ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga Del-Ahnian War

    ลำดับตอนที่ #37 : ตอนที่ 19 ทัศนศึกษาวันหยุดที่แคสเซรอน-4 ปรากฎเหล่าเทพธิดาในยามที่นักรบแห่งแสงดาวมาถึง พาร์ทแรก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7
      0
      30 ก.ย. 64

              ที่ห้องสื่อสารในที่ว่าการของดาวแคสเซรอน-4
              "เป็นที่ทราบกันแล้วละคะ ว่าราชทายาทเดลวูล ตัวแทนขององค์มหาจักรพรรดิ์เดลมูดัล ปฏิเสธที่จะให้อิสรภาพต่อชนเผ่าที่อยู่ภายใต้การปกครองอันไม่ยุติธรรมของมหาจักรพรรดิ์เดลอาเนี่ยนขึ้นมา ซึ่งไม่เพียงได้สร้างความไม่พอใจต่อชนเผ่าส่วนมาก ที่ถูกพวกเดลอาเนี่ยนและฝ่ายพันธมิตรยึดครองกันอย่างเดียว แต่ชาวเดลอาเนี่ยนส่วนหนึ่งต่างออกมาประท้วงในการตัดสินใจของราชทายาทเดลวูลกันขึ้นมาแล้วละคะ" นักข่าวหุ่นยนต์หญิง ซึ่งทำหน้าที่เผยแพร่ข่าวสารภายในเดลอาเนี่ยนกล่าว "เช่นเดียวกันกับกลุ่มพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายคัดค้าน หรือฝ่ายไม่สนับสนุนการทำสงครามของพวกเดลอาเนี่ยน เริ่มเอาเรื่องนี้มาถกเถียงภายในสภาสูงของมหาจักรพรรดิ์กันขึ้นมาแล้ว"
              นักการเมืองชาวเดลอาเนี่ยนที่เป็นหัวหน้าฝ่ายค้านกล่าว "การที่ราชทายาทเดลวูลไม่มอบอิสรภาพให้กับกลุ่มชนเผ่าที่อยู่ภายใต้การปกครอง หรือแม้กระทั่งคืนเอกราชให้กับพวกเขาไปปกครองด้วยตัวพวกเขาเองนั้น บ่งบอกได้ว่า มหาจักรพรรดิ์เดลมูดัลประพฤติตนไม่เหมาะสมต่อหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้อย่างเห็นได้ชัดเลยละครับ"
              "แล้วไม่กลัวว่าฝ่ายทหารจะเข้ามาจัดการกันเลยหรือครับ เพราะทางเราทราบว่า กองกำลังต่อต้านที่พยายามจะลงแข่งเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิที่จะประกาศตนเป็นอิสระภาพกันอยู่น่ะ" นักข่าวหุ่นยนต์กล่าว
              หัวหน้าฝ่ายค้านบอก "พวกเราจะถือว่านี้เป็นการกระทำอันเลวร้ายมากที่สุดกันแล้ว หากมหาจักรพรรดิ์ไม่ทำตามเสียงเรียกร้องของประชาชนซะ พวกเรามีสิทธิ์ที่จะถอดถอนองค์มหาจักรพรรดิ์ลงจากบัลลังก์ พร้อมกับปลดตำแหน่งราชทายาททั้งหลายออกไป เพื่อให้พวกเราเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวกันนะครับ"
              "ตอนนี้อาคารที่ว่าการหลักในเขตดาวของชาวอัลแทเรี่ยน เริ่มมีการก่อจราจลโดยชนเผ่ากลุ่มน้อยที่ได้รับทราบข่าวขึ้นมา ซึ่งก็ได้ทำให้อาคารที่ว่าการเสียหายไปไม่น้อย พร้อมกับนักการเมืองที่ทำงานอยู่ในนั้นถึง 12 ตน ส่วนกลุ่มก่อจราจลนั้น ส่วนหนึ่งถูกกองทหารของอัลแทเรี่ยนจับกุม นอกนั้นได้เสียชีวิตจากความพยายามในการต่อสู้กับทหารขึ้นมานะครับ" นักข่าวชาวอัลแทเรี่ยนกล่าว
              นักข่าวชาวแมทเฟลิมบอก "กองทหารที่ 66 ได้ลุกขึ้นมาประท้วงต่อการปกครองอันล้มเหลวของจักรพรรดินีมิวนัส และต้องการถอดองค์จักรพรรดินีลงเพื่อให้องค์หญิงเนเฟอเทล่า องค์หญิงอันดับที่ 12 ขึ้นครองอำนาจแทน ผลคือ กองทหารที่ 66 ได้ถูกจับกุมไปเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือนั้นได้หลบหนีไป โดยทางกองทัพของทางจักรวรรดิ์ของเราพยายามไม่น้อยในการตามล่าคนทรยศเหล่านี้ รวมถึงตัวองค์หญิงกันด้วยนะครับ"

              "ผมได้อยู่ในเขตเมืองทาลาดีฟ ซึ่งเป็นเขตการปกครองของพวกบรูซาเรม โดยในเวลานี้ ทหารบรูซาเรมได้เข้ากวาดล้างชาวมูมากาไกน์ ที่รวมกลุ่มชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารของบรูซาเรมกันด้วยอาวุธหนัก จนมียอดผู้เสียชีวิตเยอะขึ้น ในขณะที่บางส่วนนั้น นอกจากบาดเจ็บสาหัสจากการกวาดล้างดังกล่าวแล้ว ยังถูกจับกุมไปคุมขัง รอการประหารในไม่กี่วันที่จะถึงนี้นะครับ" นักข่าวเดลอาเนี่ยนกล่าวโดยเห็นทหารบรูซาเรมถือปืนหนักถล่มพวกผู้ประท้วงกันยกใหญ่
              นักข่าวเดลอาเนี่ยนหญิงกล่าว "ตอนนี้เหล่านักรบซอร์แรคได้บดขยี้เวทีปราศรัยของกลุ่มประท้วงขับไล่พวกซอร์แรคของชาวดาวลิมโกลดัล นำโดยผู้ว่าการเซอเทสขึ้น ซึ่งผู้ว่าการกับกลุ่มแกนนำหลากสีผิว ถูกสังหารในระหว่างปราศรัยจนเสียชีวิตไปกันหมด พร้อมกับกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมที่พยายามจะหลบหนีหรือพยายามต่อสู้กันด้วย โดยทางซอร์แรคให้ข่าวกับทางเราว่า...."
              "พวกนี้รวมหัวกับพวกกองกำลังกบฎและกองกำลังต่อต้านที่พยายามหมายเอาชีวิตท่านเดลวูลกันไว้ ซึ่งถูกกวาดล้างไปแล้ว หากแต่ยังหลงเหลือเศษเดนกันอยู่ อีกทั้งเราทราบมาว่าพวกนี้กักตุนอาวุธที่ชาวไฮกินด้าขนส่งมาให้ เราจึงต้องรีบจัดการกับพวกนั้นในขั้นเด็ดขาด ก่อนที่พวกนี้จะเหิมเกริม เปลี่ยนจากการชุมนุมโดยไม่ใช้ความรุนแรง มาใช้วิธีเดียวกันกับการขับไล่ผู้ชุมนุมเมื่อ 24 ปีก่อนจนมีคนเสียชีวิตราว 3 ใน 4 กันนะครับ" นายกองซอร์แรคกล่าว
              นักข่าวเดลอาเนี่ยนที่อยู่ในกลุ่มดาวของพวกเทรโอเซี่ยมบอก "ที่เมืองหลวงหลักของดาวฟาคาลังก้า-5 ซึ่งมีเหตุชนเผ่ากลุ่มน้อยรวมหัวกับชาวเทรโอเซี่ยมที่ไม่พอใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีเหล่านักรบจากราชอาณาจักรเดฟแซงคอน ซึ่งล่มสลายไปเมื่อ 14 ปีก่อนร่วมก่อการในครั้งนี้ แต่กองทหารของเราและของเทรโอเซี่ยมได้คลี่คลายสถานการณ์กันแล้ว แม้ว่าพวกนักรบจากเดฟแซงคอนจะลอยนวลออกจากโดมแก้วไปไกลถึง 5 หมื่นฟุตจากใต้ท้องทะเลเลยก็ตาม ทางรัฐบาลจึงสั่งให้กองกำลังเฝ้าตรวจตราและลงมือจัดการกับเป้าหมายได้ทันที หากว่า....."

              "ท่านมีความคิดเห็นยังไงกับสภาพการณ์เช่นนี้ หลังจากที่ราชทายาทเดลวูล ปฏิเสธที่จะมอบเอกราชและอิสรภาพต่อชนเผ่าที่อยู่ภายใต้การปกครอง อันเป็นสิ่งที่พวกไทรเวเซอร์ได้ร้องขอเมื่อพวกเขาชนะการแข่งขันนะคะ" นักข่าวมนุษย์หญิงถามนักวิเคราะห์ชาวลิเบรม ซึ่งบอกไปว่า
              "โดยส่วนตัวแล้ว พวกไทรเวเซอร์ทำผิดพลาดตรงที่ว่า ไปประกาศร้องขออิสรภาพผิดจังหวะไปหน่อย เพราะถึงแม้พวกเขาจะทรงพลังและแข็งแกร่งมากพอที่จะสู้รบกับพวกเดลอาเนี่ยนกันได้ก็จริง แต่การกระทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเดลอาเนี่ยนยิ่งทวีความรุนแรงในการรุกรานให้หนักข้อมากขึ้น เนื่องจากว่าพวกเขาเอาความพ่ายแพ้ในการแข่งขันมาเป็นแรงผลักดันให้ต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะเอาชนะกลับมา ซึ่งผมเกรงว่าพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้กันในไม่ช้าแน่นอน"
              "แบบนั้นก็แย่พอดีละสิคะ เพราะว่านั้นหมายถึงระบบอวกาศของพวกเราจะต้องถูกพวกเดลอาเนี่ยนยึดครองไปด้วยน่ะ" นักข่าวมนุษย์กล่าวอย่างหวั่นเกรง นักวิเคราะห์ชาวลิเบรมส่ายหน้า "นั้นแค่ความเห็นของผมเพียงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ซึ่งผมก็เห็นว่า การกระทำของราชทายาทเดลวูลเองก็เป็นข้อผิดพลาดเช่นกัน เนื่องจากว่าระบบการปกครองของเดลอาเนี่ยนที่พยายามกดชนกลุ่มน้อย ที่คิดว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงและการปกครองนั้นจะช่วยให้มีความเป็นระเบียบ แต่กลับเหมารวมเผ่าที่ไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับพวกเดลอาเนี่ยนเข้าไปด้วยตั้งหลายเผ่า จนทำให้บางเผ่าเหล่านั้นพลอยต่อต้านพวกเดลอาเนี่ยนกันไปด้วย แทนที่ว่าจะใช้วิธีเจรจาเพื่อรอมชอมและปรับทัศนคติของชนเผ่าให้ยอมรับในการปกครอง พวกเดลอาเนี่ยนกลับใช้กำลังเป็นตัวตัดสินปัญหาทุกอย่าง ซึ่งยิ่งทำให้ปัญหามันไม่ได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง จนกลายเป็นปัญหาตกค้างสะสมเหมือนเป็นมะเร็งทางการเมืองขึ้นมา พอเดลวูลประกาศว่าจะไม่มอบอิสรภาพให้ ไม่คืนเอกราชให้กับชนเผ่าที่อยู่ภายใต้การปกครองให้มีโอกาสปกครองด้วยตัวเองกัน เท่านั้นแหละครับ มะเร็งนั้นจะยิ่งลุกลามมากขึ้น จนอำนาจของมหาจักรพรรดิ์เองก็หาได้หยุดมันได้อีกแล้วละครับ"

              "โอ้ว นั้นเป็นข่าวดังกระหึมไปทั่วจักรวาลข่าวที่สองเลยสิน่ะ หลังจากที่พวกเราชนะการแข่งขันกันน่ะ" พีวิลกล่าวหลังจากที่โคเคส บัลโต้และเพอซิอัสนำรายการข่าวที่นำเสนอข่าวหลังการแข่งขันของพวกไทรเวเซอร์มา
               บัลโต้บอก "ต้องขอบใจไซเมี่ยนด้วย ที่ทำให้ชนเผ่าที่ตกอยู่ในการปกครองอันเสร็งเคร็งของเดลอาเนี่ยน และอีกหลายเผ่าที่กำลังจะถูกคุกคามนั้น ได้ตาสว่างและร่วมมือกันขัดขวางพวกเดลอาเนี่ยนจนภายในเกิดความปั่นป่วนขึ้นมา ซึ่งนั้นหมายถึง การประท้วง การก่อจราจล การประกาศปราศรัยในเชิงต่อต้านจะยิ่งมีให้เห็นกันเยอะขึ้นกว่าเดิมด้วยน่ะ"
              "ผลจากการก่อเหตุจราจลทั่วทุกระบบดาวของพวกเดลอาเนี่ยนนั้น คงจะทำให้พวกนั้นต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหานี้ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง มากพอที่พวกเราจะตระเตรียมการรับมือกันบ้างน่ะ" โคเคสบอก "และนั้นยิ่งจะทำให้เดลวูลต้องส่งเฮโลลิคเตอร์และทีมเฮฟบัสเตอร์มาแก้ปัญหากันด้วย ซึ่งจะช่วยทำให้พวกเขามีผลงานมากพอให้ฝ่ายมหาจักรพรรดิ์ไว้วางใจได้บ้างน่ะ"
              คลอเวฟบอก "กลัวว่ามันจะแก้เร็วจนให้โอกาสพวกเดลอาเนี่ยนมันกลับมาหาเรื่องพวกเรากันได้ซะมากกว่าน่ะ"
              "ถึงพวกเธอจะดีใจที่ไปมีส่วนทำให้พวกเดลอาเนี่ยนวุ่นวายขึ้นมา แต่ก็อย่าลืมน่ะ ว่าข่าวที่พวกเธอได้ชัยชนะจากการแข่งกับพวกเดลอาเนี่ยนนั้น พวกทรอยอาร์และสเตรดาร์ธเองก็ได้รับชมกันไปด้วยน่ะ" เพอซิอัสกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "และพวกเขาอาจจะบุกมาเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้กับแคสเซเดี่ยน-3 เลยสิครับ"
              "ถูกต้อง ดังนั้น ในระหว่างที่พวกเธอพักผ่อนกันนั้น ทางเราจะคอยระวังภัยให้ โดยที่หน่วยนาวิกที่ 29 และหน่วยรบอื่นๆ แม้กระทั่งพวกบรอนเซอรูทและหน่วยแบ็คไซด์คอมแบทฟอสจะช่วยด้วยอีกแรงหนึ่งน่ะ" เพอซิอัสบอก
              บัลโต้กล่าว "หวังว่าพวกนายคงไม่เอาของฝากแปลกๆอย่างไข่สัตว์ประหลาดของพวกเวโนมิไนซ์มาด้วยน่ะ"
              "เออ พวกเราไม่เอาของฝากที่เป็นวัตถุอันตรายหลุดเข้ามาได้หรอกนะครับ ผบ.บัลโต้" พีวิลกล่าว
              โคเคสบอก "จริงสิ ผลจากการที่พวกนายชนะการแข่งขันนั้น ไม่ใช่แค่ทำให้สมาพันธ์อวกาศชื่นชมในการแข่งขันแบบถูกกติกาของพวกนายกันอย่างเดียว พวกนายคงรู้ใช่มั้ย ว่าการที่พวกนายลงแข่งสแมคบอลในเขตของพวกเดลอาเนี่ยนนั้น หมายถึงอะไร"
              "โอ้ว ท่านประธานาธิบดีคงไม่ได้หมายความว่า แม่ทัพไซบัลจ์อาจจะให้พวกเราลงแข่งในฝั่งสมาพันธ์อวกาศเลยสิครับ" เนคมาดูซัมบอก บัลโต้พยักหน้า
              เพอซิอัสบอก "ฉันเกรงว่าพวกเธอต้องรวมการฝึกซ้อมการแข่งขันสแมคบอลลงในตารางงานประจำวันเข้าไปด้วย เผื่อว่าจะมีการแข่งขันกัน ซึ่งตอนนี้.... ผบสส.ทิลเทอแรนได้ส่งมอบชุดแข่งและอุปกรณ์การเล่นสแมคบอลมาให้แล้วละ"
              "สงสัยว่าคงต้องบอกกับพวกเฮเรเค้นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากเราได้ตำแหน่งแชมป์มาเสียแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              บัลโต้กล่าว "แน่ละ ว่าการได้ตำแหน่งแชมป์มันยากเย็นมากมายก็จริง แต่การรักษาตำแหน่งแชมป์เอาไว้ได้นั้นต่างหากละ ที่ถือว่ายากสุดๆไปเลยนะ เพราะทุกเผ่าในเขตอวกาศฝั่งสมาพันธ์ ต่างก็ได้ดูการแข่งขันของพวกนายกันทั้ง 6 รอบแล้วละ"
              "ให้ตายสิ ผลกระทบจากการเป็นแชมป์นั้น ใหญ่หลวงมากมายถึงเพียงนี้เลยหรือเนี้ย" คลอเวฟบอก
              โคเคสกล่าว "และหวังว่าพวกนายในฐานะที่ได้ชัยชนะเหนือพวกเดลอาเนี่ยน คงจะรักษาแชมป์อย่างถูกกติกาหรือแข่งให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้กันน่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "ตอนนี้สมาพันธ์อวกาศได้ให้แรงสนับสนุนกับทางเรามากขึ้น ในแง่ทุนทรัพย์ในการพัฒนาเมือง การวิจัยและสถานีพำนักพักพิงของกลุ่มผู้ลี้ภัยกันไว้แล้ว ซึ่งต้องขอบใจพวกนายไว้ด้วยน่ะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะว่านายพยายามทำเพื่อทุกๆคนกันให้มาก พอๆกันกับคอยดูแลทุกๆคนกันไว้ด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เพอซิอัสบอก "ดังนั้น พวกเธอควรจะไปพักผ่อนกันก่อน และคงไม่ลืมที่จะฝึกฝนลูกศิษย์ของเธอให้รับมือกับการคุกคามของพวกเดลอาเนี่ยน พวกทรอยอาร์และพวกสเตรดาร์ธกันบ้างน่ะ"
              "รวมถึงพวกริดโอกันด้วย จากการที่พวกนั้นรู้ว่าเดลอาเนี่ยนแพ้ในการแข่งขันนั้น เดลอาเนี่ยนต้องส่งคนเข้ามาก่อความเดือดร้อนโดยที่พวกริดโอเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะขึ้นแน่นอน" บัลโต้บอก
              โคเคสกล่าว "หวังว่าพวกนายอยู่ที่แคสเซรอน-4 คงจะไม่ก่อปัญหากันบ้างน่ะ" แล้วบัลโต้และเพอซิอัสก็ยุติการติดต่อ โดยที่เซริซ่าเดินเข้ามาพอดี "ตอนนี้ ฉันขอคุยกับผู้ว่าการเซริซ่ากันสักหน่อยน่ะ"
              "งั้นพวกเราขอตัวกันก่อนนะครับ" มาสวาร์ทาร์กล่าว แล้วก็พาคลอเวฟ พีวิลและเนคมาดูซัมเดินออกจากห้องไป เพื่อให้ผู้ว่าการเซริซ่าคุยกับโคเคสในเรื่องงาน
              "โอ้ว เชื่อแล้วละ ว่าผู้ว่าการเซริซ่านั้นพยายามจะเป็นมิตรกับแมนิเกเตอร์ทุกเผ่ากันจริงๆเลยน่ะ" คลอเวฟกล่าวโดยนั่งรถเข็นโฮเวอร์คราฟไว้ โดยเห็นแมนิเกเตอร์มนุษย์พยายามเจรจากับเมอลิคซ์ที่กำลังทะเลาะกับสโทรเพธแบบไซคิกเกอร์กันอยู่ พาราไดน์ตนหนึ่งกำลังคุยกับควอเดี่ยมแบบไซด์บาวน์โดยเดินตรวจตรากันรอบๆ ฟาร์ครูดของวีนาซอยด์หญิงไปกับเซนเครูทหญิงของโซลาสตี้เพื่อดูกระเป๋าหนังในร้านขายเครื่องหนังอยู่ ครีซีแทนแบบอาร์มมี่พยายามไล่จับพวกเวโนมีไนซ์ที่วิ่งหนีไปพร้อมกับขาหมูเยอรมันที่ถูกกัดเอาไว้
              "นั้นเป็นทัศนคติของผู้ว่าการเซริซ่ากันละ เพราะเธอไม่เพียงรู้จักพวกแมนิเกเตอร์ผ่านการชันสูตร แต่พยายามที่จะเข้าใจพวกเขาในฐานะแมนิเกเตอร์เหมือนกันด้วยน่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แม้ว่าพวกเขาจะเคยเป็นอดีตสมุนในกองรบของแม่ทัพครองคอร์ดแล้วก็ไซมาเทนก็ตาม แต่ทั้งหมดล้วนมาจากการสรรสร้างของบิดรเทพและมารดรเทพด้วยกันนี้แหละ"
              "ต้องขอบใจคุณเมซ่าด้วย ที่ช่วยให้พวกเขาได้ความเป็นมนุษย์และความสำคัญในการมีชีวิตอยู่กันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก โดยชี้มายังรูปปั้นของเมซ่าและมอร์ทิสซ่า แมนิเกเตอร์ไทป์รีเบิร์ทมาร์เธอร์ที่ตั้งอยู่กลางเมืองไว้ ซึ่งพวกเฮเรเค้นต่างมานั่งถ่ายรูปกันอยู่ โดยมีฟูลออเรสและเมดิน่าเป็นตากล้องไว้
              "ไม่นึกเลยนะครับ ว่ารูปปั้นนี้มีความสำคัญมากๆ จนพวกเฮเรเค้นปีนขึ้นไปไม่ได้น่ะ" ฟูลออเรสบอก เพราะเห็นเฮเรเค้น เรปไซท์ ชาร์เครฟและแฮมชัคพยายามจะปีน แต่โดนสนามพลังเพเรเนี่ยมขวางไว้เสียก่อน
              "สำคัญมากอยู่แล้วละ เพราะคุณเมซ่า เป็นผู้ให้ชีวิตแก่แมนิเกเตอร์ที่เป็นศัตรูกับเราจนกลายเป็นเผ่าพันธุ์ร่วมกันเลยนะ" พีวิลบอก
              เมดิน่ากล่าว "แม้ว่าพวกคุณจะช่วยปกป้องคุณเมซ่า เพราะว่าเธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของแม่ทัพโอลดาธ และเป็นแม่ของสิบพี่น้องทิลเทอแรนกันสิคะ"
              "ใช่ เมซ่าเป็นได้ทั้งเครื่องมือสำหรับการแก้แค้นนายพลเกรย์สันของแม่ทัพใหญ่โอลดาธ เป็นตัวชักจูงให้แพททริคกลายเป็นคนทรยศต่อสมาพันธ์อวกาศและพันธมิตรมนุษย์ และกุญแจในการเปลี่ยนแปลงทุกชนเผ่าในเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ให้เป็นแมนิเกเตอร์กันนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              คลอเวฟกล่าว "แต่สุดท้าย คุณเมซ่าก็โต้ตอบกลับด้วยการให้ความเป็นมนุษย์กับพวกเรากันนี้แหละ แม้ว่าจะแปรสภาพพวกที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นแมนิเกเตอร์ไปแล้ว แต่ก็ได้แค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นแหละ"
              "แล้วหุ่นตัวนั้น ก็เป็นบุคคลสำคัญด้วยนะหรือครับ" ฟูลออเรสถามถึงมอร์ทิสซ่า ซึ่งเนคมาดูซัมบอกว่า
              "มอร์ทิสซ่าเป็นรีเบิร์ทมาร์เธอร์ตนสุดท้าย ซึ่งเธอกับพวกถูกสร้างขึ้นมา เพื่อชุบชีวิตเหล่าแมนิเกเตอร์ที่ล้มตายไปในสงครามกลับมามีชีวิตใหม่ ในฐานะบุตรและบุตรีของรีเบิร์ทมาร์เธอร์ โดยนำร่างศพหรือชิ้นส่วนที่หลงเหลือเข้าไปในท้องเพื่อคืนชีพกลับมาเป็นดั่งเดิมนี้แหละ" แล้วก็บอกไปว่า "ซึ่งพลังของรีเบิร์ทมาร์เธอร์นั้น แม้จะเป็นเรื่องดีที่ช่วยนำคนที่ไม่สมควรตายให้กลับคืนมา แต่....มันก็เป็นข้อเสียได้เช่นกันน่ะ"
              "ประมาณว่า มีคนอยากจะชุบชีวิตคนเลวๆที่ตายไปแล้วให้กลับขึ้นมาอย่างงั้นนะหรือคะ" เมดิน่าบอก
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "เพราะด้วยพลังอำนาจในการชุบชีวิตแมนิเกเตอร์ที่ตายไปแล้วให้กลับมากันนี้แหละ จึงเป็นที่ต้องการของพวกชาวซัลคาเลี่ยนที่ไม่ต้องการจะตายกันทั้งนั้น ซึ่งความคิดที่ว่าตนสามารถคืนชีพมาได้ทุกครั้งนี้แหละ คือเหตุผลที่มอร์ทิสซ่าและพวกต้องหลีกหนีหายไป สุดท้าย พวกสโทรเพธได้เข้าจับตัวพวกมอร์ทิสซ่าเพื่อนำสารเหลวสำหรับคืนชีพมาใช้รีไซเคิ่ลพวกสโทรเพธกันน่ะ จนพวกเราเข้าขัดขวางและช่วยคุณมอร์ทิสซ่ากลับมากันนี้แหละ"
              "ช่วยคุณมอร์ทิสซ่าเลยหรือ งั้นแมนิเกเตอร์แบบเดียวกันก็คง...." ฟูลออเรสถาม
              พีวิลตอบ "....สโทรเพธทำให้รีเบิร์ทมาร์เธอร์สิ้นสูญไปกันหมด ส่วนคุณมอร์ทิสซ่าก็มีพลังอยู่ได้อีกไม่นาน โดยเราตั้งใจจะให้คุณมอร์ทิสซ่าอยู่ในความดูแลของนายแม่รัคชูมี่ที่ดาวควอดาน่ากันแล้ว เพื่อมิให้พวกไซมาเทนนำตัวเธอไปได้น่ะ..."
              "แต่ก็ต้องมีเหตุที่ทำให้มอร์ทิสซ่าใช้พลังเป็นครั้งสุดท้ายจนได้น่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว "ในการรบเพื่อปกป้องปราการของชาวเคมแรนจากกองรบผสมระหว่างสโทรเพธของฟรีทเทรเซีย และเพโทรน็อกซ์ของบาร์ซอร์นั้น แม้ว่าเราจะผลักดันกำลังรบทั้งสองออกไปได้ก็จริง แต่เพราะไซมาเทนโผล่มา ได้ทำให้พวกเราไม่สามารถเอาชนะเทพแห่งสงครามลงไปได้น่ะ ซึ่งนั้นก็ทำให้ลิเนียร์ตี้....."
              มาสวาร์ทาร์เลยพูดต่อ ".....หลังจากที่เนคมาดูซัมถูกเล่นงานจนปลิวไปที่แคสเซเดี่ยน-3 แล้ว คุณมอร์ทิสซ่าที่รู้ว่าลิเนียร์ตี้จะต้องมีอันเป็นไป เลยตัดสินใจคืนชีพลิเนียร์ตี้เอาไว้ แม้ว่าภายหลังเควโทรดิมัสจะบุกมาชิงตัวไปใช้เป็นสมุนกันได้ จนพวกเราเข้าช่วยไปได้เสียก่อนน่ะ"
              "ส่วนคุณก็เอาชนะเควโทรดิมัสเลยสิครับ...." ฟูลออเรสบอก เนคมาดูซัมพยักหน้า
              เมดิน่าถาม "งั้น คุณมอร์ทิสซ่าเอง ก็ได้จากไปหลังจากเหตุร้ายจบลงแล้วสิคะ"
              "ใช่ การจากไปของคุณมอร์ทิสซ่า คือจุดจบของรีเบิร์ทมาร์เธอร์โดยสมบูรณ์กันนี้แหละ ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะการที่ไม่มีพลังในการคืนชีพนั้น ทำให้แมนิเกเตอร์อย่างพวกเรานั้น ต้องให้ความสำคัญเรื่องชีวิตมาก ว่าเราต้องทำอะไรให้มันคุ้มค่ากันมากที่สุดนี้แหละ" พีวิลกล่าว
              คลอเวฟบอก "แน่นอน แม้ว่าการบุกมารุมกระทืบฉันจะเป็นส่วนหนึ่งในลิสต์สิ่งที่ควรทำเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ก็ตามน่ะ"
              "แล้วตอนนี้ คุณลิเนียร์ตี้ไปไหนกันละคะ" เมดิน่าถาม
              เนคมาดูซัมบอก "น่าจะไปช็อปปี้งกับพวกโฟรซ่ากันแล้วละ เพราะในเมืองนี้มีร้านค้ามากมายอยู่ด้วยนะสิ"

