ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga Del-Ahnian War

    ลำดับตอนที่ #86 : ตอนที่ 42 บทเรียนแห่งเทพธิดาของลิเนียร์ตี้ กับการค้นหาความจริงอันคาดไม่ถึงของพวกไทรเวเซอร์ ครึ่งแรก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9
      0
      5 ต.ค. 64

              ณ.ห้วงจิตใต้สำนึกของลิเนียร์ตี้ ซึ่งตอนนี้จิตของลิเนียร์ตี้กลับมาหลับไหลกันอีกครั้ง

              "นิ นี้ฉัน กลับมาที่นี้อีกแล้วละสิ...." ลิเนียร์ตี้กล่าว "ไม่คิดเลยว่า การใช้พลังเพื่อช่วยพวกครีซีแทนนั้น จะทำให้ฉันต้องกลับมาในที่แบบนี้จนได้น่ะ"

              ไม่ทันไร ก็มีเสียงดังเข้ามา "....เจ้ารู้อยู่แล้วสิน่ะ ถึงผลลัพธ์ที่เจ้าได้ทำลงไปกันน่ะ ลิเนียร์ตี้"

            "เสียงนี้.... ท่านโฮร่าละสิคะ..." ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่ากล่าวไปว่า "....ข้าคิดว่าการที่เจ้าไม่ได้เจอกับข้ามานานนั้นจะทำให้เจ้าลืมข้าไปเสียแล้วละน่ะ ลิเนียร์ตี้....แม้เจ้าจะรับฟังคำเตือนของข้า และจะไม่ทำตามอีก แต่...ข้ารู้ได้ ว่ายังไงเจ้าก็เลือกที่จะเสี่ยงอยู่ดีนี้แหละ"

              "ท่านรู้ จากการที่ฉันใช้พลังช่วยพวกครีซีแทนและฮาร์ฟครีซีแทนจากไวล์สเลฟกันนะหรือคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่ากล่าว "ตอนที่เจ้าเสี่ยงตายสู้กับศัตรูเก่าในการแข่งไตรกีฬานั้นต่างหากละ ลิเนียร์ตี้" แล้วก็อธิบายไปว่า "แม้เจ้าได้ใช้แรงกายในการแข่งขันอย่างต่อเนื่องมา จนไม่เหลือแรงหรือพลังที่จะทำอะไรได้แล้ว อีกทั้งเนคเกอร์และเพื่อนทั้งสองเองก็มีพลังแทรนซิ่งอยู่ ซึ่งเจ้าน่าจะให้พวกเขาโต้ตอบกันเองบ้างสิ"

              "ทำไงได้ละคะ ฉันไม่อยากให้เนคมาดูซัม คุณสเตฟอร์ดและคุณโฟรซ่าต้องลำบากไปมากกว่านี้ อีกอย่าง ถ้าฉันไม่ทำ แล้วจะหยุดไวล์ไมเซลได้ยังไงละคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่ากล่าว "ถึงเจ้าทำไปบนพื้นฐานของความเป็นห่วงผู้อื่นและต้องการจะช่วย แต่ถ้าช่วยโดยที่สภาพกายของเจ้าอ่อนแรงมากอยู่แล้ว เจ้ามิยิ่งทำให้พวกเขาเป็นห่วงมากเลยหรือ...." จากนั้นก็มีแสงสว่างวาบขึ้นตรงหน้าลิเนียร์ตี้ "....แต่นั้นแหละ คือเหตุผลที่ฉันต้องดึงเจ้ากลับมาอีกครั้งหนึ่งยังไงละ"

              "....." ลิเนียร์ตี้ก็ได้สติขึ้นมา ตาของเธอลืมขึ้นและมองเห็นโฮร่าก้มลงโดยที่ฝ่ามือของเธอเรืองแสงเหมือนเช่นเคย ซึ่งมีอาเดเลียและทาเลเวียยืนอยู่ "ที่นี้....สวนดอกไม้ลับของพวกคุณอีกแล้วละสิคะ" ลิเนียร์ตี้พยายามจะลุก แต่โฮรา "ตึงงง" ใช้พลังกดร่างลิเนียร์ตี้เอาไว้

              "อยู่นิ่งๆจะดีกว่าน่ะ ลิเนียร์ตี้ เพราะฉันยังจัดการกับร่างของเจ้าไม่เสร็จเลยน่ะ"

              "นี้อย่าบอกนะคะ ว่าคุณยังดูดพลังส่วนเกินของฉันไปไม่หมดเลยหรือคะ" ลิเนียร์ตี้ถาม โฮร่าไม่ตอบ แล้วก็ "แว้งงง ซวบ" จ้วงมือซ้ายลงไปในใต้อกของลิเนียร์ตี้ เพื่อดึงเอาบางอย่างออกมา "ฟึ่บบบ ครี้งงงง" ซึ่งก็คือกระบี่คิวตี้เซเบอร์นี้เอง "กระบี่นี้ มาอยู่ในร่างของฉันได้ยังไง ในเมื่อฉันเก็บเอาไว้หลังเอวแล้วน่ะ" ลิเนียร์ตี้อุทานขึ้นมา

              โฮร่าบอก "เจ้าคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่ากระบี่ของเพรแครทฮัลลีน่าเล่มนี้ ได้สถิตอยู่ในร่างของเจ้าไปแล้ว หลังจากที่เจ้าเผลอใช้เพลงดาบของฮัลลีน่าชำระล้างพวกครีซีแทนกันไว้น่ะ"

              "ฉันเอง ก็ไม่รู้มาก่อนนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              โฮร่าบอก "และคงจะใช้คลีนซิ่งโนว่าแฟลช ซึ่งไม่เพียงเป็นความสามารถระดับสูงของนักรบเพรแครทที่มีพลังสูงส่งกัน โดยที่เธอไม่รู้ว่าพลังมันยิ่งใหญ่กันอย่างเดียว" แล้วก็พูดในช่วงที่ลิเนียร์ตี้ค่อยๆลุกขึ้นมาแล้ว "แต่....เจ้าใช้พลังชำระล้างความชั่วกับเป้าหมายบนดาวทั้งดวงเพียงลำพังนั้น แม้ว่าเจ้าจะมีผนึกพลังของฉันช่วยยับยั้งไว้จนทำให้เจ้ากลับมาไร้สติตามเดิม ถ้าไม่มีผนึกจากฉัน ปานนี้เจ้าคงสิ้นชีพไปนานแล้วละ"

              "........" ลิเนียร์ตี้นิ่งขึ้นมา จึงถามด้วยความกังวล "แล้วคุณจะทำยังไงกับฉันละคะ"

              โฮร่าเลยใช้พลังทำให้คิวตี้เซเบอร์ลอยขึ้น และ.... "ครี้งงงงง" ผนึกกระบี่ให้อยู่ในโหลแก้วจนกระบี่มีสีเทาบ่งบอกถึงการถูกผนึกเอาไว้ "ฉันคงให้เจ้าไปจากที่นี้ และหวนกลับสู่ความวุ่นวายกันอีกต่อไปไม่ได้แล้วละ ลิเนียร์ตี้ ใช่.....ฉันจะให้เจ้าอยู่เป็นสาวกของพวกเรากันตลอดไปนี้แหละ"

              "ตลอดไปนะหรือ....ไม่มีทางน่ะ คุณจะกักตัวฉันไว้ตลอดไปไม่ได้หรอกน่ะ เพราะฉันต้องกลับไปช่วยทุกๆคนหยุดยั้งการรุกราน...." ลิเนียร์ตี้กล่าว

              โฮร่ากล่าว "....การรุกรานของกลุ่มต่างดาวอันยิ่งใหญ่ที่มีการแทรกแซงของกลุ่มอัศวินและนักรบศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตอนนี้มีกลุ่มอัศวินคนบาปและเหล่านักรบผู้โฉดชั่วสามานกันนั้น เป็นเรื่องของพวกพ้องของเจ้าที่ต้องรับผิดชอบเอาไว้ โดยที่เจ้าไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้กันได้หรอกน่ะ"

              "......แล้วท่านจะปล่อยให้ทุกๆคนต้องเดือดร้อนจากการรุกรานเลยหรือคะ" ลิเนียร์ตี้ถาม

              โฮร่าบอก "เหล่านักรบไทรเวเซอร์สามารถปกป้องระบบดาวได้โดยไม่มีความช่วยเหลือของเจ้ากันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่พวกเขาจะมีอันเป็นไปและประสบเหตุร้ายจนบาดเจ็บสาหัสนั้น ก็ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ซึ่ง พวกพ้องของเจ้าก็ดี ราคาชูเมลและพวกก็ดี แม้กระทั่งเนคเกอร์เอง ก็เตรียมตัวเตรียมใจในเรื่องนี้กันไว้แล้วน่ะ เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงกันหรอกน่ะ"

              "และถ้าเจ้าคิดจะไปจากที่นี้ละก็ เกรงว่า เจ้าคงจะออกไปไหนไม่ได้อยู่แล้วละ" ทาเลเวียกล่าวและดีดนิ้ว "ครืดดดดดดด" ฟากฟ้าอันแจ่มใสนั้นได้เลื่อนออก เผยให้เห็นฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว รวมถึงดาวที่มีวงแหวนสองวงล้อมรอบอยู่เหนือหัวลิเนียร์ตี้และเหล่าเพรแครกิสกัน "เพราะเจ้าได้อยู่ในอาร์คเพรแครท นาวาของพวกเราที่ใช้แสวงบุญจารีกไปทั่วระบบอวกาศ เพื่อแสวงหาความสงบสุขและหลีกหนีความวุ่นวายจากโลกภายนอกกันสิ้นเชิงแล้วละ"

               โฮร่ากล่าว "และตอนนี้พวกเราได้ออกจากระบบดาวที่เจ้าเคยอยู่กันเมื่อ 2 วันก่อนกันแล้วละ ลิเนียร์ตี้ เพื่อที่จะพาเจ้าหลีกหนีจากความเลวร้ายที่เหล่าคนบาปจะก่อเอาไว้กันน่ะ"

              "ท่านพูดเหมือนกับรู้ว่า เซอร์แพนเนสกับพวกร้ายกาจอย่างมากเลยสิคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              อาเดเลียกล่าว "สหายของเจ้านามโฟรซ่าและเจเนลนั้น คือต้นเหตุที่ทำให้เซอร์แพนเนส สไคท์และแรมบาลต้องกลายเป็นอัศวินคนบาปที่ร้ายกาจมากที่สุดและน่ากลัวมากที่สุด แม้ว่าการกระทำของทั้งสามนั้นเป็นการทรยศต่อบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อให้โอกาสมหาสังฆราชผู้มีทะเยอทะยานอยากสูง ครอบครองราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างเต็มที่นั้น ไม่สมควรให้อภัยกันก็จริง ผลลัพธ์ของการลงมือของเหล่าสหายทั้งสอง คือการสร้างอันตรายมาให้กับพวกพ้องของพวกเจ้าขึ้นในไม่ช้าก็เร็วนี้แหละ"

              "บวกกับว่าในกลุ่มนั้นมีมือสังหารที่มีภูมิต้านทานด้านพลังจิตสูงมาก และมีผู้ไม่เชื่อมั่นในอำนาจพลังที่เหนือการควบคุมอยู่ด้วยนั้น นอกจากหน่วยรบวิหคที่เป็นหนุ่มสาวรุ่นใหม่จะรับมือไม่ได้ สติลลิมบ์ที่มีความเก่งแต่ประมาทเยอะมากที่สุดเองก็ต้องเจอกับศัตรูจากราชอาณาจักรทองคำเข้าสยบกันอยู่ดี แน่นอน ว่าพวกไทรเวเซอร์และพวกพ้อง คงไม่สามารถสังหารพวกเขาเพื่อหยุดยั้งมิให้มีการนองเลือดไปมากกว่านี้ได้แน่นอน" ทาเลเวียบอก

              โฮร่ากล่าว "แม้เจ้าพยายามจะต้านพลังที่ไร้การควบคุมไปได้จริง แต่ถ้าเจอทั้งสองกลุ่มนั้นขึ้นมา ข้ากลัวว่านั้นจะเป็นวาระสุดท้ายของเจ้าก็เป็นได้เลยน่ะ"

              ".........." ลิเนียร์ตี้ได้ฟังก็ถึงกับตกใจไม่น้อย "แล้วเนคมาดูซัมรู้ และส่งฉันมาให้พวกคุณละสิคะ"

              โฮร่าพยักหน้า "บุตรของแรนเบร่านั้นรู้ดี ว่ามีแต่พวกเราเท่านั้นที่ช่วยเจ้าไว้ได้ แม้เจ้าไม่อยากจะยอมรับกันก็ตาม เจ้าก็น่าจะเคารพการตัดสินของผู้ที่เจ้ารับใช้กันบ้างน่ะ"

              "เนคมาดูซัมทำเพื่อฉันมากขนาดนี้เลยหรือ.....ทั้งๆที่เขาตกที่นั่งลำบากกัน ซึ่งฉันช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยนะหรือ" ลิเนียร์ตี้คิดในใจขึ้นมา

              โฮร่าเลยบอกไปว่า ".....เรื่องที่เกิดขึ้นกับเนคเกอร์นั้น เป็นเรื่องที่เจ้าไม่อาจจะทำได้ ดังนั้นเจ้าควรจะยอมรับกันได้น่ะ"

              "คุณอ่านใจได้แบบนี้ มันไม่ดีเลยนะคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่ากล่าว "ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรกันอยู่น่ะ ลิเนียร์ตี้ แม้ว่าเธอไม่คิดที่อยากจะเป็นสาวกของพวกเราเลยก็ตาม" แล้วก็ชี้ไปข้างหลัง "....แต่หลักฐานที่อยู่กลางหลังของเธอนั้น ทำให้ฉันมองข้ามหรือปล่อยให้เธอออกไปจากที่นี้กันไม่ได้อยู่แล้วนะ ลิเนียร์ตี้"

               "!!!!" ลิเนียร์ตี้ชะงักและหันมามองข้างหลัง ก็พบว่าเธอมีปีกสีขาวคู่หนึ่งอยู่กลางหลัง เช่นเดียวกับเหล่าเพรแครกิสตนอื่นๆกันแล้ว "นี้คงไม่ได้เป็นฝีมือของพวกท่านละสิคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              อาเดเลียบอก "เจ้าเป็นเพรแครกิสมาตั้งแต่เจ้ามีเพรแครทไดรมอนด์อยู่ในตัวแล้ว ถึงเจ้าพยายามจะหุบปีกให้หลังของเจ้าว่างลง แต่เมื่อเจ้าอยู่กับพวกเรา ปีกคู่นั้นก็จะกางกลับมาได้เอง โดยที่เจ้าไม่ต้องใช้พลังเรียกมันขึ้นมาเองได้น่ะ"

              "ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่เจ้าหลีกเลี่ยงหรือปิดบังกันไม่ได้แล้วน่ะ ลิเนียร์ตี้" ทาเลเวียบอก ลิเนียร์ตี้ถอนใจขึ้นมา

              โฮร่าบอก "เอาละ ลิเนียร์ตี้ ต่อจากนี้ไป เจ้าจะได้รับการฝึกฝนจากพวกเรา ร่วมกันกับเหล่าเพรแครกิสที่อยู่ในลานแห่งนี้ ซึ่งเจ้าจำต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่พวกเราสอนเอาไว้กันด้วย"

              "มันจำเป็นมากเลยหรือคะ ที่ฉันต้องร่วมเรียนด้วยนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              โฮร่ากล่าว "ถ้าเจ้าไม่เรียน เจ้าก็ไม่รู้วิธีควบคุมพลังเพรแครทไดรมอนด์ของฮัลลีนกันได้หรอกน่ะ ซึ่งเจ้าจะชอบหรือไม่ก็ตาม เพราะมันจำเป็นอย่างมากสำหรับเจ้าเลยน่ะ"

              "เพียงแต่ ท่านโฮร่าคะ สาวกลิเนียร์ตี้ยังสวมชุดที่ไม่เหมาะสมกันอยู่นะคะ" อาเดเลียบอก เพราะลิเนียร์ตี้ถูกพามาในสภาพที่สวมชุดเกราะ โฮร่าจึง... "แว้งงง" เปล่งแสงขึ้นที่ตา "โพละ" ซึ่งทำให้ชุดเกราะของลิเนียร์ตี้หลุดออก โดยเริ่มจากท่อนบนและแขน ลงมาที่ท่อนล่างทั้งหมดจนเธอเหลือแต่ร่างเมดลิคซ์ของเธอไว้ ทาเลเวียเลยเอาผ้าคลุมลายนางฟ้าปีกเดียวทั้งด้านหน้าและหลังมาคลุมตัวลิเนียร์ตี้ไว้

              "แม้ว่าเจ้าจะมีอาภรณ์เล็กสวมไว้ก็จริง แต่....เจ้าต้องได้รับการล้างมลทินออกจากร่างกันเสียก่อนน่ะ" โฮร่าบอก

              "ฟึ่บบบบ" อาเดเลียยกถังขนาดใหญ่ขึ้นมาเหนือหัวลิเนียร์ตี้ ซึ่งก็ "ซ่า......." เทราดใส่ลิเนียร์ตี้ในทันที ซึ่งก็ทำให้เธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำกัน

              "ฮัดเช่ย นี้ต้องล้างกันถึงขนาดนี้เลยหรือคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่ากล่าว "แน่นอน เพราะแม้เจ้าจะไม่เปื้อนเลือดของผู้ที่เจ้าต่อกร ข้ายังเห็นรอยมลทินตามตัวของเจ้าที่ยังเช็ดออกไปไม่หมดกันอยู่ดีนี้แหละ" แล้วก็นำปลอกเหล็กสามอันมา "หวับๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆ ซวบๆๆ แกร็กๆๆๆๆๆ" สวมกับมีดบนหัวทั้งสามของลิเนียร์ตี้พร้อมกับเสียงดังบนปุ่มกลมทั้งสามด้วย  "เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธบนหัวของเจ้ากันได้หรอกน่ะ และไม่ต้องเสียแรงถอดออกด้วย เพราะข้าล็อกด้วยผนึกกันไว้แล้วละ" แล้วก็ "วี้งงง" ซัดลูกบอลแสงเข้าไปในร่างของลิเนียร์ตี้ ให้มันล็อกแกนหัวใจของเธอไว้ด้วย

              "คุณไม่จำเป็นจะต้องทำอย่างงี้ก็ได้นิคะ เพราะว่าฉันไม่คิดจะใช้พลังในเวลาแบบนี้กันแล้วน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              โฮร่าบอก "ต่อให้เจ้าใช้หรือไม่ เจ้าก็ต้องพลั้งเผลอใช้มันอยู่ดีนี้แหละ ดังนั้น ข้าจึงต้องให้แน่ใจว่า เจ้าต้องควบคุมตนเองจนสามารถใช้พลังได้เสียก่อนน่ะ"

              "สรุปคือ คุณยังไม่ไว้ใจฉันเลยสิคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่ากล่าว "ก่อนที่เจ้าจะใช้พลังได้นั้น เจ้าต้องคุมสมาธิให้อยู่นิ่งกันเสียก่อน เพราะข้ามองดูเจ้าแล้ว แม้เจ้าจะอยู่นิ่งได้ก็จริง แต่สติและสมาธิของเจ้าเหมือนกับกระต่ายน้อยที่วิ่งไปวิ่งมา ไม่อยู่นิ่งๆและอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ ซึ่งข้าเดาได้ว่า เจ้าคงจะมีความกังวลในตัวพวกพ้องของเจ้าอย่างมากเลยสิน่ะ"

              "คุณก็น่าจะรู้ดีนิคะ ว่าฉันรู้สึกยังไงกันบ้างน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              โฮร่าบอก "แล้วเจ้าเชื่อใจในตัวพวกพ้องของเจ้ามั้ยละ ว่าพวกเขาจะต้องทำได้โดยที่ไม่มีเจ้าอยู่ด้วยน่ะ สำคัญในตอนนี้คือเจ้าไม่ควรจะเป็นห่วงพวกเขา แต่ควรจะให้ความสำคัญในการฝึกฝนตนเองกันมากกว่านี้จะดีกว่าน่ะ อย่างน้อยก็ เพื่อตัวเจ้าเองกันบ้างน่ะ" แล้วก็ถอนใจเอาไว้ "และ...เจ้าไม่ต้องแอบบ่นในใจหรือเก็บงำความหงุดหงิดกันไว้ด้วย เพราะเจ้ารู้ว่าข้าต้องอ่านความคิดของเจ้าออกอย่างแน่นอน"

              "ไม่แปลกใจแล้วคะ ว่าทำไมคุณถึงเป็นเพื่อนสนิทกับนายแม่รัคชูมี่ได้น่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่าหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย "แต่ถึงกระนั้น ข้าไม่เหมือนราคาชูเมล ตรงที่ว่าข้าไม่ให้อภัยต่อคนที่ไร้วินัยต่อตนเองหรือไม่ตั้งใจกันได้หรอกน่ะ โดยเฉพาะกับเธอด้วยแล้ว เธอต้องได้รับการฝึกฝนตนเองให้หนักและเข้มข้นยิ่งกว่านี้ด้วย"

              "เพียงแต่เจ้ามีเวลาอยู่กับพวกเราได้นานกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้กันน่ะ" อาเดเลียบอก

              ทาเลเวียกล่าว "เพราะว่าพวกเราลอยอยู่ในห้วงอวกาศ ซึ่งกาลเวลาจะไหลเวียนไปอย่างยาวนาน ตราบใดที่เราไม่นำยานลงจอดที่ดาวดวงใดดวงหนึ่ง เพื่อมิให้เจ้าใช้เวลาหมดไปกับการนับวันเวลาที่เจ้าอยู่กับเราไว้กันน่ะ"

              "วางใจได้เลยคะ เพราะว่าฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นใดเลยสิคะ" ลิเนียร์ตี้พูดอย่างจำยอมขึ้นมา

              โฮร่าบอก "ส่วนหนึ่งเพราะว่าเจ้ามากับพวกเรา หลังจากที่เจ้าไม่มีอะไรค้างคาเมื่อเจ้าได้รับรู้เรื่องที่เนคเกอร์เล่ามาอย่างงั้นสินะ" ลิเนียร์ตี้พยักหน้า โฮร่าตอบ "อย่าห่วงไป ลิเนียร์ตี้ ตราบใดที่เจ้าไม่เคลื่อนไหวออกไปจากยานลำนี้ เจ้าก็ยังปลอดภัยเมื่ออยู่ในความดูแลของข้าและพวกเรากันอยู่น่ะ"

              "ฉันทราบดีแล้วละคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              โฮร่าพยักหน้า "ดี งั้น ถึงเวลาที่เจ้าจะได้รับการฝึกฝนกันได้แล้วละน่ะ ลิเนียร์ตี้ หวังว่า การที่เจ้าอยู่บนควอดาน่า คงจะได้รับการฝึกฝนให้เจ้ามีความอดทนอดกลั้นเอาไว้กันแล้วน่ะ"          

             

              ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ณ.สถานที่เร้นลับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเหล่าแกตไทซ์ขาวและดำแต่มีตราปีกพาดกากบาทบนเทพีที่อยู่ตรงกลางอยู่เป็นจำนวนมาก 

              "เหล่าบริวารมอสวอร์ททั้งหลายเอ๋ย บัดนี้ ท่านมอสเดไวน์ได้แจ้งกับข้าถึงกุญแจที่จะปลุกท่านให้ลุกขึ้นมาได้แล้วละ"  แกตไทซ์หญิงในเกราะสีขาวแต่ใส่ชุดกระโปรงสีเทาขลิบทองและผ้าปิดหน้าเอาไว้ ซึ่งยืนอยู่ตรงกลางกล่าวต่อเหล่ามอสวอร์ททั้งหลายอยู่

              มอสวอร์ทแกตไทซ์ขาวในเกราะดำถาม "ท่านแม่ใหญ่ซาเครล ช่วยบอกพวกเราเถอะ ว่ากุญแจที่ว่านั้นมันเป็นอะไร"

              "กุญแจนี้คือดวงแสงสีแดงอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ซึ่งได้ลำแดงอิทธิฤทธิ์ขึ้นบนดาวของสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์อันโง่งม เน่าเฟะและผุกร่อนจากภายในไปทีละนิด ปัดเป่าอำนาจชั่วร้ายที่คุกคามดาวเหล่านั้นไว้ บัดนี้ กุญแจนั้นได้ออกจากดาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" ซาเครลหรือแกตไทซ์หญิงปิดหน้ากล่าว เหล่ามอสวอร์ททั้งหลายต่างก็ดีใจกันยกใหญ่

              "แล้วจะให้เราไปเอามันมาเลยมั้ยละครับ" แกตไทซ์ดำในเกราะขาวถาม

              "ยัง เพราะสาวกซ้ายขวาของข้านั้นแจ้งมา ว่าเหล่าผู้ต่อต้านอย่างเพชรฆาตบิดรเทพและมารดรเทพเองก็ยังอยู่ แม้ว่าพวกนั้นกับเหล่าพวกพ้องใกล้ชิดจะต้องเผชิญหน้ากับเหล่าอัศวินผู้กอบกู้ และเหล่านักรบแห่งแสงทองที่ร้ายกาจกันก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะหาหนทางโยกย้ายกุญแจนั้นไปได้จริง สาวกซ้ายขวาก็หาเรื่องจัดการให้กุญแจนั้นมาถึงมือของเรากันอยู่แล้ว" ซาเครลบอก ไม่ทันไร "แว้งงงง แว้งงงง" แท่นกลมทั้งสองเรืองแสงขึ้น พร้อมกับเผยตัวของสาวกซ้ายขวา อันเป็นแกตไทซ์ขาวและดำสวมหน้ากากปิดหน้าไว้

              "สาวกซ้ายเรโดครายงานต่อแม่ใหญ่ซาเครลแล้วละครับ" แกตไทซ์ดำสวมหน้ากากกล่าวนำ

              "สาวกขวาเซนเพจ มารายงานต่อท่านแม่ใหญ่ซาเครลด้วยละครับ" แกตไทซ์ขาวสวมหน้ากากกล่าวตาม

              ซาเครลบอก "พวกเจ้ายังติดต่อข้ามานั้น ทำให้ข้าคลายความกังวลไปได้สิน่ะ" และหันมาถาม "ตอนนี้ พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่"

              "พวกเรากำลังจะทำให้เหล่าผู้ไม่ศรัทธาต่อท่านและพวกเราทั้งหลายนี้ หันมาทำลายพวกสหพันธมิตรและพวกไม่ศรัทธากันเอง โดยที่เราจะนำเหล่าผู้เหลือรอดมาเข้ากับพวกเรากันเองนะครับ" เรโดคบอก

              เซนเพจกล่าว "ถึงแม้ว่าพวกเราจะทำให้ทั้งเกฟฟาร์ดและเมลกวินตีกันเองไปแล้ว แต่....มันจะดีกว่ามาก หากทำให้เกฟฟาร์ดและพวกสวามิภักดิ์ต่อเดลอาเนี่ยนกัน ด้วยการเรียกพวกเดลอาเนี่ยนให้บุกมาถล่มแกตไทซ์ขาวส่วนมาก บีบให้เกฟฟาร์ดกับพวกที่เหลือต้องยอมจำนน ซึ่งนั้นจะทำให้เมลกวินที่เป็นศัตรูกับพวกเราและเดลอาเนี่ยนนั้น ต้องนำพาพวกแกตไทซ์ดำของเธอเข้าต่อกร ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่า คนของเธอส่วนหนึ่งอยู่ในคำสั่งของเรโดคกันมาก่อน จะลงมือจัดการกับเธอและเหล่าผู้ไม่ศรัทธาลงเองนะครับ"

              "ข้าเห็นว่าแผนนี้มันยังล่าช้าเกินไปกันน่ะ เพราะถึงแม้เจ้าจะให้ทั้งสองเผ่าลงไปสู้กับพวกแมนิเกเตอร์ที่แคสเซรอน-4 แล้วก็ตาม นอกจากเหล่าผู้ไม่ศรัทธาทั้งสองกลุ่มจะเสียไม่มากแล้ว พวกเรายังเสียเหล่าสเลฟเฟียนที่พวกเจ้าทั้งสองชักชวนมาไปเป็นจำนวนมากเพิ่มขึ้นจากเดิมเสียด้วยซ้ำน่ะ" ซาเครลบอก

              เดโรคบอก "วางใจได้เลยครับ ท่านแม่ใหญ่ซาเครล เพราะ....สาวกเซนเพจมีข่าวสำคัญจะมาบอกนะครับ"

              "ว่ามาสิ สาวกเซนเพจ หวังว่าเจ้าคงจะมีเรื่องดีๆกันบ้างน่ะ" ซาเครลกล่าว

              เซนเพจบอก "เกฟฟาร์ดคิดที่จะนำพวกส่วนหนึ่งบุกยึดสภาสูงของพวกสหพันธมิตรเพื่อใช้ตัวผู้นำ บีบบังคับให้เนคเกอร์ มาสซั่ม หัวหน้าของพวกไทรเวเซอร์ ยอมจำนนต่อเกฟฟาร์ดและถูกพาตัวไปรับการประหารในโทษที่มันเป็นต้นเหตุที่ชักนำให้แกตโตเดี่ยน และแรซัลก้าล่มสลายลงไปกันนะครับ"

              "อืมมมมม บุตรคนโตของเนคคูคัสและแรนเบร่านั้น คือปัญหาตัวเอ้ที่ข้าอยากจะกำจัดให้สิ้นซากกันอยู่แล้ว แต่....ติดตรงที่เมลกวินต้องเข้ามาขัดขวางกันแน่ๆละสิ" ซาเครลกล่าว

              เรโดคบอก "วางใจได้นะครับ เพราะว่าข้า ได้เรียกกองยานลาดตระเวนของพวกเดลอาเนี่ยนให้มาสอดส่องใกล้กับเขตดาวที่แกตไทซ์ดำผู้ไร้ศรัทธาอาศัยอยู่ เพื่อดึงเมลกวินและพวกนักรบเหล่านั้นออกไปกันได้นะครับ"

              "ดี เพราะในเวลานี้ ข้ารู้ว่ากุญแจดอกสำคัญที่จะทำให้ท่านเทพมอสเดไวน์นี้ตื่นขึ้นมานั้น ได้ออกจากดาวกันมานานแล้ว ดังนั้น เมื่อข้าได้กุญแจนี้มา และการประหารบุตรของเนคคูคัสและแรนเบร่าจบลง พวกเจ้าต้องเรียกพวกเดลอาเนี่ยนมาถล่มพวกไร้ศรัทธาทั้งพวกเกฟฟาร์ดและเมลกวินส่วนมากลง เพื่อให้ส่วนที่เหลือรอดยอมจำนนต่อพวกเดลอาเนี่ยนขึ้นมา จนทำให้สหพันธมิตรจำต้องสู้กับพวกไร้ศรัทธาที่ยอมจำนนต่อเดลอาเนี่ยนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กันแล้ว" ซาเครลบอก "พอไม่มีอุปสรรค์ขวางกั้นขึ้นมา พวกเราจะผงาดขึ้นพร้อมกับประกาศตนเป็นผู้ทรงอำนาจ แทนที่สหพันธมิตรและสมาพันธ์อวกาศที่ถูกเดลอาเนี่ยนครอบครอง เพื่อนำกองรบไปยึดแรซัลก้ามาเป็นของพวกเรา และขึ้นปกครองเหล่าชนเผ่าที่ถูกผนึกปิดตายนี้ แทนที่บิดรเทพงี่เง่าและมารดรเทพหน้าโง่นี้ไปซะ"

              เซนเพจถาม "แล้ว ท่านไม่กลัวว่าพวกทรอยอาร์ที่อยู่ใกล้นั้นจะ...."

