ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Manigator Saga Rebellion Soldiers

    ลำดับตอนที่ #46 : ตอนที่ 21 เริ่มต้นการต่อสู้บนดาวอันไกลโพ้น ยอดทหารเหล็กกับสงครามครั้งแรกในอวกาศ บทเนคมาดูซัม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16
      0
      15 ก.ย. 64

              ณ.ดาวเอสเปรโด้-4 ระบบดาวอาคาน่า เขตป่าเขาทิโทริม
              บนยอดเขานั้นที่มีฟากฟ้าสีฟ้าคราม แต่ปรากฎดวงจันทร์อยู่บนฟ้าถึง 3 ดวง ก็มีแมนิเกเตอร์ทรงหุ่นตัวโตสูงใหญ่ตนหนึ่ง มีส่วนขาสวมเกราะเหลี่ยมกับส่วนเท้าทรงสามเหลี่ยม สวมชุดเกราะหนามีขอบสีแดงอยู่ใต้หน้าอก หัวไหล่ทรงกลมเข้ากับส่วนแขนสวมเกราะแขนทรงกระบอกสีเทา โดยที่ส่วนมือนั้นสวมนวมสีขาว หุ่นตัวนั้นมีใบหน้าเหลี่ยม มีขีดข้ามส่วนแก้มลากยาวจากตาลงมาถึงคางที่มีสวมหมวกที่ส่วนหน้าผากยืนไปข้างหน้าเหมือนหมวกทหารแต่ไม่มีบั้ง โดยส่วนหน้าผากนั้นติดแผงสีเหลืองด้านหน้า ข้างหมวกด้านบนมีปุ่มสองปุ่มติดข้างขมับ โดยส่วนหมวกครอบจากหัวปิดถึงคอ ส่วนหลังเอวนั้นมีแพลทกลมติดอยู่ด้วย โดยที่แมนิเกเตอร์ตนนี้ มองดูฟากฟ้าและสังเกตุเห็นบางอย่าง "ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว" บินจากฟากฟ้าลงสู่ภาคพื้นไว้ "อืมมมม นั้นคงจะเป็นยานอวกาศของดาวอื่นกันอีกละสิ หวังว่าพวกนั้นคงไม่มาล้ำเส้นกันบางน่า"
              ไม่ทันไรก็มีเสียง "ปี้บๆๆๆๆๆ" ดังขึ้นที่หัว แมนิเกเตอร์ตัวโตเลยกดปุ่มตรงขมับไว้ "มีเรื่องอะไรกันหรือ ลิเนียร์ตี้" โดยเขาถามกับปลายสายที่ติดต่อมา ซึ่งเป็นเสียงของผู้หญิงดังขึ้น
              "หัวหน้าเนคมาดูซัมคะ คุณหายไปไหนมาละคะ เพราะว่าทุกๆคนในฐานต่างตามหาคุณกันยกใหญ่เลยนะคะ"
              "ฉันแค่ออกมาสูดอากาศข้างนอกเองน่ะ ว่าแต่ แลมเซนคงจะสั่งเธอให้มาตามฉันไปละสิ" แมนิเกเตอร์ตัวสูงใหญ่นามเนคมาดูซัมกล่าว
              ลิเนียร์ตี้ตอบ "คะ ตอนนี้หัวหน้าแลมเซนต้องการให้หัวหน้าไปช่วยคุ้มกันสินค้าที่ทางหน่วยของเราจะส่งไปให้ทางจักรวรรดิ์กันในวันนี้นะคะ แล้วว่าแต่หัวหน้าอยู่ตรงไหนละคะ"
              "หมายถึงฐานของทางหน่วยที่อยู่ในฝั่งตะวันตกละก็ ฉันก็อยู่ไม่ไกลกันหรอกน่ะ แค่ใช้โฮฟไบค์จากนี้ไปถึงเพียง 3 นาทีหรือน้อยกว่านั้นแล้วละ" เนคมาดูซัมกล่าว และหันมาถาม "แล้วแลมเซนบอกอะไรเกี่ยวกับสินค้าส่งออกกันหรือเปล่าละ"
              ลิเนียร์ตี้บอก "ฉันได้ถามตามที่หัวหน้าบอกแล้ว แต่....ไม่เพียงแค่ไม่ยอมบอก เขายังอ้างอีกด้วยคะ ว่าต่อให้เป็นหัวหน้ามาถามเอง ก็ไม่มีทางรู้คำตอบกันนะคะ"
              "มันก็น่าอยู่หรอก เพราะแลมเซนเป็นน้องของแลมซินีไนซ์ หัวหน้าของพวกครีซีแทนกันนะสิ นับแต่องค์ชายเทพแห่งสงครามตั้งเขาให้กลายเป็นหัวหน้าเผ่านั้น พวกครีซีแทนนายช่างและทหารส่วนมากก็ลำพองใจกันยกใหญ่ ทั้งๆที่พวกนี้เป็นแรงงานระดับล่างในแรซัลก้ากันแล้วแท้ๆ" เนคมาดูซัมบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "แถมคุณเองก็เป็นแมนิเกเตอร์เผ่าแกตไทซ์ ที่มีสถานะเป็นนักรบและทหารที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งอยู่เหนือพวกครีซีแทนเช่นนี้ พวกเขาน่าจะแสดง เออ อะไรน่า อืมมม เออ..."
              "ความเคารพกันน่ะ ลิเนียร์ตี้ เพราะผู้น้อยนั้นต้องหัดสำรวมและอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่หรือผู้ที่อาวุโสกว่า แม้ฉันจะรู้จักกับเพื่อนครีซีแทนที่ไม่ได้คล้อยตามแลมซินีไนซ์และพวกกันมาบ้าง พวกเขาเหล่านั้นก็ยังเป็นส่วนดีของครีซีแทนกันบ้างละน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              ลิเนียร์ตี้บอกแบบพอเข้าใจกันบ้าง "ทั้งๆที่พวกหัวหน้าแลมเซนพูดลับหลังต่อหัวหน้าเสียๆหายๆแบบนี้ แล้วท่านไม่คิดจะทำอะไรกับพวกเขาเลยหรือคะ"
              "ถึงฉันเป็นชาวแกตไทซ์ที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่สูงส่งกว่าครีซีแทน แต่ฉันกับเธอนั้นเป็นบุคลากรที่เข้ามาประจำการในหน่วยนี้ได้ราว 2 ปี นับตั้งแต่ ฉันได้เธอมาเป็นลูกน้อง ทั้งๆที่เธอควรจะไปร่วมฝึกด้วยกันกับเพื่อนๆแบบเธอกันด้วยนิ" เนคมาดูซัมบอก
              ลิเนียร์ตี้ได้ฟังก็กล่าวไปว่า "หัวหน้าคะ ฉัน...ไม่อาจจะทำตามคำสั่งที่ให้เข่นฆ่าหรือทำร้ายพวกมนุษย์กันเลย เพราะฉันรู้ว่า เพื่อนพ้องของฉันนั้น ถูกส่งมาเพื่อเป็นกำลังรบขององค์ชายและแม่ทัพใหญ่เพื่อต่อสู้กับพวกเฮนรี่ ไนท์ ซึ่งนั้นหมายถึง พวกเราต้องเข่นฆ่าพวกมนุษย์กันด้วย ซึ่ง...ฉันไม่ต้องการจะทำร้ายพวกมนุษย์กันเสียเลยนะคะ"
              "ถ้าเธอไม่ต้องการก็จริง ก็ไม่ต้องไปฝืนก็ได้นะ ลิเนียร์ตี้ ทำใจให้สบายกันดีกว่าน่ะ เพราะอย่างน้อย..." เนคมาดูซัมกล่าว ฉับพลันก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา
              ลิเนียร์ตี้จึงรีบแจ้งเพราะรับทราบมาว่า "ยะ แย่แล้วละคะ หน่วยลาดตระเวนที่ออกไปนอกเขตป่าเพราะเจอยานอวกาศที่แล่นลงจอดในขอบเขตของพวกเรา ได้ถูกโจมตีจนราบคาบกันไม่ว่า ตอนนี้พวกศัตรูโจมตีฐานฝั่งตะวันตกเพื่อปล้นชิงสินค้าในโกดังกันแล้วละคะ"
              "เป็นพวกต่างดาวหรือพวกแอตทาเวียนหรือเปล่า" เนคมาดูซัมถาม
              ลิเนียร์ตี้ตอบ "ศัตรูมีด้วยกันสามตน พร้อมกับกระสวยอวกาศลำกลางจำนวนสามลำ ซึ่งคาดว่าจะใช้ขนส่งสินค้าจากในฐานกันอย่างแน่นอนแล้ว ศัตรูเหล่านั้นเล่นงานพวกครีซีแทนที่ประจำในฐานอย่างรวดเร็วด้วย แม้พวกนั้นจะตกใจกับโฉมหน้าของผู้บุกรุกก็ตามนะคะ ตอนนี้หัวหน้ารีบไปกันเดียวนี้นะคะ เพราะกระสวยอวกาศมันกำลังจะบินออกไปแล้ว"
              "เข้าใจแล้วละ ลิเนียร์ตี้ ฉันจะรีบไปเดียวนี้แหละ" เนคมาดูซัมกล่าวและกดปุ่มตรงขมับเพื่อปิดการติดต่อ แล้วก็ "ฟึ่บบบ" วิ่งไปขึ้นโฮฟไบค์ ซึ่งเป็นโฮเวอร์ไบค์คันใหญ่ โดยส่วนล้อนั้นวางในแนวขวางกับพื้น เพื่อทำให้ไบค์ลอยขึ้นเหนือพื้น ส่วนล้อหลังนั้นเลื่อนมาข้างหลังโดยทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนไว้ "ฟ้าวววววววว วืววววว วืวววว" เนคมาดูซัมบิดคันเร่งแล้วขับลงจากเขา ตรงไปยังจุดเกิดเหตุโดยเร็ว

              ซึ่งตอนนี้ ฐานทัพฝั่งตะวันตกนั้น "ฉั้วะๆๆ ฉับ" ครีซีแทนทหารถูกฟาดฟันขาดสะบั้นไปถึง 3 ตน โดยนักรบเกราะสีขาวแต่มีผลึกสีเขียวแหลมบนหัวมาพร้อมกับดาบผลึกสีเขียว "ตุ้งๆๆๆๆๆๆ" ครีซีแทนทหารบก 5 ตนนำปืนยาวกระบอกโตมายิงกระสุนเหล็กลงพื้นจนทำให้นักรบผู้นั้นรีบถอยออกมา "ฟ้าววววว" นักสู้แขนโตที่สวมเกราะที่เบากว่านักดาบแต่มีผลึกสีน้ำเงินนั้น "แกร็กๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ชูแขนพร้อมนำปืนหกกระบอกออกมากราดยิงใส่ "ปุ๊ๆๆๆๆๆๆๆ" "อั้ก อึกอั้กๆๆๆ อ้าก" ครีซีแทนทหารบกจนตัวทะลุด้วยกระสุนสะเก็ดสีน้ำเงินไป 4 ตน ตัวหัวหน้าหมู่เลยใช้ดาบปลายปืนที่โผล่มาจากปากกระบอกหมายจะแทง แต่ "ฟ้าววววว เปรี้ยงงงงง" หัวหน้าหมู่กลับเป็นฝ่ายถูกนักสู้หมัดโตชกทะลุหน้าอกไปอย่างจังๆ ก่อนจะกระชากแขนออกมา พร้อมกับกวาดสายตาไปทั่ว "คงไม่เหลือพวกมันแล้วสินะ มาสวาร์ทาร์" นักสู้แขนโตบอกกับนักดาบไว้
              "ครีซีแทนในฐานแห่งนี้น่าจะมีเท่านี้แล้วละ พีวิล แต่ถ้าพวกมันตั้งฐานเอาไว้ในเขตป่าแถบนี้ แสดงว่า ต้องมีกองบัญชาการหลักตั้งอยู่ในอาณาบริเวณนี้แหละ" นักดาบกล่าว ซึ่งทั้งสองคนนั้นก็คือเบรซซิ่งแฮนด์พีวิล และเอชมาสวาร์ทาร์ 2 นักรบจากกองรบเวเซอร์ หนึ่งในกองรบระดับพระกาฬของกลุ่มสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ภายใต้การนำของโคเคส แอคเมนโด้นี้เอง
              "ตอนนี้เจเนลและเบย์แทนด์บินออกไปกันแล้ว แม้จะไม่เข้าท่า แต่เราจะยอมให้พวกที่เหลืออยู่ตามติดไปไม่ได้อยู่แล้วละ" พีวิลกล่าว
              "อืมมมม...เพราะมีครีซีแทนบางตนที่ติดต่อไปยังฐานใหญ่กันด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เราสองคนจะบุกไปถล่มพวกมันโดยไม่มีพรรคพวกมาช่วยกันก็ตาม แต่อย่างน้อย การโจมตีของพวกเราก็สามารถดึงดูดมาสักหน่วยสองหน่วยกันนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก     
              พีวิลได้ยินเสียงบางอย่างดังมา "เสียงเหมือนเครื่องยนต์กำลังตรงมาทางนี้แล้วละ"
              "ฟ้าวววววว" แล้วเครื่องยนต์ที่ว่ามานั้นได้แล่นข้ามหัวพีวิลและมาสวาร์ทาร์ พร้อมกับ "วืวๆๆๆๆๆๆๆๆ หวืบบบบ" หมุนวนกลับมาให้พีวิลและมาสวาร์ทาร์เห็น ซึ่้งนั้นก็คือ โฮฟไบค์ของเนคมาดูซัมนี้เอง "แมนิเกเตอร์ตัวโตกับมอเตอร์ไซด์แปลกๆนะหรือ กำลังเสริมของพวกครีซีแทนกันน่ะ" พีวิลกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "นั้นต้องเป็นโฮเวอร์ไบค์แน่ๆเลยละ พีวิล หากแต่ แมนิเกเตอร์ตนนี้ต่างจากพวกครีซีแทนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งน่าจะเป็นแมนิเกเตอร์แบบใหม่ที่ไม่มีในข้อมูลของครองคอร์ดเลยน่ะ"
              "โอ้ว ดูเหมือนว่าพวกนายจะเล่นแรงกันไปหน่อยน่ะ แม้ว่านายสองตนจะเป็นพวกหน้าแปลกที่ไม่คุ้นเอาเสียเลยก็ตาม" เนคมาดูซัมบอก แล้วก็ลงจากโฮฟไบค์ซึ่งจอดให้แนบกับพื้นไว้ พร้อมกับเดินมาชกหมัดโตๆทั้งสองข้างด้วย "แต่การที่นายสองตนล้มพวกครีซีแทนของแลมเซนที่ถือว่าเก่งกาจมากที่สุดลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ แปลว่านายสองตนคงจะเก่งกาจมากเลยละสิ"
              มาสวาร์ทาร์ชูดาบเอาไว้ "ในเมื่อนายรู้เช่นนี้ แต่นายเดินก้าวมาหาเรากันด้วย แสดงว่านายเองก็มีฝีมือเหมือนกันเลยสิน่ะ"
              "แต่เสียใจด้วย เพราะเราสองคนจะหยุดนายลงตรงนี้เองแหละ" พีวิลกล่าว พร้อมตั้งท่าสู้ด้วย
              เนคมาดูซัมได้ฟังก็ยิ้มขึ้น "เยี่ยม ในเมื่อนายสองคนไม่กลัวเช่นนี้ งั้นก็เข้ามาเลย"
              "ว้ากกกกกก" พีวิลพุ่งกระโจนเข้ามา "กร้องงงง" เสยหมัดฮาร์ดนัคเคิ้ลเข้าชกใส่เนคมาดูซัม แต่เนคมาดูซัมบล็อกด้วยท่อนแขนขวาไว้ "ปลอกแขนนั้น โครมเมทาเลี่ยมนะหรือ" พีวิลกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "แน่นอน และไม่ใช่แค่ปลอกแขนอย่างเดียวหรอก แต่เกราะที่ฉันใส่นั้น ก็คือโครมเมทาเลี่ยมด้วยนี้แหละ" แล้วก็เสยหมัดเข้าใส่พีวิล ซึ่งแม้พีวิลจะหลบออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้านแรงจากท่อนแขนที่ซัดมาไม่พ้นจนตัวปลิวไป ซึ่งพีวิลก็เยียดขายันพื้นไว้ได้ก่อน มาสวาร์ทาร์เห็นดังนั้นก็... "ตึกๆๆๆๆๆ" "เชร้งๆๆๆๆๆ" วิ่งเข้ามาใช้มาสวาร์ทาร์เบลดฟาดฟันใส่เนคมาดูซัมอย่างรวดเร็ว ซึ่งใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างปัดป้องไว้ "นายเป็นนักดาบที่เก่งกาจไม่น้อยละสิ แม้นายจะมือไวกว่าคนเมื่อกี้ก็ตามน่ะ" เนคมาดูซัมเลยเสยถีบด้วยฝ่าเท้าขวาเข้าใส่ "ป้ากกก" ซึ่งมาสวาร์ทาร์ถูกถีบจนถอยหลังไป โดยที่ใช้โชลเดอร์ชิลด์ป้องกันไว้ แม้จะบุบเพราะรอยเท้าสี่เหลี่ยมของเนคมาดูซัมเลยก็ตาม
              "ดูท่าว่าเราต้องบุกโจมตีพร้อมกันแล้วละ เพราะแมนิเกเตอร์ตนนี้แข็งแกร่งกว่าที่เราคิดไว้เสียอีกน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก พีวิลพยักหน้า
              เนคมาดูซัมกล่าว "ว่าแต่ พวกนายมีอะไรแสดงกันบ้างละ เพราะฉันยังไม่รู้สึกเหนือยเลยน่า"
              "มีอยู่แล้วละ ก็นี้ไง เอนเนอจี้โบลท์" พีวิลกำหมัดแล้วก็ซัดลูกบอลพลังอีเนลเซียมออกไป มาสวาร์ทาร์ฉาบดาบของตนให้เรืองแสงและฟาดใส่ออกไปด้วยท่า "เรซเซอร์เอดจ์" จนสร้างเป็นคลื่นคมดาบครอสเซียมออกไป
              "โอ้ว พวกนายปล่อยพลังได้ด้วยหรือ แต่แย่หน่อย ที่ฉันไม่รับพลังของนายสองตนหรอก" เนคมาดูซัมยิ้มแล้วก็หยิบแพลทกลมที่ถอดจากกลางหลังออกมา "โบลท์รีเฟรคเตอร์!!!!" จากนั้นก็ใช้แพลทกลมฟาดออกไป "แว้งงงงงงง" จนเกิดกำแพงออร่าสีเหลืองทองขึ้นมาต้านลูกบอลพลังและคลื่นคมดาบไว้จน "เปร้งงงงง" เป่าลูกบอลพลังและคลื่นคมดาบย้อนกลับใส่พีวิลและมาสวาร์ทาร์ที่กลิ้งหลบออกมาได้อย่างหวุดหวิด
              "กำแพงป้องกันของหมอนั้น มันปัดสะท้อนลูกพลังของเราได้เลยหรือเนี้ย" พีวิลกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "แถมพลังที่ถูกปัดสะท้อนก็เพิ่มพลังจากเดิมและพุ่งกลับมาอย่างเร็วแบบนี้ คงต้องสู้อย่างระวังแล้วละ" แล้วทั้งคู่ก็ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ" มาสวาร์ทาร์บุกนำพร้อมกับหวดดาบฟาดฟันใส่เนคมาดูซัมที่ถอยหลังไปพร้อมกับใช้ท่อนแขนป้องกันไปด้วย "ย้ากกกก" พีวิลกระโจนเข้าระดมชกใส่เนคมาดูซัมไปอย่างรวดเร็ว แต่เนคมาดูซัมไม่ยอมให้ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ "ฮึยๆๆๆๆๆ" แล้วก็ระดมต่อยใส่พีวิลและมาสวาร์ทาร์ที่รีบถอยหลังกลับพร้อมกับหลบหลีกหมัดของเนคมาดูซัมที่แม้จะออกอาวุธช้าแต่ก็มีพลังไว้ด้วย จนแมนิเกเตอร์จากโลกมนุษย์ทั้งสองต้องถอยตั้งหลักไว้ก่อน
              "พลังการออกอาวุธแม้จะช้ากว่านาย แต่มันก็รุนแรงจนฉันรู้สึกได้เช่นนี้ เราต้องรีบจัดการกันเสียโดยเร็วแล้วละ"
              "งั้นเราก็ลุยเข้าไปพร้อมกันเลย" พีวิลกล่าว แล้วทั้งสองก็วิ่งเข้าใส่เนคมาดูซัมเพื่อจัดการขั้นเด็ดขาด
              เนคมาดูซัมบอก "หึ แย่จริงๆที่ฉันต้องเล่นแรงเสียแล้ว ฮึยยย โบลท์นัคเคิ้ล" และกำหมัดจนเรืองแสงสีเหลืองทองพร้อมกับ "หวับบบ ป้ากกกก ตรูมมมมม" ชกลงพื้นในจังหวะที่พีวิลและมาสวาร์ทาร์วิ่งเข้ามา "เปรี้ยงงงงง" ถูกเป่าระเบิดไปอย่างจังๆ แม้จะรีบโดดถอยหลังไปก่อนที่หมัดของเนคมาดูซัมจะกระทบพื้นไว้ได้อย่างฉิวเฉียด โดยที่พีวิลไขว้แขนสองข้างป้องกันไว้ เช่นเดียวกับมาสวาร์ทาร์ด้วย แต่ก็... "อือออ" มาสวาร์ทาร์ทรุดลงอย่างจังๆ เช่นเดียวกับพีวิลด้วย "ต่อให้นายสองคนรีบหลบอย่างเร็วก็จริง แต่พลังหมัดของฉันนั้นก็แรงพอทำให้พวกนายอ่วมลงไปได้กันละน่า"
              "ไม่น่าเชื่อ พลังนั้น แม้จะโดนแค่ผิวเพิ่นไว้ ยังทำให้เราสาหัสได้เลยนะเนี้ย...." มาสวาร์ทาร์กล่าวพร้อมกับทรุดลงกับพื้นไว้และสลบลงไป
              พีวิลที่ล้มลงกับพื้น ก็พยายามฮึดไว้ แต่... "มะ ไม่ไหว ร่างของฉัน....มาได้แค่นี้แล้วหรือ" พีวิลก็ต้องจำนนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับอย่างจังๆจนล้มสลบลงไป โดยที่เนคมาดูซัมก้าวเดินมาหาทั้งคู่อย่างช้าๆ

    และนั้นคือจุดเริ่มของสงครามระดับอวกาศครั้งแรกของเหล่าแมนิเกเตอร์ฝ่ายธรรมะบนสมรภูมิที่กว้างใหญ่กว่าที่เคยสู้มากันแล้วกับ...

