน่ะ"
              หญิงสวมแว่นนามจูดิธตอบ "คุณยังจำฉันได้อยู่สิคะ พี่โฟรน่า แม้ว่าพี่จะกล้ามากพอที่จะกลับมาเหยียบแผ่นดินบ้านเกิดนี้ หลังจากที่พี่ควรจะตายไปแล้วในช่วงสงครามครั้งสุดท้ายกับโอเวอร์เดส จนหนูเชื่อว่า พี่คงแหลกเป็นจุลไปแล้วน่ะ"
              "แต่เธอคงจะรู้ว่าฉันยังไม่ตาย เพราะได้เห็นภาพของฉันที่อยู่ในสภาสูงของสมาพันธ์อวกาศเลยละสิน่ะ" โฟรซ่าบอก "ถ้าให้เดา เธอคงจะแอบติดตัวส่งสัญญาณไว้ในเสื้อสูทชั้นนอกของพี่ชาย ที่แวะมาเคารพศพครอบครัวในวันนี้ หลังจากที่เธอทราบจากผบ.บราวน์เดคมาเมื่อคืนก่อน ซึ่งเห็นได้จากการที่เธอเรียกตำรวจและกองกำลังป้องกันตัวเองมานิ สมแล้วที่เธอเข้ามหาวิทยาลัยในวัย 14 ปี และเข้าโรงเรียนทหารจนมีความรู้ความสามารถมากพอที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในวัยเพียง 20 เศษๆ แล้วเข้าเป็นสมาชิกในเทอร่าสควอดอนเลยสิน่ะ"
              จูดิธกล่าว "นายพลสกิลลิเทอรี่เล่าให้คุณฟังหมดเปลือกแล้วสิ คุณถึงรู้เรื่องของฉัน ทั้งๆที่คุณควรจะอยู่นอกโลกไปไกลสุดกู่แล้ว แต่ทางที่ดี คุณควรหยุดหลั่งเลือดคนชาติเดียวกันจะดีกว่าน่ะ" แล้วก็เดินมาใช้ไม้เรียวยาวมาจ่อหน้าไว้
              "แม้เธอจะฉลาดมากพอจนทำให้ฉันจนมุมได้ก็จริง แต่การที่เธอหลอกพี่ชายให้มานี้ เพื่อมาเป็นเหยื่อล่อฉันเอาไว้นั้น ระวังเหอะ กรรมจะตามสนองเธอเอง" โฟรซ่าบอก ออลเบนท์เลยเดินออกไป
              จูดิธบอก "อย่างน้อย ฉันก็เบรคการนองเลือดที่ไม่จำเป็นลงไปได้ พี่ออลเบนท์จะได้ไม่รู้สึกผิดที่ต้องฆ่าคุณ และคุณจะได้หยุดก่อเรื่องยุ่งกันได้เสียทีนะคะ" ไม่ทันไร ก็มีไอเย็นก่อตัวขึ้นมา จูดิธเลยหันมาเห็น พวกทหารและตำรวจถูกแช่แข็งกันหมด แม้กระทั่งเธอและออลเบนท์เอง เท้าและขามีน้ำแข็งเกาะติดพื้นด้วย โดยเป็นฝีมือของจิลและไนน์ตี้เกลที่แอบซุ่มอยู่หลังต้นไม้ไว้ "ไม่คิดเลยว่า คุณจะเล่นแผนสกปรกกันได้น่ะ"
              "ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่เล่นตุกติกเป็นหรอกน่ะ จูดิธ เพราะฉันรู้แต่แรกนับตั้งแต่นายพลบราวน์เดคเตือนให้เราไสหัวออกไปจากโลก ทั้งๆที่ภารกิจของเรายังไม่จบลง ซึ่งถ้าเธอจับพวกเราไป นอกจากปารีสจะถูกถล่มยับ เกรงว่าทั้งยุโรปเองก็จะวอดวายไปด้วยน่ะ" โฟรซ่าบอก
               ออลเบนท์กล่าว "เธอคงไม่คิดที่จะไปจัดการกับพวกมนุษย์เหมือนที่ทำเอาไว้อีกละสิ"
              "ฉันแค่มาเพื่อสะสางเศษเดนของโอเวอร์เดสให้จบลงอีกรอบก็เท่านั้นเอง ซึ่งพี่คงไม่ฟังก็ไม่เป็นไรหรอกนะคะ" โฟรซ่าบอก แล้วจิลและไนน์ตี้เกลเดินมาตรงหน้า "ฟ้าวววว ตรึงงง" ฟาลครีด้าสกายไฮซ์บินลงมารับ "แต่จะดีกว่ามาก หากเธอไม่แส่หาเรื่องเดือดร้อนเข้าตัวด้วยการมาขัดขวางพวกเราด้วย เพราะฉันไม่อยากจะส่งเพื่อนหัวดีอย่างเธอไปอยู่กับเรซซี่หรอกน่ะ จูดิธ" โดยที่เธอพาพวกขึ้นบนฝ่ามือของฟาลครีด้าสกายไฮซ์ไว้
              จูดิธบอก "ถึงคุณหนีพวกเราได้เหมือนกับลูแปง แต่ฉันจะหยุดคุณกับพวกให้ได้เลยน่ะ"
              "อาดิออส จูดิธ แล้วก็ พี่ชายด้วยนะคะ" โฟรซ่าบอกลาแล้วก็ "หึมๆๆๆๆๆ แฟ้ววววววว" ไซโคลเนียรีบพาพวกโฟรซ่าหนีไปทันที ออลเบนท์เลยชักปืนขึ้นเพื่อยิง แต่.... "กึก ครืดดด ตึก ฉืบบบ" ลำกล้องปืนหักลง แถมแมกกาซีนร่วงลงและถูกผ่าพร้อมกระสุนที่อยู่ในข้างนั้น ซึ่งเกิดจากการที่โฟรซ่าใช้มือของเธอจับปืนของเขามาจ่อตรงหน้าผาก เธอได้ใช้คลื่นความถี่สูงทำลายปืนสั้นของออลเบนท์โดยที่เขาไม่รู้ตัว
              "ขนาดตายไปแล้วยังหาเรื่องแกล้งจนได้สิ โฟรน่า" ออลเบนท์สบถแล้วโยนปืนทิ้งลง

              ณ.เขตชุมชนเอเวลน์ในหุบเขาที่ลิสแฮมเมอร์ นอร์เวย์
              "เออ มั่นใจน่ะ ว่าข้างล่างนี้เป็นเขตชุมชนบ้านเกิดของนายเลยน่ะ จายด์" คลอเวฟในร่างมนุษย์ซึ่งสวมชุดกะลาสีดำกล่าวกับจายด์ ซึ่งสวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลและสวมหมวกตกปลาไว้
              "แต่เราเห็นเป็นโรงงานอุตสาหกรรมกันเลยน่ะ" บ็อกไซน์ในร่างมนุษย์บ่น เนื่องจากว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมหนักมาแทนที่ไว้ โดยเห็น
              "บางอย่างไม่เข้าท่าเกิดขึ้นแล้วสิ กับเขตชุมชนที่ฉันเคยเอาตัวเข้าปกป้องไว้น่ะ" จายด์บอก โดยใช้กล้องส่องทางไกลมองดูอาคารโรงงาน และมองไปยังป้ายสีเงินติดไว้ตรงกำแพงด้านหน้า "โบลเชทเฮฟวี่อินดัสทรี่ โรงงานอุตสาหกรรมหนัก อยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์โลกใหม่... เจ้าโบลเชท กะแล้วว่ามันต้องทำจนได้สิวะ"
              บิลเดรทถาม "นายเคยรู้จักกับไอ้เจ้าของโรงงานกันนะหรือ"
              "รู้จักสิ โบลเชท โดลเรม เป็นคนชุมชนเอเวลน์เหมือนกับฉันนี้แหละ หากแต่เขาเบื่อหน่ายสภาพแวดล้อมของชุมชนที่ทำอุตสาหกรรมแบบเรียบง่ายมาก ถึงขั้นออกจากชุมชนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมืองเบลเกน แล้วกลับมาพร้อมกับพวกนายทุนเพื่อซื้อที่ดินในเขตชุมชนทั้งหมดมาสร้างเป็นโรงงาน ซึ่งทั้งฉันและพวกรวมถึงพ่อแม่ของโบลเชท แล้วก็ผู้ใหญ่บ้านไม่เห็นด้วยเลยออกมาคัดค้านโบลเชท แต่หมอนั้นยังไม่เข็ดและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ที่ดินของชุมชนมาเป็นของตนเอง แล้วนำไปสร้างเป็นโรงงานที่ทันสมัยหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองกัน" จายด์เล่า "แน่นอนว่าหลังจากฉันตายไปแล้ว โบลเชทก็หายหัวไปอยู่อเมริกาแล้วไม่กลับมาอีกเลยน่ะ"
              คลอเวฟกล่าว "แต่ดูเหมือนว่าไอ้เวรนั้นมันกลับมายึดทุกอย่างไปเลยสิน่ะ"
              ไม่ทันไรก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมา "เออ ลุ ลุง ลุงจายด์เองนะหรือ" ชายหนุ่มนั้นอุทาน จนบิลเดรทและบ็อกไซน์เตรียมโต้ตอบ เช่นเดียวกับคลอเวฟด้วย
              จายด์ร้องห้าม "พวกนายหยุดก่อนน่ะ" แล้วก้มลงมามองชายหนุ่ม และกล่าวทักขึ้น "เธอคือฮาวี่ใช่มั้ยละ"
              "ดีเลยนะครับ ที่ลุงยังจำผมได้น่ะ นึกว่าลุงจะไม่กลับมาเสียแล้ว" ชายหนุ่มนามฮาวี่บอก
               จายด์พยักหน้า และหันมาถาม "ฮาวี่ ว่าแต่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันแล้วละ"
              "ผมยังอยู่ในหมู่บ้านทางทิศตะวันออกนะครับ ลุง" ฮาวี่บอก "นับตั้งแต่ลุงจากไปในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั้น ตาแก่โบลเชท มันกลับมาจากการไปลงทุนในอเมริกา พร้อมกับเงินจำนวนมหาศาลมาใช้กว้านซื้อที่ดินของพวกเรา ทีละส่วนสองส่วนไปอย่างรวดเร็ว จนพวกเราแทบไม่มีที่ดินให้อยู่ไม่ว่า ตาแก่โบลเชทยังบีบให้เราทำงานเป็นลูกจ้างในโรงงานของมันด้วย โดยให้เป็นช่างซ่อมระบบสายพานและหุ่นยนต์ในโรงงาน รวมไปถึงเป็นรปภ. ซึ่งทุกงานที่ทำนั้น ค่าแรงน้อยไม่ว่า เราไม่สามารถเรียกร้องอะไรกันด้วย บีบให้พวกเราเกือบทั้งหมด ต้องแยกย้ายไปอยู่เมืองอื่นกัน ในขณะที่บางส่วนจำต้องทำงานให้กับตาแก่โบลเชทต่อ จนตอนนี้ ตาแก่ได้ทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโมบิลทรูปเปอร์ให้กับสหพันธ์โลกใหม่ ซึ่งไม่เพียงทำกำไรเข้ากระเป๋าของมันและครอบครัวจนมีชื่อเสียงไปทั่วสแกดิเนเวีย มันยังได้สิทธิ์การคุ้มครองทางกฎหมายจากสหพันธ์โลกกันอีกด้วย เท่ากับว่าพวกเราที่เป็นเจ้าของที่เดิมนั้น ไม่สามารถชนะด้วยกระบวนทางกฎหมายเลยนะครับ"
               จายด์ได้ฟังถึงกับโมโหไม่น้อย คลอเวฟบอก "นายจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีวะ จายด์"
              "ฮาวี่ ตอนนี้เธอควรจะกลับบ้านไปก่อน เดียวฉันจะไปทำให้โบลเชทเงิบเอง" จายด์กล่าว แล้วก็ "ตรึงๆๆๆๆๆ โครมมมม" บุกเข้าเขตโรงงานด้วยการพุ่งทะลุประตูเหล็กจนกระจุยไป ส่งผลให้ทุกๆคนในโรงงานตื่นตระหนกกัน แม้กระทั่งโบลเชท ซึ่งเดินนำลูกค้าไปชมภายในโรงงานกันด้วย
              "ระวังนะครับ ท่านประธาน ให้พวกเราจัดการเองน่ะ" บอดี้การ์ดกล่าวโดยเตรียมปืนเลเซอร์ไว้
              "ไม่ต้อง เพราะฉันรู้จักกับไอ้ยักษ์นี้เองน่ะ" โบลเชท ประธานบริษัทกล่าว ซึ่งเขาเดินมาแบบไม่กลัวเกรงอะไรเลย "นึกว่าใคร ที่แท้ก็นายยักษ์จายด์เอง ดูท่าว่านายคงจะเบื่อหน่ายอวกาศแล้วสิ ถึงกลับมาตายรัง ในที่ๆเคยเป็นบ้านเกิดของนายมาก่อนน่ะ"
              จายด์ตอบกลับไปว่า "ดูท่าว่านายจะมีความสุขมากเลยสิน่ะ ท่านประธานโบลเชท สุขบนความทุกข์ของผู้อื่นที่เป็นเจ้าของที่เดิมมาตลอด 40 ปีกันเช่นนี้ นายทำให้การกลับมาบ้านของฉันนั้นดูเฮงซวยอย่างมากเลยน่ะ"
              "ชุมชนของนายนั้นจะเฮงซวยกว่านี้ หลังจากที่นายออกอาละวาดพร้อมกับพวกแมนิเกเตอร์กันแล้วน่ะ จายด์ ฉันแค่ช่วยคุ้มครองเขตชุมชนของทุกๆคนไว้ แม้ว่ามันจะช่วยทำกำไรอันมหาศาลให้ฉันก็ตาม และฉันเองก็มีอำนาจเบื้องบนอันยิ่งใหญ่คุ้มครองกันขึ้นมา รับรองว่า นายกับพวกพ้องแมนิเกเตอร์สุดเกรียนทำอะไรฉันไม่ได้หรอกน่ะ เพราะนั้นหมายถึงการถล่มอดีตชุมชนของนายเองน่ะ" โบลเชทบอก
              จายด์ส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า "24 ปีของนายนั้นทำให้นายอยู่ดีมีสุขบนความทุกข์ของทุกๆคนที่ต้องทำงานแบบไม่มีทางเลือกนั้น ถึงฉันไม่ทำอะไรนาย หรือไม่สามารถทำลายที่นี้ลงไปได้ก็จริง ระวังเหอะ กรรมจะมาเล่นนายเข้าสักวัน"
              "ไหนละเวร ไหนละกรรม ไม่เห็นโผล่มาเลย คงจะโผล่มาทำอะไรฉันได้ละมั่ง เพราะฉันได้รับการคุ้มครองจากสหพันธ์โลกอยู่แล้วนิ เผลอๆ พวกเขาอาจจะโผล่มาจับนายก็ได้น่า" โบลเชทบอก
              จายด์กล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะ นายคงจะสร้างโมบิลทรูปเปอร์ให้กับสหพันธ์โลกใหม่ใช้อยู่ตลอด 24 ปีเลยละสิ"
              "แน่นอน แต่ต่อให้นายบุกมาเพื่อขโมยไปละก็ ฝันไปเหอะ ระบบรักษาความปลอดภัยรุ่นล่าสุดนี้จะเตือนให้ฉันรู้ว่าพวกนายโผล่มาตรงไหน และระบบดังกล่าวจะแจ้งให้ทางกองทัพสหพันธ์โลกใหม่ โดยเฉพาะเทอร่าสควอดอนที่อยู่แถวนี้ด้วย น้ำหน้าอย่างนายไม่มีทางแย่งเอาโมบิลเวิร์คเกอร์รุ่นล่าสุดที่อยู่ในโกดังนี้ไปได้หรอกน่ะ" โบลเชทบอก
              จายด์บอก "แต่ฉันกลับไม่ได้ยินเสียงไซเรนเลยน่า ระบบนายเสียหรือเปล่าน่ะ นายให้ช่างมาซ่อมบ้างมั้ยละ"
              "ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ฉันคงต้องตำหนิทีมช่างสักหน่อย ไม่สิ ฉันจะไล่ออกทั้งชุดแล้วจ้างทีมช่างจากบริษัทในอเมริกากลางมาแทนจะดีกว่า พร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยรุ่นล่าสุด ชนิดที่กันนายไม่ให้เข้ามาได้น่ะ" โบลเชทบอก
              จายด์กล่าว "เกรงว่านายต้องจ่ายเพิ่มในหลักแสนหรือล้านแล้วละ" แล้วก็ตะโกน "เฮ้ พวก ออกมาได้แล้วละ"
              "โครมมมมม โครมมมมมม" ไม่ทันไร หุ่นโมบิลทรูปเปอร์ตัวหนา ซึ่งมีฐานล่างเป็นยานโฮเวอร์คราฟที่มีติดตะขาบหนาใหญ่ ท่อนบนเป็นหุ่นที่มีแบ็คแพ็คขนาดใหญ่พร้อมกับแขนยาวใหญ่สีเทาจำนวน 2 เครื่องพุ่งทะลุกำแพงโรงเก็บออกมา
              "เฮ้ย นั้นมัน เทอเรลเครช เทอร่าเวิร์คเกอร์รุ่นล่าสุด มันออกมาได้ไง ในเมื่อฉันสั่งพนักงานล็อกระบบใช้งานหุ่นเอาไว้แล้วน่ะ" โบลเชทโวยลั่น ไม่ทันไร ฝาคอกพิตส่วนกลมด้านหน้าเปิดออก เผยให้เห็นบิลเดรทและคลอเวฟอยู่ข้างใน
              "เฮ้ ตาแก่ เราขอไอ้หุ่นสองตัวนี้ไปใช้เป็นการถาวรเลยแล้วกันน่ะ" คลอเวฟโวยลั่น แล้วก็บอก "รีบขึ้นมาเลย จายด์"
              "ได้เลย เอ้า" จายด์กล่าวแล้วก็กระโดดขึ้นบนหลังหัวหุ่นตัวโตที่บิลเดรทขับอยู่ ซึ่งรีบปิดฝาคอกพิตโดยเร็ว แล้วก็ขับนำไปก่อน โดยอีกตัวนั้นบ็อกไซน์ขับตามมาทีหลัง
              "เฮ้ โบลเชท ในเมื่อนายได้ที่ชุมชนเอเวลน์มาทำโรงงานได้ ฉันขอผลงานชิ้นเยี่ยมของนายไปเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังของพวกเรา ใช้สู้กับพวกแมนิเกเตอร์เลวกันเลยน่ะ ลาล่ะ" จายด์กล่าว แล้วก็หนีหายเข้าป่าไปพร้อมกับเทอร่าเรลเครชสองตัว
              "มัวทำอะไรอยู่ พวกคุณมีมือถือมิใช่หรือ รีบติดต่อทหารโดยเร็วสิ" โบลเชทบอก
              แขกผู้เยี่ยมชมพยายามใช้มือถือ "เออ เราคงโทรออกได้หรอกน่ะ สัญญาณมันโดนรบกวนกันแล้ว" เพราะจายด์และคลอเวฟได้ให้เมดิน่าส่งอนุภาคโชนโครคิฟไปรบกวนสัญญาณการสื่อสารไว้ โดยที่มิลด์ซึ่งมาด้วย ทำการแฮคเข้าระบบรักษาความปลอดภัยของโรงงาน เปิดช่องให้คลอเวฟพาบิลเดรทและบ็อกไซน์ทะลวงกำแพงเข้าไปในโกดัง แล้วใช้มือถือติดแอพลูแพทปลดล็อกเครื่องเทอร่าเวิร์คเกอร์ในโกดัง เพื่อให้ทั้งสามขับออกไปได้ ซึ่งเมดิน่ารับผิดชอบในการนำเทอร่าเวิร์คเกอร์สองตัวหนีไปพร้อมกับมิลด์ด้วย