              "ทรอยอาร์ที่อยู่ภายใต้กำมือของท่านมหาสังฆราชเทพไม่มีทางทำอะไรพวกเราได้หรอกน่ะ" ซาเครลบอก "เซนเพจ เกฟฟาร์ดจะลงมือกันเมื่อไหร่ละ"

               เซนเพจตอบ "ภายในวันที่ 11 เห็นจะได้นะครับ เพราะพวกไทรเวเซอร์วุ่นอยู่กับการต่อกรกับพวกศัตรูภายในกันอยู่ เกฟฟาร์ดและเมลกวินได้ส่งเหล่านักรบลงไปสั่งสอนเนคเกอร์และพวกไทรเวเซอร์ไว้ เพียงแต่พวกนั้นไม่รู้เลยว่ามีพวกเราลงไปด้วยน่ะ"

              "นั้นก็ดีแล้ว เพราะช่วงเวลาก่อนหน้านั้นเหล่านักรบแสงทองและอัศวินเทวดาศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงกันแล้วน่ะ" ซาเครลกล่าว "เหล่าบริวารแห่งมอสเดไวน์ จงรอคอยเวลาแห่งการตื่นขึ้นของท่านมอสเดไวน์กันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่พวกเราจะเป็นผู้ปกครองแรซัลก้าอย่างถูกต้อง แทนที่บิดรเทพและมารดรเทพ ผู้เป็นเทพจอมปลอมและไม่ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงกันแน่นอน"

              เหล่าสาวกกล่าว "บัญชาของแม่ใหญ่ซาเครลช่างศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เทพีมอสเดไวน์คือเทพที่แท้จริง ที่พวกเราสมควรจะรับใช้กันไว้" 


    TriVeser Manigator Saga:The Del-Arnian War
    ตอนที่ 42 บทเรียนแห่งเทพธิดาของลิเนียร์ตี้ กับการค้นหาความจริงอันคาดไม่ถึงของพวกไทรเวเซอร์


              ย้อนกลับไปในช่วงหลังจากที่เนคมาดูซัมไปกับพวกเกฟฟาร์ด และพวกบรอนเซอรูทบาดเจ็บสาหัสจากการปะมือกับพวกแพนเนสและเทเนดีนนั้น ช่วงกลางคืน 4 ทุ่ม เวเซอร์เฮาส์ เฟิร์สฮิลล์

              "...................." พีวิล มาสวาร์ทาร์ สเตฟอร์ดและโฟรซ่านั่งอยู่บนโซฟา ต่างฝ่ายต่างนิ่งไม่พูดอะไรเลยมา 5 นาทีแล้ว "พีท มาส คิดว่ามันควรถึงเวลาแล้วละน่ะ" สเตฟอร์ดพูดขึ้นก่อน พีวิลพยักหน้า

              มาสวาร์ทาร์บอก "ใช่ เพราะตอนนี้เนคมาดูซัมก็ไม่อยู่แล้ว พวกเราที่เหลือ สมควรจะได้รับทราบเรื่องนี้ไว้น่ะ"

              "พวกลูกพี่จะพูดอะไรกับพวกเรากันมิทราบละ" เจเนลกล่าว โดยที่เขาเดินออกมาจากห้องใกล้ๆ พร้อมกับจายด์และจิล ตามด้วยสเปียริทและไซโคลเนียที่เดินลงมาจากชั้นบน แอนเดรียเดินออกจากห้องพักใกล้กับทางเดินด้านนอก ตามด้วยพลัสเชอริทและแอบไบออสที่เดินขึ้นจากห้องใต้ดิน

              "นั้นสิ พวกนายมีเรื่องอะไรปิดบังพวกเราตามที่ฟิเกซว่าไว้กันละสิน่ะ" คลอเวฟกล่าวโดยที่เดินมาพร้อมกับฟิเกซ ซึ่งมาพร้อมกับเบติสและวิลด้าด้วย

              "ฟิเกซ นี้นาย...." โฟรซ่าบอก

              ฟิเกซบอก ".....ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่ต้องบอกกับพวกคลอเวฟ รวมถึงลุงเบติสและป้าวิลด้าไว้ ถึงเรื่องที่พวกนายและเนคมาดูซัมรู้มา แต่มิได้บอกกับพวกเรากันแต่แรกเลยนะสิ"

              "ว่าแต่ นายกับพวกรู้เรื่องอะไรกันแน่ละ ถึงไม่ได้บอกกับพวกเราเลยน่ะ พีวิล" สเปียริทกล่าว

              แอนเดรียกล่าว "คุณมาสวาร์ทาร์ คุณโฟรซ่า คุณพีวิล คุณสเตฟอร์ดคะ บอกพวกเรามาเถอะคะ ว่าพวกคุณรู้เรื่องอะไรกันบ้างน่ะ"

              "ในเมื่อทุกๆคนมาพร้อมหน้ากันแบบนี้ เราคงไม่ต้องเสียเวลาออกไปบอกกับทุกๆคนให้มาคุยเรื่องนี้กันตอนเช้าแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก แล้วทั้งหมดก็นั่งลงบนโซฟา

              ไซโคลเนียถาม "ว่าแต่ พวกนายรู้เรื่องอะไรกันน่ะ เพราะฟิเกซบอกกับเรา ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับเนคมาดูซัมแต่มิได้มาบอกกับพวกเราเลยน่ะ"

              "แล้วสิบเอกกับพวก รู้เรื่องกันตั้งแต่ตอนไหนละ" แอบไบออสบอก

              พีวิลกล่าว "คือว่า ผม มาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัม รุ่นพี่สตีฟและโฟรน่า รู้เรื่องบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพวกมอสวอร์ท หลังจากยุทธการคูลดาลนัสจบลงกันแล้ว ซึ่งพวกเราทั้งห้านั้นไปหาพวกผู้การโคเซวิค เพื่อมารับฟังเรื่องความลับสุดยอดของชาวออร์เลี่ยนที่หลงเหลือไว้ เรื่องของเดลวูลและเดลวาท เรื่องความเคลื่อนไหวของพวกยูเนี่ยนพีชกับการมาของไซเมี่ยน และเรื่องมอสวอร์ทนั้นคือหนึ่งในเรื่องที่เขาบอกมากันน่ะ"

              "จะว่าไปมันก็ใช่น่ะ พวกยูเนี่ยนพีชนั้นเคยก่อกบฎต่อต้านพวกเดลอาเนี่ยนกันนี้แหละ" ไซโคลเนียบอก

              โฟรซ่าบอก "ใช่ และบังเอิญว่าทหารของอาชไพล์ม หัวหน้าเก่าของพวกยูเนี่ยนพีชนั้น บังเอิญได้เห็นตัวแทนของมอสวอร์ทโผล่มาคุยกับราชทายาทเดลวูลกัน ซึ่งโคเซวิคเอ่ยชื่อของตัวแทนนั้นมา เนคมาดูซัมก็มีท่าทีไม่ค่อยเชื่ออย่างมากเลยละ"

              "พอจะบอกได้มั้ย ว่าชื่อของไอ้ตัวแทนที่ว่านิ มันเป็นใครกันละ" สเปียริทกล่าว


              พีวิลเลยเล่าพร้อมกับหวนนึกย้อนไปในช่วงที่สเตฟอร์ดพาพวกเนคมาดูซัมมาคุยกันข้างนอกแล้ว "เนคมาดูซัม นายทำท่าหงุดหงิดเมื่อได้ยินชื่อของเซนเพจกันนิ แปลว่านายคงจะรู้จักกับแกตไทซ์ตนนั้นมาก่อนเลยสิน่ะ" พีวิลถาม

              "มันไม่ใช่กงการอะไรของนายและพวกสักหน่อยน่ะ" เนคมาดูซัมอ้าง

              สเตฟอร์ดบอก "เนคมาดูซัม นายลืมคติของพวกเราแล้วหรือ ว่าปัญหาของนายก็คือปัญหาของพวกเรากันด้วย ถ้านายไม่ยอมบอกกับพวกเรามา พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรนายได้แล้วน่ะ"

              "นั้นสิ ต่อให้นายไม่อยากให้เราช่วย แต่พวกเราเองก็มีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้กันบ้างน่า" โฟรซ่าบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ที่นายแสดงท่าทีเมื่อได้ยินชื่อเซนเพจนิ เพราะว่าเขาคงเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับนายอย่างงั้นสิน่ะ"

              "ที่ฉันหงุดหงิดที่โคเซวิคเอ่ยชื่อเซนเพจนั้น เพราะว่าฉันไม่เชื่อ ว่าเพื่อนของฉัน ซึ่งเป็นลูกน้องของเกฟฟาร์ดจะเป็นพวกมอสวอร์ทไปได้กันนะสิ" เนคมาดูซัมบอก

              พีวิลบอก "เพื่อนของนายนะหรือ เนคมาดูซัม.....นายช่วยบอกพวกเราได้มั้ยละ...."

              ".....พวกนายคงจะไม่รู้สิน่ะ ว่าแกตไทซ์ที่เป็นสาวกระดับต้นๆของมอสวอร์ทนั้น มักจะใช้นามแฝงปิดบังตัวตนกันไว้ ซึ่ง....แม่ใหญ่หรือพ่อใหญ่ ผู้นำของมอสวอร์ทนั้นจะเป็นผู้ตั้งชื่อใหม่ให้กับสาวกที่ผู้นำนั้นเห็นว่ามีประโยชน์ ทั้งด้านความสามารถและมีคุณลักษณะที่เกื้อหนุนต่อกลุ่มมอสวอร์ทเอาไว้" เนคมาดูซัมกล่าว "แต่สาวกบางรายนั้นมักจะไม่ชอบชื่อที่พ่อใหญ่หรือแม่ใหญ่ให้ไว้ พวกเขาเลือกใช้การสลับตัวอักษรของชื่อของตนเองมาเป็นนามแฝง ซึ่งสาวกในช่วงรุ่นของฉันและรุ่นหลังจากนั้นมักจะชอบใช้กันมากนี้แหละ"

              โฟรซ่าบอก "งั้น....ชื่อเซนเพจที่โคเซวิคพูดถึงกันนั้น ก็คงมาจาก เพนเซจ กันอย่างงั้นสิน่ะ"

              "เนคมาดูซัม นายบอกว่า เพนเซจนั้นเป็นเพื่อนสมัยเด็กของนาย และเป็นลูกน้องใกล้ชิดของเกฟฟาร์ดอย่างงั้นใช่มั้ยละ นายช่วยเล่าให้เราฟังได้มั้ย ว่าเขามีประวัติความเป็นมายังไงน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก

              เนคมาดูซัมพยักหน้า "เพนเซจนั้น เขาเป็นเพื่อนสนิทที่อาภัพมากๆ พ่อแม่ของเขาถูกลงโทษประหารเพราะดันไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกมอสวอร์ท ซึ่งวางแผนการลอบสังหารหมู่เหล่าหัวหน้าเผ่าเพื่อตั้งพวกพ้องที่เป็นพวกมอสวอร์ทขึ้นแทนที่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะพ่อและพวกนักรบเข้ามาขัดขวางไว้ ด้วยความช่วยเหลือของแกตไทซ์ดำที่รู้เรื่องแผนการดังกล่าว เพนเซจจึงอยู่ในความอุปการะของพ่อของเกฟฟาร์ด ซึ่งเกฟฟาร์ดก็ดูแลเขาเหมือนเป็นน้องชายแท้ๆ และเป็นเพื่อนที่แสนดีกับฉัน โดยเติบโตมาด้วยกัน" แล้วก็บอก "แน่นอน ว่าการที่เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกคนทรยศและฆาตกร ทั้งๆที่พ่อแม่ของเขาไม่ได้ร่วมด้วย แต่ทั้งเผ่าก็ได้ตัดสินเพนเซจไว้แล้ว ซึ่งนั้นทำให้เพนเซจรู้สึกเศร้าหม่องไม่น้อย ฉันกับเกฟฟาร์ดเลยต้องดูแลเพนเซจ เพื่อให้เขาร่าเริงและเข้มแข็งกัน แม้ว่า....เขาจะไม่ตั้งใจก่อเรื่องให้ฉันถูกเกฟฟาร์ดเกลียดชังกันเลยก็ตาม"

              "เรื่องที่ทำให้เกฟฟาร์ดเกลียดนายงั้นหรือ มันเรื่องอะไรกันละ" พีวิลถาม

              เนคมาดูซัมบอก "สมัยเด็กๆนั้น ฉันกับเกฟฟาร์ดแล้วก็เพื่อนแกตไทซ์ขาวรุ่นราวคราวเดียวกัน มักจะโดนผู้ใหญ่เสี้ยมสอนไม่ให้เขาไปยุ่งกับพวกแกตไทซ์ดำ โดยเฉพาะกับพวกที่อยู่ในเขตกักกัน ว่าเป็นพวกดุร้ายและป่าเถื่อนไว้ แม้ว่าเพื่อนพ้องต่างก็เชื่อในคำพูดของพวกผู้ใหญ่กันก็จริง มีแต่ฉันที่ยังสับสนว่าแกตไทซ์ดำเลวจริงหรือเปล่า กับเกฟฟาร์ดที่ไม่ค่อยสนใจกับคำพูดของผู้ใหญ่ จนเขาแอบไปเล่นกับเด็กหญิงแกตไทซ์ดำในเขตกักกัน ซึ่งภายหลัง เธอคือผู้นำของแกตไทซ์ดำในคราวนี้นะสิ"

              "นายหมายถึงเมลกวินละสิน่ะ งั้นนายก็รู้จักกับเมลกวินกันแต่แรกละสิ" โฟรซ่าบอก

              เนคมาดูซัมพยักหน้า "ใช่ ตอนที่ฉันเจอเมลกวินนั้น ก็คือตอนที่ฉันรู้ว่าเกฟฟาร์ดหายตัวไปจากเขตหมู่บ้าน ฉันเลยรีบไปตามเพราะกลัวว่าเกฟฟาร์ดอาจจะโดนแกตไทซ์ดำทำร้ายเอาก็ได้ แต่สิ่งที่ฉันได้เห็นนั้น ก็คือเกฟฟาร์ดเล่นกับเมลกวินเหมือนกับพวกแกตไทซ์เด็กๆกัน และรู้ว่า เกฟฟาร์ดได้เจอกับเมลกวินมา 3 เดือนแล้ว โดยทั้งสองต่างเจอหน้าแต่มีรั้วกั้นเอาไว้ จนกระทั่งเมลกวินแอบขุดหลุมเพื่อมุดออกมาหาเกฟฟาร์ดเอง" แล้วก็ยิ้มก่อนเล่าต่อ "พอรู้ว่าเกฟฟาร์ดไม่เจ็บตัวและมีเมลกวินเป็นเพื่อน ฉันเองก็รู้สึกดีใจมาก แต่ก็เผลอตัวโผล่หน้าออกมา จนทำให้เกฟฟาร์ดรู้เข้า นั้นแหละคือตอนที่ฉันได้รู้จักกับเมลกวินกัน แม้ฉันนั้นยังเด็กมากและไม่รู้ว่าเมลกวินเป็นแกตไทซ์ดำที่น่ารังเกียจเลยก็ตาม แต่ฉันก็ได้เป็นเพื่อนกับแกตไทซ์ดำตนแรกไว้ หลังจากวันนั้นมา ฉันจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะไม่อยากให้พ่อและแม่ของฉัน กับของเกฟฟาร์ดรู้เรื่องนี้เข้าน่ะ"

              "และนั้นก็ทำให้นายรู้ว่าแกตไทซ์ดำก็ไม่ได้เลวร้ายกันแต่แรกละสิ" พีวิลบอก เนคมาดูซัมพยักหน้า

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "แต่ความลับนั้นก็ต้องถูกเปิดเผยกันขึ้นมา จนเกฟฟาร์ดเกลียดนายที่นายเปิดเผยเรื่องนี้ขึ้นมากันสิน่ะ"

              "ใช่ หลังจากที่ฉันกับเกฟฟาร์ดแอบกลับเข้ามาที่หมู่บ้านนั้น พ่อและแม่ของฉันและของเกฟฟาร์ด รวมถึงหัวหน้าเผ่าหมู่บ้านเองมาดักเจอเข้าเสียก่อน ซึ่งต้นเหตุนั้น....มาจากเพนเซจมาเห็นแล้วไปฟ้องพวกแกตไทซ์ผู้ใหญ่เอาไว้ จนพวกเขารู้เรื่องและมาจับกุมตัวฉันขึ้นมา ซึ่งพวกเขาตั้งใจจะขับไล่ฉันและเกฟฟาร์ดออกจากหมู่บ้าน เพราะคิดว่าฉันกับเกฟฟาร์ดอาจจะโดนพวกแกตไทซ์ดำหลอกใช้กันก็เป็นได้ แน่นอน ว่าฉันไม่อยากให้เกฟฟาร์ดโดนลงโทษ เลยสารภาพออกไป ว่าฉันเป็นคนรู้เรื่องแต่ไม่บอกกับพวกผู้ใหญ่เอง นอกจากฉันจะต้องโดนพ่อแม่ของฉันและของเกฟฟาร์ดลงโทษแล้ว เกฟฟาร์ดที่เห็นฉันยอมโพล่งออกไป ก็โกรธฉันมากที่ไม่รักษาสัญญาแล้ว เขาได้ยินมาจากเพนเซจว่าฉันตั้งใจจะเปิดโปงเรื่องนี้เพื่อให้เกฟฟาร์ดโดนลงโทษหนักกว่าเดิม จนทำให้เขาเกลียดฉันมากกว่าเดิม" เนคมาดูซัมบอก "แม้ว่าฉันอยากจะสั่งสอนเพนเซจกันก็ตาม แต่...เกฟฟาร์ดอ้างว่าถ้าฉันทำอะไรเพนเซจ เขาจะไม่ให้อภัยฉันด้วยเช่นกัน ซึ่งฉันจำต้องทำเช่นนี้ และหวังว่าเพนเซจคงจะสำนึกผิดได้บ้างน่ะ"

              โฟรซ่าบอก "นายมีเจตนาที่จะช่วยเกฟฟาร์ดโดยให้ตัวเองรับผิดแทน แต่....เพนเซจโป้ปดยุยงให้เกฟฟาร์ดมองนายให้เป็นอื่นเลยสิน่ะ"

              "แล้วเพนเซจเคยเข้าร่วมการทดสอบหรือการฝึกฝนการต่อสู้พร้อมกับนายและเกฟฟาร์ดกันบ้างหรือเปล่าละ" พีวิลบอก

              เนคมาดูซัมบอก "เคย....เพียงแต่เพนเซจนั้นอ่อนแอและฝึกช้ากว่ารายอื่นกันไม่ว่า เขาตกเป็นเหยื่อของการกลั้นแกล้งและทำร้ายของพวกแกตไทซ์ขาวที่นิสัยไม่ดี จนเกฟฟาร์ดต้องออกหน้ามาปกป้องกันหลายครั้ง ไม่ว่าเพนเซจจะเป็นฝ่ายหาเรื่องกับพวกเขาก่อนหรือไม่ก็ตาม ฉันก็ทำอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากฉันเกรงใจเกฟฟาร์ดอยู่ ซึ่งฉันได้แต่หวังว่าเกฟฟาร์ดคงจะช่วยสั่งสอนเอาไว้ และคิดว่าเพนเซจคงจะสำนึกได้บ้าง" แล้วก็เล่าต่อ "ถึงแม้ว่าจะไม่มีการกลั้นแกล้งใดๆจากพวกแกตไทซ์นิสัยเสียเหล่านั้น ในช่วงการทดสอบในช่วงที่เกฟฟาร์ดอายุถึง น่าเสียดาย ที่เพนเซจไม่ผ่านการทดสอบมา 3 รอบ จนไม่สามารถออกนอกดวงดาวไปได้ เกฟฟาร์ดเลยให้เพนเซจมาเป็นผู้ช่วยงานของเขา หลังจากที่เกฟฟาร์ดไปผจญภัยทั่วดาวกัน และรับตำแหน่งหัวหน้าเผ่ากันแล้วน่ะ"

              "และนายคงคิดว่า เพนเซจที่เป็นแกตไทซ์อ่อนแอ หัวอ่อนและต้องพึ่งพาเกฟฟาร์ดมาตลอด บวกกับว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับพวกมอสวอร์ทอย่างตั้งใจนั้น ไม่น่าที่จะเป็นสาวกของพวกมอสวอร์ทกันจริงๆได้เลยสิน่ะ" พีวิลกล่าว

              เนคมาดูซัมพยักหน้า "และต่อให้เพนเซจมีนิสัยเสียขนาดไหน ก็ไม่น่าสิ้นคิดถึงขั้นที่ต้องไปเป็นพวกมอสวอร์ทกันได้เลยน่ะ เพราะถ้าทำแบบนั้น มันจะยิ่งตอกย้ำให้เรื่องที่พ่อแม่เป็นมอสวอร์ทยิ่งเป็นจริงมากกว่าเดิมด้วยนะสิ"

               ".....เพราะนายคิดว่าเพนเซจที่เป็นลูกน้องที่เกฟฟาร์ดดูแลและปกป้องกันนั้น ไม่เลวร้ายมากพอที่จะเข้าเป็นสาวกที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อแม่ของเพนเซจต้องตายพร้อมมลทินเลยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก "แล้วนายไม่ลองคิดในแง่กลับกันเลยละ ว่าพ่อแม่ของเพนเซจนั้น เป็นสาวกของพวกมอสวอร์ทที่ร่วมมือในการลอบสังหารเหล่าหัวหน้าเผ่ากันจริงๆ และได้ถูกสังหารทิ้ง แต่ท่านเนคคูคัสกลับพูดกับนายเป็นอีกเรื่องตามที่นายเชื่อไว้น่ะ"

              เนคมาดูซัมชะงักขึ้นแต่ยังเชื่อไม่สนิท "แต่เพนเซจ อาจจะถูกพวกมอสวอร์ทบีบบังคับก็เป็นได้น่ะ"

              "เกรงว่า เพื่อนสมัยเด็กที่อ่อนแอมากที่สุดของนายนั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิดกันแล้วละสิ" สเตฟอร์ดบอก "ในช่วงที่ฉัน โฟรซ่า ไซโคลเนียและฟิเกซนั้นปลอมตัวเป็นนักล่าเงินรางวัลให้กับกิลด์บาวโฟวนั้น กลุ่มนักล่าเงินรางวัลดีโบคได้ตั้งค่าหัวกลุ่มอาชญากรปริศนา ที่อยู่เบื้องหลังการถล่มเขตหมู่บ้านที่มีญาติพี่น้องของเขาอาศัยอยู่เอาไว้ที่บอร์ด เพื่อเริ่มการไล่ล่ากลุ่มตัวการร้ายนี้อย่างเป็นทางการ ซึ่งพวกเราเองก็สนใจไม่น้อย ถึงเป้าหมายที่กลุ่มนักล่าเงินรางวัลต้องการกันน่ะ"

              พีวิลบอก "รุ่นพี่คงไม่ได้หมายความว่า กลุ่มอาชญากรที่ว่ามานั้น...."