              "โอ้ว ร้านค้านิเยอะจังเลยนะเนี้ย ขนาดเวลเซน่ายังไม่เยอะเลยน่า" ไซโคลเนียกล่าว
              โฟรซ่าบอก "ใช่ แต่จะดีกว่ามาก หากเราใช้เงินอย่างประหยัดๆกันหน่อย ต่อให้เราได้แชมป์มาก็ตาม เราได้แค่ถ้วย แต่ไม่ได้เงินรางวัลมาด้วยน่ะ"
              "แน่ละ ถ้าเรากลับไป โพโบโวโล่ด่าเรายับแน่ๆเลยละ" สเปียริทบอก
              แอนเดรียกล่าว "แถมเรามีส่วนทำให้พวกแมนิเกเตอร์เผ่าอื่นๆทั้งที่ดาวนี้และแคสเซเดี่ยน-3 รู้จักและเริ่มเล่นสแมคบอลกันมากขึ้น ซึ่งย่อมหมายถึง คนเจ็บตัวจะเยอะขึ้นไปด้วยน่ะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะว่า เฮโลลิคเตอร์และพวกนั้นก็ลงแข่งไปด้วย เลยทำให้คนอื่นเลียนแบบตามเลยสิน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว แต่ก็เริ่มเดินช้าลง
              แอนเดรียถาม "เป็นอะไรหรือเปล่าละ ลิเนียร์ตี้"
              "เออ ไม่เป็นไรมากหรอกน่ะ แค่พักสักครู่ก็ดีแล้วละ แหะๆๆๆๆ" ลิเนียร์ตี้บอก
              จิลกล่าว "สงสัยว่าคงต้องกินอะไรหวานๆและเย็นๆบ้าง น่าจะช่วยให้สดชื่นบ้างน่ะ"
              "น้ำแอปเปิ้ลผสมสตอเบอรี่น่าจะช่วยได้บ้างน่ะ" สเปียริทกล่าวโดยซื้อน้ำปั่นให้ลิเนียร์ตี้ดื่ม ซึ่งก็....
              "ขอบใจมากน่ะ เฮ้อออ ไม่นึกเลยว่า จะเหนือยมากถึงเพียงนี้เลยน่า กับการแข่งมาตลอด 5 เกมส์เลยน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก โดยเธอยืนขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น
              "ถ้าไม่ไหวก็กลับไปได้น่ะ ลิเนียร์ตี้" โฟรซ่าบอก
              ลิเนียร์ตี้ส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกน่า เพราะยังมีเวลาตั้ง 5 วัน อย่างน้อยฉันก็ได้พักผ่อนกันตลอดนี้แหละ"
              "ลินี่พูดว่าไม่เป็นไรก็จริง แต่ฉันรู้สึกกังวลขึ้นมาเสียแล้วสิ" ไซโคลเนียกล่าว
              สเปียริทบอก "นั้นสิ ถ้าเป็นปกติ ลิเนียร์ตี้คงเดินนำหน้าเราไปแล้ว แต่นี้ สปีดลดลงจนเดินตามหลังเราไป แถมเดินช้ากว่าจิลด้วยน่ะ"
              "ฉันรู้สึกเป็นกังวลแล้วสิคะ ว่าเธอจะทรุดลงไปหรือเปล่าน่ะ" แอนเดรียบอก
              โฟรซ่ากล่าว "ถ้าเช่นนั้นก็ สเปียริท ไซโคลเนีย หิ้วของแทนเลยแล้วกันน่ะ เพราะฉันคงให้ลิเนียร์ตี้ถือเยอะๆไปไม่ได้หรอก"
              "ที่ถูกจริงๆก็คือ เราไม่ควรซื้อเยอะๆกันซะมากกว่าน่า" สเปียริทบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "เรามีเวลาตั้งห้าวันนะ โฟรซ่า จะรีบผลาญเงินไปทำไม ในเมื่อเธอบอกเองนิ ว่าให้ประหยัดเงินหน่อยนะ"
              "เออ มันก็ จริงน่ะ แหะๆๆๆๆ" โฟรซ่ากล่าวอย่างหน้าเจื่อน เพราะเธอเป็นคนพูดเองกับปาก จิลส่ายหน้า
              แอนเดรียบอก "จริงๆเลยนะคะ คุณโฟรซ่า คุณพูดเองแล้วดันเป็นซะเองเลยน่ะ"
              "บอกตรงๆน่ะ ว่าตอนที่เราเดินเข้าไปในเมือง แมนิเกเตอร์ทุกตนเห็นเราปุ๊บเลยแห่มาขอลายเซ็นปั้บเลยน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              เจเนลกล่าว "แถมยังขอถ่ายรูปให้ด้วย ขนาดแมนิเกเตอร์แบบมนุษย์จากโลกและในอวกาศ หรือแม้กระทั่งริดิวิเนี่ยนแล้ว ครีซีแทนเองก็มีมาถ่ายรูปฉันกับจายด์ด้วยเช่นกันน่ะ"
              "แล้วพวกนายก็ร่วมแจมถ่ายรูปกับเขาด้วยสิน่ะ แม้ว่ามีบางคนอยากจะถ่ายรูปกับฉันด้วยก็ตามน่ะ" แอบไบออสบอก
              ฟิเกซกล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะว่าส่วนมากยังรังเกียจและกลัวพวกเวโนมีไนซ์เลยละสิ"
              "แต่นายดูไม่แฮปปี้กับเรื่องนี้เลยนิ มีอะไรเกิดขึ้นเลยหรือ" จายด์ถาม
              แอบไบออสถอดถอนใจพร้อมกับบอกว่า "พวกนายคงจะทราบใช่มั้ยว่า ฉันอยากจะลงเล่นสแมคบอลกันอยู่แล้ว แต่หัวหน้ากองทริปเปิ้ลทีเบรคเอาไว้เสียก่อนน่ะ"
              "แล้วนายกลัวว่าผู้การทิคแซท ได้ดูการแข่งขัน แล้วติดต่อมาตำหนินายอย่างงั้นนะหรือ" เจเนลบอก
              พลัสเชอริทกล่าว "ที่ถูกก็คือ นายกลัวคุณลาเลียจะมาต่อว่า ฐานผิดสัญญาที่ให้ไว้เลยสิน่ะ"
              "นายพูดถูกแล้วละ พลัสเชอริท หัวหน้าทริปเปิ้ลทีตำหนิยังพอทำเนา แต่ดันทำให้ภรรยาฉันที่เปิดโทรทัศน์มาเจอฉันแข่งสแมคบอลกันน่ะ" แอบไบออสบอก
              เจเนลกล่าว "แล้วนายก็กลัวว่าโจเซฟินและเกร็กมาเห็นนายแข่ง โดยที่นาย วิ่งจนแขนขาหลุดไปทั้งอย่างงั้นเลยสิน่า ใช่มั้ยละ" แอบไบออสพยักหน้า เพราะว่าตอนที่แข่งขันอยู่นั้น เขาดันทุรังจนแขนหลุดไปด้วย
              "สงสัยว่า นายคงต้องมีคำอธิบายให้กับอดีตหัวหน้าทีมและภรรยาของนายด้วยน่ะ" สเตฟอร์ดกล่าว แอบไบออสพยักหน้าอย่างยอมรับไว้
              จายด์บอก "ตอนนี้ เราแวะไปหาอะไรกินก่อนดีกว่าน่ะ"
              "เออ ไม่ต้องละ พีวิลจองร้านอาหารให้แล้ว และต้องการให้พวกเราไปที่นั้นด้วย" เจเนลบอก
              ฟิเกซกล่าว "ซึ่งเราก็ต้องจ่ายเยอะกว่าเก่า เพราะพวกเฮเรเค้นมาด้วยน่ะ" แล้วก็พาพวกเดินออกไป

              "คุณหนูคะ ว่าแต่ สนใจนายน้อยฟิเกซอทอยู่ละสิคะ" ควอเดี่ยมหญิงแบบแบ็คบาว ซึ่งมีแขนคู่รองอยู่กลางหลังในชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนกล่าวกับควอเดี่ยมหญิงในชุดกระโปรงสั้น พร้อมกางเกงอินเดียนแดงที่มีแว่นกันลมห้อยคอไว้ ซึ่งยืนอยู่หลังเสาหินอ่อนด้วยกัน
              "ใครบอกละ ฉันแค่อยากจะรู้ว่า ฟิเกซจะหาเรื่องชิ่งออกจากกลุ่มเพื่อนแปลกๆนี้กันตอนไหนนะสิ" ควอเดี่ยมหญิงนั้นกล่าว และทำตาหยี่ลงด้วยความไม่พอใจ "แต่ไม่นึกเลยว่า นายนั้นจะไม่หนีไปไหนเสียเลยน่ะ แย่จริงเลยเชียว"
              "ไม่เอานะคะ คุณหนู นายน้อยฟิเกซอทจะมีกระจิตกระใจจะออกจากพวกเพื่อนๆกันทำไมละคะ ในเมื่อตอนนี้เขาใช้แรงไปไม่น้อยกับการแข่งขันจนได้แชมป์มานะคะ" ควอเดี่ยมผู้รับใช้กล่าว
              ควอเดี่ยมหญิงเลยก้าวเดินออกมาพร้อมกับกอดอกพูดด้วยความหงุดหงิดไปว่า "นั้นเพราะว่าฟิเกซมีเพื่อนดีๆอย่างเนคมาดูซัมอยู่ด้วยเลยนิ เลยร่วมลงแข่งเกมที่หาเรื่องเจ็บตัวง่ายที่สุด หนักที่สุด และบ้าที่สุดกันด้วย ทำให้ท่านรัคชูมี่หงุดหงิดและไม่พอใจอย่างมากเลยน่า"
              "แต่นายน้อยฟิเกซอททำไป เพราะต้องการช่วยเพื่อน และต้องการจะทำให้พวกเดลอาเนี่ยนไม่รังควานเราได้ยังไงละคะ คุณหนูเทาฟาดิล" ควอเดี่ยมผู้รับใช้บอก
              ควอเดี่ยมหญิงนามเทาฟาดิลส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า "นั้นแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเองแหละ เพราะ พวกมหาจักรพรรดิ์นั้นเป็นขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลมากที่สุดในจักรวาลกันแล้ว การแก้ปัญหาภายในที่เกิดขึ้นมานั้น ย่อมมีทางแก้อื่นที่ง่ายที่สุดและเร็วที่สุด แต่ก็เลวที่สุดเช่นกันน่ะ" แล้วก็เดินออกมาพร้อมกับพูดต่อ "อีกทั้ง พวกเดลอาเนี่ยนในเวลานี้ได้ทหารแปรพักตร์มาเข้าร่วมกันด้วยแล้ว เกรงว่าที่ฟิเกซกับพวกเนคมาดูซัมบุกไปเพื่อจัดการกับพวกแปรพักตร์นั้น กลัวว่าจะสูญเปล่าเลยละสิ"
              "แต่ได้ยินท่านรัคชูมี่เล่าในที่ประชุมแล้วนิคะ ว่าคนที่แปรพักตร์นั้น ไปเพื่อเป็นไส้ศึกช่วยพวกเรากันนะคะ" ควอเดี่ยมผู้รับใช้เสริม
              เทาฟาดิลส่ายหน้าพร้อมแบมือ "ถ้าขนาดมหาประธานาธิบดีกับพวกเข้าร่วมกับโอเวอร์เดส แล้วยังถูกขัดขวางจนเปลี่ยนแปลงภายในกองกำลังจักรวรรดิ์กันไม่ได้ นับประสาอะไรกับ....เฮโลลิคเตอร์กับพวกกันละ อีกอย่าง ต่อให้เดลอาเนี่ยนได้ความช่วยเหลือจากนายทหารที่ฉลาดมากที่สุด ไหวพริบดีมากที่สุด และวาทศิลป์ดีที่สุดก็จริง ฉันกลัวว่า เฮโลลิคเตอร์กับพวกคงไม่แคล้วโดนพวกเดลอาเนี่ยนหลอกใช้ หรือไม่ก็ จับไปเป็นเครื่องมือทดลองอาวุธ แม้กระทั่ง....ถูกผ่าตัดดัดแปลงให้มาก่อความเดือดร้อนต่อพวกเรากันซะมากกว่า"
              "ท่านระแวงเกินไปหน่อยหรือเปล่าละคะ คุณหนู" ข้ารับใช้ถาม
              เทาฟาดิลตอบ "ข้าระแวงน่ะใช่ แต่....ข้าหวังว่าฟิเกซ ต้องระมัดระวังกันให้มากกว่านี้ ต่อให้เขาไปถึงขั้นที่สามารถแปลงร่างเป็นยอดนักรบพลาเนสตั่นได้ รวมถึงใช้และควบคุมแนชซาร์เดี่ยนได้ก็จริง เดลอาเนี่ยนไม่ใช่ศัตรูกระจอกๆแบบเดียวกันกับพวกสมุนภายใต้คำสั่งของแม่ทัพโอลดาธหรอกน่ะ"
              "คุณหนูเทาฟาดิล ท่านอยู่นี้เองหรือครับ" ควอเดี่ยมชายแบบโชลบาวในชุดเทามาเจอเข้าพอดี
              เทาฟาดิลบอก "ท่านรัคชูมี่ส่งเจ้ามาตามข้ากลับไปเลยสิน่ะ ฝากกลับไปบอกกับท่านรัคชูมี่หรือแม้กระทั่งท่านคาราล่าด้วย ว่าข้ายังไม่กลับ"
              "เปล่าครับ นายแม่สั่งให้ท่านอยู่ที่นี้ เพื่อช่วย...." ควอเดี่ยมชายกล่าวและเดินมากระซิบกับเทาฟาดิล ซึ่งก็ทำหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
              "ข้าไม่ทำ ไม่ได้เลยหรือ" เธอถามกลับอย่างไม่เต็มใจ
              "เกรงว่าไม่ได้แน่นอนนะครับ เพราะว่านายแม่ทราบข่าวมาว่า..." ควอเดี่ยมชายกระซิบต่อ
              เทาฟาดิลได้ฟังก็ตกใจไม่น้อย "เป็นความจริงนะหรือ" แต่ก็ถามไปว่า "แต่ มันไม่น่าที่จะเป็นไปได้กันเลยนิ"
              "แต่เป็นไปแล้วนะครับ และด้วยเหตุนี้แหละ นายแม่จึงสั่งให้ท่านรับหน้าที่นี้กันสักระยะหนึ่งนะครับ" ควอเดี่ยมชายบอก
              เทาฟาดิลกล่าว "ก็ได้ ฉันรับงานนี้อยู่แล้ว หากแต่..." แล้วก็ชี้ไปที่ข้ารับใช้ "ช่วยพาแซนย่ากลับไปให้หน่อยน่ะ"
              "คุณหนูคะ คุณหนูคงไม่ได้คิดจะก่อเรื่องกันเลยหรือคะ" ควอเดี่ยมข้ารับใช้กล่าว
              เทาฟาดิลบอก "วางใจฉันเถอะน่า ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วน่ะ ที่จะให้เธอมาคอยติดตามอยู่ตลอดเวลาเลยน่ะ" แล้วควอเดี่ยมชายก็พาข้ารับใช้กลับไปโดยดี เทาฟาดิลเลยถอนใจยาวๆ "ไม่ชอบเลยน่าที่้ต้องทำแบบนี้ แต่ หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องแย่ๆขึ้นมากันหรอกน่ะ"

    TriVESER The Manigator Saga: The Dell-Arnian War
    ตอนที่ 19 ทัศนศึกษาวันหยุดที่แคสเซรอน-4 ปรากฎเหล่าเทพธิดาในยามที่นักรบแห่งแสงดาวมาถึง