    MANIGATOR SAGA The Rebellion Soldiers ภาคอวกาศ
    ตอนที่ 21 เริ่มต้นการต่อสู้บนดาวอันไกลโพ้น ยอดทหารเหล็กกับสงครามครั้งแรกในอวกาศ

              "พีวิล พีวิล ตื่นได้แล้ว" เสียงมาสวาร์ทาร์ดังก้องขึ้นมาในหัวพีวิล ที่หมดสติอยู่ ซึ่งตอนนี้เขาได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว
              "อือออ มาสวาร์ทาร์ ว่าแต่ นายไม่เป็นไรใช่มั้ย...อือ" พีวิลหันมาเห็นมาสวาร์ทาร์ซึ่งตอนนี้โผล่มาแค่หัวเท่านั้น เลยก้มลงมาจนรู้ว่าพีวิลถูกจับใส่กล่อง ซึ่งก็ติดกับโฮฟไบค์ของเนคมาดูซัมที่ขี่พาพวกเขาทั้งสองไป "นี้นาย นายทำอะไรกับพวกเรากันแน่น่ะ" พีวิลถาม
              "ทำอะไรนะหรือ ก็พาพวกนายสองตนไปขังไว้ยังไงละ โทษฐานที่พวกนายโจมตีฐานทัพฝั่งตะวันตกของพวกครีซีแทน เล่นงานพวกครีซีแทนที่อยู่นอกและในฐาน และขโมยสินค้าที่สมควรจะส่งไปจักรวรรดิ์จนหมดเกลี้ยง ฉันเลยต้องพานายสองคนไปเป็นบรรณาการแทนยังไงละ" เนคมาดูซัมบอก "อ้อ ตอนนี้พวกนายถูกฉันมัดล็อกด้วยล็อคแคปเอาไว้ ซึ่งนายสองคนแม้จะมีการฟื้นฟูทางร่างกายอยู่ด้วยก็จริง แต่ฉันไม่ยอมให้พวกนายสองคนดิ้นหลุดไปไหนได้หรอกน่ะ"
              พีวิลหันมาเห็นดาบมาสวาร์ทาร์เบลดที่เสียบฟักและไพล่หลังเอาไว้ "แน่ละ เพราะว่านายเอาชนะพวกเราสองคนได้อยู่แล้วนิ เท่ากับว่าพวกเราก็เป็นนักโทษของนายเลยสิน่ะ"
              "ทั้งๆที่นายมีพลังที่ทรงอำนาจและแข็งแกร่งกว่าด้วยแล้ว นายก็น่าจะจัดการฆ่าพวกเราไปเสียเลยไม่ดีกว่าเลยหรือ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "พวกนายสองคนเก่งกาจและแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ที่ฉันเคยเจอมาแบบนี้ ถ้าฆ่าพวกนายตายไปโดยที่ฉันไม่รู้ว่าพวกนายสองตนเป็นใครมาจากไหนแบบนี้ เกิดพวกนายไม่ใช่ศัตรูขึ้นมา ฉันก็ไม่ผิดบาปกันไปเลยหรือ เพราะการลงมือฆ่าศัตรูที่หมดสภาพไปนั้น มันเป็นวิถีของคนขลาดเขลา ไม่ใช่วิถีทางของยอดนักรบกันสักหน่อยน่ะ"
              "แสดงว่า นายเป็นแมนิเกเตอร์ที่ยึดถือความถูกต้องเหมือนกับเราสองคนละสิ นั้นก็ดีแล้ว เพราะนายคงไม่ทำร้ายคนที่มีวิถีทางเดียวกันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เนคมาดูซัมหัวเราะขึ้นมา "งั้นนะหรือ ฉันชักจะสนใจพวกนายสองตนขึ้นมาแล้วละสิน่ะ พวกนายเป็นแมนิเกเตอร์จากเผ่าไหนกันละ เพราะรูปร่างหน้าตาของพวกนายเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนกันน่า"
              "นายเคยรู้จักอีเนอไมนด์และครอสตรีมหรือเปล่าละ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              เนคมาดูซัมบอก "อ้อ หมายถึงเผ่าทหารที่มีบอดี้ติดผลึกสีฟ้า กับเผ่านักรบผลึกสีเขียวที่ขุนพลขวาของโอเวอร์เดสส่งขึ้นมาจากโลกเลยสินะ นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ที่นายสองคนมีพลังเหมือนกับพวกนั้น แต่ขีดความสามารถและการต่อสู้ดูช่ำช่องกว่ากันน่ะ แล้วนายมีชื่อหรือเปล่าละ"
              "ฉันชื่อ พีวิล ฉายา เบรซซิ่งแฮนด์ แมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์สังกัดอีเนอไมนด์ และเป็นมาสเตอร์พีชของแม่ทัพแพทรีออท ผู้นำแห่งอีเนอไมนด์กันน่ะ" พีวิลแนะนำตัวเอง
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ส่วนฉันคือ เอชมาสวาร์ทาร์ สมญา ดาบมือหนึ่ง ตำแหน่งคาตานะลอร์ด แมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์เหมือนกับพีวิล แต่สังกัดครอสตรีม ฉันคือศิษย์เอกของแม่ทัพอาทรัสเตอร์ผู้นำของครอสตรีม ซึ่งตอนนี้ถอนตัวและสละตำแหน่งให้โครเต้ สไครเดอร์กันแล้วละ"
              "โอ้ว ถ้าอย่างงั้นนายสองตนก็คือแมนิเกเตอร์ระดับเก่งกาจที่สุด แต่เป็นสองตัวเริ่มต้นการต่อต้านกองรบจักรพรรดิ์ของบิดรเทพกันละสิน่ะ ไม่แปลกใจเลยที่ทั้งสองเผ่านั้นเล่าลือและเอ่ยชื่อพวกนายสองคนให้พวกครีซีแทนเล่าสู่กันฟังจนฉันได้ยินไปด้วย และอยากจะรู้ว่า สองยอดนักรบแมนิเกเตอร์นั้นหน้าตาเป็นยังไง ที่แท้ก็เป็นนายสองตนนี้เอง ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเสียจริงๆ" เนคมาดูซัมหัวเราะขึ้นมา
              พีวิลถาม "ในเมื่อนายรู้จักเราเช่นนี้ แล้วนายเป็นใครกันละ"
              "ฉันคือเนคเกอร์ มาสซั่ม ทหารเผ่าแกตไทซ์ เผ่าพันธุ์อันทรงอิทธิพลและทรงภูมิในฐานะทหารและนักรบของจักรวรรดิ์แรซัลก้า พวกนายเคยได้ยินชื่อนี้กันบ้างหรือเปล่าละ" เนคมาดูซัมบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เราพึ่งเคยได้ยินจากปากนายก็ตอนนี้แหละ เนคเกอร์..."
              "เรียกฉันว่า เนคมาดูซัมดีกว่าน่ะ เพราะชื่อจริงของฉันนั้น รู้สึกเหมือนตัวเองเจ้าเล่ห์ยังไงชอบกลกันน่า จนถูกล้อเลียนอยู่เสมอน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              พีวิลบอก "ไม่ว่าจะชื่อจริงหรือชื่อเล่นๆ นายก็เป็นตัวนายอยู่แล้วน่า เนคมาดูซัม"
              "นั้นสิน่ะ อ้อ จริงสิ ฉันอยากรู้เหลือเกินน่ะ ว่ายอดแมนิเกเตอร์สองตัวเอ้ที่เขาเล่าลือกันมานั้น พวกนายควรจะอยู่บนโลกมิใช่หรือ แล้วทำไมถึงมาโผล่ที่เอสเปรโด้-4 กันเสียเลยละ แม่ทัพต้นสังกัดของพวกนายกับบิดรเทพอนุญาตให้พวกนายมาเหยียบที่นี้กันเลยหรือ แล้วพวกนายเล่นงานพวกครีซีแทนและปล้นชิงสินค้าจากฐานทัพไปไหนกันละ" เนคมาดูซัมถาม
              พีวิลกล่าว "แปลว่านายไม่รู้เลยสิน่ะ ว่าสินค้าในฐานทัพที่นายกับพวกครีซีแทนจะส่งไปนั้นเป็นอะไรละ"
              "แม้เรื่องที่เรามาเหยียบบนดาวดวงนี้นั้นจะมีสาเหตุกันก็จริง แต่นายควรจะรู้จากมุมมองของเราบ้างน่ะ ว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์เล่าให้เนคมาดูซัมฟัง ซึ่งจริงๆแล้ว ยานบินที่เนคมาดูซัมเห็นมาก่อนหน้านั้น "ฟ้าววววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว" เป็นยานชั้นเฮฟไดซ์สองลำและยานขนส่งเพริแกรมที่แล่นลงสู่พื้นผิวดวงดาวดวงนี้
              "ตอนนี้เรานำยานลงจอดสู่ดวงดาวที่อยู่ใกล้สุด เพื่อทำการสำรวจอาณาบริเวณบนดาวดวงนี้กันแล้วละ" กัปตันยานกล่าว โดยตอนนี้ "ครืดดด ตรึงงง" มนุษย์สวมชุดอวกาศก้าวเดินออกมาจากประตูด้านข้างยานเฮฟไดซ์ไว้จำนวน 10 คนด้วยกัน ซึ่งก็ใช้เครื่องมือส่องไฟไปรอบๆ "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆ ปี้บๆๆๆๆ" โดยที่หัวหน้ากลุ่มนั้นเปิดโฮโลแพดวิเคราะห์สภาพโดยรอบหลังจากที่ก้าวเดินลงมาแล้ว
              "สภาพบรรยากาศ ออกซิเจน 60 เปอร์เซนต์ คาร์บอนมอนอ็อกไซด์ 30 เปอร์เซนต์ ก๊าซอื่นๆ อีก 10 เปอร์เซนต์ ตรวจไม่พบเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสารที่เป็นพิษและอันตรายต่อร่างกายอยู่ในพื้นดินหรือลอยมากับอากาศแต่อย่างใดแล้ว ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องสวมหมวกป้องกันไว้และออกมาได้ตามปกติแล้วละครับ" หัวหน้ากลุ่มกล่าว พร้อมกับทุกๆคนถอดหมวกออกมา
              "งั้นหรือ ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาสวมถอดชุดอวกาศที่ดูเทอะทะออกมาให้ล้มจนกระจกหมวกแตกกับพื้นเลยน่ะ" เสียงของคนที่ติดต่อมา โดยที่ยานเพริแกรมเปิดประตูท้ายออก "ตึก ตึก ตึก" ซึ่งนอกจากพีวิลและมาสวาร์ทาร์แล้ว เจเนล หัวหน้าหน่วยเจเนไซด์ทีมเองก็ก้าวเดินลงมาด้วยเช่นกัน "อ่า....นั้นคงเป็นการเหยียบพื้นผิวดาวดวงแรกของพวกเรา เหล่าแมนิเกเตอร์จากกลุ่มสหพันธมิตรที่เดินทางมาไกลหลายปีแสงจากโลกและระบบสุริยะกัน พร้อมกับภารกิจสำรวจดวงดาวครั้งแรกเลยสิน่ะ เบย์แทนด์" เจเนลกล่าวกับเบย์แทนด์ที่เป็นหัวหน้าทีมสำรวจในครั้งนี้ ซึ่ง ยานเฮฟไดซ์ได้นำรถวิบากสำหรับสำรวจอวกาศ โดยพวกแมนิเกเตอร์ทั้งหมดได้ถอดหมวกอวกาศกันไว้เพราะรู้ว่าสภาพภายนอกนั้นสามารถหายใจได้โดยไม่เป็นปัญหากันแล้ว
              "แม้จะไม่รู้ว่าระบบดาวที่เรามาถึงนั้นจะอยู่ใกล้หรือไกลจากแรซัลก้าไปหรือเปล่า เพราะเราแทบไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของระบบเจเนซิลกันเลยนะครับ" เบย์แทนด์บอก
              "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะเหตุนี้แหละ โคเคสจึงให้พวกเรา กองรบเวเซอร์มาช่วยคุ้มกันจากภัยอันตรายที่เราอาจจะต้องเจอในดาวดวงใดดวงหนึ่งนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "เพราะภัยอันตรายที่เราไม่รู้จักนั้น ยิ่งทำให้เราต้องระวังตัวกันมากขึ้นเลยน่ะ"
              "แน่ละ เพราะว่าพวกเรามาเพียงแค่สามคนกันนิ โมบิลลอยด์ของเรายังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม ถึงแม้เรือบินของพวกเราเองที่ยังสภาพดี ก็ยังต้องปรับแต่งจูนเครื่องให้แหวกว่ายในอวกาศได้เหมือนกับยานลำอื่นๆ ด้วยอีก แม้การสำรวจดาวดวงนี้จะให้กำหนดเวลาครึ่งวันก็ตามน่ะ" เจเนลบอก "แล้วไม่มีการเอาธงมาปักเลยหรือ ทั้งๆที่ดาวดวงนี้มันเป็นดาวดวงแรกที่เรามาเยือนกันน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ถึงนายอยากจะทำเช่นนั้นได้จริง แต่ถ้าเกิดว่าดาวดวงนี้มีชนเผ่าต่างดาวที่เป็นเจ้าถิ่นอาศัยอยู่มาเห็นเข้า ก็คงไม่ดีอยู่แล้วละน่า"
              "เจมส์ นายลองคิดดูก็ได้น่ะ ว่าถ้าขนาดพวกมนุษย์ต่างดาวเดินทางมาที่โลกของพวกเรานั้นยังโดนขับไล่เพราะมาเยือนโดยไม่มีการบอกกล่าว ซึ่งนั้นก็ถือว่าพวกเขาบุกรุกโลกของพวกเราขึ้นมา ต่อให้พวกนั้นไม่ได้มาเพื่อรุกรานและยึดครองโลกก็ตาม ซึ่งพวกต่างดาวเองก็คงไม่ชอบให้พวกเราที่มาทำแบบนี้เช่นกันละน่า" พีวิลบอก
              เบย์แทนด์บอก "ตามกฎของดร.รีไลฟ์เวอรี่ที่ระบุไว้ ถ้าดาวดวงไหนมีเจ้าของและมีผู้อยู่อาศัยอยู่แต่ก่อนแล้ว เราจะไม่ใช้กำลังเพื่อรุกรานและบุกยึด แต่จะเดินทางออกจากดาวไปอย่างสงบ เพื่อไม่ให้มีการสร้างความร้าวฉานระหว่างพวกเราและชนเผ่าเจ้าของดาวดวงนี้กันนะครับ"
              "แล้วถ้าดาวดวงนั้นมันมีพวกแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้ามายึดขึ้นมานิ เราคงไม่เผ่นหนีไปโดยไม่สู้กับพวกมันเลยหรือวะ" เจเนลบอก
              พีวิลบอก "ถ้าพวกนั้นคุกคามดาวดวงอื่นหรือก่อเรื่องสร้างความเดือดร้อนขึ้นก่อนจริง ถึงตอนนั้นแหละ พวกเราถึงจะออกปฏิบัติการณ์ได้ แต่ตอนนี้ เรามากันแค่สามคน และมาเพื่อสอดส่องดูแลการสำรวจดวงดาวเอาไว้ ถ้าตรวจสอบว่าดาวดวงนี้มีชาวต่างดาวอาศัยอยู่จริง พวกเราจะเดินทางกลับอาร์คโดยเร็วนี้แหละ"
              "เว้นเสียแต่ ดาวบางดวงที่ปราศจากสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มรัฐบาลของอวกาศทั้งปวงหรือเขตอวกาศเขตใดเขตหนึ่งกันแล้ว พวกเราถึงจะสามารถทำการสำรวจอย่างเต็มที่ ทำการรวบรวมทรัพยากรจากดาวดังกล่าวกลับขึ้นยาน ซึ่งนั้นหมายถึงการหาดาวสำหรับเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์สำหรับดูแลพวกแมนิเกเตอร์ทุกๆคนเอาไว้ด้วยนะครับ" เบย์แทนด์บอก
              พีวิลกล่าว "รวมไปถึง ระบบดาวที่เหมาะจะเป็นบ้านเกิดหลังที่สองของพวกเรากันด้วย หากแต่ตอนนี้ เราต้องระวังอันตรายจากรอบด้านกันไว้ก่อนจะดีกว่าน่ะ"
              "นั้นสิ เพราะตอนนี้เรามาเยือนถิ่นที่อาจจะเป็นถิ่นของพวกจักรวรรดิ์แรซัลก้าอะไรนั้นก็เป็นไปได้น่า" เจเนลบอก ฉับพลันแขนของเขาก็สั่นขึ้นมา "งึงๆๆ" พร้อมกับส่งเสียงดังขึ้น
              "คุณเจเนล เกิดอะไรขึ้นกันหรือครับ" เบย์แทนด์ถาม
              เจเนลกดตรงแขนด้านในจนเงียบเสียงกัน "แขนกลครีซีแทนตอบสนองต่อสัญญาณแบบเดียวกันที่อยู่ในระยะ 4 กิโลเมตรเช่นนี้...งานเข้าแล้วละ"
              "แย่แล้วละคะ หัวหน้าเบย์แทนด์ เรดาห์ตรวจจับสัญญาณแปลกหน้าจำนวน 5 ตัวมุ่งตรงมาทางนี้นะคะ" แมนิเกเตอร์วิจัยหญิงรายงาน โดยตอนนี้ เห็นครีซีแทนมากับยานบินขนส่งลอยเหนือพื้นไว้
              "ยานลำนั้น มันตรงกับข้อมูลที่ได้รับมานิน่า" ครีซีแทนทหารที่เป็นหัวหน้ากล่าว โดยพาครีซีแทนที่ต่างกันไปถึง 3 ตนด้วยกัน ซึ่งพวกทหารนั้นสวมหมวกคล้ายหมวกเบเร่ต์ไว้ "พวกมันมาเหยียบถึงที่จนได้สิน่ะ"
              "เวิร์คเกอร์มาสเตอร์ ฮีทเบิร์นเนอร์ เบลดคัตเตอร์ ไบร์ทแฟลชเชอร์ ลงไปจัดการกับพวกมันเดียวนี้เลย" รองหัวหน้าครีซีแทนทหารบกสั่งการครีซีแทนตัวสีแดงที่มีป่องไฟบนหัว ครีซีแทนตัวสีเงินที่มีใบเลื้อยตามตัวไว้ และตัวสีขาวที่บนหัวเป็นดวงไฟสว่าง โดดลงจากยานขนส่งลอยฟ้ามา
              "ตึกๆๆ" ครีซีแทนทั้งสามโดดลงมาพร้อมกับ "ซูมมมมมมมม" "ไฟร์เยอร์เวฟ" ฮีทเบิร์นเนอร์พ่นไฟจากดรรชนีเข้าใส่จนพวกทีมสำรวจรีบป้องกันด้วยบาเรียเอาไว้ พวกทีมสำรวจรีบนำรถสำรวจถอยหลังไป "คิดจะหนีหรือ ทริปเปิ้ลเบลด" เบลดคัตเตอร์เปลี่ยนนิ้วทั้งสามให้กลายเป็นดาบสามเล่มไว้
              "เหวออ มะ มันเปลี่ยนมือเหมือนกับหัวหน้าเจเนลด้วยละ" แมนิเกเตอร์นักสำรวจผมสีเขียวกล่าวจน "ฉั้วะ โครมมม" รถสำรวจถูกเบลดคัตเตอร์ฟันทิ้งจนขาดเป็นสามท่อนไป เคราะห์ดีที่ทุกๆคนรอดไปได้เสียก่อน
              "ไม่ให้แกหนีได้หรอก แฟลชสตอปเปอร์" ไบร์ทแฟลชเชอร์ปล่อยแสงจากส่วนหัวทำให้พวกนักวิจัยตาพร่าเช่นเดียวกับพาหนะที่
              "ขะ ขยับไม่ได้ ระบบขับเคลื่อนหยุดชะงักไปเลยน่ะ" นักสำรวจกล่าว โดยที่ไบร์ทแฟลชเชอร์เตรียมแขนติดปืนเลเซอร์เพื่อยิงใส่...
              "แชดดด ป้ากกกก" ไบร์ทแฟลชเชอร์โดนลำแสงสีเขียวยิงใส่จนถูกเป่ากระเด็นไป จนฮีทเบิร์นเนอร์และเบลดคัตเตอร์หันมา โดยเป็นฝีมือของมาสวาร์ทาร์นี้เอง "สามตัวนี้ ชัดเลย พวกมันมาเยือนจนได้สิน่า" ไบร์ทแฟลชเชอร์เห็นหน้ามาสวาร์ทาร์ก็ถึงกับโกรธแค้นขึ้นมา
              ครีซีแทนทหารบกหัวหน้าหน่วยบอก "ถ้าอย่างงั้น รีบแจ้งท่านแลมเซนโดย...."
              "เจเนลคิกกกก" เจเนลกระโดดขึ้นสูงและพุ่งลงมาถีบใส่ยานขนส่งจน "ตรูมมมม" ยานระเบิดอย่างจังๆจนทำให้ครีซีแทนทหารสองตัวรีบโดดลงมา "หนอยยยย กล้าขัดขวางนะหรือ เจอปืนกราฟคาร์ไบน์นี้หน่อยสิ" รองหัวหน้าหยิบปืนยาวมา "ตุ้งๆๆ ตรุ้งงง" ยิงกระสุนพลังออกไปพร้อมกับยิงกระสุนระเบิดไปด้วย "ตรูมๆๆๆ บรึมมมม" ซึ่งก็เป่าเจเนลจนล้ม แต่เจเนลก็ไวพอและโดดหลบแรงระเบิดไว้แล้วก็ "จีบัสเตอร์ ชาร์จช็อต ชู้ต" ยิงกระสุนพลังพลาสม่าขนาดใหญ่เข้า "ป้ากกกก" เข้าทำลายส่วนแขนและปืนของรองหัวหน้าจนกระจุยไป "บะ บ้าน่า แข แขนปืนนั้น มันเป็นไปไม่ด้ายยยย...." รองหัวหน้ากล่าวอย่างอึ้งๆและล้มลง "ตรูมมมม" ร่างระเบิดแหลกเหลวไป
