ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Manigator Saga Rebellion Soldiers

    ลำดับตอนที่ #43 : ตอนที่ 19 วาระสุดท้ายของครองคอร์ดและแอตแลนไทซ์ ความจริงของรักสามเส้าอันแสนเศร้า บทเกซเฟลิค

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16
      0
      14 ก.ย. 64

              "โครมมมม ตรูมมมม บรึมมมมม เปรี้ยงงงงง บรึมๆๆๆๆๆๆ" เสียงระเบิดดังมาจากประตูห้องโถง ซึ่งเกซเฟลิคนั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างนิ่งเฉยไว้ จนกระทั่ง... "ตรูมมมมมม โครมมมม" ประตูด้านหน้าระเบิดอย่างจังๆ พร้อมกับพวกเวเซอร์ด้วย "แกเองสิน่ะ ไอ้ยักษ์บั่กลั่นเกซเฟลิค" เจเนลกล่าว
              เกซเฟลิคกล่าว "และแกก็คงจะเป็นเจเนล หัวหน้าเจเนไซด์ทีม สมุนสามสหายของท่านขุนพลครองคอร์ด ที่ทรยศต่อท่านขุนพลจนสังหารทิ้งลงกันน่ะ พวกแกช่างเป็นเพื่อนกับไอ้ทรยศคลอเวฟกันเสียจริงๆเลยน่ะ"
              "ทรยศนะหรือ เกซเฟลิค คนที่ทรยศต่อคลอเวฟจริงๆนั้นเป็นแกซะมากกว่ากันน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              ไซโคลเนียกล่าว แกหลอกใช้ไพลม์เทคและเมอริด้าให้ควบคุมเหล่าสมุนนักรบที่เป็นพี่น้องด้วยกัน รวมหัวกันกลั้นแกล้งคลอเวฟจนเจ็บแค้นกันไม่ว่า แกยังคิดวางแผนเพื่อบีบให้คลอเวฟพ่ายแพ้แบบไม่มีทางเลือก โดยหวังจะให้คลอเวฟปลิดชีพลงจนเหลือไว้แต่ร่างใหม่ของแกเลยสิน่ะ"
              "แต่แกคาดผิดไปถนัดเลยน่ะ ที่แกไม่ได้ใส่โปรแกรมควบคุมคลอเวฟเอาไว้ด้วย และสิ่งที่แกทำมานั้นก็คือการเพิ่มเพลิงแค้นให้คลอเวฟพาพวกเรามาตรงหน้าแกนี้แหละ" โฟรซ่าบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ถ้าจะบอกว่าคลอเวฟคือตัวหายนะจริง ท่านเองต่างหากละที่ส่งลูกน้องของแกไปตายเองจนทำให้แอตแลนไทซ์ล่มจมลงมากันน่ะ"
              "แกพูดอย่างงั้นได้เพราะว่าแกโค่นโครเต้และครอสตรีมลงด้วยมือของแกเลยสิน่ะ คาตานะลอร์ดมาสวาร์ทาร์" เกซเฟลิคกล่าว "แล้วก็แกด้วย กัปตันบลูเบรซซิ่ง ผู้พิฆาตแพทรีออทและอีเนอไมนด์ลงด้วยหมัดของแกเอง ที่เป็นตัวเริ่มตัวแรกต่อหายนะของพวกเรา กองทัพจักรวรรดิ์แมนิเกเตอร์ของท่านโอเวอร์เดสกันน่ะ"
              พีวิลบอก "เกซเฟลิค อีเนอไมนด์ โซลูนาสตี้ และครอสตรีมได้ล่มสลายลงไปแล้ว เหลือเพียงแกเพียงตนเดียวแล้ว ที่จะเปิดทางให้พวกเราไปสู้กับโอเวอร์เดสกันน่ะ"
              "งั้นหรือ เปิดทางไปสู่ชัยชนะหรือว่าหายนะของพวกแกกันมิทราบละ เพราะไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่งพวกแกก็ต้องจบเห่ลงอยู่แล้วละ" เกซเฟลิคบอก "ไอ้เด็กโง่โคเคสกับพวกคิดว่าตัวเองฉลาดมากพอที่จะเป็นเจ้าปกครองโลกเองนะหรือ หึ มันก็ไม่ฉลาดมากพอที่จะรู้ทันความคิดของท่านขุนพลที่พยายามผลักดันให้โคเคสกับพวก ยอมรับกันได้เสียที ว่าการช่วยเหลือพวกมนุษย์ให้รอดไปได้นั้น มันไม่มีประโยชน์อันใดเลยน่ะ เพราะยิ่งจะทำให้พวกมนุษย์เกลียดชังพวกเรามากขึ้น เหมือนที่พวกนั้นทำกับพวกเราเมื่อ 40 ปีก่อนกันน่ะ"
              จิลบอก "40 ปีก่อนนะหรือ งั้นแกก็คงจะเป็นแมนิเกเตอร์ที่ร่วมรบกับโอเวอร์เดสในมหาสงครามครั้งแรกละสิ"
              "ถูกต้อง ก่อนที่จะมาเป็นแม่ทัพแอตแลนไทซ์ ข้าคือแม่ทัพกองรบหุ่นยนต์ของท่านโอเวอร์เดสมาก่อน ซึ่งเดิมข้ามีร่างกายที่สูงเท่าพวกเจ้าเองนี้แหละ แต่เพราะพวกมนุษย์มันใช้โมบิลลอยด์ที่ตัวโตกว่ามาเล่นงาน ข้าเลยจำต้องสร้างร่างของข้าเองให้ใหญ่ขึ้น ใหญ่มากพอที่จะใช้สู้กับพวกโมบิลลอยด์และยึดมาให้ท่านโอเวอร์เดสสร้างขึ้นมา จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังจักรพรรดิ์กันแล้วน่ะ" เกซเฟลิคบอก
              เจเนลบอก "แต่สุดท้าย สงครามนั้นก็จบลงด้วยความปราชัยของพวกแกเองสิน่ะ แม้ว่านั้นจะทำให้โอเวอร์เดสต้องถอยไปเพราะต้านพลังพระแม่ผู้กอบกู้โลกกันก็ตามน่ะ"
              "หึๆๆๆๆ พระแม่ผู้กอบกู้ที่พวกแกว่ามานั้นน่ะ คิดว่าจะมาช่วยกอบกู้โลกที่เสร็งเคร็งเพื่อให้แกมีชีวิตอยู่และเติบโตมาจนถึงจุดนี้เลยหรือ คิดผิดไปแล้วละ" เกซเฟลิคกล่าว "เพราะว่าพระแม่ที่พวกแกเอ่ยถึงนั้น ก็คือ ท่านจักรพรรดินีโอเวอร์เรสเองแหละ"
              สเปียริทกล่าว "นี้อย่าบอกน่ะ ว่าโอเวอร์เรสอะไรนั้นลงมาเพื่อช่วยโอเวอร์เดสและพวกแกออกไปจากโลกกันน่ะ"
              "ใช่ และท่านโอเวอร์เรสเองก็พาพวกเราและท่านโอเวอร์เดสไปอยู่ที่แรซัลก้ากัน ซึ่งบนดาวแห่งนั้นแหละ ที่ท่านโอเวอร์เดสได้กลายเป็นจักรพรรดิ์ปกครองแรซัลก้าขึ้น แม้จะไม่มีชาวดาวดวงไหนหรือมนุษย์ในอวกาศล่วงรู้เลยก็ตาม....การมาแรซัลก้าของท่านโอเวอร์เดสนี้แหละ คือจุดเริ่มต้นการรุกรานโลกครั้งใหม่ ซึ่งก็คือหลังจากที่ท่านโอเวอร์เดสหายไปตั้ง 20 ปีเต็มๆนี้แหละ" เกซเฟลิคกล่าว "แล้วก็ต้องใช้เวลาอีก 20 ปี กว่าจะบี้พวกมนุษย์หน้าโง่ให้อ่อนแอลง แม้จะทำให้มีวีรบุรุษและวีรสตรีปรากฎตัวขึ้นมาในช่วงเวลานั้นเป็นจำนวนมาก ท่านโอเวอร์เดสก็สร้างขุมกำลังขึ้นมาจากไอ้พวกผู้กล้าทั้งหลายเหล่านั้น แน่นอนว่าข้าเองก็ได้รับตำแหน่งแม่ทัพคุมกองรบที่ร้ายกาจที่สุดในเจ็ดคาบสมุทร พร้อมกับสร้างขุมกำลังอันน่าเกรงขามขึ้นมา แม้จะสร้างทีหลังเทคไครด์กับเฮคไซน์ แล้วก็อาทรัลเตอร์ก็ตาม แต่อย่างน้อย ก็สร้างได้ก่อนหน้าแพทรีออทกันเสียอีก แม้ว่าภายหลังมันจะใช้ 5 ปีกับแร่อีเนลเซียมสร้างขุมกำลังที่มีกำลังพลเยอะกว่าพวกเราหลายเท่าก็ตามน่ะ"
              คลอเวฟบอก "แล้วแกก็คิดแผนสร้างฉันกับการ์ดเชสเตอร์ขึ้นมาเพื่อเป็นร่างใหม่ของแก และสร้างไพลม์เทคและเมอริด้าให้เป็นเครื่องมือกระตุ้นให้ฉันพบพานกับความผิดหวังด้วยการถูกหักหลังอย่างรุนแรงเลยสิน่ะ"
              "ถูกต้อง และการขับไล่แกออกไปจากแอตแลนไทซ์นั้นก็คือการทดสอบสมมุติฐานที่ว่า หากแกถูกขับไล่หลังจากที่ถูกเมอริด้าที่แกหลงรักอย่างสุดหัวใจจนถูกหักอกลงไปแล้ว แกจะมีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งฉันหวังจะให้แกจมปลักกับความผิดหวังจนไม่มีแรงใจที่จะมีชีวิตต่อและฆ่าตัวตายลงด้วยตัวเองไว้ ซึ่งฉันกะจะส่งคนไปเก็บกู้ร่างของแกมาแล้ว แต่ไม่คิดเลย ว่าแกจะทำให้ฉันต้องเปลี่ยนความตั้งใจจากการปล่อยให้แกฆ่าตัวตายไปเอง ให้เป็นสั่งการให้ลูกสมุนทั้งหลายนั้นบุกมาจัดการกับแกในสนามรบ ซึ่งเสี่ยงต่อการทำให้ร่างใหม่ของฉันเสียหายลงไปในระดับหนึ่ง อย่างน้อย ฉันก็สามารถซ่อมแซมร่างนั้นเอาไว้ได้นี้แหละ"
              คลอเวฟบอก "งั้นที่แกเฉดหัวการ์ดเชสเตอร์ไว้ เพราะไม่อยากให้อะไหล่สำรองนั้นต้องพุพังไปเลยสิน่ะ"
              "การ์ดเชสเตอร์แค่เป้าหมายใหม่ที่ฉันไม่อยากจะให้หมอนั้นถูกแกหรือพวกเวเซอร์ทำลายทิ้งกันก็เท่านั้นแหละ แม้มันจะสาบานว่าจะปกป้องพวกเราจากเงื้อมมือพวกแกไว้ แต่ฉันยอมให้มันตายไปไม่ได้เด็ดขาด แม้มันจะเหมือนกับแก ที่ฉันไม่ได้ใส่โปรแกรมใดๆให้มันจงรักภักดีต่อพวกเราจนทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้องกันไว้น่ะ" เกซเฟลิคบอก
              คลอเวฟกล่าว "นั้นเป็นเจตจำนงของการ์ดเชสเตอร์ที่แสดงออกถึงความภักดีต่อแกและพรรคพวกกันน่ะ แน่นอนว่า หมอนั้นต้องการแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในกองกำลังไว้ เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเรากันด้วย แต่แกเฉดหัวมันไปให้ไกลๆก็เท่ากับว่าแกโยนโลห์ทุบกำแพงทิ้งลงด้วยมือของแกกันด้วยน่ะ" และหยิบขวานออกมา "ซึ่งการ์ดเชสเตอร์เองก็ทำถูกแล้ว ที่เปิดโอกาสให้พวกเรา มาเพื่อเชือดแกให้แดดิ้นกันไปข้างนี้แหละ"
              "ที่ข้าไล่การ์ดเชสเตอร์ออกไปนั้น ไม่ใช่แค่เพื่อไม่ให้ร่างสำรองของข้าไม่ถูกพวกแกทำลายทิ้งหรอก แต่กำแพงที่เกะกะขวางทางเดินของข้าที่คิดจะมากำจัดพวกเจ้าลงด้วยมือของข้าไปนั้น สมควรแล้ว ที่ควรจะรื้อถอนให้ไปไกลๆซะยังไงละ" เกซเฟลิคบอก แล้วก็ลุกขึ้นพร้อมกับ... "ตรูมมม" ระเบิดพลังทำลายบัลลังก์ให้พังไว้ พร้อมกับ "ครืดดดดด ตรึงงงง" พื้นห้องโถงแยกออกเผยพื้นเวทีประลองที่อยู่เบื้องล่างไว้ ซึ่งเป็นโคลอสเซี่ยมเดียวกันกับที่คลอเวฟท้าดวลกับไพลม์เทคไว้
              "โอ้ว แกคงคิดจะประลองกับพวกเรากันเลยละสิ เกซเฟลิค" พีวิลบอก
              "นี้ไม่ใช่การประลอง แต่นี้คือการประหารชีวิตพวกแกกันทั้งหมดนี้แหละ" เกซเฟลิคบอก "พอเสร็จจากพวกแกและพรรคพวกที่อยู่ข้างนอก โคเคสและพวกก็จะเป็นรายต่อไปกันนี้แหละ"
              คลอเวฟกล่าว "ถึงตอนนั้น แกก็กลายเป็นเศษเหล็กกันไปแล้ววะ"

              "ฮึยยยยย เดสแพร์อาย" เกซเฟลิคสาดลำแสงจากดวงตาทั้งสองข้างเข้า "ตรูมๆๆๆ" เป่าพวกพีวิลกระเด็นไปอย่างจังๆ "สุพรีมบลัสต์" "จีบัสเตอร์ชาร์จช็อต" พีวิลและเจเนลกระโดดปล่อยพลังและกระสุนพลังเข้าใส่เกซเฟลิค "ป้ากก เปรี้ยงงง" ซึ่งขุนพลยักษ์ใหญ่ใช้หลังแหวนซ้ายปัดลูกพลังออกไป "เทรมอลอิมแพค" สเตฟอร์ดหวดค้อนทุบให้เกิดคลื่นเพื่อทำให้เกซเฟลิคผงะไป "ร็อคเก็ตบัสเตอร์" "มาโครมิไซล์" จายด์และไซโครเนียยิงมิไซล์ลูกโตและลูกยาวสองลูกเข้า "ตรูมมมม บรึมมมม บรึมมมมม" จนเป่าระเบิดใส่เกซเฟลิคไปอย่างจังๆ
              "เป็นไง มันโดนน็อกแล้วละสิ" เจเนลกล่าว
              "ฟ้าววววว ฟ้าวววว โครมมมม โครมมมม" ไม่ทันไรหมัดขนาดใหญ่พุ่งออกจากกลุ่มควันระเบิดเข้าชกใส่อัฒจันทน์คนดู ซึ่งจายด์และสเตฟอร์ดหวิดโดนชกเข้าให้แล้ว "จีเลเซอร์กัน" "เลเซอร์สเปียร์บีม" จิลและสเปียริทยิงลำแสงเข้าใส่กลางหลัง แต่กลับไม่สะทกสะท้านต่อเกซเฟลิคเลย "พวกแกคิดว่าเกราะของข้าจะต้านเลเซอร์ไม่ได้ละสิ คิดผิดแล้วละ" แล้วก็ยิงกระสุนจากหลังแหวนเข้า "ตรูมมมม เหวอออ ว้ายยยยย" เป่าให้จิลและสเปียริทกระเด็นไปอย่างจังๆ "แชดดด แชดดดด" "ป้างงง ป้างงง ป้างงงง" มาสวาร์ทาร์ใช้ครอสเซียมมาสเก็ตยิงพร้อมกับฟาร์ไซน์ไรเฟิ่ลของโฟรซ่าเข้าที่หน้า แต่เกซเฟลิคยกหลังแหวนขวามาป้องกันไว้ และยิงเลเซอร์จากดวงตาลงมาจนระเบิดส่งโฟรซ่าและมาสวาร์ทาร์กระเด็นตาม "ฟ้าวววว ฟ้าวววว แชดดดด แชดดดด แชดดด" ไซโคลเนียบินวนรอบมาพร้อมกับใช้เทมเพสต้าไรเฟิ่ลยิงใส่เกซเฟลิคไปมา "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "เอนเนอจี้โบลท์" พีวิลวิ่งวนรอบพลางยิงอาร์มชู้ตเตอร์แล้วก็ซัดลูกพลังเข้าใส่ โดยสวนทางกับเจเนลที่ใช้จีบัสเตอร์กระหน่ำยิงซ้ำแล้วก็ "สปาร์คช็อค" ยิงกระสุนไฟฟ้ากำลังสูงเข้าใส่ แต่ก็ทำอะไรเกซเฟลิคไม่ได้เลย
              "บ้าน่า มันทนทานต่อการโจมตีของพวกเราเลยหรือเนี้ย" ไซโคลเนียกล่าว
              "นั้นแหละคือกายาอันเหล็กกล้าที่ทำด้วยโครมเมทาเลี่ยมขนานแท้ยังไงละ ซึ่งนี้คือความแข็งแกร่งที่มาพร้อมกับกายอันใหญ่โตกันนี้แหละ" แล้วเกซเฟลิคก็กระทืบพื้นลงจนเกิดคลื่นสั่นสะเทือนจนทำให้พีวิลและเจเนลล้มเสียหลักไปอย่างจังๆ พร้อมกับ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" เปิดส่วนหน้าอกยิงมิไซล์ออกมา "ไมโครมิไซล์ เคาน์เตอร์ชู้ต" ไซโคลเนียรีบยิงมิไซล์เล็กเข้าต้านไว้ได้ทัน แต่เกซเฟลิคพุ่งเข้ามาพร้อมกับหวดตบใส่ "ว้ากกกก วอร์ชีฟดรอป" คลอเวฟทะยานขึ้นสูงพร้อมกับทิ้งตัวลงมาถีบใส่หัวเกซเฟลิคไปเต็มๆ แต่เกซเฟลิคก็แสยะยิ้มแล้วก็ "หวับบบ ป้ากกก โครมมมม" โดนเกซเฟลิคหวดตบให้ปลิวไปอัดกับอัฒจันทน์หลักจนพังถล่มไปเต็มๆ "ไอ้โง่ คิดจะถีบใส่หน้าข้าแบบนั้น ย่อมโดนตบปลิวกันอยู่แล้วน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "ที่แกเล่นงานคลอเวฟแรงๆแบบนั้นคงไม่เอาไว้เลยสิน่ะ"
