ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga Del-Ahnian War

    ลำดับตอนที่ #45 : ตอนที่ 22 8 พี่น้องยอดยุทธ์ปีศาจ 5 ยอดยุทธ์หุ้มเกราะ ผู้พิชิตสองทัพเกราะเหล็ก ครึ่งแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9
      0
      30 ก.ย. 64

              ณ.ห้องประชุมของเมนซิกส์ทีน กลางมหาสมุทรบนดาววารีดอล วันเดียวกันกับตอนที่แล้ว

              "สรุปคือ พวกนายสี่ตน ไม่มีใครชนะเลยสิน่ะ" บัลโต้กล่าว เมื่อพวกเนคมาดูซัมติดต่อกลับไปยังดาวแม่ของพวกเขา หลังจากที่คุยกับโทมาสและเกรเบคไปแล้ว

              สเตฟอร์ดบอก "ทำไงได้ละ ผบ.บัลโต้ ไอ้ไวซ์ไมเซลมันจับตัวผู้การเกรเบคและสิบเอกดูริมังไป เลยทำให้พวกเราต้องออกจากการแข่งขันเพื่อช่วยทั้งคู่เสียก่อนนะครับ"

              "ไวซ์ไมเซลนะหรือ แต่....แอบไบออสจัดการกับไอ้เวรนี้ไปแล้วด้วยการเผาจนไม่เหลือซากนั้น มันไม่น่าที่จะกลับมาได้เลยนิหว่า" บัลโต้อุทานอย่างไม่เชื่อนัก

              เนคมาดูซัมกล่าว "ไวซ์ไมเซลมีโคลนตัวสำรองอยู่สองตัวกันน่ะ ตัวที่เราจัดการไปแล้วนั้นเป็นแค่ตัวที่แอบซ่อนอยู่ในยาน อีกตัวที่เราปะทะและจัดการไปแล้วนั้น คือตัวที่เล่นงานพวกบรอนเซอรูทตอนลงมาที่อิริเดมเซต้ากันนะ"

              "แล้วโคลนนิ่งอีกตัวของศัตรูเก่าจากโลกนั้น คงจะถูกพวกทรอยอาร์หรือสเตรดาร์ธจู่โจมเข้า จนต้องหลบซ่อนและถูกไวล์สเลฟนำตัวมาเลยสิน่ะ" เพอซิอัสกล่าว "แม้ว่านั้นเป็นเหตุสุดวิสัย จากการที่คริฟทรอนอฟส่งศัตรูที่เหนือกว่าลงมา และบุกมาในเวลาที่มีการแข่งขันกีฬา โดยมีข้อจำกัดในการใช้อาวุธ ยิ่งเป็นพวกที่ลงแข่งซึ่งไม่สามารถพกอาวุธติดตัวไปได้ แถมฝ่ายตรงข้ามเล็งเป้ามาที่ผู้การเกรเบคด้วยแล้ว ฉันยังพอให้อภัยพวกเธอได้บ้างน่ะ" เมนซิกส์ทีนทุกคนถอนใจขึ้นมา

              มาสวาร์ทาร์ถาม "การกระทำของคิฟทรอนอฟในตอนนี้ บ่งชี้ได้ชัดเจนเลยว่า เขาพร้อมที่จะจัดการกับทุกฝ่ายที่ทำให้เขาต้องเกือบตายกันนะครับ"

              "และมีความเป็นไปได้สูงมากที่ไอ้เวรนี้จะหักหลังพวกพ้อง ไม่ว่าแผนการที่วางไว้จะสำเร็จหรือไม่ก็ตามน่ะ" บัลโต้บอก "แล้วนอกจากไวซ์ไมเซล ยังมีใครที่ถูกรีไซเคิ่ลกลับมาอีกบ้างมั้ยละ"

              เจเนลบอก "มีอยู่แล้วละ ผบ.บัลโต้ ทางเราเจอกับดอฟเกท นายพลทัพอากาศจอมอวดดี แล้วก็ นิวออลมาสท์เมฟิสต้า ที่เป็นตัวการจับผม จายด์และจิลไปทรมาน ซึ่งก็น่าจะสิ้นชีพไปด้วยน้ำมือของไซมาเทนจนไม่เหลือร่างไว้เลยน่ะ"

              "แม้กระทั่งอัศวินองครักษ์ของแม่ทัพโอลดาธก็ด้วยนะ นี้เป็นหนที่สามแล้ว ที่ต้องมาเจอกับพวกดื้อด้านแบบนี้กันน่ะ" สเปียริทบอก

              เพอซิอัสกล่าว "นั้นก็ไม่แปลกหรอกน่ะ สเปียริท อัศวินของโอลดาธนั้น ฉันได้ยินมาว่า พวกเขามีสิทธิ์ที่จะคืนชีพกลับมาสู้ใหม่ได้อีกครั้ง ตราบใดที่....ร่างของพวกเขาไม่ถูกเชื่อมโยงเข้ากับระบบช่วยชีวิต และนำไปใส่ไว้ในคอกพิตโมบิลลอยด์หรือไดร์ฟอาร์มเมอร์กันด้วย เพราะนั้นหมายถึงพวกเขาไม่สามารถคืนชีพได้อีกทีแล้วน่ะ"

              "เกรงว่า อัศวินเหล่านั้นโดนตามที่ท่านว่ามาแล้วละครับ" แอบไบออสบอก

              เพอซิอัสส่ายหน้า "นั้นไม่แปลกหรอก ที่ไวล์สเลฟทำกับเหล่าอัศวินของโอลดาธกันน่ะ เพราะว่าพวกอัศวินเหล่านั้น พยายามไม่น้อยที่จะจับตัวไวล์สเลฟมาลงโทษให้ได้ แม้จะจัดการกับเหล่าครีซีแทนและอีวิลกูลาร์ที่มันสร้างไว้เลยก็ตามน่ะ"

              "แล้วยังมีอะไรที่คิฟทรอนอฟมันส่งมาป่วนการแข่งขันด้วยละ" บัลโต้ถาม

              เจเนลบอก "ไดร์ฟอาร์มเมอร์ใช้งานใต้น้ำที่เล่นงานพวกผมพร้อมกับพวกดอฟเกทนั้น พบว่ามันเป็นหุ่นที่ถูกผลิตขึ้นที่คูลดาลนัสกันน่ะ และถูกสร้างมาหลังมหาสงครามจบลงไปด้วยน่ะ ซึ่ง ไวล์สเลฟใช้พวกนี้เป็นร่างให้กับอัศวินของโอลดาธกันนะครับ"

              "คูลดาลนัสนะหรือ แล้ว ทางผบ.ทิลเทอแรนทราบเรื่องนี้และมีลงมือจัดการกับดาวดวงนี้บ้างหรือเปล่าละ" เพอซิอัสบอก

              ลิเนียร์ตี้ตอบ "เกรงว่าผบ.ฮาซาเดนคงทำเช่นนั้นไม่ได้นะคะ เพราะพวกเขาไม่มีเหตุผลมากพอที่จะส่งกองกำลังมาตรวจสอบ หรือขัดขวางการขนส่งอาวุธผิดกฎหมายจากระบบออริงก้าหรือเขตสเตรดัสท์กันนะคะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะว่า ดาวคูลดาลนัสเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวที่ชาวอาณานิคมอวกาศนอกโลกไปตั้งรกรากกัน ถ้าผบ.โทมาสส่งกำลังรบเข้ามาที่ดาวดวงใดดวงหนึ่ง ไม่ว่าจะมาประสงค์ดีหรือไม่ก็ตาม นั้นหมายถึงความแตกแยกระหว่างกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ที่คริฟทรอนอฟต้องการกันนะ เนื่องจากว่าเฮนรี่ ไนท์ให้พวกชาวอาณานิคมอวกาศนอกโลกที่ตั้งรกรากดาว ห้ามเดินทางกลับโลกไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ส่วนพวกนั้นก็ยื่นข้อเสนอให้เฮนรี่ ไนท์ อย่าส่งคนมากดดันพวกตนก็พอนะครับ" แอบไบออสให้รายละเอียด

              บัลโต้ฟังก็บ่น "เยี่ยม ยิ่งถ้าพวกนายมุ่งหน้าไปที่ดาวดวงนั้นขึ้นมา ก็เท่ากับว่าพวกนี้คิดว่าพวกเราทำผิดสัญญาในเรื่องไม่รุกรานดาวในเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ และฝ่ายพันธมิตรมนุษย์กันด้วยสิน่ะ"

              "แล้วพวกเธอจะเดินทางกลับกันเมื่อไหร่ละ" เพอซิอัสกล่าว

              เนคมาดูซัมบอก "เราจะเดินทางกลับดาวประมาณ 2-3 วันกันนะครับ ท่านนายพล"

              "เกรงว่า พวกเธอต้องรีบกลับดาวให้ได้ในช่วงเย็นของพรุ่งนี้แล้วละ" เพอซิอัสบอก ทุกคนในที่ประชุมถึงกับตกใจไม่น้อย

              "เออ นี้เร็วเกินไปหรือเปล่าคะ ท่านนายพล พวกเรายังไม่ได้ลงเล่นน้ำเลยนะคะ" โฟรซ่าบ่น

              "ฉันรู้น่ะ ว่าพวกนายกับทุกๆคนบนยานอาจจะไม่พอใจ แต่คงไม่ดีแน่ หากพวกนายอยู่ที่ดาวดวงนี้ในช่วงที่พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธมันก่อเรื่องขึ้นมากันด้วยน่ะ" บัลโต้บอก "พวกนายเองก็รู้ใช่มั้ย ว่าการแข่งขันไตรกีฬาอวกาศนั้น มีการถ่ายทอดสดไปทั่วเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ ซึ่งระบบดาวของเราก็รับสัญญาณถ่ายทอดมาด้วยน่ะ"

              ฟิเกซบอก "ผบ.กำลังจะบอกว่า พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธ ก็ได้ดูการแข่งขันของพวกเราด้วยสิครับ"

              "แต่พวกนั้นไม่เห็นกองทหารที่กลายพันธุ์อยู่ในการถ่ายทอดสดเลยนิคะ เพราะว่าแม่ทัพไซบัลจ์และผบ.ฮาซาเดนคอยปิดบังมิให้มีเรื่องการปะทะขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมากันนะคะ" แอนเดรียกล่าว

              เพอซิอัสบอก "ถึงไม่เห็นและไม่รู้ก็จริง แต่การที่ทรอยอาร์และสเตรดาร์ธก่อความเดือดร้อนมานั้น เพราะพวกเธอชนะการแข่งสแมคบอลกับพวกเดลอาเนี่ยนมา ซึ่งชัยชนะของพวกเธอนั้น ได้สร้างความหวั่นเกรงต่อทั้งสองฝ่ายจนต้องส่งกองกำลังมาก่อความเดือดร้อน เพื่อดึงพวกเธอให้เข้ามาติดกับและจัดการทิ้งก่อนที่พวกเธอจะแข็งแกร่งไปมากกว่านี้น่ะ"

              "ทั้งๆที่พวกเราไม่ได้ชัยชนะมาเลยนะหรือครับ" เนคมาดูซัมบอก

              เพอซิอัสกล่าว "ใช่ แม้พวกเธอมาถึงเส้นชัยเป็นลำดับสุดท้ายกันก็จริง แต่ จากการที่มีอดีตมนุษย์อย่างสเตฟอร์ดและโฟรซ่า ร่วมลงแข่งกับแมนิเกเตอร์แบบหุ่นอย่างเธอและลิเนียร์ตี้กันด้วย แถมยังแข่งกันอย่างคู่คี่สูสีมาตั้งแต่ต้นด้วยนั้น ยิ่งทำให้ทรอยอาร์และสเตรดาร์ธเห็นถึงศักยภาพที่เหนือกว่าของอดีตมนุษย์ที่มาจากโลกมนุษย์ของทั้งคู่ จนพาลคิดไปว่า อดีตมนุษย์ทั้งหมดในระบบดาวของพวกเรา เป็นเหมือนสเตฟอร์ดและโฟรซ่ากันแน่นอน"

              "แม้กระทั่งคุณพีวิล คุณมาสวาร์ทาร์ คุณเจเนล คุณจายด์ และคุณจิล ที่เป็นอดีตมนุษย์นั้นก็ด้วยหรือคะ ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้ลงแข่งเลยน่ะ" แอนเดรียกล่าว

              เพอซิอัสบอก "ถึงไม่ได้ลงแข่ง พวกทรอยอาร์ที่หวั่นเกรงในตัวพวกเธอนั้นจะยิ่งทวีความหวาดกลัวมากขึ้น และยิ่งมีริชเชลลิอาร์ลคอยยั่วยุส่งเสริมกันด้วยแล้ว นั้นคือเหตุผลที่พวกเธอต้องรีบออกจากระบบดาวนี้โดยเร็วนะสิ"

              "รวมถึงพวกสเตรดาร์ธด้วยสินะครับ" พีวิลกล่าว

              เพอซิอัสพยักหน้า "เรารู้ว่า คิฟทรอนอฟเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ต้องบอกกับองค์ชายเทเนดีนและเชื้อพระวงศ์ที่เป็นหัวหน้าผกก.กันอย่างแน่นอนน่ะ"

              "และพวกนายเองลืมไปแล้วหรือ ว่าระบบดาวของเรายังไม่หมดปัญหาจากพวกเดลอาเนี่ยนและพวกริดโอกันด้วย ดังนั้น ฉันจึงให้พวกนายรีบกลับมาในวันพรุ่งนี้เลยนะสิ" บัลโต้บอก

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ถ้าเช่นนั้นเราจะแจ้งให้ทุกๆคนในและนอกยานรับทราบเลยละครับ ผบ.บัลโต้"

              "ดี เพราะว่าฉันต้องการให้พวกนายอยู่ที่ดาว เผื่อเกิดเรื่องอะไรบ้าๆขึ้นมากันได้น่ะ" บัลโต้กล่าว "บัลโต้ ยุติการติดต่อ" แล้วโฮโลแกรมของบัลโต้ก็ปิดลง

              เพอซิอัสกล่าว "และ ฉันหวังว่าพวกเธอคงมารายงานตัวหลังจากที่เดินทางมาถึงกันบ้างน่ะ เพอซิอัส เลิกการติดต่อ"

              "เฮ้อออ กะแล้วว่า พวกเราคงไม่ได้อยู่สบายกันได้นานหรอกน่ะ" เจเนลบอก

              ฟิเกซกล่าว "นั้นสิ ยิ่งเราอยู่ในสถานการณ์ที่มีศัตรูอยู่รอบด้านด้วยแล้ว นั้นแย่กว่าตอนที่เราบุกเข้าเขตอวกาศของพวกเดลอาเนี่ยนเสียอีกน่ะ"

              "เอาเถอะน่า แค่โดนลดเวลาพักร้อนเหลือเพียงแค่พรุ่งนี้แล้ว คงไม่น่ามีปัญหาแย่ๆตามมากันหรอกน่ะ" คลอเวฟพูดแบบเชื่อมั่นสุดๆ แต่ก็ได้แค่ชั่วขณะหนึ่ง เพราะ....

              "โฮ่ย เกิดเรื่องแล้ววะ ดูท่าว่าเราต้องรีบกลับบ้านกันแล้วน่ะ" บริคซ์กล่าว

              "อย่าบอกนะคะ ว่ามีใครประสบอุบัติเหตุทางน้ำกันนะคะ" แอนเดรียบอก

              บริคซ์ส่ายหน้า "หมอเดเมี่ยนคอยดูอย่างละเอียดแล้ว แถมพวกนายกั้นขอบสระเอาไว้เพื่อกันมิให้พวกเวลลิทว่ายออกห่างจากยานไปมากกันด้วยน่ะ"

              "แล้วปัญหาแย่ๆที่นายต้องให้พวกเราเดินทางกลับบ้านกันนิ มันเรื่องอะไรกันวะ" คลอเวฟถาม

              บริคซ์ตอบ "เสบียงอาหารที่อยู่ในยานลำนี้ มันเหลือเพียงแค่มื้อเที่ยงกันแล้วนะสิ"

              "เหลือแค่มื้อเที่ยงนะหรือ.... โอ้ว แบบนั้นก็แย่พอดีนะสิ" ไซโคลเนียบ่น

              พีวิลบอก "นั้นไม่แปลกใจกันหรอก เพราะเรากำหนดไว้ว่า หากเราแข่งขันจบลงแล้ว เราจะเดินทางกลับดาวของเราเลย เราจึงเอาเสบียงมาแค่วันเดียวน่ะ"

              "แล้วพวกเราดันให้มีการพักร้อนกันเสียด้วย ถ้าเสบียงหมด เราก็ไม่มีปาร์ตี้ตอนเย็นกันพอดีนะสิ" สเปียริทบอก

              คลอเวฟถาม "แล้วเราสามารถแวะเข้าไปซื้อของในเขตเมืองได้หรือเปล่าวะ"

              "ได้ซะที่ไหนกันเล่า ซุปเปอร์มาร์เก็ตและตลาดสดในเขตเมืองได้รับความเสียหายจากพวกคิฟทรอนอฟมาเมื่อวาน ผู้การเกรเบคและผู้การมิลเดียกำลังบูรณะพื้นที่กันอยู่ คงจะมีร้านไหนขายให้เราได้บ้างน่ะ" บริคซ์กล่าว "ที่สำคัญ ถ้าผ่านเที่ยงนี้ไป เราไม่มีวัตถุดิบเหลือสำหรับทำบาร์บีคิวหรือกระทะร้อนตอนเย็นด้วยน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์ถอนใจ "สงสัยว่าเราต้องยุติการพักร้อนกันเพียงเท่านี้แล้วละ"

              "มาส นายกับแอนเดรียไปแจ้งพวกเฮเรเค้นให้ทราบด้วย ว่าเที่ยงนี้ เราจะเดินทางกลับบ้านแล้วละ" เนคมาดูซัมบอก มาสวาร์ทาร์และแอนเดรียพยักหน้า

               สเปียริทบอก "สงสัยว่าเราต้องกลับไปจัดปาร์ตี้ต่อที่เฟิร์สฮิลล์แล้วกระมั่ง" 

              ที่ดาวทรอเจียน หุบเขาเซนท์เทาเซีย โถงประชุมในปราสาท

              "สหพันธมิตรแมนิเกเตอร์จงใจดูถูกดูแคลนพวกเรา ผ่านการแข่งขันร่วมกันกับฝ่ายสมาพันธ์อวกาศและพันธมิตรมนุษย์ขึ้น ว่าพวกเราอ่อนแอกว่าพวกนั้นในแง่พละกำลังและความแข็งแกร่งทางร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งพวกเรายอมให้ศัตรูที่ทำลายมารดรเทพและปิดตายแรซัลก้านั้น ลบหลู่ศักดิ์ศรีของพวกเราไปมากกว่านี้ไม่ได้เป็นอันขาด" ริชเชลลิอาร์ลกล่าวนำต่อเหล่าขุนนางและหัวหน้าวงศ์ตระกูลต่างๆ โดยที่มีสไปค์ ซึ่งมีสถานะเป็นหัวหน้าตระกูลเอสเวิร์ดเลี่ยน พร้อมกับบารอนวินเซนท์และเลดี้ฟรีเซียที่มีสถานะเป็นหัวหน้าตระกูลบาลานซ์และโคลานซ์ตามลำดับ เหล่านายทหารระดับสูงและแม่ทัพกอง ซึ่งนำโดยแม่ทัพอาวเซน เหล่านักบวชจากเขตต่างๆบนดาว ซึ่งมีครอสพอลร่วมฟังด้วย

              ขุนนางคนหนึ่งกล่าว "ท่านมหาสังฆราชพูดถูกแล้วละ พวกเราสูญเสียกำลังรบไปไม่น้อยจากการบุกจู่โจมเขตดาวของฝ่ายสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์แล้ว ขนาดท่านชโทรมเองก็ต้องสูญเสียลูกๆไปด้วย จนปานนี้ เขาต้องทำพิธีศพกับโลงเปล่าๆ กันเลยน่ะ"

              "นั้นเพราะว่า พวกสหพันธมิตรกั้กศพเอาไว้ เพื่อที่จะใช้ศพเหล่านั้นสร้างอดีตมนุษย์ พร้อมกับล้างสมองและเสี้ยมสอนให้พวกนั้นกลับมาก่อความเดือดร้อนต่อพวกเราในภายหลัง เพราะพวกสหพันธมิตรมีนายทหารที่รู้นิสัยของท่านลอร์ดชโทรมกันเป็นอย่างดีแล้ว" ริชเชลลิอาร์ลกล่าว "เพื่อมิให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ข้าจึงอยากจะให้พวกท่าน สนับสนุนให้มีการส่งกองรบไปกวาดล้างพวกไทรเวเซอร์และพวกสหพันธมิตรกันให้จริงจังมากที่สุดกันน่ะ" เหล่าขุนนางและหัวหน้าวงศ์ตระกูลส่วนมากต่างพูดคุยกัน เช่นเดียวกับเหล่าหัวหน้ากองรบและเหล่านักบวชที่มีความเห็นตรงกับริชเชลลิอาร์ล แต่....

              "ข้ารู้น่ะ ว่าท่านต้องการที่จะทำตามพระบัญชาของโอเวอร์เรสที่ท่านอ้างไว้ ว่าให้จัดการกับพวกสหพันธมิตร ผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งหายนะของแรซัลก้ากันไว้นะ ท่านมหาสังฆราช เพียงแต่....ท่านทำแบบนั้นไม่เป็นการบันทอนพลเมืองของพวกเรากันเลยหรือ" ครอสพอลลุกขึ้นมากล่าว

              "ท่านบาทหลวงครอสพอล ท่านคงไม่มีความเห็นต่อต้านท่านมหาสังฆราชกันหรอกน่ะ" บาทหลวงในชุดสีดำไว้ผมสีมะกอกสลับแดงค้าน

              ครอสพอลบอก "ข้าไม่คิดจะต่อต้านผู้แทนขององค์พระราชาของพวกเราไปได้หรอก หากแต่ ตอนนี้ เราต้องแก้ปัญหาทุกข์ยากให้กับประชาชนกันเสียก่อน เพราะตราบใดที่ปัญหาของประชาชนผู้เดือดร้อนไม่ได้รับการแก้ไข แล้วท่านมาบีบบังคับให้ผู้คนออกรบจนต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากเช่นนี้ นั้นไม่เป็นการก่อสงครามกลางเมืองที่รุนแรง จนแม้ท่านเองก็ยังแก้ไม่อยู่กันเลยหรือ"

              "แต่เรามีกองทหารไว้ปราบปรามความไม่สงบกันแล้วนิ ประชาชนจะได้ไม่ต้องมาลุกฮือกันด้วยน่ะ" หัวหน้ากองทหารออกความเห็น

              อาวเซนบอก "แต่การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา มันจะยิ่งสร้างรอยแผลแห่งความแตกแยกระหว่างประชาชนระดับล่างและกลาง ชนชั้นสูง ชนชั้นขุนนางและฝ่ายปกครอง กลุ่มทหารและเชื้อพระวงศ์ชนิดที่ไม่มีทางประสานลงได้ ซึ่ง เหล่าขุนนางและหัวหน้าวงศ์ตระกูลส่วนหนึ่ง ล้วนแล้วออกจากนครหลวงของจักรวรรดิ์ เพราะความแตกแยกและความเหลวแหลกในระบบการปกครองกันมา ซึ่งพวกเราไม่อยากให้ทรอยอาร์ ซ้ำรอยเดิมกับแรซัลก้ากันได้หรอกน่ะ"

              "ท่านพูดมาก็มีเหตุผลน่ะ ท่านแม่ทัพใหญ่ ต่อให้พวกเรารู้สึกเสียขวัญกับการแข่งขันของตัวแทนฝ่ายสหพันธมิตรกันก็จริง พวกเราก็ไม่ควรให้ปัญหาดังกล่าว มาบันทอนจนเกิดความแตกแยกภายในขึ้นมาด้วยน่ะ" ขุนนางหนุ่มผมสีทองเห็นด้วยกับความเห็นของอาวเซน

              หัวหน้าทหารหนุ่มผมสีเขียวกล่าว "ยิ่งตอนนี้ พวกเราต้องเจอกับพวกเฮซเทิร์ซกันด้วยแล้ว นอกเหนือจากแสนยานุภาพที่ต้องพัฒนาเพื่อรับมือ ความร่วมแรงร่วมใจกันของพวกเรานั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่าการต่อกรกับพวกสหพันธมิตร และพวกสเตรดาร์ธกันด้วยน่ะ"

              "ท่านมหาสังฆราชริชเชลลิอาร์ล ข้าเข้าใจดีน่ะ ว่าท่านทำเพราะต้องการที่จะช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของแรซัลก้า ด้วยการปราบสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ให้ได้ก่อนที่พวกสเตรดาร์ธลงมือกันก็จริง แต่....ถ้าเราไม่แก้ปัญหาของประชาชนระดับล่างและกลางมิให้สร้างความเดือดร้อน ไปพร้อมกับทำความเข้าใจกับพวกเขากันด้วยแล้ว ข้าเกรงว่า ท่านอาจจะได้ทหารที่เก่งแต่ไร้ความจงรักภักดีมาทำให้แผนการสู้รบเสียหายมากกว่าเดิมกันน่ะ จนอาจจะทำให้องค์ราชาตำหนิในความรีบร้อนของท่านก็ได้น่า" อาวเซนบอก

              ครอสพอลเสริม "ที่สำคัญ สหพันธมิตรแมนิเกเตอร์เองก็มีเดลอาเนี่ยนอยู่ด้วยแล้ว ถึงเราไม่ออกรบ พวกนั้นก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับมหาจักรวรรดิ์สหัสดารากันไม่นานหรอกน่ะ" 

              ".........." ริชเชลลิอาร์ลได้ฟังก็ไม่พูดอะไร "ข้าคงจะร้อนรนไปหน่อย เลยเร่งรีบโดยไม่ดูรูปการณ์ที่เกิดขึ้นในคราวนี้ จนเกือบจะทำให้แผนการรบเสียหายไปอย่างไม่น่าให้อภัยกันน่ะ" ริชเชลลิอาร์ลบอก "ดังนั้น เรื่องขอแรงสนับสนุนจากพวกท่านในยุทธการจู่โจมพวกสหพันธมิตรนั้น คงต้องเลื่อนไปก่อน ท่านบาทหลวงครอสพอล และท่านแม่ทัพใหญ่อาวเซน ช่วยมากับข้าเพื่อไปทูลต่อองค์ราชาแล้วกันน่ะ" อาวเซนและครอสพอลพยักหน้า ฟรีเซียและวินเซนท์ถอนใจขึ้นมา

              สไปค์บอก "พวกพี่คงไม่คิดว่า ริชเชลลิอาร์ลคงจะทูลยุย่งองค์ราชาให้ลงโทษท่านบาทหลวงและท่านแม่ทัพใหญ่กันหรอกน่ะ"

              "ไม่หรอก ริชเชลลิอาร์ลเองก็รู้ดี ว่าถ้าชาวทรอยอาร์ยังมีพวกต่อต้านและพวกที่รู้เจตนาของริชเชลลิอาร์ลอยู่ แผนการบุกจู่โจมสหพันธมิตรก็ยังไปไม่ถึงไหนกันนี้แหละ" วินเซนท์กล่าว