              ณ.พระราชวังหลักบนดาวเดลานอน นครหลวงของมหาจักรวรรดิ์เดลอาเนี่ยน
              "เดลวูล ข้าคิดเสมอว่า เจ้าเป็นราชทายาทที่ชาญฉลาดมากที่สุด วางแผนและกระทำการอย่างรัดกุมจนไร้ข้อผิดพลาดใดๆให้เห็น แม้เป็นข้อผิดพลาดเล็กๆเลยก็ตาม และเป็นคนเดียวที่ข้าไว้ใจให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำต่อจากข้ากันแล้วก็จริง" เดลมูดัลกล่าวต่อเดลวูลที่คุกเข่าลงกับพื้น แล้วเดลมูดัลก็กดปุ่มตรงพนักด้านซ้ายเพื่อเปิดภาพข่าวออกมา "แต่เจ้าทำให้ข้าผิดหวังอย่างมาก เพราะคำพูดเดียวของเจ้านั้น ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความปั่นป่วนภายในมหาจักรวรรดิ์ของข้า ของพวกเรา และของเจ้ากันโดยไม่รู้ตัวแล้ว ทั้งหมดนี้ เพราะเจ้าประมาทพวกแมนิเกเตอร์กันมากไปหน่อยน่ะ"
              นาซดอลบอก "ถ้าท่านจะตำหนิท่านเดลวูล ก็ต้องตำหนิพวกเราด้วยนะครับ ท่านองค์มหาจักรพรรดิ์"
              "พวกเราให้ความสำคัญในการเตรียมจับกุมพวกไทรเวเซอร์กันมากไปหน่อย จนลืมไปว่า พวกมันร่วมมือกับยอดมือป่วนที่ให้ความร่วมมือกับพวกกบฎ พวกกองกำลังต่อต้าน พวกกองกำลังปฏิวัตินั้น ไม่เพียงก่อวินาศกรรม จนทำให้พวกเราไม่สามารถจับกุมพวกไทรเวเซอร์ที่หลบซ่อนอยู่ใกล้กับพวกเรากันเพียงอย่างเดียว" อาร์ควิทบอก "แต่มันได้ทำลายดาวเทียมที่พวกเราเตรียมไว้ใช้ทำลายกลุ่มดาวเมืองขึ้นและดาวอยู่ใต้การปกครองลง จนกองยานคุ้มกันเสียหายกันไปทั้งหมดด้วยน่ะ"
              ออมนิม่าบอก "ทางเราได้ตรวจสอบที่สถานีส่งคลื่นควอนตั่ม ซึ่งเป็นสถานที่ต้องสงสัยว่ายอดมือป่วนเข้าใช้ขัดขวางการควบคุมสื่อกันแล้ว เรายังพบว่า สถานีแห่งนั้น ได้กระจายภาพข่าวการแข่งขันสแมคบอลของพวกเราออกไปสู่เขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ฯ ไปโดยที่ผู้อำนวยการสถานีและทุกคนในนี้ ไม่ทราบเลยว่า สถานีของพวกเขาได้เผยแพร่สัญญาณภาพที่ควรจะจำกัดอยู่ในเขตอวกาศของพวกเราออกไปกันนะคะ"
              "และการที่ยอดมือป่วนขัดขวางแผนการทำลายกลุ่มดาวเมืองขึ้น ไปพร้อมกับเผยข่าวสารความเคลื่อนไหวของเราไปให้พวกสมาพันธ์อวกาศรับทราบ และขัดขวางการควบคุมสื่อเพื่อมิให้มีคำพูดที่เป็นผลเสียกับทางจักรวรรดิ์ของเราเผยแพร่ไปได้นั้น ทางเราทราบว่า ยอดมือป่วน แอบฟังพวกเราวางแผนการไว้แล้วละครับ" วอร์คอร์ทกล่าว
              บูเรนนอฟบอก "บวกกับว่า พวกไทรเวเซอร์รู้ดีว่า พวกเราไม่สามารถทำร้ายหรือใช้แผนสกปรกกับพวกเขา ในระหว่างการแข่งขันที่ทุกเผ่าล้วนเสมอภาคต่อกันและกันนั้น บวกกับว่าพวกเขาแข่งกับเฮฟบัสเตอร์ ซึ่งเป็นพวกแปรพักตร์เข้ากับพวกเรากันด้วยแล้ว พวกเราเลยปล่อยให้เฮโลลิคเตอร์และพวกแปรพักตร์จัดการเอาเองนะครับ"
              "ข้าพเจ้าไม่คิดเลยว่า พวกไทรเวเซอร์และยอดมือป่วนจากเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์นั้นจะร่วมมือกันได้นะครับ และพวกเขาเองก็สมัครเข้ามาร่วมแข่งโดยที่ข้าพเจ้าอนุญาตให้พวกเขาแข่งกับทีมคราเซียฟกันด้วยนะครับ" เดลวูลบอก
              บูเรนนอฟบอก "แต่ท่านคงจะไม่ทราบน่ะ ว่าพวกไทรเวเซอร์ สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน โดยใช้ทุนทรัพย์จากสมาคมเหมืองแร่ที่ระบบดาวโจวาน่า ซึ่งทางเราได้สอบถามกับทางนั้นแล้ว พบว่า สมาคมเหมืองแร่ที่นั้น ถูกปล้นเอาเงินทั้งหมดไปจากบัญชีหลักและบัญชีลับอีก 50 บัญชี เอาไปให้พวกไทรเวเซอร์ใช้สมัครลงแข่งขันขึ้นมา จนตอนนี้สมาคมเหมืองแร่เรียกร้องเงินทุนชดเชยจากทางเรา เพราะคนงานทั้งหมดได้ประท้วงเนื่องจากพวกเขาทำงานโดยไม่ได้เงินเดือนมาครึ่งปีแล้วนะครับ"
              "และผลจากการที่สมาคมเหมืองแร่ของพวกท่านนั้นถูกปล้นเงินทั้งหมดไปนั้น มันได้กระทบต่องบประมาณที่เราต้องใช้ เพื่อซ่อมแซมกองยานที่เสียหายจากการระเบิดของดาวเทียมยิงเลเซอร์ทำลายดวงดาวกันมากเลยน่ะ เนื่องจากว่าพวกเราใช้กองยานและดาวเทียมกันตั้ง 100 กองด้วยกันน่ะ" โดทรัฟกล่าวสรุปโดยคำนวณด้วยลูกคิดโฮโลแกรมอย่างรวดเร็ว "ที่สำคัญ ถ้าสมาคมเหมืองแร่ที่โจวาน่าไม่มีเงินทุนไว้ กิจการที่เกี่ยวข้องกับทางสมาคมเหมืองทั้งของพวกท่านและของพวกเราจะกระทบเป็นลูกโซ่กันขึ้นมา ซึ่งเราจำต้องรีบแก้ไขก่อนที่มันจะลุกลามไปถึงระบบการเงินโดยรวมของทางพวกเราทั้งหมดด้วย"
              อุลซาร์ฟบอก "ของพวกเราทั้งหมดนะหรือ ที่ถูกควรจะเป็นของพวกแกเพียงฝ่ายเดียวมากกว่าน่ะ"
              "พวกเราไม่ได้สนใจเรื่องเงินทุนมากมายนัก เพราะว่าพวกเราสามารถพัฒนาอะไรใหม่ๆมาช่วยพวกท่านกันได้อยู่แล้ว" วอร์คอร์ทบอก
              แคสเฟียสกล่าว "สำหรับพวกเราแล้ว เงินทุนเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าพวกท่านเดือดร้อน เรายินดีจะให้ทรัพยากรแร่ธาตุอันมากมายให้กับพวกท่านเป็นการช่วยเหลือเลยแล้วกัน"
              "แต่ประเด็นหลักมันอยู่ที่พวกไทรเวเซอร์กันมากกว่า พวกมันไม่เพียงชนะทุกทีมที่เราส่งไป แม้กระทั่งทีมของท่านเดลวูลกันอย่างเดียว พวกมันชิงเอาถ้วยรางวัลของพวกเรากลับไปด้วยน่ะ" มิวนัสบอกอย่างไม่พอใจอย่างมาก
              ฮาชูรัมบอก "พวกเราต้องโต้ตอบพวกมันกลับคืนกันแล้ว ก่อนที่พวกมันจะเหิมเกริมกันไปมากกว่านี้เลยน่ะ"
              "เงียบก่อน ข้าทราบดีว่า พวกท่านไม่พอใจอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ซึ่งข้ากับชาวเดลอาเนี่ยนเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน" บูเรนนอฟบอก "หากแต่ตอนนี้ เราควรจะแก้ไขปัญหาจากภายในให้เรียบร้อยและทุกอย่างเข้าที่กันเสียก่อน แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาไม่น้อยก็ตาม เพราะปัญหานี้ เราต้องค่อยๆแก้ไปทีละจุดกันก่อนน่ะ"
              คลาแค็กซ์บอก "ถึงตอนนั้นพวกแมนิเกเตอร์คงไม่รวมหัวกับฝ่ายสมาพันธ์มาเอาคืนพวกเรากันเลยหรือ"
              "พวกสหพันธมิตรคงไม่กล้าหาเรื่องกับพวกเรากันในเวลานี้หรอกนะครับ เพราะต่อให้พวกเรามีปัญหาภายในอันวุ่นวายและปั่นป่วนอยู่ กองกำลังอันเกรียงไกรของพวกเรานั้นก็ยังคงไม่เสียหายมาก แต่กลับยิ่งเพิ่มพูนกันมากขึ้นด้วย" เดลวูลกล่าว "อย่างที่พวกท่านทราบมา ทีมที่พวกท่านและข้าพเจ้าส่งไปแข่งขัน โดยไม่มีกองกำลังต่อต้านที่แฝงตัวเข้ามา ล้วนพ่ายแพ้ในเกมแข่งขันกัน แม้ว่าพวกเจ้าจะเจ็บตัวกันไม่น้อยจากความพยายามจะล้มพวกไทรเวเซอร์ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม ซึ่งอย่างหลังนั้น พวกท่านทำกันมาหลายครั้งด้วยแล้ว แต่ก็ไม่ถึงกับตายเลยสิน่ะ"
              "มันก็จริงน่ะ และการที่พวกไทรเวเซอร์ไม่ได้เล่นงานคนของพวกท่านจนสาหัสปางตาย ก็คือความผิดพลาดที่พวกเขาได้ทำลงไปกันน่ะ" เกรเท็คซ์บอก "และอีกหนึ่งความผิดพลาดที่พวกนั้นปรากฎตัวมาอยู่ในเกมการแข่งขันนั้น ได้ให้พวกเรามีโอกาสรวบรวมข้อมูลการต่อสู้ของพวกนั้นจากในสนามแล้วนะครับ" โดยส่งข้อมูลไปให้บูเรนนอฟมา
              "อย่างน้อย พวกเราก็ยังได้เปรียบในแง่ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามกันบ้างนะครับ" บูเรนนอฟกล่าว
              "เดลวูล ถึงทางเราจะได้บางอย่างมา โดยที่ทีมแข่งขันนั้นยังไม่เสียชีวิตกันอยู่ แต่....เพราะเจ้าชาญฉลาดมากแต่ไม่เฉลียวและไม่รู้เท่าทันอุบายของฝ่ายตรงข้าม โดยไม่คิดในแง่ที่ว่าพวกไทรเวเซอร์ เป็นพวกเดียวกับยอดมือป่วนลึกลับ ที่ตอนนี้ได้หลบหนีการจับกุมของเราไปแล้ว" เดลมูดัลกล่าว โดยตอนนี้ ไซเมี่ยนปลอมเป็นทหารเดลอาเนี่ยนหลบหนีออกจากสถานีสื่อสารคลื่นควอนตั่ม และออกจากระบบดาวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มหาจักรพรรดิ์จึงตัดสินใจให้ "เห็นแก่ว่า นั้นเป็นงานชิ้นแรกที่ข้ามอบหมายให้ ข้าจึงอภัยให้เจ้าได้บ้าง ดังนั้น ข้าจึงอยากให้เจ้า อย่าประมาทแบบนี้อีกน่ะ ไม่อย่างงั้น ข้าจะลงโทษเจ้าสถานหนักกันน่ะ"
              เดลวูลกล่าว "ข้าจะจำเอาไว้นะครับ ท่านพ่อ"
              "ตอนนี้ สถานการณ์ของเราไม่อยู่ในสภาพที่จะนำกองทัพไปยังเขตอีสทาล่าฟรอนเทียร์ได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง หากแต่....เราไม่ควรจะทิ้งช่วงมากจนเปิดโอกาสให้พวกแมนิเกเตอร์ตั้งตัวจนมีกำลังโต้ตอบพวกเราไปได้น่ะ" เดลมูดัลกล่าว
              บูเรนนอฟบอก "เรื่องนั้นทางเราจะประชุมเพื่อรับมือกับเรื่องนี้นะครับ ซึ่งเราจะแจ้งให้ไส้ศึกของพวกเราและกลุ่มสนับสนุนรับทราบกันแล้วน่ะ"
              "ข้าจะส่งหน่วยลอบสังหารของข้าบุกเข้าไปในเขตเมือง เพื่อจัดการกับพวกทหารและดึงพวกไทรเวเซอร์ให้เข้ามาติดกับกันนี้แหละ" มิวนัสเสนอแผน
              แต่ไทโรนอฟแย้ง"แล้วสมุนของพวกเธอก็โดนยำเละอย่างงั้นนะหรือ สู้นำทัพบุกถล่มพวกมันไปเลยดีกว่า"
              "แต่ท่านกับท่านอุลซาร์ฟเองก็โดนถล่มยับโดยหุ่นยักษ์ของพวกมันไปไม่น้อยเลยน่ะ" อาร์ควิทบอก
              อุลซาร์ฟกล่าว "หรือ แต่ท่านกับฝูงยานบินของท่านก็ร่วงระนาวลงไปก่อนเป็นรายแรกเลยน่ะ"
              "พวกท่าน อย่าทะเลาะเลยดีกว่านะครับ" เดลวูลบอก และได้เสนอให้ "เพราะว่า ข้าได้เตรียมหน่วยรบพิเศษที่จะส่งไปหาพวกไทรเวเซอร์กันแล้วละครับ"
              บูเรนนอฟบอก "ท่านคงไม่คิดจะส่งเฮโลลิคเตอร์กับพวกเฮฟบัสเตอร์ไป..."
              "ผมไม่รีบเอาเพื่อนสนิทของผมและพวกพ้องไปเสียก่อนแน่นอนนะครับ ท่านบูเรนนอฟ หากแต่หน่วยรบพิเศษนี้....ผมเชื่อว่าพวกเขาจะจัดการกับพวกไทรเวเซอร์ได้แน่นอน โดยเฉพาะกับ ตัวหัวหน้าใหญ่กันนี้แหละ" เดลวูลบอก โดยที่เนสคาโก้มาบอกกับเฮโลลิคเตอร์ที่ฝึกซ้อมยิงพลาสม่าไรเฟิ่ลกับพวกลูกน้องกันอยู่           "นายทราบเรื่องที่ท่านเดลวูลส่งหน่วยพิเศษไปหรือยังละ เฮโลลิคเตอร์"
              "เดลวูลบอกกับฉันแค่ว่าเขากำลังจะส่งคนไปสั่งพวกไทรเวเซอร์กันอยู่ ซึ่งไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติมเลยนะสิ" เฮโลลิคเตอร์กล่าว เนสคาโก้เลยกระซิบบอก จนเฮโลลิคเตอร์ตกใจมากๆ "นี้เชื่อถือได้เลยหรือ"
              เนสคาโก้ยืนยัน "ฉันพึ่งเห็นหน่วยพิเศษที่เดลวูลจะส่งไปกันแล้ว ซึ่ง...พวกนั้นไม่รู้ว่าฉันถ่ายภาพพวกนี้มาได้นี้แหละ" เฮโลลิคเตอร์มองภาพแล้วก็ถึงกับส่ายหน้า
              "เดลวูลพลาดซะแล้วละ นั้นไม่ใช่แค่ทำให้พวกไทรเวเซอร์รู้ว่าหน่วยนี้เป็นใครกันอย่างเดียว แต่....." เฮโลลิคเตอร์บอกด้วยความกังวล "พวกนี้จะทำให้เนคมาดูซัมโมโหเสียซะมากกว่าน่ะ"
              เนสคาโก้ตอบ "รวมถึงพวกเราด้วย กับไอ้พวกเศษเดนที่สมควรจะถูกกวาดล้างให้หายไปจากแรซัลก้า เมื่อ 8 ปีก่อนกันน่ะ หากแต่ ฉันต้องรีบมาบอกนายกับพวกก่อนน่ะ"
              "สงสัยว่าเราคงจะปล่อยให้พวกไทรเวเซอร์เจอกับพวกนี้แล้วละ เพราะฉันคาดการณ์ไว้ว่า การพลางตัวของพวกนั้นคงใช้พลังงานต่อเนื่องกัน จึงไม่น่าพอที่จะบินกลับเฟิร์สฮิลล์ได้ เลยต้องลงที่ดาวที่ใกล้ที่สุดกันก่อนน่ะ" เฮโลลิคเตอร์บอก
              เนสคาโก้กล่าว "ภาวนาว่า นายแม่รัคชูมี่จะช่วยพวกไทรเวเซอร์กันบ้างน่ะ"

              ตัดกลับมาที่ดาวแคสเซรอน-4 เซนเตอร์แคปปิตอล ในบ้านพักรวมของพวกไทรเวเซอร์
              "ภรรยาและหัวหน้าเก่านายคงตำหนินายจนหูชาเลยละสิ" คลอเวฟบอก หลังจากที่แอบไบออสเดินออกมา ซึ่งก็ถอนใจก่อนจะพูดไปว่า
              "หัวหน้าทริปเปิ้ลทีแค่บ่นในเรื่องที่ฉันไม่รักษาคำพูด แข่งเกมส์ที่หาเรื่องเจ็บตัว แล้วดันทุรังเล่นต่อทั้งๆที่แขนขาดไปกันไม่ว่า ลาเลียตำหนิฉันให้ฟังในเรื่องที่เล่นในสภาพแขนขาขาดนั้น โจเซฟินถึงกับพูดออกมาว่า คุณพ่อแขนขาดนิ ไม่ดีเลยนะคะ เลยนะสิ"
              "ทั้งหมดมันความผิดของนายมิใช่หรือไงกันน่ะ" สเปียริทกล่าว
              คลอเวฟย้อน "ถ้าฉันผิด ไอ้เวรปากดีนั้นต่างหากละที่ไม่ยอมบอกให้ทราบ ว่ามันปฏิบัติภารกิจสายลับสองหน้ากันอยู่ ยั่วโมโหให้ฉันไล่ตามมันไป จนพวกนายตามฉันมาด้วยกันน่ะ"
              "แต่อย่างน้อย คุณลาเลียและผู้การทิคแซทพูดกับนาย เพราะว่าเป็นห่วงกันนี้แหละ เพราะเรารู้ว่าเกมสแมคบอลนั้น เหมาะกับพวกใช้ความรุนแรงและต้องแข็งแกร่งกันจริงๆ ถึงจะยืนอยู่บนสนามได้น่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              พีวิลบอก "และพวกเราได้ทำให้ทุกชนเผ่าในอวกาศรู้ว่า พวกเราเล่นสแมคบอลได้แบบนี้ ผมรู้สึกเหมือนกับที่ผู้การทิคแซทและคุณลาเลียเป็นห่วงกันแล้วละ สิบเอก"
              "และเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกเผ่าอยากเล่นตามเราไปด้วยอีก เฮ้อออ สงสัยว่าเรามีรายการแข่งกับทีมของไอ้คุณพี่แง่มๆ" คลอเวฟบอก
              แอนเดรียกล่าว "เอาเป็นว่า พวกเราพักผ่อนเอาแรงจากการที่เราเหนือยมาตลอด 6 รอบการแข่งขันกันดีกว่านะคะ" และหันมาถาม "คุณมาสวาร์ทาร์คะ ว่าแต่ เราสามารถเข้าเยี่ยมชมเมืองไหนได้บ้างละคะ"
              "บอกตรงๆน่ะ ว่าตอนนี้ เขตเมืองส่วนมากนั้นยังไม่อนุญาตให้เราเข้าเยี่ยมกันหรอกน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              จิลบอก "ส่วนหนึ่งเพราะกลัวว่าพวกเราจะรู้เรื่องที่เผ่านั้นแอบฝึกฝนกำลังพลเพื่อบุกจู่โจมเดลอาเนี่ยนละสิน่ะ"
              "เป็นเช่นนั้น คุณคาราล่าแจ้งมา ว่าถึงแม้พวกเราจะได้แชมป์จนทุกเผ่า เริ่มมีส่วนหนึ่งฝึกเล่นสแมคบอลกันแล้ว เนื่องมาจากว่า ตัวแทนแต่ละเผ่าเองมีการศึกษาวิธีการเล่นจากในเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์มา ซึ่ง....ในกลุ่มชาวอาณานิคมที่ทางเราเข้าช่วยมาตลอดมหาสงครามแรซัลก้า ที่ถูกคุณเมซ่าแปรสภาพจนกลายเป็นแมนิเกเตอร์ประจำเผ่านั้นๆโดยสมบูรณ์นั้น ส่วนหนึ่งล้วนเป็นนักกีฬาที่เคยลงแข่งสแมคบอลมาก่อนน่ะ" ฟิเกซบอก "แต่อดีตชาวอาณานิคมที่อยู่ในพื้นที่ของเผ่าต่างๆนั้นก็รายงานมาให้เราทราบกันด้วย ว่าส่วนมากยังมีการสะสมอาวุธและฝึกฝนด้านการรบกันด้วยนะสิ"
              แอบไบออสบอก "แปลว่า ทรอลลอฟและดิสโทนอฟก็คงสะสมกำลังพล อาวุธทั้งโมบิลลอยด์และยานรบอย่างงั้นนะหรือ"
              "ใช่ อดีตชาวอาณานิคมแม้จะเป็นคนในเผ่าเวโนมิไนซ์และเพรโทรน็อกซ์กันโดยสมบูรณ์แล้วก็จริง แต่ยังภักดีกับพวกเราและคอยช่วยเหลือผู้ว่าการเซริซ่ากันด้วยนะสิ" ฟิเกซกล่าว
              โฟรซ่าบอก "แต่ก็เสี่ยงไม่น้อยเลยน่า เพราะพวกเขาก็อาจจะโดนลงโทษตามแบบของแต่ละเผ่าก็ได้เลยน่ะ"
              "แล้วแต่ละกลุ่มนิ มีท่าทียังไงละคะ" แอนเดรียบอก
              คลอเวฟกล่าว "ถ้าเป็นไอ้คุณพี่ละก็ ไม่ต้องเดาหรอก ว่าตอนนี้คงจะผลิตเฮฟโวลและเรือรบเพิ่มเติมอยู่ใต้ท้องทะเลลึกแล้วละมั่ง"
              "นายเดาถูกเผงเลยน่ะ คลอเวฟ สมแล้วที่เป็นรุ่นน้องของแพนทานิคซ์กันน่ะ" ฟิเกซบอก และหันมาพูดกับมาสวาร์ทาร์ "เออ มาสวาร์ทาร์ ตอนนี้ อากาเมมนอสรู้ว่านายมาถึงแล้ว เขาฝากให้คนของคุณคาราล่าแจ้งฉันให้บอกนายหน่อย ว่าเขาจะมาคุยกับนายกันนี้แหละ"
              มาสวาร์ทาร์ตอบ "สงสัยว่าคงเป็นเรื่องให้ฉันเป็นกุนซือในยุทธการของพวกครอสตรีมอย่างงั้นละสิ"
              "แล้วมีบอกหรือเปล่าคะ ว่าพวกเขาจะมาตอนไหนนะคะ" แอนเดรียถาม
              ฟิเกซส่ายหน้า "แม้ไม่รู้ว่าอากาเมมนอสจะมาตอนไหน แต่อย่างน้อย คุณคาราล่าสั่งคนให้มาแจ้งเราหากว่าอากาเมมนอสจะมากันแล้วละ" แล้วก็พูดต่อ "ส่วนทางด้านอีเนอไมนด์นั้น ตอนนี้พวกเขากำลังจัดการเรื่องขยับขยายพื้นที่ภายในถ้ำใต้ดินกันอยู่ เราจึงเข้าไปที่เมืองใต้ดินของพวกเขาไม่ได้ด้วยน่ะ"
              "ที่ถูกคงจะต้องเป็นการสร้างเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินกันซะมากกว่าน่ะ เพราะต่อให้มองไม่เห็นจากมุมสูงหรือภาคพื้น ฉันก็รู้ว่าพวกอีเนอไมนด์ต้องลงมือกันใต้ดินแน่นอนน่ะ" พีวิลบอก "ที่สำคัญ ทีมงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ต้องเป็นทีมงานขุดเจาะอุโมงค์ชุดเดียวกับที่ทำงานให้กับแพทรีออท เพื่อสร้างเครือข่ายเส้นทางใต้ดินไปทั่วแอฟริกากันแน่นอน"
              พลัสเชอริทกล่าว "ถึงรีนนาสไม่ได้มีเจตนาจะใช้เส้นทางใต้ดินเพื่อเป็นการช่วยเหลือแมนิเกเตอร์ที่อยู่ในทวีปหลักนี้ แต่พวกที่สร้างขึ้นคงใช้ในทางที่ผิดแน่นอน"
              "อย่างแทรกซึมและก่อจารกรรมอย่างงั้นสิน่ะ" เนคมาดูซัมบอก และหันมาถาม "แล้ว เรย์แม็กซ์ละ"
              ฟิเกซบอก "พวกนายได้ฟังก็อย่าตกใจกันน่ะ ว่าตอนนี้ ที่ครีซาแดนทาวน์นั้น มีการทดสอบการต่อสู้กันอยู่ ซึ่ง....คนของคุณคาราล่าพึ่งมาบอกกับฉันหลังจากกินข้าวไปแล้วว่า ในการทดสอบนั้น....." แล้วก็หยุดพูดไปพักหนึ่ง
              "ทำไมเงียบไปกันละ ฟิเกซ เกิดอะไรขึ้นหรือ" เจเนลถาม
              ฟิเกซถอนใจและบอกไปว่า "....ดูเหมือนว่า...แอร์ไพล์มมิสและแคร์เรี่ยนจะเสนอชื่อผู้เข้าร่วมทำการทดสอบกับพวกครีซีแทนขนานแท้ กับพวกฮาร์ฟครีซีแทนที่อยู่ในตัวเมืองกันแล้ว ซึ่งฉันแนะนำให้พวกนายไปที่นั้นเป็นที่แรกก่อนเลย" แล้วก็เอาลิสท์รายชื่อมาให้ทุกๆคนดู จนทุกๆคน ยกเว้นพีวิล มาสวาร์ทาร์และเนคมาดูซัมตกใจไม่น้อย เจเนลบอก "เป็นไปได้เลยหรือวะ ฟิเกซ ทั้งๆที่ทั้งคู่ควรจะอยู่ในความดูแลของนายพลจูเดทต้ากันน่ะ"
              "เป็นไปแล้วสิ เพราะว่าทันทีที่ทางเราทราบเรื่องจากฟิเกซ เราจึงติดต่อกับนายพลจูเดทต้า จนรู้ว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายพลจูเดทต้าจับนิคและรีฟไปอบรมพร้อมกับเหล่าทหารที่ผิดระเบียบและไม่ทำตามคำสั่งกันไว้ ซึ่งการอบรมนั้นช่วยให้ทั้งคู่ทำงานเป็นทีมกันได้ก็จริง และการทดสอบเรื่องการใช้อาวุธและการประสานงานกันเป็นทีมนั้นก็เป็นไปได้ด้วยดี แม้ว่า...." พีวิลบอก "....นิคจะช่วยรีฟเอง ซึ่งเธอก็ตีสีหน้าเย็นชาเหมือนที่เธอทำกันอยู่ เช่นเดียวกับรีฟที่ช่วยนิคกันด้วย แม้ว่าเธอจะช่วยโดยไม่เต็มใจกันก็ตาม การทดสอบนั้นจึงถือว่าสำเร็จตามเป้าหมายที่แคร์เรี่ยนและแอร์ไพล์มมิสต้องการไว้นี้แหละ"
              ลิเนียร์ตี้ถาม "แต่ถ้าในเมื่อการทดสอบสำเร็จแล้วนิ ทั้งคู่ก็น่าจะกลับไปประจำหน่วยของแคร์เรี่ยนกันแล้วมิใช่หรือ"
              "ก็เพราะว่าการทดสอบมันเป็นไปได้ด้วยดี แต่....ความสัมพันธ์ยังกระท่อนกระแท่นอยู่ นายพลจูเดทต้าเลยขอร้องให้รีฟหยุดทำตัวเหมือนนิค แต่ดูเหมือนว่าเธอยังสั่งสอนเขาไม่มากพอ เลยขอร้องให้นายพลจูเดทต้าส่งเธอกับเขาไปร่วมการทดสอบกับพวกครีซีแทนกันจริงๆนี้แหละ" เนคมาดูซัมบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "เออ รีฟทำเกินไปหรือเปล่าเนี้ย แค่สองสัปดาห์ก็น่าจะหยุดทำตัวงอนได้แล้วน่ะ"
              "ไม่ ถึงเราจะแนะนำให้รีฟหยุดทำตัวเหมือนกับที่นิคทำกับเธอ หลังจากที่การทดสอบจบลงกันก็จริง แต่....นิคทำกับรีฟไว้มากในเรื่องที่เมินเฉยและดูถูกเจตจำนงสุดท้ายของแฟนสาวของเขา ที่เป็นพี่สาวคนละแม่ของรีฟขึ้นมา มีหรือที่รีฟจะไม่หยุดสั่งสอนให้นิคเข็ดหลาบให้มากกว่านี้กันน่ะ" โฟรซ่าบอก
              แอนเดรียกล่าว "กลัวว่านิคจะสะเทือนใจจนถึงขั้นทำอะไรที่แย่ๆต่อตัวเองกันซะมากกว่านะคะ"
              "แล้วแคร์เรี่ยนและแอร์ไพล์มมิสไม่ห้ามปรามเลยหรือ" เจเนลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "พวกเขาห้ามได้ที่ไหนกันละ เพราะว่ารีฟขอลายเซ็นอนุมัติเรื่องที่เธอกับนิคจะย้ายมาที่สถานีอวกาศนอกดาวแคสเซเดี่ยน-3 จากแอร์ไพล์มมิสและแคร์เรี่ยน แล้วเอาลายเซ็นของทั้งคู่ไปใช้กับจดหมายสมัครเข้ารับการทดสอบด้านอาวุธจากครีซีแทนที่ดาวดวงนี้ ซึ่งทั้งคู่พึ่งจะทราบเรื่องจากเรย์แม็กซ์ที่ติดต่อกลับมา และเรย์แม็กซ์เองก็อนุมัติไปด้วย เพราะคิดว่าทั้งสองยินยอมให้แล้วนะสิ"
              "ซึ่งมันก็แย่ตรงนี้แหละ เพราะถ้าจดหมายนั้นมีลายเซ็นจากผู้บังคับบัญชาและมีการส่งไปให้ผู้รับผิดชอบเซ็นอนุมัติไป แม้ว่าการได้ลายเซ็นมาจะได้มาโดยที่เจ้าตัวไม่เห็นชอบเลยก็ตาม เจ้าของลายเซ็นจะมายกเลิกหรือคัดค้านก็ไม่ได้เสียด้วยนะสิ" ฟิเกซบอก
              เจเนลบอก "แอร์ไพล์มมิสพลาดก็น่าอยู่หรอกน่ะ แต่แคร์เรี่ยน....คงต้องตำหนิกันสักหน่อยแล้วละ"
              "นายยังคุยกับแคร์เรี่ยนไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้เธอกับทีมฮาร์ฟครีซีแทนของเธอมุ่งหน้าไปเลนิลเกรดเพื่อร่วมฝึกพร้อมกับดีสแฮทเตอร์ และเธอเองก็ไม่อยากให้ใครรบกวนไปสัก 3 วันเลยนะสิ" พีวิลบอก
              สเปียริทกล่าว "แล้วแคร์เรี่ยนก็พาไอรีสไปด้วยสิ"
              "ใช่ เพราะเธออยู่ระหว่างการฝึกฝนด้านการปฏิบัติงานเป็นทีมกันอยู่ ถึงแม้จะให้เธอเป็นทีมช่วยเหลือกันก็ตาม ดูเหมือนว่าไอรีสจะรู้งานเร็วกว่ากันด้วยน่ะ" ฟิเกซบอก
              เจเนลกล่าว "ทั้งๆที่แอร์ไพล์มมิสไม่เห็นชอบกันเลยเนี้ยน่ะ"