              "ถึงแม้ไอ้คลอเวฟจะหาเรื่องทำให้ข้าแค้นและต้องเสียลูกน้องไปบ้าง แต่นั้นก็แค่สั่งสอนเท่านั้นเองแหละน่า" เกซเฟลิคบอก พร้อมกับกระทืบพื้นไปหนึ่งทีจน "คลืนๆๆๆๆๆ ป้ากกกก" เกิดเสาน้ำพุเป่าใส่มาสวาร์ทาร์ไปเต็มๆจนตัวปลิวกระเด็นกลางอากาศไป แต่ก็เปิดช่องให้ "เครเซนต์เรซเซอร์" มาสวาร์ทาร์ซัดคลื่นคมดาบพุ่งเข้ามายังใบหน้าของเกซเฟลิคไว้ "เหอะ พลังเท่ามีดทื้อๆบาดแบบนี้ ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก" เกซเฟลิคกล่าวโดยที่ใบหน้าของมันไม่เป็นอะไรเลย แต่ไม่ทันไรก็ "ฟิ้วๆๆๆๆ เกร้งๆๆๆๆ" ดาวกระจายพุ่งเข้าใส่ตรงสีข้างของเกซเฟลิคอย่างจังๆ ซึ่งเป็นฝีมือของพลัสเชอริทนี้เอง
              "ความแข็งแกร่ง 98 เปอร์เซนต์ สมแล้วที่เป็นสมุนเอกที่อยู่คู่กับโอเวอร์เดสกันน่ะ" พลัสเชอริทกล่าว
              "ท่านครองคอร์ดไม่น่าสร้างเจ้าขึ้นมาเป็นสายลับแทรกซึมในกองรบของโคเคสกันเสียเลย เพราะนั้นเป็นการเสี่ยงกับการที่แกพลอยถูกโคเคสชักจูงกันไปด้วย แม้ภารกิจที่ส่งแกไปก็คือลอบสังหารโคเคสกันก็ตามน่ะ" เกซเฟลิคระดมยิงห่าฉมวกจากปลายนิ้วเข้าใส่พลัสเชอริทที่วิ่งอยู่รอบนอกของโคลอสเซี่ยมไว้
              "คำสั่งของครองคอร์ดในตอนนั้นคือคำสั่งที่บีบบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่ต้องการไว้ แน่นอนว่า การตัดสินใจขัดคำสั่งครองคอร์ดคือการตัดสินใจที่ถูกต้องกันแล้วน่ะ" แล้วก็กระโดดซัดแฟงค์สไลเซอร์เข้าใส่หัวของเกซเฟลิคไปเต็มๆ แต่ก็ทำได้แค่มึนจากการถูกช็อตเอาไว้

              "หัวหน้าเก่าของนายแกร่งเป็นบ้าแบบนี้ แล้วเราจะชนะมันได้ยังไงกันละ" สเปียริทบอก
              คลอเวฟที่โผล่ออกมาจากกองเศษหินซัดวอเตอร์เวฟเข้าใส่ตรงหลังเท้าแต่ก็ไม่เป็นผล "แต่ต่อให้แกร่งกว่าเรือรบตั้ง 50 ลำ ก็ย่อมมีจุดอ่อนกันละวะ แม้ตัวจะโตจนมีพื้นที่ให้ยิงได้เยอะเลยก็ตามน่ะ"
              "หึ ถ้าคิดจะหาจุดอ่อนละก็ ข้าไม่มีเลยสักจุดเลยน่ะ" เกซเฟลิคกล่าวพร้อมกับกระทืบพื้นให้เกิดพลังเสาน้ำพุขึ้นมาสามเสาด้วยกัน
              สเตฟอร์ดบอก "งานนี้คงต้องเสี่ยงกับการต้องใช้กำลังแล้ววะ" แล้วก็กระโจนเข้าหวดค้อนใส่ตรงเท้า แต่เกซเฟลิคยกเท้าหลบหมายจะเตะเขี่ยสเตฟอร์ดไป "โรลลิ่งสโตนโบลว์" จายด์บุกเข้าหมุนตัวกระแทกใส่หน้าแข้งซ้ายไปอย่างจังๆ จนทำให้เกซเฟลิคเกือบเซผงะเสียหลักไป "กรอดดดดดด" เกซเฟลิคยิงตอปิโดจากข้อนิ้วทั้งสี่ที่มีด้วยกันสามนัดลงมา "ตรุ้งงงงง ตรูมมมม" ตอปิโดยิงใส่จนเป่าอัฒจันทน์ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ที่จายด์และสเตฟอร์ดยืนอยู่จนปลิวกระเด็นและกำลังถูกเกซเฟลิคเสยหมัดเข้าใส่ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ไซโครบิทของจิลโผล่วนเวียนรอบหัวและยิงเลเซอร์ใส่เกซเฟลิคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันพยายามจะใช้มือปัดไล่ไซโครบิททั้งหมดให้ออกไปอย่างรวดเร็ว แต่จิลรีบเทเลพอร์ตให้มันกลับมาเก็บใส่แบ็คแพ็คโดยเร็ว
              "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "แชดดดด แชดดดดด แชดดดดดด แชดดดดดด แชดดดดดด" "ทิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พีวิล สเปียริท โฟรซ่า มาสวาร์ทาร์และเจเนลระดมยิงใส่เกซเฟลิคกันอย่างไม่ยั้ง แม้จะรู้ว่าทั้งกระสุนและเลเซอร์ไม่ระคายผิวต่อเกราะของเกซเฟลิคเลยก็ตาม "ช่างไม่เจียมเสียจริงๆ" เกซเฟลิคกระทืบพื้นและเปิดเกราะหน้าแข้งขวาเพื่อยิงลูกตุ้มหนามออกมาหกอัน ตามด้วยตรีศูลเข้าปักใส่อัฒจันทน์ ซึ่งพวกพีวิลรีบหลบออกมาได้ก่อน
              "รีบใช้อาวุธเหล่านั้นย้อนศรคืนเกซเฟลิคเลยดีกว่า" มาสวาร์ทาร์กล่าว แล้วก็หยิบตรีศูลและตะบองหนามออกมาส่งให้พวกพีวิลใช้ "เกร้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โป้งๆๆๆๆๆ" หวดและทิ้มแทงใส่ส่วนขาของเกซเฟลิคอย่างต่อเนื่อง หากแต่ก็ไม่ระคายผิวเลยสักนิดเดียว
              "คิดจะใช้ดาบคืนสนองผู้ใช้หรือ งี่เง่า" เกซเฟลิคเสยหมัดขวาเพื่อชกใส่พีวิล "โครมมมม" แต่พีวิลรีบโดดหลบออกมาได้ก่อน แล้วก็วิ่งไต่แขนที่หมัดของเกซเฟลิคติดกับพื้นอยู่ ขึ้นมาตรงหัวไหล่แล้วก็... "ป้ากกก เปรี้ยงงง โป้งงง ป้ากกก ป้ากกกก เปรี้ยงงงง" เสยหมัดอัดหน้าเกซเฟลิคไปหกดอกหนักๆด้วยกัน "หวับบบบ ฟ้าววววว ป้ากกกกก" แม้เกซเฟลิคจะฟาดฝ่ามือหมายจะตบพีวิลให้ปลิว แต่พีวิลก็ว่องไวพอและโดดหลบฝ่ามือของเกซเฟลิคที่หวดเข้ามาจนเป็นการตบหน้าตัวเองไป
              "พีวิล นายโจมตีมาถูกทางกันแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              สเตฟอร์ดกล่าว "ถึงเกซเฟลิคจะหุ้มเกราะหนาจนทนต่อการโจมตีของพวกเราไปได้ แต่ถ้าโดนเข้าที่หัวก็คงต้องจอดกันอยู่แล้วละน่า"
              "แก คิดหรือว่าวิธีโจมตียักษ์ใหญ่ด้วยการเล่นที่หัวนั้น จะใช้ได้ผลกันน่ะ" เกซเฟลิคกล่าวแล้วก็เอาฝ่ามือลูบหน้าลงมา "ครี้งงงงง" จนใบหน้าบุรุษไว้หนวดเคราในตอนนี้สวมหน้ากากเหล็กเอาไว้แล้ว
              "เวรแล้ว มันเริ่มปิดหน้ากันแล้ววะ" คลอเวฟบอก
              "แต่ถึงจะปิดหน้าตาไว้ได้ อย่างน้อยพวกเราก็สามารถเล่นงานมันได้อยู่นะ" พลัสเชอริทกล่าว
              เจเนลกล่าว "เล่นงานมันได้นะหรือ ทั้งๆที่การโจมตีของพวกเราแทบไม่ระคายผิวเกราะของมันเลยเนี้ยน่ะ"
              "เผลอๆก่อนที่เราจะทุบเกราะให้บุบหรือทะลุ เราคงโดนมันยำเละไปนานแล้วละมั่ง" สเปียริทกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "ลองคิดในกรณีของแดนเจอรอทกันก็ได้นิ อย่างน้อย มันก็น่าจะมีหนทางกันบ้างละ"
              "มีแค่ต้องเสี่ยงกันสักตั้งแล้วละ" จายด์กล่าว
              คลอเวฟบอก "เพราะเราไม่ยอมให้ไอ้บ้านี้หลุดออกไปข้างนอกเพื่อทำลายกองรบของไอ้มืดกับพวกบรอนเซอรูทกันได้หรอกน่ะ"

              "ตายซะเถอะ ไอ้พวกหน้าโง่" เกซเฟลิคยิงตอปิโดจากข้อนิ้วซ้ายสองลูกเข้าจนเป่าระเบิดไป แต่ก็.... "แครกเกอร์บอมส์" จายด์เปิดนำด้วยระเบิดยิงเข้าใส่ตรงหน้าแข้งซ้ายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกซเฟลิคเตรียมซัดหมัดจรวดเข้าใส่ "โอเชี่ยนเกย์เซอร์" คลอเวฟชกลงพื้นทำให้เกิดเสาน้ำพุพุ่งเข้า "ป้ากกกก" กระแทกตรงขาหนีบของเกซเฟลิคเข้าเต็มๆ "โฮ่ อุ๊ ไอ้...@#%$&!@" เกซเฟลิคเจ็บถึงขั้นพูดไม่เป็นภาษามนุษย์กันแล้ว
              "ว้าว ต่อให้แข็งป้ากแค่ไหน โดนตรงนั้นเข้าไปคงจอดไม่แจวอยู่แล้วละวะ" เจเนลบอก
              "จุดอ่อนของเพศชายนิน่ากลัวอย่างแรงเลยน่ะ แหะๆๆๆๆ" สเปียริทกล่าว
              โฟรซ่าบอก "แล้วจะยืนบื้อกันทำไมละ รีบลงมือกันโดยเร็วดีกว่า" แล้วก็กระโดดเข้า "ฉั้วะๆๆๆๆๆๆ" กวาดแกว่งเคียวโซลริปเปอร์เข้าตรงหลังเอวเกซเฟลิคอย่างจังๆ ตามด้วย "มิลเลี่ยนสไปค์" การรั่วแทงใส่กลางหลังของเกซเฟลิคแบบไม่ยั้ง จนทำให้ยักษ์ใหญ่หันมาและ... "ซู่....." ปล่อยพลังงานน้ำเข้าใส่ ซึ่งโฟรซ่าและสเปียริทรีบวิ่งหนีไป เนื่องจากพลังงานน้ำนั้น แรงจน... "ป้ากๆๆๆๆ โครมมม" เป่าอัฒจันทน์ฝั่งขวาให้ถล่มพังลงมา "เอนเนอจี้โบลท์" "เฟลมบลัสต์" "เรซเซอร์เอดจ์" พีวิล เจเนลและมาสวาร์ทาร์โจมตีด้วยคลื่นพลังสามประสานเข้าใส่ แต่ก็.... "โพเซดอฟบีมมมมม" โดนเกซเฟลิคยิงลำแสงจากหัวเข็มขัดเข้าทำลายทิ้งไปกันหมด "ก้องงง ก้อง ก้อง ก้องงง ก้องงงง ก้องงงง" "เกร้งๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเตฟอร์ดและจายด์ระดมหวดค้อนและขวานใหญ่เข้าใส่รอบขาของเกซเฟลิคอย่างต่อเนื่อง
              "หน้าโง่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดจะทำให้ขาข้าเสียหายนะหรือ ช่างไม่เจียมเสียจริงๆ" เกซเฟลิคกล่าวแล้วก็สบัดขาหมายจะเตะเขี่ยทั้งจายด์และสเตฟอร์ด แต่... "หมับบบ หมับบบบ" ทั้งคู่ตั้งป้องกันเอาไว้ "ฟ้าวววว ฟ้าววววว ฟ้าววววว ตุ้งๆๆๆๆๆๆ" ไซโคลเนียบินวนรอบพร้อมกับยิงมิเดี้ยมมิไซล์เข้าใส่เกซเฟลิคไปหลายดอก แล้วก็ "วินด์สแลช" ซัดคมมีดสายลมเข้า "กร้อง เกร้ง เกร้ง" ซึ่งคมมีดสายลมสามคมเข้าปะทะใส่เกราะหลังแขนซ้ายของเกซเฟลิค แต่ก็ไม่ระคายผิวเลยสักนิดเดียว จนเกซเฟลิคเสยหมัดเพื่อชกใส่ "เทรมอลอิมแพค" สเตฟอร์ดเลยกระโดดเข้าใช้ค้อนหวดใส่ "ป้ากกกกกก" ตรงข้อพับหลังขาซ้ายไปเต็มๆ "ป้ากกกก" แรงหวดอันมหาศาลแม้จะไม่ทำให้เกราะเหล็กที่หุ้มปิดข้อพับพัง แต่แรงฟาดนั้นพุ่งเข้าไปข้างในจน "เปรี้ยงงง" ทำให้ข้อต่อหัวเข่าซ้ายได้รับความเสียหายจนส่งผลให้เกซเฟลิคเสียหลักไปอย่างจังๆ "จีแฮมเมอร์บอล" จายด์ซ้ำด้วยลูกตุ้มอัดเข้าตรงหลังข้อพับขาขวาจน "โครมมมมม" แรงกระแทกเข้าบดขยี้ข้อต่อหัวเข่าขวาจนเสียหายด้วย "อั้ก อ้ากกก กะ แก....บ้าน่า แกเล่นงานขาข้านะหรือเนี้ย" เกซเฟลิคกล่าวโดยที่ล้มลงมากองกับพื้นอย่างจังๆ
              "เป็นตามที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิดด้วยละ ต่อให้แกเสริมเกราะให้แข็งป้ากจนเราทำอะไรไม่ได้เหมือนเมื่อครู่กันก็ตามน่ะ" พีวิลกล่าวแล้วก็รุมต่อยใส่หน้ากากด้วยฮาร์ดนัคเคิ้ลที่อัดพลังอีเนลเซียมเพื่อทำให้หน้ากากบุบไป ตามด้วยเจเนลที่ใช้ชาร์จคิกถีบให้หน้ากากเสียหายไปอีก
              "แต่ถ้าแกไม่ได้เสริมข้อต่อให้แข็งตามไปด้วยแล้ว แกคงไม่ล้มหน้าคว้ำแบบนี้หรอก" แล้วก็ใช้เมทัลเบลดฟาดฟันใส่โดยที่โฟรซ่าตามเข้ามาใช้เรซเซอร์อาร์มฟาดฟันให้หน้ากากเสียหายไปอีก
              "จะมากไปแล้วนะ ไอ้..." เกซเฟลิคยั้วะและเสยหมัดหมายจะชกใส่เจเนลและโฟรซ่า แต่ "ฟึ่บบบบ ฟึ่บบบบ" ทั้งคู่รีบโดดหลบออกมาได้ก่อนจน "โครมมมม เปรี้ยงงง" หมัดสองข้างชกใส่หน้ากากจนพังไปเสียเอง "ย้า" จิลเทเลพอร์ตโผล่มาจิ้มจีนีดเดิ้ลเข้าที่ตาซ้ายไป แต่ก็ทำให้ได้แค่แตกร้าวในระดับหนึ่ง
              "หลบออกมาเลย จิล" คลอเวฟกล่าว จิลรีบโดดออกมาพร้อมกับ... "ฟ้าวววว จึกกกก" คลอเวฟใช้แอตแลนไทรเดนท์ทิ้มใส่ตาซ้ายแล้วก็ "โครมๆๆๆๆๆ" กระทุ้งตรีศูลให้แทงตาซ้ายของเกซเฟลิคให้แตกกระจุยไปอย่างจังๆ พร้อมกับ "เอาทุเรียนไปกินซะเลยสิวะ" คลอเวฟหวดทุเรียนเหล็กฟาดเข้าปากจนมุมปากซ้ายร้าวไปเต็มๆ เกซเฟลิคยั้วะเลยรีบลุกขึ้น แม้ข้อต่อหัวเข่าเสียไปเลยก็ตาม