              แล้วทั้งสามกลุ่มก็มุ่งหน้ากลับสู่ยานไทรแองเกิ้ลและยานสโตรม่ากริฟที่บินมารับด้วยระบบพลางตัว จากลอนดอนไปฝรั่งเศสและนอร์เวย์อย่างรวดเร็ว
              "ดีแล้วละ ที่นายให้แคร์เรี่ยน ไซโคลเนีย จิล ไนน์ตี้เกล มิลด์และเมดิน่าไปกับพวกเราด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก หลังจากที่ถอดหัวเข็มขัดออก จนเปลี่ยนสภาพทหารมนุษย์เป็นนักรบครอสตรีมตามเดิม
               โฟรซ่ากล่าว "และไม่คิดเลยว่าเพื่อนน้องสาวที่ตายไปของฉัน จะกลายเป็นสมาชิกของเทอร่าสควอดอนเสียได้น่ะ"
              "นั้นบ่งบอกได้ว่า สหพันธ์โลกใหม่ได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มประเทศหลักๆของสหภาพยุโรปกันจริงๆแล้วน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              เนคมาดูซัมบอก "จายด์ ดูท่าว่าการกลับมาบ้านที่กลายเป็นโรงงานของคนอื่นที่มีอิทธิพลของสหพันธ์โลกใหม่คุ้มครองนั้น จะได้ของติดมือมา แม้ว่าคลอเวฟกับพวกบ็อกไซน์ไม่ได้ไปหาเรื่องพังโกดังหรืออาคารในเขตโรงงานมาเลยก็ตามน่ะ"
              "อย่างน้อย ฉันแค่ทำให้โบลเชทต้องเสียเงินไปไม่น้อยในการสร้างหุ่นใหม่อีกสองตัว สร้างกำแพงใหม่ ซื้อระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ แต่นั้นหมายถึงต้องปลดพนักงานส่วนมากออกไป โดยเฉพาะพนักงานที่รับผิดชอบเรื่องรักษาความปลอดภัยน่ะ" จายด์บอกแม้จะดีใจ แต่ก็เสียใจไปด้วย
              เจเนลกล่าว "และอาจจะมีทหารมาประจำการราว 2 กองด้วย หากตาแก่นั้นมีเงินเยอะบานตะไทเลยน่ะ"
              "นั้นคงเป็นหุ่นรุ่นใหม่ล่าสุดที่จายด์และคลอเวฟไปปล้นมาเลยสิน่ะ" มินอร์ตี้กล่าว เมื่อเห็นเทอร่าเวิร์คเกอร์ถูกขนเข้ามาในยานกัน
              บริคซ์กล่าว "ถ้าให้เดาน่ะ คนที่ออกแบบหุ่นตัวนี้คงได้ไอเดียจากการ์เซนท์แบบติดฐานพาหนะของพวกเรากันแล้วนะสิ ดร.มินอร์ตี้ เพราะมีแต่ชาวโลกเท่านั้นที่เห็นหุ่นรบของเราในช่วงสู้กับพวกโอเวอร์เดสกันน่ะ"
              "แต่ตัวหุ่นนิมันใหญ่ทั้งบนและล่างนั้น คงสร้างไว้เพื่อให้สามารถทำงานหนักๆและเข้าถึงสถานที่ได้ทุกสภาพแวดล้อมเลยสิน่ะ" ฟูแรมบอก โดยตอนนี้ทีมช่างของบริคซ์เข้าเช็คตัวหุ่นอย่างละเอียด บริคซ์พยักหน้า
              มินอร์ตี้กล่าว "หวังว่าหุ่นสองตัวนี้จะถูกสร้างมา เพื่อใช้งานเรื่องสร้างและซ่อมแซม มากกว่าเป็นจักรกลสงครามกันบ้างน่ะ"
              "แต่อย่างน้อย พวกคุณเอาตัวรอดจากการถูกพวกมนุษย์จับกุมได้ ก็ถือว่าดีแล้วละครับ" เฟอร์กินซ์บอก "อย่างน้อย พวกคุณคงจะวางใจในเรื่องปฏิบัติภารกิจได้เลยสิครับ"
              มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้า "เรายังวางใจไม่ได้สนิทหรอกนะ เฟอร์กินซ์ เพราะการที่เราหลุดรอดจากการล้อมจับของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ได้นั้น ย่อมทำให้พวกเขาต้องเล็งเป้ามาขัดขวางเราอย่างแน่นอนเลยน่ะ"
              "เหมือนที่มีบุคคลลึกลับโผล่มายิงลำแสงใส่คุณในช่วงที่พวกคุณสู้กับพลาทูนั่มเลยสิครับ" เฟอร์กินซ์กล่าว
              สเปียริทพยักหน้า แต่ถามกลับไปว่า "เธอรู้เรื่องที่เราสู้กับพลาทูนั่มข้างในเกาะเทมเดนได้ยังไงกัน ในเมื่อเธอไม่ได้อยู่ด้วยน่ะ"
              "ผมได้ส่งโดรนติดกล้องคอยติดตามพวกคุณกันนะครับ ว่าพวกคุณสู้กับหัวหน้าอีเนอไมนด์คนใหม่บนโลกได้ยังไง ซึ่งนั้นทำให้ผมทึ่งไม่น้อยที่พวกคุณแปลงร่างได้นะครับ" เฟอร์กินซ์บอก จนทุกๆคนหันมา พลัสเชอริทเลยรีบหยิบมือถือของเฟอร์กินซ์ไป โดยฉายภาพการต่อสู้ของพวกเมนซิกส์ทีนกับพลาทูนั่ม รวมถึงการสู้กับพวกแพทรีออทด้วย
              "เธอได้รับสิทธิ์ให้บันทึกข้อมูลการต่อสู้ของพวกเรา โดยไม่ได้รับอนุญาตเลยหรือ" โฟรซ่าถาม
              "เออ ผมมีสิทธิ์ที่จะบันทึกข้อมูลของพวกคุณไว้ทุกอย่าง ให้แน่ใจว่านี้เป็นหลักฐานบ่งบอกว่าในช่วงที่พวกคุณปฏิบัติการณ์นั้น มีเหตุร้ายอันใดเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งผมจับภาพตัวบุคคลเหล่านี้ไว้นะครับ" เฟอร์กินซ์บอก ซึ่งภาพก็เห็น....
              "ทหารเกราะสีขาวแบบนี้ แล้วก็...ไอ้ตัวนี้แหละ ที่มันยิงลำแสงใส่พวกเราเลยน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              "เดียวก่อนน่ะ ตัวนี้มัน เป็นตัวเดียวกันที่มันยิงใส่ฉันตอนที่ปฏิบัติการณ์ในนิวเท็กซัสเมื่อ 2 ปีก่อน จนทำให้ฉันมาช่วยสมทบกับพวกเนคมาดูซัมในการสู้กับพวกเฮซเทิร์ซช้าไปเลยนะสิ" เจเนลบอก
              คลอเวฟกล่าว "จริงด้วยวะ นี้อย่าบอกน่ะ ว่ามันเป็นตัวเดียวกันที่โผล่มาถล่มยิงลำแสงใส่กูไปหลายดอก จนกูยั้วะถึงขั้นโวยลั่นเลยน่ะ"
    "แต่....ชุดเกราะที่พวกนี้ใส่นั้น เหมือนมีตราบนหัวไหล่ด้วยน่ะ" ฟิเกซกล่าว เฟอร์กินซ์เลยเปิดภาพซูมตรงหัวไหล่ซ้ายที่มีตรารูปตัวเอฟแซดติดอยู่ "เอฟแซด พวกเอฟซีตรอนนะหรือ...." แอบไบออสบอก
              "เป็นไปไม่ได้น่า กองกำลังที่ควรจะอยู่ดูแลดาวแคสเซเดี่ยน-3 ในช่วงที่เราไม่อยู่ มันไม่น่าโผล่มาที่เทมเดนเลยน่ะ" เจเนลอ้าง
              เนคมาดูซัมบอก "เฟอร์กินซ์ ว่าแต่ เธอมีโดรนจับภาพพวกนี้อีกตัวหรือเปล่าละ เพราะเราไม่รู้ว่าพวกนี้โผล่มาแล้วไปไหนบ้างน่ะ"
              "ผมมีอยู่ราว 3-4 ตัว เผื่อตัวแรกที่ส่งไปนั้นพังหรือแบตเตอรี่หมดเสียก่อนนะครับ" เฟอร์กินซ์บอก พร้อมกับนำภาพจากโดรนหมายเลขสองมา เผยภาพของ....
              "ชัดเลย ว่าใครที่เป็นตัวการส่งพวกอีเนอไมนด์จากโลกไปที่แคสเซรอน-4 เลยน่ะ" สเปียริทบอก เพราะเห็นภาพทหารเอฟซีตรอนได้นำพวกอีเนอไมนด์ที่อยู่ในเทมเดนเข้าโครงประตูมิติไป โดยนำทั้งทหารราบและโมบิลลอยด์เข้าประตูดาราที่อยู่ข้างในไป รวมถึงพวกเอฟซีตรอนที่เดินเข้าประตูมิติและเลื่อนหายไป
              "กล้องของเธอล่องหนได้เลยสิน่ะ" พลัสเชอริทบอก
              เฟอร์กินซ์พยักหน้า "อย่างน้อย ผมต้องเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวเลยนะครับ ว่าผมทำอะไรไป ซึ่งอย่างน้อย ผมช่วยเหลือพวกคุณกันได้นะครับ"
              "แต่จะดีกว่ามาก หากเราอนุญาตให้เธอทำเช่นนั้นได้ ซึ่งการที่เธอทำแบบนี้ เหมือนเป็นการข้ามหัวพวกเราไปเลยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              พีวิลกล่าว "ถ้าไม่เพราะว่าเธอช่วยให้เรามีหลักฐานสำคัญ และมีสถานะเป็นผู้ตรวจการณ์ที่เบื้องบนส่งมาละก็ เธอคงโดนเราลงโทษไปแล้วละน่ะ ผู้ตรวจการณ์เฟอร์กินซ์"
              "ถ้าเช่นนั้น ผมขอตัวไปสอบถามลูกเรือนะครับ" เฟอร์กินซ์กล่าวแล้วเดินออกไป
              โฟรซ่าบอก "ต่อให้เรารู้ว่าเอฟซีตรอนเป็นตัวการ แต่มันอาจจะเป็นกับดักที่ทำให้เราหลงเชื่อในสิ่งที่เห็นก็เป็นได้น่ะ"
              "อาเจ้ หลักฐานแค่นี้มันก็ชี้ชัดแล้วนิ ว่าเอฟซีตรอนก่อเรื่องอะไรไว้นะ" เจเนลบอก
              สเตฟอร์ดบอก "เจมส์ หลักฐานจากภาพของเฟอร์กินซ์อาจจะจับภาพของพวกเอฟซีตรอนได้อย่างแท้จริง แต่อาจจะเป็นใครก็ได้ที่สวมรอยเพื่อสร้างภาพให้เราเชื่อว่าเอฟซีตรอนเป็นพวกศัตรูกับเราได้น่ะ" แล้วก็บอก "ที่สำคัญ แค่ภาพๆเดียว ยังเป็นหลักฐานที่เบาโหว่งเกินไปที่จะให้เราเชื่อได้น่ะ"
              "หรือไม่ก็ ศัตรูอย่างกาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์จะหลอกเราให้เชื่อเช่นนั้นหรือเปล่าละคะ" แอนเดรียออกความเห็น
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "แม้ในภาพจะไม่เห็นตัวบุคคลลึกลับที่ยิงเลเซอร์ใส่พวกเราหนีเข้าประตูมิติอยู่ก็ตาม แต่เราจะเมินเฉยไม่สนใจก็คงไม่ได้ด้วย เพราะเราต่างมีศัตรูอยู่รอบด้านที่นอกเหนือจาก พวกครอสตรีมที่คุกคามทวีปยุโรปกันไว้น่ะ" แล้วก็กล่าว "ซึ่งรวมถึงเทอร่าสควอดอนของนายพลบราวน์เดคด้วยน่ะ กลุ่มนี้แหละที่เราควรจะพึ่งระวังกันมากกว่าน่ะ"
              "เจมส์ ฉันเข้าใจน่ะ ว่านายไม่ชอบขี้หน้าพวกเอฟซีตรอน จากการที่สมาชิกตัวหลักปากไม่ดี แต่ตราบใดที่เรายังไม่มีหลักฐานที่มากพอ เรายังด่วนสรุปกันไม่ได้หรอกน่ะ" พีวิลบอก
              เจเนลพยักหน้า แล้วก็บอก "นายพูดถูกน่ะ พีวิล แม้จะรู้สึกว่าเราทำอะไรพวกนั้นไม่ได้เลยก็ตาม แต่เรื่องภารกิจหลักนั้นสำคัญยิ่งกว่าน่ะ"

              "เออ ขอโทษนะคะ คือว่าคุณพ่อคุณแม่เรียกพวกคุณไปคุยสักหน่อยนะคะ" แมบิลีนโผล่มา เนคมาดูซัมพยักหน้า แล้วทั้งหมดมาที่ห้องคอมพิวเตอร์กัน
              "ผมนึกว่าพวกคุณจะสืบเรื่องเกรย์เบียสได้ช้าเสียอีกน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              "โชคดีมากนะครับ ที่แอมเบอร์ได้นำข้อมูลงานวิจัยที่ดร.เดลวีแองนูเข้าไปตรวจสอบและประเมินผล ซึ่งได้ฝากไปดร.รีไลฟ์เวอรี่รับเก็บไว้เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงมาด้วย เราเลยสามารถตรวจสอบข้อมูลทั้งหลายได้อย่างรวดเร็วนะครับ" อีธานบอก
              คลอเวฟบอก "แต่เรื่องที่เกรย์เบียสก่อเรื่องไม่น่าเกี่ยวข้องอะไรกับงานวิจัยที่ดร.เดลวีแองนูเช็คเลยนิ"
              "เกี่ยวสิคะ เพราะว่าผลงานส่วนมากของเกรย์เบียสที่เราได้ตรวจสอบมานั้น แมทซ์กับโปรเจคที่ดร.เดลวีแองนูรุ่นก่อนหน้าดร.อัลบาร์ทสั่งระงับหรือยุบโปรเจคกันทั้งนั้นนะคะ" เอโอลีนบอก "เริ่มจาก ผลงานแรก เซรุ่มเหนือมนุษย์ เกรย์เบียสพัฒนาเซรุ่มที่เพิ่มพลังให้กับผู้ที่ฉีดจนกลายเป็นยอดมนุษย์ขึ้นมา ซึ่งย่อมหมายถึงอาชญากรสามารถสู้กับพวกตำรวจหน่วยสวาทหรือแม้กระทั่งทหารได้สบายเลยละคะ"
               โฟรซ่าบอก "มันก็เหมือนกับยาเพิ่มพลังที่พวกริดโอได้จากสารเพิ่มพลังที่สกัดจากตัวพวกโกลเดี้ยมมิใช่หรือ"
              "แต่เวอร์ชั่นของเกรย์เบียสแย่กว่าคะ เพราะว่าเขา ใช้เซรุ่มที่ผลิตจากเซลเนื้อเยื่อที่ติดโรค เท็ตสึโอะซินโดรม มาสกัดทำใหม่ ส่งผลให้พวกลูกค้าที่ซื้อไปนั้น มีอาการคลุ้มคลั้ง จิตแปรปรวนอย่างรุนแรง ถึงขั้นปล่อยพลังจิตทำลายตึกรามบ้านช่อง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ ตัวบวมโป่งใหญ่โตจนแตกระเบิดเหมือนลูกโป่งไปในทันทีนะคะ" เอโอลีนบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "เกรย์เบียสคงแอบได้ตัวอย่างชิ้นเนื้อของเด็กแว้นพลังจิตแปรปรวนที่พินาศไปพร้อมกับนิวโกเบเลยสิน่ะ"
              "มาสวาร์ทาร์ นายเคยทำงานให้กับรัฐบาลญี่ปุ่นมาก่อนนิ นายพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้เท็ตสึโอะซินโดรมบ้างมั้ยละ" เนคมาดูซัมถาม
               มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อปี 2114 ได้มีเด็กแว้นผู้หนึ่งเกิดอาการคลุ้มคลั้งจากการถูกไล่ล่าโดยทหารของทางรัฐบาล ซึ่งเพื่อนในแก็งค์ที่เป็นผู้ต่อต้านรัฐบาลพยายามเข้าขัดขวางและให้การช่วยเหลือเด็กแว้นผู้เคราะห์ร้าย จนทหารใช้มาตราการรุนแรงด้วยการถล่มเพื่อนในแก็งค์จนวอด ส่งผลให้เด็กแว้นผู้นี้ระเบิดพลังจิตออกมาสู้กับพวกทหารอย่างหนักหน่วง จนฝ่ายทหารต้องใช้ดาวเทียมยิงเลเซอร์เล่นงานเพื่อหวังจะจัดการกับเด็กแว้นพลังจิตผู้นี้ลง" แล้วก็ส่ายหน้าขึ้นมา "แต่....นั้นกลับทำให้เด็กแว้นนั้นโกรธจัดถึงขั้นบินขึ้นไปทำลายดาวเทียมยิงเลเซอร์ทิ้ง และเอาชิ้นส่วนมาแทนที่ร่างกายที่ถูกยิงทิ้งไป เพื่อเข้าถล่มพวกทหารถึงกองบัญชาการ แต่ไม่ทันไร ร่างกายของเด็กแว้นเกิดการขยายตัวจนกลายเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้สูบเอาพวกทหารและเพื่อนร่วมแก็งค์ที่เหลือรอดให้ถูกบดขยี้ลงไปด้วยน่ะ...."
              "แล้วก็มีเด็กชายพลังจิตที่ทรงพลัง ซึ่งเหลือเพียงชิ้นส่วนอวัยวะที่ถูกเก็บไว้ในห้องแล็บ จากการใช้พลังทำให้โตเกียวหายไป จนเด็กแว้นพยายามจะตามหา ประกอบรวมกันแล้วใช้พลังจิตวาร์ปส่งหายไปเลยสิน่ะ" ไซโคลเนียกล่าว
              สเปียริทบอก "เธอพูดเหมือนดูการ์ตูนเรื่องที่ว่ามาแล้วสิน่ะยะ เพราะว่าพวกเราก็ดูเหมือนกับเธอเช่นกันนี้แหละ" แล้วก็ถาม "มาสวาร์ทาร์ เรื่องที่มันเกิดขึ้นนั้น ตรงกับในการ์ตูนหรือเปล่า"
              "ไม่ตรงเลย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจริงนั้น เด็กแว้นที่ตัวบวมเป้งนั้น ถูกเลเซอร์ยิงถล่มใส่จนเป่านิวโกเบให้สูญหายไปในทันทีนะสิ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เจเนลบอก "เลเซอร์ยิงถล่มใส่ แต่นายบอกว่าดาวเทียมยิงเลเซอร์มันโดนไอ้เด็กแว้นพุ่งขึ้นไปทำลายทิ้งมิใช่หรือ"