              ฟรีเซียบอก "อีกอย่าง เรื่องที่พวกเนคเกอร์ลงแข่งไตรกีฬานั้น สร้างผลกระทบต่อชาวทรอยอาร์เกือบทุกคนกัน จนเกิดความแตกตื่นขึ้นเพราะกลัวว่าพวกสหพันธมิตรจะมีแรงสนับสนุนจากฝ่ายสมาพันธ์อวกาศ ให้มากวาดล้างทรอยอาร์ของพวกเราได้นั้น องค์ราชาเองก็ไม่อยากเห็นความแตกแยกแบบที่แรซัลก้าเป็นอยู่ เกิดขึ้นที่นี้ เลยต้องเลือกที่จะหยุดยั้งปัญหาภายในให้มีเสถียรภาพที่ดีกันเสียก่อนนะสิ"

              "แต่ผมกลัวว่าริชเชลลิอาร์ลจะมีอุบายบ้าๆที่พลิกสถานการณ์กลับมาอยู่ในมือของมันไปเลยนะครับ" สไปค์บอก

              วินเซนท์กล่าว "เราต่างรู้สาแก่ใจดีแล้วน่ะ สไปค์ เพราะต่อให้ริชเชลลิอาร์ลไม่สามารถส่งกองรบหลักไปจู่โจมฝ่ายสหพันธมิตรได้จริง ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่รามือในเรื่องนี้กันได้หรอกน่ะ"

              "ไม่ว่าริชเชลลิอาร์ลอยู่ในสถานการณ์ไหน เขาก็มีช่องให้ลอดหลุดไปได้เสมอกันน่ะ" ฟรีเซียกล่าว "และช่องทางที่ให้ดิ้นหลุดมาได้นั้น ฉันกลัวว่าพวกไทรเวเซอร์อาจจะต้องเจอกับการเอาคืนอย่างน่ากลัวแน่นอน"

              สไปค์บอก "หวังว่าเนคเกอร์และฟิเกซอทคงจะรับมือกับไอ้พวกสมุนอดีตมนุษย์ของริชเชลลิอาร์ลกันบ้างน่ะ"

              "ท่านริชเชลลิอาร์ล ว่าแต่จะให้พวกเราออกไปจัดการกับตัวปัญหาเลยมั้ยละครับ" เสียงบุคคลดังมาจากเครื่องสื่อสารในห้องของริชเชลลิอาร์ล

              มหาสังฆราชจึงบอกไปว่า "ถ้าจะให้จัดการกับอาวเซนและครอสพอล ข้าอนุมัติให้อยู่แล้ว แต่....ถ้าให้ไปจัดการกับพวกไทรเวเซอร์ละก็ อย่าได้แม้แต่จะคิดดีกว่าน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะว่า เหล่าอัศวินของแม่ทัพใหญ่โอลดาธที่คืนชีพเป็นหนที่สาม พ่ายแพ้หมดรูปแล้วสิน่ะ" เสียงนั้นตอบและหันมาถาม "แล้วท่านจะทำเช่นไรต่อไปกันละ"

              ริชเชลลิอาร์ลกล่าว "ดี ที่กองรบฝ่ายสนับสนุนข้านั้น มีกองรบอดีตมนุษย์กันอยู่ ซึ่งข้าจะส่งพวกนั้นไปโดยกราบทูลกับองค์ราชาว่าจะให้กองรบเทวะออกตรวจตรารอบนอกระบบดาว เพื่อรับมือกับพวกสเตรดาร์ธที่เคลื่อนไหวกันอยู่ ซึ่งกองรบเหล่านี้ สามารถรับผิดชอบในเรื่องนี้แทนกองทัพหลักที่แก้ปัญหาภายในกันได้น่ะ"

              "แล้วท่านคงจะเพิ่มคำสั่งให้พวกนั้นเลยสิน่ะ" เสียงนั้นกล่าว

              ริชเชลลิอาร์ลพยักหน้า "ใช่ ข้าจะสั่งกองรบเทวะที่  16 ไปจัดการเก็บเซอร์กรีนและเซอร์เบอเมล รวมถึงพวกพ้องที่ถูกคุมขังไปซะ การตายของพวกนั้นคือข้ออ้างที่ทำให้ข้าได้กำลังรบเพิ่มขึ้น รวมถึงสั่งการอาวเซนและพวกกองรบที่กล้ามาขัดขวางเส้นทางของข้าให้ไปไกลๆซะ" แล้วก็บอก "ดังนั้น ข้าจึงอยากจะให้เจ้ากับพวกอดใจรอสักหน่อยนะ แพนเนส"


              ในขณะเดียวกันนั้นเอง ที่ดาวซาฮัลด้า เขตสเตรดัสท์เซคเตอร์ พระราชวังอาเลบาบัล

              "เจ้าพี่ใหญ่เรียกเราสองคนมานั้น คงเป็นเรื่องพวกไทรเวเซอร์ละสิครับ" จาฟฟาร์ลกล่าวโดยที่เข้ามาในห้อง ซึ่งดูแรนซินและมูราดินนั่งรอแล้ว ตนจึงนั่งลงตาม

              มูราดินกล่าว "ใช่ แม้ว่าการแข่งไตรกีฬาของทางสมาพันธ์อวกาศนั้นจะลงเอยด้วยชัยชนะของพวกต่างดาว มิใช่พวกไทรเวเซอร์กันก็จริง แต่นั้นก็ทำให้พวกเราหวั่นเกรงกันไม่น้อยเลยละ"

              "ทั้งๆที่พวกนั้นเข้าเส้นชัยพร้อมกับน้องชายของโทมาส ฮาซาเดนเป็นอันดับสุดท้ายนะหรือ แค่นี้มันไม่น่าเป็นปัญหากันเลยนิ" ดูแรนซินกล่าว

              มูราดินบอก "ถ้าพวกนั้นประสบอุบัติเหตุจนอาการสาหัสก็พอว่าไปอย่างน่ะ แต่ที่ทำให้ประชาชนของเราหวาดกลัวพอๆกันกับเรื่องที่หมู่บ้านการาบูล่านั้น ก็คือสมาชิกของพวกไทรเวเซอร์นั้น มีสองคนที่เป็นอดีตมนุษย์ที่เก่งกาจไม่น้อยลงแข่งด้วย" แล้วก็นำภาพการแข่งที่มีเนคมาดูซัมปะทะกับสเตฟอร์ด โฟรซ่าและลิเนียร์ตี้ ทั้งว่ายน้ำ ขี่จักรยาน และวิ่งแข่งระยะไกลด้วย

              "เจ้าพี่ใหญ่กำลังจะบอกว่า ขุนค้อนจอมพลังและมือสังหารระยะไกลนั้น คือประเด็นหลักที่สร้างความหวาดกลัวต่อเหล่านักรบของพวกเราและของกลุ่มอื่นๆเลยสิครับ" จาฟฟาร์ลกล่าว เพราะว่าเขารู้ชื่อเสียงของสเตฟอร์ดและโฟรซ่ามาก่อนแล้ว โดยเฉพาะสเตฟอร์ดที่ปรากฎตัวขัดขวางเหล่านักรบของตนและของคูซาดิมด้วย

              มูราดินกล่าว "พวกเรามีปัญหากับพวกทรอยอาร์ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และที่เคยตายมาแล้วหนหนึ่งก็แย่พอแล้ว อดีตมนุษย์สองตัวนี้ไม่เพียงมีความแข็งแกร่งทางกาย ที่เป็นสาเหตุหลักที่ช่วยให้พวกสหพันธมิตรกำชัยชนะเหนือแรซัลก้ากันไม่ว่า ยังท้าสู้กับแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์และมาจากแรซัลก้ากันด้วยแล้ว นั้นบ่งบอกได้ว่า พวกอดีตมนุษย์ของพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์นั้น เหนือกว่าเราแค่ไหนกันน่ะ"

              "แม้กระทั่งพวกทรอยอาร์ก็ด้วยสินะ เจ้าพี่ใหญ่" ดูแรนซินบอก แล้วก็ทุบโต๊ะไปแรงๆ "ขนาดทางเราแก้ปัญหาเรื่องกรัมจากัวร์ไปแล้ว ยังมีกองโจรโผล่มาอีก 3 กลุ่มซะได้เลยน่ะ"

              จาฟฟาร์ลกล่าว "แล้วเจ้าพี่เรียกพวกเรามานั้น เพื่อให้เราหาทางจัดการกับพวกไทรเวเซอร์อย่างงั้นละสิครับ"

              "ใช่ แม่ทัพกาซิมที่ได้เห็นการแข่งขันของพวกไทรเวเซอร์ครั้งนี้ แสดงความเห็นไปว่า เราควรจะส่งกองรบลงไปหยุดพวกสหพันธมิตรกันได้แล้ว แม้ว่านั้นหมายถึงการช่วยพวกต่างดาวฝั่งตะวันออกทางอ้อมเลยก็ตามน่ะ" มูราดินบอก "ฉันแค่ต้องการข้อเสนอจากพวกนายทั้งสองว่าจะหาทางจัดการกับเรื่องนี้ยังไงน่ะ"

              จาฟฟาร์ลบอก "เจ้าพี่ใหญ่ ให้ข้าพาพวกไปจัดการกับพวกไทรเวเซอร์และพวกพ้องกันเลยมั้ยละครับ"

              "ไม่ได้ จาฟฟาร์ล ลูกน้องของนายสามสี่คนวอนหาเรื่องให้กับคนในเขตเมืองแห่งแรกจนเกือบเอาตัวไม่รอดไปแล้ว ฉันไม่ยอมให้นายเสียท่าอีกรอบกันหรอกนะ" มูราดินปฏิเสธ "ดูแรนซิน ฉันหวังว่าไอเดียของนายคงจะดีกว่าของจาฟฟาร์ลกันบ้างน่ะ"

              ดูแรนซินบอก "ท่านพี่ ระบบดาวของฝ่ายสหพันธมิตรมีพวกอดีตมนุษย์อีกหลายร้อยตัว อยู่ที่ดาวของพวกไทรเวเซอร์เพียงดวงเดียวหรือเปล่าละครับ"

              "เท่าที่ทราบมา โคเคสให้คนของเขาส่วนหนึ่งคุมเหล่านักโทษ ที่เป็นอดีตกองรบทั้งแปดของเทพแห่งสงครามไปอยู่ดาวอีกดวงกันนะสิ ส่วนพวกไทรเวเซอร์นั้นมีพวกพ้องอยู่รวมกันในเขตเมืองแห่งแรกไว้น่ะ" มูราดินกล่าว

              ดูแรนซินบอก "แล้วพวกพ้องส่วนหนึ่งของพวกไทรเวเซอร์นั้น เป็นอดีตมนุษย์กันหรือเปล่าละ"

              "ไม่ได้เป็นหรอก แค่เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์เองน่ะ เพียงแต่พวกนี้มีท่วงท่าและวิชาการต่อสู้ที่ไม่ควรจะประมาทอย่างยิ่งเลยน่ะ" จาฟฟาร์ลบอก เพราะเขารู้เรื่องของพวกบรอนเซอรูทในช่วงมหาสงครามมาแล้ว

              ดูแรนซินกล่าว "จะว่าอะไรมั้ย หากผมส่งเหล่าทหารดียิปโต้ออกไปจัดการกับพวกพ้องของไทรเวเซอร์ เพื่อตัดกำลังพวกนั้นไว้น่ะ"

              "เหล่าทหารของนาย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเหล่านักรบที่เกือบตายแต่ได้รับสิทธิ์ให้กลับมามีชีวิตอยู่ เพื่อช่วยเป็นกำลังสำคัญในกองทัพของเราอย่างงั้นสิน่ะ" มูราดินกล่าว "ดูแรนซิน ฉันอนุญาตให้นายส่งคนของนายไปที่ดาวดวงที่สามได้เลย" ดูแรนซินพยักหน้า

              จาฟฟาร์ลกล่าว "เจ้าพี่ดูแรนซิน บอกคนของพี่ด้วย ว่าอย่าประมาทพวกพ้องนักสู้มนุษย์กลายพันธุ์ไว้ด้วยน่ะ"

              "กองรบของฉันไม่กลัวตายเหมือนกับพวกลูกน้องส่วนมากของนายหรอกน่ะ จาฟฟาร์ล" ดูแรนซินบอก แล้วก็ลุกขึ้นพร้อมโค้งคำนับ "งั้นข้าไปเตรียมส่งคนของข้าจัดการแล้วกันนะครับ" จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

              จาฟฟาร์ลถาม "เจ้าพี่ใหญ่ครับ เจ้าพี่ทำแบบนี้มันจะดีหรือ เพราะว่าเหล่านักรบดียิปโต้ของเจ้าพี่รอง ขึ้นชื่อว่าเป็นนักรบที่น่ากลัวและไร้ความปราณีกันน่ะ"

              "นั้นก็ยังดีกว่ากองรบอดีตมนุษย์ของเทเนดีนนี้แหละ เพราะพวกพ้องที่ถูกปลุกจากหลุมขึ้นมานั้น โหดและอำมหิตมากกว่า และยิ่งตัวที่คืนชีพมานั้นมีประวัติอาชญากรรมที่ร้ายแรงและโชกโชนนั้น ไม่มีใครหน้าไหนที่พบเจอพวกนั้น มีชีวิตกลับไปได้หรอกน่ะ" มูราดินกล่าว และสั่งการให้ "ดังนั้น ฉันจึงให้นายกับกองรบของนายช่วยแม่ทัพใหญ่กาซิมปราบกองโจรทั้งสองลงไปซะ เพราะมีรายงานแจ้งมา ว่าตอนนี้พวกมันได้เหล่าโจรสลัดที่เป็นกลุ่มต่างดาวหัวขบถของฝ่ายสมาพันธ์มาเป็นแนวร่วมกันน่ะ"

              จาฟฟาร์ลพยักหน้า "รับทราบแล้วละครับ ท่านพี่ใหญ่"


    TriVeser Manigator Saga:The Del-Arnian War
    ตอนที่ 22 8 พี่น้องยอดยุทธ์ปีศาจ 5 ยอดยุทธ์หุ้มเกราะ ผู้พิชิตสองทัพเกราะเหล็ก


              ที่เฟิร์สฮิลล์ ดาวแคสเซเดี่ยน-3 อีสทาล่าฟรอนเทียร์ พวกไทรเวเซอร์เดินทางกลับมาที่เมืองอย่างเร่งด่วนในช่วงค่ำ

              "ดีแล้วละ ที่พวกเราเลือกที่จะเดินทางกลับมาบ้านเสียก่อน ไม่อย่างงั้น คงไม่ได้กินของดีๆแล้วละ" เฮเรเค้นกล่าว เพราะตอนนี้โพโบโวโล่จัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกไทรเวเซอร์ที่แม้ไม่ได้ถ้วยรางวัลมาก็ตาม ด้วยเมนูหมูกระทะเกาหลีและสุกี้

              น็อกกี้บอก "แล้วพวกนายไม่ได้ลงแข่งเลยละสิ"

              "ลงได้ที่ไหนกันละ เพราะพวกเราไม่อยากจะเบียดเสียดกับกลุ่มผู้แข่งขันนับร้อย ที่พร้อมจะบดขยี้พวกเราให้ออกจากการแข่งกันได้หรอกน่ะ" ชาร์เครฟบอก

              แด็กซ์กล่าว "เป็นร้อยเลยหรือ แล้วต่างดาวในสมาพันธ์อวกาศมีลงแข่งทุกเผ่าด้วยสิ"

              "แค่ส่วนมากเท่านั้นเองน่ะ ชาวดาวปูเอาแต่วิ่งข้างๆและวิ่งได้ช้ามากๆ ยิ่งเป็นพวกตัวโตๆยิ่งแล้วใหญ่เลยไม่สามารถลงแข่งได้ ชาวคนยิงธนูนั้นก็ลงไม่ได้ เพราะมีท่อนล่างเป็นม้าซึ่งได้เปรียบและเอาเปรียบเผ่าอื่นที่มีสองขา แต่ถ้าให้เป็นผู้คุ้มกันการแข่งก็พอว่าไปอย่างน่ะ" ฟลาแน็กซ์บอก

              ไลเอิร์ทกล่าว "แถมแต่ละเผ่า ไม่ได้ส่งแค่ 3-4 คน หรือ 4-5 คนเหมือนกับพวกเรา แต่มาเป็นสิบๆเลยละ"

              "โว้ว แบบนั้นก็แย่ละสิ โอกาสชนะเลิศยิ่งมีน้อยแบบนี้ แล้วพวกนายไม่บ่นเลยหรือ" น็อกกี้กล่าว

              มัลแด็กซ์บอก "จะบ่นทำไมกันเล่า ขนาดเราไม่ได้แข่ง แค่เห็นก็รู้เลยน่ะ ว่าถึงพวกเราลงแข่งในรายการนี้ ยังไงก็ไม่ชนะหรอก"

              "แต่อย่างน้อยพวกคุณเนคมาดูซัมไม่ได้หวังจะชนะเลิศกันแต่แรกหรอก เพราะว่าพวกเขาเข้าร่วม เพื่อปกป้องผู้การเกรเบคที่เข้าร่วมแข่งในรายการนี้จากมือมืดที่ไม่หวังดีก็เท่านั้นเองแหละ" ฟลาแน็กซ์บอก

              แจ็สกล่าว "และการแข่งก็เป็นของสมาพันธ์อวกาศ มิใช่ของพวกเดลอาเนี่ยนเลยสิน่ะ ถึงได้ลงแข่งแบบไม่เร่งรีบมากมายกันน่ะ"

              "ไม่เร่งรีบอยู่แล้วนิ เพราะว่าลุงสเตฟอร์ดและป้าโฟรซ่าอยากจะรู้ว่าทั้งคู่กับหัวหน้าเนคมาดูซัมและคุณลิเนียร์ตี้ คู่ไหนเหนือกว่ากันในเรื่องความอึดทรหดกันน่ะ" ไกซ์บอก

              คีธกล่าว "โอ้ย ไม่ต้องให้เดาหรอก หัวหน้าเนคเกอร์และลิเนียร์ตี้เหนือกว่าอยู่แล้ว เพราะว่าทั้งคู่เป็นแมนิเกเตอร์มนุษย์หุ่นยนต์กันแล้วนิ"

              "แต่นายก็อย่าลืมสิ ว่าคุณสเตฟอร์ดและคุณโฟรซ่านั้น ก่อนจะมาเป็นสมาชิกกองรบเวเซอร์ ทั้งคู่เป็นขุนพลของพวกโซลูนาสตี้ ซึ่งมีความเก่งกาจชนิดที่ทำให้ทหารฝ่ายประธานาธิบดีและบนโลกยังครั้นคร่ามไม่น้อยเลยน่ะ" แจ็สบอก "แล้วก็มีคุณไซโคลเนียด้วยอีก บวกกับว่าคุณสเตฟอร์ดและคุณโฟรซ่าเองก็เคยแข่งไตรกีฬาพร้อมกับคุณพีวิลและคุณเจเนลมาก่อน โอกาสที่พวกเขาชนะก็มีสูงมากเลยน่ะ"

              น็อกกี้กล่าว "แล้วตกลงใครชนะกันแน่ละเนี้ย"

              "นายลืมไปแล้วหรือ ว่าลุงสเตฟอร์ดและป้าโฟรซ่าไม่ได้คิดเอาชนะจริงๆหรอก แค่วัดความสามารถว่าใครอึดกว่ากันก็เท่านั้นเอง ซึ่งหัวหน้าเนคมาดูซัมและคุณลิเนียร์ตี้เองก็รู้ด้วยเช่นกันน่ะ" ไกซ์บอก

              มิลด์บอก "บวกกับเรื่องที่ผู้การเกรเบคและสิบเอกดูริมังถูกศัตรูจับไปด้วยนั้น เลยทำให้พวกเขาต้องร่วมมือกันจัดการกับศัตรูลงไปได้ ซึ่งนั้นหมายถึงพวกเขาต้องออกจากการแข่งชั่วขณะหนึ่งน่ะ"

              "งั้นแปลว่า พวกหัวหน้าเนคเกอร์แค่ทดสอบระหว่างกันและกันอย่างงั้นละสิ" คีธกล่าว

              น็อกกี้บอก "แน่ละ ถ้าพวกเขาคิดจะแข่งเพื่อเอาชนะ คงไม่น่ามาที่โหล่กันทั้งหมดหรอกน่ะ"

              "สุดยอดไปเลยนะคะ คุณลิเนียร์ตี้ ไม่นึกเลยว่าคุณจะอึดขนาดนี้เลยน่ะ" นาเดียกล่าวต่อลิเนียร์ตี้อย่างปลาบปลื้มขึ้นมา "แต่ไม่รู้สึกเหนือยเลยหรือคะ กับการที่ต้องแข่งแบบไม่ได้พักเลย แถมต้องแข่งกับผู้แข่งขันที่มีเป็นร้อยเลยน่ะ"

              ลิเนียร์ตี้บอก "ก็เหนือยอยู่นั้นแหละ เพียงแต่ ฉันไม่อยากจะอยู่รั้งท้ายเพียงคนเดียว ก็เลยใช้ความพยายามเพื่อประคองตัวเองให้อยู่ในการแข่งให้ได้นี้แหละ"

              "แล้วจะอธิบายเรื่องที่คุณมาที่โหล่พร้อมกับทุกๆคนกันยังไงละคะ" นาเดียถาม

              ลิเนียร์ตี้ตอบ "บางครั้งมันก็ต้องมีเรื่องที่เหนือความคาดหมายที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จกันบ้างน่ะ อีกอย่าง พวกเราลงแข่งเพราะมีภารกิจอยู่ด้วย ซึ่งเราไม่อาจจะละทิ้งไปได้นะสิ"

              "งั้นหรือคะ แต่หวังว่าโอกาสหน้า คุณต้องชนะการแข่งให้ได้นะคะ" นาเดียบอก

              ลิเนียร์ตี้กล่าวแบบเลี่ยงๆไปว่า "อันนั้นต้องขึ้นกับสถานการณ์กันบ้างน่ะ นาเดีย"

              "นี้ตกลงคุณตั้งใจแข่งจริงหรือว่าต้องทำอย่างอื่นกันเลยหรือคะ ถึงได้มาเป็นลำดับสุดท้ายกันน่ะ" มาริกล่าวต่อโฟรซ่าอย่างไม่พอใจมากๆ ซึ่งโฟรซ่าบอกไปว่า

              "ฉันบอกแล้วไง ว่าที่พวกเราลงแข่งนั้น ไม่ได้หวังจะเอาชนะกันสักหน่อย ที่สำคัญ ผู้การเกรเบคเองก็เข้าร่วมรายการนี้ พวกเราเลยต้องทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด ปกป้องผู้การให้รอดพ้นจากศัตรูที่ไม่หวังดีก็เท่านั้นเองแหละ"

              "แต่ คุณไม่รู้สึกเหนือยจนลุกจากเตียงไม่ได้ตั้ง 3-4 วันเลยหรือ เพราะต่อให้คุณเป็นอดีตมนุษย์ แต่การที่คุณว่ายน้ำ ขี่จักรยานและวิ่งระยะไกลมาอย่างต่อเนื่อง แถมยังต้องมาต่อสู้กับศัตรูตัวเป้งๆกันนั้น สไนเปอร์อย่างคุณคงจะไม่ไหวแน่ๆเลยนะคะ" มาริบอก

              โฟรซ่ากล่าว "ไม่มีทางหรอกยะ เพราะว่าฉันกับพวกผ่านการแข่งไตรกีฬามาก่อนแล้วนะสิ"

              "แล้วพวกคุณชนะบ้างหรือเปล่าละคะ" มาริถาม

              โฟรซ่าบอก "ถึงจะไม่ชนะ แต่อย่างน้อย พวกเราก็เข้าเส้นชัยได้ แม้จะต้องหลับยาวเป็นวันเลยน่ะ อีกอย่าง เธอคิดว่าสไนเปอร์อย่างฉันไม่ขยับแข้งขากันเลยนั้น เธอคิดผิดแล้วละยะ"

              "นึกว่านายกับพวกจะลงแข่งด้วยเสียอีกน่ะ ให้ตายสิ" แทนกล่าวต่อคลอเวฟและพวกเจเนลที่นั่งกินหมูกระทะอยู่หน้าร้านฟูลบาร์

              แรมเบจเสริม "นั้นสิ อย่างน้อยฉันก็อยากจะเห็นนายหมดแรงหรือไม่ก็ขี่จักรยานล้มคว่ำกลางทางบ้างน่ะ"

              "พอเลย พอเลย ถ้าไม่ติดว่าฉันกับพวกถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่ปกป้องการแข่งขันจากพวกไม่หวังดีละก็น่ะ..." คลอเวฟโวย

              ฟิเกซบอก "แค่รับมือกับพวกศัตรูที่อันตรายมากที่สุดก็ถือว่าเหนือยพอๆกันกับลงแข่งแล้วนะ"

              "นั้นสิ เพราะไอ้เวรคริฟทรอนอฟไม่เพียงรีไซเคิ่ลศัตรูเก่ากลับมาใช้งานกันอย่างเดียว แต่....มันยังเอาไวซ์ไมเซลกลับมากันด้วยนะสิ" เจเนลบอก บรอนเซอรูทและพวกได้ฟังก็หูพึ่ง

              กริมเบอรี่บอก "ที่นายว่ามานิ เป็นจริงเลยหรือ"

              "แต่ นายคงจะพูดเล่นใช่มั้ยละ เพราะว่าพ่อไม่ได้ความของพวกเรานั้นโดนแอบไบออสเผาจนไม่เหลือซากกันแล้วนิน่า" ฟันดิวเรคบอก

              แอบไบออสบอก "ที่ฉันจัดการไปนั้น แค่ตัวที่แอบซ่อนอยู่ในยานอาร์คเท่านั้นเอง มิใช่ตัวที่เล่นงานพวกนายตอนอยู่ที่ดาวกันสักหน่อยน่ะ"

              "นายกำลังจะบอกว่า โคลนนิ่งของพ่อตัวแสบของเรา มีสองตัวอย่างงั้นนะหรือ" เซเทธกล่าว เจเนลพยักหน้า

              รอมมิชบอก "งั้นคิฟทรอนอฟคงจะเก็บกู้ร่างโคลนสำรองของพ่อของพวกนายที่หลบหนีอยู่ในดาวมาใช้ก่อกวนกันสิน่ะ"

              "แล้วพวกนายก็กำจัดพ่อเลวๆของเราลงไปเลยสิน่ะ" บรอนเซอรูทกล่าว

              คลอเวฟบอก "เนคเกอร์ สเตฟอร์ดและโฟรซ่า รวมถึงยัยลิเนียร์ตี้จัดการไอ้ไวซ์ไมเซลเบอร์สองลงไปแล้วนะสิ"

              "คิฟทรอนอฟคงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนอาร์คจากพ่อตัวแสบของเราแล้วละสิเนี้ย" โมคุโตะกล่าวอย่างหวั่นเกรง

              เลอแชนกล่าว "และหวังว่านั้นคงเป็นแค่ตัวที่สองและตัวสุดท้ายกันบ้างน่ะ"

