ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Manigator Saga Rebellion Soldiers

    ลำดับตอนที่ #39 : ตอนที่ 18 ยุทธการกอบกู้แทแรนเซียคืน ศึกปะทะพ่อแม่ลูกอันน่าเจ็บปวด บทกอบกู้เมือง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17
      0
      13 ก.ย. 64

              ณ.ฐานทัพใต้ท้องทะเลของพวกแอตแลนไทซ์ เขตทะเลอาราเบียน คาบสมุทรอินเดีย 4 วันต่อมา
              "หวอออ หวอออ หวออออ หวออออ" สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในฐาน สปาดาไนซ์หญิงรายงาน "พวกโคเคสบุกมาแล้วละคะ" โดยเห็นเรือแคร์แลนด์ 4 ลำโผล่มา
              เฮอคูลอนระดับหัวหน้ากล่าว "มาแค่ 4 ลำเองหรือ เหอะ เดรดชาร์จของพวกเรา 20 ลำก็บดขยี้กันได้อยู่แล้ว จมให้เรือพวกมันอัปปางไป..."
              "ฟ้าววววว ตรูมมมมมม" ฉับพลันฐานทัพก็ระเบิดขึ้น ต่อด้วย "ฟ้าวววว ตรูมมมม" เดรดชาร์จถูกยิงด้วยตอปิโดจนระเบิดไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ "วี้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ดวงไฟปรากฎจากด้านหลังเรือแคร์แลนด์ 4 ลำไว้ ซึ่งเป็นพวกการ์เซนท์ติดท่อนล่างที่เป็นเรือยาวที่สามารถดำน้ำได้ พร้อมกับเมทัลแล็กซ์ที่ติดตั้งบูสเตอร์สำหรับดำน้ำจำนวน 20 เครื่อง ติดตั้งอาวุธใช้งานใต้น้ำอย่างตอปิโดและปืนคลื่นเสียงโซนาร์ไว้ ซึ่งอัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์ก็ติดตั้งบูสเตอร์ใต้น้ำไว้ด้วย "ไกซ์ แม้จะโมดิฟายให้ใช้งานในน้ำได้ แต่อาวุธเกือบทั้งหมดเว้นแต่โซลิดเบลดนั้นใช้ไม่ได้เลยน่ะ" พีวิลกล่าว โดยตอนนี้อยู่บนเรือลำหนึ่งมากับบัลโต้ที่เป็นผู้นำกองเรือด้วย
              "เข้าใจแล้วละครับ แม้ว่าจะทดแทนด้วยเครื่องยิงฉมวกความเร็วสูงไว้ก็ตามนะครับ" ไกซ์บอก
              "เริ่มต้นการโจมตีได้" บัลโต้สั่งการ ซึ่งพวกแอตแลนไทซ์นำเดรดชาร์จเข้าโจมตีด้วยตอปิโดและปืนใหญ่พลังไฮโดรฟอสแล้ว "แว้งๆๆๆๆๆ" มิลด์ยิงปืนยาวลำแสงแช่แข็งให้กลายเป็นกำแพงน้ำแข็งทรงหกเหลี่ยมเข้าป้องกันการโจมตีไว้ แล้วก็ "ตรุ้งๆๆๆๆๆๆ" เรือแคร์แลนด์สี่ลำยิงตอปิโดลันเชอร์จากด้านหน้า เข้าใส่เดรดชาร์จ "ตรูมๆๆๆๆๆ" จนล่มอัปปางลงไปสามลำด้วยกัน เรือเดรดชาร์จเลยต้องส่งเฮฟโวลออกมาเป็นจำนวนมากออกไปจัดการโดยเร็ว "ตรุ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เมทัลแล็กซ์ของบรูโน่ระดมโจมตีด้วยเครื่องยิงทุ่นระเบิดจากป้อมด้านข้างหัวไหล่เข้าถล่มใส่พวกเฮฟโวลจนกระจุยไปเป็นสิบเครื่อง ในขณะที่เมทัลแล็กซ์อีก 10 เครื่องระดมโจมตีด้วยตอปิโดลันเชอร์ที่อยู่ในหัวไหล่เข้าถล่มใส่เฮฟโวลร่วงไปไม่น้อย การ์เซนท์ติดตั้งมารีนคลุยเซอร์พุ่งเข้าโจมตีใส่เฮฟโวลที่โจมตีด้วยไฮโดรเลเซอร์อย่างงุ้มง่ามด้วยลองค์ตอปิโดจากหัวเรือที่ซ่อนเอาไว้จนระเบิด พร้อมกับพุ่งโจมตีด้วยดาบหัวเรือแทงใส่คอกพิตของเฮฟโวลและ... "ตรุ้งๆๆ" ใช้ปืนยิงฉมวกความเร็วสูงเข้าใส่ระยะเผาขนจนระเบิดไป "แชดๆๆๆๆๆ" การ์เซนท์บางตัวยิงปืนแสงแช่แข็งเข้าใส่เฮฟโวลจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง ซึ่งก็ถูกผลักเข้าไปชนกับเดรดชาร์จจนระเบิดไปพร้อมกัน "หนอยยย ตายซะเถอะ ไอ้..." เฮอคูลอนนำเฮฟโวลบุกเข้ามาหมายจะสับการ์เซนท์ด้วยดาบใบเลื้อยขนาดใหญ่ แต่ไกซ์ระดมยิงปืนฉมวกความเร็วสูงติดแขนจนไล่มันไป แล้วก็... "หวับบบ ฉั้วะ" ใช้ดาบโซลิดเบลดฟันใส่เฮฟโวลจนตัวขาดครึ่งไป เฮฟโวลอีกตัวก็บุกมาจากด้านหลังหมายจะยิงตอปิโดจากส่วนแขนใส่ "แชดดดดดด" มิลด์ยิงลำแสงแช่แข็งสกัดกั้นเฮฟโวลจนแขนซ้ายมีน้ำแข็งเกาะทั้งท่อน เปิดช่องให้... "ย้า" มิลด์เลยใช้ปืนยิงคลื่นเสียงโซนาร์เข้าใส่ตรงกลางลำตัวจนเป่ามิลมีซอนที่ควบคุมอยู่แหลกไปอย่างจังๆ
              "ตอนนี้พวกมันเริ่มบุกเข้ามาทางเราแล้วละคะ" มิลด์บอก เมื่อเห็นเดรดชาร์จบุกเข้ามากันแล้ว
              "ยิงจรวดสว่านออกไปเลย" บัลโต้กล่าว แล้วเรือแคร์แลนด์ก็เปิดส่วนหัวเรือออกมาและ "ตรุ้งงง ตรุ้งงงง ตรุ้งงงง ตรุ้งงงง" ปล่อยจรวดมิไซล์ทั้งสี่ลูกพุ่งเข้าใส่กองเรือเดรดชาร์จเข้า "ชรี้ดดดด โครมมมมม" จรวดสว่านพุ่งทะลวงจากหัวเรือไปถล่มข้างในเรืออย่างรุนแรงและทะลุออกด้านท้ายจนเรือระเบิดไปพร้อมกับพวกแอตแลนไทซ์ที่ประจำบนเรือทั้งสี่ลำ แล้วก็ "แชดๆๆๆๆๆๆๆ" ยิงปืนใหญ่ลำแสงแช่แข็งเข้าใส่เรืออีกสี่ลำให้แข็งทื้อ จนถูกพวกการ์เซนท์และเมทัลแล็กซ์ถล่มด้วยจรวดฉมวกทิ้มแทงจนแตกกระจุยไปกันหมด แล้วเรือแคร์แลนด์ของบัลโต้ก็พุ่งเข้าใส่ "โครมมมม"หัวเรือทะลุกับฐานทัพเพื่อส่งกำลังพลที่ประจำบนเรือเข้าถล่มใส่พวกแอตแลนไทซ์ด้วยอาวุธปืนพลังไฟฟ้ากันอย่างไม่เกรงกลัวไป
              "ไม่ได้การแล้ว เรียกกองหนุนจากอ่าวเบงกอลมาที่นี้โดยเร็วเลย" เฮอคูลอนระดับหัวหน้าสั่ง เมื่อเห็นพีวิลบุกเข้าจัดการกับพวกมิลมีซอนด้วยเอนเนอจี้ร็อดกันแล้ว
              "ไม่ได้คะ กองรบที่เบงกอลนั้นก็..." สปาดาไนซ์กล่าว เพราะว่าตอนนี้ฝั่งเบงกอลเองก็...