              "แล้ว ที่อื่นๆละ" จายด์ถาม
              ฟิเกซบอก "ทวีปลอร์เดเซลอนและเดียโบโลมในตอนนี้ ยังให้เข้าไปไม่ได้กันอยู่แล้ว ส่วนสโทรเพธาล เขตเมืองของพวกสโทรเพธเองก็กำลังซ่อมแซมเสาส่งพลังงานที่ชำรุดกันอยู่ แถมทาลดีสเองก็มีงานล้นมือกันด้วย" แล้วก็บอกไปว่า "ส่วนพวกโซลูนาสตี้ที่อยู่ในฮาเวนโทเปียนั้น โซแลชและลูแนชแจ้งมา ว่าพวกเขามีงานยุ่งอยู่นะสิ"
              "พอจะทราบมั้ยคะ ว่าคุณโนแลนด์และคุณโนล่าทำอะไรกันอยู่ละคะ" แอนเดรียเอ่ยถึงโซแลชและลูแนชด้วยชื่อเดิม ก่อนที่พวกเขาจะถูกคืนชีพมาเป็นแมนิเกเตอร์โดยเทคไครด์และเฮคไซน์ อดีตสองผู้นำโซลูนาสตี้กันไว้
              ฟิเกซกล่าว "เห็นว่ากำลังวิเคราะห์ข้อมูลของสิ่งประดิษฐ์อันเก่าแก่ของชาวออร์เลี่ยนจากบังเกอร์ที่ค้นพบกันอยู่ โดยทำงานวิจัยร่วมกันกับทางสถาบันวิจัยริดิวิแนนท์ เพื่อให้การตรวจสอบข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วและเที่ยงตรงมากที่สุด จากการอาศัยความรู้ของทีมวิจัยฝั่งโซลูนาสตี้ด้วย เนื่องจากว่าพวกเขาเองก็สนใจในเทคโนโลยี่และวิทยาการอันเก่าแก่แต่ล้ำยุคและก้าวไกลอย่างมากด้วยน่ะ"
              "ภาวนาว่าพวกเขาคงจะช่วยรัฐมนตรีวูลลิเซียกันบ้างน่ะ มิใช่แค่นำข้อมูลมาพัฒนาอาวุธกันเลยน่ะ" ไซโคลเนียบอก
              พีวิลกล่าว "เราภาวนาว่าพวกเขาคงไม่ทำเช่นนั้นไปได้หรอกน่ะ เพราะพวกเขาเล็งเห็นถึงผลเสียจากการเข้าร่วมยุทธการโต้ตอบเดลอาเนี่ยนกันน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้นเราคงไม่ต้องไปรบกวนพวกโซลูนาสตี้ก็แล้วกัน" สเตฟอร์ดบอก และหันมาถาม "แล้วเขตเมืองชายฝั่งละ"
              ฟิเกซกล่าว "ถ้าเป็นพอร์ตวอลแซนด์ละก็สามารถไปได้อยู่แล้ว แต่ไม่แนะนำให้ไปที่อาเดน่าพอร์ตกันน่ะ"
              "ทำไมถึงไปไม่ได้กันมิทราบละ" สเปียริทถาม
              ฟิเกซบอก "เพราะอาเดน่าพอร์ตนั้นเป็นถิ่นของพวกแอตแลนไทซ์กันนะสิ แน่นอนว่า ตอนนี้พวกแอตแลนไทซ์เริ่มที่จะค้าขายในบริเวณเมืองท่ากันด้วยน่ะ"
              "แล้วพวกนั้นก็คงขายแบบโก่งราคาเพื่อเอาทุนมาสร้างกองเรือรบละสิ" คลอเวฟบอก
              ฟิเกซกล่าว "ก็ราคาปกติกันนี้แหละ หากแต่จะแถมค่าใช้จ่ายอย่างงั้นอย่างงี้เข้าไปด้วย อย่างค่าขนส่งขึ้นจากน้ำ ค่าเชื้อเพลิง ค่าบรรจุหีบห่อ ค่าเช็คคุณภาพสินค้า ค่าประกันความเสียหาย และอื่นๆที่แทบไม่จำเป็นต้องรวมในราคาสินค้าเลยน่ะ"
              "แจ่ม งั้นนายก็คงจะทำแบบเดียวกันกับพวกนี้เลยสิ" สเปียริทแซว
              คลอเวฟโวย "พอเลยน่า ฉันไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายแบบมั่วชั่นแบบนี้กันหรอก แค่.....ไม่ได้ลดค่าเหล้าให้ก็เท่านั้นเองแหละ"
              "มันก็พอกันละว้า" สเตฟอร์ดบ่น
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้ เราจะเริ่มการทัศนศึกษากันที่ครีซาแดนทาวน์เลยแล้วกันน่ะ เพราะแอร์ไพล์มมิส อนุญาตให้เราพากองกำลังมาร่วมดูการทดสอบแล้วน่ะ"
              "งั้น ฉันกับแอนเดรียจะไปบอกกับพวกเฮเรเค้นกันสักหน่อยแล้วละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว แล้วก็ลุกขึ้นไปพร้อมกับแอนเดรีย ส่วนที่เหลือก็แยกย้ายกันไป
              เนคมาดูซัมเห็นลิเนียร์ตี้เซื่องซึมก็เลยถาม "ว่าแต่ เกิดอะไรขึ้นกับลิเนียร์ตี้กันน่ะ"
              "ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่องช้าลง ไม่ค่อยสดชื่น เหมือนคนหน้ามืดยังไงยังงั้นน่ะ" สเปียริทกล่าว
              เจเนลบอก "จะว่าไปก็ใช่น่ะ ปกติแล้วลิเนียร์ตี้ทานข้าวก็กินแบบอร่อยๆ แต่มาคราวนี้ กินช้าจนเกือบจะเป็นคนสุดท้ายด้วยน่ะ"
              "แล้วพาลิเนียร์ตี้ไปหาหมอเดเมี่ยนหรือเปล่าละ" เนคมาดูซัมถาม
              จิลบอก "ไม่ได้พาไปนะสิ เพราะลิเนียร์ตี้บอกว่าเธอไม่เป็นไร แค่พักหน่อยก็หายแล้วละ"
              "แต่สภาพของลิเนียร์ตี้เป็นแบบนี้....คงไม่ไหวหรอกน่ะ" แอบไบออสกล่าว "แม้ว่าพวกเราจะเหนื่อยและอ่อนแรงจากการแข่งขันมาตลอด 6 รอบกันแล้ว เรายังรู้สึกเมื่อยล้ากันบ้าง ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูกันสักระยะหนึ่ง แต่ ฉันเห็นลิเนียร์ตี้เกือบทรุดลงกับพื้นและพยายามลุกขึ้นไปเลยน่ะ"
              เนคมาดูซัมได้ฟังก็ถามด้วยความเป็นห่วง "แล้วลิเนียร์ตี้ล้มไปตั้งแต่ตอนไหนกันละ"
              "ก็หลังจากการแข่งกับพวกโกรเดี้ยมนะสิ" แอบไบออสบอก
              พีวิลกล่าว "สงสัยว่าเราคงต้องให้หมอเดเมี่ยนมาเช็คอาการกันสักหน่อยแล้วละ ก่อนที่ลิเนียร์ตี้จะเป็นหนักกว่านี้น่ะ"

              "อืมมมมมมมม อืมมมม" เดเมี่ยนเช็คหน้าผากของลิเนียร์ตี้ด้วยมือขวาไว้ โดยที่หลังมือปรากฎวงกลมโฮโลแกรมที่มีไฟสีแดงสว่างขึ้นตามเข็มนาฬิกา ซึ่งเดเมี่ยนเห็นแล้ว ก็รีบนำแพดมาเช็คตรงหน้าอกกันขึ้นมา "อา เป็นอย่างที่คิดเสียด้วยน่ะ" เดเมี่ยนบอก
              เนคมาดูซัมถาม "พอจะทราบมั้ย ว่าลิเนียร์ตี้ป่วยเป็นอะไรกันน่ะ"
              "พลังงานจากแกนหัวใจของเธอมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยไม่ได้ปล่อยพลังส่วนเกินออกไป ทำให้พลังส่วนหนึ่งขึ้นไปยังสมองกลของเธอ รับเอาพลังที่มากเกินไปส่งผลให้สมองกลทำงานหนักขึ้นยิ่งกว่าเดิมนะสิ" เดเมี่ยนกล่าว โดยตอนนี้หยิบแผ่นปลาสเตอร์สีฟ้ามาแปะตรงหน้าผากลิเนียร์ตี้ "ผลที่เกิดขึ้นนั้นทำให้การควบคุมร่างกายเชื่องช้าลง เนื่องจากสมองทำงานหนักจนเกิดความร้อนขึ้น จนแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์มีสภาพเหมือนไข้ขึ้นสูงกัน ซึ่งผมจำต้องลดอุณหภูมิหน้าผากกันเสียก่อนน่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "แล้วจะแก้เรื่องลดพลังงานของลิเนียร์ตี้ได้หรือเปล่าละ"
              "นั้นเสี่ยงมากเลยน่ะ เพราะว่าแกนหัวใจของลิเนียร์ตี้ถูกติดตั้งแทนที่แกนอีเนลเซี่ยมที่หายไปกันแล้ว จนร่างกายของเธอต้องใช้พลังนี้เพียงอย่างเดียว ซึ่งการดึงแกนหัวใจออกจากร่างของเธอโดยไม่ระมัดระวังก็จะทำให้เธอตายได้ในทันที ต่อให้สภาพร่างเป็นปกติหรือไม่ก็ตาม" เดเมี่ยนบอก "ดังนั้น ฉันจึงต้องติดพาวเวอร์แอบซอบเบอร์ ซึ่งใช้ดูดซับพลังงานส่วนเกินและไม่จำเป็นต่ออวัยวะกลในร่างกายของพวกแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์กันไว้น่ะ"
              เนคมาดูซัมบอก "แต่ เครื่องนั้นใช้กับพวกครีซีแทนที่มีอัตราการฟื้นฟูพลังเราซ์อะตอมมิค ที่เยอะเกินกว่าที่ควบคุมได้มิใช่หรือ ไม่น่าใช้ได้กับลิเนียร์ตี้เลยนิ"
              "ฉันคิดว่าควรจะต้องติดตั้งแล้วละ เพราะ....พลังส่วนเกินที่ฉันวัดจากแกนหัวใจเพรแครทไดรมอนด์ของลิเนียร์ตี้นั้น มันสามารถชาร์จเติมพลังงานให้กับโมบิลลอยด์ได้ 5 เครื่องเลยน่ะ" เดเมี่ยนบอก เนคมาดูซัม พีวิลและสเปียริทถึงกับตกใจไม่น้อย
              "แล้วในตัวลิเนียร์ตี้ ไม่มีตัวจำกัดพลังงานเลยหรือ" สเปียริทถาม
              "ที่ถูกคือ เธอไม่มีมากกว่า เพราะเมอลิคซ์แบบแอนดรอยที่แพทรีออทสร้างมานั้น ไม่ได้ถูกออกแบบให้สู้รบในระยะยาวกันตั้งแต่ต้นนะสิ" พีวิลบอก "อีกอย่างหนึ่ง เมดลิคซ์ชุดแรกๆที่แพทรีออทสร้างมานั้น แม้จะเหนือมนุษย์และมีความว่องไว แต่ยังไม่เร็วไปกว่ากริมลิคซ์ในสภาพใช้มัคซ์แฟนท่อมเลย โดยเฉพาะพวกที่เป็นแอนดรอยนั้น โดยมากแล้วมักจะถูกส่งไปทำงานอันตรายๆที่มีความเสี่ยงให้ถูกทำลายได้ง่ายและเร็วขึ้น เพื่อนำข้อมูลการสู้รบดังกล่าวส่งไปให้กับเมดลิคซ์และเมอลิคซ์แบบอดีตมนุษย์ใช้งานกันนะสิ"
               เนคมาดูซัมบอก "แล้วพวกที่เหมือนกับลิเนียร์ตี้ ซึ่งเป็นพวกที่สมองกลทำงานได้เหนือกว่า 3 เท่ากันละ"
              "ขีดความสามารถของสมองกลของเมดลิคซ์แบบแอนดรอยนั้น สูงสุดคือ 2 เท่ากันนี้แหละ ซึ่งมีเมดลิคซ์แบบแอนดรอยน้อยตัวที่มีขีดความสามารถถึง 2 เท่า โดยหนึ่งในนั้น ก็คือ เมดลิคซ์ไดร์มิน่าเองนะสิ" พีวิลบอก
              สเปียริทกล่าว "ยัยเมดลิคซ์ไฟลุกที่มีพลังอีเนลเซี่ยมที่ทรงพลังและน่ากลัวอย่างงั้นนะหรือ ที่เป็นพวกสมองกล 2 เท่ากันน่ะ"
              "ทีจริง ความสามารถในการทำงานของเธอถือว่าเหนือกว่าเมดลิคซ์แบบแอนดรอยปกติ แต่เท่าเทียมกับพวกที่มีขีดความสามารถเป็นสองเท่าก็เท่านั้นเอง ซึ่งโดยปกติแล้ว แมนิเกเตอร์จากกองรบอื่นจะต้องคิดว่าเธอเป็นแค่เมดลิคซ์ที่หัวไวและฉลาดกันก็จริง" พีวิลกล่าว "แต่ที่ทำให้เธอกลายเป็นหัวหน้าของพวกเมดลิคซ์ไปนั้น ก็คือพลังอีเนลเซี่ยมที่มากมายมหาศาลเกินกว่าเมดลิคซ์ตนอื่นๆมีนี้แหละ ซึ่งพลังนั้นมันไม่ได้แค่ทำให้แอตแลนไทซ์ที่ลองดีต้องครั้นคราม พวกครอสตรีมที่มีพลังต้านอนุภาคอีเนลเซี่ยมอย่างรุนแรงต้องหวาดกลัว ขนาดพวกอีเนอไมนด์ด้วยกันเองก็ไม่อยากจะให้เธอเข้าร่วมกันด้วยน่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะ พลังที่รุนแรงมากๆ อาจทำลายได้แม้กระทั่งพวกเดียวกันด้วยสิน่ะ พีวิล"
              "แล้วแพทรีออทมีจัดการแก้ไขคุณไดรมิน่ากันหรือเปล่าคะ" ลิเนียร์ตี้ถาม
              พีวิลส่ายหน้า "แพทรีออทกักไดรมิน่าเอาไว้ในห้องที่ดูดซับพลังงานอีเนลเซี่ยมส่วนเกินออก เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองในฐานทัพ ชาร์จพลังงานให้กับานฟริแทงคอน ซึ่งจ่ายพลังงานให้กับกองรถถังกราแทงค์และคอสทารอนที่อยู่ในนั้นไปด้วย ซึ่งแผนนี้ได้ผลอย่างมาก แม้จะเสี่ยงกับการที่พลังของเธอเยอะจนทำลายโฮปป้าสคาโพรนอสให้แหลกเป็นหลุมขนาดใหญ่และลึกเลยก็ตาม แน่นอน ว่าหมุดตกผลึกอีเนลเซี่ยมที่ใช้ทำลายเมืองเทมเดน ก็ล้วนมาจากพลังส่วนเกินอันมากมายของไดรมิน่าที่ใส่เอาไว้ด้วยนะสิ"
              "ถึงว่าสิ ว่าทำไมการตกผลึกนั้นมันเร็ว ขยายได้กว้างกว่าและไม่แปรสภาพเหยื่อที่โดนให้กลายเป็นแมนิเกเตอร์กันเลยน่ะ เพราะว่าพลังมันเยอะเกินจนไม่พอเพียงสำหรับแปรสภาพเหยื่อได้เลยสิน่ะ" สเปียริทบอก
              เดเมี่ยนกล่าว "แต่โชคดีมาก ที่ลอรีดิสแก้ไขปัญหานี้ได้เป็นผลสำเร็จ เธอจึงดัดแปลงเครื่องพาวเวอร์แอบซอบเบอร์ไว้สำหรับพวกอะเดปติคซ์ ที่เป็นอดีตมนุษย์หรือแอนดรอยที่มีอัตราพลังอีเนลเซี่ยมสูงเกินเอาไว้ ซึ่งฉันได้ให้ลอรีดิสส่งมาให้แล้วน่ะ" โดยนำกระเป๋าเหล็กที่บรรจุแถบเหล็กเอาไว้ "แกร็ก แกร็ก แกร็ก แกร็ก แกร็ก แกร็ก" ซึ่งเดเมี่ยนจัดการติดหลังคอ กลางหน้าอก ต้นแขน ข้อมือ หน้าท้อง ต้นขาด้านนอก และข้อเท้าของลิเนียร์ตี้ขึ้นมา
              "แค่นี้เองหรือคะ แล้วแกะออกไปไม่ได้เลยหรือ" ลิเนียร์ตี้ถาม
              เดเมี่ยนบอก "คงต้องติดแบบนี้ไป จนกว่าเราจะหาทางแก้ไขที่ดีกว่ากันนี้แหละ ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว เธอควรจะติดเยอะมากกว่านี้กันน่า และติดเอาไว้ตรงส่วนที่...." เท่านั้นแหละ หมอประจำกองกำลังเลยพูดอะไรไม่ออก
              "เท่านี้ก็เกินพอแล้วละคะ" ลิเนียร์ตี้เลยตอบตัดบทไป แล้วก็ลุกขึ้นยืน โดยเอากล่องปลาสเตอร์ลดไข้ไปด้วย
              เดเมี่ยนบอก "ถ้าให้ดีน่ะ คือช่วงนี้ยังให้ออกไปไหนมาไหนไม่ได้หรอก เธอควรจะหลับพักผ่อนเสียจะดีกว่าน่ะ" แล้วก็บอกกับเนคมาดูซัม "และฉันแนะนำว่านายควรแจ้งให้นายแม่รัคชูมี่ทราบจะดีกว่าน่ะ เพราะฉันไม่เคยเจอเคสที่ต้องรักษาแมนิเกเตอร์แบบเพรแครเดี่ยนมาก่อนเลยน่ะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะพวกเพรแครเดี่ยนไม่อยากให้นายที่เป็นเพศชายมารักษาพวกเธออย่างงั้นนะหรือ" สเปียริทกล่าว
              เดเมี่ยนส่ายหน้า "เปล่า แมนิเกเตอร์แบบเพรแครเดี่ยนนั้นเป็นแมนิเกเตอร์แบบไหนก็ได้ที่เป็นเพศหญิง เว้นแต่ ครีซีแทน เวโนมิไนซ์ และเพรโทรน็อกซ์กันนี้แหละ ที่สำคัญ มีแต่พวกเพรแครเดี่ยนเท่านั้นที่รักษาสภาพผิดปกติบางอย่างกันได้ หมออย่างฉันและคนอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายได้นะสิ"
              "แต่พวกเพรแครเดี่ยนถูกกวาดล้างไปแล้ว เท่ากับว่าไม่มีใครช่วยลิเนียร์ตี้ได้เลยนะสิ" เนคมาดูซัมกล่าว
              พีวิลบอก "ภาวนาว่า นายแม่รัคชูมี่จะช่วยอะไรลิเนียร์ตี้ได้บ้างน่ะ ไม่งั้น เราต้องสูญเสียเธอไปอีกรอบแน่นอน"

