ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 9 กลับสู่สมรภูมิหินผาอีกครั้ง เมื่อเวลาหายนะใกล้เข้ามา ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18
      0
      19 ก.ค. 63

              ณ.ยานธงของเฟลาเลี่ยม อยู่ในระบบดาวแห่งหนึ่ง ที่เขตอวกาศของเดลอาเนี่ยน
              "ถ้าจะมารายงานเรื่องที่แกนนำของเกรทฮอร์ทและอัลเทรแมท ซึ่งมุ่งหน้าไปยังระบบดาวทั้งแปดในเขตอวกาศภาคกลางละก็ ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้วละ เดอาร์" ออมนิม่า จักรพรรดินีของเฟลาเลี่ยมกล่าว เมื่อเดอาร์ แม่ทัพใหญ่คนสนิทของเธอเข้ามารายงาน
              "ท่านออมนิม่าคะ แปลว่าท่านทราบเรื่องที่จักรพรรดินีมิวนัสสิ้นด้วยสิคะ" เดอาร์กล่าว
              "ข้าพยายามเตือนนางและส่งคนไปห้ามพวกจักรพรรดิ์เผ่าหลักเดิมที่ภักดีกับเดลมูดัลไว้แล้ว ว่าให้อยู่ในที่ๆของตนเอง ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องของพวกดาวทั้งแปดเป็นอันขาด ต่อให้เรื่องนั้น มีพวกไทรเวเซอร์และยูเนี่ยนพีชเข้ามาเกี่ยวข้องเลยก็ตาม" ออมนิม่าพูดโดยที่มองวิวอวกาศนอกยาน "แต่เพราะความทระนงตน หยิ่งยโสโอหัง เชื่อว่าด้วยขุมกำลังรบที่มีมากมายนั้น สามารถยึดดาวทั้งแปดที่มาจากจักรวาลอื่นมาเป็นของพวกตน เพื่อใช้ในการยึดสมาพันธ์อวกาศและระบบดาวของพวกออลเดนท์ และสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ลงได้อย่างง่ายดายแน่นอน โดยที่ไม่รู้เลยว่า ผู้นำทั้งหกนี้ ไม่เพียงสังเวยลูกน้องและขุมกำลังที่นำพาไปให้กับสิ่งที่พวกขบถในดาวทั้งแปดต้องการให้นำออกมาอย่างเดียว แต่พวกเขารนหาที่จนถูกยูเนี่ยนพีชชำระแค้นได้เป็นผลสำเร็จเลยน่ะ"
              เดอาร์บอก "นั้นไม่แปลกใจเลย ที่ท่านพาคนของเราไปห้ามจักรพรรดินีมิวนัสไว้ แต่ไม่สำเร็จเลยสิคะ ท่านออมนิม่า"
              "เวลาที่มิวนัสแค้นใครมากแค่ไหน หล่อนไม่ยอมปล่อยเหยื่อที่ทำกับเธอและคนของเธอลอยนวลไปได้แน่นอน ต่อให้เหยื่อนั้น ร้ายกาจและแข็งแกร่งเกินกว่าที่นางจะเอาชนะได้ ไม่สิ.....ต่อให้นางได้ซาบราดร้ามา นางก็ต้องพ่ายแพ้เหมือนที่เดลมูดัล ในร่างของแม่ทัพใหญ่บูเรนนอฟรู้สึกเช่นกันนี้แหละ เพียงแต่ ชีวิตนางจะดับสิ้นไปกับความปราชัยโดยสมบูรณ์เลยน่ะ" ออมนิม่ากล่าว
              เดอาร์บอก "ข้าพอเข้าใจบ้างนะคะ เพราะเมดเดนออฟสเปียร์นั้น ข้าทราบมาว่า นางกับพวกเอาชนะผู้นำเหล็กกล้าของพวกแมนิเกเตอร์ฝ่ายรุกรานมาถึงสองตนด้วยกัน หากแต่ ข้ายังสงสัยว่า ท่านเห็นอะไรในตัวนางกันละคะ"
              "ถ้าข้าบอกว่า บางอย่างที่สูงส่งกว่าในตัวนางนั้น ทรงพลังยิ่งกว่าซาบราดร้าขึ้นมาละ" ออมนิม่าเปล่งแสงขึ้นที่ตา และส่งพลังไปให้เดอาร์ เพื่อรับรู้ถึงสิ่งที่ผู้เป็นนายได้เห็นซึ่งก็คือ เทพีร่างยักษ์ใหญ่ที่มีสิบแขนถือหอกสองปลายในมือ โดยมีสีผิวเหมือนกับสเปียริท แต่ใบหน้านั้นถูกเงามืดปิดบังเอาไว้ โดยที่แม่ทัพใหญ่เฟลาเลี่ยมถึงกับคุกเข่าและหอบเหนื่อยขึ้น
              "ท่านออมนิม่า ท่านบอกว่า เมดเดนออฟสเปียร์ผู้นี้ สูงส่งกันนิ แปลว่านางเองก็คงจะ...."
              "แม้นางยังไม่รู้ว่าฐานะที่แท้จริงของนางนั้นเกี่ยวข้องกับผู้นำแมนิเกเตอร์ทั้งสองกันเช่นไร เพราะบาดแผลในจิตใจของนางนั้นคอยปิดบังเอาไว้อยู่ แม้กายของนางจะไม่ปรากฎแผลเป็นออกมาก็ตาม ซึ่งนั้นทำให้นางยังอยู่ต่อไปได้ก็จริง..." ออมนิม่าบอก "...แต่ข้าแน่ใจได้เลย ว่าหากวันใดวันหนึ่งที่นางรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางขึ้นมา นั้นอาจจะเปลี่ยนสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ไปโดยสิ้นเชิงเลยก็ได้น่ะ"
              เดอาร์ถาม "แล้วเรื่องนี้มันหนักหนากว่าจนกระทบถึงพวกเรา และเดลอาเนี่ยนบ้างมั้ยละคะ"
              "ข้ารู้ได้เพียงอย่างเดียวก็คือ อย่าให้พวกเราหรือเผ่าไหนในเดลอาเนี่ยนแส่หาเรื่องกับนางและพวกไทรเวเซอร์ก็พอ แม้ว่าตอนนี้ ลูกๆของพวกมิวนัสได้ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ เพื่อไม่ให้ฐานอำนาจของกลุ่มไตรภาคีขาดช่วง จนพวกเดลอาเนี่ยนชิงลงมือได้ก็ตาม" ออมนิม่ากล่าว "ตอนนี้ เจ้าควรจะปิดเรื่องที่เจ้ารับรู้ไว้เป็นความลับจะดีกว่าน่ะ"
              เดอาร์บอก "ต่อให้นางเป็นเจ้าหญิงหรือรานีหรือไม่ ข้ายังเห็นว่านางกับพวกไทรเวเซอร์และยูเนี่ยนพีช เป็นภัยคุกคามของเดลอาเนี่ยนกันอยู่ดีนะคะ"

              ตัดกลับมาที่พวกไทรเวเซอร์ ซึ่งยังจอดยานอยู่ที่ดาวจังกรอเรสกันอยู่ โดยที่พวกเขากับพวกยูเนี่ยนพีชหลับไหลกันไปแล้ว
              "ก้องงงง" เสียงระฆังดังขึ้นในหัวของสเปียริท ซึ่งหลับลึกหลังจากที่ผ่านศึกเมื่อตอนกลางวันไปแล้ว "ก้องงง ก้องงง ก้องงง ก้องงง" จากนั้นระฆังก็ดังขึ้นอีก 4 ทีด้วยกันพร้อมกับ "ซะ ไซมาเทน" สเปียริทกล่าวเมื่อเธอเห็นเงาของไซมาเทน เทพแห่งสงคราม บุตรของโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสยืนอยู่เหนือร่างของสเปียริทไว้ พร้อมกับจ้วงมือซ้ายเข้ามา จากนั้นสเปียริทก็อยู่ในห้องโถงที่เดียวกัน หากแต่ปราศจากไฟลุกโชนบนอัศจรรย์ที่พังเสียหาย และปรากฎร่างเงาของบุคคลทั้งสิบยืนบนเสาสูงต่างระดับกัน "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โดยเงาทั้งสิบนั้นกระโจนเข้าใส่สเปียริท ซึ่งเธอรีบใช้หอกสเปียริทแลนเซอร์ หอกหัวลูกศรติดลูกแก้วเข้า "แคร้ง เกร้งงง แคร้งงง เกร้งๆๆๆๆ" ปะทะใส่เงาทั้งสิบที่ใช้อาวุธในมือเข้าใส่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปรากฎเงาของบุคคลร่างใหญ่ยืนอยู่ ตามด้วย ใบหน้าของบุคคลร่างยักษ์ที่มองเข้ามา โดยที่สเปียริทยื่นมือเข้าไป แต่มือของเธอเล็กไป ราวกับเป็นมือของเด็กทารก แล้วก็... "วี้งงงง" กระจกเงาที่เผยร่างหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวยืนหันหลัง ปรากฎขึ้นตรงหน้าสเปียริท
              "นี้เธอ เป็นใครกันน่ะ" สเปียริทถาม โดยไม่ก้าวเดินเข้าไป
              "........" หญิงสาวในกระจกไม่ตอบ แล้วก็ "แฟ้วววว" กระจกเงานั้นพุ่งเข้าไปยังความมืด สเปียริทเลยรีบวิ่งตามไปจน "หวืออออออออออออ" ร่างของเธอร่วงลงสู่เบื้องลึกแห่งความมืด "ซ่า...." และตกลงสู่ท้องทะเล โดยที่เธอพยายามแหวกว่ายขึ้นมา ก็ได้เห็นเงาของร่างทั้งสิบอยู่บนพื้นน้ำ บางร่างนั่งพิงกับกำแพงหินที่แตกละเอียด บางร่างอยู่ในท่ายืน บางร่างอยู่ในท่าคุกเข่าลง และบางร่างก็นอนคว่ำและหงายไปด้วย ทั้งสิบต่างก็มีอาวุธที่ถูกปักติดกับร่างไว้ เช่นเดียวกับ... หอกสเปียริทแลนเซอร์ที่ปักคาพื้นในสภาพที่เปรอะเลือดสีดำทั้งด้าม โดยมีหนังสือ ม้วนกระดาษ กระดานอีเลคทริคลอยอยู่ สเปียริทซึ่งอยู่ในชุดเดรสที่เปื้อนเลือดนั้น ก้าวเดินตรงไป "หมับบบบ กึกๆๆๆๆๆ ซ่า" ดึงหอกของเธอขึ้นมาจากพื้นน้ำ "ฟึ่บๆๆๆๆๆ แคว้กกก" แต่หนังสือเล่มหนึ่งเปิดออก พร้อมกับกระดาษในหนังสือฉีกออกและลอยหายไปอย่างรวดเร็วจนเหลือแต่ปกที่ร่วงตกน้ำไป จากนั้นก็ "กึกๆๆๆๆ ซวบ ฟึ่บบบบ" เดินไปดึงทวนจากร่างของผู้หญิงที่นอนคว่ำ จนทำให้หนังสือเล่มยาวมอดไหม้ลง "ซวบบบบ ซวบบบบ ครืดดด แคว้กๆๆๆๆ" จากนั้นก็ดึงตรีศูลย์ยาวและเคียวยมฑูตออกจากร่างหญิงสาวที่นอนหงาย จนทำให้ม้วนกระดาษและหนังสือถูกฉีกเป็นชิ้นๆ สเปียริทก็หยิบอาวุธทั้งสามไว้ที่หลัง จากนั้นก็เดินมายังร่างหญิงสาวที่ถูกธนูปักทั้งร่างในท่ายืน สเปียริทจึงก้มลงมาเก็บคันธนูและ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" ดึงธนูออกจากร่าง จนทำให้หนังสือที่อยู่ใกล้ๆ "แคว้กๆๆๆๆๆๆๆๆ" ถูกฉีกออกจากปกไปทีละหน้าตามลูกธนูที่ดึงออก พอเธอดึงธนูออกจนหมด "แคว้กกก" ปกหนังสือฉีกขาดและหายไปในทันที "กึกๆๆๆๆ ซวบ พรึบบ พรึบบ พรึบบบ พรึบบบ" สเปียริทเดินมายังศพที่อยู่ในท่าคุกเข่าจากข้างหลัง พร้อมกับดึงไม้คฑากางเขนสีขาวที่เปรอะเลือดออก ม้วนกระดาษสั้นและยาวต่างก็มอดไหม้ไปกันหมด "กึกๆๆๆๆๆ ซวบบบบ" จากนั้นสเปียริทก็หยิบดาบหนึ่งคมสองเล่มออกจากร่างบุรุษที่ตายในท่าคุกเข่าข้างเดียว "เปรี้ยงงง กร็อบบบบ เปรี้ยงๆๆๆ" แพดและกระดานอีเลคทรอนิคก็บุบแหลกและระเบิดไปทุกอัน "กึกๆๆๆๆ ซวบ แคว้กกกก ฟึ่บบบ ซวบบบ เปรี้ยงๆๆๆ" สเปียริทเดินไปหยิบขวานที่ปักคาศพร่างใหญ่จนหนังสือเล่มโตขาดครึ่ง หยิบกระบี่เรเฟียร์ที่ปักคาร่างตัวสูงจนหนังสือถูกแทงทะลุ "กึก กึก กึก กึก กึก กึก พรึบบบ แคว้กกก โพละ แกร็กๆๆๆ ฟู้ววววว วี้งงงง" หลังจากนั้นสเปียริทก็ใช้แรงดึงไม้คฑาติดลูกแก้วที่ปักคาศพหญิงร่างใหญ่ออก ซึ่งทำให้ม้วนกระดาษทั้งหกพังเสียหายไป โดยอันหนึ่งถูกไฟเผา อันหนึ่งถูกฉีกขาด อันต่อมาถูกเจาะเป็นรู อันถัดไปกลายเป็นน้ำแข็ง และบางอันดำเป็นตอตะโก สุดท้ายก็สลายกลายเป็นละอองแสง จนไม้เท้าถูกดึงออกจากร่างไป และ.... "หมับบบบบ ฟึ่บบบบบ" สเปียริทดึงด้ามตะบองทั้งสองอันที่ปักคาหัวไหล่ศพที่ยืนอยู่ จน "ครืดดดด เปรี้ยงๆๆๆๆๆ โครมมม" ศิลาแลงโผล่ขึ้นมาได้มีรอยทุบอย่างต่อเนื่องจนแตกแหลกละเอียดไป โดยที่ตะบองในมือสเปียริทได้กลายเป็นค้อนขนาดใหญ่ แล้วเธอก็นำอาวุธดังกล่าวไว้ที่หลัง พร้อมกับเดินตรงไปแบบไร้จุดหมาย โดยระหว่างทางนั้น มีเศษชิ้นส่วนรูปปั้นทรงนิ้วมือ อุ้งมือ ท่อนแขน และแขนกระจัดกระจายอยู่
              "ข้าขอวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ข้าอยากจะไปจากดาวดวงนี้ เพราะดาวดวงนี้ ไม่มีใครต้อนรับข้า ไม่มีใครยอมรับในตัวข้า ไม่มีใครให้โอกาสข้า ทุกคนหวาดกลัวข้าอย่างมาก ทั้งๆที่ข้ามิได้ทำอะไรให้พวกเขาสักนิด แม้ข้าพยายามที่จะทำให้ทุกๆคนยอมรับในตัวข้า ให้พวกเขารับรู้การมีตัวตนของข้า ให้พวกเขามอบโอกาสให้ข้าแสดงผลงาน ให้พวกเขาเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำ รวมถึงให้พวกเขาเป็นเพื่อนกับข้าด้วย แต่ทุกอย่างที่ข้าทำนั้นสูญเปล่า ข้าจึงอยากให้พระผู้เป็นเจ้า ช่วยพาข้าออกไปจากดาวดวงนี้ ไปยังที่ๆมีคนยอมรับในตัวข้า มีคนที่เข้าใจในการกระทำของข้า และให้โอกาสให้ข้าได้ใช้ความสามารถของข้าพิสูจน์ตนเองให้ทุกๆคนเห็นถึงคุณค่าของข้า มีคนอยากเป็นเพื่อนกับข้าด้วยความจริงใจ และที่สำคัญ....." เสียงภาวนาดังขึ้นในระหว่างที่สเปียริทเดินไปตามทาง ในสภาพที่เธอเลือนลอยและไร้ความรู้สึก แม้เธอจะแบกอาวุธไว้ที่หลังและเอว ซึ่งรวมถึงหอกเดิมของเธอมา โดยที่อาวุธเหล่านั้นไม่หล่นออกจากตัวเธอเลย ตรงมายังซากรูปปั้นเทพียักษ์ที่พังเสียหายเหลือเพียงท่อนบน ส่วนหน้าซีกซ้ายกระเทาะหลุดออก หน้าผากแหว่งสองข้าง โดยที่มีโลงแก้วอยู่ข้างใต้ จากนั้นสเปียริทก็ไม่ได้ยินเสียงภาวนานั้น ในระหว่างที่เธอเดินไปยังโลงแก้วที่ไร้ฝาปิดอยู่ "ฟึ่บบบ แกร็ก ฟึ่บบบ แกร็ก" เธอจึงนำอาวุธที่อยู่บนหลังใส่ไว้ในโลงทีละอัน แม้หน้าตาของเธอจะไร้ความรู้สึก แต่น้ำตาก็ไหลออกตาทั้งสองข้าง จนกระทั่ง.... "ฟึ่บบบบบ" สเปียริทลงไปนอนในโลงโดยกอดหอกของเธอไว้ พร้อมกับหลับตาลง โดยที่โลงแก้วกับซากรูปปั้นนั้น.... "ซ่า" ได้ดำดิ่งลงสู่พื้นทะเลสีดำ ไปพร้อมกับซากแขนและมือทั้งสิบด้วย โดยที่มีเสียงของบุคคลผู้หนึ่ง "เธออยู่ในช่วงความเป็นความตาย ข้าพเจ้ารับประกันไม่ได้เลย ว่านางจะฟื้นได้จริงๆ"
              "แล้วไม่มีทางอื่นเลยหรือ" เสียงของบุคคลที่สอง ซึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กึกก้องขึ้นมา
              เสียงแรกกล่าวอย่างหมดหวัง "ถึงนางจะฟื้นมาได้ แต่ด้วยแกนหัวใจเพียงครึ่งเดียว ข้าพเจ้าเกรงว่า นางอาจจะอยู่ได้เพียงแค่ปีครึ่ง หรือน้อยกว่านั้นนะครับ" พร้อมกับรูปปั้นยักษ์กับสเปียริทได้ดำดิ่งสู่ความมืดมิดลง เมื่อน้ำไหลเข้าไปในโลงท่วมร่างของสเปียริทที่อยู่ในนั้นอย่างช้าๆ