              "แต่อย่างน้อย พวกนายก็ทำได้ดีมากเลยน่ะ เพราะว่าพวกเราแทบไม่มีเสบียงอาหารเหลือจนถึงตอนเย็นแล้วนะ" บริคซ์กล่าว

              คลอเวฟบอก "นั้นสิ และพวกนายก็คิดถูกมากที่ฉลองเราด้วยหมูกระทะกันน่ะ"

              "ถ้าพวกนายชอบก็ดีแล้วละ อย่างน้อย นายกับฉันต่างก็ต้องอุดหนุนกันอยู่แล้วละ" แทนกล่าว

              เจเนลบอก "ภาวนาว่าคงจะไม่ขึ้นราคาในใบเสร็จที่ต้องชำระเยอะถึงหลักหมื่นกันหรอกน่ะ"

              "ผมคิดว่าพวกคุณจะลงแข่งด้วยเสียอีกน่ะ" เฟรดบอก

              พีวิลกล่าว "ทำไงได้ละ พวกเรามีหน้าที่ที่ต้องไปทำ เลยทำให้ไม่สามารถลงแข่งกันได้นะสิ"

              "ไม่ใช่เพราะว่าแขนของคุณเป็นตัวปัญหาหรอกหรือ คุณกับพวกถึงลงแข่งไม่ได้กันน่ะ" เฟรดกล่าว และหันมาถาม "แล้วคุณเคยแข่งแบบนี้มาก่อนหรือเปล่าละ เพราะเห็นแค่รุ่นพี่ของคุณสองคนลงแข่งกันเองน่ะ"

              พีวิลตอบ "ฉันกับเจเนลเคยแข่งพร้อมกับรุ่นพี่สเตฟอร์ดและรุ่นพี่โฟรซ่า ในช่วงก่อนที่จะกลายเป็นแมนิเกเตอร์กันนะสิ โดยแข่งพร้อมกับเหล่าทหารจากกองรบอื่นๆด้วยน่ะ"

              "แล้วพวกคุณคงจะได้ลำดับที่แย่กว่าที่โหล่งั้นละสิ" เฟรดบอก

              พีวิลกล่าว "แต่อย่างน้อยพวกเราก็เข้าเส้นชัยได้ก็ถือว่าดีพอแล้วละน่า เฟรด" และหันมาถาม "ว่าแต่ เธอถามฉันมานิ คงอยากจะลงแข่งด้วยสิน่ะ"

              "ถ้าจะให้แข่งพร้อมกับคนหรือต่างดาวที่เยอะขนาดนั้น ผมว่าผมอยู่ช่วยดูแลแม่จะดีกว่าน่ะ" เฟรดกล่าว แล้วก็เดินจากไป

              แฮรี่เดินมากล่าว "สมแล้วที่คุณเคยลงแข่งในฐานะสมาชิกหน่วยรบที่ 54 กันมาก่อนน่ะ แม้ว่าตอนนี้คุณจะให้โอกาสรุ่นพี่สองคนเลยก็ตามน่ะ"

              "เออ แฮรี่ รุ่นพี่สเตฟอร์ดและรุ่นพี่โฟรซ่าท้าเนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้แข่งไตรกีฬากันด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าระหว่างแมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์หรือมนุษย์หุ่นยนต์ ใครจะอึดมากกว่ากันน่ะ" พีวิลบอก "แม้จะมีเรื่องแย่ๆอย่างไวซ์ไมเซลตัวที่สองโผล่มาก่อเรื่องในช่วงท้าย แต่ผลออกมา ทั้งสี่ต่างก็เสมอกันอยู่แล้วน่ะสิ"

              แฮรี่กล่าว "พูดง่ายๆว่า เรื่องแพ้ชนะไม่ได้เป็นประเด็นหลักกันเลยสิน่ะ เพราะตอนนี้พวกเราต่างอยู่ในสภาวะสงครามกับพวกเดลอาเนี่ยนด้วยสิครับ"

              "ใช่ เพราะพวกเดลอาเนี่ยนยิ่งทวีความโหดร้ายมากขึ้น ถ้าเราไม่ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งหรือพยายามทำให้กลุ่มต่างๆที่อยู่ในดาวและนอกดาว รวมตัวกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวเพื่อขับไล่พวกเดลอาเนี่ยนออกไปได้ละก็ พวกเรามีแต่แพ้กับแพ้เท่านั้นแหละ" พีวิลบอก "ที่สำคัญ พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าพวกเขาสูญเสียกำลังคนส่วนหนึ่งไปกับการเป็นอาวุธของคริฟทรอนอฟที่ถูกส่งมาก่อกวนในการแข่งด้วยน่ะ"

              แฮรี่ได้ฟังก็พยักหน้า "ผมกับพวกคุณแดนทราบเรื่องจากผบ.บัลโต้มาแล้วละครับ แม้ว่าการแข่งขันของพวกคุณในคราวนี้อาจจะกระตุ้นให้ทั้งสองฝ่ายส่งกองกำลังมาบันทอนพวกเราเลยนะครับ"

              "ฉันทราบเรื่องจากผบ.บัลโต้กันแล้วน่ะ ว่าคิฟทรอนอฟใช้อัศวินทรอยอาร์ที่ถูกฝังผลึกโชนโครคิฟ กับพวกนักรบสเตรดาร์ธที่ถูกเชื้อเวโนมิไนซ์แปรสภาพให้กลายพันธุ์มาป่วนการแข่งขันเลยน่ะ" แดนกล่าวกับมาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัมและสเปียริท

              เบ็ตตี้บอก "แต่ไม่คิดว่าพวกเธอจะสามารถแปลงร่างเพิ่มพลังเพื่อเข้าแก้สถานการณ์กันน่ะ"

              "เออ นอกเหนือจากสเปียริท แอนเดรียและลิเนียร์ตี้ พวกเราแปลงร่างแทรนซิ่งกันได้นะครับ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              เนคมาดูซัมบอก "และพวกเราเองก็แปลงร่างได้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์ย้ำแย่หรือรับมือไม่ไหวกันจริงๆนะครับ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะว่าพวกเธอสามารถรับมือกับศัตรูได้เองเลยสิน่ะ" แดนบอก และเตือนไปว่า "แต่ตอนนี้ ฉันอยากให้พวกเธอระมัดระวังตัวมากขึ้น ใจเย็นมากขึ้น และคิดอย่างรอบคอบกันมากขึ้น เพราะศัตรูผู้รุกรานในคราวนี้ อาจจะแข็งแกร่งหรือร้ายกาจจนพวกเธอรับมือไม่ได้แน่ๆเลยน่ะ"

              เบ็ตตี้บอก "ไม่ใช่แค่กรณีที่เธอไม่ได้แปลงร่างน่ะ แต่ฉันรู้สึกได้ว่าพวกศัตรูอาจจะแข็งแกร่งจนขนาดร่างแปลงของพวกเธอยังรับมือไม่ได้เลยน่ะ"

              "หมอพูดแบบนี้ ทำให้พวกเราใจเสียมากเลยนะคะ" สเปียริทบอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "อย่างน้อย คุณก็ช่วยเตือนสติให้เราได้มากเลยนะครับ หมอเบ็ตตี้"

              "ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อย พวกเธอจะได้ไม่ต้องสู้รบอย่างประมาทกัน จนลำบากหมอเดเมี่ยนกันด้วยน่ะ" เบ็ตตี้บอก

              แดนกล่าว "แล้วก็....อย่ากินเยอะเกินจำเป็นด้วยน่ะ ฉันรู้ว่าพวกเธอชื่นชอบของอร่อย แต่ก็เอาแต่พอประมาณด้วยน่ะ"

              "ได้ฟังคุณแดนว่ามานั้นก็ช่วยได้เยอะเลยนะคะ" แอนเดรียบอก

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ดีแล้วละ ที่เรามีนายทหารดีๆอย่างคุณแดนอยู่ แม้ว่าในตอนนี้ เราต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันจากกฎเกณฑ์กันก็ตามน่ะ"

              "ใช่ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราได้เสมอ พอผ่านคืนนี้ไปก็คือ กลับเข้าสู่สภาวะเดิมๆของพวกเรากันนี้แหละ" เนคมาดูซัมกล่าวพร้อมกับเคี้ยวเนื้อไปด้วย

              สเปียริทบอก "และอาจจะต้องเจอศัตรูเก่าของเราอีกตามเคยเลยน่า"

              "อิจฉาจังเลยน่า ที่พวกคุณได้กินของดีๆ แต่ฉันไม่ได้กินด้วยน่ะ" แอมเบอร์บ่น ทันทีที่พวกเนคมาดูซัมกลับเข้ามาในบ้านแล้ว

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "อย่าห่วงไปเลยน่า แอมเบอร์ อย่างน้อย พลัสเชอริทก็ไม่ได้กินด้วยน่ะ"

              "แย่หน่อยนะ ผลจากการต่อสู้นั้นได้ทำให้ระบบย่อยวัตถุสารเพื่อแปรเปลี่ยนพลังงานมีปัญหา หมอเดเมี่ยนเลยต้องให้ฉันพักการรับสสารประเภทอาหารมาใช้พลังงานไฟฟ้าแทนนะสิ เพื่อให้ระบบซ่อมแซมตัวเองซ่อมระบบย่อยวัตถุสารกันนี้แหละ" พลัสเชอริทกล่าวพร้อมกับเสียบปลั้กเข้ากับด้านหลังของตนเองไว้

              คลอเวฟบอก "แน่ละ พลังไฟฟ้ามันไม่ได้มีรสซอสบาบีคิวหรือซอสโทบัสโก้กันนิหว่า"

              "เอาเถอะน่า ตอนนี้เราก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว งั้นมาดูข่าวกันเลยดีกว่าน่ะ" เจเนลกล่าวและเปิดช่องข่าวภายในดาวขึ้นมา

              "นับว่าน่าเสียดายไม่น้อยนะครับ ที่พวกไทรเวเซอร์ไม่สามารถคว้าถ้วยแชมป์ไตรกีฬามาได้ ทั้งๆที่ ผู้ลงแข่งขันนั้นเป็นถึงหัวหน้ากองกำลังและผู้ช่วย รวมถึงอดีตหัวหน้าหน่วยรบที่ 54 และหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์ของโซลูนาสตี้เก่าทั้งสองคนด้วยนะครับ" นักข่าวชายที่เป็นลิมฟาซัลคาเลี่ยนกล่าวขึ้นมา

              "ทำไงได้ละคะ เท่าที่ทราบมา การแข่งขันไตรกีฬาอวกาศครั้งที่ 78 นั้น มีผู้เข้าร่วมแข่งขันถึง 840 รายด้วยกัน ซึ่ง เจ้าหน้าที่จากไทรเวเซอร์ทั้ง 4 คงไม่มีโอกาสได้ชัยชนะมาง่ายๆกันนะคะ" นักข่าวหญิงผิวสีที่มาจากโลกกล่าว "ที่สำคัญ ผู้การเกรเบค ทิลเทอแรน หัวหน้ากองกำลังที่ 5 ของพันธมิตรมนุษย์ ซึ่งเป็นแชมป์มา 8 สมัยนั้น ก็เข้าเส้นชัยมาในอันดับสุดท้ายด้วยกันแล้ว นั้นบ่งบอกได้ว่าการแข่งขันกีฬาของฝ่ายสมาพันธ์นั้น เราต้องฝึกกันอีกเยอะเลยนะคะ"

              นักข่าวชายบอก "นั้นนะสิครับ สงสัยว่าคงจะลำพองใจเรื่องได้แชมป์สแมคบอล เลยอ่อนซ้อมจนมาอันดับโหล่แบบนี้ ไม่ค่อยดีเอาเสียเลยนะครับ"

              "คงต้องบอกกับนักข่าวนั้นแล้วละ ว่าเราไม่ได้ลงแข่งอย่างเดียวหรอก แต่เราไปในเรื่องภารกิจปกป้องผู้การเกรเบคกันด้วยน่ะ" สเปียริทบอก

              โฟรซ่ากล่าว "พอเถอะน่า สเปียริท นักข่าวเขาไม่รู้เรื่องที่เรารับภารกิจคุ้มกันการแข่งขันและผู้การเกรเบค ก็พูดไปตามที่พวกเขารู้มาก็เท่านั้นเองแหละ"

              "แต่ก็ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าการที่เห็นพวกไทรเวเซอร์ลงแข่งขันกีฬานั้น ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่าแมนิเกเตอร์ในดาวของเราด้วยนะคะ" นักข่าวหญิงผิวสีบอก แล้วภาพก็จับมายังเขตเรดเมลแกน เพื่อให้นักข่าวภาคสนามสัมภาษณ์กับเด็กวัยรุ่นแมนิเกเตอร์คิวบากับเมกซิโก

              "บอกตรงๆเลยนะ ว่าการได้เห็นลุงกล้ามใหญ่อย่างสตีฟแข่งกับตัวหัวหน้าอย่างเนคบึกนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ทึ่งและไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงนะครับ" วัยรุ่นแมนิเกเตอร์จากคิวบากล่าว

              "ฮะๆๆๆๆ มึงมีชื่อเล่นใหม่จนได้สิน่ะ เนคบึก" คลอเวฟได้ทีก็เยาะเย้ย

              คราวนี้วัยรุ่นฝั่งเมกซิโกบอก "พวกเราเคยได้ยินมาว่า ทั้งสองเป็นถึงระดับหัวหน้า ล้ำๆบึกๆโตๆกันไม่ว่า ไปไหนก็ถล่มทลายกันแบบนี้มาหลายครั้ง แต่การมาเห็นทั้งคู่ ว่ายน้ำข้ามทะเล ปั่นจักรยานทางไกล แล้วก็วิ่งมาราธอนนิ ถือว่าเป็นเรื่องที่เหวอเอามากๆเลยน่ะ"

              "นั้นสิ เพราะเราไม่คิดว่าหัวหน้าอย่างเนคบึกที่เป็นแมนิเกเตอร์หุ่นตัวโตๆนั้นจะขี่จักรยานได้ เพราะอย่างมาก เรามักจะรู้แค่ว่าเขาขี่มอไซด์ลอยได้ก็เท่านั้นเองแหละ" วัยรุ่นคิวบากล่าว

              นักข่าวภาคสนามบอก "แล้วถ้ามีการแข่งไตรกีฬากันอีกครั้งหนึ่ง พวกเธออยากจะเห็นการแข่งแบบนี้กันหรือเปล่าละ"

              "เออ พวกเรา อยากจะเห็น ทั้งเนคบึกและสเตฟอน สู้กับ G-2 และกราดิเอเตอร์มารีนกันด้วยนะครับ" วัยรุ่นเมกซิโกตอบแบบไม่ลังเล

              วัยรุ่นคิวบาร้องเฮลั่น "ไตรกีฬาอวกาศได้สั่นสะเทือนไปทั้งบางแน่นอน เพราะมีตัวใหญ่ตั้งสี่ตัววิ่งจนสนามยุบไปเลยน่ะ"

              "กะแล้วว่าพวกเด็กเกรียนๆอยากเห็นพวกนายแข่งจนได้สิน่า" เจเนลบอก

              คลอเวฟบอก "ที่ถูกก็คือ กูอยากจะกระโดดเข้าไปดรอปคิกไอ้เด็กปากดีนี้เหลือเกินน่ะ"

              "ไม่เคยเห็นการแข่งขันที่สูสีมากขนาดนี้เลยนะคะ ระหว่างมูนคิลเลอร์โฟรซ่ากับเมดลิคซ์ลิเนียร์ตี้กันน่ะคะ" แมนิเกเตอร์หญิงชาวรัสเซียกล่าว

              เพื่อนหญิงชาวโปรตุเกสบอก "นั้นไม่แปลกหรอกคะ เพราะตนหนึ่งเป็นถึงมือสังหารระยะไกลเดิมของลูนาสตี้ อีกตนก็เป็นเมดลิคซ์ที่เป็นผู้ช่วยของเฮฟวี่คอมมานโด้กันด้วยน่ะ ทั้งคู่ถึงได้สูสีในเรื่องความเร็วกันน่ะ"

              "พวกเรา อยากเห็นพวกไทรเวเซอร์ลงแข่งกันครบชุดมากกว่านะครับ" แมนิเกเตอร์ชาวลิมฟ่าซัลคาเลี่ยนหนุ่มกล่าว

              แมนิเกเตอร์มิวแทนอยด์สัญชาติฟิลิปปินส์บอก "จะดีกว่ามาก หากได้เห็นพีวิล มาสวาร์ทาร์ สเปียริท ซึ่งเป็นสมาชิกสามหน่วยแรกลงแข่งด้วยนะคะ"

              "น่าเสียดายเลยนะคะ ที่พวกเขาไม่ได้รางวัลไป แต่....พวกเราจะช่วยกู้ชื่อเสียงให้ด้วยการฝึกซ้อมลงแข่งในงวดหน้าเองนะคะ" แมนิเกเตอร์หญิงชาวอินเดียบอก

              ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นหน่วยทหารชาวเยอรมันบอก "ในเมื่อพวกไทรเวเซอร์ไม่ชนะ ก็ถึงคราวพวกเราหน่วยรบที่ 33 ของกรีนยูรอนเปี้ยนเจอแมนบ้างละ"

              "เราอยากเห็นฟริตซีล่าหลายฉายาแข่งไตรกีฬากันบ้าง อย่างน้อย เธอก็ควรทำอะไรได้มากกว่าเอาแต่บินกลางอากาศกันนะครับ" แมนิเกเตอร์ไซบอร์คหนุ่มจากกรีนยูรอนเปี้ยนบอก

              แมนิเกเตอร์สัญชาติจีนร่างอ้วนซึ่งเป็นชาวอาณานิคมดาวเดอะบันด์-8 บอก "อั้วะไม่ขออะไรมาก ขอแค่เหล่าอาตี๋และอาหมวยทั้งแปดลงแข่งกันด้วยน่ะ"

              "โอ้ว พวกบรอนเซอรูทก็มีคนชื่นชอบด้วยหรือเนี้ย" พีวิลกล่าว

              มาสวาร์ทาร์บอก "แถมมีบางส่วนอยากจะแข่งขันกีฬาเหมือนพวกเราด้วย แม้พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเราไปด้วยภารกิจเลยก็ตามน่ะ"

              "พวกเราฟังจากเสียงประชาชนทั้งเทรอมและซัลคาเลี่ยนมาแล้ว เรามาฟังจากตัวแทนที่มาจากแคสเซรอน-4 บ้างนะครับ" นักข่าวชายบอก แล้วภาพก็ตัดมายังนักข่าวภาคสนามที่เดินมายังฐานประจำการแห่งหนึ่ง

              "เออ พวกเรามาขอสัมภาษณ์กับพวกคุณในความเห็นเรื่องการแข่งไตรกีฬาอวกาศของไทรเวเซอร์กัน....สักหน่อยนะครับ" นักข่าวภาคสนามกล่าวแบบกลัวๆกล้าๆต่อเชปเลคซ์จากกองรบไดรแฮสต้า ซึ่งคุยกับพาราไดน์หญิง

              "การแข่งไตรกีฬาเมื่อวานนะหรือ น่าผิดหวังเล็กน้อยที่รายการนี้ไม่เห็นเงาหัวของดาบมือหนึ่งเลยน่ะ" เชปเลคซ์กล่าว

              พาราไดน์หญิงตอบ "นั้นสิ เราคิดว่าคาตานะลอร์ดน่าจะโผล่มาเข้าแข่งด้วย เหมือนกับการแข่งสแมคบอลกันบ้าง น่าเสียดายจริงๆ"

              "เดียวก่อนน่ะ ว่าแต่ นี้ออกอากาศแล้วหรือ" เชปเลคซ์ถามเพราะเห็นกล้องถ่ายอยู่ นักข่าวพยักหน้า

              พาราไดน์หญิงเลยเดินเข้ามาเอาโลห์มาผลัก "กรุณาออกไปไกลๆ ฐานประจำการของเราซะ ก่อนที่เราจะไล่พวกคุณด้วยวิธีรุนแรงกันน่ะ"

              "เบรซซิ่งแฮนด์ไม่ลงแข่งเลยหรือ ทั้งๆที่รุ่นพี่ตัวโตจากโซลูนาสตี้ลงแข่งกันแล้วน่ะ" เมลลิคซ์จากกองรบอัลฟ่าออสเทรียที่มาประจำการในรัฐไอทาร์กล่าว

              อะเดปติคซ์หญิงบอก "สงสัยว่าหัวหน้าพาเมลิมคงยั้วะและทำท่าเหมือนนางอิจฉาแน่ๆเลยคะ เพราะลิเนียร์ตี้โผล่มาในรายการนี้ แถมสูสีกับมูนคิลเลอร์กันด้วยน่ะ"

              "แจ่ม เธอทำให้พาเมลิมหาเรื่องรังควานพวกเรากันได้ไม่เลิกสิน่า" สเปียริทบอก

              ลิเนียร์ตี้ส่ายหน้า "ภาวนาว่าคุณรีนนาสและคุณลอริดิลจะเบรคพาเมลิมกันบ้างนะคะ"

              "ไอ้เบื้อกครอฟไม่ลงแข่งในรายการนี้เลยหรือ นั้นไม่แปลกหรอก เพราะไอ้หมอนี้คงหาเรื่องแกล้งผู้แข่งขันจากใต้ท้องทะเล หรือไม่ก็ป่วนการแข่งกันแน่ๆเลยละ" สคาเลนบอก

              สปาดาไนซ์ตนหนึ่งกล่าว "แต่ในรายการนี้ไม่มียัยเมดเดนออฟสเปียร์ลงแข่งเลยน่ะ หัวหน้า"

              "ถึงยัยสเปียริทไม่ลงแข่ง แต่คู่แข่งตัวเป้งอย่างเนคมาดูซัมก็ลงด้วย หมอนั้นคงแอบอยู่ใต้น้ำแล้วพุ่งขึ้นมาใช้นิ้วนี้ทิ้มเข้าเป้าแน่ๆเลยละ" สคาเลนกล่าว พร้อมกับโชว์นิ้วกลางขึ้น หากแต่มันถูกเซนเซอร์ด้วยการเบลอเอาไว้

              คลอเวฟได้ฟังก็ยั้วะ "เดียวฉันจะแอบไปวางทุ่นระเบิดตอนเช้ามืดเลยมั้ยละ"

              "พอเลย คลอเวฟ อย่าให้สคาเลนมาหาเรื่องให้แพนทานิคซ์มีข้ออ้างในเรื่องส่งคนมารุมกระทืบนายจะดีกว่าน่ะ" พีวิลบอก คลอเวฟได้ฟังก็หงุดหงิดไม่น้อย

              เจเนลกล่าว "แล้วนายไม่รู้สึกโกรธเลยหรือที่คนของอากาเมมนอสไล่นักข่าวออกไปกันเลยน่ะ"

              "นั้นไม่แปลกหรอก เพราะครอสตรีมส่วนมากนั้นรู้สึกเสียศักดิ์ศรีไม่น้อย เวลาที่ต้องอยู่ร่วมกับแมนิเกเตอร์กลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามอย่างพวกเราและพวกโคเคสกันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "ที่สำคัญ พวกครอสตรีมเองเป็นพวกปรับตัวกับสังคมรอบด้านได้ช้ามากที่สุด จากการที่พวกเขายังยึดถือกฎเกณฑ์ดั่งเดิมเอาไว้น่ะ"

              ฟิเกซกล่าว "ทั้งๆที่ป้าและผู้ว่าการเซริซ่าเผยแพร่แนวทางการอยู่ร่วมกันอย่างงั้นนะหรือ"

              "เป็นเช่นนั้นแหละ ถึงแม้ว่าอากาเมมนอสจะสอนสั่งลูกน้องที่ต้องไปประจำการที่ดาวดวงนี้ ให้ทำหน้าที่เป็นดาบหอกและโลห์ปกป้องผู้คนกันไว้ก็ตาม แต่ฉันก็รู้ ว่าอากาเมมนอสไม่อยากให้ใครล่วงรู้ว่าคนที่ส่งไปนั้นกระทำการอะไรอยู่หรือเปล่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว "อีกอย่าง การไล่นักข่าวออกไปนั้น มันไม่ได้ช่วยให้ปิดบังเรื่องกิจวัตรประจำวันกันได้อย่างแท้จริงหรอกน่ะ"

              ไซโคลเนียบอก "เพราะนั้นจะเป็นการกระตุ้นให้พวกชอบสอดรู้สอดเห็นอยากเข้าไปรู้ให้ถึงแก่น โดยไม่รู้ว่านั้นเป็นการแส่หาเรื่องเลยสิน่ะ"


              "เอาเถอะ อย่างน้อย พวกครอสตรีมเองก็มีเหตุมีผลที่เขาต้องทำเช่นนั้นบ้างน่ะ" พีวิลบอก แล้วก็มาถึงการสัมภาษณ์กับพวกโซลูนาสตี้ที่...