              "เลเซอร์นั้นยิงจากดาวเทียมสติลเกียร์โคจิม่า ซึ่งเป็นดาวเทียมดวงที่สองที่หน่วยงานลับ เรียกใช้เพื่อยิงถล่มพวกแอนดรอยสวมหนังมนุษย์ที่ปะปนอยู่ในนิวโกเบให้วอดวายไปเลยนะสิ เพราะว่าในเวลาเดียวกันที่เด็กแว้นพลังจิตเสียสูญออกอาละวาดนั้น ดันมีคดีบุคคลสำคัญของทางรัฐบาลญี่ปุ่นและนักการฑูตจากประเทศอื่นๆหายตัวไป โดยเป็นฝีมือของพวกแอนดรอยที่ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มนักวิจัยที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์รัสเซียให้การสนับสนุน เพื่อหวังใช้แอนดรอยสวมหนังมนุษย์ที่ลักพาตัวมา ไปแทนที่บุคคลสำคัญในศูนย์การประชุมของสหประชาชาติที่ตั้งอยู่ในนิวโกเบ โดยที่บุคลากรของหน่วยงานดังกล่าวได้อพยพประชาชนส่วนมากไปจากเมือง ซึ่งมีการใช้เครื่องสแกนเนอร์ตรวจสอบหาบุคคลแปลกปลอมเอาไว้ด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "ส่วนเด็กชายพลังจิตที่เคยทำให้โตเกียวหายสูญไปนั้น ไม่มีอยู่จริงเลย และโตเกียวเองก็ไม่ได้หายไปด้วย มีแต่เด็กแว้นผู้คลุ้มคลั้งจนตัวบวมเท่านั้น ซึ่งเป็นผลงานที่ผิดพลาดจากโปรเจคพัฒนาทหารพลังจิตหลบหนีออกมาอยู่กลางถนนและไปลงเอยที่กลุ่มเด็กแว้น โดยพวกทหารได้รับคำสั่งตรงจากหน่วยลับของรัฐบาลให้รีบกำจัดเด็กแว้นผู้นี้โดยเร็ว แต่กลับล้มเหลวจนโปรเจคดังกล่าวถูกสั่งปิด และข้อมูลการวิจัยทุกอย่างของโปรเจคก็ถูกส่งเก็บอยู่ในฐานข้อมูลลับของรัฐบาล พร้อมกับคดีแอนดรอยสวมหนังมนุษย์ด้วย"
              แอบไบออสถาม "แล้วตกลงนิ เด็กแว้นผู้นั้นเป็นหนักมากขนาดนี้ มันมาจากสาเหตุไหนละ"
              "เด็กแว้นที่เป็นตัวการนั้น มียีนพันธุกรรมที่ผิดปกติอย่างมากอยู่ในสมองมาตั้งแต่กำเนิด ที่ไม่เพียงทำให้สภาพจิตเกิดความแปรปรวนกันอย่างเดียว แต่มันยังทำให้ไมโตรคอนเดียในเซลร่างกายเกิดการขยายตัวแบบที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งถ้าเขาเป็นปกติก็คงไม่น่าเป็นอะไรอยู่ แต่พอเขาถูกจับไปทดลองในสถาบันวิจัยสร้างทหารพลังจิตขึ้นมา นักวิจัยไม่ได้แค่ปลดปล่อยพลังจิตให้กับเด็กแว้นผู้นี้ แต่ยังถอดสลักระเบิดเวลาออกไปโดยไม่รู้ตัว กว่าพวกเขาจะรู้เรื่องนี้และพยายามหยุดยั้งก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย ทุกอย่างก็สายไปแล้วน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "แน่นอน ว่าหลังเหตุการณ์นั้นจบลง รัฐบาลจึงส่งทีมแพทย์วิเคราะห์ข้อมูล และนำตัวอย่างชิ้นเนื้อของเด็กแว้นที่ยังหลงเหลืออยู่ในซากเมืองนิวโกเบไปวิจัย จนได้ข้อสรุปว่าเขาเป็นโรคร้าย ที่มีชื่อเดียวกับเขา นั้นก็คือ เท็ตสึโอะซินโดรม นี้เองน่ะ"
              ลิเนียร์ตี้บอก "แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมานั้นมันปี 2114 ซึ่งผ่านมาตั้ง 100 ปีก่อนนิ แล้วนายรู้เรื่องนี้ได้ไงละ ในเมื่อเรื่องดังกล่าวอาจจะมีชั้นความลับที่สูงเกินตำแหน่งของนายในตอนนั้นได้น่ะ"
              "ที่ฉันรู้เรื่องทั้งเด็กแว้นเสียการควบคุมและแอนดรอยสวมหนังมนุษย์นั้น เพราะว่าฉันทำคดีขี้ยาที่มีอาการแบบเท็ตสึโอะซินโดรม ซึ่งเขาได้ซื้อยามาจากเอเยนต์ของแก็งค์โควาบังดะในแถบโทโฮคุ แล้วก็ลงเอยแบบเดียวกัน นั้นคือตัวบวมและระเบิดเป็นจุล คนในรัฐบาลที่รู้เรื่องนี้เลยให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวมา จนฉันสืบได้ว่า แก็งค์โควาบังดะ ได้เซลล์เนื้อเยื่อเด็กแว้นที่ถูกขโมยไปจากสถาบันวิจัยชีวภาพลับที่ฮอคไกโดมาเก็บไว้สกัดทำเป็นยา และเซลล์เนื้อเยื่อบางส่วนถูกส่งออกไปนอกประเทศกันแล้วนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              แอนเดรียกล่าว "แล้วที่พวกคุณได้ข้อมูลมานั้น แปลว่าดร.รีไลฟ์เวอรี่ก็รู้เรื่องที่เกิดในนิวโกเบด้วยสิคะ"
              "รู้สิ และดร.เดลวีแองนูในเวลานั้นเองก็ทราบด้วย ถึงขั้นออกมาประกาศชื่อโรคที่ว่านี้อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ชาวโลกไม่ก่อเรื่องกับเด็กเอสเปอร์ เป็นเหมือนเด็กแว้นผู้เคราะห์ร้ายดังกล่าวจนเกิดความเสียหายขึ้นมาเลยน่ะ และสั่งห้ามไม่ให้มีการนำชิ้นส่วนของผู้เคราะห์ร้ายไปใช้ก่อเรื่องกันอีกด้วย" อีธานบอก "ถ้าจะถามว่าอาการแบบนี้ สามารถรักษาได้มั้ย ฉันบอกตามตรงเลยว่า ชาวโลกสามารถหาทางรักษาโรคนี้ได้แล้ว โดยที่ดร.รีไลฟ์เวอรี่รุ่นก่อนเป็นผู้ร่วมคิดค้นวิธีรักษา ซึ่งเราได้ใช้ข้อมูลนี้ดูแลรักษาเพื่อนของเราที่เป็นเอสเปอร์จากโรคร้ายนั้นโดยสมบูรณ์แล้วน่ะ"
               เจเนลกล่าว "แต่ ยัยเปี้ยกคงจะไม่ติดโรคที่ว่าจนตัวบวมเหมือนปลาปักเป้าผสมคางคกเลยใช่มั้ยละ"
              "เดียวปลาปั้กเป้าคางคกจะบีบหัวนายให้แบนเลยมั้ยละ" จิลบอก และกล่าวอย่างรู้สึกหวาดกลัวครึ่งและโล่งอกครึ่งหนึ่ง "แค่เรื่องเดียวก็ยืดยาวไปยังอดีตที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูนที่เราดูด้วยแล้ว ดีที่ฉันไม่ได้เป็นหนักถึงขั้นนั้นเลยน่ะ"
               คลอเวฟบอก "แล้วยังมีโปรเจคอะไรที่แย่กว่าไอ้เซรุ่มพาวเวอร์อัพจนบวมเป็นบอลลูนหรือเปล่าละ"

              "ที่แย่ที่สุดก็คงจะเป็น คอมพิวเตอร์สมองคนติดตั้งในโมบิลทรูปเปอร์นะสิครับ" ฟูลออเรสบอก "ในเหตุข้อพิพาทบนเกาะซาทแมนเมื่อปี 2146 อันมีมหาสหรัฐอเมริกากับกลุ่มสมาพันธ์โอเชียเนีย ซึ่งทำสงครามเพื่อชิงกรรมสิทธิ์บนเกาะที่เกิดใหม่ในแถบมหาสมุทรแปรซิฟิกกลางนั้น ได้บานปลายจนเกิดเป็นสงครามขนาดใหญ่ ถึงขั้นมีทหารกล้าล้มตายไปไม่น้อย แต่ความจริงแล้วสงครามดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มอาร์คติค อันมีรัสเซีย ยุโรปเหนือและมองโกเลีย ก่อสงครามขึ้นเพื่อนำสมองจากศพทหารมากความสามารถ ไปสร้างเป็นคอมพิวเตอร์สำหรับโมบิลทรูปเปอร์รุ่นล่าสุด โดยพวกเขาอ้างว่า พวกเขาทำเพื่อให้ชีวิตใหม่กับทหารที่เสียชีวิตไปแล้ว ให้มีกายาอันใหม่ที่แข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งกว่า ซึ่งพวกเขาใช้โมบิลทรูปเปอร์เหล่านี้สงบศึกบนเกาะซาทแมนขึ้นในทันที"
              โฟรซ่าบอก "แต่ กลุ่มต่อต้านบนเกาะซาทแมนนั้นออกมาแฉเรื่องนี้ต่อสาธารณชน จนสหพันธ์โลกในเวลานั้นต้องสั่งระงับกองรบของกลุ่มอาร์คติคทิ้ง เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการลบหลู่ทหารผู้เสียสละตน และถือเป็นการฆาตกรรมทหารดีๆไปด้วย ซึ่งฉันรู้มาจากวิชาประวัติศาสตร์ในอดีตมาก่อนน่ะ"
              "แล้วรัสเซียยังมีใช้ไอ้กองรบโมบิลทรูปเปอร์เหล่านั้นหรือเปล่าวะ" คลอเวฟถาม
              มาสวาร์ทาร์บอก "ถ้าเป็นฝ่ายทหารและฝ่ายรัฐบาลของรัสเซีย พวกเขาไม่เห็นชอบแน่นอน เพราะกลุ่มที่ร่วมอยู่ในกลุ่มอาร์คติคนั้น ก็คืออดีตคอมมิวนิสเดิมที่เป็นเจ้าของโปรเจคแอนดรอยสวมหนังมนุษย์ที่เหลือรอดจากการจับกุม หลังเหตุนิวโกเบจบลงไปได้ 30 ปีกว่าแล้วละ และพอเรื่องสมองคอมพิวเตอร์ถูกเปิดเผย ทหารของรัฐบาลรัสเซียเลยเข้ากวาดล้างทำลายสถาบันวิจัยและฐานการผลิตทิ้ง พร้อมกับสั่งประหารบุคลากรที่เกี่ยวข้องลง ในวันครบรอบการตายของทรอตสกี้ไปแล้วน่ะ" และพูดต่อไปว่า "แน่นอน ว่าดร.เดลวีแองนูในช่วงเวลานั้น ก็สั่งห้ามมิให้ทำการวิจัยกับศพคนตาย โดยเฉพาะการนำศพคนมาใช้ใส่ในร่างจักรกล ไม่ว่าเจ้าของร่างจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"
              "แต่การที่เกรย์เบียสมีข้อมูลนั้น มันคงจะได้ข้อมูลจากในฐานก่อนที่พวกรัสเซียมาถล่มทิ้งไปเลยสิน่ะ" แอบไบออสบอก "แล้วเกรย์เบียสใช้ข้อมูลนี้สร้างโมบิลทรูปเปอร์เหล่านั้นไปแล้วสิน่ะ"
              ฟูลออเรสพยักหน้า "แม้ว่าเขาจะสร้างขึ้นโดยได้ส่งคนไปฆ่าพวกทหารฝีมือดีเพื่อควักเอาสมองออกมา แต่....เกรย์เบียสลืมไปว่า แถบรัสเซียทางตอนบนและตะวันออกเป็นถิ่นของพวกครอสตรีม ซึ่ง....คงไม่ต้องบอกเลยนะครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นนะครับ"
            
               "แล้วศพของพวกทหารที่ถูกแย่งสมองไปนิ คงไม่ได้เอาไปฝังทิ้งหรือทำลายไม่ให้เหลือซากเลยสิน่ะ" สเปียริทบอก
              เมดิน่าบอก "นั้นแหละคืออีกโปรเจคที่ว่ามานะคะ ศพของทหารที่ไร้สมองนั้น เกรย์เบียสได้ดำเนินตามโปรเจคโคลนนิ่งอีกรายการ ซึ่งมันเริ่มตั้งแต่ปีค.ศ.2018 ดร.เฮราชิม่า นักวิจัยเรื่องการโคลนนิ่งสิ่งมีชีวิตชื่อดังในเวลานั้น ถูกจับกุมในข้อหา สั่งการให้ฆาตกรโรคจิตลอบสังหารลูกสาวของตนเอง เพื่อสร้างเหตุผลให้คนในครอบครัวทำทุกวิถีทางเพื่อชุบชีวิตเธอด้วยวิธีการโคลนนิ่ง จากการใช้ศพเธอเป็นองค์ประกอบหลัก แน่นอน ว่าเรื่องนี้ดร.รูเกล เดลวีแองนู นักวิทยาศาสตร์จากสหประชาชาติ ผู้ที่ค้นพบข้อมูลสร้างแมนิเกเตอร์จากชาวออร์เลี่ยนที่ทิ้งไว้บนดวงจันทร์ในเวลาต่อมา ได้ร่วมมือกับหน่วยสืบราชการของญี่ปุ่น จับกุมฆาตกรโรคจิตด้วยการวิเคราะห์ลักษณะพฤติกรรม เพราะว่าฆาตกรผู้นี้ฆ่าคนไปหลายรายอย่างอุกอาจ ช่วยเหลือลูกสาวของดร.เฮราชิม่าไว้ แต่ตัวดร.เฮราชิม่านั้นต้องถูกจับกุมพร้อมกับเพิ่มข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับผู้ก่อการร้ายกลุ่มแบล็คไวท์แบร์ จากการที่มีการสืบเพิ่มเติม ว่าดร.เฮราชิม่า ติดต่อสั่งซื้ออาวุธนาโนแมชชีนที่ใช้กับศพจากกลุ่มดังกล่าว นำมาใช้ในงานวิจัยของเขา จนทำให้สหประชาชาติส่งกองกำลังไปปราบปรามและกวาดล้างนาโนแมชชีนเหล่านั้นไว้ได้ พร้อมกับชะลอโปรเจคการโคลนนิ่งไปอีก 10 กว่าปี โดยมีลูกชายคนโตรับผิดชอบในเรื่องนี้ให้ลงตัว จนได้รับการอนุมัติให้ผ่านหลังจากที่ดร.รูเกลค้นพบวิทยาการสร้างแมนิเกเตอร์ไปแล้วนะคะ"
              "แล้วเกรย์เบียสคงไปเจอข้อมูลไอ้นาโนแมชชีนที่หลงเหลืออยู่ นำมาใช้กับศพทหารที่ไร้สมองไปเลยสิน่ะ" พลัสเชอริทบอก
              ฟูลออเรสพยักหน้า "ข้อมูลนาโนแมชชีนดังกล่าวนั้น มันถูกส่งต่อเปลี่ยนมือเจ้าของไปหลายรายด้วยกันมาตลอด 238 ปี จนกระทั่งเกรย์เบียสมาค้นพบเข้า แล้วใช้ข้อมูลดังกล่าวมาสร้างกองทัพมนุษย์หัวจักรกลขึ้นมา พร้อมกับแปรสภาพสัตว์ทดลองให้เป็นสัตว์ประหลาดติดชิ้นส่วนจักรกลไว้ด้วย เพียงแต่ กองรบดังกล่าวถูกทำลายทิ้งโดยกองรบของจอมพลบราวน์เนฟลงไปแล้วนะครับ"

              "แต่ละโปรเจคที่ว่ามานิ ดีทั้งน่านเลยน่ะ เกรย์เบียสมันฉลาดมากเลยหรือ" คลอเวฟบอก
              อีธานกล่าว "เท่าที่ผมตรวจสอบประวัติของเขาดู พบว่าเกรย์เบียสจบจากมหาวิทยาลัยด้วยปริญญาเอกวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์ เคมี และชีวภาพด้วยคะแนนเกียรตินิยม ตนเลยเข้าสู่กองทัพในฐานะเจ้าหน้าที่วิจัยด้านอาวุธ ซึ่งได้ใช้ความรู้ในการคิดค้นสร้างวิธีและอาวุธให้กับกองทัพสหพันธ์โลก ในการกำจัดพวกแมนิเกเตอร์ที่หลงเหลือหลังจากโอเวอร์เดสและพวกหายไปที่แรซัลก้าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จนได้เลื่อนขั้นเป็นชั้นนายพลอย่างรวดเร็วและได้สิทธิ์การคุ้มครองทางกฎหมายจากสหพันธ์โลก แต่ด้วยนิสัยอวดฉลาดและสำคัญตนว่าเป็นฝ่ายถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เขาทดสอบอาวุธกับชาวบ้านจนมีคนล้มตายไปไม่น้อย เหมือนที่นายพลท่านอื่นเคยทำมา" แล้วก็เปิดประวัติการค้นคว้า "นอกจากเขาจะรื้อฟื้นงานวิจัยต้องห้ามกลับมาทำใหม่แล้ว เขายังดำเนินโปรเจคสร้างกองทัพสัตว์ประหลาดชีวภาพ สร้างหุ่นจักรกลสงคราม สร้างเหล่าทหารเหนือมนุษย์อันทรงพลัง โดยอ้างอำนาจและสิทธิ์จากสหพันธ์โลกใหม่กันไว้ ว่าเขาถูกสั่งให้สร้างอาวุธพิฆาตแมนิเกเตอร์โดยเฉพาะ ซึ่งเขาทำโดยไม่กลัวเกรงว่าจะมีใครห้าม นับตั้งแต่ดร.เดลวีแองนูและแอนเดรียหลบซ่อนอยู่ในแคปซูลจำศีลไว้แล้วนะครับ"
              "แต่โปรเจคเหล่านั้นก็ถูกเบรคและถูกพ่อลูกคราฟตันทำลายทิ้งไปซะทุกครั้งเลยสิน่ะ" สเตฟอร์ดบอก "แล้วดร.รีไลฟ์เวอรี่รู้เรื่องนี้ด้วยใช่มั้ยละ"
              เอโลลีนบอก "คะ แต่พวกคุณก็รู้ดีนะคะ ว่าดร.รีไลฟ์เวอรี่เองก็ออกมานอกสถาบันในเอเวอเรสไม่ได้ เพราะเขามีสถานะเป็นบุคคลต้องการตัว หลังจากที่ดร.เดลวีแองนูหายตัวไป ดร.รีไลฟ์เวอรี่ก็คือเป้าหมายต่อมา แม้จะทราบเรื่องที่เกรย์เบียสก่อขึ้นไว้ เขาก็ได้แค่หวังให้มีคนเข้าขัดขวางแผนการของเขาเท่านั้นนะคะ"
              "อย่างจอมพลบราวน์เนฟและนายพลบราวน์เดคสิน่ะ แต่ตอนนี้นายพลบราวน์เดคมองเราเป็นศัตรูไปแล้วน่ะ" เนคมาดูซัมบอก "ตอนนี้เรารู้แล้วว่าพวกครอสตรีมเคลื่อนไหวคุกคามยุโรปกันแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณนายพลวิลเลี่ยมด้วยที่ให้ข้อมูลกับเราเรื่องการเกณฑ์ทหารภายในสหภาพยุโรปกันน่ะ"
              แล้วก็เปิดภาพโฆษณาขึ้นมา "พวกคุณอยากจะเป็นวีรบุรุษใช่มั้ย อยากจะเป็นยอดนักรบผู้แข็งแกร่ง อยากจะเป็นทหารผู้กล้าหาญ อยากจะเป็นนักสู้เพื่อผดุงความยุติธรรม และอยากเป็นผู้พิทักษ์โลก จากการคุกคามของพวกแมนิเกเตอร์ในอวกาศกัน ถ้าพวกคุณต้องการเช่นนั้น สมัครกับกองทหารของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่กันได้เลย เพราะทางเราต้องการมนุษย์อย่างพวกคุณเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับเหล่าแมนิเกเตอร์เลยนะครับ"
              "พวกมนุษย์โลกยังไม่รู้หรอกน่ะ ว่าต้องเจออะไรตอนเข้ามาในฐานทัพของสหพันธ์โลกใหม่เลยน่ะ" แอบไบออสบอก
              พีวิลบอก "อย่างน้อย เรารู้ว่ากองทัพสหพันธ์โลกใหม่ในทวีปยุโรปนั้น มีที่ไหนบ้างที่เกณฑ์และพาไปยังกองบัญชาการกัน ซึ่งโชคดีมาก ที่ประเทศส่วนมากในยุโรป ล้วนมีฐานทัพของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ตั้งอยู่ รวมถึงฝรั่งเศสของรุ่นพี่โฟรน่า อังกฤษของมาสวาร์ทาร์ และนอร์เวย์ของจายด์ด้วย" แล้วก็เปิดแผนที่โฮโลแกรมของทวีปยุโรป พร้อมกับระบุตำแหน่งฐานทัพของสหพันธ์โลกใหม่ "แน่นอน ว่าเรดาห์ตรวจสอบพิสัยไกลของเราตรวจจับสัญญาณอนุภาคครอสเซี่ยมที่อยู่ข้างในฐานทุกแห่ง รวมถึงส่งสัญญาณเตือนภัยกันด้วยน่ะ"
              "ทราเวยน์ก่อเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก "สงสัยว่าเราต้องลงมือกันโดยเร็วแล้ว และต้องระวังทั้งพวกเทอร่าสควอดอน รวมถึงพวกเอฟซีตรอนกันด้วยน่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "ฉันคงต้องให้พวกแคร์เรี่ยนมาช่วยอีกแรงแล้วละ"