              "อ่า...." สเปียริทสะดุ้งตื่นขึ้นมา ซึ่งเธอมองเห็นเพดานห้องที่มืดมิด โดยมีดวงไฟทรงกลมแบนติดอยู่ จากนั้นเธอก็หันมายังนาฬิกาดิจิตอล ซึ่งระบุเวลาตี 1 26 นาทีอยู่ เธอจึงลุกจากเตียงลง พร้อมกับเอามือขวาทาบตรงอก "เมื่อกี้นี้ มันอะไรกันน่ะ หลังจากที่เห็นกระจกเงาไปนั้น เหมือนฉันหลุดไปอยู่ในที่ๆไม่มีใครเข้ามาได้เลยนิน่า" โดยที่เธอหอบเหนื่อย ทั้งๆที่เธอมิได้อ่อนแรง หลังของเธอชื้นจากการที่มีเหงื่อไหลออกกลางหลังมา
              แอมเบอร์เลยโผล่มา "คงไม่ได้ฝันว่าฆ่าทุกๆคนบนยานกันละสิ"
              "แอมเบอร์ ฉันไม่ใช่แอนเดรียสักหน่อยนะยะ ถึงจะฝันแบบเดียวกันไปได้น่ะ" สเปียริทบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดมากๆ กับการเดาของเอไอราคา 3 หมื่นแกลดอลที่ลิเนียร์ตี้ซื้อมาจากพ่อค้าเร่ก่อนหน้าที่เดลอาเนี่ยนจะรุกรานมา
              แอมเบอร์บอก "แล้วเธอฝันถึงอะไรกันละ อย่างร่างเงายักษ์ใหญ่สองตัว ร่างเงาคนบุกมารุมทำร้ายพร้อมกันน่ะ"
              "ฉัน อธิบายไม่ถูกเลยนะสิ แม้จะอธิบายสิ่งอยู่ในฝันของฉันให้เธอฟัง เอไออย่างเธอคงไม่เข้าใจได้หรอกน่ะ" สเปียริทบอก
              แอมเบอร์กล่าว "งั้นหรือ ถ้าฉันสามารถใช้ระบบสแกนความฝันของเธอได้ละก็ ฉันก็พอจะเข้าใจบ้างนี้แหละ"
              "เอไออย่างเธอก็สนเรื่องความฝันด้วยละสิ แต่....ฉันชักจะไม่แน่ใจแล้วสิ ว่าเธอเป็นเอไอดูแลบ้านจริงๆน่ะ" สเปียริทกล่าว
              แอมเบอร์พูดย้อน "แล้วจนปานนี้เธอยังจำตัวเองในอดีตมิได้เลยหรือ ว่าตัวเองเป็นใครน่ะ"
              ".........." สเปียริทได้ฟังก็นิ่งไปพักหนึ่ง "ฉันเองก็อยากจะจดจำกันอยู่หรอกน่ะ แต่...." เธอใช้มือทาบบนหน้าอก ซึ่งเผยปานรูปหัวใจสีแดงขึ้นมา ".....บางอย่างในตัวฉันบ่งบอกไว้ ว่าฉันไม่อยากจะจดจำอดีตนั้นเลย ราวกับว่าอดีตของฉัน มันโหดร้ายและเจ็บปวด จนไม่อยากจะตอกย้ำซ้ำเข้าไปอีกน่ะ"
              แอมเบอร์กล่าว "เพราะอย่างงั้นเลยไม่สนใจที่จะจดจำเลยสิน่ะ แม้จะไม่รู้ว่าเธอทำอะไรไว้ก็ตามน่ะ"
              "ใช่ และตอนนี้ ฉันขอนอนก่อนดีกว่า และ อย่าเอาเรื่องนี้ไปปากโป้งบอกใครเขาละ" สเปียริทกล่าวพร้อมกับโน้มตัวลงนอน
              แอมเบอร์ตอบ "เข้าใจแล้วละคะ" แล้วหน้าจอบนขอบผนังดับลง สเปียริทก็หลับตานอนลงตามเดิม

    TriVeser Manigator Saga:Hyperstar Troopers ภาคแปดดารา
    ตอนที่ 9 กลับสู่สมรภูมิหินผาอีกครั้ง เมื่อเวลาหายนะใกล้เข้ามา


              เช้าวันต่อมา ห้องประชุมที่ยานไทรแองเกิ้ล โดยตอนนี้ได้อยู่นอกดาวจังกรอเรสแล้ว
              "มาครบทุกรายแล้วสิน่ะ ดีเลย จะได้เริ่มกันเสียที หลังจากที่เราออกตัวช้ากว่าพวกโคเซวิคกันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก โดยตอนนี้สเปียริทอยู่ในห้องประชุมแล้ว
              พีวิลบอก "ว่าแต่ แอนเดรียเป็นยังไงบ้างละ สเปียริท"
              "เธอก็อยู่ช่วยงานในโรงครัวกันนะสิ แม้ว่าแม่ครัวของเราจะดูเกรงๆไม่น้อยก็ตามน่ะ" สเปียริทกล่าว
              ลิเนียร์ตี้บอก "ฉันถามหมอเดเมี่ยนให้แล้ว ระดับมิวทาเจนของแอนเดรียยังไม่เพิ่มขึ้นมา แต่ก็ไม่ลดลงไปด้วยเช่นกัน โดยรวมแล้วถือว่ายังดีอยู่น่ะ"
              "ขอให้เป็นเช่นนั้นจริงบ้างน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก แม้เขาพูดเหมือนไม่เป็นไรมาก แต่ในใจนั้น...
              จิลบอก "อย่าคิดที่จะฆ่าแอนเดรียอีกจะได้มั้ยละ มาสวาร์ทาร์"
              "นี้เธอรู้ด้วยหรือ ทั้งๆที่ฉันไม่อนุญาตให้เธอรับรู้ได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              ไซโคลเนียบอก "จะว่าไปแล้ว จิลอ่านใจพวกเราและพูดในสิ่งที่เราคิดออกมาอยู่ตลอด ไม่ว่าเราจะเผลอคิดหรือแอบด่าในใจเลยก็ตาม แต่ทำไมจิลถึงอ่านของมาสวาร์ทาร์ไม่ได้เลยน่ะ"
              "นั้นสิ จิลรู้ว่าเราคิดอะไร แล้วพูดออกมาแบบนี้กันเกือบจะครบทุกคน เว้นแต่นายเท่านั้นแหละ ที่ยัยเปี้ยกไม่พูดอะไรออกมาเลยน่ะ" คลอเวฟกล่าว
              แอบไบออสบอก "หรือว่า นายคงมีเคล็ดลับป้องกันการอ่านใจจากจิลอยู่สิน่ะ"
              "ช่วยบอกเราให้รู้ได้มั้ยละ มาส" สเปียริทบอก ซึ่งจิลไม่พอใจนิดๆ
              มาสวาร์ทาร์ได้ฟังเลยบอกไปว่า "ว่ากันตามจริงแล้ว พวกครอสตรีมนั้น พลังครอสเซี่ยมในตัวได้กระตุ้นสมองให้มีขีดความสามารถทางจิตเพิ่มขึ้นมา ซึ่งมากพอที่จะทำให้ครอสตรีมตนหนึ่งอ่านใจอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นแมนิเกเตอร์จากกลุ่มอื่น หรือแม้กระทั่งครอสตรีมด้วยกัน แน่นอน ว่าการอ่านใจของอีกฝ่ายโดยที่อีกฝ่ายไม่อนุญาตเอง คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เพราะนั้นหมายถึงการรับรู้ความลับแย่ๆของอีกฝ่ายและของตนเองด้วยน่ะ"
              "แล้วเผ่านายมีวิธีป้องกันการอ่านใจกันยังไงละ" สเตฟอร์ดถาม
              มาสวาร์ทาร์บอก "วิธีแรกคือเสริมเกราะตรงส่วนหน้าผาก ซึ่งก็คือส่วนที่สามารถใช้พลังจิตในการอ่านใจหรือเข้าไปดูข้อมูลจากในหัวได้ง่ายที่สุด โดยพาราไดน์จะได้วาเรียแอทเทนน่า เทมพาล่าจะได้โป๊บแฮท เพราะเทมพาล่าเป็นครอสตรีมกลุ่มที่มีพลังครอสเซี่ยมสูงที่สุด ส่วนครูเซเดนจะได้ไมนด์ไวเซอร์เอาไว้ ส่วนกลุ่มลูกผสมจะได้ชิ้นส่วนป้องกันที่แตกต่างกันไป แต่วัตถุประสงค์เดียวกันคือการสกัดกั้นการพินิจใจจากครอสตรีมด้วยกันหรือจากผู้มีพลังจิตนี้แหละ"
              "แต่นายไม่มีอะไรสักอย่างปิดตรงหน้าผากนิ แล้วนายบล็อกการอ่านใจของฉันได้ไงละ" จิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "วิธีที่สองสำหรับผู้ไม่มีอะไรป้องกันส่วนหน้าผากอย่างฉันนั้น ก็คือ การใช้สมาธิควบคุมพลังครอสเซี่ยมสร้างกำบังไวเซอร์ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แม้จะมองผ่านดวงตาทางจิตได้ แต่ก็ไม่สามารถมองทะลุเข้าไปในความคิดของครอสตรีมอย่างฉันได้ ตราบใดที่ฉันไม่อนุญาตให้อ่านใจได้นะ"
              "แม้กระทั่งแมนิเกเตอร์ที่มีดวงตาจักรกลอย่างฉันก็มองไม่เห็นไวเซอร์ของนายเลยละสิ" โฟรซ่าบอก
              พีวิลเลยหลับตาลง แล้วก็ "แว้งงงงง" ลืมตาที่ดวงตาเรืองแสงสีขาวขึ้น ซึ่งสายตาของเขา ได้เห็นไวเซอร์เรืองแสงสีเขียวปิดตรงหมวกเหนือดวงตาของมาสวาร์ทาร์ไว้ "ฉันลองวิธีที่นายว่ามา โดยไม่ใช้พลังอีเนลเซี่ยมกันแล้ว เพื่อมิให้พลังของฉันส่วนที่เป็นขั้วตรงข้ามเข้าไปทำกับไวเซอร์ที่มองไม่เห็นของนายไว้น่ะ"
              "จริงด้วยน่ะ ฉันเห็นนายมีไวเซอร์เรืองแสงอยู่บนหน้าผากเลยน่ะ" สเปียริทบอกโดยที่เธอลองทำตามพีวิลบ้าง
              จิลพยักหน้า "นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมฉันถึงไม่สามารถอ่านความคิดของนายได้มาตลอด 4 ปีเต็ม เพราะนายมีกำแพงบังไว้ตลอดนี้เองน่ะ"
              "แต่ที่เธอพูดเหมือนอ่านใจมาสวาร์ทาร์ได้นิ คงไม่ได้เดาออกเองสิน่ะ" เจเนลบอก จิลพยักหน้าอีก
              เนคมาดูซัมบอก "แต่มีอีกอย่างที่ทำให้นายถูกอ่านใจได้บ้างน่ะ นั้นคือ นายเป็นห่วงแอนเดรียมาก จนทำให้สมาธิที่คุมไวเซอร์ปิดกั้นการอ่านใจลดทอนลง หรือไม่ก็ อากาเมมนอสมีพลังเหนือกว่าจนทะลุไวเซอร์ได้สิน่ะ"
              "ที่ถูกนั้น คืออย่างแรกมากกว่าน่ะ เพราะหากครอสตรีมตนใดที่ถูกอีกตนที่ใช้พลังเหนือกว่าในการทะลุกำแพงปิดกั้นการพินิจใจไปได้ ครอสตรีมตนนั้นจะมีรอยแผลบนหน้าผากให้เห็น ถ้าระดับเบา แผลจะเป็นแค่รอยช้ำ ไปจนถึงแผลเป็นที่ไม่มีทางลบหายไปได้นะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก "แน่นอน ว่าในการดวลกับโครเต้นั้น ทั้งสองฝ่ายต้องปิดกั้นการพินิจใจเอาไว้ เพื่อมิให้ใช้การอ่านใจของอีกฝ่ายไว้ เพราะถือว่านั้นทำให้การดวลไม่ยุติธรรมเลยน่ะ" แล้วก็ถอดหมวกออก ซึ่งไม่ปรากฎแผลเป็นบนหน้าผากขึ้นมา จากนั้นก็สวมหมวกกลับเข้าไปใหม่
              ฟิเกซบอก "แสดงว่าการดวลของทางครอสตรีมนั้น ต้องตรงไปตรงมา เหมือนกับดาบ หอกและโลห์ของบิดรเทพกันเลยสิน่ะ ถึงต้องสู้ด้วยทุกอย่างที่มีให้ถึงที่สุดเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์พยักหน้า
              "ด้วยร่างกาย ด้วยท่วงท่า ด้วยพลัง และด้วยจิตใจ สี่อย่างนี้ต้องใช้ในการดวลครั้งใหญ่กับโครเต้ที่ใช้สี่อย่างด้วยเช่นกัน แม้ว่าโครเต้จะใช้แรงแค้นที่ถูกมนุษย์หักหลังมาสู้ แต่ฉันใช้จิตใจที่ตั้งมั่นอย่างเข้มแข็งสู้จนเอาชนะโครเต้ลงได้นี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              คลอเวฟบอก "แต่นายมาเสียเอา ตรงที่นายปิดบังพวกเราเรื่องแอนเดรียกันนี้แหละ"