              หลังจากนั้น เช้าวันต่อมา
              "ดีขึ้นบ้างหรือยังละ ลิเนียร์ตี้" เนคมาดูซัมถามลิเนียร์ตี้ ซึ่งก็พยักหน้าและตอบไปว่า
              "ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้างละน่ะ เพราะว่าอาการปวดหัวน้อยลง และพลังงานจากแกนหัวใจของฉันลดลงจนเป็นปกติไปด้วยน่ะ"
              "แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็บอกกับพวกเราได้น่ะ เพราะเราให้หมอเดเมี่ยนมาด้วยน่ะ" แอนเดรียบอก
              ลิเนียร์ตี้ตอบ "ขอบคุณสำหรับความหวังดีน่ะ แม้ว่าฉันเองไม่เป็นไรแล้วก็ตามน่ะ"
              "ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะน่ะ ลิเนียร์ตี้" สเปียริทพูดด้วยความเป็นห่วง และหันมาถาม "มาส แล้วตอนนี้ พวกครีซีแทนจะเริ่มการทดสอบกันตอนไหนหรือ"
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เรย์แม็กซ์จะเริ่มการทดสอบในตอน 10 โมงเช้า ดังนั้น เราจะออกเดินทางภายใน 8 โมงครึ่งกันนี้แหละ เพราะยานลิสเทิ่ลไดซ์จะเคลื่อนตัวจากสถานีขนส่งกันน่ะ"
              "ลิสเทิ่ลไดซ์นะหรือ หมายถึงกระสวยอวกาศแบบเฮฟไดซ์แต่เล็กกว่านะหรือ" ไซโคลเนียกล่าว โดยชี้ไปยังยานกระสวยขนาดเล็กที่ทำหน้าที่เป็นยานขนส่งมวลชนขนาดเล็ก
              แอนเดรียกล่าว "คือหลังจากที่พวกประธานาธิบดีได้ยานเฮฟไดซ์มาแล้ว ในนั้นมีแบบแปลนสำหรับสร้างยานแบบเดียวกันแต่ขนาดต่างกันเอาไว้ โดยเตรียมสร้างไว้ หากยานเฮฟไดซ์ไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้ทุกลำนะคะ แต่ก็ไม่ได้สร้าง เพราะยานเฮฟไดซ์แข็งแกร่งมากๆจนใช้งานมาตลอดมหาสงครามเลยนะคะ"
              "จนกระทั่งสี่เดือนก่อนการรุกรานของพวกเดลอาเนี่ยนมาถึง พวกเขาเลยสร้างยานได้เลยสิน่ะ" สเปียริทกล่าว
              ฟิเกซบอก "และฉันลองใช้ยานเหล่านั้นออกนอกเขตอวกาศกันแล้วละ แม้ว่ามันจะเล็กและบรรทุกคนได้ราว 10-20 คนเลยก็ตามน่ะ"
              "ทั้งๆที่นายชอบบินเดี่ยวอย่างงั้นเลยสิน่ะ นั้นไม่แปลกเลย ที่ยานขนส่งขนาดเล็กรุ่นใหม่ล่าสุด ถึงบินกลับมาในสภาพที่เสียหายเหมือนผ่านการรบมาอย่างโชกโชนเลยน่ะ" เจ้าของเสียงซึ่งเป็นควอเดี่ยมหญิงกล่าว โดยเดินเข้ามาหาพวกเมนซิกส์ทีนกันด้วย "นั้นไม่แปลกใจเลย ที่ท่านรัคชูมี่หงุดหงิดมาตลอดทุกวัน ก็เพราะว่านายชอบบินเดี่ยวและออกไปหาเรื่องหาราวนอกดาวกันนี้เองน่ะ ฟิเกซอท" ฟิเกซได้ฟังก็ไม่ได้พูดอะไร
              สเปียริทถาม "แล้วเธอเป็นใครกันละยะ ยัยควอเดี่ยม"
              "พูดจาดีๆหน่อยนะ สเปียริท ที่อยู่ตรงหน้าพวกเรานั้นน่ะ เทาฟาดิล ลูกพี่ลูกน้องของฉันเองแหละ" ฟิเกซกล่าวอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
              เจเนลกล่าว "ลูกพี่ลูกน้องนะหรือ งั้นเธอคงจะเป็นลูกป้ารัคชูมี่ละสิ"
              "หยุดพูดถึงท่านรัคชูมี่เหมือนตัวเองเป็นญาติสนิทกันจะดีกว่าน่ะ ต่อให้นายกับพวกเป็นเพื่อนกับฟิเกซอทกันก็ตามน่ะ" เทาฟาดิลบอก "อีกอย่าง ฟิเกซอทไม่ได้บอกกับพวกนายเลยหรือ ว่าฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่านรัคชูมี่ในทางสายเลือดเลยน่ะ"
              ไซโคลเนียถาม "ฟิเกซ แล้วยัยนี้ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายยังไงกันละ"
              "เทาฟาดิล เป็นลูกสาวของคุณลุงบารามัล พี่ชายของแม่ของฉันเองนะสิ หากแต่ เธอเกิดหลังฉันได้สองปีเท่านั้นเอง" ฟิเกซบอก "พอคุณลุงบารามัลเสียชีวิตจากการสู้รบกับพวกเฮซเทิร์ซ คุณแม่เลยรับเทาฟาดิลมาดูแลเหมือนเป็นน้องสาวของฉันคนหนึ่ง เนื่องจากว่าทั้งลุงบารามัลและภรรยาของเขา ซึ่งเป็นแม่ของเทาฟาดิล ต่างก็เสียชีวิตไปกันแล้ว พอคุณแม่เสีย และคุณพ่อเองก็ไม่ว่างที่จะดูแลเทาฟาดิลได้ เนื่องจากว่าต้องพาฉันไปที่แรซัลก้า คุณคูลิแนนซ์ที่รับผิดชอบเป็นองครักษ์ของคุณป้า ซึ่งรับตำแหน่งนายแม่มาใหม่ๆ รับมาเป็นบุตรบุญธรรม เนื่องจากว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทที่คุณลุงบารามัลไว้วางใจได้มากที่สุดกันน่ะ"
              พีวิลกล่าว "แล้วคงจะเคารพนับถือนายแม่รัคชูมี่เป็นแบบอย่างกันเลยสิน่ะ"
              "ที่จริงแล้ว มันก็ใช่น่ะ หากแต่....เทาฟาดิลอยากเป็นนักล่าติดตาม ซึ่งเป็นสถานะเดิมที่ท่านป้าใช้อยู่ ก่อนที่จะละทิ้งสถานะเดิมเพื่อเรียนรู้ศาสตร์ด้านการใช้พลังพลาซอน เนื่องจากว่าไปแพ้ให้กับเอสเซคาร่าซารีทิสกันนะสิ" ฟิเกซบอก "แต่ดูเหมือนว่าคุณคูลิแนนซ์อยากจะให้เทาฟาดิลเป็นนักรบเฝ้าเขตป่ากันมากกว่า เลยส่งเธอไปอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งเพื่อเฝ้าตรวจตราความเรียบร้อยกันไว้น่ะ"
              เทาฟาดิลบอก "และหมู่บ้านแห่งนั้น ก็อยู่ใกล้กับที่ๆพวกนายใช้พักผ่อนเพื่อฝึกฝนใครบางคนให้พร้อมต่อสู้กันนี้แหละ เลยทำให้ฉันต้องโทษนายในเรื่องที่นายออกนอกดาวไปกันน่ะ"
              "นี้จะหาว่าเป็นความผิดฟิเกซที่ทำให้เธอหงุดหงิดด้วยนะหรือ" คลอเวฟบอก
              เทาฟาดิลบอก "อันนั้น ฉันไม่ได้ถือสาอะไรกับพวกนาย ที่เป็นเพื่อนใหม่ของฟิเกซอทกันหรอกน่ะ แต่ไอ้ที่หงุดหงิดจริงๆก็คือเรื่องที่ฟิเกซอทชอบออกนอกดาว ไปเตร็ดเตร่จนไปก่อเรื่องก่อราวกันขึ้นมาต่างหากละ ที่ทำให้ท่านรัคชูมี่หงุดหงิดหัวเสียกันตลอดเวลาเลยน่ะ ซึ่งฉันเห็นสีหน้าแล้วไม่ค่อยพอใจตามไปด้วย"
              "บอกตรงๆน่ะ ว่าถ้านายแม่รัคชูมี่ไม่หงุดหงิดต่อฟิเกซละก็ แสดงว่านายแม่ไม่สนใจใยดีต่อฟิเกซกันแล้วนะสิ" วิลด้าบอก "ที่สำคัญ ฟิเกซเองก็เป็นหลานแท้ๆ แม้จะรู้ว่าเขาไปก่อเรื่องข้างนอกมา แต่ก็ต้องการที่จะรู้จากปากฟิเกซด้วย ซึ่งนายแม่รัคชูมี่เองก็เป็นถึงผู้นำของชาวควอเดี่ยมกันแล้ว ถ้าขนาดหลานตัวเองยังไม่สนใจ แล้วจะดูแลชาวควอเดี่ยมทั้งหลายกันไปได้ไงละ เทาฟาดิล"
              เทาฟาดิลเลยพูดย้อนไปว่า "ถ้าฉันห่วงคนอื่นมากจนทำให้ตัวเองดูโทรมถึงขั้นแก่ลงแบบนั้น ก็ขอบายเลยดีกว่านะคะ ผู้กองเฟรมิเดรก้า"
              "นี้ลุงกับป้ารู้จักกับญาติของฟิเกซมาก่อนนะหรือ" จิลถาม
              เบติสพยักหน้า "ฉันกับวิลด้าเจอกับเทาฟาดิลมาตั้งแต่ตอนที่เป็นทหารของแรซัลก้าอยู่ ในตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ แต่พอฉันเข้าร่วมกองทัพเมื่อสามปีก่อน เธอโตเป็นสาวและเป็นนักรบอยู่คู่กับขุนพลคูริแนนซ์ที่เดินทางมากับแม่ทัพนาไลน์กันแล้วน่ะ"
              "งั้นนายกับฟิเกซก็รู้จักกับเธอมาก่อนเลยสินะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "และเจอบ่อยด้วย เพราะเทาฟาดิลมักจะอยู่กับหน่วยลาดตระเวนของควอเดี่ยมที่ส่งไปตรวจสอบทิศทางการบุกของพวกเฮซเทิร์ซ ซึ่งมักจะเป็นกลุ่มที่ถูกโจมตีบ่อยๆ ฉันกับฟิเกซเลยต้องเข้าไปช่วยโดยเร็ว ซึ่งในตอนนั้น เธอพยายามสู้ได้ดีมากตลอด 5 ครั้งที่ถูกจู่โจมกันน่ะ"
              "แสดงว่า เธอเป็นยอดนักรบที่เก่งกาจมากมายละสิ" แอบไบออสบอก
              เทาฟาดิลบอก "แต่ไม่บ้าป่าเถื่อนเหมือนคุณสักหน่อยน่ะ ต่อให้คุณปลดล็อกพลังแทรนซิ่งมาได้เหมือนกับฟิเกซอทกันก็ตามน่ะ"
              "แล้วเธอมาที่นี้ทำไมกันละ" สเปียริทบอก
              เทาฟาดิลกล่าว "ฉันรับคำสั่งจากท่านรัคชูมี่ ให้มาทำหน้าที่ ช่วยเหลือพวกคุณในการพาชมเขตเมืองต่างๆในดาวดวงนี้ เช่นเดียวกันกับคอยตรวจตราดูแลสมาชิกระดับรองลงมากันด้วย ในฐานะหัวหน้ากลุ่มกันน่ะ"
              "เดียวสิ ใครใช้ให้เธอเป็นคนคุมพวกเรากันวะ" ไลเอิร์ทเดินมาด้วยความไม่พอใจที่อยู่ๆเทาฟาดิลจะมาคุม โดยเข้ามาหาเรื่องก่อน แต่ "ฟึ่บ" เทาฟาดิลมาอยู่ตรงหน้าไลเอิร์ทเสียก่อนและ "ปึกกก" โดนเขี่ยด้วยเท้าซ้ายจนล้มลง แต่ไลเอิร์ทก็รีบใช้มือสองข้างลงพื้นตามสัญชาตญาณของแมวใหญ่ มัลแด็กซ์ เรปไซท์ ชาร์เครฟเลยรีบวิ่งเข้ามาตาม "ย้า ย้า ย้า" เทาฟาดิลพุ่งเข้าปะทะด้วยหลังแหวนซ้ายใส่มัลแด็กซ์ ชกท้องของเรปไซท์ด้วยแขนรองทั้งสองข้าง และหมุนตัวเตะตัดขาชาร์เครฟจนล้มลง ซึ่งเธอรีบกำหมัดเพื่อบุกเข้าไปต่อยซ้ำ "ฟึ่บบบบ" พลัสเชอริทโผล่มาตรงหน้าอย่างจังๆ จนเธอรีบโดดถอยหลังออกมา เช่นเดียวกับพีวิลที่บุกมาจากด้านข้างด้วยอย่างรวดเร็ว
              "พอได้แล้วละ เทาฟาดิล แค่นั้นก็เกินพอแล้วละ" ฟิเกซห้ามปรามเอาไว้
              "ฉันแค่สั่งสอนก็เท่านั้นเองแหละ หากแต่ไม่คิดเลยว่า ทั้งเบรซซิ่งแฮนด์แห่งอีเนอไมนด์และมือสังหารสายฟ้าแลบนั้นจะไวยิ่งกว่าที่ได้ยินมาเสียอีกน่ะ" เทาฟาดิลกล่าว พีวิลและพลัสเชอริทเลยดึงพวกมัลแด็กซ์ให้ลุกขึ้น
              ฟูลออเรสบอก "ควอเดี่ยมหญิงคนนั้นว่องไวกว่าคุณฟิเกซเสียอีกนิ คงจะสู้กับศัตรูได้อย่างง่ายดายสิน่ะ"
              "ใช่ จากการที่พี่เทาฟาดิลได้รับการฝึกจากคุณคูลิแนนซ์มา จึงผ่านการทดสอบในเขตป่าบนควอดาน่าจนได้เป็นเรนเจอร์ในกลุ่มของคุณคูลิแนนซ์ได้ 4 ปีกว่าแล้วนะสิ " เนคกัสบอก
              เนคกี้บอก "ที่จริง คุณเทาฟาดิลควรจะมาร่วมในการทดสอบครั้งที่เรามาด้วย หากแต่ พี่เขาอยู่คนละที่ เลยไม่ได้เจอหน้ากันด้วยนะสิ"
              "ถึงเธอสองคนจะไม่เห็น แต่ฉันก็เห็นเนคเกอร์กับฟิเกซอทกลับมาพร้อมกับพวกประธานาธิบดีกันอยู่แล้ว แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยพอใจกับกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นกบฎต่อต้านอำนาจของบิดาเทพกันมาก่อน" เทาฟาดิลกล่าว "ถ้าไม่เพราะว่าท่านรัคชูมี่อธิบายทุกอย่างให้ฉันรับทราบกันแล้ว ว่ามหาสงครามครั้งนี้ คือบทลงโทษของบิดรเทพและมารดรเทพ ที่ต้องการสั่งสอนชาวซัลคาเลี่ยนที่เห็นแก่ตัวกับแมนิเกเตอร์ที่บ้าอำนาจ รวมถึงการคัดเลือกกลุ่มแมนิเกเตอร์ที่เหมาะสม เป็นกลุ่มอารยธรรมกลุ่มใหม่ในสังคมที่เป็นเหมือนในเวลานี้กันเองแหละ แม้ว่านั้นจะหมายถึงการอยู่แบบเดียวกับที่แรซัลก้ากันก็ตามน่ะ"
              เจเนลบอก "ส่วนหนึ่งเพราะเธอก็ไม่ชอบเวโนมิไนซ์และเพรโทรน็อกซ์งั้นสิ"
              "ถ้าเป็นสมุนของบาร์ซอร์ที่ชอบใช้กำลังมากที่สุด ป่าเถื่อนที่สุด และรักในการใช้ความรุนแรงมากที่สุด แล้วก็เวโนมิไนซ์ภายใต้การนำของเวสเทรซ ซึ่งเป็นพวกที่ อันตรายมากที่สุด ร้ายกาจที่สุด และมีความทะเยอทะยานสูงมากที่สุด เห็นได้จากความพยายามที่จะใช้อำนาจแห่งธรรมชาติของจักรวาลทั้งปวงเพื่อบงการไปตามความต้องการของมันเอง" เทาฟาดิลบอก "แต่อนิจจา คนพรรค์นี้ก็เป็นได้แค่เครื่องมือของแม่ทัพโอลดาธที่ทำตัวแย่กว่าพวกแม่ทัพบางคน ที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเทพแห่งสงครามไซมาเทนเสียด้วยซ้ำ"
              โฟรซ่าบอก "แล้วเธอก็คงไม่ชอบเมซ่าด้วยละสิ"
              "บอกตรงๆน่ะ ทีแรกฉันไม่ชอบคุณเมซ่า ในเรื่องที่เธอมีพลังที่แปรเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เป็นธรรมชาติให้เป็นธรรมชาติเหมือนๆกัน ทำให้สิ่งที่เคยตายมาก่อนมีชีวิตกลับมาใหม่ได้ ซึ่งมันสวนทางกับธรรมชาติอย่างมากกันก็จริง" เทาฟาดิลบอก "แต่พอรู้ว่าเธอถูกหลอกใช้เป็นทั้งเครื่องมือในการคุกคามทุกชีวิตในจักรวาล เครื่องมือสนองความแค้นของผู้เป็นพ่อบุญธรรมที่อาลัยอาวรณ์รูปโฉมคุณเมซ่า ซึ่งเหมือนกับคนรักของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว และเครื่องมือที่เปลี่ยนวีรบุรุษอากรีเดี่ยมให้กลายเป็นทรราชภายในเวลาอันสั้น ฉันกลับสงสารในตัวคุณเมซ่าไม่น้อย แม้ว่าพวกนายพยายามไม่น้อยในการปกป้องเธอไว้กันน่ะ"
              สเปียริทบอก "แต่เธอก็รู้แล้วใช่มั้ยว่าชาตะกรรมของเมซ่าและวีรบุรุษอากรีเดี่ยมนั้นลงเอยเช่นไรกันน่ะ"
              "ฉันหวังว่า ศัตรูที่พวกนายคิดว่าได้ตายไปแล้วนั้นคงจะไม่ราวีเธอกันบ้างน่ะ" เทาฟาดิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "เออ เธอกำลังทำให้เราพลาดเที่ยวบินไปที่ครีซาแดนทาวน์กันอยู่น่ะ เทาฟาดิล" เทาฟาดิลได้ฟังก็ถึงกับกอดอกทั้งสองคู่ขึ้นมา

              แล้วทั้งหมดก็โดยสารลิสเติ้ลไดซ์ที่ท่าอากาศยาน เพื่อตรงไปยังครีซาแดนทาวน์ ซึ่งเป็นเขตเมืองของพวกครีซีแทน โดยที่....
              "นั้นมัน พวกครีซีแทนเอารถถังยักษ์แคนซาแดนซ์มาเป็นตึกรามบ้านช่องเองหรือเนี้ย ให้ตายสิ" เจเนลกล่าวเมื่อเห็นตึกทรงคล้ายหุ่นยนต์ตั้งตะง่านอยู่หลายตึกด้วยกัน
              เมดิน่าถาม "รถถังยักษ์แคนซาแดนซ์นิ มันเป็นพาหนะหรือยานรบแบบไหนกันหรือคะ"
              "ที่ถูกก็คือ มันเป็นปราการขนาดยักษ์ใหญ่เคลื่อนที่ภาคพื้นดินได้ของพวกครีซีแทน ภายใต้การนำของแลมซีนีไนซ์กันซะมากกว่าน่ะ" เนคมาดูซัมบอก "ซึ่งปราการขนาดใหญ่นี้ ไม่เพียงเป็นฐานปฏิบัติการณ์ของพวกครีซีแทนหลายร้อยหรือพันตนกันอย่างเดียว แต่มันเป็นโรงงานสำหรับผลิตบาร์คทรอน จักรกลขนาดใหญ่ของพวกครีซีแทนในตอนนั้นเอาไว้ใช้สู้รบกับพวกเฮซเทิร์ซที่บุกมาเป็นกองทัพอันมหาศาลเลยน่ะ"
              ฟูลออเรสถาม "แล้ว พวกครีซีแทนนำปราการดังกล่าวออกรบในช่วงสามปีก่อนหรือเปล่าละ"
              "ใช้ โดยเริ่มแรกแลมซีนีไนซ์ต้องการให้แคนซาแดนซ์ถูกสร้างมาถึง 10 หน่วยด้วยกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะกับพวกเฮซเทิร์ซแบบเด็ดขาด โดยได้ส่งแบบแปลนไปให้ผู้บัญชาการระดับสูงรับทราบกันไว้แล้ว เพียงแต่ ดาวที่ตั้งเป็นฐานนั้น มีทรัพยากรไม่พอที่จะสร้างตามโควต้าได้ครบ บวกกับว่าการสร้างแคนซาแดนซ์แต่ละหน่วยนั้น มันใช้งบประมาณมหาศาลอย่างมาก ชนิดที่เลี้ยงกองทัพได้ตั้งพันกอง ผลออกมาคือแคนซาแดนซ์ถูกสร้างมาได้แค่สองหน่วยเท่านั้นนะสิ" เนคมาดูซัมบอก
              เมดิน่ากล่าว "แต่ถ้ารถถังมันใหญ่มากถึงเพียงนั้น การซ่อมบำรุงก็คงจะลำบากไม่น้อยและใช้งบเยอะตามไปด้วยละสิ"
              "ถูกต้อง และเพราะเหตุนี้แหละ แคนซาแดนซ์สองหน่วยเลยถูกพวกเฮซเทิร์ซทำลายทิ้ง เนื่องจากว่าต้องเอาออกรบไปทั้งๆที่ยังซ่อมไม่เสร็จหรือไม่สมบูรณ์พร้อมใช้งานกันน่ะ" ฟิเกซบอก
              เทาฟาดิลกล่าว "ซึ่งการตัดสินใจบ้าๆของแลมซีนีไนซ์ที่สร้างของใหญ่เกินตัวนั้นคือเหตุผลที่ทำให้การรบเมื่อสามปีก่อนที่โฟลเดริม-4 ต้องลงเอยด้วยความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ทั้งพวกพ้องที่ร่วมรบจำนวนมาก รีเบิร์ทมาร์เธอร์ เหล่าวีรบุรุษที่แข็งแกร่งและทรงพลังมากที่สุดกันนี้แหละ" แล้วก็บอกไปว่า "และพอกลับมา พวกครีซีแทนก็กลายเป็นทาสแทนที่แรงงานจากโคลอสเซี่ยมที่ก่อการกบฎขึ้นมากันด้วย แลมซีนีไนซ์เลยใช้เหตุนี้เป็นจุดเริ่มการรุกรานเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ขึ้นมากันนี้แหละ"
              "แล้วช่วงมหาสงครามนั้น แลมซีนีไนซ์เอาแคนซาแดนซ์อะไรนั้นออกรบด้วยหรือเปล่าละครับ" ฟูลออเรสถาม
              เนคกี้บอก "ออกสิ เพราะตอนนั้นแลมซีนีไนซ์กับครีซีแทนใต้บังคับบัญชานั้นยึดดาวที่เป็นแหล่งทรัพยากรโลหะไปหลายดวง ซึ่งเลือกดาวที่มีแหล่งแร่เยอะๆมา จนสามารถสร้างแคนซาแดนซ์หลายสิบหน่วยกันแล้ว โดยเราได้ปะทะกับแคนซาแดนซ์ 10 หน่วยแรกที่ดาวบราดิล ระบบอ็อกซิมอลอัลฟ่ากันนี้แหละ ซึ่งถือว่าเป็นศึกแรกที่ได้ร่วมรบกับพวกพี่ใหญ่กันน่ะ"
              "แล้วก็เราสองคนด้วยนี้แหละที่ต้องมาปกป้องพวกนายกันน่ะ" ไกซ์บอก
              วิลด้ากล่าว "โอ้ว นี้พวกเธอสองคน บุกไปจู่โจมปราการขนาดยักษ์ใหญ่ของแลมซีนีไนซ์พร้อมกับเนคกี้และเนคกัสนะหรือ แล้วแคนซาแดนซ์นั้นมีตั้งสิบหน่วยกันแบบนี้ พวกเธอไม่แย่เลยหรือ"
              "จะแย่ได้ไงละคะ เพราะว่าพวกเรารบพร้อมกับกองรบของบรูโน่ และกองยานของผู้การเฮลิคเองก็มีแรคแทซตั้งสามลำ ซึ่งก็สามารถใช้ทำลายปราการแคนซาแดนซ์ได้นะคะ" มิลด์บอก "หากแต่ภารกิจมันดันมีเรื่องยุ่งยากเข้าให้ เลยทำให้ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยนะคะ"
              เบติสกล่าว "ยุ่งยากนะหรือ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันน่ะ"
              "ไอ้เสือผู้หญิงมิทด็อกซ์ ทิลเทอแรนนะสิ ไอ้เวรนั้นมันไม่เพียงยึดปืนใหญ่ภาคพื้นเพื่อใช้สอยแคนซาแดนซ์ทั้งสิบลำตัดหน้าพวกเรากันอย่างเดียว มันคิดจะฆ่าหน่วยทหารที่เป็นปรปักษ์กับตัวมิทด็อกซ์ เพราะญาติพี่น้องผู้หญิงถูกมันแอ้มและไม่รับผิดชอบ จนทำให้พวกนั้นโกรธและคิดจะฟ้องท่านนายพลให้เอาเรื่อง แต่พวกนั้นพลาดท่าให้แคนเนทที่เป็นหัวหน้าคุมกองรบในครั้งนั้นจับตัวไป เลยทำให้มิทด็อกซ์ได้โอกาสตัดปัญหาเฉพาะหน้าทิ้งด้วยปืนใหญ่กันนี้แหละ" คลอเวฟกล่าว
              สเตฟอร์ดบอก "และมิทด็อกซ์ก็ทำให้เรายั่วะไม่น้อย กับการยิงปืนใหญ่เข้าใส่กองรบแคนซาแดนซ์โดยไม่ฟังคำเตือนจากประธานาธิบดีโคเคสและผู้การเฮลิคเลย แม้ว่านั้นจะช่วยให้เราระบุตำแหน่งที่พวกทหารเหล่านั้น ถูกจับกุมเอาไว้ได้จนเข้าช่วยเหลือออกมาได้ทันนี้แหละ"
              "อ้อ ภารกิจนั้นสิน่ะ ฉันจำได้แล้วละ ว่ามันเป็นภารกิจแรกที่ฉันรู้ว่ากิซเซเบอร์และนายปรากฎตัวขึ้นมา หลังจากที่หายหัวไปตั้ง 5 ปีกันแล้วน่ะ" เบติสบอก
              แอบไบออสกล่าว "ที่จริง ฉันน่าจะฆ่ามิทด็อกซ์ตายไปซะ เพราะเหตุนั้นแหละที่ทำให้มิทด็อกซ์ที่บาดเจ็บสาหัสถูกเวสเทรซกับคนของมันแปรสภาพเป็นพวกเวโนมิไนซ์ แต่ปิดบังมิให้ใครรับรู้ว่าติดเชื้อมา กว่าจะรู้สภาพที่แท้จริงของมัน ก็คือตอนที่ไล่ต้อนมาที่ดาวของพวกเคอแรซบาร์แรค ซึ่งเป็นที่คุ้มกะลาหัวแห่งสุดท้ายของพวกแพททริค หลังจากที่ไซเมี่ยนเปิดโปงพวกนั้นลงไปแล้วนะสิ"
              "ความผิดพลาดของคุณได้ทำให้คู่อริกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวในภายหลัง ซึ่งคุณก็แก้ตัวด้วยการกำจัดทิ้งด้วยมือของคุณเองได้ก็จริง" เทาฟาดิลบอก "แต่คงไม่มีใครหน้าไหนกล้าเล่าเรื่อง ตู้เก็บเงินขนาดยักษ์ของเศรษฐีเป็ดขี้ตืดที่บ้าเงินทองและเหรียญ 1 สตางค์นำโชค ที่ถูกแคนเนทเอาไปใช้ จนระเบิดกระจุยกระจายไปเลยสิน่ะ"
              ฟูลออเรสบอก "เออ ที่พวกคุณเล่ามานิ เพราะว่ามันแค่การ์ตูนเด็กๆอย่างงั้นหรือครับ"
              "เรื่องจริงขนานแท้เลยละ ไอ้เนิร์ด" เทรอนเร็กซ์บอก
              ไรแกทบอก "เพราะว่าพวกครีซีแทนดันผ่าขโมยถังเงินขนาดใหญ่ไปติดตั้งเป็นแคนซาแดนซ์ เพื่อใช้ถล่มพวกคุณเฮลิคกันไว้ ถึงแม้ว่ามิลด์จะสามารถแฮคจนทำให้มันบินทะยานขึ้นไปได้ก็จริง แต่สุดท้ายก็....บึม แล้วเหรียญเงินเหรียญทอง ทรัพย์สมบัติ ก็ร่วงลงมาเป็นฝนตกครั้งเดียวกันนี้แหละ"
              "แล้วพวกนายก็คงจะลงไปช่วยขนด้วยละสิ" เมดิน่าบอก
              บราไทน่ากล่าว "พวกเราไม่ได้ไปด้วยกันนะสิ และรู้สึกเสียดายมากที่น่าจะขอไปกับพวกครูกันสักหน่อยน่ะ"
              "พอเลยๆ พวกเธอทุกคน พวกเราบอกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนิ ว่าทรัพย์สินที่อยู่ในถังเงินมันเป็นของคนอื่น ซึ่งเราต้องคืนเขาไป แม้ว่าส่วนมากจะให้กับคนยากคนจนที่โน่นแล้วก็ตามน่ะ" พีวิลบอก
              เทาฟาดิลกล่าว "แต่นั้นก็ทำให้ชนต่างดาวนั้นคอยเฝ้ามองท้องฟ้า ว่าฝนเงินทองจะตกอีกหรือเปล่า จนไม่เป็นอันทำมาหากินพอดีนะสิ"

