ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 17 ยุทธการลับบนโลก ขั้นที่ 3 ความลับในแทแรนเซีย การพบพานและลาจาก ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20
      0
      20 ก.ค. 63

              เหนือฟากฟ้าทางตอนเหนือของทวีปยูโรเซีย ห่างจากป่าดีเนสต้าไปไกลอย่างมาก ยานบินสโตม่ากริฟถูกคุมโดยยานบินของแทแรนเซีย 3 ลำด้วยกัน
              "มีเรื่องน่าช็อคตกใจยิ่งกว่าการปรากฎตัวของกองกำลังไทรเวเซอร์ อดีตกองกำลังแมนิเกเตอร์เวเซอร์ของฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ของโคเคส แอคเมนโด้อยู่บนแผ่นดินมหาสหรัฐอเมริกา หลังจากที่แสร้งตายจากการต่อสู้กับโอเวอร์เดสเมื่อ 24 ปีก่อนนั้น ก็คือ ท่านมหาประธานาธิบดีของพวกเรา คือพวกมนุษย์ต่างดาวผู้นำกองกำลังรุกรานเมื่อ 23 ปีก่อน โดยที่มันกับพวกพ้องที่เหลืออยู่นั้นได้แฝงตัวอยู่ในแผ่นดินของพวกเรามาหลายปีด้วยกัน แถมท่านมหาประธานาธิบดีตัวจริงตอนนี้ได้สิ้นชีพไปแล้วด้วย" นักข่าวสาวจากช่องข่าวอเมริกันนิวส์กล่าว
              จากนั้นอีกช่องหนึ่ง ซึ่งเป็นช่องข่าวยูโร "แม้ว่าการกลับมาของพวกไทรเวเซอร์นั้นจะเป็นการกลับมาในฐานะมิตรแห่งความยุติธรรม จากการช่วยเหลือกองรบมหาสหรัฐอเมริกากอบกู้ความสงบสุขกันก็ตาม เราจะแน่ใจได้หรือ ว่าพวกเขามาดีกันจริงๆ หรือเป็นกลุ่มล่วงหน้าของกองรบที่ใหญ่ยิ่งของฝ่ายสหพันธมิตรในการรุกรานโลกตามที่เราได้ทราบข่าวมานะครับ"
              "จากเหตุการณ์ในมหาสหรัฐนั้น อเบบันโด้ อัลราเซท ตัวแทนของสหพันธ์โลกใหม่ประจำประเทศไทยได้ให้ความเห็นกับเราว่า...." สรกนก เฟื่องสาสม นักข่าวจากช่อง 64 ของประเทศไทยกล่าว
              แล้วเผยภาพของชายผมสั้นสีน้ำตาลที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวทั้งหลายว่า "ไทรเวเซอร์แค่เป็นพวกแมนิเกเตอร์หลอกลวง ถ้าขนาดพวกสหพันธมิตรลวงโลกว่าสิ้นชีพไปได้ มีหรือที่พวกนี้จะอ้างตนว่าเป็นมิตรแห่งความยุติธรรม เพื่อให้ชาวโลกตายใจเท่านั้นเองละครับ"
              "แต่ความเห็นของผู้นำสหประชาชาติคนปัจจุบัน อย่างสุเมรางิ ออกัสเตนนั้นต่างกันออกไปกันนะคะ" กาละแบร์ เฌอแตม นักข่าวจากช่อง 77 จักรๆวงศ์ๆตลอดทั้งปีบอก 
              แล้วตัดภาพมายังหญิงผมสีทองเดินออกมาในที่ทำการสหประชาชาติบอก "มนุษย์ทุกตนทำผิดย่อมมีการแก้ไขและแก้ตัวในความผิดที่ก่อ ไทรเวเซอร์และสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ อาจจะเป็นพวกเดียวกันกับโอเวอร์เดสและเหล่าแมนิเกเตอร์ที่คุกคามโลกของเรามา แต่บัดนี้ เวลาผ่านไป 20 ปีแล้ว การที่พวกเราไม่ให้โอกาสพวกเขาอีก เหมือนเราทำร้ายพวกเราเองกันดีๆนี้เองนะคะ" แล้วก็หันหน้ามายังกล้อง "เพราะฉันเคยเป็นนักเรียนห้าวเป้งที่สุดในโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง ถูกจับเข้าสถานพินิจที่มีพวกเฮี้ยบๆอยู่ เข้าออกเรือนจำเป็นว่าเล่น ยังมีคนให้โอกาสฉันได้แก้ตัวจนมาถึงจุดนี้ได้ แล้วทำไม พวกคุณถึงยังมีความเห็นแบบเดิมอีกละคะ บอกตรงๆนะคะ ว่าพวกคุณที่ยังคิดแบบนี้ มัน...." จากนั้นก็ชูนิ้วกลางขึ้น ทำให้เหล่าการ์ดต้องแห่มาบังกันยกใหญ่
              "นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไม ผบ.บัลโต้ถึงห้ามพวกเรานักหนา ในเรื่องเดินทางมาที่โลกน่ะ" แคร์เรี่ยนบ่น หลังจากที่ได้ดูข่าว พร้อมกับพวกเมนซิกส์ทีนทั้ง 13 ตน ร่วมกันกับเพื่อนครีซีแทนระดับเป้งของเธอ
              โทรวแนคบอก "และดูเหมือนว่าพวกนายจะพลาดยุทธการเด็ดไปเสียแล้วน่า จากการที่เพื่อนกราดิเอเตอร์มารีนสุดกวนทรีนมาแย่งซีนน่ะ" แล้วก็หยิบรีโมทมาปิดทีวีโดยเร็ว
              "คลอเวฟอาจจะทำอะไรบ้าๆหรือติดเงินเรามาเยอะ แต่จากที่ได้ดูข่าวมานั้น ไม่มีเรื่องที่คลอเวฟโผล่มาใช้กำลังหรือหาเรื่องก่อความเดือดร้อนก็ถือว่าใช้ได้แล้วละ" พีวิลบอก
               สเปียริทกล่าว "แน่ละ เพราะมหาสหรัฐอเมริกายังมีอริอย่างเฟอร์นันเดอร์อยู่ ถ้านายบื้อหาเรื่องขึ้นมา พวกเราที่เหลือที่อยู่บนไทรแองเกิ้ลจะซวยยกชุดเลยละ"
              "อีกอย่าง คลอเวฟไม่มีทางก่อเรื่องได้แน่ๆ เพราะในยานยังมีลุงเบติสและป้าวิลด้าอยู่ด้วยน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              ฟิเกซบอก "รวมถึงแอมเบอร์ด้วย ถ้าคลอเวฟทำอะไรบ้าๆ แอมเบอร์จะต้องเบรคคลอเวฟกันเสียก่อนแน่นอน"
              "แน่นอน ว่าคลอเวฟไม่เสี่ยงให้ไทรแองเกิ้ลเจ็งบ้งไปแน่ๆ และคงไม่เมินเฉยต่อความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นบนมหาสหรัฐอเมริกากันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              มิลเลย์กล่าว "แน่ละ เพราะว่าพวกตัวประหลาดชุดใหญ่อยู่ที่โน่น ในขณะที่นายใหญ่และกำลังส่วนหนึ่งอยู่แถวนี้ แถมตอนนี้พวกเราดันปล่อยให้ตัวหัวหน้าลอยนวลไปด้วยน่ะ"
              "แล้วจะแน่ใจหรือ ว่าพวกแทแรนเซียอะไรนั้นจะไม่จับพวกเราไปแยกชิ้นส่วนเลยน่ะ" รอสซายกล่าว
              สเตฟอร์ดบอก "พวกเขาคงไม่ทำอะไรโง่ๆอย่างที่นายว่ามาหรอก หากพวกนายไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเลยน่ะ"
              "งั้นเรื่องที่พวกนายมีส่วนในการกอบกู้ราชบัลลังก์ของอาณาจักรนี้ก็เป็นเรื่องจริงละสิ" เมย์เดย์กล่าว โฟรซ่าพยักหน้า
              ไซโคลเนียกล่าว "นั้นเป็นภารกิจแรกและภารกิจเดียวในการคืนความสงบสุขให้กับแทแรนเซีย แม้ว่าหลังจากนั้น คือการทำสงครามโดยที่คนถูกและคนผิดที่ได้รับโอกาสไถ่โทษ ต้องมาสู้กับโครเต้และพวกครอสตรีมที่เหลืออยู่เลยนะสิ"
              "และการสู้รบนั้น คือที่มาของสมญานาม คาตานะลอร์ด ของนายเลยสิน่ะ" เบย์แรคกล่าว
               มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "แม้ฉันรู้ดี ว่าเวลาผ่านไปนั้น แทแรนเซียอาจจะกลับมาอีหรอบเดิม นั้นคือคนไม่ดีอยู่เหนือคนดีจนทำให้ประเทศชาติเหลวแหลกตามที่โครเต้ว่าไว้เลยก็ตาม แต่ฉันเชื่อเสมอ ว่าภายในกลุ่มคนไม่ดีนั้น ต้องมีคนดีสักคนหรือสักกลุ่มลุกขึ้นมาต่อกรกับคนไม่ดีเหล่านั้น เหมือนที่พวกเราและท่านประธานาธิบดีลุกขึ้นมาต่อสู้กับพวกโอเวอร์เดสด้วยนะสิ"
              "หวังว่า ราชินีมากาเล็ตคงจะเข้มแข็งและไม่ถูกรอบด้านแปรเปลี่ยนกันบ้างน่ะ" โฟรซ่ากล่าว
              ไนน์ตี้เกลถาม "แล้วว่าแต่ พวกกองยานเหล่านี้จะพาเราไปส่วนไหนของแทแรนเซียกันละ"
              "แทแรนเซียมีกองบัญชาการไวท์คิฟเป็นศูนย์บัญชาการทางทหาร ที่รับผิดชอบในการดูแลความสงบสุขในขอบเขตของราชอาณาจักรไว้ รวมถึงในเขตพระนครหลวงกันด้วยน่ะ" เจเนลบอก
              จิลกล่าว "เท่าที่ฟังจากผบ.ฮาซาเดนเล่ามา ว่าปราการแห่งนี้เสริมแกร่งเพื่อโต้ตอบการรุกรานทุกด้านและทุกทาง จากการที่พวกเราบุกเข้าทางระบายน้ำและเข้าจู่โจมกองบัญชาการกันไว้นะสิ"
              "เยี่ยม พวกนายเองทำตัวเป็นเชื้อโรคและไวรัสให้ฝ่ายมนุษย์สร้างภูมิต้านทานและวัคซีนขึ้นมาเองสิน่า" แคร์เรี่ยนบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ตอนนี้เราหวังว่าพวกแทแรนเซียคงจะไว้ใจหรือเชื่อถือพวกเรากันได้ ตามที่พวกนายว่ามากันเลยน่ะ"
              "เออ ตอนนี้พวกเรามาถึงที่หมายกันแล้วละครับ" ซิลเวเทรทกล่าว โดยนำภาพปราการสีขาวขนาดใหญ่ อยู่กึ่งกลางกำแพงสีเงินขาวที่ทำด้วยโลหะแข็งหนา ล้อมรอบพื้นที่กองบัญชาการอย่างมหาศาล โดยมีท่าจอดยานขนาดใหญ่อยู่ด้วย
              มาสวาร์ทาร์มองดูกำแพงขนาดใหญ่และอาคารกองบัญชาการบางส่วน ก็รู้สึกถอดถอนใจขึ้นมา "ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าแทแรนเซียจะนำซากปราการแกรนฟอร์เทสซิโม่ของโครเต้มาใช้สร้างด้วยน่ะ"
              "นายกลัวว่าโครเต้จะกลับมาเอาคืนเลยสิน่ะ" จายด์บอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "โครเต้ดับสิ้นสูญไปนานแล้ว ฉันหวังแค่ว่าโครเต้คงจะให้อภัยต่อการกระทำของเควนตินและพวกกันบ้างน่า" จากนั้นยานสโตม่ากริฟและยานบินของแทแรนเซียก็แล่นลงจอดกัน

              "เหมือนกับว่าพวกเราจะถูกพาขึ้นเขียงกันชัดๆเลยวะ" บิลเดรทสบถ เมื่อเขากับพวกถูกพวกทหารแทแรนเซียตรวจค้นตัวกันยกใหญ่ หลังจากที่เดินลงจากยานสโตม่ากริฟแล้ว
              บ็อกไซน์กล่าว "นายจะบ่นทำไม ขนาดพวกเนคเกอร์เองยังโดนตรวจเช็คด้วยน่ะ" เพราะเห็นพีวิล มาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัมและพวกโดนตรวจเช็คกันยกใหญ่ ขนาดจายด์ต้องใช้ทหารถึง 5 คนในการเช็คร่างกายกัน
              "คุณมีผิวกายที่ทำให้เราต้องใช้คลื่นความถี่สูงในการตรวจสอบเลยนะคะ" ทหารหญิงกล่าวหลังจากที่ใช้เครื่องสแกนด้วยคลื่นกับสเปียริท เนื่องจากว่าผิวกายของเธอสะท้อนรังสีส่วนมากได้
              ทหารชายบอก "หวังว่าคุณคงไม่หาเรื่องป่วนพวกเราเหมือนที่ป่วนพ่อแม่ของเรากันอีกน่ะ" สเปียริทพยักหน้าแล้วก็เดินออกจากห้องไป
              "ดูเหมือนว่าพวกคุณบางรายจะเปลี่ยนไปอย่างมากเลยนะครับ และมีบางรายที่มาที่เมืองนี้เป็นครั้งแรกด้วยน่ะ" เควนตินกล่าว โดยเอ่ยถึงสเปียริทที่เปลี่ยนผิวกายเป็นจิวเวลเลี่ยมที่สะท้อนรังสีและลำแสงได้ กับลิเนียร์ตี้และแอนเดรียที่มาแทแรนเซียเป็นครั้งแรกกันด้วย
              พีวิลบอก "ส่วนหนึ่งเพราะ คุณเห็นเทมเดนเป็นตัวอย่างเลยสิครับ"
              "ผลจากการที่พวกคุณส่วนหนึ่งแฝงตัวเข้าไปในเขตเมือง เพื่อขโมยโมบิลทรูปเปอร์เบอร์แปดและเบอร์เก้ามาเป็นของพวกคุณ จนทำให้พวกอีเนอไมนด์บุกเข้าถล่มเมืองให้พังพินาศไปนั้น ได้เป็นบทเรียนกับทุกเมืองให้มีความเข้มงวดในการตรวจสอบผู้มาเยือนกันให้ดียิ่งขึ้น แม้ว่านั้นจะหมายถึงการทำให้นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ พ่อค้า หรือแขกจากดาวอื่นเสียเวลากันบ้างเลยนะครับ" เควนตินบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "เสียเวลาเพียงเล็กน้อย ดีกว่าปล่อยให้หลุดรอดจนเกิดปัญหาในภายหลังเลยสิน่ะ เลยทำให้ทุกเมืองแทบไม่มีผู้บุกรุกเข้ามากันได้น่ะ"
              "แต่อเมริกาเองก็พลาดจนพวกเฮซเทิร์ซแฝงตัวอยู่ในประเทศมาตลอด 20 ปีกันไม่ว่า ผู้นำพวกเฮซเทิร์ซก็สวมรอยเป็นประธานาธิบดีแบบนี้ มันไม่ค่อยดีเลยน่ะ" พีวิลบอก
               โฟรซ่ากล่าว "นั้นสิ ดีที่พวกทหารในประเทศส่วนหนึ่งที่เป็นลูกน้องของนายพลเวสวิงตันนั้น รู้ตัวทันและมีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว และเข้าช่วยพวกคลอเวฟคลี่คลายสถานการณ์ได้ แม้จะเป็นการล้อมคอกหลังวัวหายเลยก็ตามน่ะ"
              "ถ้าพูดถึงนายพลเวสวิงตันแล้วละก็ ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เพราะท่านนายพล....จากไปอย่างสงบแล้วละครับ" เควนตินบอก
              พีวิล เจเนล สเตฟอร์ด โฟรซ่าได้ฟังก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา สเตฟอร์ดบอก "ท่านนายพลเวสวิงตันไปตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ"
              "เมื่อ 10 ปีก่อนนะครับ ผมได้รับทราบข่าวจากท่านนายพลแฟนดิแอโรว์มา เลยพาทหารมาร่วมเคารพศพกันด้วย ซึ่งท่านนายพลเวสวิงตันจากไปนั้น ได้สั่งเสียให้ทุกๆคนกันไว้ รวมไปถึง หวังให้พวกคุณอยู่อย่างเป็นสุขด้วยนะครับ" เควนตินกล่าว
              เจเนลถาม "แล้วนายไม่ได้แจ้งกับพวกเราผ่านผบ.ฮาซาเดนเลยหรือ"
              "งานของผมและพวกเรารัดตัวเกินจนไม่สามารถทำได้เลย ผมจึงรู้สึกผิดไม่น้อยด้วยที่มิได้บอกกับพวกคุณในเรื่องนี้นะครับ" เควนตินกล่าว
              พีวิลบอก "อย่างน้อยพวกเราได้รับรู้แล้วละ ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ต้องมีใครสักคนที่ต้องจากไปอย่างสงบกันด้วย ซึ่งพวกเราไม่ได้ออกนอกโลกไปหาดาวดวงใหม่กันได้ หากไม่มีคำแนะนำของท่านนายพลเวสวิงตันที่แนะนำเรื่องของดร.รีไลฟ์เวอรี่เลยน่ะ"
              "สงสัยว่าเรามีเรื่องต้องแจ้งให้ท่านประธานาธิบดีรับทราบกันแล้วน่ะ ถึงการจากไปของท่านนายพลเวสวิงตันน่ะ" โฟรซ่าบอก
              มาสวาร์ทาร์ถาม "ว่าแต่ พอจะอนุญาตให้ใช้การสื่อสารแบบควอนตั่มได้มั้ยละ"
              "ได้ครับ เพราะว่าทางพันธมิตรมนุษย์ได้สร้างสถานีสื่อสารคลื่นควอนตั่มในแทแรนเซียไว้ เพียงแต่ พวกคุณควรจะหาทางป้องกันการแอบฟังด้วยนะครับ" เควนตินพยักหน้าและแนะนำ
              เนคมาดูซัมบอก "ส่วนหนึ่งเพราะพวกมนุษย์ที่เป็นศัตรูกับพวกเราจะรู้ที่ตั้งของอีสทาล่าฟรอนเทียร์สิน่ะ อย่าห่วงไปเลย เพราะเราเตรียมการไว้แล้วละ"
              "แล้วทำไมเรายังอยู่ที่นี้เลยละ นายยังรออะไรอยู่หรือ" เจเนลถาม
              เควนตินกล่าว "คือว่า ท่านมากาเล็ตได้สั่งการให้นายพลแฟนดิแอโรว์และภรรยาพาพวกคุณที่เหลือ ซึ่งมากับยานอวกาศของพวกคุณเดินทางมาที่นี้เป็นการลับและด่วนมากเลยนะครับ"
              "ภาวนาว่าคลอเวฟหรือแอมเบอร์คงไม่เผลอสั่งยิงแรปิดเดเตอร์พันนิชเชอร์จากด้านข้าง ใส่ยานบินของพวกเฟอร์นันเดอร์กันบ้างน่ะ" พีวิลบอก
              เจเนลถาม "เมื่อกี้นี้ นายบอกว่า เฟอร์นันเดอร์กับภรรยานะหรือ นายทราบบ้างมั้ย ว่าเฟอร์นันเดอร์แต่งงานกับใครกันละ"
              "นายพลหญิงสกิลลิเทอรี่นะครับ ตอนนี้ทั้งสองต่างมีลูกและรับใช้ราชการทหารกันอยู่นะครับ" เควนตินบอก
               โฟรซ่ากล่าว "เฟอร์นันเดอร์ไปคว้าเอายัยสกิลลิเทอรี่มาเป็นภรรยานะหรือ ตลกล่ะ แม่เสืออวดฉลาด หัวรั้นและหัวดื้อมากที่สุดในกองทัพ แถมประกาศว่าจะอยู่เป็นโสดตลอดกาลนั้น ไม่มีทางลงเอยกันได้หรอกน่ะยะ"