              "คลอเวฟ เรื่องแอนเดรียขอให้เป็นเรื่องรอง เพราะตอนนี้เราต้องเข้าประเด็นเรื่องการบุกดาวสโตนยอนกันก่อนน่ะ" เนคมาดูซัมบอก คลอเวฟได้ฟังก็หยุดพูดแต่ทำเสียงพึมพำใส่ พีวิลเลยเปิดระบบสื่อสารเพื่อให้โฮโลแกรมของโคเซวิค เฟลิคและอิลมิคเปิดขึ้นบนโต๊ะ "ว่าแต่ พวกนายคิดแผนการบุกเข้าดาวสโตนยอนกันแล้วหรือยังละ" เนคมาดูซัมถาม
              อิลมิคบอก "บอกตามตรงน่ะ ว่าเราใช้เวลาทั้งคืนในการคิดแผนการบุกกันไว้แล้วนะสิ"
              "ว่ามาเลย อิลมิค แผนนายเป็นไงบ้างละ" ไซโคลเนียกล่าว
              อิลมิคบอก "แผนบุกของเรานั้น คือใช้แผนเหยื่อล่อความเร็วสูง ในการหลอกล่อดวงจันทร์สงครามจำนวนหนึ่งให้ออกห่างจากดวงจันทร์ โดยใช้ความเร็วในการหลบหลีกอาวุธป้อมปืนที่อยู่บนดวงจันทร์ทั้งหลาย จากนั้น ก็ให้ยานของพวกนายและพวกเรา บุกเข้าไปในดาวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ดวงจันทร์สงครามจะเคลื่อนตัวเข้ามาขวางไว้นะสิ"
              "แผนนี้มันดีอยู่หรอกน่ะ แต่ นายจะเป็นเหยื่อล่อเพียงตนเดียวหรือ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              อิลมิคกล่าว "ฉันจะให้เซรีน โครวเชดและทีมท็อปเกลคอยช่วยอีกแรงนะสิ ซึ่งฉันได้ให้พวกเขาติดบูสเตอร์เสริมความเร็วเอาไว้ โดยใช้พลังงานน้อยนิด จนเหลือส่วนมากไว้สำหรับหลบหนีมาสมทบกับพวกนายกันนี้แหละ"
              "เออ ฉันไม่อยากจะขัดแผนนายหรอกน่ะ....แต่มันไม่ได้ผลหรอก" ไซโคลเนียกล่าว
              พลัสเชอริทกล่าว "เราได้วิเคราะห์โครงสร้างของดวงจันทร์สงครามของพวกสโตนนอลมาแล้ว พบว่าดวงจันทร์นั้นมีพลังงานมากพอสำหรับจ่ายให้ป้อมปืนต่อต้านอวกาศยานขนาดเล็ก ซึ่งมีจำนวนมากเป็นสิบๆป้อม ซึ่งรวมถึงป้อมมิไซล์นำวิถี ป้อมปืนใหญ่อนุภาคสำหรับยิงใส่ยานรบหรือยูนิตขนาดใหญ่กันด้วย ซึ่งต่อให้นายและพวกไวแค่ไหน โอกาสที่จะรอดกลับมาสมทบกับพวกเราไปได้นั้น มีน้อยถึง 0.012 เปอร์เซนต์ด้วยกันน่ะ"
              "และมันเทิร์คเองคงไม่ใช้วอร์มูนจำนวนมากไปไล่ยิงพวกนายกันได้หรอก เพราะมันเทิร์คจะเอาวอร์มูนจำนวนมากมาขวางทางพวกเรากันซะมากกว่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เฟลิคกล่าว "กะแล้วว่าแผนของนายมันไม่ได้ผลเลยน่ะ อิลมิค เพราะไม่เพียงแค่เสี่ยงเกินไป แต่มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ที่นายกับทีมหลอกล่อจะหนีมาสมทบกับพวกเราได้ หากไม่โดนวอร์มูนสองดวงเคลื่อนมาบดขยี้ในระหว่างที่บินตรงมาได้น่ะ"
              "ที่ถูกคือ นายกับพวกจะโดนรุมยิงจนยับซะมากกว่ามั่ง" ไซโคลเนียบอก
              โคเซวิคบอก "แล้วแผนการของฝั่งพวกนายล่ะ เป็นยังไง"
              "แผนของทางเรานั้น คือแบบเดียวกับพวกนายนี้แหละ เพียงแต่ เราจะไม่เข้าใกล้วอร์มูน แต่เราจะดึงวอร์มูนด้วยการจู่โจมพิสัยไกลน่ะ" เนคมาดูซัมบอก "เราจะให้ฟาร์โอเวี่ยนฮาร์ดแคนน่อน ยืนอยู่บนยานของเราที่อยู่นอกระยะยิงสูงสุดของวอร์มูนของสโตนอล ยิงพร้อมกับปืนใหญ่ของไทรแองเกิ้ลใส่วอร์มูนดวงหนึ่ง ที่เคลื่อนออกห่างจากกลุ่มไป ให้เคลื่อนตัวเข้ามา จากนั้น เราจะให้ยานอินสเปคทรัล ยิงมิไซล์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใส่วอร์มูน ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นอัมพาตไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วให้แอมเบอร์เข้าควบคุมและส่งข้อความหลอกวอร์มูนดวงอื่นๆให้หันไปอีกทาง จากนั้นพวกเราและพวกนายก็ลงไปที่ดาวกันนี้แหละ"
              โคเซวิคบอก "วิธีนี้มันดีอยู่หรอกน่ะ แต่....ฉันคิดว่าวอร์มูนของพวกสโตนอลนั้น มีปืนใหญ่อนุภาคกำลังสูงอยู่มิใช่หรือ ถึงป้อมปืนหรือป้อมมิไซล์จะยิงไม่โดนพวกนาย แล้วจะแน่ใจได้ไง ว่าพวกนายจะยิงใส่ดวงจันทร์ไปได้น่ะ"
              "อย่าลืมสิ ว่าไอ้มันเทิร์คมีวอร์มูนตั้ง 10 ดวงไว้ในครอบครองเลยน่ะ ถึงนายยิงใส่ดวงแรก แต่อีกเก้าดวงมันจะถล่มพวกนายและพวกเราจนยับเยิ่นกันซะมากกว่าน่ะ" อิลมิคบอก
              เฟลิคกล่าว "และคงไม่ต้องพูดถึงการใช้ระบบสเตลท์ผ่านพวกวอร์มูนไปได้เลย เพราะมันเทิร์ครู้อยู่แล้ว ว่าพวกเราเข้าดาวแต่ละดวงมาได้ยังไงน่ะ"
              "แล้วยานของพวกนายไม่มีปืนหลักไว้ถล่มวอร์มูนกันเลยหรือวะ" คลอเวฟบอก
              เฟลิคส่ายหน้า "ถึงมีปืนใหญ่แบบเดียวกับของพวกนาย แต่ถ้าทำเช่นนั้น ยานของเราจะไม่มีพลังขับเคลื่อนสำหรับฝ่าชั้นบรรยากาศเข้าสู่ดวงดาวกันได้หรอกน่ะ เพราะเป้าหมายของเราเป็นดวงจันทร์ป้อมปราการ มิใช่ยานรบขนาดไทแทนหรือเกรทเดรดนอธแบบที่พวกเดลอาเนี่ยนใช้กันเลยน่ะ"
              "นายอย่าลืมสิ ว่าเราต้องใช้ยานรบในการมุ่งหน้าไปยังฐานที่มั่นในแต่ละที่กันน่ะ เรายังไม่อยากจะเสียพลังเกินครึ่งหมดไปกับการตีฝ่าที่มีความสุ่มเสี่ยงกันไม่น้อยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              ลิเนียร์ตี้ถาม "ว่าแต่ เราขอความร่วมมือจากพวกราชาลาคาดัลได้มั้ย อย่างน้อยก็ให้พวกเขาใช้วอร์มูนของพวกเขาในการหยุดวอร์มูนของมันเทิร์ค เหมือนที่พวกเขาใช้กับฝ่ายแอร์คราวนด์เลยน่ะ"
              "ลิเนียร์ตี้ พวกเขาเองก็คิดทำเช่นที่เธอว่ามาก็จริง...." โฟรซ่าบอก "....แต่.....ฉันได้ถามราชาแอทเทรติคเมื่อคืนมาแล้วน่ะ ว่าพวกเขาส่งวอร์มูนได้เพียงกลุ่มละดวงมาช่วยเราได้เท่านั้นแหละ"
              สเปียริทบอก "กลุ่มละดวงนะหรือ เธอคงไม่ได้หมายความว่าพวกราชาลาคาดัลจะเก็บที่เหลือไว้ เผื่อฝ่ายตรงข้ามเล่นลักไก่เลยสิน่ะ"
              "โฟรซ่าพูดถูกแล้วละ อีกอย่าง พวกเขาเองก็รู้ถึงแสนยานุภาพของวอร์มูนฝั่งสโตนอลกันมาแต่แรกแล้ว พวกเขาจึงไม่คิดที่จะเสียวอร์มูนไปได้ เนื่องจากว่าพวกเขาต้องเหลือไว้ใช้รับมือกับพวกแขกไม่ได้รับเชิญ รวมถึงศัตรูเก่าที่อาจจะถูกปลดปล่อยออกมาก็เป็นได้น่ะ" สเตฟอร์ดเสริม
              ฟิเกซกล่าว "และต่อให้พวกเขานำกองรบมาช่วยเรา ดีไม่ดี วอร์มูนของมันเทิร์คจะเป่าพวกเขาจนเหลือกำลังรบไม่พอในการบุกไปได้นะสิ"
              "อีกอย่าง พวกเดธซิลเวอร์พลาเนตที่พ่ายแพ้ไปนั้น ยังเหลือเศษเดนส่วนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ ซึ่งคงไม่ดีแน่ๆที่พวกเขาจะยกกำลังรบทั้งหมดจนปล่อยให้เศษเดนเหล่านั้นมายึดเมืองคืนไปได้น่ะ" เฟลิคกล่าว
              โคเซวิคบอก "และมันน่าโมโหเอามากๆ เพราะพวกเราเองไม่มีอาวุธไว้ใช้รับมือกับฝ่ายตรงข้ามที่มีป้อมปราการไซส์เท่าดวงจันทร์มาเสียด้วย ซึ่งฉันไม่อยากจะใช้แผนดับเครื่องชนกับวอร์มูนแค่ดวงเดียวกันแน่ๆน่ะ"
              "ต่อให้เราอยากจะควบคุมวอร์มูนไปได้ แต่ขอบเขตและระยะทำการของไซเบอร์ดีสรัฟเตอร์นั้นไม่มากพอที่จะควบคุมวอร์มูนได้มากกว่าสองดวงแน่นอนน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "และเราคงหวังพึ่งเมคโซ่เองก็ไม่ได้ด้วย จากสถานการณ์ในตอนนี้ เมคโซ่และเจเดร่าแม้จะซ่อนตัวและรวบรวมขุมกำลังมาได้ แต่คงไม่มากพอที่จะช่วยให้เราตีฝ่าไปได้เลยน่ะ"

              "ดูเหมือนว่าพวกคุณจะดีใจไม่น้อยเลยสิคะ ที่ได้กลับมาทำงานเหมือนเดิมเลยน่ะ" แอนเดรียกล่าวโดยที่เธอช่วยงานล้างจานในโรงครัว หลังจากที่ทุกคนในยานกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว
              โมเน่ หัวหน้าแผนกครัวหญิงที่มีแขนกลข้างซ้ายกล่าว "ดีแล้วคะ ที่คุณมาในช่วงที่เราครบทีมกัน ถ้ามาในช่วงที่ฉันมีลูกมือเพียง 3-4 รายละก็ คุณคงได้ปรี้ดแตกถึงขั้น...."
              "ฉันไม่เป็นแบบนั้นหรอกนะคะ" แอนเดรียบอก และหันมาถาม "ว่าแต่ ในช่วงนั้น พวกคุณมีคนน้อยนิ ต้องทำงานหนักมากเลยหรือคะ"
              โมเน่บอก "เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์อย่างคุณเองก็อยากจะรู้สินะคะ ว่าฉันรู้สึกเช่นไร เมื่อเรามีคนน้อยแต่มีงานเยอะเกินตัวกันน่ะ"
              "ช่วยเล่าให้ฟังได้มั้ยละคะ" แอนเดรียกล่าว
              โมเน่กล่าว "บอกกันตามตรงน่ะ ว่าการมีลูกมือเพียง 4 รายนั้น ย่อมหมายถึง 1 รายต้องทำงานมากกว่าสองอย่าง ตั้งแต่หั่นเนื้อหั่นผัก เตรียมภาชนะน้อยใหญ่ หุงข้าวทำอาหารแบบต่างๆ รวมถึงการล้างจานน้อยใหญ่นี้ไปพร้อมกับอีกงานหนึ่ง ที่อาจเป็นงานไม่ถนัดสำหรับบางราย ซึ่งฉันพยายามขอหัวหน้าลูกเรือให้เจียดลูกเรือส่วนหนึ่งมาช่วยในงานครัวมาหลายครั้งแล้วนะคะ" และบอกไปว่า "ถึงแม้ว่าเราจะมีลูกมือครบชุด แต่ถ้างานมีเยอะมากขนาดนี้ ก็คงรับมือไม่ไหวแน่นอน"
              "นั้นสิคะ ไม่แปลกใจเลย ที่สเปียริทต้องลงมาช่วยลูกเรือในงานแบกห่ามคอนเทนเนอร์ คุณจายด์ต้องมาช่วยซ่อมเครื่องยนต์ยานรบ เช่นเดียวกับคุณเจเนลและจิลช่วยทีมช่างซ่อมโมบิลลอยด์ด้วย....." แอนเดรียกล่าวและนึกขึ้นมาได้ ".....เออ ขอโทษด้วยนะคะ ที่ฉันมีเรื่องต้องไปทำเสียก่อนนะคะ"
              โมเน่บอก "ไปแล้วรีบกลับมาทำต่อแล้วกันน่ะคะ"
              "นี้เราไม่มีแผนการอื่นใดเลยหรือ ที่ช่วยพาเราบุกเข้าดวงดาวโดยไม่โดนวอร์มูนของสโตนอคถล่มยับได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เฟลิคกล่าว "ถึงเรามีแผนการ แต่มันเสี่ยงเกินไปเช่นนี้ เพราะเราต้องเหลือกำลังรบให้เต็มที่ไว้สู้กับมันเทิร์คและกองรบที่เหลือของมันด้วยน่ะ"
              "เออ ขอโทษนะคะ ที่เข้ามาขัดจังหวะเลยน่ะ" แอนเดรียรีบวิ่งเข้ามาพอดี
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "คุณพึ่งออกมาจากห้องครัวเลยนิ มีเรื่องอะไรอย่างงั้นนะหรือ ถึงได้รีบมาน่ะ"
              "ฉันคิดว่า ฉันพอมีไอเดียให้พวกคุณ สำหรับเรื่องบุกเข้าไปในดาวสโตนยอนนะคะ" แอนเดรียบอก
              โฟรซ่าบอก "ว่าแต่ ไอเดียของเธอที่ว่ามานิ เธอนึกอะไรได้น่ะ"
              "เท่าที่พวกเรารู้มา วอร์มูนของทุกดาวมีหน้าที่ในการปกป้องดาวจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมถึงอุบัติภัยจากนอกดาวกันด้วยสินะคะ" แอนเดรียพูดเกิร์นนำ
              เจเนลบอก "เรื่องนั้นเรารู้แล้วละ แอนเดรีย และเพราะหน้าที่ของวอร์มูนนั้นแหละ ที่เป็นอุปสรรค์ตัวเป้ง ซึ่งขวางทางพวกเรากับยูเนี่ยนพีชกันนี้แหละ"
              "แล้วถ้าเกิดว่า เราส่งอุบัติภัยเหล่านี้ให้วอร์มูนของสโตนอลรับไว้กันละคะ จะว่ายังไง" แอนเดรียบอก
              โคเซวิคกล่าว "เธอหมายถึง จะใช้ฝนอุกกาบาตมาเป็นตัวล่อเป้าให้วอร์มูนของมันเทิร์คไล่ยิงกันเลยสิน่ะ"
              "เข้าใจแล้วละ เพราะในช่วงที่ทรอมเบตใช้วอร์มูนดึงฝนอุกกาบาตเข้ามานั้น ก็คือโอกาสที่เราได้เห็นขีดความสามารถของวอร์มูนของแฟคม่า ไอซ์ติก้า แซนดอมและเทคนอต ในการจัดการกับฝนอุกกาบาตดังกล่าวไว้ รวมถึงของสโตนยอนด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว "แต่ คุณก็น่าจะรู้ดีแล้ว ว่าฝนอุกกาบาตนั้น มันเป็นอุบัติภัยจากนอกโลกที่ทำให้ไดโนเสาร์บนโลกสูญพันธุ์มาก่อน ซึ่งคงไม่ดีแน่ หากฝนอุกกาบาตก้อนหนึ่งหลุดมาทำลายเขตเมืองและชุมชนในดาวไปด้วยน่ะ"           แอนเดรียพยักหน้า "ฉันเข้าใจดีคะ ว่าการกระทำของพวกเราย่อมส่งผลกระทบที่ตามมาอย่างแน่นอน จนมีผู้เสียชีวิตไปไม่น้อยก็จริง ...แต่ฉันแน่ใจว่ามันเทิร์คเองคงไม่ยอมให้ดาวที่เขายึดมาต้องพังเสียหายได้แน่ๆนะคะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะ มันเทิร์คเองมีวอร์มูนสิบดวงอยู่ในกำมือ ดังนั้น เรื่องฝนอุกกาบาตนั้นก็เป็นเรื่องขี้ฝุ่นเลยสิน่ะ" โคเซวิคบอก
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ผมขอบใจคุณมากนะ แอนเดรีย ที่ให้ไอเดียกับพวกเรา แต่จะดีกว่ามาก หากเราเสนอแนวคิดนี้ ให้กับเทคเนล่ากันไว้"
              "เออ ขอขัดจังหวะหน่อยนะคะ องค์หญิงเทคเนล่าติดต่อเข้ามา เป็นเรื่องด่วนฉุกเฉินนะคะ" แอมเบอร์กล่าว
              แอนเดรียกล่าว "งั้นฉันขอตัวกลับไปทำงานตามเดิมนะคะ" แล้วก็เดินออกไป
              "หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องที่มีเศษเดนของอุลซาร์ฟออกนอกดาว ตามมาถล่มใส่ยานของเทคนอตกันบ้างน่ะ" โคเซวิคบอกเนคมาดูซัมเลยเปิดช่องสื่อสารมาเป็นของเทคเนล่า
              พีวิลกล่าว "องค์หญิงเทคเนล่า มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนะหรือครับ"
              "คือว่า ลาวาฟ และเฟยอร์จ หายตัวไปจากห้องขังเป็นที่เรียบร้อยแล้วละ" เทคเนล่าบอก ทั้งหมดถึงกับตกใจอย่างมาก
              อิลมิคบอก "ตลกละ ไอ้ตัวแสบทั้งสองมันไม่ปริปากบอกชื่อตัวผู้ร่วมมือสองตัวให้เรากันแล้วนิ มันไม่น่าที่จะหายไปได้เลยน่ะ"
              "ทีแรกเราก็คิดเช่นนั้นอยู่น่ะ แต่....ทั้งคู่ก็ได้หายสูญเหมือนกับพวกลาคาดัลแล้วน่ะ" เทคเนล่ากล่าว "และไม่ต้องพูดถึงฟีบัสด้วย ลาคาเมสแจ้งมา ว่าฟีบัสสูญหายแบบเดียวกันกับลาคาดัล ทั้งๆที่เขาฉลาดเอาตัวรอดกันอยู่แล้ว"
              ฟิเกซบอก "ว่าแต่ ฟีบัส ลาวาฟและเฟยอร์จหายตัวไปแบบไร้ร่องรอยกันตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ"
              "หลังจากที่พวกคุณช่วยอามิวเซนกอบกู้ดาวจังกรอเรสไปแล้วนะสิ" เทคเนล่าบอก
              พีวิลกล่าว "แสดงว่า มันเทิร์คเตรียมเรียกมหาดารามรณะออกมาแน่ๆ เลยทำให้ทั้งสามต้องสูญหายไป เพราะพวกเขาล้วนหมดประโยชน์ไปโดยสมบูรณ์แล้วนะ"
              "ท่านหญิงเทคเนล่า ทางเรามีไอเดียในการช่วยบุกดาวสโตนนอลกันไว้ เพียงแต่ ทางเราไม่รู้ว่า ท่านกับพวกจะเห็นด้วยหรือเปล่าละคะ" สเปียริทถาม
              เทคเนล่าบอก "เราเองก็คิดแผนช่วยพวกท่านเอาไว้แล้ว เพียงแต่ แผนของพวกท่านคือแผนแบบไหนละ"