              ณ.กองบัญชาการเทอร่าสควอดอน มหาสมุทรแปรซิฟิกกลาง
              "ดูท่าว่า พวกเธอคงจะประมาทมัตสึดะและโฟรน่าไปหน่อยน่ะ โรนัลด์ จูดิธ เพราะแม้จะกลายเป็นแมนิเกเตอร์ ทั้งคู่ล้วนเป็นทหารระดับอัจฉริยะอยู่ เท่ากับว่าพวกเขาคิดแผนหลบหนีไว้แต่แรกแล้วน่ะ" บราวน์เดคกล่าวหลังจากที่จูดิธและโรนัลด์ติดต่อเข้ามา
              โรนัลด์บอก "ไม่แปลกใจแล้วละครับ ที่คุณมัสด้าให้เพื่อนขับหุ่นรบซ่อนตัวอยู่ในแม่น้ำเธม แล้วโผล่ขึ้นมาช่วยไปพร้อมกับสร้างความตกตะลึงให้กับชาวเมือง รวมถึงตำรวจสก็อตแลนยาร์ดด้วยนะครับ"
              "แต่ของฉันนั้น เกือบจะจับพี่โฟรน่ากันแล้วแท้ๆ ไม่คิดเลย ว่าพี่จะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อความสนใจของฉันและตำรวจ โดยที่เราไม่รู้ว่าพี่พาเพื่อนมาแช่แข็งพวกเราและคุณออลเบนท์ แถมยังให้ฟริตซีร่าบินมารับเธอกับพวกหนีไปด้วยน่ะ" จูดิธบอก
              บราวน์เดคพยักหน้า "นั้นบ่งบอกได้ว่า พวกไทรเวเซอร์ไม่คิดทำร้ายพวกมนุษย์กันจริงๆเลยน่ะ"
              "แล้วเขตโรงงานของมหาเศรษฐีโบลเชทเป็นยังไงบ้างละ" จูดิธติดต่อไปที่ฝั่งนอร์เวย์ โดยเผยภาพของชายหนุ่มผมสีดำเข้มสวมหมวกเบเร่ต์น้ำเงินกับหญิงผมสั้นสีเหลืองอ่อนมีขอบตาดำโผล่มา
              "ดูท่าว่า มิสเตอร์ลอมเบิร์คไม่เพียงบุกเข้ามาเพื่อหาเรื่องกับท่านประธานกันอย่างเดียว แต่เขาได้หนีไปพร้อมกับขโมยเทอร่าเวิร์คเกอร์สองตัวไปด้วยนะครับ คุณจูดิธ" ชายหนุ่มผมดำกล่าว
              "ทั้งๆที่โบลเชทเฮฟวี่อินดัสทรี่มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง รวมถึงระบบสื่อสารระยะไกลที่สามารถแจ้งเตือนฐานทัพในระแวกนั้นมาได้แล้วมิใช่หรือ มิลโดว์" จูดิธกล่าวกับมิลโดว์ อเวนตัส เจ้าหน้าที่กองเทอร่าสควอดอนจากอิตาลี โดยเขาให้หญิงขอบตาดำแจ้งไปว่า
               "มิสเตอร์ลอมเบิร์คให้หุ่นเทพียักษ์ปล่อยอนุภาคขนาดเล็กรบกวนคลื่นการสื่อสารเอาไว้ และให้หุ่นเบอร์เก้าเดิมที่ดักซุ่มอยู่ในป่าเขาใกล้ๆกัน ทำการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ในโรงงาน เปิดช่องให้เพื่อนตัวโตอีกสองสามรายบุกเข้าไปขโมยเทอร่าเวิร์คเกอร์สองตัวหลบหนีหายไป ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถใช้กล้องวงจรปิดในพื้นที่รอบนอกของโรงงานจับภาพตัวการได้เลยนะคะ"
              "เธอคงจะสอบถามพยานมากกว่าใช้สายตาที่แลดูน่ากลัวไปขู่เขาเลยสิน่ะ เฮลก้า" โรนัลด์บอกโดยเอ่ยชื่อหญิงขอบตาดำ นามเฮลก้า วอนดริช เจ้าหน้าที่เทอร่าสควอดอนจากเยอรมันไว้
             "แต่นายเองก็โชคดีน่ะที่เป้าหมายของนายไม่ใช้ดาบผ่ารถคันโปรดของนายขาดเป็นสองท่อนเสียเลยน่ะ โรนัลด์" มิลโดว์บอก "ท่านนายพลครับ ดูเหมือนว่า กองกำลังไทรเวเซอร์ยังอยู่ในทวีปยุโรปกันแล้ว จะให้เราส่งกองกำลังไปเลยมั้ยละครับ"
              "ตอนนี้ฉันได้แจ้งให้ทาริก้าพาหน่วยของเธอจากรัสเซียมาสมทบกันแล้ว เพราะพวกไทรเวเซอร์มีการป้องกันการตรวจจับจากดาวเทียมและผ่านระบบรักษาความปลอดภัยไว้น่ะ" บราวน์เดคบอก
              ไม่ทันไรก็มีสายแจ้งมาจากโอเปเรเตอร์หญิงผมม่วงเข้ามา "เออ มีการแจ้งมาจากเขตชุมชนใกล้กับฐานทัพสหพันธ์โลก ซึ่งขาดการติดต่อไปอย่างฉับพลันในเวลาเดียวกันเลยนะคะ"
              "คงไม่ใช่ฝีมือของพวกไทรเวเซอร์เลยสิน่ะ ไวโอล่า" เฮลก้าบอก
              โอเปเรเตอร์นามไวโอล่ากล่าว "เปล่าหรอก แต่....พวกที่บุกจู่โจมเขตชุมชนและเขตเมืองนั้น คือเวอเด้เลเจี้ยนนะสิ" โดยนำภาพของเหล่าครอสตรีมบนโลกชุดใหม่ ที่บุกออกมาจากฐานทัพสหพันธ์โลกใหม่ในยุโรปกัน "นี้มัน พวกศัตรูโผล่มาจากข้างใต้ฐานทัพและเข้าจู่โจมเลยสิน่ะ ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะรีบกลับไปโดยเร็วแล้ว...." เฮลก้าได้เห็นก็กล่าวอย่างตกใจ
              "เกรงว่าถึงเธอและมิลโดว์จะรีบกลับมา ก็คงไม่ทันหรอกน่ะ เพราะ....แขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาเคลียร์แล้วน่ะ" ไวโอล่ากล่าวพร้อมกับนำภาพในเมืองไลออน ซึ่งครอสตรีมชุดใหม่บุกเข้ามาในตัวเมือง โดยมีพาราไดน์ เทมเพร่า และครูเซเดนรวมกัน 30 ตัว เพียงแต่พวกนี้ไม่สวมเฟสการ์ด โดยเผยโฉมหน้าในสภาพของมัมมี่และหัวกระโหลกสีเขียวแก่ออกมา แถมยังมีออร่าสีเขียวออกตามตัวด้วย "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แชดๆๆๆๆๆๆ" กรมตำรวจและหน่วยสวาทประจำเมืองไลออนพยายามใช้ปืนสั้น ปืนกล และปืนเลเซอร์ยิงโต้ตอบ แต่ "ฉ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ วึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ห่ากระสุนเมื่อเข้าใกล้พวกครอสตรีมกลับสลายตัวไป ในขณะที่เลเซอร์ถูกดูดกลืนจนร่างเปล่งออร่าสีเขียวแรงกล้ามากขึ้น แล้วก็บุกเข้ามาโดยมีดาบ หอก และทวนยักษ์ในมือ
              "หนอยยยย กองทหารประจำเมืองมาได้เท่านี้เลยหรือ" ออลเบนท์กล่าวขึ้น โดยที่เขามาคุมกองรบที่เมืองนี้ไว้ ซึ่งครูเซเดนถือทวนยักษ์หมายจะแทงใส่แนวกำแพงบาดิเคทของกรมตำรวจ เพื่อเข้าถล่มศาลาว่ากลาง

              "ป้างงงงง เปรี้ยงงงง" ไม่ทันไร ครูเซเดนตัวนั้นถูกยิงทะลุไวเซอร์ขนาดใหญ่จนหัวกระจุยไป ตามด้วย "ป้างงง ป้างงง ป้างงง เปรี้ยงๆๆ" เทมพาร่าสามตัวถูกยิงเข้าที่หน้าจนกระจุยตาม
              "เออ หัวหน้ามีสไนเปอร์มาช่วยหรือครับ" เจ้าหน้าที่สวาทถาม
              ออลเบนท์เงยหน้าไปยังหลังคาสูงของศาลาว่ากลาง "แว้งงงงงง" เห็นโฟรซ่าคลายการพลางตัวนั่งอยู่ด้านบนพร้อมกับ "กรี้งๆๆๆ" คัดกระสุนออกจากรังเพลิงฟาร์ไซน์ไรเฟิ่ลออกสี่นัดด้วยกัน "แค่วิญญาณเร่ร่อนมาช่วยไว้ก็เท่านั้นแหละ"
              ไม่ทันไร เทมพาร่าตัวหนึ่งชูหอกขึ้น "ฟ้าววว เปรี้ยงงงง" สายฟ้าสีเขียวพุ่งเข้าใส่โฟรซ่าจนเธอต้อง "โท้วววววว" กระโดดสูงหลบสายฟ้าสีเขียวฟาดลงมาได้ทัน แล้วก็ "ฟึ่บ แกร็ก ป้าง ป้าง ป้าง ป้าง ป้าง ป้าง" เสียบแมกกาซีนใส่กระสุนสำหรับส่องไกลเข้าไปใหม่แล้วยิงใส่เทมพาร่าตัวเอ้ไปพร้อมกับพาราไดน์ 4 ตัวและครูเซเดนลงบนหัวให้ดับดิ้นลงไป "ฟ้าวววววววว" พาราไดน์ตัวหนึ่งพุ่งทะยานโดยพลังออร่าครอสเซี่ยมอันรุนแรงหมายจะใช้ดาบแทงใส่ "แกร็ก ป้างงงง" แต่โดนโฟรซ่าจ่อยิงในระยะประชิดด้วยกระสุนนัดที่หกในแมกกาซีน แต่เป็นนัดที่เจ็ดที่ยิงออกไปจนเป่าท้องกระจุย แล้วก็ "ป้ากกก" ถีบตัวพาราไดน์ให้ร่วงลงไปกระแทกกับพวกที่อยู่เบื้องล่าง "ฟึ่บบบ ตึก" จนโฟรซ่าโดดลงบนหลังคาอาคารที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมกับ "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ออกวิ่งไปโดยเร็ว จนพวกครอสตรีม "ซูมมมมม ซูมมมม ซูมมมมม ซูมมมม" รีบโดดขึ้นหลังคาไล่กวดโฟรซ่ากัน "ฟ้าวววว ฟ้าววว ฟ้าวว ฟ้าววว" เทมพาร่าบินเข้ามาและพุ่งจู่โจมด้วยหอกเข้าใส่โฟรซ่า "ฟึ่บบบบ ฟึ่บบบบ ฟึ่บบบบ ฟึ่บบบบ หวับบบ ปัง โครมมมม ฟึ่บ หวับๆๆๆ ปังๆๆๆๆ" เธอหลบการพุ่งเข้าจู่โจมของเทมพาร่าสามตัว ส่วนตัวที่สี่บุกเข้ามานั้น โฟรซ่าโผหลบออกด้านข้างและใช้เดริงเจอร์แมกนั่มยิงเข้าสีข้างเทมพาร่าให้ล้มลงไป แล้วหมุนตัวพร้อมกับชักปืนอีกกระบอกเพื่อยิงใส่เทมพาร่าสามตัวให้ล้มไป "ตึกๆๆๆๆ" ตำรวจสวาทหญิง 2 คนวิ่งออกจากกลุ่มพร้อมกับ "ฟึ่บบบ แฟ้วววว ซูมมมมมมมมม ซูมมมมมม" สบัดชุดออกเผยโฉมหน้าของเมย์เดย์และไซโคลเนียบินขึ้นไปบนหลังคาตึก "ฟ้าววววว เคร้งงงงง" ไซโคลเนียบุกจู่โจมด้วยกริฟสเปียร์ในมือฟันใส่พาราไดน์ที่เข้ามาลอบกัดโฟรซ่าจากข้างหลัง ในขณะที่เมย์เดย์ถือหอกทริปเปิ้ลร็อด "ฟึ่บๆๆ ฉึก" โดยยืดด้ามสามจังหวะเข้าแทงใส่เทมพาร่าที่บุกเข้ามาจนล้ม แล้วก็ "ซวบ ทิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" ดึงหอกออกและใช้กราฟบีมซับแมชชีนกันกระหน่ำยิงเผาขนใส่เทมพาร่าจนตัวพรุนเป็นรู "หวับๆๆๆๆๆๆ ป้าก ป้าก" โฟรซ่าซัดเดริงเจอร์แมกนั่มให้ปลายด้ามถือกระแทกกับหน้าพาราไดน์สองตัวไปเต็มๆ จนกระเด้งขึ้นมาให้โฟรซ่าโดดคว้ารับแล้วก็ "ปังๆ เปรี้ยงๆ" ยิงซ้ำเข้าที่หัวให้ทะลุไป "แว้งงงง แฟ้วววว" ครูเซเดนฟาดดาบยาวซัดคลื่นคมดาบเข้าใส่โฟรซ่า "วินด์สแลช" ไซโคลเนียซัดคลื่นคมมีดลมตัดพุ่งเข้า "ฉั้วะ เปรี้ยงงง" ผ่าคลื่นคมดาบพลังครอสเซี่ยมให้หายและ "ฉั้วะ" พุ่งตัดหัวพาราไดน์ที่เตรียมปืนยาวครอสเซี่ยมจนขาด "วินด์สตอร์มทอร์เนโดว์" เมย์เดย์ใช้แบ็คแพ็คใบพัดสองข้างปล่อยพลังพายุอัดใส่พวกครอสตรีมที่โดดขึ้นหลังคาจน "ฟ้าววววว" เป่าพวกนั้นให้ปลิวขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว "โซลริปเปอร์ เฮฟวี่นิวมูนแฟงค์" โฟรซ่าเลยใช้เคียวคู่ใจของเธอที่ได้รับจากไซโคลเนียมา โดยอัดพลังที่คมเคียวจนสร้างออร่าสีฟ้าขึ้นมา และ "หวับบบบ ฉั้วะ ฉั้วะ ฉั้วะ ฉั้วะ" กวาดแกว่งฟาดฟันไปสี่ทีเต็มเข้าใส่พวกครอสตรีมกลุ่มใหม่จน "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เป่าทำลายพวกครอสตรีมจนดับดิ้นไป
              "รีบเรียกจูดิธมานี้โดยด่วนเลยเร็ว" ออลเบนท์บอก เพราะเขาเห็นไซโคลเนียและเมย์เดย์บินพาโฟรซ่าหนีฝ่ากลุ่มควันระเบิดออกจากเมืองไปแล้ว

              ที่เวนิช อิตาลี เมืองแห่งแม่น้ำที่ตอนนี้พวกครอสตรีมออกก่อความเดือดร้อนกันแล้ว
              "เกร้งงง กร้องงง เกร้งงงง ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ หวับ ป้ากกก ซ่า" คลอเวฟใช้ขวานสู้กับพวกพาราไดน์ที่ใช้ดาบยาวและโลห์กันอย่างหนักหน่วง แม้จะมีตัวที่สี่บุกมาใช้หอกอาบพลังออร่าครอสเซี่ยมแทงใส่ คลอเวฟก็ถอยหลบและถีบให้ร่วงตกแม่น้ำไป "ฟึ่บ หวับๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆ" จากนั้นก็ซัดแองเกอร์แอ็กซ์เข้าผ่าใส่พาราไดน์หัวร้อนทั้งสามจนตัวขาด แล้วก็ "เฮ้ยยยยย วอร์ชิฟดรอปปปป" กระโดดถีบขาคู่ใส่พาราไดน์ตัวที่ตกน้ำจนฝ่าเท้าของกราดิเอเตอร์มารีนปะทะกับหน้าและหน้าอกไปเต็มๆ "ตายซะ เบรซซิ่งฟิสท์แห่งอีเนอไมนด์" พาราไดน์สี่ตนบุกเข้าจู่โจมพีวิลที่อยู่ในตัวเมือง ด้วยการใช้ดาบที่อาบพลังครอสเซี่ยมจนเกิดเป็นออร่าอันรุนแรง "ฟึ่บ แกร็ก หวับๆๆๆๆๆๆ" พีวิลเลยต่อประกอบเอนเนอจี้ร็อดสองอันให้เป็นพลองแล้วก็หมุนควง จากนั้นก็วิ่งเข้า "หวับบบ แชบบบ หวับบบ แชบบบ หวับบบ ป้ากกก แชบบบ หวับบบบ หวับบบ แชบบบบ" ฟาดใส่พาราไดน์สองตัวแรกก่อนที่มันจะหวดดาบใส่ จากนั้นก็ใช้พลองปัดดาบของตัวที่สามที่ฟาดเข้ามา และฟาดสวนกลับในแนวขวาง สุดท้ายก็หลบการจ้วงแทงของตัวที่สี่พร้อมกับหวดใส่กลางหลัง จนปลิดชีพพาราไดน์ทั้งสี่ตัวให้ดับดิ้นลง "เคร้งง เชร้ง เชร้ง เชร้ง แคร้ง เคร้ง เชร้ง เชร้ง เชร้ง" พวกเวลลิท ฟลาแน็กซ์ และดิเรนท์สู้กับพาราไดน์ด้วยโครมเมทาเลี่ยมคาตาน่าบนหลังคาจนเอาชนะลงได้ ในขณะที่เวลลิท ชาร์เครฟและแฮมชัคสู้กับเทมพาร่าบนเรือกอนโดร่ากลางแม่น้ำในแวนิช "กร้องงง เกร้งงง กร้องง กร้องงง กร้องงง" บ็อกไซน์สู้กับครูเซเดนถือดาบครอสเซี่ยมเกรทซอร์ดด้วยกราฟบอร์ดซอร์ดอย่างหนักหน่วง โดยที่อีกตัวบุกมาเพื่อผ่าบ็อกไซน์จากข้างหลัง "ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ" แต่ถูกแอบไบออสบุกเข้ามาใช้โบนซัมเบอร์ฟันตัดขา ตัดท้องและตัดคอครูเซเดนให้ขาดสะบั้นลง เปิดช่องให้บ็อกไซน์ "ฟึ่บบบ เกร้งงง ฉั้วะ" สบัดดาบกราฟบอร์ดซอร์ดฟันใส่ครูเซเดนจนขาด "ซ่า ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" คลอเวฟพุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำแล้วใช้แอตแลนไทรเดนท์ เข้ากระหน่ำแทงใส่เทมพาร่าที่กำลังจู่โจมพีวิลจากข้างหลังจนยับเยิ่นลงไป
              "ขอบใจมากน่ะ คลอเวฟ ตอนนี้เราเคลียร์พวกที่อยู่ในเมืองแล้ว รีบถอนตัวออกไปจากเมืองโดยเร็วเลย" พีวิลบอก
              คลอเวฟพยักหน้าแล้วก็ "วี้ดดด" ผิวปากดังๆ... "ซ่า!!!!" เพื่อเรียกเฮฟโวลทริสตรอนที่อยู่ในแม่น้ำขึ้นมา พร้อมกับกิซเซเบอร์ที่โผล่ตามมาพาพวกพีวิลหนีไป