              "ถึงแกจะรู้ว่าร่างด้านในของข้าเสียหายก็จริง แต่...คิดหรือว่าจะหยุดข้าได้น่ะ" เกซเฟลิคทำการล็อกส่วนขาล่างด้วยข้อต่อภายในเกราะเอาไว้ พร้อมกับ "ฟู้วววววว" จุดไอพ่นขึ้นเพื่อยกตัวเองให้สูงขึ้นมา แล้วก็... "แชดๆๆๆๆๆ" ยิงโพเซดอฟบีมลงสู่พื้นอย่างหนักหน่วง "ตรูมมมม" "เหวอออ โว้ววว ว้ากกกก" พีวิล เจเนลและมาสวาร์ทาร์ตัวปลิวไป "บรึมมมมมม" "อ้า อ้ายยยย ว้ายยยย" จิล สเปียริทและโฟรซ่ากระเด็นตามแรงระเบิดไป "ตูมๆๆ" "โว้ววว เหวอออ โว้ยยยย" จายด์ปลิวไปพร้อมกับคลอเวฟและสเตฟอร์ดด้วย "ไปแล้วเก้า อีกสองไป..." เกซเฟลิคกล่าว แต่ไม่ทันไรก็... "ฟ้าวววววว แกร็งๆ" มีดสั้นติดโซ่พุ่งเข้าปักใส่หลังหัวของเกซเฟลิคแล้วก็ "เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงง" ช็อตพลังไฟฟ้าเข้าใส่ตามเส้นโซ่จนทำให้เกซเฟลิคถูกช็อตตรงหัวไปอย่างจังๆ แล้วก็ "โดนช็อตจี้ดแล้ว เจอนี้หน่อยสิ ไซโคลนเรซเซอร์" ไซโคลเนียบินเข้ามาซัดพลังพายุใบมีดเข้ากรีดตรงหน้าของเกซเฟลิคไปเต็มๆ ซึ่งพลัสเชอริทรีบถอดโซ่ไวเปอร์เชนออก เช่นเดียวกับไซโคลเนียรีบบินหนีไปโดยเร็ว
              "มันจะมากไปแล้วนะ นี้แน่" เกซเฟลิคซัดหมัดจรวดหมายจะชกใส่ไซโคลเนีย แต่... "ฟ้าววว เกร้งงงง โครมมมม" จายด์กระโดดสูงเข้ามารับต้านไว้จนหมัดจรวดพุ่งเข้าไปอัดกับเสาและพื้นทางเดินรอบนอกโคลอสเซี่ยมไว้ ทว่า... "ว้ากกกก นี้แน่" จายด์ใช้พละกำลังอันมหาศาลดันหมัดจรวดให้หันกลับมา "ฟ้าววววววว เปรี้ยงงง" ชกอัดใส่หน้าของเกซเฟลิคไปเต็มเหนี่ยว แต่ก็เปิดส่วนหน้าอกยิงมิไซล์ออกมาหมายจะถล่มจายด์ให้ล้ม "เชร้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" มาสวาร์ทาร์ใช้ดาบฟาดฟันทำลายมิไซล์ไปจนหมดอย่างทันควัน แล้วก็บุกเข้ามาด้วยไม้ตาย "เพลงดาบกงล้อพิฆาต" ซึ่งบุกเข้ามาด้วยการฉาบดาบด้วยพลังครอสเซียมแล้วหมุนตัวดุจวงล้อเข้า "กรี้กกกกกกกกกกกกกกกกกกก" "เปรี้ยงงงง" ไถลตรงส่วนหน้าอกอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็พุ่งเข้ามาถึงตัวได้ก่อนที่ฝ่ามืออันใหญ่โตของเกซเฟลิคจะตบดาบมือหนึ่งให้เละคามือไว้ "ต่อให้แกถูกตาแก่อาทรัสเตอร์เลือกไว้ก็ไม่ได้หมายความว่า แกจะสับฉันให้ขาดได้หรอกน่ะ" แล้วก็ทิ้มดรรชนีเข้าใส่ แต่มาสวาร์ทาร์ใช้โชลเดอร์ชิลด์ต้านป้องกันไว้ก่อนจนปลายนิ้วปะทะกับโลห์ดีดส่งเขาล้มลงไป
              "คำพูดที่แกเอ่ยถึงท่านอาทรัสเตอร์แบบนั้น แสดงว่าแกไม่ได้ให้ความเคารพต่ออดีตแม่ทัพมาตั้งแต่แรกนะหรือ" มาสวาร์ทาร์บอก พร้อมกับใช้โลห์ป้องกันห่ามิไซล์ที่ยิงลงมาด้วย
              "ตาแก่นั้น แม้จะฉลาด มากประสบการณ์และมีความสามารถมากพอที่จะสั่งการและสอนสั่งเหล่าลูกสมุนให้เป็นยอดนักรบอันทรงเกียรติในฐานะดาบหอกและโลห์ของท่านโอเวอร์เดสได้จริง แต่ผลจากการคืนชีพในสภาพที่ปางตายแถมแก่ชรามากถึงเพียงนี้ อย่างมากก็เป็นได้แค่ซากศพผุๆที่รอวันลงโลงกันแล้ว แม้ลูกน้องของโครเต้จะสงเคราะห์ให้ตายเร็วๆกันก็ตามน่ะ" เกซเฟลิคยิงลำแสงโพเซดอฟบีมเข้าใส่ แต่มาสวาร์ทาร์ก็สวนกลับด้วยครอสเซียมมาสเก็ตไปอย่างทันควัน
              "ถ้าแกเกลียดท่านอาทรัลเตอร์กันเช่นนี้ แล้วโครเต้ละ แกคงไม่ได้เกลียดชังไปด้วยละสิ"
              "โครเต้นั้นเหมาะจะเป็นแม่ทัพครอสตรีมมากที่สุดแล้วละ เพราะว่าก่อนจะกลายเป็นศิษย์ของตาแก่อาทรัลเตอร์ เคยเป็นนักรบที่เก่งกาจที่สุดของแทแรนเซียมาก่อน หากแต่ถูกพวกมนุษย์หักหลังและสังหารทิ้งไป จนเกิดความแค้นขึ้นมา ซึ่งแม่ทัพที่มีแรงผลักดันเป็นแรงแค้นนั้นแหละ คือยอดนักรบที่ท่านโอเวอร์เดสใช้สำหรับทำลายพวกมนุษย์กันละ แม้จะรู้ว่าโครเต้ต้องขัดคำสั่งจนพาเหล่านักรบไปตายกันเลยก็ตาม" เกซเฟลิคบอกแล้วก็เสยหมัดเข้าใส่มาสวาร์ทาร์ แต่... "ตรูมมมม" พีวิลซัดสุพรีมบลัสต์อัดเข้ากลางหลังไปเต็มๆ "เหอะ ไอ้มือบวมพีวิล ผลงานชิ้นเยี่ยมของแพทรีออทผู้มีแรงแค้นต่อมนุษย์เหมือนกัน หมัดของแกที่ชกใส่หน้าข้านั้น ถ้าเทียบกับท่านโอเวอร์เดสแล้ว หมัดของแกก็แค่ผึ้งต่อยแหละวะ"
              พีวิลกล่าว "แกจะบอกว่า โอเวอร์เดสทรงพลังยิ่งกว่าอย่างงั้นละสิ"
              "ท่านโอเวอร์เดสเป็นโคตรแมนิเกเตอร์ที่ตัวใหญ่อย่างมาก ต่อให้พวกแกเอายานบินร้อยกว่าลำมาถล่ม ก็หาได้หยุดท่านโอเวอร์เดสไม่ได้หรอก" เกซเฟลิคยิงลำแสงจากตาข้างขวาเข้าใส่พีวิล แต่พีวิลก็หลบได้พร้อมกับกราดยิงอาร์มชู้ตเตอร์เข้าใส่ไปอีก แม้เกซเฟลิคป้องกันด้วยหลังแหวนเลยก็ตาม "ต่อให้แกพิฆาตแพทรีออทด้วยการทะลวงร่างจริง แต่หมัดของข้าจะทุบแกให้แบนเหมือนแมลงวันนี้แหละ" แล้วก็ชกใส่พีวิลไปทั้งสองมือ เพื่อยิงลำแสงใส่ "แชดดดดดดดด" "ตรูมมม" แม้จะยิงลำแสงจนทะลุตัวพีวิล แต่ที่ยิงถูกไปนั้นแค่ร่างเงาเท่านั้น เนื่องจากพีวิลใช้ไม้ตาย "มัคซ์ แฟนท่อม" เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงบุกเข้าโจมตีใส่รอบหัวเกซเฟลิคไปอย่างหนักหน่วง "ถ้าแกตัวใหญ่จริง แกก็น่าจะออกไปรบด้วยตัวเองแล้วนิ ใยต้องหลอกลวงคลอเวฟเพื่อหวังจะใช้ร่างกันได้ละ"
              "แกคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าข้าอายุตั้ง 40 ปีแล้ว ต่อให้มีกายาเปลือกนอกที่แข็งแกร่งและติดตั้งระบบซ่อมแซมตัวเองได้จริง แต่....โครงสร้างภายในของข้านั้น ผุพังไปเพราะการสู้รบอันยาวนานกันด้วย ซึ่งการที่ข้าสร้างพวกแอตแลนไทซ์นั้นก็เพื่อให้พวกมันเป็นมือและเท้าทำหน้าที่แทนข้าที่ต้องอยู่ที่นี้ เพื่อซ่อมแซมร่างกายของข้าเอาไว้กันน่ะ" แล้วก็ระดมยิงกระสุนน้ำเข้าใส่พีวิลที่วิ่งหลบไปมาอย่างรวดเร็ว "ซึ่งไม่เหมือนกับแพทรีออท โครเต้ ขุนพลครองคอร์ด หรือใครก็ตามที่มีขนาดตัวเท่ามนุษย์ปกติหรอกที่ออกไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระแบบนี้ ถ้าข้าไม่สร้างร่างใหม่ให้กับข้าใช้เองซะ ข้าก็คงมีอิสระไปนานสองนานแล้ว หากแต่ ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะถ้าข้าทิ้งร่างอันใหญ่โตไปซะ ก็เท่ากับว่าข้าสละตำแหน่งและต้องให้นักรบแอตแลนไทซ์คนอื่นที่ฉลาดยิ่งกว่ามาควบคุม ซึ่งข้ายอมให้กองกำลังที่ข้าสร้างมา ถูกเปลี่ยนแปลงไปไม่ได้เด็ดขาด"
              พีวิลกล่าว "เพราะอย่างงั้น แกเลยใช้โปรแกรมควบคุมการกระทำของไพลม์เทคและเมอริด้าให้เป็นไปตามที่แกต้องการ เพื่อทำให้คลอเวฟยอมแพ้และกลายเป็นร่างใหม่ของแกละสิ"
              "โปรแกรมควบคุมนั้น ข้าประยุกต์มันมาจากชิพควบคุมสมองที่ท่านขุนพลครองคอร์ดทำขึ้น เพื่อใช้ควบคุมพวกแมนิเกเตอร์ที่มีแววว่าจะเป็นพวกหัวดื้อและมีสิทธิ์ก่อกบฎขึ้นมาได้ เดิมที คนที่ควรจะเป็นเหยื่อชิพอันนี้ ก็คือโคเคส แอคเมนโด้กันนี้แหละ แต่น่าเสียดาย ที่โคเคสพาพวกไปตั้งกองกำลังต่อต้านพวกเราไว้เสียเอง ตาแก่อาทรัลเตอร์เองก็สร้างมาสวาร์ทาร์และโครเต้โดยไม่ได้ใช้ชิพนั้น เพื่อที่ให้ทั้งสองมีความคิดอ่านและตัดสินใจได้โดยไม่มีการบังคับแต่อย่างใดทั้งนั้น ซึ่งแกก็คือเหยื่อของชิฟที่ครองคอร์ดใส่ไว้เองนี้แหละ" เกซเฟลิคบอก
              พีวิลกล่าวแล้วก็วนเข้าตีตรงรอบเท้าด้วยเอนเนอจี้ร็อดอย่างต่อเนื่อง "แต่แย่หน่อยน่ะ ที่สติสัมปะชัญญะและจิตของฉันต้านทานชิฟนั้นไว้ในตอนที่ฉันจะสังหารคนที่ฉันเคยช่วยไว้ บวกกับว่าฉันตกเป็นเป้าของพลาทูนั่มที่ริษยาฉันจนส่งพรรคพวกมาจัดการจนชิฟนั้นเสียหายไว้ ซึ่งนั้นก็ทำให้ฉันรอดจากการควบคุม ได้สติกลับมาเพื่อแก้ไขในความผิดพลาดที่เกิด ด้วยการมาร่วมมือกับโคเคสและคลอเวฟมาจัดการกับแกนี้แหละ"
              "แต่แกก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้คนใกล้ชิดของแกกลายเป็นแมนิเกเตอร์เช่นนี้ แกยังไม่ละอายใจกันเลยหรือไงกัน" เกซเฟลิคหวดขาเตะใส่พีวิล แต่ "กร้องงงงงงง" สเตฟอร์ดทุบปลายเท้าขวาของเกซเฟลิคไปเต็มๆ ตามด้วย "ป้างงงง เกร้งงงงง" โฟรซ่ายิงเข้าก๊กหูซ้ายของเกซเฟลิคอย่างจังๆไปด้วย
              "ถึงพีวิลจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกเราสองคนกลายเป็นแมนิเกเตอร์ภายใต้การนำของเทคไครด์และเฮคไซน์กันก็จริง แต่....เราต่างก็รู้ดีกันอยู่แล้ว ว่าหากไม่ถูกพวกแกฆ่าตายอย่างทารุณจนศพเละเป็นโจ๊กก็ต้องกลายเป็นพวกเดียวกับพวกมันไปโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยนี้แหละ" สเตฟอร์ดกล่าว
              "อีกทั้งตอนนั้น แดนเจอรอทในคราบของเออไดน์ก็หลอกเราให้ติดอยู่ในดงสังหารของพวกลูนาสตี้เอง ซึ่งนั้นเป็นความผิดพลาดของพวกเรา พีวิลแค่โผล่มาเจอกับพวกเราและพยายามจะช่วยเท่านั้นเองแหละ" โฟรซ่าบอก "แม้ว่านั้นจะลงเอยด้วยการที่ฉันต้องอยู่ในสภาพถูกควบคุม และต้องฆ่าคนไปไม่น้อย แถมทำให้สเตฟอร์ดต้องถูกกดดันไปด้วยเช่นนี้ แต่นั้นก็ไม่เสียใจหรอก เพราะว่าการได้เป็นแมนิเกเตอร์นั้นก็คือโอกาสหนที่สองที่เราจะได้แก้ตัว และต่อสู้กับคนเลวๆอย่างแกกันอีกครั้งหนึ่งนี้แหละ"
              ไซโคลเนียก็บินเข้ามายิงเทมเพสต้าไรเฟิ่ลเข้าใส่เกซเฟลิคไป "ฉันเองก็แทบมีสภาพเหมือนกับโฟรซ่าด้วย หากแต่ด้วยการเสียสละของคราวน์ดีทหรือสกายล็อตที่มอบแขนและขา รวมถึงชีวิตใหม่ที่มาพร้อมกับปีกของเขาไว้นั้น ตอนนี้ฉันไม่ได้สู้เพียงลำพังแล้ว เพราะว่าสกายล็อตก็ร่วมสู้ไปกับฉัน เช่นเดียวกับสเตฟอร์ดและโฟรซ่า แล้วก็พวกพ้องในกองรบเวเซอร์ด้วยนี้แหละ" แล้วก็ยิงไมโครมิไซล์เข้าใส่ จากนั้นก็บินไปด้านข้างแล้วก็ซัดมาโครมิไซล์อีกชุดซ้ำไปด้วยจนหลังเอวไหม้ไปตามๆกัน
              "เช่นเดียวกันกับพีวิลแล้วก็รุ่นพี่ทั้งสอง ฉันเองก็ตายเพราะน้ำมือของครองคอร์ดกันมาไม่ว่า ยังพวงจายด์และจิลที่เป็นพลเรือน แต่มีความสามารถทางกายและทางจิตที่เหนือล้ำกว่ามาเป็นลูกทีมที่ไม่ได้คาดหมายกันก็ตาม" เจเนลบอก พร้อมกับระดมยิงสปาร์คช็อตเข้าใส่ไปด้วย จายด์วิ่งมาพร้อมกับกระโดดถีบใส่ตรงหน้าอกและยิงร็อคเก็ตบัสเตอร์ใส่
              "แม้เราจะถูกครองคอร์ดจับให้อยู่ในทีมเดียวกัน โดยต่างนิสัยและต่างความคิดซึ่งกันและกัน แต่เราต่างก็มีศัตรูเป็นคนๆเดียวกัน ที่หลอกใช้พวกเราโดยทำให้พวกเราทรมานทางกายไปเพื่อบีบให้เราเป็นศัตรูที่น่ากลัวของพวกมนุษย์และของโคเคสกันนี้แหละ"
              "แต่ตอนนี้เราต่างเป็นทั้งลูกทีมและสหายร่วมรบในกองรบเวเซอร์กันแล้ว ดังนั้น จุดมุ่งหมายของพวกเราจึงมีเพียงอย่างเดียวก็คือ นำพาความสงบสุขมาสู่โลก นำพาชัยชนะมาให้พวกพ้องส่วนมากของพวกเราและพวกมนุษย์โลก รวมถึงไปสู่อวกาศอันเป็นอนาคตอันแสนสงบสุขของพวกเราที่ใฝ่หากันละ" จิลกล่าวและใช้ฟรีซสแปรชเชอร์เข้าแช่แข็งหน้าของเกซเฟลิค ก่อนจะใช้ไซโคบิทเข้า "จึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ระดมทิ้มแทงใส่หัวเข็มขัดของเกซเฟลิคไปเต็มๆ แล้วก็ "แชดดดดดดด" ยิงจีเลเซอร์กันพร้อมกับบิทที่ยิงลำแสงจ่อเข้าใส่ตรงหัวเข็มขัดจนระเบิดเป็นจุลไปอย่างจังๆ
              "แต่ที่อยู่ตรงหน้าข้านั้นคือผลงานอันเหลวแหลกของขุนพลครองคอร์ดที่ไม่เพียงสังหารผู้มีพระคุณอย่างเดียว แต่ดันไปทำลายแผนการสร้างขุมกำลังเฉพาะกิจของท่านขุนพลกันอีกด้วยน่ะ"
              "แผนการสร้างขุมกำลังนะหรือ" เจเนลกล่าว
              พลัสเชอริทบอก "หรือว่า จะเป็นโปรเจคลับสุดยอดของครองคอร์ด ที่เตรียมการกันเอาไว้แต่แรกเลยน่ะ"

              "โปรเจคลับสุดยอดของครองคอร์ดนิ มันคืออะไรกันหรือ" พีวิลถาม