              "บอกตรงๆน่ะ ว่าเราไม่ได้เห็นหัวหน้าสตีฟและรองหัวหน้าโฟรน่าแข่งไตรกีฬามานานแล้วนะครับ" แลมเกรนลูนาสตี้ตนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอย่างตื่นเต้นไม่น้อย

              "เฮ้ย หน้าตาเหลี่ยมและคางยื่นแบบนั้น นั้นมันทรัคสันนิหว่า" เจเนลอุทานขึ้นมาเพราะจำหน้าแลมเกรนตนนั้นได้ เช่นเดียวกับสเตฟอร์ดและโฟรซ่าด้วย

              พีวิลกล่าว "แล้วก็....นี้มันลูกทีมของพวกรุ่นพี่ตอนที่ไปป่าเขี้ยวเสือกันนิครับ ผมจำได้กันน่ะ"

              "ใช่ ฉันจำหน้าทุกๆคนได้น่ะ และคงจะกลายเป็นพวกโซลูนาสตี้เหมือนกับฉันและสตีฟกันนี้แหละ เพียงแต่ว่า...." โฟรซ่าบอก

              สเตฟอร์ดบอก "ฉันกับโฟรน่าไม่เห็นพวกลูกน้องชุดนี้อยู่ในเดธฮาเว่นเลย ทั้งๆที่พวกเขาถูกไอ้แดนเจอรอทฆ่าตายไปก่อนหน้าแล้วแท้ๆน่ะ"

              "พวกเขาคงจะอยู่ในหน่วยรบสำรองกันหรือเปล่าน่ะ เพราะเท่าที่รู้มา ใครที่มีขีดความสามารถไม่ถึงก็จะไม่ผ่านการประเมิน ก็จะถูกโยกไปอยู่หน่วยสำรองกันนะสิ" ไซโคลเนียกล่าว

              แอนเดรียบอก "แต่ฉันคิดว่า เทคไครด์และเฮคไซน์คงจะรู้ ว่าพวกเขาเป็นลูกทีมในหน่วยเดิมของพวกคุณสองคน เลยโยกย้ายพวกเขาไปอยู่กับโซแลชและลูแนชกันก็ได้นะคะ"

              "แอนเดรียว่ามาก็มีส่วนน่ะ แดนเจอรอทนั้นเป็นตัวอันตรายอย่างมาก ซึ่งหากปล่อยให้อดีตลูกทีมชุดที่ไปป่าเขี้ยวเสือกับรุ่นพี่ทั้งสองอยู่ เขาอาจจะลงมือฆ่าทิ้งไปเลยก็ได้น่ะ" พีวิลบอก โดยที่ฟังโซลูนาสตี้ให้สัมภาษณ์

              "ตอนแข่งสแมคบอลนั้น เราลุ้นจนกระดูกสันหลังแข็งทื่อกันทั้งหน่วยแล้ว เพราะเท่าที่รู้มา เกมส์นี้พวกเดลอาเนี่ยนชอบเล่นกันแรง แถมรองหัวหน้า รวมถึงผู้หมวดพีทและผู้หมวดเจมส์เองก็มีแขนขากลทั้งสองข้างด้วยแล้ว เรากลัวว่าพวกเขาอาจโดนกระแทกจนแขนขาหลุดก็ได้นะคะ" เบทชอนโซลาสตี้หญิงกล่าว

              "แต่อย่างน้อย รองหัวหน้าก็ว่ายน้ำได้ ขี่จักรยานได้ แถมวิ่งได้ตามปกติแล้วละน่า แม้ว่าจะดวลกับเพื่อนร่วมทีมที่เป็นเมดลิคซ์สามเขากันเลยน่ะ" ฟาร์ครูทลูนาสตี้หญิงบอก

              เซนครีทโซลาสตี้ชายบอก "หัวหน้าสตีฟเทพมากเลยน่ะ ถึงขนาดแข่งกับตัวหัวหน้าใหญ่ที่เป็นหุ่นทั้งตัว แถมตัวใหญ่กว่ากราดิเอเตอร์มารีนแบบนี้ แต่น่าเสียดายจริงๆที่เข้าเส้นชัยเป็นที่โหล่พร้อมกันเสียได้น่ะ"
              "แล้วพวกคุณทั้งหมดนี้....เออ....คิดว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีละครับ" นักข่าวกล่าวแบบกลัวๆกล้าๆขึ้นมา

              แลมเกรนกล่าว "พวกเรา หน่วยอีควิป-54 นั้นจะขอลงแข่งในไตรกีฬาครั้งต่อไปเลยแล้วกัน แม้ว่าเราจะออกนอกดาวไม่ได้ แต่เราจะขอท้าแข่งกับพวกแมนิเกเตอร์ทั้งหลายที่อยู่บนดาวนี้เอง" แล้วก็พูดอีกด้วยว่า "หัวหน้าสตีฟ รองหัวหน้าโฟรน่า ผู้หมวดพีท ผู้หมวดเจมส์ พวกคุณดูอยู่หรือเปล่าครับ ตอนนี้พวกเรามาประจำการที่ดาวดวงนี้แล้ว"

              "ว่างๆแวะมาหาพวกเราได้นะคะ หรือไม่ก็คงมีโอกาสได้ร่วมงานกันด้วยคะ" ฟาร์ครูทลูนาสตี้หญิงบอก ซึ่งอดีตสมาชิกหน่วยที่ 54 เห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มขึ้นมา

              คลอเวฟบอก "คงจะพูดไม่ออกละสิ ที่เห็นอดีตลิ้วล้อในหน่วยนายรอดมาประจำการบนดาวดวงนี้ได้น่ะ"

              "กูไม่รู้ว่าจะดีใจหรือโมโหดีกันนะสิ ทรัคสันเป็นพวกอดกลั้นต่ำแถมชอบส่งเสียงดังจนเกือบทำเสียเรื่องไปหลายครั้งเลยน่ะ" สเตฟอร์ดบอก

              พีวิลกล่าว "แต่ก็ดีแล้วละ ที่พวกเขายังอยู่ แม้ว่าพวกเขาอาจจะจำเรื่องที่ฉันมีส่วนที่ทำให้พวกเขาเป็นเช่นนี้เลยน่ะ"

              "อย่างน้อย พวกเขาก็ให้อภัยนายได้อยู่แล้วละน่า พีวิล เพราะตอนนี้พวกเขาก็มีสภาพเหมือนนายและพวกแล้วนิ" สเปียริทกล่าว

              แอบไบออสบอก "แต่ลูกทีมเก่าของพวกนายออกอากาศกันแบบนี้ ไม่กลัวว่าพวกริดโอจะเล็งจู่โจมใส่กันเลยหรือ"

              "แอบไบออสว่ามา ก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเป็นห่วงเหล่าลูกทีมเดิมแล้วสิ" โฟรซ่ากล่าว

              พีวิลพยักหน้า "เช่นเดียวกับพวกอีเนอไมนด์และครอสตรีมกันด้วยน่ะ"

              "เอาเป็นว่าการแข่งขันของพวกเราสองครั้งนั้นได้กระตุ้นให้พวกแมนิเกเตอร์บนดาวมีแรงบันดาลใจกันบ้างแล้ว แม้ว่านั้นไม่ช่วยให้พวกเขามีส่วนในเรื่องการรับมือกับภัยคุกคามเลยก็ตามน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "และโชคดีมากที่ข่าวสารของเรานั้นเผยแพร่กันแค่ภายในระบบดาวของเราเท่านั้น ซึ่งยังไม่ได้มีการเผยแพร่ออกไปสู่เขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ฯเลยก็ตามน่ะ"

              "แม้ว่าจะมีข่าวที่เสนอด้านดีๆ แต่ก็อาจจะมีด้านแย่ๆที่วิพากย์วิจารณ์พวกเราเลยนะคะ" แอนเดรียบอก

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "เพราะถึงเราไม่อยากจะรับรู้หรือได้ยินเรื่องแย่ๆจากพวกแมนิเกเตอร์ แต่มันจะดีกว่ามากหากประชาชนตำหนิติเตียนการกระทำของเรา ของกองทัพและของประธานาธิบดี ซึ่งเราจะได้นำข้อตำหนิดังกล่าวไปปรับปรุงการกระทำของเราให้ดีขึ้นกันนี้แหละ"

              "ตอนนี้พวกเราคงทำได้แค่ปฏิบัติการณ์ปกป้องระบบดาวจากภัยคุกคามตามเดิมสิน่ะ" พีวิลบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "แม้ว่าหนอนบ่อนไส้ยังอยู่ในกองรบหลักเลยก็ตามสิน่ะ"

              "แล้วโพโบโวโล่ก็คงตำหนิพวกเราเรื่องไม่ได้ถ้วยรางวัลกันอีกละสิ" ไซโคลเนียบอก

              พีวิลกล่าว "ผู้ว่าการของเราตำหนิไปก่อนที่พวกเราจะเข้าบ้านกันแล้วละ ซึ่งฉันก็อธิบายให้โพโบโวโล่เข้าใจไปแล้วนะสิ"

              "และเราต้องกลับมาจ่ายภาษีตามเดิมเลยสิน่า" สเปียริทบ่น

              แอบไบออสกล่าว "คิดซะว่าเราทำตามหน้าที่ของทหารและพลเมืองของเฟิร์สฮิลล์กันดีกว่าน่ะ"

              แล้วเวลาผ่านพ้นไปจนถึงเช้าของวันต่อมา

              "มื้อเย็นวานนี้คงทำให้เธอเกือบจะตื่นสายเลยสิน่ะ แม้ว่าพวกเธอบางคนกินไม่ได้เยอะมากกว่าสมาชิกลูกทีมรองก็ตามน่ะ" เพอซิอัสตำหนิพวกเมนซิกส์ทีนที่มารายงานตัวในห้องประชุมช้าไปสองนาทีด้วยกัน

              จูเดทต้าบอก "และการฉลองในคราวนี้ แค่ฉลองปลอบใจกันเท่านั้นเองน่ะ เพราะพวกเธอทั้งหมด ไปปฏิบัติภารกิจที่ทางพันธมิตรมนุษย์ขอร้องทางเรามา เลยทำให้ทุกๆคนบนดาวรู้แค่ว่าพวกเธอเข้าเส้นชัยเป็นอันดับสุดท้ายกันน่ะ"

              "ทางเราทราบดีนะครับ ว่าพวกเราต้องส่งพวกเนคมาดูซัมลงแข่ง เพื่อความปลอดภัยของผู้การเกรเบคไว้นะครับ พวกเราเลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับชัยชนะกันนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอก

              จูเดทต้ากล่าว "ถ้าเป็นการแข่งกีฬาหรือการประลองละก็ พวกเธอไม่จำเป็นต้องชนะเลิศก็ถือว่าดีที่สุดแล้วก็จริง แต่การรบกับภัยคุกคามนั้น พวกเธอต้องชนะให้ได้สถานเดียวเท่านั้นแหละ"

              "พวกเรารู้ดีแล้วละครับ ท่านนายพล ว่าภัยคุกคามจากพวกเดลอาเนี่ยน ทรอยอาร์และสเตรดาร์ธนั้น มีแต่ต้องชนะเท่านั้นนะครับ" เนคมาดูซัมกล่าว

              เพอซิอัสบอก "ดี ตอนนี้ฉันจะชี้แจงต่อพวกเธอกันสักหน่อย ถึงเรื่องการพัฒนากองกำลังแบ็คไซด์คอมแบทฟอสกันน่ะ"

              "หมายถึงพวกหน่วยรบวิหคเงาและพวกวูเซียทอย่างงั้นละสิครับ" พีวิลกล่าว

              เจเนลบอก "แต่มันจำเป็นด้วยหรือที่ต้องพัฒนากองกำลัง ในเมื่อพวกหัวหน้าแดนมีชุดเกราะที่แข็งแกร่ง แถมพวกบาร์ทและพวกบรอนเซอรูทเองก็เก่งมากแล้วน่ะ"

              "ถึงเพื่อนจอมยุทธ์มิวแทนอยด์ของพวกเธอทั้ง 13 ตนเป็นผู้เก่งกาจ โดยเฉพาะกลุ่มแปดพี่น้องที่เป็นเหล่าบุตรของไวซ์ไมเซลนั้น มีความสามารถในการแปลงร่างได้ก็จริง แต่สำหรับฉันแล้ว การออกรบโดยปราศจากการป้องกันที่ดีนั้นมันไม่มีประโยชน์กันหรอกน่ะ" จูเดทต้าบอก

              เพอซิอัสกล่าว "โดยเฉพาะกับฝ่ายตรงข้ามที่มีอาวุธปืนและอาวุธหนักนั้น ต่อให้มีความว่องไวและรวดเร็วดุจสายลม มีความสามารถในการเปลี่ยนกายเป็นเหล็กกล้าจนต้านกระสุนและสะท้อนลำแสงได้ แต่ศัตรูมีอาวุธที่ร้ายแรงซึ่งมีพลานุภาพในการทะลุทะลวงการป้องกันทางกาย หรืออันตรายอย่างอื่นที่ย้ำแย่ยิ่งกว่าอยู่ ถ้าไม่เสริมการป้องกันให้กับพวกเขาซะตอนนี้ แล้วพวกเขาเสียท่าถึงแก่ชีวิตขึ้นมา มันไม่สายเกินแก้ไปเลยหรือ"

              "ที่นายพลว่ามานั้น มันก็จริงทุกประการเลยนะครับ เพราะช่วงแรกๆที่พวกบาร์ทรับมือกับพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธ มักจะไปช้าเพราะต้องหาที่กำบังหรือหลบกระสุนกันนะครับ" พีวิลบอก

              เพอซิอัสพยักหน้า "เพราะอย่างงั้น ขั้นแรกในการปรับปรุงกองกำลังแบ็คไซด์คอมแบทนั้น ต้องเริ่มจากพวกวูเซียทกันก่อนนี้แหละ"

              "ท่านนายพลคงจะไม่ให้ไอ้แรมเบจหุ้มเกราะอย่างงั้นละสิ" คลอเวฟกล่าว

              จูเดทต้าบอก "ที่ถูก ควรจะเป็นผบสส.บาโธโรมิวกันซะมากกว่าน่ะ" แล้วก็เปิดสไลด์ภาพแปลนชุดเกราะขึ้นมา และอธิบายขึ้นมา "ผบสส.บาโธโรมิวพยายามอย่างมากที่จะปรับปรุงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ภาคสนาม ที่เป็นมิวแทนอยด์ในเรื่องการป้องกันอันตรายจากสภาพแวดล้อม จากอาวุธและการจู่โจมของฝ่ายตรงข้าม รวมถึงจากตัวของพวกมิวแทนอยด์ด้วยกันเอง รวมถึงกลุ่มแมนิเกเตอร์มนุษย์หุ่นยนต์อย่างพวกแอนดรอย มนุษย์แขนขากล ริมฟาซัลคาเลี่ยน ครีซีแทน และฮาร์ฟครีซีแทนกันด้วย เพียงแต่ ยังไม่มีวัตถุดิบหรือแนวความคิดอื่นที่เหมาะสมกันนะสิ"

              "ทั้งๆที่เบย์แทนด์พัฒนาชุดเกราะ PCA จนให้เจ้าหน้าที่แดนและพวกใส่ได้กันนะหรือครับ" เนคมาดูซัมกล่าว

              จูเดทต้าพยักหน้า "ตามข้อมูลของทีมวิจัยชุด PCA ที่เบย์แทนด์ทำให้กับหน่วยรบวิหคนั้น พบว่าชุดเกราะแม้จะเสริมพลังให้กับผู้ใส่ที่เป็นมนุษย์แมนิเกเตอร์ทั้งมาจากโลกหรือซัลคาเลี่ยนได้ แต่กับพวกมิวแทนอยด์นั้น ตัวชุดเกราะบางส่วนอย่างส่วนแขนนั้นจะปิดกั้นพลังการกลายพันธุ์ของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด จนต้องถอดปลอกแขนออก ซึ่งนั้นเป็นการกระทำที่ผิดอย่างมาก เพราะเป็นการเผยจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นงานตรงนั้นได้ง่ายๆเลยน่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "แน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้ มันยังไม่ได้รับการแก้ไขมา ตั้งแต่ได้ชุดเกราะมาพัฒนาและผลิตเป็นจำนวนมากกันแล้วน่ะ"

              "จะว่าไปก็ใช่นะคะ เพราะว่ามิวแทนอยด์บางตนนั้น ไม่จำเป็นใส่เกราะก็มีร่างกายที่แปรสภาพให้แข็งแกร่งดุจหิน ดุจเหล็กและดุจเพชรมาแทน หรือแม้กระทั่งงอกหนาม งอกเขาหรืองอกเกล็ดออกมากันได้นิคะ" จิลบอก

              เพอซิอัสบอก "ความสามารถเหล่านั้น มันยิ่งทำให้เกราะเสียหายจากภายในได้น่ะ ร้อยตรีจีน่า เพราะชุดเกราะ PCA ไม่ว่าจะพัฒนาจากชุดที่ได้รับมอบจากผบ.ทิลเทอแรนในช่วงมหาสงคราม หรือชุดเกราะของพวกเราเอง มันถูกออกแบบให้ป้องกันอันตรายจากภายนอกได้ แต่มิใช่กับภายในกันน่ะ"

              "ทีแรก ปัญหาเหล่านี้คงไม่มีทางได้รับการแก้ไขกันแน่นอน ถ้าไม่เพราะว่า การบุกรุกของพวกสเตรดาร์ธในช่วงแรกๆนั้น ได้ช่วยให้ทีมวิจัยของกองทัพ ค้นคว้าทางเลือกเหล่านั้นได้แล้วละ" จูเดทต้าบอก โดยเปิดภาพชุดเกราะของสเตรมทรูปเปอร์ขึ้นมา

              สเปียริทบอก "ฟูลออเรสและเมดิน่าบอกกับเราเรื่องเกราะและอาวุธกันไปแล้วนิน่า ทำไมยังต้องอธิบายกันอีกละ"

              "ที่นักวิจัยฟูลออเรสและเมดิน่าบอกมานั้น แค่อาวุธและแหล่งพลังงานเท่านั้นเอง ส่วนตัวชุดเกราะนั้น เป็นความรับผิดชอบของหน่วยรบที่ 29 กันนะสิ" จูเดทต้าบอก "จากการตรวจสอบชุดเกราะแบบสเตรมทรูปเปอร์ของกีล ดิสตินแล้ว พบว่าส่วนชั้นในของตัวเกราะทุกส่วนของสเตรมทรูปเปอร์นั้น ไม่เพียงปกป้องผิวหนังและร่างกายจากการจู่โจมทุกรูปแบบ ซึ่งก็ลดทอนความเสียหายลงไปได้ในระดับหนึ่งกันอย่างเดียว" แล้วก็เปิดภาพตรงด้านในส่วนแขนซึ่งผ่านการผ่าครึ่งไปแล้ว โดยใต้เกราะนั้นมีแผ่นหนังสีขาวติดอยู่ และมีปุ่มกลมเล็กๆติดอยู่ด้วย "แต่....ยังติดซิงโครยูนิตกันไว้ทั่วทั้งชุดด้วยนะ"

              "ซิงโครยูนิตนะหรือคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว

              จูเดทต้าพยักหน้า "ตามข้อมูลการตรวจสอบเกราะของสเตรมทรูปเปอร์ของกีล ดิสตินนั้น พบว่าภายในทุกส่วนของตัวเกราะนั้น ติดตัวซิงโครยูนิตเอาไว้ ซึ่งตัวยูนิตนั้นจะเชื่อมต่อระบบประสาทของผู้ใส่เข้ากับตัวเกราะ เพื่อให้ตัวเกราะสามารถตอบสนองต่อผู้ใส่ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยตัวซิงโครยูนิตทุกจุดนั้นเชื่อมต่อเข้ากับตัวหลักที่อยู่กลางหลังด้านใน ซึ่งเชื่อมต่อตรงกับกระดูกสันหลังของผู้ใส่โดยตรงกันนะ"

              "ลักษณะแบบนั้นมันก็ไม่ต่างจาก PCA แบบต่อสู้พิเศษของพันธมิตรมนุษย์และของผู้ฝูงทริปเปิ้ลทีกันเสียเลยน่ะ" แอบไบออสพูดขัดขึ้นมา

              จูเดทต้าบอก "เธออาจจะพูดเช่นนั้น แม้ว่าเธอไม่เคยสวมใส่ชุดเกราะนั้นเลยสิน่ะ สิบเอกโจเซฟ แต่....เกราะของสเตรดาร์ธนั้นต่างออกไป เพราะซิงโครยูนิตไม่ได้แค่เชื่อมต่อกับระบบประสาทของผู้ใส่จนเสริมประสิทธิภาพในการใช้งานกันอย่างเดียว แต่....ตัวยูนิตนี้ มีคุณลักษณะแบบเดียวกับโปรเทคสูทที่ริดิวิเนี่ยนทั้งปกติ และที่เป็นมิวแทนอยด์อยู่ด้วยนะสิ"

              "ท่านนายพลคงไม่ได้บอกว่า ชุดเกราะของสเตรดาร์ธนั้น ดูดซับเอาอนุภาคพลังส่วนเกินที่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ทางร่างกายออกไปเป็นพลังงานอย่างอื่น หรือกลั่นกรองพลังดังกล่าวให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อย่างงั้นละสิคะ" แอนเดรียบอก จูเดทต้าพยักหน้า

              พีวิลบอก "แต่ขาวสเตรดาร์ธไม่น่าจะเป็นแมนิเกเตอร์แบบมิวแทนอยด์กันเลยนิครับ"

              "เกรงว่าจะไม่เป็นอย่างงั้นนะสิ ร้อยเอกแอนเดอร์สัน เพราะจากรายงานของทีมแพทย์ที่ไปเช็คสุขภาพของเชลยชาวสเตรดาร์ธมา พบว่าเกือบ 80 เปอร์เซนต์ มีสภาวะการกลายพันธุ์อย่างฉับพลันขึ้นมา โดยสำแดงออกผ่านความแข็งแกร่งและการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพภายนอก อย่างผิวหนังแข็งแกร่งมากขึ้น มีการตอบสนองต่ออันตรายมากขึ้นจากการที่มีความว่องไวเหนือมนุษย์ทั่วไป ประสาทสัมผัสเฉียบไวมากขึ้นในตอนกลางคืน บาดแผลหายเร็วขึ้น อาการป่วยไข้และติดเชื้อมีน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นเมื่อเจอสภาพอากาศที่เย็น และอื่นๆอีกมากที่จัดอยู่ในคุณลักษณะของมิวแทนอยด์กันน่ะ" เพอซิอัสบอก "บวกกับว่าสภาพแวดล้อมของดาวในระบบสเตรดัสท์เซคเตอร์นั้น เป็นดาวแห่งทะเลทรายซึ่งมีแร่ธาตุอันมีค่าอยู่มากมาย ซึ่งรวมถึงแร่กัมตภาพรังสีกันด้วย แม้ว่าสภาพแวดล้อมนั้นไม่ปนเปื้อนจากแร่หรือคลื่นรังสีกันก็จริง แต่จากการที่พวกเขาอาศัยอยู่บนดาวที่มีแหล่งแร่ดังกล่าว ย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางร่างกายที่เป็นไปอย่างช้าๆ แต่ยาวนานมากจนลูกหลานรุ่นถัดมาได้รับผลกระทบอย่างที่เป็นอยู่ การที่พวกสเตรดาร์ธคิดค้นชุดเกราะขึ้นมาก็เพื่อความอยู่รอดของพวกเขา จากสภาพแวดล้อมแย่ๆบนดาวในระบบของพวกเขา และสภาพแวดล้อมจากดาวอื่นๆที่ต่างจากระบบดาวที่พวกเขาอยู่ด้วยน่ะ"

              คลอเวฟบอก "ท่านนายพลคงไม่ได้หมายความว่า การที่มีสเตรดาร์ธตัวโตๆเท่าจายด์อย่างองค์ชายสามจาฟฟาร์ล เกิดขึ้นมาพร้อมกับพี่น้องแบบนี้อีกหลายสิบองค์ มันมาจากการกลายพันธุ์อย่างงั้นนะหรือ"

              "เป็นเช่นนั้นแหละ กราดิเอเตอร์คลอเวฟ ซึ่งถ้าพวกสเตรดาร์ธไม่กลายพันธุ์ขึ้นมาจริง พวกเขาคงจะรับการแปรสภาพจากเชื้อและเนื้อเยื่อของชิ้นส่วนฐานรังของเวโนมิไนซ์กันไม่ได้แน่นอน และคงไม่โผล่มาออกอาละวาดและปะทะกับพวกเธอกันได้หรอกน่ะ" จูเดทต้ากล่าว

              แอบไบออสบอก "และรวมถึงสัตว์พื้นเมืองตัวโตที่โดนแปรสภาพกันด้วยน่ะ"

              "แล้วข้อมูลการวิจัยของชุดเกราะของพวกสเตรดาร์ธนั้น คงจะนำมาใช้กับพวกวูเซียทอย่างงั้นละสิครับ" พีวิลกล่าว

              เพอซิอัสบอก "ใช่ เพราะตัวชุดเกราะของสเตรดาร์ธนั้นแมทซ์กับความเป็นมิวแทนอยด์ของพวกวูเซียทกันแล้ว เพียงแต่เรายังไม่แน่ใจว่าพวกวูเซียทอยากจะใส่เกราะกันหรือเปล่านะสิ"

              "แน่ละ ไอ้เวรแรมเบจคงไม่อยากใส่เกราะเพราะคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากจนไม่จำเป็นต้องใส่กันนะสิ" คลอเวฟบอก

              จูเดทต้ากล่าว "แต่เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก เพราะผบสส.บาโธโรมิวถูกตำหนิจากเบื้องบนในเรื่องที่ลูกน้องใต้บังคับบัญชาส่วนหนึ่ง ออกปฏิบัติการณ์โดยไม่สวมเครื่องป้องกัน ดังนั้น ทางเราจึงขอร้องให้พวกเธอชี้แจงกับพวกวูเซียทให้ขอความร่วมมือกันด้วยน่ะ"

              "ว่าแต่เราจะให้พวกเขาสวมเกราะกันเลยหรือครับ" เนคมาดูซัมบอก

              เพอซิอัสกล่าว "ยังเร็วไปน่ะ เนคเกอร์ เธอคิดว่าเธอสามารถขี่จักรยานได้เองโดยไม่มีคนสอนเลยนั้น มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับพวกวูเซียทที่ต้องรับการทดสอบการสวมชุดเกราะกัน เพื่อนำข้อมูลการปฏิบัติจริงไปปรับแก้ชุดเกราะให้เข้าที่เข้าทางไว้ ซึ่งหากรีบใส่แล้วชุดเกราะเสียหายเพราะขีดความสามารถของตัวผู้ใส่สูงกว่าตัวเกราะที่ใช้อยู่ มันก็ต้องลำบากทำใหม่กันด้วย ต่อให้เรามีข้อมูลชุดเกราะของพวกสเตรดาร์ธอยู่ก็ตามน่ะ"

              "แต่ว่า คุณเบย์แทนด์ที่เป็นผู้รับผิดชอบในโปรเจคพัฒนาชุดเกราะ PCA สำหรับหน่วยรบวิหคเงาอยู่ในความควบคุมของซีคเทมพลาร์ไปแล้ว รัฐมนตรีวูลลิเซียคงไม่ได้ให้ใครสานต่องานของคุณเบย์แทนด์เลยละสิคะ" แอนเดรียบอก

              จูเดทต้าตอบ "งานของเจ้าหน้าที่เบย์แทนด์นั้น ต้องมีคนรับช่วงต่อ ซึ่งโชคดีมากที่รัฐมนตรีวูลลิเซียมอบหมายงานนี้ให้แล้ว และตัวเกราะรุ่นต้นแบบนั้นก็ถูกสร้างขึ้นจนเสร็จ รอคอยให้ผู้สวมใส่ทั้งห้ามาถึงที่สถาบันนี้แหละ"

              "หากแต่ คนที่รับช่วงต่อนั้น ไม่ได้อยู่ที่สถาบันวิจัยริดิวิแนนท์ที่เวลแซนดร้ากันหรอกน่ะ" เพอซิอัสกล่าว

              ไซโคลเนียบอก "นี้อย่าบอกนะคะว่า คนที่รับช่วงต่อนั้นประจำอยู่สถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ที่อื่นกันน่ะ"

              "ถูกต้องแล้วละ เพราะไม่ใช่แค่กีล ดิสตินจากหน่วยรบที่ 29 เท่านั้นที่รับผิดชอบในเรื่องอาวุธและชุดเกราะของพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธ สถาบันวิจัยฝั่งตะวันออกไกลคือสถาบันของผู้ที่รับผิดชอบโปรเจคของเจ้าหน้าที่เบย์แทนด์ และดำเนินการตามที่ว่ามากันนี้แหละ" เพอซิอัสกล่าว "ซึ่งผบสส.บาโธโรมิวมีคำสั่งตรงลงมา ว่าให้พวกเธอพาทั้งแปดพี่น้องและพวกวูเซียทไปที่สถาบันนั้น เพื่อให้พวกเขารับการอบรมจากนักวิจัยที่นั้น ที่สำคัญ ทางเราต้องการให้พวกเขาทั้ง 13 ตน ให้ความร่วมมือกับทีมวิจัยนั้นด้วย เพราะเราทราบจากรัฐมนตรีวูลลิเซียมาแล้ว ว่าทีมวิจัยที่โน่นมีปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับทางกองทัพ หรือแม้กระทั่งพวกเธอที่เป็นสหายของเจ้าหน้าที่เบย์แทนด์กันน่ะ"