              "แล้วจะอธิบายเรื่องที่เธอกับแฟนกล้ามบึก ลงเอยด้วยการเป็นศัตรูตัวเอ้ที่ถล่มเมืองแบบจัดหนักกันยังไงมิทราบละยะ ไอเฟลแลงครูท" เจ้าของเสียงกล่าวไล่หลังมา จนโฟรซ่าหันมาพร้อมกับพวกพีวิล เห็นเบเร่ต์ยืนอยู่
              "โอ้ว นี้เธอมีขาเทียมติดล้อกันแบบนี้ ไม่กลัวเด็กรุ่นลูกล้อว่าป้าเลยหรือ" โฟรซ่ามองหน้าเบเร่ต์และเห็นสภาพของเธอในตอนนี้ก็พูดล้อเลียน
              "ถ้าเธอยังอยู่นี้อีก 20 ปี เธอก็คงโดนอีกาประทับหน้าเยอะกว่าฉันเสียอีกนะยะ" เบเร่ต์บอก
              สเปียริทบอก "เออ โฟรซ่า ยัยนี้เป็นใครกันละ หน้าตาไม่คุ้นเลยน่ะ"
              "เบเร่ต์ สกิลลิเทอรี่  หัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ 14จากรัฐวิสคอนซิน หนึ่งในกองกำลังรบพิเศษที่ 12 ของเวสวิงตัน เดิม เธอกับหน่วยควรจะไปรบพร้อมกับพวกเฟอร์นันเดอร์ หากแต่...." พีวิลบอก "เธอถูกพวกอีเนอไมนด์ที่อยู่ในอเมริกาดักซุ่มจู่โจมจนเสียขาไปสองข้าง และได้ขาเทียมคู่ใหม่มา แน่นอน ว่าเธอกับหน่วยที่เหลือรอดอยู่ เสียเวลาหมดไปกับการไล่ล่าพวกอีเนอไมนด์ที่เป็นตัวการ จนไม่ได้ไปกับพวกนายพลเวสวิงตัน และถูกเบื้องบนสั่งให้เฝ้าระวังในเขตประเทศแทนนะสิ"
              เบเร่ต์บอก "ที่นายรู้มานิ รู้จากบริคซ์ บาโธโรมิวและพวกที่ยังอยู่ในอเมริกา หรือว่ารู้จากพวกอีเนอไมนด์ที่เหลือรอดมาละสิ เพราะฉันฟังจากเฟอร์นันเดอร์มา ว่านายเป็นส่วนหนึ่งของพวกนั้นเลยน่ะ"
              "เกรงว่าผมได้ข้อมูลจากบริคซ์และพวกซะมากกว่าน่ะ เพราะผมไม่ได้ทราบความเคลื่อนไหวของพวกอีเนอไมนด์ที่ยังอยู่ในอเมริกากันเลยน่ะ" พีวิลตอบไปตามตรง
              เบเร่ต์บอก "ดีแล้วละที่นายไม่รู้จริงๆกันบ้างน่ะ"
              "ในเมื่อคุณมาที่นี้แล้ว ก็หมายความว่า...." เควนตินบอก
              แล้วนายพลผิวเข้มหน้าแก่เดินเข้ามา "เรามาตามคำสั่งที่องค์ราชินีให้ไว้แล้วละน่ะ แม่ทัพใหญ่เควนติน" ซึ่งก็คือเฟอร์นันเดอร์นี้เอง โดยที่เขามองหน้าพีวิลมา "ไม่คิดเลยน่ะ ว่านรกอันยิ่งใหญ่ในอวกาศเอง เอานายและพวกโคเคสไม่อยู่กันจริงๆเลยน่ะ ปีเตอร์"
              "และคุณเองก็คงจะโชคดีที่รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกเฮซเทิร์ซกันได้สิน่ะ ท่านนายพลแฟนดิแอโรว์" พีวิลบอก และหันมาถาม "คลอเวฟสร้างปัญหาให้หรือเปล่าละ"
              เฟอร์นันเดอร์บอก "ดูเหมือนว่า การที่หมอนั้นอยู่กับพวกนายเป็นเวลานานๆนิ ทำให้มันรู้กาละเทศะดี ว่ามันควรหรือไม่ควรก่อเรื่องกันไว้น่ะ"
              "ดีแล้วละ ที่คลอเวฟกับพวกเราที่เหลือ มีนายและพวกคุมไว้ ถ้าเป็นนายพลท่านอื่นที่มิใช่นายแล้วละก็ เกรงว่าเราคงจะเหลือเพียงเท่าที่เห็นนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              สเปียริทกล่าว "หวังว่านายบื้อคงไม่หาเรื่องยิงปืนใหญ่พังใบหน้าประธานาธิบดีชุดแรกจนกระจุยไปพร้อมกับหุบเขากันบ้างน่ะ"
              "มันคงทำอย่างงั้นได้อยู่หรอกน่ะ เพราะสถานการณ์บนอเมริกานั้นไม่ให้มันออกไปทำแบบนั้นได้ ทั้งๆที่มันกับพวกนาย ประทับรอยตีนตะขาบยักษ์ใกล้กับรูท 66 กันเมื่อ 24 ปีก่อน จนพวกเราต้องลบรอยอัปยศนี้ให้หายไปได้น่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก
               แอนเดรียกล่าว "ถ้าเป็นเรื่องที่เรือนอติลุสขึ้นมาบนแผ่นดินของคุณละก็ ในฐานะที่ฉันเป็นตัวแทนของฝ่ายเรา ต้องขออภัยด้วยนะคะ"
              "คุณควรจะมาขออภัยกันเมื่อ 24 ปีก่อนจะดีกว่าน่า" เบเร่ต์บอก
              เฟอร์นันเดอร์กล่าว "สตีฟ โฟรน่า เจมส์ แม้กระทั่ง ฟริตซีร่าหลายฉายา ขนาดเป็นศพเดินได้เหมือนกับพันโทคิริซาว่าเอง ยังรอดมาได้แบบนี้ พวกนายทำให้ยมฑูตบนโลกเก็กซิมกันยกใหญ่แล้วน่า"
              "นายพูดถึงพวกเรากันมากขนาดนี้ ตัวนายเองก็มีตราประทับจองจากพวกเฮซเทิร์ซแปะบนหลังเพียบกันด้วยนิ ไม่กลัวกันบ้างเลยหรือ" เจเนลบอก
              สเตฟอร์ดกล่าว "พวกเราไม่อยากจะเล่าให้นายกับภรรยาฟังหรอกน่ะ ว่าเราผ่านอะไรแย่ๆและหนักหนามาเยอะกว่าที่นายคิดเอาไว้ จนไม่อยากให้พวกนายพลอยประสบไปด้วยน่ะ"
              "ฉันแค่รู้อย่างเดียว ว่าการที่มีพวกนายอยู่ ได้ช่วยให้โคเคสและพวกอยู่อย่างสงบสุขกัน แม้ว่าเฮลิคเองไม่โชคดีแบบนั้นก็ตามน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              ไซโคลเนียกล่าว "การเสียสละของเฮลิคนั้น พวกเราไม่มีทางลืมเลือนอยู่แล้วละน่า"
              "คลอเวฟและพวกบอกมาแล้ว นั้นทำให้เรารู้ว่าเฮลิค นอร์มังดีเสียสละตนเองเยอะกว่าพวกนายอย่างมากเลยน่ะ" เฟอร์นันเดอร์กล่าวและหันมายังเนคมาดูซัม "นายคงจะเป็นเนคมาดูซัม หัวหน้าใหญ่ของกองกำลังไทรเวเซอร์เลยสิน่ะ เพราะ ฉันรู้ว่าปีเตอร์คงนำใครไม่ได้ หรือเบรคไอ้คลอเวฟไม่ได้ดีแน่ๆ หากไม่มีตัวบึกๆอย่างนายเป็นคนคุมทีม แม้ว่านายจะก่อวีรกรรมหนักหนาถึงขั้นไปหาเรื่องกับตัวแทนฝ่ายต่างดาวทรงอิทธิพลมาก่อนเลยน่ะ"
              เนคมาดูซัมบอก "ผบ.ฮาซาเดนคงเล่าเรื่องของฉันให้คุณฟังสิน่ะ"
              "ใช่ แค่ฉันได้เห็นหน้าแมนิเกเตอร์ตัวเป้งที่สยบไอ้คลอเวฟได้ ถึงไม่ออกนอกอวกาศไปเจอกับเฮนรี่ ไนท์และพวกโทมาส ฉันกับภรรยาก็โชคดีมากแล้วละ" เฟอร์นันเดอร์บอก "แต่ขออย่างเดียว คือขอให้นายคุมกองกำลังนี้ไปให้ตลอดเลยน่ะ อย่างน้อย ต้องมีใครคอยล่ามโซ่คลอเวฟกันบ้างน่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถึงคุณไม่บอก ฉันและพวกก็ทำอยู่แล้วละ"
              "ว่าแต่ พูดถึงคลอเวฟนิ ตอนนี้เขาอยู่ไหนกัน...." พีวิลถาม
              ไม่ทันไรก็ "หวอออ หวอออ หวอออ หวอออ หวอออ หวอออ" สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น จนทั้งหมดแห่มาตรงส่วนตรวจสอบ พบทหารแทแรนเซียสวมเกราะป้องกันภัยชีวภาพจ่อปืนเลเซอร์ล้อมแอบไบออสกัน
              "ปีเตอร์ เพื่อนนายเหมือนมีอาวุธชีวภาพติดตัวมาหรือไงกันนะ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              "สิบเอกโจเซฟคืออาวุธชีวภาพเดินได้นะครับ ทางสมาพันธ์อวกาศเลยให้เขาต้องสวมชุดป้องกันไว้ เพื่อมิให้เขาแพร่วัตถุชีวภาพออกไปสู่พลเมืองได้นะครับ" พีวิลบอก "อีกอย่าง พวกคุณคงจะได้ข้อมูลของเขามาแล้วนิครับ"
              เควนตินเลยเช็คเพื่อตรวจสอบข้อมูลของแอบไบออสไว้ "ข้อมูลตรงและถูกต้อง เพียงแต่ คุณต้องติดเครื่องเตือนสภาวะความผิดปกติทางร่างกายเพิ่มเติมด้วยน่ะครับ" เควนตินบอก โดยเหล่าทหารที่ล้อมแอบไบออสก็ถอยออกไป
              "ทหารของนายน่าจะล้อมคลอเวฟมากกว่าน่ะ เพราะว่าหมอนี้พร้อมจะฟิวขาดได้ทุกเมื่อเลยน่ะ" เฟอร์นันเดอร์กล่าว
              คลอเวฟที่อยู่กับพลัสเชอริทบอก "อย่าให้กูผ่านด่านตรวจนี้กันได้เหอะน่ะ" จากนั้นแอบไบออสก็กลับไปขึ้นยาน เพื่อเพิ่มเครื่องตรวจสภาพร่างกายไว้ที่หน้าอกและด้านหลังกัน โดยมาทีหลังคลอเวฟและพลัสเชอริท ซึ่งผ่านการตรวจสอบแล้ว
              "ในเมื่อทุกท่านผ่านการตรวจเช่นนี้ แม้ว่าแมนิเกเตอร์หุ่นบนยานสโตม่ากริฟนั้นยังต้องถูกคุมต่อ เช่นเดียวกับยานของพวกคุณที่แม้เราได้ข้อมูลมา ทางเราก็ต้องตรวจสอบอีก เพราะมันพึ่งผ่านการสู้รบมาอย่างหนักหนาด้วยนะครับ" เควนตินบอก
               เนคมาดูซัมกล่าว "หวังว่าคนของพวกคุณคงจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มจุดไฟเสียก่อนน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้น พวกคุณตามผมไปยังพระราชวังได้เลยครับ องค์ราชินีรอคุณอยู่แล้ว" เควนตินบอก
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "หวังว่า 24 ปีบนโลกนั้น จะไม่ทำให้ราชินีของพวกคุณเปลี่ยนไปบ้างน่ะ"

    TriVeser Manigator Saga: The Hyperstar Troopers ภาคโลกา
    ตอนที่ 17 ยุทธการลับบนโลก ขั้นที่ 3 ความลับในแทแรนเซีย การพบพานและลาจาก


              "ฟ้าวววววว" ยานขนส่งบินออกจากฐานไวท์คีฟตรงดิ่งเข้าสู่เมืองแทแรนเซีย ซึ่งมีตึกสูงระฟ้าทรงกระบอกอยู่มากมาย เฉกเช่นเดียวกับมีสวนสาธารณะหลายแห่งปะปนกัน
              "พวกนายไม่รู้สึกอึดอัดเลยหรือ กับการต้องมาโดยสารในยานแบบนี้น่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก เพราะเห็นจายด์นั่งหลังสุดพร้อมกับสเตฟอร์ดและคลอเวฟ
              พีวิลบอก "ตอนพวกเรามาที่ดิสก์เวิร์ดเป็นครั้งแรก เราเคยโดยสารอยู่ในรถบรรทุกลอยเหนือพื้นกันมาแล้วนะสิ"
              "แน่นอนว่าเป็นความโชคดีที่ผู้นำทางพวกเรามาที่สภาสูงของดิสก์เวิร์ดนั้นคือผบ.ฮาซาเดน ถ้าเป็นผู้การแพททริค เราคงจะโดนจับขังก่อนแน่นอนน่ะ" เจเนลบอก
              เบเร่ต์กล่าว "นั้นบ่งบอกว่าพวกนายเองไม่ชอบขี้หน้าพี่ชายคนโตของผู้การโทมาส และเรื่องที่ผู้การแพททริคก่อขึ้นมานั้นก็เป็นเรื่องจริงละสิ"
              "เทพแห่งสงครามไซมาเทนอาศัยความอ่อนแอและปมด้อยของผู้การแพททริค ผู้ซึ่งกำพร้าแม่ที่เป็นแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้าและอยู่ในกำมือของฝ่ายตรงข้าม ในการหลอกใช้แพททริคให้มอบข้อมูลสำคัญๆต่อฝ่ายแรซัลก้าเข้ารุกรานระบบดาวต่างๆกันอย่างง่ายดาย แม้ว่าผู้เป็นแม่จะอยู่ในความดูแลของพวกเราแล้ว สุดท้าย ฝ่ายตรงข้ามชิงตัวแม่ของพวกผู้การแพททริคไปได้เสียก่อนน่ะ" สเปียริทกล่าว
              เฟอร์นันเดอร์บอก "ฉันก็พอได้ยินมาเช่นนั้นน่า แต่เรื่องแผนการยึดสมาพันธ์อวกาศของแพททริคนั้น พวกนายทำหรือเปล่าละ"
              "เป็นความผิดของไอ้ตัวป่วนไซเมี่ยน แมนิเกเตอร์จากแรซัลก้าซึ่งเก่งในเรื่องการป่วนคนเลวชาติในเขตอวกาศของสมาพันธ์อวกาศกันหลายครั้ง ซึ่งพวกเราเองก็โดนมันป่วนไปด้วย จากการที่มันแอบติดเครื่องดักฟังและบันทึกภาพเข้าไปในห้องประชุมของพวกแพททริค แล้วทำให้ระบบสื่อสารแพร่ภาพและเสียงกระจายไปทั่วทั้งจักรวาล ให้รับรู้ถึงความโฉดชั่วของพวกแพททริค เพราะว่ามันคิดจะหลอกพวกเราตีกับสมาพันธ์อวกาศให้วอดไปทั้งคู่น่ะ" คลอเวฟบอก "แน่นอน ว่าท่านประธานาธิบดีเองไม่อยากจะสร้างศัตรูกับพวกแพททริค และแผนการบ้าๆของไซเมี่ยนนั้น ย่อมหมายถึงคนบนโลกรวมถึงพวกนายต้องรู้แน่นอน ว่าพวกเราแกล้งตายและหนีออกไปจากระบบสุริยะจักรวาลกันแล้วน่ะ"
              เฟอร์นันเดอร์บอก "แต่การที่ภาพนั้นมันเปิดเผยออกมาให้พวกเราบนโลกรับรู้ แสดงว่าพวกนายสู้ไอ้ตัวป่วนไม่ได้เช่นนี้เลยสิน่ะ นั้นไม่แปลกใจเลย ที่สีหน้าของโคเคสและพวกแสดงออกแบบไม่สบายใจเสียเลยน่ะ"
              "แล้วตอนนี้ไอ้ตัวป่วนลือชื่อจนมีทหารของผู้การทริปเปิ้ลทีพูดกันให้ได้ยินนิ ไปไหนแล้วละ" เบเร่ต์บอก
              โฟรซ่ากล่าว "ถ้าอยากตามหาละก็ เกรงว่าเธอต้องไปยมโลกเสียแล้ว เพราะว่าเขาตายไปเมื่อ 4 ปีก่อนน่ะ"
              "ไอ้ตัวป่วนตายยังไงนะหรือ" เฟอร์นันเดอร์ถาม
              พีวิลบอก "ไซเมี่ยนรับทราบเรื่องที่คิฟทรอน น้องชายของแพททริคผู้คิดคดทรยศต่อสมาพันธ์อวกาศและพันธมิตรมนุษย์ ด้วยการแอบร่วมมือกับพวกเฮซเทิร์ซอย่างลับๆนั้น ไปติดต่อกับเดลวูล ราชทายาทแห่งเดลอาเนี่ยนให้ส่งกองรบมาป่วนกัน ซึ่งในทีแรก พวกเราไม่รู้ว่าคิฟทรอนติดต่อกับใครในมหาจักรวรรดิ์เดลอาเนี่ยน มีแต่เฮนรี่ และผบ.ฮาซาเดนที่รับรู้เรื่อง เลยให้ภารกิจกับไซเมี่ยนแกล้งตายแล้วมุ่งหน้าไปที่เขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยน จนไปร่วมมือกับกองกำลังต่อต้านในนั้นต่อกรกับพวกเดลอาเนี่ยน เพื่อชลอการคุกคามของพวกนั้นลง จนกระทั่งมาถึงช่วงสุดท้าย ไซเมี่ยนช่วยพวกเราในการหยุดสถานีอวกาศมหาภัยอันเก่าแก่ของฝ่ายเดลอาเนี่ยน ที่คิดจะนำมาใช้ถล่มเขตอวกาศของสมาพันธ์อวกาศให้ราบ แล้วส่งกองยานเข้ารุกรานซ้ำเติม ซึ่งไซเมี่ยนเสียสละตนด้วยการนำสถานีอวกาศที่ใกล้จะระเบิดเป่าทั้งระบบดาวให้หายไปจากแผนที่ ไปลบกองยานเหล่านั้นและระบบดาวดังกล่าวของพวกเดลอาเนี่ยนให้หายไปเสียเองนะ"
              "แสดงว่า พวกเดลอาเนี่ยนอะไรนั้น แข็งแกร่งอย่างมากมายจนพวกนายแทบรับมือไม่ได้ละสิ" เฟอร์นันเดอร์บอก พีวิลพยักหน้า
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เรารู้ดี ว่าชัยชนะเมื่อ 4 ปีก่อนมิได้ทำให้เดลอาเนี่ยนล่มสลายอย่างแท้จริง เพราะเราแค่ตัดกำลังเพียงครึ่งหนึ่งจนทำให้เขตอวกาศของมหาจักรวรรดิ์ก่อสงครามภายในขึ้นมาตลอด 3-4 ปีด้วยกัน แต่นั้นก็ทำให้เราตื่นตัวพร้อมรับมือกับแผนการบุกของพวกเดลอาเนี่ยนได้อยู่น่ะ"
              "แต่ดูเหมือนว่าพวกนายจะดังมากถึงขั้นไปแข่งไตรกีฬาและแข่งบอลสุดโหดกับพวกต่างดาวเลยละสิ" เบเร่ต์บอก "แต่การแข่งนั้นคงทำให้พวกนายน็อตหลุดหรือแขนขาหักกันบ้างมั้ยละ"
              โฟรซ่ากล่าว "ถ้าเธออยากจะรู้สึกตามที่เธอว่ามาละก็ ฉันแนะนำว่าเธอเลิกเล่นดาร์บี้แล้วลงแข่งเป็นตัวแถวหน้าจะดีกว่าน่ะ"
              "เออ ไม่คิดเลยนะคะ ว่าคุณโฟรซ่าจะเป็นคู่ปรับกับนายพลเบเร่ต์น่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              ไซโคลเนียกล่าว "นั้นไม่แปลกใจหรอก ที่โฟรซ่าเล่าให้ฉันฟังตอนอยู่ในเขตอวกาศภาคกลางกันไว้ถึงหัวหน้าสกิลลิเทอรี่อยู่บ่อยๆน่ะ ว่าเธอบื้ออย่างงั้น เธอบ้าเช่นนี้น่ะ"
              "ไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมเธอหาเรื่องกับฉันได้เรื่อยๆ เพราะว่าฉันไม่ต่างจากยัยเบเร่ต์นี้เองน่ะ" สเปียริทบอก
               จิลกล่าว "หากแต่นายพลเบเร่ต์ไม่งี่เง่ามากพอ ที่จะจับใครไปแขวนบนยอดเสาธงกันหรอกน่ะ"
              "อย่าทะเลาะกันจะได้มั้ยละ อย่างน้อยก็เกรงใจท่านนายพลเฟอร์นันเดอร์และนายพลเบเร่ต์กันบ้างน่ะ" แอนเดรียรีบกล่าวห้ามสเปียริทและจิลโดยทันที
              ฟิเกซกล่าว "แต่ไม่คิดเลยน่า ว่าเมืองอันสวยงามนี้จะเป็นเมืองใต้ปกครองของพวกมนุษย์เลยน่ะ"
              "นั้นสิ แม้ว่าเราเคยเห็นเมืองนี้มาเมื่อ 24 ปีก่อนบนโลกแล้ว หวังว่าความสวยงามของเมืองคงไม่ปิดบังความเหลวแหลกของสังคมบ้างน่ะ" พลัสเชอริทบอก
              คลอเวฟกล่าว "นายหยุดพูดทำลายอารมณ์ดีๆจะได้มั้ยละ"
              "ว่าแต่ ราชินีให้นายพาพวกเรามานี้ คงจะมีเรื่องสำคัญมากเลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมถามเควนติน ซึ่งนั่งหันหน้ามา
              "ท่านมากาเล็ตรับสั่งไว้ ว่าหากพวกคุณมาถึงแล้ว ให้รีบพามาที่พระราชวังเป็นการลับไว้ ซึ่งคงไม่เป็นเรื่องดีแน่ที่จะให้พวกคุณนั่งรถมานะครับ"
              "นั้นไม่แปลกใจหรอก ที่แม่ทัพใหญ่ทำเช่นนั้น เพราะว่าพวกนายมีส่วนร่วมในการช่วยแม่ทัพใหญ่และองค์ราชินีปราบพวกกังฉินที่ครองอำนาจแทแรนเซียไว้ ประชาชนที่เสียผลประโยชน์และพวกที่เห็นพวกนายเป็นศัตรูเลยไม่พอใจขึ้นมา ยิ่งพวกเขามารู้ว่าพระราชินีปิดบังเรื่องการตายของพวกนายเข้าไปด้วยนั้น ยิ่งทำให้พระราชินีมีอุปสรรค์กันมากเป็นเงาตามตัวด้วย โดยไม่เกรงกลัวการข่มขู่หรือข่มเหงกันไว้น่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              เบเร่ต์หันมายังสเปียริท "โดยเฉพาะเธอด้วยน่ะ ยัยแม่มดดำ วีรกรรมของเธอทำให้ชนชั้นสูงในแทแรนเซียได้ความอัปยศเป็นมลทิน จนเป็นแรงขับดันให้พวกเขาเป็นปรปักษ์กับฝ่ายกษัตริย์ขึ้นมา ส่งผลให้ขุนนางส่วนหนึ่งพลอยถูกกลืนไปเป็นพวกนั้นด้วย ถ้าให้เธอเดินเข้าเมืองมา รับรองว่าเธอโดนยำเละแน่"
              "ฉันรู้เรื่องนี้นับตั้งแต่เห็นหน้านายธีเรเดียทนั้นแล้วละ ว่าพวกที่ฉันแฉไปนั้นไม่สำนึกผิดเลยน่ะ" สเปียริทบอก "และการที่ราชินีมากาเล็ตให้พวกเรารีบมาที่นี้ คงต้องมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการกลับมาของเคมแรนและเนโมแน่ๆเลยละ"
              แอบไบออสบอก "รวมถึงเรื่องพวกเฮซเทิร์ซที่ปลอมเป็นประธานาธิบดีและพลเมืองอเมริกามาตลอด 20 ปีนั้น ต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน"