              "เป็นพวกแกตไทซ์ ตามรูปพรรณสันฐานที่นักล่าเงินรางวัลกลุ่มดีโบคตั้งไว้ เป็นพวกหุ่นเกราะสีขาวกับดำ ตัวสูงใหญ่ แขนทรงกระบอกกลม หัวไหล่กลมสองข้าง ขาสวมเกราะหนาและสวมหมวกทรงกระบอกมีหน้ากาก แน่นอน ว่าพวกเราตั้งใจจะออกตามล่ากลุ่มแกตไทซ์ปริศนาเหล่านี้กันในวันพรุ่งนี้ เลยต้องเตรียมตัวกันให้พร้อมไว้ เพราะอีกฝ่ายน่าจะแข็งแกร่งเทียบเท่าและเหนือกว่าเนคมาดูซัมแน่นอน" โฟรซ่าบอก "แต่ในวันต่อมา ป้ายค่าหัวของพวกแกตไทซ์เหล่านั้นถูกทหารเดลอาเนี่ยนฉีกออก อูดูกินแจ้งกับพวกเราทั้งหลาย ว่าไม่ต้องไปยุ่งกับกลุ่มอาชญากรเหล่านั้นแล้ว ซึ่งแน่นอน ว่าพวกดีโบคเองไม่พอใจอย่างมาก และออกไปโดยไม่ฟังเสียงอูดูกินเตือนเอาไว้ พวกเราเองก็เลยอาสาออกไปตาม เพราะรู้ว่าพวกนี้ต้องไปหาเรื่องกับพวกแกตไทซ์นั้นแน่ๆ ซึ่ง....เราก็ได้เห็นวาระสุดท้ายของพวกเขา เช่นเดียวกับเห็นโฉมหน้าของพวกแกตไทซ์เหล่านั้นด้วย"

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "แล้วนายเห็นโฉมหน้าของแกตไทซ์เหล่านั้นมานิ นายพอบอกได้มั้ยว่ารูปร่างหน้าตาของพวกนั้นเป็นยังไงละ"

              "เฮ้ออออ เนคมาดูซัม ฉันต้องขอโทษด้วย ที่ฉันไม่ได้บอกกับนายกันไว้ ในช่วงที่....พวกมอสวอร์ทโผล่มาอาละวาดที่แคสเซรอน-4 ครั้งแรกเลยนะสิ" สเตฟอร์ดบอก "แต่....ถ้าฟังจากที่โคเซวิคว่ามาเมื่อกี้ บวกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกดีโบคและเรื่องที่ประกาศจับถูกคนของเดลอาเนี่ยนมาฉีกออกนั้น ฉันถึงได้รู้ว่า เซนเพจและพวกมอสวอร์ท คือตัวการที่ฆ่าล้างบางเพื่อนพ้องญาติพี่น้องของพวกดีโบค ซึ่งพวกมอสวอร์ทได้รับการอนุเคราะห์จากองค์ราชทายาทเดลวูล และช่วยเหลือในแผนการรุกรานระบบดาวของพวกเราไว้น่ะ"

              พีวิลบอก "แล้วรุ่นพี่กับพวก รายงานเรื่องนี้ต่อผบ.บัลโต้กันแล้วหรือยังละครับ"

              "เรารายงานเรื่องนี้กันไว้แล้วละ แน่นอน ว่าผบ.บัลโต้เองก็แจ้งกับจอมพลแฮซกริฟกัน ซึ่งท่านจอมพลเองไม่เชื่อแน่นอน ว่าพวกแกตไทซ์ที่เราเห็นจะสวามิภักดิ์กับพวกเดลอาเนี่ยนกันได้ง่ายๆ แม้จะรู้ว่า พวกเขาอยู่ในเขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยนกันแล้วก็ตาม" โฟรซ่าบอก "แต่หลังจากที่ทางเรารายงานเรื่องที่พวกมอสวอร์ทรุกรานแคสเซรอน-4 ครั้งแรกกันนั้น จอมพลแฮซกริฟจึงรู้ว่า แกตไทซ์ทั้งขาวและดำส่วนมาก ไม่ได้ยอมจำนนต่อพวกเดลอาเนี่ยน แต่เป็นพวกมอสวอร์ทกันต่างหากน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เพนเซจ ก็คงหลอกใช้เกฟฟาร์ด และอาจจะชักชวนพวกแกตไทซ์วัยรุ่นส่วนมากให้กลายเป็นสเลฟเฟียนไปโดยไม่รู้ตัวกันแน่ๆเลยละ"

              "ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เกฟฟาร์ดก็คงก้มหัวให้กับพวกเดลอาเนี่ยนกันไปนานแล้ว และฉันรู้ ว่าเกฟฟาร์ดคงไม่ยอมจำนนให้กับพวกเดลอาเนี่ยนได้แน่ๆ แม้จะรู้สึกเจ็บใจไม่น้อย ที่รู้ว่าเพนเซจกล้าทำแบบนี้ไปได้น่ะ" เนคมาดูซัมกำหมัดขึ้นมา "เพียงแต่....ฉันคงทำอะไรเพนเซจไม่ได้แน่ๆ ตราบใดที่เกฟฟาร์ดยังเข้าใจในตัวฉันผิดๆกันอยู่ ซึ่งฉันเดาได้ว่า เพนเซจคงจะใส่ไฟเกฟฟาร์ดให้เกลียดชังฉันอย่างแน่นอนเลยละ"

              พีวิลบอก "ถ้าเพนเซจเป็นพวกมอสวอร์ทที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มแกตไทซ์ขาวนิ คิดว่าแกตไทซ์ดำภายใต้การคุมของเมลกวินก็โดนด้วยหรือเปล่าละครับ"

              "ด้วยสิ เพราะในกลุ่มไม่ได้มีแกตไทซ์เกราะขาวกันกลุ่มเดียว แต่มีกลุ่มใส่เกราะสีดำกันด้วย ซึ่งตรงกับพวกที่โผล่มาในช่วงที่ริดโอก่อความเดือดร้อนที่ดิวออรีนกันไว้ เพียงแต่มีตราแบบนี้กันด้วย" สเตฟอร์ดบอก และนำภาพตราเทพีที่มีปีกกากบาทติดบนหน้าอกซ้ายของแกตไทซ์ดำจากในมือถือมา "และโชคดีมาก ที่พวกดีโบคซึ่งใกล้ตายนั้น ช่วยให้เรารู้ชื่อแกตไทซ์ดำที่ว่ามาด้วยน่ะ"

              เนคมาดูซัมถาม "แล้วแกตไทซ์ดำที่มากับเพนเซจนิ มันชื่ออะไรกันละ"

              "หัวหน้ากลุ่มดีโบคได้ยินแกตไทซ์ขาวตนหนึ่งเรียกแกตไทซ์ดำที่ใช้ดาบใหญ่แทงใส่เพื่อนร่วมกลุ่มตายคาที่ ว่า เรโดค กันนะสิ" โฟรซ่ากล่าวและหันมาถาม "ชื่อนี้พอจะคุ้นหูนายบ้างมั้ยละ"

              เนคมาดูซัมบอก "คุ้นสิ เพราะนั้นคือเดโรค หัวหน้าแกตไทซ์ดำผู้ที่ก้าวร้าวมากที่สุดและหยาบคายมากที่สุด ผู้ก่อความเสียหายให้กับเขตชุมชนแกตไทซ์ขาวจนพังพินาศไป 6 หมู่บ้าน เป็นศัตรูกับแกตไทซ์ขาวและพวกแกตไทซ์ดำด้วยกันเอง จนถูกหัวหน้าเผ่าคาดโทษตายเอาไว้ที่ประกาศจับ และได้หายสาปสูญไปหลังจากที่จนมุมที่หน้าผาไดรดัสโต้ ปิดฉากแกตไทซ์ดำผู้เลวระยำมากที่สุดลงไปเลยนะสิ"

              "และนายคงไม่คิดสิน่ะ ว่าเขาจะรอดและกลายเป็นสาวกของพวกมอสวอร์ทกันไปด้วยน่ะ" พีวิลบอก

              เนคมาดูซัมพยักหน้า "แม้ฉันไม่รู้ว่าเดโรคจะทำแบบเดียวกันกับเซนเพจกันก็จริง แต่ฉันอดกังวลแทนเมลกวินกันไปแล้วนะสิ"

              "ในเมื่อตอนนี้ ทั้งนายและพวกเราต่างรู้ว่า ทั้งเกฟฟาร์ดและเมลกวินต่างมีลูกน้องที่เป็นคนของมอสวอร์ท ซึ่งฝั่งเกฟฟาร์ดนั้นคือเพนเซจ และเมลกวินก็คือเดโรคกันแล้ว นายจะทำยังไงกันต่อดีละ" มาสวาร์ทาร์บอก

              เนคมาดูซัมบอก "แม้ฉันจะรู้เรื่องนี้ก็จริง แต่ฉันก็ไม่สามารถเปิดเผยมันออกมาได้ โดยเฉพาะกับเกฟฟาร์ดที่เชื่อเพนเซจอย่างมากนั้น เกฟฟาร์ดคงเห็นว่าฉันพยายามใส่ร้ายผู้ที่เป็นน้องชายแท้ๆของเขากัน จนยิ่งไม่มีทางเชื่อไปได้แน่นอน"

              "ถ้าคำพูดของนายมันไม่สามารถทำให้เกฟฟาร์ดเชื่อได้ ทำไมนายไม่ใช้กำปั้นหรือดาบเป็นตัวสื่อสารกันเสียเลยละ" พีวิลบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "ด้วยการสู้กับเกฟฟาร์ดกันนะหรือ....แต่เกฟฟาร์ดจะเชื่อได้จริงเลยหรือ ในเมื่อเขาเชื่อว่าฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขากับพวกแกตไทซ์สูญเสียดาวบ้านเกิดกันไปแล้วน่ะ"

              "แม้นายยังไม่อยากจะเปิดเผยกันในเวลานี้ เพราะนายไม่แน่ใจว่าเกฟฟาร์ดจะเชื่อนายได้หรือเปล่า แต่....ถ้านายไม่ทำตอนนี้ แล้วจะให้ทำกันตอนไหนได้ละ" สเตฟอร์ดบอก "พีวิลพูดถูกแล้ว ถ้านายไม่สามารถพูดออกมาได้ นายก็สู้กับเกฟฟาร์ดในฐานะลูกผู้ชายให้เขารู้ความตั้งใจของนายและความจริงใจของนายกันไปข้างหนึ่งเลยสิ"

              โฟรซ่าบอก "นั้นก็ดีกว่านายยอมก้มหัวไม่สู้กับเกฟฟาร์ดและเลือกยอมจำนนกันไปได้น่ะ"

              "อืมมมมมมมม นั้นเป็นไอเดียที่ดีมากเลยน่ะ โฟรซ่า" เนคมาดูซัมบอก

              พีวิลกล่าวอย่างตกใจขึ้นมาที่ได้ยินไปแล้ว "เนคมาดูซัม นายคงไม่คิดที่จะยอมแพ้กันโดยที่ไม่ได้สู้กับเกฟฟาร์ดหรือเมลกวินกันอย่างงั้นนะหรือ"

              "ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกน่ะ พีวิล พวกนายและฉันเอง ต่างก็ไม่รู้ว่า เกฟฟาร์ดกับแกตไทซ์ขาว และเมลกวินกับแกตไทซ์ดำ พำนักพักพิงอยู่ที่ดาวดวงไหนในเขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยนกันใช่มั้ยละ" เนคมาดูซัมบอก

              สเตฟอร์ดกล่าว "จะว่าไปก็ใช่น่ะ เพราะการที่พวกเราเข้ามาในเขตอวกาศของเดลอาเนี่ยนนั้น ล้วนมาเพื่อติดตามและช่วยเหลือพวกพ้องที่ถูกจับไปให้กลับมา จนมิได้รู้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของระบบดาวในเขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยนกันได้ทั้งหมดเลยน่ะ"

              "และถึงแม้ว่าเราจะมีแผนที่อวกาศของพวกเดลอาเนี่ยนที่มีการอัพเดทกันไว้ แต่พวกเดลอาเนี่ยนคงไม่ยอมให้เรารู้ว่าพวกแกตไทซ์ทั้งขาวและดำกบดานอยู่ที่ไหนเลย เพราะเดลวูลสั่งการมาเช่นนั้นเลยน่ะ" โฟรซ่าบอก "และกว่าเราจะรู้ที่ตั้งของระบบดาว พวกแกตไทซ์ขาวและดำเกือบทั้งหมดคงก้มหัวยอมจำนนให้กับพวกเดลอาเนี่ยนกันไปเลยสิ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "และนายคงไม่คิดจะใช้การยอมจำนนนี้ก่อน หากนายไม่สู้กับเกฟฟาร์ดกับเมลกวินอย่างงั้นสิ"

              "ใช่ ก่อนที่ฉันจะยอมจำนนให้กับเกฟฟาร์ดนั้น ฉันต้องปะมือกับเกฟฟาร์ดและเมลกวินกันเสียก่อน ต่อให้ทั้งคู่นำพวกแกตไทซ์ของพวกเขารุกรานแคสเซเดี่ยนหรือแคสเซรอนกันก็ตามน่ะ" เนคมาดูซัมบอก "และเพื่อให้แน่ใจว่า พวกนายสามารถติดตามเกฟฟาร์ดหลังจากที่ได้ตัวฉันไปแล้ว ฉันแนะนำว่าพวกนายควรจะดึงความสนใจของพวกเดลอาเนี่ยนให้ออกห่างจากระบบดาวที่ว่ามากันเสียก่อนน่ะ"

              สเตฟอร์ดบอก "พูดง่ายๆก็คือ เราต้องพึ่งไซเมี่ยนและเฮโลลิคเตอร์กันละสิน่ะ แล้วเราจะบอกยูเนี่ยนพีชกันเลยมั้ยละ"

              "เรื่องของแกตไทซ์นั้นเป็นปัญหาของกลุ่มสหพันธมิตรของพวกเรากันน่ะ อีกอย่าง เดลอาเนี่ยนต้องการยึดระบบดาวของเราก็เพื่อรุกรานเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ฯ และไล่เชือดพวกโคเซวิคที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นไว้ ซึ่งพวกเขาคงไม่ชอบแน่ๆที่ต้องกลับไปโดนพวกเดลอาเนี่ยนดักซุ่มจู่โจมกันได้อีกน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "นั้นสิน่ะ เพราะนอกจากพวกเราแล้ว ยูเนี่ยนพีชก็เป็นศัตรูตัวเอ้ของพวกเดลอาเนี่ยนกันเสียด้วยน่ะ"

              "เนคมาดูซัม ก่อนที่นายจะทำเช่นนี้....ฉันขอแนะนำอะไรกับนายสักหน่อยน่ะ" โฟรซ่าบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "เธอจะให้ฉัน เปิดเผยเรื่องที่เราได้ยินมานิ ให้ลิเนียร์ตี้รับรู้ใช่มั้ยละ" แล้วก็บอก "วางใจได้อยู่แล้ว เพราะฉันแน่ใจว่าหากฉันไม่อยู่ และลิเนียร์ตี้เองอาจจะไม่อยู่ในสภาพที่จะรับฟังอะไรได้นั้น ฉันต้องรีบลงมือกันเสียก่อน ที่ทุกอย่างจะสายเกินไปน่ะ"

              "แล้วเราจะบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้เลยมั้ยละครับ รุ่นพี่" พีวิลบอก

              สเตฟอร์ดกล่าว "ยัง....เพราะเราไม่แน่ใจว่า หนอนบ่อนไส้รู้เรื่องมอสวอร์ทกันด้วยหรือเปล่า เรายังไม่รีบบอกกับพวกสเปียริทให้รับทราบกันไว้ เพื่อมิให้หนอนบ่อนไส้รู้เรื่องที่เรารู้ตัวการที่แฝงตัวอยู่ในพวกแกตไทซ์กันไว้ จนหาเรื่องขัดขวางมิให้เราทำอะไรได้กันนะสิ" 

              "แต่ถ้าถึงเวลานั้น เราจำต้องบอกกับพวกแอนเดรียกันไว้ด้วยน่ะ สเตฟอร์ด โฟรซ่า" มาสวาร์ทาร์กล่าว สเตฟอร์ดและโฟรซ่าพยักหน้า

              เนคมาดูซัมบอก "งั้นเรากลับไปที่ไทรแองเกิ้ลและเล่าแค่เรื่องความลับสุดยอดของออร์เลี่ยน รวมถึงเรื่องของไซเมี่ยนและยูเนี่ยนพีชให้พวกเรารับทราบกันก็พอน่ะ"


               "เดียวก่อนน่ะ งั้นพวกนายทั้งสี่ก็รู้แต่แรกแล้วสิ ว่าไอ้เนคเกอร์มันยอมจำนนให้กับพวกเกฟฟาร์ด ก็เพื่อนำทางให้พวกเราตามหาดาวของพวกแกตไทซ์ขาวและดำจนเจอกันน่ะ" คลอเวฟบอก พีวิลพยักหน้า

              เบติสบอก "เข้าใจแล้วละ งั้นการที่เกฟฟาร์ดและเมลกวินพาพวกบุกจู่โจมแคสเซรอน-4 ด้วยการแบ่งกองรบสู้กับเผ่าแมนิเกเตอร์ ในเวลาเดียวกันที่พวกมอสวอร์ทผสมโรงบุกลงมาเพื่อจัดการกับพวกสเลฟเฟียนที่ถูกควบคุมตัวไว้นั้น ก็เพื่อที่จะควบคุมตัวสเลฟเฟียนที่รู้ข้อมูลที่ตั้งของระบบดาวของแกตไทซ์ทั้งสองเผ่าอย่างงั้นสิ"

              "ถ้าลูกพี่กับอาเจ้รู้ว่าพวกแกตไทซ์มอสวอร์ทอยู่กับพวกเดลอาเนี่ยนกันแต่แรกแล้วนิ ไซโคลเนีย ฟิเกซ นายสองตนเองก็รู้ด้วยงั้นหรือ" เจเนลบอก

              ไซโคลเนียกล่าว "ที่จริงฉันอยากจะบอกกันนี้แหละ เพียงแต่ฉันไม่เชื่อว่าเผ่าพันธุ์ยอดนักรบของเนคมาดูซัมจะทำเรื่องเลวร้ายกันแบบนี้ และคิดว่านี้เป็นการจัดฉากของพวกเดลอาเนี่ยนกันไว้ สเตฟอร์ดและโฟรซ่าเลยขอร้องให้ฉันไม่พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเกิดเรื่องแกตไทซ์ดำโผล่มาดิวออรีนก็ดี หรือการบุกถล่มที่แคสเซรอน-4 ก็ดีกันน่ะ"

              "ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อย เธอก็ไม่กระโตกกระตากโพล่งอะไรออกไปจนหนอนบ่อนไส้รู้เรื่องนี้เข้าได้นะสิ" โฟรซ่ากล่าว

              จิลบอก "งั้น นายก็คงแจ้งเรื่องกับป้ารัคชูมี่ จนป้าสั่งพวกควอเดี่ยมสร้างค่ายกักกันเอาไว้แต่แรกงั้นสิ"

              "ใช่ ที่จริงแล้ว ป้ารู้เรื่องที่มีพวกมอสวอร์ทแฝงตัวอยู่ในกลุ่มพวกแกตไทซ์ทั้งขาวและดำ ที่อพยพออกไปจากแกตโตเดี่ยนกันอยู่นานแล้ว เพียงแต่ ป้ายังไม่แน่ใจว่าพวกมอสวอร์ททำให้แกตไทซ์ขาวและดำที่อพยพไปยังเขตอวกาศของเดลอาเนี่ยน ยอมจำนนต่อพวกมหาจักรวรรดิ์กันหรือเปล่า เพราะแค่มีพวกมอสวอร์ทโผล่มากลุ่มเดียว อาจจะเป็นแค่พวกแกตไทซ์ส่วนหนึ่งก็เป็นได้" ฟิเกซบอก "แต่พอเกิดเรื่องที่มีพวกสเลฟเฟียนโผล่มา ในช่วงที่ลิเนียร์ตี้ถูกคุณโฮร่าโพลก้าดึงตัวมารักษาอาการไว้นั้น ป้ากับคุณคาราล่ายืนยันได้แล้ว ว่าพวกมอสวอร์ทแฝงตัวอยู่ในกลุ่มแกตไทซ์ทั้งสองพวกกันจริงๆนะสิ"

              พลัสเชอริทบอก "และที่นายแม่รัคชูมี่สั่งให้ลูกน้องสังเกตุการณ์แต่ไม่เข้าไปยุ่งย่าม เพื่อให้พวกแมนิเกเตอร์ทั้งแปดเผ่าเตรียมพร้อมรบ แม้จะรู้ว่าพวกเขาเตรียมการเพื่อบุกเขตอวกาศของเดลอาเนี่ยนกันเลยละสิน่ะ"

              "เดียวก่อนน่ะ ถ้าเกฟฟาร์ดบุกเข้ายึดทำเนียบ แล้วเมลกวินก็คงจะ...." จายด์บอก

              ฟิเกซบอก "...เป็นไปได้ว่า เดโรคน่าจะสั่งลูกน้องให้เรียกพวกเดลอาเนี่ยนเข้ามา เพื่อดึงเมลกวินที่ไม่ต้องการให้ลูกเผ่าของเธอถูกพวกเดลอาเนี่ยนถล่มทิ้ง ให้ต้องรีบยกกองรบกลับไปปกป้องพวกแกตไทซ์ดำกันเสียก่อน จนทำให้เมลกวินไม่เข้ามาเป็นก้างขวางคอเกฟฟาร์ด เพียงแต่เดโรคไม่รู้เลยว่า นั้นก็เข้าทางเนคมาดูซัมกันด้วยน่ะ"

              "ที่นายรู้เรื่องพวกลูกพี่ทราบเกี่ยวกับไอ้เพนเซจและเดโรคมานิ แปลว่านายระแคระคายเรื่องนี้ได้ แต่ไม่บอกกับพวกเรางั้นสิ" เจเนลกล่าว

              ฟิเกซพยักหน้า "แบบนั้นฉันก็โดนเนคมาดูซัมและสเตฟอร์ดอัดเอาได้กันพอดีนะสิ แหะๆๆๆๆ"

              "แล้วว่าแต่ เนคมาดูซัมพูดเรื่องนี้กับลินี่แล้วหรือยังละ" ไซโคลเนียกล่าว

              พีวิลบอก "พูดแล้ว เนคมาดูซัมบอกเรื่องเพนเซจและเดโรคให้ลิเนียร์ตี้รับทราบไว้ หลังจากที่ยุทธการที่แคสเซรอน-4 ครั้งที่สองจบลงแล้ว แม้จะรู้ในภายหลังว่าพวกมอสวอร์ทบุกมาจู่โจมท่านจอมพลแฮซกริฟและผบ.บัลโต้กันก็ตามน่ะ"

              "แล้วไม่คิดว่า การลอบสังหารในครั้งนี้ จะเป็นฝีมือของหนอนบ่อนไส้กันหรือเปล่าละคะ เพราะว่าพวกคุณสเตฟอร์ดรายงานเรื่องพวกมอสวอร์ทให้ท่านจอมพลและผบ.บัลโต้กันน่ะ" แอมเบอร์โผล่มาถาม "เพราะเรารู้ว่าไวล์สเลฟทำงานภายใต้คำสั่งของหนอนบ่อนไส้ ให้เป็นตัวแทนติดต่อพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธซื้อขายแลกเปลี่ยนอาวุธกับพวกริดโอไว้ และการรุกรานลอสแซงเทสกับพวกแอร์ไพล์มมิสก็น่าจะเป็นคำสั่งของหนอนบ่อนไส้กันด้วยคะ"

               วิลด้าบอก "ถ้าเป็นเรื่องตัวแทนซื้อขายอาวุธของพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธให้กับพวกริดโอก็พอเป็นไปได้ แต่การรุกรานเมื่อ 11 วันก่อนนั้น อาจจะเป็นความตั้งใจของไวล์สเลฟเองก็ได้น่ะ"

              "และที่ให้ลิเนียร์ตี้รู้ก่อนน่ะ เพราะเนคมาดูซัมคงจะรู้แล้วว่าพวกมอสวอร์ทไล่ล่าพวกเพรแครทเดี่ยนละสิน่ะ" เบติสบอก

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "แม้ลิเนียร์ตี้อาจจะไม่สามารถต่อกรได้ก็ตาม อย่างน้อย เธอควรจะได้รู้เรื่องนี้ก่อนที่เธอจะไปกับคุณโฮร่าโพลก้ากันน่ะ"

              "ในเมื่อตอนนี้เรารู้ว่าพวกแกตไทซ์ขาวและดำต่างมีพวกมอสวอร์ทแฝงตัว โดยมีคนใกล้ชิดเป็นสมาชิกตัวหลักกันไว้ แน่นอน ว่าเนคมาดูซัมเอ่ยถึงชื่อแม่ใหญ่ซาเครล ซึ่งเป็นตัวหัวหน้าของพวกมอสวอร์ทกันในเวลานี้แน่นอน" พีวิลบอก

              แอนเดรียบอก "แต่คุณเนคมาดูซัมไม่เชื่อว่าแกตไทซ์ที่ชื่อซาเครลไม่มีทางที่จะเป็นตัวผู้นำของพวกมอสวอร์ทกันได้เลยนิคะ"

              "แอนเดรียก็พูดมาตรงประเด็นเลยน่ะ เพราะพวกเราต่างรู้จักกับซาเครล ในฐานะแกตไทซ์แม่พระที่อุปการะผู้ยากไร้และช่วยเหลือผู้เดือดร้อนด้วยความเมตตา บวกกับว่าเธอเคยเป็นผู้ต่อต้านและสู้กับพวกมอสวอร์ท รวมถึงพวกลัทธิคลั่งทั้งหลายกันมาก่อน จึงไม่น่าที่จะเป็นพวกมอสวอร์ทเสียเองได้หรอกน่ะ" วิลด้าบอก

              เบติสพยักหน้า "เพราะในช่วงที่ฉันกับวิลด้าแต่งงานมาใหม่ๆ เราต่างมีปัญหาชีวิตคู่กัน พ่อแม่ของฉันเลยไปตามคุณซาเครลมาช่วยให้คำปรึกษาและชี้แนะพวกเราจนสร้างครอบครัวที่อบอุ่นมาได้นี้แหละ"

              "ฟิเกซ ว่าแต่ ป้ารัคชูมี่รู้จักกับซาเครลกันบ้างหรือเปล่าวะ" คลอเวฟถาม

              ฟิเกซตอบ "รู้จักสิ เพราะว่าป้าเป็นเพื่อนกับป้าซาเครลกันด้วย แน่นอน ว่าทันทีที่ฉันแจ้งเรื่องนี้กับป้า ป้าก็แทบไม่เชื่อเลย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อก็เท่านั้นเองแหละ"

              "แปลว่า ป้ารัคชูมี่น่าจะไม่เชื่อว่าแม่ใหญ่ซาเครลจะเป็นเพื่อนสนิทที่ยอมจำนนจนกลายเป็นพวกมันไปเสียเองสิน่ะ" สเปียริทกล่าว ฟิเกซพยักหน้า

              พีวิลบอก "สำคัญในตอนนี้ก็คือ พวกเราต้องให้คำตอบกับชนเผ่าต้นสังกัดและคนรอบข้างของพวกเรา ถึงเรื่องของเนคมาดูซัมกันเสียแล้วละน่ะ"

              "แน่ละ ตอนนี้พวกบรอนเซอรูทก็สาหัสปางตาย ทินเหมาลีและกริมเบอรี่ไม่รู้ว่าจะพิการถาวรหรือเปล่า ส่วนโมคุโตะนั้น หวังว่าคงจะมีใครมาช่วยเหลือเธอได้เสียก่อนน่ะ" โฟรซ่ากล่าว

              ไซโคลเนียบอก "นั้นสิ อย่างน้อย โมคุโตะก็มีน้ำอดน้ำทนมากพอกันบ้างน่า"

              "แล้วเราคงต้องพาพวกเฟรดกับพวกน็อกกี้ไปด้วยงั้นสิ" จายด์บอก

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "นั้นก็ดีกว่าให้พวกเขาอยู่นี้ แล้วถูกพวกแพนเนสและเทเนดีนที่ย้อนกลับมาฆ่าทิ้งเอาได้น่ะ เพราะถึงแม้ว่าเราหยุดยั้งการก่อเหตุด้วยสารพิษและกัมตภาพรังสีของพวกเทเนดีนไว้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะวางใจได้นะสิ"

              "นั้นไม่แปลกหรอก เพราะไอ้สังฆราชแก่ของทรอยอาร์อัพเกรดไอ้แพนเนสด้วยการใส่เตาพลังงานไซส์XXL เข้าไปในร่างแบบนั้น ถ้าขืนให้พวกน็อกกี้อยู่ต่อ คงโดนลำแสงสาดจนแหลกเป็นชิ้นๆแน่ๆเลยวะ" คลอเวฟบอก

              เจเนลบอก "ถ้าขนาดบรอนเซอรูทยังแทบสาหัส เพราะพวกเทเนดีนเล่นโกงกันด้วยแล้ว แล้วพวกเราเองละ จะไปเหลือเลยหรือ"

              "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อย เราจำเป็นต้องช่วยเนคมาดูซัมกอบกู้พวกแกตไทซ์ให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมกับขัดขวางมิให้พวกมอสวอร์ททำให้เกฟฟาร์ดและเมลกวินยอมจำนนกับพวกเดลอาเนี่ยนกันไปด้วยน่ะ" ฟิเกซบอก

              สเตฟอร์ดกล่าว "เพียงแต่ พวกเราคงไม่ไปโผล่ที่ดาวบาดูอินกันแล้วละ เพราะพวกเดลอาเนี่ยนคงต้องส่งพวกแมทเฟลิมและกองรบพันธมิตรมารอคอยพวกเรากันอย่างแน่นอน"

              "ฉันคิดว่า ฉันมีระบบดาวที่เราควรจะไปก่อนเป็นอันดับแรกกันไว้แล้วน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "เพียงแต่ เราต้องวัดดวงว่าเดลวูลจะรู้ทันแผนการของพวกเราด้วยหรือเปล่าน่ะ"

              คลอเวฟบอก "ถ้ามันส่งไอ้เวรลิคเตอร์มา ก็เท่ากับว่าแผนนายเฟลเต็มๆเลยน่ะ มาส"

              วกกลับมายังลิเนียร์ตี้ ซึ่งเธอกำลังฝึกฝนพร้อมกับเหล่าเพรแครกิสรุ่นฝึกหัดกันอยู่ ในช่วง 5 วันแรกของการปราบปรามพวกริดโอของพวกไทรเวเซอร์

              "ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ" เพรแครกิสรุ่นพี่ที่เป็นครูคุมการสอนได้ฝึกเหล่าเพรแครกิสฝึกหัดให้เดินจงกลม เพื่อให้พวกเธอและลิเนียร์ตี้เรียนรู้การตั้งสติและสมาธิกันไว้ เพียงแต่.... "ตึก ตึก ตึก ตึก" ลิเนียร์ตี้ก้าวเดินโดยที่เธอสวมกำไลข้อมือและข้อเท้าทรงกลมที่หนาเตอะ(และหนักถึง 2 ตันด้วยกัน) ซึ่งทำให้เธอเดินช้ากว่าเพรแครกิสรายอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด และ "กึก" เท้าของเธอก็สะดุดกับพื้นจนใกล้จะล้มเข้า "แว้งงงงง" เพรแครกิสรุ่นพี่เลยใช้ฝ่ามือดึงตัวลิเนียร์ตี้ขึ้นมาแล้วก็พามาอยู่ตรงหน้าด้วย

