ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #110 : ตอนที่ 42 ดาวน์เซาท์แอทแทค ช่วงแรก เทอร่าสควอดอนปะทะ 2 ผกก.โฉด ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25
      0
      27 ก.ค. 63

              ที่โดมนาวา ดาวรีเซคอล-3 ระบบดาวสเกรลแกมม่า วันต่อมา
              "ไม่คิดเลย ว่าแมนิเกเตอร์รีไซคอลจะพัฒนาด้านวิศวกรรมได้ดีเลยน่ะ" เบริทรีซกล่าว เมื่อเธอมองดูยานไทรแองเกิ้ลและอินสเปคทรัลได้รับการซ่อมแซมด้วยโดรนช่างกล ในขณะที่ทีมตรวจสอบรีไซคอลเข้าไปตรวจสอบภายในยานเอลอาควิทีเรีย
              มินอร์ตี้บอก "ส่วนหนึ่งเพราะว่าพวกเขาเจอดาวที่มีวิทยาการล่ำหน้าอยู่ในเขตเมืองเก่า แม้ว่าที่มาของมันนั้น แทบไม่น่าเชื่อเลยก็ตามน่ะ"
              "แค่เห็นสถาปัตยกรรมของเมืองก็เดาได้แล้วละ แม้ว่ามันจะถูกบูรณะโดยพวกรีไซคอลให้เข้ากับธรรมชาติของดาวก็ตาม" เบริทรีซกล่าว "นั้นแสดงได้ว่า พวกมนุษย์ที่ติดตามเฮนรี่ ไนท์มา คงแอบนำเทคโนโลยี่ต้องห้ามมาแน่นอน"
              มินอร์ตี้กล่าว "เพียงแต่ เราไม่รู้ว่า พวกเขาใช้เทคโนโลยี่ต้องห้ามนี้ ไปเพื่ออะไรกันนะคะ"
              "ถึงแม้ว่าดร.เดลวีแองนูและรีไลฟ์เวอรี่ในช่วงปี 2112 ได้ยุติเทคโนโลยี่ข้ามกาลเวลาจนไม่มีการสร้างไทม์แมชชีน มาใช้ก่อเรื่องเพื่อเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ในอดีตก็ตาม สุดท้ายก็ยังมีคนแอบเก็บมันไว้จนได้น่ะ" เบริทรีซบอก
              มินอร์ตี้บอก "และเทคโนโลยีข้ามกาลเวลา คงจะเป็นไพ่ตายของพวกออลเรี่ยนที่คิดขึ้นเพื่อหยุดเดลอาเนี่ยนลง แต่ถูกเพื่อนร่วมเผ่าขัดขวางพร้อมกับปิดตายเทคโนโลยี่นั้นแน่ๆนะคะ"
              "แม้ว่าเทคโนโลยี่นั้นมีไว้เก็บกู้สิ่งที่ถูกทำลายไปในอดีต อย่างเช่นงานศิลปะที่เดรสเดน ซึ่งถูกกองทัพอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดทำลายล้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หรือแม้กระทั่งกู้ไข่นกโดโด้ไม่ให้สูญพันธุ์ได้จริง แต่เทคโนโลยี่ในด้านการฟื้นฟูงานศิลป์ด้วยการระลึกอดีตกับเทคโนโลยี่พันธุวิศวกรรม ก็สามารถกู้สิ่งที่สิ้นสูญกลับมาได้ จนเยอรมันได้งานศิลป์ของเดิมกลับมา ส่วนออสเตรเลีย ก็ได้นกโดโด้กลับมานี้แหละ" เบริทรีซกล่าว "ถึงแม้ว่าจะยุติการสร้างหุ่นแมวที่ติดตั้งกระเป๋าใส่ของไว้ในห้วงมิติที่ 4 พร้อมกับเครื่องมือพิเศษและไทม์แมชชีน ยุคทองก็มีวิทยาการอันหลายหลากมาทดแทนกันอยู่แล้วน่ะ"
              มินอร์ตี้พยักหน้า "ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ชาวออร์เลี่ยนทิ้งไว้ ก่อนที่พวกตนจะสิ้นสูญเผ่าพันธุ์และสูญหายไปกับกาลเวลาที่ผ่านพ้นสินะ"
              "แล้วตอนนี้ พวกไทรเวเซอร์ทำอะไรอยู่ละ" เบริทรีซถาม มินอร์ตี้บอก "เนื่องจากไทรแองเกิ้ลอยู่ระหว่างการซ่อมแซม ส่วนหนึ่งออกไปสำรวจทั่วดาว ในขณะที่อีกส่วนหนึ่ง ช่วยกองกำลังหลังฉากแงะซากศัตรูอยู่นะคะ"

              "กรี้กกกกกกกกก ชรี้ดดดดดดดดด" เสียงสว่านและเลื้อยดังมาจากโกดังห่างจากโดมนาวาไป 5 กิโลเมตรด้วยกัน
              "ยังแงะซากพวกศัตรูไม่เสร็จเลยหรือวะ" เฮฟฟอนบอก โดยที่ตนมากับแฮงโก้ด้วย
              บริคซ์กล่าว "ถ้าเป็นพวกซากศัตรูละก็ เราแงะไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วละ" แล้วก็ชี้ไปยังชิ้นส่วนอสูรกายสามตา และซากโมบิลทรูปเปอร์ฝ่ายตรงข้ามที่ถูกรื้อและเรียงกับพื้นไปแล้ว
              "แล้วตอนนี้พวกนายทำอะไรกันอยู่ละ" แฮงโก้บอก
              คลอเวฟกล่าว "เรากำลังรื้อแคปซูลที่อยู่ในสะพานเดินเรือนะสิ โชคดีมาก ที่อนุภาคโชนโครคิฟที่ปกคลุมตัวยานนั้นได้ทำให้งานกรีดตัดเหล็กง่ายกว่าเดิม แม้ว่าผลึกมันจะแข็งตัวไปก่อนแล้วน่ะ" โดยที่ตนถือไฮเปอร์ดริลเจาะเอาเศษผลึกที่เกาะติดตามแคปซูลออกไป ในขณะที่ลูกเรือและพวกเบย์เกียสช่วยกันขนชิ้นส่วนไปวางเรียงเป็นกลุ่มๆกัน
              "คิดว่าแคปซูลมันจะมีระบบควบคุมยานที่ยังใช้งานได้อยู่ละสิ" แฮงโก้กล่าว บริคซ์ คลอเวฟ ดีแนคและเรจเจช่วยกันเจาะแคปซูลต่อจน "เกร้งงงงง" มีเสียงดังจากภายในพร้อมกับแผ่นโลหะหลุดออกมา "ฟึ่บบบ เกร้ง แกร็กๆๆๆๆ โครมมม คลอเวฟเลยใช้แอตแลนไทรเดนท์งัดแผ่นเหล็กต่างชะแลงให้ออก จนเผยให้เห็น....  
              "นั้นมัน มนุษย์หรือเปล่าวะ" แฮงโก้อุทาน
              บริคซ์กล่าว "ดูท่าว่า นอกจากหมอเดเมี่ยนแล้ว เราต้องเรียกทีมวิจัยมาเดียวนี้เลย พวก"
              "ศพเป็นมนุษย์เพศชาย สภาพกายนั้นถูกผ่าตัดดัดแปลงด้วยการติดตั้งกับระบบจักรกล ระบบปัญญาประดิษฐ์ระดับ B เข้ากับร่างกาย โดยมีสายส่งพลังงานเชื่อมต่อไปยังอิมแพลนท์ชูชีพ ซึ่งฝังไว้ในสมอง หัวใจ ปอด ไขกระดูก และหูตาจมูกปาก หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วน่ะ" เดเมี่ยนกล่าว หลังจากที่เขาทำการผ่าศพชายที่อยู่ในแคปซูล ซึ่งถูกพามายังห้องผ่าตัดในยานไทรแองเกิ้ลแล้ว
              เนคมาดูซัมบอก "หมอคิดว่า ชายผู้นี้ถูกฆ่าตายหรือเปล่าละ"
              "เนื้อเยื่อของศพนี้ มันแข็งมานาน หมอคาดว่า เขาถูกฆ่าตายก่อน แล้วเอาร่างมาติดตั้งอิมแพลนท์และเชื่อมต่อกับยานลำนี้ ซึ่งศพที่เป็นสมุนเดินเท้าและตัวที่อยู่ในอสูรกายสามตานั้น มีลักษณะเดียวกันนี้แหละ" เดเมี่ยนบอก
              อีธานกล่าว "และอิมแพลนท์ที่ติดตั้งในตัวศพเหล่านั้น มันเคยถูกใช้ในช่วง 20 ปีหลังจากสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรกจบลงนะครับ"
              "ไม่ต้องสงสัย ฝีมือเทรแซทแน่ๆเลยละ" บริคซ์กล่าว
              สเตฟอร์ดบอก "ถ้าขนาดหน่วยโอเวอร์วอชและอริของโอเวอร์วอชถูกฆ่าตายขนาดนี้ มันคงเหี้ยมพอที่จะทำกับศพแบบนี้น่ะ"
              "หมอพอจะบอกได้มั้ยคะ ว่าศพของชายที่ถูกจับอยู่ในแคปซูลนั้น เป็นใครละคะ" แอนเดรียบอก
              เดเมี่ยนกล่าว "ใบหน้าศพมีการเปลี่ยนแปลงเค้าโครงหน้ามาก่อน เพื่อมิให้มีใครรู้ว่าคนๆนี้เป็นใคร ตอนนี้หมอได้ให้มิลด์ช่วยจัดเรียงใบหน้าแล้วละ" ไม่ทันไรก็ "ตะกุ้ง" เสียงไลน์เตือนดังทันที เดเมี่ยนเลยเปิดดูพร้อมกับนำแพดมา "พอมีใครจำหน้าชายคนนี้ได้มั้ยละ" ซึ่งเผยใบหน้าของศพผู้ชาย ที่มิลด์ได้ปรับแต่งกลับคืนแล้ว เป็นชายผมสีน้ำตาล ตาสีดำ แสกผมด้านซ้าย
              "นั้นมัน นายพลคอสซีโร่ ผู้บังคับบัญชายานแกแลคซี่ดรากูน-666 นิน่า" บริคซ์บอก หลังจากที่จำหน้าของศพผู้ชาย
              โดซี่บอก "1 ใน สามผู้บังคับบัญชากองยานที่สหพันธ์โลกเดิมส่งไปกวาดล้างแมนิเกเตอร์นอกโลก และหนีหายไปจากระบบสุริยะจักรวาลเมื่อ 46 ปีก่อนบนโลกนิน่า ไม่ผิดแน่ละ"
              "ถ้านายพลคอสซีโร่กลายเป็นแบบนี้ งั้นอีกสองรายนั้นก็...." แอนเดรียบอก
              สเปียริทบอก "รวมถึงยามาโมโตะด้วย สงสัยว่าคงจะเสร็จเทรแซทไปแล้วละ"
              "พวกเราก็คิดเช่นนั้น เลยมาขออนุญาตพวกนายในการกระตุ้นให้เขาพูด แม้จะสุ่มเสี่ยงกับบางอย่างที่แฝงมากับร่างของเขา เล่นงานไทรแองเกิ้ลเลยน่ะ" เดเมี่ยนบอก
              พีวิลกล่าว "แอมเบอร์ โปรเทคโปรแกรมทั้งหมดในยานไว้ก่อนเลย"
              "รับทราบคะ" แอมเบอร์กล่าว จากนั้น เดเมี่ยนและเอโอลีนจัดการต่อสายเคเบิ้ลเชื่อมต่อกับอิมแพลนท์ประคองชีพและสมองขึ้น "แกร็ก วึงๆๆๆๆๆๆๆๆ" อีธานสับสวิตซ์เครื่องชาร์จพลังเพื่อกระตุ้นร่างของคอสซีโร่ขึ้นมา จนดวงตาทั้งสองข้างเรืองแสงสีแดงขึ้น
              "เริ่มกระบวนการส่งหน่วยทรีครอฟลงไปจู่โจมดาวเป้าหมาย..... เตรียมฝูงยานบินโทชิโด้ และโมบิลทรูปเปอร์พิเศษ เพื่อรับมือกับเป้าหมาย หากเป้าหมายมีระดับอันตรายมากกว่าสามดาวขึ้นไป และเตรียมระบบซ่อมแซมตัวเองอยู่ตลอด ในกรณีที่่ฝ่ายตรงข้ามมียานรบติดอาวุธและมีลำใหญ่กว่าระดับแอลขึ้นไป" คอสซีโร่บอก
              "นั้นมันรูปแบบคำสั่งอัตโนมัติที่ใช้สั่งการกองรบยานและหุ่นแบบไร้มนุษย์ที่สหพันธ์โลกเดิมใช้มาก่อนนิน่า" บริคซ์บอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "พอจะกู้ข้อมูลความจำได้มั้ยละ"

              "ข้อมูลความจำในอดีตคงจะเสียหายจากกระบวนการแปรสภาพและเชื่อมต่อกับอิมแพลนท์และยานรบกันอยู่ แต่พอกู้ส่วนข้อมูลที่หลงเหลือได้บ้างนะคะ" เมดิน่าบอก แล้วก็จัดการคีย์ข้อมูลเข้า "งี้งๆๆๆๆๆ" ซึ่งก็ทำให้คอสซีโร่ส่งเสียงออกจากส่วนหัว เนื่องจากอิมแพลนท์ควบคุมสมองถูกเชื่อมต่อเข้ามา
              "วันที่ 15 เดือนที่ 7 ปีที่ 5 หลังจากออกจากระบบสุริยะ ในช่วงที่พวกเราอยู่ในดาวโคบิค-5 หลังจากที่ช่วยพวกเอเลวีเซียร์จัดการกับหมึกหินอวกาศยักษ์ที่ป้วนเปี้ยนในเขตดาวปาโด้-8 โซนพายัพกันนั้น เราเจอยานบินลงจอดฉุกเฉินพร้อมกับผู้โดยสารกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำพาข่าวร้ายมาให้พวกเรารับทราบกัน" จากนั้นก็พูดต่อ "พวกเขา เป็นลูกเรือจากยานยามาโมโตะ ที่หลบหนีออกจากยาน หลังจากที่พวกเขารู้ว่า พวกเขามิได้ส่งไปหาเฮนรี่ ไนท์แต่แรก แต่ถูกส่งมา เพื่อกำจัดพวกเรา เฮมร็อค และเอสมาริด้า ตามคำสั่งของฝ่ายสหพันธ์โลก ซึ่งพวกสหพันธ์โลก ได้แอบส่ง นายพลคาเปรซอลกับกลุ่มทหารโฉดชั่วอยู่ในแคปซูลแช่แข็ง อยู่ในโซนลับใกล้กับคลังเสบียงซ่อมบำรุงมาด้วย"
              "คาเปรซอล วาสกิล ผบ.กองกำลังแบล็คริบบ้อน อาชญากรสงครามที่ถูกประหารไปเมื่อ 5 ปีก่อนที่โอเวอร์เดสพาพวกกลับมานิน่า" โดซี่กล่าว บริคซ์ได้ฟังก็ถึงกัดฟัน
              สเปียริทบอก "คาเปรซอลผู้นี้ เป็นนายพลแบบไหนนะหรือ"
              "คาเปรซอลเป็นผู้บังคับบัญชาการกองกำลังแบล็คริบบ้อน ซึ่งเป็นกองกำลังทหารที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในแง่ของความโหดเหี้ยมต่อศัตรูผู้ต่อต้านสหพันธ์โลกในช่วง 20 ปีหลังสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรกจบลง โดยเขาสังหารศัตรูไปมากมาย พอๆกันกับพลเรือนที่โดนลูกหลง หรือแม้กระทั่งผู้ใต้บังคับบัญชาที่กังขาหรือมีท่าทีต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับคำสั่งที่ได้รับมา ซึ่งอย่างหลังนั้นมีเยอะกว่าพวกศัตรูเสียอีกน่ะ" โฟรซ่าเล่า แล้วก็เปิดภาพของนายพลตาเดียวผมสั้นสีมะกอก ผู้มีร่างกายสูงใหญ่กำยำ "แน่นอน ว่าความร้ายกาจของพวกโบว์ดำนรกแตกนั้น สร้างความหวาดกลัวให้กับพวกศัตรู พอๆกันกับกองทหารของสหพันธ์โลก และพลเรือนทั่วโลกเองด้วย"
              บริคซ์เสริม "พี่ใหญ่เคยพูดเอาไว้น่ะ ว่าถ้าใครกล้าพูดถึงปมด้อยของคาเปรซอลหรือปากโป้งบอกคนอื่นละก็ คนเหล่านั้นได้ตายแบบเฮงซวยที่สุดเลยน่ะ"
              "แล้วไอ้ปมด้อยของไอ้เวรนิ มันคืออะไรกันหรือ" คลอเวฟบอก
              บริคซ์บอก "คาเปรซอลถูกล้อเลียนว่า ไอ้เตี้ยนะสิ" แล้วก็นำภาพของคาเปรซอลในอดีต ซึ่งมีความสูงเพียงครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ แม้จะเป็นผู้ใหญ่อายุ 20 แล้วก็ตาม "เพื่อนๆสมัยเด็กที่อาศัยอยู่ในบ้านเกิดที่เปอโตริโก้ชอบล้อเลียนคาเปรซอลกันบ่อยๆ ขนาดโตเป็นผู้ใหญ่เองก็โดนล้อเลียน ชนิดที่สบประมาทว่า ยังไงก็ไม่มีทางเป็นทหารได้แน่ๆ คาเปรซอล เลยทุ่มเงินที่มีทั้งหมด เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมด้วยการขยายกล้ามเนื้อ เพิ่มมวลกระดูก ปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายจากเตี้ยให้กลายเป็นล่ำบึ้กเหมือนอย่างที่เห็น แต่ไม่วายเลย ที่จะโดนเพื่อนๆล้อว่าไอ้เตี้ยอยู่ดีนี้แหละ" แล้วก็นำภาพคาเปรซอลหลังการผ่าตัด ซึ่งมีความสูงเท่าคางของจายด์
              "พวกเขาคงไม่เชื่อกระมั่ง ว่าตัวเตี้ยแบบนี้จะอัพให้ใหญ่เวอร์แบบนั้นน่ะ" ฟูลออเรสบอก
              พีวิลถาม "แล้วนายพลคาเปรซอลทำยังไงกับพวกเพื่อนๆที่ล้อเลียนกันละ"
              "คาเปรซอลสั่งการเหล่าทหารใต้บังคับบัญชา ให้ไปกวาดล้างกลุ่มกองกำลังต่อต้านที่กบดานอยู่ในพื้นที่ใกล้กับบ้านเกิด โดยอ้างคำสั่งเบื้องบน แต่ความจริงแล้ว เขาคิดจะกำจัดพวกเพื่อนๆปากดีที่กลับมาบ้านเกิด เพื่อมารับขวัญลูกๆที่จบปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยบ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งเดินทางกลับมากันนะสิ" โดซี่บอก จนทุกๆคนถึงกับตกใจไม่น้อย "แน่นอน ว่าก่อนการสังหารหมู่ เขาฆ่าทหารสี่หน่วยย่อยที่ขัดคำสั่ง และจะไปฟ้องเบื้องบน ก่อนที่จะสั่งพวกทหารที่เหลือแบบแกมบังคับ บุกยึดบ้านเกิดและจับตัวพวกเพื่อนๆปากดี โดยมีเหล่าลูกๆที่เรียนจบ ซึ่งให้หน่วยลับไปควบคุมตัวมาก่อนงานรับปริญญาอีก 3 วันให้หลังมาด้วย เพื่อลงโทษพวกเพื่อนๆเหล่านี้ด้วยวิธีที่เลวระยำที่สุด"
              พีวิลบอก "คงไม่ได้บีบให้ลูกๆฆ่าพวกพ่อแม่เลยหรือ"
              "แย่กว่านั้นนะ พีท คาเปรซอล สั่งให้ทหารควบคุมการ์ดฟิลด์ เหยียบพวกเพื่อนๆปากดีเหล่านั้น ให้เตี้ยกว่าเขา เพื่อที่จะล้อเลียนกลับในทันทีนะสิ" สเตฟอร์ดบอก ทั้งหมดถึงกับสะดุ้งเฮือกและตื่นตกใจตาม "แน่นอนว่า ส่วนมากล้วนเดี้ยงจากการที่สมองถูกกดด้วยน้ำหนักมากกว่า 4 ตันขึ้นไป แม้จะมีส่วนหนึ่งที่รอดมาได้ ก็ไม่วายด่ากลับว่า ไอ้เตี้ยคาเปรซอล ซึ่งคนๆนั้น ได้ตะกั่วเข้าที่หัวไปสามนัดน่ะ แล้วก็พวกที่เหลือก็โดนแบบเดียวกันด้วย"
              แอนเดรียบอก "ในเมื่อเขาโหดร้ายแบบนี้ นายพลผู้นี้กับพวกควรจะได้รับโทษประหารจากสหพันธ์โลกไปเลยนิคะ"
              "ฉันก็คิดเช่นนั้นนะ แอนเดรีย เพียงแต่ คาเปรซอลกับพวกแบล็คริบบ้อน ถึงถูกจับกุมไปได้ แต่สหพันธ์โลกเดิมไม่สั่งประหารชีวิต เพราะพวกเขาอยากใช้ความโหดร้ายของคาเปรซอลและพวกแบล็คริบบ้อนในการกำจัดศัตรูที่เป็นภัยต่อสหพันธ์โลก ซึ่งรวมถึงเหล่าแมนิเกเตอร์กันด้วยนะ" โฟรซ่าบอก
              สเปียริทกล่าว "แม้กระทั่งพวกเฮมร็อคที่หลบหนีออกนอกระบบสุริยะ รวมถึงลูกเรือยามาโมโตะที่รู้ตัวขึ้นมาสิน่ะ"