              "ฟ้าวววววว ตรึงงง" ยานขนส่งมาถึงด้านหน้าพระราชวังแห่งแทแรนเซีย ซึ่งเหล่าทหารองครักษ์ยืนเฝ้าตามทาง "ฟึ่บบบบบ" ยืนตั้งแถวเรียงหนึ่งทั้งซ้ายและขวาอย่างพร้อมเพียงกัน ในระหว่างที่เควนตินพาพวกไทรเวเซอร์ และนายทหารจากอเมริกาทั้งสองคนเข้าพระราชวัง เดินไปตามทางเดิน ซึ่งกว้างขวางมากกว่าเดิม เห็นได้จากการมีโคมระย้าติดบนเพดานห้องโถงใหญ่ เข้ากับบันไดขึ้นไปยังท้องพระโรงใหญ่
               "ดูเหมือนว่าพวกนายจะไม่แสดงอาการตื่นเต้นเวลาเข้ามาในปราสาทเลยสิน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              คลอเวฟกล่าว "เราถูกส่งไปทำงานในดาว ซึ่งปกครองโดยพระราชาและพระราชินี เลยรู้ว่าเราต้องสำรวมกันมากแค่ไหนน่ะ"
              "ทั้งๆที่น้ำหน้าอย่างนายไม่มีทางสำรวมได้นิ คงจะไม่ปล่อยอะไรที่ทำให้พวกพ้องของนายอ้าปากค้างกันละสิ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "สำคัญในตอนนี้คือ คุณควรจะสำรวมซะมากกว่าน่า"
              "องค์ราชินี ท่านเควนตินมาพร้อมกับแขกคนสำคัญแล้วละครับ" ทหารหน้าประตูท้องพระโรงกล่าวหลังจากที่เควนตินมาแจ้งกันแล้ว
              พระราชินีตรัสไปว่า "ให้เข้ามาได้" ทหารหน้าประตูเลยเปิดประตูออก เพื่อให้เควนตินนำแขกทั้งหลายเข้ามาให้ท้องพระโรง ซึ่งราชินีมากาเล็ต ผู้นำของแทแรนเซียยืนอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ "ฉันคิดไว้แล้ว ว่าพวกคุณต้องกลับมาที่โลกจนได้สินะ"
              "องค์ราชินี ดูเหมือนว่าท่านยังเชื่อมั่นในตัวพวกเรามาตลอดเลยละสิครับ" มาสวาร์ทาร์กล่าว โดยทั้งหมดนั่งคุกเข่าลง พวกผู้หญิงนั่งพับเพียบลง
              มากาเล็ตกล่าว "พวกคุณลุกขึ้นมาได้แล้วละ" แล้วทั้งหมดลุกขึ้นยืน ราชินีตรัสกับเฟอร์นันเดอร์และเบเร่ต์ "ข้าทราบเรื่องที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินของพวกท่านแล้ว ต้องลำบากพวกท่านอย่างมากเลยน่ะ ท่านนายพลแฟนดิแอโรว ท่านนายพลสกิลลิเทอรี่"
              "แม้เราจะรู้สึกตกใจกับเรื่องที่พวกเฮซเทิร์ซปลอมเป็นท่านประธานาธิบดีมาตลอด 20 กว่าปีแล้ว เราจำเป็นต้องต่อกรกับพวกศัตรูที่หลอกลวงพวกเรามาลงได้นะคะ" เบเร่ต์บอก
              เฟอร์นันเดอร์กล่าว "และด้วยความช่วยเหลือของกองกำลังไทรเวเซอร์ พวกเราจึงจัดการกับพวกต่างดาวรุกรานเหล่านั้นลงได้นะครับ"
              "ฉันรู้ดี ว่าพวกท่านต้องทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อความสงบสุขกัน แม้นั้นหมายถึงการที่พวกท่านจับอาวุธมาต่อต้านผู้นำที่เป็นพวกศัตรูเลยก็ตาม อย่างน้อยฉันพอเข้าใจในการตัดสินใจของพวกท่านนะ" มากาเล็ตบอก แล้วก็หันมายังพวกไทรเวเซอร์ "ดูเหมือนว่าการเดินทางกลับมาของพวกท่านนั้นคงจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิดเลยสิน่ะ"
               พีวิลบอก "พวกเราโชคดีมากที่สามารถลงมาที่โลกนี้ แม้ทีมของพวกรุ่นพี่เกือบจะไม่รอดไปเลยก็ตาม พวกเราสามารถจัดการกับเคมแรนและพวกที่กบดานอยู่ในเขตป่าใกล้กับป่าดีเนสต้าลงได้นะครับ"
              "และเรารู้ด้วยว่าเคมแรนและพวกนั้น แม้จะคืนชีพมาเป็นแมนิเกเตอร์ ก็ยังไม่ยอมรับในสถานะของตนเอง และยังคิดว่าตนกับพวกยังเป็นมนุษย์กันอยู่ ซึ่งคงไม่ดีแน่หากปล่อยให้เขาและพวกลอยนวลไปได้นะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
               เนคมาดูซัมกล่าว "และไม่คิดเลยว่าก่อนหน้านั้น เคมแรนและพวกกล้าก่อเรื่องกับพวกท่าน เพียงเพื่อจะบุกรุกเขตดาวของพวกเรากันเลยนะครับ"
              "ฉันทราบดี ว่าพวกท่านสามารถหยุดยั้งเคมแรนและพวกลงไปได้เลยสิน่ะ แม้นั้นจะหมายถึงการให้เคมแรนและพวกไปสู่สุคติกันน่ะ" มากาเล็ตบอก "แต่การที่พวกท่านมานี้ตามคำสั่งของท่านประธานาธิบดีโคเคสนั้น คงเป็นเพราะเรื่องที่ คนจากโลกถูกส่งไปรุกรานระบบดาวของพวกท่านเลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมพยักหน้า
              มาสวาร์ทาร์บอก "ด้วยเหตุนี้แหละครับ พวกเราถึงต้องมาที่โลกเพื่อค้นหาต้นตอของกองกำลังดังกล่าวและทำลายมันทิ้ง พร้อมกับค้นหาเหล่าแมนิเกเตอร์ที่ยังตกค้างอยู่บนโลกนี้ ให้เดินทางกลับไปยังระบบดาวของพวกเรา ดังนั้น ทางเราจึงใคร่ขอคำอนุญาตจากท่าน ให้พวกเราปฏิบัติการณ์บนโลกโดยมิให้กลุ่มกองกำลังบนโลกเข้ามาขัดขวางหรือก่อกวนกันได้เลยนะครับ"

              "ถ้าเป็นเรื่องนั้นฉันสามารถอนุญาตให้พวกท่านได้อยู่แล้ว เพียงแต่...." มากาเล็ตบอก "....กองกำลังส่วนมากที่มิใช่พวกเดียวกับพวกนายพลแฟนดิแอโรว์นั้น ล้วนแล้วทำตามคำสั่งของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาหลังจากสงครามกับเฮซเทิร์ซบนโลกจบลงกันทั้งนั้น ฉันจึงอยากจะให้พวกท่าน ระวังตัวเองเอาไว้ด้วยน่ะ"
              สเปียริทถาม "ส่วนหนึ่งเพราะกลุ่มนี้ ใช้เรื่องที่ท่านหลอกลวงชาวโลกเรื่องพวกเราเป็นเครื่องมือในการดึงกำลังพลมาเลยละสิคะ"
              "ถูกต้องแล้วละ นับตั้งแต่เรื่องนั้นเกิดขึ้น เกฟสตัลเบิร์ท บุรุษผู้อ้างตนว่าเป็นสมาชิกสภาสหพันธ์โลกเก่าที่รอดตายจากการล่มสลาย และก่อตั้งสหพันธ์โลกใหม่นั้น ถือโอกาสเอาเรื่องนี้มาจู่โจมฉันและแทแรนเซีย ว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการปล่อยให้พวกท่านหลบหนีออกจากโลกและเข้าไปครอบงำสมาพันธ์อวกาศและเฮนรี่ไนท์ ใส่ความแพททริคและพวกว่าเป็นคนทรยศต่อกลุ่มมนุษย์ในอวกาศจนกลายเป็นศัตรูร่วมกับฝ่ายรุกรานอวกาศดังกล่าว ส่งผลให้ฉันและทุกๆคนในแทแรนเซียต้องใช้เวลาราว 10 ปีกว่าจะสร้างความเชื่อถือต่อมวลมนุษยชาติกลับมากันอีกครั้ง แม้นั้นจะหมายถึงแทแรนเซียถูกลดบทบาทลงจนทำให้ กลุ่มสหพันธ์โลกใหม่มีอิทธิพลเหนือกลุ่มประเทศเดิมมาตลอด 20 ปีด้วยกัน" มากาเล็ตบอก "แม้ว่าฉันได้รับรู้เรื่องจากคนของเฮนรี่ ไนท์ที่เดินทางมาที่โลก จนทราบเรื่องที่เกิดขึ้นและพยายามอธิบายเรื่องราวดังกล่าว ให้ชาวเมืองและชาวโลกส่วนใหญ่ฟังจนมีบางส่วนที่เข้าใจความจริงดังกล่าวไว้ แต่ส่วนมากกลับไม่เชื่อ และเข้ากับฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ ที่ยื่นข้อเสนอให้ชาวโลกทั้งหลายลุกฮือขึ้นมาต่อสู้กับเหล่าแมนิเกเตอร์ที่หลอกลวงและหลบหนีจากโลกนี้กัน ซึ่ง....ชาวโลกที่เข้าร่วมกองกำลังดังกล่าว ล้วนไม่ได้กลับมาที่โลกกันอีกเลยน่ะ"
              ฟิเกซบอก "และฝ่ายสหพันธ์โลกใช้เรื่องที่เหล่าทหารชาวโลกไม่กลับมา ใส่ไฟให้ชาวโลกที่เหลือเข้าร่วมกันอีก ว่าพวกเราได้กำจัดพวกเขาไปเลยสิน่ะ"
              "แต่พวกเราต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกรุกรานเองนะคะ" ลิเนียร์ตี้ให้เหตุผล
              ไซโคลเนียบอก "อีกอย่าง ชาวโลกที่บุกมารุกรานเองก็ถูกแปรสภาพเป็นแมนิเกเตอร์ และถูกนำไปใส่ไว้ในคอกพิตควบคุมโมบิลลอยด์สี่เผ่าบนโลก ซึ่งถูกส่งไปรุกรานระบบดาวของเรากันนั้น ต้องเป็นฝีมือของพวกที่เกณฑ์ชาวโลกมาแน่ๆนะคะ"
              "เรื่องที่พวกคุณว่ามานิ เป็นจริงหรือเปล่าละ" มากาเล็ตกล่าว
              คลอเวฟตอบ "จริงแท้แน่นอน เพราะกองทหารฝ่ายเรานั้นมีหลักฐานที่ติดตัวชาวโลกเหล่านี้ไว้ ว่าไอ้พวกเวรนี้ทำอะไรกับชาวโลกไว้น่ะ" แล้วก็ส่งด็อกแทคที่ได้มาให้กับราชินีมากาเล็ตดู "แน่นอน ว่าชาวโลกที่ถูกแปรสภาพเป็นแมนิเกเตอร์เหล่านั้น ทางเราไม่สามารถคืนชีพกลับมาได้ เพราะสภาพของพวกเขานั้นหนักหนาเกินไปแล้วน่ะ"
              "เฮ้อออ ถ้าพวกเขาปฏิเสธคำขอของสหพันธ์โลกใหม่ได้ละก็ พวกเขาคงไม่มีจุดจบเป็นเช่นนี้หรอกน่ะ" มากาเล็ตบอก
              เบเร่ต์ถาม "ว่าแต่ ที่ท่านเรียกเรามานี้ คงไม่ได้ให้พวกเราสนับสนุนพวกไทรเวเซอร์เลยสิคะ"
              "อันที่จริงแล้ว ฉันอยากจะให้พวกท่านประสานงานกับกองกำลังจากฝั่งแอฟริกาและยุโรป ในการคุ้มกันการประชุมระหว่างโลกกับฝ่ายสหพันธ์นพเคราะห์กันนะสิ" มากาเล็ตบอก "ผลจากการที่สหพันธ์โลกใหม่นั้นมีอิทธิพลมากกว่าฝั่งแทแรนเซียและกลุ่มประเทศที่เคยร่วมรบเมื่อ 24 ปีก่อนนั้น ฉันจำเป็นต้องพึ่งพากลุ่มมนุษย์ที่อาศัยอยู่ตามดาวทั้งแปดดวง มาเป็นฐานเสียงต้านทานฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่เอาไว้เลยน่ะ"
              เฟอร์นันเดอร์บอก "แบบนั้นแย่ยิ่งกว่าเดิมน่ะ องค์ราชินี เพราะนั้นยิ่งเพิ่มข้ออ้างให้ฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่มาโจมตีพวกท่านมากขึ้น ในเรื่องที่ท่านคิดจะขายโลกให้กับกลุ่มมนุษย์ที่อยู่นอกโลกเลยน่ะ"
              "พวกเขาจะคิดเช่นไร ฉันไม่มีอำนาจไปควบคุมพวกเขากันได้หรอก ถึงฉันอยากจะทำเช่นนั้น ฉันก็ไม่ต่างอะไรไปจากเกฟสตัลเบิร์ทที่ใช้คำพูดครอบงำชาวโลกกันอยู่ดีน่ะ" มากาเล็ตบอก
              สเปียริทกล่าว "ไม่จริงเลยคะ ท่านทำเพื่อปกป้องชาวโลกและใช้ความเมตตาปราณีและความอ่อนโยน ในการอธิบายต่อชาวโลกให้เข้าใจในเจตนาของท่านอย่างใจเย็น มิใช่ใช้คำยั่วยุหรือหลอกลวงชาวโลกให้คล้อยตามอย่างรวดเร็วสักหน่อย"
              "นั้นสิคะ แม้ว่าชาวโลกจะเป็นฝ่ายรุกรานพวกเรา แต่ที่เราไม่ให้อภัยนั้น คือตัวการที่ชักจูงชาวโลกและเปลี่ยนพวกเขาเองต่างหากนะคะ" โฟรซ่าบอก
              แอนเดรียบอก "ที่พวกเรามานี้ เรามาเพื่อช่วยเหลือชาวโลกที่เหลืออยู่ ไม่ให้ประสบเหตุเดียวกันกับพวกพ้องที่ออกจากโลกไปก่อนหน้าด้วย ด้วยการหยุดยั้งวงจรอันเลวร้ายนี้ แม้นั้นหมายถึงเราอาจจะต้องทำลายสหพันธ์โลกใหม่ จนทำให้ชาวโลกส่วนมากเห็นพวกเราเป็นศัตรูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยนะคะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกท่านและพวกประธานาธิบดีโคเคส เห็นว่าพวกเราเป็นเหมือนพวกเฮนรี่ ไนท์เลยสิน่ะ" มากาเล็ตกล่าว
              พีวิลพยักหน้า "ผลของการรุกรานของฝ่ายแรซัลก้านั้น บีบให้เราต้องพิสูจน์ตนต่อฝ่ายสมาพันธ์อวกาศและกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ในอวกาศกัน ว่าพวกเรามิได้เป็นพวกที่ถูกสร้างมาเพื่อทำลายล้าง แต่พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์แบบเดียวกันที่อยู่ในแรซัลก้า ที่มีความคิดที่อยากจะอยู่ร่วมกันกับทุกเผ่าอย่างผาสุข แม้จะรู้ดี ว่าพวกมนุษย์บนโลกส่วนมากยังชิงชัง หวาดกลัวและโกรธแค้นต่อพวกเราจนไม่ยอมรับในไมตรีและนำพาการรุกรานมาให้ก็ตาม เราหวังแค่มีคนดีๆอย่างท่านและพวกหลงเหลือก็เกินพอแล้วละครับ"
              "ดูเหมือนว่าการอยู่ในอวกาศของพวกท่านนั้น จะไม่เปลี่ยนเจตจำนงเดิมของพวกท่านที่ต้องการอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นอย่างสงบสุขเลยสิน่ะ" มากาเล็ตบอกอย่างเข้าใจ "แค่ได้ฟังคำพูดของพวกท่านแล้ว ฉันรู้สึกวางใจได้ว่าพวกท่านสามารถแก้ไขปัญหาได้แน่นอน แม้ว่าชาวโลกส่วนมากพร้อมใจที่จะไม่ให้ความร่วมมือ หรือคิดหาเรื่องกับพวกท่านเหมือนกับพวกเคมแรนเลยน่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "แล้วว่าแต่ การประชุมระหว่างโลกและสหพันธ์นพเคราะห์ จะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่กันละ"
              "ประมาณ 1 เดือนให้หลังนะครับ กลุ่มผู้แทนจากดาวทั้งแปดนั้นจะเดินทางมาประชุมกันที่แทแรนเซีย โดยที่ผู้นำประเทศจากยุโรป อเมริกา เอเชีย ออสเตรเลีย โอเชียเนีย และแอฟริกาจะเข้าร่วมในการประชุมด้วย" เควนตินกล่าว  "หากแต่ ตัวแทนของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่นั้นก็ต้องมาร่วมด้วย เพราะทางนั้นต้องการให้ฝ่ายดาวทั้งแปดมอบเสียงสนับสนุนกับฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่มาในตอนนี้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราคงทำอะไรไม่ได้แน่ๆ" 
              คลอเวฟถาม "แล้วพวกคุณหรือพวกเราเข้าไปขัดขวางมิได้เลยหรือ"
              "เกรงว่าทุกการกระทำของพวกคุณนั้น จะกลายเป็นข้ออ้างให้ฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่ใช้จู่โจมพวกคุณและพวกเราเสียซะมากกว่า ดังนั้น ฉันจึงอยากจะให้พวกคุณอย่าทำอะไรเกินเลยจากภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาเลยนะ" มากาเล็ตบอก
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "เราจะหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ"
              "ฉันหวังว่าพวกคุณคงจะทำตามที่พูดได้นะ" มากาเล็ตบอก และสั่งการให้ "ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านกับนายพลแฟนดิแอโรวและนายพลสกิลลิเทอรี่ช่วยหารือเรื่องการคุ้มกันไว้ด้วยละ"
              เควนตินพยักหน้า "รับทราบแล้วละครับ ท่านมากาเล็ต" แล้วก็พาเฟอร์นันเดอร์และเบเร่ต์เดินออกจากท้องพระโรงไป
              "การที่ท่านให้แม่ทัพใหญ่พานายพลทั้งสองไปนิ คงจะมีเหตุผลเลยสิน่ะ" ฟิเกซกล่าว
              มากาเล็ตพยักหน้า "คะ เพราะว่าแทแรนเซียยังมีความลับอยู่สองอย่าง ซึ่งทางสหพันธ์โลกใหม่เองยังไม่ทราบเรื่องมาตลอด 24 ปีกันอยู่นะคะ"

              จากนั้นราชินีมากาเล็ตก็เดินนำพวกไทรเวเซอร์เข้าอุโมงค์รถใต้ดิน ตรงไปยังโดมแก้วขนาดใหญ่ที่อยู่ทางเหนือของนครหลวงไปค่อนข้างมาก
              "ว่าแต่ ท่านคิดจะพาเราไปไหนกันละ" แอบไบออสบอก
              โฟรซ่าถาม "พอจะบอกได้มั้ย ว่าความลับที่พวกคุณปิดบังโลกมาตลอด 24 ปีนั้น มันคืออะไรกันละ"
              "ก่อนอื่นเลยนะ พวกคุณไปจากโลกใบนี้ ด้วยความช่วยเหลือของดร.รีไลฟ์เวอรี่เลยสิน่ะ" มากาเล็ตกล่าว
               แอนเดรียถาม "ที่พวกคุณรู้เรื่องมานิ แปลว่าคุณคงจะทราบเรื่องจากนายพลเวสวิงตันเลยสิคะ"
              "ถูกต้องแล้วละ หลังจากมหาสงครามกับโอเวอร์เดสได้ยุติลงไปนั้น เคมแรนและพวกทหารที่รอดตายมาได้ มุ่งหน้าไปยังหุบเขาเอเวอเรส เพราะคิดว่าพวกคุณคงกบดานอยู่ที่นั้น จากการที่มีกองรบของโซลูนาสตี้บุกถล่มพื้นที่ใกล้เคียงกับหุบเขาเอเวอเรสมาก่อน หากแต่ที่โน่นมีการสกัดกั้นการตรวจสอบจากนอกโลกไว้ และในตอนนั้นยังมีสายตาของโอเวอร์เดสจับจ้องอยู่ด้วย แม้จะมีข่าวว่าสายสืบสายลับที่แฝงตัวไปอยู่ในพื้นที่เหล่านั้นได้หายตัวไปเลยก็ตาม" มากาเล็ตบอก "แต่จากการที่เคมแรนและพวกไปที่นั้นแล้วไม่เจออะไรเลย นอกจากป้ายหลุมศพของดร.รีไลฟ์เวอรี่ ลูกสาวและลูกเขยของเขาประทับอยู่ไว้นั้น บ่งบอกว่า ภายในหุบเขาเอเวอเรสมีสถาบันลับใต้ดินหลบซ่อนจากสายตาของสหพันธ์โลกมาตลอด 40 ปีเต็ม และสถาบันนั้นเป็นของดร.รีไลฟ์เวอรี่ เพื่อนสนิทของดร.อัลบาร์ท เดลวีแองนู ผู้หลบซ่อนอยู่ในโลกมาตลอด 40 ปีหลังมหาสงครามครั้งแรกของโอเวอร์เดสจบลงน่ะ"
              สเตฟอร์ดกล่าว "ที่เคมแรนและพวกไม่เจอก็ไม่แปลกหรอก เพราะว่าพวกเรากับฝ่ายริดิวิเนี่ยนทั้งหมดตัดสินใจออกจากโลกไปที่ดวงจันทร์ เพื่อเตรียมการเดินทางออกจากระบบสุริยะไปสู่อวกาศอันไกลโพ้นนี้แหละ"
              "ถึงขั้นที่พวกคุณต้องขนเมืองเวลเซน่าบนโลกไปด้วยเลยสิคะ" มากาเล็ตกล่าว "ตอนที่พวกคุณมาถึงไวท์คิฟนั้น พวกคุณคงจะได้เห็นว่าพวกเราปรับปรุงฐานทัพเดิมกันยังไงสิคะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "พวกคุณใช้เศษซากปราการแกรนฟอร์เทสซิโม่ของครอสตรีมที่พังพินาศ ใกล้กับพื้นที่สู้รบของพวกคุณมาดัดแปลงไวท์คิฟให้แข็งแกร่งกันไปนั้น แสดงว่าพวกคุณทำเพื่อไถ่โทษในสิ่งที่ทำกับโครเต้เลยสิน่ะ"
              "แม้ว่าเรื่องที่พวกเรามีส่วนทำให้เซอร์โครเต้กลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวไป จะไม่สามารถลบล้างไปได้เลยก็ตาม แต่ฐานทัพและซากหลงเหลือของการต่อสู้นั้นไม่ควรจะถูกทำลายไปอย่างสูญเปล่า แม้จะถูกครหาว่าทางเราไม่มีหัวคิดสร้างสรรค์ถึงขั้นเอาซากฐานทัพของศัตรูมาใช้เลยน่ะ" มากาเล็ตบอก
               พลัสเชอริทบอก "ถ้าพวกคุณนำแกรนฟอร์เทสซิโม่มาดัดแปลงเป็นส่วนหนึ่งของปราการไวท์คิฟละก็ งั้นสถานที่ที่ท่านพาพวกเรามานั้น คงจะไม่ใช่...."