              พลัสเชอริทอธิบายไปว่า "เดิมที ครองคอร์ดคิดที่จะสร้างสุดยอดแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์ที่เปอร์เพคมากที่สุด ซึ่งไม่เพียงมีความสามารถในการต่อสู้ที่สูงมาก หากแต่มีประสิทธิภาพในการคำนวณวิเคราะห์ผลที่ไวกว่าไฮเปอร์คอมพิวเตอร์ถึง 50 เท่า มีร่างกายที่แข็งแกร่งทนทายาทต่อทุกการโจมตีที่ได้รับหรือจากตัวของผู้โจมตีเองโดยมีแหล่งพลังงานอันมหาศาล และมีความสามารถในการเชื่อมโยงจากหุ่นตัวหนึ่งไปอีกหลายสิบตัวด้วยเครือข่ายสั่งการที่รวดเร็ว รวมถึงควบคุมได้แม้กระทั่งอาวุธจากพิสัยไกลได้ ซึ่งเขาตั้งใจจะสร้างเป็นกองทัพพิเศษของเขาเอง เพื่อใช้สนับสนุนกองรบอีเนอไมนด์ ครอสตรีมและแอตแลนไทซ์ไปด้วย" แล้วก็บอกไปว่า "หากแต่คอนเซปดังกล่าวนั้น แม้ในแง่ทฤษฎีนั้นจะมองว่ามันเกินระดับที่เรียกว่าเปอร์เพคไปอย่างมาก แต่พอปฏิบัติจริง ครองคอร์ดไม่สามารถสร้างแมนิเกเตอร์รุ่นต้นแบบก่อนหน้าผมให้ตรงตามสเปคไปได้ เพราะว่าผลการประเมินออกมาว่าแมนิเกเตอร์แบบหุ่นที่ผลิตบนโลกนั้นมีขีดจำกัดที่ไม่พอเพียงในการควบคุมคุณสมบัติดังกล่าว ซึ่งไม่เพียงมีอายุการใช้งานที่สั้นลง เพราะไม่อาจควบคุมสมดุลย์ของคุณสมบัติไว้ได้ แม้จะปรับให้พอดีแค่ไหน ต้นแบบดังกล่าวก็เกิดการคลุ้มคลั้งจากการที่อัตราการควบคุมเสียสมดุลย์ขึ้นมาดังกล่าว เลยต้องยุติโปรเจคไว้เป็นการถาวรกันน่ะ"
              "แต่ถ้าครองคอร์ดสร้างแมนิเกเตอร์สำเร็จจริง ความที่มันเปอร์เพคเกินไปนั้นก็คงจะทำให้กองรบทั้งสาม รวมไปถึงโซลูนาสตี้เองก็พลอยถูกลดบทบาทกันไปเลยละสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พลัสเชอริทกล่าว "อีกทั้งเทคโนโลยี่ที่ครองคอร์ดใช้เพื่อสร้างแมนิเกเตอร์หุ่นยนต์นั้นก็ล้วนเป็นเทคโนโลยี่สร้างแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้ากันด้วย แม้ทีแรกครองคอร์ดไม่เปิดเผยที่มาของมัน แต่ตอนนี้ก็รู้แล้ว รวมถึงรู้ว่าทำไมต้นแบบที่ก่อนหน้าผมสร้างมาถึงไม่ประสบความสำเร็จไว้ เพราะว่าเทคโนโลยี่ที่ว่ามานั้ให้ผลลัพธ์ที่เหนือและทรงอำนาจเกินการควบคุมอย่างมากนี้เอง"
              "แม้จะเป็นโชคไม่ดีสำหรับท่านครองคอร์ด ที่ไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ แต่โชคยังดีมากที่ท่านครองคอร์ดยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจกันเสียหรอกน่ะ เพราะท่านขุนพลตัดสินใจที่จะสร้างแมนิเกเตอร์ที่มีจุดเด่นของคุณลักษณะที่ตั้งไว้ แต่เน้นไปคนละด้าน เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการสร้างสุดยอดแมนิเกเตอร์หุ่นยนต์ที่ทรงพลังกว่าที่ข้าและแพทรีออทสร้างไว้เสียอีก โดยเริ่มจากต้นแบบโครงร่างสำหรับผลิตจำนวนมากที่มีระบบเอไอพิเศษตามสเปคข้อแรก อย่างแกก่อนน่ะ พลัสเชอริท" เกซเฟลิคบอก "แกเป็นผลงานมาสเตอร์พีชที่มีประสิทธิภาพสูงสุดชนิดที่ท่านขุนพลสร้างมา ข้อมูลที่แกวิเคราะห์แมนิเกเตอร์ตนอื่นๆรวมถึงข้อมูลการต่อสู้และการสู้รบนั้น ได้ถูกส่งไปให้ท่านขุนพลนำไปรวบรวมเพื่อพัฒนาสร้างกองทัพแมนิเกเตอร์หุ่นยนต์อันทรงพลังไว้ ซึ่งในเมื่อต้นแบบชิ้นแรกนั้นประสบความสำเร็จ สเปคที่เหลืออีกสามนั้นจำเป็นต้องสร้างแมนิเกเตอร์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งท่านขุนพลคิดว่ามันจะดีกว่ามาก หากใช้แมนิเกเตอร์ที่เป็นอดีตมนุษย์ ซึ่งแม้จะเป็นแค่คนตายที่ถูกคืนชีพขึ้นมา แต่ถ้าคนตายนั้นดันมีขีดความสามารถในการต่อสู้ที่โดดเด่น คุณสมบัติทางกายที่แข็งแกร่งและทรงพลัง แม้กระทั่งมีความสามารถทางจิตที่แข็งแกร่งมากพอที่จะเชื่อมโยงจิตของคนอื่นๆที่อยู่ใกล้หรือไกลกันด้วยแล้วละก็ นั้นจะช่วยให้ท่านขุนพลเก็บข้อมูลขีดความสามารถการต่อสู้ได้มาก แม้จะเสี่ยงกับการที่อดีตมนุษย์ทั้งสามนั้นจะทรยศเลยก็ตามน่ะ"
              จายด์กล่าว "งั้น ที่อยู่ๆครองคอร์ดมาโจมตีเมืองของฉันและของจิลนั้น ก็เพราะต้องการพวกเราเป็นแค่หนูทดลองทฤษฎีสร้างกองรบอย่างงั้นนะหรือ"
              "ถูกต้อง เจเนลถูกสร้างมาเพื่อให้เป็นแมนิเกเตอร์ที่มีขีดความสามารถในการต่อสู้ โดยใช้พีวิลที่เป็นคู่ปรับในการเก็บบันทึกข้อมูล จายด์ถูกสร้างมาเพื่อเป็นแมนิเกเตอร์ที่มีพลังและความแข็งแกร่ง ซึ่งมีบอดี้ที่เหมาะสมกับสเปคดังกล่าวแม้จะมีเยอะเกินพอดีเลยก็ตาม แล้วก็จิลก็เป็นแมนิเกเตอร์พลังจิตที่ไม่เพียงมีพลังจิตอันมหาศาล หากแต่มีขีดจำกัดมากพอที่จะสั่งการทุกๆคนผ่านโทรจิตได้อีกด้วย ถ้าไม่ติดว่าพลังจิตนั้นย่อมเสียการควบคุมได้แม้ผ่านการคืนชีพหลังจากที่ตายไปแล้ว ท่านขุนพลคงไม่หดบอดี้ให้ตัวเล็กเท่าเด็กเพื่อจำกัดพลังงานให้อยู่ในการควบคุมได้หรอกน่ะ" เกซเฟลิคกล่าวแล้วก็ยิงกระสุนน้ำเข้าใส่พวกเจเนไซด์ทีมอย่างจังๆ แล้วก็ชกใส่พลัสเชอริทที่ไม่ทันระวังตัวไว้ด้วย "แชดดดดดด ตรูมมมม" สเปียริทยิงลำแสงเข้าใส่หน้าของเกซเฟลิคจนทำให้ชะงักลงไป "สเปียริท เจ้าเป็นแมนิเกเตอร์แปลกหน้าที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนและโผล่มาได้ไง แต่เพราะเจ้า กองรบของท่านโอเวอร์เดสทั้งสามกองก็ถูกปราบไปจนหมดแบบนี้ แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าทรงพลังกว่าพวกแมนิเกเตอร์ไปได้ไง และจีเนฟาร์รี่หวาดกลัวอะไรในตัวเจ้านักหนา ถึงได้โผล่ออกมาจากปราการมาอยู่แนวหน้าด้วยน่ะ"
              สเปียริทบอก "จีเนฟาร์รี่นะหรือหวาดกลัวฉัน ในเมื่อแกเป็นพวกครองคอร์ดที่ไม่ถูกกับผู้คุมกฎเกซิค แล้วแกรู้ได้ยังไงกันละ"
              "จีเนฟาร์รี่แม้จะไม่ใช่บุตรแท้ๆของท่านโอเวอร์เดสกันก็จริง และมีพลังแบบนั้นมาได้ยังไง แต่การที่ยัยนั้นโผล่มาในแนวหน้า ตั้งแต่ตอนที่ไปกับหัวหน้าหน่วยไล่ล่าสังหารของคาวาดันที่ป่าเขี้ยวเสือ และโผล่มาทุกๆครั้งด้วยเช่นนี้ ถ้าไม่เพราะว่าหวาดกลัวเจ้าจนถึงขั้นต้องโผล่มาด้วยตัวเองเพื่อกำจัดทิ้งไปซะ แล้วจะให้คิดว่าเป็นอะไรไปได้ละ" เกซเฟลิคยิงตอปิโดเข้าใส่สเปียริท แต่เธอกระโดดหลบแรงระเบิดมาพร้อมกับบุกเข้า "แกร้งๆๆๆๆๆ" รั่วกระหน่ำแทงใส่ตรงหน้าอกไม่ยั้ง
              โฟรซ่าบอก "ถ้ายัยนั้นไม่ใช่บุตรของโอเวอร์เดสจริงๆ แล้วแกรู้หรือว่ายัยนั้นเป็นใครกันละ"
              "น้ำหน้าอย่างพวกแกไม่มีสิทธิ์มารู้เรื่องนี้กันได้หรอก อีกอย่าง คำสั่งของท่านโอเวอร์เดสเองก็ห้ามถามไถ่ถึงเรื่องนี้ แม้คนที่รู้จะมีเพียงแค่เกซิคคนเดียวก็ตาม ปราศจากครองคอร์ด มันก็สามารถใช้อำนาจได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้กระทั่งโค่นล้มท่านโอเวอร์เดสและยึดอำนาจมาเป็นของมันเองด้วยนี้แหละ" เกซเฟลิคกล่าว
              พีวิลบอก "จะโทษว่านั้นเป็นความผิดของเราละสิ ที่ทำให้เกซิคมีอำนาจเหนือโอเวอร์เดสกันน่ะ ทั้งๆที่เป็นถึงผู้คุมกฎกันเนี้ยน่ะ"
              "คนที่สามารถใช้กฎเกณฑ์ที่ท่านโอเวอร์เดสบัญญัติขึ้นมา และทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศคำสั่งของเหนือหัวสูงสุดนั้น ย่อมมีโอกาสที่จะ....ใช้อำนาจที่ได้รับมาย้อนคืนใส่ท่านโอเวอร์เดสและยึดมาเป็นของตนเองแล้วนะสิ เพราะในเมื่อมันมีอำนาจเป็นตัวแทนของท่านโอเวอร์เดสรวมถึงควบคุมดูแลกฎเกณฑ์ทุกอย่างไว้ มันก็ย่อมมักใหญ่ใฝ่สูงกว่ากันอยู่แล้วละน่า" เกซเฟลิคกล่าวพร้อมกับกระทืบพื้นจนเกิดเสาน้ำพุเป่าสเปียริทให้ล้มไป "ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมันเป็นความผิดของแกและพรรคพวกด้วย ท่านโอเวอร์เดสคงไม่มีทางที่จะยึดครองโลกได้แล้ว เพราะในไม่ช้า ท่านก็เป็นแค่หุ่นเชิดของไอ้เกซิคเองแหละ ซึ่งถ้าเจ้ายอมรับในความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นซะ เรื่องมันก็คงไม่เป็นเช่นนี้หรอก"
              สเตฟอร์ดบอก "สงสัยว่ามันพาลโกรธพวกเรากันแล้วละสิ"

              "แกเองต่างหากละ ที่ทำให้เรื่องมันเป็นนี้เองน่ะ" คลอเวฟกล่าวโดยที่ก้าวเดินมาด้วยความโกรธแค้นไม่น้อย "ฉันไม่แปลกใจแล้วละ ว่าแมนิเกเตอร์ตัวโตๆอย่างแก ทำไมถึงเป็นเบี้ยล่างให้กับครองคอร์ดที่ตัวเล็กกว่า ทั้งหมดนั้นมันเพราะว่า แกให้ความสำคัญกับตัวแกมากเกินไป อันเนื่องมาจากว่าร่างของแกนั้นใหญ่กว่าโมบิลลอยด์ เลยทำให้แกลำพองใจว่า ด้วยตัวที่ใหญ่กว่านั้น แกจึงสามารถทำอะไรกับลูกน้องที่แกสร้างขึ้นมาซึ่งมีขนาดเล็กกว่าก็ได้ ตั้งแต่สั่งให้ทำอย่างงั้นอย่างงี้ พอเห็นว่าใครมีผลงานดีก็แต่งตั้งให้ พอเห็นใครพลาดหรือล้มเหลวก็จับไปลงโทษ โดยมิได้มีการพิจารณาหรือคิด หรือแม้กระทั่งรับฟังฝ่ายที่ผิดและตัดสินไปตามรูปการณ์นั้นๆเอาไว้ เพราะแกในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องคิดเลย แค่ต้องการให้ทุกๆคนทำตามคำสั่งของแกโดยไม่มีการคัดค้านหรือทัดทานใดๆทั้งสิ้นนี้แหละ"
              เกซเฟลิคบอก "และแกกำลังจะเถียงข้าอยู่น่ะ ไอ้คลอเวฟ เพราะอย่างงี้แหละ ข้าถึงต้องให้เจ้าตายไปซะ อย่างน้อย ร่างของเจ้านั้นไม่คู่ควรกับสมองกลเฮงซวยของเจ้ากันหรอก"
              "ฉันก็มีหัวจิตหัวใจกันนะเฟ้ย เกซเฟลิค ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว ทั้งไพลม์เทค เมอริด้า การ์ดเชสเตอร์ แล้วก็พวกแอตแลนไทซ์ทุกๆตนนั้น ถูกสร้างมาเป็นแค่หุ่นที่มีน้ำในร่างกายเปรียบเหมือนมนุษย์ธรรมดาๆ แม้ทำพันธุ์สร้างลูกขึ้นมาไม่ได้ แต่อย่างน้อย เราก็ภูมิใจมากที่ได้เกิดมาเป็นส่วนหนึ่งของกองรบที่แข็งแกร่งและน่าภาคภูมิใจมากที่สุด ในฐานะบุตรของขุนพลเอกที่ใกล้ชิดโอเวอร์เดสนับแต่สงครามครั้งแรกมา ซึ่งฉัน หวังว่าแกจะเป็นผู้นำที่ดีและเป็นที่พึ่งให้กับลูกน้องคนอื่นๆได้ก็จริง" คลอเวฟกล่าวและชี้หน้าใส่เกซเฟลิคไปว่า "แต่แกกลับไม่มีส่วนดีเอาเสียเลย เพราะทั้งหมดทั้งมวลนั้น แกเห็นพวกเรา เป็นแค่เครื่องมือที่ทำให้แกบรรลุเป้าหมายเท่านั้นเอง พอมีคนมาโต้เถียงหรือต่อต้านก็ล้างสมองให้คล้อยตามกันไปทั้งหมด แม้กระทั่งคนที่อ่อนแอและอยากจะพยายามสู้ต่อ แกก็ปิดทำลายโอกาสพวกเขาไป จนฉันสูญเสียเพื่อนพ้องไปไม่น้อยเพราะการกระทำของแกกันแล้ว คนอย่างแกไม่ควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นผู้นำเลย และไม่ควรที่จะมองเป็นผู้สร้างกันด้วย"
              เกซเฟลิคโต้กลับไปว่า "นั้นเพราะว่าพวกนั้นเป็นสมุนของฉันยังไงละ สมุนของฉันจะต้องไม่มีการโต้เถียง ไม่มีการอ้างเหตุผลไม่ว่าจะอ้างศักดิ์ศรี ความจงรักภักดี หรือความเป็นนักรบกันหรอก แม้กระทั่งแสดงความโอหังเหมือนที่แกทำด้วย ข้าเป็นคนสร้างแกก็เพื่อเป็นร่างใหม่ของข้า แต่แกทำให้ข้าผิดหวังมาหลายครั้งจนถึงบัดนี้แล้ว ได้ ข้าจะกำจัดแกและพวกให้หมด จากนั้นก็จะมุ่งหน้าไปแรซัลก้า เพื่อไปเอาร่างของการ์ดเชสเตอร์มาแทนแกที่กลายเป็นเศษขยะไร้ค่าใต้ทะเลลึกนี้แหละ"
              "คำก็เศษขยะ สองคำก็ไร้ค่า ไอ้ที่แกพูดมานั้นแหละ คือตัวแกละ ไอ้เกซเฟลิค" คลอเวฟพุ่งเข้าใช้ไฮโดรฟอสพุ่งตรงมา "ป้ากกกก" ชกใส่หน้าเกซเฟลิคไปอย่างจังๆ แต่เกซเฟลิครีบกระทืบพื้นเพื่อไม่ให้เสียหลักอย่างทันควัน แล้วก็ชกหมัดจรวดเข้าใส่คลอเวฟที่ลอยเท้งเต้งอยู่ "ป้ากกก" แม้หมัดจะโดนตัวคลอเวฟไว้ แต่... "ฟึ่บบบบ ตึกกก" คลอเวฟใช้มือยันส่วนข้อนิ้วไว้และยกตัวเองขึ้นมาบนหลังมือหมัดจรวดบินไว้ ซึ่งก็บินย้อนกลับมา โดยที่เกซเฟลิคเสยหมัดเข้าใส่ "ฟ้าววววว หวับๆๆๆๆ กร้องงงงง" คลอเวฟกระโจนเข้าใส่ด้วยบูสเตอร์ไฮโดรฟอสกลางหลังพุ่งเข้ามา หวดทุเรียนเหล็กฟาดใส่ดั้งของเกซเฟลิคไปเต็มๆ "นี้สำหรับที่แกเฉดหัวการ์ดเชสเตอร์ออกไปและหวังจะไปยึดร่างของเพื่อนกูมาเป็นของมึงกันน่ะ" คลอเวฟกล่าว แล้วรีบโดดลงจากหมัดจรวด เพราะเกซเฟลิคควบคุมให้ส่วนหลังแขนนั้นปล่อยระเบิดน้ำออกมา