              "หลังจากที่ทราบเรื่อง ฉันได้ติดต่อกับเฮมร็อคและเอสมาริด้า รวมถึงพวกกรัมสกิซ ให้ร่วมมือกันตอบโต้ยามาโมโตะโดยเร็ว ซึ่งพวกเราสามารถทำให้ยามาโมโตะภายใต้การนำของคาเปรซอลล่าถอยกลับไปได้" คอสซีโร่บอก "ทว่า หลังจากนั้น 3 เดือนถัดมา เฮมร็อคและเอสมาริด้า ก็ขาดการติดต่อไป ฉันจึงนำพวกไปตรวจสอบ จนเจอกับคนอันตรายที่ไม่คิดว่าจะโผล่มาที่นี้ได้ หมอนั้น มอร์ทิมาร์ค ไอ้มือสังหารมหาประธานาธิบดี มัน จัดการกับลูกเมียของฉันไม่ว่า มันเปลี่ยนเฮมร็อคและเอสมาริด้ากันอีก...อะ อภัยให้ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้" คอสซีโร่กล่าว พอพูดถึงเทรแซท ตนก็แสดงอาการกระตุกอย่างต่อเนื่อง "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆ" เครื่องประคองชีพส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เดเมี่ยนเลยต้องรีบสับสวิตซ์ลงจน "เออ......." คอสซีโร่สงบลง หากแต่ดวงตาและปากมีเลือดดำไหลออกมา
              "สงสัยว่าเทรแซทคงไม่ให้เรารู้เยอะแล้วละ" เดเมี่ยนบอก
              "แค่นี้ก็พอแล้ว หมอ ว่าเทรแซททำอะไรกับคอสซีโร่และคนในยานแกแลคซี่ดรากูน-666 กันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              แอมเบอร์กล่าว "ดีหน่อยหนึ่งที่หมอเดเมี่ยนตัดการจ่ายพลังลง ระบบทำลายตัวเองจึงหยุดการส่งไวรัสเข้าฐานข้อมูลหลักลงเสียก่อนนะคะ"
              "แล้วเราจะทำยังไงกับศพนี้ดีละ" บริคซ์บอก
              อีธานกล่าว "สำหรับอิมแพลนท์ในตัวนั้น ถึงทำลายทิ้งไปได้ บางตัวที่สแกนเนอร์ตรวจไม่พบอาจจะส่งสัญญาณไปให้ต้นทางรับรู้ได้ ไม่ว่าต้นทางจะอยู่ไกลเลยก็ตามนะครับ"
              "แต่ด้วยสภาพศพที่ได้รับผลกระทบจากอนุภาคโชนโครคิฟไปนั้น บดบังคลื่นสัญญาณจากอิมแพลนท์ดังกล่าวไว้ได้นะครับ" ฟูลออเรสกล่าว "เพียงแต่ เรามีเวลากำจัดทิ้งเพียง 4 วันหรือน้อยกว่านั้น ก่อนที่อนุภาคโชนโครคิฟที่ปกคลุมศพนั้นจะสลายตัวนะครับ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "นั้นมากพอ ให้พวกเราได้เตรียมตัวกันบ้างน่ะ"
              "แน่ละ พวกเราเจอเรื่องบ้าๆมาหลายเรื่องแล้ว" คลอเวฟกล่าว "แต่กับเรื่องที่พวกสหพันธ์โลกแอบส่งกองทหารเลวระยำไปกับยานอวกาศที่ส่งไปไล่ล่าพวกกองยานทรยศ จนถูกเทรแซทแปรสภาพเป็นเครื่องมือนั้น มันไม่หนักหนาเท่ากับเรื่องโฉมหน้าที่แท้จริงของเฮซเทิร์ซน่ะ"
              เนคมาดูซัมบอก "ฉันแค่คิดว่า พวกเฮซเทิร์ซมีนายใหญ่เป็นมนุษย์ต่างดาวที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจมาก จนบงการเหล่าต่างดาวทั้งหลายแหล่ให้มารังควานแรซัลก้าไปได้ แต่พอมาได้ยินแบบนั้น ฉันไม่รู้ว่าจะคิดยังไง"
              "เธอคิดว่า คิโคเดนจะทำหน้ายังไง หากรู้ตัวจริงของผู้นำเฮซเทิร์ซน่ะ" โฟรซ่าถาม
              สเปียริทตอบ "ไม่ว่าผู้นำของเฮซเทิร์ซจะเป็นเช่นไร ในความคิดของคิโคเดน เฮซเทิร์ซทุกตนต้องถูกกวาดล้างให้สิ้นซากเท่านั้นแหละ"
              "ตอนนี้ เราจมเรือผีไปแล้วลำหนึ่ง เหลืออีกสามลำนะ" บริคซ์บอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เหลือยามาโมโต้ ยูสอัลคาเดี่ยนของเฮมร็อค และควีนมิลเลเนี่ยมของเอสมาลิด้า ที่อยู่ในกำมือของเทรแซท ซึ่งคงจะใช้เพื่อจัดการกับเราแน่นอน"
              "ปานนี้ข่าวเรื่องเราถล่มเรือผีน่าจะกระจายไปได้บ้างแล้วน่ะ" คลอเวฟบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าฟังจากพวกเปเปอลิทเล่ามา ข่าวคงจะออกใน 2-3 วันหรือเร็วกว่านั้น หากเทรแซทรู้สึกถึงบางอย่างที่เกิดขึ้นกับคอสซีโร่แล้วละ"

    TriVeser Manigator Saga:Hyperstar Trooper
    ตอนที่ 42 ดาวน์เซาท์แอทแทค ช่วงแรก เทอร่าสควอดอนปะทะ
    2 ผกก.โฉด

              โรงอาหาร ภายในยานไทรแองเกิ้ล หลังจากที่พวกไทรเวเซอร์และกองกำลังหลังฉากเคลียร์ซากพวกศัตรูเสร็จแล้ว
              "ไม่คิดเลยว่า พวกมนุษย์ขยะจะมีพลังและขีดความสามารถที่คาดไม่ถึงเลยน่ะ" แจ็สบอก
              ไลเอิร์ทบอก "นั้นสิ นอกจากจะเปลี่ยนเพื่อนร่วมรบให้กลายเป็นอาวุธกันไม่ว่า ทั้งสองยังฟิวชั่นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยน่ะ"
              "คิดว่านี้เป็นพลังและความสามารถของพวกรีไซคอล หลังจากที่พวกเขาได้รับการคืนชีพจากคุณเมซ่าหรือเปล่าละ" นิคกล่าว
              เฟรดบอก "ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นั้นคงเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องไปจากแรซัลก้า เหมือนกันกับเบย์บาลิคและแคลเกียสแล้วละ"
              "มันเป็นไปได้สูงน่า เพราะถ้าแรซัลก้ารู้ว่ามีแมนิเกเตอร์ที่ทรงพลังและมีความสามารถอันโดดเด่นมาก พวกเขาต้องรีบดึงเข้ากองทัพโดยเร็ว ก่อนที่แมนิเกเตอร์เหล่านั้นจะหันมาต่อต้านเสียเองน่ะ" ฟลาแน็กซ์บอก
              เนคกัสกล่าว "แต่ดูพวกเขาไม่ตื่นกลัวทหารอย่างนายพลคาร์ทตันเลยน่ะ อีกอย่าง พวกเขามีบุญคุณต่อคุณเมซ่าและแม่ทัพใหญ่โอลดาธกันด้วยน่ะ"
              "แถมยังรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเราในช่วงที่มาในเขตอวกาศภาคกลางได้ ราวกับมีหูตาทิพย์ด้วยแล้ว พวกรีไซคอลคงจะปรับตัวกับสภาพแวดล้อมบนดาวได้แน่นอน" เวลลิทบอก
              คีธกล่าว "แต่สภาพตึกรามบ้านช่องบนดาวดวงนี้ มันทะแม่งๆน่ะ"
              "นายคงไม่คิดว่า ตึกบางแห่งที่อยู่ต่างเมืองไปไกลนั้น มีไข่เอเลี่ยนฝังอยู่ละสิ" เฮเรเค้นกล่าว
              คีธส่ายหน้า "เปล่าหรอก แต่ตึกรามบ้านช่องในดาวดวงนี้ เหมือนเคยเจอตอนอยู่บนโลกในช่วง 44 ปีก่อนน่ะ"
              "จริงด้วยน่ะ แค่เราอยู่ในเมือง ฉันรู้สึกได้ว่าเหมือนอยู่ในแมนแฮทตันน่ะ" น็อกกี้บอก
              แด็กซ์กล่าว "เมืองที่ฉันไปต่อกรกับไอ้ตัวประหลาดสามตานั้น มันเหมือน....ดีทรอยในช่วงศตวรรษที่ 20 น่ะ"
              "แต่ เมืองที่ถูกสร้างในช่วงศตวรรษที่ 20 บนโลกนั้น ทำไมถึงอยู่บนดาวที่อยู่ในเขตอวกาศภาคกลาง ซึ่งอยู่ห่างจากระบบสุริยะไปไกลมากเลยละ" นาเดียถาม
              วูลเฟลล่าบอก "เออ ถ้าเช่นนั้น ดาวดวงนี้คงมีปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เราคาดไม่ถึง พอๆกันกับอสูรกายสามตาที่มากับเรือผีนั้นแน่ๆน่ะ"
              "อสูรกายสามตานั้น อาจจะเป็นปีศาจในความคิดของพวกเธอบางตนก็ตาม" ทันกุนบอก "ตัวจริงของพวกนี้ก็คือพวกมนุษย์ที่มากับเรือผี ซึ่งเป็นหนึ่งในสามยานรบที่สหพันธ์โลกส่งไปกวาดล้างแมนิเกเตอร์นอกโลกกันนี้แหละ"
              น็อกกี้บอก "ที่ว่าผู้นำของยานนั้นเป็นโจรสลัดที่คุมยานสีเขียวที่มีตราหัวกระโหลนะหรือครับ"
              "ใช่ และพวกเธอคงจะจำได้มั้ยละ ว่าตอนที่พวกเธอหาข่าวจนเจอเรื่องพวกกรัมสกิซนั้น พวกเธอนึกอะไรออกกันบ้างน่ะ" ทันกุนกล่าว
              มัลแด็กซ์บอก "ลุงคงไม่ได้หมายความว่า ไอ้ที่เราเดามัวๆนั้น ล้วนเป็นเรื่องจริงละสิ"
              "ถูกแล้วละ กัปตันยานสีเขียวที่มีหัวกระโหลกนั้น คือนายพลเรือโทเฮมร็อค ผู้บังคับการยานรบอวกาศยูสอัลคาเดี่ยน ประจำกองรบสหพันธ์โลกเดิม ซึ่งถูกก่อตั้งหลังจากที่โอเวอร์เดสและพวกกองทัพแมนิเกเตอร์ไปจากโลกได้ 5 ปีกว่านะสิ" ทันกุนบอก "อีกคนหนึ่งคือ พลเรือตรีหญิงเอสมาลิด้า ผู้บังคับการยานรบอวกาศควีนมิลเลเนี่ยม ซึ่งเป็นยานชั้นสเปซเซปเปริน สร้างขึ้นจากแบบแปลนเรือเหาะรุ่นพิเศษที่ถูกฝังลืมอยู่ในบังเกอร์ของพวกนาซีเยอรมัน แต่ปรับให้เป็นยานรบอวกาศเลยน่ะ"
              บราไทน่ากล่าว "และเธอคงจะเป็นนายพลหญิงที่ใส่ชุดสีแดง ผมยาวสีส้ม ที่มีน้องสาวฝาแฝดที่ใส่ชุดกันหนาวสีดำไปกับขบวนรถไฟอวกาศตองหกนะหรือ"
              "เอสมาลิด้ามีน้องสาวฝาแฝดน่ะ ใช่ น้องสาวคนนั้น ชื่อ เมอเทล ซึ่งใกล้เคียงกับนางเอกในการ์ตูนรถไฟนั้น ก็ใช่ และมีแม่เป็นรานีพันปีที่กลายเป็นมนุษย์จักรกลนั้น ก็ใช่แน่นอน" ทันกุนบอก "หากแต่ ไอ้เบอร์ตองหกนั้น มันเป็นเบอร์ยานรบอวกาศแกแลคซี่ดรากูน ของนายพลเรือตรีคอสซีโร่ ที่พวกเราไปปะทะกันต่างหาก มิใช่เบอร์รถไฟหัวรถจักรที่เหาะอยู่ในอวกาศได้น่ะ"
              แบร็อคบอก "แปลว่า ช่วงยุคทองไม่มีการสร้างรถไฟอวกาศกันเลยหรือ"
              "ถึงผู้การเฮลิคจะเคยได้ยินเรื่องที่มีหุ่นแมวติดกระเป๋ามิติที่ 4 นั่งไทม์แมชชีนไปช่วยเด็กแว่นไม่เอาไหนให้เป็นคนที่ดีขึ้นมา แต่ก็ไม่เคยเห็นรถไฟแบบในการ์ตูนกันสักหน่อย ต่อให้ไอ้รถไฟนี้มันโผล่มาในเรื่องของหุ่นแมวด้วยน่ะ" ทันกุนกล่าว
              เนคกี้กล่าว "ดีแล้วละคะ เพราะพวกเราเองก็กลัวว่า พวกเราจะลอกเลียนสร้างรถไฟอวกาศนี้ขึ้นมาน่ะ"