              "คะ พวกคุณบนโลกคงจะเจอกับปราการยักษ์ใหญ่ของโอเวอร์เดสที่ซ่อนตัวอยู่ในเขตหุบเขาทมิฬ ที่อยู่ทางตอนเหนือของทุ่งร้างแททิลดอน อันเป็นสมรภูมิสุดท้ายของพวกเรามาบ้างแล้ว" มากาเล็ตกล่าวโดยตอนนี้พวกเขาเข้าสู่โดมแก้วขนาดใหญ่ อันเป็นที่ตั้งของ... "ขอต้อนรับสู่สถาบันแทแรนเคดามี่ สถาบันวิจัยวิทยาการอันล้ำยุคของราชอาณาจักรแทแรนเซีย ซึ่งเราใช้ซากยานแกรนโอลิมปัสอาร์คของโอเวอร์เดสมาสร้างเอาไว้ในใต้ดินนะคะ" มากาเล็ตบอก เมื่อเธอและพวกไทรเวเซอร์อยู่ภายในนาวาขนาดใหญ่ ซึ่งมีนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของแทแรนเซียและจากประเทศต่างๆ มาร่วมทำการวิจัยและค้นคว้ากันอยู่บนชั้นและห้องต่างๆ แม้จะมีเสาขนาดใหญ่ภายในพระราชวังเดิมที่ถูกเชื่อมต่อด้วยหลอดแก้วเรืองแสงสีฟ้าอยู่หลายเสาก็ตาม
              "นี้คงจะเป็น ภายในปราการของบิดรเทพที่ถูกดัดแปลงใหม่เลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              "ใช่ ฉันกับครองคอร์ดเดินปรึกษาหารือกันในทางเดินแบบนี้แหละ เพียงแต่ทางเดินนั้นมันกว้างมากจนไม่มีอะไรวางอยู่เหมือนในตอนนี้นะสิ" มาสวาร์ทาร์กล่าวโดยเล่าถึงช่วงที่เขามาที่ปราการนี้ ตอนที่เขาจะถูกส่งไปอยู่ที่อิสราเอลด้วยเรื่องของพีวิลทรยศต่อพวกอีเนอไมนด์ภายใต้คำสั่งของพลาทูนั่ม มือขวาของแพทรีออทในช่วงเวลานั้น
              สเปียริทบอก "แม้ว่านี้เป็นการลบหลู่โอเวอร์เดสจากการเปลี่ยนภายในป้อมปราการให้เป็นสถาบันวิจัยค้นคว้าวิทยาการใหม่ๆ แต่นั้นก็ดีกว่าปล่อยให้ซากปรักหักพังนั้นไม่ได้ถูกใช้ทำคุณประโยชน์อย่างถูกต้องกันหรอกน่ะ"
              "ในเมื่อนายเข้ามาในปราการของโอเวอร์เดสได้นิ แล้วนายกับคลอเวฟละ" ฟิเกซถาม
              พีวิลบอก "ฉันในตอนนั้นยังเป็นลูกน้องที่ทำงานภายใต้คำสั่งของแพทรีออท ซึ่งตราบใดที่แพทรีออทไม่สั่งให้ฉันออกไป ฉันก็ไปจากโฮปป้าสคาโพรน็อตไม่ได้หรอกน่ะ"
              "นายเองก็น่าจะรู้ดีบ้างน่ะ ว่าฉันแทบไม่มีโอกาสได้ไปที่ปราการของบิดรเทพเลยสักครั้งเดียว หากเกซเฟลิคมันไม่ปลดโซ่ล่ามออกจากคอของฉันหรือไม่ออกคำสั่งอนุญาตไว้น่ะ" คลอเวฟบอก
              ลิเนียร์ตี้ถาม "แล้วแม่ทัพครองคอร์ดนำตัวพวกเธอมาดัดแปลงคืนชีพกันที่นี้หรือเปล่าละ เพราะเท่าที่รู้มา ว่าครองคอร์ดเป็นขุนพลใหญ่ของโอเวอร์เดสกันน่ะ"
              "ครองคอร์ดไม่ได้นำตัวพวกเรามาดัดแปลงคืนชีพกันที่ปราการแห่งนี้หรอกนะ ลิเนียร์ตี้ เพราะครองคอร์ดมีห้องแล็บลับของมันอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้แหละ" จิลบอก
              จายด์กล่าว "อีกอย่าง ครองคอร์ดเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานที่แห่งเดียวเป็นเวลานานๆ เพราะมันพาพวกเราไปที่ฐานทัพย่อยของพวกแอตแลนไทซ์และครอสตรีมที่อยู่บนโลกกันหลายๆแห่ง ซึ่งนั้นช่วยทำให้เรารู้ว่าฐานแต่ละแห่งมันอยู่ไหนบ้างน่ะ"
              "แสดงว่า นายกับพวกเองก็ไม่รู้แต่แรกละสิ ว่าครองคอร์ดมีฐานที่มั่นจริงๆอยู่ที่ไหนน่ะ" ฟิเกซกล่าว
              เจเนลบอก "น้ำหน้าอย่างไอ้หัวแหลมมันคงจะบอกพวกเราได้บ้างน่ะ ขนาดมันยังหลอกมาสวาร์ทาร์ให้จมเรือที่แอนเดรียโดยสารมาได้ นับประสาอะไรกับการไม่ให้ข้อมูลสำคัญๆกับพวกเราได้น่ะ"
              "แต่ ท่านพอจะบอกเราได้มั้ยละคะ ว่าความลับที่ท่านปิดบังนิ อยู่ในสถาบันนี้หรือคะ" จิลถาม มากาเล็ตพยักหน้า แล้วก็เดินพาพวกไทรเวเซอร์ขึ้นแท่นลอย ซึ่งบินออกจากพื้นที่ห้องโถง ขึ้นไปยังชั้นที่ 4 อันมีหน้าจอมอนิเตอร์โฮโลแกรมเรียงรายกันไปหมด นักวิจัยทั้งหลายทำงานด้วยระบบหน้าจอคอนโซลแบบโฮโลแกรมรอบตัว โดยมีนักวิจัยกลุ่มหนึ่งคุยกับชายชราที่นั่งรถเข็นลอยอยู่
              "พวกท่านส่วนหนึ่งคงจะได้เจอกับดร.รีไลฟ์เวอรี่มาแล้ว แต่พวกท่านโชคดีมาก ที่จะได้เจอกับบุคคลที่คาดไม่ถึงด้วยนะคะ" มากาเล็ตบอก

              "!!!!!" แอนเดรียได้เห็นชายชราที่นั่งรถเข็นลอยก็ตกใจขึ้น แล้วก็ก้าวเดินออกมา จนชายชรานั้นมาเห็นหน้าแอนเดรียเข้า ซึ่งชายชราถึงกับอ้าปากค้างขึ้นมา แล้วก็เคลื่อนรถเข็นลอยมาตรงหน้าแอนเดรีย
              "เอ เอเดรียน นิ นี้ลูกนะหรือ....ลูกจริงๆใช่มั้ยละ"
              แอนเดรียพยักหน้าโดยที่น้ำตาของเธอไหลออกมา "คะ คุณพ่อ หนูรอดมาได้แล้วละคะ คุณพ่อ"
              "งั้นหรือ..." ชายชรากล่าวโดยที่น้ำตาของเขาไหลออกมา ซึ่งเขาสังเกตุเห็นเขาเล็กๆบนหัว แถมมีผมที่ยาวเกินปกติอยู่ด้านหลัง และสวมชุดติดแถบบาร์โค้ดไว้ "นี้ลูก ได้รับความช่วยเหลือจากรีไลฟ์เวอรี่ละสิน่ะ" ชายชรากล่าว
              แอนเดรียพยักหน้า "แม้ว่าตอนนี้ หนูได้ตายไปแล้วก็จริง แต่อย่างน้อย หนูก็มีโอกาสรอดกลับมา จนได้มาเจอหน้าพ่อกันอีกครั้งแล้วละคะ" แล้วก็คุกเข่าลงตรงหน้า
              "ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าตระกูลของเราที่เป็นผู้สร้างแมนิเกเตอร์นั้น สุดท้ายลูกหลานก็ต้องกลายเป็นแมนิเกเตอร์เข้าจนได้ นั้นเป็นผลกรรมที่เราสมควรได้รับกันจริงๆน่ะ" ชายชรารำพันขึ้นมา
               คลอเวฟบอก "เอ้ย เดียวก่อนน่ะ ตาแก่นั้น คงจะไม่ใช่...."
              "ถูกเผงเลยละ คลอเวฟ แล้วก็พวกเราทั้งหลายด้วย" มาสวาร์ทาร์กล่าว "ชายชราผู้นี้ ก็คือดร.อัลบาร์ท เดลวีแองนู หัวหน้าตระกูลเดลวีแองนูรุ่นที่ 5 และรุ่นสุดท้าย พ่อของแอนเดรีย ผู้ที่สร้างฟาร์เธอร์หรือโอเวอร์เดส ขึ้นมากันยังไงละ"
              สเปียริทได้ฟังก็ถึงกับตกตะลึงพอๆกันกับพวกเนคมาดูซัมด้วย ลิเนียร์ตี้กล่าว "ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าจะได้เจอกับผู้สร้างบิดรเทพตัวจริงเสียงจริงกันได้น่ะ"
              "แต่ หนูยังสงสัยอยู่เลยนะคะ ว่าพ่ออยู่ที่แทแรนเซียได้ยังไงละคะ ในเมื่อพ่อน่าจะ...." แอนเดรียกล่าวถาม
              อัลบาร์ทตอบ "....สิ้นชีวิตไปพร้อมกับเรือที่อัปปางลงละสิน่ะ" แล้วก็เล่าให้ฟัง "อันที่จริงแล้ว พ่อถูกทหารจากอเมริกาใต้นำตัวกลับเข้าไปในแคปซูลจำศิลที่อยู่ในเรือดำน้ำ แล้วพาออกจากเรือที่อัปปางลง หลังจากการจู่โจมครั้งแรกไปได้ ซึ่งพ่ออยู่ในสภาพนั้นมาอีก 1 ปี โดยที่พ่อถูกโยกย้ายไปอยู่ในทวีปยุโรปกัน เพราะมีทุกฝ่ายที่ต้องการตัวพ่อกันอย่างมาก จนกระทั่ง ทหารแทแรนเซียภายใต้การนำของแม่ทัพเควนติน ได้เข้าช่วยเหลือพ่อ แล้วก็นำตัวพ่อมาอยู่ในความดูแล จนรู้ว่า โอเวอร์เดส ได้พ่ายแพ้ในมหาสงครามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วน่ะ"
              "รวมถึงรู้เรื่องการจากไปของดร.รีไลฟ์เวอรี่เลยสิคะ" แอนเดรียบอก
              อัลบาร์ทพยักหน้า "ทีแรก พ่อคิดว่าลูกคงจะเสียชีวิตไปแล้วจากการอัปปางของเรือที่ควบคุมตัวเราสองพ่อลูกไว้ พ่อเลยตัดสินใจอุทิศตนให้กับการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับหนุ่มสาวชาวแทแรนเซียทั้งหลาย โดยมิได้ให้ข้อมูลการสร้างแมนิเกเตอร์กับพวกเขาไว้ เพื่อมิให้พวกเขาใช้ความรู้ไปเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นแมนิเกเตอร์ขึ้นอีก ตลอด 24 ปีที่ผ่านมานั้น พ่อได้มอบองค์ความรู้ด้านอื่นที่พ่อรู้ให้ชนรุ่นหลังพัฒนาต่อจนทำให้โลกก้าวหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าในช่วงที่พ่อตื่นมา พ่อเกือบจะเอาตัวเองไม่รอดจากเงื้อมมือของต่างดาวที่เฮนรี่ ไนท์เตือนไว้เลยก็ตาม แต่อย่างน้อย พ่อโชคดีมากที่รอดมาจนได้เจอกับลูกนี้แหละ"
              "เดิมหนูคิดว่าพ่อคงไม่ได้รอดกลับไปกันแล้ว แต่ตอนนี้ หนูดีใจมากเลยคะ ที่ได้เห็นหน้าพ่ออีกครั้ง แม้ว่าหนูจะกลับมาในสภาพของแมนิเกเตอร์เลยก็ตามนะคะ" แอนเดรียบอก
              อัลบาร์ทกล่าว "ไม่ว่าลูกจะเป็นมนุษย์หรือแมนิเกเตอร์ ลูกก็ยังเป็นเอเดรียน ลูกสาวของพ่อเสมอนี้แหละ" และหันมาเห็นพวกเนคมาดูซัมที่ยืนอยู่ข้างหลัง "เอเดรียน ว่าแต่ พวกแมนิเกเตอร์เหล่านี้...."
              "คุณพ่อคะ พวกแมนิเกเตอร์เหล่านี้ เป็นเพื่อนพ้องของหนูเองนะคะ" แอนเดรียกล่าว
              อัลบาร์ทได้ฟังก็ตกใจไม่น้อย "เพื่อนพ้องนะหรือ...." โดยหันมามองมาสวาร์ทาร์ พีวิล เนคมาดูซัม แล้วก็พวกสเปียริทแบบเรียงตัว "....เอเดรียน ว่าแต่ ในช่วงที่ลูกอยู่ในความดูแลของรีไลฟ์เวอรี่นิ พ่อพลาดอะไรไปหรือเปล่าละ"

              "สงสัยว่าเราคงต้องคุยกันสักหน่อยแล้วละคะ" แอนเดรียบอก
              แล้วอัลบาร์ทก็ได้ฟังแอนเดรียและเหล่าสหายไทรเวเซอร์ของเธอเล่าเรื่องทุกอย่าง ตั้งแต่การต่อสู้กับโอเวอร์เดสและกองกำลังจักรวรรดิ์แมนิเกเตอร์ การปะทะกับโอเวอร์เรสและกองกำลังจักรวรรดิ์แรซัลก้าที่คุกคามสมาพันธ์อวกาศ การต่อสู้กับเดลอาเนี่ยนในช่วงที่ทรอยอาร์ สเตรดาร์ธและริดโอคาร์เทลอาละวาด การต่อสู้กับเดธซิลเวอร์พลาเนตกับเดลอาเนี่ยนในกลุ่มดาวทั้งแปด จนถึงช่วงเวลานี้
              "ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าโอเวอร์เดสจะไปไกลกว่าที่คิดไว้ แม้นั้นจะเป็นการทำลายกำแพงความคิดที่ว่าสิ่งจักรกลไม่สามารถสร้างหรือสืบพันธุ์ไปได้เลยก็ตาม แต่สุดท้าย โอเวอร์เดสก็ได้สร้างสิ่งใหม่ๆปรากฎขึ้นมานอกเหนือจากการทำลายล้างอย่างที่ฉันคิดไว้เสียอีก จนทำให้แมนิเกเตอร์ พัฒนากลายเป็นกลุ่มสังคมขนาดใหญ่เหมือนกับมนุษย์อย่างมากเลยละ" อัลบาร์ทบอก
              สเปียริทบอก "แต่ก็เป็นไปแล้วนะคะ ดร.เดลวีแองนู ถ้าไม่มีคุณ ก็คงไม่มีท่านพ่อโอเวอร์เดส มาสร้างพวกแกตไทซ์ จนไม่มีเนคมาดูซัมมาเป็นเพื่อน แล้วก็คงไม่มีฉันและพวกพี่ๆอยู่ด้วยนะคะ"
              "รวมไปถึงการคืนชีพเหล่าทหารผู้เก่งกล้าและชาญฉลาด ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังรุกรานของโอเวอร์เดสกันด้วย แม้ว่าการทำลายล้างนั้นจะทำให้สิ่งหนึ่งสูญสิ้นไป แต่ก็ทำให้มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมาได้เสมอ เฉกเช่นเดียวกับการที่พวกเธอยืนอยู่ตรงนี้พร้อมกับเอเดรียนเลยสิน่ะ" อัลบาร์ทกล่าว "โอเวอร์เดสสร้างศัตรูไว้ไม่น้อย เพื่อที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายในการผลักดันเหล่าแมนิเกเตอร์ ซึ่งฉันไม่คิดเลยว่าโอเวอร์เดสยังจดจำจุดมุ่งหมายเดิม จนสามารถสร้างกองกำลังสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ขึ้นมา โดยรวมกับเหล่าแมนิแฟคเตอร์ของรีไลฟ์เวอรี่ให้เป็นกำลังสำคัญกันด้วยนั้นน่ะ"
               สเตฟอร์ดบอก "แม้ดร.รีไลฟ์เวอรี่และลูกๆจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ริดิวิเนี่ยนของเขายังอยู่อย่างเป็นสุขร่วมกับพวกเราเลยนะครับ"
              "แม้ว่าเราจะต้องอยู่ร่วมกันกับเหล่าแมนิเกเตอร์ที่เคยเป็นศัตรูมาก่อน แต่อย่างน้อย เราก็ร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าอุปสรรค์ไปได้เลยนะครับ" แอบไบออสบอก
              อัลบาร์ทพยักหน้า "ฉันไม่รู้ว่าจะภูมิใจดี หรือว่าไม่พอใจดี ที่โอเวอร์เดสออกจากโลกแล้วกลับมาอีกรอบกัน แต่....ฉันก็รู้สึกดีใจแล้ว ที่โอเวอร์เดสและโอเวอร์เรส คิดแผนการผลักดันให้แมนิเกเตอร์จากโลกและแรซัลก้าไปรวมกลุ่มกันตั้งรกรากบนดาวดวงอื่นที่สงบยิ่งกว่า แม้นั้นจะเริ่มด้วยการรุกรานสร้างความเดือดร้อนเลยก็ตาม จนทำให้เอเดรียนต้องมาส่วนด้วยน่ะ"
              "พวกเราเองต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่....ทำให้แอนเดรียต้องมาเสี่ยงอันตรายกันด้วยน่ะ" โฟรซ่าบอก
              อัลบาร์ทกล่าว "แค่ได้เห็นว่าพวกเธอยังคงเจตจำนงเดิมในช่วงที่พวกเธอส่วนหนึ่งเป็นมนุษย์ และเป็นเพื่อนที่ดีของเอเดรียนได้ ฉันก็ภูมิใจมากแล้วละ อย่างน้อย ฉันก็ดีใจมากแล้ว ที่ได้เห็นเหล่าแมนิเกเตอร์อยู่อย่างสงบกันเสียทีน่ะ" แล้วก็บอก "แต่คาดไม่ถึงเลย ว่าองค์ความรู้ที่ปู่ทวดรุ่นแรกค้นพบขึ้นที่ดวงจันทร์นั้น จะเป็นองค์ความรู้ของชนเผ่าต่างดาวอันเก่าแก่ที่ล่มสลาย ด้วยน้ำมือของกลุ่มจักรวรรดิ์อวกาศที่พวกเธอและเอเดรียนต่อกรเมื่อ 4 ปีที่ระบบดาวของพวกเธอเลยน่ะ"
              "บอกตามตรงนะครับ ว่าเรื่องต้นกำเนิดของเทคโนโลยี่สร้างแมนิเกเตอร์นั้น เป็นของชนเผ่าออร์เลี่ยนที่ล่มสลายไปแล้วนั้น ทำให้เราอึ้งกันไปตามๆกัน พอๆกับรู้ว่าพวกเราคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากองค์ความรู้ของออร์เลี่ยน ที่เป็นต้นเหตุของการคุกคามของพวกเดลอาเนี่ยนกันไว้ เพราะกลัวว่าพวกเราจะกลับมาแก้แค้นให้กับพวกออร์เลี่ยนเลยนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "แต่ชาวออร์เลี่ยนหวังให้พวกเรา พิสูจน์ตนเองให้กับฝ่ายสมาพันธ์อวกาศยอมรับว่า พวกเราก็เป็นกลุ่มสังคมเผ่าใหม่ที่อยากจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขกัน แม้ว่าพวกเราส่วนมากจะสร้างความหวาดกลัวผ่านการรุกรานมา แต่พวกเราก็พิสูจน์ให้สมาพันธ์อวกาศและเหล่ามนุษย์ในอวกาศ ยอมรับในความตั้งใจของพวกเราตามความต้องการที่แท้จริงของชาวออร์เลี่ยนนะครับ"
              "แสดงว่าชนเผ่าต่างดาวอันเก่าแก่นั้น มองการณ์ไกลอย่างมากเลยสินะ ว่าพวกเธอมีพลังและขีดความสามารถมากพอที่จะเป็นผู้ปกครองจักรวาล หรือปกป้องจักรวาลจากภัยคุกคามทั้งหลายแหล่ รวมไปถึงแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นลงไปได้เลยสิน่ะ" อัลบาร์ทกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "ขนาดมนุษย์ทำผิดก็ต้องรับผิดด้วยการแก้ตัวได้ แมนิเกเตอร์อย่างพวกเราก็มีโอกาสเช่นนี้ได้เช่นกันนะครับ"
              "ถ้าชาวโลกส่วนมากเป็นเหมือนอาณาจักรแทแรนเซีย แล้วก็เฮนรี่ ไนท์แล้วละก็ เรื่องความวุ่นวายทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเธอไปจากโลกใบนี้ก็คงจะจบสิ้นลงไปนานแล้วละ" อัลบาร์ทบอก "แม้ว่าตอนนี้ ฉันคงจะอยู่บนโลกได้อีกไม่นานแล้ว ความปราถนาลมๆแล้งๆของฉันที่อยากจะเจอกับลูกสาวของฉันสักครั้ง และอยากจะได้เห็นเหล่าแมนิเกเตอร์อยู่อย่างเป็นสุขนั้น สุดท้ายฉันก็หมดห่วงเสียทีแล้วน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ที่ท่านพูดมานั้น ท่านคงรู้ความเป็นไปบนโลกนี้มาตลอด 24 ปีเต็มเลยสิครับ"
              "ใช่ แม้ว่าสหพันธ์โลกใหม่จะพยายามไม่น้อย ในการกดดันแทแรนเซียและกลุ่มประเทศที่เคยร่วมรบกันในมหาสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งที่สอง ให้สยบแทบเท้ากัน ซึ่งฉันรู้ดี ว่าการที่ฉันยังอยู่นี้ คือเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาใช้ก่อเรื่องกัน เพราะพวกเขาคงรู้จากฝ่ายทหารที่ควบคุมตัวฉันไว้มาแล้วน่ะ" อัลบาร์ทกล่าว "แน่นอน ว่าสหพันธ์โลกใหม่เองมีอีกเหตุผลที่หนักหนากว่าการมาจับตัวฉันไปเลยน่ะ"
              เจเนลถาม "ว่าแต่ อีกเหตุผลหนึ่งนั้นมันคืออะไรกันละ"
              "หนูชื่อสเปียริทใช่มั้ยละ" อัลบาร์ทหันมายังสเปียริท ซึ่งเธอพยักหน้า จากนั้นอัลบาร์ทก็พูดต่อ "ฉันต้องขอโทษด้วย ที่ต้องเปิดเผยความลับอีกอย่างที่คาดไม่ถึงให้เธอได้เห็นไว้น่ะ"
              สเปียริทบอก "คุณคงไม่ได้หมายความว่า ความลับนั้น...."