              ที่เดรสเดน เยอรมัน ก็เกิดเหตุร้ายแบบเดียวกัน
              "เคร้งงงงง แคร้งงง เคร้งงงงง" เนคมาดูซัมใช้ดาบใหญ่สู้กับครูเซเดนที่ใช้ครอสเซี่ยมเกรทซอร์ดเหมือนกัน "ตึกๆๆๆๆๆๆ" ครูเซเดนบุกเข้ามาด้วยม้าพลังครอสเซี่ยมพร้อมกับใช้เกรทซอร์ดหวดฟันใส่ "ลิเนียร์ตี้สลัคเกอร์" ลิเนียร์ตี้ซัดกงจักรสามมีดเข้าอัดใส่หมวกครูเซเดนจนหลุดออก เผยให้เห็นหัวสีขาวที่มีวงจรสีเขียวประทับ ในขณะที่ส่วนหน้าและลำตัวเป็นสีเขียวแก่ จนทำให้มันกรูเข้ามาใช้ดาบหวดใส่ลิเนียร์ตี้ "หวับบบบ" เธอรีบเอี้ยวตัวไปข้างหลังหลบคมดาบฟาดในแนวขวางไปอย่างฉิวเฉียด "หวับๆๆๆๆๆ ฉั้วะ" จนสลัคเกอร์วกกลับมาตัดหัวครูเซเดนตัวนั้นขาด โดยนำสลัคเกอร์มาติดที่หัวใหม่ แล้วก็ "หวับ ฟึ่บบบ" หยิบคิวตี้เซเบอร์ออกมาสบัดเพื่อยืดด้ามให้กลายเป็นคิวตี้สเปียร์ "ตึกๆๆๆๆๆๆ เคร้งๆๆๆๆ" แล้ววิ่งเข้าปะทะใส่เทมเพร่าจำนวน 5 ตัวที่ถือหอกครอสเซี่ยมเข้ามา "กร้อง เกร้ง กร้อง แกร้ง กร้อง เกร้ง" พวกเฮเรเค้นและเทรอนเร็กซ์สู้กับพวกพาราไดน์ที่ถือดาบและโลห์กันในตัวเมือง "เชร้งงง ป้ากกก เปรี้ยงง ป้ากกก กร้องงงง ป้ากกก" แม้จะโดนกดดัน แต่พวกเฮเรเค้นสู้ด้วยโครมเมทาเลี่ยมคาตาน่าเล่นงานพวกพาราไดน์ทั้งหกตัว จนหมวกหลุดเผยส่วนหัวด้านบนสีขาวมีลายวงจรสีเขียว ซึ่งทำให้อีก 6 ตัวบุกเข้ามา "ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ ฉั้วะ ฉึก ฉับ" เนคกี้และเนคกัสกระโดดเข้ามาช่วยโดยใช้ดาบใหญ่จัดการกับพาราไดน์ทั้งหกตัวให้ขาดสะบั้นไป "ฟิ้ววว ปั้กๆๆๆๆๆ" สเปียริทยิงแฟลชแอร์โรวใส่พวกเทมเพร่าที่อยู่บนหลังคาตึกสูงให้ร่วงไป 6 ตน "หวับๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" จากนั้นก็กวาดแกว่งพลองสู้กับพาราไดน์ถือหอกบุกมา 5 ตัวด้วยกัน "ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ตรุ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วี้วๆๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆ" สเตฟอร์ดใช้โฟรท์บลัสต์ลันเชอร์ยิงใส่พวกครอสตรีมระลอกสองที่กรีฑาทัพเข้ามา โดยมีมิลเลย์ เบย์แลค และรอสซายขับไดร์ฟอาร์มเมอร์กระหน่ำถล่มใส่ไม่ยั้ง พวกแถวหน้าที่บุกเข้ามา โดนจายด์กระหน่ำยิงด้วยแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์สองกระบอกจนล้มกลิ้งไปกันหมด
              "เนคเกอร์เคลียร์พวกที่บุกเข้ามาในเมืองเสร็จแล้วละ" รอสซายแจ้งบอก
              สเตฟอร์ดบอก "เยี่ยม เพราะว่าเราจัดการกับพวกครอสตรีมที่ไม่เข็ดหลาบในเรื่องบุกมาเป็นรูปขบวนแถวกองลงไปหมดแล้ว พวกเรา ออกจากเมืองนี้ก่อนพวกทหารจะมาโดยเร็วเลย"

              ที่อีดินเบิร์ค สหราชอาณาจักรอังกฤษเองก็เช่นกัน
              "หวับๆๆๆๆๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พลัสเชอริทซัดแฟงค์สไลเซอร์ตัดหัวพาราไดน์จนขาดไปหลายสิบตน "ฟ้าววว ป้ากๆๆๆๆ" เทมเพร่าโดนเฟลาลี่ซัดล้อเพลิงอัดใส่หน้าไป 5 ตนรวด แล้วรีบชักกราฟเมซฟาดใส่พาราไดน์จนดาบและโลห์แตกหักไป "เชร้งๆๆๆๆๆ" จิลบุกเข้าใช้กราฟเซเบอร์สองเล่มเข้าฟาดฟันใส่เทมพาร่า 6 ตัวที่ถือครอสเซี่ยมเรเฟียร์บุกเข้ามาเล่นงานเฟลาลี่จนล้มกลิ้งไปกันหมด "ตรึงๆๆๆๆ กร้องงงง" ครูเซเดนบุกมาด้วยทวนขนาดใหญ่แทงใส่มาสวาร์ทาร์ที่กำลังสู้กับพวกพาราไดน์ด้วยดาบยาว แต่แอนเดรียเข้ามาขวางด้วยอัมเบรแลนเซอร์ที่กางร่มพลังเพเรเนี่ยมสกัดกั้นไว้ "ย้า" จากนั้นก็ตะโกนลั่นเพื่อสบัดทวนของครูเซเดนให้ปลิว แม้มันจะรีบชักดาบเข้ามา "ฟ้าววว ป้ากกก" มาสวาร์ทาร์ยิงฟักดาบพุ่งอัดหน้าครูเซเดนให้ชะงัก เปิดช่องให้ "ฟึ่บบบบบ หมับบบ ฉึกกกก ป้ากก กร็อบบบ" แอนเดรียกระโดดคว้าทวนใหญ่ครอสเซี่ยมที่ปลิวขึ้นมาใช้ปักคาตัวครูเซเดน แล้วก็ใช้ปอยผมหวดใส่ด้ามทวนให้หมุนบิดร่างท่อนบนของครูเซเดนตัวนั้นอย่างแรง จากนั้นก็ "หมับบบ ฟ้าววว ป้ากกก" รีบหยิบฟักดาบที่ปลิวลงมาซัดปักกลางหลังเทมเพร่าที่บุกมาด้วยทวนไปเต็มๆ "ฟ้าววว เคร้ง แคร้ง เคร้ง เคร้ง" ฟิเกซกระโดดใช้เอเลเมนท์อาร์มสู้กับพวกพาราไดน์ ที่บุกเข้ามาเล่นงานพวกไรแกทและมัลแด็กซ์ที่กำลังสู้กับพวกพาราไดน์อย่างหนักหน่วง "ฉั้วะๆๆๆๆ" โทรวแนคหวดดาบกราฟทวินเบลดสู้กับพวกเทมเพร่าถือทวนจนสับตัวขาดไป "เชร้งๆๆๆๆๆ เคร้งง ป้ากก ทิ้วๆๆๆๆๆ ฉั้วะ" แคร์เรี่ยนบุกเข้าจัดการกับครูเซเดนอย่างหนักหน่วง เจเนลเองก็ปะดาบกับพาราไดน์ที่ใช้ดาบยาวสองเล่ม ซึ่งโต้ตอบด้วยการถีบเข้าใส่พาราไดน์ให้ถอยและกระหน่ำยิงด้วยจีบัสเตอร์ให้พรุน แล้วฟันตัดหัวใส่
              "พ่อแม่ของนายเคยอยู่นี้หรือเปล่าละ เพราะฉันไม่เห็นนายไปกับมาสวาร์ทาร์เลยน่า" แคร์เรี่ยนบอก
               เจเนลกล่าว "แย่หน่อยน่ะ ที่พ่อแม่ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่อเมริกาหลังแต่งงานไปได้ 2 ปีแล้ว และไม่ได้กลับมาแผ่นดินบ้านเกิดอีกเลยน่ะ" แล้วก็ "ฟึ่บบบ เคร้งๆๆๆ" ชักดาบโครมเมทาเลี่ยมคาตาน่าฟันพร้อมกับเมทัลเบลดใส่ครูเซเดนให้ยับแล้วก็ "ไรซิ่งซันเซตเบรค" กระโดดฟันเสยขึ้นตัดแขนครูเซเดนขาดสองข้าง แล้วหวดดาบคู่ผ่าขาดครึ่งซีกจากข้างหลังไป
              "ฝั่งพวกนายเคลียร์หมดหรือยังละ" มาสวาร์ทาร์ติดต่อเข้ามา
              เจเนลบอก "ตัวสุดท้ายขาดครึ่งแล้วละ มาส" แล้วก็ติดต่อ "ซิลเวเทรด บินมารับพวกเราแล้วรีบกลับไทรแองเกิ้ลโดยเร็วเลย"

              "แย่หน่อยคะ ที่ระบบกล้องวงจรปิดในเขตเมือง แม้เป็นรุ่นที่จับภาพแมนิเกเตอร์ที่พลางตัวแบบล่องหนได้ ก็ไม่เห็นตัวพี่โฟรน่าอยู่เลยสักตัวนะคะ" จูดิธกล่าว โดยส่งปลอกกระสุนสไนเปอร์ของโฟรซ่ามาให้ออลเบนท์รับไว้ ซึ่งสลักปลอกไว้ว่า "บริการจากปรโลก" มาให้
              ออลเบนท์ส่ายหน้า "ขนาดระบบกล้องที่สามารถช่วยทางการจับพวกจอมโจรแบบลูแปงได้หลายแก็งค์ ยังจับภาพโฟรน่าไม่ได้แบบนี้ แสดงว่าเธอคงให้หุ่นเบอร์เก้าเดิมแฮคระบบกล้องในเมืองละสิ"
              "เปล่าคะ เกรงว่าตัวการจะเป็นพวกอัศวินผีสีเขียวซะมากกว่า เพราะทันทีที่พวกนี้บุกเข้าเมืองมา ระบบกล้องวงจรปิดนั้นกลับถูกหยุดชะงักลงในช่วง 20 นาทีก่อนนะคะ" จูดิธบอก
               ออลเบนท์กล่าว "และคงไม่น่าเป็นความร่วมมือกับโฟรน่าและพวกนี้เลยสิ" แล้วก็บอก "หวังว่าเธอคงจะส่งคนของเธอไปไล่ตามหาโฟรน่าและพวกที่อาจจะหลบอยู่นอกเมืองหรือในประเทศกันบ้างน่ะ"
              "ฉันจัดการไปแล้วละคะ" จูดิธบอกแล้วก็มารายงานต่อบราวน์เดค โดยมีมิลโดว์ เฮลก้าและโรนัลด์ที่มุ่งหน้าไปยังประเทศแม่ของพวกเขาเอง
               "รอบนอกของเดรสเดนพังยับพร้อมกับพวกแมนิเกเตอร์ศัตรูที่แห่มาเป็นกองทัพนั้น เหมือนผลงานของสตีเฟ่น แวนเซนไม่มีผิด เพียงแต่ศัตรูถูกถล่มยับไปไม่น้อยน่ะ" เฮลก้าบอก
              "พวกเขาโผล่มาที่เวนิชกันไม่ว่า ทางเราได้เจอมุขเดียวกันกับที่ลอนดอนแล้วน่ะ" มิลโดว์บอก
              โรนัลด์กล่าว "เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอีดินเบิร์คเห็นคุณมัสด้าและพวก เข้าต่อกรกับพวกแมนิเกเตอร์อัศวินเขียวนี้กันในเมือง แล้วมียานบินมารับและบินออกไปทางทิศตะวันออก โดยที่กองทัพอากาศของอังกฤษเองพยายามมาสมทบก็ไม่ทันการณ์เลยนะครับ"
              "นั้นไม่แปลกหรอก เพราะนอกจากพวกไทรเวเซอร์ส่วนหนึ่งมีภูมิลำเนาในประเทศแถบนี้กันไม่ว่า พวกเขายังมีการเตรียมพร้อมรับมือการตรวจจับไว้ โดยไม่ต้องลำบากหุ่นเบอร์เก้าเดิมที่มีเพียงแค่ตัวเดียวไว้แล้วน่ะ" ไวโอล่ากล่าว
              โดยที่มีหญิงผมสีทองไว้เปียสองข้าง สวมแว่นแก้วเช็คคอมพิวเตอร์ใกล้ๆกัน "เกรงว่าระบบรักษาความปลอดภัยรอบนอกเมืองไม่ได้แค่ถูกรบกวนกันหรอกน่ะ แค่มันถูกปิดการทำงานไว้จากภายในเท่านั้นเองน่ะ"
              "จากภายในนะหรือ มิใช่ฝีมือของพวกคุณมัสด้าเลยหรือ ทาริก้า" โรนัลด์ถามต่อหญิงผมเปียสวมแว่นสแกนนามทาริก้า คูเลนิคอฟ เจ้าหน้าที่ชาวรัสเซียในกองกำลังเทอร่าสควอดอน ซึ่งตอบกลับไปว่า
              "พันโทมัตสึดะไม่มีทางทำเช่นนั้นหรอก เพราะเขารู้ดีว่า ทุกเมืองมีระบบการป้องกันภัยและการเตือนภัยอยู่ เขาคงไม่เสี่ยงส่งลูกสมุนบุกเข้าไปปิดระบบรักษาความปลอดภัยกันได้หรอก" แล้วก็กล่าว "เพราะทุกเมืองที่เกิดเหตุกันนั้น ล้วนติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยของทางสหพันธ์โลกใหม่ ซึ่งมีแต่เจ้าหน้าที่และคนของสหพันธ์โลกใหม่เท่านั้น ที่จะปิดลงได้น่ะ"
              "เธอกำลังจะบอกว่าสหพันธ์โลกใหม่ปิดระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อถล่มคนในเมืองนะหรือ พวกเขาคงไม่ได้ทำเพื่อดึงพวกไทรเวเซอร์ให้มาติดกับละสิ" เฮลก้ากล่าว
              ทาริก้าพยักหน้า "น่าจะเป็นเช่นนั้นนะ เพราะทุกเมืองที่เกิดเรื่องนั้น ไม่เพียงแค่ระบบรักษาความปลอดภัยปิดตัว เว้นแต่ระบบเตือนภัยและระบบป้องกันชาวเมืองที่หนีเข้าเชลเตอร์ไปแล้ว เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ปิดระบบนั้น ล้วนมาจากฐานทัพ ที่เป็นต้นตอเหล่านั้นเลยนะสิ"
              "ถ้าเช่นนั้น ฐานทัพดังกล่าวก็คงเป็นเป้าหมายเลยสิน่ะ พวกเธอรีบนำกองรบเทอร่าทรูปเปอร์ออกไป...." บราวน์เดคบอก
              ไม่ทันไร ไวโอล่าเช็คมา "เออ เกรงว่าไม่ทันแล้วละคะ เพราะฐานทัพเหล่านั้น โดนพวกไทรเวเซอร์นำโมบิลลอยด์บุกถล่มไปแล้วละคะ"
              "โอ้ว ตายละ เราเสียท่าให้กับคุณมัสด้าเสียแล้วน่ะ" โรนัลด์บอก
              มิลโดว์ถาม "นายคงไม่ได้หมายความว่า พวกไทรเวเซอร์ไม่ได้หนีออกจากเมือง ตามที่เราคิดแล้วละคะ"
              "ใช่ เพราะเมื่อเราทราบข่าวมาว่ามีสมาชิกพวกไทรเวเซอร์ปรากฎตัวขึ้นมา พวกเราจะต้องมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะคิดว่าพวกเขาคงหนีไปไม่ไกลจากเมืองนี้ เพื่อรอพวกพ้องให้มารับไว้ จนพวกเราต้องอยู่ที่เมืองนี้ตลอด จนเปิดช่องว่างให้พวกเขาบุกเข้าถล่มฐานทัพไปได้น่ะ" จูดิธกล่าว
               เฮลก้าบอก "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกเขาหนีไปแล้ว คงไม่มีความจำเป็นต้องย้อนกลับมาให้โดนจับอีกเลยสิน่ะ"
              "ไวโอล่า เช็คตำแหน่งปัจจุบันของพวกไทรเวเซอร์ที่คิดว่าจะมุ่งหน้าไปได้มั้ยละ" บราวน์เดคกล่าว
              ไวโอล่าเลยทำตาม "ฉันลองเช็คดูแล้ว พบว่ายังมีฐานทัพสหพันธ์โลกใหม่ที่โมนาโค สเปน ออสเตรีย สวิตเซอแลนด์ เซอเบีย บอสเนีย โปแลนด์ เนเธอแลนด์ ฮังการี่ สวีเดน และฟินแลนด์อยู่ ซึ่งล้วนแล้วมีการฝึกฝนทหารเกณฑ์กันอยู่ แม้กระทั่งมีโมบิลทรูปเปอร์ประจำการกันทั้งนั้นนะคะ"
              "แจ้งให้ทางนั้นเตรียมการป้องกันไว้ และสั่งให้พวกเขาแจ้งกับทางเราไว้ด้วย ห้ามลงมือโดยไม่รอพวกเราเป็นอันขาดน่ะ" บราวน์เดคกล่าว
              ไวโอล่าพยักหน้า ทาริก้ากล่าว "คงยากหรอกนะคะ เพราะฐานทัพส่วนมากนั้น คงไม่รอพวกเราแน่นอนนะคะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขารับคำสั่งจากผู้แทนกรีบิลและมร.รีวองโด้กันด้วย จนทำให้มีพวกทหารทั้งพลทหารและนายทหารประพฤติตนไม่เหมาะสมกันทั้งนั้น แม้ว่าที่นั้นจะมีทีมของเราประจำการอยู่ก็ตาม" บราวน์เดคบอก "ตอนนี้ ฉันได้แจ้งยูนิตซีโร่ที่อยู่อเมริกาให้มาสมทบกับพวกเธอที่บาเซโลน่า พร้อมกับเจ้าหน้าที่สองหน่วยจากอเมริกากันแล้ว เพราะการรับมือกับพวกไทรเวเซอร์นั้น แค่หนึ่งหรือสองหน่วยเอาไม่อยู่แน่นอน"
               มิลโดว์บอกอย่างหวั่นเกรง "เออ ท่านนายพลครับ มันจะดีหรือครับ ที่จะให้ทีมเด็กใหม่เข้าร่วมด้วยน่ะ"
              "นั้นสิคะ ฉันประเมินความเสี่ยงในการปฏิบัติภารกิจครั้งต่อไปได้ ว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จถึง 70 เปอร์เซนต์ จากการให้ทีมกัลสตาร์ซีโร่เข้าร่วมด้วยนะคะ" จูดิธบอก
              โรนัลด์กล่าว "ผบ.ครับ เราควรเรียกฝั่งเอเชียและโอเชียเนียมาช่วยไม่ดีกว่าเลยหรือ"
              "ตราบใดที่เรายังไม่รู้ว่าพวกไทรเวเซอร์ถล่มพวกศัตรูบนโลกกันด้วยเหตุใด เรายังฟันธงไม่ได้ว่าเขาเป็นภัยคุกคามกันหรือเปล่า ดังนั้น ฉันยังไม่จำเป็นต้องเรียกเจ้าหน้าที่จากฝั่งเอเชียและโอเชียเนียเข้ามากันหรอก" บราวน์เดคกล่าว "ตอนนี้ฉันจะมุ่งหน้าไปบาเซโลน่าด้วย เพราะฉันแน่ใจว่าพวกไทรเวเซอร์ไม่มีทางออกไปนอกยุโรปได้แน่ๆ พวกเธอรีบตรงไปรวมพลโดยเร็วเลย"
              จูดิธ โรนัลด์ เฮลก้าและมิลโดว์ตอบ "รับทราบคะ/ครับ"
              "เออ ท่านนายพลมั่นใจเลยนะคะ กับการให้เรดดิลและบลูดัสท์เป็นตัวจัดการพวกแมนิเกเตอร์ระดับเป้งน่ะคะ" ทาริก้าบอก
              ไวโอล่าบอก "เออ ท่านควรจะเรียกคุณแม่และพวกจากเอเชียมาช่วยก็ได้นิคะ"
              "ไทรเวเซอร์เป็นกลุ่มแมนิเกเตอร์จากสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ที่ไม่เพียงเก่งกาจ แต่พวกเขาส่วนหนึ่งเคยเป็นทหารระดับพระกาฬที่เคยช่วยเหลือพวกเรามาก่อน ย่อมรู้ว่าพวกเราจะคิดและลงมือกันยังไงบ้างน่ะ" บราวน์เดคบอก "และการที่พวกเขารีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วนั้น มิใช่รู้ว่าพวกเราต้องเข้ามาขัดขวาง แต่เหมือนพวกเขาจะรู้อะไรบางอย่างที่ไม่เข้าท่าในกลุ่มสหพันธ์โลกกันอีกด้วยน่ะ"
              ไวโอล่ากล่าว "มันก็ใช่นะคะ แต่ท่านก็อย่าลืมนะคะ ว่าเราทำตามคำสั่งของสหพันธ์โลกใหม่กัน"
              "รู้สิ แม้ว่าสหพันธ์โลกใหม่จำกัดขอบเขตไม่ให้เรารับรู้บางอย่างที่ไม่เข้าท่าเลยก็ตาม การที่เราฝ่าฝืนหรือโต้แย้งกับสหพันธ์โลกใหม่เหมือนกับแทแรนเซียและกลุ่มประเทศที่ร่วมด้วยนั้น ก็เท่ากับว่าเราแส่หาเรื่องกันด้วยน่ะ" บราวน์เดคกล่าว แล้วสั่ง "ทาริก้า เตรียมตัวสำหรับออกภาคสนามเดียวนี้เลย ทางเราต้องการข้อมูลจากฝ่ายไทรเวเซอร์แบบทางอ้อมแล้ว และนี้เป็นคำสั่งน่ะ"
              ทาริก้าถอนใจขึ้นมา "รับทราบคะ"