              นอกดาวสโตนยอน วอร์มูนทั้งสิบโคจรเพื่อเตรียมการรับมือกับผู้รุกรานกันแล้ว
              "ต่อให้มีใครหน้าไหนบุกมา พวกเราจะไม่ยอมให้พวกศัตรูเข้าไปในดาวกันได้หรอก" ทหารสโตนอลภายใต้บัญชาของมันเทิร์คกล่าว โดยประจำอยู่ในวอร์มูนหมายเลข 4
              หัวหน้าหน่วยในวอร์มูนหมายเลข 6 กล่าว "ท่านมันเทิร์คสั่งไว้ ให้พวกเรากำจัดผู้รุกรานทุกรูปแบบไม่ให้ขัดขวางแผนการสร้างความสงบสุขของท่านไปได้แน่นอน ดังนั้น อะไรก็ตามที่อยู่ในระยะมองเห็น จะต้องถูกทำลายไปซะ"
              "พวกศัตรูของพวกเราได้พิชิตพวกพ้องของเราที่อยู่ในดาวดวงอื่นไปแล้ว เราจะไม่ยอมให้พวกมันคืนดาวดวงนี้ให้เจเดร่าได้แน่นอน ฉะนั้น เราจะทำลายพวกมันไปด้วยเลย" หัวหน้าหน่วยคุมวอร์มูนหมายเลข 7 บอก
              หัวหน้าหน่วยคุมวอร์มูนหมายเลข 1 กล่าว "รวมถึงกองรบพันธมิตรของเทคนอตด้วย นอกจากเราจะทำลายพวกมันแล้ว เราจะนำกองรบของเราไปยึดดาวเทคนอตไปด้วย แล้วพวกเราจะได้เป็นผู้นำกลุ่มดาวทั้งแปดดวงตามความต้องการของท่านมันเทิร์ค...."
              "หวอออ หวอออ หวอออ หวอออ" สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น เจ้าหน้าที่เรดาห์รายงาน "มีสัญญาณวัตถุขนาดใหญ่จำนวนมากเคลื่อนตัวมาทางเราแล้วละคะ" โดยในตอนนี้ดาวสโตนยอนมีห่าอุกกาบาตขนาดใหญ่มุ่งตรงเข้ามา
              "เบอร์ 2 และ 3 รีบเข้าสกัดกั้นโดยเร็ว" หัวหน้าวอร์มูน 1 กล่าว
              "เข้าใจแล้วละ" หัวหน้าวอร์มูนสองกล่าวพร้อมกับ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ" เปิดนำด้วยห่ามิไซล์จากป้อมบนพื้นผิวดวงจันทร์เข้าใส่อุกกาบาตก้อนโต "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งโดนแรงระเบิดกระเทาะจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ก้อนโตบางก้อนนั้นยังไม่แตกและเคลื่อนตัวเข้ามา "ทิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ป้อมปืนเลเซอร์ของวอร์มูนสามพยายามยิงใส่อุกกาบาตก้อนโต ซึ่งเลเซอร์แรงแค่ทำให้มีรอยบุบเล็กๆเท่านั้นเอง
              "ปืนใหญ่อนุภาค ยิงได้" หัวหน้าวอร์มูนสามสั่งยิงปืนใหญ่หลัก "หึมๆๆๆๆๆๆๆ ครืนนนนน เปรี้ยงงงงง" สาดลำแสงสีส้มเข้ากวาดทำลายอุกกาบาตน้อยใหญ่จนราบคาบไปกันหมด "ฝนอุกกาบาตแหลกไปแล้ว ย้ำ มันแหลกไปหมดแล้ว...."
              "หวอออ หวอออ หวอออ หวอออ" พวกสโตนอลดีใจเพียงแค่ 4 วินาที สัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นมาแล้ว "ฝนอุกกาบาตตรงมาทางเราอีกแล้วละคะ" เจ้าหน้าที่เรดาห์จากวอร์มูน 4 รายงาน โดยตอนนี้มีห่าอุกกาบาตจำนวน 50 ก้อนตรงดิ่งมาอีกทางหนึ่ง
              "วอร์มูน 7 และ 9 ขอแรงหน่อย" หัวหน้าวอร์มูน 4 กล่าว โดยวอร์มูนทั้งสามดวงนั้น "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆๆ แชดๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆๆๆ" วอร์มูน 7 ปล่อยห่ามิไซล์ออกมาระเบิดใส่ฝนอุกกาบาตอย่างหนักหน่วง วอร์มูน 9 ระดมยิงปืนเลเซอร์ใส่ก้อนเล็กๆให้กระจุยไป ส่วนวอร์มูน 4 ก็ยิงปืนใหญ่อนุภาคทำลายก้อนโตๆจนสลายไป แต่.... "ฟ้าวๆๆๆๆ" ยังเหลืออีก 8 ก้อนใหญ่ยังไม่ถูกทำลายสิ้นและเคลื่อนตัวเข้ามา "แชดดด แชดดด แชดดด แชดดด" วอร์มูน 5 ยิงลำแสงจากป้อมวงกลมรอบป้อมปืนหลักจ่อยิงใส่ก้อนใหญ่ 4 ก้อนแรกให้ "ปริๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยะ เปรี้ยงงง เปรี้ยงง เปรี้ยงงง เปรี้ยงงงง" อุกกาบาตแตกอย่างรวดเร็วจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วก็ยิงใส่อีก 4 ก้อนที่เหลือจนกระจุยไปด้วยกัน "หวอออ หวอออ หวออออ" จากนั้นสัญญาณเตือนแบบเดียวกันก็ดังอีก เพราะฝนอุกกาบาตก็มาอีกทางหนึ่งเช่นกัน จนวอร์มูน 1 6 และ 8 ต้องเคลื่อนตัวเข้ามา "แชดดด แชดดด แชดดดด แชดดดด ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ถล่มใส่ฝนอุกกาบาตก้อนโตที่พุ่งเข้ามากันอย่างหนักหน่วงด้วยมิไซล์และเลเซอร์ แต่ก็ไม่สามารถทำให้อุกกาบาตก้อนโตแตกกระจุยไปได้
              "ไม่มีทางเลือกแล้ว ยิงปืนใหญ่อนุภาคเดียวนี้เลย" หัวหน้าวอร์มูน 6 สั่งการ "หึมๆๆๆๆๆๆๆ ครืนนนนน ครืนนนนน ครืนนนนนนน ป้ากกกก เปรี้ยงงงง ตูมๆๆๆๆๆๆๆๆ" วอร์มูนทั้ง 3 ดวงสาดลำแสงขนาดใหญ่ทำลายอุกกาบาตน้อยใหญ่ที่เคลื่อนตัวเข้ามาจนแหลกเป็นจุลไปในทันที
              "หวอออ หวออออ หวออออ หวอออ" หลังจากนั้นก็มีฝนอุกกาบาตอีกสองชุดเคลื่อนตัวมา วอร์มูน 4 7 และ 9 รีบระดมโจมตีใส่ชุดที่บุกมาทางทิศตะวันออก เบอร์ 2 3 และ 5 เข้าจัดการกับฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ "เกรงว่า พวกเทคนอตคงใช้ดวงจันทร์ของพวกแอร์คราวด์ดึงฝนอุกกาบาตจากรอบนอกเข้ามาทางเราแล้วละครับ" ทหารสโตนอลที่ประจำการในวอร์มูน 1 กล่าว
              หัวหน้าบอก "จะยังไงก็ช่าง เราไม่ยอมให้ฝนอุกกาบาตเหล่านี้มาขัดขวางแผนของท่านมันเทิร์คไปได้หรอก อีกอย่าง เราเหลือวอร์มูน 10 เอาไว้แล้ว ต่อให้พวกเทคนอตส่งพวกไทรเวเซอร์หรือยูเนี่ยนพีชมา เบอร์สิบจะเรียกพวกเราให้มาจัดการเดียวนี้เลย"
              "แต่เกรงว่าตอนนี้ เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เลยนะคะ เพราะ....." เจ้าหน้าที่เรดาห์กล่าวขัด เพราะเรดาห์ระยะไกลตรวจจับฝนอุกกาบาตอีก 3 ระลอกใหญ่เคลื่อนตัวตามหลังชุดแรกมา
              หัวหน้าวอร์มูน 1 บอก "เบอร์ 10 เตรียมการรับมือกับการรุกรานของฝ่ายศัตรูกันเดียวนั้นเลย เดียวพอเราเสร็จจากฝนอุกกาบาตเหล่านี้ ทางเราจะรีบไปช่วยกันน่ะ"
              "ได้อยู่แล้วละ วางใจได้เลย" เสียงหัวหน้าวอร์มูนเบอร์ 10 กล่าว หากแต่เจ้าของเสียงนั้น คืออามิวเซนที่พาพวกจังกรอลบุกเข้ายึดวอร์มูน 10 เอาไว้ได้ โดยที่ชาวเทคโนตันภายใต้การนำของเทคเนล่าเข้าควบคุมระบบอีกต่อหนึ่ง
              เทคเนล่าบอก "ตอนนี้พวกคุณรีบลงไปที่ดาวสโตนยอนกันเดียวนี้เลย โดยเริ่มจากปราการเดคคอร์ทกันก่อนนะคะ"

              "เข้าใจแล้วละ หวังว่าพวกคุณที่เหลือเองก็รีบตามมาด้วยน่ะ" พีวิลบอก แล้วก็ "แฟ้วววววว แฟ้วววววว แฟ้ววววว ยานไทรแองเกิ้ล ยานไฮด์เดาท์ และยานเมนเครมพุ่งทะยานเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งกองรบของมันเทิร์คเตรียมป้อมปืนต่อต้านอากาศยานเอาไว้แล้ว
              "พวกเราไม่ยอมให้สุนัขรับใช้ของเจเดร่าบุกเข้ายึดปราการเดคคอร์ท ที่ท่านโคเบมควบคุมกันไว้ได้หรอก เพราะป้อมปืนของเราจะทำลายพวกมันเอง" ทหารสโตนอลที่คุมป้อมปืนใหญ่พิสัยไกลบนหุบเขาแห่งหนึ่งกล่าว
              "เออ เรดาห์ตรวจจับสัญญาณหุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาในดาวแล้วละครับ" ทหารสโตนอลฝ่ายสื่อสารกล่าว โดยนำภาพของเซนครีโทรนสามเครื่องและฟาลครีด้าสองเครื่อง ซึ่งเป็นโมบิลลอยด์ของหน่วยรบวิหคมา
              "ต่อให้ผ่านวอร์มูน 10 ลงมานี้ได้ แต่การที่พวกแกอยู่ในภาพนั้น คือเวลาตายของพวกแกกันแล้ว เตรียมยิงปืนใหญ่กันได้เลย" หัวหน้าหน่วยปืนใหญ่สั่งการ
              "รับทราบ ล็อกเป้าหมายอัตโนมัติ ทำการยิงเดียวนี้แล้วละครับ" ทหารสโตนอลกล่าวแล้วก็ "แชดดด แชดดดด แชดดด" ปืนใหญ่พิสัยไกลยิงลำแสงพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย "ตรูมมมม บรึมมมม บรึมมม" จนภาพเผยการระเบิดแหลกเป็นจุลของหน่วยรบวิหคกัน ตามด้วย
              "เจอยานรบของพวกศัตรูแล่นลงจอดห่างจากฐานเดคคอร์ทแล้วละครับ" ทหารสโตนอลบอก โดยนำภาพไทรแองเกิ้ลและไฮด์เดาท์แล่นลงมา
               "ยิงทำลายพวกมันเดียวนี้เลย" หัวหน้าหน่วยปืนใหญ่สั่ง แล้วก็ "แชดดดด แชดดดดด ป้ากกกก เปรี้ยงง ตรูมมมมม" ลำแสงทะลวงยานไฮด์เดาท์และไทรแองเกิ้ลจนขาดครึ่งลำ พร้อมกับระเบิดเป็นจุลไปทั้งสองลำด้วยกัน
              "ป้อมปืนที่เหลือเจอยานรบของศัตรูอีก 5 ลำแล่นลงจอดมา ซึ่งพวกเขาได้จัดการสอยร่วงไปแล้วละครับ" ทหารสื่อสารแจ้งมา หัวหน้าหน่วยปืนใหญ่กล่าว "ดี เท่านี้ท่านมันเทิร์คก็ไม่มีก้างชิ้นโตกันแล้วละ"
              "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงสัญญาณดังขึ้นมา หัวหน้าหน่วยปืนใหญ่บอก "ตอนนี้เราจัดการกับกลุ่มผู้รุกรานไปแล้วละ"
    แต่ปลายสายนั้นพูดด้วยเสียงดุขึ้นมา "พวกแกบ้าไปแล้วหรือไง ที่มายิงถล่มค่ายของพวกเรากันวะ" ซึ่งปลายสายคือจ่าฝูงซอร์แรค ที่มีสภาพดำไหม้เป็นบางจุดโวยลั่นขึ้น เมื่อค่ายของพวกซอร์แรคพังพินาศลง
              "เป็นไปไม่ได้น่า พวกเราเห็นพวกศัตรูโผล่มา เราเลยต้องรีบยิงทิ้งก่อนที่พวกมันจะบุกยึดปราการเอคคอร์ทกันน่ะ" หัวหน้าหน่วยปืนใหญ่อ้าง โดยมองมอนิเตอร์ที่เผยภาพพวกไทรเวเซอร์ถูกทำลาย สักพักหนึ่งก็ "แว้งงงงง" ภาพเปลี่ยนเป็นซากวอร์บอทของอัลแทเรี่ยนพังพินาศลง ในขณะที่ภาพซากยานไทรแองเกิ้ลและไฮด์เดาท์พังพินาศนั้น กลับกลายเป็นยานรบของซอร์แรคสองลำที่พังพินาศลง "เป็นไปไม่ได้น่า ระบบคอมพิวเตอร์ของเรานั้นไม่มีทางผิดพลาดไปได้แน่ๆเลยละ" หัวหน้าหน่วยปืนใหญ่กล่าว
              ไม่ทันไร รอมมิช แฮรี่และนิคโผล่มา พวกทหารเลยรีบเอาโฟร์ทพัลเซอร์มาเพื่อยิงสวนกลับ "ดริฟท์ไดมอนด์" นิคยิงกระสุนน้ำแข็งเข้าแช่แข็งใส่ทหารสโตนอลสามตนให้ชะงัก "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" แฮรี่กราดยิงดับเบิ้ลแอสเซาท์ไรเฟิ่ลปัดปืนของฝ่ายตรงข้ามหลุดมือ บีบให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ดาบหินผา "หวับบบ แคร้งงง แคร้งงง แคร้งง แคร้งงง" รอมมิชกวาดแกว่งง้าวพลังธาตุดินปัดทำลายดาบหินผาของพวกทหารสโตนอลพร้อมกับ "ฉั้วะๆๆๆๆ" ฟันใส่พวกศัตรูให้ล้มลงไป ในเวลาเดียวกับ "เปรี้ยงงงง โครมมมมม" ประตูภายในฐานปืนใหญ่ถูกเป่าจนอัดใส่ทหารสโตนอลหญิงที่เดินมาให้ล้มกองกับพื้นไป ทำให้ทหารสโตนอลที่อยู่ในห้องรีบลุกขึ้นมา "ฟึ่บๆๆๆๆ ฉึกๆๆๆๆ" บาร์ทกระโจนเข้าใช้กระบี่พลังน้ำเข้าแทงใส่เกราะของทหารสโตนอลจนพังทะลุ แม้จะมีบางส่วนถือดาบหินผาขนาดใหญ่ทีเดียวสองเล่มเลยก็ตาม "อ้านนนน ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ ฉั้วะ" น็อกกี้บุกเข้ามาใช้ไนโตรแอ็กซ์ฟันใส่ทหารสโตนอลให้ล้ม แม้จะมีบางส่วนรีบกดปุ่มสัญญาณเตือนภัย "ฟ้าวววว ตึก หวับบบบ ป้ากกกก" เฟรดกระโจนเข้าหากำแพงโดยถีบชิ่งออก พร้อมกับทิ้งเข่าคู่ลงมา "เปรี้ยงงง" ปะทะกับหัวทหารสโตนอลไปเต็มๆ อีกด้านหนึ่งก็.... "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆ" มาริใช้ชูริเคนแมชชีนกันยิงใส่ตรงช่องตามองบนหน้ากากชุดเกราะของทหารสโตนอล จนดาวกระจายปักตรงดั้งและดวงตาของพวกนั้น เปิดช่องให้ช็อปเปอร์และแจ็สบุกมา "แคร้งงงง แคร้งงง แคร้งงงง แคร้งงงงง ชรี้ดดดดดด กรี้กกกกก ป้ากกกก" ช็อปเปอร์ใช้ขวานพลังธาตุเหล็กฟันจนเกราะและดาบหินผาแตกกระจุย ในขณะที่แจ็สใช้ชาร์แครมคัตเตอร์กรีดใส่ทหารระดับนายกองจนเกราะแตกกระจุยไป "ป้ากก ป้ากกก ป้ากกก ป้ากกก ป้ากกก" นาเดียและโรซารี่ไล่ฟาดพวกทหารสโตนอลด้วยกริฟทอนฟ่าและตะบองพลังเพลิงจนล้มกลิ้ง ในขณะที่รีฟอยู่ข้างนอกใกล้กับส่วนควบคุมปืนใหญ่ โดยใช้มือถือเข้ากับแผงควบคุมปืนใหญ่ หลังจากที่เธอจัดการกับทหารสโตนอลที่ควบคุมอยู่ในปืนใหญ่ไปแล้ว "ฝั่งพวกเราจัดการกับระบบมอนิเตอร์ไปแล้ว ฝั่งพวกคุณเป็นไงบ้างละคะ คุณแรมเบจ" รีฟกล่าว
              "ขอรายงานก่อนเลยน่ะ ทหารมนุษย์หินเหล่านี้ที่อยู่ในฐานปืนใหญ่พิสัยไกลอีกฝั่งหนึ่งนั้น โดนซัดเรียบแล้ว" แรมเบจบอก โดยตอนนี้ทหารสโตนอลที่คุมอยู่ในฐานปืนใหญ่หมายเลข 6 แน่นิ่งไปกันหมด ซึ่งมีแด็กซ์คอยช่วย
              ส่วนคีธก็.... "โชคดีมากที่พวกสโตนอลใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการเล็งและอาวุธจากเดลอาเนี่ยน เลยทำให้ทางเราใช้แอพลูแพทแฮคเจาะระบบเข้าไปได้เลยน่ะ" อยู่ในห้องคอมพิวเตอร์และจัดการกับข้อมูลกันไว้แล้ว "แร้งแสบเรียกรังนกเงา ป้อมปืนใหญ่ห้าหน่วยที่เราได้ข้อมูลจากเทคเนล่าถูกยึดไปแล้วละ"