              "ท่านมากาเล็ต ต้องลำบากท่านแล้วละน่ะ" อัลบาร์ทกล่าวกับมากาเล็ต แล้วก็พาทุกๆคนตรงไปยังโซนลับพิเศษขึ้นมา "แว้งงงงง" มากาเล็ตใช้ฝ่ามือทาบบนพาเนลระบุตัวตน โดยที่เครื่องสแกนฉายแสงใส่เธอไว้ "ครืดดด แกร็ก แกร็ก แกร็ก" ประตูขนาดใหญ่ส่งเสียงดัง อันเนื่องมาจากกลไกประตูภายในทำงานอยู่ "ครืดดดด ตรึงงง" จากนั้นประตูก็เปิดออก อัลบาร์ทนำราชินีแห่งแทแรนเซียและไทรเวเซอร์เดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่อันกว้างขวาง
              "นิ นี้มัน....ไม่จริงน่ะ" สเปียริทอุทานขึ้นมาเมื่อได้เห็นร่างหุ่นจักรกลขนาดใหญ่อยู่ในหลุมตรงกลาง โดยมีนักวิจัยยืนอยู่บนแท่นลอยอยู่เหนือร่างขนาดยักษ์ ซึ่งไม่เพียงมีความเสียหายอย่างมาก ส่วนแขนทั้งสองข้างก็พังเสียหายไปด้วย
              "พวกเธอคงจะไม่เชื่อเลยสิน่ะ แต่มันเป็นไปแล้วจริงๆนี้แหละ" อัลบาร์ทกล่าว "เพราะที่อยู่ตรงหน้าของพวกเธอนั้น คือร่างอันยักษ์ใหญ่ของผู้นำพาเหล่าแมนิเกเตอร์สร้างหายนะให้กับโลกมาถึง 2 ครั้งในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งฉันคงไม่เสียเวลาแนะนำให้พวกเธอรับรู้กันหรอกน่ะ เพราะพวกเธอคงจะรู้แล้วน่ะ"
              พีวิลพยักหน้า และเอ่ยชื่อขึ้นมา "บิดรเทพโอเวอร์เดส จักรพรรดิ์ผู้อยู่เหนือและควบคุมความตาย ผู้นำกองกำลังจักรวรรดิ์แมนิเกเตอร์"
              "นี้นะหรือ คือบิดรเทพผู้นำสูงสุดของกองกำลังอีเนอไมนด์ ครอสตรีม แอตแลนไทซ์ แล้วก็โซลูนาสตี้กันน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "ไม่คิดเลย ว่าได้เจอหน้ากับ เทพผู้ที่สร้างชนเผ่าแกตไทซ์กันต่อหน้าต่อตากัน ทั้งๆที่พวกเราทุกรุ่นแทบไม่เห็นหน้าเขามาตลอด 200 ปีบนแกตโตเดี่ยนเลยน่ะ"
              "แต่....โอเวอร์เดสควรจะถูกทำลายด้วยจรวดนิวเคลียร์ที่ยิงถล่มไปแล้วมิใช่หรือ ทำไมถึง...." สเตฟอร์ดบอก
              มากาเล็ตอธิบาย ".....ความจริงแล้ว จรวดนิวเคลียร์ที่ทั่วโลกยิงถล่มใส่ไปนั้น ไม่สามารถทำลายโอเวอร์เดสได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากว่า โครงสร้างร่างกายโดยรวมของโอเวอร์เดสแม้จะได้รับความเสียหายจากการปะทะกับพวกคุณมาอย่างหนักหน่วงกัน แต่ยังทนต่อแรงระเบิดจากหัวรบติดยูเรเนี่ยมอันทรงพลังได้อยู่ ซึ่งกองรบของพวกเราที่เหลือรอดมานั้นได้เห็นสภาพของโอเวอร์เดสที่ปางตายอยู่นั้น ต่างรู้ว่า หากปล่อยให้โอเวอร์เดสอยู่ในที่แบบนี้ต่อ พวกมนุษย์โลกคงต้องก่อสงครามเพื่อแย่งชิงเศษซากที่เหลือของโอเวอร์เดสนี้อย่างแน่นอน"
              "ดังนั้น คุณซึ่งมีสถานะเป็นราชินี และเป็นเจ้าของพื้นที่สู้รบครั้งสุดท้ายนั้น ใช้สิทธิ์ดังกล่าวนำตัวโอเวอร์เดสมากักตัวเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้เลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก มากาเล็ตพยักหน้า
              อัลบาร์ทอธิบาย "แม้ฉันจะตกใจมาก หลังจากที่ได้เห็นสิ่งที่ฉันเคยสร้างมาต้องมามีสภาพเช่นนี้ แต่อย่างน้อย ฉันก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไม แทแรนเซียถึงต้องให้ฉันอยู่ที่นี้ ก็เพื่อให้ฉันใช้เวลาในการวิเคราะห์ตัวโอเวอร์เดส รวมไปถึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้โอเวอร์เดส มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ภายในสถาบันอันเป็นยานอวกาศยักษ์ใหญ่เดิมที่แทแรนเซียนำมาสร้างขึ้นใหม่นี้แหละ" แล้วก็มองดูโอเวอร์เดสจากเบื้องล่าง "ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาที่ฉันอยู่กับฟาร์เธอร์ในร่างยักษ์นี้ ฉันได้ข้อมูลจากเขามาเพียงน้อยนิดมากๆ และมีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่โอเวอร์เดสเอ่ยชื่อสเปียริทขึ้น ซึ่งฉันอดแปลกใจในทีแรกว่าโอเวอร์เดสเอ่ยถึงใคร จนกระทั่งมาทราบจากท่านมากาเล็ตกันนี้แหละ"
              "โอเวอร์เดสเอ่ยชื่อฉันเลยสิคะ" สเปียริทกล่าว
              ไม่ทันไร "ครืดดดดด" โอเวอร์เดสก็ขยับตัวขึ้นมา แม้จะไม่สามารถลุกออกไปจากหลุมที่มีม่านพลังกั้นไว้เลยก็ตาม จนนักวิจัยทั้งหลายรีบตรงไปที่คอนโซล เพื่อกดสวิตซ์เปิดเครื่องช็อตไฟฟ้าไว้ แต่โอเวอร์เดสกลับกล่าวขึ้นไปว่า "วางใจได้น่า ฉันไม่คิดจะหนีไปไหนได้ในสภาพที่เหมือนศพยักษ์หรอกน่ะ" แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นพวกไทรเวเซอร์กัน "พวกเจ้าลงมาให้ข้าเห็นหน่อยสิ"
              "ท่านมากาเล็ต คุณอัลบาร์ท ให้พวกเราลงไปเถอะคะ" สเปียริทบอก
               มากาเล็ตกล่าว "ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ฉันจะรีบเรียกทหารมาเลยนะคะ" สเปียริทพยักหน้า แล้วพวกไทรเวเซอร์ก็ขึ้นบนแท่นลอย จากนั้นก็ควบคุมให้ลอยลงมาใกล้กับหัวของโอเวอร์เดส โดยที่อัลบาร์ทปิดสนามพลังด้านบนเอาไว้
              "อืมมมมม เบรซซิ่งแฮนด์พีวิล คาตานะลอร์ดเอชมาสวาร์ทาร์ กราดิเอเตอร์มารีนคลอเวฟ บาบาเลี่ยนแคลชเชอร์สเตฟอร์ด ควิกคิลเลอร์โฟรซ่า สกายฟลายเยอร์เกิร์ลไซโคลเนีย ไอรอนพลัสเชอริท เจเนไซด์ทีม ข้านึกแล้ว ว่าพวกเจ้าต้องกำชัยเหนือเทพแห่งสงคราม บุตรของข้าแล้วก็โอเวอร์เรสกันด้วยน่ะ" โอเวอร์เดสบอก
              คลอเวฟกล่าว "แย่หน่อยนะ ที่พวกเราแน่มากจนกำชัยเหนือพวกเดลอาเนี่ยนลงได้นี้แหละ"
              "เจ้ายังลำพองใจและบ้าบิ่นไม่ต่างจากเกซเฟลิค หากแต่ เจ้ายังมีความเจ็บปวดจากการต้องสังหารพวกเดียวกันอยู่สิน่ะ ที่ทำให้เจ้าต่างจากเกซเฟลิคที่ไม่ต้องการความรู้สึกแบบมนุษย์เลยน่ะ" โอเวอร์เดสบอก และหันมายัง "เมดลิคซ์แบบพิเศษของแพทรีออทที่ครองคอร์ดเอ่ยถึง เจ้ามีโอกาสไม่น้อยเลยน่ะที่ได้เห็นหน้าข้าเลยน่ะ"
              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "แม้ฉันจะเกิดบนโลก แต่ถูกส่งไปยังอวกาศเพื่อความปลอดภัยของฉันเอง ซึ่งการที่ฉันอยู่ร่วมกับทุกๆคนจนได้เห็นหน้าท่านนั้น ถือเป็นเกียรติอย่างสูงมากนะคะ"
              "เช่นเดียวกันกับที่เจ้าได้พลังของเพรแคทเดี่ยน นักรบหญิงที่โอเวอร์เรสฟอร์มขึ้นมาเพื่อปราบปรามพวกเฮซเทิร์ซ ที่กล้าเปลี่ยนคนบนแรซัลก้าให้เป็นอสูรกายกันด้วย นั้นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียวน่ะ" โอเวอร์เดสกล่าว แล้วมองมายังแอบไบออส เนคมาดูซัม กับฟิเกซ "และไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับมนุษย์ที่กลายเป็นเวโนมิไนซ์ ที่ยังคงมีสติสัมปะชัญญะครบถ้วน พร้อมกับเหล่าลูกหลานที่ข้ากับโอเวอร์เรสสร้างมาเช่นนี้ ข้าโชคดีมากที่ข้ายังอยู่มาได้น่ะ"
              ฟิเกซกล่าว "ท่านรับทราบเรื่อง ทั้งๆที่ติดแหงกอยู่นี้ คงจะได้ยินจากไซมาเทนเลยละสิน่ะ"
              "ข้าได้รับรู้เรื่องที่ไซมาเทนและโอเวอร์เรสประสบขึ้นมา ในช่วงที่ข้าหลับไหลอยู่นี้แหละ แม้จะโล่งใจไม่น้อยที่โอเวอร์เรสใช้ไพ่ตายปกป้องแรซัลก้าจากการลงโทษของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศเลยก็ตาม แต่อย่างน้อย ข้าก็คิดถูก ที่เลือกโคเคสมาเป็นผู้นำและช่วยเหลือพวกกองยานรบของแฮซกริฟกันไว้" โอเวอร์เดสบอก และหันมาถามเนคมาดูซัม "แกตโตเดี่ยนสิ้นสูญไปแล้วนิ แกตไทซ์ขาวและดำยังแตกแยกเหมือนเดิมหรือเปล่าละ"
               เนคมาดูซัมกล่าว "บัดนี้ข้ากับท่านพ่อได้ประสานแกตไทซ์ทั้งสองเผ่าให้เป็นหนึ่งเดียวและอยู่ร่วมกันมาตลอด 4 ปีแล้วละครับ"
              "ดีแล้วละ เพราะความผิดพลาดที่ข้าสร้างแกตไทซ์ดำขึ้นมาก่อนแกตไทซ์ขาวนั้น ได้ทำให้แกตไทซ์ขาวและดำเป็นอริกันมาตลอด 2 ร้อยปีเต็ม ซึ่งข้าหวังแค่ว่าลูกหลานของทั้งสองเผ่าจะแก้ปัญหานี้ไปได้ แม้นั้นจะหมายถึงการที่ไซมาเทนทำลายดาวบ้านเกิดของพวกเจ้าทิ้งเลยก็ตามน่ะ เท่านี้ข้าก็หมดห่วงแล้วน่ะ" โอเวอร์เดสบอก และถามกับฟิเกซ "ราคาชูเมลและเหล่าควอเดี่ยมยังอยู่หรือเปล่าละ"
               ฟิเกซกล่าว "ท่านป้าและทุกๆคนยังสบายดีอยู่ แม้จะต้องคุมชนเผ่าในกองรบของท่านและของโอเวอร์เรสไปด้วยก็ตามนะครับ"
              "ข้าหวังว่าความฉลาดของลูกน้องของโอเวอร์เรสคงจะประสานเหล่าแมนิเกเตอร์ทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียว ตามที่ข้าและโอเวอร์เรสหวังไว้ได้บ้างน่ะ" โอเวอร์เรสกล่าว จากนั้นก็หันมายังแอนเดรีย "เจ้าคงจะเป็นบุตรีของอัลบาร์ทละสิน่ะ"
              แอนเดรียพยักหน้า "ฉันไม่คิดเลยจริงๆนะคะ ว่าจะได้เจอกับสิ่งที่พ่อของฉันสร้างขึ้นมา แม้ลึกๆแล้ว ฉันรู้สึกโกรธท่านไม่น้อยที่....ทำให้ฉันต้องพลัดพรากจากคุณพ่อนะคะ"
              "ฉันรู้ดี ว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างกับอัลบาร์ทและเจ้าแล้วละก็ เจ้าคงจะอยู่ในกำมือของพวกมนุษย์บนโลกกันต่อไปแน่นอน เพื่อให้แน่ใจว่า ทั้งเจ้าและอัลบาร์ทรอดจากเงื้อมมือไปได้นั้น ข้าจึงออกคำสั่งให้ครองคอร์ดลงมือ เพื่อให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อในฐานะแมนิเกเตอร์กันด้วยน่ะ" โอเวอร์เดสกล่าว "ส่วนอัลบาร์ทนั้น ข้ารู้สาแก่ใจดี ว่าพวกมนุษย์ที่ควบคุมตัวเขาไว้นั้น คงไม่ยอมให้ตายได้แน่ๆ ข้าเลยปล่อยให้พวกมนุษย์พาอัลบาร์ทหนีไป เพราะแน่ใจว่า ต้องมีสักกลุ่มที่เข้ามาช่วยได้แน่นอน หากแต่ข้าคาดไม่ถึงเลย ว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันที่โครเต้พยายามจะบดขยี้ทิ้งไว้น่ะ"
              แอนเดรียกล่าว "แสดงว่า ท่านรู้สาแก่ใจดี ว่าฉันอาจจะกลายเป็นแมนิเกเตอร์ ด้วยความช่วยเหลือของดร.รีไลฟ์เวอรี่เลยสิคะ"
              "ใช่ เพราะเมื่อไม่มีอัลบาร์ทอยู่ เป้าหมายต่อไปของพวกมนุษย์ก็คือรีไลฟ์เวอรี่ พ่อของเทคไครด์และเฮคไซน์ ผู้นำของโซลูนาสตี้อย่างแน่นอน เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าอยู่ในความดูแลของรีไลฟ์เวอรี่ได้ ข้าเลยสั่งให้ครองคอร์ดนำตัวเจ้าไปเกยตื้นใกล้กับจุดที่รีไลฟ์เวอรี่และแมนิแฟคเตอร์อวกาศของเขา ออกมาตรวจสอบสภาพแวดล้อมใกล้หาดทรายห่างจากสถาบันไปค่อนข้างมาก ซึ่งนั้นเป็นการไถ่โทษที่ข้าทำให้เจ้าต้องพลัดพรากจากอัลบาร์ทและความเป็นมนุษย์ของเจ้าไปเลยน่ะ" โอเวอร์เดสกล่าว
              แอนเดรียส่ายหน้า "ไม่เลยคะ ฉันควรจะขอบคุณท่านเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่เพราะท่าน ฉันคงไม่ได้อยู่มาถึงจุดนี้ได้เลยคะ"
              "อืมมมม ตอนนี้เจ้าคงได้เจอหน้าอัลบาร์ทแล้วสิน่ะ แม้ว่าเขารู้สึกดีใจไม่น้อย ที่ได้เจอกับลูกสาวที่แท้จริงอีกครั้งน่ะ" โอเวอร์เดสกล่าวโดยเอ่ยต่อสเปียริท ซึ่งเธอพยักหน้าลง "ข้าขอเวลาส่วนตัวสักหน่อยน่ะ" โอเวอร์เดสร้องขอ อัลบาร์ทเลยพยักหน้า โดยให้เหล่านักวิจัยที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เดินออกไปพร้อมกัน
              แอนเดรียบอก "งั้นพวกเราขอตัวไปก่อนนะคะ" จากนั้นทั้งหมดก็เดินออกจากห้องโถงไป เหลือไว้เพียงสเปียริทอยู่กับโอเวอร์เดสเพียงลำพัง โดยเมดเดนออฟสเปียร์นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าโอเวอร์เดสที่ขยับหน้ามา