              "แก แกฆ่ารองหัวหน้าแบบนี้ ไหม้เป็นจุลด้วยอตอมมิคแมกม่าแคนน่อนเลย" ฮีทเบิร์นเนอร์โกรธจัดจนไฟบนหัวลุกโชนพร้อมกับ "แกร็ก ครืนนน ตรุ้งงงง" เปลี่ยนแขนดรรชนีพ่นไฟมาเป็นแขนปืนเพลิงพร้อมกับยิงกระสุนไฟขนาดใหญ่ออกมา แต่.... "ป้ากกก" พีวิลพุ่งมาอย่างรวดเร็วและใช้ฝ่ามือต้านกระสุนความร้อนไว้ได้ ซึ่งก็เปลี่ยนกระสุนเพลิงสีส้มแสดจนกลายเป็นสีน้ำเงินขึ้นมา "เอาคืนไปเลย" พีวิลซัดลูกบอลพุ่งเข้ามา "เปรี้ยงงงงง ซูมมมม" จนลูกบอลเพลิงที่ถูกดูดซับและแปรสภาพเป็นพลังเพลิงอีเนลเซียมเข้าแผดเผาฮีทเบิร์นเนอร์ไปอย่างจังๆ "อั้กๆๆๆ อ้ากกกก นะ นั้นหรือ พลังของเบรซซิ่งแฮนด์ที่เขาเล่าลือกันน่ะ ร้อน ร้อนเหลือเกินนน โว้ยยยยยยยย" ฮีทเบิร์นเนอร์ร้องลั่นและ "ตูมมม ตรูมมมม บรึมมมม" ส่วนหัวระเบิดเพราะทนต่อความร้อนไม่ไหว ตามด้วยหน้าอกและทั้งตัวที่ระเบิดกระจุยไปเต็มๆ
              "ชดใช้ชีวิตเพื่อนของเรามาเดียวนี้น่ะ" เบลดคัตเตอร์บุกเข้ามาด้วยกงเล็บดาบสามเล่มที่แขนซ้ายหมายจะบุกเข้าจัดการกับพีวิล แต่... "แกร้งงงงง" มาสวาร์ทาร์เข้าใช้มาสวาร์ทาร์เบลดต้านรับไว้ "หึ ว้ากกกก" แล้วก็ตะเบ็งเสียงพร้อมกับ "ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ" ฟันทำลายกงเล็บและฟาดฟันตัดหัวและฟันลงกลางร่างจน "ฉึบ ฉึบ ฉึบ ตรูมมมม" ร่างขาดสะบั้นลงจนระเบิดไป ไบร์ทแฟลชเชอร์เตรียมล็อกเป้าใส่มาสวาร์ทาร์ไว้
              "ต่อให้แกมีดาบก็จริง แต่เอมมิ่งเลเซอร์ของฉัน ยิงถูกแกได้แน่นอน เตรียมตัวตายได้เลย" แล้วก็ยิงปืนเลเซอร์เข้าใส่ แต่... "ฟึ่บบบบบ แว้งงงงงงง" มาสวาร์ทาร์ยกดาบครอสเซียมของตนรับลำแสงเอาไว้ จนดาบเรืองแสงขึ้นมา "เพลงดาบสายฟ้าแลบ" แล้วก็พุ่งเข้าใส่ไบร์ทแฟลชเชอร์พร้อมกับฟันใส่อย่างรวดเร็ว จนไบร์ทแฟลชเชอร์ถูกประทับรอยฟันบนร่างไว้ "นี้สิน่ะ เพลงดาบอันน่ากลัวของผู้ที่เรียกตัวเองว่าคาตานะลอร์ดของครอสตรีมกันน่ะ โอ้วว โว้วววว" แล้วไบร์ทแฟลชเชอร์ก็ "ตรูมมมมม" ระเบิดแหลกเหลวไปจนล้มแบบคุกเข่าไว้
              "ตุ้งๆๆๆๆๆ" หัวหน้าหน่วยระดมยิงกราฟคาร์ไบน์เข้าใส่เจเนล ซึ่งเจเนลก็หลบการโจมตีด้วยการแดชมา "สปาร์คช็อค" แล้วก็ยิงกระสุนไฟฟ้าเข้า "ฟ้าววว เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆ" ช็อตใส่ครีซีแทนทหารบกระดับหัวหน้าจนชะงักงันไป "นั้นมันอาวุธของโวลท์เล็คทริคเกอร์นิน่า แต่แขนแกไม่น่าจะมีอาวุธเพิ่มเติมกันได้เลยนิน่า" ครีซีแทนรีบคลายตัวจากสภาพถูกช็อตลงพร้อมกับใช้กราฟคาร์ไบน์ "ครี้งงงง" โดยตัวปืนนำดาบปลายปืนเข้ามาพร้อมกับแทงใส่
              "แบบนี้ก็สวยสิ เอานี้ไปเลย" เจเนลวิ่งเข้าใส่อย่างไม่กลัวจน "ป้ากกก" พุ่งผ่านหัวหน้าครีซีแทนทหารนั้นไว้ ซึ่งไม่เพียงตกตะลึงเพราะปืนติดดาบปลายปืนถูกผ่าซีกไปพร้อมกับแขนสองข้าง แต่หมายถึงตัวท่อนบนด้วย
              "แม้กระทั่ง เมทัลเบลด ซึ่งมีแต่เบลดคัตเตอร์เลเวลสูงเท่านั้นที่ใช้ได้กันนิน่า หรือว่าแก...." ไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็ "ตรูมมมมม" ร่างระเบิดไปอย่างจังๆหลังจากที่ตัวขาดร่วงลงกับพื้นไว้แล้ว เจเนลเลยสบัดดาบที่แขนขวาให้กลายเป็นหัตถ์ขวา
              "ไม่เป็นไรใช่มั้ยละ" พีวิลกล่าวและประคองแมนิเกเตอร์อวกาศลุกขึ้นยืน ซึ่งเธอก็ตอบไปว่า
              "หัวหน้าเบย์แทนด์คิดถูกนะคะที่พาพวกคุณมาด้วย ไม่งั้นพวกเราคงแย่แน่ๆเลยคะ" มาสวาร์ทาร์เลยรีบประคองพวกที่โดยสารมากับรถสำรวจให้ลุกขึ้นไว้
              "และเป็นอย่างที่ผมคาดไว้ไม่มีผิด ครีซีแทนมีระบบอาวุธที่แขนเหมือนกับที่คุณเจเนล คุณจายด์และคุณจิลมีด้วยนะครับ" เบย์แทนด์สแกนส่วนแขนของฮีทเบิร์นเนอร์กันด้วย
              เจเนลบอก "ถ้าพวกมันโผล่มาเจอพวกเราเช่นนี้ แสดงว่าเราเหยียบถิ่นของพวกมันแล้ววะ"
              "สถานการณ์แบบนี้ เราคงต้องรีบกลับไปแจ้งให้ผบ.โคเคสรับทราบกันดีกว่าน่ะ" เบย์แทนด์บอก
              เจเนลร้องห้ามไว้ "เดียวก่อน ดูเหมือนว่า พวกพ้องของมันจะติดต่อเข้ามาเพราะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ" เพราะได้ยินเสียงดังมาจากแขนไว้ เจเนลเลยรีบเปิดรับโดยเร็ว
              "นี้คือฐานฝั่งตะวันตก ถึงหน่วยที่ 5 ตะกี้นี้ทางเราไม่สามารถจับสัญญาณของพวกคุณไว้ เกิดอะไรกันขึ้นน่ะ" ครีซีแทนติดต่อเข้ามา
              เจเนลจึงยกแขนพร้อมกับตอบโดยอาศัยการแปลงเสียงไปว่า "นี้คือหน่วยที่ 5 ตอนนี้เราเจอยานของพวกสหพันธมิตรโคเคสตามข้อมูลที่เราได้รับมาจากกองรบของท่านบิดรเทพเอาไว้ ตอนนี้พวกเรากำจัดทีมสำรวจที่โคเคสส่งมาสำรวจตรวจตรา พร้อมกับยึดยานอวกาศไว้สามลำ หากแต่ ทีมสำรวจโต้ตอบจนระบบส่งสัญญาณของพวกเราเสียหายขึ้นมากันน่ะ"
              "งั้นนะหรือ ดีแล้วละ เพราะพวกเรากำลังประสบปัญหาในการขนส่งแรงงานชาวอาณานิคมที่กองรบกองอื่นไปหามาได้อยู่พอดี เนื่องจากเรารอยานจากกองทัพอากาศมานานมากแล้วน่ะ" ครีซีแทนติดต่อมา ซึ่งพีวิลและมาสวาร์ทาร์ตกใจไม่น้อย เช่นเดียวกับเจเนล หากแต่ยังตอบกลับไปว่า
              "ถ้าเช่นนั้น ทางเราจะนำยานมารับแรงงานทั้งหมดไปส่งที่แรซัลก้าเลยแล้วกัน เลิกการติดต่อ" แล้วก็ปิดการติดต่อไว้ พร้อมกับบอกว่า "สงสัยว่าเราจะมีภารกิจช่วยเหลือเพิ่มอีกหนึ่งเรื่องแล้วละ"
              "เบย์แทนด์ ให้ทีมสำรวจกลับขึ้นยาน นำซากพาหนะที่ได้รับความเสียหายไปด้วย ส่วนร่างพวกครีซีแทน รีบนำขึ้นเพริแกรมเพื่อให้คุณวูลลิเซียตรวจสอบเพิ่มเติมกันน่ะ" พีวิลบอก
              เบย์แทนด์พยักหน้า "โชคดีมากแล้วละ ที่เรานำเฮฟไดซ์ ซึ่งยังไม่ได้เก็บรวบรวมทรัพยากรไว้ นั้นคงจะเหมาะกับภารกิจแรกบนดาวดวงนี้นะครับ"
              แล้วหลังจากนั้นก็... "ยานของพวกโคเคสมันเป็นกระสวยอวกาศขนาดใหญ่เลยนะเนี้ย" ครีซีแทนทหารบกกล่าว
              อีกนายกล่าว "นั้นก็ใหญ่พอที่จะรับแรงงานชาวอาณานิคมที่อุดอู้อยู่ในโกดังของพวกเรากันทั้งหมดนี้แหละ" โดยตอนนี้ ยานเฮฟไดซ์หันส่วนท้ายเอาไว้ เช่นเดียวกับยานเพริแกรมที่เปิดท้ายออกมา แต่ไม่ปรากฎเงาของผู้โดยสารเลย
              "เดียวฉันจะไปเช็คดูแล้วกัน เผื่อหน่วยที่ 5 มันไม่ยอมลงมา..." ทหารนายกองเดินเข้าไปดูด้วยตัวเอง แต่ก็... "กรืออ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "ปิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" นายกองครีซีแทนไม่เพียงโดนยิงจนตัวพรุนและแขนขาหลุดกระจายไป แต่ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็พลอยถูกยิงไปด้วยจนล้มลงไปอย่างจังๆ โดยเป็นฝีมือของเจเนลกับแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์นี้เอง
              "หน่วยที่ 5 ไม่มาหาพวกแกหรอก เพราะพวกเรามานี้เพื่อแจกกระสุนตะกั่วและโครเมี่ยมให้กับพวกแกกันทั้งหมดนี้แหละ" เจเนลกราดยิงใส่พวกครีซีแทนที่ยืนตกใจและเตรียมอาวุธปืนยิง แต่ก็ไม่ว่องไวพอที่จะสวนกลับได้ เพราะอีกฝ่ายมีปืนกลพวงอัตโนมัติกระหน่ำยิงแบบนันสตอปไป พวกครีซีแทนทหารเลยรีบใช้กราฟคาร์ไบน์หมายจะยิงใส่ท้ายยานให้พัง "ฟ้าวววว ฟ้าวว ฟ้าววว ฟ้าววว ตูมมม ตูมมมม ตรูมมมมม ตูมมมมม" แต่ก็โดนจรวดพุ่งจนปลิวกระจุยไปโดยฝีมือของพีวิลที่นำเครื่องยิงจรวดแบบสี่ช่องยิงโฟร์ทบลัสต์ลันเชอร์ออกมา เช่นเดียวกับมาสวาร์ทาร์ที่ยิงครอสเซียมมาสเก็ตเข้าใส่ครีซีแทนทหารที่วิ่งออกมาอย่างจังๆ โดยที่เจเนลและพีวิลรีบวิ่งไปดูที่โกดังไว้ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "ฟ้าววว ตรูมมม" "เกร้งๆๆๆ" ซึ่งก็ระดมยิงจนประตูโกดังพังลงอย่างจังๆ "ครืดดดด โคร้งงงงง" แล้วทั้งคู่ก็รีบดันประตูออกมา ก็พบกับ... "แม่เจ้า นายเห็นอย่างที่ฉันเห็นหรือเปล่าวะ" เจเนลบอก พีวิลพยักหน้าอย่างอึ้งๆ เพราะที่พวกเขาเห็นนั้น คือกลุ่มผู้คนที่อยู่ข้างใน ซึ่งไม่เพียงบางคนมีเครื่องจักรติดตามตัว หรือมีอวัยวะเทียมจักรกลแทนที่แขนขา บางคนยังมีผลึกงอกตามตัว และมีหินโผล่ ที่แย่ที่สุดก็คือ บางคนมีเขี้ยว กงเล็บ หรืออวัยวะบางอย่างที่ติดตามตัว เช่นเดียวกับแขนขาบิดเบี้ยวกลายพันธุ์ไปด้วย
              "ว่าแต่ พวกคุณที่อยู่ที่นี้ มาจากไหนกันบ้างละครับ" พีวิลกล่าว
              ชายชราที่มีแขนเป็นแขนผลึกสีเขียวและเหลืองบอก "พวกเราเป็นชาวอาณานิคมของกลุ่มพันธมิตรมนุษยชาติ ที่ถูกพวกแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้ารุกรานและจับตัวพวกเรามาแปรสภาพจนมีสภาพเป็นเช่นนี้กันนะครับ"
              "พวกเรามีสภาพเป็นเหมือนพวกมันไปแล้ว และตอนนี้พวกเราก็น่ารังเกียจและน่ากลัวสำหรับชาวโลกกันแล้วนะคะ" หญิงสาวที่มีหนวดแทนนิ้วแถมมีเขี้ยวและกล้ามเนื้อปูดตรงแขนซ้ายกล่าว
              ชายวัยกลางคนที่มีขาเป็นขาหุ่นยนต์บอก "ว่าแต่ พวกคุณเป็นพวกเดียวกับพวกมาจากแรซัลก้าหรือ"
              "ถึงพวกเราเป็นแมนิเกเตอร์ พวกเราได้เอาชนะโอเวอร์เดสและพวก จนเดินทางมาถึงอวกาศกันแล้วละครับ" พีวิลบอก ทุกๆคนในโกดังที่ได้ฟังก็แปลกใจอย่างมาก
              "....พวกคุณคงเป็นพวกแมนิเกเตอร์ที่พวกครีซีแทนเหล่านั้นเล่ามาสิน่ะ นี้แปลว่าพวกคุณมาช่วยพวกเราสินะครับ" ชายหนุ่มที่ตัวสูงโย่งมากๆกล่าว
              "พวกคุณโชคดีมากแล้ว เพราะว่าพวกเรามาเพื่อช่วยพวกคุณกลับไปกันอยู่แล้ว ดังนั้น ขอความร่วมมือกันหน่อยน่ะ" เจเนลกล่าว แล้วก็... "โครมมมมมม แกร้กกกกกกก" พีวิลชกทำลายประตูแล้วก็ดันประตูโกดังหมายเลขสองออกไป ส่วนเจเนลนั้น "ฉับๆๆๆๆ" ใช้เมทัลเบลดฟันทำลายประตูจนสร้างช่องว่างออกมา โดยที่มาสวาร์ทาร์กับพวกเบย์แทนด์นั้น "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" รีบใช้พลาสม่าไรเฟิ่ลยิงโต้ตอบพวกครีซีแทนกันอย่างยกใหญ่ เพื่อป้องกันยานทั้งสามลำไว้ด้วย "ฟ้าววว ฟ้าววว ตรูมมมม บรึมมมม" พีวิลใช้โฟร์ทบลัสต์ลันเชอร์ยิงเป่าพวกครีซีแทนที่ใช้บอมเบอร์บาซูก้าจนตัวปลิวกลางอากาศไป                  
              "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เจเนลคุ้มกันชาวอาณานิคมที่ถูกแปรสภาพเป็นแมนิเกเตอร์ด้วยการกราดยิงแรปิดเดเตอร์เล่นงานพวกครีซีแทนที่อยู่บนตัวอาคารจนร่วงไปกันหมด "เบย์แทนด์ พาพวกแรงงานผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้ขึ้นยานกันโดยเร็วเลย" มาสวาร์ทาร์บอก แล้วก็ส่องยิงครีซีแทนทหารบกลงไปกองกับพื้นพร้อมรูทะลุกลางอกไปถึงสองตัวด้วยกัน
              "เข้าใจแล้วละครับ" เบย์แทนด์บอก แล้วให้ทุกๆคนช่วยพาชาวอาณานิคมแมนิเกเตอร์ขึ้นยานกันโดยเร็ว พีวิลยิงจรวดจนหมดชุด แล้วก็โยนกลับเข้าไปในเพริแกรมโดยเร็ว
              เจเนลบอก "ดูเหมือนว่าฐานทัพแห่งนี้มีพวกครีซีแทนประจำอยู่เพียบ ถึงได้โผล่ออกมาไม่หยุดไม่หย่อนเลยวะ" และส่วนแขนของเจเนลก็สั่นขึ้นอีก จนต้องตรวจสอบดูและเงี่ยหูฟังไว้ "โอ้ว เวรแล้ว พวกมันแจ้งไปที่ฐานหลักและติดต่อส่งกำลังเสริมมาแล้วนะสิ"
              "มาสวาร์ทาร์ ปืนนายยิงต่อไปได้หรือเปล่าละ" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ฉันว่ายิงพอแค่นี้ก็เกินพอแล้วน่ะ" แล้วก็เปิดเกราะต้นขาทั้งสองข้าง เพื่อถอดครอสเซียมมาสเก็ตแยกลำกล้องและตัวด้ามจับไกปืนเก็บไว้ พร้อมกับชักดาบออกมา
              "เจมส์ นายรีบไปกับพวกเบย์แทนด์ ตรงกลับไปที่อาร์คโดยด่วนเลย" พีวิลกล่าว
              เจเนลแย้ง "จะบ้าหรือวะ พีท ฉันไม่ยอมปล่อยให้นายและมาสวาร์ทาร์อยู่รั้งท้ายเพียงสองคนหรอกน่า"
              "เจเนล นายต้องกลับไปบอกโคเคสและพวกเราที่ยังอยู่ให้ทราบไว้ ว่าดาวดวงนี้เป็นถิ่นของพวกครีซีแทน ซึ่งฉันกับพีวิลจะต้องถูกพวกมันจับตัวเป็นนักโทษไว้แน่ๆ เพราะว่าพวกเรามีสถานะเป็นตัวอันตรายต่อพวกแรซัลก้ากันด้วย โอกาสที่เราสองคนจะถูกพวกมันพาตัวไปที่สถานีอวกาศเพื่อส่งไปยังแรซัลก้านั้น เป็นไปได้สูงมากเลยละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "อีกอย่าง นายสามคนก็มีแขนแบบครีซีแทนที่ครองคอร์ดสร้างขึ้นมาแบบนี้ ถ้านายถูกจับไปขึ้นมา คงไม่เป็นผลดีต่อพวกเราแน่นอนเลยน่ะ"
              "แล้วจะให้ทิ้งพวกนายไว้นี้กันเลยหรือวะ" เจเนลกล่าว
              พีวิลบอก "นายเชื่อใจฉันหรือเปล่าละ เจมส์ ตอนนี้เบย์แทนด์กับพวก ไม่สามารถปกป้องชาวอาณานิคมที่เราช่วยเอาไว้เป็นจำนวนมากกันด้วย อีกอย่าง มีแต่นายเท่านั้นที่จะไปเตือนโคเคสและพวกให้รู้ เพื่อที่พวกนายจะรีบมาช่วยเราสองคนกันนี้แหละ" แล้วก็ตบไหล่ไว้ "วางใจได้น่า เพราะพวกเราต่างก็มาถึงจุดนี้แล้ว พวกเราไม่เสียท่าจนถึงแก่ชีวิตกันหรอกน่ะ"
              "อืมมมม ก็ได้ พีวิล แต่ขออย่างเดียวน่ะ ว่านายห้ามตายเด็ดขาด เพราะฉันยังอยากจะดวลกับนายต่อกันน่ะ" แม้จะไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายเจเนลยอมเพราะเชื่อมั่นในตัวพีวิลและมาสวาร์ทาร์ไว้ แล้วก็ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เดินถอยหลังและกราดยิงใส่พวกครีซีแทนที่มากับปืนยิงลูกระเบิดไว้ "เบย์แทนด์ แจ้งบอกนักบินเอายานขึ้นเดียวนี้เลย" เจเนลบอก
              เบย์แทนด์กล่าว "แล้วคุณพีวิลและคุณมาสวาร์ทาร์ละครับ คุณเจเนล"
              "พวกเขาจะอยู่รั้งท้ายสกัดกั้นพวกครีซีแทนไว้ พวกเรารีบพาชาวอาณานิคมที่เดือดร้อนเหล่านี้กลับไปที่อาร์คและบอกกับโคเคสและพวกพ้องเวเซอร์ให้มาช่วยทั้งสองคนกันโดยเร็วดีกว่าน่ะ" เจเนลบอก
              เบย์แทนด์ได้ฟังก็เข้าใจ "เพราะอย่างน้อย แค่พวกเราพร้อมที่จะมาช่วยก็เกินพอแล้วนะครับ ออกยานเดียวนี้เลยครับ" แล้วยานเพริแกรมและยานเฮฟไดซ์ที่บรรทุกชาวอาณานิคมแมนิเกเตอร์ก็แล่นทะยานออกไป
              "แกร็ก แว้งงงง" พีวิลสบัดแขนเพื่อเปิดอาร์มชู้ตเตอร์ออกและเปล่งพลังงานขึ้นที่หมัดไว้ พร้อมสำหรับสู้กับพวกครีซีแทนไว้ "ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพวกเราแล้วละ" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ใช่ แม้เราสองคนจะเป็นตัวเริ่มเรื่องครั้งนี้เลยก็ตามน่ะ"