              พลัสเชอริทถาม "แล้วทำไมรัฐมนตรีวูลลิเซียไม่มาให้รายละเอียดกับทางเราละครับ"

              "สถาบันวิจัยริดิวิแนนท์กำลังดำเนินการร่วมกันกับทีมสำรวจวิจัยบังเกอร์ของชาวออร์เลี่ยน ที่อยู่ประจำจุดต่างๆของดาว ในเรื่องการตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลของเทคโนโลยี่ที่อยู่ในบังเกอร์นั้นๆ ซึ่งกระบวนการวิจัยถือว่าล่าช้ามากๆ เพราะต้องการความเที่ยงตรงและถูกต้องของสิ่งที่ถูกเก็บอยู่ในบังเกอร์เอาไว้ ถึงแม้ว่าชาวดาวฤกษ์จะนำวัตถุที่ไม่พึ่งประสงค์และเป็นอันตรายอย่างมากต่อดาวของเราออกไปแล้วก็ตามน่ะ" เพอซิอัสบอก "ซึ่งนั้นหมายถึง พวกเธอจะไม่ได้พาร์ทเสริมความแข็งแกร่งสำหรับฟาลครีด้า หรือแม้กระทั่งเพรโทรแน็กซ์สองตัวไปสักระยะหนึ่งนะสิ"

              เจเนลบอก "สงสัยว่าฟูลออเรสและเมดิน่าคงไม่ชอบเรื่องนี้เลยสิน่า"

              "ฉันให้เวลาพวกเธอหนึ่งชั่วโมงในการไปแจ้งให้พวกพ้องของเธอที่อยู่ในเมืองนี้รับทราบกันไว้ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังสถาบันวิจัยฝั่งตะวันออกไกลกันได้เลย ซึ่งฉันไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลต่อพวกเธอกันน่ะ" จูเดทต้าบอก

              เพอซิอัสกล่าว "ที่สำคัญ ใช้เหตุและผลกับพวกเขาดีๆด้วย เพราะพวกเราไม่ต้องการเกิดความแตกแยกกันจนเข้าทางหนอนบ่อนไส้กันน่ะ"

              "นี้แปลว่า พวกเขาจะให้พวกเราสวมชุดเกราะแบบเดียวกับพวกคุณแดนอย่างงั้นนะหรือ" โรซารี่กล่าว แต่เธอพูดเสียงดังมากไปหน่อย เลยทำให้พวกเมนซิกส์ทีนและพวกบรอนเซอรูท รวมถึงพวกบาร์ทต้องบอกให้เงียบ

              สเปียริทบอก "รู้น่ะ ว่าเธอตื่นเต้นกับเรื่องนี้ไม่น้อยน่ะ แต่อย่าส่งเสียงดังได้มั้ยละยะ"

              "ลืมไปแล้วหรือ ว่าพวกเรามีหน้าที่รักษาความลับของหน่วยรบวิหคเงากันน่ะ" ช็อปเปอร์บอก

              รอมมิชกล่าว "ถ้าเกิดว่าหมอเบ็ตตี้ จ่าแทน หรือแม้กระทั่งคุณแดนมีอันเป็นไปขึ้นมา เธอจะรับผิดชอบกันยังไงละ โรซารี่" โรซารี่ได้ฟังก็หน้าเจื่อนขึ้นมา

              "แล้วเราต้องไปกันจริงๆหรือวะ" แรมเบจกล่าว

              คลอเวฟบอก "ต้องไปกันสิ เพราะถ้าเราช้า เกิดสถาบันนั้นถูกศัตรูถล่มขึ้นมา เกรงว่าพวกนายจะต้องลุยห่ากระสุนและระเบิดกันตัวเปล่าๆอีกตามเคยนะสิ"

              "จะว่าไปก็ใช่น่ะ ถ้าเราไม่มีชุดเกราะไว้ป้องกันตัวแล้วละก็ พวกเราอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถต่อสู้ได้ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตไปด้วยน่ะ" บาร์ทกล่าว

              เซเทธถาม "แล้วพวกบาร์ทต้องไปกันแค่นั้นเลยหรือ"

              "ที่จริงแล้ว พวกนายทั้งแปดก็ต้องไปด้วยนะสิ เพราะคำสั่งของผบ.บัลโต้ให้ไว้ ว่าพวกนายทั้งแปดก็ต้องไปที่สถาบันวิจัยฝั่งตะวันออกไกลพร้อมกับพวกบาร์ทกันน่ะ" พีวิลบอก

              กริมเบอรี่กล่าว "แล้วสถาบันของป้าวูลลิเซียล่ะ"

              "คุณวูลลิเซียมีเรื่องตรวจสอบงานวิจัยเทคโนโลยี่ของชาวออร์เลี่ยนกันอยู่ ซึ่งต้องระดมนักวิจัยทุกแขนงมาช่วยตีความอักขระและข้อมูลโบราณกันไว้ เลยทำให้ทุกแผนกไม่สามารถให้ความร่วมมือกับทางกองทัพได้นะสิคะ" แอนเดรียบอก

               ฟันดิวเรคกล่าว "งั้น หนูแมบิลีนก็ไม่มีเพื่อนเล่นด้วยละสิ เพราะคุณอีธานและคุณเอโอลีนทำงานตลอดกันน่ะ"

              "ทำไงได้ละ ท่านประธานาธิบดีของเราเองก็เป็นคนสั่งมา เพราะเห็นว่าพวกเดลอาเนี่ยนมีความร้ายกาจมากขึ้นและมาเหนือเมฆมากยิ่งขึ้น หากไม่นำสิ่งที่ออร์เลี่ยนหลงเหลือไว้ในบังเกอร์ออกมากันเสียก่อนน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว

              เนคมาดูซัมบอก "และเราจำต้องชิงลงมือก่อนที่พวกเดลอาเนี่ยนบุกมาถล่มบังเกอ ร์หรือขโมยเทคโนโลยี่ที่พวกออร์เลี่ยนหลงเหลือเอาไว้กันน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ ยังมีอาวุธที่นอกเหนือจากไทรแองเกิ้ลอยู่ในนั้นสิน่ะ" รอมมิชกล่าว พีวิลพยักหน้า

              ทินเหมาลีบอก "แล้วที่สถาบันแห่งนั้น คงไม่มีอะไรแย่ๆไปกว่าการเก็บสัตว์ประหลาดต่างดาวหรือจับพวกเวโนมิไนซ์มาใส่โหลดองกันละสิ"

              "เรื่องนี้เราเองก็ไม่รู้ ขนาดคุณวูลลิเซียเองก็ไม่บอกกับเราด้วยน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              บรอนเซอรูทบอก "แล้วริบอยและริเกิร์ล ยังอยู่ในความดูแลของกองรบที่ 11 อยู่สิน่ะ"

              "ใช่ ตอนนี้กรมตำรวจกำลังตามหาริดโอบิทกันอยู่ ไปพร้อมกับคอยติดตามพวกริดโอแบทที่ออกตามหาด้วย เพื่อเข้าขัดขวางและจับกุมกันนี้แหละ" พีวิลบอก

              โมคุโตะกล่าว "พี่ใหญ่เองก็ไม่ต้องห่วงกันบ้างน่ะ ถึงความปลอดภัยของทั้งสองคนกันน่ะ"

              "แล้วจะออกเดินทางกันตอนไหนละวะ" แรมเบจถาม

              สเตฟอร์ดบอก "เดียวนี้เลยก็ได้น่ะ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากๆ เผื่อศัตรูลงมือจู่โจมสถาบันกันเสียก่อนน่ะ"

              "และ อย่าหาเรื่องพังข้าวของในยานของกูซะละ ไม่งั้น มึงโดนแน่ๆ" คลอเวฟกล่าว

              บาร์ทบอก "เอาเถอะน่า คลอเวฟ พวกเราก็รู้กาละเทศะของพวกนายดีอยู่แล้วน่ะ"


              "สถาบันวิจัยฝั่งตะวันออกไกลนะหรือครับ" ฟูลออเรสกล่าวอย่างแปลกใจไม่น้อย ทันทีที่เข้ามาประจำที่บนสะพานเดินเรือแล้ว

              สเปียริทบอก "พวกเธอคงจะรู้จักกับหัวหน้าคุมสถาบันแห่งนั้นมาก่อน เพราะเป็นผู้ช่วยของเบย์แทนด์และป้าวูลลิเซียละสิน่ะ"

              "คะ และเราเคยเรียนอยู่ในคลาสของหัวหน้าสถาบันผู้นี้ ซึ่งเขาค่อนข้างเข้มงวดกับพวกเราที่เป็นพวกมิวแทนอยด์กันไม่น้อย และมีอคติกับ รุ่นพี่เบย์แทนด์และป้าวูลลิเซีย ทั้งๆที่เขาเป็นน้องของคุณป้านะคะ" เมดิน่าบอก

              คลอเวฟบอก "งั้นไอ้หัวหน้าสถาบันนั้นเป็นน้องป้าวูลลิเซียงั้นสิ แล้วหมอนั้นชื่ออะไรกันหรือ"

              "ดร.วูลลิเซอร์ เกรซโวลด์ หัวหน้านักวิจัยสายชีววิทยาและพันธุกรรมศาสตร์ ถ้าคุณป้าวูลลิเซียเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเครื่องยนต์กลไกและหุ่นยนต์แล้ว อาจารย์วูลลิเซอร์ชำนาญในเรื่องกายภาพของแมนิเกเตอร์มนุษย์ประเภทกลายพันธุ์หรือผ่านการตัดแต่งพันธุกรรม และเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องผู้ลี้ภัยที่ติดเชื้อกลายพันธุ์ของเวโนมิไนซ์ ซึ่งมาอาศัยอยู่ในอาร์คเพื่อหาทางยับยั้งการแพร่เชื้อมิให้ร้ายแรงไปมากกว่านี้กันนะครับ" ฟูลออเรสบอก

              เจเนลกล่าว "อย่าบอกน่ะ ว่าดร.วูลลิเซอร์เข้าไปคลุกคลีกับผู้ลี้ภัยที่มีชิ้นส่วนเอเลี่ยนติดตามตัว เหมือนที่ป้าวูลลิเซียมาดำเนินการในโรงช่างของรัฐมนตรีด็อจเจอร์กันน่ะ"

              "เปล่าเลยคะ อาจารย์วูลลิเซอร์มีนิสัยต่างจากป้าวูลลิเซีย ตรงที่หวาดกลัวและหวั่นเกรงว่าพวกที่ติดเชื้อหรือพวกกลายพันธุ์เหล่านั้น โดยเห็นว่าพวกนี้ควรจะได้รับการรักษาให้หายขาด ทั้งๆที่ตัวอาจารย์วูลลิเซอร์ ก็เป็นมิวแทนอยด์คลาสซีเหมือนกับหนูและฟูลออเรสกันแล้วนะคะ" เมดิน่าบอก "ที่สำคัญ เขาเคยแสดงการต่อต้านพวกประธานาธิบดี ซึ่งเขามองว่าเป็นพวกคนนอกที่ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียดร.รีไลฟ์เวอรี่และพวกพ้องที่กลายเป็นโซลูนาสตี้ไปแล้วนะคะ"

               พีวิลบอก "งั้นดร.วูลลิเซอร์ก็คงเหมารวมพวกเรา ทั้งๆที่เราปกป้องสถาบันของดร.รีไลฟ์เวอรี่กันอย่างงั้นสิ"

              "ทีแรก อาจารย์พยายามแสดงการต่อต้านด้วยการอยู่ดำเนินการสร้างเอ็กโซดัสท์อาร์คร่วมกันกับดร.รีไลฟ์เวอรี่ เพราะเขาไม่ชอบที่ต้องอยู่กับคนนอกอย่างพวกคุณ ซึ่งเป็นพวกนำเข้าความเปลี่ยนแปลง จนทำให้รุ่นพี่เบย์แทนด์และป้าวูลลิเซียต้องออกไปช่วยเหลือพวกคุณก่อสงครามกับพวกโอเวอร์เดสกัน แถมไม่ยอมรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกกันด้วย" ฟูลออเรสกล่าว "แน่นอน ว่าดร.รีไลฟ์เวอรี่ก็ตำหนิติเตียนและสอนสั่งอาจารย์ให้รู้จักเปิดกว้างกันไว้ โดยพาเขามาดูกลุ่มแมนิเกเตอร์ที่ท่านประธานาธิบดีและพวกคุณ เข้าช่วยเหลือจากกลุ่มพวกมนุษย์ที่หวังจะใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือทดสอบอาวุธสำหรับสู้กับพวกโอเวอร์เดสไว้ แม้ว่านั้นไม่ช่วยให้เปลี่ยนแปลงอคติของตัวอาจารย์กันก็ตาม แต่พอมีพวกมิวแทนอยด์จากที่อื่นๆที่กำลังเดือดร้อนอยู่ด้วย นั้นทำให้อาจารย์ค่อยๆปรับตัวเข้ากับกลุ่มผู้ที่มีสภาพเหมือนกับอาจารย์ แม้จะกลัวๆกล้าๆกันก็ตามน่ะ"

              เจเนลบอก "คงจะกลัวว่ามิวแทนอยด์ที่หลบซ่อนตามป่าเขาจะกระทืบอาจารย์ของเธองั้นสิ"

              "ทำนองนั้นนะครับ ทุกครั้งที่อาจารย์ออกไปตรวจสอบและพูดคุยกับพวกมิวแทนอยด์ที่มาจากข้างนอก อาจารย์มักจะเปิดโปรเทคชั่นสเฟียร์อยู่ตลอด จนทำให้พลังงานจากชุดหมดเร็วกว่าปกตินะครับ" ฟูลออเรสบอก

              เมดิน่าบอก "พอดร.รีไลฟ์เวอรี่จากไปแล้ว อาจารย์ก็ได้คำสั่งเสียจากดร.รีไลฟ์เวอรี่ให้เขามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเหมือนที่ป้าวูลลิเซียทำอยู่ กว่าอาจารย์จะทำใจได้ก็หลังจากที่ออกเดินทางจากโลกไปแล้วนะคะ" แล้วก็เล่าต่อ "เมื่อพวกครีซีแทนประกาศสงคราม อาจารย์วูลลิเซอร์ก็มีอคติกับคำสั่งของท่านประธานาธิบดีกันมากขึ้น จนต้องส่งอาจารย์ไปช่วยดูแลผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นชาวอาณานิคมและชาวซัลคาเลี่ยนที่ติดเชื้อเวโนมิไนซ์กัน แน่นอน ว่าอาจารย์ต้องสวมชุดป้องกันและโปรเทคชั่นสเฟียร์กันตลอดด้วยนะคะ"

              "ถึงจะทำไปเพื่อป้องกันตัวจากเชื้อร้ายก็จริง แต่ทำแบบนั้นมันไม่ต่างอะไรไปกว่าตีกรอบปิดกั้นตัวเองกันดีๆแหละน่า" พีวิลบอก

              มาสวาร์ทาร์ถาม "แล้วดร.วูลลิเซอร์ยังทำตัวแบบนี้กันหรือเปล่าละ"

              "ทีแรก เราคิดว่าอาจารย์คงจะเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่ต้นจนจบสงครามกันแล้ว หากไม่เพราะว่าอาจารย์ได้พบเจอกับ แมนิเกเตอร์หญิงที่เป็นกุญแจสำคัญในมหาสงครามอวกาศกับแรซัลก้าเข้าเสียก่อน ซึ่งพวกคุณก็รู้จักกันดีแล้วนิคะ" เมดิน่าบอก

              เนคมาดูซัมกล่าว "คุณเมซ่านะหรือ"

              "นี้คงไม่ได้หมายความว่าอาจารย์ผู้ปิดกั้นตัวเองจากแมนิเกเตอร์จากภายนอกนั้น คบกับลูกสาวของแม่ทัพใหญ่ที่โคตรเห็นแก่ตัวมากที่สุด และอาฆาตแค้นฝังลึกมากที่สุดกันนะหรือ แล้วหมอนั้นไม่ตกใจเลยหรือที่รู้ว่าคุยกับ ผู้เป็นแม่ของสิบพี่น้องทิลเทอแรนที่มีทั้งดีและเลวรวมกันเลยหรือวะ" คลอเวฟกล่าว

              ฟูลออเรสบอก "นั้นแหละครับ อาจารย์วูลลิเซอร์ถึงกับเงิบ พูดไม่ออกเลย ว่าคนที่เขายอมพูดคุยด้วยนั้น จะมีฐานะที่ลึกซึ้งและเกินคาดไม่น้อยเลยน่ะ แต่เขาก็รู้สึกเห็นใจคุณเมซ่าไม่น้อย ที่เธอต้องตกเป็นเป้าหมายของผู้เป็นพ่อบุญธรรมที่ไม่ยอมรับฟังคำพูดของเธอเสียเลย บวกกับว่าเธอมีลูกที่โตแล้ว อาจารย์จึงไม่อยากจะเป็นตัวปัญหาของแม่ทัพใหญ่โอลดาธ เลยทำได้แค่เป็นเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเองนะครับ"

              "ดีแล้วละ ที่อาจารย์ของเธอไม่คิดเกินเลยไปมากกว่านี้ ไม่งั้น โอลดาธคงส่งกองรบมาหาเรื่องพวกเรากันในอาร์คแน่นอน" สเปียริทกล่าว และหันมาถาม "แล้วอาจารย์ของเธอคงจะเปลี่ยนทัศนคติกันแล้วสิ"

              เมดิน่าบอก "อาจารย์ยอมพูดคุยกับแมนิเกเตอร์นอกกลุ่มกันได้แล้วนะคะ เพียงแต่....ยังไม่พร้อมที่จะคุยกับพวกคุณที่เป็นตัวการนำพาปัญหามาให้ทั้งก่อนหน้าและตอนนี้นะคะ"

              "ถึงแม้ว่าเรามีพวกบรอนเซอรูทที่เป็นพวกมิวแทนอยด์ด้วยนะหรือ" พีวิลกล่าว

              ฟูลออเรสบอก "อันนั้นขึ้นกับว่าอาจารย์จะมีท่าทีเป็นเช่นไรนะคะ"

              "ถ้าเช่นนั้น พวกเราออกเดินทางกันเลยดีกว่าน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

              คลอเวฟกล่าว "ดีเลย เพราะฉันกลัวว่าไอ้แรมเบจมันจะหาเรื่องป่วนเฮฟโวลของฉันให้แล้วละ" แล้วก็นำไทรแองเกิ้ลออกจากเมืองไป

              "แสดงว่าตอนนี้พวกคุณบรอนเซอรูทออกไปแล้วละสิคะ" ริเกิร์ลกล่าว

              เมื่อจูเดทต้าเข้ามาอธิบาย "และพวกเธอสองคนเองก็รู้ ว่าตอนนี้ทางเราไม่อนุญาตให้มีการติดต่อกับยานไทรแองเกิ้ลกันได้น่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะพวกคุณริดโอบุลท์ที่ยังมีแฮคเกอร์ของคุณริดโอบิทอยู่ด้วย อาจจะติดตามสัญญาณการสื่อสารมาได้สิครับ" ริบอยบอก

              จูเดทต้าพยักหน้า "ดังนั้น ฉันจึงอยากจะให้พวกเธอช่วยงานนีลเซนท์ในการแอบฟังการติดต่อสื่อสารของพวกริดโอบุลท์สักหน่อย รวมถึงคอยประสานงานกับกรมตำรวจกันด้วยน่ะ"

              "เรื่องนี้พวกเราทำกันอยู่แล้วละครับ" ริบอยบอก

              จูเดทต้ากล่าว "ถ้าเช่นนั้นก็ลงมือไปตามปกติได้เลยนะ เพราะตอนนี้ เราต้องรับมือกับการก่อเหตุของพวกริดโอ รวมถึงพวกเดลอาเนี่ยนกันด้วยน่ะ"

              "ปรับปรุงกองกำลังของพวกเรานะหรือ ที่ว่ามานั้นเป็นจริงหรือเปล่าละ ท่านนายพล" แทนถาม

              เพอซิอัสพยักหน้า และอธิบายไปว่า "ที่ฉันเรียกพวกคุณมานี้ เพื่อมาชี้แจงเกี่ยวกับคำสั่งปรับปรุงกองรบแบ็คไซด์คอมแบทของพวกคุณสักหน่อย แม้ว่าพวกคุณบางคนอาจไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเลยก็ตามน่ะ"

              "ว่าแต่ ที่ให้กลุ่มวูเซียทและแปดพี่น้องออกจากเมืองไปนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงกองกำลังด้วยนะหรือคะ" โดซี่ถาม

              เพอซิอัสพยักหน้า "ตอนนี้สถาบันวิจัยตะวันออกไกลนั้นได้พัฒนาสร้างเกราะสำหรับเหล่านักสู้มิวแทนอยด์กันแล้ว แม้ว่าจะเป็นรุ่นต้นแบบที่ยังไม่ได้ทดสอบใช้งานได้จริง แต่....อย่างน้อยยังดีกว่าพวกศัตรูบุกเข้ามาขวางได้เสียก่อนน่ะ"

              "นั้นก็ดีแล้วละครับ เพราะว่าพวกบาร์ทมีปัญหาไม่น้อยในเรื่องบุกฝ่าห่ากระสุนและลำแสงจากฝ่ายตรงข้ามกันด้วยนะครับ" แฮรี่บอก และหันมาถาม "แล้วนอกเหนือจากนี้ละครับ"

              เพอซิอัสบอก "ผบสส.บาโธโรมิวเห็นว่า ถ้าพวกคุณปฏิบัติการณ์แบบนี้โดยปราศจากความช่วยเหลือของพวกไทรเวเซอร์กันละก็ โอกาสที่พวกคุณรอดชีวิตไปนั้นมีน้อยเอามากๆ เพราะตอนนี้พวกทรอยอาร์และพวกสเตรดาร์ธเริ่มส่งกองรบที่อันตรายเข้ามาเมื่อวันก่อนน่ะ"

              "ใช่พวกที่บุกมาจู่โจมการแข่งขันไตรกีฬานั้นนะหรือคะ" เบ็ตตี้กล่าว เพอซิอัสเลยนำภาพของเหล่าทหารสเตรดาร์ธที่กลายพันธุ์แบบเวโนมีไนซ์ และพวกทรอยอาร์ที่มีผลึกโชนโครคิฟงอกตามตัวด้วย

              แทนกล่าว "โว้ว นี้ทั้งสองกลุ่มนั้นไม่รู้เลยหรือไง ว่าไอ้พวกนี้มันอันตรายและควบคุมแทบไม่ได้กันน่ะ"

              "แล้วพวกไทรเวเซอร์ก็จัดการกับพวกนี้ได้เลยสิคะ" มารีกล่าว

              เพอซิอัสตอบ "ก็เกือบรับมือได้นี้แหละ เพราะกองทหารของทรอยอาร์และสเตรดาร์ธแบบนั้น ถูกดัดแปลงด้วยวิทยาการที่ใช้สร้างแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้าโดยฝีมือของคริฟทรอนอฟมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายมาเพียงไม่ถึงร้อยเอง ถ้ามาเป็นกองทัพนับพันนับแสนมา เกรงว่าพวกเขาหรือพวกคุณคงเอาไม่อยู่แน่นอน ผมจึงขอร้องให้พวกคุณรับมือกันไว้ด้วยน่ะ"

              "ถ้าเป็นพัฒนาเรื่องอาวุธละก็ ทางเราก็ทำกันอยู่แล้วละคะ" โดซี่บอก

              แดนถาม "รวมถึงการพัฒนาชุดเกราะเสริมอีก 3 หน่วยกันด้วย เพื่อใช้ในการสู้รบกับพวกศัตรูที่เหนือกว่ากันนี้แหละ"

              "นายหมายถึง สามหน่วยนั้นนะหรือ ไม่ไหวหรอกน่า เพราะตัวเกราะนั้นมันมีพลังมากเกินการควบคุม แถมยังกระทบต่อคนใส่ที่มีเลือดเนื้ออย่างพวกเรากันเลยน่ะ" แทนกล่าว

              เบ็ตตี้บอก "แต่อย่างน้อย ยังดีกว่าปล่อยให้อยู่ในตู้และไม่ได้เอาออกมา จนถูกขโมยหรือทำลายทิ้งไปได้นะสิ"

              "แสดงว่าพวกคุณยังหาคนที่เหมาะสมมาใส่ชุดนั้นไม่ได้เลยสิน่ะ" เพอซิอัสบอก

              โดซี่กล่าว "นั้นแหละคือปัญหาค้างคาของพวกเรากันอยู่นะคะ ท่านนายพล และเราก็ไม่กล้าเสี่ยงสวมใส่เอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตามนะคะ"

              "เรื่องนั้น ผบสส.บาโธโรมิวและผู้การนอร์มังดีได้รวบรวมรายชื่อของคนที่เหมาะสม ซึ่งในลิสท์เหล่านี้ คือเหล่าสมาชิกหน้าใหม่ในกองกำลังของพวกคุณกันนี้แหละ" จูเดทต้ากล่าว โดยส่งข้อมูลลิสท์รายชื่อกันไว้

              เบ็ตตี้ถาม "มีแต่รายชื่อพลทหารจากกลุ่มของเราทั้งนั้นเลยนิ ไม่เห็นมีรายชื่อพลทหารชาวซัลคาเลี่ยนด้วยน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะเรื่องของเฮโลลิคเตอร์เลยสิครับ" แฮรี่บอก

              แดนกล่าว "นั้นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกทหารต้องอยู่ภายใต้การจับตาดู เพื่อมิให้มีใครซ้ำรอยเดิมเหมือนกับเฮโลลิคเตอร์ แม้ทางเราจะรู้ความจริงแล้วก็ตามนะครับ"

              "ใช่ ที่สำคัญ ที่อยู่ในลิสท์นี้ไม่เพียงผบสส.บาโธโรมิวและผู้การนอร์มังดีเลือกมาอย่างเดียว พวกเราสองคนเองก็ได้ดูรายชื่อเหล่านี้และพิจารณาอย่างละเอียดมาแล้ว เพียงแต่....ยังไม่คัดชื่อใครออกไปก็เท่านั้นเองแหละ" จูเดทต้ากล่าว

              แทนได้ดูรายชื่อไป จนกระทั่ง "โฮ่ย เดียวสิ นี้ผบ.บัลโต้ให้ไอ้พวกเด็กเกรียนสามตัวอยู่ในลิสท์ด้วยหรือ ทั้งๆที่พวกนี้ก่อเรื่องยุ่งๆมาตลอดเลยน่ะ" มาเจอชื่อของน็อกกี้ แจ็สและแด็กซ์อยู่ในนั้นด้วย โดยอยู่ลำดับหลังจากคีธ สตาร์ด้วย