              "สุดท้าย เจ้าก็จำความจนได้สิน่ะ แอสเซน" โอเวอร์เดสบอก
               สเปียริทพยักหน้าและตอบไปว่า "ท่านพ่อ ตอนนี้ลูกมาหาท่าน เพื่อให้ท่านพ่อยกโทษในสิ่งที่ข้าได้ทำไว้ ต่อท่าน ต่อท่านแม่ และต่อแรซัลก้าด้วยคะ"
              "ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าการปะทะของเจ้ากับข้านั้น เจ้ายังจำอดีตตนเองไม่ได้เลย บวกกับว่าเจ้ากับพวกพ้องของเจ้าต้องหยุดยั้งข้า ไซมาเทน แม่ของเจ้ากันให้ได้เลยก็ตาม ข้ายกโทษให้เจ้าอยู่แล้วนะ แอสเซน" โอเวอร์เดสบอก
              สเปียริทกล่าว "ในเมื่อท่านยกโทษให้ข้าได้ ข้าก็รู้สึกวางใจได้แล้วคะ ท่านพ่อ"
              "ถ้าให้ข้าเดาน่ะ คิโคเดนปลุกความจำเดิมของเจ้าแล้วสิ" โอเวอร์เดสกล่าว
              สเปียริทพยักหน้า "วิญญาณท่านแม่และเจ้าพี่ไซมาเทนมาบอกท่านเลยสิคะ ท่านพ่อ"
              "ใช่ ข้ารู้อยู่แล้วละ ว่าคิโคเดนต้องมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป เพื่อที่จะกลับมาทวงสิ่งที่ควรจะเป็นของเขาคืน นั้นก็คือจักรวรรดิ์แรซัลก้าที่ถูกปิดตายไปแล้ว ซึ่งนั้นหมายถึง แผนการที่จะให้แรซัลก้าถูกปิดตายไปพร้อมกับเหล่าแมนิเกเตอร์ที่มักใหญ่ใฝ่สูงนั้นต้องพังทลายลงไปแน่นอน รวมไปถึงการที่คิโคเดนต้องนำทัพอันเกรียงไกรที่เขารวบรวมมา ไประรานเจ้าและพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ในเวลาต่อมากันด้วยน่ะ" โอเวอร์เดสบอก "แม้ข้าและโอเวอร์เรสโล่งใจที่มิให้คิโคเดนมีส่วนในแผนการนี้ เพราะรู้ดีว่า คิโคเดนไม่ยอมให้แมนิเกเตอร์ที่เขาควรจะเป็นฝ่ายปกครอง แยกตัวออกมาเหมือนกับพวกทรอยอาร์ได้แน่นอน ยิ่งมารู้ว่าพวกเราแยกเหล่าแมนิเกเตอร์ที่ดีทั้งบนโลกและในแรซัลก้าไปเป็นสหพันธมิตรด้วยนั้น คิโคเดนต้องทำทุกอย่างทุกวิถีทาง เพื่อให้แน่ใจว่า แมนิเกเตอร์ทั้งหลายอยู่ภายใต้การปกครองของเขาโดยสมบูรณ์แน่นอน แม้จะแยกตัวไป แต่ต้องอยู่ใต้อำนาจของเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น"
              สเปียริทกล่าว "เพราะงั้น ท่านกับท่านแม่เลยให้เจ้าพี่ไซมาเทนร่วมในแผนการอัลคาเดียแทนละสิคะ"
              "รวมถึงเจ้าด้วยนะ แอสเซน ข้ากับโอเวอร์เรสได้ให้เจ้า เป็นส่วนหนึ่งในแผนการอัลคาเดีย นับตั้งแต่เจ้าได้ถือกำเนิดมาแล้วละ" โอเวอร์เดสบอก
              สเปียริทตกใจขึ้นมา "แปลว่า ท่านรู้มาแต่แรก ว่าข้า มีพลังที่กล้าแกร่งและเหนือกว่าคิโคเดน เจ้าพี่ไซมาเทนและพวกพี่โคคูเดนกันเลยละสิคะ"
              "ใช่ หลังจากที่เจ้าลืมตาดูโลกมาครั้งแรกนั้น ข้าได้เห็นตัวเจ้ามีแขนงอกออกมาพร้อมกับเปล่งออร่าที่รุนแรงกว่าที่ข้าและแม่ของเจ้ามีอยู่ แม้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวแล้ว ข้ากับแม่ของเจ้าเลยรู้ว่าเจ้าจะเป็นเช่นไรในอนาคตเลยน่ะ" โอเวอร์เดสกล่าว
              สเปียริทบอก "แสดงว่าท่านพ่อกับท่านแม่เห็นข้าในตอนนั้น คงจะหาทางเลือกมาปกป้องข้าเลยสิคะ"
              "เจ้าคงจะรู้เรื่องที่ราคาชูเมลพยากรณ์ว่าเจ้าคือตัวกาละกิณี นำพาหายนะมาให้แรซัลก้าเลยละสิน่ะ" โอเวอร์เดสบอก
              สเปียริทพยักหน้า "ป้ารัคชูมี่แช่งให้ข้าเป็นตัวซวย เพื่อปกป้องข้าจากเงื้อมมือของผู้ไม่หวังดีต่อจักรวรรดิ์ ซึ่งต้องการใช้ข้าเป็นเครื่องมือในการโค่นล่มพวกท่านลง จนทำให้คิโคเดนออกมาปกป้อง ด้วยการออกกฎอสมมุติเทพขึ้น พร้อมกับให้สถานะและนามใหม่แก่ข้าขึ้นมา ซึ่งข้าในตอนนั้นยังไร้เดียงสาเกินไปที่จะรับรู้ความจริง และใช้จุดนี้เป็นแรงผลักดันให้ข้าเรียนรู้ทุกอย่าง เพื่อให้ท่านพี่โคคูเดนและพวกยอมรับว่าข้าเป็นสมาชิกในครอบครัว ยอมรับในความรู้ความสามารถของข้าไว้เลยนะคะ" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "แต่สุดท้าย พวกท่านพี่โคคูเดนทำให้ข้าผิดหวัง จนบีบให้ข้า ต้องทำตามคำพยากรณ์สั่วๆของป้ารัคชูมี่ให้เป็นจริงไปเสียได้นะคะ"
              "นั้นแหละคือเหตุผลที่ข้าให้เจ้าไปอยู่ร่วมกันกับกลุ่มสังคมใหม่ภายใต้การนำของโคเคสกันน่ะ เพราะ.....ข้าและโอเวอร์เรสกลัวว่า แรซัลก้าจะเปลี่ยนเจ้าที่ควรจะเป็นบุตรีที่อ่อนโยนและมีเมตตาให้เป็นเหมือนพลเมืองส่วนมาก ที่ทำทุกอย่างด้วยการอ้างตนเป็นพลเมืองแห่งเทวะ สร้างความเดือดร้อนให้กับรอบด้านโดยไม่กลัวเกรงต่อกฎหมาย หรือแม้กระทั่งคิดก่อการยึดอำนาจมาเป็นของตนหรือทำตัวเสมอเทวะอย่างพวกเรา เฉกเช่นริชเชลิอาร์ลและพวกริดโอทำอยู่ด้วย ซึ่งข้าคิดที่จะส่งคนมาพาเจ้าไปที่โลกกันแล้ว แต่มันติดอยู่ตรงที่คิโคเดนและพวกโคคูเดนกันมิให้เจ้าไปจากแรซัลก้าได้ แถมยังมีเรื่องพวกเฮซเทิร์ซก่อการ และข้ายังต้องคุมกองรบใต้อาณัติทำตามแผนการที่ข้าวางไว้กันด้วยแล้ว ข้าจึงได้แค่หวัง ว่าการกระทำของแรซัลก้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นตัวนำพาหายนะมาให้ตามคำพยากรณ์ของราคาชูเมล ด้วยการนำความถูกต้องมาให้ผู้อ่อนแอและผู้เดือดร้อน โดยทำให้ผู้ก่อเรื่องทั้งหลายแหล่รับเอาหายนะจากเจ้า บีบให้พวกเขาหาเรื่องขับไล่เจ้าออกไปจากแรซัลก้า จนคิโคเดนและพวกโคคูเดนต้องทำตามเสียงของประชาชนไว้น่ะ" โอเวอร์เดสเล่า
              สเปียริทส่ายหน้า "ถึงแม้ข้าจะสู้กับพวกเฮซเทิร์ซที่ลักไก่เข้ามาในดาวมาหลายครั้ง ฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้ที่ข้าท่องลักพักจำจากพวกพี่ๆมาตลอด 3 ปี แต่ด้วยประสบการณ์ที่ยังอ่อนเกินไป ทำให้ข้าพ่ายแพ้ต่อพวกพี่โคคูเดนจนไม่สามารถออกมาได้น่ะ"
              "เพราะอย่างงั้น ไซมาเทนเลยต้องลงโทษโคคูเดนและจัดการกับเจ้าลง พร้อมกับขับไล่คิโคเดนออกไปจากแรซัลก้า เพื่อให้คิโคเดนพาเจ้าที่สาหัสมายังโลก โดยที่ไซมาเทนตามมาไล่คิโคเดนให้ออกห่างจากท่านไว้ แม้นั้นจะหมายถึงการที่จีเนฟารี่แอบอ้างเป็นเจ้า ได้ทำให้เจ้าเกือบตายไปแล้วน่ะ" โอเวอร์เดสกล่าว
               สเปียริทบอก "แต่จีเนฟารี่ยังไม่รู้ว่า ท่านเป็นผู้อนุมัติกฎอสมมุติเทพให้ใช้ได้บนโลกอยู่ ซึ่งท่านคงหวังให้จีเนฟารี่ตายด้วยน้ำมือของข้าและพวกโคเคสเลยสิคะ"
              "ใช่ และข้ารู้ด้วยว่า เกซิคเองก็รู้ตัวจริงของจีเนฟารี่กันแล้ว รวมถึงเรื่องที่เกซิคคิดคดทรยศต่อข้าอย่างลับๆกันด้วย จากการที่ครองคอร์ดรายงานความเคลื่อนไหวของเกซิค ว่าแอบติดต่อกับเคราซไซท์ให้เข้าแทรกแซงและก่อกวนแผนการรบของข้าไว้ด้วย นั้นไม่แปลกใจเลย ที่มันแอบใช้เครื่องเทเลพอร์ตย้ายตัวเองและจีเนฟารี่หนีออกจากสะพานเดินเรือ ทั้งๆที่พวกเจ้าสยบการหลบหนีไปได้น่ะ" โอเวอร์เดสกล่าว "แต่ข้ารู้ ว่าต่อให้จีเนฟารี่หนีออกนอกโลกไปอยู่ในอวกาศได้ เจ้าหรือคิโคเดนต้องจัดการกับจีเนฟารี่ลงได้แน่นอน"
              สเปียริทกล่าว "ข้ากับพวกได้สั่งสอนจีเนฟารี่ โดยคิดจะนำตัวนางไปรับโทษตามกฎหมายอย่างสาสม แต่นางกลับเลือกผิด ด้วยการหนีไปจากพวกเรา จนมาถูกคิโคเดนลงโทษอย่างรุนแรงที่สุดเสียเองนะคะ"
              "แม้ว่าตอนนี้เจ้าสูญเสียความอ่อนโยนและความดีในตัวเอง จนเจ้าแข็งกร้าวและไม่ยอมใครไปแล้ว เจ้ายังปราณีต่อผู้เป็นศัตรูเหมือนเดิมเลยน่ะ" โอเวอร์เดสกล่าว
              สเปียริทกล่าว "จีเนฟารี่แม้จะมีโทษตาย แต่การตายนั้นมันเป็นการลงโทษที่ง่ายดายเกินไป จนตัดโอกาสให้สำนึกผิดในการกระทำของตนเองลงอย่างฉับพลัน ข้าพยายามจะช่วยเธอในฐานะเพื่อนเก่า แต่เธอไม่เอาเสียเองนะคะ"
              "นั้นแหละคือเจ้าละ แอสเซน ไม่ว่าเจ้าจะเป็นทำตัวก้าวร้าว ดุดัน ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร และแข็งกร้าวมากแค่ไหน เจ้ายังคงความเมตตาปราณี และยังไม่ย่อท้อและยอมแพ้กันเหมือนเดิมเลยน่ะ" โอเวอร์เดสบอก "เพียงแต่ ข้ายังกังวลว่า เจ้าอาจจะปรับตัวกับเพื่อนพ้องของเจ้ากันไม่ได้เลยน่ะ"
              สเปียริทบอก "มันก็จริงนะคะ ที่ข้าอาจจะหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ข้าเลือกจะไม่ทำซ้ำเหมือนเดิม เพราะข้าไม่อยากจะสูญเสียพวกพ้อง ไม่อยากจะสูญเสียที่ยืนใหม่ของข้า และไม่อยากจะกลับไปโดดเดี่ยวตามเดิมแล้วนะคะ"
              "แม้ว่าเจ้าจะนำพาสหพันธมิตรไปปะทะกับคิโคเดนที่อาจจะคืนชีพพวกโคคูเดนกลับมา พร้อมกับนำทัพอันยิ่งใหญ่กว่ามานั้น เจ้ายังคิดที่จะทำเช่นนั้นอยู่หรือ" โอเวอร์เดสถาม
              สเปียริทส่ายหน้า "คิโคเดนกำลังทำลายเจตนารมณ์ที่ท่านกับท่านแม่สร้างและชี้นำเอาไว้ และการกระทำของคิโคเดนคือการใช้กำลังทำให้พวกเราอยู่แทบเท้า ซึ่งข้ายอมให้เขาทำเช่นนั้นไม่ได้แน่นอน แม้จะรู้ว่าข้าไม่อาจจะสู้กับคิโคเดนและพวกพี่ๆที่คืนชีพกลับมาได้ อย่างน้อยก็ดีกว่ายอมให้คิโคเดนได้ทุกอย่างโดยที่ข้าทำอะไรไม่ได้ ไม่สามารถทำได้หรือไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง แล้วข้าต้องมาเสียใจอีกครั้งหนึ่งนะคะ"
              "เพราะเจ้าเคยสูญเสียที่ยืนจากแรซัลก้าไปเลยสิน่ะ" โอเวอร์เดสกล่าว "ข้ารู้ดี ว่าเจ้ามิได้อยู่เพียงลำพังแล้ว เจ้ามีพวกพ้องที่ร่วมเดินเคียงข้างไปด้วยกัน เจ้ามีบ้านหลังใหม่ที่ดีกว่า แม้จะต้องอยู่ร่วมกันกับเหล่าแมนิเกเตอร์ที่อันตรายมากเลยก็ตาม และเจ้า มีจุดยืนที่แน่นอนแล้ว จากเดิมที่เจ้ายังไม่ได้มีจุดยืนอย่างแน่ชัดในชีวิตตอนที่อยู่แรซัลก้าเลยก็ตาม แม้ว่าจุดยืนของเจ้าคือการเป็นปรปักษ์กับคิโคเดน บุตรคนโตที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าและข้าเลยก็ตาม และข้าเองคงไม่อยู่ห้ามปรามพวกเจ้ากันได้แล้วน่ะ"
              สเปียริทบอก "เหมือนที่ท่านและท่านแม่ปล่อยให้พวกเราดูแลกันเอง เพื่อให้พวกเราเรียนรู้และใช้ชีวิตต่อไปได้เองเลยสิคะ"
              "ข้ารู้ ว่าการที่ข้าและแม่ของเจ้านั้น ไม่ติดต่อหาเจ้ามาเลยก็ตาม ก็เพื่อให้เจ้าหาหนทางแก้ไขปัญหาที่เจ้าประสบมาด้วยตนเอง แม้นั้นจะหมายถึง การที่เจ้า ทำให้คำพยากรณ์ที่ไม่มีแก่นสานของราคาชูเมลเป็นจริง จนทำให้เจ้ากลายเป็นองค์หญิงผู้นำพาหายนะมาให้แรซัลก้าได้โดยสมบูรณ์ เพราะถ้าเจ้ายังอยู่ที่แรซัลก้าต่อไป ทั้งข้าและเหล่ากองรบทั้งสี่ ทั้งโอเวอร์เรสและแรซัลก้าก็จะไม่มีใครหน้าไหนหยุดยั้งได้ สมาพันธ์อวกาศก็จะตกเป็นของพวกแมนิเกเตอร์มักใหญ่ใฝ่สูง ที่ต้องการใช้ทุกชนเผ่าเป็นทาส รวมถึงพวกมนุษย์กันด้วย ซึ่งนั้นหมายถึง การต่อต้านของฝ่ายถูกกดขี่จะหนักหนามากขึ้นและรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลให้แรซัลก้าต้องถูกทำลายลงอย่างราบคาบ ชนิดที่ข้าและโอเวอร์เรสไม่สามารถควบคุมหรือหยุดยั้งไปได้แน่นอน" โอเวอร์เดสกล่าว "ดังนั้น ข้ากับโอเวอร์เรส หวังให้เจ้า บุตรีตนสุดท้ายที่ทรงพลังและแข็งแกร่งที่สุดในหมู่บุตรทั้ง 13 ของพวกเรา คือกุญแจแห่งชัยชนะของฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ เพื่อให้พวกโคเคส คืนโลกให้กับพวกมนุษย์ คืนความสงบสุขให้กับสมาพันธ์อวกาศ สยบความมักใหญ่ใฝ่สูงของพวกซัลคาเลี่ยนส่วนมากที่ได้รับอิทธิพลจากสภาขุนนาง และสร้างความหวาดกลัวต่อแรซัลก้าที่มีต่อเจ้า ให้รับรู้ว่า ผลของความทะเยอทะยานอยากจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เสมอข้าและโอเวอร์เรสนั้น จะต้องลงเอยแบบเดียวกันไปด้วย ซึ่งข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้"
              สเปียริทยิ้มและส่ายหน้าขึ้นมา "ตรงข้ามเลยคะ ถ้าไม่เพราะท่านและท่านแม่ ข้าคงไม่ได้รับรู้ความจริงอีกด้านของบ้านเกิดแห่งแรก ว่ามันแย่และหนักหนาแค่ไหนกัน ถึงได้ทำให้ท่านแม่คิดนำทัพรุกรานเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศเลย ซึ่งนั้นยิ่งทำให้ข้าคิดที่จะหยุดยั้งพวกท่านไว้นะคะ"
              "ดีแล้วละ แอสเซนเอ๋ย แม้ว่าตอนนี้ การกลับมาของเจ้า คือการมาจัดการกับเกซิคที่อ้างตนว่าเป็นตัวแทนของสหพันธ์โลกใหม่ ซึ่งอยู่เบื้องหลังปัญหาที่เจ้ากับพวกโคเคสประสบกันมาแล้วสิน่ะ" โอเวอร์เดสบอก
              สเปียริทพยักหน้า "แปลว่าท่านรู้ว่าเกซิคทำอะไรเลยสิคะ"
              "ฟังข้าดีๆน่ะ แอสเซนเอ๋ย" โอเวอร์เดสกล่าวแล้วก็เล่าทุกอย่างให้สเปียริทรับรู้ไว้ จนเธอเข้าใจขึ้นมา จากนั้นก็ถามไปว่า "แอสเซน หลังจากนี้ เจ้าคิดจะทำเช่นไรกับตัวเจ้าเองละ เจ้าคงไม่คิดจะยึดสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์มาเป็นของเจ้าเองสิน่ะ"
              สเปียริทส่ายหน้าก่อนจะบอกว่า "ถ้าทำอย่างงั้น เท่ากับว่าข้าได้ทรยศต่อความไว้เนื้อเชื่อใจของโคเคสขึ้นมา และซ้ำรอยเดิมกับริชเชลิอาร์ล พวกริดโอ และวอลเดนสไตน์จนมีจุดจบไม่สวยเหมือนกัน แม้ข้าไม่มีโอกาสได้นั่งบัลลังก์ แต่อย่างน้อย ข้าเลือกที่จะอยู่ร่วมกันกับเหล่าแมนิเกเตอร์ที่อีสทาล่าฟรอนเทียร์อย่างผาสุข เช่นเดียวกับปกป้องพวกเขาจากภัยคุกคามกันไว้น่ะ"
              "แล้วเจ้าไม่กลัวว่ามันจะซ้ำรอยเดิมแบบเดียวกับแรซัลก้าเลยหรือ" โอเวอร์เดสถาม
               สเปียริทกล่าว "ถ้าประชาชนที่แคสเซเดี่ยน-3 หาเรื่องไล่ข้าไป ข้าก็จะไม่ไปไหนอยู่แล้ว เพราะประสบการณ์ในอดีตสอนให้ข้าไม่ทำผิดซ้ำอีก อย่างน้อย ข้ามีพวกพ้องที่ยังเชื่อมั่นในตัวข้าอยู่" แล้วก็กอดอกขึ้นมา "อีกอย่าง ข้ากับทุกๆคนเองยังมีเรื่องที่ต้องทำกันด้วยนะคะ"
    "เจ้าเติบใหญ่มากกว่าที่ข้าคิดไว้น่ะ แม้ว่าเส้นทางของเจ้าและพวกจะต้องมาขวางทางของคิโคเดนเลยก็ตาม" โอเวอร์เดสบอก "ข้าหวังได้แค่ว่า เจ้าจะสามารถหยุดยั้งความทะเยอทะยานของคิโคเดนไว้ได้ เหมือนที่เจ้าร่วมมือกับพรรคพวกเอาชนะข้า เอาชนะโอเวอร์เรส พิชิตไซมาเทน จัดการกับวอลเดนสไตน์ที่นำเดลอาเนี่ยน ทรอยอาร์และสเตรดาร์ธเข้ามาลงได้น่ะ"
              สเปียริทพยักหน้าและยิ้มขึ้น "ขอบคุณมากคะ ท่านพ่อ"

              "บอกตามตรงน่ะ ว่าพ่อแทบอึ้งไม่น้อย ที่ลูกมีเพื่อนเป็นถึงบุตรของสิ่งที่พ่อสร้างขึ้นมาเลยน่ะ" อัลบาร์ทกล่าว
              แอนเดรียกล่าว "หนูเองก็ตกใจไม่น้อย แต่ก็เข้าใจได้ถึงแผนการอันล้ำลึกของโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรส ที่มีต่อพวกแมนิเกเตอร์ทั้งหลายไม่ว่าดีหรือเลวก็ตาม อย่างน้อย ถ้าเพื่อผลักดันให้พวกแมนิเกเตอร์อยู่อย่างผาสุขได้ก็ถือว่าเกินพอแล้วนะคะ"
              "พอๆกันกับที่ลูกใช้ความรู้ที่ลูกเรียนเป็นครู มาสอนเหล่าวัยรุ่นแมนิเกเตอร์มนุษย์สัตว์ ที่พ่อไม่คิดเลยว่าลูกจะสามารถสอนพวกเขาให้เข้าใจในวิชาที่ลูกรู้เลยก็ตามน่ะ" อัลบาร์ทบอก "แล้วลูกคงไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับลูกศิษย์ หากลูกเกิดความหงุดหงิดและเครียดจัดอย่างมาก ถึงขั้นที่อยากจะฆ่าให้ตายเลยสิน่ะ"
               แอนเดรียชะงักขึ้นมา "พ่อคะ พ่อรู้เรื่องที่หนู....มีบุคลิกที่รุนแรงมาก่อนหรือคะ"
              "ลูกไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอกน่ะ เพราะ....ลูกยังเด็กเกินไปที่จะรับรู้ได้ ไม่สิ ลูกในตอนนั้นไม่อยู่ในสภาพรับรู้ได้แต่แรกแล้วนะสิ" อัลบาร์ทกล่าว แอนเดรียเลยนั่งฟังผู้เป็นพ่อเล่า "หลังจากที่แม่ของลูกเสียไปเมื่อลูกอายุ 3 ขวบแล้ว ลูกก็แสดงออกถึงความก้าวร้าวและกริ้วกราดอย่างมาก ถึงขั้นทำลายข้าวของ ทำลายของเล่นที่ลูกรักอย่างมาก ลูกเปลี่ยนไปราวกับว่าลูกมิใช่ลูกคนเดิม ซึ่งพ่อคงคิดว่า นั้นคงเป็นพี่หรือน้องฝาแฝดของลูกที่เกิดอยู่ในครรภ์ของแม่ของลูก แต่กลับถูกดูดอยู่ในร่างของลูกอย่างแน่นอน แต่เมื่อพ่อเช็คข้อมูลดีเอ็นเอในตัวลูก ที่พ่อได้กักตัวไว้ในกรงกระจกไว้ กลายเป็นว่าลูกไม่ได้มีดีเอ็นเอของพี่หรือน้องที่หายไปแต่แรก แต่ลูก มีสภาวะบุคลิกเปลี่ยนไป ซึ่งเกิดมาจากการที่ลูกสูญเสียแม่ของลูกไว้น่ะ"
              แอนเดรียบอก "แปลว่า การที่คุณแม่เสียไปนั้น ได้ทำให้หนู กลายเป็นปีศาจร้ายเลยสิคะ"
              "ลูกในตอนนั้นกริ้วกราดอย่างมาก จากการที่ลูกสูญเสียแม่ที่รักลูกไปแบบไม่หวนกลับ แน่นอน ว่าพ่อต้องรีบหยุดลูกให้ได้เสียก่อนที่ลูกจะทำอะไรไปมากกว่านี้ หรือแม้กระทั่งลูกฆ่าพ่อลงได้" อัลบาร์ทกล่าว "พ่อจำต้องสะกดจิตลูกด้วยคลื่นเสียง เพื่อสยบบุคลิกด้านรุนแรงของลูกให้สงบลง จนลูกเป็นลูกในเวลานี้เองแหละ"
              แอนเดรียพยักหน้า "เพราะว่าพ่อไม่สามารถทำลายบุคลิกอีกด้านจนทำลายด้านที่เป็นตัวหนูเลยสิคะ"
              "ใช่แล้วละ ต่อให้พ่อมีความรู้ในเรื่องแมนิเกเตอร์มากมายแค่ไหน หรือรู้วิธีรับมือกับแมนิเกเตอร์ที่เสียการควบคุมเพียงไร พ่อกลับไม่สามารถแก้ไขลูกให้อยู่คงทนถาวรได้ เพราะอาการที่ลูกเป็นนั้น มาจากการที่ลูกสูญเสียแม่ที่คอยปลอบโยนหนูมาตลอด แม้ว่าพ่ออยากจะหาแม่ใหม่ ก็คงไม่เหมือนแม่ของลูกไว้ ซึ่งนั้นก็ทำให้พ่ออดกังวลไม่ได้เลย กับตัวลูกหลังจากนี้ ที่สถานการณ์ในเวลานั้นตึงเครียดอย่างรุนแรงเลยน่ะ" อัลบาร์ทบอก
              แอนเดรียกล่าว "หนูเข้าใจดีแล้วละคะ ว่าทางแก้เดียวที่จะช่วยหนูได้ คือหนูต้องหยุดปัญหาด้วยตัวหนูเองไว้ ซึ่งหนูเลือกที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและแก้ไขมันไปจนหนูกลายเป็นตัวหนูได้อยู่น่ะ"
              "แม้ว่าลูกจะต้องมาพัวพันกับการต่อสู้อันรุนแรงที่อาจจะถึงแก่ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเอาตัวเข้าปกป้องผู้อื่นก็ดี หรือช่วยเหลือเพื่อนพ้องของลูกในเวลาที่พวกเขาต่อสู้กับศัตรูเลยก็ตาม" อัลบาร์ทบอก "แต่...พ่อภูมิใจไม่น้อย ที่ลูกผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะได้ด้วยความเชื่อมั่นที่ลูกมีต่อตนเองและเพื่อนพ้องของลูก จนลูกเข้มแข็งมากพอที่จะสู้กับด้านลบของลูกเองได้แล้วน่ะ"
              แอนเดรียพยักหน้า "แม้ว่าหนูกับด้านลบนั้นเป็นตัวตนเดียวกันจนไม่สามารถแยกหรือลบออกไปได้เลยก็ตาม อย่างน้อย หนูก็ยอมรับในตัวตนที่หนูเป็นอยู่ได้แล้วละคะ คุณพ่อ"