              "แล้วหลังจากนั้น นายก็โผล่มา พวกเราสองคนก็ติดแหงกมากับนายในเวลานี้เองแหละ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมพวกหน่วยตะวันตกถึงโดนคว่ำซะกระจุยกระจายกันแล้ว ทั้งๆที่พวกนี้มันเป็นทหารความสามารถระดับกลางที่ผ่านการสู้รบจนยึดดาวมาได้ 4 ดวงใหญ่ๆแล้ว เพราะพวกนายสองคนมันเก่งเกินไปนี้แหละ" และบอกไปว่า "แต่....ฉันไม่ค่อยเชื่อในเรื่องสินค้าที่เป็นชาวอาณานิคมที่เป็นพลเมืองของเฮนรี่ ไนท์ที่ถูกกองรบแมนิเกเตอร์จักรวรรดิ์แรซัลก้าจับมาแปรสภาพกันเสียเลยน่า เออ ถ้าเป็นชาวแรซัลก้าก็พอว่าไปอย่าง"
              "นายไม่เชื่อไม่แปลก เพราะนายไม่ได้เห็นกับตาเลยนิ และถ้าให้เดา พวกครีซีแทนไม่ยอมอธิบายเรื่องสินค้าให้นายฟังด้วยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "อืมมมม นั้นก็พอมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ที่ไม่เชื่อนั้น เพราะ ฉันไม่คิดว่าพวกแมนิเกเตอร์ภายใต้การนำของเทพแห่งสงครามจะทำเรื่องแหกกฎเกณฑ์กันไปได้หรอกน่ะ"
              "แหกกฎเกณฑ์นะหรือ..." พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมบอก "เพราะกองรบแมนิเกเตอร์ของจักรวรรดิ์แรซัลก้านั้น มีคำสั่งห้ามมิให้เคลื่อนไหวรุกรานพวกมนุษย์ หรือสร้างความไม่สงบสุขให้กับระบบดาวอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงการจับพวกมนุษย์ของฝ่ายพันธมิตรมนุษยชาติมาดัดแปลงเป็นแมนิเกเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานทาส หรือส่งไปเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเองด้วยน่ะ"
              "แล้วอะไรที่ทำให้นายคิดว่าพวกครีซีแทนไม่สามารถล้ำเส้นและขัดคำสั่งไปได้กันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าฉันบอกว่า พ่อของฉันเป็นแม่ทัพขวาที่สั่งการกองกำลังจักรพรรดิ์ ซึ่งขึ้นตรงกับคำสั่งขององค์ชายไซมาเทน ผู้มีสมญาว่าเป็นเทพแห่งสงครามกันละ แม้ฉันไม่อ้างตนว่าเป็นลูกแม่ทัพขวา แมนิเกเตอร์ทุกเผ่าที่อยู่ในกองทัพก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งอยู่แล้วละ"
              "องค์ชายไซมาเทน นั้นคงเป็นนามของเทพแห่งสงครามละสิน่ะ" พีวิลกล่าว เนคมาดูซัมพยักหน้า
              มาสวาร์ทาร์ถาม "แล้วถ้าเกิดว่าพวกครีซีแทนหรือพวกแมนิเกเตอร์เผ่าอื่นๆนั้นขัดคำสั่งพ่อของนายขึ้นมา โดยที่องค์ชายไซมาเทนเป็นคนอนุมัติคำสั่งนั้นละ"
              "พวกนายพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้ฉันเชื่อว่าองค์จักรพรรดินีเองก็เห็นชอบให้มีการรุกรานอวกาศเลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว และพูดตามความเชื่อของตนเองไปว่า "นั้นเป็นไปไม่ได้หรอก มารดรเทพเป็นผู้ปกครองที่มีจิตใจดีงามและไม่มีทางที่จะเป็นผู้เริ่มการคุกคามความสงบสุขของอวกาศทั้งปวง จนถึงขั้นลามปามไปถึงเผ่าพันธุ์ใหญ่ของกลุ่มสมาพันธ์อวกาศหนึ่งเผ่าที่อยู่บนดาวดวงนี้ด้วยนะสิ"
              พีวิลถาม "เผ่าพันธุ์ใหญ่ของกลุ่มสมาพันธ์อวกาศนะหรือ นี้แสดงว่า ดาวดวงนี้ มีมนุษย์ต่างดาวหนึ่งเผ่าอาศัยอยู่อย่างงั้นละสิ"
    "พวกนายไม่รู้เลยหรือ ว่าเอสเปรโด้-4 ดวงนี้ อยู่ภายใต้การปกครองของมนุษย์ดาวฤกษ์แอตทาเวียนกันแล้วน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "มนุษย์ดาวฤกษ์นะหรือ เดียวก่อนน่ะ ฉันทราบมาว่าดาวฤกษ์นั้นมีสถานะเป็นดาวประกายแสง ซึ่งไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้เลยนิ เพราะไม่อาจจะต้านความร้อนสูงจากดาวที่สุกสกาวตลอดเวลากันน่ะ"
              "แต่ไม่ใช่กับชาวแอตทาเวี่ยน ที่เป็นชนเผ่าเก่าแก่และอยู่ยืนยงคู่จักรวาลอันกว้างใหญ่นับแต่จักรวาลถือกำเนิดมาหรอกน่ะ เพราะพวกนี้ไม่เพียงถือกำเนิดมาจากดวงดาวที่ส่องแสงตลอดเวลา ดาวบ้านเกิดของพวกเขาเองก็เป็นเหมือนดาวทุกดวงนี้แหละ ที่พวกเราหรือชาวต่างดาวๆอื่นสามารถอยู่ได้ หากแต่มันส่องแสงได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาแสงอาทิตย์ จึงยากที่ดาวดวงนี้จะมีกลางคืน เลยทำให้เวลาบนดาวดูยาวนานกว่าที่ควรจะเป็นนะสิ" เนคมาดูซัมกล่าวและอธิบายถึงเผ่าพันธุ์ที่มาจากดาวฤกษ์ไว้ "ซึ่งจากการที่ชนเผ่านี้เป็นเผ่าพันธุ์เก่าแก่ที่อยู่ยืนยงคู่จักรวาลมานานแสนนาน จึงทำให้เผ่าพันธุ์นี้เป็นตัวริเริ่มสร้างอารยธรรมของพวกเขาขึ้นตามดวงดาวต่างๆนาๆ และได้พบปะกับชาวต่างดาวท้องถิ่นนั้นๆพร้อมกับเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาว ซึ่งนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่มสมาพันธ์อวกาศครั้งแรก ซึ่งถือว่าเป็นการก่อตั้งกลุ่มสังคมต่างดาวที่เก่าแก่และมาก่อนหน้าพวกเราตั้งนานแสนนานกันด้วยน่ะ"
              พีวิลบอก "แปลว่า ชาวแอตทาเวี่ยนนั้นก็เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในอวกาศเลยละสิ"
              "แน่ละ เพราะว่าชาวแอตทาเวี่ยนไม่เพียงอายุยืนถึงระดับ 100 ปีขึ้นไป หากแต่พวกเขามีพลังจิตอันสูงส่ง มีพละกำลังและร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นมา ซึ่งทำให้พวกเขาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายของดาวแต่ละดวงได้เป็นอย่างดี ซึ่งด้วยที่ชาวดาวฤกษ์นั้นอยู่ยงคงกระพันด้วยกันกับจักรวาล พวกเขาจึงมีการพัฒนาสร้างวิทยาการอันทันสมัย ซึ่งมักจะมีการค้นคว้าอะไรใหม่ๆขึ้นมาอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าส่วนมากจะยึดติดกับภูมิความรู้ของบรรพบุรุษที่ริเริ่มขึ้นในอดีตอันยาวไกลเอาไว้แล้วก็ตาม มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีชาวแอตทาเวียนแตกคอกันเองด้วยความแตกต่างทางความคิดกันไว้น่ะ" เนคมาดูซัมบอก "อ้อ ลืมบอกไปนะ ว่าต่อให้ชาวแอตทาเวียนอายุยืนเป็นร้อยหรือเกือบพันปีก็จริง พวกเขาไม่ได้เป็นอมตะกันซะทุกคนหรอกน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ทั้งจักรวาลก็มีแต่ชาวดาวฤกษ์กันแล้วละ" และหันมาถาม "แล้วนายเคยเจอชาวแอตทาเวียนกันบ้างหรือเปล่าละ"
              "นับจากที่ฉันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพจักรพรรดิ์ด้วยอายุ 18 ปี และอยู่ในอายุราชการมา 7 ปีแล้ว ฉันเจอกับพวกแอตทาเวียนมาตั้ง 10 ครั้งด้วยกัน ซึ่งพวกที่ฉันปะทะด้วยนั้นเป็นระดับนักรบ นักสู้ นักล่า และนักฆ่ากันทั้งนั้น เคราะห์ดีที่ฉันโต้ตอบพวกนั้นจนรอดมาได้ เพราะพลังดาวหางแห่งแสงกันนี้แหละ" เนคมาดูซัมกล่าว
              พีวิลบอก "พลังดาวหางนะหรือ ที่เป็นพลังของนายกันน่ะ"
              "ใช่ ชนเผ่าแกตไทซ์อย่างฉันนั้น ทุกคนเป็นแมนิเกเตอร์ทรงหุ่นที่ได้รับพลังจากสะเก็ดดาวหางอันทรงพลังนาม ควอตไซเซอร์ ซึ่งเป็นดาวหางที่ค้นพบไม่เพียงมีพลังอันมหาศาล หากแต่มันยังเป็นพลังแห่งชีวิตที่สามารถก่อกำเนิดชีวิตใหม่ ซึ่งสืบทอดพลังตามผู้ให้กำเนิดกันด้วยนะสิ" เนคมาดูซัมบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เดียวก่อนน่ะ นายคงไม่ได้บอกว่า ชาวแกตไทซ์อย่างนายนั้น เป็นแมนิเกเตอร์หุ่นยนต์ที่สามารถสืบพันธุ์และให้กำเนิดบุตรหลานได้เหมือนกับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตละสิน่ะ"
              "ถูกต้อง หากแต่...ชาวแกตไทซ์นั้น แกตไทซ์เพศหญิงมักจะให้กำเนิดบุตรมาเป็นแฝดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะแฝดสอง แฝดสามหรือแฝดสี่ก็ตาม แม้กระทั่งแฝดเหมือนและคล้ายเองก็ด้วย ด้วยเหตุนี้แหละ เผ่าของพวกเราเลยถูกเรียกเล่นๆว่าเป็นเผ่ายักษ์เหล็กลูกดกกันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              พีวิลหัวเราะแห้งๆ "แปลว่านายก็คงมีญาติเยอะมากเลยละสิ แล้วไม่กลัวเรื่องประชากรล้นเกินขอบเลยหรือ เพราะเล่นมีลูกเยอะขนาดนั้นน่ะ"
              "คงยาก เพราะความสามารถการให้กำเนิดบุตรที่มากกว่าหนึ่งคนขึ้นไปนั้น เป็นพรที่ประทานจากมารดรเทพโอเวอร์เรสมาให้ หลังจากที่บิดรเทพสร้างเผ่าของเราและควอเดี่ยมขึ้นมากันแล้วนะสิ" เนคมาดูซัมบอก
              พีวิลกล่าว "โอเวอร์เดสสร้างพวกนายขึ้นมาอย่างงั้นนะหรือ ทั้งๆที่โอเวอร์เดสหายไปจากโลกตั้ง 20 ปี แล้วนายอายุ 25 ปีแบบนี้ มันไม่น่าที่จะ..."
              "ดาวแกตโตเดียน อันเป็นดาวบ้านเกิดของพวกเราชาวแกตไทซ์นั้น เวลาบนโลกของพวกนาย 1 ปีจะเท่ากับ 5 ปีของดาวของเรา ถึงแม้แรซัลก้าจะมีระยะเวลาเท่ากับโลกของพวกนาย แต่เร็วกว่าตั้ง 1 ชั่วโมงด้วยกันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก "จึงไม่แปลก ที่แรซัลก้าจะมีชาวแกตไทซ์ปรากฎขึ้นมาหลายรุ่น ฉันเกิดและโตบนดาวบ้านเกิดมาตลอด 15 ปี แต่ที่แรซัลก้านั้นยังแค่ 3 ปีเท่านั้นเอง โดยมาอยู่กับพ่อของฉันที่เป็นแม่ทัพขวาขององค์ชายไซมาเทนจนกระทั่งถึงเกณฑ์ในอีก 3 ปีต่อมา แล้วใช้เวลาในสถานะของทหารและนักรบมาอีก 7 ปีไปตามดาวดวงต่างๆ ร่วมรบในสงครามครั้งใหญ่กับพวกเฮซเทิร์ซ ชนเผ่าต่างดาวปีศาจในโฟรเดริม-4 ที่ถือว่าน่ากลัวมากที่สุดในจักรวาล เข้าไปช่วยเหลือกองรบในกองทัพขององค์ชายไซมาเทน และมาลงเอยที่ดาวดวงนี้เองแหละ"
              มาสวาร์ทาร์ลองคิดคำนวณดู "แปลว่าตอนนี้พวกนายก็มีตั้งหลายรุ่นเลยละสิ"
              "แล้วนายไม่มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันเลยหรือไงกันน่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมบอก "ก็มีอยู่บ้างละน่ะ หากแต่พอถึงเกณฑ์แล้ว ก็จะถูกส่งออกไปนอกดวงดาวที่มีระยะเวลาเดียวกันกับแรซัลก้ากันอยู่ดีนี้แหละ อ้อ นอกจากฉันแล้ว ฉันยังมีน้องฝาแฝดด้วย ซึ่งฉันคิดว่าคุณพ่อคงจะพาพวกเขามาอยู่ด้วย นับแต่ คุณแม่ของฉันเสียไปแล้วนะสิ"
              "คุณแม่ของนายตายไปแล้วนะหรือ ตายเพราะอะไรกันน่ะ" พีวิลกล่าว
              เนคมาดูซัมกล่าว "คุณแม่ของฉันเสียชีวิตในระหว่างการคุ้มกันยานของพ่อค้าวาณิชจากดาวดวงหนึ่งมายังแรซัลก้ากันนะสิ ซึ่งคุณแม่ในตอนนั้นอยู่ในสภาพหลังจากคลอดน้องฝาแฝดไปแล้ว จนทำให้ร่างกายของแม่อ่อนแอเพราะเสียพลังส่วนมากเพื่อดูแลลูกในท้องไว้ แม้กายจะอ่อนแรงแต่ก็ยังสู้เพื่อปกป้องทุกคนจน คุณแม่พลาดท่าถูกโจรสลัดอวกาศโจมตีจนเสียชีวิตไปนี้แหละ"
              "นั้นคงจะเป็นจุดเสียของแมนิเกเตอร์ต่อสู้ที่เป็นเพศหญิงและเป็นแม่เลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมบอก "...นั้นไม่ใช่แค่เผ่าเราเผ่าเดียวหรอกที่เป็นแบบนี้ แต่ มันหมายรวมถึงแมนิเกเตอร์ทุกเผ่ากันด้วยนี้แหละ ซึ่งนั้นก็ดีแล้วละ เพราะนั้นจะต้องเลือกเอาว่า จะดูแลสายเลือดที่อยู่ในกายของผู้เป็นแม่ หรือว่ายอมสละเลือดเนื้อเพื่อต่อสู้ต่อ ซึ่งร้อยทั้งร้อย คงไม่ยอมทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองไปได้หรอกน่ะ ไม่งั้น คงจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาป ที่ฆ่าได้แม้กระทั่งลูกในท้องตัวเองกันน่ะ"
              "แล้วว่าแต่ นายเป็นรุ่นที่เท่าไหร่แล้วละ" พีวิลถาม
              เนคมาดูซัมตอบ "ฉันนะหรือ ด้วยเวลาบนดาวแกตโตเดียนของพวกเราเผ่าแกตไทซ์ที่ยาวนานกว่าแรซัลก้า 5 เท่านั้น ตลอด 40 ปีของแรซัลก้ากับของดาวบ้านเกิดเรา 200 ปีกับอีก 40 รุ่นนั้น ฉันเป็นรุ่นที่ 35 กันนี้แหละ ส่วนน้องฝาแฝดก็เป็นรุ่นที่ 36 นี้แหละ แม้ที่แรซัลก้ามักจะเรียกฉันว่าเป็นนักรบรุ่นที่สามกันบ้างก็ตามน่ะ"
              "แน่ละ เพราะเวลาของพวกนายต่างกันกับพวกแรซัลก้ากันแล้วนิ คงไม่มีใครเรียกรุ่นนั้นรุ่นนี้ไปหรอกน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าวและหันมาถาม "นายพูดถึงเผ่าควอเดี่ยมด้วยนิ พวกนั้นเป็นเผ่าแบบไหนกันละ"