              "แก แกเป็นแค่ร่างอะไหล่ของข้า ยังกล้าทำร้ายข้าได้เลยหรือ" เกซเฟลิคแค้นและยิงมิไซล์จากส่วนหน้าอกลงมา แต่คลอเวฟวิ่งเข้าใส่แบบไม่กลัวเกรงใดทั้งนั้น พร้อมกับหยิบตะบองลูกตุ้มหนามมาด้วย
              "ว้ากกกกกก" แล้วคลอเวฟก็หวดลูกตุ้มหนามเข้า "ก้องงง...." "เปรี้ยงงง" ซึ่งด้วยความแรงการหวดลูกตุ้มนั้นแรงจนทำให้เกราะขาขวาล่างบุบกระจุยไปอย่างจังๆ แล้วก็ "เฮ้ยยยย ย้ากกกกก" ซัดฟาดใส่หัวเข่าซ้ายจน "โครมมมมมมม" หัวเข่าแตกและทำให้เกซเฟลิคล้มไปด้วย "สองดอกนี้สำหรับไพลม์เทคและเมอริด้า ซึ่งถูกแกตั้งโปรแกรมให้ต้องมารักกัน และเป็นเครื่องมือสำหรับทำให้ฉันพ่ายแพ้ด้วยความอยุติธรรม แล้วก็ต้องตายไปพร้อมกับความรู้สึกรักที่แท้จริงไปด้วย ทั้งหมดที่ทั้งคู่ตายไปนั้น เพราะแกสั่งพวกเขาเองนี้แหละ" เกซเฟลิคแค้นที่โดนคลอเวฟโต้ตอบอย่างแรงและโดนตอกกลับด้วยคำพูดไป
              "ถึงข้าสั่งให้ทั้งคู่ทำตามที่ข้าต้องการ แต่แกเองต่างหากละ ที่สังหารพวกเขาให้ตายคามือแก เช่นเดียวกันกับพี่น้องของแกอีกนับสิบนับร้อยนับพันที่แกกับพรรคพวกของแกกวาดล้างจนไม่เหลือซากกันน่ะ" แล้วก็ยิงห่ามิไซล์จากหน้าอกพร้อมกับยิงตอปิโดออกไปด้วย แต่คลอเวฟก็ป้องกันตัวเองเอาไว้ เกซเฟลิคเลยพล่ามต่อ "ที่สำคัญ พวกเขาจงรักภักดีต่อข้าเพราะว่าข้าสั่งให้พวกมันเชื่อฟังคำสั่งเอาไว้ และข้าก็คือผู้สร้างพวกแอตแลนไทซ์ขึ้นมา เป็นบิดาของพวกนั้น เป็นเหมือนพระเจ้าของพวกมัน ดังนั้น ผู้ที่ถูกสร้างมาจะต้องเชื่อฟังและทำตามเท่านั้น ใครกล้าขัดขืนหรือต่อต้านก็ย่อมถูกกำจัดนี้แหละ ซึ่งนั้นเป็นกฎที่ท่านโอเวอร์เดสสอนเอาไว้กันน่ะ"
              "โอเวอร์เดสสอนหรือว่าแกบัญญัติเองกันมิทราบละ" คลอเวฟกล่าว แล้วก็ใช้ "ไฮโดรลิคแคนน่อน" ยิงเข้าตรงกลางหน้าอกไปจนระเบิดป้อมยิงมิไซล์ให้ระเบิดไปด้วย แล้วก็บุกเข้ามาพร้อมกับขวานแองเกอร์แอ็กซ์ไว้สองอัน โดยที่เกซเฟลิคยิงลำแสงจากตาเพื่อหยุดคลอเวฟเอาไว้ "รู้บ้างมั้ย ถึงความเจ็บปวดของพวกพ้องของฉันที่ต้องตายก่อนที่พวกเขาจะได้ก้าวหน้า และถูกหลอกใช้ให้เป็นแค่เครื่องมือทำสงครามของแกเอาไว้ โดยที่พวกเขาเองก็อยากจะฝึกฝนให้เก่งกาจมากขึ้น ให้พร้อมสำหรับปกป้องพวกพ้องอย่างพวกเรา มิใช่เอะอะๆ ก็ส่งไปรบทั้งอย่างงั้น ซึ่งทุกครั้งที่หวดขวานฟาดใส่ ประเคนหมัดเท้าเข่าศอกเข้าให้ ระดมทั้งกระสุนเลเซอร์และระเบิดกับมิไซล์เข้าไปนั้น ฉันไม่ได้ยินแค่เสียงเจ็บแค้นหรือเจ็บใจที่พ่ายแพ้แก่ฉัน แต่เป็นเสียงอ้อนวอนและร้องขอ ให้ฉันช่วยปลดปล่อยพวกเขาจากคำสั่งบ้าๆของแก ที่บีบให้พวกเขาหันอาวุธมาเล่นงานฉันโดยที่พวกเขาไม่ต้องการเลยสักนิด และแน่นอน เสียงเหล่านั้นก้องอยู่หูของฉันซึ่งส่งแรงใจให้ฉันพิชิตแกให้จงได้นี้แหละ" โดยที่คลอเวฟหวดขวานเข้าใส่หน้าอกให้พัง แล้วก็กระโดดหลบหมัดที่ชกเข้ามาอย่างรวดเร็ว
              เกซเฟลิคบอก "แกบ้าไปแล้วหรือ หูแกแว่วหรือเปล่า ระบบการรับฟังชำรุดหรือไง หรือแม้กระทั่งวงจรความคิดของแกเพี้ยนไปแล้วหรือ ที่ได้ยินเสียงพวกลูกน้องของข้า ทั้งๆที่ข้าไม่ได้ยินกัน..." แต่สิ่งที่เกซเฟลิคได้เห็นก็คือร่างเงาของเหล่านักรบแอตแลนไทซ์ที่ตนสั่งมา ซึ่งแน่นอน ว่ารวมไปถึงไพลม์เทคและเมอริด้าด้วย จนถึงกับช็อคไปไม่น้อย
              "คงจะเห็นวิญญาณคนตายที่แกส่งไปแล้วสิน่ะ แม้ฉันจะรู้สึกได้ถึงจิตของพวกเขา ทั้งๆที่พวกแอตแลนไทซ์รวมถึงฉันเอง เป็นแค่แมนิเกเตอร์หุ่นรบที่ถูกสร้างมาเพื่อยึดครองเจ็ดคาบสมุทรของโลกใบนี้ไว้ก็ตาม" คลอเวฟบอก "แต่การที่พวกเขาเกิดมามีความคิด มีจิตใจ และมีความเป็นตัวตนของพวกเขา เหมือนกับที่ฉันเป็นอยู่ ใช่...ไม่ใช่แค่ความรู้สึกเกลียดชัง เคียดแค้น รังเกียจ อิจฉา ริษยา โกรธกริ้ว เศร้าโศก เสียใจ ผิดหวังและเจ็บใจ แต่ฉันรู้สึกได้ถึงความดีใจ ยินดี มีความสุข มีความรักทั้งระหว่างชายหญิงและระหว่างเพื่อนพ้อง รู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ และยอมรับในความเป็นตัวตนของฉันเองนั้น เพราะว่าฉันได้เรียนรู้จากพรรคพวกต่างกลุ่ม ต่างนิสัย ต่างความคิดและอุดมการณ์ เรียนรู้จากความผิดพลาด จากการร่วมเดินทางไปด้วยกัน ฟันฝ่าอุปสรรค์และปัญหาต่างๆร่วมกัน ซึ่งนั้นแหละ คือความรู้สึกแบบมนุษย์ ที่ฉันและพวกเราก็มี สิ่งเหล่านี้แหละคือสิ่งที่ทำให้แมนิเกเตอร์แอตแลนไทซ์มีความแตกต่างกัน แต่ก็มีความภูมิใจในอัตลักษณ์ตัวตนของพวกเรา ที่เกิดมาและรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แม้จะเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่เราก็มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อตัวเราเองและเพื่อคนอื่นๆ เหมือนที่ฉันทำกันอยู่นี้แหละ" แล้วก็งัดส่วนหน้าอกออก จากนั้นก็ "เฉาะๆ" ผ่าสายเชื่อมต่อแกนกลางออกไป แต่เกซเฟลิคดิ้นรนด้วยการใช้มือขวา  "หมับบบบ" คว้ากำคลอเวฟเอาไว้
              "ความรู้สึกแบบมนุษย์นะหรือ ไอ้หน้าโง่ แกในตอนนี้ไม่ใช่แมนิเกเตอร์แล้ว แค่ของชำรุดที่มีความคิดบิดเบี้ยวและผิดพลาดขึ้นมากันนี้แหละ ฉันไม่น่าสร้างให้พวกแกมีความคิดเหมือนมนุษย์กันเลยน่ะ"
              "แล้วถ้าแกสร้างเราให้เป็นมนุษย์จริง แล้วตัวแกล่ะ" พีวิลถาม
              มาสวาร์ทาร์บอก "นั้นสิ หุ่นยนต์ที่ติดตั้งระบบเอไอที่พัฒนาความคิดอ่านจนสร้างอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนเฉพาะตัวแบบมนุษย์นั้น แม้จะเป็นหุ่นที่รูปร่างหน้าตาคล้ายมนุษย์ก็ตาม ซึ่งแม้แกจะมีร่างกายใหญ่โต แต่ แกก็มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกับคลอเวฟกันด้วยน่ะ"
              "ใช่ แม้กระทั่งโอเวอร์เดสด้วย ที่แม้จะเป็นแมนิเกเตอร์หุ่นยักษ์เลยก็ตาม การที่แกมองคลอเวฟเป็นของชำรุดที่บิดเบี้ยวนั้น ก็เท่ากับว่าแกดูถูกโอเวอร์เดสไปด้วยน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              เจเนลกล่าว "ไม่แปลกใจแล้วละว่าทำไมโอเวอร์เดสไม่ได้แต่งตั้งแกเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่ให้ครองคอร์ดรับหน้าที่แทนนั้น เพราะแกนึกถึงแต่ตัวเองมากจนเกินไป เลยมองลูกน้องที่แกสร้างเป็นแค่เครื่องมือ ทั้งๆที่พวกเขาก็มีความคิดและจิตใจกันด้วยวะ"
              "บะ บ้าน่า นี้ข้าดูถูกองค์จักรพรรดิ์นะหรือ ไม่จริงน่า ข้าเป็นแมนิเกเตอร์น่ะ เป็นสุดยอดนักรบที่แข็งแกร่งและทรงพลังซึ่งเป็นลูกน้องเดิมของท่านโอเวอร์เดสเช่นนี้ พวกแกอย่ามาหลอกให้ข้าไขว่เขว่กันเถอะน่า" เกซเฟลิคบอก
              คลอเวฟกล่าว "เราไม่ได้หลอกให้แกไขว่เขว่ แต่แกต่างหากละที่ปากบอกว่าจงรักภักดีต่อโอเวอร์เดส แต่กลับมองว่าแมนิเกเตอร์ที่มีความรู้สึกนึกคิดนั้นเป็นแค่ของชำรุดและต้องปรับให้ต้องรับคำสั่งกันนั้น ไอ้ที่แกพูดถึงเกซิคนั้นก็แค่ข้ออ้างที่กลบเกลือนความคิดโง่ๆของสุนัขเลียงแข้งโตๆอย่างแกนี้แหละ" ซึ่งก็ยันฝ่ามือทั้งสองข้างต้านแรงกดจากนิ้วมือและอุ้งมือยักษ์ไว้ ซึ่งก็... "กึก กึกกกก กึกกกกก กึกกกกกกก เปรี้ยงงงงง" เป่ามือข้างขวาจนกระจุยพร้อมกับ... "แว้งงง แว้งงง แว้งงงง ครืนนนนน" พลังงานไฮโดรฟอสจากแกนกลางของเกซเฟลิคโพยพุ่งเข้าไปในร่างของคลอเวฟจนร่างเรืองแสงขึ้นมา เกซเฟลิคจึงเสยหมัดซ้ายเข้าใส่ "ว้ากกกก" คลอเวฟเลยชกใส่ข้อนิ้วจน "เปรี้ยงงงงง" เป่าพลังงานน้ำทำลายแขนซ้ายจนกระจุยไปในหมัดเดียว แล้วก็... "หมับ หมับ" ตรงเข้าไปคว้าหยิบแองเกอร์แอ็กซ์มา "อย่ามาดูถูกความเป็นตัวตนของนักรบแอตแลนไทซ์อย่างข้าและพรรคพวกที่ตายไปแล้วกับที่อยู่นอกโลกกันไปหน่อยเลยดีกว่า ไอ้ยักษ์เสร็งเคร็งอวดดีเอ้ยยยย ไทดัลแคลชเชอร์"
            "ฉั้วะ!!!!" คลอเวฟสบัดขวานฟันในแนวขวางออกไปจน "ฉับบบบบ" สับคอเป่าหัวของเกซเฟลิคกระเด็นออกไปอย่างจังๆ และโดนคลอเวฟจับหัวเอาไว้ "เหอะๆๆๆ ฮะๆๆๆๆ ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นมาเพื่อหวังจะเป็นร่างใหม่ที่แข็งแกร่งและกระทัตรัดมากพอที่จะเดินสองข้างไปด้วยกันกับลูกน้องของข้านั้น จะหันมาทำลายข้าเสียเองแบบนี้ แล้วไม่กลัวว่าสิ่งที่แกเชื่อมั่นนั้นจะหันกลับมาทำลายแกหรือยังไง ในเมื่อ อุปนิสัยของพวกมนุษย์นี้แหละ ที่ทำให้เกิดความแตกแยกมานับต่อนับ ถ้าไม่มีการควบคุมให้อยู่ในกำมือหรือมีอำนาจบงการให้เชื่อฟังด้วยแล้ว ความวุ่นวายก็จะต้องเกิดขึ้นมาจนได้นี้แหละ"
              คลอเวฟยิ้มพร้อมกับบอกไปว่า "ต่อให้แตกแยกจนเกิดเป็นสงครามที่ไม่อาจจะหยุดยั้งได้จริง...แต่ ถึงตอนนั้นก็ต้องมีคนที่คิดแบบเดียวกับฉัน กับพีวิล กับมาสวาร์ทาร์ กับโคเคสและทุกๆคนที่ต้องเข้ามาหยุดยั้งและแก้ไขกันได้เองแหละน่า"
              "แม้กระทั่งต่อกรกับพวกน้องๆที่นำโดยการ์ดเชสเตอร์ด้วยนะหรือ เพราะถึงแกจะผ่านท่านโอเวอร์เดสไปได้จริง แต่มือของแกก็ต้องเปื้อนเลือดของพวกรุ่นน้องและเกลอเก่าของแกเลยน่ะ" เกซเฟลิคกล่าว
              คลอเวฟบอก "แม้การต่อสู้ระหว่างฉันกับพวกการ์ดเชสเตอร์จะหลีกเลี่ยงกันไม่ได้ก็จริง ฉันไม่ใช่เต่าหดหัวที่ยอมถูกกดขี่และกดดันให้อีกต่อไปแล้ว รวมถึงแกเองด้วย"
              "ทั้งๆที่ฉันเป็นคนสร้างแกและพรรคพวกกันเนี้ยน่ะ ถึงแกจะหยุดยั้งและช่วยพวกแอตแลนไทซ์ที่เหลือกันก็จริง แต่นั้นก็ไม่มีที่ว่างสำหรับแกกันไปได้หรอก เพราะแกเป็นคนทรยศต่อพวกพ้องกันไปแล้วน่ะ" เกซเฟลิคกล่าว
              คลอเวฟกล่าว "ถึงแม้แกจะสร้างฉันกับพวกมาก็จริง แต่เวลา 40 ปีของแกนั้นควรจะยุติลงกันเพียงเท่านี้แหละ เพราะหน้าที่ในการชี้นำให้เผ่าพันธุ์ของเราไปอยู่ในอวกาศ ซึ่งฉันเองก็คิดจะไปด้วยนั้น แกก็ได้ทำจนจบสิ้นไปแล้ว ยุคสมัยใหม่ของแมนิเกเตอร์จะไปอยู่ที่นั้นแทน โดยที่ไม่มีแกอยู่ตรงนี้เองแหละ"
              "แปลว่าแกจะบุกไปอวกาศนะหรือ เหอะๆๆๆ ขอให้แกโดนเทพสงครามบดขยี้แหลกเป็นขยะอวกาศซะเลยแล้วกัน" เกซเฟลิคแช่ง คลอเวฟเลยโยนหัวขึ้นและ "เฉาะ" ผ่าหัวของเกซเฟลิคให้ขาดเป็นสองท่อนจน "ตรูมมมมม" หัวระเบิดแหลกเหลวไปอย่างจังๆ ซึ่งทำให้ร่างที่ไร้หัวขนาดใหญ่นั้นหยุดขยับลงในทันที คลอเวฟเลยดึงแกนเตาพลังงานไฮโดรฟอสออกไปโดยทันที
              "จบลงแล้วสินะ คลอเวฟ" พีวิลกล่าว คลอเวฟยืนนิ่งเอา
              "ดูเหมือนว่า นายไม่ยินดีกับชัยชนะที่นายได้รับเลยละสิ" เจเนลบอก
              คลอเวฟส่ายหน้า "ชัยชนะที่ได้จากไอ้ยักษ์แกลบนี้ ก็แค่กุญแจผุๆที่ใช้เปิดประตูไปเจอโอเวอร์เดสก็เท่านั้นเองแหละ เช่นเดียวกับบานประตูที่เปิดไปเจอกับพรรคพวกที่รออยู่ในอวกาศกันด้วย" แล้วก็เดินลงมาจากบนหน้าอก ซึ่งพรรคพวกที่สะบักสะบ่อมมารออยู่แล้ว "แต่ที่เสียใจจริงๆก็คือ การต่อสู้ครั้งนี้ ฉันได้สูญเสียพรรคพวกไปไม่น้อย แม้เกซเฟลิคจะเป็นคนสั่ง แต่ฉันก็ได้ทำลายมันด้วยมือของฉันเองนี้แหละ"
              "แต่อย่างน้อย นายได้พิสูจน์ให้พวกเราเห็นแล้วว่า นายเองก็มีหัวจิตหัวใจเช่นกันน่ะ คลอเวฟ" มาสวาร์ทาร์บอก