              "รับทราบแล้วละ พวกนายลงมาแล้วหรือยังละ" โดซี่บอก จากนั้นก็ "ฟ้าววววว ฟ้าวววว แว้งงงงง แว้งงงงง" ปรากฎยานไทรแองเกิ้ลและยานไฮด์เดาท์โผล่มาบนฟากฟ้า
              "โชคดีมากที่พวกมันเทิร์ครู้จักแค่พวกเรากับยูเนี่ยนพีช แต่ไม่รู้จักกับพวกกองกำลังหลังฉากกันไว้ แถมวอร์มูนส่วนมากก็หันเหไปไล่ยิงฝนอุกกาบาตที่เลดี้สตาทอสฟ่าเรียกมาด้วย เลยทำให้ฝ่ายเราส่งอินสเปคทรัลลงไปได้ก่อนน่ะ" พีวิลกล่าว โดยที่ฝ่ายไทรเวเซอร์ใช้อิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนเชื่อมต่อเพื่อทำให้ยานมีสภาพไลท์โคฟเวอร์ ซึ่งเสมือนกับล่องหนได้ ในขณะที่ยานไฮด์เดาท์ใช้คริฟไฟแทนแทรซครอนฉาบผลึกอำพรางตัวไว้เช่นกัน
              "ว่าแต่ พวกเราลงมาที่ดาวเป็นหนที่สองแล้ว เราจะเริ่มจากไหนกันก่อนละ" อิลมิคบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ตอนนี้เราได้ฐานป้อมปืนใหญ่มาไว้ในครอบครองแล้ว แต่จะดีกว่ามาก หากเราปิดการทำงานของวอร์มูนทั้ง 9 ลงกันเสียก่อนน่ะ"
              "เออ เราไม่บุกไปที่เอคคอร์ทเลยหรือวะ มาสวาร์ทาร์" คลอเวฟกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "มันเทิร์ครู้ว่าเราเสียท่าให้กับมันและพวกที่ปราการนั้นมาแล้ว ดังนั้น ปราการนั้นจะต้องมีกองยานของเจเดร่าที่ถูกมันเทิร์คครอบงำล้อมรอบไว้ ซึ่งเราไม่อยากจะเสียเวลาหมดไปกับการตีป้อมที่แข็งป้ากกันหรอกน่ะ" แล้วก็พูดต่อ "ที่สำคัญ เรายังไม่รู้เลย ว่าเจเดร่าและเมคโซ่ยังรอดอยู่หรือเปล่า เกิดทั้งคู่ถูกจับกุมอยู่ในปราการนั้นขึ้นมา สมุนของมันเทิร์คก็จะใช้ทั้งคู่มาบีบให้เรายอมแพ้อีกก็ได้เลยน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องออกยึดเมืองสำคัญบนดาวดวงนี้เลยดีกว่าน่ะ" โคเซวิคบอก แล้วก็เปิดแผนที่บนดาว "เทคเนล่าส่งข้อมูลล่าสุดบนดาวดวงนี้ไว้แล้ว พบว่าในแต่ละเมืองไม่เพียงมีจานบินครอบงำจิตของชาวสโตนอลกันทั้งหมด แต่เรายังพบว่าเมืองทุกแห่งมีการส่งพลังงานไปยังพระราชวัง ซึ่งมีประตูมิติขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นมา บ่งบอกได้ว่า มันเทิร์คคิดจะเรียกมหาดารามรณะออกมากันแล้วน่ะ" โดยเผยตำแหน่งเมืองทั้ง...
              "7 จุด แต่ละเมืองล้วนแล้วทำให้เราแยกขุมกำลังกระจายไปไกลทั้งนั้นเลยน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              "แต่โชคยังดีมาก ที่เทคเนล่าได้ส่งกองกำลังจากแฟคม่า ไอซ์ติก้า แซนดอม แอร์คราวนด์ วอเทเชี่ยนและจังกรอเรสลงมาช่วย ซึ่งเรามีป้อมปืนใหญ่ที่ยึดมาเมื่อครู่อยู่ จึงช่วยเปิดนำในการบุกยึดกันได้น่ะ" เฟลิคบอก
              สเปียริทกล่าว "คราวนี้มันเทิร์คคงต้องใช้มุขเดิมมาเล่นพวกเราด้วยการครอบงำทุกๆคนให้เป็นพวกของมันแน่ๆน่ะ"
              "เรื่องนั้นเรารู้ดีแล้วละ ว่ามันเทิร์คต้องกำจัดพวกเราให้ราบคาบก่อนที่การเรียกมหาดารามรณะนั้นเกิดขึ้นแน่นอน" พีวิลบอก "ก่อนที่พวกมันเทิร์คจะครอบงำกองรบของไฟโรนและของลาคาดัล แล้วก็ใช้วอร์มูนทั้งเก้ายิงถล่มพวกเราจากนอกดาว เราต้องชิงลงมือก่อนน่ะ"
              อาชิลน่าบอก "และเราต้องรับมือกับพวกเดลอาเนี่ยน หลังจากที่พวกเธอหาเรื่องเล่นงานพวกนั้นด้วยปืนใหญ่ไปแล้วน่ะ"
              "โดซี่ เธอสั่งกองกำลังหลังถอนตัวออกจากปืนใหญ่ได้เลย เราจะเริ่มแผนบุกกันเดียวนี้ละ" เนคมาดูซัมบอก
              โดซี่กล่าว "ทั้งห้าทีมออกจากพื้นที่แล้ว เตรียมพร้อมยิงสลุตไปได้เลย"
              "งั้นพวกเราเตรียมพร้อมกองกำลังไว้บุกยึดเมืองทั้งเก้าเลยดีกว่าน่ะ" โคเซวิคบอก
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "อย่างน้อยเราต้องหาตัวเจเดร่าและเมคโซ่ให้เจอก่อนมันเทิร์คบ้างน่ะ"

              ที่ปราการเอคคอร์ท
              "ตอนนี้พวกเราทำลายฝนอุกกาบาตไปได้ชุดหนึ่ง พร้อมจะใช้อาวุธหนักในการทำลายชุดถัดมาโดยเร็วนะครับ ท่านที่ปรึกษาโคเบม" ทหารสโตนอลที่ประจำการรายงานต่อมือขวาของมันเทิร์ค
              "ดี ต่อให้เลดี้สตาทรอฟ่าใช้อาวุธที่ทรอมเบตใช้ดึงทรัพยากรมาเสริม ก็ไร้ประโยชน์กันอยู่ดี เพราะว่าวอร์มูนของเราไร้เทียมทานอยู่แล้วละ"
              "เออ มีการแจ้งเตือนมาจากเขตเมืองทั้งเจ็ด เห็นว่าพวกสโตนอลภายใต้การนำของเจเดร่าพยายามจะบุกยึดเมืองจากใต้ดินขึ้นมานะคะ" ทหารสโตนอลหญิงรายงาน
              โคเบมบอก "นึกแล้วเชียว ว่าชาวเมืองใต้ดินส่วนหนึ่งนั้นไม่ได้รับผลจากการถูกครอบงำไว้แน่ๆ" แล้วก็สั่งการไปว่า "หน่วยปืนใหญ่ที่อยู่ใกล้เขตเมืองนั้นเป็นไงบ้างละ"
              "พวกเขาแจ้งมา ว่าพวกเขาพร้อมจะยิงใส่ผู้บุกรุก เหมือนเช่นเดียวกับที่ทำลายกลุ่มศัตรูสองพวกนี้ลงไปได้แล้วละครับ" ทหารสโตนอลชายรายงาน
              โคเบมได้เห็นภาพการถูกจู่โจมของยานไทรแองเกิ้ลและไฮด์เดาท์ "ดี ถ้าเห็นพวกศัตรูอย่างกองกำลังพันธมิตรเทคนอตละก็ ยิงได้ทันทีโดยไม่ต้องรีรอคำสั่งจากฉันเลยน่ะ"
              "รับทราบแล้วละครับ" ทหารสโตนอลบอก "หน่วยปืนใหญ่ พวกคุณได้รับอนุมัติให้ยิงใส่เป้าหมายได้เลย"
              ทางนั้นเลยตอบมาว่า "ยืนยันคำอนุมัติ พวกเราเห็นกองรบของลาคาเมสลงมาที่เมืองบากิฟ พร้อมกับกองรบของเซฟิสตันพุ่งลงมาที่เมืองวากัลด้วยน่ะ"
              "แต่จะดีกว่ามาก หากเราต้องการกองรบของพวกท่านในการคลี่คลายสถานการณ์กันสักหน่อยน่ะ" เสียงทหารอีกรายกล่าว
              โคเบมบอก "ย่อมได้ แต่ข้าให้เพียงแค่ 2 กองเท่านั้น เพื่อกันมิให้พวกศัตรู...." ไม่ทันไรก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมา "คราวนี้อะไรอีกละ"
              "พบสัญญาณหุ่นรบของพวกไทรเวเซอร์ส่วนหนึ่งเคลื่อนตัวไปยังเมืองกันไชน์แล้วละครับ" ทหารสโตนอลบอก โดยจับภาพฟอร์เทสซิกัสสามเครื่อง มาพร้อมกับฟาลครีด้าแอทแทคก้าติดพาร์ทมัคซ์บริซครีทบินตรงมายังเขตเมืองกันไชน์จากด้านข้าง ซึ่งไม่มีกองรบเดลอาเนี่ยนเฝ้าอยู่
              โคเบมบอก "หึ น่าขันจริงๆ มาเพียง 4 หน่วยเช่นนี้ คงไม่มีทางบุกยึดเมืองได้แน่ๆน่ะ"
              "แต่ว่า ทหารในเมืองกันไซน์แจ้งมา ว่าตอนนี้กองรบของวอเทเชี่ยนกำลังลงมาเป็นจำนวนมากแล้วนะคะ" ทหารสโตนอลหญิงกล่าว โดยนำภาพของกองยานวอเทเชี่ยนเคลื่อนตัวลงมา
              โคเบมบอก "ตาแก่เดฟทรอลยังเหลือกองยานไว้เลยสิน่ะ แต่เกรงว่าคงไม่มีทางได้ทำอะไรได้หรอก" แล้วก็สั่งการให้ "กองยานรักษาการณ์ มุ่งหน้าไปยังกันไซน์เพื่อจัดการกับพวกวอเทเชี่ยนเดียวนี้ แล้วก็ วอร์มูนหมายเลข 10 สอยกองยานเหล่านั้นด้วย"
              "รับทราบแล้วละครับ" ทหารสโตนอลที่ประจำการกล่าว โดยตอนนี้ "หึมๆๆๆๆๆ แชดดดดด ตรูมมมมม" ปืนใหญ่ที่อยู่ในขอบเขตเมืองกันไชน์ยิงลำแสงเข้าถล่มใส่กองยานรบของวอเทเชี่ยนจนวินาศสันตะโรไป จากนั้นก็ถล่มอีก 4 ลำที่พยายามเคลื่อนหลบให้ระเบิดไปด้วย
              โคเบมบอก "หึๆๆๆๆๆ ต่อจากนี้คงไม่มีใครต่อต้านพวกเรากันแล้วละ อย่างน้อย ท่านมันเทิร์คจะได้เรียกมหาดารามรณะมากวาดล้างพวกสวะทั้งหลายให้ไปไกลๆแล้วละ" แล้วก็สั่งการให้ "กองยานที่เหลือ เข้าไปคลี่คลายสถานการณ์กันซะ" กองยานสโตนอลของโคเบมเคลื่อนตัวออกจากปราการไปตามเมืองต่างๆโดยเร็ว
              "รายงานครับ ตอนนี้คนของเราได้จับกุมรานีเจเดร่าและผู้พิทักษ์เมคโซ่มาแล้ว และต้องการให้เราเปิดประตูเข้ามานะครับ" ทหารสโตนอลบอก
              โคเบมบอก "หึ นั้นคงเป็นแผนงี่เง่าของพวกไทรเวเซอร์ ที่แสร้งหลอกเราแบบนี้สิน่ะ ไม่ต้องไปเชื่อหรอก"
              "แต่....กองรบเทคนอตขององค์หญิงเทคเนล่าส่วนหนึ่งได้ไล่ล่ากลุ่มทหารของเรากัน ถ้าเราไม่รีบเปิดประตู เราก็จะ...." ทหารสโตนอลอ้าง
              โคเบมไม่เชื่อ "....เทคนอตไม่เคยส่งกองรบเข้ามาสอดยุ่งเรื่องของดาวดวงอื่นมาหลายปี เราคงจะเชื่อกันกระมั่งน่ะ" แล้วก็แจ้งไปว่า "สั่งการไป เราจะตัดการสื่อสารระหว่างกองรบนั้นทิ้ง เพื่อมิให้มีใครส่งข้อความงี่เง่ามาหลอกเรากันอีกน่ะ"
              "เข้าใจแล้วละครับ" ทหารสโตนอลกล่าวแล้วรีบทำตาม
              โคเบมบอก "ถ้าคิดจะมาหลอกพวกเราละก็ ยังเร็วไปหลายสิบปีกันเลยน่ะ หึๆๆๆๆๆ" แล้วก็มีดวงไฟกระพริบสีแดงขึ้นมา "ยังไม่เลิกอีกหรือไงกันน่ะ" โคเบมสบถพร้อมกับกดปุ่มเพื่อแจ้งเตือน
              "พวกแกหูตึงใช่มั้ย ถึงไม่ได้ยินการติดต่อของพวกเรากันน่ะ" ทหารเทรโอเซี่ยมบอกด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากอย่างมาก
              โคเบมกล่าว "ว่าแต่ พวกท่านมีเรื่องอะไรหรือ"
              "มี พวกแกบ้ามากใช่มั้ย ที่มายิงถล่มกองยานรบของพวกเราที่เฝ้านอกเมืองของแกกันไว้นะ" ทหารเทรโอเซี่ยมโวย
              โคเบมถึงกับตกใจมาก "เป็นไปไม่ได้หรอกน่ะ เพราะว่าพวกเราสอยยานรบของพวกศัตรูลงไป เราจะยิงทำลายกองรบของพวกท่าน...." ไม่ทันไร มอนิเตอร์ที่เผยภาพกองยานรบวอเทเชี่ยนที่พังพินาศไปนั้น เปลี่ยนกลับเป็น กองยานเทรโอเซี่ยมที่อัปปางไปส่วนหนึ่ง
              "และพวกแกก็ถล่มกองรบบรูซาเรม แมทเฟลิม ซอร์แรคและแมทเฟลิมจนแหว่งไปส่วนหนึ่ง ทำให้พวกกบฎของอาร์ซไพล์มและแมนิเกเตอร์บุกเข้าจู่โจมกันอยู่ อยากรู้ว่าพวกแกส่งกองหนุนมาช่วยหรือยังละ" ทหารเทรโอเซี่ยม