              เนคมาดูซัมบอก "เป็นเผ่าแมนิเกเตอร์มนุษย์หุ่นแบบฉันนี้แหละ หากแต่ตัวจะสูงกว่าหน่อยหนึ่ง ไม่ตัวใหญ่เท่ากับพวกเรา ตาขวาง หน้าขาวและเหลี่ยม สวมหมวกกระบอกที่มีส่วนยอดมนกลม และที่สำคัญมากที่สุด เผ่านี้ มีสี่แขน"
              "สี่แขนเลยหรือ แล้วโอเวอร์เดสสร้างพวกเขาไปเพื่ออะไรกันละ" พีวิลถาม
              เนคมาดูซัมบอก "เมื่อโอเวอร์เดสสร้างแกตไทซ์ในลักษณะของยอดนักรบและทหารที่แข็งแกร่งและทรงภูมิมากที่สุดขึ้นมา เลยสร้างควอเดี่ยมที่แม้จะอ่อนกว่าพวกเรา แต่ก็สร้างมาให้เป็นผู้มีพลังและความรอบรู้ รวมถึงความสามารถในการปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้ดี เนื่องจากว่าดาวควอดาน่า เป็นดาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยป่าเขาลำเนาไพร ที่มีอันตรายมากมายทั้งภัยธรรมชาติ ภัยจากสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองที่น่ากลัว แม้กระทั่งพวกชนเผ่าต่างดาวที่ดุร้ายและไม่เป็นมิตร รวมถึงสภาพภูมิประเทศที่ยากลำบาก เนื่องจากต้นไม้นั้นสูงใหญ่จนยอดไม้แตะถึงชั้นเมฆ และมีเขตป่าที่หนาทึบมาก ซึ่งนั้นก็ทำให้ควอเดี่ยมไม่เพียงใช้พลังงานจากสี่ธาตุของธรรมชาติที่อยู่บนดาวจนมีพลังกล้าแกร่ง แต่ยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่ชำนาญในเรื่องการต่อสู้ และเป็นเจ้าแห่งการเอาตัวรอด รวมถึงเป็นพวกช่างฝีมือที่เก่งกาจ ทั้งนี้ เพราะพวกเขาสามารถใช้แขนทั้งสี่ของพวกเขาได้คล่องแคล้วและทำงานได้หลายอย่างภายในคราวเดียวกัน" ในระหว่างที่เล่าไปพลางขับพาพีวิลและมาสวาร์ทาร์กลับฐานนั้น แมนิเกเตอร์สี่แขนตนหนึ่ง ซึ่งบนหัวนั้นมีซีกซ้ายเป็นแผงเหล็กสีทองเหลือง ซีกขวาติดหมุดไว้ 3 อันด้วยกันมองดูอยู่ โดยที่มีแขนอีกคู่อยู่ตรงสีข้าง ซึ่งคาดเข็มขัดหนังสีดำเข้ม สวมชุดเกราะท่อนบนพร้อมปลอกต้นแขนเป็นขดสปริงพร้อมปลอกแขนล่างเป็นเหล็กสีดำ กางเกงขายาวโป่งๆสีน้ำตาลเข้มกับรองเท้าที่ทำด้วยเหล็ก แต่สามารถยืนบนกิ่งไม้ในป่าไว้ แอบมองดูพวกเนคมาดูซัมกันอยู่
              "อืมมม น่าสนใจแล้วละสิ หึๆๆๆ" แมนิเกเตอร์ควอเดี่ยมตนนั้นกล่าว
              "แล้วนายก็คงมีเพื่อนเป็นแมนิเกเตอร์สี่แขนละสิ ตอนนี้เพื่อนนายตนนั้นอยู่ในกองรบด้วยหรือเปล่าละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถึงเพื่อนสี่แขนของฉันจะเป็นลูกชายแม่ทัพซ้าย โดยเป็นเพื่อนสนิทต่างเผ่าของพ่อฉันเลยก็ตาม แต่...ฟิเกซ เหอะ หมอนั้นไม่สนเรื่องการรับใช้กองทัพหรือรับคำสั่งจากใครได้กันหรอก แม้ว่าหมอนั้นจะได้รับการฝึกฝนการใช้พลังธรรมชาติมาจากแม่ การใช้อาวุธตั้งแต่ดาบ หอก ง้าวและกระบี่จากผู้เป็นพ่อ แต่ หมอนั้นเป็นพวกรักอิสระและชอบรักการผจญภัย ชอบเที่ยวไปโน่น แวะมานั้น ไม่เคยเลยที่จะอยู่นิ่งๆกับที่เป็นเวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ด้วยกัน ทั้งๆที่ เรื่องการผจญภัยนั้น ควรจะเป็นเรื่องของฉันซะมากกว่าน่ะ"
              "อ้าว ตกลง นายไม่ได้มีความตั้งใจจะเป็นทหารเลยหรือ แล้วนายเป็นทหารได้ไงกันละ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมบอก "คือว่า กฎของพวกแกตไทซ์นั้น ระบุไว้ว่า อายุไม่ถึง 17-18 ห้ามออกเดินทางไปนอกดาวบ้านเกิด แม้จะออกไปแล้วก็ต้องรีบเดินทางกลับมาโดยเร็วภายในเวลา 3-5 วัน ถ้ามาช้า ก็จะถูกลงโทษอย่างหนักด้วยการถูกกักบริเวณเป็นเดือนตามจำนวนวันที่หายหัวไป ถ้าหายไป 4 วัน ก็จะถูกกักบริเวณ 4 เดือน ซึ่งถ้าจะออกจากหมู่บ้านต้องไปขออนุญาตจากหัวหน้าเผ่าก่อน เพื่อมิให้มีการสูญหายของคนในเผ่า โดยเฉพาะพวกเด็กๆที่ขาดประสบการณ์ในชีวิตและไม่ได้รับการสอนจากพ่อแม่กันด้วย แม้อายุถึงเกณฑ์ก็ต้องผ่านการทดสอบด้วยการประลองยุทธกันระหว่างหมู่บ้านหรือภายในหมู่บ้านกัน ผู้ที่ชนะนั้นจะสามารถออกไปจากหมู่บ้านได้ หากแต่ ผู้ชนะนั้นได้ออกไปในฐานะทหารและนักรบ โดยจะถูกส่งไปหานักรบแกตไทซ์ที่อาวุโสหรือเป็นพ่อแม่ที่อยู่นอกดาวเพื่อรับการสอนสั่งต่อไป"
              "แล้วถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาล่ะ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              เนคมาดูซัมกล่าว "คนที่แพ้จะต้องเข้าร่วมการประลองเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่ากับเพื่อนในเผ่าที่อายุเท่าๆกัน แน่นอน ว่าการประลองนี้มันยังหมายรวมถึงการเลือกคู่ด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่เพศชายอย่างเดียวหรอกที่ต้องการจะแต่งกับลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้าน แต่เพศหญิงก็อยากจะเป็นภรรยาของเพศชายด้วยเช่นกันน่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "ซึ่งแม้ใจจริงฉันไม่อยากจะเป็นทหารเลยก็ตาม แต่...ถ้าไม่ชนะ ฉันก็ต้องติดแหงกอยู่ในดาวดวงนี้และต้องรอเวลาการประลองอีก 5-10 ปีกว่าจะมาถึง หรือที่แย่ที่สุดก็คือต้องอยู่ดาวบ้านเกิดไปตลอดชีวิต ซึ่งฉันคงไม่ได้เจอหน้าพวกนายและได้ผจญกับศัตรูที่โผล่มาตรงหน้าแล้วละ"
              "แล้วนายไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของเผ่าของนายบ้างเลยหรือ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              เนคมาดูซัมส่ายหน้า "คงยาก เพราะคนออกกฎนั้นเป็นโอเวอร์เดสด้วยน่ะ แต่...นายสองคนถามฉันเรื่องเผ่าพันธุ์ของฉันกับเผ่าควอเดียน แล้วก็เผ่าแอตทาเวียนนิ คงไม่ได้มีเจตนาหรืออุบายอะไรแอบแฝงกันหรอกน่ะ"
              "แค่ถามเพราะอยากจะรู้เท่านั้นแหละ ก่อนที่เราจะถูกนายส่งไปเป็นบรรณาการที่แรซัลก้ากันน่ะ" พีวิลกล่าว
              เนคมาดูซัมหัวเราะ "ฮะๆๆๆ นั้นก็ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อย ถ้าพวกนายไม่ถูกจักรพรรดินีหรือองค์ชายไซมาเทนสั่งประหาร ก็ต้องถูกส่งไปขังในห้องขังกันอย่างแน่นอน ซึ่งคงไม่มีโอกาสได้ยินเรื่องราวของเผ่าแมนิเกเตอร์ในอวกาศอย่างพวกเรากันหรอกน่า เผลอๆ นายสองคนคงไม่โดนจับขังลืมแบบตายเอาดาบหน้าหรอกน่ะ"
              "ขังลืมแบบตายเอาดาบหน้าหรือ" พีวิลถามด้วยความแปลกใจ
              เนคมาดูซัมพูดด้วยน้ำเสียงที่ซีเรียสไปว่า "แม้จักรวรรดิ์แรซัลก้าจะมีชนเผ่าแมนิเกเตอร์ที่แข็งแกร่ง ทรงอำนาจและเก่งกาจอยู่ไม่น้อยก็จริง แต่ถ้าเกิดว่าแมนิเกเตอร์ตนนั้นก่ออาชญากรรมร้ายแรงอย่างมากขึ้นมา ซึ่งลำพังการลงโทษด้วยการประหารนั้น มันง่ายและเร็วไปจนอาชญากรไม่สำนึก ครั้นจะนำไปคุมขังหรือจองจำ แม้จะมีการป้องกันและรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นแค่ไหน ก็ยังหาช่องโหว่หนีออกมาได้ ดังนั้น ที่จักรวรรดิ์จึงคิดกฎที่ถือว่าร้ายแรงสุดๆ นั้นคือ จับพวกอาชญากรตัวเอ้ๆไปขังไว้ในสถานีอวกาศ ที่มีระบบการป้องกันอันตรายจากภายนอกที่เบาบาง ระบบเดินทางก็ถูกเซตให้เดินทางโดยไม่ระบุสถานที่แน่ชัด และสุ่มที่หมายเอาไว้ แถมระบบยังชีพเองถูกเซตให้ต้องจำกัดทุกอย่างเพื่อบีบให้นักโทษอยู่แบบถูกกดดัน เพราะต้องกินอาหารให้น้อยๆ ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช้อากาศ หรืออื่นๆอีกมากที่ทำให้พวกนักโทษอยู่ไม่เป็นสุข ซึ่งสถานีอวกาศเรือนจำที่หายสาปสูญหรือถูกทำลายไปนั้น จะถือว่านักโทษเหล่านั้นได้รับการลงโทษโดยสมบูรณ์แล้ว ซึ่งด้วยกฎนี้แหละ ที่ลดปัญหาอาชญากรที่มีมากขึ้นบนแรซัลก้าลง เพราะพวกคนร้ายคงไม่อยากลงเอยด้วยการไปตายนอกดาวกันน่ะ"
              "แล้วไม่กลัวว่าพวกนักโทษมันรอดกันเลยหรือ เพราะอาชญากรบางตนชำนาญด้านการแหกคุก สะเดาะกลอนหรือแม้กระทั่งเป็นเซียนแฮคเกอร์กันน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เนคมาดูซัมส่ายหน้า "ต่อให้พวกนั้นเก่งขนาดไหน แต่ก็อย่างที่บอกไว้นี้แหละ สถานีอวกาศนั้นมันถูกสร้างมาให้ปวกเปียกจนอันตรายจากอวกาศต่างๆเข้ามาได้ง่ายๆ บวกกับคอมพิวเตอร์ก็ใช้อันที่มันเรรวนและชำรุดๆมาควบคุมระบบนำร่องด้วยนั้น ถึงแฮคไปก็เจ็งไปแล้ว ซึ่งถ้าสถานีอวกาศไม่บินเข้าดวงอาทิตย์ ชนกับดวงจันทร์ ถูกฝนอุกกาบาตปะทะ เจอกับเขตดาวเคราะห์น้อยที่หนาแน่น เจอกับพายุอวกาศ โดนสัตว์ประหลาดอวกาศกิน อันตรายแบบ ABC (รังสี/ชีวภาพ/เคมี) หรือแม้กระทั่งถูกหลุมดำดูด ก็มีปัญหาออกซิเจนรั่ว เตาพลังงานรั่วไหล ไฟฟ้าลัดวงจร เปลือกนอกแตกหลุดเป็นเสี่ยงๆ หรือแม้กระทั่งคลื่นรังสีที่เป็นอันตราย สารเคมีที่รุนแรง และสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่แอบเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงอื่นๆอีกมาก เหล่านั้นคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่พวกอาชญากรที่ถูกลงโทษแบบนี้ต้องเจอจนวินาทีสุดท้ายกันนี้แหละ"  
              "แน่ละ ถ้าไม่ตายก็คงเป็นบ้า สติเสียแบบถาวรกันแล้วละมั่ง" พีวิลกล่าวโดยรู้สึกหวั่นเกรงต่อบทลงโทษที่ร้ายแรงที่สุดเอาไว้
              เนคมาดูซัมบอก "หวังว่านายสองคนคงไม่ลงเอยแบบนั้นกันน่ะ เพราะ ฉันยังไม่ได้ฟังพวกนายสองคนเล่าเรื่องของพวกนายเลย ว่าพวกนายที่อยู่บนโลกนั้น ทำอะไรกันในช่วงที่บิดรเทพปกครองโลกกันน่ะ"
              "เรื่องมันยาวน่ะ เนคมาดูซัม ไว้ให้ไปถึงฐานทัพของนายก่อนแล้วค่อยเล่าให้ฟังก็ได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมส่ายหน้า "อ่า...เกรงว่าทันทีที่ฉันพาพวกนายเข้าไปในฐาน พวกนายคงไปอยู่หลังกรงพลังพลาสม่ากันแล้วละ" แล้วทั้งสามก็มาถึงฐานทัพของพวกครีซีแทน ซึ่งเป็นฐานกองบัญชาการหลักไว้ "ขอต้อนรับสู่ฐานทัพของพวกครีซีแทนกันน่ะ สหายจากโลกทั้งสอง" โดยในตอนนี้ แมนิเกเตอร์ควอเดี่ยมตนนั้นวิ่งไปหลบหลังก้อนหินไว้

              "พวกเรา หัวหน้าหน่วยเนคเกอร์มาแล้วโว้ย" ครีซีแทนทหารบกสวมหมวกเบเร่ต์ดำกล่าวกับพวกลูกน้องที่อยู่ในฐาน จนแห่แหนมาล้อมรอบเนคมาดูซัม ซึ่งพาพีวิลและมาสวาร์ทาร์ออกมาจากกล่องติดโฮฟไบค์ไว้ โดยที่มีเมดลิคซ์ตนหนึ่งแต่มีส่วนใบมีดบนหัวอยู่สามอันด้วยกันเดินมาด้วย
              "เนคมาดูซัม ดูเหมือนว่านายจะไปถึงที่เกิดเหตุก่อนพวกเราเสียอีกน่ะ" เสียงของครีซีแทนในบอดี้สีดำสลับน้ำตาล กับหมวกเบเร่ต์สีดำเข้มติดขนนกสีเงินเดินออกมา
              "แลมเซน ขอโทษด้วยน่ะ ที่ฉันไปไม่ทันช่วยกองรบตะวันตกไปได้ แถมยังเสียสินค้าที่จะส่งออกไปให้แรซัลก้าด้วย" เนคมาดูซัมพูดแก้ตัวไว้ "แต่อย่างน้อย แมนิเกเตอร์ 2 ตนนี้ที่เป็นตัวก่อเรื่องนั้นจะช่วยเราได้เกี่ยวกับพวกพ้องที่มาด้วย ว่าเอาสินค้าของเราไปไว้ไหนกันละ"
              ครีซีแทนตัวสีดำสลับน้ำตาลนามแลมเซนเลยหันมามองหน้ามาสวาร์ทาร์และพีวิล "อืมมมมม ไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมกองรบตะวันตกถึงแดดิ้นลงกันน่ะ แล้วนายก็ปราบทั้งสองนี้ร่วงเลยละสิ"
              "ฉันไม่อยากจะคุยโม้กันหรอกน่ะ แลนเซน เพราะการที่เราเสียสินค้าสำคัญไปนั้นมันเป็นเรื่องซีเรียสเอามากๆ เลยน่ะ ดังนั้น ฉันจึงอยากจะจัดการสอบปากคำสองคนนี้เอาไว้กันน่ะ" เนคมาดูซัมตอบไปตามความจริง พร้อมกับกล่าวอนุญาตจากแลมเซนไว้ แต่... แลมเซนส่ายหน้า
              "ฉันเป็นหัวหน้ากองรบแห่งนี้น่ะ เนคมาดูซัม อายุงานของฉันคือ 7 ปี แต่กับนายและลูกน้องของนายมันแค่ 2 ปี ดังนั้น นายน่าจะฟังผู้อาวุโสไว้หน่อยน่ะ"
              "ทั้งๆที่นายกับพวกถูกผลิตมาทีหลังฉันตั้ง 10 รุ่นนะหรือ แลมเซน แม้นายจะเป็นหัวหน้า แต่นายก็ควรจะรับฟังคำพูดจากคนอื่นที่นอกเหนือจากลูกน้องเผ่าเดียวกับนายกันบ้างสิ" เนคมาดูซัมกล่าว
              แลมเซนได้ฟังก็ตัดบทไปว่า "ฉัน ขี้เกียจเถียงนายแล้วละ ทหาร พาตัวนักโทษสองตัวนี้ไปขังโดยด่วนเลย" และหันมาถาม "แล้วสองตัวนั้นพกอาวุธอะไรมาหรือเปล่าละ"
              "นอกจากดาบเล่มนี้แล้ว ไม่มีอย่างอื่นเลยละ แต่ มันจะดีกว่ามาก หากฉันเป็นคนดูแลดาบเล่มนี้ เพราะนายได้ตัวนักโทษตัวเอ้สองตนไปแล้วนิ" เนคมาดูซัมกล่าวโดยชูมาสวาร์ทาร์เบลดพร้อมฟักดาบมา
              แลมเซนบอก "ก็ได้ ต่างคนต่างได้ไปคนละอย่างแล้ว จะได้ไม่ต้องมีการเถียงหรือทะเลาะกันแล้วละ" แล้วเชิดหน้าเพื่อให้ทหารครีซีแทนพาพีวิลและมาสวาร์ทาร์ไปคุมขังเอาไว้ในฐานโดยเร็ว
              "เอาละ แลมเซน เราคงต้องคุยกันเรื่องสินค้ากันเสียหน่อยน่ะ" เนคมาดูซัมเปิดเรื่องที่เขาเกิดความสงสัยขึ้นมา แต่ลูกน้องของแลมเซนรีบวิ่งมากระซิบบอกกับแลมเซนเข้า จนแลมเซนที่ได้ฟังต้องบอกปัดไปว่า
              "...เออ ไว้คุยกันทีหลังดีกว่าน่ะ เพราะเบื้องบนพึ่งมีคำสั่งตรงมา ซึ่งนายไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องกันหรอกน่ะ" แล้วก็เดินไปพร้อมกับลูกน้องกันโดยเร็ว เช่นเดียวกับพวกครีซีแทนที่เดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองด้วย
              "แลมเซนต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลแน่ๆเลยน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว โดยที่เมดลิคซ์ติดมีดสามเล่มบนหัวเดินมากล่าว "ว่าแต่ ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นแมนิเกเตอร์จากครอสตรีม และอีกคนเป็นแมนิเกเตอร์แบบเดียวกับเธอเลยน่ะ ลิเนียร์ตี้" 
              เมดลิคซ์มีดสามเล่มนามลิเนียร์ตี้ถาม "หมายถึง เอชมาสวาร์ทาร์กับ เบรซซิ่งแฮนด์พีวิลละสิคะ"
              "ใช่ แต่เดียวก่อนน่ะ เธอรู้ชื่อพวกเขาได้ยังไงกันละ" เนคมาดูซัมกล่าวและถามเพราะแปลกใจที่ลิเนียร์ตี้รู้ชื่อ ทั้งๆที่ยังไม่ทันจะเอ่ยให้ได้ยินมาเลย
              ลิเนียร์ตี้ได้ฟังก็ลังเลใจอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ตอบไปว่า "เออ ไม่มีอะไรหรอกคะ แค่ฉันรู้สึกได้ว่า ฉันได้ยินชื่อของทั้งสองจากในหัวของฉันเองน่ะ" และหันมาถาม "แล้ว หัวหน้าจะทำเช่นไรกันต่อละคะ เพราะพวกเขาอยู่เบื้องหลังการหายไปของสินค้าสำคัญกันน่ะ"
              "แม้จะรู้ว่าเพื่อนพ้องของทั้งสองนั้น เอาสินค้าจากโกดังไปไหน แต่.....ฉันรู้สึกได้ว่า ทั้งคู่คงจะพูดความจริงแน่นอนนะสิ" เนคมาดูซัมกล่าวและสั่งไปว่า "ลิเนียร์ตี้ พอจะไปคุยแทนฉันได้มั้ยละ"
              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "รับทราบคะ หัวหน้า"

              "แว้งงงงง" พีวิลและมาสวาร์ทาร์ถูกพามาอยู่ในห้องขังที่มีม่านพลาสม่าสีฟ้าปิดขังไว้ โดยที่ยังถูกล็อกตัวเอาไว้ด้วย "คิดว่าเป็นสนามพลังอีเนลเซียมหรือเปล่าละ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              พีวิลจ้องมองสนามพลังแล้วก็ส่ายหน้า "อิอ้อนฟิลด์ความเข้มข้น 84 เปอร์เซนต์นั้น ฉันไม่สามารถดูดซับหรือทำลายมันได้ด้วยพลังของฉันหรือของนายได้เลยนะสิ" แล้วก็นั่งลงกับพื้น "ตอนนี้เจเนลและเบย์แทนด์คงหนีกลับไปที่อาร์ค เพื่อแจ้งเรื่องให้โคเคสและพวกคลอเวฟรับทราบกันแล้ว ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นกับพวกเราสองคนละก็ พวกเขาก็ต้องแห่มาช่วยกันอย่างแน่นอนน่ะ"
              "เพราะก่อนที่เราจะถูกพาไปที่สถานีอวกาศของพวกครีซีแทนนั้น ฉันได้เปิดตัวส่งสัญญาณเอาไว้เพื่อให้เบย์แทนด์ติดตามไว้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าสนามพลังอิอ้อนความเข้มข้นสูงนั้นจะขวางไม่ให้ทำเช่นนั้นได้นะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "แล้วนายคิดว่าเนคมาดูซัมจะเชื่อในสิ่งที่เราพูดถึงสินค้าในโกดังที่เราบุกโจมตีหรือเปล่าละ"
              "แม้ทีแรกจะไม่เชื่อที่เราพูด แต่เนคมาดูซัมเป็นคนที่ยึดถือความถูกต้องนั้นคงต้องครางแครงสงสัยกันอยู่แล้ว เผลอๆอาจจะโผล่มาเพื่อถามไถ่พวกเราต่อก็ได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "หวังว่าพวกครีซีแทนคงไม่วอนหาเรื่องกับเผ่าต่างดาวที่คุมดาวดวงนี้ตามที่เนคมาดูซัมว่ามากันหรอกน่ะ"