              ที่ยานไทรแองเกิ้ลจอดอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งในแถบสแกดิเนเวีย พร้อมกับยานสโตรม่ากริฟ
              "หมอกล้าบอกได้ตามตรงน่ะ ว่าทีมงานของทางสหพันธ์โลกใหม่....สร้างแมนิเกเตอร์ได้แย่และเลวมากเลยน่ะ" เดเมี่ยนกล่าว โดยมองดูสภาพศพพาราไดน์ ครูเซเดนและเทมเพร่า ซึ่งผ่านการถอดเกราะท่อนบนออกและได้ผ่าชันสูตรออกมา โดยมีมาสวาร์ทาร์ซึ่งสวมชุดกันรังสีไว้ กับแอนเดรียที่สวมชุดเซฟการ์ดด้วย       
              "สภาพของพวกเขา เหมือนผ่านกระบวนการในโปรเจคแย่ๆของเกรย์เบียสไม่มีผิดเลยนะคะ" แอนเดรียบอก เมื่อเห็นหน้าศพพาราไดน์ที่ผ่านการเลาะหนังหน้าออกจนเห็นหัวกระโหลกหุ่นยนต์ ศพครูเซเดนที่หัวด้านบนกลวงและมีชิปคอมพิวเตอร์รูปตัวเอ็กซ์อยู่แทนที่สมอง กับศพเทมเพร่าที่มีสภาพบวมคล้ายขึ้นอืด ซึ่งถูกแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลวแล้ว
              "นั้นไม่แปลกหรอก ที่สหพันธ์โลกใหม่จะทำเช่นนี้ได้ เพราะว่าพวกเขายังมีข้อมูลงานวิจัยของเกรย์เบียสหลงเหลืออยู่ แม้ตัวเกรย์เบียสจะตายไปแล้วก็ตามน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "ศพที่เป็นหุ่นยนต์นั้น แมทซ์กับเคสหุ่นสวมหนังมนุษย์ที่กลุ่มคอมมิวนิสต์รัสเซียเดิมสร้างมา ศพหัวกลวงที่มีชิ้นส่วนจักรกลติดอยู่นี้ น่าจะตรงกับโปรเจคสร้างมนุษย์โคลนด้วยนาโนแมชชีน โดยที่ศพคงจะควักสมองออกไปเลยสิน่ะ"
              เดเมี่ยนพยักหน้า "ผมคิดว่าศพที่ถูกควักสมองออกนั้น คงจะรีบเอาสมองออกก่อน เพราะสภาพกายนั้นคงมีปฏิกิริยาต้านทานอนุภาคครอสเซี่ยมที่เข้ามาในร่างกายอย่างรุนแรงมาก เห็นได้จากตัวอย่างเซลที่ตรวจสอบ เหมือนกับถูกคลื่นรังสีที่เป็นอันตรายทำลายไปอย่างรวดเร็วน่ะ"
              "แล้วก็เอาสมองที่ยังมีพลังครอสเซี่ยมหลงเหลืออยู่ ไปทำเป็นคอมพิวเตอร์ควบคุมโมบิลลอยด์ขึ้นมาเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อีธานเลยนำภาพคอมพิวเตอร์ที่ถอดจากหัวคาเมเรดออกมา "ฟูลออเรสตรวจสอบคอมพิวเตอร์ที่งัดจากในหัวหุ่นมาแล้ว ไม่เพียงลักษณะของตัวคอมพิวเตอร์และตัวสมองจะตรงในข้อมูล แต่ดูเหมือนว่า ทีมวิจัยในฐานทัพแต่ละแห่งนั้น จะพัฒนากระบวนการสร้าง การเชื่อมโยงระหว่างเซลสมองเข้ากับแผงวงจรคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับระบบควบคุมแขนขาและข้อต่อขนาดใหญ่ของหุ่นกันด้วย ซึ่งลักษณะไม่ต่างจากการนำศพคนมาเชื่อมต่อกับตัวโมบิลลอยด์ เพียงแต่พวกเขาใช้สมองของคนตายมาเป็นตัวควบคุม ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎของกระทรวงวิทยาศาสตร์และผิดศีลธรรมอย่างมากเลยนะครับ" โดยเผยภาพแคปซูลเก็บสมองและไขสันหลังส่วนหนึ่งที่ถูกเชื่อมต่อด้วยอิมแพลนท์ไว้ ซึ่งมีสายไฟบางเส้นต่อเข้ากับตัวสมองด้วย
              "เพราะผู้ที่ตายนั้นอยากจะไปอย่างสงบ มากกว่าปลุกขึ้นมาให้มีชีวิตอีกครั้งในร่างที่แย่กว่านะคะ" แอนเดรียบอก
              มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้า "และศพของเทมเพร่านั้น คงต้องใช้เซรุ่มที่ติดเท็ตสึโอะซินโดรมมาเลยสิน่ะ"
              "ใช่ เพราะหมอตรวจสอบพบเซลกล้ามเนื้อที่ขยายตัวในทันทีที่ตายไปแล้ว ซึ่งเห็นได้จากการที่หมอแกะอิมแพลนท์ออกมา แล้วศพก็บวมขึ้นในทันที จนหมอต้องใช้ไนโตรเจนเหลวแช่แข็งหยุดการขยายตัวของศพได้ทันก่อนน่ะ" เดเมี่ยนบอก "เห็นได้จากที่หมอแกะเจอตัวอิมแพลนท์เหล่านี้อยู่ในร่างศพนี้เพียบ บ่งบอกว่า อิมแพลนท์ตัวนี้ใช้ควบคุมเซลในร่างกายไม่ให้ขยายตัวก่อนเวลาอันควร และใช้ปกป้องสมองที่ได้รับกระตุ้นจากเซรุ่มที่ฉีดเพื่อให้มีพลังเหนือกว่าเทมเพร่า แต่แถมโรคปั้กเป้าคางคกโปงพองติดมาด้วยน่ะ"
              แอนเดรียกล่าว "เพราะว่าเทมเพร่ามีพลังครอสเซี่ยมในระดับแรงจนสามารถใช้พลังจิตได้เลยสิคะ"
              "บอกตามตรงน่ะ ว่าความพยายามในการเลียนแบบนี้ แม้จะได้ผลตรง แต่ก็ได้แค่ใกล้เคียงแถมมีบางอย่างแย่กว่าติดมาก็เท่านั้นเองแหละ" เดเมี่ยนบอก "ตอนนี้ หมอได้สั่งให้แอมเบอร์ปล่อยยาฆ่าเชื้อภายในยานผ่านช่องระบายอากาศไว้ แม้ว่าจะโดนตรงส่วนครัวเลยก็ตาม อย่างน้อยก็เพื่อให้แน่ใจว่า จิล แอบไบออสและแมนิเกเตอร์ลูกเรือที่มีพลังจิตจะได้ไม่ติดโรคนี้น่ะ" โดยตอนนี้ ภายในยานไทรแองเกิ้ลเต็มไปด้วยควันยาจนต้องระบายอากาศออกไปนอกยานหลังจากฉีดไปได้ 3 นาที จนทุกคนในยานต้องสวมหน้ากากไว้
              มาสวาร์ทาร์บอก "รวมถึงพวกแคร์เรี่ยนด้วย ต่อให้เท็ตสึโอะซินโดรมไม่มีผลกับครีซีแทน แต่มิใช่กับฮาร์ฟครีซีแทนแน่ๆน่ะ" เดเมี่ยนพยักหน้า แล้วก็ทุบปุ่มตรงแผงโฮโลแกรม "ปี้บบ ครืดด ครืดด ครืดด" เพื่อทำการส่งศพครอสตรีมทั้งสามใส่ในแคปซูลผนึกไว้
              "บอกตรงๆเลยนะ มาส โรคตัวบวมของมึงทำเอาทุกๆตนในยานอยู่ในเมฆหมอกกันแล้ววะ" คลอเวฟกล่าวพร้อมกับถอดหน้ากากออก
              แอบไบออสกล่าว "ดีที่โรคนี้มียาสำหรับรักษาไว้ ไม่เช่นนั้น เราคงเสียใครบางคนหรือหลายคน รวมถึงฉันไปด้วยน่ะ"
              "แต่ก็ไม่น่าทำให้ยานของฉันพลอยโดนควันยาของพวกนายเลยน่า" แคร์เรี่ยนบ่น
              เจเนลกล่าว "นั้นก็ช่วยให้พวกเพื่อนฮาร์ฟครีซีแทนรอดได้ก็ถือว่าเกินพอแล้วละ" แล้วก็ถาม "ว่าแต่เราจะบุกต่อไปเลยมั้ยละ"

              "ตอนนี้เราคงต้องออกจากยุโรปไปสักระยะก่อน เพราะการปฏิบัติภารกิจของพวกเรานั้น ได้ทำให้เทอร่าสควอดอนในยุโรปไหวตัวกันแล้ว ซึ่งคงไม่ดีแน่ หากเรายังอยู่ที่นี้ต่อน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              คลอเวฟถาม "แล้วเราจะปล่อยให้พวกครอสตรีมมันได้ใจเลยหรือวะ"
              "ถ้าเรายังดื้อดึงปฏิบัติการณ์กันต่อ เกรงว่าบราวน์เดคจะส่งคนของเขามาขัดขวางพวกเราจนทำภารกิจเสียไปเลยนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "พอดีเลย เฟอร์นันเดอร์ติดต่อเข้ามาหาพวกเรา เพราะว่าพวกเราอยู่ในตำแหน่งที่สามารถรับการติดต่อจากแทแรนเซียมาได้น่ะ" แล้วก็ต่อสัญญาณสื่อสาร โดยให้แอมเบอร์โปรเทคการดักฟังไว้ จนโฮโลแกรมของเฟอร์นันเดอร์โผล่มากลางโต๊ะ "ที่นายติดต่อมานั้น เกี่ยวข้องกับเทอร่าสควอดอนสิน่ะ"
              "พวกนายยังไม่ได้ปะทะกับลูกน้องของบราวน์เดคเลยสิน่ะ" เฟอร์นันเดอร์กล่าว
              สเตฟอร์ดบอก "ยัง แต่คราวต่อไปคงได้เจอแน่นอน เราเลยต้องรีบถอยออกจากยุโรปไปสักระยะหนึ่งก่อนน่ะ"
              "ดีเลย เพราะฉันมานี้เพื่อมาส่งเรื่องข้อมูลลูกน้องตัวเอ้ของบราวน์เดคให้พวกนายทราบสักหน่อยน่ะ แม้ว่าพวกนายจะได้เจอกับบางคนไปแล้วน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก โดยได้จัดการอัพโหลดข้อมูลมาให้
               โฟรซ่าบอก "ถ้าเป็นข้อมูลของยัยจูดิธละก็ ไม่จำเป็นหรอกน่ะ เพราะฉันฟังจากเบเร่ต์พล่ามตอนอยู่แทแรนเซียมาแล้วน่ะ"
              "เบเร่ต์รู้เรื่องจูดิธได้ก็ไม่แปลกหรอก เพราะเธอมีเพื่อนทำงานในกระทรวงความมั่นคงที่ปารีส แต่พวกนายควรจะรู้จักกับเอลีททเวลฟ์ฝั่งยุโรปที่เหลือกันบ้างน่ะ" เฟอร์นันเดอร์กล่าว
              ฟิเกซบอก "เอลีททเวลฟ์อย่างงั้นนะหรือ"
              "พวกนายเรียกตนเองว่าเมนซิกส์ทีนใช่มั้ยละ เอลีททเวลฟ์นั้นคือสมาชิกระดับเป้ง 12 คนของบราวน์เดค ซึ่งไม่เพียงมีความสามารถเหนือชั้นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่....พวกเขาเก่งในการต่อสู้อีกด้วยน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก "อย่างจูดิธ เธอไม่ได้แค่หัวไบร์ทระดับไอคิว 210 กันอย่างเดียว เธอเป็นแชมป์ฟันดาบ 5 สมัยซ้อนและยังเป็นครูสอนฟันดาบอีกด้วย ส่วนโรนัลด์ เจ้าหน้าที่ MI6 รหัส 009 รับผิดชอบในเรื่องการรับมือกับพวกจารชนคุกคามทุกรูปแบบตั้งแต่มนุษย์โลกและดาวแปดดวง มนุษย์ต่างดาว ไปจนถึงแมนิเกเตอร์อย่างพวกนายนั้น เป็นสไนเปอร์ระดับพระกาฬ และแชมป์ยิงปืนระยะไกลเหรียญทองโอลิมปิคที่สุพรรณบุรีเมื่อ 8 ปีที่แล้วน่ะ"
              สเปียริทบอก "โอ้ว ยัยจูดิธและนายโรนัลด์มีความสามารถที่สลับกันอย่างเห็นได้ชัดเลยน่า"
              "ฉันรู้ตั้งแต่ตอนที่เธอเอาไม้เรียวมาจ่อหน้าฉันแล้วละยะ" โฟรซ่ากล่าว และหันมาถาม "แล้วนายพลบราวน์เดคมีใครในกลุ่มเอลีททเวลฟ์บ้างมั้ยละ"
              เฟอร์นันเดอร์บอก "เอาแค่ฝั่งยุโรปกันก็พอ เพราะพวกนายไม่ได้แค่เจอกับพวกที่อยู่ฝั่งยุโรป แต่ขอบเขตของเทอร่าสควอดอนนั้นรวมถึงอเมริกาเหนือกันด้วยน่ะ เริ่มจาก มิลโดว์ อเวนตัส เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์จากอิตาลี ลูกชายของนายทหารกองทัพเรือ เข้าสู่กองทัพด้วยวัย 17 ปี และสถานะแชมป์มวยสากลรุ่นเยาวชนอายุ 10-12 ปี กับแชมป์มวยสากลในการแข่งระดับประเทศในวัย 15 ปี จนบัดนี้ เขาเอาชนะแชมป์บนสังเวียนผ้าใบ และกรงแปดเหลี่ยม ซึ่งอย่างหลังนั้น ถ้าไม่ต่อยต่อหน้าคนดูจำนวนมาก ก็ต้องอยู่ท่ามกลางเหล่าทหารในกองที่เขาอยู่สังกัดไว้น่ะ"
              "นั้นไม่แปลกใจหรอก เพราะว่านอกจากฉันแล้ว ในกองรบของเราก็มีพวกนักมวยรุ่นราวคราวเดียวกับพวกไกซ์อยู่ตั้งหลายสิบตนด้วยน่ะ" พีวิลบอก
              เฟอร์นันเดอร์พยักหน้า "บิล ดิสตินก็ด้วย นั้นไม่แปลกใจเลย ที่กองทัพของฝ่ายเรายังมีชมรมมวยสากลหลงเหลืออยู่น่ะ" แล้วก็นำภาพของสาวขอบตาดำ "เธอผู้นี้คือ เฮลก้า วอนดริช เจ้าหน้าที่ชาวเยอรมัน เธอผู้นี้ไม่เพียงเป็นลูกสาวของนายทหารกองทัพบกและนักกีฬาสเก็ตน้ำแข็ง ซึ่งเธอมีพรสวรรค์อย่างหลังโดดเด่นมาก นอกจากจะได้แชมป์รุ่นเยาวชนและรุ่น 15 ปี เธอยังเป็นคนช่างสังเกตุมาก ถึงขั้นบอกพ่อและแม่ว่ามีคนไม่หวังดีบุกเข้ามาจนทั้งคู่โต้ตอบลงไปได้ แน่นอน ว่าพ่อแม่ของเธอเลยส่งเธอเข้ากองทัพ ซึ่งไม่ใช่แค่ให้เธอได้รับการคุ้มครองจากกองทัพ แต่ให้เธอได้ใช้ความสามารถของเธอช่วยเหลือทุกๆคน แม้ว่าจะไม่มีชมรมสเก็ตน้ำแข็งในกองทัพเลยก็ตาม จากนั้น บราวน์เดคก็เลือกเธอเข้าสู่กองรบ หลังจากที่เธออยู่ในกองทัพมา 5 ปีเต็มน่ะ"
              "และที่เธอรอดมาได้นั้น คงเพราะว่าเธอเคลื่อนไหวหลบหลีกอย่างพริ้วไหว มากกว่าหมุนตัว 6 รอบแล้วโดนเลเซอร์และกระสุนถล่มยับสิน่ะ" ไซโคลเนียบอก
              เฟอร์นันเดอร์กล่าว "นั้นแค่ฝั่งยุโรปนะ เพราะมีอีกสามรายที่ต้องพึ่งระวังไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองรายนั้น เก่งในเรื่องการบินเหมือนกับเธอด้วยน่ะ ฟริตซีล่า" แล้วก็นำข้อมูลของหญิงผมยาวสีเขียว โดยคนหนึ่งมีตาสีน้ำตาลข้างซ้าย อีกคนมีข้างขวา "พี่น้องทเวยน์ นิโคล่าและริโคน่า แฝดสาวเสืออากาศจากกองทัพอากาศที่ไอโอว่า พ่อแม่ของเธอเป็นเจ้าของบริษัทการบินของรัฐ ทั้งคู่เลยเข้าเรียนเพื่อหวังจะเป็นนักบิน แต่พอพวกเฮซเทิร์ซถล่มบริษัทของพ่อแม่จนพวกเขาเสียชีวิต ทั้งคู่เลยเข้าสู่กองทัพอากาศ โดยรับผิดชอบในการขับเครื่องบินขับไล่เป็นหลัก แม้ว่าเธอจะไล่ล่าพวกเฮซเทิร์ซจนทำตึกรามบ้านช่องพังเสียหายเลยก็ตาม แทนที่กองทัพจะไล่สองพี่น้องออกจากฝูงบิน พี่น้องทเวยน์เลยโดนย้ายไปอยู่หน่วยปฏิบัติการณ์โมบิลทรูปเปอร์แทน และอยู่ที่นั้นอีก 4 ปี จนกระทั่งบราวน์เดคมาเกณฑ์พวกเธอทั้งคู่เข้าร่วมไว้น่ะ"
              "มันควรจะเป็น เอลีทเทอทีนมากกว่า ทเวลฟ์กันน่า" เจเนลบอก
              เฟอร์นันเดอร์บอก "ฉันก็คิดเช่นนั้น แต่พี่น้องทเวยน์นั้นปฏิบัติการณ์กันเป็นคู่ และประสานงานกันราวกับว่าเป็นคนๆเดียวกัน แม้นิโคล่าจะเน้นไปที่เชิงรุกและบุก ริโคน่าถนัดการหลบหลีกและการป้องกันไว้ ไม่ว่าพวกเธอจะขับโมบิลทรูปเปอร์ หรือสวมเกราะทวินอินเตอร์เซปเตอร์พร้อมกันก็ตาม ฉันหวังว่าพวกนายคงจะระวังการบุกแบบทางตรงเป็นคู่ พร้อมกับการจู่โจมทางอ้อมไปด้วยน่ะ"
              "ทางอ้อมที่ว่ามานิ คงไม่ได้หมายความว่าบราวน์เดคมีอีกรายที่เล่นตุกติกเป็นละสิน่ะ" โฟรซ่าถาม
               เฟอร์นันเดอร์พยักหน้าและนำภาพของหญิงผมยาวสีทอง "ทาริก้า คูเลนิคอฟ เจ้าหน้าที่ฝ่ายคอมพิวเตอร์จากรัสเซีย อัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เขียนและสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ยากได้ในอายุ 8 ขวบ จบการศึกษาชั้นประถม มัธยมและเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 13 ปี ได้ปริญญาเอกสาขาไอทีเมื่ออายุ 16 ปี และเข้าสู่กองทัพในฐานะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ต่อต้านการจู่โจมไซเบอร์ ในอายุ 19 ปี จากนั้นก็ได้บราวน์เดคมาเกณฑ์เข้ากองทัพในอีก 2 ปีต่อมา ซึ่งความรู้ด้านคอมพิวเตอร์นั้นช่วยเธอและพวกพ้องในกองจากกับดักมานับครั้งไม่ถ้วน แม้เธอจะอ่อนเชิงในการต่อสู้ไม่น้อยก็ตาม" แล้วก็บอกไปว่า "หวังว่าทาริก้าคงไม่ทำให้ระบบเอไอที่คุมยานของนายเสียหายลงไปได้ เหมือนกับคอมพิวเตอร์ระบบกับดัก ในชุดเกราะและระบบอาวุธกันบ้างน่ะ"
              "นั้นขึ้นกับว่ายัยแอมเบอร์เจ็งกว่ายัยคูเลนิคอฟมากแค่ไหนบ้างน่ะ" สเปียริทบอก "แต่เมื่อกี้นี้นายบอกว่า เกราะอินเตอร์เซปเตอร์มิใช่หรือ อย่าบอกน่ะว่าเอลีททเวลฟ์นั้น ขับโมบิลทรูปเปอร์ในสภาพที่สวมเกราะด้วยน่ะ"
               เฟอร์นันเดอร์พยักหน้า "จะบอกอะไรให้ก็ได้น่ะ เทอร่าสควอดอนถูกฟอร์มขึ้นมา มิใช่แค่รับมือกับศัตรูจากต่างดาวอย่างพวกเฮซเทิร์ซกันอย่างเดียว แต่พวกเขาถูกฝึกมาให้รับมือกับพวกนายอีกด้วย โดยการใช้หลักการเดียวกันกับพวกนายกันนี้แหละ"
              "ถ้าให้เดาน่ะ พวกเขาสวมเกราะสำหรับต่อสู้ ที่สามารถซินโครกับตัวโมบิลทรูปเปอร์ของพวกเขา ราวกับเป็นร่างยักษ์ของพวกเขาเลยสิน่ะ" พีวิลบอก
              เฟอร์นันเดอร์พยักหน้า "เทอร่าทรูปเปอร์ของเทอร่าสควอดอนนั้น ไม่ได้แค่ควบคุมด้วยระบบคอกพิตแบบเดียวกับการ์ดทรูปเปอร์และโมบิลลอยด์ของพวกนายอย่างเดียว แต่รุ่นของพวกเอลีท อย่างเทอรอททรูปเปอร์นั้น ถูกออกแบบไว้ให้นักบินระดับพระกาฬอย่างเอลีททเวลฟ์ใช้กันอีกด้วย ซึ่งนั้นหมายถึง พวกนายมิได้ปะมือกับเทอรอททรูปเปอร์ แต่ยังสู้กับเอลีททเวลฟ์ที่สวมเกราะต่อสู้รุ่นล่าสุดที่ปรับปรุงจากชุดเกราะรุ่นเดิ มที่กองทัพสหพันธ์โลกเก่าเคยใช้ในช่วงยุคทองกันอีกด้วย ซึ่งอินเตอร์เซปเตอร์คือหนึ่งในเกราะที่เทอร่าสควอดอนใช้อยู่สี่แบบกันน่ะ"
              "แล้วชุดเกราะที่เหลือละ" จายด์ถาม
              เฟอร์นันเดอร์บอก "โซลเรนเจอร์ โกไลแอธ แล้วก็ สตาร์วิซาร์ด ซึ่งอย่างหลังนั้นเป็นของพวกสหพันธ์ดาวนพเคราะห์ที่นำเข้ามาในกองทัพเมื่อ 5 ปีแล้วน่ะ" แล้วก็บอก "นอกจากนี้แล้ว ฉันได้ยินมาว่า บราวน์เดคเรียกหน่วยหน้าใหม่เข้ามาด้วย"
              "หน่วยหน้าใหม่หรือ" แคร์เรี่ยนกล่าว
              เฟอร์นันเดอร์กล่าวและนำข้อมูลมา "หน่วยกัลสตาร์ซีโร่ หน่วยรบหน้าใหม่ที่บราวน์เดคฟอร์มขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน โดยเป็นหน่วยรบไพ่ตายที่มีชื่อเสียงของเทอร่าสควอดอน แต่พักนี้ หน่วยรบเบอร์ศูนย์ก่อความผิดพลาดในระหว่างการปฏิบัติภารกิจเสียเป็นส่วนมาก จนหน่วยในกองรบส่วนมากไม่อยากได้หน่วยนี้เข้าร่วมเลยก็ตาม" แล้วก็บอก "แต่....ถ้าไม่เพราะพวกเขา ผู้คนจำนวนมากย่อมล้มตายไปอย่างแน่นอนน่ะ"
              "ประมาณว่าพวกเขารีบช่วยเหลือผู้คนมากกว่าปฏิบัติภารกิจเลยสิน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              เฟอร์นันเดอร์พยักหน้าและนำภาพหญิงผมสั้นสีแดงส้มกับชายผมสีทองสลับเงินมา "เรดดิล โซลราฟ บุตรสาวคนเล็กของตระกูลโซลราฟ และลูดัสท์ ลูสนาร์ค บุตรชายคนเล็กของตระกูลลูสนาร์ค พวกเขาเข้าร่วมกองรบเทอร่าสควอดอนในฐานะกัลสตาร์ซีโร่รุ่นที่สอง เนื่องจากว่าพี่ของทั้งคู่ เป็นสมาชิกรุ่นแรกในทีม ซึ่งเสียชีวิตในการปฏิบัติภารกิจหยุดพวกเฮซเทิร์ซที่คุกคามอัลเมเนียไป ทั้งคู่แม้จะมีขีดความสามารถด้อยกว่ารุ่นแรก แต่....ถ้าไม่เพราะการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของเรดดิล และการลงมือในทันทีของบลูดัสท์ โดยทั้งคู่เอาตัวเสี่ยงเข้าหยุดขีปนาวุธของพวกเฮซเทิร์ซที่ยิงใส่บัลติมอร์ไปได้ไว้ จนช่วยชาวเมืองทั้งหมดให้รอดพ้น แม้นั้นหมายถึงทั้งคู่ทำเทอร่าทรูปเปอร์พังไปเลยก็ตาม" แล้วก็บอก "แน่นอน ว่าทั้งคู่เลยถูกบราวน์เดคส่งมาร่วมฝึกกับกองรบของเราเป็นการลงโทษราว 3 เดือนก่อนจะถูกส่งกลับต้นสังกัดเดิมไว้น่ะ"