              "ทางเราส่งไปแล้วละ หากแต่เรื่องที่พวกเรายิงพวกท่านไปนั้น มันเป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิคกันน่ะ" โคเบมบอก โดยตอนนี้ได้เห็นภาพเขตเมืองไฮบาวที่ตั้งอยู่บนหุบเขาสูง ซึ่งมีกองรบอัลแทเรี่ยนเฝ้าอยู่พร้อมกับสตาร์สโตนอคติดบูสเตอร์เฝ้าอยู่ "ฟ้าวววววว แชดๆๆๆๆๆๆๆ" เครนิสกับทีมท็อปเกลบุกมาพร้อมกับเซฟิสตันที่ควบคุมสตาร์แอร์เรฟและแอร์โรด บินมาระดมยิงปืนแสงอนุภาคเข้าใส่อัสแทรมิคและสตาร์สโตนอคที่บินได้อย่างหนักหน่วง "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" อัลแทเรี่ยนและทหารสโตนอคฝ่ายมันเทิร์คยิงห่ามิไซล์เข้าใส่อัสแทรมิคของพวกเครนิส "ฟ้าววววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าววววว" วิลด้ากับแอสโทรเกเซอร์สตอร์มบริงเกอร์พาร์ท มากับไซโคลเนียซึ่งนำฟาลครีด้าสกายไฮซ์บัสเตอร์ และทีมฟาสท์วิงค์ "แชดดดดด แชดดดด แชดดดดดดด" วิลด้าและไซโคลเนียใช้ปืนแสงเข้าทำลายห่ามิไซล์ทิ้ง อิคารอไนซ์ 10 ตัวบุกเข้ามายังวิลด้าและไซโคลเนีย "วังวนคู่ควงสว่าน" เซรีนพุ่งหมุนตัวด้วยแขนสว่านสองข้างเข้าเจาะใส่อิคารอไนซ์ 3 ตัวจนพัง ส่วน 7 ตัวนั้น "สเปคเทรี่ยนเซเบอร์" โครวเชดใช้ดาบพลังอนุภาคขนาดยาวฟันใส่จนตัวขาดครึ่งไปกันหมด "ฟ้าววววว แชดดด แชดดด แชดดดด" อิลมิคนำชาร์โดววิงค์ฮาเคนยิงลำแสงเข้าใส่วิงค์ฮาเคนให้พังกระจุยไป "ฟ้าวววว ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ" นิคควบเซนครีทแพนเธอร์ติดบูสเตอร์บินได้หวดดาบโครมเมทาเลี่ยมซอร์ดสองเล่มฟันใส่สตาร์สโตนอคบินได้ร่วงไป 3 ตัว อัสแทรมิค 6 ตัวบุกมาพร้อมกับง้าวยาวเข้าสู้กับรอมมิช ซึ่งใช้ง้าวคมเหล็กสองคม "หวับบบ ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ ฉั้วะ" ฟาดฟันใส่อัสแทรมิคจนง้าวอนุภาคขาดพร้อมตัวหุ่นจนระเบิดไปตามๆกัน "ฟ้าววว เปรี้ยงงง" สตาร์สโตนอคถูกแฮรี่ชกด้วยหมัดหนักๆจนตัวทะลุแล้วก็ "ป้ากกก ฟ้าวว โครมมม" ถีบให้ตัวสตาร์สโตนอคปลิวไปอัดกับสตาร์สโตนอคอีกตัวให้ระเบิด "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" ป้อมต่อต้านอากาศยานของเมืองไฮบาวพยายามยิงมิไซล์เข้าใส่ แต่.... "ฟ้าวววว ฟ้าววว" ไซโคลเนียยิงมิไซล์ลูกยาวออกกลางหลังพุ่งตรงไปยังห่ามิไซล์ โดยที่ห่ามิไซล์ทั้งหลายพุ่งติดตามมาเป็นพรวน ตรงมายังกำแพงเมือง "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จนระเบิดใส่ป้อมต่อต้านอากาศยานของพวกมันเทิร์คจนกระเจิง "หวับๆๆๆๆๆ แชดดดดด" วิลด้ายิงสครูวอิมพัลซ์ไรเฟิ่ลสองกระบอก พร้อมกับลำแสงจากดันบิลแคนน่อนบนแบ็คแพ็คที่เลื่อนมาประทับบ่า เข้าใส่จานบินสร้างคลื่นล้างสมองเมืองไฮบาวจน "ตรูมมมมม" จานบินระเบิดอย่างหนักหน่วง แม้สตาร์สโตนอคพยายามจะบินมาซ่อมแซม "ไม่มีทางให้ซ่อมได้หรอก" เซฟิสตันบินมาใช้เทมเพสต์บลัสเตอร์อาร์มยิงมิไซล์ขนาดเล็กถล่มใส่สตาร์สโตนอคจนร่วงแล้วก็ "หวับบบ ฉั้วะ หวับๆๆๆๆ ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะๆ" โต้ตอบด้วยลองค์เลเซอร์ซอร์ดใส่อัสแทรมิคที่บินมาจนร่วงไป 5 ตัว โดยที่พวกแอรอทเข้าช่วยจัดการกับพวกอัลแทเรี่ยนจนต้องล่าถอยกลับไปเพียงส่วนหนึ่ง
              ตามด้วยเขตเมืองคาชูริชูล ซึ่งมีกองรบบรูซาเรมเฝ้าป้องกันไว้ "ตรุ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ลาสแบรท อุลไซน์ไดซ์ยิงถล่มด้วยอาวุธหนักจากพิสัยไกลเข้าใส่พวกแฟคม่าภายใต้การนำของไฟโรน "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งก็รีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับระดมยิงฟิสชั่นแคนน่อนและฟิสชั่นเลเซอร์แคนน่อนใส่อย่างหนักหน่วง บรูซาน็อกซ์จำนวน 15 ตัวมาพร้อมกับอุลแลนเดอร์และอุลแคลชเชอร์อย่างละ 10 หน่วย "แชดดด แชดดด แชดดด แชดดด ตรูมมม บรึมมมม เปรี้ยงงง ตรูมมมม" อุลแคลชเชอร์และบรูซาน็อกซ์อย่างละ 2 หน่วยถูกเป่าถล่มด้วยปืนใหญ่อนุภาคของกริซซิกอย่างหนักหน่วง "ทวินอาร์มลันเชอร์ เฮฟวี่บาซูก้า" ตามด้วยใช้บาซูก้ายิงใส่อุลแลนเดอร์ให้พังไป 3 หน่วย "ฟิ้วๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆ" โคเซวิคยิงห่ามิไซล์จากยานเดาท์เทรสใส่อย่างหนักหน่วง แต่ลาสแบรทส่วนหนึ่งขี่อุลแลนเดอร์เพื่อเตรียมถล่มยานให้ร่วง "แชดดดด แชดดดด แชดดด" กลับถูกลำแสงสองเส้นสามระลอกสอยอุลแลนเดอร์พังไปพร้อมกับลาสแบรทสามหน่วย "ตรุ้งงง ตรุ้งงง ตรุ้งงงง แฟ้วววว แฟ้ววว แฟ้ววว ตรูมๆๆๆๆๆ" ตามด้วยกระสุนบาซูก้าและมิไซล์ลูกยาวพุ่งถล่มใส่อุลไซน์ไดซ์ให้พัง "ฟ้าวววววว ตรึงงงง" ตามด้วยฟาลครีโด้หลีขุ่ยใช้ดาบใหญ่ที่อัดพลังสายฟ้า "ฉั้วะๆๆๆๆๆ" ฟันใส่ลาสแบรทที่อยู่ตรงหน้าให้ขาดกระจุยไป โดยที่คีธและแด็กซ์บินเข้ามา "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงสปีดวัลแคนใส่อุลไซน์ไดซ์ให้พังไป "ฟ้าววว หมับบ เปรี้ยงงงง" คีธใช้โวลเทจวิปดึงตัวสตาร์สโตนอคขึ้นมาและถีบให้ปลิวกระเด็นไปอัดกับกำแพงเมือง "ดิวตรอนมิไซล์" จายด์นำกันสตาร์คดีวาสเทรดยิงจรวดมิไซล์จากแขนซ้ายเข้าถล่มใส่อุลไซน์ไดซ์ให้พัง โดยมากับ "ตรุ้งๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆ พรึ่บบบบ แกร็กๆๆๆๆ เพล้งงง" เบติสที่นำไคโอเบิร์นเนอร์บลัสต์บอมเบอร์ บุกเข้าจัดการกับอุลไซน์ไดซ์ที่เคลื่อนตัวเข้ามาพร้อมกับลาสแบรทจนกระจุย โดยมีพวกไรแกทเป็นลูกมือช่วยบดขยี้ลาสแบรทให้พัง "แชดดด แชดดดด แชดดด แชดดดด ตรูมๆๆๆ บรึมมมม" โคเซวิคระดมยิงใส่เครื่องสร้างคลื่นล้างสมองควบคุมเมืองคาชูริชูลให้พัง โดยที่กริซซิก "แชดดดด เปรี้ยงง ตรูมมมม" ใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายประตูเมืองเพื่อให้ไฟโรนนำพวกแฟคม่าบุกเข้ากอบกู้เมืองได้เป็นผลสำเร็จ

              "ไอ้พวกสมุนของอาร์ซไพล์ม ชดใช้ชีวิตของท่านไทโรนอฟมาเดียวนี้เลย" ทหารซอร์แรคที่ควบคุมเมืองแดททราสพาพวกบุกเข้าใส่ริชาร์ทและเร็กซอนที่บุกเข้ามา "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โกแซคซอนและโรดแซคซอนถูกไกซ์ถล่มด้วยโชลเดอร์ไมโครลันเชอร์อย่างหนักหน่วงพร้อมกับ "แชดดด แชดดด แชดดดด" ใช้เฮฟวี่บัสเตอร์ไรเฟิ่ลยิงใส่สตาร์สโตนอคที่บุกเข้ามาให้พังไป 6 ตัว "ตรุ้งๆๆๆๆๆ ทิ้วๆๆๆ" เจเนลและสเตฟอร์ดบุกเข้าถล่มใส่จูลาสโต้แบบบินได้ให้ยับเยิ่นด้วยควอดเด้นบุลเล็ตและบลัสต์บาซูก้า เปิดช่องให้พวกเฮเรเค้นและเทรอนเร็กซ์เข้ามาจัดการต่อ โดยที่หลบเลี่ยงไม่ให้ไดเรปซาร์ทมาเหยียบใส่ด้วย "เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงงง" ผู้พิทักษ์ลาเชียน่า ลูกน้องของลาคาเมสนำพวกแซนดาลเข้าจู่โจมด้วยอาวุธไฟฟ้าใส่พวกสมุนของมันเทิร์ค ซึ่งก็ "เปรี้ยงงง เปรี้ยงงง เปรี้ยงงง แฟ้ววว ตรูมมมมม" เรียกสายฟ้ามาฟาดใส่จานบินควบคุมสมองชาวเมืองแดททราสจนพังไป ในเวลาเดียวกันกับ "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆ" กองยานที่โคเบมส่งไปช่วยพวกเทรโอเซี่ยมที่เมืองคาวยาร์ทนั้น โดนกองยานวอเทเชี่ยนถล่มด้วยปืนใหญ่พลังงานอนุภาคไฮโดรเจนอย่างหนักหน่วง ซึ่งมียานไฮด์เดาท์ที่เฟลิคคุมร่วมรบด้วย "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว" ดีฟรอต้ากับทหารวอเทลนำสตาร์วอเทรฟและสตาร์วอติค บุกเข้าสู้กับพวกเทรโอเซี่ยมและทหารสโตนอลของมันเทิร์คที่บุกเข้ามา "แชดดดด แชดดด แชดดดด แชดดดด" ดอลฟูลนิสนำทีมเทรลเวฟระดมยิงอาบีสไรเฟิ่ลเข้าใส่เมอมาร์คและเวฟสไตรเดอร์ให้ร่วงไปหลายเครื่อง "ฟ้าววววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว" มารินำช็อปเปอร์และแจ็สบินเข้ามา "ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ ฉั้วะ" จัดการกับเมอมาร์คให้กระจุย "ตรุ้งๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ" ครีซไล่จัดการกับไบดัลโวลด้วยชิฟแคลชเชอร์แคนน่อนและตอปิโดที่หลังแขนอย่างต่อเนื่องจนพังไป เฟลิคช่วยยิงปืนใหญ่อนุภาคสอยไบดัลโวลให้พังไปด้วยอีกที "ฟ้าวววววว ฟิ้วๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆ แชดดด แชดดด แชดดด" สามพี่น้องมาสซั่มบุกเข้าจู่โจมใส่เมอมาร์คและสตาร์สโตนอคที่บินเข้ามาหมายจะจมไฮด์เดาท์ให้พังไป "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว ฉั้วะๆๆๆๆๆๆ" ลิเนียร์ตี้บินมาใช้เบลดเพคบัสเตอร์ฟันใส่สตาร์สโตนอคส่วนหนึ่งให้ขาดสะบั้นลง พร้อมกับทีมของเวลลิทมาช่วยอีกแรง "หึมๆๆๆๆๆ แชดๆๆๆๆๆๆๆๆ" เหล่ายานรบของพวกเทรโอเซี่ยมยิงลำแสงเข้ามายังยานไฮด์เดาท์ "รีเฟรคเตอร์ชิลด์ เดินเครื่อง" เฟลิคสั่งการเพื่อให้ยานสร้างบาเรียทรงกระจกกลม "ป้ากกกกก แฟ้ววววว เปรี้ยงงงงงง ตรูมมมม" สะท้อนลำแสงอนุภาคที่ยิงมายังไฮด์เดาท์ให้ไปทำลายจานบินครอบงำสมองจนพังไป "จังหวะนี้แหละ ครีซ โซนาร์เวฟแคนน่อน" เฟลิคบอก ครีซพยักหน้าแล้วก็ "แง้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ใช้ปืนใหญ่ยิงคลื่นเสียงโซนาร์เข้าใส่กองยานเทรโอเซี่ยมจนทำให้พวกนั้นชะงัก เช่นเดียวกับกองยานสโตนอลที่ถูกครอบงำด้วย
              "อูย เออ ว่าแต่ พวกเรากำลังทำอะไรกันละเนี้ย" กัปตันยานกับเหล่าทหารของเจเดร่ากล่าว หลังจากที่พวกเขารู้สึกตัวไปแล้ว
              เฟลิคบอก "เกรงว่าพวกท่านจะโดนมันเทิร์คครอบงำให้มาเล่นงานพวกเราแล้วนะสิ" กัปตันยานเห็นกองยานเทรโอเซี่ยมเลย "แชดๆๆๆๆๆๆ" ระดมยิงใส่ยานรบของเทรโอเซี่ยมจากด้านข้างโดยเร็ว เปิดช่องให้ดีฟรอต้ากับพวกเนคมาดูซัมบุกเข้ายึดเมืองไปได้เรียบร้อย "แล้วตอนนี้ ท่านเจเดร่าล่ะ" กัปตันยานถาม
              "ผู้พิทักษ์เมคโซ่พาพระนางหลบหนีอยู่นะสิ" เนคมาดูซัมบอก
              กัปตันยานบอก "ดูท่าว่าพวกท่านต้องช่วยพวกที่เหลือกันแล้วละ เพราะพวกเราเกลียดมากที่ต้องก้มหัวให้กับมันเทิร์คอยู่น่ะ"