              "เกรงว่า ครีซีแทนนั้นต้องหาเรื่องรุกรานอาณานิคมของพวกต่างดาวบนดาวดวงนี้กันแล้วละน่า แหะๆๆๆ" เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น
              มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็กล่าวด้วยน้ำเสียงดังปานกลางเพื่อไม่ให้ยามหน้าประตูรู้ "เสียงนี้ไม่ใช่เสียงที่เราได้ยินมาก่อน ออกมาเดียวนี้เลยน่ะ"
              "ฟึ่บบบบ ตึกกก" แมนิเกเตอร์สี่แขนโดดลงมาจากเพดานมาอยู่ตรงหน้าห้องขังกันแล้ว "นั้นคงจะเป็นคำพูดของแมนิเกเตอร์ที่เล่นงานพวกหน่วยตะวันตกของแลมเซนลงได้สิน่า แม้ฉันจะมาไม่ทันดูพวกนายสู้กับพวกนั้นเลยก็ตามน่ะ"
              พีวิลกล่าว "สี่แขน ตาขวางๆ หน้าขาวและเหลี่ยม นายเป็นแมนิเกเตอร์เผ่าควอเดี่ยมนะหรือ"
              "โอ้ว เนคมาดูซัมคงจะเล่าเรื่องเผ่าของฉันให้นายสองคนฟังเลยสิน่ะ สมแล้วที่เป็นซี้เก่าของฉันเสียจริงๆ ที่ได้เห็นและสู้กับนายสองคนกันเลยนะ" แมนิเกเตอร์สี่แขนกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "นายคงจะเป็น ฟิเกซ เพื่อนชาวควอเดี่ยมของเนคมาดูซัมละสิน่ะ" และหันมาถาม "แล้วนายมาที่นี้ คงจะมาช่วยพวกเรา เพราะว่านายคงจะคล่องแคล้วว่องไวและหาทางลอบเข้ามาในฐาน ซึ่งมีพวกครีซีแทนเฝ้าอยู่ทั่วกันเลยสิน่ะ"
              "ฉลาดดีนิ แค่ฟังเนคมาดูซัมเล่าพอคร่าวๆก็เดาออกได้ว่า ฉันลอบเข้ามาได้ไงกันละ" ฟิเกซกล่าว และเดินหันหลังมา "แต่ที่ฉันเข้ามาหาพวกนายได้นั้น ไม่ใช่ว่าพวกครีซีแทนโง่จนทำให้การระวังภัยมีช่องโหว่หรอก หากแต่พวกมันได้ออกจากฐานเพื่อเตรียมโจมตีเขตอาณานิคมของพวกดาวฤกษ์ที่อยู่ทางทิศเหนือกันในอีก 1 ชั่วโมงกันแล้วนะสิ"
              พีวิลได้ฟังก็ตกใจอย่างมาก "นี้แปลว่า พวกครีซีแทนคิดจะโจมตีเขตเมืองอย่างงั้นนะหรือ คงต้องเป็นคำสั่งของหัวหน้าฐานแห่งนี้ละสิ"
              "แลมเซนที่เป็นหัวหน้าคุมกองรบแห่งนี้ รับคำสั่งจากแลมซินีไนซ์ ผู้เป็นพี่ชายของแลมเซน หัวหน้าเผ่าและกองทัพของครีซีแทนให้นำกำลังทั้งหมดในฐาน ร่วมกันกับอีก 2 กองจากฝั่งใต้และตะวันออกบุกโจมตีเขตเมืองดอร์เฟลันอันเป็นเขตอาณานิคมในการปกครองของพวกแอตทาเวียน เพื่อเป็นการประกาศศึกต่อเผ่าพันธุ์ต่างดาวทรงภูมิขึ้นมากันน่ะ" ฟิเกซบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "แล้วพวกนั้นมันจะทำไปเพื่ออะไรกันละ เพราะชาวดาวฤกษ์นั้นเป็นเผ่าที่เก่าแก่และทรงอิทธิพลมากที่สุดน่ะ"
              "ก็เพราะว่าทรงอิทธิพลนี้แหละ แลมซินีไนซ์กับพวกถึงอยากจะท้าทายกันไว้น่ะ" ฟิเกซกล่าวและเหล่มายังหน้าต่างประตูส่วนห้องขังไว้ "โอ้ว ลูกน้องเมดลิคซ์ของเนคเกอร์มาพอดีเลย ฉันขอตัวไปก่อนละ" แล้วก็กระโดดหายตัวไป แต่จริงๆแล้ว "ฟึ่บๆ กึกๆ" ฟิเกซเหยียดแขนหลักและขายันกับขอบผนังด้านบนเอาตัวแนบกับเพดาน โดยที่ใช้แขนคู่เล็กตรงสีข้างยืดออกไปเพื่อยึดให้ไม่ร่วงลงอย่างรวดเร็ว ในจังหวะที่
              "ฟ้าวว กรึกกก" ลิเนียร์ตี้เดินเข้ามาในห้องขัง โดยที่มองหน้าพีวิลและมาสวาร์ทาร์ไว้ แล้วถามพีวิลไปว่า "คุณ คุณคงจะเป็น พีวิล เบรซซิ่งแฮนด์ มือขวาของแพทรีออทละสิคะ"
              "ใช่แล้วละ แต่ เธอเป็นเมดลิคซ์ที่แพทรีออทสร้างมาและถูกครองคอร์ดส่งมาประจำการที่แรซัลก้าแล้ว ทำไมถึงพูดชื่อผู้สร้างเธอแบบห้วนๆกันละ" พีวิลถาม
               มาสวาร์ทาร์กล่าว "พอบอกรหัสประจำตัวของเธอได้มั้ยละ"
              "รหัสประจำตัวของฉันคือ L3NRT4 ฉันถูกส่งมาพร้อมกับพวกเมดลิคซ์และเมลลิคซ์จำนวน 800 ตัวให้มาประจำการที่ดาวแรซัลก้า เพื่อรับการฝึกจากแม่ทัพใหญ่ไซมาเทน ในการปฏิบัติการณ์สู้รบกับพวกมนุษย์กันนะคะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              พีวิลที่ได้ฟังนั้นก็ทบทวนความจำ ซึ่งผลของการที่แพทรีออทมอบแกนกลางให้นั้น แพทรีออทก็มอบองค์ความรู้ฝากไว้กับพีวิล ซึ่งรวมถึงข้อมูลแมนิเกเตอร์กองรบอีเนอไมนด์ส่วนที่ส่งออกไป จนรู้ทันทีว่า... "L3NRT4 นะหรือ เธอคงจะเป็นเมดลิคซ์แบบหุ่นยนต์ที่มีระบบเอไอที่ประมวลผลเร็วเป็นสามเท่าจากเมดลิคซ์ตัวอื่นๆ ซึ่งนั้นหมายถึง เธอสามารถพัฒนาขีดความสามารถในการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับการเรียนรู้ได้ไวกว่าปกติด้วยตัวเอง จนทำให้เธอมีความสามารถมากพอที่พลาทูนั่มนำไปเป็นสมุนเอกและส่งไปให้ฉันจัดการ แต่แพทรีออทรู้ทันความคิดของพลาทูนั่ม เลยอ้างกับครองคอร์ดที่รู้ว่า เธอมีค่าเกินกว่าจะถูกฉันทำลายทิ้ง ว่าระบบสมองกลชำรุดและจำต้องนำไปซ่อมให้ใช้การ และจัดการส่งรวมกับเมดลิคซ์ตนอื่นๆที่ระบบประมวลผลยังอยู่ในระดับ 20 เปอร์เซนต์ ทั้งๆที่เธออยู่ระดับ 80 เต็มแล้ว อย่างงั้นใช่มั้ยละ"
              "สมแล้วที่คุณ เป็นสมุนเอกของแพทรีออทกันน่ะ แต่...คุณกับเอชมาสวาร์ทาร์น่าจะอยู่ที่โลกนิ นั้นก็หมายความว่า...แพทรีออทและอีเนอไมนด์ก็คงจะ......" ลิเนียร์ตี้กล่าวโดยที่เธอรู้ข้อมูลของพีวิลมาบ้าง และถามพีวิลถึงต้นสังกัดขึ้นมา
              พีวิลส่ายหน้าไปว่า "แพทรีออทและอีเนอไมนด์บนโลก พ่ายแพ้ให้กับฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แกนหัวใจอีเนลเซียมในฐานทัพที่โฮปปาสคาโพรนอสนั้น คือเหรียญตรากล้าหาญจากแพทรีออทในชัยชนะระหว่างการสู้รบครั้งสำคัญนี้ ซึ่งฉัน เคารพต่อการเสียสละของเขา ผู้ที่มอบชีวิตที่สองและโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อ จนช่วยโคเคสและเหล่าแมนิเกเตอร์ฝ่ายต่อต้านที่ตอนนี้คือ กลุ่มสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ กำชัยเหนือโอเวอร์เดสลงแล้วละ"
              "แม้กระทั่งบิดรเทพที่เก่งกาจอย่างงั้นนะหรือ เป็นความจริงหรือคะ" ลิเนียร์ตี้ตกใจที่ได้ยินถึงชัยชนะเหนือโอเวอร์เดส เช่นเดียวกับรู้ชาตะกรรมของอีเนอไมนด์และแพทรีออทบนโลกด้วย
              พีวิลพยักหน้า "ศึกสุดท้ายนั้น แม้พวกเราจะเป็นแค่มดปลวกที่อยู่ต่อหน้าโอเวอร์เดส แต่ด้วยพลังและความตั้งใจของพวกเรารวมกัน ก็สามารถกำชัยเหนือบิดรเทพลงได้นะสิ"
              "โอ้ว อย่างงั้นหรือคะ นั้นก็คงสรุปได้แล้วว่ากองกำลังตะวันตกที่ว่ากันว่าเป็นกองรบที่เก่งกาจที่สุดของแลมเซนนั้น พินาศลงได้ไงกันนะคะ แม้ฉันจะรู้สึกเสียใจกับการจากไปของผู้ที่สร้างฉันขึ้นมา แต่ฟังจากคำพูดของคุณแล้ว คุณยังมีความนับถือเขาอยู่บ้างนะคะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              มาสวาร์ทาร์ถาม "แต่ การที่เธอเรียกแพทรีออทแบบห้วนๆนิ ยังไม่ได้ตอบเลยนะ ว่ามันเพราะอะไรกันล่ะ"
              "ฉันรู้สึกได้ว่า ตัวเองนั้น ไม่ได้เกิดมาเพื่อเข่นฆ่าพวกมนุษย์เลยนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว "แม้ว่าฉันจะผ่านการทดสอบจากทหารขององค์ชายไซมาเทน จนทำให้ฉันมีความโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ แต่ พอมาถึงการทดสอบการต่อสู้กับพวกมนุษย์ที่พวกแรซัลก้าไปจับมานั้น ทั้งๆที่ฉันควรจะปฏิบัติตามคำสั่งเหมือนกับเพื่อนๆทุกๆคนที่ทำกันไว้ ฉันกลับ...ไม่สามารถเหนี่ยวไกได้ ไม่สามารถใช้อาวุธทำร้ายพวกเขาได้ หรือแม้กระทั่ง...ลงมือกับคนที่บาดเจ็บอยู่ก่อนด้วย ซึ่งด้วยเหตุนี้ ฉันถึงไม่ผ่านการทดสอบ และกำลังจะถูกส่งไปรีไซเคิ่ลให้กับโรงผลิตพลังงานพลังพลาสม่าอยู่นั้น หัวหน้าเนคมาดูซัมเลยเสนอตัวรับฉันไปเป็นลูกน้องช่วยเหลืองานของเขาไว้ ซึ่งฉันทำงานให้กับเขามาตั้ง 2 ปีแล้วละคะ"
              พีวิลบอก "เดียวก่อนน่ะ เธอคงจะอยู่บนดาวที่เวลาบนดาวดวงนี้ ต่างกันกับโลกถึง 2 เท่าอย่างงั้นใช่มั้ยละ เพราะเราใช้เวลาทำศึกกับโอเวอร์เดสเป็นเวลา 4 เดือนเต็มเลยน่ะ"
              "คะ ฉันอยู่บนดาวทาเดม-7 ซึ่งเวลา 1 เดือนบนโลกจะเท่ากับ 1 ปีของที่นั้น ฉันผ่านการฝึกจากหัวหน้ากองอีเนอไมนด์ที่ถูกแต่งตั้งใหม่โดยองค์ชายไซมาเทน 2 ปี แล้วก็ทำงานให้กับหัวหน้าเนคมาดูซัมอีก 2 ปีบนดาวดวงนี้นะคะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              พีวิลพยักหน้า "เข้าใจแล้วละ เพราะเวลาบนดาวนั้นล้วนแตกต่างกันกับเวลาบนโลกสิน่ะ แล้วอายุความคิดของเธอล่ะ L3NRT4"
              "เรียกฉันว่าลิเนียร์ตี้ก็ได้นะคะ เพราะว่าหัวหน้าเนคมาดูซัมไม่ค่อยชอบเรียกชื่อรหัสของฉันเลย จึงตั้งชื่อใหม่ตามรหัสประจำของฉันเองนะคะ ส่วนอายุความคิดของฉันตอนที่ลืมตามานั้น ก็คือ 14 ปีกันนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              มาสวาร์ทาร์เข้าใจดี "นั้นไม่แปลกใจหรอกที่ต้องตั้งชื่อเรียกให้ดูง่าย เพราะพวกอีเนอไมนด์ระดับลูกสมุนทุกตัวล้วนต้องใช้รหัสหกตัวที่มีตัวเลขและตัวอังกฤษปนเปกัน ซึ่งแมนิเกเตอร์ต่างกองก็จำไม่ค่อยได้เสียด้วย แม้สมุนแต่ละตัวจะแตกต่างกันตรงเกราะและหมวกก็ตามน่ะ" แล้วก็บอกไปว่า "ตอนนี้เธอก็คงจะมีอายุ 18 แล้วสิน่ะ แม้อายุของเธอนั้นยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าสู่กองทัพกันเลยน่ะ"
              "ถ้าอย่างงั้น ตอนนี้เธอก็รู้แล้วสิ ว่าพวกอีเนอไมนด์นั้นอยู่กับองค์ชายไซมาเทนละสิน่ะ" พีวิลกล่าว
              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "แต่ ฉันต้องขอโทษด้วยคะ ที่...หลังจากที่ฉันถูกตัดขาดจากกองรบ ไม่สิ เผ่าพันธุ์ของเรา ก็ไม่ได้ทราบข่าวคราวความเคลื่อนไหวกันเลย ว่าองค์ชายไซมาเทนฝึกฝนอะไรพวกเขากันอยู่นะคะ"
              "แม้กระทั่งครอสตรีมกับแอตแลนไทซ์ รวมถึงโซลูนาสตี้ด้วยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              ลิเนียร์ตี้บอก "สองชื่อแรก ฉันพอจำได้ เพราะว่ามีข้อมูลอยู่ในหัว แต่ชื่อที่สามนั้น คงจะเป็นชื่อเรียกพวกที่สวมหน้ากากฟันแหลมเลยสิคะ"
              "นั้นแหละ คือโซลูนาสตี้ละ ว่าแต่ลิเนียร์ตี้ ที่เธอมานิ อนุญาตพวกแลมเซนหรือเปล่า" พีวิลกล่าว