              "เอาละ ตอนนี้เราเสียเวลาคุยกันมากพอแล้วน่ะ เพราะตอนนี้ เรามาถึงเขตเมืองครีซาแดนทาวน์กันแล้วละ" พลัสเชอริทบอก โดยตอนนี้ยานลิสเทิ้ลไดซ์บินเข้าสู่สนามบินอวกาศยานของตัวเมืองกันแล้ว
              "แจ่ม เมืองนี้เต็มไปด้วยพวกครีซีแทนทุกประเภทเลยนะเนี้ย" สเปียริทบอก เมื่อเห็นครีซีแทนแบบเวิร์คเกอร์มาสเตอร์ แบบทหารหรือครีซีทาฟอส และฮาร์ฟครีซีแทนที่เป็นมนุษย์ที่มีแขนขาแบบครีซีแทนอยู่ด้วย
              "แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนแบบนายอยู่ไม่ค่อยเยอะเลยน่ะ" พีวิลบอก เพราะเห็นฮาร์ฟครีซีแทนอยู่เพียงประปรายเท่านั้นเอง
              เจเนลบอก "ฉันเองก็ไม่หวังอะไรมากมายนักหรอกน่ะ เพราะเท่าที่ฟังมา ว่าเมืองนี้มีเฉพาะพวกครีซีแทนขนานแท้อาศัยอยู่น่ะ"
              "และไม่คิดเลยว่า พวกนายจะแวะมาเยี่ยมกันถึงที่ ทั้งๆที่พวกนายควรจะอยู่ในเขตเมืองแห่งแรกของแคสเซเดี่ยนกันแล้วน่ะ" ครีซีแทนเกราะสีขาวซึ่งสวมหมวกที่มีขอบสีเงิน มีเขารูปสามเหลี่ยมติดกลางด้านหน้าหมวก มีดวงตาสีเทา และขอบตาสีดำเข้มอยู่ด้วย
              เจเนลเห็นหน้าก็กล่าว "นายคงจะเป็น เรย์แม็กซ์ ผู้ว่าการของเมืองนี้ ซึ่งเป็นผู้นำของพวกครีซีแทนคนปัจจุบันเลยสิน่ะ"
              "แอร์ไพล์มมิสและแคร์เรี่ยนคงจะเล่าให้นายกับพวกเนคเกอร์ทราบแล้วสิน่ะ" เรย์แม็กซ์กล่าวโดยยื่นมือสีฟ้ามาจับมือเจเนลไว้ "ถึงแม้ว่าฉันอยากจะให้แคร์เรี่ยนหรือแอร์ไพล์มมิสเป็นผู้นำกลุ่มมากกว่าฉันเสียอีก เพราะฉันไม่ค่อยชอบทำงานใหญ่ๆที่ต้องคุมครีซีแทนทุกตนให้อยู่ในการปกครองกันเลยน่ะ"
              ฟิเกซบอก "ส่วนหนึ่งเพราะว่านายเป็นคนที่คัดค้านโปรเจคสร้างแคนซาแดนซ์ของแลมซีนีไนซ์ จนทำให้เบื้องบนเบรคการสร้างจากเดิม 10 หน่วยลงเหลือสองหน่วยเอง และส่งผลให้แลมซีนีไนซ์แค้นนายที่มาทำให้โปรเจคเสียหาย เลยส่งคนมาเพื่อจัดการกับนายและพวก ซึ่งถูกส่งไปประจำการที่สถานีอวกาศเอาท์ชาร์ฟ เพื่อทำการซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์ในนั้นเลยสิน่ะ"
              "ใช่ และต้องขอบใจพวกนายด้วยที่ช่วยขัดขวางแผนการบ้าๆของแลมเซนและแลมซีนีไนซ์กันไว้ เลยทำให้แอร์ไพล์มมิสพาพวกตามหาฉันและพวกเจอ แล้วก็ชวนฉันมาร่วมรบด้วย แม้ว่าฉันจะปฏิเสธที่จะไปมีเรื่องกับกองทัพฝ่ายจักรวรรดิ์กันน่ะ" เรย์แม็กซ์บอก "แต่ถ้าไม่เพราะว่าพวกแรซัลก้าส่งเวโนมีไนซ์ก่อความเดือดร้อน รวมถึงอนุญาตให้สมุนของบาร์ซอร์และฟรีทเทรเซีย ซึ่งเป็นแมนิเกเตอร์ตัวแสบที่สุดออกก่อกวนกันด้วย จนทำให้รีเบิร์ทมาร์เธอร์สิ้นชีพไปกันหมดเช่นนี้ ความอดทนของฉันจึงหมดลงและต้องร่วมมือกับกองรบของฝ่ายประธานาธิบดีกันนี้แหละ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "แล้วนายคงจะทราบเรื่องของไวล์สเลฟกันบ้างสิน่ะ"
              "แคร์เรี่ยนเล่าให้ฉันฟังมาแล้วละ ว่าไอ้เลวระยำนั้นมันก่อเรื่องอะไรกันบ้าง นับตั้งแต่แลมซีนีไนซ์สิ้นชีพด้วยน้ำมือของเนคเกอร์ที่ดาวของพวกชาวดาวฤกษ์กันนั้น ฉันต้องหงุดหงิดมากขึ้นเพราะต้องดูแลเหยื่อที่เป็นผลงานของไอ้เลวระยำกันไปด้วยน่ะ" เรย์แม็กซ์กล่าว "และฉันรู้สึกไม่พอใจมากกว่าเก่า เมื่อรู้ว่าไอ้เลวนั้นมันยังลอยนวลและก่อความเดือดร้อนกันไว้ ผ่านอดีตสมุนที่แคร์เรี่ยนและแอร์ไพล์มมิสช่วยเอาไว้ทั้ง 2 คน ซึ่งพวกเขาอาสามาที่นี้โดยที่แคร์เรี่ยนและแอร์ไพล์มมิสไม่ยินยอมกันจริงๆน่ะ"
               แอนเดรียบอก "แปลว่า การทดสอบของพวกคุณคงจะอันตรายมากเลยสิคะ"
              "อันตรายมากหากคนที่เข้ารับการทดสอบเป็นฮาร์ฟครีซีแทนนี้แหละ" เรย์แม็กซ์บอก โดยพาพวกไทรเวเซอร์ออกจากสนามบินอวกาศยานเพื่อเข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งแล่นมาถึงอาคารศูนย์กลางหลักที่เป็นอาคารทรงแคนซาแดนซ์แบบ 5 ชั้น โดยมีอาคารทรงแคนซาแดนซ์ 3 ชั้นอีก 4 หลังล้อมรอบไว้
              "โอ้ว การทดสอบของนาย มีครีซีแทนมากหน้าหลายตาเข้าร่วมกันไม่น้อยน่ะ" เจเนลกล่าว
              "พวกเขาต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังป้องกันดวงดาวแห่งนี้นะสิ เลยเลือกจะเข้าร่วมกันทั้งหมด ว่าพวกเขาพร้อมจะออกรบได้หรือเปล่า" เรย์แม็กซ์กล่าว "ถึงแม้ว่าฉันจะห้ามพวกฮาร์ฟครีซีแทนเอาไว้ เพราะฉันจะให้พวกเขาเป็นกำลังสำรองก็ตาม ไม่นึกเลยว่าจะมีหลุดมาสองหน่วยกันน่ะ" โดยชี้มายังนิคและรีฟที่กำลังตรวจสอบข้อมูลอาวุธของตนเองกันอยู่ ซึ่งทั้งคู่เห็นพวกไทรเวเซอร์มาด้วยก็ดีใจไม่น้อย
              "ถ้าเช่นนั้น เราขอคุยกับทั้งคู่กันหน่อยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              "ย่อมได้อยู่แล้ว เพราะกว่านิคและรีฟจะเข้ารับการทดสอบก็ลำดับที่ 50 และ 51 กันนี้แหละ" เรย์แม็กซ์บอก โดยให้นิคและรีฟเดินมาหา ส่วนตนเองเดินออกไปเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบ
              "พวกคุณคงจะลำบากไม่น้อยนะครับ กับการแข่งขันอันหนักหน่วงกันน่ะ ผมนึกว่าพวกคุณจะไม่รอดเสียอีก" นิคกล่าว
              "แน่ละ แต่พวกเราก็เอาตัวเองกลับมาพร้อมกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่กันอยู่แล้วน่ะ" เจเนลบอก "ถ้าคิดจะขอบคุณเราละก็ ควรจะขอบคุณความบ้าและงี่เง่าของคลอเวฟกันดีกว่าน่ะที่ช่วยพาให้เราเข้าสู่วงการจนได้แชมป์กันน่ะ"
              คลอเวฟย้อนด้วยความโมโห "โฮ่ย ดีๆหน่อยนะโว้ย ถ้าไม่เพราะไอ้เวรปากดีมันกวนตีนกับฝ่ายเราก่อนละก็น่ะ"
              "แต่อย่างน้อย พวกคุณก็พยายามไม่น้อยนะคะ กับความพยายามเอาชนะพวกเดลอาเนี่ยนผ่านการแข่งขันด้วย ซึ่งนั้น ก็ทำให้พวกเราอยากจะผ่านการทดสอบนี้ด้วยคะ" รีฟบอก
              ฟิเกซบอก "ด้วยการหลอกแอร์ไพล์มมิสและแคร์เรี่ยนให้เซ็นอนุมัติส่งพวกเธอสองคนมานิ มันไม่เข้าท่าเลยน่า"
              "คิดซะว่า เราแค่อยากรู้ว่าขีดความสามารถของพวกเรา พร้อมที่จะช่วยเหลือกองรบของคุณเรย์แม็กซ์ได้เหมือนกับที่ช่วยหัวหน้าแคร์เรี่ยนกันนะคะ" รีฟบอก
              นิคกล่าว "แต่การทดสอบนั้นมันหนักเกินไปหน่อยน่ะ เพราะหัวหน้าแอร์ไพล์มมิสบอกว่าการทดสอบนี้มีครีซีแทนที่ไม่ผ่านการทดสอบเลยน่ะ"
              "นั้นก็ดีกว่าปล่อยให้คุณหนีไปสู้กับไวล์สเลฟกันอีกตามเคยน่ะ" รีฟกล่าว
              โฟรซ่ากระแอ่มพร้อมกับบอกว่า "พอเถอะน่า รีฟ ตอนนี้พวกเธอไม่ควรทะเลาะกัน เนื่องจากว่าพวกเธอต้องมีสมาธิกับเรื่องที่ทำอยู่ด้วยน่ะ" รีฟพยักหน้า
              "เธอเองก็ด้วยนะ นิค เธอต้องตั้งใจมากกว่านี้ และอย่าวอกแวกกันด้วยละ" เจเนลบอก
              นิคพยักหน้า "ถ้าขนาดพวกคุณใช้ความพยายามในการแข่งขันจนกำชัยชนะมาได้ พวกเราก็ต้องพยายามด้วยนะครับ"
              "เหล่าผู้เข้าร่วมการทดสอบ กรุณาไปเตรียมตัวกันในห้องประจำตัว ส่วนผู้สังเกตุการณ์กรุณาไปอยู่ในโซนเฝ้าดูที่จัดหามาให้กันด้วย" เจ้าหน้าที่ครีซีแทนหญิงกล่าว นิคและรีฟเลยต้องลุกขึ้น
              "เออ พวกเราขอตัวก่อนนะคะ" รีฟกล่าว แล้วเธอก็เดินไป โดยที่นิคเดินตามมา

              "เยี่ยม เราได้เห็นการทดสอบจากระยะใกล้กันเลยสิน่ะ" สเปียริทบอก ซึ่งตอนนี้พวกไทรเวเซอร์อยู่ในห้องที่มีที่นั่งเรียงกันเป็นแถว โดยจายด์เลือกนั่งอยู่บนสุดเพื่อมิให้กีดขวางคนอื่นที่อยู่ด้านหลังมา
              เรย์แม็กซ์กล่าว "ห้องนี้จะเห็นการต่อสู้ของครีซีแทนที่อยู่ในห้องทดสอบที่ใช้ระบบซีมูเลชั่นแบบสมจริง ซึ่งพวกครีซีแทนอย่างพวกเราจะใช้สำหรับทดสอบอาวุธที่มีความรุนแรงมาก จนมีผลเสียต่อสภาพแวดล้อมกันไว้ มากกว่าจะให้ไปทดสอบจริงในสถานที่จริงไว้นะสิ"
              "แม้กระทั่งซ้อมการต่อสู้ก็ด้วยสิน่ะ" พีวิลบอก
              เทาฟาดิลกล่าว "แต่การสู้รบจริงนั้นจะไม่มีการสั่งหยุดแบบนี้ขึ้นมา และหากใครถูกฆ่าตายไปก็ต้องตายกันจริงๆด้วยนะ"
              "เธอจะเอาจริงไปถึงเมื่อไหร่กันละยะ ในเมื่อพวกเรามาแค่ดูเฉยๆน่ะ" สเปียริทบอก
              เทาฟาดิลบอก "ฉันแค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้นแหละน่ะ ถึงแม้ว่าเธอจะเคยเป็นใครมาก่อน" แล้วก็บอกไปว่า "แต่ท่านรัคชูมี่ห้ามปรามฉันในเรื่องนี้เอาไว้ เพราะมันไม่จำเป็นต่อเธอ และขัดต่อหน้าที่ที่ฉันกำลังรับผิดชอบกันนี้แหละ"
              "เรียนท่านเรย์แม็กซ์ ผู้นำของครีซีแทนมากล่าวเกี่ยวกับการทดสอบการต่อสู้แบบบุคคลกันได้แล้วละคะ" ครีซีแทนหญิงบอดี้สีฟ้ากล่าวโดยให้เรย์แม็กซ์กล่าวต่อผู้เข้ารับการทดสอบทั้งหลายที่ออกมาจากห้องไปว่า
               "เนื่องจากว่า ทางเรานั้นมีบุคคลากรในด้านทางทหารที่น้อยมาก ถึงแม้ว่าพวกท่านจะสามารถผ่านการทดสอบเพื่อเข้าสู่กองกำลังปกป้องดาวของทางเราเองได้กันก็จริง แต่....ผู้ที่เข้ามาสมัครในคราวนี้ ถือว่าเยอะมาก และเยอะเกินอัตราโควต้าที่เรารับไว้ ซึ่งก็คือ 500 หน่วยด้วยกัน" แล้วก็กล่าวอีกว่า "บวกกับว่าทางเรามิได้บังคับว่าให้ครีซีแทนขนานแท้ หรืออดีตมนุษย์ที่มีแขนอาวุธแบบครีซีแทนเข้าร่วมกันด้วย เลยทำให้มีผู้สมัครเข้าร่วมการทดสอบนี้ มีเยอะถึง 900 ตนด้วยกัน ทั้งที่มาจากที่ดาวดวงนี้และแคสเซเดี่ยน-3 ด้วย ด้วยจำนวนมากเช่นนี้ เราจำต้องใช้วิธีทดสอบเพื่อคัดหาเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถมากพอ มีความตั้งใจที่จะต่อสู้เพื่อพิทักษ์ดวงดาว ปกป้องอธิปไตยทั้งท้องที่แห่งนี้ ที่อื่นๆ รวมถึงทั้งระบบดาวกันด้วย"
              "นั้นก็เยอะมากเลยนะเนี้ย ตั้งเกือบพันเลยน่ะ" จิลกล่าวอย่างอึ้งๆ
              เรย์แม็กซ์บอก "ดังนั้น เพื่อให้ทุกๆท่านยอมรับในการตัดสินของคณะกรรมการ ฉันจึงอยากจะให้ทุกๆคนสาบาน ว่าจะปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์ที่ให้ไว้ เมื่อรู้ว่าทำผิดกฎก็ต้องยอมรับกฎเกณฑ์ แต่ถ้ารู้ว่าไม่ได้ทำผิด ก็มีสิทธิ์ที่จะพิสูจน์ให้คณะกรรมการรับรู้ได้ หากผลการทดสอบเป็นเช่นไร ก็ขอให้ยอมรับในผลลัพธ์นั้นๆ ไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้ก็ตามกันน่ะ" แล้วทั้งหมดก็กล่าวคำสาบานกันไว้ "ในเมื่อพวกท่านสาบานกันไว้แล้ว งั้นก็เริ่มการทดสอบเพื่อคัดเลือกเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ในกองกำลังพิทักษ์ดวงดาวกันได้เลย"
              "อยากรู้จังว่าเรย์แม็กซ์จะทดสอบพวกครีซีแทนทั้งหลายกันยังไงน่า" ไซโคลเนียบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "แต่คนมาเยอะแบบนี้ จะให้ทดสอบกันยังไงละ" แม้ว่าสายตาของเธอจะพล่ามัวไปเลยก็ตาม
              "เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่มาเยอะ ฉันจึงให้มีการทดสอบ ด้วยการลงมือปฏิบัติกันจริงๆให้ทางเราเห็นกันไปเลย" เรย์แม็กซ์บอก "ผู้ทดสอบจะเข้าไปในห้องซีมูเลเตอร์ทั้ง 10 ห้อง ซึ่งจะสมมุติเหตุการณ์เผชิญหน้ากับพวกศัตรูที่ปรากฎขึ้นมา ให้ผู้เข้ารับการทดสอบ ใช้อาวุธที่เซตมาอยู่ในแขน โดยกำหนดให้ผู้รับการทดสอบนำติดตัวไปได้เพียง 3 ชิ้นเท่านั้น และให้ใช้ได้เพียงแค่อย่างละครั้งเท่านั้น ใครที่ไม่สามารถแก้สถานการณ์ที่กำหนดแบบสุ่มภายในเวลา 3 นาที หรือขอยุติหรือล้มเลิกไม่ว่าจะเพราะเหตุผลกลใด แม้กระทั่งบาดเจ็บสาหัสระหว่างปฏิบัติการณ์นั้น จะถือว่าไม่ผ่านทดสอบ ซึ่งรวมไปถึง การฝ่าฝืนผิดกฎกันด้วย โดยเราจะไม่บอกกับพวกเธอก่อน แต่จะบอกให้ทราบหลังจากที่ออกมาจากห้องและมีการตัดสินไปแล้ว"
              "เยี่ยม ทดสอบทีละสิบราย ภายในเวลา 3 นาทีเช่นนี้ นั้นช่วยได้มากเลยน่ะ" โฟรซ่าบอก
              เรย์แม็กซ์บอก "ดังนั้น จะเริ่มการทดสอบช่วงเช้า ตั้งแต่ 10 โมงถึง 12 โมง และช่วงบ่าย ตั้งแต่ 13 นาฬิกาถึง 17 นาฬิกา ฉะนั้น ขอให้เบอร์ 1-10 ออกมาข้างหน้า เบอร์ 11-20 เตรียมพร้อมรอเข้าต่อไปได้เลย" แล้วผู้เข้าร่วมการทดสอบ ซึ่งเป็นเวิร์คเกอร์มาสเตอร์ 6 หน่วย และครีซีแทนแบบทหารอีก 4 หน่วยก็ก้าวออกมาข้างหน้า เรย์แม็กซ์จึงพยักหน้าเพื่อให้เจ้าหน้าที่ "ปี้บบบ" กดปุ่มไฟสีเขียวเพื่อให้ผู้รับการทดสอบทั้ง 10 เข้าห้องซีมูเลเตอร์เพื่อทำการทดสอบขึ้นมา "กรรรรรรร" ซีมูเลเตอร์ส่งศัตรูที่เป็นหุ่นกวางผสมหมูป่าที่มีเขาเป็นไฟพุ่งเข้าจู่โจมด้วยความเร็วสูง "ฮึย ย้ากกก" เวิร์คเกอร์มาสเตอร์ยิงกระสุนไฟฟ้าเข้าช็อตใส่ แต่มันหลบออกมาได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ครีซีแทนตนอื่นๆเจอกับศัตรูที่แตกต่างกันไปด้วย ตั้งแต่ศัตรูที่เป็นพวกแมนิเกเตอร์เผ่าอื่น พวกเดลอาเนี่ยน ไปจนถึงหุ่นรูปสัตว์ผสมกันด้วย
              "โอ้ว ครีซีแทนสีแดงนั้นมันพยายามจะใช้ระเบิดเป่าเศษหินที่กองอยู่ใต้อุโมงค์แบบนั้นมันงี่เง่ามากเลยน่ะ" ไรแกทบอก
              พาลกีสกล่าว "ตัวทหารนั้นพยายามจะใช้พลังพายุเป่าพวกต่างดาวผลึกออกไป แถมยังยิงคลื่นน้ำแข็งเพื่อหยุดยั้ง ก่อนจะยิงเลเซอร์เข้าใส่ไปทั้งๆที่พวกมันสะท้อนแสงได้เช่นนี้ พวกนี้คิดผิดหรือเปล่านิ"
              "แน่ละ เพราะว่าพวกเขาเซตอาวุธที่เหมาะสมกับที่พวกเขาใช้ แต่พอเจอสถานการณ์ที่ต่างกันสุดขั้วและถูกบีบให้ต้องใช้สิ่งที่มีกันนั้น ไม่แปลกหรอกที่การทดสอบนั้นจะลงเอยด้วยการไม่ผ่านเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เจเนลกล่าว "ถึงแม้ว่านั้นจะช่วยในการลดจำนวนผู้ไม่ผ่านลงไปได้เยอะก็จริง แต่ก็ทำให้คนอื่นไม่พอใจได้กระมั่ง" เพราะเห็นครีซีแทนแบบใช้อาวุธพลังน้ำ ซึ่งติดอาวุธพลังลมและพลังแสง ต่อกรกับหุ่นตัวนิ้มที่ใช้กระดองเต่ายักษ์เป็นตัวป้องกันไว้โดนเล่นงานจนล้มหมดสติไป ในขณะที่อีกตนซึ่งเป็นครีซีแทนเบลดคัตเตอร์ ใช้ดาบต้องมาต่อกรกับหุ่นเสือผสมสิงโตที่มีกงเล็บแสงอาทิตย์ที่หลังแขนและเล็บเท้าอันคมกริบ โดยใช้แขนอาวุธยิงกระสุนเกล็ดน้ำแข็งเข้าใส่เพื่อหยุดการโจมตี และโจมตีด้วยดาบไปสามที แล้วก็ปิดท้ายด้วยคลื่นเพลิงวิ่งตามพื้นจนทำให้หุ่นเสือผสมสิงโตจนไฟไหม้และระเบิดไป ซึ่งการทดสอบ 10 หน่วยแรกจบลง ชุดต่อมาเลยเข้าทำการทดสอบต่อ

              "เบอร์ 41 ถึง 50 เข้าสู่การทดสอบกันได้เลย" เจ้าหน้าที่ฝ่ายทดสอบกล่าว โดยกลุ่มที่รีฟอยู่นั้นก้าวเข้าไปในห้องหลังจากที่ชุดที่ 4 ออกมากันแล้ว ซึ่งรีฟอยู่ในห้องที่ 10 โดยเจ้าหน้าที่มอบโจทย์ให้รีฟทำการทดสอบด้วยการ.... "แว้งงงง แว้งงงง แว้งงงง" สร้างหุ่นสัตว์ผสมขึ้นมา
              "นี้มันยากเกินไปหน่อยหรือ กับการให้หุ่นสัตว์ผสมแบบสามตัวรวมกันน่ะ ทั้งๆที่คนอื่นๆใช้สองตัวรวมกันน่ะ" สเปียริทบอก เมื่อเห็นหุ่นสัตว์รวมร่างเป็นหุ่นด้วงเขี้ยวกางผอมเพียวที่ติดใบมีดบนหัว หุ่นด้วงกว่างพลังหลุมดำและหุ่นตั้กแตนตำข้าวสีดำผสมกันขึ้นมา จนกลายเป็นหุ่นด้วงที่มี 6 แขนด้วยกัน โดยรีฟ "ครี้งงงง" เปิดเฟสการ์ดและสวมแว่นเพื่อเข้าสู่โหมดปฏิบัติการณ์ขึ้นมา
              "แย่แล้วสิเนี้ย อีวิลกูลาร์สามตัวนั้น ในข้อมูลล้วนเป็นระดับเอบวกกันทั้งนั้นน่ะ" ไซโคลเนียดูข้อมูลหุ่นอีวิลกูลาร์สัตว์แบบแมลงสามตัวดูก็อุทานด้วยความตกใจขึ้นมา
              เนคมาดูซัมกล่าว "แถมเอามารวมร่างนั้น ก็กลายเป็นตองเอบวก รีฟเจอศัตรูตัวสุดเขี้ยวเข้าให้แล้วสิ"
              "แต่รีฟจะเอาชนะได้หรือคะ เพราะเธอเป็นฮาร์ฟครีซีแทน ซึ่งเสียเปรียบอย่างมากในแง่กายภาพกันน่ะ" เมดิน่าบอก
              เจเนลกล่าว "ไม่รู้ว่าเรย์แม็กซ์คิดยังไงกันน่า ถึงให้บททดสอบที่เขี้ยวสุดๆแบบนั้น แถมเราไม่สามารถเข้าไปช่วยกันด้วยน่ะ"
            "เริ่มการทดสอบได้" เรย์แม็กซ์กล่าว แล้วอีวิลกูลาร์แมลงสามประสานบุกเข้าใส่รีฟ "ฟ้าวววววว" โดยบุกมาอย่างรวดเร็ว รีฟเลยรีบกระโดดหลบถอยหลังไปเพราะ "หวับบบบบ" อีวิลกูลาร์แมลงหวดแขนคมดาบตั้กแตนตำข้าวเข้ามาในทันทีที่ปรากฎตัว แล้วก็ "ไชน์นิ่งแฟลร์" ยิงกระสุนแสงเข้าใส่อีวิลกูลาร์แมลงจนชะงัก แล้วก็ "ฟิ้วๆๆๆ" กระหน่ำยิงใส่ไปอีก 4 ดอกจนทำให้มันถอยหลังไป แต่ก็ "หวับๆๆๆๆๆๆๆ" ปล่อยบูมเมอแรงใบมีดบนหัวออกมา "สปาร์คเซเบอร์" รีฟโต้ตอบกลับด้วยดาบพลังสายฟ้าเข้าใส่ จน "เปรี้ยะๆๆๆๆๆ ป้ากกกกก" ผ่าบูมเมอแรงจนขาดเป็นสองท่อนอย่างจังๆ พร้อมกับ "ป้ากก ป้ากก ป้ากก" ฟันใส่อีวิลกูลาร์แมลงสามประสานไปเต็มๆ "งึงๆๆๆๆ ตรุ้งๆๆๆๆ" จนทำให้มันปล่อยหลุมดำออกมาสองลูกด้วยกัน ซึ่งรีฟก็รีบกระโดดถอยหลังและรีบวิ่งหลบอย่างรวดเร็ว แต่กระสุนหลุมดำพุ่งเข้ามาด้านหน้าเธอไว้ เธอเลยพยายามวิ่งต่อ
              "ไม่ไหวหรอก กระสุนหลุมดำจากอีวิลกูลาร์ด้วงกว่าง มันจะไม่หายไปจนกว่าจะเจออาวุธแรงดึงดูดหรือโดนเข้าเป้าหมายไปเองนะสิ" เนคมาดูซัมกล่าว
              "เหลืออีก 1 นาที 20 วินาทีแล้ว รีฟจะแก้ไขยังไงกันน่ะ" จิลกล่าว
              รีฟเห็นดังนั้นเลยจำต้อง "ย้า ชาร์โดวเบลด" แบมือขวาเพื่อสร้าง "แว้งงงงง งึงๆๆๆ ครี้งงงง" ดาวกระจายสี่แฉกขนาดใหญ่สีดำขึ้นมา โดยที่ "หวับ หวับ หวับ" กวาดแกว่งใส่หลุมดำที่พุ่งเข้ามาจน "ป้าง ป้าง ป้าง" หลุมดำทั้งสามสลายหายไปในทันที
              "โว้ว นี้รีฟ มีอาวุธดีแบบนั้นด้วยหรือเนี้ย" เจเนลอุทานอย่างอึ้งๆ โดยรีฟกำดาวกระจายแล้วก็ "เอ้ ย้า" ซัดมันเข้าใส่อีวิลกูลาร์แมลงสามประสานอย่างรวดเร็ว "ป้ากกกกก" จนดาวกระจายปักคาหน้าอกของมันให้ "งึงๆๆๆ ตรูมมม" เป่าระเบิดจนสลายไปอย่างฉับพลัน เป็นการจบการทดสอบของรีฟ และผู้เข้ารับการทดสอบอีก 9 ตนขึ้นมา
              "เหลือเชื่อ นี้รีฟใช้อาวุธนี้ได้เลยหรือ ทั้งๆที่....เธอไม่ค่อยได้ใช้มันเลยสักครั้ง ไม่สิ ไวล์สเลฟคงใส่มันไว้ในแขนของเธอโดยที่เราไม่ทราบแน่ๆเลยละ" นิคกล่าวขึ้นมา โดยที่รีฟก้าวเดินออกมาในสภาพที่เหนือยอ่อนไว้ ซึ่งนิคพยายามจะเดินเข้าไป แต่...