             "ตรูมมม ตรูมมม ตรูมมมม" จายด์ใช้การีสต้าแคนน่อนยิงใส่เดรดชาร์จจนอัปปางลงไปลำหนึ่ง เพื่อเปิดช่องให้เจเนลบุกโจมตีด้วย "ไฮเปอร์เมเซอร์สแลช" ดาบไฮเมทัลเบลดฟันใส่เรือเดรดชาร์จจนส่วนหัวขาดเป็นสองซีก เพื่อให้เฮลิคยิงตอปิโดเข้าไปถล่มจนระเบิดอย่างจังๆ ส่วนกองรบเมทัลแล็กซ์และการ์เซนท์บุกเข้ามาระดมถล่มใส่พวกเฮฟโวลจนพัง ในขณะที่เรือเดรดชาร์จลำอื่นนั้น
              "อาจารย์คะ พวกเรายึดเรือของพวกมันไว้แล้วละคะ" เวลลิทกล่าวโดยพาพวกบีสทอยด์ปลาและสัตว์น้ำ ลักลอบว่ายเข้าไปโจมตีพวกแอตแลนไทซ์เอาไว้ จนยึดเรือชั้นเดรดชาร์จทั้งหมด 10 ลำไว้ด้วยกัน ซึ่งมาสวาร์ทาร์ที่อยู่กับเฮลิคนั้นก็สั่งไปว่า
              "หันหัวเรือไปทางฐานทัพแล้วบุกยึดไปได้เลย ครูกับพวกจะตามไปซ้ำด้วย"
              "บัดซบเอ้ย พวกเรานึกว่าพวกมันจะเสียเวลาสร้างเรือแคร์แลนด์มาเสียอีกกัน" หัวหน้าฐานกล่าวอย่างเจ็บแค้นโดยตอนนี้ พีวิลและพวกไรแกทที่โดยสารมา ได้มาถึงห้องบัญชาการและได้ต่อกรกันไว้แล้ว จนหัวหน้าสิ้นคิดบุกเข้าใส่ด้วยเครฟบัสเตอร์ "....เปรี้ยงงงง" พีวิลเลยจบเกมส์ด้วยเอนเนลซอนแคลชแบบหมัดชกใส่จนหัวบิดรอบและระเบิดอย่างจังๆ
              "มาส ยุทธการยึดอาราเบี้ยนและเบงกอล สำเร็จไปได้ด้วยดีแล้ว เขตฐานทัพโดยรอบใต้ท้องทะเลทั้งสองเขต ถูกกวาดล้างแล้วละ" พีวิลติดต่อกลับไป

              วันต่อมา ที่เขตป่าลึกภายในกัมพูชา
              "พวกโคเคสโผล่มาได้ไงกันน่ะ" กริมลิคซ์ที่เฝ้าฐานลับกล่าวโดยตอนนี้โคเคสพาพวกบรอนเซอรูทบุกเข้าต่อกรกับพวกอีเนอไมนด์ส่วนน้อยที่ประจำการอยู่ ซึ่งบรอนเซอรูท ทินเหมาลี เลอแชนและฟันดิวเรคบุกเข้าโจมตีใส่พวกอีเนอไมนด์อย่างสายฟ้าแลบ ส่วนโคเคสนั้นเข้าจัดการกับพวกทอฟนิคซ์ที่ติดอาวุธหนักด้วยแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์ไว้ จากนั้นก็...
              "พวก พวกนาย ไม่ใช่พวกทหารมนุษย์และไม่ใช่พวกเดียวกันกับที่ควบคุมตัวพวกเราไว้ละสิ" มิวแทนอยด์หนุ่มที่มีผิวเป็นเปลือกไม้สักกล่าว
              "พวกเราเป็นเหมือนกับพวกนายนี้แหละ ตอนนี้โคเคสมาเพื่อปลดปล่อยพวกนายกันแล้วละ" บรอนเซอรูทกล่าว
              มิวแทนอยด์หญิงที่มีเกล็ดสีฟ้าทั่วตัวกล่าว "จริงหรือ ดีเลย นึกว่าพวกเราจะถูกนักวิจัยชั่วๆที่มีปีกหกปีกจับไปผ่าตัดทำอะไรเสียอีกแล้วละ"
              "ผ่าตัดนะหรือ ไวซ์ไมเซลคิดจะทำอะไรกับพวกนายกันละ" เลอแชนถาม
              เด็กหนุ่มที่มีกิ่งไม้งอกบนตัวกล่าว "เห็นว่าพวกนั้นกักตัวพวกเราไว้เพื่อทำการทดลองอะไรสักอย่างนี้แหละ เพราะพวกสมุนหุ่นสีฟ้าๆนั้นพูดให้ได้ยินว่า เขาจะพาเราไปทดลองสร้างเป็นอาวุธหรือไม่ก็นำไปเป็นเหยื่อสำหรับพวกสัตว์ประหลาดกันน่ะ ซึ่งเคราะห์ดีมาก ที่พวกเรายังไม่ถูกพาออกไปสักคน"
              "แต่ที่อื่นก็ไม่แน่น่ะ แม้ว่าจะมีอีกคนแต่เป็นผู้หญิงมาเบรคเหล่าสมุน ซึ่งผลัดเปลี่ยนสลับกันตั้งแต่พวกหุ่นตัวหนาไปจนถึงพวกสวมเกราะเขียวด้วยน่ะ" มิวแทนอยด์ที่มีฟันเหยินสีทองคำขาวหัวล้านและมีผิวสีเทาอธิบายอย่างหงุดหงิด
              ทินเหมาลีบอก "อย่าห่วงไปเลยคะ เพราะว่าพวกเราจะช่วยเหลือพวกคุณที่อื่นเท่าที่จะทำได้นะคะ"
              "งั้นก็รีบไปช่วยในโซนต่อไปดีกว่าน่ะ ก่อนที่พวกทหารมนุษย์จะมาเห็นเข้าน่ะ" โคเคสกล่าว
              ฟันดิวเรคบอก "ไม่เช่นนั้น พวกเราคงหัวเราะไม่ออกกันพอดีนะสิ"

              ในวันเดียวกัน ตัดกลับมาที่เขตป่าในเกาหลีเหนือ
              "โอ้ว ดูท่าว่า พวกเราจะมาช้าแล้วละ" ทหารเกาหลีเหนือกล่าวเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากในป่า ซึ่งฟอสเตอร์อยู่ในพื้นที่ก็รีบมาด้วย แต่ก็...