              "ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะๆๆๆ" สเปียริทนำฟาลครีด้าพรีม่ามัคซ์บรีซครีทจู่โจมใส่แคทครอฟด้วยพรีม่าร็อดทวินเบลดจนขาดสะบั้น โดยที่ดิเรนท์ วูลเฟลล่าและไลเอิร์ทเข้าช่วยจัดการกับแคทครอฟที่เฝ้าเมืองเฟอเจน "แชดๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ" เจกรอน่ากับทีมวอลเกนระดมจู่โจมใส่เพรเดแคทที่อยู่แนวหลังด้วยป้อมมิไซล์และอิคนีสไรเฟิ่ลจนกระเจิง "แคว้กๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆ" แอบไบออสบุกเข้าจู่โจมใส่แคทครอฟความเร็วสูงจนขาดสะบั้นไปหลายตัว โดยที่แคทเทอบอสส่วนหนึ่งบุกเข้ามา "ฟ้าววว ฉืบๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งโดนปริซึมวิงค์สไลเซอร์พุ่งกรีดตัดใส่แคทเทอบอสขาดเรียงตัวไป โดยฝีมือของเมดิน่ากับฟาร์โอเวี่ยนมัคซ์สไตร์ค "ฟ้าวววว ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ ฉั้วะ" ซึ่งโดดลงมาใช้ปริซึมอาร์มซอร์ดฟาดฟันใส่แคทเทอบอสจนแขนขาดไป "ปริซึมธันเดอร์แฟลช" เมดิน่าปล่อยพลังไฟฟ้าอัดใส่แคทเทอบอสที่กระโจนเข้ามาจนชะงัก แล้วก็ "ฟ้าววววววววววว" ทะยานขึ้นสูงพร้อมกับเหยียดขาลงมา "ซุปเปอร์อีเลคแมคเนต สปินคิกกกกกกก" พุ่งควงสว่านถีบใส่ "แฟ้ววววว เปรี้ยงๆๆๆๆๆ" ทะลวงแคทเทอบอส 6 ตัวจนทะลุเป็นรูจน "ตูมๆๆๆๆๆ" หุ่นระเบิดเป็นจุลไป "ตึกๆๆๆๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆๆๆๆๆๆๆ" อามิวเซนนำเหล่านักรบจังเกรลเข้าจัดการกับสตาร์สโตนอคให้พัง "ป้ากกก หวับๆๆๆๆๆๆ ฟ้าววว แชดดดดดดดด" สเปียริทจับแคทครอฟเหวี่ยงวนไปหลายรอบ ก่อนจะเขวี้ยงให้ปลิวพร้อมกับใช้เรย์แซทแคนน่อนเลฟอาร์มยิงลำแสงอัดให้ปลิวขึ้นไป "เปรี้ยงงง ตรูมมมม" อัดใส่จานบินกระจายคลื่นล้างสมองจนระเบิด แต่ได้แค่บางส่วน "นี้แน่" เมดิน่าซัดปริซึมวิงค์สไลเซอร์พุ่งเข้า "แฟ้วๆๆๆๆๆๆ ฉืบๆๆๆๆๆๆๆ โครมมมม ตรูมมมม" กรีดตัดเครื่องล้างสมองจนขาดเป็นชิ้นๆและระเบิดไป "แคลชนอยน์ลันเชอร์" จิลใช้ปืนใหญ่คลื่นเสียงเข้าเล่นงานพวกอินเซคเที่ยนที่คุมเมืองโดริลบัส จนทำให้สวอร์มมิสและคอร์อินเซปร่วงไปส่วนหนึ่ง "แฟ้วววว แฟ้วววว แฟ้วววว แชดดด แชดดด แชดดด แชดดดด" ฟิเกซใช้ควอดเทตทรอสยิงพลาซอนไรเฟิ่ลเข้าถล่มใส่คอร์อินเซปให้ร่วงไป "โครมมมม ป้ากกก เปรี้ยงงงง ปั้กๆๆๆๆๆ ป้ากกกก" อาแรคคัสใช้บิลด์สไปดัสท์จู่โจมใส่แอทเทอไบน์ของฝ่ายตรงข้ามให้ยับเยิ่น "ริปเปอร์เลเซอร์ สแปรดโบลท์ สตริงเกอร์ดาร์ท สปินคัตเตอร์ ชู้ต" วิเวลลี่ถล่มด้วยอาวุธหนักเข้าเล่นงานแอทเทอไบน์และสวอร์มมิสให้ยับเยิ่นไปไม่น้อย โดยที่พวกมัลแด็กซ์พุ่งเข้ามาช่วยอีกแรง "ฟ้าวววว ฉั้วะๆๆๆๆๆๆๆ" พลัสเชอริทใช้แฟงค์เรซเซอร์สองอันเข้ากรีดตัดสตาร์สโตนอคที่บินเข้ามาใช้สว่านเจาะจนขาดสะบั้น โดยมีเกรเซียล่ากับกองรบไอซ์ติคช่วยหนุนอีกแรง "จังหวะนี้แหละ พีวิล" จิลกล่าว
              "ได้เลย เอนเนอจอนคลัสเตอร์ แรปิดชู้ต" พีวิลสะสมพลังอีเนลเซี่ยมขึ้นที่กระบอกปืนทั้งสามแล้วก็ "ตรุ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กระหน่ำยิงลูกบอลพลังอีเนลเซี่ยมขนาดเล็กแต่ยิงมาอย่างต่อเนื่องเข้าใส่จานบินส่งคลื่นล้างสมองจน "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ บรึมมมม" เป่าจานบินส่งคลื่นล้างสมองเหนือเมืองโดริลบัสจนระเบิดวินาศสันตะโรไป
              "บ้าชะมัด กองยานรบที่เมืองดราคีลไปถึงหรือยังละ" โคเบมกล่าวหลังจากที่เห็นภาพความล้มเหลวกันไว้
              "ไปถึงแล้วครับ เพียงแต่ว่า....." ทหารสโตนอลบอก เพราะกองยานที่มุ่งหน้าไปยังดราคีลนั้น.... "ฟ้าววววววววว ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ" เฟรดและน็อกกี้บินมาใช้มิไซล์ยิงใส่ยานรบของสโตนอคอย่างหนักหน่วง พร้อมกับ "แฟ้ววววววว แชดดดด แชดดดด แชดดดด" ยานคอสมิคไฟต์เตอร์บินเข้ามายิงลำแสงใส่ยานรบอีกลำของสโตนอคตาม "หวืออออ ตรึงงงง" เฟรดรีบโดดลงมาขี่คอสมิคไฟต์เตอร์เพื่อขับถอยหนี เช่นเดียวกับน็อกกี้ที่บินตามมาด้วย "พวกศัตรูพยายามจะหนีแล้ว รีบตามไปเลยเร็ว" กัปตันยานกล่าวแล้วก็นำกองยานไล่ตามไป โดยที่กองยานบินตามมาไม่กลัวเกรงเส้นทางช่องเขาที่เฟรดกับพวกใช้หลบหนีเลย
              "ดูท่าว่าพวกดาวหินคุ้นเคยกับเส้นทางร่องเขานี้เป็นอย่างดี เลยไม่มีการติดขัดแต่อย่างใดเลยน่ะ" บาร์ทกล่าวโดยโผล่หน้าออกมามองดู
              น็อกกี้กล่าว "จะดีกว่ามาก หากคุณไม่ยื่นหน้าออกไปเสียก่อนน่ะ" แล้วก็บอก "ป้าโดซี่ อีกไกลมั้ย กว่าจะถึงตำแหน่งเป้าหมายน่ะ" โดยตอนนี้บาร์ทกลับเข้าไปในยานแล้ว
              "พยายามโฟกัสไปที่การบินก็พอ อย่าถามอะไรมากเลยดีกว่าน่ะ" โดซี่บอก แล้วก็สั่ง "เฟรด เปิดเป้กลางออกได้เลย"
              เฟรดบอก "หวังว่าคงช่วยกันไม่ให้พวกเขายิงใส่เราได้ก่อนนะครับ" แล้วก็ "ปี้บๆๆ" กดปุ่มตรงคอนโซลด้านข้างซ้าย "ครืดดด แกร็ก ฟิ้วๆๆ" แบ็คแพ็คตรงกลางเปิดออกพร้อมกับยิงมิไซล์ออกไปสี่ลูก "เป๊าะๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งแตกกระเปาะออกเพื่อยิงมิไซล์อีก 5 ลูกเข้าใส่ "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" และระเบิดใส่ยานไป ซึ่งก็ไม่ระคายผิวยานรบของสโตนอคเลย แถมยังทำให้ยานรบบินไล่ตามมาอีก "วี้งๆๆๆๆๆๆ" ด้านหน้าร่องผาที่อยู่ห่างไปอีก 30 กิโลเมตรมีแสงกระพริบขึ้นมา โดซี่เลยนำยานเชิดหัวขึ้น "ครืดดดด แกร็กกกก" พร้อมกับเปิดใต้ท้องยานเผยฟาลครีโด้ซ่งเจียงออก "ฟ้าวววว ฟึ่บบบ หมับบบบ" บาร์ทเลื่อนแขนฟาลครีโด้ออกมาให้น็อกกี้บินเข้ามาจับเพื่อดึงขึ้นไป
              "ศัตรูพยายามจะบินหนีออกจากช่องเขาแล้วละครับ" ทหารสโตนอลแจ้ง
              กัปตันยานบอก "ปืนใหญ่ทุกกระบอกเตรียมเล็งใส่เป้าหมายโดยเร็วเลย" แต่ "แง้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จู่ๆก็มีคลื่นเสียงปะทะเข้าใส่กองยานอย่างหนักหน่วง โดยตอนนี้โดซี่บินพาพวกเฟรดกลับมาที่อินสเปคทรัล ซึ่งติดลำโพงสองอันที่หันไปในแนวเฉียงด้านหน้า ปล่อยคลื่นเสียงสะท้อนหน้าผาทั้งสองข้างให้กึกก้องไปทั่วเส้นทางร่องผาอย่างรวดเร็ว
              "มั่นใจนะ ว่าแผนนี้จะได้ผลน่ะ" โดซี่กล่าวกับเทคเนล่า ซึ่งควบคุมลำโพงขนาดใหญ่สองข้าง
              "อย่าห่วงไปเลย เพราะรีสโตลเลชั่นเวฟนี้ ใช้ได้ผลในการคืนสภาพผู้ที่ถูกดาวมรณะควบคุมจิตให้กลับสู่สภาวะเดิม ซึ่งสภาพแวดล้อมของดาวนี้ ช่วยได้มากในการกระจายคลื่นเสียง ซึ่งเสริมพลังในการทะลุแนวกำบังเสียงที่พวกสโตนอคติดตั้งไว้น่ะ" เธออธิบายอย่างละเอียด "แต่ปัญหาคือ พวกคุณมีกำลังน้อยนิดจะเข้ากอบกู้เมืองดราคีลกันยังไงละ"
              "พวกไทรเวเซอร์และยูเนี่ยนพีชใช้แผนเดิม หากแต่.....พวกเขาเปลี่ยนแปลงบางอย่างไว้น่ะ" โดซี่บอก
              โดยตอนนี้ "แฟ้วววววว เปรี้ยงงงงงง" จานบินกระจายคลื่นล้างสมองถูกยิงจากระยะไกลจนระเบิด "ศัตรูกลุ่มเดิมมาเล่นงานพวกเรากันอีกละสิ" หัวหน้าทหารสโตนอคกล่าว "เตรียมปืนใหญ่พิสัยไกลมายิงโต้ตอบกัน...."
              "แฟ้ววววววว เปรี้ยงงงงงง เปรี้ยงงงงง" ไม่ทันไร ป้อมปืนใหญ่พิสัยไกลสองป้อมถูกบางอย่างปะทะมาอย่างเร็วจน "ตรูมมมม บรึมมมม" ปืนแตกระเบิดไปอย่างจังๆ "แย่แล้วละครับ ปืนใหญ่พิสัยไกลแตกแบบไม่ทราบสาเหตุเลยละ...." ทหารสโตนอลกล่าว "แชบๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆๆ" สตาร์สโตนอคที่อยู่นอกเมืองถูกถล่มด้วยห่าลำแสงอย่างต่อเนื่อง "อย่าไปกลัวมัน นั้นต้องเป็นทริคของศัตรูที่หลอกให้เราเชื่อว่ามันมาเป็นกองทัพ แต่มันมาเพียงตัวเดียวเอง รีบโจมตีด้วยปืนใหญ่...." หัวหน้าทหารรีบสั่งการ "แฟ้วววววว แฟ้ววววว แฟ้วววววว แฟ้วววววว แฟ้ววววว" แต่หน่วยอาบินอลนำรีพัลเซอร์ไรเฟิ่ลบินมา พร้อมกับโฟรซ่าและฟูลออเรสที่ใช้อิชเชเตียนฮาร์ดแคนน่อนบินตามมา "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แชดดดด แชดดดด" ฟูลออเรสช่วยยิงด้วยอิชเชเตียนบีมและปริซึมมิไซล์สตอร์มเข้าถล่มใส่สตาร์สโตนอคจนถล่มกำแพงเมืองให้พัง "เปรี้ยะๆๆๆๆ แชดๆๆๆๆๆ" โฟรซ่าใช้เมย์ไนซ์บัสเตอร์ไรเฟิ่ลยิงใส่ป้อมมิไซล์บนกำแพงให้ระเบิดไป "แชดดด แชดดด แชดดด แชดดด แชดดด" อาชิลน่าบุกมาพร้อมกับใช้ดับเบิ้ลอาร์มลันเชอร์ยิงลำแสงใส่บานประตู แต่สตาร์สโตนอฟฟ่า ซึ่งสตาร์สโตนอคสองตัวประกอบร่างกัน บินเข้ามาใช้โลห์ป้องกันเอาไว้ "ปริซึมเฮฟวี่แคนน่อน กระสุนระเบิด ยิง" ฟูลออเรสยิงกระสุนผลึกพุ่งเข้า "ปั้กๆ ตรูมมม บรึมมม" ปักคาประตูและแตกระเบิดเป่าบานประตูให้พังไปอย่างจังๆ เปิดช่องให้อาชิลน่าและทีมอาบินอลบินเข้าไปกอบกู้เมืองได้

              "เราเสียเมืองไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เราต้องทำอะไรสักอย่างกันนะครับ" ทหารสโตนอคกล่าวกับโคเบม ซึ่งได้เห็นเมืองทั้งเจ็ดถูกยึดไปกันหมด
              โคเบมบอก "แต่เรายังมีปราการเอคคอร์ทอยู่ และตอนนี้วอร์มูนก็พึ่งถล่มฝนอุกกาบาตจนหมดไปแล้ว ฉันจะถล่มพวกมันให้ราบคาบจากนอกดาวกันไป....."
              "โครมมมมมม" ไม่ทันไร ก็มีมือขนาดใหญ่พุ่งทะลวงห้องบัญชาการเข้ามา "เหวออออ" คว้าจับโคเบมไปแล้วก็ดึงออกมา "โครมมมมม" โคเบมที่ถูกจับมาก็เห็น เฮฟโวลทริสตรอนบินอยู่ในปราการเอคคอร์ทอยู่ "นิๆๆๆ นี้แก เข้ามาในปราการอันแข็งแกร่งนี้ได้ไงกันน่ะ" โคเบมบอก
              คลอเวฟกล่าว "ฉันไม่มีความจำเป็นจะต้องบอกกับแกกันหรอกน่ะ เพราะฉันมานี้เพื่อมาทำตามที่ฉันสัญญาไว้ ก่อนที่แกจะให้พวกเดลอาเนี่ยนลากตัวพวกเราไปจัดการประหารต่อนี้แหละ"
              "นี้แกเองหรือ แต่แกโง่หรือบ้ามากเลยน่ะ ที่บุกเข้ามาในปราการเอคคอร์ท ซึ่งมีคนของพวกเราคุมอยู่ อีกทั้งเรามีกองยานเหลือไว้ด้วย ซึ่งแกกับหุ่นตัวโตเพียงตัวเดียวไม่มีทางสู้ฉันไปได้หรอก" โคเบมกล่าว ซึ่งคลอเวฟเห็นสตาร์สโตนอคแห่มาล้อมอยู่ในปราการ โดยที่ด้านนอกมียานรบคุมอยู่อีก 6 ลำด้วยกัน
    คลอเวฟเลยเสียบที่ปิดหูก่อนบอกไปว่า "หรือ....แต่เกรงว่า แกคงจะต้องเสียกำลังทหารทั้งหมดนี้ไปแล้ว ใช่มั้ยละ มาส"
              "ว่ายังไงน่ะ อืออออ อ้า โอ้วๆๆๆๆ" โคเบมกล่าวไม่ทันไรก็รู้สึกปวดหูขึ้น เช่นเดียวกับ "อะๆๆๆๆ อ้า ว้ากกก เหวอออ ว้ากกกก" เหล่าทหารสโตนอลที่อยู่ในปราการเอคคอร์ทไม่ว่าจะเป็นพลทหาร นักบินสตาร์ทรูปเปอร์ ลูกเรือในยานรบ ต่างถูกคลื่นเสียงเล่นงานกันถ้วนๆหน้า ซึ่งเป็นฝีมือของมาสวาร์ทาร์ที่คุมยานไทรแองเกิ้ล มากับยานเมนเครมที่ใช้อาวุธคลื่นเสียงเข้าเล่นงานกองยานสโตนอค ส่วนภายในปราการเอคคอร์ทนั้น
              "มิลด์ กระจายเสียงไปทั่วแล้วละสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              "คะ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเลยคะ แม้ว่าฉันจะต้องบินสูงกว่านี้เลยก็ตามนะคะ" มิลด์กล่าว โดยเธอใช้แพนเซสเซนไนน์เฮฟวี่เมทัลอาร์มบินอยู่เหนือป้อมปราการเอคคอร์ท และใช้ลำโพงกระจายเสียงสองข้างส่งคลื่นเสียงลงมาภายในปราการเอคคอร์ท ให้คลื่นเสียงสะท้อนเข้าใส่พวกทหารสโตนอคทุกราย ไม่ว่าพวกเขาจะหลบซ่อนอยู่ด้านในฐานลึกแค่ไหนก็ตาม จนกระทั่ง....
              "เมื่อกี้ พวกเราร่วมรบกับพวกไทรเวเซอร์และยูเนี่ยนพีช ตามคำสั่งของท่านเจเดร่านิ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันละ" แม่ทัพสโตนอควัยกลางคนกล่าว
              "บะ บ้าที่สุด ในเมื่อแกคืนสติให้พวกทหารเหล่านี้ ฉันก็ทำใหม่ได้เช่น...." โคเบมกล่าว แต่ก็... "อ้าก ว้าก" โดนคลอเวฟกำด้วยมือเฮฟโวลจนบีบร่างโคเบมให้เจ็บหนัก แล้วก็ "ฟ้าววววว ตรึงงง" บินลงมายังเบื้องล่าง พร้อมกับปล่อยโคเบมลงกับพื้น แล้วก็โดดลงมา "โครมมมม" เหยียบทับโคเบม ซึ่งเหยียบทับข้อมือข้างซ้ายที่สวมกำไลควบคุมจิตจนแหลกไปด้วย
              ".....ไม่มีหนต่อไปแล้วละ เพราะแก....จะโดนฉันยำเละตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ววะ" คลอเวฟบอก แล้วก็ "ป้าก โครมมม เปรี้ยงงง ป้ากๆๆๆๆๆๆๆๆ" เข้ากระทืบโคเบม ที่ปรึกษาของมันเทิร์คอย่างหนักหน่วง โดยเหล่าทหารสโตนอคของโคเบมรีบรุมล้อมทันที
              "แก ต่อให้แกเล่นงานท่านโคเบม พวกเราจะยิงให้แกพรุนไปข้างหนึ่งเลย" ทหารสโตนอคเตรียมปืนโฟร์พัลเซอร์จ่อยิงใส่คลอเวฟ แต่.... "แกร็กๆๆๆๆๆๆๆ" ทหารฝ่ายมันเทิร์คกลับได้ยินเสียงปืนมาจากด้านหลัง ซึ่งเป็นปืนของพวกสโตนอคที่ไม่สวมเกราะ แต่สวมชุดหนังสีน้ำตาลโผล่มาจากข้างหลัง
              "ร้ายนะเนี้ย ที่เข้ามาเล่นงานโคเบมแบบคาดไม่ถึงแบบนี้น่ะ" เสียงนั้นกล่าวขึ้น พร้อมกับเผยตัวออกมา
              "ถ้าให้เดาน่ะ นายกับรานีของนายอยู่ใกล้ปราการแห่งนี้มาแต่แรกแล้วสิน่ะ ไอ้เมคโซ่" คลอเวฟบอก
              "แน่นอน และไม่ใช่แค่พวกที่อยู่ใต้ปราการแห่งนี้ แต่ใต้เมืองอีก 6-7 แห่งเองด้วย หากแต่....พวกเขาไม่เสี่ยงขึ้นไปแล้วพลอยกลายเป็นพวกของมันเทิร์คเสียเองน่ะ" เมคโซ่ ผู้พิทักษ์ชาวสโตนอลกล่าว โดยตอนนี้พวกสโตนอลที่ถือปืนยาวได้เข้าควบคุมตัวพวกทหารฝ่ายมันเทิร์คโดยเร็ว "แฟ้วววววววว ตรึงงงง" พร้อมกับแพนเซสเซนไนน์บินลงมา "ดูท่าว่าพวกนายจะมีพวกพ้องมาช่วยด้วยสิน่ะ" เมคโซ่บอก
              คลอเวฟกล่าว "ใช่ ว่าแต่ รานีของนายละ"
              "ฉันอยู่นี้แล้วละ" เจเดร่ากล่าวโดยที่เธอสวมชุดทหารสโตนอลสีขาวเดินออกมา "ว่าแต่ พวกท่านที่เหลือล่ะ"
              คลอเวฟบอก "แยกย้ายกันไปปลดปล่อยเมืองที่ถูกมันเทิร์คยึดครองไปแล้วนะสิ คาดว่าน่าจะกลับมากันได้แล้วละ"
              "แต่จะดีกว่ามาก หากพวกเรานำการควบคุมวอร์มูนกลับมาได้น่ะ" เจเดร่ากล่าว แล้วเธอกับพวกเมคโซ่ก็ "ปี้บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เข้าไปยึดการควบคุมวอร์มูนจากปราการโดยเร็ว
              "แย่แล้วละครับ ระบบควบคุมภายในสถานีถูกปิดตัวลงอย่างรวดเร็วนะครับ" ทหารสโตนอคของมันเทิร์คกล่าว
              "เป็นไปไม่ได้น่า พวกศัตรูไม่น่าจะบุกเข้ายึดเอคคอร์ทไปได้นิน่า" หัวหน้าทหารในวอร์มูน-4 กล่าว แล้วก็แจ้งให้ "วอร์มูน 10 มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงปล่อยให้ศัตรู...." แต่พอเห็นทหารไอซ์ติก้าโผล่มาแทนที่จะเป็นพวกพ้องของตน จึงทำให้รู้ว่า วอร์มูน-10 ถูกยึดไปแล้ว
              ภาพของแอทเทรติคโผล่มาบนมอนิเตอร์พร้อมกับบอกว่า "ทุกท่านจงอย่าแสดงความดื้อด้านเลย เพราะ....พวกท่านทุ่มทุกอย่างไปหมดกับฝนอุกกาบาตที่สตาทรอฟ่าใช้ไปแล้วน่ะ" แล้ววอร์มูนของไอซ์ติก้าและดาวอื่นๆ รวมถึงกองยานก็เข้ารุมล้อมกันไว้ จนทำให้ทหารสโตนอคที่อยู่ในวอร์มูนอีก 9 ดวง ต้องยอมจำนนโดยเร็ว