              "เบอร์ 51 ถึง 60 เข้าสู่การทดสอบได้" เจ้าหน้าที่ฝ่ายทดสอบกล่าวขัดขึ้นมาเสียก่อน จนทำให้นิคจำต้องเข้ารับการทดสอบโดยเร็ว ซึ่งเขาเดินสวนกับรีฟด้วยสีหน้าที่มั่นคง เพราะเขาต้องให้ความสำคัญกับการทดสอบแล้ว
              "แว้งงง แว้งงง แว้งงงง" แน่นอนว่านิคเจอเคสเดียวกันกับรีฟเข้า เพียงแต่.... "นี้กะจะเอาให้ถึงตายเลยหรือวะ" ไลเอิร์ทบอก เมื่อเห็นอีวิลกูลาร์ช้างพ่นเพลิงรวมร่างกับหุ่นหมีกงเล็บใหญ่ข้างซ้าย กับหุ่นควายพลังน้ำแข็ง จนกลายเป็นหุ่นหมีที่มีเขาควายติดอยู่ โดยมีแขนกงเล็บขนาดใหญ่ทั้งสองข้างซึ่งมีท่อนล่างเป็นหุ่นช้างแบบสี่ขาแต่มีหัวช้างประทับเอาไว้ด้วย
              เบติสบอก "ตายละ นิโคลัสเจอระดับเอสคู่เช่นนี้ ถ้าไม่รีบบอกยกเลิกเองละก็ คงไม่ดีแน่นอนน่ะ"
              "เริ่มการทดสอบได้" เรย์แม็กซ์สั่ง แล้วอีวิลกูลาร์หมีควายร่างช้างก็ "หวับบบ ตรึงงง" จ้วงแขนกงเล็บที่ยืดส่วนมือออกฟาดลงพื้นใส่นิค ซึ่งรีบโดดหลบถอยหลังโดยเร็ว แล้วรีบกระโจนไปข้างหน้าเพื่อจู่โจมด้วย "ไนท์แฟลชเบลด" การฟาดฟันดาบเข้าใส่ท่อนบนของอีวิลกูลาร์ร่างยักษ์อย่างรวดเร็วถึง 4 ทีด้วยกัน "เพี้ยะ" แต่ก็ถูกหัวช้างตวัดงวงปัดกระเด็นไป พร้อมกับ "ตรุ้งๆๆๆๆ" ยิงกระสุนเพลิงออกจากงวงเข้าใส่นิคซ้ำ "ดริฟท์ไดรมอนด์" นิคโต้ตอบกลับด้วยการยิงกระสุนเกล็ดน้ำแข็งเข้าทำลายกระสุนเพลิงไปโดยเร็ว พร้อมกับรีบวิ่งวนไปรอบๆเข้า
              "ไม่ดีแล้วละ นิคใช้อาวุธไปสองอย่างแล้ว จนเหลือเพียงอย่างเดียว ซึ่งนิคไม่มีทางใช้ซ้ำกันแน่ๆเลยละ" วิลด้าบอกอย่างหวั่นเกรง
              "ไอ้บ้านั้นคงไม่บุกแบบบ้าดีเดือดกันบ้างน่ะ ต่อให้มันหง่อยมาตลอด 2 สัปดาห์เลยน่ะ" ชาร์เครฟกล่าว
              บัลตาฟรีบอก "หวังว่าคุณนิคคงจะโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามกันได้บ้างนะคะ เพราะเวลาเหลือเพียง 40 วินาทีแล้ว"
              "ฉันคิดว่า นิคต้องทำได้แน่ๆเลยละ เพราะมันต้องใช้อาวุธชิ้นที่ตัดแขนขาของไอ้แพนเนสกันน่ะ" เจเนลบอก และเป็นอย่างที่เจเนลคาดไว้ เพราะนิคตัดสินใจโต้ตอบด้วย "เอาไปเลย ควิกบูมเมอแรงคัตเตอร์ ชาร์จช็อต" การยิงบูมเมอแรงใบมีดแบบโค้งสี่อันพุ่งเข้า "ฉืบๆๆๆๆๆๆ" กรีดตัดคอ ท้อง วงแขนและข้อต่อขาทั้งสี่ให้ขาดสะบั้นลง "งืงงงงง ตรึงงงง" จนล้มลงและระเบิดไปในทันที ซึ่งก็จบการทดสอบได้ลงก่อน 11 วินาทีสุดท้ายด้วยกัน
              "อืมมมมม" เรย์แม็กซ์ได้มองดูการทดสอบของนิคและรีฟแล้ว ก็กวักมือเรียกเจ้าหน้าที่ให้เข้ามากระซิบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ฟังก็แจ้งให้ "เบอร์ 1 ถึง 60 ไปรับการพิจารณาจากท่านเรย์แม็กซ์ในห้องประชุมหมายเลข 5 กันเดียวนี้เลย ที่เหลือ รอการทดสอบในอีก 10 นาทีก่อน และห้ามเข้าไปเปลี่ยนชุดอาวุธกันอีกครั้ง ใครฝ่าฝืนจะถูกปรับให้ไม่ผ่านในทันที" นิคที่พึ่งออกมากับรีฟที่นั่งอยู่ก็ได้ฟัง เลยเข้าไปยังห้องประชุมพร้อมกับผู้รับการทดสอบอีก 58 ตนด้วยกัน
              มิลด์บอก "สงสัยว่าคงจะแจ้งผลการทดสอบกันแล้วสิน่ะ ว่านิคและรีฟผ่านการประเมินน่ะ"
              "งั้นหรือ เกรงว่าเรย์แม็กซ์จะรู้ว่ามีใครทำผิดกฎกันแล้วนะสิ" เทาฟาดิลบอก
              เจเนลกล่าว "ภาวนาว่า นิคและรีฟคงจะไม่ฝ่าฝืนกฎบางอย่างกันน่ะ เพราะทั้งคู่ทำตามกฎการทดสอบกันไปแล้วน่า"

              แต่ทว่า.....
              "เป็นความจริงนะหรือ เรย์แม็กซ์ นี้ไม่ได้โกหกใช่มั้ยละ" พีวิลถาม เรย์แม็กซ์พยักหน้า โดยตอนนี้ นิคและรีฟยืนอยู่กันแล้ว พร้อมกับมีแถบกระดาษสีดำติดบนบ่าไว้ด้วย ซึ่งผู้นำครีซีแทนได้ชี้แจงไปว่า
              "เป็นความจริง นิคและรีฟ ถูกปรับให้ไม่ผ่านการทดสอบเพราะฝ่าฝืนกฎที่ไม่ได้ชี้แจงกันไว้ก่อนหน้า และเป็นข้อห้ามระดับเอกันเสียด้วยน่ะ"
              "แต่ ทั้งคู่ เอาชนะอีวิลกูลาร์ด้วยอาวุธอันทรงพลังไปแล้วนิ ก็ไม่น่าที่จะให้ปรับไม่ผ่านกันได้เลยนิหว่า" เจเนลบอก
              เรย์แม็กซ์กล่าว "นายอาจจะคิดอย่างงั้นและอนุมัติให้ทั้งคู่ผ่านได้ก็จริง แต่....กับพวกเรา ยังไงก็ไม่ให้ผ่านกันอยู่ดีนี้แหละ"
              "นายกำลังจะบอกว่า ทั้งชาร์โดวเบลดของรีฟ และควิกบูมเมอแรงคัตเตอร์ของนิค เป็นอาวุธต้องห้ามสำหรับฮาร์ฟครีซีแทนนะหรือ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เรย์แม็กซ์บอก "เปล่า ที่ผิดนั้นคือนิคและรีฟต่างหากละ ทั้งคู่เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์ระดับซี แต่ใช้อาวุธที่เจ้าหน้าที่ครีซีแทนทุกประเภทในระดับเอใช้กัน ซึ่งฝ่าฝืนกฎในแง่ที่ว่า ห้ามใช้อาวุธระดับสูงเกินจากระดับคลาสที่เป็นอยู่นะสิ"
              "คุณคงจะกลัวว่า นิคและรีฟยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะใช้อาวุธเหล่านั้นได้เลยสิคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              เรย์แม็กซ์พยักหน้า "ต่อให้เป็นอาวุธที่ได้รับช่วงต่อมาจากเจ้าของคนเดิม ถูกติดตั้งเอาไว้จากอีกคนไม่ว่าจะเป็นอาชญากรหรืออีวิลกูลาร์มา อาวุธเหล่านั้นจะต้องไม่ถูกใช้หรือ ต้องถูกผนึกเอาไว้จนกว่าครีซีแทนและฮาร์ฟครีซีแทนที่มีอาวุธจะพร้อมทั้งทางกายและทางใจ และมีประสบการณ์มากพอจนเหมาะสมแก่ระดับที่สูงขึ้น เพราะอาวุธระดับเอที่ทั้งคู่ใช้นั้น ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนการใช้งานและทำให้อาวุธนั้นอยู่ในสภาพที่ควบคุมได้ หาไม่แล้ว แทนที่ทั้งคู่จะใช้อาวุธนั้นจัดการกับศัตรู อาวุธนั้นจะเข้าจัดการกับทั้งคู่และพวกเดียวกันที่อยู่ใกล้ไปเสียเอง จนเกิดการสูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ขึ้นมานี้แหละ"
              "แต่ ฉันเห็นนิคใช้บูมเมอแรงใบมีดตัดแขนตัดขาของไอ้มือขวาของริชเชลลิอาร์ลกันแล้วนิ มันก็ไม่น่าเป็นปัญหาไปได้เลยนิน่า" เจเนลบอก
              เรย์แม็กซ์บอก "เป้าหมายของนิคไม่ใช่แค่แพนเนสหรอก เพราะในตอนนั้น ไวล์สเลฟก็อยู่ด้วย ฉันจึงคิดว่านิคคิดจะใช้อาวุธนี้เพื่อจัดการกับไวล์สเลฟ หากแต่ด้วยอารมณ์โทสะและโมโหที่มีคนเข้ามาขวาง เลยทำให้ควิกบูมเมอแรงคัตเตอร์ตัดแค่แขนขาของแพนเนสขาดไปเท่านั้นเองน่ะ" นิคได้ฟังก็พยักหน้าอย่างยอมรับ
              "แล้วดาวกระจายสีดำของรีฟล่ะ" ไซโคลเนียบอก
              เรย์แม็กซ์บอก "ชาร์โดวเบลดเป็นอาวุธที่แปลงพลังงานแรงดึงดูดและวัตถุสารดำให้กลายเป็นอาวุธตัดแบบต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธเฉพาะของเชดกราวิเตอร์ใช้งานได้เท่านั้น ครีซีแทนประเภทอื่นถ้าจะใช้ ก็ต้องศึกษากันให้มาก เพราะอาวุธนี้มันยากที่จะควบคุมรูปทรงให้เป็นไปตามที่ต้องการ ควบคุมสมดุลย์ของพลังมิให้มันมาทำลายตัวผู้ใช้เอง ควบคุมการเคลื่อนที่ของตัวอาวุธซัดให้ตรงตามที่คิดและใช้เอาไว้ รวมถึง ควบคุมสภาพหลังจากที่ใช้โจมตีไปแล้วด้วย เพราะเนื่องจากว่าอาวุธนี้เป็นประเภทอาวุธแรงดึงดูดที่มีอันตรายระดับค่อนข้างสูงถึงสูงมากๆเลยน่ะ"
              "งั้น ที่รีฟออกมาในสภาพอ่อนแรงก่อนก็เพราะอาวุธนั้นมีพลังมากเกินกำลังของรีฟเลยสิ" โฟรซ่าบอก
              เรย์แม็กซ์กล่าว "ใช่ โดยปกติแล้ว ครีซีแทนที่ใช้อาวุธแบบชาร์โดวเบลดแต่ควบคุมมันไม่ได้นั้น ถ้าไม่ออกมาในสภาพที่พลังหมด ก็คงเสียแขนที่ถูกบีบอัดจนพังเละไปแน่ๆ แต่รีฟเป็นฮาร์ฟครีซีแทนที่มีร่างกายส่วนใหญ่เป็นเลือดเนื้อจากมนุษย์ด้วยแล้ว อาวุธนี้ก็คือดาบสองคมที่น่ากลัว ซึ่งฉันต้องสั่งหยุดเธอก่อนที่จะเป็นอะไรไปมากกว่านี้นะสิ"
              "แต่ แอร์ไพล์มมิสและแคร์เรี่ยนเองก็น่าจะทราบกันแล้วนิน่า ว่านิคและรีฟมีอาวุธที่เกินกำลังควบคุมอยู่กันน่ะ" ฟิเกซบอก
              เทาฟาดิลกล่าว "ฉันคิดว่า ทั้งคู่ไม่ได้ห้ามปรามนิคและรีฟกันแต่แรกหรอก เพราะพวกเขารู้ว่า ทั้งนิคและรีฟมีอาวุธที่ไวล์สเลฟนำมาใส่ไว้เพื่อให้พวกเขาใช้ทำลายล้างศัตรูให้ราบคาบ และใช้จัดการกับตัวพวกเขาเองในยามที่เสียเปรียบและจนตรอก แทนที่ว่าจะห้ามกันเดียวนั้น เลยโยนเรื่องให้เรย์แม็กซ์ซึ่งรู้ว่าอาวุธไหนใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ เป็นคนจัดการห้ามเอาไว้แบบนี้เองนะสิ"
              "เข้าใจแล้วละ และนายเองก็เป็นคนจัดการทดสอบนี้ ต่อให้นายไม่ห้ามหรือสั่งหยุด นายก็รู้ถึงผลที่เกิดขึ้นกับนิคและรีฟเลยสิน่ะ" เจเนลบอก
              เรย์แม็กซ์พยักหน้า "ฉันไม่ได้แค่ลงโทษนิคและรีฟกันอย่างเดียวน่ะ แต่ฉันหมายรวมถึงคนที่เข้าร่วมการทดสอบกันด้วย เพราะอีก 58 ตนที่ถูกเรียกตัวมา มี 19 ตนที่....แอบเปลี่ยนสลับอาวุธที่เซตไว้ในห้องมาเป็นชุดอาวุธอันที่สองซึ่งเอามาใช้ในการทดสอบ แอบใส่อาวุธอันที่สี่เข้าไป ทั้งๆที่เราสั่งให้ใส่ได้เพียง 3 อัน ใช้อาวุธซ้ำถึง 2-3 ครั้ง ทั้งๆที่ต้องใช้เพียงแค่ครั้งเดียว ที่แย่ที่สุดก็คือ มีการแอบเอาเครื่องมือแฮคปรับลดขีดความสามารถของศัตรูที่ใช้ทดสอบกันทั้งต่อหน้าและลับหลังกันด้วย อย่างหลังนั้น มีด้วยกันทั้งหมด 11 ตนด้วยกันเลยน่ะ ซึ่งก็ถูกปรับให้ไม่ผ่านและทำการจับกุมทั้งคนทดสอบ ทั้งคนแฮคและผู้ร่วมมือกันไปแล้วละ"
              "แน่ละ ก็นายให้การทดสอบที่ทั้งยาก ทั้งหิน และไม่มีการบอกกล่าวก่อนหน้า รวมถึงแจ้งข้อห้ามใดๆกันเลยนิ" สเปียริทบอก
              เรย์แม็กซ์บอก "ซึ่งในสถานการณ์จริงเราต้องพบเจอเรื่องพรรค์นี้กันอยู่แล้ว ต่อให้บอกหรือไม่ คนที่เจอเรื่องแบบนี้ก็จะทำอะไรไม่ถูกและต้องถูกจัดการก่อนที่จะได้ทำอะไรกันนะสิ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะว่าตอนนี้ระบบดาวของเราเจอพวกเดลอาเนี่ยนรุกรานกันได้ทุกเมื่อเลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              เรย์แม็กซ์พยักหน้า "เพราะอย่างงั้นแหละ ฉันถึงต้องคัดเลือกเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถพร้อม แต่ก็ต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในซีมูเลเตอร์ และความหนักหนาของสถานการณ์นั้นแย่ยิ่งกว่าที่อยู่ในตำราด้วย สำหรับนิคและรีฟนั้น ถึงแม้ว่าจะผ่านการฝึกจากแคร์เรี่ยนและพวกนายมา แต่ด้วยเหตุผลที่ทั้งคู่มีอาวุธระดับที่สูงเกินการควบคุม ฉันจึงให้ทั้งคู่ผ่านไม่ได้ จนกว่า....ประสบการณ์ของทั้งคู่จะมากพอและเหมาะสมแก่การใช้อาวุธเหล่านั้นได้ดีกันนี้แหละ"
              "งั้นก็แสดงว่าตอนนี้นิคและรีฟไม่ผ่านการทดสอบเลยสิน่ะ ต่อให้ทั้งคู่ล้มเหลวกันก็ตามน่ะ" โฟรซ่าบอก
              เรย์แม็กซ์กล่าว "แน่นอน แอร์ไพล์มมิสและแคร์เรี่ยนทำถูกแล้วที่ส่งพวกเขามาหาฉันไว้ เพื่อช่วยเบรคทั้งคู่ไม่ให้กระทำเกินเลยไปมากกว่านี้ ฉะนั้น ฉันจึงสามารถทำเรื่องส่งพวกเขากลับไปประจำการหน่วยเดิมได้ในทันทีนี้แหละ"
              "ไม่คิดเลยนะคะ ว่าอาวุธที่ฉันมีนั้นจะเป็นอาวุธที่อันตรายมากเลยน่ะ" รีฟกล่าว
              ดิเรนท์บอก "แต่อย่างน้อยเธอก็ใช้มันสู้กับศัตรูได้เลยน่ะ แม้จะตกใจไม่น้อยที่เธอมีอาวุธแบบนี้ด้วยน่ะ"
              "ใช่ และไม่คิดเลยว่านายมีอาวุธที่เกินระดับที่นายเป็นอยู่ด้วยนะ" เจเนลบอก
              นิคพยักหน้า "คุณเรย์แม็กซ์พูดถูกแล้วละครับ ที่ผมใช้อาวุธนั้นโดยไม่ได้ฝึกฝนมาอย่างดีเลย เพราะผมกลัวความเร็วของบูมเมอแรงที่ยิงออกไปจะย้อนกลับมาเล่นงานผมเองนะครับ"
              "แน่ละ บูมเมอแรงนั้นเขวี้ยงไปแล้วมันย้อนกลับมาหาตัวได้ ซึ่งเท่าที่ฉันเห็นนั้น บูมเมอแรงนั้นมันไปเร็วสมชื่อเลยน่ะ" เจเนลบอก
              พีวิลกล่าว "ดีแล้วที่เรย์แม็กซ์ไม่ให้พวกเธอผ่านการทดสอบไว้ เพราะพวกเธอยังไม่พร้อมที่จะช่วยต่อสู้กับศัตรูอย่างพวกเดลอาเนี่ยนได้ รวมถึงต่อกรกับพวกไวล์สเลฟกันน่ะ"
              "แล้วพวกคุณคงไม่คิดจะส่งพวกเราสองคนกลับไปหาหัวหน้าแคร์เรี่ยนเลยสิครับ" นิคถาม
              เนคมาดูซัมกล่าว "ตอนนี้ พวกเธออยู่กับเราก่อนน่ะ เพราะเราพึ่งรับแจ้งจากแคร์เรี่ยนมา หากนิคและรีฟไม่ผ่านการทดสอบ ก็ให้พวกเราช่วยคุมทั้งคู่กันไว้นี้แหละ"
              "แจ่ม พวกเรากลับมามีภาระเหมือนเช่นเคยอีกละสิ" สเปียริทบ่น
              รีฟสังเกตุเห็นลิเนียร์ตี้ที่เอามือแตะตรงหน้าผากเลยกล่าว "เออ คุณลิเนียร์ตี้ ไม่เป็นไรใช่มั้ยละคะ"
              "ฉัน ไม่เป็นไร หรอกน่ะ แค่พักก็...." ลิเนียร์ตี้กล่าวแบบยิ้มๆ แต่เธอกลับทรุดลง จนแอนเดรียต้องรีบมาประคอง และเอามือแตะหน้าผากลิเนียร์ตี้จนรู้ว่า
              "แย่แล้ว ไข้สูงเกิน 50 องศาแล้วนะคะ" แอนเดรียกล่าว และแย่ไปกว่านั้น "อะๆๆๆ แฮกๆๆๆ" ลิเนียร์ตี้เกิดชักขึ้นมา
              "นั้นไม่ดีแล้วสิ อาการของลิเนียร์ตี้หนักยิ่งกว่าเดิมเลยน่ะ แล้วแอบซอบเบอร์ล่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว แอนเดรียเลยแกะเกราะต้นคอดู "เปรี้ยะๆๆ" แถบเหล็กนั้นช็อตเข้าในทันที แถมยังช็อตตามตัวอีกด้วย
              "รีบรักษาก่อนเลย แอนเดรีย ก่อนที่...." มาสวาร์ทาร์กล่าว
              "ให้ฉันจัดการเองดีกว่า" เทาฟาดิลกล่าวแล้วก็ "แว้งงงงง" ใช้พลังพลาซอนสร้างลูกบอลน้ำกักตัวลิเนียร์ตี้เอาไว้ ซึ่งก็.... "ฉ่า บุ้งๆๆๆๆๆ" ความร้อนจากตัวลิเนียร์ตี้มีมากจนทำให้ลูกบอลน้ำเดือดในเวลาอันสั้น แต่ก็... "เออ อา...." ทำให้ลิเนียร์ตี้สงบลงไปบ้าง เทาฟาดิลบอก "ฉันทำได้แค่ลดความร้อนจากตัวเธอลงในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถลดทอนพลังจากแกนหัวใจของลิเนียร์ตี้ไปได้น่ะ"
              ฟิเกซบอก "เห็นทีเราต้องรีบพาลิเนียร์ตี้ไปหาคุณป้าโดยเร็วดีกว่า"
              "นิค รีฟ พอจะตามพวกเราไปด้วยได้มั้ยละ เผื่อต้องการให้ช่วยไว้น่ะ" จายด์กล่าว
              นิคบอก "ได้อยู่แล้วละครับ ถึงแม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณลิเนียร์ตี้กันก็ตามนะครับ"

              แล้วพวกไทรเวเซอร์เลยต้องรีบมุ่งหน้าไปที่ควอดาเนเปีย ณ.หมู่บ้านโฟรเทรดิล อันเป็นหมู่บ้านหลักของชาวควอเดี่ยม ที่พักพิงของนายแม่รัคชูมี่ ผู้นำของควอเดี่ยม
              "ไม่นึกเลยนะ ว่าเราจะกลับมาที่หมู่บ้านนี้กันอีกน่ะ" สเตฟอร์ดบอก โดยตอนนี้พวกไทรเมร่าต่างเดินไปตามหมู่บ้าน ซึ่งเบติสและวิลด้าคอยคุมกันอยู่
              รีฟบอก "แปลว่าพวกคุณเคยแวะมาที่หมู่บ้านที่ร่มรื่นและสงบสุขนี้มาก่อนเลยสิคะ"
              "ที่ถูกคือหลายครั้งแล้วต่างหากละ นับแต่นายแม่รัคชูมี่มอบความช่วยเหลือกับทางเรากันแล้ว โดยเราช่วยเหลือพวกควอเดี่ยมจากแลมซีนีไนซ์และครีซีแทนใต้บังคับบัญชาที่บุกรุกเข้ามา ครั้งล่าสุดนั้นก็คือมาสู้กับอาชูรัลทอสที่ส่งแม่ทัพซ้ายนาไลน์เข้ามากันนะสิ" โฟรซ่าบอก
              ฟูลออเรสบอก "แล้วพวกควอเดี่ยมอยู่ได้เลยหรือ เพราะบ้านที่ทำด้วยไม้นั้นอาจจะทนต่อปลวกหรือความพุกร่อนตามธรรมชาติไม่ได้กันหรอกน่ะ"
              "ถ้าเป็นไม้ธรรมดาอาจจะเป็นอย่างที่นายว่ามาน่ะกันก็จริง" เฮเรเค้นบอก แล้วก็ชี้ไปที่ตัวเสาที่ค้ำกันสาดไม้มา "ลองทุบเสาไม้นั้นให้ดูหน่อยสิ" ฟูลออเรสได้ฟังก็รีบวิ่งไปดู
              แต่... "อะๆๆๆๆ นี้เธอจะทำมือเจ็บจนลำบากฉันทำแผลให้อีกละสิ" ควอเดี่ยมแบบไซด์บาวหญิงวัยกลางคนในชุดกระโปรงสีส้มเหลืองสวมฮู้ดสีขาวกล่าวห้ามฟูลออเรสไว้
              "หมายความว่าไงกันละคะ ป้า หนูไม่เข้าใจกันเลยละคะ" เมดิน่าถาม
              ควอเดี่ยมหญิงวัยกลางคนบอก "เพื่อนหนูคงจะฟังจากพวกเพื่อนๆตาดำเหล่านั้นมาสิน่ะ ความจริงแล้วพวกเขาลองดีกับการมาทุบ ถีบ ข่วนและสับเสาต้นนี้ แต่ก็เจ็บตัวไปซะทุกครั้ง จนฉันต้องออกมาช่วยรักษาพวกเขากันนี้แหละ"
              "เจ็บตัวนะหรือ เสาต้นนี้มันแข็งมากเลยหรือ" นิคถามอย่างงงๆโดยตามเมดิน่า ซึ่งรีฟก็ตามมาด้วย
              ควอเดี่ยมหญิงวัยกลางคนกล่าว "แข็งสิ เพราะว่าเสาต้นนี้ เราใช้ไม้จากต้นทาววอคที่อยู่ในป่านี้มาเป็นตัวปักหลักฐานบ้านเรือนของพวกเรา ที่อยู่ในหมู่บ้านนี้และที่อื่นๆที่อยู่ใกล้ป่าแบบนี้ ซึ่งมันทนทานมาก ขนาดฉันตอนที่ยังเป็นเด็กๆนั้นจวบจนโตมาจนปูนนี้ ยังไม่เห็นมันสึกกร่อนหรือพุพังไปได้เลยน่ะ"
              "ดีแล้วละ ที่พวกเธอไม่ไปหาเรื่องเจ็บตัวเหมือนกับพวกเฮเรเค้นไว้ เพราะไม้จากต้นทาววอคนั้น แข็งเทียบเท่ากับโครมเมทาเลี่ยมกันเลยน่ะ" วิลด้าบอก
              ฟูลออเรสอุทาน "จริงหรือเนี้ย แต่ถ้ามันแข็งมากขนาดนี้ แล้วพวกคุณลุงคุณป้าที่อยู่ที่นี้ ใช้อะไรตัดไม้ ครูดไม้ หรือแกะสลักไม้กันละครับ"
              "เราใช้เครื่องมือที่ทำด้วยโครมเมทาเลี่ยม และเอลฟ่าเมทาเลี่ยมในการตัดและแปรรูปไม้หนึ่งต้นใหญ่จนนำมาใช้สร้างบ้านที่พวกเราอยู่ ซึ่งพวกเธอเห็นกันมานี้แหละ" ควอเดี่ยมชายร่างสูงแบบมีแขนคู่รองอยู่ใต้วงแขนกล่าว
              รีฟบอก "และที่พวกคุณทำได้นั้น ส่วนหนึ่งเพราะความอยู่รอดและการปรับตัวเลยละสิคะ"
              "ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ภายใต้เวลาที่ยาวนานเป็นสี่เท่ากันแล้วก็ตาม เราก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ภายใต้กาลเวลาปกติกันนี้แหละ" ควอเดี่ยมหญิงวัยกลางคนบอก
              ควอเดี่ยมชายร่างสูงกล่าว "เพราะว่าเรามีหมู่บ้านนี้ที่เป็นมรดกตกทอดของควอดาน่าที่หลงเหลืออยู่ ซึ่งต้องขอบใจนายแม่ ท่านนาไลน์และท่านนายน้อยฟิเกซอทกับพวกด้วยน่ะ ที่ช่วยให้เราจดจำควอดาน่าเอาไว้ในใจเพื่อสอนให้ลูกหลานรับรู้ไว้น่ะ"
              "ส่วนหนึ่งพวกคุณอยู่กับธรรมชาติมานานเลยสิน่ะ ถึงได้ปรับตัวกับสภาพการณ์ในเวลานี้ได้น่ะ" ฟูลออเรสบอก
              นิคกล่าว "ถ้าขนาดแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์อย่างพวกคุณอยู่กับธรรมชาติได้เหมือนกับว่าเป็นบ้านของพวกเขาเองเช่นนี้ อนิจจา มนุษย์อย่างฉันและพวกกลับละทิ้งธรรมชาติที่งดงามไปอยู่กับความเจริญรุ่งเรืองที่มีแต่ปัญหามากมายกันน่ะ"
              "แล้วตอนนี้ พวกคุณฟิเกซพาคุณลิเนียร์ตี้มาที่นี้ทำไมละคะ ในเมื่อลิเนียร์ตี้มีอาการป่วยจำต้องไปโรงพยาบาลกันน่ะ" รีฟถาม
              เมดิน่าบอก "เท่าที่รู้มาน่ะ ว่าอาการของคุณลิเนียร์ตี้ มันหนักหนาจนเครื่องมือพยาบาลเอาไม่อยู่หรอก และพวกเขาเองก็ไม่เสี่ยงให้หมอเดเมี่ยนรักษากันด้วยนะสิ เลยต้องส่งมาที่นี้เองแหละ"
              "แต่นายแม่รัคชูมี่ทรงพลังมากเลยหรือ พวกคุณเจเนลถึงต้องส่งคุณลิเนียร์ตี้มาช่วยไว้ได้น่ะ" นิคถามอย่างสงสัย
              เนคกัสเลยเข้ามาอธิบายไปว่า "ช่วยได้สิ เพราะว่าป้ารัคชูมี่เป็นควอเดี่ยมหญิงที่ทรงพลังมากที่สุดในเวลานี้ เช่นเดียวกับมีความรับผิดชอบในฐานะผู้นำของเผ่าควอเดี่ยมทั้งหมดด้วย ซึ่งป้ารัคชูมี่ช่วยแก้ไขในเรื่องที่พวกพี่ใหญ่กำลังเผชิญกันอยู่ หากว่าพวกพี่ใหญ่ไม่เห็นหนทางแก้ไขได้นะสิ"
              "แสดงว่านายแม่รัคชูมี่คงจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคุณลิเนียร์ตี้เลยสิ คงไม่ได้เสกเวทย์มนต์เลยสิน่ะ" เมดิน่าบอก
              เนคกัสบอก "อะๆๆๆๆ ป้ารัคชูมี่อาจจะมีพลังกล้าแกร่ง แต่พลังพลาซอนไม่ใช่พลังเวทย์เสียหน่อย เพียงแต่ใช้พลังของธรรมชาติเอาไว้ก็เท่านั้นเองแหละ" แล้วก็บอกไปว่า "ถึงแม้ว่าป้ารัคชูมี่เคยผ่านการศึกษาจากสถาบันเวทย์มนต์ แต่ป้าไม่เคยบอกตนเองว่าเป็นแม่มดสักหน่อยน่ะ"