              "ถึงแม้ว่าทั้งสามจะก่อเรื่องด้วยการออกนอกเขตเมืองและเขตดาว เพื่อไปสู้กับพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธร่วมกันกับพวกคุณ แถมยังปะทะกับลูกน้องขององค์ชายจาฟฟาร์ลที่ถูกส่งมาแทรกซึมอยู่ในเขตเมืองนี้ด้วยแล้ว ผู้การนอร์มังดีเห็นว่า ทั้งสามนี้แม้จะเป็นตัวก่อปัญหาและถูกส่งมาคุมความประพฤติที่เมืองนี้พร้อมกับคีธ สตาร์ด้วยนั้น คือโอกาสที่พวกเขาจะได้เรียนรู้ในฐานะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ภาคสนามอย่างถูกต้อง ผ่านการสอนของพวกคุณกันนี้แหละ" จูเดทต้าบอก

              เพอซิอัสกล่าว "และพวกคุณเองก็น่าจะรู้ ว่าทั้งสามเองถูกจับฝึกร่วมกันกับพวกบีสลอยด์ของกองกำลังไทรเวเซอร์ด้วยแล้ว นั้นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขามีชื่อในลิสท์นี้เองนะสิ"

              "เพราะว่าการฝึกสุดโหดของพวกไทรเวเซอร์นั้นจะช่วยขัดเกลาพวกไร้ระเบียบวินัยให้อยู่ในกฎได้ แม้กระทั่ง....สองคนนี้ด้วยสิคะ" โดซี่กล่าวโดยเจอชื่อนิค แพนเธอร์และรีฟ เลโอนิสอยู่ด้วย

              จูเดทต้ากล่าว "ผู้การนอร์มังดีคอมเมนท์มา ว่าทั้งสองนี้แม้อยู่ภายใต้คำสั่งของแคร์เรี่ยน แต่เพราะว่าทั้งคู่เคยเป็นสมุนของไวล์สเลฟมาก่อน ดังนั้น เราจำต้องมีลูกทีมที่เป็นฮาร์ฟครีซีแทน เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการปฏิบัติการณ์ไปด้วยน่ะ"

              "ส่วนหนึ่งเพราะว่าทั้งคู่ก็ถูกพวกไทรเวเซอร์จับฝึกมาด้วยสิครับ" แฮรี่กล่าว

              มารีได้อ่านลิสท์รายชื่อต่อจน.... "ท่านนายพลคะ นี้ท่านคิดยังไงกันแน่เนี้ย ถึงเอาสองคนนี้มารวมอยู่ในรายชื่อกันน่ะ ในเมื่อทั้งสองเป็นพลเรือนน่ะ"

              "ว่าแต่ เธอเจอรายชื่อลำดับที่เท่าไหร่หรือ มาริ" เบ็ตตี้บอก มารีไม่พูด เลยทำให้เบ็ตตี้ต้องค้นจนพบรายชื่อดังกล่าวที่อยู่ในลิสต์ "เออ....นี้ผบ.บัลโต้กับผู้การเดลิคคิดดีแล้วหรือคะ ที่ให้ เฟรด แล้วก็นาเดีย อยู่ในรายชื่อนี้กันนะคะ"

              "เหตุผลที่มีชื่อเฟรดอยู่ในนี้ ไม่ใช่แค่ว่าเขาเป็นลูกชายของแดนอย่างเดียวน่ะ" จูเดทต้าบอก "ผู้การนอร์มังดีคาดการณ์ไว้ว่า หน่วยปฏิบัติการณ์ของพวกคุณอาจจะต้องเจอกับอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตหรืออาจจะพิการได้แน่นอน ซึ่ง....พวกคุณ จำเป็นต้องมีมาตราการสำรองเผื่อไว้ หากพวกคุณคนใดคนหนึ่ง หรือทั้งทีม ไม่อยู่ในสภาพที่ออกปฏิบัติการณ์ได้ ต่อให้มีสภาพกายที่ดีแล้วก็ตาม โดยเฉพาะกับหัวหน้าทีมอย่างคุณน่ะ พันตรีแดน มาร์ติน" แดนได้ฟังก็นิ่งเงียบขึ้นมา

               มารีบอก "แต่ เฟรดไม่ควรมีรายชื่อในนี้เลยนิคะ เพราะว่าเขาเจอกับหัวหน้าของกลุ่มอัศวินกางเขนขาวของทรอยอาร์ ซึ่งการคบหากับศัตรูนั้นก็ส่อแววว่าเขาอาจจะเป็นคนทรยศก็ได้นะคะ"

              "เฟรดคุยกับสไปค์ที่อ้างตนเป็นนักท่องเที่ยว โดยที่ไม่รู้ถึงฐานะที่แท้จริงของสไปค์เลย ซึ่งนั้นอาจจะเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยู่ในรายชื่อนี้ก็จริง...." จูเดทต้ากล่าว "....แต่จากการที่เขาช่วยนาเดีย ออโต้และคีธ สตาร์ รวมถึงพวกน็อกกี้สู้กับสมุนขององค์ชายจาฟฟาร์ลมา แม้จะไม่รู้ว่าผู้บุกรุกทั้งสามนี้เป็นใครก็ตาม และด้วยสถานะของลูกชายของแดน มาร์ติน ที่เป็นหัวหน้าหน่วยด้วยแล้ว เหตุผลทั้งสองข้อนั้นจึงทำให้เฟรดกลายเป็นมาตราการสำรอง หากเกิดอะไรขึ้นกับแดน มาร์ตินด้วยน่ะ"

              เพอซิอัสเสริม "แน่นอน เพราะว่าตอนนี้พวกศัตรูทวีความรุนแรงมากขึ้น และเบนเข็มเพื่อหวังจะสังหารสมาชิกในทีมที่เป็นคนสำคัญคนใดคนหนึ่งให้ร่วงลงไป แม้ว่านั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยที่ต้องเอาคนที่ต้องสงสัยว่าคบหากับพวกศัตรู คนที่ขาดประสบการณ์ หรือทำตัวไร้ระเบียบ แต่ก็ยังดีกว่า เราไม่ทำอะไรเลยจนต้องเสียทีมที่ดีที่สุดไปเลยนะสิ"

              "แล้วนาเดียละคะ เธอเป็นพลเรือนมิใช่หรือ ไม่น่าที่จะมีอยู่ในรายชื่อเลย ต่อให้เธอปะทะกับพวกสเตรดาร์ธและสองอัศวินกางเขนขาวกันเลยน่ะ" มาริบอก

              แฮรี่กล่าว "เหตุผลที่นาเดียมีชื่ออยู่ด้วยนั้น เพราะเธอ เป็นลูกนายช่างเจฟ ซึ่งเป็นทหารช่างของกองกำลังเยลโลว์สตาร์มาก่อน โดยที่เธอ ทำงานร่วมกับนายช่างเจฟตอนอยู่ในแผนกซ่อมบำรุงที่ฟรอนเทียร์โนอาร์คกันน่ะ"

              "นายช่างเจฟที่ว่ามานิ หมายถึงเจฟ ออโต้นั้นสิน่ะ" โดซี่บอก "คนๆนี้เขาเก่งในเรื่องปรับจูนรถถังและรถเกราะเก่งมากๆด้วย แถมชำนิชำนาญในการควบคุมการ์เซนท์แบบใช้ยานเกราะและรถถังเป็นท่อนล่างได้ดีเสียด้วย ซึ่งฉันตั้งใจให้เขามาร่วมทีมของเรากันอยู่แล้วน่ะ"

              จูเดทต้าถาม "แล้วนายช่างเจฟตอบตกลงหรือว่าปฏิเสธไปกันละ"

              "นายช่างเจฟเขาปฏิเสธนะคะ เพราะว่าเขาไม่อยากจะพลาดท่าจนปล่อยให้ลูกๆทั้งสองต้องกำพร้าพ่อ อีกอย่าง ในตอนนั้นเขาเป็นหัวหน้าทีมช่างกันอยู่ แม้จะมีคนน้อยจนต้องขอให้นาเดียมาเป็นลูกมือก็ตามนะคะ" โดซี่กล่าว

              แทนบอก "ไอ้หมอนั้นมันกลัวตายมากกว่ามั่ง เลยไม่ออกภาคสนามกันเลยน่ะ"

              "อย่าไปว่าเจฟสิ แทน ภรรยาของเขาจากไปโดยเหลือลูกทั้งสองคนไว้ให้เขาดูแล เขาจึงมีเหตุผลที่เขาไม่ออกภาคสนามกันอยู่แล้วน่ะ" แดนกล่าว เพราะว่าเขารู้จักกับเจฟในช่วงที่พำนักอยู่ประเทศไทยและสร้างครอบครัวอยู่ด้วยกัน "อีกอย่าง นาเดียเองก็เป็นเพื่อนกับเฟรดมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็เรียนแม่ไม้มวยไทยมาด้วยกัน นั้นไม่แปลกใจหรอกน่ะที่ทั้งคู่จะอยู่ในรายชื่อกันน่ะ"

              มาริแย้ง "แต่ทั้งคู่คงไม่เหมาะกับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ภาคสนามกันเลยน่ะ ต่อให้มีรายชื่ออยู่ในนี้ก็ตามน่ะ"

              "เจ้าหน้าที่คาเซคาว่า เราไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะให้คนที่อยู่ในรายชื่อนี้เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์แทนพวกคุณกันน่ะ" จูเดทต้ากล่าว

              เพอซิอัสบอก "เพราะเราต่างรู้ดีกันแล้ว ว่าคนที่มีชื่ออยู่ในลิสต์นั้นจะต้องถูกส่งมาประจำการอยู่ในกองรบของพวกคุณ เพียงแต่ยังเร็วเกินไปที่จะให้พวกเขาสวมเกราะ จับปืนและออกรบภาคสนามเลย หากไม่ได้รับการอบรมและฝึกฝนให้พร้อมกันเสียก่อนน่ะ"

              "พูดง่ายๆ ว่าต่อให้ถูกเลือก พวกเขาก็ยังทำงานแทนเราไม่ได้เลยสิครับ" แฮรี่บอก

              จูเดทต้าพยักหน้า "เพราะตามกฎแล้ว คนที่ถูกเกณฑ์เข้ากองกำลังนั้น ถ้าเป็นพลทหารจากกองอื่นจะต้องรับการอบรมใหม่ แต่ถ้าเป็นพลเรือน พวกเขาจึงมีหน้าที่ช่วยงานภายในกองทัพ แต่จะให้ออกรบหรือไม่ ก็ต้องขึ้นกับดุลพินิจของตัวหัวหน้าและนายทหารในกองด้วย ซึ่งพลเรือนที่ได้รับอนุญาตนั้นจะมีสถานะเป็นแค่กำลังพลสำรองเท่านั้นเอง"

              "ตราบใดที่ยังไม่ผ่านการทดสอบจากกองทัพหรือจากกองกำลังนั้นๆที่อยู่ในสังกัดของกองทัพ เฟรดและคนที่อยู่ในลิสท์ซึ่งเป็นพลเรือนนั้น ก็จะไม่มีสิทธิ์เป็นสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ภาคสนามเลยละสิครับ" แดนกล่าว

              เพอซิอัสบอก "ซึ่งไม่ใช่แค่พวกเราฝ่ายเดียวที่เห็นสมควรว่าจะเลือกใครหรือไม่เลือกใคร แต่มันขึ้นกับความสมัครใจของตัวบุคคลที่ถูกเลือกนั้นด้วย ว่าต้องการจะเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ภาคสนามกันจริงๆหรือเปล่า เพราะพวกเราเองก็ไม่อยากจะบีบบังคับคนที่ไม่เต็มใจหรือไม่พร้อมที่จะเสียสละเพื่อส่วนรวมกันได้หรอกน่ะ"

              "แล้วว่าแต่ พวกคุณมีแจ้งให้พวกไทรเวเซอร์รับทราบกันหรือเปล่าละคะ" โดซี่ถาม

               จูเดทต้าบอก "เรื่องนี้พวกคุณเป็นพวกแรกที่สมควรรับรู้ เราจึงไม่บอกกับเนคเกอร์และพวกให้รับทราบกันหรอก เพื่อมิให้ความลับเรื่องนี้รั่วออกไปจนถึงหูของคนที่ถูกเสนอชื่อในลิสต์นี้ ซึ่งเราต่างก็รู้ดี ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นมากันน่ะ"

              "แน่ละ พวกบีสทอยด์ส่วนมากของพวกไทรเวเซอร์ ล้วนเป็นพวกปากไม่มีหูรูดกันแล้วนิ เพราะพวกนี้อยู่อพาร์ทเมนต์เดียวกันกับไอ้เด็กเกรียนสามตัว แล้วก็ไอ้คีธตาโตนั้นด้วย" แทนกล่าว

              เบ็ตตี้บอก "แล้วถ้าพวกเขาได้รับเลือกกันนิ คิดว่าจะให้พวกเขาอยู่กับเราตอนนี้เลยหรือเปล่าละคะ"

              "ที่ถูกคือ เรายังไม่รีบแจ้งให้พวกเขารับทราบกันน่ะ หากแต่....ผู้การนอร์มังดีแนะนำว่า คนที่มีรายชื่อต่อไปนี้จะต้องถูกส่งไปดูแลเขตที่พักชั่วคราวของกลุ่มผู้ลี้ภัย ซึ่งอาจจะมาที่ระบบดาวแห่งนี้ก็เป็นได้ เพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือหน่วยบรรเทาทุกข์และกองรบที่รับผิดชอบในการคุ้มกันผู้ลี้ภัยเหล่านั้นไว้กันน่ะ" จูเดทต้าบอก

              เพอซิอัสกล่าว "ส่วนหนึ่งก็เพราะ เราไม่แน่ใจว่าพลเรือนที่เราเลือกมานี้ พร้อมที่อยากจะเข้ากองทหารหรือเปล่า เพราะอาจมีบางคนที่ไม่ชอบพวกทหารหรือไม่ต้องการจะอยู่ในกองทัพ เฉกเช่นเดียวกับลูกชายของคุณในช่วงแรกๆกันน่ะ คุณแดน"

              "ส่วนหนึ่งเพราะ เฟรดและพวกเด็กวัยรุ่นบางส่วนนั้นถูกเรียกตัวมาช่วยงานในช่วงมหาสงครามอย่างงั้นละสิครับ" แดนกล่าว เพอซิอัสพยักหน้า

              จูเดทต้าบอก "ที่สำคัญ ทางเราเองยังไม่รีบให้พวกคุณตัดสินใจกันได้หรอกน่ะ แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะต้องบีบบังคับให้เราทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำเลยก็ตามน่ะ"

              "สรุปคือ ที่อยู่ในรายชื่อนี้ แม้ถูกเลือกก็ยังไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ และยังไม่ถูกส่งเข้ากองทัพเลยสิน่ะ" โดซี่กล่าว "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะถึงแม้ว่าพวกคุณมีความคิดที่เหมือนกับทางเรา แต่ก็มีบางคนที่ไม่เห็นชอบและมีท่าทีต่อต้านกันด้วยน่ะ" ซึ่งเธอพูดถึงแทน ที่ไม่เห็นด้วยกับการให้พวกน็อกกี้เข้าร่วมกองกำลังเดียวกับพวกตน แล้วก็มาริที่ไม่เห็นชอบในการให้เฟรดและนาเดียเข้าร่วมทีมด้วย

              เพอซิอัสกล่าว "อย่างน้อย พวกคุณก็เตรียมตัวไว้หากเกิดกรณีที่เราว่ามาข้างต้นขึ้นมากันน่ะ"

              ตัดกลับมาที่พวกไทรเวเซอร์กัน ซึ่งตอนนี้ พวกเขาได้นำยานไทรแองเกิ้ลข้ามเขตทะเลทรายเวลแซนดร้า มายังเขตป่าฝั่งตะวันออกไกล เวลฟอร์เรสกันแล้ว
    "นั้นคงเป็นสถาบันวิจัยของดร.วูลิเซอร์ละสิน่ะคะ" แอมเบอร์บอก เมื่อเห็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมอยู่กลางอาคารทรงกลม ซึ่งมีโดมทรงกลมอยู่ 4 โดมล้อมรอบ ตั้งอยู่กลางป่า แม้จะมีพื้นที่ว่างโดยรอบแล้วก็ตาม

              สเปียริทถาม "แต่ทำไมต้องมาตั้งสถาบันไกลจากตัวสถาบันหลักที่เวลแซนดร้ากันเลยน่ะ"

              "เท่าที่ทราบมา ดร.วูลลิเซอร์ไม่ค่อยชอบที่ต้องอยู่ในพื้นที่ทะเลทรายมากนัก เลยนำสถาบันวิจัยชีวภาพไปอยู่ในเขตป่า ซึ่งดูร่มรื่นมากที่สุดและเหมาะกับการวิจัยที่ไม่กระทบและสร้างความเสียหายให้กับคนรอบข้างเลยนะคะ" แอนเดรียบอก

              มาสวาร์ทาร์บอก "แต่การเอาสถาบันมาอยู่ในป่านั้นมันก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยน่ะ เพราะถ้าเกิดว่าตัวทดลองที่เป็นอันตรายหลุดเข้าไปในป่า แล้วยังหาไม่เจอกันละก็ คนรอบข้างที่อยู่ในขอบเขตป่าและอาณาบริเวณใกล้เคียงก็ไม่ปลอดภัยกันเลยน่ะ"

              "อย่างน้อย ดร.วูลลิเซอร์ก็มีระบบป้องกันเอาไว้ด้วยนะครับ แม้จะรู้ว่ามิวแทนอยด์ที่อยู่ในสถาบันนี้อาจจะพังระบบป้องกันไว้ก็ตามน่ะ" ฟูลออเรสกล่าว

              คลอเวฟถาม "แล้วไอ้หมอนั้นไม่คิดกำจัดมิวแทนอยด์อันตรายเหล่านั้นบ้างเลยหรือ"

              "นั้นขึ้นกับดุจพินิจของตัวอาจารย์วูลลิเซอร์ ว่าเขาจะทำเช่นไรกับมิวแทนอยด์ตนดังกล่าวนะคะ" เมดิน่าบอก

              พีวิลกล่าว "ว่าแต่ ทางสถาบันอนุมัติให้เราลงจอดได้หรือยังละ"

              "เราสามารถลงจอดได้ตรงลานหน้าสถาบันนะครับ" ฟูลออเรสกล่าว

              เนคมาดูซัมบอก "ดีแล้วละ หวังว่าดร.วูลลิเซอร์คงไม่โกรธพวกเรากันบ้างน่ะ" แล้วก็บอก "คลอเวฟ เอายานลงจอดดีๆหน่อยน่ะ"

              "เข้าใจแล้ววะ" คลอเวฟบอก แล้วก็นำไทรแองเกิ้ลลงจอดตรงลานหน้าสถาบัน พร้อมกับ... "ครืดดดด ตรึงงง" ใต้ท้องยานเปิดทางลงให้พวกเนคมาดูซัมและพวกบรอนเซอรูทเดินลงมาที่สถาบัน ซึ่งก็มาเจอกับนักวิจัยชายผมสั้นสีเทาเดินมากับนักวิจัยอีก 5-6 ตนด้วยกัน

              "ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าพวกคุณจะกล้ามาที่นี้ได้เลยน่ะ ต่อให้พี่สาวส่งพวกคุณมาก็ตามน่ะ" นักวิจัยชายผมสั้นสีเทาบ่นทันทีที่พวกไทรเวเซอร์ลงมา

              "นายนิมันปากดีแบบนี้ มันน่าให้ถีบบ้างเลยวะ" คลอเวฟกล่าว สเตฟอร์ดส่ายหน้าปรามคลอเวฟไว้

              พีวิลบอก "คุณคงจะเป็น ดร.วูลลิเซอร์ หัวหน้าสถาบันวิจัยแห่งนี้ละสิครับ"

              "ใช่ ฉันเองแหละ แม้ว่าฉัน ไม่อยากจะเจอกับพวกนายเลยก็ตาม ต่อให้พวกนายเป็นเพื่อนกับเบย์แทนด์เลยก็ตามน่ะ" วูลลิเซอร์บอก โดยหันมายังแอนเดรีย "ว่าแต่ คุณไม่ลำบากเลยหรือกับการมาอยู่กับกองกำลังที่สร้างปัญหากันตลอดเวลาเลยน่ะ"

              แอนเดรียบอก "ไม่เลยคะ แม้พวกเขาจะเป็นเหมือนที่คุณว่ามา แต่พวกเขาเองก็มีส่วนดีกันบ้างนะคะ"

              "คุณนิก็มองโลกในแง่ดีเหลือเกินน่า..." วูลลิเซอร์กล่าว และหันมาถาม "แล้วแรมบาร์ดและแดลิลไม่ลงมาด้วยหรือ"

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "พวกเขาขอคุมยานในนี้และมีงานที่ต้องทำกันสักหน่อยนะครับ"

              "แน่ละ เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าแรมบาร์ดเข้ากับพวกนายมาก จากการที่เขาบ้าหุ่นยนต์อย่างมาก ถึงขั้นควบคุมหุ่นต่อสู้ตัวโตๆกันน่ะ" วูลลิเซอร์บอก "แดลิลเองก็พอกันน่ะ ต่อให้เป็นนักเรียนหัวกระทิเรียนดีและมีวินัยดีกว่าแรมบาร์ทตั้งเยอะ ก็ไม่วายแหกกฎออกไปควบคุมหุ่นออกนอกยานและแอบลงไปสำรวจดวงดาวโดยไม่ได้รับอนุญาต จนพลอยบ้าตามแรมบาร์ทไปด้วยน่ะ ส่วนหนึ่งเพราะพวกนายส่งเสริมเลยละสิ"

              เจเนลบอก "พวกเราไม่ได้ทำสักหน่อยน่า เพราะกว่าเรามารู้ว่าฟูลออเรสและเมดิน่าเอาหุ่นเพรโทรแน็กซ์ไปสู้กับพวกเดลอาเนี่ยน ก็เป็นหลังจากที่เรื่องจบลงแล้วนะสิ"

              "เออ คุณวูลลิเซอร์คะ ทำไม เราไม่ไปคุยกันในสถาบันเลยละคะ" แอนเดรียพูดตัดบท เพื่อเข้าสู่ประเด็นหลักโดยเร็ว

              วูลลิเซอร์กล่าว "ถ้าไม่เพราะคุณขอร้องมา แถมเป็นเรื่องที่พี่สาวมอบหมายมาละก็น่า..." แล้วก็เตือนไปว่า "หวังว่าพวกคุณคงไม่ทำข้าวของเสียหายเหมือนคราวที่มาสถาบันของดร.รีไลฟ์เวอรี่ครั้งแรกกันน่ะ"

              "สงสัยว่าคุณวูลลิเซอร์ยังโกรธพวกเราเลยนะคะ" ลิเนียร์ตี้บอก

              โฟรซ่าตอบ "คงไม่แปลกหรอก ก็ฉัน สตีฟและเหล่าลูกน้องของเทคไครด์ เล่นแรงจนสถาบันเกือบพังพินาศไปเลยนิ มีหรือที่เขาจะไม่หายโกรธกันน่ะ"

              "ตี้ดๆๆๆๆ ปี้บบบ" วูลลิเซอร์เดินเข้าด่านตรวจผู้มาเยือนซึ่งทำการสแกนร่างกายด้วยเลเซอร์จนผ่านการตรวจสอบ ตามด้วย... "ตี้ดๆๆๆๆ ตื้ดๆๆๆๆๆ" พีวิลเดินเข้ามารับการสแกน แต่มีเสียงเตือนดังขึ้น "โอ้ว ลืมปิดล็อกระบบอาวุธที่แขนไปซะได้น่ะ" พีวิลกล่าวและรับเอาแถบเหล็กมาครอบตรงแขนสองข้างไว้

              "แน่ละ คราวก่อนพวกเราก็เคยโดนแบบนี้กันแล้วนิ" คลอเวฟบอกโดยรีบเอาแองเกอร์แอ็กซ์ออกจากเกราะหัวไหล่ เพื่อเอาไปฝากไว้ในแผนกรับคืนของ ซึ่งสามารถรับฝากอาวุธไว้

              "มาตราการต้อนรับผู้มาเยือนของผมต่างจากที่พี่สาวกันอย่างมากเลยน่ะ เพราะว่าสถาบันแห่งนี้วิจัยเรื่องเกี่ยวกับแมนิเกเตอร์แบบมนุษย์และมิวแทนอยด์ ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะมีแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์ที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ทุกประการเลยน่ะ" วูลลิเซอร์กล่าว โดยที่ลิเนียร์ตี้เอาปลอกสีดำมาสวมปิดทับมีดบนหัวเธอไว้ ส่วนจายด์เดินผ่านตัวสแกนสำหรับแมนิเกเตอร์ตัวโต เช่นเดียวกับเนคมาดูซัม คลอเวฟและสเตฟอร์ดที่ฝากอาวุธเอาไว้กันแล้ว "แน่นอน ว่าผมไม่อยากให้มิวแทนอยด์หรือเหล่านักวิจัยในสถาบันนี้ กลายสภาพเหมือนกับคุณหรอกน่ะ" แล้วก็ชี้มายังแอบไบออส ซึ่งได้ใส่ชุดสกินสูทป้องกันเอาไว้แล้ว

              "อย่าห่วงไปเลยน่า ดร. เพราะผมไม่คิดทำอะไรต่อพวกเขาอยู่แล้วนิ"

              "ผมหวังให้มันเป็นอย่างที่คุณว่ามากันหรอกน่ะ" วูลลิเซอร์กล่าว โดยที่ทุกคนผ่านเข้ามาหมดแล้ว เลยทำหน้าที่นำทางพวกไทรเวเซอร์และพวกจอมยุทธ์มิวแทนอยด์เดินเข้ามาในสถาบัน "อย่างที่พวกคุณได้เห็นกันนี้แหละ ว่าสถาบันแห่งนี้ไม่เพียงทดสอบแมนิเกเตอร์ที่เป็นมนุษย์แบบมิวแทนอยด์กันอย่างเดียว แมนิเกเตอร์แบบมนุษย์ที่มีพลังพิเศษ มีความสามารถทางร่างกาย สติปัญญา ประสาทสัมผัส หรือเอกลักษณะต่างๆที่แปลกเกินธรรมดานั้นจะอยู่ที่นี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลดังกล่าวมาค้นหาแนวทางในการแก้ไขสภาพกายของพวกเขา แนะแนวทางว่าพวกเขาควรจะใช้ความสามารถในลักษณะไหน เพื่อช่วยเหลือสังคมและความเป็นอยู่ของดาวดวงนี้กันยังไงนะ" โดยพาทุกคนมาดูมิวแทนอยด์ 3 ตนที่ยืนนิ่งเพื่อให้นักวิจัยใช้ปืนกลยิง "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ ปิ้วๆๆๆๆๆๆๆ เปร้งๆๆๆๆ ปุ๊ๆๆๆๆๆ" มิวแทนอยด์ตนหนึ่งกลายร่างเป็นเหล็กเข้าป้องกันกระสุน อีกตนกลายเป็นเพชรซึ่งไม่ได้รับความเสียหาย ตนที่สามกลายร่างเป็นน้ำซึ่งกระสุนลอดผ่านไปโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกเจ็บตัวแต่อย่างใดเลย แม้กลับคืนร่างก็มีรอยจุดบางๆเอาไว้เท่านั้นเอง ต่อมาก็คือ "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แว้งๆๆๆๆๆ" มิวแทนอยด์ที่วิ่งบนลู่วิ่งซึ่งวิ่งเร็วมากจนสามารถปั่นไฟให้กับแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับอีก 4 คนที่วิ่งและขี่จักรยานไปด้วย