              "ตอนนี้กองยานไทรเวเซอร์และยูเนี่ยนพีช รวมถึงกองกำลังพันธมิตรของท่านเทคเนล่ามาถึงแล้วละคะ" นักรบสโตนอลใต้ดินกล่าว เมื่อเห็นยานไทรแองเกิ้ล เฮฟไดซ์อินสเปคทรัล แทนทารัสและไฮด์เดาท์ที่ประกอบยานเดาท์เทรสเคลื่อนตัวเข้ามา
              เจเดร่าบอก "เยี่ยม อย่างน้อยถึงเวลาที่เราเตรียมพร้อมต่อกรกับมันเทิร์คกันเสียทีแล้วน่ะ"
              "ว่าแต่ นายโผล่เข้ามาในปราการเอคคอร์ทเพียงลำพังได้ไงละ" เมคโซ่กล่าว
              คลอเวฟบอก "เกรงว่าฉันคงไม่เผยเคล็ดลับดีๆ จนฝ่ายตรงข้ามเดาทางออกและหาเรื่องเล่นงานได้พอดีนะสิ" และหันมาถาม "ว่าแต่ นายไปเอากำลังรบมาจากใต้ดินเลยหรือ"
              "ใช่ ดาวของเรานั้นมีพลเมืองอยู่มากมาย จนทำให้เมืองไม่สามารถรองรับจำนวนประชากรได้ ส่งผลให้ต้องมีพลเมืองส่วนหนึ่งต้องลงไปอาศัยอยู่ใต้ดินของดาวดวงนี้ ซึ่งพวกเขาช่วยในการขุดเหมืองและทำอุโมงค์ รวมถึงรับผิดชอบเรื่องเส้นทางใต้ดินของดาวไว้ แม้ว่าพลเมืองที่อยู่ใต้ดินนั้น แทบไม่มีสิทธิ์มีเสียงเหมือนกับพลเมืองที่อยู่ภาคพื้น แต่พวกเขาก็ไม่ยอมให้พวกพ้องของมันเทิร์คคุกคามความสงบของพวกเขากันนี้แหละ ซึ่งพวกเราโชคดีมาก ที่ท่านเจเดร่าสนิทกับเพื่อนพ้องที่อาศัยอยู่ใต้ดินแห่งนี้ เลยทำให้เธอสามารถรวบรวมกำลังพลใต้ดินได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันเทิร์คพยายามจะส่งคนตามล่ากันไว้ก็ตามน่ะ" เมคโซ่อธิบาย "แน่นอน ว่าฉันเองก็รับผิดชอบในการปกป้องท่านเจเดร่าเอาไว้ รวมถึงช่วยเธอในการบุกยึดเขตเมืองและฐานทัพต่างๆที่ถูกมันเทิร์คยึดไปเลยน่ะ"
              คลอเวฟบอก "โดยที่นายกับรานีของนายแจ้งกับเราเรื่องพวกเดลอาเนี่ยนนำกองยานเข้ามาที่ดาวเลยสิน่ะ"
              "ถูกต้อง อย่างน้อยเราควรจะบอกให้พวกเราหยุดไอ้พวกรุกรานจากฝั่งตะวันออกกันบ้าง แม้ว่านั้นจะเป็นการช่วยมันเทิร์คและพวกเดธซิลเวอร์พลาเนต ในเรื่องสังเวยพวกรุกรานฝั่งตะวันออกไปเลยก็ตามน่ะ" เมคโซ่บอก
              คลอเวฟกล่าว "บอกตามตรงน่ะ ว่าการกระทำของพวกพ้องของมันเทิร์คนั้น เลวได้โลห์จริงๆ"
              "ไม่นึกเลยว่า ทางเราต้องลำบากพวกท่านแล้วน่ะ" เจเดร่ากล่าว เมื่อเทคเนล่าและเหล่าผู้พิทักษ์จากดาวอื่นเข้ามา
              เมคโซ่บอก "และไม่คิดเลยน่ะ ว่าเธอจะได้ตำแหน่งผู้พิทักษ์กลับคืนมา หลังจากที่พี่ตัวแสบสองตัวแย่งมันไปน่ะ" โดยกล่าวกับดีฟรอต้าที่มาด้วย
              "นายเองก็คงพลาดไปเยอะน่ะ ว่าท่านพี่ทั้งสองของข้าโดนอะไรไปบ้างน่ะ" ดีฟรอต้าบอก
              เซฟิสตันถาม "ว่าแต่ นายอยู่กับรานีของนายนิ นายคงไม่กระทำผิดกฎกันบ้างน่ะ"
              "ฉันไม่เหมือนกับนายบ้างน่า เซฟิสตัน ที่มั่วแต่เหล่หญิงจนติดกับฝ่ายตรงข้ามเลยน่ะ" เมคโซ่บอก แล้วก็กล่าวทักไฟโรน "ไม่คิดเลย ว่าเธอจะมาด้วยน่ะ ไฟโรน ทั้งๆที่เธอควรจะอยู่บนบัลลังก์แล้วน่า"
              ไฟโรนบอก "ผมคงนั่งบัลลังก์ได้ไม่สบายใจแน่ หากผมไม่ลงมาจัดการกับปัญหานี้ด้วยตัวเอง และยิ่งเป็นการช่วยคุณด้วยแล้ว ผมยิ่งต้องลงมาด้วยนะครับ"
              "คุณเมคโซ่เองก็ลำบากแย่นะคะ" เกรเซียล่าบอก
              เมคโซ่พยักหน้า "ลำบากอยู่แล้วละ แม้ว่าเราจะวางใจได้ในเรื่องหลบอยู่ใต้ดิน แต่ยังไม่ไว้ใจในเรื่องที่มันเทิร์คส่งคนมาไล่ล่า หรือวางกับดักถล่มเมืองใต้ดินให้พังราบไว้ ถึงแม้ว่ามันไม่เคลื่อนไหวอย่างชัดเจน แต่เหมือนกับมันตีกรอบขัดขวางฉันไว้นี้แหละ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะว่า มันเทิร์คได้พลังงานจากดาวเรามาใช้เรียกมหาดารามรณะเลยสิคะ" ลาเชียน่าบอก
              เมคโซ่พยักหน้า "และฉันต้องขอบใจเธอมากที่อยู่ช่วยลาคาเมสตลอด เพราะฉันรู้ ว่าผู้พิทักษ์หัวร้อนและไม่รู้จักคิดอย่างลาคาเมสต้องพลาดท่าต่ออุบายของลูกน้องของลาคาดัลแน่ๆเลยน่ะ" และหันมายังอามิวเซน "แล้วนายเองก็คงใช้แผนแฝงตัวแบบเนียนๆกันอีกละสิ"
              "ตราบใดที่ไม่มีใครหน้าไหนไหวตัวได้ทัน ฉันยังคงใช้อยู่นี้แหละ แม้นั้นจะเสี่ยงกับการที่...ฉันหวิดโดนพวกไทรเวเซอร์และยูเนี่ยนพีชเล่นงานเอาเลยก็ตามน่ะ" อามิวเซนบอก
              เมคโซ่ส่ายหน้าและพูดอย่างหน่ายๆว่า "แน่ละ ก็นายปลอมซะเนียนเกินจนฝ่ายมิตรสับสนไปด้วยนะสิ หวังว่านายคงไม่ทำให้ท่านอเมซอเนลหงุดหงิดบ้างน่ะ"
              "ดูท่าว่า เมคโซ่จะเป็นมิตรต่อผู้พิทักษ์ดวงดาวรายอื่นๆกันไม่น้อยสิน่า" ลิเนียร์ตี้กล่าว เนคมาดูซัมพยักหน้า
              พีวิลกล่าว "นั้นบ่งบอกได้ว่า ต่อให้อยู่คนละดาว ก็ยังนึกถึงอีกฝ่ายซึ่งกันและกันอยู่บ้างน่ะ"
              "และนายเองก็คงจะแฮปปี้อย่างแรงละสิ" สเปียริทบอก
              คลอเวฟหัวเราะขึ้นมา "ช่าย ตอนนี้ฉันเอาคืนไอ้ที่ปรึกษาอวดฉลาดของมันเทิร์คไปได้แล้ว แต่....มันจะดีกว่านี้ หากได้ตะบันหน้าไอ้มันเทิร์คสักหมัดหนึ่งเลยน่ะ"
              "เกรงว่า นายคงต้องอยู่ท้ายแถวแล้วละมั่ง เพราะมันเทิร์คมีโจทก์ต่อคิวเพียบเลยละ" เจเนลบอก คลอเวฟกัดฟัดกรอดๆ
              มาสวาร์ทาร์บอก "แม้พวกเราจะยึดป้อมเอคคอร์ทพร้อมกับเขตเมืองที่มันเทิร์คล้างสมองพลเมือง จนตัดพลังงานที่ส่งไปยังพระราชวังหลักได้จริง ก็ใช่ว่ามันจะจบเรื่องเสมอไปหรอกน่ะ ตราบใดที่เรา ไม่หยุดมันเทิร์คเสียก่อนน่ะ"
            "ใช่ มันเทิร์คยังคงมีกองรบเดลอาเนี่ยนเหลืออยู่ ซึ่งคงไม่ดีแน่ ที่พวกนั้นเข้ามาเป็นกำแพงขวางทางไว้น่ะ" โคเซวิคกล่าว
            อิลมิคบอก "รวมถึงพวกเศษเดนที่หลุดรอดไปจากดาววอเทเชี่ยน จังกรอเรส และแอร์คราวด์ด้วย พวกนี้คงไม่มีอะไรจะเสียแล้วน่ะ"
            "ท่านเจเดร่า เกิดเรื่องแล้วละครับ" ทหารสโตนอคภายใต้การนำของเจเดร่ารีบมารายงานต่อเจเดร่า โดยที่เธอยังไม่ได้เริ่มการประชุมเลย
            เจเดร่าถาม "มันเทิร์คส่งกองรบมาบุกถล่มพวกเราเลยสิน่ะ"
            "เปล่าครับ ลอร์ดมันเทิร์คได้ติดต่อมาหาพวกเราแล้วนะครับ" ทหารสโตนอคบอก
            เจเดร่าได้ฟังก็บอก "นำจอใหญ่ลงมาเดียวนี้เลย" แล้วจอใหญ่ก็เลื่อนลงมาจากห้องประชุม โดยเผยภาพมันเทิร์คขึ้นมา

         "หมอนั้นเองสิน่ะ ไอ้ลอร์ดมันเทิร์ค หัวหน้าตัวเอ้ของพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตกันน่ะ" น็อกกี้กล่าว พีวิลพยักหน้า
         เบติสกล่าว "ที่ติดต่อเข้ามานิ แสดงว่าคงจะเหลืออด หรือไม่ก็ มันได้ใช้ไพ่ตายแล้วสิน่ะ"
          "เจเดร่า ผู้พิทักษ์เมคโซ่ พวกแกแสบมากเลยน่ะ ที่ไม่เพียงแค่จัดการกับพวกลูกน้องของฉันที่ส่งไปไล่ล่าแกสองตัวในเมืองใต้ดินกันซะทุกครั้ง แกยังช่วยพวกไทรเวเซอร์และยูเนี่ยนพีชยึดเอคคอร์ท ขโมยทหารและยุทโธปกรณ์ของฉัน แถมยังให้พวกพันธมิตรดาวอื่นเข้ามาเหยียบดาวของข้าเช่นนี้ แกนิเลวระยำเสียจริงๆ" มันเทิร์คบอก
              เจเดร่ากล่าว "แย่หน่อยน่ะ ที่แกก็เลวพอๆกันนี้แหละ กับความพยายามจะเรียกดาวมรณะออกมา ซึ่งนั้นก็ทำให้พวกพ้องของแกหายไปทีละกลุ่มสองกลุ่มแล้วน่ะ"
              "ฉันรู้ ว่าทั้งฟีบัสก็ดี เฟยอร์จก็ดี ลาวาฟก็ดี ทรอมเบตก็ดี ไรฟอนเทียมก็ดี แล้วก็คิฟเจเดมก็ด้วยนั้น สามารถหยุดพวกกองกำลังจากเขตอวกาศทางตอนใต้ได้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า ฉันประเมินพวกมันต่ำไปหน่อยน่ะ" มันเทิร์คกล่าว
              คลอเวฟบอก "รวมถึงไอ้ที่ปรึกษาของแกด้วย ซึ่ง....ในไม่ช้า แกก็จะมีสภาพเหมือนกับมันนี้แหละ" แล้วก็ดึงตัวโคเบมมาโชว์ตรงหน้า จากนั้นก็โยนออกไปข้างนอก เพื่อมิให้โคเบมถูกทำให้หายไป
              "ต่อให้แกเล่นงานลาวาฟและพวกจนยับเยิ่นไป แต่ในไม่ช้า พอดาวมรณะโผล่มา กองกำลังหัวหอกที่เก่งกาจที่สุดของฝ่ายสหพันธมิตร และอดีตกองกำลังกบฎของฝ่ายพันธมิตรตะวันออก ก็มิใช่ศัตรูของพวกเราแล้วละ" มันเทิร์คบอก "ดังนั้น ฉันขอบอกให้พวกแกทั้งหลายนี้ รอคอยเวลาที่ดาวมรณะมาก่อนเถอะ เพราะถึงพวกแกกับพวกยัยเจเดร่ามา มันก็ไร้ประโยชน์แล้วละ"
              โคเซวิคบอก "บอกตามตรงน่ะ ว่าพวกเดลอาเนี่ยนคงไม่แฮปปี้แน่ๆ หากรู้ว่าแกสังเวยพวกพ้องของพวกมันไปเลยน่ะ"
              "หรือ แต่ฉันไม่คิดเช่นนั้นหรอกน่ะ เพราะพวกเขาเลือกที่จะแก้แค้นต่อพวกแกกันทั้งหมดนี้แหละ" มันเทิร์คกล่าวอย่างเป็นต่อ "และไม่ว่าพวกแกจะใช้แผนอะไรมา ฉันก็ยังเป็นฝ่ายชนะอยู่ดีนี้แหละ" โดยเผยโครงประตูดาราขนาดใหญ่อยู่บนหุบเขาหลังพระราชวัง
              เฟลิคบอก "แสดงว่าแกใช้ทรัพยากรจากฝนอุกกาบาตที่ทรอมเบตหามาได้ ใช้สร้างประตูดาราขนาดใหญ่จนเสร็จสิ้นเพื่อใช้เรียกมหาดารามรณะเลยสิน่ะ"
              "สมแล้วที่เคยเป็นผู้อยู่ในเขตอวกาศภาคตะวันออกมาก่อนนะ หากแต่ ฉันใช้โลหะที่แข็งแกร่งและทนทานมากที่สุดมาสร้าง ดังนั้น อาวุธทุกรูปแบบของพวกแกไม่มีทางทำอะไรได้หรอก ฉะนั้น เชิญพวกแก รอวาระสุดท้ายเลยแล้วกัน" มันเทิร์คบอก พร้อมกับตัดสายไป
              เจเดร่าบอก "ดูท่าว่า งานนี้พวกเรานิ่งเฉยไม่ได้แล้ว เรายอมให้มันเทิร์คชนะไปไม่ได้เด็ดขาด" แล้วก็แจ้งไปว่า "ทุกๆท่าน เรามารวมพลังกันสู้กับมันเทิร์คและเศษเดนของเดธซิลเวอร์พลาเนต และหยุดยั้งมหาดารามรณะด้วยกันเถอะ"
              "ถึงท่านไม่บอก พวกเราก็มีความต้องการเดียวกันแล้วละ ท่านเจเดร่า" ไฟโรนบอก
              เกรเซียล่าบอก "เดธซิลเวอร์พลาเนตครอบงำท่านอาเฟยอร์จให้เป็นพวก เพื่อหวังใช้อำนาจของผู้นำควบคุมดาวให้เป็นประโยชน์ส่วนตน จนก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั้งปวงเช่นนี้ พวกเรายอมให้พวกเขาสมหวังไม่ได้เด็ดขาดนะคะ"
              "ท่านลาคาเมสถูกหลอกให้ต้องหลบหนีจนลาคาดัลใช้พลังงานมาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกมหาดารามรณะออกมาแล้ว พวกเราจะแสดงความรับผิดชอบในการหยุดยั้งมันเทิร์คและเศษเดนที่เหลือเอง" ลาเชียน่าบอก
              ดีฟรอต้ากล่าว "มหาดารามรณะทำให้ชาวดาวของเราเสียคน จนนำพาความสิ้นหวังมาให้พลเมืองทั้งปวงบนดาวของเราและของดวงอื่นๆแล้ว เราไม่ยอมให้ทั้งจักรวาลต้องมีชาตะกรรมเหมือนดาวอื่นๆที่เป็นเหยื่อของดาวมรณะนั้นเป็นอันขาด"
              "เทพแห่งความตายนั้นได้ทำลายทุกชีวิตมามากพอแล้ว เรายอมให้มันทำกับพวกเราในยุคนี้ไม่ได้แน่นอน" อามิวเซนกล่าว
              เซฟิสตันบอก "ผู้พิทักษ์เมคโซ่ กองกำลังไทรเวเซอร์ กองกำลังยูเนี่ยนพีช พวกเราจะร่วมมือกับพวกท่านในการหยุดมันเทิร์คให้จงได้เลย"
              "เข้าใจแล้วละ พวกเราจะร่วมรบไปกับพวกท่านและหยุดยั้งภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยกันน่ะ" พีวิลบอก
              โคเซวิคบอก "ต่อให้พวกเดลอาเนี่ยนมาขวาง เราจะบดขยี้พวกนั้นให้ราบคาบกันเดียวนี้แหละ"
              "เพื่อความสงบสุขของระบบดาวของพวกคุณและจักรวาลของพวกเราทั้งปวงนี้" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถึงเวลาที่เรา และพวกเราทั้งหมด ลุกขึ้นสู้กันได้แล้วละ"
              "เฮ้!!!!!!!!!" ทั้งหมดกู่ร้องขึ้นมา เจเดร่ากล่าวกับพวกไทรเวเซอร์และยูเนี่ยนพีช "ทันทีที่พวกเราพร้อมในด้านยุทโธปกรณ์และเตรียมกำลังพลไว้แล้ว เราจะพร้อมบุกโดยเร็วเลย"
              เฟลิคบอก "มันเทิร์คคงรู้แล้ว ว่าเราจะบุกเข้ามาขัดขวางแผนการใหญ่ของมันได้แน่นอน แม้ว่าเราอยากจะส่งหน่วยสอดแนมไปเช็คเพื่อให้แน่ใจว่ามันเทิร์ควางกำลังไว้เท่าไหร่น่ะ"
              "แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ บีบให้เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องบุกสถานเดียวแล้วน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              โดซี่กล่าว "ดีที่เราเตรียมพร้อมไว้สำหรับการสู้แบบต่อเนื่องแล้ว เรื่องบุกนั้นเราเริ่มตอนไหนก็ได้เลยน่ะ"
              "ตอนนี้พวกเรารีบไปพักผ่อนเอาแรงกันเดียวนี้เลย เพราะ....เราจะบุกจู่โจมมันเทิร์คในตอนเช้ามืดนี้แหละ" โคเซวิคบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แต่ตอนนี้เราหารือเรื่องแผนการรบกันก่อนดีกว่าน่ะ" แล้วทั้งหมดก็วางแผนการรบในการหยุดยั้งมันเทิร์คกัน
    การต่อสู้ครั้งสำคัญเริ่มขึ้นในครึ่งหลังแล้ว ต่อช่วงที่ 2 กัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×