              "หากแต่รถไฟอวกาศของพวกเธอนั้น มีขนาดใหญ่เท่ายานรบเท่านั้นเองน่ะ" เทรอนเร็กซ์บอก "ว่าแต่ ลุง ไอ้อสูรกายสามตานั้น คงจะไม่ใช่หนึ่งในกำลังรบที่ใช้กวาดล้างพวกคุณเทเรซ่ากันละสิ"
              ทันกุนบอก "ใช่ อสูรกายสามตานั้น มันคือทรีครอฟ ซุปเปอร์อาร์มเมอร์ไซส์ใหญ่รุ่นไซครอป ซึ่งถูกออกแบบมาให้ใช้งานในอวกาศ ตามข้อมูลที่รู้จากเฮลิคมา ทริครอฟถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้กวาดล้างพวกแมนิเกเตอร์บนดวงจันทร์ และดาวทั้งแปดดวงตามคำสั่งของสหพันธ์โลกนะสิ"
              "แล้วไอ้ทริครอฟอะไรนั้น ยิงเลเซอร์ตรงดวงตาได้หรือเปล่าละ" แจ็สถาม
              ทันกุนบอก "ถึงดวงตาของทริครอฟนั้นจะสร้างขึ้นจากกล้องสามตาติดไอโฟนรุ่นเมื่อปี 2010-2020 นั้นจะยิงเลเซอร์ได้ แต่เลเซอร์นั้น มันใช้ล็อกเป้าให้กับระบบอาวุธติดตัวเกราะเวลาออกปฏิบัติการณ์ในอวกาศ ไม่ได้มีพลังเทียบเท่ากับมิวแทนยิงบีมออกดวงตาเหมือนในตอนนี้หรอกน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้น โมบิลทรูปเปอร์รุ่นที่เราเคยเจอบนโลกที่มากับยานของนายพลคอสซีโร่นั้น คงเป็นรุ่นดัดแปลงใช้งานในอวกาศละสิ" คีธบอก
              ทันกุนพยักหน้า "โมบิลทรูปเปอร์เหล่านั้นเป็นหุ่นมาร์ค-64 ที่หลงเหลือจากสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรก ซึ่งดัดแปลงเพื่อใช้สู้กับพวกผู้รุกรานจากนอกโลก รวมถึงพวกชาวอาณานิคมในอวกาศที่แส่หาเรื่องต่อต้านรัฐบาลสหพันธ์โลกเดิมด้วยน่ะ"
              "คุณทันกุน คุณเป็นซุปเปอร์โซลเยอร์รุ่นเดียวกับคุณพ่อมาก่อนใช่มั้ย แสดงว่าคุณคงจะรู้จักยานรบที่เหลืออีกสองลำนอกเหนือจากลำที่เราพังไปแล้วสิครับ" เฟรดกล่าว
              ทันกุนบอก "เธอเริ่มจะสนใจเลยสิน่ะ เฟรเดอลิค แม้ที่เธอถามมา เหมือนเบ็ตตี้ถามตอนฉันมาทำแผลในห้องพยาบาลเลยน่ะ" แล้วก็เล่าให้ฟัง "แกแลคซี่ดรากูน-666 นั้น มันเป็นยานรบขนส่งกำลังพล ซึ่งพวกเธอคงจะได้เห็นมาแล้ว แต่อีกสองลำนั้น ก็น่าเกรงขามอยู่เหมือนกันน่ะ"
              "แน่ละ ยานลำนั้นส่งทุกอย่าง ตั้งแต่ไอ้สามตา ไปจนถึงพวกโมบิลทรูปเปอร์เลยน่ะ" ชาร์เครฟบอก
              ทันกุนบอก "ยูสอัลคาเดี่ยนของเฮมร็อคเอง เป็นยานรบประจัญบาน ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อบุกถล่มกองยานของฝ่ายตรงข้าม นอกจากปืนใหญ่เลเซอร์สามลำกล้องที่อยู่บนดาดฟ้ายานจำนวนละ 3 ป้อม และป้อมปืนต่อต้านอากาศยานอีกหลายชุดแล้ว ตัวยานติดตั้งปืนใหญ่หลัก ซึ่งก็คือ สกัลเฮดแคนน่อน ปืนใหญ่พลังพลาสม่าที่มีพลังทำลายล้างสูง สร้างขึ้นจากข้อมูลของลำแสงที่โอเวอร์เดสยิงออกจากดวงตา ซึ่งถล่มเมืองพังไปเป็นแถบๆพร้อมกับสามกองรบใหญ่ของทางยุโรปกันด้วยน่ะ"
              "นี้แปลว่า โอเวอร์เดสมีอาวุธที่นอกเหนือจากการปล่อยพลังแสงออกทางหน้าอกด้วยหรือ" แด็กซ์กล่าว เรฟไซท์บอก "โอเวอร์เดสมิใช่อิชเชเตียนสักหน่อยนะเฟ้ย"
    "แล้วยานอีกลำละคะ" รีฟบอก
              ทันกุนกล่าว "ควีนมิลเลเนี่ยมของเอสมาลิด้านั้น ตัวยานเป็นเรือเซฟเปรินขนาดใหญ่ที่มีเรือรบแบบอังกฤษติดอยู่ด้านใต้ ซึ่งเป็นเรือบัญชาการรบหลัก ส่วนเซฟเปรินนั้น ติดตั้งอาวุธเลเซอร์และป้อมมิไซล์จำนวนพันจุด ทำหน้าที่สนับสนุนการรบและกวาดล้างฝูงกองยานศัตรูให้กับยานอีกสองลำ แม้ระบบอาวุธเหมือนจะใช้พลังงานจากยานเยอะ แต่ตัวยานก็ใช้เตาพลังงานพลาสม่ากำลังสูง ซึ่งมีพลังมากพอที่จะจ่ายพลังงานให้กับเรือบรรทุกเครื่องบินได้ 80 ลำเลยน่ะ"
              "แต่คงไม่มากกว่าเตาพลังทรอเจนที่ติดไว้ในตัวรัฟแพนเนสละ....สิ" น็อกกี้กล่าว และหยุดพูดพร้อมกับจับปีกหมวกด้านหน้าลง "บ้าชะมัดเลย พูดถึงหมอนี้ทีไร รู้สึกโมโหทุกที"
              คีธกล่าว "ไม่ใช่แค่นายหรอก แต่พวกเราเองก็นึกถึงพวกคุณบรอนเซอรูท เมื่อนึกถึงรัฟแพนเนส แล้วก็องค์เทเนดีนด้วยน่ะ"
              "ต่อให้พวกลูกพี่จัดการกับทั้งสองลง จนทำให้ไอ้เวรสองตัวต้องทรมานเหมือนตายเลยก็ตาม พวกคุณบรอนเซอรูทก็ไม่ได้กลับมาแล้วน่ะ" ไกซ์กล่าว
              เนคกัสบอก "แต่ตอนนี้ เราอยู่ในเขตอวกาศภาคกลาง และรู้ว่าพวกนั้นยังอยู่ด้วยแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว เราคงได้ปะทะกับพวกตำรวจคนบาปและกองโจรฮาซารีมอย่างแน่นอนน่ะ"
              "แล้วไอ้ยานยูสอัลคาเดี่ยนนั้น มีท้ายเรือทำด้วยไม้แบบเรือโจรสลัดหรือเปล่าละ ลุง" แฮมชัคบอก
              ทันกุนส่ายหน้า "ถ้ามันทำยานให้เหมือนกับการ์ตูนละก็ เกรงว่ามันคงจะกระจุยด้วยแรงพุ่งเหนือแสงกันไปแล้ว เพราะว่ายูสอัลคาเดี่ยน ควีนมิลเลเนี่ยม และแกแลคซี่ดรากูน ติดตั้งระบบขับเคลื่อนความเร็วเหนือแสงรุ่นพิเศษ 3 ใน 4 ตัวสุดท้ายที่หลงเหลือจากสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรกกันนะสิ"
              "3 ใน 4 ตัวสุดท้ายนะหรือ งั้น ยามาโมโต้ก็ติดตั้งอันสุดท้ายไว้แล้วสิคะ" นาเดียบอก
              นิคกล่าว "งั้น ที่สหพันธ์โลกเดิมส่งยามาโมโต้ไปทำลายยานสามลำนั้น คงไม่ได้แค่กำจัดผู้ทรยศ แต่เพื่อเก็บกู้หรือทำลายระบบขับเคลื่อนความเร็วเหนือแสงละสิครับ"
              "สหพันธ์โลกเดิมไม่ยอมให้ใครหน้าไหนหลบหนีออกนอกระบบสุริยะจักรวาล เพื่อนำเข้าปัญหากลับมากันได้หรอกน่ะ ซึ่งไม่แปลกใจหรอก ที่พวกเราและพวกเธอ ไม่ได้ออกนอกโลกหรือระบบสุริยะจักรวาลมาตลอด 40 ปีกันแล้วน่ะ" ทันกุนกล่าว
              อิคกรีทกล่าว "นั้นไม่แปลกใจเลยที่ท่านประธานาธิบดีและพวกต้องรีบพาพวกเราออกไปสู่อวกาศอันไกลโพ้น เพราะรู้ถึงผลที่ตามมา หากคิดหนีออกไปไกลจากโลกเลยน่ะ"
              "แล้วยานยามาโมโต้นั้นคงไม่ได้ติดปืนใหญ่พลังงานคลื่นแบบเดียวกับที่เราใช้ละสิ ลุง" ไลเอิร์ทถาม
              ทันกุนส่ายหน้า "พวกเธอรู้มั้ย ว่าอีกเหตุผลที่สหพันธ์โลกเดิมสั่งให้ยามาโมโต้ไม่กลับมาที่โลก นอกเหนือจากการทำลายยานรบทั้งสามทิ้งแล้ว สหพันธ์โลกเดิม ได้ติดตั้งเตาปฏิกรณ์พลังงานแรงดึงดูดอันสุดท้าย ที่หลงเหลือจากสงครามแมนิเกเตอร์ครั้งแรก ให้กับยามาโมโต้แล้วนะสิ"
              "เตาปฏิกรณ์พลังงานแรงดึงดูดนะหรือ เดียวก่อนน่ะ นี้สหพันธ์โลกเดิม ไม่ให้ใครรอดจากอำนาจแรงดูดกำลังสูงที่บดขยี้วัตถุสารได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งมนุษย์ด้วยกันเองเลยหรือ" แด็กซ์กล่าวอย่างอึ้งๆ พอๆกันกับทุกๆคน
              รีฟบอก "แต่ สหพันธ์โลกเดิมทำแบบนั้น มันผิดกฎเรื่องอาวุธร้ายแรงกันเลยนะคะ โดยเฉพาะ อาวุธที่ใช้พลังจากแรงดึงดูดที่ควบคุมได้ยากและเป็นอันตรายอย่างมากน่ะ"
              "ถ้าสหพันธ์โลกเดิมและระบบสุริยจักรวาลยังไม่ถูกตัดการติดต่อกับสมาพันธ์อวกาศละก็ พวกเขาคงโดนลงโทษไปนานแล้ว ทว่าเฮนรี่ ไนท์ตัดสินใจพลาด หลังจากการตัดการสื่อสารเพื่อมิให้พวกเฮซเทิร์ซตามไปถึงโลกได้น่ะ" ทันกุนบอก
              เนคกัสบอก "แต่ตอนนี้ ยานรบทั้งสี่ลำก็อยู่ในกำมือของศัตรูที่น่ากลัวที่สุดแล้ว แม้เราทำลายทิ้งไปลำหนึ่ง ก็เหลืออีกสามที่ต้องทำลายทิ้งด้วยน่ะ"
              "แน่ละ เพราะมนุษย์ขยะเหล่านั้นต่างก็เปลี่ยนเป็นอาวุธหรือรวมร่างกันแล้ว พวกนั้นคงจะขยายร่างให้ใหญ่เท่าโมบิลลอยด์ของพวกเราหรือแม้กระทั่งอิชเชเตียนก็ยังได้น่ะ" น็อกกี้บอก จนทันกุนสะดุ้ง
              "เปลี่ยนตัวเป็นอาวุธ รวมร่างนะหรือ...." ทันกุนพูดย้ำ แล้วก็ถาม "มิลด์ ตอนที่พวกมนุษย์ขยะทำแบบนั้นนิ พวกนี้พูดอะไรบ้างละ"
              "ตอนที่เปลี่ยนพวกรีไซคอลอีกตนเป็นอาวุธ กับรวมร่างนั้น พวกเขาต่างพูดว่าไดร์ฟนะคะ" มิลด์บอก
              ทันกุนบอก "ชัดเลย เฟรเดอริค ไอ้ที่เธอบอกว่าพวกมนุษย์ขยะออกไปจากแรซัลก้านั้น คงไม่ใช่เพราะความสามารถติดตัวกันหรอกน่ะ"
              "แล้วลุงคิดว่ามันเป็นอะไรละ" คีธถาม
              ทันกุนกล่าว "ไอ้วิธีการที่เปลี่ยนคนเป็นอาวุธกับรวมร่างนั้น มันควรจะถูกสั่งระงับไปเมื่อร้อยปีก่อนแล้วนะสิ"

              "อาร์มไดร์ฟและฟิวชั่นไดร์ฟของพวกรีไซคอลนั้น เป็นวิทยาการในช่วงยุคทองนะหรือ" สเปียริทกล่าว อีธานพยักหน้า
              ไซโคลเนียบอก "แต่ พวกเรานึกว่านั้นเป็นความสามารถของพวกรีไซคอล หลังจากที่ได้รับการคืนชีพจากคุณเมซ่าเสียอีกน่ะ"
              "ทีแรก พวกเราก็คิดเช่นนั้นนะคะ หากแต่...." เอโอลีนบอก "เราได้วิเคราะห์เซลเนื้อเยื่อของพวกรีไซคอลอย่างละเอียดแล้ว พบว่าเซลในร่างกายของพวกเขา มีความสามารถในการเชื่อมรวมเข้ากับเซลของอีกตนได้ รวมถึงเปลี่ยนแปลงรูปของเซลให้เป็นอาวุธและอุปกรณ์ได้ โดยไม่มีผลกระทบข้างเคียงกันเลยนะคะ" แล้วก็นำภาพสแกนเซลเนื้อเยื่อเข้ามา โดยเซลของมนุษย์แก้วเชื่อมกับกระดาษ เหล็กเชื่อมกับพลาสติก โดยไม่ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
              "เหมือนที่พวกเขารวมร่างจนมีแขนขาโตและเปลี่ยนอีกรายเป็นโลห์หรืออาวุธเลยสิน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              "พอจะอธิบายเรื่องวิทยาการทั้งสองได้มั้ยละครับ" พีวิลบอก
              อีธานกล่าว "เริ่มต้นด้วยอาร์มไดร์ฟเลย มันเป็นวิทยาการที่ทำให้มนุษย์สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธให้กับผู้ใช้ ด้วยการฉีดไวรัสที่ตัดต่อยีนด้วยนาโนแมชชีนเข้าไปในร่างกาย โดยเริ่มจากเด็กสาวก่อน จากนั้นก็ดัดแปลงให้กับเด็กหนุ่มกัน ซึ่งอย่างหลังนั้นแสดงพลังและขีดความสามารถเหนือชั้นกว่าเพศหญิงที่สามารถคงสภาพไดร์ฟได้สมดุลย์กว่า โดยโปรเจคนี้ ดำเนินการบนเกาะเทียมกันในช่วงปี 2115 นะครับ" โดยนำภาพเด็กสาวที่เปลี่ยนเด็กสาวอีกคนให้กลายเป็นดาบ เป็นหมัดใหญ่ ดาบเรเฟียร์ คันธนู คาตานะและปืน ดาบปังตอคู่ ไปจนถึงดาบใหญ่กัน
              "ฉันเคยได้ยินว่ารัฐบาลญี่ปุ่นก็พัฒนาโปรเจคแบบนี้ ในชื่อของวัลคัลลีย์โปรเจคมาก่อน ซึ่งพัฒนาบนเกาะเทียมสามเกาะมาเช่นกัน" มาสวาร์ทาร์กล่าว "หากแต่ ทั้งสามเกาะนี้แยกตัวจากแผ่นดินแม่และต่อต้านการมาของฝ่ายทหาร ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเธอไม่อยากจะถูกจับเป็นอาวุธให้กับองค์กรทางทหาร รัฐบาลจึงสั่งปิดโปรเจคทิ้งโดยควบคุมตัวพวกเด็กสาวเหล่านั้นไว้น่ะ"
              เอโอลีนบอก "ถึงแม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเบรคโปรเจคของพวกเขาไว้ แต่มิใช่กับส่วนมากที่ดำเนินการโปรเจคนี้อยู่ โดยมีรัฐบาลของประเทศในแถบอเมริกา ยุโรปและเอเชียบางประเทศมาควบคุมอีกต่อ เพื่อมิให้บุคลากรเป็นเหมือนกับฝั่งญี่ปุ่นนะคะ"
              "พออาร์มไดร์ฟโปรเจคมันสำเร็จ พวกเขาเริ่มขั้นที่สอง นั้นคือฟิวชั่นไดร์ฟ การรวมร่างยอดทหารทั้งสองให้เป็นสุดยอดนักรบอันแข็งแกร่งที่มีความสามารถของคนสองคนในร่างเดียว ซึ่งฟังดูแล้วมันดีก็จริง" อีธานบอก "แต่ โปรเจคนี้กลับให้ผลล้มเหลวมากกว่าผลสำเร็จ เพราะ มีเพียง 20 เปอร์เซนต์ที่สามารถรวมร่างจนกลายเป็นนักรบตามที่หวังไว้ และสามารถแยกร่างออกจากกันได้ ที่เหลืออีก 80 นั้น....นอกจากจะไม่สามารถแยกร่างออกได้เองแล้ว ร่างกายของพวกเขาหลังรวมมีสภาวะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว หรือกลายเป็นตัวประหลาด หรือต่อให้แยกออกได้ คนทั้งสองจะเกิดสภาวะบุคลิคสลับร่างกัน หรือถ่ายทอดยีน โรคร้าย สภาวะผิดปกติทางร่างกายจากคนหนึ่งไปอีกคน หรือได้พร้อมกันทั้งคู่ ซึ่งอย่างหลังนั้นสร้างปัญหาให้กับรอบด้านไปไม่น้อยเลยละครับ" โดยนำภาพมนุษย์รวมร่างที่มีใบหน้าของทั้งสองรวมกันจนมีสี่ตา สองจมูกและสองปากและหูอีกสี่หูกัน รวมถึงสภาพร่างกายหลังฟิวชั่นแบบผิดปกติกันอีกหลายอย่างด้วย
              คลอเวฟบอก "กูว่าไม่รวมร่างยังจะดีกว่านี้อีกน่ะ จะได้ไม่ต้องรับเอาบางอย่างแย่ๆหรือความคิดของกูไปให้คนอื่นน่ะ"
              "ว่าแต่ โปรเจคนี้ ตระกูลเดลวีแองนูในช่วงนั้นทราบหรือเปล่าละ" เจเนลบอก
              ฟูลออเรสกล่าว "ครับ รวมถึงปู่ทวดของดร.รีไลฟ์เวอรี่ด้วย พอพวกเขารู้เรื่องโปรเจคทั้งสองนี้ เลยสั่งขอร้องทางรัฐบาลให้ยุติโปรเจคทั้งสองเป็นการถาวร ซึ่งทางเบื้องบนก็ทำตามที่ขอร้องไว้ แต่ดูเหมือนว่า พวกเขาเลือกให้ผู้ดำเนินโปรเจคนี้ เอาไปให้พ้นจากโลกและระบบสุริยะจักรวาลก็เท่านั้นเอง"
              "พวกเขาคงไม่อยากจะให้โปรเจคนี้หลุดไปถึงมือของแมนิแฟคเตอร์นะหรือคะ" แอนเดรียบอก
              อีธานกล่าว "อันที่จริงแล้ว อาร์มไดร์ฟและฟิวชั่นไดร์ฟนั้น ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อไว้ใช้หยุดแมนิแฟคเตอร์ที่มีพลังและขีดความสามารถจนเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติ รวมถึงใช้สู้กับภัยคุกคามจากนอกโลกที่อาจจะบุกเข้ามา เพียงแต่ โปรเจคทั้งสองนั้นถูกพัฒนาขึ้นโดยมีบริษัทผลิตอาวุธและสถาบันวิจัยด้านการต่อต้านแมนิแฟคเตอร์สนับสนุน เลยทำให้ผลงานที่สร้างมานั้นกลายเป็นสินค้าอาวุธในรูปของมนุษย์ ถูกแจกจ่ายไปให้บริษัททหารรับจ้างหรือแม้กระทั่งองค์กรทางทหาร รวมถึงไปพวกกองกำลังต่อต้านกับผู้ก่อการร้าย ซึ่งอย่างหลังนั้น ดร.เดลวีแองนูและรีไลฟ์เวอรี่ในช่วงนั้น ใช้เป็นเหตุผลในการประนามผู้ดำเนินการโปรเจคดังกล่าวด้วย" แล้วก็บอก "แน่นอน ว่าผู้ดำเนินการโปรเจคนี้ตั้งใจจะดำเนินขั้นที่สามกันอีกด้วย หากฟิวชั่นไดร์ฟประสบความสำเร็จเลยน่ะ"
             "คงไม่ได้ดัดแปลงให้คนรวมร่างกับโมบิลทรูปเปอร์หรือหุ่นยักษ์เลยละสิ" โฟรซ่าบอก
              ฟูลออเรสกล่าว "อันนี้ ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ว่ามนุษย์ที่ดำเนินโปรเจคเหล่านี้ อยากให้สิ่งที่อยู่ในการ์ตูนหุ่นยนต์ที่มีพระเอกรวมร่างกับยานที่เปลี่ยนเป็นหุ่นนั้น เป็นจริงขึ้นมา เพียงแต่ มันไม่เกิดขึ้นเพราะความล้มเหลวในขั้นที่สองนะครับ"