              "มีร่องรอยการต่อสู้ของพวกแมนิเกเตอร์ คาดว่าเป็นพวกครอสตรีมแล้วนะสิ"
              "ครอสตรีมนะหรือ ในพื้นที่ของพวกเราเนี้ยน่ะ พวกมันล้ำเส้นเข้ามาในถิ่นพวกเราได้ยังไงกันน่ะ" ทหารเกาหลีเหนือกล่าวอย่างไม่เชื่อ
              อีกนายกล่าว "ผู้กองครับ เราตรวจพบภายในฐานทัพแล้ว พบว่ามันเป็นสถานที่กักกันของอะไรสักอย่าง แต่ดูเหมือนว่า นั้นคงจะเป็นฝีมือของโคเคสกันละครับ"
              "โคเคสนะหรือ นี้อย่าบอกน่ะ ว่าที่แห่งนี้กักขังแมนิเกเตอร์เอาไว้กันน่ะ" ทหารเกาหลีเหนือเอ่ย
              ฟอสเตอร์กล่าว "น่าจะเป็นเช่นนั้นน่ะ เพราะถ้าเป็นพวกโอเวอร์เดสจริง ที่แห่งนี้ต้องถูกทำลายจนราบคาบไม่เหลือร่องรอยไว้ด้วย แม้จะเกิดการระเบิดขึ้นเลยก็ตาม" ซึ่งกลุ่มที่บุกโจมตีนั้นเป็นกลุ่มของมาสวาร์ทาร์ ซึ่งพาพวกเฮเรเค้น ดิเรนท์ ทอฟคานิค เซเทธ โมคุโตะและกริมเบอรี่ พร้อมกับพวกทหารมิวแทนอยด์เข้าช่วยพวกพ้องที่ถูกคุมขังแล้วก็ถอนตัวไปโดยเร็ว ส่วนการระเบิดนั้น เป็นการเปิดนำของมาสวาร์ทาร์ที่เขวี้ยงระเบิดแสงเข้าทำให้พวกครอสตรีมที่เฝ้าอยู่ตาพร้าขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง จนเกิดเสียงดังอย่างที่พวกเกาหลีเหนือได้ยินเข้า

              หลังจากนั้นวันต่อมา ที่ราบสูงแห่งหนึ่งในยูเครน นาวาลอยฟ้าแซคไรเซอร์ 3 ลำ มาพร้อมกับฝูงกองกำลังอัศวินมังกร ไวเบิร์นไรเดอร์ กริฟฟอนไรเดอร์นับร้อยตรงดิ่งมา พร้อมกับกองรบคาเมเหรดจำนวน 500 หน่วย ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้รุกรานเขตสมาพันธ์ยุโรปไว้ แต่ก็... "พวกสหพันธมิตรของโคเคสมาทางเราแล้วละคะ" เทมพาร่ารายงาน โดยตอนนี้โคเคสมากับกองรบเซนครีท ฟาลครีด้า อาร์ซโทรนจำนวนละ 50 เครื่อง โดยที่สเตฟอร์ด โฟรซ่า ไซโคลเนีย พลัสเชอริท และสเปียริทนำทีมบุกเข้าโจมตีพร้อมกันกับยานแรคแทซ 2 ลำของกองรบบลูซันและเรดมูน โดยที่คุมกองยานเฮฟไดซ์ จำนวน 50 ลำออกมาหนุนด้วย
              "ยิงถล่มพวกมันด้วยครอสเซียมคาตาพัลด์เดียวนี้" เฮอคูลอนระดับแม่ทัพสั่ง แล้วแซคไรเซอร์เปิดช่องยิงปืนใหญ่จากด้านหน้าระดมยิงใส่ยานเฮฟไดซ์ไป "แว้งงง แว้งงง แว้งงง" กองรบอาร์ซโทรนแอชเกรย์ไดน์ใช้ซอร์เซอร์ชิลด์อันใหญ่เข้ามาป้องกันลำแสงครอสเซียมไว้ พร้อมกับโจมตีกลับด้วย "โปรตอนบัสเตอร์แคนน่อน ยิง" หัวหน้ากองระดมยิงปืนแสงเข้าถล่มใส่พวกครอสตรีม แต่ก็... "ป้ากก ตรูมมม บรึมมม เปรี้ยงงงง" ยานมอเดอร์ดิฟโผล่มาเข้าขวางรับไว้ถึง 10 ลำจนร่วงลงสู่เบื้องล่างไว้ เหลือที่มีอยู่ทั้งหมด 50 ลำด้วยกัน
              "ยานมอเดอร์ดิฟมันของพวกโซลูนาสตี้นิน่า แต่ทำไมพวกครอสตรีมถึงนำมาใช้ได้กันละ" สเปียริทกล่าว
              พลัสเชอริทบอก "ผมคิดว่า ครองคอร์ดก็อปปี้ข้อมูลยานรบของพวกโซลูนาสตี้ที่ผมส่งไปและเอาไปให้พวกครอสตรีมสร้างไว้ เพราะพวกครอสตรีมไม่มีกองยานบินไว้เลยนะสิ" โดยตอนนี้พวกอัศวินมังกรบุกโจมตีใส่กองยานเฮฟไดซ์กันแล้ว "ซูมมมมมมมมมมมมมมม" มังกรแดงพ่นเพลิงใส่ยานเฮฟไดซ์จนไฟครอกฐานด้านบน แม้จะส่งหุ่นลูกบอลมาดับไฟแล้วก็ตาม "เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง" อัศวินมังกรสายฟ้าควบมังกรเหลืองพ่นสายฟ้าจากปากเข้าช็อตใส่พวกฟาลครีด้าที่พยายามสอยยิงทิ้งจนร่วงไป 8 เครื่อง แต่พวกมังกรสายฟ้าเองก็ "ซู่....." ยานเฮฟไดซ์ใช้ไฮโดรแคนน่อนที่ยึดมาจากเฮฟโวลยิงใส่พวกมังกรสายฟ้าจนมันตัวช็อตเพราะสายฟ้าไม่ถูกกับน้ำ กริฟฟอนไรเดอร์ที่เป็นพวกเทมพาร่าเลยยิงเลเซอร์จากใต้ปีกเพื่อสอยยานเฮฟไดซ์ไว้ แต่... "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าวววว" อาร์ซโทรนเอลเวนท์ไดซ์ยิงบูสเตอร์ฟิสท์อัดใส่พวกกริฟฟอนไรเดอร์ร่วง แล้วก็ป้องกันเพลิงกรดจากไวเบิร์นไรเดอร์ที่พ่นเข้ามา และยิงสวนด้วยมีเดี้ยมมิไซล์จนสอยให้ร่วงลงพื้น ฟาลครีด้าระดมยิงเรย์แซทแคนน่อนสอยพวกมอเดอร์ดิฟของพวกครอสตรีมที่ยิงครอสตรีมบารีสต้าออกเป็นกระสุนพลังงาน "เปรี้ยะๆๆๆ" "แชดดดดดด ซูมมมมมมม" โฟรซ่า ไซโคลเนียและสเปียริทระดมยิงปืนเข้าทำลายห่ากระสุนพลังงาน โดยที่ยานแรคแทซช่วยยิงหนุนจนทำลายกองยานมอเดอร์ดิฟร่วงไปเป็นสิบลำด้วยปืนใหญ่โปรตอน โดยที่ยานเฮฟไดซ์ยิงโปรตอนไดนาโมแคนน่อนเข้าซ้ำไปด้วยจนสอยกองยานมอเดอร์ดิฟจนพังไปกว่าครึ่ง จนกองรบคาเมเรทที่ติดบูสเตอร์เฮฟเว่นเคปบินเข้ามาพร้อมกับพวกอัศวินมังกรส่วนหนึ่ง โดยมังกรน้ำเงินพ่นไอเย็นเข้าใส่ยานเฮฟไดซ์ที่อยู่ด้านหน้าจนน้ำแข็งเกาะ มังกรเขียวพ่นกระสุนไฟเข้าใส่พวกฟาลครีด้าที่เข้ามาเพื่อซ่อมแซมยานจากความเสียหายที่ได้รับ แต่... "เปร้งง โปร้งงง ปร้างงงง" อาร์ซโทรนแอชเกรย์ไดน์เข้ามาป้องกันด้วยซอร์เซอร์ชิลด์ ส่วนเอลเวนท์ไดน์สวนกลับพวกมังกรด้วยเฮฟวี่พลาสม่าซอร์ดจนกวาดพวกมังกรแดดิ้นไปเป็นสิบๆตัวด้วยกัน "แชรบบบบ แคร้งงงง แชรบบบบบ" กองรบเซนครีทของเรดมูนและบลูซันเข้าปะทะกับพวกคาเมเรทที่บุกมาอย่างหนักหน่วง โดยใช้ดาบโครมเมทาเลี่ยมซอร์ดฟาดฟันโต้ตอบคมหอกคมดาบครอสเซียมขนาดใหญ่ บ้างก็ใช้ลองค์พลาสม่าลันเชอร์ยิงทำลายพวกคาเมเรทที่ใช้ครอสเซียมไรเฟิ่ลยิงสวนกลับไป บางส่วนนั้นก็บุกฝ่ามาเพื่อสอยยานธงของพวกโคเคส แต่ก็... "ร็อคเก็ตแทคเกิ้ล" สเตฟอร์ดพุ่งชนอัดใส่พวกคาเมเรทจนปลิวกระเจิงไป แล้วก็... "บรูทรัลสแมชฟิสท์" กระหน่ำต่อยใส่คาเมเรทครูเซนแบบไม่ยั้งแล้วก็ "เปรี้ยงงง" ถีบส่งคาเมเหรดครูเซนให้ปลิวไปอัดใส่พวกคาเมเหรดพาราดีฟจนกระเจิงไป "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ" พลัสเชอริทบุกเข้าใส่คาเมเรทเทมพาลด้วยความเร็วสูงพร้อมกับใช้โซลิดคาตาน่าฟาดฟันใส่จนแดดิ้นไป โดยที่สเปียริท โฟรซ่าและไซโครเนียบุกประจัญบานเข้าใส่กองรบคาเมเหรทอย่างหนักหน่วง "ยานรบของพวกครอสตรีมกำลังจะถล่มยานของเราแล้วคะ" โอเปเรเตอร์หญิงกล่าว
              "ปืนใหญ่ซีนอนบลัสเตอร์ ยิง" นายกองของเรดมูนและบลูซันกล่าว
              โอเปเรเตอร์รับคำสั่ง "ทำการเปิดหัวเรือเพื่อยิงปืนหลัก เชื่อมต่อกับแกนพลังงานเพเรเนี่ยม เดินเครื่องที่ 100 เปอร์เซนต์เต็ม ทำการแจ้งเตือนหน่วยรบที่อยู่ในระยะยิงแล้วละครับ"
              "ถึงเวลาแล้วละ" ไซโคลเนียบอก ทั้งหมดเลยรีบถอยเช่นเดียวกับพวกกองรบโมบิลลอยด์และเฮฟไดซ์ไว้
              "พวกมันจะถอยหนีแล้ว รีบตั้งแนวกำแพงเพื่อทำการตั้งรับการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเดียวนี้ ปืนใหญ่เลเซอร์ไม่มีทางทะลุกองรบของพวก..." เทมพาล่าหัวหน้ากองกล่าว แต่พอพวกเวเซอร์โยกหลบออกด้านข้าง เทมพาร่าและพวกก็ต้องอึ้ง เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่ได้คิดจะยิงปืนใหญ่เลเซอร์ แต่กำลังยิงปืนหลักอันทรงพลังเข้า
              "ยิงได้" นายกองของบลูซันสั่ง แล้วพลปืนก็เหนี่ยวไกเข้า "หึมๆๆๆๆๆๆๆๆ ครืนนนนนนนนนนนนน" หัวเรือที่เปิดออกและสะสมพลังงานเอาไว้ยิงคลื่นลำแสงขนาดใหญ่ตรงมา "ซูมมมมมมมมมมมมมม" ทะลวงกวาดพวกคาเมเรทเทมพาลให้หายสูญไปไม่พอ คลื่นลำแสงขนาดใหญ่ก็ "เปรี้ยงงงงงง" อัดปะทะกับนาวาลอยฟ้าแซคไรเซอร์ทั้งสองลำเข้า ซึ่งยานป้อมปราการลอยฟ้าที่แม้จะป้องกันด้วยสนามพลังครอสเซียมไว้ แต่ก็ทั่วลำยานก็ได้รับความเสียหายจนเกราะบุบพังไปอย่างรวดเร็วแล้วก็... "ฟ้าววว ตรูมมมม" คลื่นลำแสงที่พุ่งปะทะนั้นก็เป่าให้ยานลำใหญ่ทั้งสองลำระเบิดวินาศสันตะโรไปอย่างจังๆ
              "หนอยยย กองรบสหพันธมิตรมันเล่นไม้ตายจนได้สิน่า ถอนตัวกลับโดยเร็วเลย" แม่ทัพเฮอคูลอนบนยานแซคไรเซอร์รีบสั่งกองรบที่เหลือรอดให้ถอยกลับไปโดยเร็ว ส่วนกองรบโคเคสนั้นก็เฮลั่นกับชัยชนะภาคอากาศเป็นครั้งแรก