               "ขอโทษคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              "กริ้ง กึ้งๆๆๆๆๆ" เพรแครกิสรุ่นพี่ผมสีฟ้าอ่อนเคาะระฆังเล็ก ในช่วงที่พวกเพรแครกิสและลิเนียร์ตี้นั่งสมาธิและทำตัวให้สำรวมไว้ โดยที่พวกเธอนั่งพับขาอยู่เป็นเวลานาน แม้ว่าจะมีบางคนที่ "อือ โอ้ย" แสดงอาการเหน็บชาขึ้นที่เท้าและขา จนรุ่นพี่ผมสีเหลืองอ่อน "เพี้ยะ" เอาไม้ฟาดบนบ่าไปหนึ่งที เพื่อให้เพรแครกิสรายนั้นกลับมานั่งสมาธิตามเดิม แม้ว่าต้องเมื่อยขาเลยก็ตาม ส่วนลิเนียร์ตี้นั้น..... "อี้ก แอ้ โอ้ย อ้าย" เธอโดนหลายทีเพราะแม้เธอจะไม่รู้สึกเมื่อย แต่เธอเผลอขยับตัวจนผู้คุมเห็นและพุ่งเข้ามาตีเธออย่างรวดเร็ว กว่าจะจบการฝึก ลิเนียร์ตี้ถึงกับอ่วมไปไม่น้อย เพรแครกิสทั้งหลายเลยลุกขึ้นเพื่อตามรุ่นพี่ไป เว้นแต่.... "นั่งสมาธิตรงนี้อีก 2 ชั่วโมงเลยแล้วกันน่ะ" รุ่นพี่ผมสีชมพูบอก

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "มันไม่นานไปเลยหรือคะ"

              "เพราะเธอดูไม่นิ่งมากที่สุดในกลุ่ม จนทำให้ที่เหลือพลอยเป็นไปกับเธอด้วย ดังนั้น...นอกจากเธอต้องนั่งพับขาอยู่นิ่งๆแล้ว....." รุ่นพี่ผมสีชมพูกล่าว แล้วก็นำผ้าคลุมที่มีแถบเหล็กสีเงินมาคล้องคอไว้ "เธอต้องนั่งโดยมีเหล็กถ่วงไว้เป็นเวลาสองชั่วโมงกันด้วยน่ะ"

              ลิเนียร์ตี้ถอนใจขึ้นมา "เข้าใจแล้วละคะ" แล้วลิเนียร์ตี้ก็ต้องนั่งตัวนิ่งๆตามเวลาที่กำหนดไว้ด้วย จนทำให้ขาของเธอเกือบเป็นอัมพาต และลุกแทบไม่ขึ้นไป 10 นาทีต่อมา

              "ดูเหมือนว่าลิเนียร์ตี้ยังมีปัญหากับการฝึกกันอยู่นะคะ" ทาเลเวียบอก "แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างเต็มที่กันอยู่แล้ว แต่เธอพลั้งเผลอและดูไม่ตั้งใจที่จะรับการฝึกกันจริงๆ จนทำให้เธอฝึกร่วมกับคนอื่นๆได้ช้าถึงช้ามากๆเลยละคะ" โดยในตอนนี้ลิเนียร์ตี้พึ่งมานั่งทานข้าวสาลีต้ม ในขณะที่คนอื่นๆนั่งสมาธิและสวดมนต์กันแล้ว

              อาเดเลียกล่าว "แล้วเราจะทำยังไงกับเธอดีละคะ"

              "ข้ารู้ว่าข้าควรจะทำเช่นไรกับลิเนียร์ตี้กันน่ะ" โฮร่ากล่าว โดยตอนนี้ให้เพรแครกิสรุ่นพี่มาเรียกลิเนียร์ตี้ หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว

              "ท่านโฮร่าเรียกฉันมานี้ คงไม่ได้มาเพื่อตำหนิฉันที่ทำให้การฝึกมีปัญหากันหรอกนะคะ"

              "ที่จริง ข้าเรียกเจ้ามานี้ เพื่อที่จะให้การทดสอบกับตัวเจ้าเป็นการส่วนตัวเสียหน่อยน่ะ" โฮร่าบอก "เวลาเจ้านอนหลับพักผ่อนนั้น เจ้านอนคนเดียวหรือเปล่าละ"

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ฉันนอนกับเนคมาดูซัมกัน ซึ่งเคยนอนเตียงเดียวกันมาก่อน หรือนอนข้างๆไว้ แต่ตอนนี้ ฉันต้องนอนแยกเตียงกับเขากันนะคะ"

              "แต่เจ้าก็นอนห้องเดียวกับเขาด้วยสิน่ะ แล้วไม่กลัวว่าเขาจะมาทำมิดีมิร้ายกับเจ้าเลยหรือ" โฮร่ากล่าว

              ลิเนียร์ตี้ตอบ "ฉันก็ตอบทำนองนี้ไป ซึ่งเนคมาดูซัมบอกว่า เขาไม่อยากทำลายอนาคตของพวกผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมกัน แม้ฉันจะไม่เข้าใจในคำพูดของเขาในทีแรก แต่ฉันรู้ในภายหลัง ว่าแกตไทซ์อย่างเนคมาดูซัมนั้น สามารถทำให้เพศหญิงที่เป็นแกตไทซ์ก็ดี หรือไม่เป็นแกตไทซ์ ท้องลูกแฝดได้แน่นอน ซึ่งนั้นคือเหตุผล ที่เขาไม่แตะต้องตัวฉันเลย ไม่ว่าฉันจะเป็นเมดลิคซ์หรือผ่านการคืนชีพโดยคุณมอร์ทิสซ่าจนมีมดลูกแล้วนะคะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะเนคเกอร์ยังมีสติรู้จักผิดชอบชั่วดีและรู้ถึงผลที่ตามมาเลยสิน่ะ" โฮร่าบอก "แล้วถ้าเกิดว่าเขาผิดสัญญานั้นขึ้นมากันละ เจ้าจะโต้ตอบหรือปฏิเสธเขาได้มั้ยละ"

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันคงต้องรีบหนีหรือต้องสู้กันอยู่แล้วละคะ"

              "นั้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอยู่นิ่งๆแล้วตกเป็นฝ่ายกระทำละสิน่ะ" โฮร่ากล่าว

              ลิเนียร์ตี้เลยหันมาถาม "แล้วท่านจะมาถามฉันในเรื่องนี้กันทำไมละคะ เพราะฉันดูท่านแล้ว ท่านไม่น่าที่จะพูดเรื่องใต้สะดือกันได้เลยนะคะ"

              "แล้วเจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ ว่าเจ้ามีบางอย่างที่อาจจะทำให้เธอเสียการควบคุมและเข้าหาเนคเกอร์ในเชิงเสน่หากันไปแล้วน่ะ" โฮร่ากล่าว

              ลิเนียร์ตี้ส่ายหน้า "ถ้ามีอย่างงั้นจริง ฉันคงจะลบมันออกไปหลังจากที่ได้เพรแครทไดรมอนด์ของคุณฮัลลีนมาแล้วนะคะ"

              "เช่นเดียวกับโปรแกรมบีบบังคับให้ฆ่าด้วยสิน่ะ" โฮร่าบอก โดยที่นิ้วมือข้างซ้ายของเธอเรืองแสงขึ้น และ "ฟึ่บ วี้งงง" จ้วงชี้ไปยังร่างของลิเนียร์ตี้ โดยที่ปลายนิ้วเปล่งแสงขึ้นมา

              "อือ...." ลิเนียร์ตี้ชะงักลง พร้อมกับ... "กะ เกิดอะไรขึ้นกันเนี้ย ทำไมร่างของฉัน รู้สึกเหมือนร้อนไปทั้งตัว ทั้งๆที่ไม่มีไข้เลย และคงไม่น่าเป็นจากพลังที่มากเกินแน่ๆ" เธอกอดตัวเองไว้ โดยที่แก้มของเธอเริ่มแดงขึ้นมา "ตึกๆๆ" เสียงของแกนหัวใจสั่นไหวเข้ามาในหัว "แต่ ฉันรู้สึกดีหรือเกิน ดีเกินกว่าที่จะเป็นความเจ็บปวดกันได้.....เพราะฉันควบคุมตนเองไม่ได้เลยสักนิดเดียว....มันเกิดอะไรกับฉันละ อา....อือ อา...อา อา...." ลิเนียร์ตี้กล่าวโดยที่เธอครางไปด้วย ซึ่งมือของเธอพยายามจะลูบคล่ำหน้าอกกันแล้ว

              "นั้นคือสภาพของเจ้าที่ตกอยู่ในห้วงราคะกันแล้ว จากการที่ข้าใช้พลังกระตุ้นความรู้สึกทางเพศในกายของเจ้า ที่แม้จะเป็นร่างของแอนดรอย แต่เจ้าได้รับการคืนชีพจากรีเบิร์ทมาร์เธอร์ ทำให้ร่างแอนดรอยของเจ้ามีสภาพกึ่งจักรกลและกึ่งชีวภาพ แบบเดียวกันกับพวกแกตไทซ์และควอเดี่ยมกัน ซึ่งร่างของเจ้าย่อมมีฮอร์โมนเพศอยู่ในร่างกายที่เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายของเธอ เข้าสู่สภาวะการรับการสืบพันธุ์จากเพศชายอย่างเต็มที่ โดยที่สติสัมปะชัญญะของเจ้าไม่สามารถหยุดยั้งสัญชาตญาณของเพศหญิงนี้ลงได้แน่นอน" โฮร่ากล่าว

              ลิเนียร์ตี้ได้ฟังเลยพยายามจะ.... "หมับ" ใช้มือขวาจับข้อมือซ้ายไว้ แต่มือซ้ายพยายามต้านแรงกดที่ไม่เต็มที่จนเลื่อนมาตรงหว่างขาของเธอแล้ว "แล้วคุณไม่มีทางไหนช่วยเลยหรือคะ....อา...อา...อา...เพราะหนูรู้สึกร้อนตรง...."
     

              "ในเมื่อเจ้าประสบเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เจ้าควรจะหาทางแก้ตรงนี้เอง มากกว่าจะพึ่งพาคนอื่นกันด้วย แน่นอน ว่าเพศชายคงช่วยอะไรเจ้าในสภาพนี้ไม่ได้แน่ๆ" โฮร่ากล่าว "และไม่ต้องพูดถึงเพื่อนพ้องเพศหญิงของเจ้าด้วย เพราะไม่วันวันหนึ่ง พวกเธอก็ต้องประสบเช่นนี้ไปด้วย รวมถึงเอลซ่าสปีร่าผู้ทรงพลังเอง ก็ต้องสยบต่อแรงขับดันจากภายในนี้ไม่ได้แน่ๆ"

              ลิเนียร์ตี้ได้ฟังก็อึ้ง "ขนาดท่านโฮร่า กับพวกสเปียริทก็ช่วยไม่ได้เลยหรือ....ทำไงดีละเนี้ย คิดสิ คิดสิ ลิเนียร์ตี้ อ่า....อือ รู้สึกแน่นหน้าอกหรือเกินน่ะ...."

              "ตลกน่า อัตราการตั้งท้องของเธอเยอะกว่าของยัยบื้อเลยหรือ เวอร์ไปแล้วมั่ง" ลิเนียร์ตี้หวนนึกถึงคลอเวฟพูด หลังจากที่เธอกับพวกสเปียริทไปร่วมประชุมกับจูเดทต้าในทันทีที่เธอมาถึงเฟิร์สฮิลล์เป็นครั้งแรกแล้ว

               "จริง เพราะอีเนอไมนด์มีอัตราการตั้งครรภ์สูงราว 80-90 เปอร์เซนต์ ซึ่งของฉันเกินตั้ง 90-99 ด้วยกันไม่ว่า ของพวกอีเนอไมนด์ทั้งอดีตมนุษย์และแอนดรอยก็มีค่าเฉลี่ยแบบนี้เหมือนกัน แถมมีอัตราการตั้งครรภ์เป็นครึ่งหนึ่งของพวกมนุษย์กันด้วยน่ะ" แล้วก็พูดต่อ "ที่แย่ไปกว่านั้น นายพลจูเดทต้าก็คาดโทษไว้ด้วย ว่าหากฉันไม่นอนในระยะสามเมตรขึ้นไป หรือแยกเตียงกันนอนแล้วละก็ ฉันอาจจะถูกถอดออกจากทีมไปโดยไม่มีข้ออ้างเลยก็ได้น่า"

              "แจ่ม นั้นไม่แปลกหรอกที่เธอจะโดนแบบนั้น เพราะเธอมีอัตราการตั้งท้องและเด็กโตในท้องเยอะและเร็วกว่าชาวบ้าน แถมนอนใกล้กับเนคเกอร์ที่สามารถผลิตลูกเป็นแฝดสองแฝดสามกันแล้วน่ะ" คลอเวฟบอก

              ลิเนียร์ตี้ถาม "แล้วฉันควรจะทำยังไงกันดีละ...."

              "ในเมื่อเธอรู้เช่นนี้ ก็ควรทำตามที่นายพลจูเดทต้าไว้นี้แหละ เพราะเนคเกอร์เองก็รู้ว่า สภาพกายของเขานั้นเป็นเช่นไรกันน่ะ" พีวิลแนะนำ

              แอบไบออสบอก "ที่สำคัญ ในเมื่อพวกเธอต่างก็รู้ว่า สภาพกายของพวกเธอเป็นเช่นไร พวกเธอเองก็ควรจะระมัดระวังกันไว้ ซึ่งพวกเราเองต่างก็รู้สภาพกายของพวกเราแต่ละคนดี ว่าเราไม่ควรชิงสุขก่อนห่าม หรือมีเซ็กส์ตามใจอยากแล้วมีเรื่องเดือดร้อนตามมากันน่ะ"

              "แอบไบออสว่ามาก็มีส่วนถูกน่ะ ในเมื่อเรารู้ว่าแต่ละคนมีสภาพกายเป็นเช่นไร ขอแค่เรา มีสติหยั่งคิดอยู่เสมอ ไม่ให้มีกิเลสมาครอบงำ ไม่ว่าอยู่ต่อหน้าพวกโฟรซ่าหรือแม้กระทั่งผู้หญิงคนอื่นๆกันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก

              จายด์กล่าว "ถึงผลออกมาจะเยอะหรือไม่ มันไม่สำคัญไปกว่าเรื่องความสงบสุขของส่วนรวมกันเลยน่ะ"

              "มันก็จริงอยู่น่า เพราะฉันรู้มาว่า ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่ได้ผลลัพธ์ที่สูงแบบนั้น นายพลจูเดทต้ายังบอกอีกว่า แมนิเกเตอร์แบบโนมฟอร์มและดอว์ฟฟอร์มส่วนหนึ่งเองก็มีอัตราส่วนการตั้งครรภ์เยอะเท่าฉันนี้แหละ" จิลบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "ดังนั้น ไม่ต้องกังวลหรือหวาดกลัวกันไปเลยน่า ลิเนียร์ตี้ ถึงเรานอนเตียงเดียวกันไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกน่ะ"

              "นั้นสิ เพราะเธอยังมีบ้านหลังนี้กันอยู่น่ะ ดังนั้น เธอไม่ต้องกังวลกันหรอกน่ะ" โฟรซ่าบอก

              ไซโคลเนียกล่าว "และเธอไม่ได้แย่คนเดียว พวกเราห้าคนก็แย่พอกันนี้แหละ อย่างน้อยเธอก็มีเพื่อนร่วมปัญหาด้วยกันน่ะ"

              "จริงด้วยน่ะ แม้ว่าผลลัพธ์ออกมาโอเวอร์จนฉันตื่นตระหนกกันไม่น้อย แต่....นั้นก็ดีแล้วละ ที่เราได้รู้ผลสภาพกายของพวกเราเองไว้น่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าวเมื่อเธอคิดได้ขึ้นมา "อีกอย่าง พวกเราเองก็ยังไม่พร้อมที่จะมีลูกกันด้วยแล้ว ถึงเราสนุกเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่นั้นหมายถึงเราเดือดร้อนกันชั่วชีวิตเลยน่ะ"

              โฟรซ่ากล่าว "เธอคิดได้ก็ดีแล้วละ ลิเนียร์ตี้ บอกตรงๆน่ะ ว่านั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ หากเราออกรบโดยแบกภาระที่อยู่ในท้องเอาไว้หนึ่งชีวิตกันน่ะ ทั้งๆที่เรายังสู้กับเดลอาเนี่ยนไม่จบเลยน่ะ"

              "จริงสิ ฉันเกือบนึกถึงเรื่องนั้นไปได้ไงกันน่ะ ฉันน่ะ ฉันยังไม่พร้อมที่จะมีลูกกันเสียหน่อย ในเมื่อฉัน ฉัน.....ฉันน่ะ...." หลังจากที่ลิเนียร์ตี้นึกถึงเรื่องเดิมนั้นขึ้นมา สติของเธอพยายามดิ้นรนไว้ โดยที่ฝ่ามือทั้งสองของเธอเกร่งขึ้นมา พร้อมกับตะโกนไปว่า "ฉันยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ฉันฝันใฝ่เอาไว้ให้เป็นชิ้นเป็นอันเลยน่ะ!!!!!!"

              ไม่ทันไรก็.... "ซ่า" อาเดเลียนำถังน้ำขนาดใหญ่มาสาดใส่ลิเนียร์ตี้จนเปียกชุ่มไปในทันที "นั้นเป็นคำตอบของเจ้าที่ดังเกินไปหน่อยนะ ลิเนียร์ตี้" โฮร่าบอก เมื่อเห็นลิเนียร์ตี้ตัวสั่น เนื่องจากน้ำที่สาดโดนนั้นเป็นน้ำเย็นที่มีก้อนน้ำแข็งผสมเป็นจำนวนมาก ดับความเร่าร้อนจากไฟราคะในตัวไปจนหมดในทันที

              "ฮัดเช่ย ท่านน่าจะช่วยฉันแบบนี้ก็ได้ ไม่ต้องรอให้ฉันรู้สึกทรมานกันต่อหน้าท่านเลยนิคะ ฮัดเช่ย" ลิเนียร์ตี้กล่าวและจามดังขึ้นสองทีด้วยกัน

              โฮร่ากล่าว "ถ้าข้าไม่ทำเช่นนั้น เธอก็ไม่สามารถต่อต้านแรงราคะที่อยู่ในตัวของเธอ ที่มาจากความตั้งใจดั่งเดิมของผู้เป็นบิดาสร้างเจ้าและพวกกันหรอกน่ะ ลิเนียร์ตี้ เพราะข้าอยากให้เจ้าสู้กับด้านมืดของตนเองไว้น่ะ"

              "ความตั้งใจเดิมของแพทรีออทนะหรือคะ เดียวก่อนน่ะ นี้คงไม่ได้บอกว่า แพทรีออทสร้างฉันและพวกเมดลิคซ์ให้เป็นของเล่นทางเพศนะหรือ" ลิเนียร์ตี้บอก

               โฮร่ากล่าว "ข้าเกรงว่าบิดาของเจ้าสร้างเจ้าขึ้นมา เพื่อเป็นมือสังหารที่ใช้อำนาจราคะและเสน่หาดึงดูดเพศตรงข้ามให้ตกเป็นเป้าสังหารกัน ซึ่งแอนดรอยเพศชายแบบเดียวกับเจ้าเองก็ถูกโปรแกรมมาเช่นนั้น ทว่า บิดาของเจ้ากลับลบโปรแกรมนี้เพราะต้องการให้พวกเจ้าต่อสู้ได้อย่างเต็มที่กันด้วยน่ะ" แล้วก็พยักหน้าให้ทาเลเวียนำผ้าเช็ดตัวมาให้ลิเนียร์ตี้เช็ดตัวให้แห้งเอง "และตัวเจ้าเองก็คงจะลบโปรแกรมที่ว่ามา เพราะพลังของฮัลลีนที่มากเกินควบคุมสิน่ะ"

              "คะ เพียงแต่ไม่คิดเลยว่า ความรู้สึกทางเพศนิมันรุนแรงมากถึงเพียงนี้ ถ้าฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าฉันจะเป็นยังไงกันแล้วนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              โฮร่าบอก "เจ้าคงจะรู้ตัวและเข้าใจในตัวของเจ้าผ่านการชี้แจงของผู้หลักผู้ใหญ่มาก่อนแล้วสิน่ะ แต่ข้าขอบอกอะไรเจ้าหน่อยหนึ่ง" แล้วก็พูดไปว่า "ถ้าเจ้ามีเพศสัมพันธ์กับเนคเกอร์ขึ้นมา ข้าเกรงว่า เจ้าอาจจะต้องตายเลยก็ได้น่ะ"

              "เออ ท่านกำลังบอกว่า ฉันอาจจะตายเพราะตั้งท้องลูกของเนคมาดูซัมนะหรือคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่าพยักหน้า "ถ้าแกตไทซ์มีลูกกับแกตไทซ์ด้วยกันเองก็พอว่าไปอย่าง แต่กับแมนิเกเตอร์ต่างเผ่า โดยเฉพาะแบบมนุษย์และแอนดรอยกันด้วยนั้น บุตรแบบแกตไทซ์จะดึงพลังงานจากในตัวแม่ต่างเผ่าอย่างมาก จนถึงขั้นเสียชีวิตไปก่อนที่จะคลอดบุตร แม้จะรอดจนคลอดลูกออกไปได้จริง ผู้เป็นแม่อาจจะเสียชีวิตก่อนอย่างแน่นอน ต่อให้ผู้เป็นแม่มีแกนหัวใจที่มีพลังมากมายมหาศาลแบบที่เจ้ามีกันก็ตาม เจ้าน่าจะรู้น่ะ ว่าแกตไทซ์ผลิตทายาทกันแบบไหนน่ะ"

              "ท่านหมายถึง ฉันอาจจะตั้งท้องลูกแฝดเลยสิคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              โฮร่าพยักหน้าอีกและพูดไปว่า "แมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้เพศหญิงเวลาที่มีลูกนั้น จะต้องแบ่งพลังส่วนหนึ่งให้กับบุตรในท้องกัน แกตไทซ์เพศหญิงนั้นจะมีพลังมากกว่าแกตไทซ์เพศชาย ก็เพื่อรองรับกับการสืบเผ่าพันธุ์กัน แต่เจ้ามิได้เกิดมาเพื่อการมีลูกที่ทรงพลังและมีจำนวนมากกว่าหนึ่งหรือสองขึ้นไปได้แต่แรก อาจจะถึงตายพร้อมลูกได้อย่างแน่นอน ซึ่งเนคเกอร์น่าจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีกันเลยน่ะ"

              "นั้นก็คงเป็นอีกเหตุผลที่เนคมาดูซัมไม่แตะต้องตัวฉันเลยสิน่า" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่ากล่าว "ดังนั้น ข้าจึงอยากจะให้เจ้าใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนสติของเจ้าให้รู้ตัวตลอดเวลา ที่เจ้ามีสภาพเป็นเช่นนี้ไว้ เพราะอย่างน้อย เจ้าซึ่งยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่เด็กก่อนวัยอันควรนั้น ควรจะมีอะไรที่ดีกว่านี้ทำกันไว้น่ะ" และหันมาถาม "แล้วสิ่งที่เจ้าฝันใฝ่นั้น เจ้าต้องการจะเป็นอะไรละ"

               "คือ....ฉันอยากจะเป็นไอดอลนักร้องนะคะ" ลิเนียร์ตี้บอก "แม้ว่าฉันกับจิลพลั้งเผลอจนได้ขึ้นเวทีกันไปแล้ว สุดท้ายก็มีเรื่องยุ่งเข้ามาขวางไว้จนได้นะคะ"

              โฮร่ากล่าว "ไหนเจ้าลองเล่าให้ข้าฟังสิ ว่าเรื่องมันเกิดอะไรขึ้นน่ะ"

              "คือเรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเรากลับจากเขตอวกาศของเดลอาเนี่ยนเมื่อ 3 เดือนก่อนนั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ 5 นายพลจูเดทต้าเรียกฉันและจิลให้ออกตามคุณโดเรร่าที่หายออกจากฐาน เพื่อไปประกวดร้องเพลงกลับมาที่เฟิร์สฮิลล์ เพราะท่านนายพลจูเดทต้าไม่อนุญาตให้ออกไปประกวดทั้งๆที่คุณโดเรร่ายังมีหน้าที่ที่ต้องทำกันอยู่ ซึ่งฉันกับจิลออกจากเมืองไปยังเขตนครหลวง อันเป็นสถานที่คัดเลือกผู้เข้าประกวด แต่ดันจับพลัดจับพลูเข้าร่วมเสียเอง เพราะผู้ร่วมประกวดส่วนหนึ่งไม่มาด้วยเหตุร้ายแรงบางอย่างนะคะ" ลิเนียร์ตี้เล่า

              ทาเลเวียบอก "หมายถึงเพื่อนสโทรเพธดวอฟฟอร์มนั้นสิน่ะ แต่ตัวเล็กแบบนี้จะประกวดร้องเพลงร่วมกับพวกผู้ใหญ่นะหรือ"

              "อันที่จริง มันมีการแข่งร้องเพลงรุ่นเยาวชนกันด้วย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประกวดมาแคนเซิ่ลเลยทำให้มีช่องว่าง จิลที่หาสถานที่จัดการประกวดของคุณโดเรร่าไม่เจอ เลยโดนจับมาเข้าร่วมทั้งๆที่เธออธิบายให้ฟังกันแล้ว แน่นอน ว่าฉันเองก็ต้องลงเอยด้วยการมาร้องเพลง ทั้งๆที่ไม่ได้เตรียมพร้อมเลยสักอย่างน่ะ เพราะฉันร้องเพลงคาราโอเกะในช่วงว่างและพักจากการฝึกกันก็เท่านั้นเอง" ลิเนียร์ตี้เล่า "แต่ไม่รู้ว่ากรรมการคิดอะไรกันอยู่ เลยให้ฉันผ่านเข้ารอบอย่างหน้าตาเฉย เช่นเดียวกับจิลด้วยนะคะ" แล้วก็หวนนึกถึงเหตุการณ์ในช่วงหลังจากเหตุการณ์ที่เล่าไป 1 สัปดาห์เต็ม

              เจเนลบอก "ยัยเปี้ยกและลิเนียร์ตี้คงไม่เจอเรื่องยุ่งกันบ้างน่า"

              "ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ข่าวก็ต้องแจ้งเรื่องพบเจอลิเนียร์ตี้หรือจิลกันบ้างแล้วละ" โฟรซ่าบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "แอมเบอร์ ติดตามมือถือของจิลและลิเนียร์ตี้กันหรือเปล่าละ"

              "เกรงว่ามือถือของทั้งคู่ไม่ได้ชาร์จแบตเตอรี่เอาไว้ เลยทำให้ไม่สามารถติดตามไปได้นะคะ" แอมเบอร์บอก

              ไซโคลเนียกล่าว "หวังว่าทั้งลินี่และจิลคงไม่ตามหาคุณโดรารี่ไปไกลจากระบบดาวของเรากันบ้างน่า" แล้วก็กดรีโมทเพื่อดูรายการบันเทิง ตั้งแต่เกมโชว์มาตามนัด เวอร์ชั่น 2311 บนโลก เก่งการชั่งตวงวัด เกมส์โชว์ที่แข่งเรื่องการวัดชั่งตวงกับวัตถุสารในอวกาศ เกมวัดดวงของกลุ่มดาวอัลเดบารัน เดอะเบสออฟกาแลคซี่ รายการสาระแนบางจะเกร็งสามช่าชิงแสน รายการร้องเพลงร้องได้ให้ดาวหนึ่งดวง  รายการกอสซิปบันเทิงหลายสิบรายการจากหลายช่อง แล้วก็วกกลับมาที่ช่องสถานีบนดาว "เอ้ เดียว นักร้องที่เข้าร่วมประกวดนิ หน้าคุ้นๆว่ามั้ยละ" ไซโคลเนียรู้สึกคุ้นๆต่อผู้หญิงในชุดเดรสสีไวโอเล็ตประดับด้วยดอกลิลลี่ม่วง ในรายการร้องเพลงเดอะวอยซ์ออนแคสเซเดี่ยนเข้า

              "ผู้เข้าประกวดหมายเลข 4 โดเรร่า ลาโดร่าร่า จะมาร้องเพลง Skyfall กันแล้วละคะ" พิธีกรแอนดรอยหญิงกล่าว แล้วโดรารี่ก็ออกมาร้องเพลง ซึ่งก็....