              "แต่คงไม่ได้ส่งพวกเขาออกสู่แนวหน้าเลยสิน่ะ" ฟิเกซกล่าว

              "ถ้าส่งพวกเขาไปเจอกับเลเซอร์หรือระเบิดละก็ ผมว่าผมไม่ส่งพวกเขาไปจะดีกว่าน่ะ" วูลลิเซอร์กล่าว "ถึงแม้ว่าผมไม่พอใจกับการตัดสินใจของเบย์แทนด์ ที่ต้องไปเป็นนักโทษให้กับชาวดาวฤกษ์กันสักเท่าไหร่ เพราะเขาควรจะมีอนาคตที่ดีมากกว่านี้ คอยช่วยบริหารงานบ้านเมืองให้กับประธานาธิบดีของพวกคุณ โดยเฉพาะห้ามปรามไม่ให้เขามีนโยบายเกณฑ์ใครก็ได้เข้าสู่กองทัพ หรือแม้กระทั่งก่อสงครามอวกาศกับพวกต่างดาวฝั่งตะวันออก เหมือนที่พวกคุณทำอยู่กันนี้แหละ"

              พีวิลบอก "แต่พวกเราไม่ได้คนก่อสงครามกันนะครับ แค่พวกเราต่อสู้เพื่อปกป้องระบบดาวแห่งนี้จากพวกเดลอาเนี่ยนก็เท่านั้นเองน่ะ" แล้วก็พาพวกเขาเข้าลิพท์แก้วขนาดใหญ่ เพื่อพาขึ้นไปชั้นบน

              "และอีกอย่าง การที่เบย์แทนด์กลายเป็นนักโทษของทางดาวฤกษ์นั้น ก็เป็นการตัดสินใจของเขาเอง ซึ่งกว่าพวกเราจะรู้ ก็จบเรื่องไปนานแล้วน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว

              วูลลิเซอร์บอก "นั้นแหละคือเหตุผลที่ผมไม่ชอบพวกคุณกันนี้แหละ แม้จะรู้ว่าพวกคุณทำเพื่อปกป้องพวกเรา พวกแมนิเกเตอร์ที่มาจากนอกสถาบัน ทั้งจากโลกก็ดี จากอวกาศก็ดีเลยก็ตาม ตั้งแต่ตอนที่พวกคุณมาเยือนดร.รีไลฟ์เวอรี่พร้อมกับเบย์แทนด์แล้วก็แอนเดรีย มาจนถึงบัดนี้เลยน่ะ"

              "แปลว่าคุณเองก็คงไม่ชอบพวกประธานาธิบดีด้วยละสิ" ไซโคลเนียบอก

              วูลลิเซอร์กล่าว "จริงอยู่ที่ผมมองเขาว่าเป็นผู้นำที่นำเข้าความเปลี่ยนแปลงให้เหล่านักวิจัยใช้วิทยาการที่พวกเขาคิดค้น เพื่อการสำรวจอวกาศและพัฒนาความเป็นอยู่ เอาไปใช้เป็นอาวุธ ซึ่งขัดต่อกับแนวทางของดร.รีไลฟ์เวอรี่ที่ไม่ต้องการให้วิทยาการดังกล่าวถูกใช้ไปในทางที่ผิดกัน รวมถึงคุณเทเรซ่าและคุณเฮอแมน แล้วก็โนแลนกับโนล่าที่คืนชีพหลังจากถูกพวกมนุษย์กวาดล้างไปแล้วด้วย ที่เป็นต้นเหตุทำให้ดร.ต้องให้การสนับสนุนพวกคุณเพื่อหยุดยั้งพวกเขากันไว้แล้วก็ตามน่ะ"

              "แต่ถ้าคุณไม่ชื่นชอบท่านประธานาธิบดีแล้วก็พวกเรา แล้วคุณรับงานของเบย์แทนด์มาทำไมกันละ" ฟิเกซกล่าว

              เจเนลบอก "คงไม่ได้หมายความว่าป้าวูลลิเซียบีบบังคับให้นายรับช่วงต่องั้นสิ"

              "อย่าพูดถึงพี่สาวเหมือนตัวเองเป็นญาติสนิทเลยจะดีกว่าน่า" วูลลิเซอร์โวย "ถึงแม้ว่าพี่สาวจะชอบออกไปข้างนอกเพื่อเอาชิ้นส่วนหุ่นรบที่ไปเจอมา แอบเอาไปซ่อม ดัดแปลงและสร้างขึ้นใหม่จนกลายเป็นโมบิลลอยด์ที่แพร่หลายกันในกลุ่มกันตอนนี้แล้วก็ตาม ถ้าผมห้ามหรือแย้งกับพี่สาว ก็เท่ากับว่าผมทะเลาะกับตัวผมเองนี้แหละ"

              บาร์ทกล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะว่าคุณก็เหมือนกับคุณวูลลิเซีย ในเรื่องที่คุณชื่นชอบในสิ่งที่คุณสนใจและทำอยู่เลยสิน่ะ"

              "ถ้าพี่สาวชื่นชอบในศาสตร์ของเครื่องยนต์กลไกและหุ่นยนต์ ซึ่งรวมถึงแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์กันด้วยแล้วละก็ ผมก็เหมือนกับผู้ว่าการไนติงเกลกันนี้แหละ เพียงแต่....ผมศึกษาแมนิเกเตอร์แบบมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ มิใช่ศึกษาจากร่างศพที่แน่นิ่งไปแล้ว เพราะผมเห็นว่าการกระทำแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรไปกว่าไปรบกวนคนอื่นเวลาที่เขานอนหลับพักผ่อนกันน่ะ" วูลลิเซอร์บอก "แม้ว่าผมอาจจะไม่ชื่นชอบพวกคุณที่เป็นพวกคนนอกสถาบันกันแต่แรก แต่ถ้าไม่เพราะว่าดร.รีไลฟ์เวอรี่ที่สอนให้ผมรู้ว่า ยังมีคนแบบผมและพวกอยู่ข้างนอก ซึ่งผมก็ได้เห็นทั้งที่อยู่บนโลกมาก่อนกับพวกที่มาจากอวกาศกันด้วยน่ะ"

              ลิเนียร์ตี้กล่าว "อีกคนนั้นก็คงจะเป็นคุณเมซ่าเลยสิคะ"

              "ที่พวกคุณรู้มานิ แอนเดรียเป็นคนบอกเลยละสิน่ะ" วูลลิเซอร์ถาม

              เจเนลบอก "ฟูลออเรสและเมดิน่าเป็นคนบอกเองนะสิ"

              "กะแล้วว่าแรมบาร์ทและแดลิลต้องแอบฟังแน่ๆเลยน่า" วูลลิเซอร์บอก "ทีแรก ผมอดทึ่งกับความเห็นของคุณเมซ่าที่มีต่อเหล่าแมนิเกเตอร์ทั้งหลาย ไม่ว่ามาจากโลกก็ดีหรือจากอวกาศก็ช่าง คำพูดและแนวความคิดของเธอนั้นได้ช่วยเปิดทัศนคติที่แคบและตีบตันของผมให้กว้างมากขึ้น ซึ่งทีแรก ผมรู้สึกสนใจในตัวเธออย่างมากจนอยากจะคบหาดูใจกันแล้ว ถ้าไม่เพราะว่าเธอมีสถานะเป็นถึงลูกสาวบุญธรรมของผู้นำทางทหารของฝ่ายตรงข้าม ที่ทรงอำนาจแต่เจ้าคิดเจ้าแค้นมากที่สุด แถมยังเป็นภรรยาของนายพลเกรย์สัน ทิลเทอแรนและแม่ของ 10 พี่น้องทิลเทอแรนกันเสียก่อนน่ะ"

              รอมมิชบอก "หลังจากนั้น คุณก็เปลี่ยนกลับมามีอคติเหมือนเช่นเคยละสิ"

              "ตอนแรกผมก็เหมือนไอ้โง่ที่โดนหลอกมาตั้งแต่ต้น จนไม่อยากฟังคุณเมซ่าอธิบายกันแล้ว แต่เพราะพี่สาวเล่าให้ฟัง ว่าคุณเมซ่าเลือกที่จะปิดบังก็เพราะตัวตนของเธอนั้นมันกระทบกระเทือนต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยที่พวกเราอยู่กึ่งกลางของปัญหาดังกล่าว และยิ่งรู้ว่าคุณเมซ่าเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ฝ่ายตรงข้ามใช้เปลี่ยนแปลงทุกชีวิตในจักรวาลทั้งปวงด้วยละก็....เท่านั้นแหละ ผมรู้สึกเห็นใจคุณเมซ่าอย่างมาก และน่าจะเป็นเหตุผลที่พวกคุณและพวกประธานาธิบดีปิดเรื่องนี้ จากพวกทิลเทอแรนและฝ่ายตรงข้ามจากแรซัลก้ากันไว้ และรู้สึกโชคดีมากที่ไม่ถล่ำลึกไปมากกว่านี้ ไม่งั้นผมคงไม่น่ารอดมาบ่นให้พวกคุณฟังหรอกน่ะ" วูลลิเซอร์บอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "แล้วคุณรู้หรือได้ยินเสียงของคุณเมซ่า หลังจากที่เธอได้สร้างความเปลี่ยนแปลงพวกเราและเหล่าแปดเผ่าของไซมาเทนกันหรือเปล่าละ"

              "ได้ยินอยู่แล้วละ แม้ทีแรก ผมคิดว่าตัวเองหูแว่วแน่ๆ แต่พอคุณเมซ่าอธิบายทุกอย่างให้ผมได้ยิน ว่าเธอตัดสินใจมอบความเป็นมนุษย์ให้กับแมนิเกเตอร์ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมีพวกพ้องของเราที่อยู่ใต้คำสั่งของโนแลนด์และโนล่ารวมอยู่ด้วย จนได้ญาติพี่น้องของเรากลับมากันได้ ซึ่งผมแทบอึ้งไปเลย เพราะไม่คิดว่าคุณเมซ่าจะกล้าทำเช่นนี้ หลังจากที่รู้ว่าเธอถูกบีบบังคับให้แปรสภาพพวกต่างดาว และพวกมนุษย์ในอวกาศให้กลายเป็นแมนิเกเตอร์ไปแล้วน่ะ" วูลลิเซอร์บอก "และรู้สึกเสียใจไม่น้อยกับการเสียสละของเธอ หลังจากที่เธอกับลูกชายคนโตที่เป็นตัวแสบมากที่สุด ซึ่งถูกเล่นงานจนปางตายและต้องรวมกันอยู่ในร่างเดียวไว้ ทั้งๆที่พวกคุณอยู่ด้วยแล้วแท้ๆน่ะ"

              พีวิลบอก "เรื่องที่ไซมาเทนทำกับแพททริคและคุณเมซ่านั้น เกิดขึ้นเร็วมากจนพวกเราช่วยอะไรไม่ทันอยู่แล้วละครับ"

              "นั้นคงจะมาจากปากของคนที่อยู่ใกล้กับคุณเมซ่ามากที่สุดและไม่ค่อยชอบขี้หน้ามากที่สุดเลยสิน่ะ" วูลลิเซอร์บอก "ถึงแม้ว่าพี่สาวจะเชื่อมั่นและเชื่อถือในตัวพวกคุณมากที่สุดเลยก็ตาม หวังว่าเพื่อนๆของคุณจะให้ความร่วมมือในโปรเจคที่เบย์แทนด์ส่งมอบมาให้ด้วย แม้ว่าจะได้ความช่วยเหลือจากคนนอกที่เป็นพลทหารที่อายุน้อยกว่าผมก็ตามน่ะ" แล้วก็เดินออกจากลิพท์มา

              พลัสเชอริทบอก "คุณพูดเหมือนกับว่าอิจฉากีล ดิสตินอย่างงั้นละสิ"


              "พลทหารกีลถือเป็นอัจฉริยะมากๆ ซึ่งเขาควรจะไปได้ไกลกว่านี้หากเขาเข้าเรียนสถาบันวิจัยเพื่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ มากกว่ามาช่วยแกะชิ้นส่วนอาวุธและชุดเกราะที่เก็บได้จากพวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธด้วย" วูลลิเซอร์บอก "ซึ่งโปรเจคที่เบย์แทนด์ทำค้างไว้ครึ่งทางนั้น คืออีกงานที่ผมเลือกทำ ซึ่งก็น่าจะดีกว่ามาช่วยผ่าศพพวกทหารไฮบริดจ์ที่สู้กับพวกคุณมาก่อนจะไปแข่งไตรกีฬากันน่ะ"

              สเปียริทบอก "ทหารไฮบริดจ์ของพวกเดลอาเนี่ยน ถูกส่งมาชันสูตรกันที่นี้นะหรือ"

              "พวกคุณคงไม่ทราบกันหรอกน่ะ ว่าหลังจากที่พวกเดลอาเนี่ยนพาพวกถล่มกรมตำรวจทหารเรือเพื่อชิงศพของพวกพ้องที่เสียชีวิต ซึ่งถูกนำมาไว้อยู่ในส่วนตรวจสอบศพที่มีสภาพขยะแขยงชั้นใต้ดินนั้น เบื้องบนเลยส่งศพมาให้ทางเรา ซึ่งไม่เพียงทำให้ทีมวิจัยของเราต้องใช้เวลาในการตรวจสอบศพเหล่านั้นไปไม่น้อย จนส่งผลให้งานวิจัยของเราที่กำลังทำอยู่นี้ต้องพลอยหยุดชะงักลงไปด้วย" วูลลิเซอร์บอก "ซึ่งผมพยายามให้พวกเดลอาเนี่ยนเอาศพพวกนี้กลับไปกันบ้าง และไม่ต้องเอาศพใหม่ๆเข้ามา แต่จนแล้วจนรอด พวกคุณก็นำเข้าปัญหามาให้อีกจนได้น่ะ"

              เซเทธบอก "คุณควรจะไปโทษพวกเดลอาเนี่ยน มากกว่ามาลงที่พวกเรากันน่ะ"

              "เออ ว่าแต่ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับลักษณะชุดเกราะที่นอกเหนือจากการค้นพบของพลทหารกีลกันละครับ" พลัสเชอริทบอก

              วูลลิเซอร์กล่าว "นอกเหนือจากซิงโครยูนิทที่เชื่อมต่อเกราะกับตัวผู้ใส่ที่เป็นแมนิเกเตอร์ชาวสเตรดาร์ธ โดยมีคุณลักษณะเหมือนกับโปรเทคชั่นสูทสำหรับริดิวิแนนท์ ที่มีอัตราพลังเพเรเนี่ยมสูงจนเป็นอันตรายต่อตัวเอง หรือกลายสภาพเป็นมิวแทนอยด์กันแล้วนั้น ผมค้นพบว่าชุดเกราะมีคุณลักษณะในการปรับเข้าหากับสภาพร่างกายของตัวผู้ใส่ ซึ่งมีสภาพกายที่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพทั้งฉับพลันหรือเรื้อรังมานาน ไม่ว่าจะติดตัวมาแต่กำเนิดหรือเกิดจากอุบัติเหตุก็ตาม รวมถึงปรับตัวรับมือกับสภาวะแวดล้อมที่เป็นอันตรายกันด้วย" แล้วก็พามายังส่วนวิจัยของชุดเกราะพิเศษ โดยที่นักวิจัยได้นำชุดเกราะรุ่นต้นแบบห้าตัวมา "แว้งงงงงงง" ฉายแสงอาทิตย์สาดส่องโดยปรับความเข้มข้นของแสงที่แปรปรวนไปด้วย จากนั้นก็ "แปะๆๆๆๆๆๆ ซ่า......" ปล่อยฝนเทียมลงมาสาดส่องจนทำให้ทั้งห้องมีน้ำท่วม ซึ่งนักวิจัยรีบปล่อยน้ำลงไปยังแทงค์ข้างล่าง จนระดับน้ำเหลือครึ่งหนึ่งของห้อง และ "วู้ววววววว" ลดอุณหภูมิจากร้อนกลายเป็นเย็นอย่างฉับพลันจนมีไอเย็นเกาะที่กระจกกันไว้

              "สภาพของตัวเกราะนั้นมีการป้องกันสภาวะแวดล้อมทั้งร้อน ฝน และเย็นจัดกัน โดยที่ตัวเกราะต้นแบบนั้นมีสภาวะการเปลี่ยนแปลงโมเลกุลจากการเปลี่ยนแปลงฉับพลันน้อยถึง 24 เปอร์เซนต์นะคะ" นักวิจัยหญิงผมยาวสีส้มสลับฟ้าสวมแว่นสี่เหลี่ยมบอก

              วูลลิเซอร์กล่าว "ดีแล้วละ เบริทรีซ แล้วสายส่งพลังงานไปยังมินิคอนเดนเซอร์ยูนิตเป็นยังไงบ้าง"

              "ยูนิตเบอร์ 1 4 และ 5 นั้นมีจุดขาดอยู่ 6 จุด ซึ่งเกิดละลายด้วยความร้อนและแตกหักด้วยความเย็น ส่วนเบอร์ 2 และ 3 นั้น เกิดการอุดตันของพลังงานที่ส่วนต้นแขนและต้นขา ซึ่งเกิดขึ้นจากความเย็นจัด ส่งผลให้พลังไหลไปไม่ถึงคอนเดนเซอร์กันนะคะ" เบริทรีซกล่าว

              วูลลิเซอร์พยักหน้า "แล้วสายส่งพลังงานที่ติดอยู่ในสกินสูท ที่ฉันสั่งเอาไว้กันละ"

              "ถ้าเป็นสกินสูทละก็ การกระจาย ถ่ายทอด เก็บสะสม และปล่อยประจุพลังงานนั้น ฉันได้ทำการทดสอบแบบที่ทำกับเกราะตัวนอกแล้ว ปรากฎว่าประสิทธิภาพของตัวสายส่งพลังงานจากแกนพลังงานขนาดเล็กนั้น ยังทำงานได้ดีถึง 110 เปอร์เซนต์ ซึ่งจะยิ่งสูงมากขึ้นหากได้ติดตั้งกับเปลือกเกราะชั้นนอกกันนะคะ" เบริทรีซบอก

              พีวิลบอก "นี้คุณคงจะศึกษาเรื่องที่เบย์แทนด์ค้นคว้าและดำเนินการมาก่อน จนสร้างขึ้นเป็นรูปเป็นร่างเลยสิน่ะ"

              "ถึงแม้ว่าฉันไม่ค่อยชอบพวกคุณเสียเลย ที่ทำให้เบย์แทนด์ไม่ได้อยู่ที่ดาวดวงนี้เลยก็ตาม แต่...ถ้าไม่เพราะพวกคุณ พวกเราคงไม่อยู่อย่างสงบและปลอดภัยกันในเวลานี้หรอกนะคะ" เบริทรีซบอก "เกือบลืมไปคะ ฉัน เอรินเอส เบริทรีซ นักมนุษยวิทยา หนึ่งในทีมงานที่รับช่วงโปรเจคของเบย์แทนด์กันน่ะ"

              แอนเดรียบอก "ไม่นึกเลยนะคะ ว่าคุณทรีซจะอยู่ที่นี้ เพราะฉันคิดว่าคุณควรจะช่วยงานพร้อมกันกับคุณมินอร์ตี้เสียอีกน่ะ"

              "บอกตรงๆน่ะ ว่านอกเหนือจากคุณวูลลิเซียและเบย์แทนด์ที่ช่วยเหลือพวกคุณในเรื่องโมบิลลอยด์กันนั้น น้องสาวตัวดีของฉันที่เป็นหัวกระทิในเรื่องฟิสิกส์ โลหะวิทยา อีเลคทรอนิคนั้นก็เป็นผู้ช่วยตัวเอ้ในโปรเจคแอบสร้างฟาลครีด้ากันด้วยนะสิ" เบริทรีซกล่าว

              สเปียริทบอก "เดียวสิ นี้อย่าบอกน่ะ ว่าป้าวูลลิเซียแอบอ้างผลงานของคนอื่นมาเป็นของตนเองน่ะ"

              "บอกแล้วไง ว่าอย่าเรียกพี่เหมือนพวกคุณเป็นเพื่อนเล่นกันน่ะ" วูลลิเซอร์โวย

              เบริทรีซกล่าว "คุณวูลลิเซียไม่ใช่คนแบบนั้นอย่างที่เธอว่ามาหรอกน่ะ อีกอย่างหนึ่ง มินอร์ตี้เองก็ช่วยในเรื่องปลีกย่อยต่างๆ และเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการพัฒนาฟาลครีด้าและโมบิลลอยด์อื่นๆกันไม่น้อย หากคุณวูลลิเซียไม่สามารถดำเนินการเรื่องพัฒนาโมบิลลอยด์ได้ มินอร์ตี้คือคนที่มารับผิดชอบแทนคุณวูลลิเซียกันนี้แหละ"

              "อีกอย่าง พี่สาวเองก็ไม่ได้อวดอ้างเอาเครดิตของคนอื่นมาเป็นของตนเองกันหรอก ตรงข้ามกันเลย พี่เขาเปิดโอกาสให้นักวิจัยทุกๆคนทำงานได้อย่างเต็มที่และให้เครดิตกับทุกๆคนอย่างเท่าเทียม ซึ่งรวมถึงผมที่มีอคติกับพวกคุณและฝ่ายประธานาธิบดีในช่วงแรกๆกันน่ะ" วูลลิเซอร์บอก "ตอนนี้เราเสียเวลามามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ต้องฝึกพวกคุณทั้งห้านี้กันเสียทีแล้วละ"

              ช็อปเปอร์ถาม "แล้วจะให้เราสวมเกราะและอยู่ในห้องที่ปรับสภาพเดียวร้อนเดียวเย็นกันนะหรือ"

              "ยังหรอก เพราะขั้นแรกๆของผมนั้นก็คือ....ทดสอบการขยับเขยื้อนของพวกคุณเวลาที่คุณสวมชุดครอบทั้งตัวกันเสียก่อนน่ะ" วูลลิเซอร์กล่าว แล้วก็ "แปะๆๆๆ" ตบมือเพื่อให้ลูกทีมเข้ามาพาตัวบาร์ท ช็อปเปอร์ รอมมิช แรมเบจและโรซารี่เดินเข้าห้อง เพื่อให้พวกเขาใส่ชุดสกินสูทพร้อมกับติดแบ็คแพ็ค ติดปลอกเกราะตามต้นแขน ท่อนแขน ต้นขา ท่อนขา ท้อง หน้าอกและเอว รวมถึงครอบส่วนหัวเหลือเพียงแค่หน้าไว้

              "ฮะๆๆๆๆ สภาพของมึงในตอนนี้เหมือนถูกบีบอยู่ในถังกระบอกแคบๆกันเลยวะ" คลอเวฟหัวเราะเมื่อเห็นหน้าของแรมเบจตอนที่สวมหมวกทรงกระบอก

              "ถ้ากูผ่านการทดสอบเมื่อไหร่ มึงจะโดนถีบเมื่อนั้นแหละ" แรมเบจโวย

              วูลลิเซอร์บอก "และคุณสองตนจะถูกไล่ออกจากสถาบันเดียวนี้ ฐานก่อเรื่องวิวาทจนสร้างความเสียหายกันได้น่ะ" แล้วก็บอกว่า "ตอนนี้ ผมขอให้พวกคุณทั้งห้า ให้ความร่วมมือในการทดสอบกันหน่อย อย่างน้อยก็เพื่อให้งานวิจัยเป็นไปอย่างลุล่วงกันน่ะ"

              "ว่าแต่ พวกคุณจะให้เราทำอะไรกันบ้างละ" โรซารี่ถาม

              วูลลิเซอร์กล่าว "งั้นก็เชิญเข้าไปในห้องเบอร์ 4 ก่อนเลย" แล้วพวกวูเซียทก็เดินเข้าห้องที่มีพื้นสายพานอยู่ "เริ่มจากการเดินก่อน เพื่อรวบรวมข้อมูลการขยับเขยื้อนของพวกคุณทั้งห้ากันไว้นะ"

              "และให้เดินแบบช้าๆ อย่างน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเราคนใดคนหนึ่งจะไม่สะดุดล้มเลยสิน่ะ" รอมมิชบอก

              เบริทรีซกล่าว "งั้นพวกคุณก็ก้าวช้าๆก่อนเลยนะคะ" ซึ่งบาร์ท ช็อปเปอร์ โรซารี่และรอมมิชก้าวเท้าสั้นๆไปทีละก้าว มีแต่แรมเบจที่ก้าวช้ากว่า "คุณแรมค่ะ ทำไมไม่ก้าวเท้าแบบที่คุณเดินปกติไปเลยหรือคะ คุณทำแบบนั้นมันทำให้การรวบรวมข้อมูลการขยับตัวของคุณเหมือนภาพสโลว์โมชั่นกันน่ะ"

              "แล้วก็ไม่บอก นึกว่าก้าวช้าๆไม่ตรงจังหวะแล้วจะโดนช็อตจ้ากกันเสียอีกน่ะ" แรมเบจบอก จากนั้นตนก็เดินไปแบบปกติซึ่งก็เดินแบบก้าวขาค่อนข้างยาวไปข้างหน้าทีละก้าวไว้

              วูลลิเซอร์บอก "ผมจะทำอย่างงั้นแน่ หากพวกคุณคนใดคนหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือหรือทำเป็นเล่นสนุกไปได้กันน่ะ" เท่านั้นแหละ พวกบาร์ทจึงต้องเดินไปตามปกติ แม้ว่าจะต้องก้าวขาช้ากว่ากันก็ตาม "ต่อมาก็คือการเดินแบบเร็วกันไว้ ซึ่ง เบริทรีซจะปรับสปีดพื้นสายพาดของพวกคุณแต่ละคนไว้น่ะ"

              "แล้วคุณไม่ลงมือเองเลยหรือคะ" แอนเดรียถาม

              วูลลิเซอร์บอก "ที่จริงผมให้เบริทรีซดำเนินการในเวลาเดียวกันกับที่ผม....จะทดสอบสมรรถนะทางร่างกายของเพื่อนคุณทั้งแปดกันนี้แหละ"

              "งั้นแปลว่าที่คุณเรียกพวกบรอนเซอรูทมานิ ก็เพราะว่าจะทดสอบพวกเขาอย่างงั้นละสิครับ" พีวิลบอก

              วูลลิเซอร์กล่าว "พี่ผมแจ้งมา ว่าสมาชิกกองกำลังพิทักษ์ดวงดาวที่เป็นมิวแทนอยด์ทั้งแปดตนนี้ จำเป็นต้องรับการตรวจสอบสมรรถนะทางร่างกายว่าพร้อมสำหรับออกปฏิบัติการณ์ได้ตามปกติเลยหรือเปล่าน่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "อันที่จริง ผมควรจะทดสอบพวกคุณทั้ง 16 ตนกันไปเลย แต่...ถ้าไม่เพราะว่าพวกคุณทั้งหมด ล้วนฝึกฝนการสู้รบด้วยกันเอง ฝึกกับพวกลูกศิษย์มนุษย์สัตว์ไปพร้อมกับฝึกแรมบาร์ทและแดลิลกันด้วย รวมถึงฝึกซ้อมเพื่อเข้าแข่งไตรกีฬากันด้วย จนมีข้อมูลส่งตรงไปยังเบื้องบนกันแล้ว ซึ่งพวกคุณก็ช่วยให้ผมมีเวลาทำอย่างอื่นไปด้วยกันนี้แหละ"