              จายด์กล่าว "แม้นายจะเป็นหุ่นที่ติดตั้งระบบเอไอที่พัฒนาอุปนิสัยของนายผ่านการเดินทางและการพานพบเรื่องราวต่างๆและพรรคพวกทั้งพวกเราและคนอื่นๆมานับครั้งไม่ถ้วน แต่นายก็ถือว่าเป็นแมนิเกเตอร์ที่มีความคิดเป็นของนายเองและเป็นอิสระจากการถูกบีบบังคับและการครอบงำ เหมือนที่พวกเราหลุดพ้นจากการควบคุมของครองคอร์ดด้วยตัวเราเองแหละ"
              "ฉันก็คิดเช่นนั้นน่ะ ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็ทำให้ฉันเป็นตัวฉันมาจนถึงวันนี้แหละ" คลอเวฟกล่าว
              สเปียริทบอก "ใช่ แม้ว่านายจะวอนหาเรื่องกวนโอ้ยชาวบ้านกันบ้างก็ตาม แต่นายก็คือเพื่อนร่วมรบคนสำคัญของพวกเราด้วยน่ะ"
              "ถ้าไม่ติดตรงช่วงแรกๆน่า ฉันพอจะยอมรับในคำพูดของเธอกันได้แล้ววะ" คลอเวฟบ่น แต่ไม่ทันไรก็... "ครืนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
              จิลถาม "นี้คงไม่ได้หมายความว่า พอตัวหัวหน้าตายแล้วระบบทำลายตัวเองก็ทำงานในทันทีเลยสิน่ะ"
              "กองรบเวเซอร์ทุกๆคน ได้ยินแล้วตอบด้วยครับ" เบย์แทนด์กล่าว
              เจเนลบอก "ได้ยินแล้วละ เบย์แทนด์ ว่าแต่ มันเกิดอะไรกันขึ้นน่ะ"
              "ตอนนี้ปราการปีรามิลด้ามีปฏิกิริยาการแตกตัวของโมเลกุลไฮโดรเจนภายในเตาพลังงาน ซึ่งดูเหมือนว่ามันพยายามจะแตกตัวเพื่อแปรสภาพเป็นระเบิดไฮโดรเจนกำลังสูงกันไว้ และมีรัศมีการทำลายเป็นวงกว้างมากเลยนะครับ" เบย์แทนด์บอก "ตอนนี้ทางอเมริกาและแอฟริกาได้ถอนกำลังออกไปแล้ว หลังจากที่บดขยี้กองรบที่เหลืออยู่ของพวกแอตแลนไทซ์ลง เหลือแต่พวกคุณที่ต้องรีบหนีออกมาโดยเร็วนะครับ"
              พีวิลถาม "ว่าแต่ เตาพลังงานจะระเบิดในกี่นาทีกันละ"
              "พวกนายเหลือเวลาเพียง 5 นาที รีบใส่เกียร์หมาวิ่ง แล้วออกไปจากปีรามิดทะเลเดียวนี้เลย" บัลโต้บอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เข้าใจแล้วละครับ หัวหน้าบัลโต้ พวกเรา ถอนตัวออกไปโดยเร็วเลย" แล้วทั้งหมดก็รีบวิ่งหนีออกจากโคลอสเซียมกันโดยเร็ว ซึ่งก็วิ่งฝ่าเสากรีกที่ล้มทับ โดยวิ่งผ่านห้องโถงครรภ์มารดาสมุทรที่ตอนนี้เหลือแค่แคปซูลเปล่าๆกันแล้ว คลอเวฟไม่หยุดมองแต่วิ่งตามพวกเวเซอร์ไป แม้ว่า "คลอเวฟ ไม่มีเวลาแล้วน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก เพราะเห็นคลอเวฟเดินผ่านร่างไพลม์เทคและเมอริด้าที่แน่นิ่งไว้
              ".....เข้าใจแล้วละ" คลอเวฟกล่าว โดยตอนนี้เจเนไซด์ทีมขึ้นโมบิลลอยด์ที่จอดเทียบท่าไว้ เช่นเดียวกับพีวิล สเปียริท สเตฟอร์ด โฟรซ่า ไซโคลเนีย และมาสวาร์ทาร์ขึ้นโมบิลลอยด์ประจำตัวกันแล้ว คลอเวฟเลยหันหลังให้ เพื่ออำลาให้กับ... "ลาก่อนน่ะ ปีรามิลด้า บ้านเกิดของฉัน ลาก่อน พรรคพวกทุกๆคน ที่เกิด โต เรียนรู้และตายกันอยู่ที่นี้หรือบนโลกใบนี้ แล้วก็ลาก่อน ไพลม์เทค เมอริด้า หลับให้สบายเถอะน่ะ พร้อมกับซากผุของเกซเฟลิค พ่อใหญ่ของพวกเราด้วย" แล้วก็รีบวิ่งขึ้นเฮฟโวลทริสตรอน เพื่อสตาร์ทเครื่องตามหลังพวกเวเซอร์ไปยังนอร์ติลุสไว้
              "ทุกๆคนมากันครบแล้วละครับ" เบย์แทนด์กล่าวเมื่อคลอเวฟนำเฮฟโวลทริสตรอนโดดขึ้นดาดฟ้าเรือไว้แล้ว
              "กองเรือและกองยานบิน ถอยเต็มกำลังเลย" บัลโต้สั่ง แล้วกองรบทั้งหมดก็เคลื่อนถอยทัพไปอย่างรวดเร็ว ภายใน 2 นาทีสุดท้ายที่เหลืออยู่ จนกระทั่ง
              "นับถอยหลังการระเบิด 10 วินาที 9...8...7...6...5...4...3...2...1....หมดเวลาแล้วคะ" เอเรียเน่กล่าว แล้วก็.... "แวบบบบ ตรูมมมมมมม" ปราการปีรามิลด้าของพวกแอตแลนไทซ์ก็ระเบิดวินาศสันตะโรไปอย่างจังๆ ซึ่งก็เป่าร่างของไพลม์เทคและเมอริด้าที่จับมือกันไว้ แม้จะเป่าร่างจนแขนขาหลุดออกไป แต่มือที่จับเอาไว้ก็ไม่ยอมปล่อยจนร่างทั้งคู่ดำดิ่งไปพร้อมกับซากเรือและเหล่านักรบแอตแลนไทซ์ ให้หลับไหลอยู่ใต้มหาสมุทรแอตแลนติค กองไว้บนอาณาจักรแอตแลนติสที่อยู่เบื้องล่างไว้ชั่วนิรันดร

              "ตึกๆๆๆๆ" คลอเวฟเดินมาพร้อมกับสมอเรือเก่าๆมาตรงดาดฟ้าเรือไว้ "นี้นายบื้อจะทำอะไรกันน่ะ" สเปียริทกล่าว
              เบย์แทนด์บอก "ผมคิดว่า คุณคลอเวฟคงจะไว้อาลัยต่อพวกพ้องที่จากไป ซึ่งรวมถึงสองขุนพลด้วยนะครับ"
              "เออ ให้ใครก็ได้ไปเอาช่อดอกไม้มาหน่อยจะได้มั้ยละ" คลอเวฟกล่าว โดยที่เวลลิทนำช่อดอกไม้สีเหลืองมา
              "ว่าแต่ คุณเอาช่อดอกไม้มาติดกับสมอเรือนิ คงไม่ได้แค่อาลัยต่อพวกแอตแลนไทซ์อย่างเดียวละสิคะ" เวลลิทบอก
              "ใช่ เพราะฉันไว้อาลัยต่อคู่รักที่น่าสงสารนี้ด้วยนะสิ" คลอเวฟบอก หลังจากรับช่อดอกไม้มามัดกับตัวสมอ แล้วก็ "ควับๆๆๆๆๆๆ ฟ้าววววว" เหวี่ยงวนไปหลายรอบก่อนจะเขวี้ยงสมอใหญ่นั้น "หวับๆๆๆๆ ตูมมมม" ให้หมุนวนกลางอากาศและร่วงลงสู่ทะเล ดำดิ่งไปสู่เบื้องล่างของมหาสมุทรอินเดียไว้
              "งั้นก็ ไว้อาลัยให้กับพวกแอตแลนไทซ์ 2 นาทีแล้วกันน่ะ" บัลโต้บอก แล้วทั้งหมดก็ไว้อาลัยให้กับพวกแอตแลนไทซ์ที่ล้มตายในการสู้รบครั้งนี้ไว้
              "พีวิล มาสวาร์ทาร์ เหตุผลที่นายร่วมมือกับโคเคสเพื่อต่อสู้กับโอเวอร์เดสและพวกกองรบจักรพรรดิ์นั้น เพราะว่าพวกนายเจ็บปวดกับการสังหารมนุษย์และคนที่รู้จักกันโดยไม่ได้ตั้งใจเลยสิน่ะ" คลอเวฟบอก "จริงอยู่ ที่ฉันเข้าร่วมกับพวกนายนั้นก็เพื่อแก้แค้นให้กับพวกแอตแลนไทซ์ที่หักหลังและทรยศต่อความเชื่อใจของฉันไว้ แต่พอมารู้ว่า ทุกอย่างล้วนเป็นแผนบ้าๆของเกซเฟลิคเช่นนี้ ต่อให้เมอริด้าพยายามขัดขืนและอธิบายเรื่องนี้ให้ไพลม์เทคจนยอมมาช่วยฉันจัดการกับเกซเฟลิคกันก็จริง สุดท้าย ทั้งคู่ก็ต้องตายอยู่ดี โดยน้ำมือของเกซเฟลิค ซึ่งเมอริด้าเองก็ต้องการไถ่โทษในสิ่งที่เธอไม่ได้ตั้งใจก่อไว้ แม้จะแลกด้วยชีวิตของเธอ และของไพลม์เทคเพื่อหลุดพ้นจากอำนาจคำสั่งเฮงซวยนั้นก็ตาม โดยที่ฉันเป็นคนปลิดชีพพวกเขาเอาไว้ด้วยมือของฉันเอง"     
              พีวิลบอก "แปลว่านายเองก็รู้สึกเหมือนที่พวกเราเป็นอยู่แล้วสิน่ะ กับการถูกควบคุมหรือบงการให้ทำเรื่องแย่ๆโดยที่เราก็ไม่สามารถหยุดยั้งไปได้กันน่ะ"
              "แน่ละ เพราะว่าพวกเราในตอนนี้ ล้วนแล้วมีอดีตอันน่าเจ็บปวดติดมาพร้อมกับบาดแผลฉกรรจ์ทางใจที่ไม่อาจจะเยียวยาได้ทั้งนั้น ความเจ็บช้ำนั้นแม้จะทำให้รู้สึกผิดบาปจนต้องเสียใจไปชั่วชีวิต แม้ลุงอาทรัสเตอร์บอกให้ต้องปล่อยวางเรื่องนี้ไว้ก็จริง" คลอเวฟบอก "แต่การปล่อยวางและละทิ้งอดีตอันน่าเจ็บปวดนั้น ก็เหมือนเป็นการทิ้งบทเรียนในอดีตที่คอยย้ำเตือนไม่ให้ซ้ำรอยเดิมอีกไปด้วย มนุษย์ธรรมดานั้นหากเจอเรื่องร้ายๆขึ้นมาในชีวิตก็ย่อมที่จะต้องลืมเรื่องนั้นเพื่อใช้ชีวิตที่มีความสุขเบื้องหน้า โดยไม่รู้ว่า เรื่องร้ายๆนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชีวิตที่ต่อให้โยนทิ้งหรือลืมยาวแค่ไหน เหตุการณ์นั้นก็ย่อมฝังใจเราไปจนกว่าจะตายไปข้างกันด้วยนะ"
              สเปียริทบอก "แปลว่า นายคิดที่จะแบกรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้เลยละสิ"
              "อืมมมม ทุกๆคนในกองรบเวเซอร์นั้น ต่างก็เจอเรื่องเลวร้ายและพานพบกับความสูญเสียกันมาแล้วทั้งนั้น แม้เราไม่อาจจะสลัดอดีตอันน่าเจ็บปวดนี้ไว้ได้ก็จริง แต่...อดีตอันน่าเจ็บปวดนี้แหละ ที่จะเป็นเครื่องเตือนใจให้พวกเราทั้งหมดนั้น หยุดยั้งไม่ให้เรื่องบ้าๆแบบนี้ในอนาคตข้างหน้าเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง อย่างน้อย ก็ขอให้แค่มีแต่พวกเราเท่านั้นแหละที่ควรจะเป็นฝ่ายทรมาน ไม่ใช่กับคนอื่นๆไม่ว่าจะบนโลกหรือในอวกาศเลยก็ตาม" คลอเวฟบอก "ดังนั้น พวกเรา กองรบเวเซอร์เอง ในเมื่อพวกเราต่างก็มีอดีตที่ขมขืนอยู่กับตัวเช่นนี้ แล้วทำไม เราไม่เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นแรงผลักดันให้พวกเราสู้ต่อไปกันเสียเลยละ"
              สเตฟอร์ดพยักหน้า "จริงด้วย เพราะว่าตอนนี้ เราเหลือแค่โอเวอร์เดสกับพวกกันแล้ว แม้พวกเราจะเศร้าโศกกับการสูญเสียพวกพ้องไป แต่เราจะมามัวโอ้เอ้กับเรื่องแบบนี้กันเลยหรือวะ"
              "นั้นสิ ศึกครั้งสุดท้ายอยู่ตรงหน้ากันแล้ว พวกเราต้องลุกขึ้นสู้ต่อไป เพื่อชัยชนะและอนาคตของพวกชาวโลกและพวกเรากันด้วยน่ะ" เจเนลบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "ซึ่งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายของพวกเราที่ต้องลงเอยไม่สวยก็ตาม แต่...ขอแค่เราไม่ยอมแพ้ซะอย่าง ชัยชนะจะไปไหนเสียกันละ"
              "ตอนนี้กองรบทั้งสี่ของโอเวอร์เดสก็ไปหมดแล้ว ครองคอร์ดก็สิ้นลงไปแล้ว เหลือเพียงแค่จักรพรรดิ์โอเวอร์เดสเพียงตนเดียวแล้วน่ะ" สเปียริทกล่าว
              โฟรซ่าบอก "ศึกครั้งนี้แหละจะชี้ชาตะว่าพวกเราหรือโอเวอร์เดสจะเป็นฝ่ายชนะกันละ"
              "มาถึงขั้นนี้ พวกเราไม่ถอยหลังกลับไปแล้วละ เพราะการถอยหลังของพวกเรามีแค่อย่างเดียวก็คือความพ่ายแพ้หมดรูปกันนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "เพื่อวันพรุ่งนี้ของมวลมนุษยชาติ และอนาคตของพวกเราทั้งหมดกันนี้แหละ" แล้วทั้งหมดก็เฮลั่นขึ้นมา
              "ในเมื่อพวกนายมีจิตวิญญาณที่กล้าแกร่งเช่นนี้ พวกนายได้ทำให้ไฟแห่งความหวังของพวกเราที่เดียวดับเดียวลุกนั้นโชติช่วงขึ้นมาเป็นไฟกองใหญ่แล้วละ" บัลโต้บอก
              เบย์แทนด์กล่าว "ตอนนี้พวกคุณคงจะบาดเจ็บกันไม่น้อยแล้ว รีบกลับไปที่ฐานทัพเพื่อให้หมอเซริซ่ารักษากันโดยด่วนดีกว่านะครับ เพราะวันพรุ่งนี้หรือวันต่อๆไป จะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายกันแล้วละครับ"
              "เห็นด้วยน่ะ งั้น เรารีบกลับไปเวลเซน่าเพื่อเตรียมตัวครั้งสำคัญจะดีกว่า" คลอเวฟบอก
              บัลโต้พยักหน้า "ดีเหมือนกันน่ะ กองเรือทั้งหมดรีบกลับไปที่เวลเซน่ากันเดียวนี้เลย ทุกๆคนเองก็กลับเข้าไปในเรือกันด้วยน่ะ" โดยที่ทุกคนกลับเข้าไปในเรือกันแล้ว เว้นแต่คลอเวฟที่หันมายังท้องทะเล ที่ตอนนี้เห็นเงาของไพลม์เทคและเมอริด้า รวมถึงพองเพื่อนที่โบกมืออำลาไว้ ก่อนจะอันตราธานหายไป "ขอบใจมากนะ ทุกๆคน เพราะฉันไม่ได้จากไปเพียงลำพังแล้ว แต่ไปพร้อมกับเพื่อนฝูงในกลุ่มเวเซอร์นี้แหละ" แล้วก็เดินกลับไปที่สะพานเดินเรือเพื่อนำนอร์ติลุสออกจากท่าไป

              ที่ปราการของโอเวอร์เดส
              "แอตแลนไทซ์พินาศสิ้นแล้วสินะ เกซิค" โอเวอร์เดสกล่าว
              เกซิคพยักหน้า "และตอนนี้เราก็เสียขุนพลครองคอร์ดกันไปแล้วด้วย พวกเราไม่เหลือกองทัพอะไรไว้แล้วละครับ"
              "งั้นนะหรือ เกซิค นั้นก็ดีแล้ว เพราะ ความปราชัยของแอตแลนไทซ์นี้แหละจะเป็นศึกสุดท้ายของพวกเรากันละ" โอเวอร์เดสบอก
              จีเนฟาร์รี่กล่าว "ทะ ท่านพ่อคะ ตอนนี้ท่านยังไม่ควรที่จะออกไปประจัญบานกับพวกมนุษย์เลยนะคะ"
              "นั้นสิครับ แม้เราจะเสียกองรบไป แต่หน่วยรบอัตโนมัติของพวกเรานั้นจะเป็นกองอารักขาให้กับท่านเองนะครับ" เกซิคบอก โอเวอร์เดสได้ฟังก็พยักหน้าขึ้น
              จีเนฟาร์รี่บอก "ขอแค่คำสั่งเดียว ให้ข้านำทัพไปจัดการกับพวกโคเคสกันเดียว...."