              "คิดว่า ไอ้โปรเจคนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาการของชาวออร์เลี่ยนหรือเปล่าน่ะ เพราะมีต่างดาวเผ่าหลักของเดลอาเนี่ยนที่สามารถรวมร่างกับหุ่นได้น่ะ" พลัสเชอริทบอก
              เมดิน่าบอก "เป็นไปได้สูงนะคะ เพราะว่าในลิสท์รายชื่อวิทยาการที่ชาวออร์เลี่ยนคิดค้นเพื่อสร้างสุดยอดนักรบไว้สู้กับพวกแมนิเกเตอร์ ก็มีข้อมูลการรวมร่างทั้งสามแบบด้วยกัน หากแต่ แบบที่สามมันหลุดไปอยู่ในมือพวกเดลอาเนี่ยนและพัฒนาจนสำเร็จได้ก่อน จากการมอบให้กับพวกเมคครอฟิคนะคะ"
              "แปลว่า วิทยาการเปลี่ยนคนให้เป็นอาวุธและรวมร่างเป็นยอดนักรบนั้น ไม่ได้ถูกทำลายตามที่ดร.รีไลฟ์เวอรี่และดร.เดลวีแองนูในช่วงนั้นต้องการ แต่มันถูกนำออกไปไกลๆละสิน่ะ" สเปียริทบอก
              เอโอลีนกล่าว "และจากการที่พวกรีไซคอลสามารถทำได้โดยไม่มีผลกระทบนั้น ถ้าไม่เพราะร่างกายของพวกเขาได้รับผลจากพลังของคุณเมซ่า วิทยาการเหล่านั้นคงจะถูกปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้น ในเวลาราว 10 หรือ 100 ปี จนให้ผลที่พึ่งพอใจแล้วนะคะ"  
              "แต่เฮนรี่ ไนท์กับพวกมนุษย์กลุ่มแรกออกจากโลกไปเมื่อปี 2058 จนเจอสมาพันธ์อวกาศกันนิ คงไม่น่ามีมนุษย์กลุ่มก่อนหน้าที่มาถึงดาวดวงนี้ก่อนเลยน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              เนคมาดูซัมบอก "แล้วถ้าเกิดว่าพวกเขามีและสร้างไทม์แมชชีนใช้กันละ เพราะเท่าที่รู้มา โลกสั่งระงับสร้างไทม์แมชชีนไปเมื่อปี 2112 กันแล้วน่ะ"
              "ไม่น่าเป็นไปได้หรอกน่ะ เพราะช่วงเวลานั้น เทคโนโลยี่ที่เกี่ยวข้องกับกาลเวลายังอยู่ในช่วงวิเคราะห์ทฤษฎีและตั้งสมมุติฐานกัน ซึ่งต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะได้สร้างน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              แอนเดรียกล่าว "แถมปู่ทวดของฉันเองก็ยังอยู่ในกระทรวงวิทยาศาสตร์ งานวิจัยทั้งหลายเหล่ที่จะเริ่มต้นได้ ต้องผ่านเขาก่อนน่ะ"
              "แต่ สภาพของตึกรามบ้านช่องที่เราใช้สแกนเนอร์มา ตัวโครงสร้างตึกทั้งหลายนั้นถูกสร้างมาราว 500 ปีก่อน ซึ่งถ้าเป็นเมืองที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 กันจริงๆ มันคงจะไม่เหลือให้ชาวรีไซคอลบูรณะสร้างใหม่ได้นะครับ" อีธานกล่าว
              จิลบอก "นี้คงจะไม่ใช่ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติในอวกาศที่เกี่ยวข้องกับกระแสเวลาหรือห้วงมิติคู่ขนานกันละสิ"
              "เมืองนี้มันสร้างเมื่อ 500 ปีก่อนใช่มั้ยละ" ฟิเกซกล่าว "ช่วงเวลานั้น มันเป็นช่วงเดียวกันกับชนเผ่า 12 ราศีที่อยู่ในสมาพันธ์อวกาศดาวเหนือถูกพวกเฮซเทิร์ซขับไล่จนลงมาอยู่ร่วมกันกับ 12 นักษัตรที่อยู่เขตอวกาศทางใต้เหมือนในปัจจุบันมิใช่หรือ"
              แอบไบออสบอก "มันก็จริงอยู่น่ะ และการที่ 12 ราศีลงมาอยู่กับ 12 นักษัตรกันนั้น ก็คือการรวมตัวกันของสมาพันธ์อวกาศในปัจจุบัน ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ฉันเรียนรู้มาน่ะ"
              "แล้วเราจะอธิบายเรื่องเมืองเก่าบนดาวในเขตอวกาศภาคกลาง ซึ่งมีวิทยาการรวมร่างที่ควรจะสูญหายไปหลายร้อยปีกันยังไงละ" คลอเวฟบอก
              พีวิลกล่าว "ทุกเรื่องราว มันย่อมมีคำตอบและต้นสายปลายเหตุของมันอยู่แล้ว เพียงแต่ เรายังมีเรื่องที่ต้องทำกันอยู่น่ะ"
              "เราลองถามประธานสภาบาแลมโซ่กันได้มั้ยละ" ไซโคลเนียบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ไว้ให้เราออกจากดาวดวงนี้กันก่อนเถอะน่ะ ไซโคลเนีย"

              วันต่อมา ที่สภากลางของรีไซคอล
              "เราได้ผลตรวจสอบยานของพวกท่านมาแล้วน่ะ" ผู้อาวุโสมนุษย์กระดาษบอก "เริ่มจากยานเอลอาควิทีเรีย ทีมวิจัยของเราตรวจพบว่ายานลำนี้ มีแต่อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับทางทหารเสียเป็นส่วนมาก แม้จะมีส่วนดำรงชีพ ส่วนวิจัย ส่วนซ่อมบำรุงเหมือนกับของไทรแองเกิ้ล แต่ไม่มีอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเข้ารหัสของอุปกรณ์หรือสิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคที่สร้างขึ้นในสมัยโบราณอยู่ เลยไม่สามารถใช้งานมิโดราเคิ้ลได้น่ะ"
              คาร์ทตันบอก "ถึงมีหรือไม่ ก็ไม่จำเป็นสำหรับพวกเรากันนะครับ"
              "ส่วนยานอินสเปคทรัลนั้น แม้จะได้รับการดัดแปลง แต่ยานที่สร้างขึ้นจากโลกมาก่อนนั้น คงไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสมในการเข้าถึงเทคโนโลยี่โบราณกันเลยน่ะ" ผู้อาวุโสมนุษย์แก้วบอก
              โดซี่กล่าว "งั้นก็แปลว่า มีแต่ไทรแองเกิ้ลเท่านั้นละสิคะ"
              "ถูกต้องแล้ว เพราะถึงแม้ว่าไทรแองเกิ้ลจะใช้เป็นยานรบก็ตาม ยานลำนั้นมันถูกออกแบบให้เป็นยานสำรวจอวกาศ ซึ่งมีอุปกรณ์ด้านการสำรวจและเข้าถึงโบราณสถานที่มีเทคโนโลยี่ล่ำยุคในช่วงอดีตกาลอยู่น่ะ โดยที่พวกเราไม่จำเป็นย้ำซ้ำหรอกน่ะ" ผู้อาวุโสมนุษย์เหล็กบอก
              คลอเวฟกล่าว "รวมถึงเรื่องที่เรามีแอมเบอร์อยู่ในยานด้วยสิน่ะ"
              "พวกเจ้าไม่ทราบเลยหรือ ว่าพวกเจ้ามีระบบเอไอที่ทรงประสิทธิภาพอยู่ หากแต่เธอเคยมีร่างจักรกลมาก่อนน่ะ" ผู้อาวุโสมนุษย์พลาสติคกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "เคยมีร่างจักรกลมาก่อนนะหรือ เรื่องนั้นเราทราบมาแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าแอมเบอร์มีร่างแบบไหนมาน่ะ"
              "ที่สำคัญ แอมเบอร์เองก็จำความอะไรก็ไม่ได้ด้วยนะครับ" พีวิลบอก
              เมทาไลค์กล่าว "แสดงว่าเอไอแอมเบอร์นั้นคงโดนใครลบความจำเดิมออก แต่ไม่ได้ลบขีดความสามารถเหนือชั้นไปด้วยน่ะ"
              "ความสามารถเหนือชั้นนะหรือ" คาร์ทตันบอก
              โดซี่กล่าว "แอมเบอร์ไม่เพียงสามารถปรับปรุงระบบอาวุธเดิมของไทรแองเกิ้ล แต่ยังเพิ่มเติมระบบบางอย่างซึ่งใช้แก้สถานการณ์ที่ยากลำบากไปได้ อย่างคลื่นต้านทานการแฮคเข้าระบบของพวกริดโอนะคะ"
              ".......แล้วแอมเบอร์คงไม่ได้เปลี่ยนไทรแองเกิ้ลไปจากเดิม จนเธอเสียการควบคุมตนเองและสร้างความเสียหายมาก่อนละสิ" คาร์ทตันกล่าว
              ฟิเกซถาม "ท่านนายพลพูดเหมือนเคยเกิดขึ้นละสิครับ"
              "เพอซิอัสยังไม่ได้เล่าเรื่องนั้นให้พวกเธอฟังละสิน่ะ" คาร์ทตันบอก เนคมาดูซัมส่ายหน้า นายพลประจำยานเอลอาควิทีเรียถอนใจก่อนขยับปีกหมวกไปเล็กน้อย และพูดว่า ".......คิดซะว่า ฉันพูดลอยๆแล้วกันน่ะ"
              เปเปอลิทรีบพูดเปลี่ยนเรื่องไป "ตอนนี้ สายของเราที่อยู่โซนบูรพาแจ้งมา ว่าตอนนี้ พวกกรัมสกิซที่นำโดยวิชเฮสเลอร์เริ่มกลับไปยังดาวที่พวกไทรเวเซอร์จู่โจมมาก่อนแล้วละ"
              "แสดงว่า วิชเฮสเลอร์คงจะรวมกำลังรบเพื่อมาจัดการกับพวกเรานะหรือ" คาร์ทตันกล่าว
              กลาสเชลบอก "ทางเราได้ข่าวที่ไม่เข้าท่ามา ว่าช่วงนี้ มีพวกเฮซเทิร์ซลงใต้เข้ามาแล้วนะสิ"
              "ทำไมไอ้พวกเถื่อนสถุลจากดาวเหนือต้องมาตอนนี้ด้วยวะ" คลอเวฟสบถ และหันมาถาม "แล้วไอ้เกรเดรคมันเคลื่อนไหวอะไรบ้างมั้ยละ"
              พลาติไซล์บอก "ถ้าเป็นไอ้แมนิเกเตอร์เกราะสีทองนั้นละก็ มันเริ่มเคลื่อนตัวออกจากเขตอีสานไปทางโซนตะวันตก ซึ่งนั้นไม่เข้าท่าเสียเลย หากมันเข้าใกล้ กลุ่มกองยานที่ควรจะอยู่ในโซนทักษิณเมื่อ 3-4 ปีก่อน แต่ตอนนี้อยู่ในโซนพายัพเลยน่ะ"
              "นี้แปลว่า กองยานบุกเบิกอยู่ในโซนพายัพนะหรือ" สเตฟอร์ดบอก พลาติไซล์พยักหน้า
              เนคมาดูซัมบอก "นั้นไม่ดีแล้วละ ถ้าเกรเดรคมันเจอกองยานบุกเบิกเข้า นอกจากเกรเดรคจะเอาพวกเบย์บาลิคไปสังเวยให้กับพวกกรัมสกิซที่มีเรือผีเหลือเพียงสามลำ ถ้าเกรเดรคทำสำเร็จ ชาวซัลคาเลี่ยนทั้งหมดที่อยู่ในกองยานจะกลายเป็นทาสไปในทันที"
              "โดยที่ กองยานบุกเบิกมิได้รู้เลย ว่าพวกแคลเกียสหลุดออกจากโคลอสเซี่ยมไปแล้วน่ะ" คาร์ทตันกล่าว "นอกจากพวกเฮซเทิร์ซที่ลงใต้มา กองยานของคิโคเดนเองก็ต้องตามมาด้วย และอาจจะเจอกองยาน จนถูกควบรวมเป็นส่วนหนึ่งของกองยานรบของฝ่ายจักรวรรดิ์แรซัลก้าไปในทันที"
              มาสวาร์ทาร์บอก "เพราะว่าคิโคเดนต้องการขุมกำลังเพิ่มเติมสำหรับบดขยี้พวกเฮซเทิร์ซให้เด็ดขาดสิน่ะ"
              "และคงไม่ดีแน่ๆ ถ้ากองยานหลุดไปทางทิศอีสาน ซึ่งนอกจากจะมีกลุ่มดาวแปดดวงตั้งอยู่แล้ว ดาวบ้านเกิดของพวกแคลเกียสที่เกรเดรคกับกองรบรุกรานเอง ก็ตั้งอยู่ในนั้นด้วยน่ะ" เปเปอลิทบอก
              คลอเวฟกล่าว "แถมไอ้เขตที่ว่ามานั้น ก็มีมิโดราเคิ้ลด้วยสิ"