              ไม่ทันไรก็... "ลิเนียร์ตี้ มาอยู่นี้เองหรือ พอดีเลย เราจะพาเธอไปพร้อมกับนักโทษสองตัวสักหน่อยน่ะ" ครีซีแทนทหารกล่าวพร้อมกับชักปืนออกมา แล้วส่งพวกอีกสามคนมาควบคุมตัวลิเนียร์ตี้ พร้อมกับเปิดกรงพลาสม่าเพื่อนำตัวพีวิลและมาสวาร์ทาร์ไป โดยที่ฟิเกซนั้น ได้ยินด้วยเช่นกัน...
              "บิดรเทพสิ้นแล้วสิน่ะ นั้นพอมีหวังอยู่บ้างแล้วละ"
              "เอาละ แลมเซน ที่เรียกฉันมาที่ห้องบัญชาการนิ คงจะมีคำตอบเรื่องสินค้าเลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว โดยที่แลมเซนยืนหันหลังมองดูวิวข้างนอกไว้ จากนั้นก็... "ครืดดด" ครีซีแทนลูกน้องสามตนพาตัวลิเนียร์ตี้ พีวิลและมาสวาร์ทาร์เข้ามาในห้อง "พวกนาย ลิเนียร์ตี้ แลมเซน นี้มันเรื่องบ้าอะไรของนายกันน่ะ นักโทษสองคนนั้นเป็นความรับผิดชอบของฉันนะเฟ้ย"
              แลมเซนบอก "ช่าย ทั้งสองนั้นเป็นความรับผิดชอบของนายอยู่แล้ว เช่นเดียวกับลูกน้องเมดลิคซ์ของนายด้วย ซึ่งนายคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนักโทษสองตนนี้กันหรอกน่ะ"
              "ก็เพราะอย่างงี้แหละ ฉันถึงต้องควบคุมตัวมาเพื่อสอบเค้นทั้งคู่ว่า พรรคพวกของทั้งคู่นั้นเอาสินค้าไปไว้ไหนกันน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              แลมเซนบอก "เลยส่งเมดลิคซ์มาคุยกับทั้งคู่กันสิน่ะ แต่...แย่หน่อยน่ะ ที่มันจะไม่มีการสอบปากคำอีกต่อไปแล้ว เพราะคำสั่งจากพี่ชายของฉันพึ่งจะมาถึงก่อนหน้าที่นายจะสั่งยัยเมดลิคซ์นี้ไปคุยกับทั้งคู่เสียอีกน่ะ"
              "แลมซินีไนซ์สั่งอะไรกับนายกันมิทราบละ" เนคมาดูซัมถาม
              แลมเซนมองหน้าพีวิลและมาสวาร์ทาร์พร้อมกับตอบไปว่า "คำสั่งของพี่ชายก็คือ ให้นาย ประหารแมนิเกเตอร์สองตัวเอ้ ซึ่งเป็นตัวจุดชนวนสงครามต่อต้านบิดรเทพ ร่วมมือกับหัวหน้ากลุ่มต่อต้านอย่างโคเคส แอคเมนโด้ รวบรวมสมัครพรรคพวกแมนิเกเตอร์ที่ไม่ร่วมมือกับบิดรเทพและกองรบทั้งสี่ ต่อกรและกวาดล้างทำลายจักรพรรดิ์ของบิดรเทพบนโลกจนสิ้นซาก แล้วก็มุ่งหน้ามานี้เพื่อคุกคามจักรพรรดิ์ของท่านมารดรเทพกันยังไงละ"
              "!!!!!!!" เนคมาดูซัมได้ฟังก็ตกใจอย่างมาก โดยที่มองพีวิลและมาสวาร์ทาร์เอาไว้ และหันมาถาม "มันเป็นความจริงเลยหรือ แลมเซน ที่ว่าบิดรเทพถูกพวกแมนิเกเตอร์ภายใต้การนำของโคเคสโค่นลงพร้อมกองรบจักรวรรดิ์กันน่ะ"
              แลมเซนบอก "เป็นเช่นนั้นแหละ เพราะทั้งคู่นี้ ตามความจริงแล้ว ควรจะถูกท่านบิดรเทพและกองรบกวาดล้างไปพร้อมกับพวกโคเคสกันแล้ว แต่การปรากฎตัวของทั้งคู่กับพรรคพวกที่ลงมาที่ดาวดวงนี้ เป็นหลักฐานยืนยันแล้วว่า พวกมันคิดมาขัดขวางแผนการของพวกเราในตอนนี้กันด้วย แม้พรรคพวกส่วนที่เหลือจะเผ่นหนีไปพร้อมกับสินค้าของพวกเรากันแล้วก็ตาม" แล้วก็หยิบดาบมาสวาร์ทาร์เบลดที่ยังยึดอยู่ในฟักไว้มาชี้หน้า "แต่ด้วยศพของทั้งคู่นี้แหละจะเป็นจดหมายเตือนให้พวกโคเคสนั้นรู้ว่า อย่ามาแส่หาเรื่องกับพวกเราและจักรวรรดิ์กันด้วย"
              "เดียวก่อนน่ะ แลมเซน สินค้าส่งออกที่นายไม่ยอมให้ฉันรู้เรื่องนั้น เป็นแรงงานชาวอาณานิคมที่กองรบอื่นแปรสภาพมาอย่างงั้นละสิ" เนคมาดูซัมกล่าว
              แลมเซนได้ฟังก็เดาได้ทันที "ไอ้สองตัวนั้นคงจะเล่าให้ฟังแล้วละสิ เพราะตามข้อมูลนั้น ทั้งคู่กับเพื่อนๆนั้น เป็นตัวตั้งตัวตีในการช่วยโคเคสและพวก รวบรวมพวกแมนิเกเตอร์สร้างเป็นกองทัพเอาไว้กันน่ะ ซึ่งแรงงานพวกนี้ สมควรจะมาทำงานแทนพวกเรากันนี้แหละ"
              "ทั้งๆที่แรงงานเหล่านั้นเป็นพวกมนุษย์ที่เป็นชาวอาณานิคมของพวกเฮนรี่ ไนท์กันเนี้ยน่ะ หึ นายกับแลมซินีไนซ์ รวมถึงพรรคพวกครีซีแทน ล้ำเส้นกันเกินไปแล้ว จักรพรรดินีและองค์ชายเทพแห่งสงครามไม่เอานายกับพวกไว้แน่ๆน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              แลมเซนหัวเราะขึ้นมาพร้อมกับบอกว่า "โอ้ว ทหารแกตไทซ์ผู้ยึดมั่นในกฎเกณฑ์ของจักรวรรดิ์เหลือเกินเลยน่า เหมือนกับพ่อนายไม่มีผิดเลย ที่นึกถึงความถูกต้องและคุณธรรมเป็นหลักเลยน่ะ" แล้วก็ตอบไปว่า "เพราะการกระทำของพวกเรานั้น คือบัญชาของท่านเทพแห่งสงคราม องค์ชายไซมาเทน และเป็นโองการของท่านมารดรเทพ ที่ต้องการขยายอิทธิพลของพวกเรา ด้วยการยึดครองทุกระบบดาวของกลุ่มสมาพันธ์อวกาศ ให้เป็นของจักรวรรดิ์แรซัลก้ากันยังไงละ"
              "ว่าไงน่ะ จักรพรรดินีนะหรือ บ้าน่า จักรพรรดินีที่เศร้าโศกเพราะการสูญเสียบุตรและบุตรีไปเพราะถูกพวกเฮซเทรซลอบสังหารไปนั้น แม้จะแค้นต่อศัตรูเก่าที่เป็นต่างดาวจากเขตอวกาศดาวเหนือ ก็ไม่น่ารับสั่งให้มีการคุกคามพวกมนุษย์ต่างดาวหรือแม้กระทั่งมนุษย์ที่อยู่ตามดาวต่างๆกันเลยนิน่า เป็นไปไม่ได้หรอก" เนคมาดูซัมบอก
              แลมเซนกล่าว "ดูเหมือนว่า นายกับยัยเมดลิคซ์นั้นก้มหน้าทำงานทำการโดยไม่เฉลียวใจถึงคำสั่งนี้เลยสิน่ะ ทั้งๆที่พ่อของนายเองก็ยังต้องยอมรับในคำสั่งของท่านมารดรเทพกันเลยน่า" เนคมาดูซัมชะงักกับการอ้างถึงพ่อของเขาของแลมเซนขึ้นมา "ซึ่งมันจะดีกว่ามาก หากนายเป็นเหมือนกับพ่อของนายกันด้วย และฉันไม่อยากจะเสียเวลาสำคัญกับคำสั่งของพี่ชายกันเลยน่ะ"
              "หมายถึง กองรบฝั่งตะวันออกและฝั่งใต้ จะร่วมมือกับกองรบของนายที่ออกไปก่อนหน้า โจมตีเขตเมืองดอร์เฟลันทางเหนือของพวกแอตทาเวียนกันละสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เนคมาดูซัมได้ฟังก็ตกใจไม่น้อยและไม่พอใจอย่างมาก "แลมเซน นายนี้มัน...รู้ตัวหรือเปล่าว่าแกกับพวกกำลังวอนหาเรื่องใส่ตัวกันอยู่น่ะ"
              "วอนหาเรื่องนะหรือ พวกเราเนี้ยน่ะ" แลมเซนกล่าว โดยที่ลูกน้องในห้องหัวเราะดังๆขึ้นมา "แกต่างหากละ ที่กำลังวอนหาเรื่องกับพวกเราที่ได้รับการอุปถัมภ์จากท่านไซมาเทนให้เป็นกองรบระดับพระกาฬ นำทัพบุกไปถล่มพวกแอตทาเวียนและพวกดาวหนู ดาวกระต่าย ดาวเป็ด ดาวม้า ดาวไก่ ดาวคนคู่ ดาวแกะ และดาวปลาคู่ เพื่อประกาศสงครามกับพวกดาวฤกษ์ให้แสงของดาวของพวกมันดับวูบลงกันยังไงละ"
              เนคมาดูซัมบอก "องค์ชาย...ไซมาเทนสั่งอย่างงั้น โดยที่ มารดรเทพเห็นชอบและมีดำริแบบนั้นนะหรือ... ถ้าอย่างงั้น นายรีบถอนคำสั่งเดียวนี้เลย"
              "สายไปแล้วละ ฉันสั่งให้กองรบของฉันส่วนมากนั้นล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ส่วนกองรบฝั่งใต้ก็กำลังจะไปถึง ในขณะที่ฝั่งตะวันออกกำลังเตรียมตัวกันอยู่นี้แหละ ดังนั้น นายหยุดการรุกรานของพวกเราไม่ได้หรอก" แลมเซนบอก
              เนคมาดูซัมกล่าวอย่างเจ็บแค้น "....นั้นไม่แปลกใจแล้วละ ที่แลมซินีไนซ์เป็นพระสหายคนโปรดของไซมาเทนกันน่ะ ซึ่งฉันยอมให้มันเป็นอย่างงั้นไม่ได้หรอก"
              "นายไม่มีทางหยุดยั้งพวกเราไปได้หรอก เพราะคำสั่งของจักรวรรดิ์นั้น ถือว่าเด็ดขาดกันอยู่แล้ว และเพื่อให้แน่ใจว่า นายเป็นลูกท่านแม่ทัพขวาที่จงรักภักดีต่อจักรวรรดิ์กันด้วยนั้น" แลมเซนกล่าว ลูกน้องที่คุมตัวลิเนียร์ตี้ก็จ่อปืนเลเซอร์เอาไว้
              พีวิลบอก "แก...กล้าใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องต่อรองแบบนี้ มันไม่ใช่ลูกผู้ชายกันนิน่า"
              "สุภาพบุรุษที่แท้จริงต้องไม่ทำร้ายผู้หญิงไม่ว่าจะทางกาย วาจา หรือใจก็ตาม ต่อให้เป็นเผ่าที่ได้รับการยกย่องจากผู้สูงศักดิ์แค่ไหน ฉันก็มองนายกับพวกเป็นไอ้พวกขี้ขลาดอยู่ดีนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              แลมเซนบอก "โอ้ว นั้นเป็นคำพูดของอดีตมนุษย์หัวกบฎคำแรกๆเลยน่ะ แต่นั้นเป็นแค่ข้ออ้างโง่ๆ ที่ไม่ช่วยยืดชีวิตของแกสองตัวไปได้หรอก" แล้วก็กล่าวกับเนคมาดูซัมไปว่า "หัวหน้าหน่วย จัดการกับทั้งคู่ด้วยปืนกระบอกนี้ซะ หาไม่แล้ว ลูกน้องหญิงของนายมีรูบนหัวแน่นอน" พร้อมกับนำปืนสั้นกระบอกใหญ่ ซึ่งด้ามจับนั้นก็ใหญ่พอสำหรับมือสวมนวมของเนคมาดูซัมอยู่แล้ว
              "หัวหน้าคะ..." ลิเนียร์ตี้กล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "วางใจได้น่า ลิเนียร์ตี้ ฉันจะปกป้องเธอเอง" แล้วก็หันมายังพีวิลและมาสวาร์ทาร์พร้อมกับจ่อปืนเอาไว้ "ขอโทษด้วยน่ะ เพราะว่าฉัน จำต้องทำเช่นนั้นจริงๆ..." โดยที่แลมเซนและพวกยิ้มขึ้นในใจไว้ แล้วก็...

              "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงปืนดังขึ้นหลายนัดด้วยกัน โดยที่ลิเนียร์ตี้ก้มลงด้วยความหวาดกลัว แต่ทว่า... "อะ อะ อั้ก" ครีซีแทนที่ควบคุมตัวลิเนียร์ตี้ถูกยิงจนหัวพรุน เช่นเดียวกับอีกสองตัวที่ควบคุมตัวพีวิลกับมาสวาร์ทาร์ไว้ แลมเซนได้เห็นก็กล่าวขึ้น "เนคมาดูซัม นายกำลังทำอะไรลงไปกันน่ะ นายขัดคำสั่งของฉัน ของพี่ชาย ของท่านไซมาเทนและท่านมารดรเทพแบบนี้ นายทำเกินไปแล้วน่ะ"
              เนคมาดูซัมกล่าวโดยที่หยิบปืนกระบอกโตที่ซ่อนไว้ในเกราะต้นขาซ้ายออกมาจ่อแลมเซนไปว่า "นายกับพวก รวมถึงแลมซินีไนซ์เองต่างหากละ ที่ทำเกินไปกันน่ะ" แล้วก็เหนี่ยวไก "ปังๆๆๆๆๆๆๆ" ยิงใส่แขนซ้ายของแลมเซนจนพรุน "นายไม่เพียงร่วมมือกับพี่ของนาย ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ที่ว่า ห้ามคุกคามความสงบสุขของพวกต่างดาวทุกเผ่า เว้นแต่เผ่านั้นจะเป็นฝ่ายลงมือก่อน แต่นายยังกล้าหลอกลวงฉันในการค้าทาสชาวอาณานิคมไปให้จักรวรรดิ์ ส่งกองกำลังไปทำร้ายพวกแมนิเกเตอร์ที่ไม่ได้มาร้าย แถมแกยังใช้ลิเนียร์ตี้เป็นเครื่องต่อรองแบบนี้ นายมันไม่ใช่นักรบผู้กล้ากันเสียเลยน่ะ"
              "ยังจะอ้างกฎความเป็นนักรบกันอีกหรือ เนคมาดูซัม เหอะ ตอนนี้นายได้ประกาศตนเป็นคนทรยศต่อจักรวรรดิ์ด้วยการทำร้ายฉันและฆ่าลูกน้องฉันไปแล้ว นายกับพวกจะต้องถูกตามล่าและถูกไล่ฆ่ากันอย่างแน่นอน พี่แลมซีนีไนซ์เอง ไม่เพียงจะส่งกองกำลังไปรุกรานดาวอื่นๆ แต่มันหมายถึง ตามล่าหัวแกตไทซ์โง่ๆอย่างแกกันด้วยนี้แหละ" แลมเซนบอก "ซึ่งนั้นอาจจะหมายถึง เผ่าพันธุ์นักรบยักษ์หน้าเหล็กที่สืบต่อมาตั้ง 200 ปีนั้นคงจะถึงกาลอวสานกันแล้วละวะ ไอ้...."
              เนคมาดูซัมกล่าว "พูดจบแล้วใช่มั้ยละ แลมเซน ฉันว่าคำสั่งประหารนี้ มันควรจะเป็นของนายซะมากกว่าน่ะ" แล้วก็... "แกร็ก" "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กระหน่ำยิงปืนกระบอกโตเข้าใส่แลมเซนจนตัวพรุนไปทั้งตัวด้วยกัน
              "แก...ขอให้แกกับพวก ไปลงนรก..." แลมเซนที่โดนยิงยังไม่วายปากมากจน "เปรี้ยงงง" โดนเนคมาดูซัมยิงเป่าหัวจนแหว่งไปอย่างจังๆ แล้วก็หันมา "แกร็ก" จ่อปืนมายังพีวิลและมาสวาร์ทาร์ไว้ "ตอบคำถามฉันมาก่อน ว่าพวกนายสองคน กับพวกโคเคสนั้น พิชิตบิดรเทพลงใช่มั้ย"
              "จริง ที่แลมเซนว่ามานั้นเป็นความจริงนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แล้วมันเพราะอะไรกัน บิดรเทพถึงต้องส่งกองรบที่สร้างขึ้นบนโลกมาเพื่อปกครองโลก มาถลุงให้พวกนายต่อต้านจนปราบไปหมดสิ้นจนต้องพิชิตบิดรเทพกันเลยน่ะ"
              "โอเวอร์เดส กลับมาที่โลกเพื่อสานต่อสงครามกวาดล้างมวลมนุษยชาติที่ยังทำค้างไว้เมื่อ 20 ปีก่อนนะสิ" พีวิลบอก เนคมาดูซัมถึงกับชะงัก แล้วฟังพีวิลเล่าต่อ "บิดรเทพของนาย สร้างและสะสมกองรบแมนิเกเตอร์ขึ้นมาเพื่อใช้คุกคามมวลมนุษยชาติ ส่งกองรบไปถล่มบ้านเมืองและเข่นฆ่าพวกมนุษย์เป็นจำนวนมาก คุกคามความสงบสุขและสร้างความสิ้นหวังให้ทุกๆคนบนโลกด้วยการทำลายองค์กรสหพันธ์โลกจนไม่เหลือซาก ทำให้มีเหล่านักรบและทหารลุกขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับโอเวอร์เดสและพวกแมนิเกเตอร์ภายใต้การนำของเขาตั้งมากมาย ซึ่งเหล่าทหารผู้กล้าทั้งหลายนั้น ถ้าไม่ถูกฆ่าตายจนถูกจับมาคืนชีพให้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังจักรวรรดิ์บนโลก ก็ต้องถูกชักชวนให้กลายเป็นพวกมันด้วยกลอุบายต่างๆ แม้คนที่ต้องการจะทำเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดความสูญเสียให้น้อยลง ก็ไม่แคล้วถูกกลั้นแกล้งจนต้องมีการหลั่งเลือดและเนื้อของผู้เคราะห์ร้ายทั้งบนสนามรบ ในเมืองหรือแม้กระทั่งทุกหนแห่งที่พวกมนุษย์หลบซ่อนเอาไว้กันน่ะ"    
              "โคเคสกับพวกเองก็เป็นทหารซุปเปอร์โซลเยอร์ที่อุทิศตนเพื่อสู้กับโอเวอร์เดสและพวกเพื่อพวกมนุษย์มาตลอด แต่ก็โดนโอเวอร์เดสส่งสมุนมาทำให้เขากับพวกไม่มีทางเลือก แม้อยู่ในกำมือของจักรวรรดิ์แต่ก็ยังพยายามเปลี่ยนแปลงจักรวรรดิ์ไว้ก็ไม่เป็นผล สุดท้าย โคเคสกับพวกเลยตัดสินใจ ตั้งกองกำลังกบฎที่รวบรวมสหายแมนิเกเตอร์ที่มีความคิดเดียวกันเพื่อต่อต้านโอเวอร์เดสและกองกำลังจักรวรรดิ์ ซึ่งพวกเรานั้น จากที่เป็นศัตรูของโคเคส บัดนี้ได้เป็นมิตรและเป็นกำลังสำคัญให้โคเคสรวบรวมพรรคพวกแมนิเกเตอร์ทั่วโลกมาจนเอาชนะบิดรเทพและจักรวรรดิ์ลงได้นี้แหละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เนคมาดูซัมกล่าว "แล้วพวกนาย ได้ฆ่าบิดรเทพลงไปแล้วละสิ"
              "พวกเราเอาชนะบิดรเทพลงไปได้ แต่บิดรเทพก็เสียสละตนเอง ส่งพวกเราและพวกโคเคสออกไปจากโลกใบนี้ ในฐานะ เหล่าแมนิเกเตอร์ที่ถูกเลือกโดยบิดรเทพให้ออกสู่อวกาศ โดยที่พวกเรา รู้เรื่องการคุกคามระบบอวกาศของทางแรซัลก้ากันมาก่อนแล้วน่ะ" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ที่สำคัญ พวกเราต่อต้านบิดรเทพไป ก็เพื่อหยุดยั้งมิให้บิดรเทพและพวกแมนิเกเตอร์ภายใต้การปกครองนั้น คุกคามและสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกมนุษย์มาตลอด 20 ปี แม้ว่านั้นจะเป็นการต่อสู้ที่ต้องแลกชีวิตพวกแมนิเกเตอร์ไปเลยก็ตามน่ะ"
              "อืมมมม เหตุผลที่พวกนายต้องทำเช่นนั้น เพราะถ้าไม่มีใครหยุดยั้งบิดรเทพที่ยังยึดติดกับอดีตจนสานต่อให้มันสำเร็จและดำเนินการต่อเนื่องมาตลอด 2 ทศวรรษเต็มแล้วก็ พวกนายซึ่งถูกคนของบิดรเทพจัดการจนเป็นเช่นนี้ต้องเป็นคนลงมือจัดการเสียเองสิน่ะ" เนคมาดูซัมได้ฟังคำตอบของทั้งสองแล้วก็... "แกร็ก แกร็ก" ดึงแคปแทคที่ล็อกตัวพีวิลและมาสวาร์ทาร์ออกไป "นับแต่มารดรเทพโศกเศร้าเพราะการสูญเสียเหล่าบุตรไปเกือบหมด เหลือไว้เพียงเทพแห่งสงครามกันแล้ว ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าพระนางจะตัดสินใจแบบนี้ ถ้าขนาดพ่อของฉันยังพลอยถูกควบคุมแบบนี้ ในฐานะที่เป็นลูก ต่อให้ต้องสู้กับผู้เป็นพ่อ ฉันจะต้องหยุดยั้งการคุกคามของพวกจักรวรรดิ์กันให้ได้นี้แหละ" แล้วก็ส่งมาสวาร์ทาร์เบลดให้กับมาสวาร์ทาร์ไว้
              "ตอนนี้นายก็เข้าใจความรู้สึกของพวกเราสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก  
              "แต่ มันจะดีกว่ามาก หากพวกสมุนของแลมเซนนั้นมันไม่มีกองหนุนมาช่วยซ้ำเติมไว้กันน่ะ" เนคมาดูซัมบอก พร้อมกับหยิบเอาปืนยาวกราฟคาไบน์ของแลมเซนมา โดยจัดการจับส่วนมือขวาของแลมเซนมาแตะตรงตัวปืนไว้ ซึ่งก็หยิบอีกกระบอกหนึ่งมาด้วย
              พีวิลถาม "ลิเนียร์ตี้ ว่าแต่ พอจับตำแหน่งของกองหนุนอีกสองกองได้หรือเปล่าละ"
              "ได้คะ" ลิเนียร์ตี้กล่าวและตรงมาที่คอนโซลเพื่อจัดการเปิดระบบตรวจสอบ "ตอนนี้กองรบฝ่ายใต้นั้นเคลื่อนตัวผ่านเขตทะเลทรายทางตอนใต้ของตัวเมืองโดยที่ยังไปไม่ถึงครึ่งทาง ในขณะที่ฝ่ายตะวันออกนั้น ยังอยู่ที่เขตโรงงานเก่ารหัสเอ็กซ์-2 ซึ่งปล่อยทิ้งร้างไว้มาตลอด 54 ปีเต็ม เพื่อนำกองรบที่เก็บสะสมเอาไว้นำมาใช้คุกคามกันนะคะ" ซึ่งก็เปิดแผนที่เส้นทางไว้ด้วย
              มาสวาร์ทาร์บอก "แล้วฝั่งตะวันออกนั้น พร้อมนำกำลังรบที่เก็บไว้ออกมาได้เมื่อไหร่ละ"
              "ตามแผนที่หัวหน้าแลมเซนวางไว้ ประมาณ 15 นาที หรือเร็วกว่านั้น ส่วนกองรบฝ่ายใต้นั้นต้องใช้เวลาประมาณ 20 นาที กว่าจะไปสมทบถึงที่หมายนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              พีวิลบอก "งั้นคงต้องใช้แผนโจมตีอย่างรวดเร็วแล้วละ หากแต่ หวังว่าฐานทัพแห่งนี้จะมีพาหนะความเร็วสูงกันบ้างน่ะ"
              "มีอยู่แล้วละ" เนคมาดูซัมกล่าวแล้วพาทั้งสามไปยังโรงเก็บพาหนะไว้ ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่โฮฟไบค์สองคัน คันแรกเป็นของเนคมาดูซัมไว้ ลิเนียร์ตี้จัดการเปิดชัตเตอร์ขึ้นมา
              "แล้วอีกคันนั้นเป็นของแลมเซนละสิ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              "ใช่ หากแต่แลมเซนมักจะจูนโฮฟไบค์ให้ว่องไวกว่าของฉัน ทั้งๆที่โฮฟไบค์นั้นเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ของชาวแกตไทซ์กันด้วยน่ะ" เนคมาดูซัมบอกพร้อมกับโยนกุญแจทรงคล้ายทรัมป์ไดร์ฟให้พีวิลรับไว้ "ว่าแต่ นายรู้วิธีขับขี่หรือเปล่าละ"
              พีวิลบอก "ตอนที่นายพาตัวฉันและมาสวาร์ทาร์มาตามเส้นทางในป่านั้น แล้วคุยกันไปนั้น ฉันก็เห็นนายขับขี่มันและจำเอาไว้ในหัวกันแล้วละ"
              "พีวิลไม่เพียงชำนาญเรื่องการสู้ด้วยมือเปล่าและการต่อสู้ประชิดตัวอย่างว่องไว ความสามารถอีกอย่างของเขาก็คือ เป็นยอดนักขับที่เก่งกาจ ไม่เพียงชำนาญในเรื่องขี่มอเตอร์ไซด์หรือไทรไบค์อย่างว่องไว หากแต่เป็นพลขับรถจี้บ รถบรรทุก และรถหุ้มเกราะกันอีกด้วยนะคะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "เยี่ยม หวังว่านายคงจะไม่ทำให้โฮฟไบค์เจ็งเร็วหรอกน่ะ" แล้วพีวิลก็รีบขึ้นขี่พร้อมกับ "ฟึ่บบ แกร็กก กรึ่ก" เสียบกุญแจและบิดหมุนไว้ ซึ่งก็... "วึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆ" ล้อขนาดใหญ่ทั้งหน้าและหลังที่ตั้งในแนวขวางทำงานด้วยการสร้างฟิลด์ต้านแรงดึงดูดจนทำให้โฮฟไบค์ลอยขึ้นมา พีวิลลองบิดคันบังคับซ้าย "งึงๆๆๆๆๆ" ทำให้ล้อหน้าขยับหันด้านหน้า ซึ่งดันโฮฟไบค์ไปข้างหลัง พีวิลเลยบิดอันขวา "งึงๆๆๆๆๆๆๆ หวือออ" ล้อหลังก็เลื่อนหันไปด้านหลัง โดยที่ล้อหน้าตั้งในแนวขวางตามเดิม "หวือออ หวือออ" แล้วก็โยกโฮฟไบค์ไปซ้ายและขวาไว้ "แสดงว่าความชำนาญในเรื่องขี่ไบค์ของนายบนโลกนั้น ใช้ได้ดีกับโฮฟไบค์เลยสิน่ะ คงไม่ต้องสอนอะไรเพิ่มแล้วละ" เนคมาดูซัมบอก พร้อมกับนำโฮฟไบค์ของตนออกมา โดยที่ลิเนียร์ตี้ซ้อนท้ายไว้ ส่วนมาสวาร์ทาร์ก็ซ้อนท้ายคันของพีวิลไปด้วย
              "ส่วนหนึ่งเพราะว่าฉันขี่มอเตอร์ไซด์มาจนคล่องตัวแล้ว หากแต่ครั้งนี้ ตัวรถมันลอยเหนือพื้นก็เท่านั้นเองน่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "งั้นรีบไปกันเลยดีกว่า เราเสียเวลาไปสองนาทีกันแล้ว ปานนี้พวกที่เหลือนั้นคงจะรู้ว่าแลมเซนไม่มาแน่นอนน่ะ" แล้วทั้งสี่ก็รีบตรงออกจากฐานไปโดยเร็ว โดยที่พีวิลและมาสวาร์ทาร์ขับตามหลังเนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้ไว้ ตรงดิ่งไปยังเขตโรงงานเก่าเอ็กซ์-2 กัน