              "จีเนฟาร์รี่ ศึกครั้งสุดท้ายนั้น ข้าจะให้เจ้าอยู่ในป้อมปราการนี้ บัญชาการรบให้ข้าเห็นกันไปเลยน่ะ" โอเวอร์เดสบอก
              จีเนฟาร์รี่ยิ้มขึ้น แต่ก็ได้แค่เวลาสั้นๆ เพราะ... "ให้อยู่ในปราการนี้นะหรือ แต่ แต่ให้ข้าออกไปรบแนวหน้ากันก็ได้นิ"
              "เจ้าไม่อาจจะเอาชนะพวกกบฎกันได้หรอก จีเนฟาร์รี่ อีกอย่าง เจ้ามีสถานะเป็นบุตรสาวของข้า ข้าจะยอมเสียเจ้าไปไม่ได้เด็ดขาด" โอเวอร์เดสกล่าว
              จีเนฟาร์รี่บอก "ท่านพ่อเป็นห่วงข้าอยู่ละสิคะ ถึงได้พูดเช่นนี้กันน่ะ ซึ่งข้ารู้สึกดีใจแล้วที่ท่านปกป้องข้าไว้น่ะ"
              "เกซิค ข้าจะให้เจ้าเป็นที่ปรึกษาการรบให้จีเนฟาร์รี่ไว้ ดังนั้น ศึกครั้งสุดท้ายนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยบุตรสาวของข้าคว้าชัยชนะมาให้ข้าได้นี้แหละ" โอเวอร์เดสบอก
              เกซิคพยักหน้า "ขอบคุณมากครับ ท่านโอเวอร์เดส"
              แล้วทั้งคู่ก็มาที่ห้องวางแผนงาน ซึ่งตอนนี้ปราศจากครองคอร์ดกันแล้ว
              "คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านพ่อโอเวอร์เดสจะให้ข้าบัญชากองรบไว้ ทั้งๆที่ ข้าควรจะออกรบแนวหน้าเสียด้วยซ้ำน่ะ" จีเนฟาร์รี่บอก
              เกซิคกล่าว "ถึงท่านจะมีพลังที่ร้ายกาจก็จริง แต่ถ้าเทียบกับพวกเวเซอร์ ซึ่งรวมถึงสเปียริทด้วยแล้ว ข้าว่าท่านโอเวอร์เดสทำถูกแล้วละ ที่ไม่ให้ท่านไปเสี่ยงอันตรายกันแบบนั้นเลยน่ะ"
              "แล้วท่านพอจะรู้มั้ยว่าปราการแห่งนี้มีอะไรที่เด็ดขาดกันบ้างน่ะ" จีเนฟาร์รี่ถาม
              เกซิคบอก "ปราการแห่งนี้ จริงๆแล้ว มันคือยานอวกาศที่ท่านโอเวอร์เดสใช้เดินทางจากแรซัลก้ามาถึงที่นี้ ซึ่งท่านโอเวอร์เดสสร้างเป็นยานรบที่น่ากลัวเอาไว้ หากแต่เหตุที่ต้องหลบอยู่ในหุบเขาทมิฬนั้น ก็เพราะว่าต้องการปรับแต่งอาวุธให้ก้าวล้ำอาวุธของพวกมนุษย์กันไว้" แล้วก็เปิดแบบแปลนโฮโลแกรมขึ้นมา "ท่านหญิงควรจะศึกษาไว้ เพราะท่านจำเป็นต้องใช้มันเลยน่ะ"
              "เข้าใจแล้วละ แม้ข้าจะเสียเปรียบต่อสเปียริทที่นับวันจะแข็งแกร่งขึ้นมาจนข้ารับมือไม่อยู่แล้ว อาวุธในยานลำนี้แหละจะส่งเธอให้หายไปจากสายตาของฉันเสียที" จีเนฟาร์รี่บอก
              เกซิคกล่าว "ถึงตอนนั้นแล้ว พอเรากำชัยชนะมาแล้ว ต่อจากนี้ไป เราสองคนจะปกครองโลกใบนี้ด้วยกันเองแหละ เหอะๆๆๆๆ" แล้วก็รินเหล้าลงแก้วทั้งสองใบ ส่งให้จีเนฟาร์รี่รับและชนแก้ว โดยไม่รู้ว่า มีสายตาจ้องมองกันอยู่

              ที่เวลเซน่า กองรบทั้งกองเรือและกองยานบินก็กลับมากันแล้ว
              "ต้องขอบใจพวกเธอมากเลยนะ ในยุทธการปราบพวกแอตแลนไทซ์กันน่ะ" เวสวิงตันบอก
              โคเคสกล่าว "พวกเราแค่ให้ความช่วยเหลือต่อพวกท่านในศึกครั้งสำคัญเองนะครับ แม้ว่า ทางพวกท่านจะมีการสูญเสียไปบ้างก็ตาม"
              "ฝ่ายแอฟริกานั้นเสียหายไปเพียง 40 เปอร์เซนต์ ในขณะที่พวกเรานั้น เสียไปแค่ 30 เปอร์เซนต์ ซึ่งถ้าไม่ได้พวกเธอแล้วละก็ เปอร์เซนต์ดังกล่าวก็คงจะเกินครึ่งไปถึงระดับ 70-90 อย่างแน่นอนเลยละ" เวสวิงตันกล่าว
              เฮลิคบอก "ส่วนหนึ่งเพราะแอตแลนไทซ์มีจุดอ่อนเรื่องการรับคำสั่งและไม่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนกันด้วย ซึ่งอันเป็นผลมาจากพวกเวเซอร์บุกฐานนั้นมาก่อน เลยทำให้พวกนั้นต้องเน้นไปที่กำจัดพวกเราให้สิ้นซากก่อนที่พวกเราจะไปถึงกันนะครับ"
              "นับว่าพวกเธอต่อสู้อย่างมีแบบแผนและใช้แผนการที่เหนือชั้นกว่าของครองคอร์ดที่ถูกเป่ากระจุยไปแล้ว ถึงได้กำชัยชนะมาด้วยกันน่ะ" เวสวิงตันบอก "และคงจะรู้แล้วสิน่ะ ว่าถ้าพวกเธอชนะโอเวอร์เดสกับพวกที่เหลือนิ จะเกิดอะไรขึ้นกันบ้างน่ะ"
              โคเคสพยักหน้าอย่างรู้เรื่องไว้ "และนั้นคงจะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆแล้วละครับ ท่านนายพลเวสวิงตัน ที่เราได้สื่อสารระหว่างกันและกันอย่างเป็นทางการไว้ ผมขอบคุณคำแนะนำของท่านที่ให้ไว้กันนะครับ"
              "แม้การจากไปของพวกเธอนั้น อาจจะนำพาความสงบสุขมาสู่โลกกันก็ตาม ฉันขอบใจเธอมากเลยนะ โคเคส ที่กลับตัวกลับใจได้ทันก่อนที่เธอจะถล่ำลึกไปมากกว่านี้..." เวสวิงตันกล่าว "ขอให้โชคดีนะ หลานชาย ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ฉันรู้ว่า สิ่งที่เธอทำมานั้น จะไม่สูญเปล่าแน่นอน ถึงแม้ว่าโลกจะปราศจากแมนิเกเตอร์ไปแล้วน่ะ" แล้วก็ตัดการติดต่อไป
              เบย์แทนด์กล่าว "ผมได้ลบรหัสสัญญาณติดต่อของลิเบอตี้นิวออรีนกันไปแล้ว ซึ่งรวมไปถึงการโยกย้ายข้าวของในเวลเซน่าด้วยนะครับ"
              "เอาละ ตอนนี้ทางเราก็เตรียมพร้อมเรื่องกองรบกันแล้ว ว่าแต่ ทางสถาบันวิจัยของดร.รีไลฟ์เวอรี่ละ" เฮลิคกล่าว
              เบย์แทนด์บอก "โปรเจคสุดยอดนั้นเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วละครับ ด้วยการอาศัยในช่วงที่ทั้งโลกให้ความสนใจในการสู้รบของพวกเราทุกๆคนนั้น ดร.รีไลฟ์เวอรี่และทุกๆคนพยายามกันอย่างเต็มที่จนโปรเจคเสร็จสมบูรณ์กันแล้วละครับ"
              "ดีแล้วละ แม้ว่าฉันกับพวกจะรู้สึกเป็นห่วงดร.รีไลฟ์เวอรี่เลยก็ตาม แต่ความพยายามในการต่อสู้ของพวกเรานั้นไม่สูญเปล่าอย่างแท้จริงกันน่ะ เหมือนเช่นความพยายามของดร.เองด้วย" โคเคสกล่าว
              บัลโต้บอก "แน่ละ เพราะว่าพวกเราไม่ทำให้ดร.รีไลฟ์เวอรี่ผิดหวังกันแล้วละน่ะ"
              "เออ พวกคุณอยู่กันพร้อมหน้าแล้วสิน่ะ" วูลลิเซียกล่าวโดยที่รีบวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
              "คุณวูลลิเซีย ว่าแต่ ที่รีบมานิ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับโปรเจคของพวกเรากันละครับ" เบย์แทนด์ถาม
              "โปรเจคของเราพร้อมแล้วก็จริง แต่..." วูลลิเซียบอก "...ดร.รีไลฟ์เวอรี่ได้เดินทางมาที่นี้ด้วยตัวเองกันนะสิ"
              โคเคสบอก "มา มาที่นี้นะหรือ...แต่ ทำไมละ ดร.รีไลฟ์เวอรี่ไม่ควรออกมาข้างนอก ต่อให้ใช้เทเลพอร์ตมาก็ตาม เพราะเขาเป็นบุคคลต้องการตัวกันนะ"
              "คือว่าตอนนี้....ดร.รีไลฟ์เวอรี่ใกล้จะถึงเวลานั้นแล้วละ" วูลลิเซียกล่าว เบย์แทนด์ได้ฟังก็เกือบทำแพดหล่นมือไป
              เฮลิคกล่าว "....นี้อย่าบอกน่ะ ว่าดร.รีไลฟ์เวอรี่ดำเนินการโปรเจคแบบต่อเนื่องไม่มีหยุดพักกันเลยหรือ"
              "นับแต่คุณเทเรซ่าและคุณเฮอแมนจากไปนั้น อีธานติดต่อมาว่า ดร.รีไลฟ์เวอรี่ทุ่มเทแรงกายและแรงใจในการดำเนินงานโปรเจคนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน แม้ว่าอีธานและเอโอลีนขอร้องให้ไปพักไว้ ในช่วงที่ดร.หมดสติลงและคิดว่าน่าจะตายไปแล้ว แต่ดร.เองก็ใจสู้กันไม่น้อย และห้ามไม่ให้อีธานบอกเรื่องนี้ไว้ เพราะกลัวว่าจะทำให้พวกเรา ไม่มีสมาธิจดจ่อกับการต่อสู้ดังกล่าวนะสิ" วูลลิเซียบอก
              โคเคสกล่าว "แล้วตอนนี้ ดร.อยู่ที่ห้องพยาบาลแล้วสิน่ะ"
              "ใช่ หมอเซริซ่าทำการติดตั้งเครื่องช่วยหายใจและประคองชีพไว้แล้ว แม้สัญญาณชีพของดร.ในตอนนี้ มันจะใกล้ถึงเวลานั้นเต็มทีแล้วน่ะ" วูลลิเซียกล่าว โดยที่ซับน้ำตาไว้
              เบย์แทนด์บอก "งั้นก็ พาพวกเราไปดูใจดร.รีไลฟ์เวอรี่กันดีกว่านะครับ"

              ที่ห้องพยาบาล ห้องพักของรีไลฟ์เวอรี่
              "เวลาการต่อสู้ครั้งสำคัญของพวกเธอมาถึงแล้วสิน่ะ" รีไลฟ์เวอรี่บอก โคเคสพยักหน้า
              เจเนลบอก "แต่ดร.ไม่น่าจะถ่อสังขารมานี้กันเลยน่ะ เพราะเราต่างรู้ว่าดร.เองก็เป็นบุคคลที่ทุกรัฐบาลต้องการตัวกันอยู่น่ะ"
              "แค่ฉันมานี้เพื่อมาดูพวกเธอทุกๆคนก็ถือว่าคุ้มแล้วละ แม้ว่าจะต้องออกจากสถาบันลับของฉันที่ตอนนี้ กลวงและไม่เหลืออะไรไว้เลยก็ตาม" รีไลฟ์เวอรี่บอก "แต่ฉันก็ดีใจแล้วละ ที่ได้ทุ่มเททุกอย่าง เพื่อผลักดันให้พวกเธอมุ่งหน้าไปสู่อนาคตข้างหน้า ถึงแม้ว่า เส้นทางนั้นจะต้องแลกมากับการเจ็บตัวและการสูญเสียดังกล่าว แต่ทุกความสำเร็จนั้นไม่มีทางไหนที่ได้มาโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดกันหรอกน่ะ"
              พีวิลกล่าว "เหมือนภาษิตหนึ่งว่าไว้ ถ้าไม่เจ็บตัวก็ไม่มีทางได้รางวัลละสินะครับ"
              "แม้จะตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นบุคคลสำคัญในช่วงยุคอันรุ่งเรืองมาก็ตาม พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เจอกับคนอย่างท่านนะครับ" บรอนเซอรูทบอก
              รีไลฟ์เวอรี่บอก "และคาดไม่ถึงเลยน่ะ ว่าพวกเธอจะมาจากสถานที่ที่ห่างไกลความวุ่นวาย และล้วนเกี่ยวข้องกับสองสามีภรรยาเบอเวนท์ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของโอเวอร์เดสไปเสียได้ ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้ก็คงจะช่วยพวกเธอไปนานแล้วละ"
              "อย่าพูดอะไรเลยดีกว่านะครับ ดร.รีไลฟ์เวอรี่ เพราะนั้นจะยิ่งทำให้ท่านทรุดเร็วลง" อีธานกล่าว
               รีไลฟ์เวอรี่ยิ้มพร้อมกับบอกว่า "อีธาน...เวลาที่ฉันอยู่บนโลกใบนี้มันใกล้หมดลงแล้ว ยุคสมัยเก่าที่ฉันคุ้นเคยนั้นเป็นแค่อดีตที่ลางเลือนและถูกแทนที่ด้วยยุคสมัยใหม่บนโลกใบนี้ อย่าได้อาลัยอาวรณ์ต่อการจากไปของฉันเลย เพราะ...ฉันได้มอบให้เธอกับเอโอลีน ดูแลทุกอย่างในโปรเจคไว้แล้วละน่ะ" อีธานพยักหน้าขึ้น รีไลฟ์เวอรี่เลยหันมากล่าว "เอโอลีน ด้วยภาระที่หนักอึ้งนั้น ฉันหวังว่าเธอคงจะดูแลทั้งงานและลูกไปด้วยกัน อย่างน้อย ฉันก็ดีใจมากกับพวกเธอทั้งสามคนด้วยน่ะ"
              "ขอบคุณมากนะคะ ดร.รีไลฟ์เวอรี่ที่เป็นห่วงเป็นใยฉันเสมอ" เอโอลีนบอก
              รีไลฟ์เวอรี่บอก "วูลลิเซีย แม้เธอจะเป็นคนที่ชื่นชอบหุ่นยนต์และเครื่องจักรกลกันไม่น้อย จนคนอื่นๆมองว่าเธอเป็นคนที่บ้าและคลั้งไคล้หุ่นยนต์จนไม่สนใจทำงาน แต่ความคลั้งไคล้ของเธอนั้นก็ให้ประโยชน์กับทุกๆคนในการพัฒนาสร้างเครื่องยนต์กลไกมากขึ้น รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจที่ให้คนอื่นในสถาบันอยู่ร่วมกันกับแมนิเกเตอร์หุ่นยนต์ แอนดรอยและไซบอร์คด้วย อย่าได้ละทิ้งความรู้ที่เธอมีและจดจ่อกับงานที่ทำเสียด้วยละ"
              "คะ ดร.รีไลฟ์เวอรี่ แม้ฉันจะเป็นคนที่ไม่เอาไหนที่สุดในหมู่นักเรียนของท่าน แต่ฉันก็ภูมิใจที่ท่านเข้าใจในความคิดของฉันนะคะ" วูลลิเซียกล่าว
              รีไลฟ์เวอรี่พยักหน้า และหันมายัง "เบย์แทนด์ ในฐานะที่เธอเป็นเด็กหนุ่มที่มีความสนใจในเรื่องโลกภายนอก และมีความตั้งใจที่จะเป็นมิตรกับทุกฝ่าย แม้ลึกๆแล้วเธอรู้สึกเหนื่อยล้าและหวาดกลัวกันบ้าง แต่...ฉันอยากจะให้เธอ...เข้มแข็งเข้าไว้ อดทนอดกลั้นต่ออุปสรรค์ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต และที่สำคัญก็คือ อย่าละทิ้งความเป็นตัวของเธอเองเป็นอันขาด เพราะนั้นเป็นจุดเด่นของเธอที่ทำให้พวกโคเคสประสบความสำเร็จ และพวกเราสามารถดำเนินโปรเจคไปตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว รวมไปถึงสร้างความเป็นมิตรระหว่างพวกเธอทั้งหมดกับชาวต่างดาวเองด้วยน่ะ"
              "ผมจะจำคำสอนของคุณไว้นะครับ ดร.รีไลฟ์เวอรี่" เบย์แทนด์กล่าวทั้งน้ำตาไว้