              "โซลราฟ ลูสนาร์คนิ นั้นมันตระกูลที่มีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงยุคทองมิใช่หรือ ฉันนึกว่าพวกเขาจะไม่รอดไปในช่วงมหาสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรกเสียอีกน่ะ" โฟรซ่าบอก
              เนคมาดูซัมถาม "แล้วสองตระกูลนี้ มีชื่อเสียงในด้านไหนกันละ"
              "ตระกูลโซลราฟและลูสนาร์คนั้นมีชื่อเสียงในช่วงยุคทอง พอๆกันกับตระกูลเดลวีแองนู ทั้งทางทหาร การปกครอง ทางธุรกิจ และด้านการค้นคว้า โดยเฉพาะเรื่องอวกาศ ต้องมีชื่อสองตระกูลอยู่ด้วย เพราะว่าพวกเขาให้การสนับสนุนด้านนี้เป็นหลักเลยนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก "โซลราฟนั้นมีอิทธิพลครอบคลุมทวีปอเมริกา ลูสนาร์คสร้างชื่อเสียงให้กับยูเรเซียทั้งหมด แม้ว่าพวกเขาจะมิใช่สมาชิกของสหพันธ์โลกเลยก็ตาม เนื่องจากว่าทั้งสองตระกูลเห็นถึงความไม่ชอบธรรมในกระบวนการทำงานของสหพันธ์โลกในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เรื่องโกงกินไปจนถึงเรื่องกดขี่ข่มเหงและกีดกันพวกแมนิเกเตอร์กันด้วย ซึ่งอย่างหลังนั้น โซลราฟและลูสนาร์คค้านแบบหัวชนฝาเลยละ"
              โฟรซ่าถาม "แล้วว่าแต่ สองตระกูลนี้หายตัวไปไหนกันละ"
              "ในช่วงมหาสงครามครั้งแรกนั้น ผู้นำตระกูลทั้งสองได้ให้สมาชิกในครอบครัวที่เหลือลี้ภัยไปอยู่บนดวงจันทร์ เพื่อเข้าไปต่อสู้กับพวกโอเวอร์เดสจนสิ้นชีพไปพร้อมกับทหารในกลุ่ม ครอบครัวที่เหลือของสองตระกูลนั้นก็อยู่ในความดูแลของผู้ว่าการบนดวงจันทร์ไว้ ซึ่งพวกเขารอดตัวมาได้ แม้จะเกิดเหตุการณ์ที่กองรบบนโลกกรีฑาทัพบุกเข้ากวาดล้างพวกแมนิเกเตอร์ที่หลบหนีออกนอกโลกไว้แล้วก็ตาม ตลอด 40 ปีที่พวกโซลราฟและลูสนาร์คอยู่บนดวงจันทร์นั้น พวกเขาติดตามข่าวสารบนโลกมาตลอด จนกระทั่งพวกนายกำชัยชนะเหนือโอเวอร์เดสและหนีหายไปจากโลกกันนี้แหละ ทั้งสองตระกูลเลยกลับมาที่โลกอีกครั้งหนึ่ง" เฟอร์นันเดอร์บอก "แน่นอน ว่าพวกเขาอาจจะสูญเสียบ้านและอิทธิพลไป แต่อย่างน้อยลูกหลานของพวกเขานั้นก็สานต่อด้วยการสมัครเป็นทหารในช่วงที่เฮซเทิร์ซออกอาละวาดกัน ซึ่งฉันได้ร่วมรบกับคนพ่อของเรดดิลและบลูดัสท์กันไว้ เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าลูกๆของเขาจะเข้ากับฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ แม้จะอยู่กับบราวน์เดคเลยก็ตามน่ะ"
              สเตฟอร์ดบอก "แสดงว่าสหพันธ์โลกใหม่คงมีอิทธิพลเหนือสองตระกูลแล้วสิ"
              "ทำนองนั้นแหละ และฉันจึงอยากจะให้พวกนายระมัดระวังตัวพวกสมาชิกตัวเอ้ของบราวน์เดคไว้ด้วยละ เพราะสายของทางสเปนแจ้งมา ว่าบราวน์เดคจะให้รวมพลกันที่บาเซโลน่าแล้ว" เฟอร์นันเดอร์บอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ถ้าเช่นนั้นพวกเราคงต้องทำให้บราวน์เดครอเก้อแล้วละ เพราะเรามีธุระที่ต้องออกจากยุโรปเดียวนี้เลยน่ะ"
              "แม้พวกนายจะมีธุระอยู่ พวกนายก็รีบไปได้เลย และอย่าวกกลับมาที่ยุโรปกันอีกเป็นอันขาดเลยน่ะ" เฟอร์นันเดอร์เตือน มาสวาร์ทาร์พยักหน้า แล้วทั้งหมดก็....               
              "เราวกกลับมาที่เดิมอีกแล้วหรือ" แคร์เรี่ยนบ่น เพราะว่าเธอกับพวกไทรเวเซอร์เดินทางกลับมายังเขตป่าดีเนสต้าไว้ เพียงแต่อยู่ห่างจากทะเลสาปไปค่อนข้างมาก โดยที่เห็นเนินดินขนาดใหญ่ที่มีป้ายหินรูปดาบปักไว้ด้วย

              "เปล่าหรอก พวกเขามายังจุดสุดท้ายของผู้ก่อตั้งครอสตรีมกันนะครับ" ซิลเวเทรดบอก
              บ็อกไซน์กล่าว "นายคงไม่ได้หมายความว่า ยอดผู้กล้าอาทรัลเตอร์ สิ้นใจในที่แบบนี้นะหรือ"
              "ถูกแล้วละ บ็อกไซน์ อาทรัลเตอร์ตายด้วยน้ำมือของทราเวยน์ ที่ต้องการสุดยอดดาบเกรซคาลิเบอร์ที่อยู่ในสุสานดาบมาเพื่อให้ตนเหนือกว่าโครเต้และฉันไว้ ซึ่งฉันรู้ถึงจุดจบที่ตามมาของท่านอาจารย์ของฉันและของอากาเมมนอสกันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เจเนลบอก "และฉัน จายด์และจิล ซึ่งไล่ตามพวกพีวิลด้วยคำสั่งจากครองคอร์ด ก็มาเจอกับท่านแม่ทัพผู้นี้ เลยจัดการฝังศพให้เขาไว้ โดยที่เราได้ดึงดาบของเขามาปักบนหลุมเพื่อยืนยันว่า ท่านอาทรัลเตอร์สิ้นใจที่ตรงนี้แหละ"
              "เพราะอย่างงั้น นายกับพวกเลยมาต้องเคารพศพก่อนสิน่ะ" แคร์เรี่ยนบอกอย่างเห็นใจไม่น้อย เพราะเธอเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของยอดผู้กล้าอาทรัลเตอร์มาบ้าง
              ไม่ทันไรก็.... "เออ วันนี้แดดดีมิใช่หรือ ทำไมรอบๆเหมือนบรรยากาศมาคุครอบงำกันละ" เฟลาลี่กล่าวอย่างหวาดกลัว เพราะภายในป่าที่ควรจะแจ่มใส เริ่มมืดครึ้มอย่างเห็นได้ชัด
              "ดูท่าว่า พวกเจ้าคงจะมานี้ ด้วยเรื่องของทราเวยน์เลยละสิน่ะ" เสียงของชายชรากล่าวขึ้น พร้อมกับ "แว้งงงง" ปรากฎร่างเรืองแสงสีเขียวของอัศวินครอสตรีมชราที่ยืนอยู่ตรงหน้า
              "ท่านอาทรัลเตอร์...." มาสวาร์ทาร์กล่าวแล้วก็คุกเข่าพร้อมกับชักดาบมาปักบนพื้น "คาตานะลอร์ดเอชมาสวาร์ทาร์ ศิษย์ขออภัยด้วย ที่ไม่ได้มาดูใจท่านในวาระสุดท้ายเลยนะครับ"
              "ไม่เป็นไรหรอก มาสวาร์ทาร์เอ๋ย แค่เจ้ารู้ถึงการจากไปของข้าจากปากของเจเนไซด์ทีม ผู้ซึ่งให้ความเคารพด้วยการให้ข้าหลับอยู่ใต้พืนปฐพีนี้ แม้ข้าจะตายอย่างอยุติธรรม อย่างน้อย ดาบแห่งความยุติธรรมอย่างเจ้าก็ได้ลงทัณฑ์ทราเวยน์ด้วยตัวของเจ้าเองกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วละ" อาทรัลเตอร์ อดีตแม่ทัพครอสตรีมกล่าว แล้วหันมาถาม "ไฮลอร์ดอากาเมมนอสสบายดีอยู่ละสิน่ะ"
               มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "อากาเมมนอสทำหน้าที่ในฐานะผู้นำของครอสตรีมกันอยู่ ข้าพเจ้าเป็นผู้ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาของเขาในช่วงที่ยากลำบากไว้ เขาได้ทำหน้าที่ของเขาตามคำสอนของท่านนะครับ"
              "แม้ว่าอากาเมมนอสจะดูไม่มีภาวะของความเป็นผู้นำได้ดีเท่าเจ้าและโครเต้เลยก็ตาม อย่างน้อย โครเต้ก็ตัดสินใจได้ถูกที่ให้อากาเมมนอสเป็นผู้สืบทอดครอสตรีมต่อได้ เพราะฉันมองว่าอากาเมมนอสมีความรับผิดชอบที่ดีและมีความเคารพนับถือฉันอย่างมากด้วยน่ะ" อาทรัลเตอร์บอก "ที่สำคัญ เจ้าคงได้เพื่อนพ้องจากแรซัลก้ามาเยอะมากเช่นนี้ แสดงว่าการต่อสู้ในอวกาศคงจะหนักหนามากมายเกินกว่าดาบมือเดียวอย่างเจ้าจะรับได้เลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์พยักหน้า
              เนคมาดูซัมบอก "มาสวาร์ทาร์ช่วยเหลือพวกเราได้มากเลยนะครับ ถึงแม้ว่าเขาอาจจะ...."
              "ข้ารู้น่ะ ว่ามาสวาร์ทาร์ทำเพื่อพวกเจ้าและหญิงที่เขาพลั้งมือสังหารไปมากแค่ไหนก็ตาม ในเมื่อมาสวาร์ทาร์สำนึกผิดและยอมรับในการกระทำของตนเองได้ ข้าก็ยังให้อภัยต่อศิษย์รักผู้นี้ได้อยู่น่ะ บุตรแห่งเนคคูคัส" อาทรัลเตอร์บอก
              พีวิลบอก "แต่ ท่านรู้สมญาของมาสวาร์ทาร์หลังกำชัยชนะต่อโครเต้ได้ยังไงละครับ ในเมื่อท่านนั้น...ได้สิ้นชีพไปแล้วน่ะ"
              "ข้ารู้ได้ แม้จะเป็นวิญญาณไปแล้ว พลังครอสเซี่ยมที่หลงเหลืออยู่ช่วยให้ข้าคงรูปลักษณ์เดิมเอาไว้ แม้ว่าข้าไม่อาจจะเข้าไปใกล้แพทรีออทที่ถูกขังอยู่ในผลึกอีเนลเซี่ยมที่มีมวลสารแบบเดียวกัน ล้อมรอบหนาแน่นได้เลยก็ตาม แต่มิใช่กับกระแสจิตที่สามารถส่งไปไกลและเข้าถึงหัวแพทรีออทได้ โดยไม่ผ่านมวลสารขนาดใหญ่ที่ปกคลุมทั่วเทมเดนเลยน่ะ" อาทรัลเตอร์บอก "และแน่นอน ว่ามิใช่แค่ข้าตนเดียวที่มีสภาพเช่นนี้น่ะ" ไม่ทันไรก็ปรากฎร่างนักรบครอสตรีมอีกสองตน เป็นเทมเพร่าหญิงและครูเซเดนชายร่างบึกที่มีโลห์สองข้างติดอยู่บนเกราะหัวไหล่
              "คราวนี้ใครกันอีกละเนี้ย" แอบไบออสกล่าว