              "เดียวก่อนน่ะ กลุ่มดาวแปดดวงที่พวกคุณว่ามานิ เป็นกลุ่มดาวของพวกเอทพลาเนสละสิครับ" พีวิลบอก เปเปอลิทพยักหน้า
              โดซี่กล่าว "ถึงว่าสิ ว่าทำไมระบบไฮเปอร์ไดร์ฟของพวกเราถึงใช้งานหนัก เพราะระยะทางของกลุ่มดาวทั้งแปดอยู่ซะไกลโขเลยน่ะ"
              "ใช่ เพียงแต่พวกนายโชคดีมากที่ใช้บริการของกองยานดาวฤกษ์ ซึ่งมีเทคโนโลยี่ในการย่นย่อระยะทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง เพื่อมิให้เครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟของนายใช้งานหนักจนพังเลยน่ะ" เมทาไลค์กล่าวพร้อมกับเปิดแผนที่เขตอวกาศภาคกลาง พร้อมกับเขตอวกาศที่อยู่รอบนอก โดยขีดเส้นทางการเดินทางของพวกไทรเวเซอร์และของกองกำลังหลังฉาก ซึ่งพวกไทรเวเซอร์ลากเฉียงขึ้นไปทางอีสาน ส่วนของกองกำลังหลังฉากพุ่งขึ้นไปตรงๆ
              คาร์ทตันบอก "นี้แปลว่า พวกเธอไปไกลมากขนาดนั้นเลยหรือ ทั้งๆที่ฉันกับยานยังอยู่ในโซนบูรพาเลยน่ะ"
              "พวกเราไม่คิดมาก่อน ว่าเราไปไกลมากเลยน่ะครับ ท่านนายพล" เนคมาดูซัมบอก
              คลอเวฟบอก "แถมตำแหน่งกลุ่มดาวทั้งแปดดันอยู่ติดกับพรมแดนทางเหนือของพวกเดลอาเนี่ยนด้วย ไม่แปลกใจหรอก ที่พวกมันจะบุกมาเจอกลุ่มดาวนี้เข้าเลยน่ะ"
              "แต่คงไม่ดีแน่ หากพวกเฮซเทิร์ซมันบุกเข้ามาถึงระบบดาวทั้งแปดเลยน่ะ เพราะพวกมันไม่สนว่าดาวที่พวกมันบุกไปนั้นจะมีใครอยู่น่ะ" ฟิเกซกล่าว
              พลาติไซล์บอก "เรื่องของดาวแปดดวงนั้น คงไม่ต้องเป็นห่วงมากหรอก เพราะเราทราบมา ว่าพวกนี้มีกองยานดาวฤกษ์คุ้มกันอยู่ แม้จะไม่เยอะมาก แต่ก็มากพอที่จะเผาพวกป่าเถื่อนจากดาวเหนือให้มอดไหม้ มากกว่าทำตัวให้แตกกระจุยด้วยกระแสจิตน่ะ"
              "แปลว่าพวกนายก็คงรู้ชื่อเสียงของชาวดาวฤกษ์แอตทาเวี่ยนเป็นอย่างดีละสิ" คลอเวฟกล่าว
              กลาสเชลบอก "ถึงพวกเราอยู่ในดาวดวงนี้มาตั้ง 40 ปี เราก็รู้เรื่องโลกภายนอกได้มากมายเลยน่ะ"
              "จริงสิ ในช่วงที่พวกนายฝึกซ้อมการต่อสู้กับพวกเราในโรงฝึกเมื่อวานนั้น มีความเคลื่อนไหวจากเขตอวกาศทางใต้เข้ามาในโซนทักษิณแล้วน่ะ" เปเปอลิทกล่าว
              พีวิลบอก "ความเคลื่อนไหวจากสมาพันธ์อวกาศนะหรือ เป็นกองยานแบบไหนน่ะ"
              "กองยานสำรวจของพวกมนุษย์นะสิ พวกเขาเดินทางไปยังดาวฟาลช่า-4 ซึ่งเป็นดาวที่ไม่มีใครไปตั้งรกรากกัน แต่มีข่าวลือมาว่า ดาวดวงนี้ มีโบราณสถานอันเก่าแก่ของอารยธรรมต่างดาวในอดีตกาลซ่อนอยู่" เปเปอลิทอธิบาย "แน่นอน ว่าพวกโจรสลัดอวกาศทุกฝ่ายแม้กระทั่งพวกกรัมสกิซเอง เคยแวะเวียนมาที่ดาวดวงนี้เพื่อค้นหามหาสมบัติ แต่ก็คว้าน้ำเหลวไปซะทุกครั้งเลยน่ะ"
              โดซี่กล่าว "ถ้าไม่เพราะปรากฎการณ์ธรรมชาติอันรุนแรงของดาว ก็มาจากสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองที่ดุร้ายเอาเรื่องละสิน่ะ"
              "ส่วนมากมักจะมาจากการฟัดกันเองระหว่างกลุ่มกองโจรที่ละโมบโลภมากกันนี้แหละ" พลาติไซล์บอก "แน่นอน ว่ามันรวมไปถึงพวกสมุนหุ่นเหล็กของแพนเนส และกองโจรฮาซารีมที่กบดานในระแวกนั้นด้วยน่ะ"
              แฮรี่บอก "ไอรอนไนท์และพวกฮาซารีมนะหรือ"
              "ใช่ พวกสมุนหุ่นเหล็กเคลื่อนตัวจากดาวโดด็อค-3 ที่อยู่ในโซนอาคเนย์ บุกมาที่ดาวดวงนี้ด้วยเป้าหมายตามที่เราแกะจากสัญญาณคำสั่งคลื่นควอนตั่มนะสิ" กลาสเชลบอก และนำชุดคำสั่งออกมา "ที่หมาย ดาวฟาลช่า-4 เป้าหมาย 1.ถล่มกองยานสำรวจของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศและกองทหารที่คุ้มกันให้ราบคาบ 2.รวบรวมซากศพทหาร นักวิจัย หรือใครก็ได้ นำกลับมาที่ดาว เพื่อเริ่มกระบวนการแปรสภาพเป็นไอรอนไนท์ชุดที่ 4 3.หากดาวดวงนี้มีโบราณสถานที่มีของสำคัญ ให้เก็บกู้หรือยึดมา เพื่อให้ไทนีสและหน่วยเข้ามาจัดการเอง 4.กำจัดตัวเป้าหมายดังกล่าว รวมถึง กลุ่มต่างดาวที่อยู่ใต้อำนาจของริชเชลลิอาร์ล"
              คลอเวฟอ่านชุดคำสั่ง "กลุ่มต่างดาวที่อยู่ใต้ไอ้ตาแก่นั้นนะหรือวะ"
              "พวกท่านควรได้ยินสิ่งนี้น่ะ เพราะหน่วยรวบรวมข้อมูลของเราได้มาเมื่อสามวันก่อนน่ะ" ผู้อาวุโสมนุษย์เหล็กกล่าวพร้อมกับเปิดสัญญาณเสียงขึ้น
            "ถึงเหล่าผู้ศรัทธาทั้งหลาย ข้าคือตัวแทนของพระแม่เงินขาวอันศักดิ์สิทธิ์ พวกท่านยังหวาดกลัวพวกโจรสลัดถ่อยที่คุกคามพวกท่าน ด้วยการนำพวกต่างดาวเข้ามาก่อกวนก็ดี นำกองทหารหลากสีติดแถบดำลงมาปล้นสะดมก็ดี รวมถึงเสกเรือปีศาจร้ายมาทำลายดาว ซึ่งดาวของพวกท่านอาจตกเป็นเป้าด้วยใช่มั้ย พวกท่านจงอย่าหวาดกลัวเหตุร้ายเหล่านี้ อย่าอยู่เฉยจนชีวิตของพวกท่านสิ้นสูญ จงลุกขึ้นมาจับอาวุธเพื่อต่อสู้กับภัยร้ายนี้ไปด้วยกัน จงบดขยี้หายนะทั้งหลายให้วอดวาย เพราะพวกท่านได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์จากพระแม่เงินขาว ในรูปของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ข้าจะมอบให้ และอย่าหวาดกลัวที่จะต้องตาย เพราะพระแม่เงินขาวพร้อมรับพวกท่านไปยังแดนดินอันสงบสุขในภายหลังเอง ดังนั้น จงเชื่อคำพูดของข้าไว้ให้ดี"
              "ขนาดหนีออกจากทรอยอาร์ยังไม่วายเลยนะ" สเปียริทสบถ และหันมาถาม "ว่าแต่ ตาแก่นั้นกล่อมใครไปแล้วน่ะ"
              ผู้อาวุโสมนุษย์พลาสติคกล่าว "ด้วยคำพูดของผู้อ้างตนเป็นตัวแทนของมารดรเทพที่สิ้นสูญไปนั้น มนุษย์ต่างดาว 8 เผ่าส่วนหนึ่งจากเขตประจิม หรดีและทักษิณ เข้าร่วมเป็นกองทัพอัศวินกันไปแล้ว โดยตอนนี้ พวกเขาทำสงครามกับพวกกรัมสกิซในแถบตะวันตกกันทั้งหมดอยู่ ซึ่งพวกเราไม่สามารถเข้าไปยุ่งย่ามกันด้วย"
              "ล่าสุดนะ เหล่าอัศวินต่างดาวศักดิ์สิทธิ์ส่วนหนึ่งลงมาที่ดาวฟาลช่า-4 เพื่อบุกยึดโบราณสถานอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของเขาแน่นอนน่ะ" กลาสเชลบอก
              คลอเวฟกล่าว "ถ้าให้เดาน่ะ ตาแก่คงไม่นิ่งเฉยปล่อยให้ไอ้เวรแพนเนสตามมาเจอได้หรอก"
              "แล้วพวกฮาซารีมล่ะ" บาร์ทบอก
              เปเปอลิทกล่าว "จากสัญญาณสื่อสารคลื่นควอนตั่มระยะไกลที่ทางเราตรวจจับมา ดูเหมือนว่าพวกกองโจรที่อยู่ในโซนทักษิณจะเจอตัวเป้าหมายที่ตัวผู้นำต้องการแล้วละ"
              "อย่าบอกน่ะ ว่าตัวเป้าหมายนั้นอยู่ที่ดาวฟาลช่า-4 ด้วยน่ะ" โดซี่บอก
              เมทาไลค์กล่าว "เป็นเช่นนั้นแหละ และอาจจะเป็นปัญหาใหญ่หลวงสำหรับกองสำรวจโบราณสถานบนดาว และกองกำลังคุ้มกันสองกอง ซึ่งมีกองหนึ่งมาจากมาซากูฟแกมม่าด้วย"
              "เทอร่าสควอดอน แสดงว่าเกรย์เบียสคงคิดว่าดาวดวงนี้มีของสำคัญจากซากโบราณสถานละสิ" เนคมาดูซัมกล่าว
              มาสวาร์ทาร์ถาม "นั้นก็เป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ปฏิเสธภารกิจคุ้มกันเลยน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้น พวกเราขอเดินทางออกจากระบบดาวนี้กันเลยน่ะครับ" พีวิลบอก
              ผู้อาวุโสมนุษย์กระดาษกล่าว "พวกเราขอให้พวกท่านโชคดีแล้วกัน และจงจำเอาไว้เสมอ ว่าความช่วยเหลือจะมาหาพวกท่านได้ตลอดน่ะ"
              "และจงจำไว้ด้วย ว่าบางครั้งพวกเราไม่สามารถให้ความช่วยเหลือกับพวกท่านได้เสมอไปเลยน่ะ" ผู้อาวุโสมนุษย์พลาสติกกล่าว
              ผู้อาวุโสมนุษย์เหล็กบอก "ถ้าถึงเวลานั้น เราหวังว่าพวกท่านคงจะพึ่งพาตัวเองและหาทางแก้ปัญหากันได้เองน่ะ"

              "และพวกเราอาจจะได้เจอกับพวกท่านอีกครั้ง ไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นนี้มิใช่การลาจากกันอย่างนิรันดรหรอกน่ะ" ผู้อาวุโสมนุษย์แก้วบอก พวกไทรเวเซอร์และพวกคาร์ทตันพยักหน้า แล้วก็ "ซูมมมมมมมมมมม" ยานทั้งสามลำบินออกจากดาวรีเซคอลและระบบดาวสเกรลแกมม่า
              "ฉันนึกว่าพวกนายติดแหงกอยู่ในดงศัตรูจนขาดการติดต่อไปยาวเลยน่ะ" บัลโต้บอก โดยที่ตน และเพอซิอัสติดต่อเข้ามา
              "และนายคงจะหาเรื่องส่งกองรบทุกกอง แม้กระทั่งเกณฑ์แมนิเกเตอร์อันตรายออกจากระบบดาวมาช่วยเราละสิ" คาร์ทตันพูดกึ่งประชด
              เพอซิอัสกระแอ่ม และพูดว่า "จากรายงานของพวกเธอนั้น บ่งบอกว่าพวกรีไซคอลกระจัดกระจายไปทั่วเขตอวกาศภาคกลาง โดยใช้ข้อมูลข่าวสารที่เหนือกว่าเครือข่ายมิโดราเคิ้ลที่ใช้ในปัจจุบัน จนรู้ความเคลื่อนไหวของทุกฝ่ายในเขตอวกาศภาคกลางละสิน่ะ"
              "แม้ว่าพวกรีไซคอลขอร้องให้พวกเราปิดบังความลับไว้ เพื่อรักษาความเชื่อถือของพวกเขานะครับ" พีวิลบอก
              บัลโต้พยักหน้า "เพราะว่าพวกรีไซคอลมีพระคุณต่อพวกเอเลวิเซียร์ที่ปิดบังตัวตนเลยสิน่ะ" แล้วก็บอก "ถึงแม้ว่าเรื่องที่พวกรีไซคอลรู้เรื่องทุกอย่างจะดูโม้และไม่ค่อยน่าเชื่อเลยก็ตาม แต่ถ้าพวกเฮซเทิร์ซบุกลงมาที่เขตอวกาศภาคกลางนั้นเป็นจริง เท่ากับว่าเราไม่ฟังคำพูดของเด็กเลี้ยงแกะที่พูดความจริงแน่นอน"
              "แค่คำพูดนั้น แม้จะน่าเชื่อถือได้จริง ก็แค่ครึ่งเดียวเอง" คาร์ทตันออกความเห็น "จะดีกว่ามั้ย หากฉันลองไปสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัดกันก่อนน่ะ"
              เพอซิอัสบอก "วิชเฮสเลอร์เองก็คงรู้ ว่านายกับพวกต้องเดินทางกลับมาที่ฐานเดิม จากการที่นายส่งพวกไทรเวเซอร์ลงสนามไปแล้ว ซึ่งนั้นหมายถึง นายไม่มีทางเข้าใกล้ดาว ที่มีกองยานของวิชเฮสเลอร์ดักอยู่แน่ๆน่ะ"
              "ฉันรู้ว่า ฉันคิดแผนอะไรไว้น่ะ เพอซิอัส อีกอย่าง วิชเฮสเลอร์รู้ดี ว่าเขาไม่ควรเสียเวลาที่มีค่าไปกับการไล่จับฉัน ในช่วงที่พวกเฮซเทิร์ซกำลังรุกล้ำเข้ามาในเขตอวกาศนี้น่ะ" คาร์ทตันบอก
              บัลโต้กล่าว "หวังว่านายคงจะมีแผนแจ่มๆกันบ้างน่ะ"
              "เนคเกอร์ ฉันขอยืมซิกเนลอาร์เรย์จำนวน 3 อันหน่อยน่ะ" คาร์ทตันกล่าว
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "ทางเราหวังว่าท่านนายพลกับทุกๆคนปลอดภัยกันนะครับ"
              "ถ้าเช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อนน่ะ" คาร์ทตันบอก แล้วยานเอลอาควิทีเรีย "หึมๆๆๆๆๆ แฟ้ววววว" พุ่งออกจากระบบดาวไปก่อน
              บัลโต้กล่าว "ในเมื่อพวกนายรู้เรื่องเทอร่าสควอดอนกับกองยานสำรวจกันละก็ ฉันคงไม่ต้องบอกเรื่องที่เฟอร์นันเดอร์มาแจ้งฉันไว้น่ะ"
              "ไอ้มืดนั้นคงถูกสั่งให้ช่วยงานผบ.ฮาซาเดนอีกละสิ" คลอเวฟบอก
              เพอซิอัสกล่าว "อันที่จริงแล้ว พลอากาศเอกฟอสเตอร์ ควรจะได้รับภารกิจนี้ หากแต่ สกายทาวน์นิวโตรอนโต้ได้รับความเสียหายจากพายุหิมะในช่วงเมษายนของดาว จนทำให้ตัวเมืองร่วงลงทะเล ส่งพลให้พลอากาศเอกฟอสเตอร์ต้องนำกำลังทั้งหมดออกไปกู้ภัย นายพลแฟนดิแอโรวเลยมาแจ้งกับทางเราเพื่อมาสั่งการให้พวกเธอไปที่นั้น"
              "แต่พวกเราอยู่ที่ระบบสเกรลแกมม่า เฟอร์นันเดอร์เลยแจ้งกับนายพลบราวน์เดคเสียเองละสิครับ" สเตฟอร์ดบอก
              บัลโต้พยักหน้า "เฟอร์นันเดอร์ฝากฉันแจ้งมาด้วย ว่าถ้าพวกนายรู้จากพวกเราแล้ว ให้รีบตรงไปที่ฟาลช่า-4 ที่อยู่ในโซนทักษิณ ห่างจากมาซากูฟแกมม่าไป 3 ระบบดาวจากทางเหนือโดยเร็ว ซึ่งฉันแนะนำให้พวกนายพากองกำลังหลังฉากไปด้วย"
              "ถ้าเป็นเรื่องที่มีพวกตำรวจคนบาปในคราบคนเหล็กกับกองโจรฮาซารีมเข้ามายุ่ง พวกเราก็ต้องไปอยู่ดีนะคะ" โดซี่กล่าว
              เพอซิอัสบอก "ดี งั้นพวกเรายุติการติดต่อเดียวนี้เลย พวกเธอจะได้รีบไปให้ทันน่ะ"

              ที่ดาวฟาลช่า-4 เขตอวกาศภาคกลางโซนทักษิณ ดาวทะเลทรายกึ่งซาวันน่า ที่ตั้งของกองยานสำรวจโบราณสถาน
              "บรืนนนนน บรืนนนน" รถยานเกราะ 6 ล้อออกลาดตระเวนอยู่บนทะเลทราย อยู่รอบนอกเขตโบราณสถาน ซึ่งในเวลานี้ เหล่านักวิจัยได้ทำการสำรวจโบราณสถานอันเก่าแก่กันอยู่
              "จากการตรวจสอบอายุคาร์บอนของโบราณสถานด้วยสแกนเนอร์แล้ว พบว่าตัวเสาและอาคาร ทำด้วยหินออนิคมาเมื่อ 640 ปีก่อน เพียงแต่ มันแข็งแกร่งคงทนต่อลมทะเลทรายและน้ำฝนที่สาดเข้ามาในช่วง 6 ร้อยปี จนไม่เสื่อมลงตามธรรมชาติและเวลาเลยนะคะ" นักวิจัยหญิงสวมแว่นกล่าวกับอีเวอเน่ คาวาน่า ผู้เป็นหัวหน้าสำรวจโบราณสถานแห่งนี้
              "แปลว่า ถึงโบราณสถานนี้จะดูเหมือนวิหารหรือสถานที่สำคัญทางศาสนา ที่เคยเห็นบนโลกมาก่อน แสดงว่าชนเผ่าต่างดาวอันเก่าแก่ได้สร้างที่แห่งนี้เลยสิน่ะ"
              "แต่ โบราณสถานแห่งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับอาวุธโบราณที่ทาลเมี่ยนเซต้า-5 เลยนิครับ" นักวิจัยชายบอก
              อีเวอเน่กล่าว "ถึงแม้ว่าเสาเบี่ยงเวลาของดาวนั้นจะอยู่ในเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศเลยก็ตาม" แล้วก็บอก "ถ้าไม่เพราะว่า มีใครในกลุ่มเราเผลอเอามือไปแตะผนังบางอย่างที่เป็นแผงคอนโซล จนชี้นำมายังโบราณสถานที่อยู่ในเขตอวกาศที่อันตรายที่สุดได้น่ะ"
              "คิดว่านี้เป็นเทคโนโลยี่โบราณที่สาปสูญจากหน้าประวัติศาสตร์หรือเปล่าละครับ ดร.คาวาน่า" นักวิจัยชายสวมแว่นกลมผมสีครามกล่าว
              อีเวอเน่บอก "เป็นไปได้สูงเลยละ ดร.แอลดิท นี้คือเหตุผลที่เราอยู่ในดาวดวงนี้มาตลอด 5 วัน โดยตรวจสอบภาคพื้นมา 4 วันแล้ว เราจะส่งทีมลงไปสำรวจภายในกันในวันพรุ่งนี้แล้วละ"
              "ทำไมเราไม่เริ่มเดียวนี้เลยหรือคะ" นักวิจัยหญิงผมบ็อบบลอนด์กล่าว
              อีเวอเน่กล่าว "แม้ว่าเราจะมีแผนที่โครงสร้างใต้ดินของโบราณสถานแห่งนี้จากสแกนเนอร์ใต้ดินจนครบถ้วนก็จริง แต่....เรายังต้องให้กองทหารลงไปตรวจสอบดูลาดเลา เผื่อว่าโบราณสถานแห่งนี้ มีระบบกลไกปกป้องตนเองจากผู้บุกรุกกันน่ะ"
              "แต่ เราควรจะมีกองทหารเพียงกองเดียวมิใช่หรือครับ ทำไมถึงมีอีกกองด้วยน่ะ" ดร.แอลดิทบอกโดยชี้ไปยังยานเทอร่าอาร์ค ซึ่งจอดห่างจากวอร์ครุยเซอร์และไซต์งานราว 10 กิโลเมตร
              อีเวอเน่บอก "เราต้องการความมั่นใจเลยมีสองกองกำลังมาด้วยน่ะ"
              "ค่ายของพวกต่างดาวอีกแล้วหรือเนี้ย" มิลโดว์บ่น โดยที่ตนมากับเจย์เดน จูอิน แนคเกลและเอฟเซนโต้ ซึ่งตรวจเจอค่ายของพวกต่างดาวนอกกฎหมายที่ร้างอยู่
              แนคเกลบอก "สงสัยว่าพวกนี้คงกัดกันเอง เรื่องส่วนแบ่งไม่ลงตัวแล้วละ" แล้วก็เปิดฝากล่อง พบทองคำขาวจำนวน 2 ก้อนอยู่ข้างใน แต่หักครึ่งทั้งสองก้อน
              "และคงไม่ได้กัดกันด้วยมือเท้าแล้วละ" เจย์เดนบอก โดยชี้มายังซากมนุษย์ต่างดาวหัวสามเหลี่ยมสีม่วงที่ถือปืนยาวในมือ แต่ถูกยิงกลางแสกหน้าล้มลง
              จูอินบอก "แสดงว่าพวกต่างดาวนอกกฎหมายคงเห็นดาวนี้เป็นดาวมหาสมบัติแน่ๆน่ะ"
              "พวกนั้นคงจะมาเจอทรัพย์สมบัติในนี้ หลังจากที่ต่างดาวพวกนี้ฆ่ากันเองแล้วน่ะ" เอฟเซนโต้กล่าว แล้วก็ติดต่อไปหา "หัวหน้าอามิสตัน ค่ายหมายเลข 12 เจอแค่ศพต่างดาวนอกกฎหมายกับสมบัติเพียงเล็กน้อย ฝั่งหัวหน้าเป็นไงบ้างละ"
              จูดิธตอบ "ค่ายหมายเลข 14 นั้นคงเป็นพื้นที่ทำเหมืองทองคำขาวของบริษัทต่างดาวในเขตอวกาศนี้แหละ แต่คงจะถูกโจมตีจนทุกคนในนี้ ตั้งแต่คนงานไปจนถึงหัวหน้าคุม เสียชีวิตหมดแล้วน่ะ" ซึ่งเธอมองดูศพมนุษย์ต่างดาวตัวเตี้ยในชุดนิรภัยเต็มตัว โดยมีรูพรุนตามตัว
              "ทองคำขาวที่ว่านั้น คงจะขุดแล้วหลอมขึ้นมาเป็นแท่งเดียวนี้เลยสิน่ะ" มิลโดว์บอก
              เทลลีนกล่าว "ใช่ เบรซเซ่ ลิ่วเฟยและเฮลก้าเข้าไปเช็คในคลังแสงแล้ว ดูเหมือนว่ามีกองโจรมาปล้นไปแล้วนะสิ"
              "ที่พูดมานั้น แปลว่าเจอทองแล้วสิน่ะ" เฮลก้าบอก
              แนคเกลบอก "เจอ เพียงแต่ ทองแท่งที่หลอมมาอย่างเร็วนั้น เปราะบางอย่างมากเลย และไม่ต้องพูดถึงอีกหลายแท่งหรอก เพราะมีคนขโมยไปแล้วน่ะ"
              "นั้นตรงตามข้อมูลสแกนดวงดาวที่เราได้รับจากดร.คาวาน่ามา ว่าดาวดวงนี้ มีสินแร่ทองคำขาวอยู่ราว 3 ใน 5 พอๆกันกับแร่อื่นๆที่สแกนไปแล้วยังหาข้อมูลมิได้น่ะ" เทลลีนบอก
              ลิ่วเฟยกล่าว "ไม่ต้องสงไสหรอก ดาวดวงนี้เป็นดาวขุมทรัพย์แน่นอน"