              รีไลฟ์เวอรี่พยักหน้า "โคเคส จริงอยู่ที่เธอเป็นแค่ทหารและเป็นถึงผู้บังคับบัญชาแมนิเกเตอร์ทั้งหมด ที่ไปรวบรวมหรือช่วยเหลือมาไว้ แน่นอนว่าเธอต้องแบกรับภาระทุกอย่างไว้อย่างมากมายด้วย แต่...ก็อย่าลืมด้วยน่ะ ว่าถ้าคนบนโลกเองยังมีคนดีที่ช่วยเหลือเธอเหมือนกับพวกเราแล้ว แมนิเกเตอร์ในอวกาศบางกลุ่มและชนเผ่าต่างดาว หรือแม้กระทั่งกองรบของเฮนรี่ ไนท์เอง ก็ย่อมมีคนดีที่พร้อมจะช่วยเหลือเธอแก้ไขอุปสรรค์นั้นได้แน่นอน แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เธอจงอย่าลืมว่า การที่เธอกับพวกออกจากโลกใบนี้อย่างปลอดภัยนั้น เพราะทุกฝ่ายร่วมมือกัน แม้จะต่างอุดมการณ์หรือขัดแย้งกันในบางเรื่อง ฉันหวังว่าความเป็นผู้นำของเธอนั้น จะคงอยู่เพื่อนำพาพวกแมนิเกเตอร์ทั้งหลาย ไปสู่บ้านใหม่ในอวกาศอันไกลโพ้น อยู่อย่างสงบสุข แม้จะต้องพบพานกับภัยคุกคามทั้งหลายก็ตาม จงอย่าได้ยอมแพ้ต่ออุปสรรค์นั้นเป็นอันขาด ไม่ว่าอุปสรรค์นั้นจะแก้ยากก็ตาม" แล้วก็ชี้ไปที่หน้าอกของโคเคส "ผู้นำที่แท้จริง หาใช่มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ หาใช่มีกำลังคนมากมายในกำมือ หากแต่...เป็นหัวใจที่ไม่ยอมย่อท้อต่ออุปสรรค์และอุทิศตนเพื่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ซึ่งฉันเชื่อมั่นในหัวใจของความเป็นผู้นำเหล่าแมนิเกเตอร์จากโลกใบนี้ว่าเธอจะต้องทำได้แน่นอนน่ะ"
              "ดร.รีไลฟ์เวอรี่ ผมดีใจมากนะครับ ที่ได้เจอกับบุคคลสำคัญมากที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในยุคสมัยอันเลวร้ายภายใต้การนำของโอเวอร์เดสและพรรคพวกจนเกิดความสิ้นหวังไว้ และผมขอบคุณในความหวังดีของท่าน ที่ผลักดันให้ผมมีวันนี้ขึ้นมากันนะครับ" โคเคสกล่าวทั้งน้ำตาไว้
              รีไลฟ์เวอรี่พยักหน้าและมองไปยังพวกเวเซอร์ด้วย "พวกเธอเองก็ช่วยเหลือโคเคสและพรรคพวกกันไว้ด้วยละ แม้ว่าภายภาคหน้าพวกเธอจะต้องพบกับสหายหรือพวกพ้องใหม่ๆกันก็ตาม ด้วยกำลังของพวกเธอทุกๆคนนั้น ฉันเชื่อว่า ชัยชนะของพวกเธอทุกๆคนจะต้องได้มากันอย่างแน่นอนเลยละ"
              "เช่นกันนะครับ ดร.รีไลฟ์เวอรี่ เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เจอกับท่านนะครับ" พีวิลบอกโดยที่หลั่งน้ำตาออกมา
              สเตฟอร์ดบอก "ถ้าไม่ได้ท่านช่วยไว้ ปานนี้ผมกับโฟรซ่าและไซโครเนีย คงไม่ได้อยู่ช่วยโคเคสกับพวกพีวิลกันหรอกนะครับ"
              "บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตพวกเราสามคนไว้ เราจะไม่มีวันลืมเลยนะคะ" โฟรซ่าบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "ขอบคุณมากนะคะ ดร.รีไลฟ์เวอรี่ ด้วยการเสียสละของสกายล็อตและของท่าน ฉันถึงสามารถโบยบินได้ด้วยตัวเองแล้วคะ"
              "ดีแล้วละ พวกเธอทุกๆคน...น้ำตาของพวกเธอนั้นฉันได้เห็นกันไปแล้ว" รีไลฟ์เวอรี่กล่าวโดยที่ทุกๆคนโดยรอบต่างก็ร้องไห้กันยกใหญ่ แม้กระทั่งพวกบรอนเซอรูทที่พึ่งเจอนั้นก็รู้สึกเศร้าไปด้วย เช่นเดียวกับพวกเฮเรเค้นที่อยู่รอบนอกไว้ และแอนเดรียที่มาดูใจจากข้างนอกไปด้วย โดยที่ดร.รีไลฟ์เวอรี่เงยหน้าขึ้นมาและได้เห็น... "ลูกคงจะรอพ่ออยู่แล้วสิน่ะ เทเรซ่า เฮอแมน...พ่อเหนือยล้าจากงานหนักมาทั้งชีวิตแล้ว....ถึงเวลาที่พ่อจะได้พักผ่อนอย่างสงบตลอดกาล...." รีไลฟ์เวอรี่ยิ้มก่อนแล้วก็หลับตาพร้อมกับ.... "ตื้ดดดดดดดดด" เสียงเครื่องวัดคลื่นหัวใจดังขึ้น บ่งบอกถึงวาระสุดท้ายของอีวาน รีไลฟ์เวอรี่ ยอดนักวิทยาศาสตร์แห่งยุคทอง หัวหน้าโครงการพัฒนามนุษย์ไปสู่อวกาศ ผู้ซึ่งหลบหนีการไล่ล่าและความวุ่นวายจากโลกภายนอกมาหลบอยู่ในหุบเขาเอเวอเรส เพื่อดำเนินโปรเจคมาตลอด 40 ปีเต็ม โดยจากไปอย่างสงบ ด้วยอายุ 78 ปีเต็มด้วยกัน ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของทุกๆคนในห้อง นอกห้อง ภายในตัวเมืองกันไว้แล้ว
              "ขอบคุณมากนะครับ ดร.รีไลฟ์เวอรี่ ชั่วชีวิตนี้ ผมจะไม่ลืมบุญคุณของท่านไปจนวันตายเลย" โคเคสกล่าวทั้งน้ำตาไว้

              หลังจากนั้น เวลาแห่งความเศร้าโศกก็ดำเนินผ่านไปข้ามคืนด้วยกัน พิธีเผาศพดร.รีไลฟ์เวอรี่จึงเริ่มขึ้น ด้วยการใช้เพลิงพลาสม่าเผาร่างของดร.รีไลฟ์เวอรี่เอาไว้ เพื่อมิให้มีใครนำศพของดร.ไปคืนชีพเพื่อเอาข้อมูลการวิจัยของดร.ที่อยู่ในหัวไป ซึ่งนั้นเป็นคำขอสุดท้ายจากตัวดร.รีไลฟ์เวอรี่ที่ให้ไว้ต่อพวกโคเคสและเบย์แทนด์กันด้วย ส่วนป้ายหลุมศพนั้น ดร.รีไลฟ์เวอรี่ได้เพิ่มชื่อของเขาไว้บนป้ายหลุมศพของเทคไครด์และเฮคไซน์ที่เอเวอเรสกันแล้ว
              "ยังรู้สึกเสียใจกับการจากไปของดร.แล้วสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าวกับแอนเดรียไว้
              "ทีจริง ฉันควรจะอยู่ดูใจดร.ไว้แล้วแท้ๆ แต่ฉันก็ได้แค่มองอยู่ด้านนอกห้องไว้ เพราะไม่กล้าที่จะออกมาเจอหน้าดร.ในสภาพนั้นเลยนะคะ"
              "ไม่หรอก ดร.ได้สั่งเสียกับคุณไว้ด้วยนะ" มาสวาร์ทาร์บอก พร้อมกับส่งจดหมายมาให้แอนเดรีย ซึ่งเป็นจดหมายที่อีธานรับจากรีไลฟ์เวอรี่ไว้ แอนเดรียเลยเปิดอ่านดูและอ่านดังๆ "หนูเอเดรียน ถ้าหนูได้อ่านจดหมายนี้แล้ว แปลว่าตอนนี้ ฉันไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว แม้ว่าหนูกับพ่อ ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของฉันในช่วงก่อนที่โอเวอร์เดสจะถูกสร้างขึ้นมา ควรจะอาศัยอยู่อย่างสงบโดยไม่มีใครมาปองร้ายกัน หลังจากที่หนูกับพ่อ หายสาปสูญไปตั้ง 40 กว่าปีเต็ม...แต่สิ่งที่ฉันหวังไว้ มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเสียเลย เพราะในช่วงที่ฉันกับพวกนักวิจัยออกไปทำวิจัยกันที่ริมหาดนั้น ฉันเจอหนูสาหัสปางตายเกยหาดทรายเอาไว้ แม้จะไม่รู้ว่า หนูประสบเหตุร้ายมายังไง แล้วพ่อของหนูหายไปไหนกันนั้น แต่อย่างน้อย สิ่งที่ฉันหวั่นเกรงก็เป็นจริงขึ้นมาแล้ว ว่าพ่อของหนูและตัวหนูเอง ถูกปลุกให้ตื่นจากเตียงเย็นที่ถูกปรับเซตให้หลับไหลเป็นเวลานานเป็นทศวรรษ โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้กันได้ ซึ่งฉันคิดว่า ที่อยู่ของหนูกับพ่อของหนูคงจะถูกล่วงรู้และมีคนนำตัวออกมา แล้วเกิดเรื่องเลวร้ายที่พลัดพรากหนูกับพ่อให้แยกจากกันไป ซึ่งแม้ฉันอยากจะออกตามหาพ่อของหนูไว้ก็ตาม แต่ฉันก็รู้ ว่าฉันเองก็เป็นบุคคลต้องการตัวเหมือนกับพ่อของหนู และการตามหานั้นอาจจะทำให้กลุ่มคนที่ต้องการตัวฉันและตัวพ่อของหนูล่วงรู้เข้า แม้ฉันจะรู้ในภายหลัง ว่าพ่อของหนูได้หายสาปสูญไปอย่างลึกลับและไม่มีการสืบสาวเอาเรื่องเลยก็ตาม ฉันจึงทำได้เพียงแค่บอกว่า พ่อของหนูไปสบายแล้ว แม้ว่านั้นจะทำให้หนูรู้สึกเสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับมาตลอด 4-5 วันด้วยกันก็ตาม"
              "แปลว่า ดร.คงรู้แล้วว่า ไม่มีประโยชน์เลยที่จะออกตามหาพ่อของฉัน เพราะว่าเขาเองก็พลอยเดือดร้อนด้วยสิน่ะ" แอนเดรียกล่าวและอ่านจดหมายต่อ
              "....แม้ว่าสภาพของหนูก่อนที่จะถูกพามาที่สถาบันนั้น ใกล้จะหมดลมหายใจเต็มทนแล้ว แต่ฉันเองก็รู้ดี ว่าถ้าไม่ช่วยหนูไว้ หนูก็ต้องตายโดยไม่รู้ว่าพ่อของหนูเป็นตายร้ายดียังไงหรือเปล่า ซึ่งแม้ว่าสิ่งที่ฉันช่วยหนูเอาไว้ จะเป็นการ....ทำให้หนูกลายเป็นแมนิแฟคเตอร์ ไม่สิ แมนิเกเตอร์กันไปแล้วก็ตาม และนั้นหมายถึง เชื้อสายตระกูลเดลวีแองนูจะหมดลงแค่รุ่นของหนูกันแล้ว แต่พอเห็นหนูหลังจากที่ปิดขังตัวเองมาตลอด 5 วันนั้น กลับมาข้างนอกและเดินไปช่วยพวกครูสอนพวกเด็กๆ เหมือนที่หนูเคยทำมาก่อนในช่วง 40 ปีที่แล้ว ฉันถึงได้รู้ว่า หนูเป็นคนที่อ่อนโยนแต่ก็เข้มแข็งกันไม่น้อย ทั้งนี้ เพราะว่าแม่ของหนูก่อนตายนั้น ได้สอนให้หนูรู้จักใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองเพื่อดูแลพ่อของหนูและคนอื่นๆที่เป็นเพื่อนกับหนูไว้ด้วย ซึ่งฉันได้ลืมเรื่องนั้นไปเพราะมัวแต่ดูแลโปรเจคอพยพไปสู่อวกาศมาตลอด 40 ปีเต็มๆ และยิ่งมารู้ด้วยว่า โลกภายนอกตอนนี้ โอเวอร์เดส แมนิเกเตอร์ตัวโตที่พ่อของหนูสร้างขึ้นมาเพราะถูกอำนาจรัฐบาลสหพันธ์โลกเก่าบีบบังคับให้สร้างไว้ จากเดิมที่หายสาปสูญไปนับ 20 ปีเต็ม ก็กลับมาใหม่อีกครั้งและสร้างความวุ่นวายให้กับโลกใบนี้อีก 20 ปีกันด้วย แม้พวกโคเคสเองจะทำสงครามกันในช่วงปีที่ 40 นั้นไว้ จนมาถึงช่วงสุดท้ายนี้แล้วก็ตาม ฉันถึงได้รู้ว่า ยุคทองอันรุ่งเรืองที่ตระกูลเดลวีแองนูได้ผลักดันสรรสร้างมานั้น ได้กลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว ส่วนตัวหนูในตอนนี้ ไม่ได้เป็นคนตระกูลเดลวีแองนูแล้วด้วย แต่เป็นแมนิเกเตอร์ที่มีชีวิตใหม่ในสังคมใหม่ๆ บนดาวดวงใดดวงหนึ่งของจักรวาลนี้ จงใช้ชีวิตอยู่ต่อไปแล้วกันน่ะ หนูแอนเดรีย อย่างน้อย ฉันก็ได้ตายตาหลับแล้ว เมื่อรู้ว่าหนูได้ตัดสินใจเดินหน้าต่อไปกันน่ะ จาก อีวาน รีไลฟ์เวอรี่ เพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิทของอัลบาร์ท เดลวีแองนู"
              "ขอบคุณมากนะคะ ดร.รีไลฟ์เวอรี่ ที่อุตสาห์เป็นห่วงหนูจนวินาทีสุดท้ายกันน่ะ" แอนเดรียกล่าว และหันมาถาม "แล้วว่าแต่ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั้น คงจะเป็นการยุติสิ่งที่คุณพ่อสร้างมาแล้วสิน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "แล้วคุณไม่คิดที่ขัดขวางพวกเราไม่ให้ทำลายโอเวอร์เดสกันเลยหรือ"
              "สิ่งที่คุณพ่อสร้างมานั้นได้ทำความเดือดร้อนมาก  สร้างปัญหาให้กับคนทั้งโลกกันมากมายเช่นนี้ คุณพ่อเองก็อยากจะให้ใครสักคนมาหยุดยั้งมันไว้ ต่อให้ต้องทำลายโอเวอร์เดสทิ้งไปเลยก็ตาม" แอนเดรียบอก "แม้คุณพ่อจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้และเห็นถึงผลงานที่โอเวอร์เดสหรือฟาเธอร์ก่อขึ้นมา แต่คุณพ่อเองก็รู้สึกดีใจแล้วละคะ ที่คุณกับพวกคุณโคเคส ตัดสินใจหยุดยั้งโอเวอร์เดสเอาไว้ เพื่อมิให้สงครามอันเลวร้ายครั้งที่สามเกิดขึ้นมาอีก ดังนั้น...ฉันจึงอยากจะให้สิ่งที่คุณพ่อสร้างมาได้จบลงกันในวันพรุ่งนี้แล้วคะ แม้นั้นจะหมายถึง การสูญเสียพวกคุณคนใดคนหนึ่งไปก็ตาม"
              มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็พยักหน้า "วางใจได้นะ แอนเดรีย ผมกับทุกๆคนจะต้องรอดกลับมาอย่างแน่นอน ดังนั้น ผมจึงอยากให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยนะครับ"
              "เช่นกันคะ คุณมาสวาร์ทาร์" แอนเดรียบอก โดยที่เดินไปพร้อมกับมาสวาร์ทาร์ไว้ ซึ่งมาสวาร์ทาร์ได้เงยหน้าขึ้นมา
              "ดร.รีไลฟ์เวอรี่ ดร.เดลวีแองนู ผมขอสาบานไว้ ว่าผม จะปกป้องแอนเดรียตราบเท่าชีวิตไว้ด้วยตัวของผมเองนะครับ"

    โปรดติดตามตอนต่อไป กับการจบภาคโลกาในตอนที่ 20 ศึกครั้งสุดท้าย โคเคสปะทะโอเวอร์เดส การต่อสู้เพื่อวันพรุ่งนี้ของแมนิเกเตอร์
    ตอนหน้า ศึกครั้งสำคัญระหว่างจักรพรรดิ์แมนิเกเตอร์ผู้เหนือความตาย โอเวอร์เดส ปะทะกับ กองกำลังสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์นำโดยโคเคส ได้เริ่มขึ้นแล้ว ศึกตัดสินนี้จะชี้ขาดถึงอนาคตของโลกใบนี้ และอนาคตของแมนิเกเตอร์กันด้วย ผลจะลงเอยเช่นไร ต้องติดตามกันแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×