               "เยี่ยม พลังเสียงแบบนี้ กรรมกรไม่ให้ผ่านรอบไบลนด์ออดิชั่นได้ ก็บ้าแล้วละ" สเปียริทบอก

              "ไม่แปลกใจหรอก เพราะเราต่างก็รู้ว่าโดเรร่ามีพลังเสียงดังมากแค่ไหนกันน่ะ" ฟิเกซกล่าว

              คลอเวฟบอก "นึกว่าจะทำให้ผู้ชมในห้องส่งผู้หนวกไป 10 นาทีเสียอีกนะเนี้ย"

              "เออ แล้วนายพลจูเดทต้าอนุญาตให้คุณโดรารี่ประกวดร้องเพลงกันหรือเปล่าละคะ" แอนเดรียถาม

              เนคมาดูซัมบอก "สงสัยว่า ท่านนายพลคงไม่อนุญาตหรอกน่ะ ไม่เช่นนั้นท่านนายพลคงไม่ให้ลิเนียร์ตี้และจิลออกไปตามกลับมากันหรอก"

              "ขอบคุณคณะกรรมการที่คอมเมนด์การร้องเพลงของคุณโดเรร่ากันนะคะ ต่อไปก็คือผู้เข้าประกวดหมายเลข 5...." พิธีกรหญิงบอก "....คุณเลเนลล่า บัวนาเลสต้าคะ" แล้วตัวผู้ประกวดก็ก้าวเดินมา ซึ่งก็คือ....

              "ลิเนียร์ตี้นะหรือ!!!!" พวกเนคมาดูซัมอุทานลั่น เมื่อเห็นลิเนียร์ตี้เดินมาในชุดเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ เกาะอกสีชมพูกับกางเกงยีนสีดำเข้มไว้

              "วันนี้คุณเลเนลล่าจะมาในเพลง Because We want to ซึ่งเป็นเพลงดังในช่วงปี 90 ของศตวรรษที่ 20 กันมาแล้ว เชิญสะดับรับฟังกันได้แล้วคะ" พิธีกรหญิงกล่าว ซึ่งลิเนียร์ตี้มีท่าทางเหมือนลังเลและตื่นเต้นเล็กน้อย

              สเปียริทกล่าว "หวังว่ายัยลิเนียร์ตี้คงไม่ร้องแบบติดๆขัดๆกัน จนแป็กกันบ้างน่า"

              "ถ้าลินี่ร้องเพลงโปรดของเธอออกมาเจ็งบ้งก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วละ" ไซโคลเนียบอก แล้วหลังจากนั้นลิเนียร์ตี้ก็ร้องเพลงจนจบ ซึ่งก็....

              "บอกตรงๆน่ะ ว่าหนูร้องเหมือนกับต้นตำรับอย่างมากเลยน่ะ กับเพลงที่นักร้องลงจากจานบินโชว์อิทธิฤทธิ์เสกให้ตัวการ์ตูนบนผนังออกมาแดนซ์ได้นั้น หนูเต้นเหมือนเป็นตัวนักร้องเลยน่ะ" กรรมการชายหูโตบอก

              "แม้หนูจะร้องเหมือนกำลังร้องคาราโอเกะ เพราะมีบางจุดที่หนูร้องคีย์ไม่ตรง แม้จะพยายามร้องให้ตรงจังหวะ มันก็ดูแปร่งๆมากๆเลยนะคะ" กรรมการหญิงผมฟูกล่าว

              กรรมการหญิงผมหลากสีบอก "แต่หนูร้องจนจบเพลงแบบนี้ นับถือความพยายามกันอย่างมาก หวังว่าคงจะผ่านถึงรอบชิงกันบ้างน่ะ"

              "เฮ้อ โล่งอก นึกว่าจะลินี่ไม่รอดเสียแล้วละเนี้ย" ไซโคลเนียกล่าว

              พลัสเชอริทถาม "แล้วจิลล่ะ เพราะถ้าลิเนียร์ตี้ปรากฎตัวอยู่ในรายการนี้ ก็น่าจะอยู่ในรายการอื่นบ้างน่ะ"

              "โชคยังดีมากเลยน่ะ เพราะรายการนี้แข่งแบบผู้ใหญ่นั้นออกอากาศไล่เลี่ยกับของเด็กด้วยนะคะ" แอมเบอร์บอกโดยระบุรายการโทรทัศน์ออกมา เจเนลเลยกดไปยังเดอะวอยซ์ออกแคสเซเดี่ยนเดอะคิดส์ขึ้นมา แล้วก็....

              "ยัยเปี้ยกนิ ร้องเหมือนไม่ได้มาประกวด แต่เหมือนเป็นตัวเอกบนเวทีกันชัดๆน่ะ" เจเนลบ่น ในช่วงที่จิลร้องเพลง Super Girl กันอยู่

              "แน่ละ จิลมักจะร้องแบบมีอินเนอร์เยอะที่สุดในหมู่พวกเราแล้วละ" ไซโคลเนียกล่าว "และไม่ต้องสงสัยว่าใครจะเป็นผู้ชนะกันน่ะ"

              เนคมาดูซัมกล่าว "แม้จะประหลาดใจไม่น้อยที่รู้ว่าลิเนียร์ตี้ร้องเพลงได้ดีแบบนี้ แต่ก็รู้สึกดีใจมากที่เธอทำได้กันน่ะ"

              "แล้ว ทหารในกองที่ 11 นิมีดูโทรทัศน์กันบ้างหรือเปล่าละ เพราะพวกทหารเองมันต้องมีเวลาว่างด้วยน่ะ" สเปียริทบอก

              ฟิเกซกล่าว "ก็ต้องมีอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วงทุ่มถึงสองทุ่มคือไพล์มไทม์ที่พวกทหารได้พัก เว้นเสียแต่นายพลจูเดทต้าจะเรียกฝึกหรือมีการชี้แจงเปลี่ยนแปลงบางอย่างกันก็เป็นได้เลยน่ะ"

              "เออ แต่....สงสัยว่าท่านนายพลจูเดทต้าคงจะไม่ปลื้มจริงๆแล้วละคะ" แอมเบอร์กล่าว พวกเนคมาดูซัมได้ฟังก็ชะงัก ฟิเกซเลยเดินไปตรงประตูกระจกและเลื่อนผ้าม่านออก เห็นนายพลจูเดทต้ายืนอยู่หน้าบ้าน

              "ต่อให้นายไม่พูด รีแอคชั่นของนายก็บอกพวกเราได้แล้วละวะ พวก" คลอเวฟกล่าวอย่างเจื่อนๆ

              "แล้วเจ้ากับลูกสาวของนายพลจูเดทต้าเองก็คงจะเจอกันในการประกวดนั้นสิน่ะ แล้วจีน่าละ" โฮร่ากล่าวโดยเอ่ยชื่อจริงของจิลออกมา

              ลิเนียร์ตี้บอก "ฉันเห็นจิลเดินออกมาจากสตูดิโอใกล้ๆ เพราะถ่ายทำรายการเดียวกันแต่เป็นของเด็ก ก็ตกใจไม่น้อย เพราะเธอถูกทีมงานดึงตัวเข้าร่วมประกวดโดยไม่ฟังคำทัดทานเหมือนกับที่ฉันโดนนะคะ ซึ่งเธอก็ผ่านเข้ารอบมาด้วย และทางรายการก็ให้เธอที่เป็นดาวเด่นในการประกวดของเด็กมาร้องเปิดนำการประกวดคัดเข้ารอบชิงชนะเลิศ หลังจากที่ฉันกับคุณโดเรร่าผ่านเข้ารอบไปแล้ว ซึ่งก็มีเรื่องบ้าๆเกิดขึ้นมานะคะ"

              "ขอบคุณมากสำหรับหนูจีเนเวีย ดาเลนน่าด้วยนะคะ แม้ว่าหนูจะสวมหมวกอยู่ตลอดเวลาเลยก็ตาม" พิธีกรหญิงรายเดิมกล่าว "ถ้าเช่นนั้นเราจะเริ่มการแข่งคัดเข้ารอบชิงชนะเลิศกัน...." แต่ทว่า "แชด ตรูมมมม" มีเลเซอร์ยิงขึ้นไปบนเพดานสตูดิโอ จนทำให้เหล่าผู้แข่งขัน ทั้งลิเนียร์ตี้ โดเรร่าและจิลตกใจไม่น้อย และยิ่งตกใจมากขึ้น เมื่อ....

              "คุณดัลน่า ลาโคนิม ผู้ประกวดหมายเลข 3 ที่ไม่ผ่านการเข้ารอบนิน่า" โดเรร่าอุทานเมื่อเห็นหญิงผมสั้นสีดำถือปืนเลเซอร์ไรเฟิ่ลเดินเข้ามาตรงเวที

              "เออ คุณดัลน่าคะ คุณไม่ผ่านการตัดสินไปแล้ว จะกลับมาทำไมละ...." พิธีกรหญิงกล่าว แต่ดัลน่าหันปืนเลเซอร์ไรเฟิ่ลมาจ่อตรงพิธีกรพร้อมกับตะคอกไปว่า

               "ฉันจะกลับมาเพื่อเป็นผู้ชนะยังไงละ ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นผู้ชนะ ก็อย่าหวังเลยว่าจะมีใครได้กันน่ะ" แล้วก็หันมายังคณะกรรมการ "พวกแกก็เช่นกันเลยน่ะ ทั้งตาไม่ถึง หูแยกแยะเสียงไม่ออก วิจารณญาณไม่ดี เข้าข้างคนอื่นมากกว่าแบบนี้ สมควรจะโดนยิงให้เป็นรูพลุนแล้วละ" ซึ่งก็เอาปืนมาจ่อจนพวกกรรมการหวาดกลัวด้วย

              "ใจเย็นๆก่อนนะคะ ค่อยๆพูดกันก็ได้นิคะ" ลิเนียร์ตี้บอก จนดัลน่าหันมา

              จิลบอก "นั้นสิคะ คุณมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำเช่นนี้ ในเมื่อคุณไม่ผ่านเข้ารอบมา ก็ยังมีโอกาสครั้งต่อไปกันได้นิ"

              "ครั้งต่อไปนะหรือ ครั้งต่อไปนะหรือ คงจะมีบ้างน่ะ เพราะฉันไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไปแล้ว" ดัลน่าโวยลั่น แล้วก็จ่อปืนมายังทุกๆคนที่อยู่ในเวที "ฉันน่ะ ถูกคุณพ่อจับแต่งงานกับลูกชายประธานบริษัทที่เป็นเพื่อนของพ่อเพื่อขยับขยายธุรกิจให้กว้างไกล ทั้งๆที่ฉันอยากจะเป็นนักร้องบนเวที ซึ่งฉันจะต้องดังมากพอที่จะออกไปจากดาวดวงนี้เพื่อไปเป็นดาราที่เขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ ซึ่งถ้าฉันไม่ผ่านการประกวด คนของพ่อก็จะจับฉันกลับไป ซึ่งฉันยอมไม่ได้เป็นอันขาด" แล้วก็จ่อปืนตรงมายังโดเรร่ากับลิเนียร์ตี้กันด้วย "เพราะว่าพวกเธอเสียงดี หน้าตาน่ารักจนคณะกรรมการให้ผ่านเข้ารอบกันแบบนี้ ฉันควรจะจัดการกับเธอก่อนนี้แหละ"

              "แต่คุณก็น่าจะรู้ดีนิคะ ว่าถ้ายิงพวกเราบนเวที ซึ่งรายการนี้ถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งดาว ซึ่งนั้นหมายความว่าคุณได้ปรากฎบนจอทีวีของทุกบ้าน ทุกอาคารและทุกหนแห่งกันไปแล้ว ต่อให้คุณหนี ทางการก็มีเทปนี้อยู่ คุณไม่มีทางหนีไปได้เลยนะคะ" โดเรร่าบอก

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "วางปืนลงเถอะคะ เพราะอย่างน้อยเราไม่อยากให้มีความรุนแรงปรากฎขึ้นน่ะ"

              "หุบปากไปซะ เพราะฉันมาไกลเกินไปแล้ว ฉันยิงบอดี้การ์ดของพ่อที่ส่งมาไปแล้วจนพวกนี้ไม่มาจับฉันได้ ฉันก็สามารถยิงพวกเธอร่วงได้เช่นกันนี้แหละ" ดัลน่าบอก

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ทางที่ดี คุณควรจะวางปืนก่อนที่คุณจะเจ็บตัวกันนะคะ" โดยที่ส่งซิกให้จิลรับทราบไว้

              "เจ็บตัวนะหรือ พวกเธอมีแค่ไมค์ ในขณะที่ฉัน มีปืนเลเซอร์ไรเฟิ่ลที่พ่อฉันซื้อมาใช้ล่าสัตว์ที่มีเปลือกหนากันแบบนี้ พวกเธอจะทำอะไรได้" ดัลน่ากล่าว

              จิลบอก "ก็แบบนี้ไงคะ" ไม่ทันไรก็ "หวับบบ ป้ากกก" เสาไมค์พุ่งมาหวดใส่กลางหลังดัลน่าจนทำให้เธอเสียหลัก แต่เธอยังถือปืนกันอยู่ "ฟ้าวววว เปรี้ยงงงง" ลิเนียร์ตี้เลยพุ่งเข้ามาด้านข้าง และเสยฝ่ามือซ้ายกระแทกข้อศอกขวาของดัลน่าจนทำให้ปืนเลเซอร์ไรเฟิ่ลหลุด "ย้า" โดเรร่ากระโจนเข้ามา "โครมมมม ฟึ่บบบ กร็อบบบบ" อัดดัลน่าให้ล้มกองกับพื้น พร้อมกับจับแขนทั้งสองข้างของดัลน่าและถีบยันเข้ากลางหลังไปเต็มๆ

              "เออ คุณกำลังทำให้การประกวดร้องเพลงกลายเป็นการประลองในกรงแปดเหลี่ยมกันนะคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โดเรร่ากล่าว "ช่างประไรสิ เพราะฉันหมั่นไส้ยัยนี้มานานแล้ว ขอจัดหนักสักทีจะเป็นไรไปกัน"

              "ตึกๆๆๆๆๆ" ไม่ทันไร จูเดทต้าก็พาทหารจำนวน 6 นายมาทันที "เออ เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือทหารกันเลยนิคะ" พิธีกรหญิงกล่าว

              จูเดทต้าบอก "แต่ตัวคนร้ายมีอาวุธปืนเลเซอร์อยู่ในมือกันเช่นนี้ และลงมือกันโดยมีพยานจำนวนมากอยู่ทั้งในและนอกห้องส่งด้วย ทางเราจำต้องมาคลี่คลายสถานการณ์กันนี้แหละ" โดเรร่าชะงักที่เห็นจูเดทต้าโผล่มา เลยรีบปล่อยดัลน่าลง ซึ่งพวกทหารรีบเข้าควบคุมตัวเธอโดยเร็ว "และต่อให้พวกเธอทั้งสามคลี่คลายสถานการณ์ไปได้ แต่ฉันยังต้องสั่งลงโทษพวกเธอสองตนที่เผลอขัดคำสั่งไปด้วยน่ะ เจ้าหน้าที่ลิเนียร์ตี้ เจ้าหน้าที่จีน่า" ลิเนียร์ตี้ จิล และโดเรร่าเลยรีบวันทยาหัตถ์รับ

              "ขอโทษด้วยนะคะ ท่านนายพลจูเดทต้า ที่พวกเรา...." ลิเนียร์ตี้กล่าว

              จูเดทต้าบอก "ฉันสั่งพวกเธอสองคนมาพาตัวโดเรร่ากลับฐาน แล้วหายหัวไปสัปดาห์หนึ่ง นึกว่าพวกเธอไปเจอเรื่องร้ายแรงอะไรเข้า ซึ่งฉันไม่อยากจะเสียเวลาอยู่นี้ จนตกเป็นข่าวกันได้หรอกน่ะ"

              "เออ คุณเป็นแม่ของคุณโดเรร่านิ คุณอนุญาตให้เธอลงแข่งหรือเปล่าละคะ" พิธีกรหญิงถาม

              จูเดทต้าส่ายหน้า "ทั้งลิเนียร์ตี้ ทั้งจิล และโดเรร่านั้น ฉันไม่ได้อนุญาตให้พวกเธอทำเช่นนี้แต่แรกอยู่แล้ว อีกอย่าง พวกคุณดำเนินรายการกันยังไง ปล่อยให้ทีมงานทำงานสะเพร่าไปเอาเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ไทรเวเซอร์เข้าร่วมประกวด โดยปิดบังผู้เข้าแข่งขันตัวจริงทั้งสองที่ไม่มาร่วมประกวดกันเลยน่ะ" ทั้งรายการถึงกับชะงักลง


              "ที่นายพลจูเดทต้าว่ามาเป็นความจริงนะหรือ" โฮร่ากล่าว

              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "ท่านนายพลจูเดทต้าสืบเรื่องผู้เข้าแข่งขันทั้งสองกันมาแล้ว พบว่าผู้แข่งขันคนแรกนั้น เธอถูกนำไปรักษาอาการโรคหัวใจแบบฉุกเฉิน ซึ่งผู้ปกครองมาแจ้งสละสิทธิ์ไว้ จนทีมงานร้อนรนและรีบเอาฉันมาสวมรอยแทน เพราะผู้แข่งขันคนแรกหน้าตาคล้ายฉันมาก และเธอก็ผ่านรอบไบลนด์ออดิชั่นไว้แล้ว ส่วนผู้แข่งขันเด็กนั้น เธอถูกผู้ปกครองของเด็กที่ไม่ผ่านรอบไบลนด์ออดิชั่นเอาไปขังไว้ และกะจะให้ลูกสาวเข้าสวมรอย แต่ทีมงานที่ไม่เห็นผู้แข่งขันเด็กมา เลยพาตัวจิลมาร่วมแข่งแทน จนตอนนี้ เจ้าของรายการได้ลงโทษทีมงานทั้งสองกลุ่มที่ทำงานชุ่ยไปแล้ว และการประกวดดังกล่าวนั้น นายพลจูเดทต้าสั่งให้ผลเป็นโมฆะไปทันที เพราะโดเรร่าปลอมนามสกุลเข้าประกวดไว้" แล้วก็เล่าต่อ "ส่วนคุณดัลน่า แม้จะถูกจับเข้าเรือนจำ เพราะเอาอาวุธปืนมาก่อเรื่องทำร้ายคนและสร้างความเสียหายไป ตอนนี้เธอได้ร้องเพลงให้กับเหล่านักโทษฟังสมใจอยาก พร้อมกับผู้ปกครองเด็กที่ลักพาตัวไปแล้วละคะ"

              "แล้วคนพ่อเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้เลยสิน่ะ" โฮร่าบอก

              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "พ่อของคุณดัลน่าถูกสอบปากคำ ฐานมีอาวุธของทหารไว้ในครอบครอง แม้จะมีใบอนุญาต แต่พอคุณจูเดทต้าสืบต่อไปอีก ก็พบว่า ปืนนี้เป็นหนึ่งในอาวุธที่พวกริดโอปล่อยขายแบบพรีเมี่ยมโดยส่งเป็นเมล์กระจายแบบสุ่ม ซึ่งทำให้หลุดรอดจากการตรวจสอบของทางการกันไว้ เลยถูกสั่งปรับและจำคุกคนละที่กับที่ลูกสาวโดน ส่วนบริษัทนั้น....เห็นว่าตอนนี้รองประธานรับช่วงต่อ และยกเลิกข้อตกลงกับบริษัทของอีกฝ่ายที่พ่อของคุณดัลน่าลงไปแล้วนะคะ"

              "นั้นแหละน่ะ คือผลของการไม่ยอมรับในความเป็นจริง และไม่ปล่อยวางในสิ่งที่ตนอยากเป็นไว้ รวมถึงไม่รู้จักคิดหาทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ ซึ่งถ้าดัลน่าคิดวิธีอื่นที่ดีกว่าวิธีรุนแรงแบบนั้นได้ เธอก็คงไม่ลงเอยในสถานที่แย่ๆหรอกน่ะ" โฮร่าบอก และหันมาถาม "แล้วโดเรร่าล่ะ"

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "นายพลจูเดทต้าตักเตือนโดเรร่ากันอย่างยกใหญ่ แม้โดเรร่าทำไปนั้นเพราะเธออยากให้นายพลจูเดทต้าเห็นเธอร้องเพลง หลังจากที่ท่านนายพลไม่มาดูคุณโดเรร่าร้องในช่วงที่เธอเป็นเด็กกัน มิได้อยากจะเป็นนักร้องกันจริงๆก็เท่านั้นเอง แต่เธอก็ทำผิดกฎฐานขาดงานโดยไม่มาแจ้งไว้ และถูกลงโทษด้วยการร้องเพลงให้กับพวกทหารในช่วงพักเอาไว้ ส่วนฉันกับจิล ก็โดนลงโทษและตักเตือนด้วย ฐานฝ่าฝืนคำสั่งโดยไม่ได้ตั้งใจไว้ด้วย พร้อมกับอธิบายเรื่องยุ่งๆของการเป็นดารานักร้องน่ะ"

              "ฉันก็พอรู้มาบ้างน่ะ ว่าการเป็นดาราไม่ว่าจะเป็นนักแสดงก็ดี นักร้องก็ดี เวลาว่างหรือช่วงที่เป็นอิสระจะมีน้อยหรือแทบไม่มีเลย เพราะต้องโฟกัสไปกับเรื่องต่างๆนาๆ ซึ่งฉันก็เคยเห็นตอนที่อยู่แรซัลก้ามาบ้าง ว่าพวกเธอไม่มีเวลาให้พักผ่อนหรือเป็นส่วนตัวกันเสียเลย จากการที่พวกเธอต้องเดินสายโชว์ตัว แสดงหรือเข้าร่วมรายการนั้นๆ เพื่อให้ผู้คนจดจำและรักษาชื่อเสียงให้ยั่งยืนหรือทำให้โด่งดังยิ่งขึ้น โดยไม่สนว่าพวกเธอจะเป็นยังไงบ้าง ส่งผลให้มีการฆ่าตัวตายเพราะเครียดหรือกังวลกันไปด้วย ซึ่งเธอกับจีน่า คงจะได้โอวาทนี้จากนายพลจูเดทต้ามาแล้วสิน่ะ" โฮร่าบอก

              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "แม้จะรู้สึกเสียดายนิดๆที่ไม่ได้เป็นไอดอลกันจริงๆ แต่......ก็ดีแล้ว ที่ไม่ต้องเจอเรื่องวุ่นวายที่แย่ยิ่งกว่าการปะทะกับพวกศัตรูโหดๆและเยอะๆ ด้วยกันกับพวกเราทุกๆคนกันนะคะ"

              "ถึงกระนั้น ฉันจำต้องดึงเธอออกจากความวุ่นวายและอันตรายที่ย่างกร่ายเธอกันอยู่ดีนี้แหละ ลิเนียร์ตี้ ดังนั้น ฉันจึงอยากให้เธอโฟกัสไปที่การฝึกฝนเอาไว้ อย่างน้อย ก็เพื่อให้เธอรู้จักควบคุมตนเองมากกว่านี้ จะได้ควบคุมพลังที่มากเกินไปได้ โดยไม่ต้องพึ่งผนึกที่ฉันใส่ไว้กันด้วยน่ะ" โฮร่ากล่าว

              ลิเนียร์ตี้ถาม "คุณพูดเหมือนกับว่าคุณไม่สามารถช่วยฉันด้วยการดึงเอาพลังส่วนเกินออกไปกันละสิคะ"

              "ใช่ เพราะอีกทางเลือกที่สาม นอกเหนือจากพยายามควบคุมพลังตนเองหรือยอมจำนนให้พลังนั้นทำลายเธอเอง นั้นก็คือ....การโหลดพลังที่มากเกินไปให้เด็กในท้องของเธอกันนี้แหละ ซึ่งเป็นวิธีสิ้นคิดที่พวกแมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้หญิงส่วนมาก มักจะชอบทำกัน เวลาที่หาทางออกอื่นไม่ได้แล้วน่ะ" โฮร่าบอก ลิเนียร์ตี้ได้ฟังก็อึ้งขึ้นมา โฮร่ากล่าว "ซึ่งฉันคงไม่อธิบายเรื่องนี้ซ้ำอีกแล้วนะ ลิเนียร์ตี้ และฉันไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นด้วย"

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "เข้าใจแล้วละคะ ท่านโฮร่า"


              หลังจากนั้น ลิเนียร์ตี้ก็รับการฝึกฝนเหมือนเช่นเคย

              "สาวกลิเนียร์ตี้มีสมาธิมากขึ้น จนเธอไม่ออกอาการขยับตัวหรืออยู่ไม่นิ่งให้เห็นเลยนะคะ" เพรแครกิสรุ่นพี่ผมสีเขียวอ่อนกล่าวกับโฮร่า เช่นเดียวกับ เพรแครกิสผมสั้นสีส้มรายงาน

              "ตลอด 4 วันที่ผ่านมานั้น ลิเนียร์ตี้สำรวมมากขึ้น เห็นได้จากการที่เธอขยับตัวเหมือนกับเพรแครกิสรายอื่นๆกัน แม้จะมีจังหวะที่ออกตัวเร็วไปบ้างก็ตามคะ"

              "เมื่อกี้นี้ พวกเจ้าบอกว่าลิเนียร์ตี้นิ่งอย่างงั้นใช่มั้ยละ" โฮร่าบอก เพรแครกิสรุ่นพี่ทั้งสองพยักหน้า เธอจึงบอกไปว่า "งั้นพวกเจ้ากลับไปพักได้แล้วละ" แล้วเพรแครกิสรุ่นพี่ทั้งสองเดินออกไป

              ทาเลเวียถาม "ลิเนียร์ตี้ประพฤติดีมาตลอด 4 วันนั้น มันเป็นเรื่องดีแล้วนิคะ"

              "ดีเกินไปซะมากกว่าน่า เพราะฉันรู้ว่าเธอผ่านการนั่งทำสมาธิมาจากนักรบอดีตมนุษย์ที่มีกลิ่นไอของคนตายสีมรกตมา เธอจึงใช้วิธีดังกล่าวทำให้สติของเธอนิ่งสงบเหมือนไร้การเคลื่อนไหวใดๆกันก็จริง" โฮร่ากล่าว "แต่.....ถึงแม้เธอจะคุมสติเพื่อให้เพรแครกิสรุ่นพี่มองว่าเธอปรับตัวเข้ากับพวกสาวกรุ่นฝึกหัดกันได้ก็จริง ข้ายังเห็นจิตของเธอเหมือนกระต่ายที่พยายามยืนตัวตรงแบบฝืนธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัดเลยละ"

              อาเดเลียบอก "แปลว่าเธอแกล้งทำอย่างงั้นนะหรือคะ"

              "แต่ข้ายังเห็นว่าลิเนียร์ตี้มีความมานะพยายามอยู่บ้างน่ะ เพราะเธอรู้แล้วว่า ถ้าเธอไม่ตั้งใจให้มากกว่านี้ ตัวเธอเองก็จะแย่แน่นอน เหมือนในช่วงแรกๆที่เธอตั้งใจมากไปหน่อยจนพลาดพลั้งเสียเอง แต่หลังจากที่ฉันเปิดเผยเรื่องที่เธอมีโปรแกรมราคะอยู่ในตัวและพูดให้เธอเปิดเผยตนเองมาแล้ว เธอค่อยๆปรับตัวเข้ากับพวกเราได้ทีละนิด เหมือนเธอรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ" โฮร่าบอก

              ทาเลเวียกล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีใครช่วยเธอรอดได้ นอกจากตัวเธอเองสินะคะ เลยพยายามอย่างเต็มที่กันน่ะ"

              "เพียงแต่ ลิเนียร์ตี้น่าจะรู้คติที่ว่า ตึงไปไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี เดินสายกลางคือทางเลือกที่ถูกต้อง และกำลังทำอยู่แน่นอน" โฮร่ากล่าว และหันมากล่าว "ว่าแต่ การเฝ้าระวังส่วนสำคัญภายในนาวาลำนี้ ไม่หย่อนยานเลยใช่มั้ยละ"

              ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังโฮร่ากล่าว "ทุกๆคนที่ดูแลภายในยานนั้น ทำงานเหมือนเช่นเคย แม้ว่าจะมีบางคนป่วยบ้าง แต่ฉันได้แจ้งพวกหมอไปดูแลกันแล้วคะ" โดยนำภาพเจ้าหน้าที่ช่างเพรแครกิสที่ป่วยได้รับการรักษาจากคุณหมอเพรแครกิสกันแล้ว