              "คาดไม่ถึงเลยนะเนี้ย ว่าพวกเธอจะได้เจอกับบิดรเทพที่ยังไม่ตายเลยน่ะ" เบติสบอก หลังจากที่เนคมาดูซัมและพวก รวมถึงแอนเดรียและสเปียริทกลับมาที่ยานแล้ว
              วิลด้ากล่าว "รวมถึงดร.เดลวีแองนู บิดาของแอนเดรีย ผู้ที่สร้างบิดรเทพกันด้วย การมาที่แทแรนเซียนั้นเหมือนเป็นการพบญาติกันจริงๆน่ะ"
              "ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่และพวกท่านประธานาธิบดีจะทำหน้ายังไงกันน่า หลังจากที่เราแจ้งเรื่องนี้ไปแล้วน่ะ" บริคซ์บอก
              คลอเวฟบอก "ยังไงเราก็ต้องรายงานให้ทางแคสเซเดี่ยนรับทราบกันอยู่ดีนี้แหละ ต่อให้เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเลยก็ตามน่ะ" แล้วก็บอก "ไม่แปลกใจแล้วละ ว่าเฟอร์นันเดอร์และภรรเมียของมันถึงไม่บอกอะไรกับพวกเรา ว่าแทแรนเซียมีอะไรเก็บไว้น่ะ"
              "ดีแล้วที่พวกเขารักษาความลับระดับสุดยอดถึงสองอย่างไว้ เพราะหากเรื่องที่บิดรเทพที่ควรจะถูกถล่มด้วยจรวดนิวเคลียร์ไปหลายลูก ยังไม่ถูกทำลายไปเผยแพร่ออกไปขึ้นมา รับรองว่า ทั่วโลกจะแห่มาถล่มแทแรนเซียได้แน่นอน" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              โฟรซ่าบอก "แม้ว่าราชินีมากาเล็ตจะปิดบังเรื่องนี้ไว้ แต่สหพันธ์โลกใหม่ภายใต้การนำของเกฟสตัลเบิร์ทก็พยายามกดดันแทแรนเซียต่อไป ด้วยการใช้เรื่องภาพของพวกเราปรากฎบนฟากฟ้ามา บีบให้แทแรนเซียยอมจำนนเสียเองนิ นั้นไม่ดีเสียเลยน่ะ"
              "แต่ผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่งน่ะ ว่าพวกคุณได้ยินชื่อผู้นำของสหพันธ์โลกใหม่ที่ชื่อเกฟสตัลเบิร์ทกันนิ พวกคุณมีสีหน้าตกใจเหมือนกับว่ารู้ว่าเขาเป็นใครเลยสิครับ" เฟอร์กินซ์กล่าว
              วิลด้าบอก "เธอคงจะเป็นทหารเข้าใหม่มาสิน่ะ ถึงได้ไม่ทราบเรื่องนี้เลยน่ะ"
              "ผมแค่ได้รับคำสั่งให้มาเป็นผู้สังเกตุการณ์ของพวกคุณในช่วงที่ผมอยู่ในกองทัพมาได้ 4 เดือนเต็มนะครับ" เฟอร์กินซ์กล่าว
              เบติสบอก "งั้นเธอก็ช่วยจดบันทึกไปเลยน่ะ ถึงข้อมูลสำคัญๆที่เราคุยกันในห้องประชุมนี้น่ะ"
              "แล้วว่าแต่ ไอ้เกฟสตัลเบิร์ทที่ทำให้ลุงและป้าตกใจกันนั้น มันเป็นใครละครับ" เจเนลบอก
              พลัสเชอริทกล่าว "ที่เบติสและวิลด้ารู้จักชื่อเกฟสตัลเบิร์ทนั้น ไม่แปลกใจหรอกนะ เจเนล เพราะ....เกฟสตัลเบิร์ทนั้น เป็นชื่อเต็มของ ผู้คุ้มกฎเกซิคกันนะสิ"
              "เกซิคนะหรือ พลัสเชอริท นี้อย่าบอกน่ะ ว่าไอ้ผู้คุมกฎจอมอวดฉลาดที่เป็นอริของนายเก่าของนายนั้น...." คลอเวฟบอก
              พลัสเชอริทพยักหน้า ".....เกซิคมีนามเดิมว่า เกฟสตัลเบิร์ท ซิคโคดันโต้ ซึ่งชื่อเดิมของเขานั้นเรียกยากมาก ขุนพลครองคอร์ดถึงกับบ่นไปว่า ต่อให้เปลี่ยนชื่อด้วยการย่อชื่อนามสกุลลงเพียงแค่สองพยางค์ แต่หาได้ย่อความทะเยอทะยานอยากในฐานะผู้คุมกฎกันไม่ได้แน่ๆน่ะ"
              "แสดงว่าเกซิคปลอมตัวเป็นตัวแทนของสหพันธ์โลกใหม่ โดยอยู่เบื้องหลังการให้พวกเฮซเทิร์ซเชือดมหาประธานาธิบดีคนก่อน เพื่อให้ตัวผู้นำสวมรอยแทนพร้อมกับลูกน้องที่ถูกส่งไปแฝงตัวอยู่ในอเมริกา จากนั้นก็ปล่อยเฮลดรอยไปครอบงำพวกเนโมที่ถูกบดขยี้ทิ้งไปเมื่อ 24 ปีก่อน รวมถึงหลอกลวงชาวโลกให้เข้าร่วมกองกำลังเพื่อรุกรานอีสทาล่าฟรอนเทียร์ ไปพร้อมกับแปรสภาพพวกเขาให้เป็นแมนิเกเตอร์เลยสิน่ะ" พีวิลบอก
              พลัสเชอริทพยักหน้า "การกระทำของเกซิคที่ว่ามานั้น ตรงตามข้อสงสัยของครองคอร์ดที่มีต่อเกซิค ถึงขั้นเป็นปรปักษ์กับผู้คุมกฎกันอย่างชัดเจนแล้วละ"
              "นายจะบอกว่า ไอ้หัวแหลมมันรู้ว่าเกซิคเล่นไม่ซื่อต่อโอเวอร์เดสงั้นสิ" เจเนลกล่าว
              พลัสเชอริทบอก "ว่ากันตามจริงแล้ว เรื่องที่พวกมนุษย์ควบคุมตัวดร.เดลวีแองนูและแอนเดรียขึ้นเรือขนส่งไปนั้น เพราะว่าเกซิค เป็นคนหาตำแหน่งบังเกอร์ลับที่มีแคปซูลจำศีลของทั้งคู่เจอ แล้วเอาไปบอกกับอดีตเจ้าหน้าที่ของประเทศใกล้เคียงให้มาควบคุมตัวไว้ โดยให้ส่งตัวไปที่อเมริกาใต้อย่างลับๆ หากแต่....เกซิคคิดจะกักตัวทั้งคู่ไปอยู่ในฐานลับของตนเองไว้ เพื่อหวังรีดข้อมูลไว้ใช้จัดการกับโอเวอร์เดสลับหลังกันนะสิ"
              "เดียวก่อนน่ะ งั้น ไอ้ยุทธการที่ครองคอร์ดและมาสวาร์ทาร์ใช้ปืนใหญ่พลาสม่าระยะไกลยิงเพื่อจมเรือไปนั้น คงไม่ใช่แค่กระตุ้นมาสวาร์ทาร์ให้เป็นปรปักษ์และทรยศต่อโอเวอร์เดส ด้วยการเข้ากับท่านประธานาธิบดีอย่างเดียว...." เนคมาดูซัมบอก
              จิลกล่าว "แต่เป็นการหักหน้าเกซิค ไปพร้อมกับการแยกแอนเดรียและดร.เดลวีแองนูออกจากกัน โดยให้แอนเดรียไปอยู่กับดร.รีไลฟ์เวอรี่เลยสิน่ะ"
              "ใช่ จากคำพูดของดร.เดลวีแองนูที่ว่ามานั้น จนท.ที่ควบคุมตัวดร.เดลวีแองนูเองเหมือนจะได้รับคำสั่งมา โดยมีการเตรียมแผนสำรองไว้รับมือในกรณีที่มีอีกฝ่ายบุกเข้ามาชิงตัว หรือแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสกองใดกองหนึ่งเข้ามาขัดขวางไว้นะสิ" พลัสเชอริทกล่าว "เพียงแต่ ฉันไม่สามารถพูดเรื่องนี้ให้พวกนายฟังได้ เพราะในตอนนั้น ฉันอยู่ในการจับตาดูของครองคอร์ดพร้อมมีคำสั่งฆ่าท่านประธานาธิบดีติดตัวอยู่ด้วยน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "โอเวอร์เดสให้ครองคอร์ดวางแผนแบบนั้น คงรู้แล้วว่า ฉันซึ่งเป็นนักรบที่ล้มเหลวจากความพยายามเปลี่ยนแปลงจักรวรรดิ์จากภายใน เหมือนกับพวกท่านประธานาธิบดีนั้น ต้องออกมาขัดขวางไว้ โดยให้ฉันได้เห็นหน้าแอนเดรียอยู่บนเรือ เพื่อรีบเบรคไม่ให้ครองคอร์ดยิงปืนใหญ่ใส่ไป ซึ่งครองคอร์ดก็ชิงลงมือ เพื่อมิให้ฉันขวางครองคอร์ดสำเร็จจนทำให้เกซิคบรรลุเป้าหมายเลยสิน่ะ"
              "แต่นั้นมันไม่รุนแรงไปหน่อยเลยหรือ เพราะถ้าพลาดขึ้นมา แอนเดรียอาจจะถึงตายและไม่มีทางไปถึงมือของดร.รีไลฟ์เวอรี่กันได้เลยนะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              แอนเดรียกล่าว "แต่นั้นก็ดีแล้วละ เพราะถ้าโอเวอร์เดสไม่ส่งครองคอร์ดมาขวางคุณมาสวาร์ทาร์ไว้ ฉันคงไม่ได้อยู่เจอกับพวกเธอและคุณมาสวาร์ทาร์กัน และคงไม่ได้เจอหน้าคุณพ่อเลยนะคะ"
              "แต่เกซิคก็รู้เช่นกัน ว่าแผนการของเขาถูกขัดขวางโดยครองคอร์ดและโอเวอร์เดสอยู่ เขาจึงแอบติดต่อกับเจ้าหน้าที่สายลับที่ได้รับมอบหมายให้ตามล่าดร.รีไลฟ์เวอรี่ค้นหากลุ่มริดิวิเนี่ยนจนเจอ และแสร้งประสบอุบัติเหตุเพื่อหวังให้พวกริดิวิเรี่ยนนำตัวไปคืนชีพอยู่ในสถาบัน จนได้รับความไว้วางใจจากดร.รีไลฟ์เวอรี่ ให้เป็นผู้คุมระบบรักษาความปลอดภัยขึ้นมา" พลัสเชอริทบอก
              ไซโคลเนียบอก "จากนั้นเกซิคก็ใช้เทคไครด์และลูนาสตี้ ซึ่งเป็นกลุ่มแมนิเกเตอร์ที่เกซิคสามารถสั่งการได้นั้น ก่อเรื่องในเขตเมืองที่พวกเบย์แทนด์ ซึ่งมีแอนเดรียอยู่ด้วย จากการที่มีสายลับไปบอกไว้ เพื่อบีบให้พวกเบย์แทนด์เดินทางกลับเอเวอเรสเองสิน่ะ"
              "เข้าใจแล้วละ เกซิคหลอกใช้เทคไครด์และเฮคไซน์ที่มีความแค้นต่อคนบนโลกที่สังหารพวกเขาลงเมื่อ 64 ปีก่อน ให้พาพวกเราบุกถล่มสถาบันวิจัยของรีไลฟ์เวอรี่ แล้วให้พวกเราส่วนหนึ่งชิงตัวแอนเดรียมาเลยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก
              พลัสเชอริทพยักหน้า "หากแต่แผนการมันล้มเหลว เพราะริดิวิเนี่ยนและรีไลฟ์เวอรี่มีพวกพีวิลอยู่ แถมเทคไครด์เองก็ลงมือสังหารสายลับผู้นั้นไปด้วย จนทำให้รีไลฟ์เวอรี่สนับสนุนท่านประธานาธิบดีโคเคสในการหยุดพวกโซลูนาสตี้กันนี้แหละ" แล้วก็พูดต่อ "ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในสถาบันลับที่เอเวอเรสนั้น ได้ทำให้โอเวอร์เดสรู้แผนการขัดขวางของเกซิคไปในตัว เพราะว่าโอเวอร์เดสหวังจะให้รีไลฟ์เวอรี่และริดิวิเนี่ยนที่อยู่ในนั้น สร้างยานอวกาศขนาดใหญ่ไว้ให้ท่านประธานาธิบดีและพวกเรา นำพาเหล่าแมนิเกเตอร์ออกสู่นอกโลกตามแผนอัลคาเดียไว้นะสิ"
              "นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมโอเวอร์เดสที่รู้ที่ตั้งของสถาบันลับ ถึงไม่ส่งกำลังมาซ้ำเติมหลังจากที่โซลูนาสตี้ของเทคไครด์และเฮคไซน์ล่มสลายลงไปแล้วน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
               มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "เพราะโซลูนาสตี้พ่ายแพ้ เกซิคจึงไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลย อีกทั้งโอเวอร์เดสยังเหลือแอตแลนไทซ์และครอสตรีมอยู่ในกำมือ ซึ่งนั้นหมายถึง ครองคอร์ดกลับมามีบทบาทและมีอำนาจสั่งการเหนือเกซิคมากขึ้น จากการที่โอเวอร์เดสออกคำสั่งให้กวาดล้างพวกเราอย่างหนักหนา เปิดโอกาสให้ดร.รีไลฟ์เวอรี่และพวกดำเนินการสร้างเอ็กโซดัสอาร์คจนแล้วเสร็จไปได้ด้วยดีนะสิ"
              "แต่รู้อะไรมั้ย ว่าตอนนี้ไอ้เกซิคมันลอยนวลไปได้ไม่ว่า มันอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายบนโลก ซึ่งมันได้ส่งออกปัญหามาให้เรากันแล้วนะสิ" คลอเวฟบอก และหันมาถามสเปียริท "ยัยบื้อ ว่าแต่ บิดรเทพรู้เรื่องที่ไอ้เวรเกซิคกำลังก่อขึ้นในเวลานี้หรือเปล่าละ"
              สเปียริทบอก "แม้ว่าท่านพ่อโอเวอร์เดสถูกกักขังอยู่ในสถาบันแห่งนี้มาตลอด 24 ปี ท่านก็รู้ถึงความเคลื่อนไหวได้อยู่น่ะ ว่าตอนนี้ เกซิค แอบใช้ฐานลับที่อยู่ใต้ซากฐานทัพเดิมของสี่กองรบ เพื่อทำการแปรสภาพพวกมนุษย์ที่เกณฑ์เข้ากองทัพให้กลายเป็นแมนิเกเตอร์ นำมาใช้รุกรานระบบดาวของพวกเรากันแล้วนะสิ"

              "เป็นไปไม่ได้น่า ปีรามิลด้ามันอัปปางไปแล้ว ไอ้เวรเกซิคมันไม่น่าที่จะกู้ซากฐานทัพอันยิ่งใหญ่นี้ขึ้นจากก้นมหาสมุทรแอตแลนติดกันได้หรอกน่า" คลอเวฟบ่นด้วยความไม่พอใจ
              สเปียริทกล่าว "แต่มันเป็นไปแล้วนะสิ และฉันยังพูดไม่จบเสียหน่อยน่ะ" แล้วก็พูดต่อ "พวกนายคงจะรู้อยู่แล้วสิน่ะ ว่าเกซิคอาศัยสถานะของผู้นำของสหพันธ์โลกใหม่แผ่อิทธิพลเข้าครอบคลุมโลก กดดันแทแรนเซียและกลุ่มประเทศที่เคยร่วมรบกันมาตลอด 24 ปี และอยู่เบื้องหลังเรื่องบ้าๆที่อยู่ในอเมริกาและดีเนสต้ากันด้วยสิน่ะ"
              "ใช่ เรื่องนี้เรารู้อยู่แล้วละ สเปียริท" โฟรซ่าบอก
              สเปียริทกล่าว "เมื่อเกซิคสามารถกดดันให้โลกอยู่ในกำมือของเขาแล้ว เกซิคฉวยโอกาสนี้ แอบใช้อำนาจของสหพันธ์โลกใหม่ ดำเนินการกู้ซากฐานทัพเดิมของกองรบทั้งสี่ขึ้นมา โดยอ้างว่าจะทำการบูรณะฐานทัพดังกล่าวและเปลี่ยนเป็นเมืองแห่งใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี่จากอวกาศสร้างขึ้น ทดแทนเมืองลอยฟ้าที่โซลูนาสตี้บุกยึดและใช้ถล่มเมืองเบื้องล่างจนพังพินาศสิ้นไปแล้วน่ะ" แล้วก็บอก "โดยเริ่มจากการกู้ซากฐานปีรามิลด้าขึ้นมา ในเวลาเดียวกันที่มีโปรเจคกู้ซากยานเดธฮาเว่นและดูมโทเปีย รวมถึงจานบินของแปดดาวของโซลูนาสตี้ขึ้นมาเพื่อสร้างเป็นนครลอยน้ำกลางมหาสมุทรแปรซิฟิก ซึ่งทำให้โครงการสร้างเสาลิพท์วงโคจรต้องล่าช้าไปราว 4 ปีด้วยกันน่ะ" จากนั้นก็นำภาพซากปีรามิลด้าที่ถูกกู้ขึ้นจากท้องทะเล รวมถึงยานรบของฝ่ายโซลูนาสตี้ขึ้นมา โดยมีกองยานรบและกองรบโมบิลทรูปเปอร์ของฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่คุ้มกันเอาไว้ด้วย
              "นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ที่ไอ้เกซิคมันกู้ยานรบของพวกเทคไครด์ขึ้นมาก่อน เพราะตนต้องการขุมกำลังเดิมกลับมากันเลยสิน่ะ" สเตฟอร์ดรำพึ่ง
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "แต่....ปราการแกรนฟอร์เทสซิโม่นั้น แทแรนเซียนำเศษซากปราการมาใช้สร้างไวท์คีฟไปแล้วนิ เกซิคไม่น่าที่จะสร้างพวกครอสตรีมขึ้นใหม่ได้เลยนิน่า"
              "รวมถึงโฮปป้าสคาโพรนอสด้วย เพราะฉันได้ข่าวมา ว่าเมื่อ 14 ปีก่อน สหพันธ์โลกใหม่ได้บูรณะซากฐานทัพโฮปป้าสคาโพรนอสให้กลายเป็นเสาลิพท์วงโคจรแห่งแรกไปแล้ว ซึ่งนั้นหมายถึง ฐานทัพของอีเนอไมนด์เดิมไม่อยู่แล้วนะสิ" พีวิลบอก
              สเปียริทกล่าว "แต่ถ้าเกซิคสามารถสร้างอีเนอไมนด์และครอสตรีมปลอม จนส่งไปให้ยัยจีเนฟารี่ใช้ก่อเรื่องปั่นหัวพวกเราได้ เกซิคก็หาฐานทัพที่อื่นมาสร้างได้อยู่แล้วละ เพื่อมิให้แผนการหลอกชาวโลกมาดัดแปลงเป็นแมนิเกเตอร์เกิดความชะงักงันขึ้นมาได้น่ะ"
              "เพราะว่าเกซิคเป็นผู้คุมกฎของโอเวอร์เดส ตนจึงมีอำนาจในการรู้ข้อมูลที่ตั้งฐานทัพลับทุกแห่งในกองกำลังภายใต้คำสั่งของครองคอร์ดได้เลยสินะ" มาสวาร์ทาร์บอก สเปียริทพยักหน้า
              วิลด้ากล่าว "จะว่าอะไรมั้ย หากเราติดต่อไปหาพวกท่านประธานาธิบดีถึงเรื่องที่เรามาถึงโลกกันแล้วน่ะ"
              "ดีเหมือนกันน่ะ เพราะแทแรนเซียมีสถานีสื่อสารคลื่นควอนตั่มแล้ว เรื่องถึงได้ง่ายหน่อยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก แล้วก็สั่ง "แอมเบอร์ เตรียมโปรเทคการสื่อสารกัน...." ทว่าแอมเบอร์อยู่ในโหมดหลับแล้ว
              สเปียริทบอก "ยัยเอไอคิดว่านี้เป็นช่วงเวลานอนหรือไงกันน่ะ"
              "ปี้บๆๆ" ลิเนียร์ตี้เลยกดปุ่มบนขอบโต๊ะเพื่อ "กรี้งงงงงง" ใส่โปรแกรมนาฬิกาปลุกในทันที "เออ ว่าแต่ ตอนนี้ดึกแล้วมิใช่หรือคะ" แอมเบอร์บอกด้วยเสียงที่งัวเงียขึ้นมา
              โฟรซ่าบอก "ตอนนี้บ่ายสองแล้วนะยะ แอมเบอร์ รีบมาจัดการโปรเทคการดักฟังกันได้แล้วละ"
              "งั้นหรือ ฉันนึกว่าเวลาบนโลกเป็นช่วงตีหนึ่งเสียอีกน่ะ" แอมเบอร์กล่าวแล้วก็ "ปี้บๆๆๆๆๆ" จัดการโปรเทคการดักฟังการสื่อสารขึ้นมา พีวิลเลยจัดการเชื่อมต่อการสื่อสารตรงดิ่งไปยังแคสเซเดี่ยน-3 อีสทาล่าฟรอนเทียร์โดยทันที