              หลังจากนั้นอีกสองวันต่อมา เขตแหลมกู๊ดโฮป จุดยุทธศาสตร์เดิมที่กองรบสหพันธมิตรต้องล่าถอยกลับไปเพราะต้านแสนยานุภาพของกองเรือของฝ่ายแอตแลนไทซ์ไม่ได้เลย มาวันนี้ การปะทะก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว เรือแคร์แลนด์ทุกลำเข้าปะทะกับเรือชั้นคอร์แซฟจำนวน 20 ลำและส่งกองรบทั้งทหารสหพันธมิตร มิวแทนอยด์ บีสทอยด์ ทหารเกราะหุ่นยนต์ และนักสู้เอสเปอร์เข้าไปต่อกรกับพวกแอตแลนไทซ์จากในเรือไว้ โดยที่นอร์ติลุสที่เป็นเรือธงในยุทธการครั้งนี้ก็... "ตรูมๆๆๆๆๆๆ" เรือชั้นแกรนเลี่ยนกระหน่ำยิงปืนใหญ่เข้าใส่เรือหลักของพวกกองกำลังเวเซอร์อยู่ แต่คลอเวฟก็ควบเรือให้ถอยออกมาก่อนที่จะถูกยิงจนน้ำกระจายไป แล้วก็ "ตรุ้งๆๆๆๆๆ" "ฟ้าวว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว" "ตรูมมม บรึมมม เปรี้ยงงงง" ยิงปืนใหญ่ด้านหน้าเข้าใส่แกรนเลี่ยนจนด้านหน้าได้รับความเสียหายไปเต็มๆ "ไอ้คนทรยศพังปืนหลักด้านหน้าไปสามกระบอกแล้ว แถมมันยังปล่อยตอปิโดใต้น้ำให้ระเบิดจนใต้ท้องเรือเสียหายด้วยนะครับ" มิลมีซอนประจำสะพานเดินเรือกล่าว
              การ์ดเชสเตอร์สั่งการไปว่า "ยิงมิไซล์เดียวนี้ พวกคลอเวฟไม่มีทางโต้ตอบทั้งมิไซล์และปืนใหญ่ได้พร้อมกันหรอกน่ะ"
              "รับทราบ" มิลมีซอนกล่าวแล้วเรือแกรนเลี่ยนก็ระดมยิงมิไซล์ขึ้นไป ซึ่งก็ร่วงลงมาเพื่อถล่มนอร์ติลุสจากข้างบน
              "ยิงกระสุนพลุสกัดกั้นมิไซล์ไปพร้อมกับปืนใหญ่ได้เลย" คลอเวฟบอก
              "โอเคเลย" สเตฟอร์ดกล่าวและสั่งยิงปืนใหญ่และพลุสกัดกั้นมิไซล์จากป้อมต่อต้านอากาศยานด้านข้างเข้า "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พลุถูกยิงเข้าใส่ฝูงมิไซล์ที่ร่วงลงมาจนระเบิดกลางอากาศแล้วก็ "ตรุ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ยิงปืนใหญ่ไฮโดรฟอสจากด้านหน้าเข้าซ้ำยานแกรนเลี่ยนไปเต็มๆจนเป่าแม่ย่านางกับหัวเรือทะลุไปด้วย
              "หัวเรือแตกแล้วครับ ท่านการ์ดเชสเตอร์" มิลมีซอนกล่าว
              มิลมีซอนอีกตัวบอก "นอร์ติลุสเข้าชาร์จมาทางเราแล้วคะ"
              "แจ้งให้ทุกคนบนเรือรับทราบไว้ เตรียมเข้าสู่โหมดตั้งรับสวนกลับพวกที่บุกเข้ามาเดียวนี้เลย" การ์ดเชสเตอร์กล่าว เมื่อเรือนอร์ติลุสพุ่งเข้ามา "โครมมม" ชนเข้าใส่หัวเรือแกรนเลี่ยนไปเต็มๆ พวกแอตแลนไทซ์ตั้งแนวป้องกันเพื่อเตรียมยิงด้วยไฮโดรเลเซอร์แคนน่อน ไฮโดรลันเชอร์ และไฮโดรสแปรชชิ่งฟลัชไว้ "วี้ววว วี้ววว วี้วววว" ฉับพลันระเบิดสามลูกกลมก็กลิ้งเข้ามา "เปรี้ยงงงงง เปรี้ยงงงงง เปรี้ยงงงงง" และระเบิดพลังไฟฟ้าแรงสูงเข้าใส่แนวป้องกันไว้ จนน็อกแนวกำแพงให้ล้มไปกันหมด แต่พวกสปาดาไนซ์มาพร้อมกับมิลมีซอนจำนวนมากที่ประจำการอยู่ในเรือก็ออกมา "แชดดดด แชดดดด แชดดดดด แชดดดดด" เลเซอร์สเปียร์บีมพุ่งอัดใส่มิลมีซอนจนล้มกลิ้งไป 4 ตน ในขณะที่ "เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงง เปรี้ยงงง" สปาดาไนซ์สองตนและเฮอคูลอนถูกโฟรซ่าส่องด้วยอินแดชลองค์ไรเฟิ่ลจนหัวถูกช็อตแน่นิ่งไปอย่างจังๆ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ" มิไซล์ขนาดกลางและขนาดเล็กพุ่งอัดใส่เฮอคูลอน 2 ตัวจนชะงักแน่นิ่งจากการระเบิด แต่ที่เหลือยังบุกแห่มาเป็นจำนวนมากนั้น "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" คลอเวฟ เจเนลและจายด์กระหน่ำด้วยแรปิดเดเตอร์พันนิชเชอร์และมาโรวเดอร์บรรจุกระสุนเจาะเกราะทำด้วยสังกะสีผสมกับอลูมิเนี่ยม "ปิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ยิงเข้าใส่พวกกองรบแอตแลนไทซ์จนล้มระนาวไปเป็นส่วนมาก ซึ่งก็กราดยิงจนหมดแทงค์ไว้ แล้วพวกพ้องในกองรบเวเซอร์นั้นก็