              "ดีแล้วละ ว่าแต่ อีฟฟัลซิน ช่วยอะไรสักอย่างได้มั้ยละ" โฮร่ากล่าว

              อีฟฟัลซินบอก "ว่ามาเลยคะ ท่านโฮร่า อย่างน้อย ฉันมีหน้าที่ในการดูแลทุกๆคนที่อยู่ในสวนป่าและภายในยานลำนี้กันอย่างดีแล้วคะ" แล้วโฮร่าก็บอกกับต้นไม้อันเป็นคอมพิวเตอร์ควบคุมยานทั้งลำ

              "......." ลิเนียร์ตี้อาบน้ำพร้อมกับพวกเพรแครกิสที่กำลังอาบน้ำอย่างตั้งใจกันอยู่ แต่เธออาศัยโอกาสที่พวกเพรแครกิสไม่สังเกตุเห็น แยกตัวออกไปพร้อมกับ "ซ่า" ดำลงไปในทะเลสาป และว่ายลึกลงไป "อา ทะเลสาปแห่งนี้เหมือนกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งต้องมีการไหลเวียนเพื่อนำน้ำที่เสียไปกลั่นกรองและชำระล้างให้สะอาด ก่อนจะนำลงสู่น้ำตกมายังทะเลสาป เช่นเดียวกับภายในเอ็กโซดัสอาร์คกันนี้แหละ" ลิเนียร์ตี้กลั้นหายใจและมองเห็นช่องตะแกรงกรองน้ำ "ภาวนาว่ามันคงไม่แคบจนฉันติดอยู่ในท่อกันน่า" ลิเนียร์ตี้คิดในใจพร้อมกับ "แกร็ก ครืดดดด" ใช้แรงถอดฝาตะแกรงออก เพื่อมุดเข้าไปในท่อ ซึ่งเธอโชคดีมาก ที่ท่อระบายน้ำนั้นมีขนาดใหญ่และกว้างมาก เพียงแต่การไหลเวียนของน้ำแรงมากจนส่งเธอไปตามท่อ "ซ่า" และพามายังบ่อบำบัดขนาดใหญ่ที่อยู่ในยาน ซึ่งลิเนียร์ตี้ร่วงลงมา และรีบว่ายขึ้นจากบ่อโดยเร็ว แล้วเดินไปตามทางเดินในสภาพตัวเปียกกัน

              "น่าประหลาดจังเลยน่ะ ที่สาวกสามเขานั้นปรับตัวได้ง่ายๆ ทั้งๆที่เธอดูไม่นิ่งมากที่สุดเลยน่ะ" ยามเพรแครกิสสวมหมวกสีขาวติดปีกสีขาวตนหนึ่งคุยกับเพื่อนร่วมงานที่เดินตรวจตราตามทางเดินไว้ จนลิเนียร์ตี้ต้องรีบหลบพิงกับกำแพงไว้

              "เธอไม่นิ่งไม่แปลกหรอก เพราะเธอเป็นแมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้กันแล้วนิ แถมเธอมีเพรแครทไดรมอนด์ของท่านพี่ฮัลลี่อยู่ด้วยน่ะ" ยามเพรแครกิสตนที่สองบอก

              ยามตนแรกพยักหน้า "ต่อให้เธอเป็นสาวกได้ก็จริง แต่ตราบใดที่ท่านโฮร่าวางผนึกติดตัวสาวกสามเขาอยู่ ถึงพยายามจะหนีไปได้ ก็คงออกนอกยานไปไม่ได้อยู่ดีนี้แหละ" แล้วทั้งสองก็เดินผ่านไป โดยที่ลิเนียร์ตี้อาศัยจังหวะที่พวกยามไม่สนใจ รีบวิ่งไปตามทางเดินโดยเร็ว

              "ตอนนี้ ฉันคงต้องเลี่ยงห้องสื่อสารและห้องคอมพิวเตอร์ไว้ก่อน เพื่อมิให้พวกมอสวอร์ทที่ติดตามหาพวกคุณโฮร่านั้นพบเจอได้แน่นอน และฉันแน่ใจว่า ยานลำนี้ไม่มีคลังแสงเก็บอาวุธได้แน่ๆ เว้นเสียแต่มีไว้เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ของเหล่าสาวก ซึ่งรวมถึงคิวตี้เซเบอร์และชุดเกราะของฉันด้วย" ลิเนียร์ตี้คิดในใจ และเดินไปตามทางเดิน โดยมองตามประตูทุกห้อง ตั้งแต่ห้องสมุด ห้องเรือนกระจกปลูกสมุนไพรและพืชผัก ห้องโถงว่าง 3-4 ห้อง ซึ่งมีเพรแครกิสที่มีปีกสีอื่นที่มิใช่สีขาว ตั้งแต่มีสีแดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน ม่วง ชมพู ไปจนถึงสีเทา หรือมีสองสามสีคละกันด้วย ลิเนียร์ตี้แม้จะสงสัย แต่ก็รีบวิ่งแบบก้มตัวลงเพื่อมิให้เพรแครกิสตนอื่นในห้องเห็น

              "เมื่อกี้ เห็นใครแว่บๆละเนี้ย" เพรแครกิสปีกสีเขียวอุทานโดยที่เธอเขียนบนแพดด้วยปากกาไว้ 

              แล้วลิเนียร์ตี้ก็วิ่งไปจนกระทั่งมาถึงห้องที่มีป้ายติดอยู่เหนือประตูว่า โถงพักของเหล่าสหายเก่า เอาไว้ ซึ่งลิเนียร์ตี้ได้เปิดประตูเข้าไปดู "นี้มัน พิพิธภัณฑ์รูปปั้นนะหรือเนี้ย" ลิเนียร์ตี้อุทาน เมื่อได้เห็นรูปปั้นของเหล่านักรบเพรแครททั้งหลายที่ยืนนิ่งบนสแตนด์ที่มีสนามพลังสีขาวอยู่รอบนอกไว้ ลิเนียร์ตี้เลยเดินดูภายในห้องโถง เพื่อดูรูปปั้นของเหล่านักรบเพรแครทเดี่ยนที่ยืนรวมกลุ่มกัน "ทาโอเพรแครท แนชเชอรอลเพรแครท ปาปิยองเพรแครท โฟว์โครฟเวอร์เพรแครท ฟาวเวอร์ฮาร์ทเพรแครท แฟรี่เทลเพรแครท ทรัมป์การ์ดเพรแครท ปาทิชิเย่เพรแครท แมจิคเชี่ยนเพรแครท คอสทูมเพรแครท มีแค่ป้ายระบุชื่อกลุ่ม ไม่ระบุว่าใครเป็นใครกันแน่น่ะ" เธอกล่าวโดยที่ไม่รู้ว่า....

              "พบตัวสาวกที่ท่านหาแล้วละคะ" มีคนรายงานจากข้างนอกอยู่

              "แต่ที่น่างงก็คือ รูปปั้นเซตที่มีผ้าคลุมนี้สิ มีอักษรที่ตีตราเอาไว้กันด้วยน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว และเดินมาตรงสแตนด์รูปปั้นที่ถูกผ้าคลุมไว้ เธอจึงคลี่มันออก จนเผยให้เห็น นักรบเพรแครททั้งสี่ ในชุดสู้รบที่เหมือนชุดเดรสกระโปรงยาว "ปริ้นเซสเพรแครท ถูกลงโทษด้วยกฎอสมมุติเทพ โดยเจ้าหญิงที่แท้จริงทั้ง 3 เอ้....แต่รูปปั้นนี้มันมีสี่นิ แสดงว่า เรื่องที่เนคมาดูซัมเล่าเกี่ยวกับองค์ราชทายาทคิโคเดนนั้นเป็นจริงแน่ๆ แต่...คิโคเดนมีน้องสาวด้วยหรือ...." ลิเนียร์ตี้นั่งคิดอยู่นาน จนกระทั่ง

              "เธอได้เห็นเหล่าพวกพ้องเดิมของฉันที่อยู่ในสเตชัวร์สเตซิสแล้วละสิน่ะ ลิเนียร์ตี้" เสียงนั้นกล่าวขึ้น ลิเนียร์ตี้เลยหันมา ก็เห็นโฮร่ายืนอยู่ข้างหลัง พร้อมกับอาเดเลียและทาเลเวียด้วย

              "ฉลาดมากเลยน่ะ ที่มุดหนีออกจากสวนป่าลงมาในยานได้ ส่วนหนึ่งเธอคงจะใช้ความรู้และความคุ้นเคยที่อยู่ในยานแบบเดียวกันกับยานลำนี้ หลบหนีมาถึงตรงนี้เลยสิน่ะ" อาเดเลียบอก

              ทาเลเวียบอก "แต่เธอก็น่าจะรู้ดีน่ะ ว่าเราไม่มีทางให้เธอหนีไปได้อยู่แล้วน่ะ"

              "อย่างน้อย ฉันจำเป็นต้องรู้เรื่องของเหล่าเพรแครทเดี่ยนกันบ้างนะคะ แม้ว่านั้นจะเป็นความรู้ต้องห้ามที่ท่านไม่อนุญาตให้ฉันได้รับรู้ไว้น่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่ากล่าว "ถึงแม้ว่าเธอมาที่นี้เป็นครั้งแรกด้วยความไม่ตั้งใจก็ตาม ฉันอาจจะเห็นใจเธอกันบ้างก็จริง แต่การที่เธอหนีมาที่นี้ด้วยความจงใจนั้น ยังไงก็ถือว่าเป็นความผิดอยู่ดีนี้แหละ" แล้วก็เดินมาตรงรูปปั้นของทาโอเพรแครทที่มีสมาชิกถึงสามตน "และแม้ฉันจะไม่ใส่ชื่อของพวกพ้องของฉันแต่ละราย เพื่อมิให้เพรแครกิสรุ่นหลังจากพวกเธอนี้ได้รับรู้จนเกิดอยากจะเป็นตามพวกเขากันบ้าง ซึ่งผิดหลักความตั้งใจของฉันไว้น่ะ แต่เธอก็คงจะรู้เรื่องของพวกเขาได้เองอยู่แล้วนิ"

              "รู้เรื่องของพวกเขาเองนะหรือคะ เดียวก่อนนะคะ หรือว่า เพรแครทไดรมอนด์ของคุณฮัลลีนนั้น...." ลิเนียร์ตี้บอก

              โฮร่าพยักหน้า "ฮัลลีน่าสนิทและรู้จักกับพวกพ้องของฉันที่อยู่ในนี้กันหมดทุกราย รวมถึงเพื่อนพ้องแสนดีของฉันอย่างพวกปริ้นเซสนี้ด้วย แม้ว่าพวกเธอไม่ได้ตั้งใจจะใช้สมญาว่าองค์หญิงเพื่อตีตนเสมอพี่น้องขององค์ราชทายาทเทพกันก็จริง แต่เหล่าน้องสาวขององค์ราชทายาทเทพ ตีตราด้วยผ้าคลุมนี้ให้เป็นตราบาปโดยที่ไม่ได้ก่อเอาไว้ด้วย ซึ่งฉันเองก็คงให้พวกเธออยู่ในสภาพเช่นนี้ ต่อให้พวกเธอรอดพ้นจากเทพแห่งสงครามเหมือนกับฉันและพวกเลยก็ตามน่ะ" แล้วก็เอาผ้าคลุมคลี่ไว้ตามเดิม "แน่นอน ว่าฮัลลีนยั้วะมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งฉันพยายามห้ามเธอแล้ว สุดท้าย ฮัลลีนก็...."

              "คุณฮัลลีนคงจะเป็นห่วงเพื่อนพ้องอย่างมากเลยนะคะ แม้จะทำอะไรเกินตัวเลยก็ตาม" ลิเนียร์ตี้รู้สึกเห็นใจกับเรื่องของโฮร่าไว้

              โฮร่ากล่าว "เพราะอย่างงั้นแหละ เพรแครทไดรมอนด์ของฮัลลีนไม่ใช่แค่สามารถเลียนแบบพลังและท่าไม้ตายของพวกพ้องที่อยู่ในนี้กันอย่างเดียว แต่มันคือบันทึกความทรงจำของฮัลลีนที่มีต่อพวกเธอด้วย นั้นคือเหตุผลที่ฉันต้องคุมตัวเธอไว้น่ะ" โดยตอนนี้หน้าอกของลิเนียร์ตี้เรืองแสงสีชมพูขึ้นมา เพียงแต่มีวงแหวนแสงสีทองปกคลุม อันเป็นผนึกของโฮร่าสกัดกั้นไว้ "แน่นอน ว่าเพรแครทไดรมอนด์ที่อยู่ในร่างของเธอนั้น ตอบสนองต่อพวกพ้องของฉันที่หลับไหลอยู่ ซึ่งอาจจะทำให้พลังในตัวของเธอเสียสมดุลย์อีกครั้ง จากการที่พลังเพรแครทของทุกคนไหลเข้าตัวเธอไว้น่ะ" โดยที่สนามพลังแห่งแสงสว่างขึ้นมาสกัดกั้นพลังงานไว้โดยเร็ว

              "แน่นอน ว่ามีเพรแครกิสอย่างเธอหลงเข้ามาในนี้ และได้รับพลังจากพวกพ้องของเราส่วนหนึ่งไป จนทำให้ปีกของพวกเธอถูกย้อมด้วยพลังของเพรแครทดังกล่าว จนมีสีที่ต่างจากสีขาวแบบที่เธอเป็นอยู่" ทาเลเวียบอก

              อาเดเลียกล่าว "แน่นอน ว่าเรากักพวกเพรแครกิสที่มีสภาพดังกล่าวเอาไว้ ให้แยกออกจากกลุ่มที่อยู่สวนป่า โดยให้พวกเธอทำหน้าที่ภายในยาน ตั้งแต่ช่างซ่อมบำรุง ช่างตรวจสอบระบบภายในยาน ผู้ดูแลเรือนกระจก ผู้แบกน้ำ ผู้ตรวจตราความปลอดภัยภายในยาน และปกป้องภัยจากนอกยานกันด้วย ซึ่งพวกเราทั้งสองมีหน้าที่ควบคุมดูแลเหล่าเพรแครกิสเหล่านี้ไว้เอง แม้ว่าจะมีอีฟฟัลซิลดูแลเลยก็ตาม"

              "อีฟฟัลซิลนะหรือ" ลิเนียร์ตี้กล่าว แล้วก็มีหน้าจอบินลงมาจากเพดาน เปิดภาพตัวการ์ตูนรูปต้นไม้เอาไว้

              "ฉันคืออีฟฟัลซิล ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่รับผิดชอบทุกส่วนของยานอาร์คเพรแครทที่ท่านโฮร่าและพวกเธอยืนอยู่กันไว้ ซึ่งทุกความเคลื่อนไหวของเธอที่ทำอยู่นั้น ฉันได้รู้เห็นและแจ้งต่อท่านโฮร่าเองนี้แหละ" โดยที่เผยกล้องวงกลมติดบนเสาและเพดาน รวมถึงตามทางเดินด้วย

              "แต่คงไม่ส่งเสียงดัง เพราะไม่ให้เพรแครกิสที่อยู่ในยานตื่นตระหนกกันละสิคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              อีฟฟัลซิลบอก "ทุกอย่างภายในยานต้องอยู่ภายใต้ความสงบ ตามคำสั่งของท่านโฮร่าไว้ ซึ่งเธอทำผิดกฎ ดังนั้นจะต้องได้รับการลงโทษกัน" โฮร่าพยักหน้าแล้วก็ "แว้ง" ดีดนิ้วขึ้น "ครี้งงงง" ปรากฎโซ่แห่งแสงมัดตัวลิเนียร์ตี้อย่างทันควัน 

              "ดังนั้น ฉันคงต้องให้เธออยู่ในสภาพนี้อีกสี่วันแล้วกันน่ะ อย่างน้อยให้เธอมีสมาธิจดจ่อกับการฝึกฝนเอาไว้น่ะ" โฮร่ากล่าว แล้วอาเดเลียและทาเลเวียพาลิเนียร์ตี้ออกไปจากห้อง โดยพามานั่งตรงหน้าโฮร่าไว้ เพียงแต่....

              "แย่ชะมัด นี้มันหนักกว่าที่คิดไว้เสียอีกน่ะ" ลิเนียร์ตี้ตัดพ้อ เพราะเธอถูกจับสวมปลอกคอสีทอง สวมกำไลตรงต้นแขน ข้อมือ ที่ท้อง ท้องน้อย ต้นขา และข้อเท้าเอาไว้ ซึ่งกำไลถูกล็อกด้วยโซ่แห่งแสงเพื่อกันมิให้เธอขยับตัวได้ถนัด เป็นแบบนี้อีกสี่วันต่อมา

     

              แล้วเวลาก็ผ่านไป จนถึงวันที่ 14 เขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยน  ที่ดาวบาดูอิน ระบบดาวอินเกรต้า  

              "พวกไทรเวเซอร์น่าจะมากันได้แล้วน่ะ หลังจากที่เราได้รับข่าวจากท่านเดลวูล ว่ามียานของพวกแมนิเกเตอร์เกราะหนาสีดำบินกลับเข้ามากันแล้วน่ะ" แม่ทัพพูฟมาสกล่าว โดยเขานำกองรบแมทเฟลิมมาดักรอนอกดาวตามที่เขาคาดการณ์ไว้ ซึ่งเขารอมานานราว 3 ชั่วโมงแล้ว จนกระทั่ง ทหารแมทเฟลิมตนหนึ่งมารายงาน

              "เรียนท่านแม่ทัพพูฟมาส เกรงว่า พวกไทรเวเซอร์คงไม่โผล่มาที่ดาวดวงนี้กันแล้วละคะ"

              "หมายความว่ายังไงกันน่ะ ในเมื่อพวกนั้นมักจะใช้ดาวดวงนี้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งแรกของการเข้ามาในเขตอวกาศของเรากัน และพวกมันคงไม่มีทางโผล่ไปยังระบบดาวที่ห่างจากระบบดาวนี้ จนพวกมันเสียพลังงานไปโดยใช่เหตุกันเลยนิน่า" พูฟมาสบอก

              ทหารแมทเฟลิมบอก "ทางเราได้รับสัญญาณขอกำลังเสริมจาก....กองทหารโกลเดี้ยมในระบบดาวเครโอนอล ซึ่งตอนนี้ พวกไทรเวเซอร์กับเหล่าแมนิเกเตอร์ บุกจู่โจมกันแล้วละคะ"

              "ระบบดาวเครโอนอลนะหรือ นั้นมันศูนย์ผลิตกองทหารโคลนนิ่งกันมิใช่หรือ....พวกไทรเวเซอร์ไม่น่าที่จะรู้ที่ตั้งไปได้...." พูฟมาสกล่าวและนึกขึ้นมาได้ว่า "บ้าที่สุด ไอ้พวกนักรบเกราะเขียวมันต้องได้ข้อมูลที่ตั้งของระบบดาวนั้นไว้แน่ๆ"

              ทหารแมทเฟลิมบอก "เพราะอย่างงั้นนะคะ เราต้องรีบนำกำลังส่วนหนึ่งไปช่วยโดยด่วนนะคะ"

              ตัดกลับมาที่ดาวเครโอนอล ระบบแมโปด้าของพวกโกลเดี้ยม ที่ตอนนี้.... "ฟ้าวๆๆๆๆๆๆๆ" ยานรบทรงกลมยาวสีทองของพวกโกลเดี้ยมระดมยิงลำแสงอนุภาค สนับสนุนวอร์แมชชีนที่เป็นยานติดลูกกลมสีทองตรงกลาง โดยที่วอร์บอทของพวกโกลเดี้ยมเป็นลูกบอลสีทองที่ติดแขนอาวุธและส่วนหัวครึ่งทรงกลมเอาไว้ "กองรบโกล์บเจ็ท โกล์บดรอย อย่าปล่อยให้พวกแมนิเกเตอร์หลุดเข้าไปในดาวได้เป็นอันขาดเลย" นายกองชาวโกลเดี้ยมที่ตัวเล็กกล่าวด้วยความโกรธจนขยายตัวเป็นตัวใหญ่ขึ้นมา ซึ่งฝูงยานบินและหุ่นทรงกลมระดมยิงลำแสงใส่กันอย่างยกใหญ่ "เปร้งๆๆๆๆๆๆ" แต่ลำแสงอนุภาคกลับสะท้อนออกไปกันหมด เช่นเดียวกับลำแสงจากปืนใหญ่กันด้วย "เอานี้ไปกินซะ" จ่าฝูงโกล์บดรอยนำโกลบ์ดรอยของตน "หึมๆๆๆๆ แชดดดด" ยิงลำแสงจากส่วนลูกบอลเข้าใส่ตรงสะพานเดินเรือไทรแองเกิ้ลเข้า

              "ปั้กๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงง" แต่ลำแสงกลับถูกต้านไว้ก่อนที่จะปะทะกับสะพานเดินเรือจนสลายไป ซึ่งเป็นฝีมือของ.... "เกือบไปแล้วนะคะ คุณมาสวาร์ทาร์" แอมเบอร์กล่าว เมื่อมาสวาร์ทาร์นำลอร์ดวาทรัลติดพาร์ทเคาน์การ์ด ซึ่งใช้โลห์ขนาดใหญ่สองอันมาป้องกันลำแสงไว้

              มาสวาร์ทาร์บอก "แน่ละ เพราะพวกพันธมิตรของเดลอาเนี่ยนนั้น ตั้งใจจะจัดการกับเราให้จบเรื่องกันด้วย ซึ่งฉันรู้อยู่แล้วน่ะ" แล้วก็บอก "เมดิน่า ต้องลำบากเธอแล้วน่ะ"

              "ยังดีหน่อยหนึ่งนะคะ ที่คุณแอนเดรียและคุณจิลมาช่วยด้วยอีกแรง เลยทำให้เบาแรงไปบ้างนะคะ" เมดิน่าบอก โดยตอนนี้เธอใช้พาร์ทฮาร์ดแคนน่อนสร้างกำแพงปริซึมโปรเทคชั่นวอลเสริมกับฟาลครีด้าของแอนเดรีย และจิลที่ติดตั้งเซนติเนลล่าพาร์ทไว้

              ไลเอิร์ทบอก "แต่ไอ้พวกหุ่นทรงกลมนั้นมันมาเยอะกว่าที่คิดไว้น่ะ ครู" เพราะตอนนี้โกลบ์ดรอยแห่ออกจากยานรบของพวกโกลเดี้ยมกันเป็นจำนวนมากแล้ว 

              "เรื่องนั้นพวกเรารู้อยู่แล้วละ" แฮรี่กล่าว "คุณโดซี่ สั่งการมาเลยครับ"

              โดซี่พยักหน้า "นิโคลัส เธอนำทีมสติลลิมบ์บุกจู่โจมกองรบฝั่งซ้าย รอมมิชพาทีมบุกไปทางขวา แฮริสัน สกัดกั้นตรงกลางเอาไว้ กองรบไทรเวเซอร์จะทำหน้าที่สนับสนุนและช่วยรบด้วยอีกแรงแล้วกัน"

              "แต่ดูเหมือนว่า ไอ้พวกแคระพองลมมันไม่ยอมให้เราบุกได้แล้วละ" น็อกกี้บอก เพราะเห็นซุปเปอร์วอร์บอทของพวกโกลเดี้ยม ซึ่งเป็นหุ่นที่มีลูกบอลติดอยู่ตรงกลางหน้าอก หัวไหล่และหัวเข่าทั้งสองด้าน โผล่ออกมาจากดาดฟ้ายานจำนวนละ 40 ตัวด้วยกัน

               "สั่งสอนมันเดียวนี้เลย กองรบโกลบ์เรนโด้" นายกองโกลเดี้ยมสั่ง

              "เอานี้ไป พลาสม่าสปอร์บอมส์" นักบินโกลเดี้ยมยิงกระสุนลูกบอลสีฟ้า ซึ่งพุ่งออกมาอย่างช้าๆ แต่ก็ขยายขนาดขึ้นทุกวินาทีด้วยกัน "ตรุ้งงงงง แฟ้วววว ตรูมมมม" นาเดียยิงเทอโบบาซูก้าเป่ากระสุนลูกบอลให้ระเบิดไป แต่พวกโกลบ์ดรอยก็ "ตรุ้งๆๆๆ ฟ้าววววว ฟ้าววว ฟ้าววว" ยิงกระสุนสีน้ำเงินออกมา 4 ลูกและค่อยๆพองตัวอย่างรวดเร็วจนมีขนาดใหญ่ขึ้น "ตรุ้งงงง ตรุ้งงงง" ฟูลออเรสใช้ปริซึมเฮฟวี่แคนน่อนยิงกระสุนผลึกระเบิดให้แตกระเบิดทำลายกระสุนสปอร์จนกระจุยไป "เปิดโหมดแอสโตรโอ๊บ" นักบินโกลเดี้ยมที่ควบคุมโกลบ์เจ็ทได้หุบส่วนหัวยานและปีกเข้าไปในลูกบอล ซึ่งเรืองแสงสีทองพุ่งเข้าใส่อิชเชเตียน "โป้งงงง" อย่างรวดเร็วแม้จะหุ้มเกราะปริซึมป้องกันไว้ก็ตาม และอีก 6 ลำก็พุ่งมาในสภาพเดียวกันกับลำแรกด้วย "ปริซึมสปีดแกตลิ่ง" เมดิน่าพยายามยิงสวนกลับ แต่ "ฟ้าวๆๆๆๆๆๆๆ" พวกนี้หลบหลีกกระสุนสะเก็ดผลึกกันอย่างรวดเร็ว บางลำเองก็ "แฟ้ววววว" บินถอยหลังออกอย่างรวดเร็ว บางลำก็ "แว้งงงงงงงง" ฉายลำแสงสลายสะเก็ดผลึกที่พุ่งเข้ามาจนหายสูญไป

              "นั้นไม่ดีแล้วละ ที่พวกนั้นมีอาวุธรับมือร้ายแรงเอาไว้น่ะ" เมดิน่าบอก

              "ไอ้พวกยานมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้หุ่นลูกบอลนั้นมันบุกมาเร็วมากเลยละ" เทรอนเร็กซ์บ่นเพราะโกลบดรอยบุกเข้ามาใช้แขนปืนสร้างคมขวานอนุภาคสีทองมาโต้ตอบขวานของตน โดยที่พาลกีสและพาแรมใช้อาวุธปัดป้องแขนปืนติดคมขวานอนุภาคด้วย "หวับ หวับ หวับ" ฟลาแน็กซ์ สวอนน่าและอิคกรีทใช้โครมเมทาเลี่ยมเรเฟียร์ปัดป้องดาบแสงอนุภาคของโกล์บดรอยที่ฟาดฟันเข้ามาอย่างเร็ว "หวับ ฟ้าวๆๆๆๆๆ เพี้ยะๆๆๆๆ" การ์เซนครีทของเฮเรเค้น เรปไซท์ บราไทน่า ชาร์เครฟ และแฮมชัคโดนโกลบ์ดรอยหวดแส้อนุภาคฟาดจนแขนและบ่าพังไปโดยที่พวกเขาโต้ตอบไม่ทัน ส่วนเวลลิทก็รีบถอยมาตั้งหลักได้ก่อน "หวับๆๆๆๆๆ" โกล์บดรอยอีกกลุ่มบุกจู่โจมใส่พวกไลเอิร์ท มัลแด็กซ์และไรแกทด้วยหอกอนุภาคและดาบเลื้อยไฟฟ้ากันอย่างรวดเร็ว "ฟ้าวววว ฉั้วะ ฉับบ กรี้กกกก ฉั้วะๆ ชรี้ดดดดด ป้ากกก" น็อกกี้ใช้ขวานเทอโบแอ็กซ์ฟาดฟันใส่โกลบ์ดรอยที่เล่นงานเทรอนเร็กซ์ แจ็สใช้ไลท์นิ่งซอว์สองอันผ่าโกลบ์ดรอยสองตัวที่เตรียมจัดการกับพาลกีสและพาแรมให้ขาดกระจุย แด็กซ์ดับเครื่องชนเพื่อใช้สปริงดริลเจาะลำตัวทรงกลมของโกลบ์ดรอยเพื่อช่วยสวอนน่าและอิคกรีท "ทิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" พวกโกลบ์ดรอยพยายามยิงใส่ฟลาแน็กซ์ด้วยกระสุนเข็ม ซึ่งฟลาแน็กซ์พยายามบินหลบหลีกอย่างรวดเร็ว "ฟ้าวววว" โกลบ์ดรอยบินมาใช้แขนปืนที่มีอนุภาคความร้อนลุกโชนหมายจะเผาฟลาแน็กซ์ด้วย "ตายด้วยปืนเพลิงของเผ่าอิลวาคซะ" โกลเดี้ยมตนนั้นกล่าว และ "ซูมมมมมมมมมม" พ่นเพลิงพลาสม่าเข้าใส่ "ฟ้าวววว ฟู้ววววววววววววววววววว" แต่เซนครีทเลโอนิลนำโลห์มาป้องกันจนเกิดไอควันขึ้นหลังจากที่เพลิงพลาสม่าปะทะกับโลห์เข้า