              "ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าขนาดจรวดนิวเคลียร์ยังโค่นเทพแห่งความตายลงไม่ได้เลยน่า...." บัลโต้กล่าว หลังจากที่ได้รับรายงานมาแล้ว โดยมีโคเคส เดลิค เพอซิอัส และจูเดทต้าได้รับติดต่อมาด้วย
              "สมแล้วที่เป็นบิดรเทพผู้แข็งแกร่งสมคำเล่าลือเลยน่ะ แม้ว่าเราจะรู้ว่า ผู้ที่สร้างบิดรเทพมานั้น ยังมีชีวิตอยู่ด้วยน่ะ" จูเดทต้าบอก
              โคเคสกล่าว "แต่น่าเสียดายที่นายพลเวสวิงตันจากไป โดยที่พวกเรามิได้ไปเยี่ยมศพของท่านเลยน่ะ"
              "อย่างน้อย ท่านนายพลได้เห็นว่าพวกเราออกสู่อวกาศและหาระบบดาวบ้านหลังใหม่ได้เป็นผลสำเร็จ ท่านนายพลเวสวิงตันก็ไปอย่างหมดห่วงแล้วละครับ" สเตฟอร์ดบอก โคเคสพยักหน้า
              เดลิคบอก "แทแรนเซียคิดถูกนะครับ ที่ปิดบังเรื่องที่พวกเขาได้ตัวดร.เดลวีแองนู และเก็บศพของโอเวอร์เดสไว้ในที่ห่างไกลจากแทแรนเซียอย่างมาก แม้นั้นจะหมายถึงความเสี่ยงที่ฝ่ายสหพันธ์โลกใหม่จะหาเรื่องสร้างแรงกดดันให้มากกว่าเดิมนะครับ"
              "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหพันธ์โลกใหม่ที่นำโดยเกซิคด้วย นั้นยิ่งสร้างความยากลำบากในการปฏิบัติภารกิจกันแล้วน่ะ" เพอซิอัสบอก
              เฟอร์กินซ์กล่าว "วางใจได้เลยครับ เพราะพวกไทรเวเซอร์สามารถแก้ไขสถานการณ์ไว้ได้ เหมือนที่พวกเขาช่วยกองทัพอเมริกาหยุดพวกกลายพันธุ์และเฮซเทิร์ซลงได้นะครับ"
              "ดูเหมือนว่า นายจะเชียร์พวกไทรเวเซอร์กันอย่างออกนอกหน้าไปหน่อยนะ คุณผู้ตรวจการณ์" บัลโต้บอก และหันมากล่าว "สเปียริท ว่าแต่ โอเวอร์เดสให้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานลับกันมานิ ข้อมูลเหล่านั้นมีที่ตั้งของเหล่าแมนิเกเตอร์ที่หลงเหลืออยู่สิน่ะ"
               สเปียริทบอก "นับว่าโชคดีมากที่ท่านพ่อโอเวอร์เดสรู้ข้อมูลเหล่านั้นไว้ ซึ่งท่านเก็บรักษามันไว้มาตลอด 24 ปีเต็ม เพื่อรอให้ฉัน ไม่สิ พวกเรามารับเรื่องนี้ไว้น่ะ"
              "แต่ยังไงเสีย พวกนายเองก็ต้องระวังให้มากด้วยละ เพราะสหพันธ์โลกใหม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายกลับมาที่โลกกันแล้วน่ะ" โคเคสบอก
              เพอซิอัสกล่าว "และพวกเธอเอง คงรู้น่ะ ว่าผู้ตรวจการณ์ของพวกเธอนั้น ถ้าเขาเป็นอะไรไปขึ้นมา พวกเธอจะต้องรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงเลยน่ะ"
              "เออ ท่านนายพลจูเดทต้าคะ พอจะทราบมั้ยละคะ ว่าทำไมผู้ตรวจการณ์เฟอร์กินซ์ผู้นี้ถึงสำคัญมากละ ในเมื่อฉันเห็นว่าเขา...." วิลด้าบอก
               จูเดทต้ากล่าว "....วิลด้า ฉันรู้น่ะ ว่าพฤติกรรมของผู้ตรวจการณ์ของเฟอร์กินนั้น ทำให้เธอสงสัยอย่างมาก แต่อย่าให้ความสงสัยเหล่านั้นมาเป็นข้ออ้างให้ฉันสั่งลงโทษเธอจะดีกว่า และอย่ายุ่งย่ามการทำงานของเขาด้วยน่ะ"
              "เข้าใจแล้วละคะ ท่านนายพล" วิลด้ากล่าว
              คลอเวฟบอก "เออ ผบ.บัลโต้ ไอ้เฟอร์นันเดอร์มันฝากให้ฉันมาบอกกับทางผบ. แล้วก็ผู้การไบรอันด้วยน่ะ"
              "แล้วมันฝากอะไรให้กับไบรอันเลยละ" บัลโต้บอก
               คลอเวฟบอก "ไอ้ที่ฉันจะทำนิ เป็นของเฟอร์นันเดอร์จริงๆน่ะ" เลยชูนิ้วกลางขึ้นมา
              บัลโต้ได้เห็นก็หัวเราะแบบหงุดหงิด "กะแล้ว ว่าแผนบ้าๆของไบรอัน แม่มทำให้เฟอร์นันเดอร์ยั่วะจนได้สิวะ"
              "ดีแล้วละ ที่เธอบอกก่อนจะทำไว้น่ะ คลอเวฟ เพราะทางเราอาจจะคิดว่า เธอหาเรื่องใส่ความนายพลแฟนดิแอโรว์กันอยู่น่ะ" จูเดทต้าบอก
               บัลโต้ถาม "แล้วตอนนี้ แคร์เรี่ยนและพวกครีซีแทนนิ รอดหรือเปล่าละ"
              "พวกเรารอดมาได้ เพราะความช่วยเหลือของพวกไทรเวเซอร์กันนะคะ ผบ.บัลโต้" แคร์เรี่ยนกล่าว โดยเดินเข้ามาพอดี
              เดลิคบอก "ดีแล้วละ อย่างน้อย เราก็มีเรื่องดีๆมาแจ้งแอร์ไพล์มมิสและเรย์แม็กซ์กันได้น่ะ"
              "รู้ใช่มั้ย ว่าพวกเธอได้หาเรื่องให้พวกไทรเวเซอร์มีภาระเพิ่มขึ้นกัน ทั้งๆที่กาเบลแบนเยอร์ทำร้ายพวกพ้องของเธอที่สถานีอวกาศในครั้งนั้นเองน่ะ" บัลโต้บอก
              แคร์เรี่ยนกล่าว "แต่อย่างน้อย ฉันมาที่นี้แล้ว ฉันจะออกตามหากาเบลแบนเยอร์ให้เจอเพื่อจัดการกับมันให้จงได้นะคะ เพื่อมิให้มัน...."
              "แล้วเธอรู้หรือ ว่ากาเบลแบนเยอร์กบดานอยู่ที่ไหนกันน่ะ" บัลโต้ถาม จนแคร์เรี่ยนเกิดอ้ำๆอึ้งๆขึ้นมา บัลโต้เลยพูดต่อ "ขนาดพวกไทรเวเซอร์เองยังไม่รู้ว่ามันเป็นใคร มันหลบซ่อนที่ไหน การสุ่มหาหรือควานหาแบบไร้จุดหมายนั้น นอกจากจะเสียเวลาแล้ว เธอยังสร้างศัตรูให้มากขึ้นเช่นนี้ เธอยังหาเรื่องให้พวกไทรเวเซอร์ทำงานลำบากกันด้วย ที่จริงฉันอยากจะให้เธอกับพวกรีบกลับมารับโทษโดยเร็ว ถ้าไม่ติดว่ายานของเธอเสียหายเพราะถูกพวกเคมแรนยิงเข้าเสียก่อนละก็น่ะ"
               เดลิคบอก "อีกอย่าง การเดินทางออกจากโลกของพวกคุณเอง ย่อมหมายถึงการชี้ทางให้พวกมนุษย์ที่ถูกสหพันธ์โลกใหม่ครอบงำ รู้ที่ตั้งของพวกเราได้ง่ายขึ้นเลยนะครับ"
              "แปลว่าฉันและพวกต้องปฏิบัติการณ์พร้อมกับพวกไทรเวเซอร์เลยหรือคะ" แคร์เรี่ยนกล่าว
              บัลโต้พยักหน้า "จากรูปการณ์ในตอนนี้ กองกำลังไทรเวเซอร์กองเดียวคงทำภารกิจไม่สำเร็จแน่ๆ จากเดิม ฉันอยากจะส่งกองกำลังหลังฉากลงไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าสมาชิกส่วนมากกองกำลังหลังฉากยังมีอายุงานที่น้อยและประสบการณ์ไม่มากพอ แม้จะมีประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันได้ดี แต่คงไม่ดีแน่กับการที่พวกเขาติดกับของพวกมนุษย์ที่วางเอาไว้ได้น่ะ"
              "เรื่องนั้นฉันทราบดีและเป็นเหตุผลที่ฉันต้องพาพวกครีซีแทนลงมา...." แคร์เรี่ยนอ้าง
              บัลโต้บอก "....แต่การที่เธอทำอยู่นี้คือการขัดคำสั่งน่ะ แคร์เรี่ยน เธอกับพวกควรจะอยู่เฝ้าดาวจากภัยคุกคามนอกระบบหรือพวกเดลอาเนี่ยน มากกว่าติดตามหากาเบลแบนเยอร์ด้วยความแค้นแบบนั้นน่ะ" แล้วก็แจ้งบอก "เนคมาดูซัม ฉันอนุมัติให้นายสั่งการแคร์เรี่ยนและหน่วยครีซีแทนของเธอได้เต็มที่ รวมถึงการสั่งลงโทษเธอกับลูกน้องได้ หากเห็นว่าพวกเธอก่อเรื่องให้น่ะ"
              "ได้อยู่แล้วละครับ ผบ.บัลโต้" เนคมาดูซัมกล่าว
              โคเคสบอก "สำคัญในตอนนี้คือ พวกนายต้องปฏิบัติภารกิจที่มอบหมายกันไว้ให้ดีก็พอ โดยที่พวกนายหลีกเลี่ยงการปะทะกับพวกมนุษย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยน่ะ"
              "และถ้าพวกนายจะติดต่อมาหาเรา ก็ให้ใช้รหัสข่ายสัญญาณนี้เท่านั้น และให้แอมเบอร์โปรเทคการสื่อสารไว้ด้วย ไม่ว่าจะใช้ระบบควอนตั่มหรือระบบไหนก็ตามน่ะ" บัลโต้บอก
              เดลิคกล่าว "ในเมื่อพวกคุณไม่รู้ว่ากาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์หลบซ่อนอยู่ที่ไหน ขอให้ภารกิจการตามหากาเบลแบนเยอร์และมาโดวเวลเดอร์เป็นเรื่องรองไปก่อน แต่ขอให้พวกคุณระมัดระวังเอาไว้ด้วยน่ะ"
              "เข้าใจแล้วละครับ ผู้การเดลิค" พีวิลบอก
              เพอซิอัสกล่าว "เกี่ยวกับเรื่องพวกเฮซเทิร์ซบนโลกนั้น ดูเหมือนว่าตอนนี้ พวกมันบุกขึ้นมาที่แคสเซรอน-4 กันด้วย พร้อมกับ....กองรบที่มีเฮลดรอยคอนโทรลอยู่ด้วยน่ะ"
              "จริงหรือ แต่ มันไม่น่าเป็นไปได้เลยนิครับ ที่ว่าพวกเฮซเทิร์ซกับพวกเนโมที่อยู่บนโลกจะไปโผล่ที่อีสทาล่าฟรอนเทียร์น่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              จูเดทต้ากล่าว "เกรงว่าตอนนี้มันเป็นไปแล้วละ เพราะพวกเฮซเทิร์ซและเหล่ากองรบเฮลดรอยโผล่ออกจากประตูดารา ซึ่งได้ทำให้พวกแมนิเกเตอร์ในพื้นที่ดังกล่าวโต้ตอบการบุกดังกล่าวไว้ได้ทันท่วงทีเลยน่ะ"
              "แล้วกองกำลังหลังฉากละครับ" เนคมาดูซัมถาม
              บัลโต้เลยให้โดซี่ติดต่อเข้ามา "พวกนายคงจะเป็นห่วงหน่วยรบวิหคและสติลลิมบ์มากสิน่ะ ว่ามีใครพลาดพลั้งให้กับพวกสมุนพันธุ์ผสมของเนโมกันไว้เลยน่ะ" แล้วก็บอก "ตอนนี้ ทั้งสองหน่วยรอดปลอดภัยดีแล้วละ"
              "โล่งอกไปเลยนะคะ นึกว่าจะมีใครพลาดพลั้งเสียอีกน่ะ" แอนเดรียกล่าวอย่างโล่งใจ
              โดซี่กล่าว "แน่ละ เพราะว่าทั้งสองหน่วยมีพวกแกตไทซ์ ควอเดี่ยม ครีซีแทนและเหล่าแมนิเกเตอร์ในเขตเมืองหลวงเข้าโต้ตอบกันไว้ด้วยน่ะ" แล้วก็บอก "และฉันก็ให้พวกเขาติดต่อมาหาพวกเธอด้วยน่ะ"

              "พวกนายคงจะตกใจมากละสิที่เห็นปูยักษ์ติดออฟชั่นเยอะโผล่มาเลยน่ะ" ฟลาแน็กซ์บอก โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องคอมรับการติดต่อจากแคสเซรอน-4 ซึ่งแอมเบอร์ได้โปรเทคการดักฟังไว้แล้ว
              นาเดียบอก "บอกตามตรงน่ะ ว่าพวกเฮซเทิร์ซที่บุกเข้ามานั้น แย่พอแล้ว ไอ้พวกทหารที่ซ่อนในหลุมที่พ่อเล่าให้ฟังมา กลายพันธุ์ไม่ว่า ยังฟิวชั่นกับหุ่นเพี้ยนๆกันด้วยอีก เห็นแล้วมันดูแย่กว่าที่คิดไว้เลยน่ะ" โดยตอนนี้เธอกับพวกพึ่งจะเสร็จเรื่องจัดการเรียงศพไปไว้ในสนามพลังกันรังสีไว้ และได้ทีมงานของเซริซ่าล้างพิษกัมตภาพรังสีที่ติดเกราะของพวกเธอไว้แล้ว
              "นั้นดิ ขนาดมีอาวุธดีเยี่ยมอยู่แล้ว ยังเล่นงานพวกมันได้ไม่สนิท หากไม่ยิงตัวหุ่นทรงกลมที่อยู่ข้างในไปด้วยน่ะ" แด็กซ์บอก
              เวลลิทบอก "แต่พวกทหารกลายพันธุ์เหล่านั้นมันไม่น่าบุกขึ้นไปที่แคสเซรอน-4 ได้เลยนิน่า"
              "แต่มันเป็นไปแล้วนะสิ เพราะเราได้เห็นประตูมิติปรากฎขึ้นมา พร้อมกับส่งพวกทหารกลายพันธุ์ติดเฮลดรอยออกมาเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่อย่างพร้อมเพียงกัน ซึ่งจากการตรวจสอบของทางครีซีแทนแล้ว พบว่ามันเป็นประตูมิติที่ใช้ข้อมูลประตูดาราโบราณ ที่ถูกพวกแลมซีนีไนซ์เข้ายึด นำมาสร้างไว้เลยนะสิ" นิคบอก
              ฟูลออเรสกล่าว "และการที่ประตูมิติมันส่งพวกทหารกลายพันธุ์ผสมข้ามจากโลกมาที่แคสเซรอน-4 ได้ แสดงว่าต้องมีคนได้ข้อมูลและทำการสร้างมันไว้ โดยเอาไปซ่อนในที่ลับเลยสิน่ะ"
              "เป็นเช่นนั้นแหละ เพราะโครงสร้างประตูที่ปรากฎในแคสเซรอน-4 นั้นตรงตามข้อมูลทุกประการเลยละ" รีฟบอก
               คีธกล่าว "แล้วพวกนายพูดมานิ คงจะเจอพวกมันมาแล้วสิ"
              "เราเจอแบบเวอร์ชั่นใหญ่เป้ง ทั้งทหารเดินเท้าและพวกสัตว์กลายพันธุ์ติดเกราะหนาและอาวุธใหญ่เลย ดีที่เรารบพร้อมกับทหารของนายพลเฟอร์นันเดอร์กันด้วย แถมทหารส่วนมากล้วนอยู่ใต้บัญชาของลูกน้องเดิมของเขาอีก เราเลยไม่ต้องมีปัญหาเรื่องโดนเล่นงานในระหว่างรบกันด้วยน่ะ" ไกซ์บอก
               น็อกกี้ถาม "แล้วไอ้เนิร์ดบ้าหุ่นนิ โชว์เหนือด้วยการประกาศกร้าวเสียงดังหรือเปล่าละ"
              "บัดนี้ มหาสหรัฐอเมริกา รู้จักชื่ออิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนกันไปทั้งบางแล้ววะ ดีที่ไอ้เนิร์ดเซตระบบเสียงของหุ่นไว้ ไม่งั้นพวกทหารคงรู้แน่นอนเลยละ" เฮเรเค้นบอก
              แจ็สบอก "แล้วว่าแต่ ไอ้รอยตีนตะขาบยักษ์และรอยพ่นบนกำแพงของพวกนาย ยังอยู่หรือเปล่าละ"
              "ถึงแม้ว่าผลงานของพวกเราจะหายไปตั้ง 10 หรือ 20 ปี แต่ตอนนี้ พวกเราทำให้อเมริกันทั้งปวงรู้ว่าพวกเรากลับมาแล้วละ" มัลแด็กซ์กล่าว
              เฟรดบอก "แต่นั้นก็ทำให้พวกนายและพวกคุณเนคมาดูซัมพลอยตกเป็นเป้าง่ายกว่าเดิมน่า" และหันมากล่าว "ไม่คิดเลย ว่าพวกคุณเนคมาดูซัมจะได้เจอกับ บิดรเทพร่างยักษ์และผู้สร้างกันด้วยน่ะ"
              "เรื่องที่โอเวอร์เดสรอดจากจรวดนิวเคลียร์ถล่มกันหลายลูกนั้น ไม่แปลกใจอะไรหรอก เพราะเรารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของโอเวอร์เดสในช่วงต่อสู้ครั้งล่าสุดบนโลกไว้น่ะ" แฮรี่กล่าว
              มาริบอก "แต่เรื่องที่ดร.เดลวีแองนูรอดมาได้นั้น ออกจะเหลือเชื่อไปหน่อย แม้ว่านั้นจะทำให้คุณแอนเดรียได้เจอกับผู้เป็นพ่อที่พลัดพรากไปน่ะ"
    "แม้ว่าเราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเมือง แต่พอได้เห็นครูแอนเดรียดีใจแบบนี้ เราก็รู้สึกดีใจไปด้วยคะ" ดิเรนท์กล่าว
              เมดิน่าบอก "ถ้าเรามิได้กลับมาที่โลกแล้ว เราคงไม่ได้เห็นหรือรับรู้เรื่องน่ายินดีและน่าแปลกใจกันไปด้วยนะคะ"
              "พอๆกันกับที่หัวหน้าเฟอร์นันเดอร์แต่งงานกับหัวหน้าเบเร่ต์จนมีลูกเลยนิ คงจะหน้าแก่ลงไปเลยสิน่ะ" กีลกล่าว
              มิลด์กล่าว "เออ เมื่อกี้นี้คุณเฟอร์นันเดอร์ฝากให้คุณคลอเวฟส่งบางอย่างให้ผบ.บัลโต้นำไปให้หัวหน้าไบรอันกันแล้ว ซึ่งคุณคงไม่ชอบแน่นอนนะคะ"
              "ถ้าให้เดาน่ะ บิลคงได้นิ้วเทพจากลุงเฟอร์นันเดอร์เลยละสิ" น็อกกี้บอก มิลด์พยักหน้า
              คีธบอก "นั้นสมควรแล้วละ ที่บิลแยกตัวไปเป็นลูกน้องของเฟอร์นันเดอร์ เพื่อส่งข้อมูลให้กับฝ่ายเรามาน่ะ" แล้วก็ถาม "ตอนนี้นายพลเฟอร์นันเดอร์ยังอยู่หรือเปล่าละ"
              "อยู่ เพราะพวกเขาต้องรับผิดชอบในการคุ้มกันการประชุมระหว่างโลกและอีกแปดดาวในระบบสุริยะจักรวาลกันนะสิ" ฟูลออเรสกล่าว
              ไกซ์บอก "แถมในตอนนี้ผบ.บัลโต้ให้พวกคุณแคร์เรี่ยนร่วมรบกับพวกเรากันด้วยน่ะ"
              "ดีแล้วละ อย่างน้อย คุณแอร์ไพล์มมิสและคุณไอรีสจะได้หมดห่วงเสียทีน่ะ" นิคกล่าว
               รีฟบอก "หวังว่าพวกเธอทั้งหมดคงจะปฏิบัติภารกิจได้อย่างราบรื่นกันบ้างน่ะ"
              "พวกคุณก็ด้วยนะ อย่างน้อยก็ระวังตัวเรื่องศัตรูจากโลกที่แอบโผล่มาด้วยละ" ไกซ์กล่าว
              เฟรดพยักหน้า "ถ้าเช่นนั้นทางเราก็ยุติการติดต่อเลยดีกว่าน่ะ เพราะเราคุยกันนานเกินไปแล้วละ"

              "ดังนั้น ทางเราจึงขอให้พวกเธอปฏิบัติการณ์กันไว้ให้ดีด้วยละ" เพอซิอัสบอก
              โคเคสกล่าว "พวกนายควรจะติดต่อมาหาเราให้ได้น้อยครั้งที่สุดก็พอ และอย่าทำพลาดเป็นอันขาดน่ะ" แล้วก็กล่าว "ขอยุติการติดต่อเดียวนี้เลย" จากนั้นภาพโฮโลแกรมก็ดับลง
              "สงสัยว่าพวกคุณจะมีงานใหญ่แบบนี้ ผมหวังว่าพวกคุณคงจะทำงานไปได้ด้วยดีนะครับ" เฟอร์กินซ์บอก แล้วก็เดินออกจากห้องไป
              เนคมาดูซัมกล่าว "บอกตามตรงเลยน่ะ ป้า ว่าผมก็เริ่มสงสัยในตัวผู้ตรวจการณ์ผู้นี้ไม่น้อยแล้วละ"
              "แต่ ผู้ตรวจการณ์เฟอร์กินซ์อาจจะมีนิสัยขี้เล่นบังหน้า แต่ลึกๆเขาจริงจังและซีเรียสเป็นหรือเปล่าละคะ" แอนเดรียบอก
              โฟรซ่ากล่าว "ฉันก็คิดเช่นเดียวกับเธอน่ะ แอนเดรีย หากแต่....ฉันไม่คิดว่าผู้ตรวจการณ์เฟอร์กินซ์จะเป็นเหมือนกับเธอในตอนนี้หรอกน่ะ"
              "งั้นฉันจะบอกให้ลูกเรือช่วยให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจการณ์ของเราอย่างเต็มใจไปเลยดีกว่าน่ะ เราจะได้โฟกัสไปที่การปฏิบัติการณ์บนโลกกันเลยนี้แหละ" บริคซ์ออกความเห็น
               เนคมาดูซัมพยักหน้า "เจเนล ไม่ว่าอะไรน่ะ ที่ฉันจะให้แคร์เรี่ยนและพวกมาอยู่ในไทรแองเกิ้ลเพื่อมาช่วยงานของพวกเราด้วยน่ะ"
              "นั้นขึ้นกับว่าเพื่อนของแคร์เรี่ยนจะก่อความเสียหายกันมากแค่ไหนก็พอน่ะ" เจเนลบอก "แล้วเราจะเริ่มปฏิบัติการณ์กันเลยมั้ยละ"
               พีวิลบอก "ยังหรอก เจเนล เพราะถ้าเราออกไปจากแทแรนเซีย โดยที่ฝ่ายตรงข้ามอย่างเนโมยังลอยนวลอยู่ หรือแม้กระทั่งกองกำลังสหพันธ์โลกใหม่อยู่ในขอบเขตโดยรอบของแทแรนเซียกันขึ้นมา นั้นจะยิ่งทำให้แทแรนเซียตกเป็นเป้าการคุกคามได้ง่ายกว่าเดิมน่ะ"
              "พีทพูดถูกแล้วละ ตอนนี้ทั่วโลกต่างรู้แล้วว่าพวกเรากลับมาที่โลกกัน ย่อมหมายถึงพวกที่ไม่หวังดีต่อพวกเราแบบเดียวกับธีเรเดียท เคมแรน และเนโมต้องโผล่มาเอาเรื่องเราได้แน่นอน" สเตฟอร์ดบอก
              โฟรซ่ากล่าว "สำคัญในตอนนี้คือต้องปกป้องแทแรนเซียให้รอดพ้นจากการคุกคามกันเสียก่อน เรื่องออกปฏิบัติการณ์นั้นค่อยลงมือทีหลังแล้วกัน"
              "แน่ละ เพราะว่าเมืองนี้ ได้ให้ที่ซ่อนต่อดร.เดลวีแองนูและบิดรเทพเอาไว้ ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่เกซิคคุมสหพันธ์โลกใหม่มากดดันแทแรนเซีย และกลุ่มประเทศที่ร่วมรบกับโอเวอร์เดสบนโลกเลยน่ะ" ฟิเกซกล่าว
              แอบไบออสบอก "แม้ว่าตอนนี้เราไม่สามารถหลับได้สบายเลยก็ตาม อย่างน้อย เราจำต้องระมัดระวังให้มากกว่าเดิมแล้วน่ะ"
              "งั้นเราคงต้องกลับไปพักผ่อนกันดีกว่า แม้ว่าตอนนี้ พวกเราไม่สามารถออกจากยานและปราการไวท์คิฟ เพื่อเข้าไปในเมืองกันได้น่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              เบติสกล่าว "มาสวาร์ทาร์ แอนเดรีย งานนี้พวกเธอต้องคุมเหล่านักเรียนของพวกเธอด้วยละ"
              "ถึงคุณไม่บอก เราก็ต้องไปแจ้งกันอยู่แล้วละคะ" แอนเดรียกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "แม้เราจะรู้สึกดีใจที่รู้ทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เรายังต้องก้าวเดินต่อไปเพื่อปฏิบัติการณ์บนโลกให้จบลงเลยน่ะ"
              แต่พวกไทรเวเซอร์และกองกำลังมนุษย์ในแทแรนเซียกำลังจะเจอเรื่องอันหนักหนาขึ้นมาแล้ว ต่อช่วงที่ 2 เลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×