              "เยี่ยม นั้นเป็นเรื่องดีที่เราทำให้เลยสิน่า" สเปียริทบอก

              วูลลิเซอร์กล่าว "แต่ถ้าจะให้พวกคุณทั้งหมดนี้ลงไปก็กระไรๆกันอยู่น่า โดยเฉพาะเพื่อนคุณบางคนที่ปากพาสร้างสรรค์มากกันด้วย จะดีกว่ามากหากเอาเขาออกไปกันสักหน่อยน่ะ" โดยชี้มายังคลอเวฟที่ยืนอยู่

              "อะไรกันวะ นี้ฉันต้องมาดูพวกบรอนเซอรูทรับการทดสอบด้วยหรือวะ" คลอเวฟบ่นเมื่อพีวิลพาตน สเปียริท มาสวาร์ทาร์ แอนเดรีย ไซโคลเนีย เจเนล จายด์ จิล แอบไบออสและฟิเกซลงมาพร้อมกับพวกบรอนเซอรูท

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เอาเถอะน่า อย่างน้อยเราไม่อยากให้นายไปรบกวนการทดสอบกันนะ"

              "ว่าแต่จะทดสอบพวกเรายังไงกันหรือ" ทอฟคานิคกล่าว แล้ววูลลิเซอร์ก็พามายังโดมทดสอบ ซึ่งก็มี.... "ป้ากกก ป้ากกก ป้ากกก" นักสู้มิวแทนอยด์ที่มีผิวกายเป็นหินแกรนิต ฟาดฝ่ามือใส่นักสู้มิวแทนอยด์ที่มีผิวกายเป็นทองคำกันอย่างหนักหน่วง โดยที่นักสู้มิวแทนอยด์หญิงที่มีผิวกายเป็นทองนั้น "ย้า" เธอยิงกระสุนพลังปราณจากปลายนิ้วชี้เข้าใส่นักสู้มิวแทนอยด์ผิวกายหินแกรนิต ซึ่งก็ปัดป้องด้วยหลังแขนกันไว้

              "นี้มัน ยอดฝีมือมิวแทนอยด์ที่พาราดิสอาร์คกันนิน่า" กริมเบอรี่บอก

              "พวกคุณรู้จักกับพวกนักสู้เหล่านี้กันมาก่อนนะหรือ" วูลลิเซอร์ถาม

              เซเทธบอก "เราเจอกับพวกเขาตอนอยู่ที่ควอดาน่ามาก่อนแล้ว โดยพวกเขามีส่วนร่วมในกองรบกันมาตั้งแต่อยู่บนโลกมาจนถึงอวกาศกัน แม้ว่าในตอนท้ายพวกเขาอยู่ปกป้องเขตชุมชนในยานที่เหลืออีกสองลำจากการบุกรุกของแปดกองรบก็ตามน่ะ" แล้วก็ชี้มายังพวกมิวแทนอยด์ที่มีผิวสีเขียวอ่อนซึ่งตามตัวมีใบอ่อนและดอกไม้โผล่มา และพวกมิวแทนอยด์ที่มีผิวเป็นเกล็ดทั้งตัว

              "แล้วมิวแทนอยด์ทั้งสี่กลุ่มนี้เป็นพวกไหนกันหรือ" เจเนลถาม

              เลอแชนกล่าว "พวกมิวแทนอยด์ผิวหินนั้นคือ กลุ่มสโตนไฮด์ เป็นยอดยุทธ์มิวแทนอยด์พวกผิวกายที่แข็งเหมือนหินแบบทอฟคานิค แต่ไม่แข็งเท่า ต่อมาพวกที่มีผิวทองนั้นคือ กลุ่มโกลเด้นเกรด ซึ่งมีส่วนหนึ่งที่อยู่วัดเส้าหลินมาตลอด 30 ปี กับพวกที่มาจากอเมริกาเหนือซึ่งกลายพันธุ์ เพราะโรงหลอมทองโดนระเบิดนิวเคลียร์เป่าจนทำให้พวกเขามีกายสีทองขึ้นมากันน่ะ"

              "และคงจะสัมผัสอะไรก็เป็นทองไปหมดเลยละสิ" จิลถาม

              ทินเหมาลีบอก "ไม่หรอก ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงก็คงอดอยากไปนานแล้ว แต่โชคดีมากที่พวกเขารีบลี้ภัยมาอยู่ไต้หวั่นและมาเจอกับผู้การเฮลิคเข้าพอดีนะสิ"

              "แล้วอีกสองกลุ่มนั้นละ" ไซโคลเนียถาม

              โมคุโตะบอก "พวกที่มีดอกไม้และใบอ่อนนั้นคือ ฟอร์เรสเตอร์ เป็นมิวแทนอยด์รักป่าและต้นไม้ทั้งหลาย พวกเขามักจะชื่นชอบการเดินป่าเขาลำเนาไพร และมักจะมีกระถางต้นไม้อยู่ในห้องพักของแต่ละคนด้วย ส่วนพวกมีเกล็ดตามร่างนั้นคือสแคร์โค้ท เป็นพวกที่มีผิวเป็นเกล็ด ซึ่งพวกเขามักจะลับคมด้วยการฝึกซ้อมด้วยกันเองอยู่เสมอๆ รวมถึงท้าสู้กับมิวแทนอยด์ต่างสังกัด แม้กระทั่งพวกเราเองก็ด้วยน่ะ"

              "แล้วพวกมีเกล็ดนั้นเป็นพวกเจ้าเล่ห์กลิ้งกรอกเหมือนพวกเฮเรเค้นหรือเปล่าละ" สเปียริทถาม

              เลอแชนบอก "เธอไม่ควรว่าพวกเขาแบบนั้นกันน่ะ เพราะการพูดถึงหรือเปรียบเปรยพวกเขาเหมือนสัตว์เลื้อยคลานนั้นจะทำให้พวกเขาโมโหมากเลยละ"

              "ใช่ และนายก็เป็นรายแรกที่ปากดีกับเรากันนี้แหละ แม้จะลงท้ายด้วยการที่เราเกือบโดนนายกรีดด้วยใบมีดที่แขนและหน้าแข้งกันน่ะ" มิวแทนอยด์มีเกล็ดสีมรกตกล่าว และแนะนำตัว "ฉันชื่อบิคเวคซ์ หัวหน้ากลุ่มสแคร์โค้ทกัน และยินดีมากที่รู้ว่าเพื่อนของพวกบรอนเซอรูทมาหาพวกเราถึงที่กันนี้แหละ"

              พีวิลจับมือพร้อมกับบอกไปว่า "พวกเรามานี้เพื่อมาส่งพวกบรอนเซอรูทและพวกบาร์ทรับการทดสอบจากสถาบันนี้กันน่ะ"

              "บาร์ท รีเวอเชนท์ก็มาด้วยหรือ โอ้ว แล้วพวกเขาไม่มาด้วยหรือไงน่ะ" บิคเวคซ์กล่าว

              ฟิเกซบอก "พวกเขาอยู่ทดสอบอีกเรื่องหนึ่งนะสิ เลยมาไม่ได้กันน่ะ"

              "งั้นก็ดีเลย เพราะเราไม่ได้ท้าดวลกับพวกบรอนมาหลายวันแล้วน่า หลังจากที่เราสู้กับไอ้พวกต่างดาวก็ดี กับพวกสวมเกราะกันด้วยน่ะ" บิคเวคซ์บอกและหันมาถาม "ว่าแต่ พวกนายจะร่วมวงกันหรือเปล่าละ"

              เจเนลบอก "เออ พวกเรามาด้วยเรื่องงานก็เท่านั้นเองแหละ ไม่ได้มาสู้กับพวกนายกันสักหน่อยน่ะ"

              "แน่ละครับ เพราะว่าพวกคุณทั้งสี่กลุ่มนั้นจะต้องมาทดสอบกับพวกคุณบรอนเซอรูทกันนี้แหละ" วูลลิเซอร์กล่าว เพื่อให้พวกบรอนเซอรูทเข้ามากลางพื้นที่ทดสอบขึ้นมา "ดังนั้น พวกคุณจากกองกำลังไทรเวเซอร์เอง กรุณาไปนั่งดูนอกพื้นที่ทดสอบด้วยนะครับ" โดยให้พวกพีวิลไปนั่งเก้าอี้กันไว้ ซึ่งก็....

              "เออ ทำไมเก้าอี้ถึงขาดตัวเดียวกันละ" ไซโคลเนียบอก เพราะมีเก้าอี้เพียง 10 ตัวเท่านั้นเอง

              "ที่จริง ผมมีเรื่องจะคุยกับมาสวาร์ทาร์กันสักหน่อย โดยที่ทีมงานรับผิดชอบนั้นจะรวบรวมข้อมูลการทดสอบเอาไว้ ซึ่งพวกคุณที่เหลือคงจะช่วยดูกันได้บ้างนะ" วูลลิเซอร์กล่าว มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็พยักหน้าและลุกตามวูลลิเซอร์ไป

              แอนเดรียบอก "ที่คุณมาสวาร์ทาร์ไปกับคุณวูลลิเซอร์นั้น คงไม่ได้เพราะเรื่องฟูลออเรสกับเมดิน่าเลยสิคะ"

              "อย่างน้อย มาสวาร์ทาร์เองก็เหมาะกับการพูดคุยกับคนที่มีอคติกับพวกเรากันได้ดีแล้วละน่ะ" พีวิลบอก

              คลอเวฟกล่าว "ภาวนาว่าไอ้หมอนี้คงไม่ทำอะไรบ้าๆกันหรอกน่ะ"

              "คุณคงจะทราบดีแล้วสิน่ะ ว่าผมเรียกคุณมาคุยเพียงคนเดียวโดยไม่ให้คนอื่นอยู่ด้วย ผมจะคุยเรื่องอะไรกันน่ะ" วูลลิเซอร์กล่าวโดยให้มาสวาร์ทาร์ที่เข้ามาในห้องทำงานของตน นั่งลงก่อนและตัวเองนั่งตาม

              ดาบมือหนึ่งบอก "ถ้าไม่ใช่เรื่องของฟูลออเรสและเมดิน่า ก็ต้องเป็นเรื่องของแอนเดรียอย่างงั้นสิน่ะ"

              "สมแล้วที่คุณเป็นแมนิเกเตอร์คนนอกเพียงคนเดียว ที่ดร.รีไลฟ์เวอรี่ไว้วางใจให้ช่วยดูแลคุณแอนเดรียหลังจากที่ดร.จากไปอย่างสงบแล้ว ซึ่งฐานะที่แท้จริงของเธอ ก็คือสาเหตุเดียวกันกับที่คุณเมซ่าต้องมาหลบอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพวกคุณ และพวกประธานาธิบดีแอคเมนโด้กันไว้" วูลลิเซอร์บอก "และคุณ เบย์แทนด์ หมอประจำกองกำลังของคุณ คุณเมซ่า แล้วก็คุณอีธาน คือ 5 คนที่รู้ความจริงอันน่ากลัวของคุณแอนเดรีย ซึ่งเธอเกือบจะทำลายยานอาร์คลงไปด้วยมือเธอเอง พร้อมกับพวกเราทั้งหมดด้วยน่ะ แม้ว่าในตอนนี้ คุณเมซ่าช่วยปิดตาย ด้านที่น่ากลัวมากที่สุดของเธอ เอาไว้แล้วก็ตาม ต่อให้ผมไม่มีพลังพิเศษที่อ่านใจคุณได้ หรือคุณพยายามใช้พลังของคุณปิดกั้นมิให้คนอื่นรับรู้ แม้กระทั่งเอสเปอร์สาวร่างเด็ก เพื่อนร่วมทีมของคุณเองก็อ่านใจคุณไม่ได้ก็จริง แต่ผมก็สังหรณ์ใจเหมือนที่คุณหวั่นเกรงกันมาตลอดเลยน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "คุณกำลังจะบอกว่า มัดตราสังของคุณเมซ่า กำลังจะเสื่อมลงเลยสิน่ะ"

              "แม้จะตกใจไม่น้อยกับพลังและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงยีนและพันธุกรรมอันน่าเหลือเชื่อของคุณเมซ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เธอให้อำนาจการสืบพันธุ์แก่แมนิเกเตอร์หุ่นยนต์อย่างพวกแอตแลนไทซ์ก็ดี ครีซีแทนก็ดี หรืออดีตมนุษย์อย่างพวกคุณเองก็ด้วยนั้น บ่งบอกได้ว่า พลังของคุณเมซ่าไม่ได้แค่สูงส่งจนฝ่ายแรซัลก้าต้องใช้เธอป่วนทั้งจักรวาลกันอย่างเดียว แต่พลังของเธอสามารถทำสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เช่นเดียวกันกับที่โอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสสร้างพวกแกตไทซ์ และควอเดี่ยมขึ้นมาจนสร้างอารยธรรมอันยิ่งใหญ่และยาวนานเป็นศตวรรษได้ ภายในช่วงเวลาบนดาวของพวกเขาเพียง 40 ปีเท่านั้นเอง" วูลลิเซอร์บอก "ทว่า การที่คุณเมซ่าสะกดตัวตนอันน่ากลัวของแอนเดรียเอาไว้นั้น ถึงสะกดให้อยู่ได้อย่างยาวนานแค่ไหน อำนาจที่ใช้กักขังมันย่อมเสื่อมได้ตามเวลาที่ผ่านพ้นไป หรือจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบกระทั่งและก่อความรุนแรงขึ้นต่อจิตใจ ซึ่งสิ่งที่คุณกับพวกทำอยู่นี้ มันบันทอนอำนาจการกักขังนั้นลงไปทีละส่วนๆ โดยที่พวกคุณที่เหลือหรือคุณแอนเดรียไม่รู้กันเลยน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์ถาม "แล้วตามความเห็นของคุณนิ นอกเหนือจากให้แอนเดรียไม่ต้องมาช่วยในสนามรบกันแล้ว มีอีกวิธีกันบ้างมั้ยละ"

              "ก่อนอื่นเลยนะ คุณมาสวาร์ทาร์ ถ้าเกิดว่าคุณแอนเดรียกลายร่างและบุคลิกด้านลบนั้นคุมร่างเธอได้ขึ้นมา คุณจะทำเช่นไรกันละ" วูลลิเซอร์ตั้งคำถาม

              มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็กำมือขึ้นพร้อมกับบอกว่า "ถ้าเธอกลับไปเป็นสภาพนั้นโดยที่จิตใจด้านดีของเธอสูญสิ้นไปแล้ว ผมคงต้องผิดคำพูดของดร.รีไลฟ์เวอรี่ด้วยการจัดการกับเธอไปซะ อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกทรมานกันนี้แหละ"

              "ฮืมมมม" วูลลิเซอร์ได้ฟังก็ถึงกับส่ายหน้า "กลัวว่าถึงตอนนั้น คุณจะไม่กล้าลงดาบจัดการกับคุณแอนเดรียได้จริงๆกันหรอกน่ะ เพราะคุณ เป็นคนที่รักษาสัจจะและทำตามสัญญาที่ให้ไว้ โดยปฏิเสธคำสั่งหรือสัญญาที่ไม่ชอบธรรมไว้ก่อน เพื่อมิให้ตนเองกลายเป็นตระบัตสัตย์ ทั้งๆที่คุณเป็นคนฉลาดคิดและกระทำ อดทนอดกลั้นแม้จะถูกใครหยามเหยียดหรือดูถูกดูแคลน ซึ่งคุณคงจะมีนิสัยอดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เด็กๆเลยสิน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "คุณตาเป็นคนสอนหลักการทำสมาธิอย่างแน่วแน่กับผมมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งผมโชคดีมากที่ตั้งใจฟังคุณตาสอนมาจนนำมาใช้ได้ หลังจากที่คุณแม่ของผมเสีย แล้วคุณพ่อของผมก็พาผมไปที่อังกฤษ และส่งผมไปเรียนกับเพื่อนชาวอังกฤษที่มีนิสัยไม่ต่างจากพวกเฮเรเค้นในตอนนี้ แต่ผมก็อดทนอดกลั้นมาไม่น้อย เพราะพวกเขาไม่เข้าใจในตัวผม ที่เป็นลูกครึ่งอังกฤษญี่ปุ่นกันมาแต่แรก จนพวกเขาเลิกแกล้งและหาเรื่องผมกันนี้แหละ"

              "เหมือนที่คุณสอนพวกบีสทอยด์เหล่านั้น ทั้งๆที่มันไม่น่าเป็นไปได้เลยกับพวกมนุษย์สัตว์ตาดำๆที่ส่วนมาก ไม่ค่อยเชื่อฟังคำสอนของใครแม้กระทั่งคุณเอง ต่อให้คุณไปสัญญากับพวกหัวหน้าเผ่าว่าจะดูแลและสอนสั่งพวกเขากันไว้น่ะ" วูลลิเซอร์บอก

              มาสวาร์ทาร์กล่าว "พ่อเคยสอนไว้เสมอ ว่าเรา ไม่สามารถสอนใครให้เป็นคนฉลาดและสมบูรณ์แบบไปได้ซะทุกคนหรอก แต่ให้สอนพวกเขาเป็นคนดีและรู้จักผิดชอบชั่วดี คอยตักเตือนและห้ามปรามพวกเขาด้วยความอดทน หรือถ้าจำเป็นจริงๆก็บีบบังคับได้ แต่ไม่ควรรุนแรงมากจนเกินไป ยิ่งกับการที่เราสัญญากับคนอื่นว่าจะต้องทำตามที่พูดเอาไว้ด้วยแล้วนั้น ยิ่งต้องระมัดระวังกันไม่น้อยทีเดียว หลักการของพ่อเองผมก็จำมาใช้กันอยู่นี้แหละ"

              "สมแล้วที่เบย์แทนด์เคยเขียนไว้ในบันทึกกันเสมอๆน่ะ ว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษที่ชาญฉลาดมากที่สุดในหมู่กองกำลังเวเซอร์ด้วยกัน รวมถึงเป็นผู้ที่รักษาสัจจะและสัญญาเอาไว้อย่างแน่วแน่ รวมถึงไม่ให้อภัยต่อผู้ที่กระทำการต่ำช้าและไม่เป็นสุภาพบุรุษกันด้วยน่ะ" วูลลิเซอร์บอก และกล่าวไปว่า "ซึ่งผมก็เข้าใจดี ว่าคุณรับปากกับดร.รีไลฟ์เวอรี่ว่าจะดูแลคุณแอนเดรียไว้ แต่ถึงแม้ว่าคุณจะยอมผิดสัญญา ก็ใช่ว่าจะช่วยคุณแอนเดรียได้เสมอไปกันหรอกน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "งั้นคุณก็คงไม่มีทางแก้ อย่างลบตัวตนด้านลบของแอนเดรียด้วยวิธีสะกดจิตหรือวิธีอื่นกันเลยหรือ"


              "ถึงจะมีวิธีและสามารถทำเช่นนั้นได้จริง ผมเกรงว่ามันจะกระทบต่อตัวคุณแอนเดรียไปด้วยนะสิ เพราะว่าเธอ....เป็นมิวแทนอยด์แบบ เพอโซเนลไทป์ ซึ่งเป็นมิวแทนอยด์ที่มีบุคลิกด้านตรงข้ามปรากฎขึ้นพร้อมกับบุคลิกดั่งเดิมของตัวคุณแอนเดรียเอาไว้ หากแต่...บุคลิกด้านตรงข้ามที่เธอและมิวแทนอยด์แบบเดียวกับเธอมีนั้น จะมีร่างที่แปรเปลี่ยนแบบเดียวกันกับที่พวกคุณบรอนเซอรูทเป็น แต่ต่างกันตรงที่ควบคุมได้ยากและเป็นอันตรายในระดับที่สูงมากเลยน่ะ" วูลลิเซอร์บอก

              มาสวาร์ทาร์บอก "เพอโซเนลไทป์นะหรือ ที่คุณพูดถึงมานิ คงไม่ได้หมายความว่าคุณรู้จักกับมิวแทนอยด์ประเภทนี้กันหรอกน่ะ"

              "ความจริงแล้ว ผมเป็นมิวแทนอยด์แบบเพอโซเนลไทป์ด้วยนะสิ" วูลลิเซอร์สารภาพ มาสวาร์ทาร์ถึงกับชะงัก จนหัวหน้าสถาบันต้องบอกไปว่า "แต่วางใจได้ เพราะระดับของผมนั้นแค่ระดับเดียวกับแรมบาร์ดและแดลิล ซึ่งทำให้ผมไม่สามารถแปรเปลี่ยนทางร่างกายได้เหมือนกับคุณแอนเดรีย โดยทำได้แค่แสดงอารมณ์ก้าวร้าวและหยาบคายผ่านคำพูดมาเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกไม่พอใจพวกคุณและพวกประธานาธิบดีกันจริงๆก็ตามน่ะ"

              มาสวาร์ทาร์บอก "ส่วนหนึ่งเพราะว่า คุณกลัวว่าถ้าคุณควบคุมตัวเองไม่ได้ คุณวูลลิเซียก็จะปลดคุณจากตำแหน่งหรือไล่ออกจากกลุ่ม เพราะรู้ถึงสภาวะจิตอีกด้านหนึ่งของคุณมาแต่แรกสิน่ะ"

              "ที่ถูกนั้น เพราะว่าพี่พยายามปกป้องผมต่างหากละ ซึ่งคงไม่ดีแน่ หากปล่อยให้คนที่มีสภาวะทางจิตที่อาจจะพลิกสลับกลับด้านได้เมื่อไหร่ก็ได้ อยู่ทำงานพร้อมกับคนอื่นๆ ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ผมต้องย้ายสถาบันชีวภาพออกจากตัวสถาบันหลัก ในทันทีที่มีการตั้งรกรากบนดาวดวงนี้ในช่วง 4 เดือนหลังจากที่พวกคุณพิชิตฝ่ายแรซัลก้าลงไปได้น่ะ" วูลลิเซอร์บอก "ซึ่งผมได้ติดตัวช็อตไฟฟ้าเอาไว้ตามตัว หากผมปล่อยให้อารมณ์ของผมเกิดด้านลบจนส่งเสริมให้บุคลิกด้านตรงข้ามเข้ามาคุมสติผมขึ้นมา มันจะช็อตเพื่อหยุดมันเอาไว้ แม้ว่าผมอยากจะปิดมันและพยายามคุมสติอยู่ตลอดเวลาก็ตามเลยน่ะ"

               มาสวาร์ทาร์กล่าว "ในเมื่อคุณใช้วิธีนี้ไม่ให้บุคลิกด้านตรงข้ามได้ แล้วทำไมถึงไม่ใช้กับแอนเดรียกันละ"

              "เพราะบุคลิกด้านตรงข้ามของคุณแอนเดรียนั้น แข็งแกร่งมากจนการหยุดด้วยไฟฟ้านั้นไม่มีผล เผลอๆอาจจะทำให้สติเดิมของคุณแอนเดรียหยุดชะงัก แล้วปล่อยให้บุคลิกด้านตรงข้ามนั้นคุมร่างและสติของเธอได้โดยสมบูรณ์กันนะสิ" วูลลิเซอร์กล่าว "ที่สำคัญ พวกเพอโซเนลนั้น บุคลิกของด้านตรงข้ามกับบุคลิกของเจ้าของร่างเดิมนั้น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีทางลบล้างออกไปจนเหลือเพียงสติใดสติหนึ่ง แน่นอน ว่ามันหมายรวมถึงการฆ่าและปลิดชีวิตเพอโซเนลนั้นๆด้วย"

               มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็รู้สึกหวั่นวิตก "คุณพูดเหมือนกับที่ผมตั้งใจเอาไว้แต่แรก หากเกิดเรื่องแบบนั้นกับแอนเดรียได้จริงๆเลยน่ะ แล้วมิวแทนอยด์เพอโซเนลตนอื่นๆละ"

              "พวกเขายังอยู่ในสภาวะจำศีลกันอยู่ ซึ่งผมต้องขอบใจคุณเมซ่ามากๆ ที่เธอไม่เพียงช่วยให้ความเป็นมนุษย์กับพวกแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์ แต่เธอได้สะกดให้พวกเขาหลับไหลเอาไว้ เพื่อรอวันที่พวกเขาสามารถควบคุมตนเองและจิตด้านลบของพวกเขาเอาไว้นะสิ" วูลลิเซอร์บอก โดยเปิดภาพของเหล่าแมนิเกเตอร์มิวแทนอยด์แบบเพอโซเนล ซึ่งมีเขายาวโค้งหรือมีหนามเล็กๆตามหัว ลำตัวท่อนบนมีเกราะสีขาวซึ่งมีผลึกสีส้มอยู่ตรงกลางรูปทรงแบบต่างๆ ตั้งแต่สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยมไปจนถึงวงกลม บางตนมีขนาดตัวใหญ่ บางตนมีขนาดผอมเพียว มีท่อนแขนทรงกลมรีที่มีแถบผลึกสีส้มอยู่หลังแขน ท่อนขานั้นมีแบบหน้าแข้งแถบสีส้มบ้าง สวมขดเหล็กแบบเดียวกับแอนเดรียบ้าง ท่อนขามีหนามงอกจากข้างขาบ้าง ล้วนแล้วอยู่ในแคปซูลหลอดแก้วกันทั้งนั้น

              มาสวาร์ทาร์บอก "ที่คุณปล่อยให้พวกเขาจำศีลไปนั้น เพราะกลัวว่าคุณจะต้องสูญเสียพวกเขาไปกับการรุกรานของพวกเดลอาเนี่ยนสิน่ะ"

              "และกลัวว่าพวกเขาอาจจะเสียการควบคุมเหมือนที่คุณหวั่นเกรงต่อคุณแอนเดรียด้วย จนกองทหารของประธานาธิบดีของพวกคุณไม่มีทางหยุดยั้งไว้ได้กันน่ะ" วูลลิเซอร์กล่าว "ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้แอนเดรียมีสภาพเหมือนพวกเขา คงรู้ใช่มั้ย ว่าคุณควรทำเช่นไร"

              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ถึงคุณไม่บอก ผมเองก็รู้อยู่แล้วละครับ"

              "ทั้งๆที่คุณกำลังจะผิดสัญญาที่ดร.รีไลฟ์เวอรี่ให้ไว้กันนะหรือ...นั้นไม่ดีเสียเลยน่ะ" วูลลิเซอร์กล่าวย้ำเตือนอีก

              มาสวาร์ทาร์ตอบ "แต่การให้เธอนิ่งเฉยและอยู่แนวหลังไป ก็เหมือนขัดความต้องการของเธอที่อยากจะช่วยและปกป้องทุกๆคนเช่นกันน่ะ"

    ต่อช่วงที่ 2

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×