              "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆ" จูดิธได้ยินเสียงดังจากปลอกแขนซ้ายเลยกดปุ่ม "คงเดช นายกับทีมตรวจสอบค่ายหมายเลข 15 เจอปัญหาอีกละสิ" จูดิธกล่าว
              คงเดชบอก "เออ ถ้าเป็นค่ายที่เราไปตรวจละก็ เราไม่เจออะไรนอกเหนือจากค่ายร้างจนเหลือโครงเล็กๆหรอก" แล้วก็เปิดภาพจากกล้องดวงตา "แต่เราเจอยานอวกาศของต่างดาวกันแล้วนะสิ" ให้เห็นยานอวกาศทรงเรือสำราญที่จอดอยู่ใกล้ๆ
              "สาบานได้มั้ย ว่านี้เป็นยาน มิใช่เรือที่หายสูญเพราะปรากฎการณ์ทางธรรมชาติกันน่ะ" จูดิธกล่าว
              คงเดชกล่าว "ฉันเองก็ไม่รู้หรอกน่ะ ฉันถึงต้องแจ้งให้พวกเธอกับทีมตรวจค่าย 14 รีบมาโดยด่วนเลย เพราะฉันไม่ชัวร์ว่าในเรือนี้มีอะไรที่แย่กว่าเอเลี่ยนน่ะ" โดยตอนนี้ เวคตัน เชรฟเช่ กุนทรีและโรนัลด์ยืนมองดูนอกยานอยู่
              "ดีแล้วละ ที่นายรีบมาแจ้งก่อน ฉันจะได้แจ้งเทนยะและทีมกัลสตาร์ซีโร่ที่ออกลาดตระเวนในระยะ 15 กิโลเมตรให้ไปเช็คดูน่ะ" จูดิธกล่าว "และนายกับทีม อย่าพึ่งเข้าไปก่อนละ"
              เวคตันบอก "รับทราบแล้วละ แม้ว่านั้นอาจจะทำให้ใครก็ตามที่หลบอยู่ในยาน โดนความร้อนสูงของทะเลทรายอบจนกลายเป็นศพอย่างรวดเร็วน่ะ"
              "เหมือนกับหญิงปริศนาที่เครเมลเจอในระหว่างตรวจสอบค่ายร้างหมายเลข 5 เมื่อสองวันก่อนบนดาวดวงนี้ละสิน่ะ" เชรฟเช่บอก
              กุนทรีกล่าว "แต่มันน่าแปลกน่ะ ที่ตัวหญิงปริศนา มีอนุภาคกัมตภาพรังสีความเข้มข้นสูงจากภายในอยู่ แต่สภาพกายโดยรวมยังคงเป็นปกติแบบนี้ เหมือนกับว่าเธอถูกผ่าตัดดัดแปลงโดยใครสักคนกันนะ"
              "และคงจะมีอีกสามสี่รายที่เป็นแบบเธอผู้นั้นด้วย ซึ่งก็เป็นเหตุผลให้นายพลบราวน์เดคสั่งเราค้นหาตามซากค่ายในช่วง 4 วันที่เราอยู่ในดาวดวงนี้แหละ" โรนัลด์บอก โดยใช้สไนเปอร์ไรเฟิ่ลติดกล้องสอดส่องไปตามยาน "และยานอวกาศทรงเรือสำราญนั้น แม้จะเก่ามาก แต่แข็งแกร่งและทนต่อสภาวะอากาศของดาวมานาน คงมีพื้นที่ให้ซ่อนเพียบเลยละ"
              คงเดชบอก "ที่ซ่อนเพียบสำหรับผู้รอดชีวิต หรือพวกไม่หวังดีทั้งหลายแหล่กันนี้แหละ"

              "ฟ้าววววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าววววว ฟ้าวววว ฟ้าววววว ฟ้าววววว" เทอรอทเจมินี่วิงค์ของพี่น้องทเวยน์ แจมมิลของทาริก้า เซย์บุของเทนยะบินไปบนพื้นทรายพร้อมกับรูจเซียที่บินอยู่ โดยที่ซอนแนควิ่งไปพร้อมกับเรดดิล บลูดัสท์ และเยลโลว์ไลน์
              "หัวหน้าจูดิธแจ้งให้เราไปรวมพลที่ค่ายหมายเลข 15 กันแล้วน่ะ" โซลาร์ดกล่าว ตนควบคุมยานบินแล่นไปตามพื้นพร้อมกับลูนาร์ดที่ขับอีกลำไปด้วย
              "พวกคงเดชเจอพวกกองโจรเล่นงานกันแน่ๆน่ะ" ทาริก้าบอก
              "เห็นว่าพวกเขาเจอเรืออวกาศร้างจอดอยู่ เพียงแต่พวกเขาไม่ชัวร์ว่ามีอะไรที่อยู่ในเรือน่ะ" ลูนาร์ดบอก
              รูจเซียกล่าว "งั้นเรารีบไปเช็คโดยเร็วดีกว่าน่ะ" แล้วทั้งหมดตรงไปที่เรืออวกาศเก่ากัน แต่.... "ทิ้วๆๆๆๆๆๆๆ แชดๆๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆ" ในระยะ 15 กิโลเมตรมีเสียงต่อสู้กันขึ้นมา รูจเซียบอก "ดูท่าไม่ดีแล้วละ"
              "หัวหน้าคงเดช เกิดอะไรขึ้นกันคะ" เยลโลว์ไลน์กล่าว
              คงเดชบอก "เรือสำราญอวกาศร้างมีแขกไม่ได้รับเชิญมาอยู่ในนั้นแล้วน่ะ" โดยตอนนี้ "ฟึ่บบบ แว้งงง เปร้งๆๆๆๆๆๆ" สบัดหลังแขนซ้ายเพื่อเปิดโปรตอนชิลด์ป้องกันปืนแสงที่ยิงออกจากระเบียงเรือชั้นที่ 4-5 ลงมา "แชดดด แชดด" โรนัลด์ยิงโปรตอนสไนเปอร์ไรเฟิ่ลขึ้นไป แต่ลำแสงถากระเบียงแหว่งไปส่วนหนึ่ง "ปังๆๆๆๆๆ" ตามด้วยทหารชุดเกราะสีดำโผล่มากราดยิงปืนกลเข้าใส่กุนทรี ซึ่งเธอรีบยกโลห์ป้องกันโดยเร็ว ในขณะที่เชรฟเช่และเวคตันใช้โปรตอนไรเฟิ่ลและลันเชอร์ยิงโต้ตอบ "พวกเธอรีบมาโดยด่วนเลย"
              "รับทราบแล้วละคะ" เรดดิลบอก แต่ไม่ทันไร "แฟ้วววววววววววว" ยานเฮฟไดซ์อินสเปคทรัลบินผ่านพวกเทนยะไปอย่างรวดเร็ว
              "โอ้ว สงสัยว่าปัญหาที่พวกคงเดชเผชิญ คงจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วแล้วละ" ทาริก้ากล่าว โดยอินสเปคทรัลบินตรงไปยังซากเรือสำราญอวกาศกัน พร้อมกับ "แฟ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เปิดช่องใต้ท้องยานเพื่อส่งกำลังพลลงไปในเรือ จน.... "ป้ากๆๆๆๆ โครมมม เปรี้ยงง เชร้งๆๆๆๆๆๆ กร้องเกร้งๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆ โครมๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" เสียงการต่อสู้จากภายในดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับ "โครมๆๆๆๆๆ" พวกกองโจรฮาซารีมและไอรอนไนท์ที่อยู่ในเรือถูกเป่ากระเด็นออกไปกองกับพื้น ในสภาพที่ถูกฟาดฟัน ทิ้มแทง ทุบตีและชกต่อยกันทั้งหมด
              "คงเดช ทีมของเราและของจูอินกำลังจะไปถึงแล้ว พวกนายเป็นไงบ้างละ" จูดิธกล่าว
              คงเดชตอบ "เกรงว่า ปัญหาของเราในตอนนี้ มีคนมาช่วยเคลียร์ให้แล้ว โดยฝีมือท่านพี่ของเธอเองแหละ" โดยมองเห็นโฟรซ่ายืนอยู่บนระเบียงชั้น 5 ห้องที่ 15 จากซ้ายอยู่
              "เยี่ยม นึกว่าพวกเขาจะไม่ทราบเรื่องเสียอีกน่ะ" จูดิธบอก
              เครเมลกล่าว "และดูเหมือนว่าพวกพี่ๆ คุณลุงคุณป้าจะมาสมทบด้วยคะ" โดยเธอเห็นยานไทรแองเกิ้ลแล่นลงจอดตามมาแล้ว

              "พวกเราคิดว่าพวกเธอคงจะหายสูญไปแล้ว หลังจากที่ทราบว่าพวกเธอขาดการติดต่อกับสหพันธมิตรฯไปนานแล้วน่ะ" บราวน์เดคกล่าว หลังจากที่เนคมาดูซัม มาสวาร์ทาร์ พีวิล สเตฟอร์ด โฟรซ่า แอบไบออส และโดซี่มาที่สะพานเดินเรือของยานเทอร่าอาร์ค
              "พวกเรามิได้หายไปนาน แค่ปฏิบัติภารกิจในซีกตะวันออกและใต้กันอยู่นะครับ" เนคมาดูซัมบอก
              "แสดงว่าพวกเธอปะทะกับกองโจรสลัดอวกาศกรัมสกิซกันแล้วสิน่ะ" ไวโอเลฟบอก "ตลอดเวลาที่เราอยู่ในมาซากูฟแกมม่านั้น เราได้รับข่าวสารผ่านการเจาะเข้าแหล่งข่าวภายในเขตอวกาศนี้ แม้ว่าพวกเธอจะเสี่ยงอันตรายกันไปบ้างก็ตามน่ะ"
              โฟรซ่ากล่าว "ถ้าเพื่อหยุดพวกกรัมสกิซให้ได้ละก็ เราเสี่ยงได้อยู่แล้วละคะ"
              "นายพลบราวน์เดค นายพลไวโอเลฟ ทางเราได้เจอกับยานแกแลคซี่ดรากูน-666 กันแล้วละครับ" พีวิลบอก
              บราวน์เดคบอก "พวกเธอเจอแล้วสิน่ะ แล้วตอนนี้ ยานลำนั้น....เป็นยังไงบ้างละ"
              "เราจำเป็นต้องทำลายทิ้งนะครับ เพราะตอนนี้ แกแลคซี่ดรากูน-666 ของนายพลคอสซีโร่กับเหล่าลูกเรือ ถูกอาชญากรร้ายที่เกือบจะสังหารมหาประธานาธิบดีลงได้ แปรสภาพเป็นอาวุธไปแล้วนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก ไวโอเลฟได้ฟังก็ตกใจ เช่นเดียวกับบราวน์เดค
              จูดิธบอก "พวกคุณจะบอกว่า มอร์ทิมาร์ค โอเวอร์วอชคิลเลอร์ที่หายสาปสูญไปตลอด 44 ปีนั้น อยู่ในเขตอวกาศภาคกลางนี้เลยหรือ"
              "ใช่ และไม่ใช่แค่คอสซีโร่กับพวก แต่ยามาโมโต้ รวมถึงเฮมร็อคและเอสมาลิด้าก็พลอยโดนไปด้วยนะ จูดิธ" โฟรซ่าบอก
              เทนยะกล่าว "แต่อย่างน้อย พวกคุณสามารถทำลายยานรบทิ้งไปได้ก็เกินพอแล้ว เพราะเรารู้ว่า ยานทั้งสี่ลำได้ทำลายดาวหลายดวงและสถานีอวกาศไปหลายแห่งน่ะ ซึ่งถ้าพวกคุณไม่หยุดยั้ง เขตอวกาศภาคกลางคงมีการสูญเสียเยอะแน่นอน"
              "แล้วพวกคุณเจอพี่ชายกับพวกหรือเปล่าละคะ" เยลโลว์ไลน์ถาม
              ฟิเกซบอก "ยังเลย เพราะกรีเนฟและพวกกองรบนั้นอยู่ในโซนประจิม ไล่ล่าพวกเกรย์เบียสกันอยู่นะสิ"
              "และพวกคุณมาคุ้มกันกองยานสำรวจนิ ก็เพื่อหยุดสมุนของเกรย์เบียสที่ถูกส่งมาเลยสิครับ" แอบไบออสบอก
              บราวน์เดคพยักหน้า "แม้เราไม่รู้ว่า โบราณสถานอันเก่าแก่ที่อยู่ในดาวดวงนี้ มีสิ่งประดิษฐ์หรือนวัตกรรมสมัยโบราณแบบไหนฝังอยู่ ซึ่งรวมถึงซากโบราณสถานที่ดร.คาวาน่าและทีมวิจัยของเครสล่า กำลังตรวจสอบกันอยู่นั้น เราคงยอมให้เกรย์เบียสและพวกบุกเข้ามาช่วงชิงไปไม่ได้หรอก"
              "เฮ้ออออ เบื้องบนควรให้ทีมวิจัยกลุ่มอื่นๆไปทำซะมากกว่าน่า" แอบไบออสถอนใจ
              ไวโอเลฟบอก "แต่เราสงสัยอยู่หนึ่งเรื่องน่ะ ว่าพวกศัตรูที่ลอบจู่โจมทีมของคงเดชนิ เป็นฝ่ายไหนกันหรือ"
              "เกรงว่าเราคงต้องอธิบายกันสักหน่อยนะคะ" โดซี่กล่าว แล้วก็เล่าเรื่องไอรอนไนท์ของแพนเนสและกองโจรฮาซารีมของเทเนดีน
              "นี้แปลว่า ทั้งพวกทรอยอาร์และแขกสเตรดาร์ธฝ่ายเลวนั้น มาที่ดาวดวงนี้เพื่อยึดโบราณสถานที่มีเทคโนโลยี่ล้ำยุคมาละสิน่ะ" คงเดชบอก "แต่คงไม่น่าเกี่ยวข้องอะไรกับ หญิงพเนจรที่ทางเราเจอในระหว่างการสำรวจค่ายต่างดาวกันหรอกน่ะ"
              "หญิงพเนจรนะหรือ" สเตฟอร์ดถาม
              เทนยะบอก "พวกเราเจอกับหญิงพเนจรปริศนาอยู่ในระหว่างการสำรวจค่ายร้างที่อยู่ห่างจากไซต์งานเมื่อ 2 วันก่อน โดยทางเรานำเธอมาเพื่อทำการรักษาในทีแรก" แล้วก็บอก "แต่ทว่า หญิงพเนจรมีคลืนรังสีออกจากร่างกาย ทางเราเลยต้องกักเธออยู่ในห้องนิรภัย พอเราแจ้งกับทหารในกองรบที่ 9 มาดู พวกเขาแนะนำให้เรากักตัวเธอไว้ จนกว่าการวิจัยของดร.คาวาน่าจะเสร็จสิ้นน่ะ"
              "แล้วทหารกองรบที่ 9 นั้นเห็นอะไรจากตัวหญิงพเนจรกันละ" โดซี่ถาม
              จูดิธบอก "จากข้อมูลของหมอไวท์ไลน์ ผู้รับผิดชอบการตรวจสอบร่างกาย นอกจากบาดแผลเป็นตามตัว และมีคลื่นรังสีออกจากร่างกายแล้ว ต้นแขนซ้ายมีรอยสักรูปจันทร์เสี้ยวสีเขียวนะ"
              "ไม่แปลกใจแล้วละ ว่านายพลวิชเชียทต้องสั่งให้พวกคุณกักตัวหญิงพเนจรนั้นไว้ เพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผกก.อวกาศน่ะ" แอบไบออสบอก
              ไวโอเลฟบอก "กลุ่มผกก.อวกาศนะหรือ"
              "เธอผู้นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มเรดิเครเซนท์ของกองโจรฮาซารีมนะสิครับ" พีวิลบอก "จากข้อมูลล่าสุดที่เรารู้มา เธอกับพวกส่วนหนึ่งหลบหนีออกจากกลุ่มด้วยเหตุผลบางอย่าง จนองค์ชายเทเนดีนสั่งไล่ล่าพวกเขากันนะครับ"
              บราวน์เดคบอก "งั้นไอ้กองโจรแขกสวมชุดเกราะนั้น ถูกส่งมาเพื่อจัดการกับอดีตสมุนผู้นี้นะหรือ"
              "องค์ชายเทเนดีนไม่ยอมให้ผู้ทรยศและหลบหนีลอยนวลไปได้อยู่แล้ว และในตอนนี้ องค์ชายกับกองโจรฮาซารีมเองก็อยู่ในเขตอวกาศภาคกลางกันด้วยน่ะ" แอบไบออสบอก
              จูดิธกล่าว "งั้นที่นายพลวิชเชียทแนะนำมาก็มีส่วนถูกแล้วละ" และหันมาถาม "ท่านนายพลบราวน์เดค นายพลไวโอเลฟ อนุญาตให้พวกไทรเวเซอร์สอบปากคำอดีตสมุนผกก.ได้มั้ยละคะ"
              "ได้ เพราะอย่างน้อยเราอยากรู้ว่าเหตุผลของการหลบหนีออกจากกองรบนั้นคืออะไรน่ะ" บราวน์เดคบอก "พอจะให้ใครเป็นผู้สอบปากคำกันละ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "พลังงานในตัวผมพอจะป้องกันอนุภาคยูเรเนี่ยม-666 ในตัวอดีตลูกสมุนได้นะครับ"
              "งั้นก็ฝากด้วยน่ะ อดีตพันโทคิริซาว่า" ไวโอเลฟบอก เทนยะพยักหน้าแล้วก็พามาสวาร์ทาร์เดินออกไป
              เนคมาดูซัมบอก "พวกเราพอจะไปเช็คสภาพของไซต์งานได้มั้ยละครับ"
              "ย่อมได้ หากแต่ พวกเธอทำได้เพียงแค่รอบนอกกับพื้นที่อยู่อาศัยของทีมวิจัยเท่านั้น ห้ามเข้าไปใกล้กับพื้นที่ทำการวิจัยน่ะ" ไวโอเลฟบอก
              โดซี่กล่าว "พวกเราจะคุมทุกๆคนไม่ให้เข้าไปก่อเรื่องเลยนะคะ"
              "จริงสิ สิบเอกเฟอร์แดน นายพลทิคแซทฝากพวกเราให้คุณติดต่อกลับไปที่ดิสก์เวิร์ดด้วยน่ะ" จูดิธกล่าว
              แอบไบออสพยักหน้า "ถ้าอย่างงั้น ฉันขอตัวไปทำธุระก่อนน่ะ"
              "ได้อยู่แล้วละครับ สิบเอก" พีวิลบอก แล้วแอบไบออสเดินออกไป
              บราวน์เดคกล่าว "พอพวกเธอเช็คดูความเรียบร้อยแล้ว ทางเราจึงขอให้พวกเธอมาช่วยคุ้มกันพื้นที่โบราณสถานกันด้วยละ"