              "ดูนั้นสิ สัญญาณโฮฟไบค์ของหัวหน้าแลมเซนและนายกองเนคมาดูซัมตรงมากันแล้วละ" ครีซีแทนทหารที่เฝ้าอยู่รอบนอกโรงงานเก่าเอ็กซ์-2 ไว้
              แต่อีกตนนั้นใช้ก็อกเกิ่ลซูมอินเข้าไปจนเห็นหน้าพีวิลและมาสวาร์ทาร์ไว้ "เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว นั้นมันแมนิเกเตอร์ตัวเอ้ของโคเคสต่างหากละ พลป้อมปืน ยิงปืนเลเซอร์โต้ตอบพวกมันเดียวนี้เลย"
              "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกครีซีแทนประจำป้อมปืนเลเซอร์ก็ระดมยิงใส่อย่างไม่ยั้ง จนพีวิลและเนคมาดูซัมต้องหลบหลีกไปพลางซิ่งตรงไปด้วย "แย่ชะมัด ระยะยิงของอาร์มชู้ตเตอร์ไปไม่ถึงกันน่ะ" พีวิลกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "ปืนกลติดแขนนายมันไปไม่ถึงอยู่แล้ว แม้อยู่ในระยะยิง ก็คงทำลายป้อมปืนของพวกมันให้พังลงไม่เร็วพอหรอก" แล้วก็ "ครืดด ครืดด" ส่วนหัวไหล่กลมสองอันเปิดออกเผยช่องยิงมิไซล์สี่ช่องที่อยู่ข้างในเอาไว้ "บ็อกซ์บัสเตอร์ ชู้ต" แล้วก็ "ฟิ้ววว ฟิ้ววว" ยิงจรวดมิไซล์ขนาดกลางพุ่งออกไปทีละสี่ลูกอย่างรวดเร็ว "ฟ้าววววว ตูมๆๆๆ ตูมๆๆๆ" และพุ่งไปถล่มใส่ป้อมปืนเลเซอร์ทั้งสองอย่างหนักหน่วงจน "บรึมมมมม บรึมมมม" ระเบิดเป่ากองรบรักษาการด้านหน้าจนกระเจิดกระเจิงไป โดยที่พีวิลและเนคมาดูซัมควบโฮฟไบค์ตรงมา "แกร็ก ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พีวิลประเดิมด้วยอาร์มชู้ตเตอร์ยิงกราดใส่ครีซีแทนทหารที่พยายามลุกขึ้นจนถูกยิงตัวพรุนไป "ป้างๆๆๆๆๆๆ" เนคมาดูซัมกระหน่ำยิงกราฟคาไบน์เข้าใส่พวกทหารที่พยายามจะใช้ปืนยาวแบบเดียวกันแต่ยิงลูกระเบิดให้ล้มกลิ้ง แล้วโฮฟไบค์ทั้งสองก็แล่นเข้าไปในตัวโรงงานเก่าไว้
              "โอ้ว ไม่นึกเลยว่าโรงงานแห่งนี้ มองจากภายนอกที่ดูแล้วแคบ กลับมีโครงสร้างภายในที่กว้างอย่างมากเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "เดิมมันเป็นโรงงานแปรรูปอาหารและยาสำหรับชาวอาณานิคมกันนะคะ แต่ด้วยเหตุที่ทำเลของโรงงานติดกับเหมืองแร่อันมีค่านั้น เลยปรับเปลี่ยนโรงงานเป็นโรงถลุง ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นโรงผลิตไฟฟ้าป้อนพลังงานให้กับเขตเมืองดอร์เฟลัน ซึ่งด้วยการเปลี่ยนฟังก์ชั่นของโรงงานบ่อยๆนั้นได้ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์รวนจนส่งผลให้เครื่องจักรทำงานผิดพลาดและสร้างความเสียหายจนทำให้โรงงานนี้ต้องปิดตัวไปถาวร ก่อนที่พวกครีซีแทนจะใช้เป็นสถานที่เก็บของกันนะคะ"
              "และผลิตยุทโธปกรณ์สงครามเอาไว้อย่างลับๆภายใต้โรงงานร้างละสิน่ะ" พีวิลกล่าวโดยมองเห็น หุ่นขนาดใหญ่ที่ส่วนหัวกลมและแบน ซึ่งมีขนาดใหญ่และหนากว่าโมบิลลอยด์อย่างเห็นได้ชัด โดยมีอยู่ใต้โรงงานตั้งหลายสิบตัวด้วยกัน
              เนคมาดูซัมบอก "ซึ่งนั้นคงจะปล่อยให้พวกมันออกมาไม่ได้อยู่แล้วละ" แล้วก็ "ตรุ้งๆๆๆๆๆ" ใช้กราฟคาไบน์ยิงกระสุนระเบิดลงไปยังพวกหุ่นยักษ์ที่เรียงรายจากฝั่งซ้ายไว้ ซึ่งพวกครีซีแทนกำลังเติมเชื้อเพลิงอยู่พอดีจน "ตูมๆๆๆๆๆๆ" "โว้วววว ว้ากกกก อ้ากกกกก" แทงค์เชื้อเพลิงที่ถูกแรงระเบิดได้เป่าระเบิดทำลายหุ่นที่อยู่ฝั่งซ้ายจนราบคาบ ส่วนฝั่งขวานั้น "แชดดดด แชดดดด แชดดดด" มาสวาร์ทาร์ใช้ครอสเซียมมาสเก็ตยิงใส่แทงค์เชื้อเพลิงให้ระเบิดพร้อมกับพีวิล ที่ซัดเอนเนอจี้โบลท์ลงไปซ้ำเติมด้วย "ตรูม บรึมมม ตูมๆๆๆๆ" จนฝั่งขวาก็ระเบิดวินาศสันตะโรไปเช่นกัน ซึ่งพวกครีซีแทนกองรบฝั่งตะวันออกที่อยู่ในตัวโรงงานรีบเข้ามาตั้งด่านสกัดกั้นไว้ เพื่อเตรียมยิงใส่ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พีวิลและเนคมาดูซัมกระหน่ำยิงอาร์มชู้ตเตอร์และกราฟคาไบน์แบบกระสุน กระหน่ำใส่พวกครีซีแทนก่อนที่พวกมันจะเหนี่ยวไกยิงจนแดดิ้นล้มลงไป "แชดดดด แชดดดด แชดดดด" มาสวาร์ทาร์ยิงครอสเซียมมาสเก็ตเข้าใส่ครีซีแทนทหารบกที่อยู่ด้านบน ในขณะที่ลิเนียร์ตี้นั้น "แกร็กๆ ตรุ้งงงง ตรุ้งงง ตรุ้งงง" ใช้ปืนลูกซองกระบอกสีแดงออกมายิงใส่พวกครีซีแทนทหารบกสามตัวที่รีบวิ่งตามหลังมาจน "ป้ากกกก โครมมมม" ตัวแรกถูกยิงจนตัวปลิวกระเด็นไปอัดกับเสาเหล็กที่สนิมขึ้นกระจุยไปอย่างจังๆ "ป้ากกกกก โพละ" ตัวที่สองที่พุ่งเข้ามาก็ถูกยิงจนท่อนบนแตกกระจุยไปอย่างจังๆ ส่วนตัวที่สามนั้น "ป้ากกกกกก เปรี้ยงง หวับๆๆๆๆๆ โครมมมม" โดนยิงแขนขวาจนกระจุยไปพร้อมกับปืนยาวและตัวปลิวไปตามแรงยิง บิดเกรียวควงสว่านสี่ตลบและร่วงลงไปกองกับพื้น ส่วนลิเนียร์ตี้ก็ "แกร็ก ฟึ่บบบ ก้องๆๆ ครืดด แกร็ก" จัดการถอดกระบอกกระสุนออกจากลำเพลิงทิ้งลงกับพื้น และเสียบอันใหม่เข้าไปแทนพร้อมกับปิดกระบอกปืนไว้
              "นั้นเป็นช็อคแคนน่อนที่แรงเอาเรื่องเลยน่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ปืนที่ลิเนียร์ตี้ใช้นั้นเป็น อิมแพคชู้ตเตอร์ โดรมอน ซึ่งเป็นปืนลูกซองที่ปล่อยคลื่นกระแทกกำลังสูงอัดใส่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าให้ปลิวกระเด็นไป แน่นอนว่ามันแรงถึงขั้นเป่ากล่องคอนเทนเนอร์ทำด้วยเหล็กและหนักเป็นสิบๆตันให้เคลื่อนไปได้ 5-10 เมตรด้วยกัน ถ้าปรับแรงยิงให้แรงพอที่จะไม่ทำให้กล่องนั้นทะลุเป็นรูเสียก่อนน่ะ ซึ่งฉันให้ปืนนี้กับลิเนียร์ตี้เป็นรางวัลที่ช่วยปกป้องฉันจากพวกศัตรูไว้น่ะ"
              "แต่บอดี้ของเธอเป็นเมดลิคซ์นิ ไม่น่าที่จะใช้อาวุธที่มีแรงถีบสูงแบบนั้นเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              ลิเนียร์ตี้บอก "ไม่เลยคะ แม้จะไม่รู้ว่าฉันใช้อาวุธที่มีแรงถีบสะท้อนมากได้โดยไม่เจ็บตัวกันยังไง แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ฉันสกัดกั้นฝ่ายตรงข้ามได้ก็ดีแล้วนะคะ" แล้วก็เสียบกระสุนระเบิดที่เนคมาดูซัมส่งมาจากเกราะต้นขาซ้ายไว้ ตรงปากกระบอก เพื่อ... "ตรุ้งงงงง" "ฟ้าวววววว ตรูมมมม" ยิงกระสุนระเบิดพุ่งเข้าไปในห้องเตาพลังงานจนระเบิดเสียหายไป แล้วก็ "ตรูมๆๆๆๆๆๆ บรึมมมม" โรงงานเก่าก็ระเบิดแหลกเป็นจุลโดยที่แมนิเกเตอร์ทั้งสี่ขับโฮฟไบค์ฝ่าออกไปอย่างรวดเร็ว
              "ว่าแต่ หุ่นเหล่านั้นเป็นหุ่นของพวกครีซีแทนนะหรือ" พีวิลถาม
              เนคมาดูซัมบอก "นั้นคือ บาร์คทรอน หุ่นโมบิลแมชชีน ซึ่งครีซีแทนสร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับสร้างและซ่อมบำรุงสเปซโคโลนี่ของแรซัลก้ากันไว้ แม้กระทั่งสร้างนครลอยฟ้ากับนครใต้น้ำสำหรับขยับขยายอาณานิคมของแรซัลก้าไว้ แต่ตอนนี้ แลมซินีไนซ์สร้างมันเพื่อการคุกคามชนเผ่าต่างดาวของทางสมาพันธ์อวกาศกันแล้วละ"
              "เท่าที่ฟังแลมเซนเล่ามานั้น ในเขตเมืองดอร์เฟลันก็มีเผ่าต่างดาวที่มีชื่อของ 12 ราศีอยู่ 3 เผ่า และพวก 12 นักษัตรถึง 5 เผ่าด้วย พวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสมาพันธ์อวกาศนะหรือ" พีวิลกล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "ใช่ แต่เดิมนั้นเผ่า 12 ราศีนั้นมาจากเขตอวกาศดาวเหนือ โดยที่ฝั่งนักษัตรนั้นอยู่เขตอวกาศกางเขนใต้ ซึ่งระบบสุริยะจักรวาลอันเป็นบ้านเกิดของพวกนายก็อยู่ในเขตกางเขนใต้ด้วย ส่วนระบบเจเนซิลอันเป็นที่ตั้งของแรซัลก้านั้น มันอยู่เขตพรมแดนอวกาศฝั่งตะวันตกติดกับเขตอวกาศดาวเหนือ ซึ่งตอนนี้ พวกเฮซเทิร์ซ กลุ่มต่างดาวป่าเถื่อนและชั่วช้าที่สุดนั้นได้เข้ายึดครองเขตอวกาศดาวเหนือไปจนเกือบหมด พร้อมกับบุกรุกแรซัลก้าเพื่อใช้เป็นฐานที่มั่นในการคุกคามเขตอวกาศทางตอนใต้เอาไว้น่ะ แน่นอนว่า กลุ่มต่างดาว 12 ราศีนั้นก็ถูกขับไล่ให้มาร่วมอาศัยกับพวก 12 นักษัตรกันจนถึงบัดนี้เองแหละ"
              "แล้วไม่มีใครส่งกองกำลังไปปราบพวกเฮซเทิร์ซกันบ้างเลยหรือ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              เนคมาดูซัมส่ายหน้า "พวกเฮซเทรซไม่เพียงมีพวกต่างดาวป่าเถื่อนใช้ความรุนแรงอย่างเดียว แต่พวกมันมีทั้งพวกสลัดอวกาศ พวกโจรปล้นสะดม องค์กรอาชญากรและวายร้ายระดับเป้ง กลุ่มผู้ก่อการร้าย ไปจนถึงเหล่าชนเผ่าปีศาจที่ร้ายกาจและทรงอำนาจ ซึ่งด้วยจำนวนกลุ่มเลวๆที่มากมายมหาศาลนั้น ทำให้กลุ่มสมาพันธ์อวกาศที่แม้จะมีกำลังรบมากมายเอง ยังทำได้แค่ตั้งรับการรุกรานไว้เท่านั้นแหละ เพราะกองรบจากดาวอื่นที่ตั้งใจจะบุกไปโจมตีดาวแม่ของพวกเฮซเทิร์ซนั้น ส่วนมากล้วนไม่ได้กลับมากันทั้งนั้นน่ะ"
              "ถ้าอย่างงั้น โอเวอร์เรสในตอนนั้นก็สร้างแมนิเกเตอร์จากชาวอาณานิคมมาเพื่อต้านทานพวกเฮซเทรซกันละสิ" พีวิลถาม

              เนคมาดูซัมพยักหน้าและเล่าเรื่อง "ตามประวัติศาสตร์ของแรซัลก้านั้น มารดรเทพเป็นแค่อัลติเมทคอมพิวเตอร์มาเธอร์ ซึ่งสั่งการเหล่าแมนิเกเตอร์ให้สร้างอาวุธ ฝึกฝนและพัฒนาแมนิเกเตอร์ขึ้นมาโดยสร้างสนามพลังปิดดาวและอำพรางให้ฝ่ายสมาพันธ์อวกาศและพวกเฮนรี่ ไนท์ส่วนหนึ่งที่แวะมาดูลาดเลาในระบบเจเนซิลเชื่อว่า ชาวอาณานิคมตายไปหมดแล้ว แม้ส่วนมากจะเกิดความครางแครงใจในเรื่องที่ว่า พวกเฮซเทิร์ซถอนตัวกลับไปหลังจากบุกเข้ามาในแรซัลก้ากันแล้ว ซึ่งหลังจากปี 2124 ซึ่งเป็นปีแรกที่พวกแมนิเกเตอร์ในอวกาศถือกำเนิดขึ้นจากพวกชาวอาณานิคม" แล้วก็เล่าต่อ "โดยในตอนนั้น โอเวอร์เรสสร้างกลุ่มแมนิเกเตอร์ขึ้นในฐานะกองกำลังปกป้องพิทักษ์ดวงดาว โดยยังอยู่ในสภาพคอมพิวเตอร์กันอยู่ โดยใช้เวลา 6 ปีในการสร้างเป็นกองกำลังขึ้นมาต่อกรกับพวกเฮซเทซ ไปพร้อมกับสร้างเผ่าพันธุ์แมนิเกเตอร์ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสานต่องานวิจัยของชาวอาณานิคมพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั้นก็ทำให้แรซัลก้ามีแมนิเกเตอร์อาศัยอยู่อย่างเป็นเอกเทศน์มาตลอด 30 ปี ซึ่งการต่อสู้ของมาเธอร์นั้นก็ยิ่งทำให้แรซัลก้าแข็งแกร่งและทรงอิทธิพลจนสมาพันธ์อวกาศรู้ถึงการมีตัวตนของแมนิเกเตอร์ในอวกาศขึ้นมาในปี 2150 โดยได้เห็นโฉมหน้าของมาเธอร์ ที่พัฒนาสร้างร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์สูง 50 เมตรขึ้นให้พวกต่างดาวและกองรบของเฮนรี่ไนท์ได้เห็น ในช่วงที่ มารดรเทพโอเวอร์เรส นำทัพพวกแมนิเกเตอร์ต่อสู้ขับไล่พวกเฮซเทิร์ซออกไปจากระบบดาวเจเนซิลกันน่ะ"
              "ปี 2150 นะหรือ นั้นมันก่อน 10 ปีที่ฟาเธอร์หรือโอเวอร์เดสจะก่อมหาสงครามแมนิเกเตอร์บนโลกกันเสียอีกน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "งั้นเรื่องที่โอเวอร์เรสเดินทางมาที่โลกเพื่อพาโอเวอร์เดสและพวกมาไว้ที่แรซัลก้าก็คงเป็นจริงสิน่ะ แล้วโอเวอร์เรสสถาปนาจักรวรรดิ์ขึ้นเมื่อไหร่น่ะ"
              "มารดรเทพเปลี่ยนจากกลุ่มกองกำลังปกป้องแรซัลก้ามาเป็นราชอาณาจักรขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อ ปี 2140 นะสิ ซึ่งในอีก 20 ปีต่อมา เมื่อโอเวอร์เดสและพวกมาถึง ก็เปลี่ยนจากราชอาณาจักรมาเป็นจักรวรรดิ์แมนิเกเตอร์ขึ้นมา พร้อมกับพัฒนาและสร้างแมนิเกเตอร์แบบใหม่ๆขึ้นมาพร้อมกับจัดระเบียบระบบการปกครอง ร่างกฎหมายและกฎเกณฑ์ แม้กระทั่งพัฒนาสร้างกองทัพรวมถึงสรรค์หาดาวสำหรับแมนิเกเตอร์เผ่าใหม่ๆ ซึ่งแกตไทซ์และควอเดี่ยมก็คือ 2 เผ่าใหม่แต่เก่าแก่กว่ากันนี้แหละ" เนคมาดูซัมกล่าว
              มาสวาร์ทาร์ถาม "ควอเดี่ยมเป็นเผ่าที่เก่าแก่นะหรือ แล้วดาวบ้านเกิดของควอเดี่ยมนั้น 1 ปีบนโลกจะเป็นเท่าไหร่ของดาวดวงนั้นละ"
              "1 ปีบนแรซัลก้าจะเท่ากับ 4 ปีบนดาวควาดาน่ากันนะสิ แม้จะอายุอารยธรรมบนดาวของควอเดี่ยมจะน้อยกว่าพวกเรา แต่พวกนี้ก็อายุยืนกว่าพวกเรามากถึง 20 ปีด้วยกันน่ะ เพราะการปรับตัวกับสภาพบนดาวไว้น่ะ" เนคมาดูซัมบอก "ตอนนี้ พวกกองรบฝ่ายใต้มันยังไปไม่ถึงเขตเมือง เรารีบหยุดพวกมันโดยเร็วดีกว่า"
               ลิเนียร์ตี้บอก "ตอนนี้ พวกเราเข้าใกล้พวกครีซีแทนฝ่ายใต้ไปประมาณ 45 กิโลเมตรเห็นจะได้นะคะ"
              "ในเมื่อเราไล่จัดการกับพวกฝั่งตะวันออกไปกันแล้ว จะดีกว่ามาก หากการคุกคามอาณานิคมนั้นหยุดลงไปได้น่ะ" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "ว่าแต่ โฮฟไบค์นั้นเติมเชื้อเพลิงเต็มที่หรือเปล่าละ"
              "เซลพลังงานในโฮฟไบค์มีเหลือเฟือพอที่จะวิ่งข้ามทวีปได้โดยไม่หยุดพักกันน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              พีวิลบอก "ดีแล้วละ เพราะนั้นก็เหลือเฟือพอสำหรับไล่ถล่มพวกกองหนุนกันบ้างละ" แล้วทั้งสี่ก็รีบรุดไล่ตามพวกครีซีแทนฝ่ายตะวันออกโดยเร็ว

    ต่อช่วงที่ 2 กัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×