               "บั้บเบิ้ลสแปรชแรฟชิลด์ ชู้ต" รีฟใช้โลห์ข้างขวามา "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ โป๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ยิงห่าฟองสบู่เข้าแตกตัวใส่โกลบดรอยที่เข้าเล่นงาน และอีก 7-8 ตัวที่บินมาสมทบให้สลายไป "ฟ้าววววววว" นิคนำเซนครีทแพนเธอร์ติดดาบยาวสองเล่มมา "ครี้งงงงงงงง" ดาบนั้นถูกแช่แข็งจนเกิดคมดาบน้ำแข็งทั้งสองเล่ม โดยพุ่งเข้ามา "หวับๆๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆๆๆๆ" หมุนตัวฟาดฟันใส่โกลบ์ดรอยให้ขาดสะบั้นไป 6 ตัว แล้วก็พุ่งทะยานขึ้นเพื่อหลบห่ากระสุนแสง 7 นัดที่โกลบ์ดรอยยิงเข้าใส่ "ฟ้าวววววว หวับบบ ครี้งงงงง" นิคเลยทิ้งดิ่งลงมาโดยทิ้มดาบยาวทั้งสองเล่มลงจนเกิดเป็นหนามน้ำแข็ง "ฟ้าววววว ฉึกกกก ซวบบบบ" แทงเข้ากลางหัวทะลุถึงนักบินโกลเดี้ยมตัวโตที่ถูกเสียบคาที่ จากนั้นนิคก็ถอนดาบออกและถอยออกมาก่อนที่หุ่นจะระเบิดเป็นจุลไป "ฉั้วะๆๆๆ พรึบ ตรูมมมม" บาร์ทพุ่งจู่โจมด้วยกระบี่เพลิงฟาดฟันใส่โกลบ์ดรอยขาดไป 4 ตัวให้มอดไหม้และระเบิดไป ก่อนที่พวกมันจะเล่นงานเฮเรเค้นได้ "ฉั้วะ ฉับ" ช็อปเปอร์เข้าช่วยชาร์เครฟและแฮมชัคด้วยการใช้ขวานคมยาวฟันใส่โกลบ์ดรอยที่มีแขนปืนโตจนขาดไป 5 ตัว "ป้ากกก โครมม ป้ากก ป้ากก ฟ้าววว เปรี้ยงงงง" โรซารี่บินมาช่วยเวลลิทด้วยการหวดตะบองติดหัวสว่านทุบโกลบ์ดรอยที่ใช้แส้อนุภาคจนพังไปสี่ ส่วนตัวที่ห้าซึ่งอยู่ห่าง โรซารี่ก็ยิงหัวตะบองพุ่งไปอัดกับส่วนลำตัวกลมของหุ่นโดยสว่านเจาะโดนตัวนักบินไปด้วย "ฉับๆๆๆๆๆๆ" รอมมิชใช้ง้าวพลังงานน้ำฟาดฟันใส่โกลบ์ดรอยที่บินดาหน้าเข้ามาเล่นงานพวกเรปไซท์และบราไทน่า "หวับ ฉั้วะๆๆๆๆๆๆ" แรมเบจหวดดาบโค้งใหญ่พลังสายฟ้าจากซ้ายไปขวาปาดใส่พวกโกลบ์ดรอยให้ขาดเป็นสองท่อนพังไปเป็นสิบ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" มาริบุกเข้ากราดยิงคุไนเชนกันเข้าใส่โกลบดรอยที่บินมาเล่นงานมัลแด็กซ์จนมีดสั้นปักคาลำตัวทรงกลมกันและ "ปี้งๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ปลายมีดสั้นกระพริบแสงและระเบิดเป่าใส่โกลบ์ดรอยจนระเบิด ในขณะที่ส่วนมากบุกมาพร้อมกับโกลบ์เจ็ท "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆ ฟ้าววว ฟ้าวว ฟ้าวว ฟ้าววว" เฟรดและคีธกราดยิงสปีดคอนตินัวกันและมิเดี้ยมมิไซล์กับมาโครมิไซล์พุ่งเข้าถล่มใส่โกลบ์เจ็ทและโกลบ์ดรอย จนระเบิดเพื่อช่วยพวกไลเอิร์ท "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆ ฟ้าววววว" แฮรี่กราดยิงสปีดวัลแคนและมิเดี้ยมมิไซล์เข้าใส่โกลบ์เจ็ท โดยที่นาเดียใช้เทอโบบาซูก้ายิงเป่าใส่โกลบ์ดรอยที่บุกมาด้วยสว่านอนุภาคยาวจนทะลุไป แม้ว่าจะมีบางตัวบุกเข้ามา "ฟ้าวววว ป้ากก ป้ากก ป้ากกก" แฮรี่เลยใช้หมัดอีเกิ้ลบัสเตอร์ฟิสท์ชกใส่โกลบ์ดรอยที่สร้างเกราะสนามพลังทรงกลมป้องกันไว้ แต่ก็ต้านแรงหมัดแทบไม่อยู่จนหมัดทะลุเกราะอัดกับตัวนักบินไป "กร้องงง กร้องงง กร้องงงง ป้ากกก" นาเดียหวดเพคทอนฟ่าอัดใส่โกลบ์ดรอยที่บุกมาโจมตีด้วยแขนดาบจนเกราะทรงกลมบุบพังไป "เชร้งงง เชร้ง แชร้งๆๆๆ หวับ เพี้ยะ เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆ ตรูมมมม" เฟรดใช้โครมเมทาเลี่ยมซอร์ดฟาดฟันใส่โกลบ์ดรอยให้ขาด มาริพุ่งจู่โจมด้วยโครมเมทาเลี่ยมคาตาน่าฟันใส่โกลบ์ดรอยให้ขาดเป็น 4 ท่อน คีธใช้วอลเจอร์โวลเทจวิปฟาดมัดแขนโกลบ์ดรอยและช็อตไฟฟ้าให้ระเบิดไป แต่ฝูงโกลบ์ดรอยและโกลบ์เรนโด้บุกเข้ามาเสริม

              "ชักไม่ดีแล้วสิ" วูลเฟลล่ากล่าว

               "แชดดดด เปรี้ยงงง ตรูมมมม" ไม่ทันไรโกลบ์เรนโด้ที่อยู่แนวหลังนั้นโดนยิงเข้าที่ลูกแก้วตรงหัวไหล่ซ้ายจนทะลุโดยที่ส่วนแขนลุกเป็นไฟ "แชดดดด ป้ากกก แกร็กๆๆๆๆๆ เพล้งงงง" ตามด้วยส่วนเข่าขวาที่ถูกยิงด้วยลำแสงจนถูกแช่แข็งและแตกแหลกละเอียดอย่างรวดเร็ว "หนอยยย ไอ้ตัวพ่นเพลิงและแช่แข็งมันยิงไกลได้ด้วยหรือเนี้ย" ทหารโกลเดี้ยมนำโกลบ์ดรอย 4 อันบุกเข้ามา "ฟ้าววววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าววว กรี้กกกกกกกก ฉั้วะๆๆๆ ตรูมๆๆๆ" ก็ถูกกงจักรพุ่งเข้ากรีดตัดจนขาดสะบั้นลง "ฟ้าวววว แกร็กๆๆๆ" โดยกงจักรพุ่งกลับมายังอัลติเมทเอท ซึ่งติดตั้งเกราะสีดำตรงหลังแขนและหน้าแข้งโดยมีใบมีดติดอยู่ บินมาพร้อมกับแอสโตรเกเซอร์ ซึ่งติดตั้งแบ็คแพ็คไอพ่นติดปืนใหญ่สองอัน โดยที่ป้อมมิไซล์ แขนและขาติดเกราะสีขาวไว้ "ฟ้าวววว ฟ้าววว ฟ้าวววว แชดๆๆๆๆ" ยานโกลบ์เจ็ทระดมยิงเลเซอร์หกเส้นเข้าใส่วิลด้า "ฟ้าวววววว ซูมมมมมม" ซึ่งเธอเร่งความเร็วพุ่งหลบหลีกเลเซอร์หกเส้นอย่างรวดเร็ว "แกร็ก ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" แล้วก็ยิงฟาสท์แทรคมิไซล์เข้าใส่ "แว้งงงงงง ซู่วววว" ยานโกลบ์เจ็ท 6 ลำฉายลำแสงเข้าทำลายมิไซล์ก่อนที่จะเข้าถึงตัว

              แต่.... "ดันบิลแคนน่อน ชู้ต" วิลด้าเหนี่ยวไกเพื่อเลื่อนส่วนปืนใหญ่ด้านหน้า ซึ่งติดบนหัวบูสเตอร์ที่เลื่อนพับไปข้างหน้าไว้ก่อนแล้ว "แชดดดดด" ยิงลำแสงสองเส้นพุ่งเข้า "ป้ากกก ป้ากกก ตรูมมมม บรึมมม" สอยโกลบ์เจ็ทพังไปสองลำ อีกสี่ลำนั้น "แชดดดด แฟ้ววววว" วิลด้ายิงทั้งดันบิลแคนน่อนและสครูว์อิมพัลส์ไรเฟิ่ลสองกระบอกเข้าสอยพร้อมกัน โกลบ์ดรอย 16 ตัวและโกลบ์เรนโด้ 2 ตัวบุกเข้ามา "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ไกซ์กระหน่ำยิงวัลแคนอาร์มเข้าใส่พวกโกลบ์ดรอยให้ชะงัก

              "อย่าปล่อยให้หุ่นนั้นใช้ดาบได้เป็นอันขาด จัดการกับมันก่อนเลย" นักบินโกลเดี้ยมบุกจู่โจมใส่ไกซ์ด้วยสว่านอนุภาคยาว แต่.... "หวับบบบ ฉั้วะ" ไกซ์เสยหมัดซึ่งติดใบมีดที่แขนเข้าฟันใส่ลำตัวโกลบ์ดรอยจนขาด แล้วก็ "หมับ ซูมมมม หวับบบ โครมมมม" คว้าจับแขนทุ่มเหวี่ยงอัดใส่โกลบ์ดรอยอีกตัวจนล้ม แล้วก็ "ปังๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงซ้ำจนหุ่นระเบิดไปทั้งคู่ จากนั้นก็ "หวับบบ ป้ากกก" หมุนตัวเตะขาซ้ายเข้าเฉือนแขนของโกลบ์ดรอยจนพัง แล้วก็ "ครืดดด แกร็ก หมับบบ ฉั้วะ" ใช้โซลิดเบลดที่ติดใบมีดสามเหลี่ยมตรงโก่งสนับมือฟันผ่าแขนและลำตัวด้านหน้าจนขาด แล้วก็ "ครืดดดด แกร็ก หมับบ ฉั้วะๆๆ" คว้าใช้โซลิดเบลดอีกเล่มมาใช้ฟาดฟันใส่โกลบ์ดรอยขาดไป 3 ตัว "หวับบบบ ฟึ่บบบบ ฉึก" ไกซ์ถอยหลบการแทงสว่านยาวของโกลบ์ดรอยและพุ่งเข้าเสยโซลิดเบลดแทงใส่ท้องโกลบ์ดรอยและ "หวับบบ ฉั้วะ" ฟันเข้าใส่โกลบ์ดรอยจนขาดครึ่ง "ฟ้าววววว ฉึก ฉั้วะ" แล้วก็ทิ้งตัวชกแทงใบมีดเข้าตรงบ่าโกลบ์ดรอยและฟันตัดแขนทั้งสองข้างขาด "ฉึกกก ฟึ่บ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ" ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเสยใบมีดตรงแข้งขวาให้เป็นรอย และกราดยิงวัลแคนอาร์มทั้งสองข้างในระยะประชิดจนกระสุนทะลุหุ่นจนระเบิด "ชรี้ดดดด แว้งงงง" วิลด้าชาร์จพลังขึ้นที่ทวินเจ็ทดริลและเข่ากับเท้าของแอสเซาท์วิชเล็คจนเกิดลำแสงขนาดยาวทั้ง 8 เส้น "จึกกกกก ฉึกๆ ป้ากกก" วิลด้าเสยแทงเข็มลำแสงจากส่วนเข่าขวาใส่โกลบ์ดรอยตรงส่วนท้องให้ทะลุ แล้วก็ทิ้มทวินเจ็ทดริลใส่สองทีให้เป็นรู และปิดท้ายด้วยการถีบด้วยเท้าซ้ายจนเข็มลำแสงแทงทะลุถึงตัวนักบินและหุ่นระเบิดไปพร้อมกัน "ซูมมมมมมมมมมมม" โกลบ์ดรอยโผล่มาพ่นคลื่นเพลิงในระยะประชิด "ฟ้าววววว" วิลด้าพุ่งหลบอย่างรวดเร็วและ "หวับบบบ ฉึกกก ป้ากกก" เสยแทงทวินเจ็ทดริลที่มีพลาสม่าสไปค์เข้าใส่ด้านข้างโกลบ์ดรอยตัวนั้นให้ทะลุถึงคอกพิต แล้วก็ "หวับบบ ฉึกกก" จิ้มปลายเท้าขวาแทงใส่หัวให้หลุดและ "หวับๆๆๆๆๆ ฟ้าวววว โครมมม" จับเหวี่ยงไป 6 รอบทุ่มใส่โกลบ์ดรอยที่บุกมาเล่นงานไกซ์จนชะงักและ "แชดดดดด" ใช้ดันบิลแคนน่อนยิงซ้ำให้ระเบิดไป "แชดดด แชดดดด ตรูมมม ตรูมมม" โกลบ์เรนโด้ 2 ตัวพยายามจะเล่นงานวิลด้า แต่โดนเบติสยิงลำแสงเข้าที่ลูกแก้วตรงกลางอย่างทันควัน

              "โว้ว ป้าเหยี่ยวและไกซ์ได้พาร์ทใหม่ถอดด้ามกันเลยหรือเนี้ย ให้ตายสิ" แจ็สกล่าว

              "แน่ละ เบลดมาสเตอร์พาร์ทของไกซ์นั้น ไกซ์ออกแบบเองกับมือเลยน่ะ กับการสร้างชุดเกราะที่เน้นไปในเชิงรุกมากถึงเพียงนี้เลยน่ะ" ฟูแรมบอก "และพาร์ทสตอร์มบริงเกอร์ที่ป้าวิลด้าใช้อยู่นั้น หุ่นติดตั้งเลสนาสไบน์บูสเตอร์ ซึ่งเป็นบูสเตอร์เสริมสมรรถนะภาพทางความเร็วและพลังการโจมตีให้เร็วและแรงกว่าเดิม แต่ฉันปรับลดขีดความสามารถลงด้วยการติดปืนใหญ่ดันบิลแคนน่อน เพื่อดึงเอาพลังงานที่ใช้เป็นตัวขับเคลื่อนออกมาส่วนหนึ่งกันน่ะ"

              วิลด้าบอก "ดีแล้วละ ที่เธอปรับลดตามคำแนะนำของฉันไว้ เพราะถ้าเธอไม่ทำ ฉันคงน็อกคาคอกพิตแน่ๆ เพราะของเดิมมันเร็วกว่าพาร์ทอื่นๆที่เน้นความเร็วกันน่ะ" โดยตอนนี้โกลบ์เรนโด้มีโกลบ์เจ็ทบินมาประกอบตรงส่วนหน้าอกทั้งสองตัวโดยเร็ว

              "แล้วของคุณเบติสล่ะ" เฟรดบอก

              ฟูลออเรสกล่าว "ลุงใช้ลองค์ซีจเจอร์พาร์ท ซึ่งเป็นพาร์ทติดปืนใหญ่พิสัยไกลสำหรับสกรีแทนมาร์ควันที่ใช้เป็นหน่วยสนับสนุนระยะไกล นำมาปรับปรุงให้ปืนใหญ่ติดตั้งที่แขนกันไว้ ซึ่งฉันช่วยปรับแต่งพาร์ทนี้ให้ลงตัว แม้จะทำให้ตัวหุ่นของลุงก่อความร้อนเยอะกว่าที่คิดไว้น่ะ" โดยที่ฟูลออเรส "ฉั้วะ ฉับบบ ฉึกกก" ใช้เบลดซัดเด้นนัคเคิ้ลโต้ตอบพวกโกลบ์เรนโด้จนแขนและขาขาด จากนั้นก็ "ตรุ้งงง ตรุ้งงงง" ยิงหมัดจรวดความเร็วสูงทั้งสองข้างพุ่งเข้า "ฟ้าววว ฉั้วะๆๆๆ ฟ้าวววว ป้ากๆ" เฉือนตัดแขนขาขาดสะบั้นพร้อมกับพุ่งย้อนกลับมาทะลวงคอกพิตทรงกลมจากด้านหลังจนหุ่นพังทั้งสองตัว โดยที่โกลบ์ดรอยแห่มาเล่นงานเบติส "ฟู้วววววววววววววววววววววววววววววว" ซึ่งโต้ตอบด้วยการปล่อยควันความร้อนที่หนาเตอะยิ่งกว่าเดิม จนโกลบ์ดรอยบินเข้าไปข้างใน โดยที่เบติสบินออกจากกลุ่มควันมา "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆ" ให้เมดิน่าจู่โจมด้วยปริซึมบลัสต์ลันเชอร์ และปริซึมลองค์แคนน่อนถล่มใส่พวกโกลบ์ดรอยจนพังพินาศอยู่ในกลุ่มควันไป 
    "เออ ไม่อยากจะบอกหรอกน่ะ แต่ตอนนี้ พวกศัตรูมันเบนเข็มมาทางพวกเธอแล้วละ" โดซี่กล่าว โดยตอนนี้พวกโกลเดี้ยมเบนเข็มมายังพวกเฟรด มัลแด็กซ์ ไลเอิร์ธและไรแกทกันเป็นจำนวนมาก "แชดๆๆๆๆๆๆๆ" โกลบ์ดรอยและโกลบ์เจ็ทระดมยิงลำแสงเข้าใส่ "ฟิ้วๆๆๆ แว้งๆๆๆ เปร้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" รีพัลเซอร์ชิลด์พุ่งเข้ามากางสนามพลังที่ใหญ่ขึ้นกว่าของเดิมเข้าป้องกันลำแสงอนุภาคที่ยิงเข้ามา ตามด้วยแพนเซสเซนไนน์ที่สวมเกราะสีน้ำเงินถือมาสแตงค์ไรเฟิ่ลสองกระบอกบินเข้ามา "ตรุ้งๆๆๆ ฟ้าวๆๆๆ เปรี้ยะๆๆๆ" ยิงกระสุนไฟฟ้าออกไปสี่ลูกให้แตกระเบิดกระแสไฟฟ้าช็อตพวกโกลบ์ดรอยให้ชะงักลง "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ" เปิดช่องให้หน่วยรบวิหคยิงซ้ำโดยเร็ว จนโกลบ์เจ็ทและโกลบ์ดรอยพังไป 8-9 ตัวด้วยกัน "ฟึ่บบบบ แชดดด ป้ากๆๆ ตูมๆๆ ฟึ่บบบบ แชดดดดด ป้ากก ตูมๆๆ" มิลด์ใช้มาสแตงค์ไรเฟิ่ลในมือซ้ายยิงลำแสงเข้าเป่าใส่โกลบ์ดรอยจนพังไป 3 ตัวและสลับใช้ปืนในมือขวายิงสอยโกลบ์เจ็ทร่วงไปอีก 3 ลำ "ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าววววว" โกลบ์เจ็ท 3 ลำบินเข้ามาหมายจะยิงลำแสงสลายอนุภาค "ฟิ้วววว อี้ดดดด แชบบบบ แชบบบบ แชบบบบบ" แต่กลับเป็นฝ่ายถูกยิงด้วยรีพัลเซอร์ชิลด์ที่บินเข้ามาจากด้านบนพร้อมกัน โดยลำที่สี่บินมาจากข้างหลังและยิงกระสุนสปอร์พลาสม่า "ฟิ้ววว อี้ดดด แชบบบบบ โพละ ป้ากกก" รีพัลเซอร์ชิลด์อันที่สี่บินมาจากข้างหลังยิงลำแสงทะลุพลาสม่าสปอร์บอมส์ไปยังยานบินจนระเบิดไป

              "ว้าว มิลด์ นี้เธอใช้พาร์ทใหม่ด้วยหรือเนี้ย" วูลเฟลล่าบอก

              "แน่ละ เพราะฉันใช้ดูอัลชู้ตเตอร์พาร์ท ซึ่งติดตั้งแบ็คแพ็คแอคเทนดีสชาร์จสำหรับเสริมพลังงานของแพนเซสเซนไนน์ให้มากพอ ถึงขั้นที่สามารถใช้มาสแตงค์ไรเฟิ่ลสองกระบอกพร้อมกัน โดยยิงกระสุนไฟฟ้าอาร์คบอมเบอร์จากปืนไปด้วย และรีพัลเซอร์ชิลด์มีพลังการป้องกันที่สูงขึ้นและเคลื่อนไหวเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 4 เท่าด้วยกันน่ะ" มิลด์กล่าว "แน่นอน ว่าพลังที่มากนั้นทำให้ฉันแทบจะตอบสนองต่อระบบอาวุธที่แรงกว่าเดิมยากกว่าเดิมน่ะ"

              นาเดียบอก "มันก็จริงน่ะ เพราะหุ่นของเธอไม่ได้ออกแบบให้เน้นบินเร็วเหมือนกับของป้าวิลด้ากันเลยนิน่า"

              "เออ แต่ตอนนี้ พวกเรายังทะลวงตีฝ่าพวกคางคกพองลมกันไม่ได้เลยน่ะ" คีธบอก

              แรมเบจกล่าว "และดูเหมือนว่าดาวดวงนี้คงเป็นสถานที่สำคัญอย่างมากแน่ๆ เจ้าถิ่นถึงแห่มาเยอะกันเช่นนี้เลยวะ"

              "อืมมมมม" จูเดทต้ามองภาพกองรบของพวกโกลเดี้ยมที่มีกำลังรบมาสมทบกันเยอะขึ้น จนกระทั่ง "ตี้ดๆๆๆๆ" มือถือส่งเสียงดังขึ้นมาให้นายพลหญิงมองดู เธอจึงสั่งการไปว่า "พันโทมัตสึดะ นาวาโทร็อดดิเกรส นาวาอากาศโทเฟรมิเดรก้า ผู้การโดโรซีน เราได้ในสิ่งที่พวกเราต้องการแล้ว รีบออกจากที่นี้โดยเร็วเลย"

              "รับทราบครับ/คะ" มาสวาร์ทาร์ เบติส วิลด้าและโดซี่กล่าว

              มาสวาร์ทาร์สั่งการให้ "ทุกหน่วย ถอยกลับเข้าไทรแองเกิ้ลเดียวนี้ ไม่ต้องบุกฝ่าเข้าไปกันแล้วละ" แล้วพวกไทรเมร่าก็รีบถอนกำลังกลับเข้ายานไทรแองเกิ้ล โดยที่หน่วย OD89 ช่วยยิงคุ้มกันพร้อมกับ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ใช้ซีคเกอร์มิไซล์เข้าสกัดกั้นโกลบ์เจ็ทและโกลบ์ดรอยที่ดาหน้ากันเข้ามา ส่วนกองกำลังหลังฉากบินกลับเข้าเฮฟไดซ์อินสเปคทรัล ที่ยิงซีคเกอร์มิไซล์เข้าโต้ตอบไปด้วย จากนั้นพวกเบตีสก็รีบกลับเข้ายานพร้อมกับมาสวาร์ทาร์ แอนเดรียและจิล เพื่อให้สเตฟอร์ดและโฟรซ่า "ตรุ้งๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆ" ยิงสแควร์เวฟแคนน่อนและสเปซตอปิโดเข้าถล่มใส่พวกโกลเดี้ยมอย่างหนักหน่วง แล้วก็ "ฟ้าวววว ฟ้าวววว" ล่าถอยออกจากระบบดาวด้วยระบบความเร็วเหนือแสงพร้อมกับอินสเปคทรัลด้วย

              "พวกแมนิเกเตอร์ล่าถอยไปได้แล้วละคะ" โกลเดี้ยมหญิงตัวเล็กกล่าว

              "ดีแล้วละ ที่เราทำตามคำแนะนำของท่านเดลวูลที่ให้นำกองรบจากภาคพื้นมาสแตนด์บายรอไว้ พอเห็นพวกแมนิเกเตอร์โต้ตอบหน่วยรบของเราอย่างหนักหน่วงก็ให้เรียกกองรบออกมาเสริม เพื่อบีบให้พวกนั้นล่าถอยออกไป เนื่องจากพวกนั้นมีขุมกำลังที่น้อยเกินไปกันน่ะ" นายกองบอก "สั่งการให้ติดตามเส้นทางหนีของพวกมัน และแจ้งให้กองรบที่อยู่ในขอบเขตของพวกเราเอาไว้ด้วย"

              เจ้าหน้าที่ภาคพื้นบอก "รับทราบแล้วละครับ" แล้วก็ลงมือตามนั้น แต่หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่โกลเดี้ยมตัวเล็กก็เดินออกมาข้างนอกฐาน เพื่อพยักหน้าให้กับไซเมี่ยนที่สวมผ้าคลุมดำรออยู่ ซึ่งก็ยิ้มแทนคำตอบไว้

              ที่ระบบดาววิมบี้-6 นอกเขตการปกครองของพวกโกลเดี้ยม ยานอินสเปคทรัลและไทรแองเกิ้ลจอดอยู่ในกลุ่มดาวเคราะห์น้อยเพื่อหลบการตรวจจับของพวกเดลอาเนี่ยนกันอยู่
              "โชคดีมากเลยน่ะ ที่การบุกเข้าจู่โจมที่ตั้งของศูนย์กลางผลิตทหารโคลนของพวกเดลอาเนี่ยนที่ดาวของพวกโกลเดี้ยมในครั้งนี้ เราได้มากกว่าการบดขยี้กองรบของพวกมันให้ราบคาบกันด้วยน่ะ" ฟิเกซกล่าว โดยตอนนี้มาที่ห้องคอมพิวเตอร์ในยาน ซึ่งริบอยและริเกิร์ลวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมา

              "ในขณะที่พวกเราบุกจู่โจมกองรบที่คุ้มกันดาวไม่ให้พวกเราตีฝ่าเข้าไปได้นั้น คุณไซเมี่ยนที่แฝงตัวอยู่ในดาวมาได้ 2 วันเต็มๆ ช่วยเปิดประตูหลังให้พวกเราเจาะเข้าฐานข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ภายในศูนย์กลางฯ จนทางเราสามารถดึงข้อมูลที่อยู่ในนั้นมาได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งใครเข้าไปในดาว แล้วถูกดักจับกันได้นะครับ" ริบอยกล่าว

              "แน่ละ ไอ้พวกโกลเดี้ยมคงได้คำแนะนำจากไอ้เดลวูลมาแน่ๆ ไม่เช่นนั้นพวกมันคงไม่เรียกกองหนุนที่ดักซุ่มเอาไว้ออกมาเกทับพวกเรากันได้หรอกน่ะ" คลอเวฟบอก และมองดูข้อมูลจำนวนมากที่ริบอยและริเกิร์ลแฮคดึงเข้ามา "แต่ไม่คิดเลยว่า ไอ้พวกเดลอาเนี่ยนมันจะใช้บริการจากศูนย์กลางผลิตโคลนนิ่งแหล่งใหญ่ที่สุดกันเยอะถึงเพียงนี้เลยน่ะ"

              สเปียริทบอก "และไม่ใช่แค่เดลอาเนี่ยนเผ่าเดียวแล้ว ขนาดเผ่าพันธมิตรที่มีเลือดเนื้อเองก็มีรายชื่อด้วย ซึ่งยัยจักรพรรดินีแมวนั้นคงได้กระดูกสันหลังชุดใหม่มาแน่นอน" เพราะเธอเห็นข้อมูลของมิวนัสอยู่ในนั้นด้วย

              "ในชุดข้อมูลเหล่านี้มีทั้งนักวิชาการ นักการเมือง วุฒิสมาชิก ผู้ตรวจการ ผู้ว่าการ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ วิศวกร นายทหารระดับสูง ผู้บังคับบัญชาการทั้งภาคพื้นและกองยานรบ และบุคคลสำคัญๆทั้งหลายแหล่รวมอยู่ด้วย บ่งบอกได้ว่า พวกเดลอาเนี่ยนคงไม่ยอมให้มีความเปลี่ยนแปลงภายในระบบดาวกันอย่างแน่นอน" พลัสเชอริทบอก

              เจเนลกล่าว "นั้นไม่แปลกใจหรอก ที่พวกชนเผ่าระดับล่างและอาณานิคมเมืองขึ้นถึงออกมาต่อต้าน เพราะผู้ปกครองมีแต่หน้าเดิมๆกันทุกๆปีเลยน่ะ"