              "ให้ตายสิ นี้ตกลง พวกนายคงจะไม่นำเข้าอะไรแย่ๆ จนป่วนการวิจัยของฉันละสิ" อีเวอเน่กล่าว โดยที่เธอแวะมาหาแอบไบออสในช่วงที่เดินไปห้องสื่อสารในยานเทอร่าอาร์คกัน
              "ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งกับงานวิจัยของเธอเลย แค่มานี้เพื่อช่วยเทอร่าสควอดอนปัดรังควานไปเท่านั้นเองน่ะ" แอบไบออสบอก "คราวนี้ เธอออกจากทาลเมี่ยนมาที่ดาวดวงนี้ คงเจอเบาะแสชี้นำมาละสิ"
              "ยานรบของพวกนายที่ใช้อยู่นั้น เป็นผลงานชิ้นเยี่ยมอันเก่าแก่ของชาวออร์เลี่ยนที่สิ้นสูญไปเมื่อครึ่งสหัสวรรษสิน่ะ อันที่จริงแล้ว ในเขตอวกาศกางเขนใต้ที่มวลมนุษยชาติอยู่นั้น ไม่ได้มีแค่ต่างดาวในกลุ่มสมาพันธ์อวกาศทั้งชนเผ่าหลักและย่อยกันอย่างเดียว แต่ยังมีอารยธรรมต่างดาวที่เรายังไม่รู้จักกันอีกเพียบ ซึ่งบางพวกนั้นไปตั้งรกรากบนดาวที่เคยมีแมนิเกเตอร์อาศัยอยู่ และนายกับพวกก็เรียกกองดาวฤกษ์มาเป่าทำลายทิ้ง จนทำให้เราไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า วิทยาการที่อยู่ในดาวควอดาน่านั้นเป็นของเผ่าไหนน่ะ" อีเวอเน่บอก
              แอบไบออสกล่าว "ถ้าเป็นเรื่องวิทยาการนั้น นายแม่ราคาชูเมลส่งมอบไปให้ทางดาวฤกษ์ดูแลกันแล้วน่ะ" และหันมาถาม "และที่เธอให้พวกเทอร่าสควอดอนออกไปตรวจสอบซากปรักหักพังที่อยู่รอบๆไซต์งานนิ ก็เพื่อรวบรวมข้อมูลละสิน่ะ"
              "สมมุติฐานของฉันนั้น บ่งบอกว่า โบราณสถานอันเก่าแก่ที่เสาเบี่ยงเวลาในทาลเมี่ยนชี้นำมานั้น มันถูกสร้างโดยกลุ่มต่างดาวอันเก่าแก่อย่างแน่นอน ดังนั้น ฉันเลยต้องมาที่นี้เพื่อสืบค้นโบราณสถานนี้แหละ" อีเวอเน่บอก "ซึ่งจากข้อมูลที่ฉันได้จากพวกเทอร่าสควอดอน ฉันพบว่าโบราณสถานนี้ เหมือนเป็นศูนย์กลางสำหรับอะไรบางอย่าง ซึ่งทำให้เหล่ามนุษย์ต่างดาวในเขตอวกาศนี้ต้องมารวมกันน่ะ"
              แอบไบออสบอก "เธอคงไม่คิดว่า ชาวต่างดาวอันเก่าแก่บนดาวดวงนี้ สร้างโบราณสถานขึ้นมาด้วยวิทยาการเดียวกันกับเสาเบี่ยงกาลเวลาที่ทาลเมี่ยน-5 ละสิ"
              "ทีมนักวิจัยที่เข้าไปตรวจภายในอาคารนั้นบอกมา ว่าในนั้นมีลิพท์ขนาดใหญ่ นำทางลงไปยังส่วนใต้ดินลึกจากภาคพื้นไป 500 เมตรอยู่ ซึ่งสแกนเนอร์ตรวจจับพลังงานที่อยู่ในส่วนนั้น หากแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรเลยน่ะ" อีเวอเน่บอก
              แอบไบออสกล่าว "ถ้าให้เดาน่ะ เธอคิดว่าโบราณสถานนี้ตั้งให้เตาปฏิกรณ์ที่อยู่ใต้ดิน ทำงานอย่างช้าๆโดยจ่ายพลังงานให้ทีละนิดๆ เพื่อให้ระบบกลไกสำหรับป้องกันผู้บุกรุกทำงานอยู่ละสิน่ะ"
              "แม้ฉันไม่รู้ว่าสถานีเหล่านี้กับซากค่ายที่กระจัดกระจายอยู่รอบนอกเกี่ยวข้องกันยังไง ฉันคงคิดว่า ซากค่ายเหล่านั้นคงเป็นฐานทัพของพวกโจรที่บุกมาจู่โจมฐานที่มั่นของชนเผ่าต่างดาว ซึ่งใช้เก็บงำของสำคัญบางอย่างกันแน่นอน" อีเวอเน่กล่าว "แต่เพราะว่าดาวดวงนี้อยู่ในเขตอวกาศที่มีพวกนอกกฎหมายอยู่เพียบ ฉันเลยขอร้องนายพลอาแซนให้ขอกองกำลังคุ้มกันสักกอง รวมถึงกองรบที่อยู่ใกล้เขตอวกาศนี้มากที่สุดด้วยน่ะ"
              แอบไบออสบอก "และคงจะดีใจมากละสิ ที่พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยน่ะ"
              "แม้ฉันไม่หวังให้นายและพวกช่วยปกป้องการวิจัยของฉันเลยก็ตาม แต่หวังว่าพวกนายคงจะไล่พวกไม่หวังดีออกไปไกลๆได้ก็พอแล้วละ" อีเวอเน่บอก "อ้อ คราวน์เดียฝากบอกฉันมา ว่านายห้ามแยกเขี้ยวหรือหาเรื่องเตะลูกเรือเหมือนที่ทำกับพวกบี้คด้วยละ"
              แอบไบออสกล่าว "งั้นกลับไปบอกคราวน์เดียเลย ว่าฉันเลิกทำไปตั้ง 3 ปีแล้วน่ะ" จากนั้นทั้งคู่ก็แยกออกไปทำธุระต่อ

              "แย่จังเลยนะเนี้ย นึกว่าพวกเราจะได้เข้าไปในโบราณสถานนั้นเสียอีกน่ะ" เรฟไซท์บ่น ในขณะที่ตนกับพวกเดินตรวจตราในพื้นที่รอบนอกกัน
              เจเนลบอก "แย่หน่อยนะ ที่ไซต์งานวิจัยนั้นไม่อนุญาตให้พวกเธอเข้าไปทัศนศึกษากันได้ จนกว่าทีมวิจัยจะค้นคว้าภายในจนเสร็จเลยน่ะ"
              "แล้วพวกเราไม่ลอบเข้าไปเลยหรือ" แด็กซ์กล่าว โดยใช้แขนสว่านเฮฟวี่ดริลเตรียมไว้
              คลอเวฟบอก "ถ้าคิดจะดำดินเพื่อเข้าไปในโบราณสถานที่อยู่ลึกลงไปละก็ เกรงว่าเราคงต้องทุบพวกเธอเสียก่อนน่ะ" โดยเตรียมค้อนไว้ในมือแล้ว
              "ที่พวกเราเข้าไปไม่ได้นิ ส่วนหนึ่ง เพราะเราและพวกมนุษย์ไม่รู้ว่า ใต้โบราณสถานนั้น มีอันตรายแอบแฝงอยู่ละสิคะ" เดรเชลบอก
              วูลเฟลล่าบอกด้วยความหวาดกลัว "ในนั้นต้องมีสัตว์ประหลาดเอเลี่ยนทั้งตัวโตที่กักขังอยู่ หรือไม่ก็มีปรสิตจิ๋วๆที่เปลี่ยนร่างกายของพวกเราให้บิดเบี้ยวเป็นตัวประหลาดกันแน่ๆเลยละ"
              "เธอดูหนังไซไฟสยองขวัญเกินไปหรือเปล่าละ" บราไทน่าย้อน
              น็อกกี้กล่าว "เออนิ ลุง ว่าแต่ เราออกไปตรวจสอบพื้นที่รอบนอกค่ายกันได้มั้ยละ"
              "ถ้าเป็นค่ายร้างที่อยู่ห่างจากไซต์งานในระยะ 10 กิโลเมตรเป็นต้นไปละก็ เทอร่าสควอดอนเข้าไปตรวจสอบกันหมดแล้วน่ะ" ฟิเกซกล่าว
              เฮเรเค้นบอก "ตรวจหมดแล้วหรือ ว้า แบบนี้วัยรุ่นเซ็งกันพอดีนะสิ"
              "คิดซะว่าเราช่วยงานพวกเทอร่าสควอดอนตรวจตราความเรียบร้อยก่อนแล้วกันน่ะ" ไซโคลเนียบอก โดยตอนนี้ ทีมกัลสตาร์ซีโร่กับเอลีททเวลฟ์ลงมาช่วยแล้ว
               "การตรวจตราในครั้งนี้ ใช้คนเยอะไปหน่อยน่า" คลอเวฟบ่น

              ในยานเทอร่าอาร์ค ส่วนคุมขัง มาสวาร์ทาร์สวมหน้ากากและปรับเกราะให้ป้องกันกัมตภาพรังสีไว้แล้ว โดยเดินเข้าไปในห้องนิรภัย ซึ่งมีอดีตสมาชิกเรดิเครเซนท์ สวมชุดรัดแขนสีเหลืองแบบชุดป้องกันสารพิษอยู่ในห้อง
              "ไม่คิดเลยว่าคุณป้าจะเป็นคนเลวเลยน่ะ" เครเมลกล่าวอย่างผิดหวังนิดๆ
              แอนเดรียบอก "แค่อดีตคนเลวเองนะจ๊ะ เครเมล แม้ว่าเขาจะทำเลวไว้มาก เขาก็ได้รับกรรมจนต้องอยู่อย่างลำบากนะ"
              "แต่การดัดแปลงร่างกายแมนิแฟคเตอร์ให้ทนต่อกัมตภาพรังสีร้ายแรงที่ใช้ในการต่อสู้ของพวกสเตรดาร์ธนั้น มันเกินไปหน่อยน่ะ" เมลเบจบอก
              ไวท์ไลน์บอก "แต่พวกคุณรับมือกับพวกเขาได้นั้น เรื่องที่คุณเป็นมิวแทนอยด์ที่อันตรายกว่าก็เป็นจริงละสิ"
              "เออ พักเรื่องนั้นไว้ก่อนจะดีกว่านะคะ" แอนเดรียพูดตัดบทโดยเร็ว เมื่อมาสวาร์ทาร์เดินมาใกล้กับนักโทษหญิง
              "เอชมาสวาร์ทาร์ รองหัวหน้ากองกำลังไทรเวเซอร์ เห็นสภาพของฉันแล้ว คงอยากจะหัวเราะเยาะเย้ย ในสิ่งที่พวกเราทำกับพวกพ้องของแกจนสิ้นชีพแบบหมาข้างถนนไปละสิ" เธอกล่าวทักแกมดูถูก
              "ผมไม่รู้น่ะ ว่าคุณชื่ออะไร แต่....พวกเรารู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ หลังจากที่พ่ายแพ้พวกเราไปเมื่อ 3 ปีก่อนน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "บอกตามตรงน่ะ ว่าการกระทำของเทเนดีนในเวลานี้ นอกจากจะไม่เป็นสุภาพบุรุษยอดนักรบและไม่สมกับเป็นองค์ชายของมหาราชาอัลลาดิมที่ 4 แต่ยังไม่คู่ควรให้เรียกว่าเป็นพ่อคนได้ ซึ่งนั้นบ่งบอกว่า สามปีที่ผ่านมา เทเนดีนถล่ำลึกเกินไปแล้วน่ะ"
              อดีตสมุนหญิงบอก "นั้นเพราะว่าพวกแกไม่เหี้ยมพอที่จะบดขยี้เทเนดีนให้เป็นชิ้นๆ เหมือนกับพวกทรอยอาร์ที่เข้ามาร่วมด้วยนี้แหละ ต่อให้เทเนดีนอ้างว่า เขาเห็นพวกนักรบอดีตทรอยอาร์นั้นเป็นกองรบตัวหมากที่พร้อมเอาไปทิ้งได้จริง แล้วพวกเราที่เหลือละ ก็ไม่ต่างกันเลยสักนิดเดียวน่ะ"
              "ถึงฆ่าเทเนดีนให้ตาย ก็ไม่ทำให้เราได้เพื่อนพ้องที่ตายไปกลับมาได้ แถมยังทำให้เราเลวยิ่งกว่าเทเนดีนอยู่ดี" มาสวาร์ทาร์กล่าว "และถ้าให้เดา คุณจะไม่บอกกับพวกเรา ว่าเครเซนท์ จูดีนพาลูกของเธอหลบซ่อนอยู่ที่ไหนละสิน่ะ"
              อดีตสมุนหญิงกล่าว "แล้วแกก็จะนำตัวท่านจูดีนและลูกของท่าน ไปคุมขังในเรือนจำของพวกสมาพันธ์อวกาศนะหรือ หรือแม้กระทั่งส่งตัวไปอยู่ในกำมือของอัลลาดิมที่ 4 ซึ่งแย่งชิงบัลลังก์มาจากท่านผู้นำบราฮิม ผู้นำที่แท้จริงของสเตรดาร์ธนะหรือ ท่านจูดีนไม่ยอมเป็นนักโทษของใครได้หรอก แม้กระทั่งของเทเนดีนด้วยน่ะ"
              "ผมพอรู้มาบ้างน่ะ ว่าเหตุผลที่ผู้นำบราฮิม ผู้นำคนแรกของสเตรดาร์ธ ถูกอัลลาดิมที่ 1 ขับไล่ลงจากราชบัลลังก์นั้น เพราะบราฮิมต้องการนำสเตรดาร์ธทำสงครามจีฮัดกับพวกสมาพันธ์อวกาศ เพื่อแสดงศักดาและความเกรียงไกรให้ยิ่งใหญ่ไปทั่ว แต่นั้นจะทำให้สเตรดาร์ธวิบัติและถึงคราวหายนะมากขึ้น เพราะสมาพันธ์อวกาศมีชาวดาวฤกษ์คุ้มครองอยู่" มาสวาร์ทาร์กล่าวตามที่เขาศึกษาข้อมูลของสเตรดาร์ธมา "พอบราฮิมถูกขับไล่ออกจากบัลลังก์ของซาฮัลด้า โดยมีอัลลาดิมที่ 1 เป็นมหาราชาของสเตรดาร์ธผู้ทรงอิทธิพลที่สุด ตนก็ย้ายไปปกครองดาวในสเตมเซคเตอร์จากการลงโทษของอัลลาดิมที่ 1 โดยรับรู้ถึงผลเสียของความทะเยอทะยานของตนเอง ให้ทำหน้าที่ช่วยเหลืออัลลาดิมและครอบครัว เพื่อบ่งบอกว่า เขาวางมือกับเรื่องนี้ แต่มิใช่กับบริวารและเหล่าพี่น้องบางส่วนที่ภักดีและไม่เห็นด้วย จนแยกย้ายไปตั้งกลุ่มกองกำลังเล็กๆก่อความเดือดร้อนต่ออัลลาดิมและวงศ์ตระกูล ซึ่งต่อมา พวกเขาได้กลายเป็นกลุ่มกองโจรและผู้ก่อการร้ายสเตรดาร์ธในเวลานี้แหละ"
              อดีตสมุนหญิงบอก "พวกเรา ซึ่งเป็นลูกหลานผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของบริวารท่านบราฮิม เช่นเดียวกับท่านแม่ของเทเนดีน ผู้เป็นหลานของท่านบราฮิม ต่างหวังว่า เทเนดีนจะได้เป็นใหญ่เหนืออัลลาดิมที่ 4 ในฐานะมหาราชาของสเตรดาร์ธอันแท้จริง แต่ไม่คิดเลย ว่าเทเนดีนทำให้พวกเราผิดหวังมาหลายครั้ง แม้เราจะอดทนเพราะเชื่อมั่นในตัวเทเนดีน สุดท้าย เทเนดีนก็ทำลายความเชื่อมั่นของพวกเรา พร้อมกันกับศักดิ์ศรีของท่านจูดีนด้วย"
              "แต่ถึงแม้ว่าจูดีนจะพาลูกไปหนีที่ดาวดวงอื่นที่เทเนดีนเงื้อมมือไปไม่ถึง จูดีนกับลูกก็ต้องประสบกับความเดือดร้อนอยู่ดี และถ้าเทเนดีนรู้ว่าลูกของตนตาย นั้นหมายถึงเขาจะแค้นจนก่อเรื่องร้ายแรงต่อพวกสเตรดาร์ธที่อยู่ในเขตอวกาศนี้ก็เป็นได้" มาสวาร์ทาร์บอก
              อดีตสมุนหญิงบอก "เราไม่สนใจว่าเทเนดีนจะคิดยังไง เราขอแค่อย่างเดียว คือเทเนดีนจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าที่พวกเราเป็นนี้แหละ" แล้วก็บอก "ถ้าจะบอกว่าฉันจะจบเห่กันยังไงละก็ ฉันไม่ต้องพูดหรอก เพราะว่าแกก็รู้อยู่แล้วนิ"
              "แปลว่า คุณคิดจะตายไปโดยนำความลับเรื่องที่ซ่อนของจูดีนไปด้วย เพราะรู้ว่าเทเนดีนต้องส่งคนมาฆ่าคุณละสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              อดีตสมุนหญิงกล่าว "ต่อให้พวกแกปกป้องฉันไว้ดีแค่ไหน ฉันไม่ยอมตกเป็นนักโทษของใครได้หรอก ไม่ว่าจะของพวกแก ของอัลลาดิมที่ 4 กับลูกๆตัวยักษ์ ของสมาพันธ์อวกาศ ของพันธมิตรมนุษย์ หรือแม้กระทั่งของเทเนดีนก็ตาม พวกเราได้สาบานต่อท่านจูดีนไว้ ว่าเราจะเป็นอิสระจากการกักขังทุกอย่าง เพื่อให้ท่านจูดีน ทำให้ไอ้เทเนดีนเจ็บปวดยิ่งกว่าตายทั้งเป็น...."
              "..........." มาสวาร์ทาร์นิ่งและไม่พูดไปพักหนึ่ง แล้วก็เดินหันหลัง พร้อมกับบอกว่า "เทเนดีนทำลายทุกทางเลือกของพวกคุณหมดแล้ว ถึงได้พูดเช่นนี้น่ะ"
              อดีตสมุนหญิงกล่าว "ถึงพวกแกมีหลายทางเลือกให้ ฉันกับพวกไม่ขอรับไว้หรอก และไม่ขอรับความสังเวชจากพวกแกด้วย รวมไปถึง ขอร้องให้พวกแกช่วยท่านจูดีนกับลูก เพราะนี้ไม่ใช่เรื่องของพวกแก แต่เป็นเรื่องของท่านจูดีนเพียงผู้เดียวน่ะ"