              "ประจัญบานเลยโว้ย" คลอเวฟกล่าว ว่าแล้ว การต่อสู้บนดาดฟ้าเรือนอร์ติลุสและแกรนเลียนก็เริ่มขึ้น "แว้ง แว้ง แว้ง ฉั้วะๆๆๆ" จิลเทเลพอร์ตไปมาพร้อมกับใช้ง้าวมังกรเขียวฟันใส่พวกสปาดาไนซ์จนล้มไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็โดดหลบการโจมตีของมิลมีซอนที่ไล่ทิ้มแทงด้วยตรีศูลย์เหล็กไว้ "ย้ากกกกก" พีวิลกระโจนเข้าชกใส่มิลมีซอนตนหนึ่งจนทะลุ แล้วก็ถีบให้ตัวหลุดออกไป เจเนลก็กระโดดถีบใส่มิลมีซอนแล้วก็ใช้เมทัลเบลดฟาดฟันใส่สปาดาไนซ์จนล้มและแทงซ้ำ ก่อนจะถีบหัวเข่าของมิลมีซอนให้เสียหลักแล้วก็ "เปรี้ยงงงง" เตะซัมเมอซอลท์เสยปลายคางของมิลมีซอนจนล้มกระเด็นไป พวกเฮอคูลอนบุกเข้ามายี่สิบตนพร้อมกับขวานและค้อนสงครามกันอย่างยกใหญ่ แต่ก็... "โป้งงงง ป้ากกก เปรี้ยงงง" สเตฟอร์ดหวดค้อนเข้าใส่เฮอคูลอนเข้าตรงหน้าอกแล้วก็กระโดดหมุนเหวี่ยงค้อนจนเล่นงานเฮอคูลอนร่วงไปสองตนด้วยกัน "แคร้งงง เคร้งงง แคร้งงง" จายด์หวดกิโยตินคัตเตอร์เข้าเล่นงานพวกเฮอคูลอนจนกระเจิง แล้วก็ "แกร้กกกกกกก ฉั้วะ" ฟาดขวานเข้าใส่เฮอคูลอนที่ยกด้ามขวานมาจนหักด้ามจับและสับแขนขวาขาดไปอย่างจังๆ พวกบรอนเซอรูทเข้าจัดการกับพวกแอตแลนไทซ์กันอย่างหนักหน่วง "ฉั้วะ ฉับ เชร้งงงงง ฉั้วะ" มาสวาร์ทาร์หวดดาบเข้าฟาดฟันใส่มิลมีซอนที่ดาหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว "โว้ววววววว" คลอเวฟบุกเข้ามาด้วยแองเกอร์แอคซ์ฟาดใส่การ์ดเชสเตอร์ที่ใช้ดาบซิลเวอร์คัตลาสท์โต้ตอบ พร้อมกับใช้ส่วนแขนติดโลห์ป้องกันไว้ "ได้ยินว่า นายโดนลดยศลงหลังจากสัปดาห์ก่อนเลยสิน่ะ" คลอเวฟกล่าวโดยที่การ์ดเชสเตอร์ปัดคลอเวฟให้ผงะพร้อมกับกวาดแกว่งดาบใส่อย่างหนักหน่วง แต่คลอเวฟก็ปัดรับเอาไว้แล้วก็ถีบใส่การ์ดเชสเตอร์ที่ป้องกันด้วยโลห์ติดแขนซ้าย ซึ่งก็ไม่ทำให้เขาถอยไปเลย
              "แม้นั้นจะเป็นความผิดของนายก็จริง แต่นั้นก็เป็นความผิดของฉันด้วยน่ะ ซึ่งฉันต้องแบกรับเอาไว้ด้วยการมาหยุดยั้งพวกนายกันนี้แหละ" การ์ดเชสเตอร์กวาดแกว่งดาบด้วยพลังงานไฮโดรฟอสจนเป่าคลอเวฟถอยไป แต่คลอเวฟก็กระโดดถีบใส่การ์ดเชสเตอร์จนล้มลง  พร้อมกับหวดขวานใส่การ์ดเชสเตอร์ไปหลายดอกไว้ แม้การ์ดเชสเตอร์จะรีบโดดหลบการฟาดฟันเพื่อเข้าสกัดขัดขวางจิลและไซโครเนียที่รีบวิ่งไปยังในเรือ "ฟ้าววววว กร้องงงงง" คลอเวฟซัดทุเรียนเหล็กพุ่งอัดใส่การ์ดเชสเตอร์ซึ่งก็ "ฟิ้วๆๆ กร้องงงง" ปล่อยโลห์ออกมาต้านรับทุเรียนเหล็กไว้ได้ทัน
              "โฮ่ย มัวหันไปไหนกันละ นายไม่ควรหันไปรังแกเด็กทั้งที่ๆกำลังสู้กับคนอื่นอยู่น่ะ" คลอเวฟกล่าวแล้วก็เข้ากวาดแกว่งขวานพร้อมกับฟันใส่การ์ดเชสเตอร์ไปพร้อมกับใช้ทุเรียนเหล็กฟาดใส่ตามไปด้วย
              "นายทำให้กำแพงของฉันมีรูอยู่น่ะ คลอเวฟ" การ์ดเชสเตอร์กล่าวและหวดดาบปะทะกับคมขวานของคลอเวฟเข้า
              "ต่อให้นายกันแค่ไหน กำแพงที่ร้าวเพราะพวกแอตแลนไทซ์ที่ทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นนักรบอันภาคภูมิใจนั้นต้องด่างพล่อยมันก็ต้องพังคลืนลงอยู่แล้ววะ" แล้วก็บุกเข้าขวางไม่ให้การ์ดเชสเตอร์เข้าสกัดกั้นพรรคพวกไว้ได้ "แล้วนายจะปกป้องไปทำไมกันล่ะ เชสเตอร์"
              "ก็อย่างที่บอกกับนายไปแล้วไง ว่าที่ฉันทำอยู่นั้นคือคำสาบานและสัจจะที่มีต่อแอตแลนไทซ์กันนี้แหละ แม้ว่านั้นจะต้องจัดการกับนายลงด้วยมือของฉันเอง ฉันก็ไม่ยอมให้นายจัดการกับไพลม์เทค เมอริด้า แล้วก็ท่านเกซเฟลิคด้วยหรอก" การ์ดเชสเตอร์กล่าว
              คลอเวฟบอก "เกรงว่าคำสาบานของนายนั้นคงจะไม่มีทางเป็นจริงหรอกน่า" แล้วก็ถีบการ์ดเชสเตอร์ไปเต็มๆ พร้อมกับ "วอเตอร์เวฟ" ซัดคลื่นน้ำพุ่งอัดใส่การ์ดเชสเตอร์ไปหลายดอก แม้จะป้องกันด้วยโลห์ไว้ แต่ก็... "ตรูมมมมมมมม" สะพานเดินเรือแกรนเลี่ยนระเบิดขึ้นมาอย่างหนักหน่วง โดยตอนนี้ สเตฟอร์ด พีวิล เจเนลและสเปียริทโบกธงของกลุ่มสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ขึ้นมาแล้ว
              "งวดนี้นายชนะก็จริง แต่ ฉันจะไม่ยอมให้นายตีฝ่ากำแพงของฉันไปได้กันหรอก" แล้วคราเค้นก็โผล่ขึ้นมาพ่นกระสุนหมึกเข้าใส่คลอเวฟให้เปื้อนหมึกดำทั้งตัว ส่วนการ์ดเชสเตอร์ก็ขี่คลาเค้นถอนตัวไปพร้อมกับกองเรือคอร์แซฟที่เหลือเพียงแค่ 2 ลำ เพราะนอกนั้นถูกพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ยึดไว้แล้ว