              "ไม่ใช่แค่พวกคนเลวๆกันอย่างเดียวนะคะ ที่ใช้บริการนี้ เพราะเบื้องบนสั่งการให้สร้างโคลนนิ่งของกลุ่มบุคคลที่มีท่าทีต่อต้านเอาไว้ เพื่อนำมาแทนที่ตัวจริงที่ถูกสั่งประหาร เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับพวกเดียวกันจนทำลายตัวเองด้วยนะคะ" ริเกิร์ลบอก โดยเจอข้อมูลของนายทหารที่มีประวัติต่อต้านคำสั่งของพวกเดลอาเนี่ยนด้วย

              จูเดทต้าบอก "นั้นคงเป็นแผนแทนที่ตัวบุคคลของพวกเดลอาเนี่ยนกันสิน่ะ" และหันมาถาม "พลทหารฮาสตัน ในฐานะที่เธอเป็นแมนิเกเตอร์โคลนนิ่งนิ นอกจากพวกโคลนนิ่งถูกสร้างมาเพื่อเป็นผู้บริจาคอวัยวะแล้ว เธอคิดว่ายังมีวัตถุประสงค์อะไรที่นอกเหนือจากนั้นอีกละ"

              "อืมมมมม ถ้าเกิดว่าเบสรัลด์บาดเจ็บสาหัสถึงขั้นพิการไม่สามารถออกรบได้จริง เขาจำต้องถอดสมองของพี่น้องของผมหรือตัวผมเองออกไป เพื่อเอาสมองของเขามาใส่แทน หรือไม่ก็ สร้างตัวเขาอีกตัวที่แข็งแรงกว่า เก่งกาจยิ่งกว่า โดยอ้างว่าเป็นญาติพี่น้องที่พลัดพรากมา ซึ่งเขาคงจะให้คนปลอมแปลงเอกสารทะเบียนครอบครัวเอาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะนะครับ" ไกซ์บอก

              มิลด์กล่าว "แต่กับพวกเดลอาเนี่ยน ดูเหมือนว่าพวกเขาเอานายทหารที่มากความสามารถ และมีความเก่งกาจเฉพาะตัวเป็นตัวต้นแบบสร้างทหารโคลนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหล่าทหารโคลนพวกนี้มีขีดความสามารถเทียบเท่าและใกล้เคียงกับต้นแบบราว 80-90 เปอร์เซนต์ด้วยกัน โดยที่ทางศูนย์คงจะติดอิมแพลนท์เอาไว้ในตัวทหารโคลนนิ่ง เพื่อให้พวกนี้เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่ง บันทึกข้อมูลการปฏิบัติการณ์และอัพเดทข้อมูลเฉพาะของโคลนแต่ละตัว รวมถึงติดตามหาทหารโคลนเหล่านี้กันด้วย และไม่ใช่แค่นายทหารของเดลอาเนี่ยนกับพันธมิตร ทางศูนย์ก็มีนำพวกโจร นักล่าเงินรางวัล ผู้ก่อการร้ายตัวเอ้ที่จับมา สร้างเป็นทหารโคลนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรบกันมากขึ้น และต้องใช้อิมแพลนท์ควบคุมที่แรงขึ้นกว่าเดิมด้วยนะสิ"

              "และคงจะคืนชีพพวกนายทหารและหัวหน้ากองที่ตายด้วยน้ำมือของพวกเราให้กลับมารบใหม่กันอีกละสิ" สเตฟอร์ดบอก

              มิลด์บอก "ทำนองนั้นนะคะ เพราะจากฐานข้อมูลการปฏิบัติการณ์นั้น พวกเขาคิดจะโคลนพวกนายทหารและแม่ทัพที่ถูกทางเราจัดการไปแล้วให้กลับมาในไม่กี่สัปดาห์กันด้วย ซึ่งการคืนชีพด้วยการโคลนนั้นจะดึงเอาข้อมูลที่พวกเขาประสบเหตุจนเสียชีวิต มาปรับปรุงให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมา ต่อให้ร่างถูกทำลายจนไม่เหลือซากก็ตาม ทางศูนย์ก็คืนชีพได้โดยอาศัยข้อมูลทางพันธุกรรมและข้อมูลการเสียชีวิตที่ถูกส่งมาที่นี้กันด้วยนะคะ" 

              "แล้วถ้าไอ้ตัวที่โคลนมานิ ถูกดัดแปลงเป็นไซบอร์คหรือจับไปดัดแปลงทางร่างกาย แม้กระทั่งกลายเป็นทหารไฮบริดจ์กันละ" คลอเวฟบอก

              มิลด์กล่าว "ถ้าดัดแปลงทางร่างกายนั้น ยังพอโคลนนิ่งได้โดยที่ข้อมูลการดัดแปลงทางร่างกายนั้นยังคงอยู่ ในขณะที่สภาพการถูกดัดแปลงเป็นไซบอร์คนั้น พอตายไปแล้วและรับการคืนชีพกลับมา ร่างกายจะได้ไม่ครบส่วนเพราะร่างเดิมสูญเสียอวัยวะไปแล้ว ส่วนสภาพการดัดแปลงเป็นทหารไฮบริดจ์นั้น ไม่สามารถนำมาโคลนได้ เพราะข้อมูลพันธุกรรมที่ถูกตัดต่อไปนั้นจะทำให้ร่างโคลนกลายพันธุ์ขึ้นมา ก่อให้ร่างกายมีความผิดปกติและอาจจะทำให้อายุขัยสั้นลงก็เป็นได้นะคะ" โดยที่เธอวิเคราะห์ข้อมูลการโคลนที่ได้มาด้วย "ซึ่งถ้าจะโคลนพวกทหารที่ผ่านการเป็นทหารไฮบริดจ์นี้ พวกเขาต้องล้างพันธุกรรมอย่างอื่นที่ติดตัวออกไป ให้เหลือแต่โครงสร้างพันธุกรรมของตัวเป้าหมายที่ไม่มีอะไรเจือปนเสียก่อน ซึ่งกระบวนการนั้นจะยุ่งยากและใช้เวลานาน หากตัวเป้าหมายนั้นมีจำนวนยีนจากเผ่าอื่นอยู่ในตัวมากกว่า 1 เผ่านะคะ"

              "งั้นไอ้ตัวที่มีหกเผ่าในตัวเดียว ก็คงใช้เวลาครึ่งปีงั้นสิ กว่าจะชุบตัวเป้าหมายกันได้น่ะ" ไซโคลเนียบอก

              มิลด์บอก "แต่ยังเคราะห์ดีมาก ที่ในศูนย์จะมีเจ้าหน้าที่ชาวไซเอมนอยด์อยู่ด้วย จึงร่นระยะเวลาให้สั้นลงเพราะพวกเขาคิดค้นวิธีแก้ที่เร็ว ง่ายและลดความเสียหายในกระบวนการดังกล่าวไว้ด้วยนะคะ"

              "แบบนั้นก็แย่กันพอดีนะสิ เพราะถ้าพวกเดลอาเนี่ยนตายบ่อยๆ พวกมันก็คืนชีพได้หลายๆทีกันน่ะ" คลอเวฟบ่น

              ริบอยกล่าว "แต่เกรงว่า การคืนชีพด้วยการโคลนนิ่งนั้น ยิ่งบ่อยจะยิ่งมีปัญหากันเลยนะครับ" แล้วก็นำข้อมูลของทหารโคลนมา "ไม่ว่าจะต้นแบบหรือพลทหารโคลนก็ดี หากตายบ่อยๆและได้รับการคืนชีพบ่อยๆมากเกินเป็นร้อยครั้งนั้น นอกจากสภาพร่างกายจะเสื่อมถอยจากการโคลนซ้ำไปซ้ำมาหลายๆทีจนข้อมูลทางพันธุกรรมเจือจางลง สมรรถนะภาพทางร่างกายนอกจากจะไม่เพิ่มพูนหรือแข็งแกร่งขึ้น แต่จะอ่อนแอลง จนเผลอๆร่างโคลนจะมีขีดความสามารถไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้เลยนะครับ" โดยระบุข้อมูลขีดความสามารถของพวกที่ได้รับการโคลนในระดับ 100 ครั้งขึ้นไป ถูกระบุในระดับ 20-40 เปอร์เซนต์ด้วยกัน

              "เดียวก่อนนะ นั้นนายทหารตนนี้ ที่บอกกับเราเรื่องสุดยอดอาวุธของพวกเดลอาเนี่ยน และถูกคาเซคาว่าตัดคอทิ้งไปแล้วนิคะ" แอนเดรียเห็นหน้าของเลออทในข้อมูล ซึ่งระบุขีดความสามารถ 15 เปอร์เซนต์ โดยถูกตีตราไปว่า "ขีดความสามารถไม่ผ่านเกณฑ์เป็นนายทหารระดับนายกอง" โดยถูกโคลนนิ่งมา 215 ทีด้วยกัน

              โฟรซ่ากล่าว "แต่ร่างต้นนั้น ให้ตายสิ เมื่อก่อนเป็นนายทหารที่เล่ห์เหลี่ยมเยอะ จนเข้าร่วมรบเป็นหัวหน้ากองยานต่อกรกับศัตรูภายในมหาจักรวรรดิ์และพวกเฮซเทิร์ซกัน ซึ่งเขาได้รับเกียรติยศให้คืนชีพด้วยโคลนนิ่งมาตั้ง 150 ครั้งภายในช่วง 520 ปีกันด้วยนะสิ"

              "นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ที่ร่างโคลนของไอ้หมอนั้นจะโพล่งเรื่องสุดยอดอาวุธออกมากันได้น่ะ" คลอเวฟบอก

              พีวิลบอก "แล้วนายกองร่างต้นนี้ยังอยู่ในกองรบของพวกเดลอาเนี่ยนหรือเปล่าละ"

              "ผู้การกองยานเลออท เสียชีวิตด้วยมะเร็งตรงปอด หัวใจและสมองไปเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเป็นโรคที่จะติดตัวมากับตัวโคลนนิ่งด้วย ทางศูนย์เลยต้องหยุดการโคลนลงเพียงเท่านี้ ส่วนพวกทหารโคลนนิ่งของเขาจำนวน 560 ตนนั้นเหลืออยู่ในกองทัพเพียง 140 ตนกันในเวลานี้แล้วละครับ" ริบอยกล่าวโดยนำข้อมูลมา

              สเปียริทสังเกตุเห็นข้อมูลบางอย่าง "เออ วินโดว์ข้อมูลสีทองนิ มันเป็นของใครกันละ"

              "ขอฉันเช็คก่อนนะคะ เพราะข้อมูลนี้ถูกล็อกด้วยรหัสและโปรแกรมเอาไว้นะคะ" แอมเบอร์บอกและจัดการถอดรหัสของข้อมูลดังกล่าวไว้ "โอ้ว....ทุกคนคงไม่เชื่อนะคะ ว่าใครเป็นลูกค้ารายแรกของทางศูนย์นี้กันนะคะ" แอมเบอร์เลยนำข้อมูลที่ถูกถอดรหัสออกมา

              พีวิลบอก "องค์มหาจักรพรรดิ์เดลมูดัลรุ่นแรกนะหรือ.....ริบอย แล้วข้อมูลในนั้นละ"

              "จากข้อมูลที่ได้รับมานั้น เดลมูดัลรุ่นแรกใช้การโคลนนิ่งเพื่อสร้างองค์จักรพรรดิ์รุ่นใหม่ๆกันมาหลายรุ่นแล้ว เนื่องจากว่ารุ่นแรกนั้น เขาไม่ได้แต่งงานกับหญิงชาวเดลอาเนี่ยนเลย ซึ่งนี้คงเป็นเหตุผลที่เขาสนับสนุนชาวโกลเดี้ยมในการสร้างศูนย์ผลิตโคลนนิ่งขึ้นมา แม้ว่าองค์จักรพรรดิ์แต่ละรุ่นนั้นจะไม่ใช้ชื่อเดลมูดัล แต่ก็เหมือนเขาปกครองชาวเดลอาเนี่ยนกันตลอด โดยที่มหาจักรพรรดิ์โคลนบางรุ่นจะเผยตัวหรือปิดบัง ก็ขึ้นกับโปรแกรมและเจตจำนงอิสระของร่างโคลนแต่ละรุ่นไว้ เพียงแต่ เดลมูดัลทุกรุ่นไม่รู้เลยว่า การทำเช่นนี้จะทำให้สมรรถนะภาพทางร่างกายของตัวโคลนรุ่นถัดมา อ่อนแอลง จนมาถึงรุ่นปัจจุบันที่ป่วยหนักด้วยโรคทั้งหลายที่แต่ละรุ่นได้รับมา และถูกถ่ายทอดสู่กรรมพันธุ์ของรุ่นถัดไปด้วย แน่นอน ว่าข้อมูลทางสุขภาพของเดลมูดัลทุกรุ่น ศูนย์กลางนี้จะได้รับมาเก็บรักษาเอาไว้ก่อนนะครับ" ริบอยกล่าว

              แอบไบออสบอก "งั้นลูกๆของเดลมูดัลรุ่นนี้ก็คงไม่ได้เกิดตามธรรมชาติเลยละสิ"

              "โชคยังดีมาก ที่เดลมูดัลบางรุ่นนั้นได้อภิเษกสมรสกับหญิงชาวเดลอาเนี่ยนที่มีร่างกายเหมาะสม จนให้กำเนิดบุตรตามสายเลือดเพื่อสร้างความมั่นคงของการสืบราชบัลลังก์ของเดลมูดัลได้ ส่วนพวกโคลนที่ถูกสร้างมานั้น ไว้ใช้เป็นตัวตายตัวแทนรับการสังหารจากฝ่ายผู้ไม่หวังดีและศัตรูตัวฉกาจของฝ่ายมหาจักรวรรดิ์กัน จนมีบางครั้งที่ร่างโคลนหันมาทำร้ายตัวมหาจักรวรรดิ์เสียเองนะคะ" ริเกิร์ลบอก "ดังนั้น มหาจักรพรรดิ์ที่รู้ถึงผลลัพธ์ของการต่อต้านของโคลนนิ่งของตนเองขึ้นมานั้น ได้ตัดสินใจเปลี่ยนหน้าที่ของตัวโคลนที่ควรจะเป็นตัวแทนของตนเอง มาเป็นบุคคลสำคัญในการปกครองและการทหารแทน โดยให้ทางศูนย์ผลิตโคลน ทำข้อมูลประวัติความเป็นมาให้กับโคลนเหล่านั้น เพื่อให้ผู้คนเชื่อว่านี้เป็นเอกบุรุษและยอดขุนพลของเดลอาเนี่ยน มากกว่าจะเป็นโคลนของเดลมูดัลเสียเอง ซึ่งมหาจักรวรรดิ์รุ่นหลังจากนั้นมาก็เลือกใช้ตัวโคลนทำแบบนี้กันมาถึง 25 รุ่นแล้วละคะ" แล้วก็นำข้อมูลของเดลมูดัล 25 รุ่นหลัง ซึ่งเชื่อมต่อกับข้อมูลของโคลนนิ่งตนเอง ที่ให้บทบาทเป็นหัวหน้าสภาสูง ที่ปรึกษาขององค์จักรพรรดิ์ไปจนถึงแม่ทัพใหญ่ ซึ่งข้อมูลก็แสดงมาถึงช่วงรุ่นปัจจุบัน โดยเชื่อมต่อกับข้อมูลของ....

              "แม่ทัพใหญ่บูเรนนอฟนะหรือ....เป็นร่างโคลนของเดลมูดัลรุ่นปัจจุบันกันน่ะ" ไซโคลเนียกล่าว

              "ใช่คะ และแม่ทัพบูเรนนอฟถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นตัวแทนของเดลมูดัล ที่เกิดมามีร่างกายที่แข็งแกร่งและมีความเก่งกาจเหนือกว่าตนเอง ที่เติบโตมากับโรคร้ายและร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถรับการฝึกเป็นทหารกันได้ แน่นอน ว่าร่างโคลนนี้ถูกสร้างมาให้โตกว่าตัวจริงถึง 20 ปี โดยให้ทางแม่ทัพใหญ่ที่เป็นโคลนเหมือนกัน ฝึกฝนให้บูเรนนอฟเก่งกาจมากพอ เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับจักรพรรดิ์ตนอื่นๆรู้ว่า เขาเป็นผู้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่งมากที่สุดอย่างแท้จริง มากกว่าการใช้อิมแพลนท์และการดัดแปลงร่างกายซึ่งทำให้ส่วนมากคิดว่าแม่ทัพใหญ่ผู้นี้เก่งแต่กลวงกันนะคะ" ริเกิร์ลบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ว่าตอนที่ปะมือกับบูเรนนอฟนั้น ฉันรู้สึกถึงเงาหน้าของบุคคลที่ปรากฎขึ้นแทนที่หน้าบูเรนนอฟกันเลยน่ะ"

              "นายเห็นไอ้เดลมูดัลปรากฎขึ้นมาอย่างงั้นนะหรือ" คลอเวฟกล่าว

              มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้า "เปล่า ฉันเห็นหน้าเดลวูลต่างหากละ เพราะพวกเราไม่เคยเห็นหน้าเดลมูดัลกันตัวเป็นๆ ซึ่งการที่ฉันเห็นหน้าบุตรชายของเดลมูดัล ราชทายาทชาวเดลอาเนี่ยนที่เราได้เจอหน้ากันในช่วงการแข่งสแมคบอลขึ้นแทนที่นั้น บ่งบอกได้ว่า บูเรนนอฟต้องเกี่ยวพันกับเดลวูลแน่ๆ หากแต่ฉันยังไม่เชื่อและไม่แน่ใจกันก็เท่านั้นเองแหละ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ เราคิดว่าเดลวูลเป็นบุตรชายของมหาจักรพรรดิ์เดลมูดัลกันละสินะ" พีวิลบอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า

              สเตฟอร์ดบอก "ถ้าบูเรนนอฟเป็นโคลนนิ่งของเดลมูดัลรุ่นปัจจุบันละก็ ที่นายเห็นแบบนั้นขึ้นมา มันก็ตรงเผงแล้วละ"

              "แสดงว่าศูนย์ผลิตทหารโคลนของพวกโกลเดี้ยมทำได้มากกว่าการสร้าง และผลิตทหารโคลนนิ่งป้อนให้กับกองทหารของเดลอาเนี่ยนและพวกพันธมิตรละสิน่ะ" จูเดทต้ากล่าว "แต่ถึงแม้เราได้ข้อมูลมา ทางเราไม่สามารถบุกเข้าไปทำลายล้างได้ เพราะกองรบโกลเดี้ยมมีจำนวนเยอะจนเราตีฝ่าไปไม่ได้กันน่ะ"

              ริบอยบอก "และที่แย่ก็คือ ทหารโคลนนิ่งและโคลนนิ่งบุคคลสำคัญที่ถูกสร้างมานั้น ต่างก็มีอิมแพลนท์ป้อนโปรแกรมพิเศษที่ก่อเรื่องขึ้นมาอยู่ในสมองของโคลนแต่ละตัวไว้ ซึ่งจะทำงานได้เมื่อมีคำสั่งจากมหาจักรพรรดิ์หรือตัวบุคคลที่สร้างโคลนเหล่านี้ไว้ โดยเฉพาะกับโคลนนิ่งที่เอามาแทนที่กลุ่มบุคคลสำคัญนั้น ตัวโปรแกรมจะทำให้เหล่าโคลนนิ่งกระทำสวนทางและตรงข้ามในสิ่งที่ตัวจริงทำอยู่นะครับ"

              "และนายทหารที่มีท่าทีต่อต้านเดลอาเนี่ยนเองก็คงจะถูกทหารโคลนเหล่านี้ฆ่าทิ้งตามโปรแกรมนั้นด้วยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก

               ริเกิร์ลกล่าว "คะ เดลอาเนี่ยนไม่เพียงใส่คำสั่งหมายเลข 66 ให้สังหารนายทหารกันอย่างเดียว ยังมีคำสั่ง 44 สำหรับปลิดชีพตนเองไม่ว่าตัวโคลนจะจำยอมหรือต่อต้านก็ตาม รวมถึงคำสั่ง 88 คำสั่งพลีชีพฆ่าฝ่ายตรงข้ามให้ราบคาบด้วยนะคะ"

              "บ้าชะมัด แล้วพวกเราทำอะไรกับพวกโคลนเหล่านี้ไม่ได้เลยหรือ" จิลบอก และนึกขึ้นมาได้ว่า "หวังว่าไซเมี่ยนคงคิดหาทางแก้ได้บ้างน่ะ เพราะตอนนี้อยู่ที่ดาวดวงนั้นแล้วนิ"

              แอมเบอร์บอก "วางใจได้คะ เพราะไซเมี่ยนส่งข้อความมาแล้ว ว่าเขาแอบตั้งโปรแกรมให้กับเหล่าโคลนนิ่งที่ยังอยู่และกำลังถูกส่งออกไป แม้จะถูกโปรแกรมกลับ แต่ด้วยคำสั่ง 69 ที่แอบใส่ไว้ด้วยนั้นน่าจะช่วยได้นะคะ" โดยนำชุดคำสั่งตัวเลข 11 24 55 77 มาให้ดู

              "ภาวนาว่าพวกโคลนเหล่านั้นคงจะทำตามคำสั่งของไซเมี่ยนกันบ้างน่ะ" พีวิลบอก

              จูเดทต้ากล่าว "ตอนนี้ทางเราคงต้องหลบซ่อนกันไปก่อน เพื่อให้มีเวลาการซ่อมบำรุงโมบิลลอยด์มากขึ้น แม้นั้นหมายถึงเราตกเป็นเป้าของพวกเดลอาเนี่ยนกันมากขึ้นก็ตาม" แล้วก็บอก "และคงจะไกลพอที่เราควรจะบอกความจริงกันได้เสียทีละน่ะ" พวกมาสวาร์ทาร์พยักหน้า

               "ว่ายังไงนะครับ นี้พวกคุณรู้แล้วว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้กันอย่างงั้นนะหรือครับ" เฟรดกล่าว เมื่อเขาและสมาชิกกองกำลังหลังฉากมาประชุมในยานไทรแองเกิ้ลกันแล้ว

              น็อกกี้บอก "แล้วไอ้หนอนบ่อนไส้ที่นำเข้าพวกเดลอาเนี่ยนเข้ามารุกรานระบบดาวของเรานั้น มันเป็นใครกันละ"

              "ใจเย็นๆก่อน เพราะพวกเรากำลังจะอธิบายกันอยู่นี้แหละ" สเตฟอร์ดบอก

              เบติสกล่าว "เพียงแต่ ทันทีที่พวกเธอทราบเรื่องมาแล้ว เราขอให้พวกเธอปิดเรื่องนี้อย่าแพร่งพรายออกไปได้กันเป็นอันขาดเลยน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะว่า อาจจะมีสมุนของหนอนบ่อนไส้แอบฟังพวกเรากันด้วยสิคะ" มาริกล่าว

              โฟรซ่าพยักหน้า "เพราะว่าหนอนบ่อนไส้ไม่ได้แค่ช่วยพวกเดลอาเนี่ยนกันอย่างเดียว แต่...เขาเคยช่วยเหลือพวกเฮซเทิร์ซก่อความเดือดร้อนให้กับแรซัลก้าในช่วง 38 ปีก่อนกันอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น หนอนบ่อนไส้เองยังเกี่ยวข้องกับพวกริดโอ ทรอยอาร์และสเตรดาร์ธ รวมถึงเรื่องความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากคิฟทรอนอฟกันด้วยละ"

              "นี้คงไม่ได้หมายความว่า ไวล์สเลฟก่อเรื่องภายในและนอกคูลดาลนัส รวมถึงเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนนั้น ก็มาจากคำสั่งของหนอนบ่อนไส้ละสิคะ" รีฟบอก

              จูเดทต้ากล่าว "ใช่ รวมถึงอยู่เบื้องหลังพวกแกตไทซ์มอสวอร์ทที่บุกเข้าลอบสังหารจอมพลแฮซกริฟและผบสส.บาโธโรมิวจนเกือบไม่รอด โดยที่หนอนบ่อนไส้แน่ใจว่าทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้ว จนทำให้อำนาจการสั่งการกองทหารเกือบทั้งหมดโดยเฉพาะกับชาวซัลคาเลี่ยนนั้น อยู่ในกำมือของเขาได้กันนี้แหละ"

              "เออ แต่มันเกี่ยวด้วยหรือคะ ที่พวกแกตไทซ์มอสวอร์ทบุกจู่โจมจอมพลแฮซกริฟและผบ.บัลโต้นั้น ไม่น่าจะเป็นฝีมือของหนอนบ่อนไส้ไปได้เลยนิคะ" เนคกี้บอก

              พีวิลกล่าว "เกี่ยวสิ เพราะถ้าจอมพลแฮซกริฟที่มีอำนาจสูงสุดในการสั่งการนายทหารที่มาจากแรซัลก้า กับผบ.บัลโต้ที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ดวงดาวและเป็นตัวแทนของกองทหารเทรอมจากโลกนั้น ไม่อยู่ในกองบัญชาการสูงสุดที่ออคตากอน ไม่ว่าจะตายหรือหายสาปสูญ อำนาจการสั่งการจะต้องถูกโอนไปยังผู้ที่มีตำแหน่งรองจากจอมพลแฮซกริฟ ที่เป็นผู้อาวุโสที่สุดในกองทัพฝ่ายเรา ซึ่งก็คือตัวหนอนบ่อนไส้กันแล้วนะสิ"

              "เดียวก่อนน่ะ นี้พวกคุณคงไม่ได้หมายความว่า....หนอนบ่อนไส้ที่อยู่เบื้องหลังการรุกรานแรซัลก้านั้น...." แด็กซ์บอก

              ฟลาแน็กซ์กล่าว "....เสนาธิการวอลเดนสไตน์นะหรือ...." มาสวาร์ทาร์กับพวกพยักหน้า

              "แต่....ตาแก่เสนาธิการวอลเดนสไตน์จะเป็นตัวการไปได้น่ะ ในเมื่อเราคิดว่า ตัวการนั้นต้องเป็นนายพลวอลเลนซ์แน่ๆ เพราะนายพลนั้นไม่ได้มาสอบถามพวกเรา แต่มายั่วโมโหพวกเราด้วยเรื่องพ่อแม่ของเราชัดๆเลยน่ะ" น็อกกี้บอก

              ฟิเกซกล่าว "นายพลวอลเลนซ์ทำแบบนั้นกับพวกเธอสามตนและพวกเฟรดนั้น คงเพื่อสร้างข้ออ้างไว้ใช้สร้างความเสียหายให้กับกองกำลังลับของผู้การเฮลิค โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ระดับล่างอย่างพวกเธอและพวกเฟรดแสดงความก้าวร้าวต่อตนเอง จากการไม่อบรมของพ่อแม่ที่เป็นทหาร และมีพวกเราเป็นผู้ส่งเสริม เนื่องจากพวกเธอเข้ามาในกองกำลังด้วยอำนาจของผบ.บัลโต้ ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของกองกำลังหลังฉากถูกมองในแง่ลบเหมือนกับพวกเรา ที่ถูกนายพลวอลเลนซ์ยกเรื่องขึ้นที่ประชุม เพื่อให้นายทหารส่วนมากในที่ประชุมเห็นด้วยที่ให้มีกฎหมายควบคุมอย่างรัดกุมเอาไว้ เพื่อกดดันให้พวกแมนิเกเตอร์หัวร้อนทำผิดกฎที่วางไว้ และถูกลงโทษสถานหนัก บีบให้ต้องผันตัวเองกลับมาเป็นผู้ก่อเรื่องในภายหลังกันนี้แหละ"

              "และนั้นก็เปิดโอกาสให้นายพลวอลเลนซ์นำกองกำลังไปลงโทษแมนิเกเตอร์เหล่านั้น ที่หมดโอกาสยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองได้เลยสิน่ะ" โรซารี่บอก

              ฟูลออเรสถาม "แล้วพวกคุณรู้เรื่องตัวจริงของหนอนบ่อนไส้กันตั้งแต่ตอนไหนละ ว่านั้นคือเสนาธิการวอลเดนสไตน์ ผู้เป็นพ่อของนายพลวอลเลนซ์กันน่ะ"

              "ก็หลังจากที่พวกเราช่วยเธอและเมดิน่ามาจากยูนิตซีโร่ และก่อนหน้าที่พวกแกตไทซ์ขาวและดำจะแห่มาถล่มแคสเซรอนกันน่ะ" สเปียริทกล่าวและหวนนึกถึงเรื่องที่พลัสเชอริทให้ริบอยและริเกิร์ลออกมาพูดถึงเรื่องนี้

    ต่อช่วงที่ 2 
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×