              "แว้งๆๆๆๆๆๆๆ" รัคชูมี่แบมือทั้งสี่ส่งพลังเข้าใส่กลางหน้าอกของลิเนียร์ตี้ ซึ่งนอนอยู่ในเตียงที่ใส่น้ำแข็งก้อนจำนวนมากไว้เพื่อลดความร้อนลง โดยที่เทาฟาดิลร่วมมือกันด้วย ส่วนพวกเมนซิกส์ทีนต้องมานั่งเฝ้าอย่างใจจดใจจ่อ "วือออออ" พลังจากแกนหัวใจของลิเนียร์ตี้ลดลงมาในระดับปกติกันแล้ว รัคชูมี่และเทาฟาดิลที่ตัวลอยอยู่ก็ลงสู่พื้นในสภาพที่อ่อนแรงไม่น้อย "ไม่เป็นไรนะครับ ป้า" ฟิเกซกล่าว โดยเข้ามาประคองรัคชูมี่ไว้ ซึ่งพยักหน้าให้
              "ฉันไม่เป็นไรหรอกน่ะ อีกอย่าง เทาฟาดิลมาช่วยไว้ เลยทำให้ฉันไม่เหนือยมากไปกว่านี้กันน่ะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะว่าท่านรัคชูมี่ไม่ได้ใช้พลังมากมาตลอด 20 กว่าปีนับแต่การขับไล่อาชูรัลทอสและพวกออกไปกันนิคะ ถ้าฉันไม่เรียนรู้วิธีการใช้พลังจากท่านละก็...." เทาฟาดิลกล่าว
              รัคชูมี่บอก "ฉันคิดถูกแล้วละที่สอนให้เจ้าใช้พลังได้น่ะ เทาฟาดิล เพราะลำพังฉันคนเดียวคงแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ไม่ได้แน่ๆน่ะ"
              "เออ ป้า ลิเนียร์ตี้เป็นไงบ้างละครับ" เนคมาดูซัมกล่าว
              รัคชูมี่เลยให้เนคมาดูซัมมาดูสภาพของลิเนียร์ตี้ "ตอนนี้ฉันได้สะกดพลังจากเพรแคทไดรมอนด์ของลิเนียร์ตี้สงบลงกันแล้วละ"
              "สะกดหรือคะ นึกว่าจะช่วยทำให้เธอหายดีเสียอีกน่ะ" สเปียริทกล่าว
              รัคชูมี่บอก "พลังเพรเครเดี่ยนของลิเนียร์ตี้มีมากเกินไป ซึ่งยากที่ฉันจะใช้พลังของฉันลบหรือสลายให้หายไปได้กันน่ะ อย่างมากแค่ ลดทอนพลังให้ลดลงและสะกดเอาไว้ให้อยู่ในสภาพนิ่งกันนี้แหละ" แล้วก็บอกไปว่า "ที่สำคัญ พลังนั้นแม้จะไม่รุนแรงจนทำให้ลิเนียร์ตี้ถึงแก่ชีวิตไปได้ก็จริง แต่ก็ทำให้เธอสลบไสลไปนี้แหละ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะ ถ้าลบพลังออกไปก็เท่ากับว่าลบชีวิตของลิเนียร์ตี้ลงไปด้วยสิครับ" มาสวาร์ทาร์บอก
              รัคชูมี่พยักหน้า "แต่ ก็แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเองน่ะ เพราะพลังของลิเนียร์ตี้นั้นเพิ่มพูนขึ้นมา ซึ่งฉันไม่สามารถใช้พลังเพื่อสะกดให้มันอยู่ได้แล้วละ อีกอย่าง ลิเนียร์ตี้เองก็ไม่สามารถควบคุมพลังด้วยตนเองด้วยแล้ว ถ้าเกิดขึ้นอีก คงไม่แคล้วต้อง...."
              "แล้วไม่มีทางอื่นใดเลยหรือครับ" พีวิลถาม รัคชูมี่ส่ายหน้า
              เทาฟาดิลบอก "นอกเสียจากต้องให้เพรแครเดี่ยนระดับสูงเท่านั้นที่จะช่วยลดทอนพลังในตัวลิเนียร์ตี้ได้ ซึ่ง....ทางนั้นได้สูญสิ้นไปแล้วนับแต่ไซมาเทนกวาดล้างพวกเพรแครเดี่ยนไว้น่ะ"
              "แล้วลิเนียร์ตี้จะลืมตาตื่นขึ้นมาได้มั้ยละคะ" แอนเดรียกล่าว
              รัคชูมี่บอก "ที่ถูกคือ เธอในตอนนี้ยังไม่ควรจะตื่นขึ้นมาหรอกน่ะ ผลจากพลังที่ย้อนเข้ามาทำร้ายตัวเธอโดยที่เธอควบคุมมันไม่ได้นั้น ได้ทำให้เธอหลับไหลไว้ ไม่ถึงกับสิ้นสติไปทุกอย่างหรอกน่ะ เพราะถ้าเธอตื่นขึ้นมา เธอก็จะกลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้งนะสิ"
              "พวกนายในตอนนี้ทำได้อย่างเดียวก็คือภาวนาว่าลิเนียร์ตี้จะไม่เป็นไรก็เกินพอแล้วละ" เทาฟาดิลกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "ขอบคุณมากนะครับ คุณป้าที่ช่วยลิเนียร์ตี้ไว้ได้น่ะ" แล้วก็เดินออกจากบ้านไป
              "ดูเหมือนว่าเนคมาดูซัมคงทำใจยากแล้วกระมั่ง" สเตฟอร์ดบอก
              เจเนลบอก "นั้นสิ เพราะพวกเรารู้ว่าเนคมาดูซัมห่วงใยลิเนียร์ตี้ ไม่ใช่แค่ในฐานะหัวหน้ากับลูกน้องอย่างเดียว แต่ในฐานะเพื่อนร่วมรบ ที่อาจจะแปรเปลี่ยนเป็นคนรักกันด้วยน่ะ"
              "ไอ้บ้านั้น เก็บงำความรู้สึกกันไว้เลยหรือ ทั้งๆที่มันน่าจะปล่อยออกมาได้กันแล้ววะ" คลอเวฟบอก
              พีวิลส่ายหน้า "เนคมาดูซัมไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหนกันน่ะ โดยเฉพาะตอนเผชิญหน้ากับลิเนียร์ตี้ที่กลายเป็นสมุนหุ่นเชิดของเควโทรดิมัสนั้น ถึงแม้จะเลือกเผชิญหน้ากับลิเนียร์ตี้โดยไม่รู้สึกหวั่นไหวหรือวิตกกังวลกันก็จริง นั้นแค่ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเข้มแข็งมากพอกันนี้แหละ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะ เนคมาดูซัมเก็บความอ่อนแอในใจเอาไว้นะสิ นับตั้งแต่ป้าแรนเบร่าจากไปแล้ว เนคกี้และเนคกัสร้องไห้งอแง แต่เนคมาดูซัมกลับทำหน้านิ่งไว้ ซึ่งฉันดูออก ว่าเนคมาดูซัมอยากจะร้องไห้แต่ไม่กล้าแสดงความอ่อนแอออกมากันน่ะ" ฟิเกซบอก
              สเปียริทกล่าว "งั้นเนคมาดูซัมก็รู้สึกเจ็บปวดที่อาจจะต้องเสียลิเนียร์ตี้ไปอีกละสิ"
              "อือออ" จิลชะงักขึ้นมาอยู่สักครู่หนึ่ง พลัสเชอริทถาม "เธอรับรู้อะไรบางอย่างขึ้นมาได้เลยหรือ จิล"
              จิลพยักหน้า "ฉันรู้สึกได้ถึง....จิตของใครบางคน ที่ผ่านเข้ามาในหัวของลิเนียร์ตี้กันนะสิ"
              "จริงหรือ ยัยเปี้ยก แล้วจิตของคนที่ว่านั้นอยู่ไหนกันน่ะ" สเปียริทถาม
              จิลตอบ "เออ ที่จริงแล้ว ในช่วงที่ลิเนียร์ตี้รู้สึกปวดหัวกันนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงใครบางคนเข้ามาด้วยน่ะ เพียงแต่ ฉันได้ยินแค่แวบเดียวเท่านั้นเอง เลยเดาไม่ถูกว่ามันเป็นเสียงของใครหรืออะไรนะสิ" แล้วก็อ้างไปว่า "ที่สำคัญ ตอนอยู่ที่พักนั้น ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่มันเบามาก ซึ่งถ้าฉันบอกตอนนี้ แล้วฉันไม่ได้ยินอีก เธอก็หาว่าฉันหูแว่วกันขึ้นมานะสิ"
              "จะว่าไปมันก็ใช่น่ะ เราก็ได้ยินเสียงเหมือนกัน หากแต่มันแผ่วเบาเอามากๆเลยละ" พีวิลบอก รัคชูมี่เลยไม่คิดจะพูดอะไรต่อ
              เทาฟาดิลกล่าว "แต่ตอนนี้ พวกนายกำลังรบกวนการพักผ่อนของลิเนียร์ตี้อยู่ ดังนั้น ขอให้พวกนายออกไปพักที่เรือนรับรองดีกว่า ฉันจะดูแลลิเนียร์ตี้ให้เองแล้วกัน"
              "ที่เหลือฝากด้วยนะคะ" แอนเดรียกล่าว เทาฟาดิลพยักหน้ารับและให้คนขนเตียงน้ำแข็งที่ลิเนียร์ตี้หลับอยู่ออกไป ส่วนที่เหลือนั้นอยู่ในเรือนรับรอง ที่อยู่ห่างจากเรือนใหญ่ออกไป
              เนคมาดูซัมกล่าว "เกรงว่าเราคงต้องพักอยู่ในหมู่บ้านไปสักระยะหนึ่งจนกว่าลิเนียร์ตี้จะฟื้นกันแล้วละ"
              "นึกแล้วว่าพวกเราต้องมีเรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นจนได้ละน่า" คลอเวฟบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "แต่อย่างน้อย เทาฟาดิลอาสาจะดูแลลินี่ให้เราแล้วละ แม้ว่าเราจะวางใจได้ก็จริง แต่ก็...."
              "พวกเราเองก็เป็นลิเนียร์ตี้เหมือนกับนายน่ะ เนคมาดูซัม" มาสวาร์ทาร์กล่าว "ถึงนายไม่แสดงออกมาให้พวกเรารับรู้ แต่เราก็อดเป็นกังวลเหมือนนายไม่ได้ด้วยน่ะ ที่รู้ว่าเพื่อนเราต้องเจ็บปวดกันเช่นนี้น่ะ"
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "ฉันรู้ว่า ถึงเราไม่ได้สู้รบอย่างหนักหน่วงกันก็จริง แต่....การที่ลิเนียร์ตี้เกือบตายไป และการที่เธอมีสภาพเป็นเช่นนี้ มันตอกย้ำให้ฉันรับรู้ว่าฉันมีจุดหนึ่งที่ทำอะไรไม่ได้เลยด้วยน่ะ"
              "นายรู้แบบนั้นก็ดีอยู่หรอกน่ะ เนคมาดูซัม แต่อย่าให้มันบั่นทอนนายกันได้น่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              วิลด้าบอก "นั้นสิ ถ้าลิเนียร์ตี้ได้ยินว่าเธอท้อแท้ขึ้นมา เธอก็คงไม่มีกำลังใจจะสู้ต่อกันด้วยน่ะ"
              "ผมเองก็พยายามเชื่อเช่นนั้นนะครับ แต่ว่า ลิเนียร์ตี้เองก็พยายามยิ้มเพื่อทำให้ผมรู้สึกวางใจได้ แม้จะรู้ว่าเธอก็เจ็บปวดมาก เพียงแต่ผมนั้น...." เนคมาดูซัมบอก
              คลอเวฟกล่าว "เนคเกอร์ ฉันน่ะเสียคนที่ฉันเคยรักไปแล้วทีหนึ่ง ซึ่งจนปานนี้ ฉันยังลบรอยแผลนั้นไม่ออกไปจากใจฉันได้เลย นายเองยังโชคดีเสียอีกน่ะที่มีลิเนียร์ตี้อยู่เคียงข้างกันไว้ แม้ว่าตอนนี้ ยัยนั้นขยับตัวไม่ได้ รู้สึกตัวก็ไม่ได้ก็จริง ยัยนั้นก็กำลังต่อสู้กันอยู่น่ะ"
              "แต่ถึงกระนั้น ลิเนียร์ตี้คนเดียวก็...." เนคมาดูซัมกล่าวอย่างท้อใจ
              คลอเวฟบอก "เนคเกอร์ นายเชื่อมั่นในตัวลิเนียร์ตี้กันบ้างมั้ย ถ้าใช่ อย่างน้อยนายก็ไม่ควรละทิ้งความพยายามของยัยนั้นด้วยการทำหน้าซึมกระทือกันบ้างสิวะ ไม่เช่นนั้น นายก็ตอกย้ำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดกับบาดแผลในอดีตไปด้วยวะ"
              "คลอเวฟพูดถูกน่ะ เนค พวกเราในตอนนี้แม้มีพลังมาก แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรให้ลิเนียร์ตี้ต้องพบจุดจบเร็วได้หรอก" พีวิลบอก
              เบติสกล่าว "เราทำได้แค่ หวังและภาวนาไว้ก็พอ ว่าลิเนียร์ตี้ต้องกลับมาอีกครั้งเลยน่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "ฉันจึงหวังว่าเธอกับลิเนียร์ตี้ต้องผ่านเรื่องเจ็บปวดอันนี้ไปได้แน่ๆ เช่นเดียวกับผ่านยุทธการอันหนักหนาที่ต้องสู้กับพวกเดลอาเนี่ยนกันน่ะ"
              "ต้องลำบากคุณลุงคุณป้า รวมถึงทุกๆคนกันแล้วละน่า" เนคมาดูซัมกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "ตอนนี้เราคงต้องหลับพักกันสักหน่อยแล้วละ เพราะมันก็ดึกมากแล้วนะสิ"
              "งั้นก็แยกย้ายกันไปนอนดีกว่า คลอเวฟ พยายามอย่าตื่นสายกันซะละ" เนคมาดูซัมบอก
              คลอเวฟกล่าว "นายเองก็รีบนอนซะบ้างนะ ไม่ใช่มายืนอยู่ตรงระเบียงเหมือนหมาง่อยกันน่ะ" เนคมาดูซัมได้ฟังก็โมโหเล็กน้อย แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนโดยเร็ว

              "นี้เราต้องนอนเรียงกันแบบนี้เลยหรือคะ" รีฟบอก เพราะเธอนอนกับมิลด์ ดิเรนท์ เนคกี้ เมดิน่า บัลตาฟรี บราไทน่า วูลเฟลล่า เวลลิทและสวอนน่าในอาคารพักที่เป็นแถวยาวไว้
              ดิเรนท์บอก "คิดซะว่าเรามาเข้าแคมป์กันละน่า เพียงแต่อยู่ในป่าเขาก็เท่านั้นเอง"
              "แน่ละ พวกเธอเคยนอนในป่ากันมาแล้วนิ แม้ว่าฉันต้องเอาถุงนอนหนาๆมาด้วยก็ตามน่ะ" เมดิน่าบอก โดยที่เธอใส่ชุดนอนพร้อมเสื้อหนาวหนาๆกันไว้ รีฟเลยเข้ามาจองที่เพื่อนอนอยู่
              "แต่อย่างน้อย ก็เปลี่ยนบรรยากาศบ้างนะคะ เพราะว่าเรานอนสบายอยู่ในบ้านที่มีสิ่งอำนวยสะดวกมาเยอะมากแล้วนะคะ" รีฟกล่าวโดยเตรียมผ้าห่มหนาๆพร้อมหมอนหนุนและหมอนข้างด้วย
              "ดีแล้วละ นั้นเป็นการพักผ่อนที่ดีมากๆเลยละ" เนคกี้บอก ซึ่งเธอเช็คอาวุธปืนกันอยู่
              โดยที่เรือนอีกฝั่งหนึ่งนั้น "ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก" เฮเรเค้นกับเทรอนเร็กซ์แข่งขว้างหมอนเข้าใส่อย่างรวดเร็ว โดยที่พาลกีสและพาแรมช่วยเขวี้ยงหมอนใส่ ซึ่งฝั่งเฮเรเค้นมีเรปไซท์และชาร์เครฟมาด้วย หากแต่เสียเปรียบมากๆ "ระวังหน่อยสิ เดียวโดนคนอื่นเข้าให้น่ะ" ฟลาแน็กซ์บอกโดยนั่งอ่านหนังสืออยู่ ซึ่งนิคนอนอยู่ติดกับประตูทางออก เช่นเดียวกับฟูลออเรสที่รีบนอนก่อน แต่ก็หลับไม่ลงเพราะเสียงดังขึ้นมา
              "นั้นสิ เดียวพวกลุงสเตฟมาได้ยินเข้าก็..." ไกซ์กล่าว ไม่ทันไรก็ "ป้าบบบบ" โดนหมอนของชาร์เครฟขว้างใส่หน้าเต็มๆ เช่นเดียวกับ "ป้ากกก หวับๆๆๆๆ ป้าบบบ" เรปไซท์ขว้างหมอนสูงไปจนกระเด้งโดนผนังลงมาตรงหัวฟูลออเรสเข้า "ทนไม่ไหวแล้ววะ" ไกซ์ยั้วะเลยขว้างหมอนใส่ไป แต่โดนหัวพาลกีสไปเต็มๆ
              "ขอสักทีหนึ่งเหอะ" ฟูลออเรสจะขว้างบ้าง แต่พาแรมรีบเอี้ยวหลบจน "ป้าบบบ" โดนหัวบีทเทมไปเต็มๆจนเพิ่มศัตรูให้ พาลกีสเลยหยิบหมอนของมัลแด็กซ์ที่อยู่ใกล้มาขว้างใส่ไกซ์ แต่โดนเนคกัสที่อยู่ใกล้ๆเข้า "หมับ หวับ ป้าก" เนคกัสเลยหยิบหมอนที่อยู่ใกล้ๆมาขว้างใส่ แต่ "โป้กกก" โดนหัวแบร็อคไปเต็มๆ แล้วก็ "ป้าบบบ ป้าบบบ ป้าบบ ป้าบ ป้าบ ป้าก ป้าก ป้ากก โป้กกก โป้กกก ป้าก" ต่างคนต่างเขวี้ยงหมอนใส่กันอย่างต่อเนื่องจนชุลมุนไปทั่วทั้งห้องจนเกิดเป็นสงครามปาหมอนด้วยกัน ซึ่งก็ทำให้เจเนล สเตฟอร์ดและจายด์เดินตรวจตราตอนกลางคืนมาได้ยินเข้า
              "โอ้ย เจ็บๆๆๆๆ" แฮมชัคล้มจนตัวออกนอกประตู ซึ่งก็หันมาเห็น "เอ้ แย่แล้ว.... เฮ้ย หยุดก่อเรื่องได้แล้วโว้ย ลูกพี่เจเนล ลุงสเตฟและลุงจายด์ได้ยินเข้าแล้วตรงมาทางนี้แล้วละ" แฮมชัครีบหันมาห้ามทุกๆคนโดยเร็ว มัลแด็กซ์ พาลกีส ไกซ์ นิค และเนคกัสได้ยินเลยแง้มหัวเข้ามา เห็นเจเนล จายด์และสเตฟอร์ดตรงมาก็อ้าปากด้วยความตกใจในทันที แล้วรีบผลุบเข้าห้องโดยเร็ว
              "รีบนอนเร็ว ก่อนที่พวกลุงจะแห่มาจับได้เสียก่อนน่ะ" เทรอนเร็กซ์บอก แล้วก็ "ฟึ่บบบบ" ทั้งหมดรีบอยู่ในโหมดนอนหลับโดยเร็ว
              แล้วทั้งสามก็มาถึงพอดี โดยสอดส่องมองดูภายในเรือนพักผ่อน และ.... "ป้าบๆๆๆๆๆ" สเตฟอร์ดตบเข้าไปตรงผนังไปเต็มๆ จนเกิดเสียงดังปลุกทุกๆคนที่แกล้งหลับตื่นขึ้นมา "ออกมาให้หมดเดียวนี้เลย อย่าคิดน่ะ ว่าเราไม่รู้ว่าพวกเธอก่อสงครามปาหมอนจนส่งเสียงเอะอะกันอยู่น่ะ" เจเนลบอก
              ไกซ์บอก "เออ ที่ลูกพี่กับลุงรู้นิ คุณจิลใช้โทรจิตบอกหรือ"
              "ยังไงก็ช่าง พวกเธอออกมากันให้หมดเลย ทั้งคนปา คนโดนปา คนที่ยังไม่ปา และคนที่ไม่โดนปากันน่ะ" สเตฟอร์ดบอก แล้วก็ไล่ทั้งหมดออกมาจากเรือนพักผ่อน พร้อมกับสั่ง "เรียงแถว โอบหลังหัว แล้วก็ลุกนั่งพร้อมกัน ใครลุกนั่งไม่พร้อมกันจนเหมือนเล่นเวฟละก็ เดียวจะสั่งให้ทำใหม่และเพิ่มเป็นสองเท่าเลยมั้ยละ" พวกเฮเรเค้นอุทานลั่นและต้องปฏิบัติตามแต่โดยดี
              เนคกี้ได้ยินเลยออกมาดูพร้อมกับพวกเพื่อนๆ "นึกแล้วว่ามันต้องมีเรื่องจนได้ แถมยังลากเนคกัสเข้ามาด้วยอีกน่ะ"
              "ไม่คิดเลยน่า ว่าคุณนิคจะพลอยหาเรื่องด้วยน่า" รีฟบอก
              เมดิน่ากล่าว "เออ เรารีบเข้าไปนอนโดยเร็วก่อนที่พวกคุณเจเนลจะมาเห็นเข้าแล้วนะคะ"
              "สรุปคือ ตอนนี้ ครีซีแทนที่เข้ามารับการทดสอบของเรย์แม็กซ์นั้น จาก 900 ตน คัดออกจนได้ 498 ตนที่ผ่านการทดสอบกันแล้วนะสิ" พีวิลบอก โดยที่พูดคุยกันในเรือนถัดจากที่พักหลักของรัคชูมี่
              สเปียริทบอก "แล้วพวกฮาร์ฟครีซีแทนมีผ่านด้วยหรือเปล่าละ"
              "ไม่ผ่านนะสิ นอกจากนิคและรีฟที่ถูกปรับให้ไม่ผ่านแล้ว ที่เหลือถ้าไม่ใช้เวลาเกิน ร้องขอให้หยุดการทดสอบ หรือฝ่าฝืนกฎไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ก็ตามน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              จิลกล่าว "นั้นบ่งบอกได้ว่า พวกเขายังไม่พร้อมที่จะออกรบกันจริงๆสิน่ะ"
              "แต่อย่างน้อย เรย์แม็กซ์ก็ทำเรื่องส่งพวกฮาร์ฟครีซีแทนให้อยู่ในการฝึกเป็นกำลังสำรองแล้วละ เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ผ่านการทดสอบจนกลายเป็นสมาชิกกองรบหลักก็ตามน่ะ" พีวิลกล่าว
              โฟรซ่าบอก "นั้นก็ดีแล้ว ถึงแม้ว่าเราไม่ได้ดูการทดสอบหลังจากที่นิคและรีฟไม่ผ่านไปแล้วน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้เช้าคงต้องพาพวกเฮเรเค้นไปช่วยงานพวกควอเดี่ยมที่ไร่สวนกันสักหน่อยแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก "ส่วนเรื่องลิเนียร์ตี้ เทาฟาดิลจะช่วยดูให้บ้างน่ะ" เนคมาดูซัมพยักหน้าอย่างยอมรับ
              ฟิเกซบอก "ฉันจะอยู่ดูแลคลอเวฟที่หมู่บ้านเอง เผื่อว่าเขาคงไม่ก่อเรื่องอะไรบ้าๆให้เลยน่ะ"
              "สภาพกูเป็นแบบนี้จะให้ก่อเรื่องอะไรได้อีกเล่า" คลอเวฟบ่น
              แอบไบออสกล่าว "แค่นายโวยวายและบ่นเหมือนหมีกินผึ้งก็แย่พออยู่แล้วละน่า"

    ต่อพาร์ทถัดไปเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×