              "ซ่า....." บริคซ์จัดการใช้ปืนฉีดน้ำดับเพลิงขนาดใหญ่สาดเอาหมึกบนตัวคลอเวฟให้ออกไป "ว้า จะล้างหุ่นกระป๋องออกทำไม ในเมื่ออย่างน้อย ตัวดำก็ดีและสีก็ไม่ตกด้วยน่ะ  สเปียริทบอก
              คลอเวฟบ่น "พูดดีไปเหอะน่า แค่การ์ดเชสเตอร์ไม่เล่นงานด้วยดาบพลังคลื่นทะเลก็ดีถมไปแล้วน่า" และหันมาถาม "สภาพเรือตอนนี้เป็นไงบ้างละ"
              "ไฟไหม้ตรงทางเดิน 4 และ 5 ซึ่งฉันสั่งให้ทุกๆคนดับไฟให้แล้ว ส่วนความเสียหายจากสะเก็ดมิไซล์ที่ร่วงมาจากการยิงสอยได้ก่อนนั้น คงต้องซ่อมระหว่างทางกันน่ะ" บริคซ์กล่าว "แต่ ถ้าจะขับเรือแบบเร่งด่วน ก็ขอให้บอกก่อนก็ได้น่ะ อย่างน้อย ลูกเรือของฉันส่วนหนึ่งจะได้ไม่เจ็บตัวกันน่ะ" คลอเวฟพยักหน้า
              มาสวาร์ทาร์บอก "ตอนนี้เราสกัดกั้นการเคลื่อนทัพเรือผ่านเขตคาบสมุทรอินเดียกันแล้ว แต่...พวกแอตแลนไทซ์ที่อยู่ฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกา ซึ่งเคลื่อนทัพอย่างเงียบเชียบและแนบเนียนด้วยเส้นทางเลียบผ่านทางตอนใต้ของอเมริกานั้น คงต้องลงมือสร้างฐานลับใต้ทะเลขึ้นมา ซึ่งเมืองใต้ทะเลทั้งหลายในมหาสมุทรแปรซิฟิกเองก็ไม่ปลอดภัยแน่ๆ"
              "แน่ละ เพราะว่าตอนนี้พวกโซลูนาสตี้ไม่อยู่แล้วนิ พวกแอตแลนไทซ์ก็หาเรื่องทำซ่าได้อยู่แล้วน่ะ" ไซโคลเนียกล่าว
              คลอเวฟบอก "เว้นเสียแต่ พวกเราจะไปเยือนพวกมันถึงที่ด้วยนะ"

              ที่คลอเวฟพูดมานั้นก็เป็นจริงขึ้นมาแล้ว ในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา "ตรูมมมม บรึมมม ตูมๆๆๆๆๆๆ" พวกคราเค้นถูกพวกทหารหุ่นยนต์ติดระบบดำน้ำเข้าโจมตีด้วยตอปิโดและปืนฉมวกไฟฟ้าแรงสูงจนถูกช็อตแดดิ้นเป็นปลาหมึกย่างกันหมด ส่วนพวกแอตแลนไทซ์ที่ดำน้ำบุกเข้ามานั้นปะทะกับเมอเซด้าและพวกบีสทอยด์ปลากันอย่างหนักหน่วง "เพี้ยะๆๆๆๆ" เวลลิทว่ายเข้าฟาดแส้ปลาไหลไฟฟ้าเข้าใส่สปาดาไนซ์เข้าช่วยพวกบีสทอยด์ปูเอาไว้ ชาร์เครฟบุกเข้ารั่วถีบด้วยฝ่าเท้าปิรันย่าอัดใส่มิลมีซอนอย่างไม่ยั้ง แล้วก็ใช้ฉมวกเหล็กแทงเข้าที่หน้าซ้ำไปดอกหนึ่ง แฮมชัคว่ายหลบการฟาดฟันด้วยขวานของมิลมีซอนและแทงด้วยขาปลาดาบอย่างหนักหน่วงจนเกราะหน้าอกพรุนเป็นรูอย่างจังๆ เช่นเดียวกับกองรบการ์เซนท์และเมทัลแล็กซ์เข้าโต้ตอบกองรบเฮฟโวลที่บุกโจมตีเมืองใต้ท้องทะเลเอาไว้ โดยที่ส่วนหนึ่งนั้น...
              "โฮ่ ไอ้พวกแอตแลนไทซ์ ฐานที่มั่นมีเป็นสิบๆที่ใต้แปรซิฟิกมี ทำไมมาตั้งในเมืองนั้นด้วยวะ" บัลโต้บ่นเพราะเห็นพวกแอตแลนไทซ์บุกมาพร้อมกับเรือเดรดชาร์จ 10 ลำไว้ โดยฝั่งพวกโคเคสนำเรือแคร์แลนด์มา 15 ลำจากนครใต้สมุทรเรปเจอร์ ส่วนอีก 15 ลำนั้นช่วยกองยานเฮฟไดซ์และแรคแทซโจมตีเรือแกรนเลี่ยน และเจสซอยเยอร์กันอย่างหนักหน่วง แม้จะมีกองหนุนเป็นพวกอีเนอไมนด์ที่เหลือรอดอยู่ก็ตาม
              "นครใต้สมุทรที่เดิมมีพวกคนบ้าตัวบวม กับมนุษย์ชุดเรือดำน้ำตัวบึกๆนั้น ยังอยู่เลยหรือ นึกว่าจะถูกหุบเขาไฟใต้ทะเลกลบไปแล้วเสียอีกน่ะ" พีวิลบอก
               สเปียริทกล่าว "ดูเหมือนว่านครใต้สมุทรนั้นมันแข็งแกร่งจนผ่านเวลาไปร้อยกว่าปีแล้วสิ"
              "แต่ยังไงก็ช่าง เราต้องถล่มที่แห่งนั้นให้ได้เสียก่อนน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก โดยตอนนี้ อัลติเมทเอท แพนเซสเซนไนน์ออกรบพร้อมกับโจมตีใส่พวกกองรบเฮฟโวลกันแล้ว โดยที่กองเรือแคร์แลนด์กับเรือนอร์ติลุสระดมถล่มกองเรือเดรดชาร์จจนพังพินาศลง พร้อมกับ "โครมมมมมม" หัวเรือนอร์ติลุสบุกทะลวงเข้าตรงตึกหลักอันใหญ่โต ซึ่งพวกเฮอคูลอนมากับปืนใหญ่ไฮโดรฟอสเพื่อเตรียมยิงใส่ แต่ก็... "ฟ้าววว ป้ากกกก" ฟันดิวเรคยืดหมัดชกอัดใส่เฮอคูลอนไปเต็มๆ แต่ก็ทำให้แค่ชะงักไปเล็กน้อย "พลังกระสุนกิเลนพุ่ง" เซเทธซัดกระสุนพลังอัดทะลุท้องเฮอคูลอน แม้พลังไม่แรงมากแต่ด้วยความเร็วที่สูงเลยมีพลังมากพอที่จะทะลวงเกราะหนาของเฮอคูลอนไปได้ แล้วพวกบรอนเซอรูทบุกเข้ามาพร้อมกับพวกพีวิลเข้าปะทะกับพวกแอตแลนไทซ์ ซึ่งนำคิไมร่า ค็อกคาลิช บาซิลิคซ์ มากับเบฮีมอธ เคลเบรอสของพวกอีเนอไมนด์ที่โผล่มาจากประตูร้านและห้องไว้ แต่พวกไทรเมร่าที่เหลือก็ช่วยบดขยี้พวกสัตว์ประหลาดเหล่านั้นด้วย แล้วเวลาก็ผ่านไป 15 นาทีเต็ม