              "ไม่คิดเลยว่า อดีตสมุนกองกำลังผกก.สเตรดาร์ธจะดื้อด้านเพียงนี้น่ะ" จูอินกล่าว หลังจากที่พวกเทอร่าสควอดอนกลับมาจากการลาดตระเวนรอบนอกไซต์งานแล้ว
              เชรฟเช่บอก "ต่อให้เป็นพวกโจรหรือผกก. การที่เธอภักดีกับผู้เป็นหัวหน้าอย่างมาก คงเป็นเพราะนายใหญ่ทำลายความไว้วางใจและความภักดีไปหลายครั้ง จนไม่เหลือความเชื่อมั่นไปแล้วน่ะ"
              "แต่เราไม่จำเป็นต้องกลัวกองโจรของพวกสเตรดาร์ธเลยนิ เพราะแค่มีคนแปรพักตร์หรือถอนตัวไป พวกนั้นคงเหลือน้อยแล้วละมั่ง" มิลโดว์บอก
              สเตฟอร์ดบอก "ถ้าเป็นพวกกลุ่มผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลางของโลก อาจจะเป็นเช่นนั้น แต่มิใช่กับพวกสเตรดาร์ธน่ะ"
              "หมายความว่ายังไงกันละ" คงเดชถาม
              เฟรดบอก "เพราะว่ากองกำลังของพวกสเตรดาร์ธ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักรบหรือกลุ่มผู้ก่อการร้าย จำนวนสมาชิกในกองอยู่ในระดับพันถึงหมื่นคน กองโจรฮาซารีมที่ปรากฎตัวเมื่อสามปีก่อนนั้น มีจำนวนราว 64,000 คนน่ะ"
              "พันถึงหมื่นคนเลยหรือ นี้ไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ยละ" จูดิธกล่าว
              โฟรซ่ากล่าว "ไม่ได้ล้อเล่นหรอกน่ะ จูดิธ ราชอาณาจักรสุพรรณสเตรดาร์ธในเวลานี้ มีประชากรรวมทั้งหมดในสเตมเซคเตอร์ 4 ร้อยล้านคน และกองรบหลวงนั้น มีอยู่ในระดับหมื่นถึงแสนขึ้นไป ซึ่งในนั้นมีตั้งแต่นักรบไปจนถึงอดีตโจรหรือผกก.รวมอยู่ด้วย โดยอย่างหลังนั้น มีสิทธิ์ที่จะหักหลังได้ทุกเมื่อน่ะ
              "แล้วตอนนี้ พวกฮาซารีมลดเหลือเท่าไหร่ละ" เทลลีนถาม
              มาริบอก "จากการที่มีกลุ่มนักรบสองกลุ่มแปรพักตร์ไปอยู่กับองค์ชายรองดูแรนซินเมื่อสามปีก่อน บวกกับการแยกตัวของพวกเรดิเครเซนท์ในเวลานี้ กำลังรบของพวกฮาซารีมของเทเนดีนคงจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง ซึ่งนั้นก็ยังน่ากลัวอยู่ดี" แล้วก็บอก "เพราะตามข้อมูล เทเนดีนฆ่าพวกพี่ไปสิบคนกันไม่ว่า ศพของพวกเขายังไม่ได้ถูกนำไปทำพิธีฝังหรือเผาศพ บ่งบอกได้ว่า เทเนดีนจะใช้ศพเหล่านั้นเป็นอาวุธชีวภาพกันนะสิ"
              "แต่ต่อให้เป็นอาวุธชีวภาพแบบมนุษย์ เราก็ยังจัดการกับพวกนั้นได้อยู่น่ะ" เจย์เดนบอก
              น็อกกี้บอก "นายกับพวกคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าบุตรของอัลลาดิมที่ 4 ซึ่งมีบุตรชาย 49 คน และบุตรหญิงอีก 40 นั้น มีส่วนมากที่ตัวโตเท่าลุงจายด์เลยน่ะ"
              "ตัวโตเท่าจายด์นะหรือ.....นั้นคนหรือว่ายักษ์กันแน่น่ะ" เวคตันบอก
              แนคเกลกล่าว "แต่พวกนายคงไม่ได้ไปฟัดกับศัตรูตัวใหญ่มาก่อนละสิ"
              "ถึงเราจะเอาชนะศัตรูตัวโตได้ก็จริง แต่บอกตามตรงน่ะ ว่ากว่าเราจะชนะได้ ก็หืดขึ้นคอเลยละ" รอมมิชบอก
              แด็กซ์กล่าว "ถึงเราทำให้ฝ่ายตรงข้ามทรุดได้ เราก็แทบจะเอาตัวไม่รอดเลยน่ะ"
              "เช่นเดียวกับพวกทรอยอาร์สุดโหดนั้นด้วยสิน่ะ" นิโคล่าบอก
              ริโคน่าบอก "ตามที่เราได้ยินพวกตาดำเล่ามา พวกนี้โหดและร้ายกาจมากเลยหรือ"
              "ถ้าฉันบอกว่า ริชเชลลิอาร์ล เลี้ยงสมุนที่เป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบฝั่งลึก และฆาตกรเลือดเย็นและไร้ความรู้สึกไว้ โดยสั่งพวกนั้นไปฆ่าแม่ทัพใหญ่ของพวกทรอยอาร์เพื่อยึดราชบัลลังก์เป็นของตนเองกันละ" โฟรซ่าบอก "ต่อให้จัดการกับคนเหล่านี้จนตายไปได้จริง นั้นยิ่งจะทำให้เราดูเลวกว่าพวกนั้น จนพวกทรอยอาร์มองเราเป็นปีศาจแห่งการทำลายล้าง ตามความต้องการของริชเชลลิอาร์ลที่ปลุกปั่นความเชื่อผิดๆไปให้น่ะ"
              จูดิธกล่าว "แม้ว่าพวกเขาจะฆ่าพวกพ้องที่เคยร่วมรบกับพวกพี่มาเลยหรือ"
              "พวกเราเคยเป็นฝ่ายอธรรมมาก่อน และไม่คิดที่จะย้อนกลับไปเป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ต่อให้เราสูญเสียพวกพ้องไป แต่เราจะไม่ทรยศต่อพวกพ้องที่จากไปและที่ยังอยู่ ด้วยการกลายเป็นปีศาจแห่งความแค้นไปได้หรอกน่ะ" พีวิลบอก "เพราะพวกแพนเนสและเทเนดีน พวกเขาเลือกที่จะเป็นปีศาจเอง และถล่ำลึกไปไกลมากจนกู่ไม่กลับแล้ว ทางเดียวที่เราทำได้ ก็คือหยุดพวกเขาลงซะ ด้วยความเข้มแข็งทางจิตใจที่พวกเรามีนี้แหละ"
              บลูดัสท์บอก "และนั้นเป็นสิ่งที่พวกคุณยึดถือมาตลอดสิน่ะ"
              "แต่ต่อให้ศัตรูโหดหรือมีเยอะแค่ไหน อย่างน้อยเราก็รู้และจัดการให้ราบคาบกันอยู่แล้วน่ะ" มิลโดว์บอก แล้วก็ลุกขึ้น "ตอนนี้ ผมขอตัวไปคุยกับแพทตี้ก่อนดีกว่าน่ะ" จากนั้นก็เดินออกไป
              ทาริก้าบ่น "ให้ตายสิ ทหารหญิงจากกองรบที่ 9 มีดีตรงไหนถึงดึงมิลโดว์ให้ออกจากประเด็นหลักเลยน่ะ"

              "แพทตี้จากกองรบที่ 9 นะหรือ" สเปียริทสงสัย
              เรดดิลบอก "คุณมิลโดว์เจอกับพลทหารหญิงในกองรบที่ 9 ซึ่งเข้ามาช่วยคุ้มกันไซต์งานวิจัยนะคะ แม้ว่าหน้าตาของพลทหารผู้นี้ดูธรรมดา แต่เธอมีบางอย่างที่ดึงคุณมิลโดว์ให้หลงเสน่ห์กันตลอด 4 วันนะคะ"
              "แพทตี้ที่ว่านี้ หน้าตาแบบนี้หรือเปล่าละ" ไซโคลเนียหยิบมือถือเปิดภาพของพลทหารหญิงดังกล่าว ทาริก้าพยักหน้า เช่นเดียวกับทุกๆคนด้วย
              เฮลก้าบอก "แต่ สีหน้าของพวกคุณดูเหมือนจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับพลทหารแพททรีเซียมาก่อนละสิน่ะ"
              "คือว่า....." โฟรซ่าบอก แล้วก็เล่าเรื่องตอนที่แอบไบออสแจ้งมา
              "อะไรน่ะ สิบเอกบอกว่า มีคนโยกย้ายแพททรีเซียให้ไปอยู่ในกองรบที่ 9 อย่างงั้นนะหรือครับ" พีวิลกล่าว
              "ถูกแล้วละ ร้อยเอก ผู้ฝูงทริปเปิ้ลทีแจ้งมา ว่ามีคนแฮคเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของกองทัพ เพื่อเช็คหาแพททรีเซียจากในฐานข้อมูลทหารระดับล่าง จากนั้นก็ปลอมแปลงคำสั่งย้ายตัวแพททรีเซียให้ไปประจำที่กองรบที่ 9 ของนายพลวิชเชียท เมื่อสัปดาห์ก่อนน่ะ" แอบไบออสเล่า
              เจเนลบอก "แล้วผบ.ฮาซาเดนจับตัวแฮคเกอร์ได้หรือยังละ"
              "แฮคเกอร์ถูกคนของผู้การเกรเบคจับตัวไปแล้ว และเขาสารภาพด้วย ว่าเขาถูกขอร้องโดยกลุ่มคนให้ช่วยเจาะเข้าฐานข้อมูลเพื่อหาข้อมูลของแพททรีเซียให้เจอ จากนั้นก็ช่วยส่งเธอไปอยู่ในกองรบ โดยที่พวกเขาจะแฝงตัวเข้าไปในนั้น ซึ่ง หน่วยทหาร 4 กลุ่มในกองรบที่ 9 ถูกเล่นงานอยู่ในห้องล็อกเกอร์ของกองบัญชาการพร้อมกับเครื่องแบบถูกขโมยไปด้วย" แอบไบออสบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แล้วไอ้กลุ่มคนที่ว่านิ คงอยู่ในกองรบที่ 9 ละสิน่ะ"
              "แล้วกลุ่มคนที่ว่ามานั้น คงเป็นพวกที่แค้นแพททริคมากละสิครับ" พีวิลบอก
              แอบไบออสพยักหน้า "เกรงว่า การตายของแพททริคที่ถูกประกาศมานั้น จะไม่ทำให้พวกญาติของเหยื่อที่แพททริคกับพวกหลอกใช้หายแค้นได้จริง แถมยังคิดว่า พวกผู้การฮาซาเดนแอบนำตัวแพททริคไปแปลงเพศและลดยศให้เป็นพลทหารอยู่ในกองหรือหน่วยไหนสักหน่วยอีกด้วย แม้ว่าผู้ฝูงทริปเปิ้ลทีส่งคนไปเจรจาขอร้องให้กับพวกญาติผู้เสียหายบางส่วนให้ยอมความได้ แต่มิใช่กับพวกที่แค้นฝังลึกเหล่านี้นะสิ"
              "และพวกนี้มันเดาถูก แถมกล้ามากเสียด้วยน่ะ" คลอเวฟบอก แอบไบออสพยักหน้า
              เนคมาดูซัมบอก "ถึงจะแก้แค้นให้เหยื่อที่เสียชีวิตจากการกระทำของแพททริคได้ พวกเขาก็ต้องถูกลงโทษสถานหนักกันอยู่ดีนี้แหละ"
              "เราแจ้งให้นายพลวิชเชียทสั่งคุมกลุ่มคนเหล่านั้นดีกว่านะคะ" แอนเดรียกล่าว
              แอบไบออสบอก "ฉันแจ้งกับนายพลวิชเชียทให้ทราบและลงมือกันแล้วละ เพราะผู้ฝูงทริปเปิ้ลส่งคำสั่งมา ตอนนี้แพททรีเซียถูกคุมอยู่ในโซนห่างจากพวกไม่หวังดีแล้วละ"
              "แต่ฉันกลัวว่า คนของเทอร่าสควอดอนจะทำเสียเรื่องแล้ววะ" คลอเวฟบอก "ดรากูลิคและมาเทอุสมาแจ้งกับฉันมา ว่าไอ้นักมวยอิตาลี มันหลีแพททรีเซียเข้าแล้ววะ"
              สเตฟอร์ดบอก "นี้มันแย่กว่าที่คิดเลยน่ะ"
              "มิลโดว์ไม่รู้หรอก ว่าเขากำลังจีบ พี่ใหญ่ของตระกูลทิลเทอแรนที่ก่อเรื่องทรยศต่อสมาพันธ์อวกาศกันอยู่น่ะ" โฟรซ่าบอก
              จิลกล่าว "ฉันแทบคิดไม่ออกแล้วละ ว่ามิลโดว์จะทำหน้ายังไง หากรู้ความจริงจากพวกเราน่ะ"
              "อย่าว่าแต่เธอเลย จิล พวกเราเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันน่ะ" ฟิเกซบอก

              แล้วเรื่องก็ย้อนกลับสู่ช่วงปัจจุบัน ซอนแนคบอก "นี้เป็นเรื่องเข็มขัดสั้นกุดจริงเลยน่ะ" หลังจากที่ฟังเมนซิกส์ทีนเล่ามา
              "มิลโดว์นะ มิลโดว์ มึงทำให้กูพลอยซวยตามมึงไปด้วยน่ะ" เจย์เดนกล่าว
              พลัสเชอริทบอก "แสดงว่าคุณก็แอบหลงเสน่ห์แพททรีเซียแบบลืมหูลืมตาด้วยสิน่ะ"
              "แต่เรามีปัญหาอยู่หนึ่งอย่าง...." เยลโลว์ไลน์บอก "เราจะบอกกับคุณมิลโดว์กันยังไงละคะ"
              ลิ่วเฟยบอก "นั้นดิ ถึงบอกไป คุงมิลโดว์คงคิกว่าพวกเราโกหกเพื่อขัดขวางความสุกแน่ๆน่ะ"
              "แต่ถึงไงเราก็ต้องบอกความจริงต่อมิลโดว์อยู่ดีนี้แหละ ถึงเขาจะไม่เชื่อเลยก็ตามน่ะ" เทนยะบอก จูดิธพยักหน้า
              คงเดชบอก "แต่เราจะบอกมิลโดว์กันตอนไหนดีละ เพราะตอนนี้ มันคงไปหาแพททรีเซียแล้วน่ะ"
              "ขอเป็นพรุ่งนี้ดีกว่าน่ะ เพราะ....มันดึกมากแล้วน่ะ" บาร์ทบอก
              เยลโลว์ไลน์กล่าว "นั้นสิคะ ตอนนี้มันสามทุ่มแล้วด้วย ปฏิบัติการณ์ตอนเช้าจะเริ่มในตอน 7 โมงครึ่งตามกำหนดการนะคะ"
              "ถ้าเช่นนั้น พวกเรากลับไปก่อนดีกว่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              จูดิธพยักหน้า "งั้นเราเจอกันใหม่ตอนเช้า และมาช่วยกันเกลี้ยกล่อมมิลโดว์ดีกว่าน่ะ"
              แต่พวกไทรเวเซอร์และเทอร่าสควอดอนไม่รู้ว่า ตอนนี้ ปัญหาทั้งในและนอกกำลังก่อเรื่องให้เสียแล้ว ต่อช่วงที่ 2 กัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×