              "แรมลอช เฟอคาน่า พวกนายมาอยู่เป็นเพื่อนกับท่านอาทรัลเตอร์เลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าวกับอดีตศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกันและ 2 ใน 3 ขุนพลของโครเต้ที่พ่ายแพ้ในการรบที่ทุ่งแททิลเดอ้อน ซึ่งเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของครอสตรีมภายใต้การนำของโครเต้ สไครเดอร์
              ครูเซเดนโลห์ใหญ่นามแรมลอชบอก "ถูกแล้วละ คาตานะลอร์ด นับตั้งแต่การตายของข้าและเฟอคาน่านั้น เราทั้งสองตัดสินใจที่มาอยู่ดูแลท่านอาจารย์ของพวกเราในที่ๆพำนักแห่งสุดท้ายนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีใครหรืออะไรที่เข้ามาคุกคามหลุมของท่านได้ เหมือนเช่นที่ข้าปกป้องผู้อื่นน่ะ"
              "แต่นายกับเฟอคาน่าเลือกที่จะตายมากกว่าก้มหัวให้กับมาสวาร์ทาร์ หลังจากที่กำชัยเหนือโครเต้ไปนิ มันไม่เป็นการสิ้นคิดเลยหรือ" คลอเวฟกล่าว
              แรมลอชบอก "พวกเราได้สาบานไว้ว่าจะภักดีกับโครเต้จนวินาทีสุดท้าย แม้โครเต้จะพ่ายแพ้ต่อมาสวาร์ทาร์ด้วยการดวลราวนด์ดูเอลอย่างขาวสะอาดและยุติธรรม ในฐานะของผู้ภักดีต่อแม่ทัพเดิม ต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุดตราบเท่าชีวิตจะหาไม่ ก็เพื่อให้พวกนายปลดปล่อยพวกเราให้อยู่กับท่านอาทรัลเตอร์นี้แหละ" แล้วก็บอก "แม้ว่าชัยชนะของนายที่มีต่อเกซเฟลิคและแอตแลนไทซ์นั้นเจ็บปวดแสนสาหัสไม่น้อย แต่....ฉันหวังว่านายคงจะอดทนกับบาดแผลนี้ไว้ได้น่ะ กราดิเอเตอร์มารีน" คลอเวฟไม่พูดอะไรต่อ
              "ที่ท่านอาทรัลเตอร์รู้สถานะของมาสวาร์ทาร์ในตอนนี้ เธอคงบอกเขาเลยสิน่ะ" สเปียริทบอกกับเทมเพร่าหญิงนามเฟอคาน่า ซึ่งตอบกลับไปว่า
               "ทุกอย่าง แม้กระทั่งสถานะที่แท้จริงของท่านด้วยน่ะ องค์หญิงแอสเซน บุตรีที่แท้จริงของบิดรเทพ ผู้ฟื้นคืนชีพหลังถูกเทพแห่งสงครามพิพากษาโทษจากดาวบ้านเกิด หอกที่สูญเสียหัวใจครึ่งหนึ่งและตัวตนในอดีต ดูท่าว่า ท่านคงจะผ่านความเจ็บปวดหลังจากที่รับรู้ความจริงและได้สิ่งที่ถูกช่วงชิงกลับมาเลยสิคะ"
              "ใช่ แม้ว่าความจริงที่ข้าต้องเจอนั้นเจ็บปวดตามที่เจ้าว่าไว้ แต่....นั้นก็เป็นแรงผลักดันให้ฉันต้องลุกขึ้นมาสู้ต่อไปอย่างองอาจและเข็มแข็ง อย่างที่ฉันเคยพูดเอาไว้นี้แหละ" สเปียริทบอก
              เฟอคาน่าพยักหน้า "แม้ว่าข้าเป็นแค่วิญญาณ แต่ข้ามองเห็นร่างเงาขนาดยักษ์ที่สมบูรณ์แบบได้ชัดเจนแบบนี้ ข้าไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ถึงรอดจากการคุกคามอันยิ่งใหญ่ไปได้ เพราะว่าท่านเป็นกำลังสำคัญอันยิ่งใหญ่กว่านี้เองน่ะ"
              "แน่นอน ว่าเรื่องที่ท่านโอเวอร์เดสอยู่ที่แทแรนเซียนั้น ข้าพเจ้าเองก็รับทราบมาแล้ว ว่าราชินีมากาเล็ตรับผิดชอบท่านโอเวอร์เดสในฐานะเชลยสงครามกันดีแค่ไหน แม้นั้นจะหมายถึงการช่วยเหลือผู้ที่สร้างท่านเทพด้วยก็ตามน่ะ" อาทรัลเตอร์บอก "แต่....การที่ข้าติดต่อกับท่านโอเวอร์เดสผ่านโทรจิตไปนั้น ทำให้ข้ารู้ว่า เกซิคได้คืนชีพทราเวยน์กลับมากันแล้วน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "ทั้งๆที่ ทราเวยน์ตายไปสองครั้ง ซึ่งไม่น่าจะคืนชีพได้ เนื่องจากเฟอคาน่าสร้างเขาให้เป็นราธเรธเลยสิครับ"
              "ราธเรธนิ มันคืออะไรหรือ" เมย์เดย์ถาม
              มาสวาร์ทาร์บอก "เป็นร่างวิญญาณพยาบาทของนักรบครอสตรีม ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยพลังของเทมเพร่า ในการดึงเอาชุดเกราะและดวงวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ ให้เกิดใหม่ในสภาพวิญญาณที่มีพลังครอสเซี่ยมอันลุกโชนอย่างรุนแรง ซึ่งนักรบครอสตรีมในสภาพของราธเรธนั้น มีสองทางเลือกคือ กำจัดศัตรูให้แดดิ้นไปซะ หรือไม่ก็ถูกทำลายจนสูญสลายไปหมดสิ้นเลยน่ะ" แล้วก็ถาม "ทราเวยน์เองอยู่ในสภาพที่ไม่ควรจะคืนชีพกลับมาแล้ว ทำไมยังกลับมาได้ละครับ"
              "ทราเวยน์ โกงความตายของตนเอง ด้วยการเฉือนวิญญาณส่วนมากของเขา ให้ไปอยู่ในร่างที่สองที่ผู้คุมกฎสร้างขึ้นไว้และเอาไปเก็บในสถานที่ลับ โดยเหลือดวงวิญญาณเพียงเสี้ยวเดียวอยู่ในร่างเดิมเอาไว้นะสิ" เฟอคาน่าบอก "ซึ่งข้าไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมทราเวยน์ในช่วงระยะนี้พลังอ่อนลงกว่าปกติ แม้จะได้รับพลังครอสเซี่ยมเหมือนกับพวกเราเลยก็ตาม จนต้องฆ่าท่านอาทรัลเตอร์เพื่อเกรซคาลิเบอร์ที่เก็บไว้ในสุสานดาบแล้วน่ะ"
              แรมลอชบอก "และตอนนี้ ผู้คุมกฎเองก็ใช้วิทยาการต้องห้ามมาใช้สร้างครอสตรีมรุ่นใหม่กับพวกมนุษย์ที่เคราะห์ร้ายเหล่านั้น เพื่อให้ทราเวยน์ควบคุมและใช้คุกคามอากาเมมนอสและพวกพี่น้องกลุ่มใหม่ที่โน่นด้วยน่ะ"
              "ไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมฉันถึงชนะทราเวยน์ที่มีพลังครอสเซี่ยมอันรุนแรงยิ่งกว่า มิใช่เพราะพลังแทรนซิ่งที่ฉันปลดปล่อยได้อย่างเดียว แต่เพราะทราเวยน์มีดวงวิญญาณที่เล็กจนฉันไม่สังเกตุเห็นนี้เองน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "แล้วทราเวยน์คงอยู่ในสุสานดาบเลยสิน่ะ"
              เฟอคาน่าส่ายหน้า "ฉันรู้ ว่าทราเวยน์ต้องกลับมายังที่ๆเขาตายไปแล้วแน่นอน ฉันเลยจัดการลบสิ่งที่ทราเวยน์หลงเหลือไว้ในสุสานดาบออกไปกันหมด และปิดผนึกสุสานดาบมิให้ทราเวยน์เข้าไปได้อีกเป็นหนที่สองด้วย ตราบใดที่ฉันยังอยู่นี้ ทราเวยน์ไม่มีทางบุกเข้าไปได้แน่นอนน่ะ"
              "อย่าห่วงไปเลยครับ ท่านอาทรัลเตอร์ ตราบใดที่ข้าพเจ้าและทุกๆคนอยู่นี้ ทราเวยน์ไม่มีทางทำอะไรได้แน่นอนนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อาทรัลเตอร์พยักหน้า "เจ้าคงจะรู้ไว้น่ะ ว่าผู้คุมกฎเกซิคพยายามที่จะแทรกแซงการคุกคามโลกของท่านโอเวอร์เดสกันอย่างมาก ต่อให้ขุนพลครองคอร์ดคุมสามกองรบเอาไว้จนแม่ทัพทั้งสามภักดีกับเขาไว้ได้จริง ผู้คุมกฎเกซิคก็ยังหาช่องว่างเข้าใกล้บุคคลในครอสตรีมและอีเนอไมนด์ได้อยู่ดี เหมือนที่เขาชักจูงและส่งเสริมพลาทูนั่มให้เป็นเช่นนี้ได้น่ะ"
              "ผมทราบมาจากคำพูดสุดท้ายของแพทรีออทได้ดีเลยละครับ ท่านอาทรัลเตอร์" พีวิลบอก
              อาทรัลเตอร์พยักหน้าและบอกไปว่า "มาสวาร์ทาร์ ตอนนี้เจ้ากล้าแกร่งมากพอที่จะรับภาระยิ่งใหญ่ ในการชำระล้างครอสตรีมและลงทัณฑ์ทราเวยน์ในความผิดที่เขาได้ทำไว้ อย่างการสร้างร่างจักรกลให้กับดวงจิตของนักรบครอสตรีมที่สิ้นชีพในการสู้ครั้งสุดท้าย สร้างนักรบครอสตรีมด้วยวิธีการอันโหดร้ายและไร้ศีลธรรมต่อพวกมนุษย์ ที่เข้ามาด้วยเจตจำนงที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องโลกไว้ และพยายามคุกคามพี่น้องที่อยู่ต่างไกลด้วยเส้นทางข้ามจักรวาลกันด้วย ซึ่งเจ้าและกองกำลังไทรเวเซอร์คงจะทำได้อย่างแน่นอน" จากนั้นก็ชูมือขึ้น "กึกๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงง" หินรูปดาบที่ปักคาหลุมพุ่งขึ้นมาตรงหน้ามาสวาร์ทาร์ พร้อมกับ "แว้งงงงงง" เปล่งแสงจนกลายเป็นดาบครอสเซี่ยมเกรทซอร์ดเล่มใหม่ขึ้นมา
              "นิ นี้มัน ดาบของท่านนิครับ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
               อาทรัลเตอร์บอก "นี้คือดาบลาเซนการ์ฟ ดาบคู่ใจของข้า นอกเหนือจากเกรซคาลิเบอร์ที่ข้ามอบให้เจ้าไว้ในดาบของเจ้า ซึ่งเจ้าคงรู้ใช่มั้ย ว่าข้าให้ดาบนี้กับเจ้าเพื่ออะไร"
              "ทราเวยน์ใช้ดาบของท่านสังหารท่านเลยสิครับ" มาสวาร์ทาร์กล่าว อาทรัลเตอร์พยักหน้า
              แรมลอชบอก "กฎลงโทษของพวกเราว่าไว้ ใครใช้ดาบเล่มใดสังหารเพื่อนพ้อง ศิษย์อาจารย์ หรือแม้กระทั่งญาติพี่น้องและคนรัก ผู้นั้นต้องใช้ดาบเล่มนั้นลงโทษฆาตกรเสีย ซึ่งเป็นกฎที่นาย ท่านโครเต้ อากาเมมนอส ฉันและเฟอคาน่าจดจำได้ดี เว้นแต่ทราเวยน์ที่ไม่สนใจที่จะฟังกฎนั้นอยู่แล้ว"
              "ทราเวยน์กระทำคุรุฆาตอย่างท่านอาทรัลเตอร์ แม้ตายด้วยดาบของท่านไปได้แล้ว การกลับมาของทราเวยน์อีกครั้งนั้น คือโอกาสที่ดาบเล่มนี้จะได้พิพากษาโทษน่ะ" เฟอคาน่าบอก "แม้เราอยากจะไปช่วยพวกนายสู้ แต่สภาพของเราในตอนนี้คงไม่สามารถทำอะไรได้อย่างแน่นอน จึงขอให้พวกนายทำแทนพวกเราหน่อยน่ะ" มาสวาร์ทาร์พยักหน้า แล้วก็รับดาบมา
              เนคมาดูซัมบอก "ได้อยู่แล้วละ เพราะเรื่องที่ทราเวยน์ก่อ เราจะจัดการให้เอง"
              "ยังมีอีกสองเรื่องด้วยกันที่พวกเธอควรจะรู้ไว้" อาทรัลเตอร์บอก "ฉันอนุญาตให้พวกเธอขนสมบัติทั้งหมดที่อยู่ในสุสานดาบ เพื่อส่งมอบให้กับอากาเมมนอสและครอสตรีมที่ดาวดวงอื่นได้ แต่ต้องลงมืออย่างรวดเร็วกันหน่อยน่ะ"
              เจเนลบอก "ท่านกลัวว่าทราเวยน์จะส่งลูกน้องมาแย่งไปเลยสินะ"
              "ถูกต้อง เพราะทราเวยน์ได้แม่พิมพ์ทำอาวุธที่ได้จากเกซิคมาใช้สร้างอาวุธไว้ พอเขาไม่สามารถบุกเข้าสุสานดาบได้ ทราเวยน์เลยได้ทางเลือกที่สองที่แย่กว่านี้ และเป็นอีกเรื่องที่พวกนายต้องทำด้วยน่ะ" เฟอคาน่ากล่าว
               แรมลอชบอก "นอกเหนือจากแกรนฟอสเทสซิโม่และแซคไรเซอร์แล้ว พวกเราเคยสร้างป้อมปราการสำหรับการสู้รบเอาไว้ ซึ่งนั้นเป็นผลงานชิ้นแรกและชิ้นสุดท้ายที่เราเลือกจะผนึกมันไว้น่ะ"
              "ผนึกมันไว้นะหรือ ท่านคงไม่ได้หมายถึง ปราการวอลเดมอร์ค ปราการสู้รบอันทรงพลังและแข็งแกร่ง ที่ทำให้เหล่าพี่น้องครอสตรีมเกือบครึ่งต้องสังเวยเพราะมันสูบพลังของทุกๆคนไปเลยสิครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อาทรัลเตอร์พยักหน้า "รู้มั้ย ว่าทำไมพวกครอสตรีมที่ควรจะมีขุมกำลังอันยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับแอตแลนไทซ์ ถึงมีจำนวนลดลงจนต้องอยู่ใกล้กับท่านโอเวอร์เดสที่แกรนด์โอลิมปัส และเหตุใดฉันถึงต้องสละตำแหน่งแม่ทัพให้กับโครเต้ ก็เพื่อมิให้มีนักรบครอสตรีมออกไปนอกเขตแล้วตรงไปช่วยพวกพ้องที่ติดอยู่ในปราการ ที่ฉันได้ใช้พลังครึ่งหนึ่งเพื่อผนึกมันลงไปอยู่ใต้ทะเลเมดิเตอเรเนี่ยนไว้ ซึ่งนี้เป็นความลับอันดำมืดและน่ากลัวมากสำหรับครอสตรีม ที่ข้าจำกัดความลับให้เพียงแค่เหล่าศิษย์ของข้าเท่านั้น ซึ่งรวมถึงทราเวยน์ด้วย" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ว่า ทราเวยน์ได้ปลดปล่อยปราการนั้นไปแล้ว แต่ยังไม่โผล่มาสร้างความเดือดร้อนไปเลยน่ะ"
              "อย่าห่วงไปเลยนะครับ เพราะเราจะจัดการเรื่องนี้เอง" มาสวาร์ทาร์บอก
              อาทรัลเตอร์กล่าว "ข้าฝากด้วยแล้วกันน่ะ คาตานะลอร์ด แล้วก็กองกำลังไทรเวเซอร์ด้วย" แล้วตน เฟอคาน่าและแรมลอชก็หายตัวไปในทันที
              "สงสัยว่างานนี้เราต้องรีบกันหน่อยแล้วละ" ฟิเกซบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เวลาทุกวินาทีมีค่าเสมอ เราต้องลงมือทำก่อนที่บราวน์เดคจะส่งกำลังมาเล่นงานพวกเรากันไว้น่ะ" ทั้งหมดพยักหน้า แล้วรีบนำยานไทรแองเกิ้ลและสโตรม่ากริฟออกไปโดยเร็ว

              แต่หารู้ไม่ว่า "ไม่ว่าพวกนายจะทำอะไรมันก็ไม่มีความหมายกันแล้ว เพราะฉันจะเริ่มต้นหายนะกันเดียวนี้แล้วละ" ทราเวยน์ในร่างโคลนเดินตรงมายังลูกแก้วเรืองแสงสีเขียวที่อยู่ตรงหน้า "เริ่มจากเชคโกสโลวาเกียและเนเธอร์แลนด์เลยแล้วกัน คาเมเรดฮาซาฟ บาร์คทรอนครอสทรีม ลงทัณฑ์" แล้วก็ใช้ฝ่ามือทาบตรงลูกแก้วให้เรืองแสงจ้าจน "แว้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ตึกสูงในเขตเมืองที่เชคโกสโลวาเกียปรากฎคาเมเรดที่มีออร่าสีเขียวโพยพุ่งจำนวน 20 ตัวพร้อมกับบาร์คทรอน 4 ตัวมา
               "กะ เกิดอะไรขึ้นละเนี้ย" กรีบิลที่นั่งคุมงานอุทานลั่นก่อนที่ "แว้งงงง" บาร์คทรอนครอสตรีมเรืองแสงที่ดวงตาและ "ฟ้าววววว ฉึกกกก โครมมมม" แทงดาบครอสเซี่ยมหัวลูกศรทะลุห้องทำงานของกรีบิลและสังหารผู้ที่อยู่ในนั้นให้กระจุย พร้อมกับ "แฟ้วๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆๆๆๆ" อาคารสำนักงานใหญ่ของรีวองโด้ถูกคลื่นคมดาบพุ่งผ่าจนขาดสะบั้นและ "ตรูมมมม" ระเบิดเป็นจุลไป
              "ตัวแทนสมาชิกรีวองโด้และกรีบิลตายแล้วหรือ" บราวน์เดคกล่าว
              ไวโอล่าพยักหน้า "จากการตายของสมาชิกสหพันธ์โลกใหม่ทั้งสองนั้น สหพันธ์โลกใหม่มีคำสั่งตรงให้กองกำลังที่ยังประจำการอยู่ เข้าจัดการกับพวกศัตรูที่อยู่ในเชคโกสโลวาเกียและเนเธอแลนด์โดยเร็วนะคะ"
              "ถ้าเช่นนั้นพวกเรารีบไปที่เกิดเหตุโดยเร็วเลย" บราวน์เดคบอก
              ไวโอล่ากล่าว "เออ เบื้องบนสั่งการให้พวกเราปฏิบัติภารกิจอีกอย่างไว้นะคะ" แล้วก็ส่งแพดไปให้บราวน์เดคเช็คดู "ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเบื้องบนจะสั่งแบบนี้น่ะ"
    ต่อช่วงที่ 2 กัน





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×