              "ขนาดยุคทองที่ให้อิสระในการค้นคว้าอย่างกว้างขวาง แต่สุดท้ายก็มาอีหรอบเดิมจนได้ละน่า" โคเคสกล่าวโดยที่ทีมของเหล่านักวิจัยได้ลากเอาศพชาวเมืองที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่ศพกันแล้ว แม้ร่างกายจะบิดเบี้ยวตามตัวบวมเป๋งทั้งชายและหญิง และสวมชุดเหมือนอยู่ในยุค 50-60 กันก็ตาม ทั้งหมดล้วนแล้วตายด้วยอาวุธของพวกแอตแลนไทซ์กันทั้งนั้น
              "แล้วไอ้หุ่นชุดดำน้ำกับเด็กหญิงนั้นล่ะ ยังอยู่ด้วยหรือเปล่าละ" บัลโต้บอก
              คลอเวฟกล่าว "เออ ก็ยังอยู่น่ะ หากแต่...พ่อใหญ่และแม่หนูตัวน้อย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เอง สู้พวกแอตแลนไทซ์ไม่ได้เลยวะ" โดยตอนนี้ไรแกทลากมนุษย์ชุดดำน้ำตัวหนาที่มีรูพลุน รูทะลุใหญ่โตกันทั้งหมด เช่นเดียวกับจิลและสเปียริทที่ลากเอาศพเด็กหญิงตัวน้อยที่ล้มตายด้วยการเข่นฆ่าของพวกแอตแลนไทซ์กันไว้ด้วย แม้กระทั่งตอนโตที่ถูกจับใส่ชุดและหมวกดำน้ำก็ยังถูกตัดร่างขาดเป็นซีกเป็นท่อนด้วย ทินเหมาลีจึงสวดเพื่อส่งวิญญาณไปสู่สุคติไว้
              "ทำไมพวกแอตแลนไทซ์ถึงเลือกที่นี้เป็นสถานที่ตั้งฐานทัพกันละครับ" เบย์แทนด์ถาม
              คลอเวฟบอก "ที่ถูก ควรจะเป็น สถานที่ทดสอบของพวกแอตแลนไทซ์สำหรับการขึ้นตำแหน่งกันนะสิ พวกแอตแลนไทซ์ทุกรุ่นจะใช้พวกคนเพี้ยนที่เกซเฟลิครวบรวมมาเพื่อการทดสอบโดยเฉพาะ ซึ่งฉันกับเชสเตอร์ ก็ถูกจับมาหย่อนในเขตเมืองที่เต็มไปด้วยคนบ้าคนบอที่วันดีคืนร้ายโผล่มาพร้อมกับปล่อยพลังจิตใส่ แล้วไหนจะต้องฟัดกับไอ้พ่อใหญ่เหล่านั้น ซึ่งถือเป็นพวกแต้มใหญ่สำหรับการทดสอบ หรือไม่ก็เกมส์สำหรับพวกน้องใหม่กันน่ะ"
              "แล้วพวกเด็กหญิงเหล่านี้ละ" สเปียริทถาม
              คลอเวฟบอก "เกซเฟลิคตั้งกฎไว้ว่า ถ้าเจอเด็ก ให้รีบจับไปขังไว้ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช้ไอ้ช่องอากาศนั้น เพราะถ้าไม่ทำตาม เด็กหญิงนั้นจะดึงพ่อใหญ่ให้มา และถ้ายิ่งมาในจังหวะที่เรายังไม่พร้อมหรือยังบาดเจ็บอยู่ ก็ถือซวยไป มีแต่พวกระดับเก๋าๆเก่งๆเท่านั้นที่จะเอาเด็กพวกนี้เป็นตัวล่อพ่อใหญ่มาไล่ฟัดกันอย่างหนักหน่วง ซึ่งหลังการต่อสู้ เราจะไม่เอาเด็กไปด้วย แต่จะไล่ให้ไปไกลๆแทนน่ะ"
              "นั้นก็พอจะรู้ธรรมเนียมของพวกนายกันบ้างแล้วละ ว่าเมืองคนบ้าใต้ทะเลแห่งนี้เกี่ยวอะไรกันด้วยน่ะ" พีวิลบอก
              เบย์แทนด์กล่าว "แต่จะดีกว่านี้ ถ้าเรา....ทำลายต้นตอที่ใช้สร้างพวกเขาไว้ให้สิ้นซากไปเลยนะครับ"
              "อย่างน้อย เราก็วางใจได้ว่า ภายภาคหน้า เมืองใต้ทะเลแห่งนี้จะกลายเป็นรัฐที่ 52 ของอเมริกากันบ้างน่ะ ไม่ใช่แดนโหดที่คนปกติต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆจากชาวเมืองที่กลายเป็นตัวอะไรไม่รู้เลยน่ะ" พีวิลกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "อนาคตอีกสิบหรือร้อยปี เรายังคาดคะเนอะไรไม่ได้หรอกน่ะ ตราบใดที่เรา ยังโค่นโอเวอร์เดสกับพวกลงไม่ได้กันน่ะ"

    MANIGATOR SAGA The Rebellion Soldiers ภาคโลกา
    ตอนที่ 18 ยุทธการกอบกู้แทแรนเซียคืน ศึกปะทะพ่อแม่ลูกอันน่าเจ็บปวด

              ที่ปราการของโอเวอร์เดส ณ.หุบเขาทมิฬ
              "ท่านคาดการณ์ผิดไปอย่างรุนแรงแล้วละ ท่านครองคอร์ด" เกซิคพูดตำหนิเอาไว้ "คลอเวฟโดนพวกแอตแลนไทซ์หักหลังชนิดที่ทำให้เสียศักดิ์ศรีอย่างมาก ชนิดที่ต้องทำให้พวกนั้นเจ็บแสบอย่างรุนแรงยิ่งกว่าที่ทำกับคลอเวฟไว้ บวกกับว่าคลอเวฟพาพวกเวเซอร์มาด้วยนั้น มันคงไม่คิดที่จะขโมยเรือรุ่นใหม่แล้วไปถล่มฐานทัพที่สามเหลี่ยมเบอมิวด้าอย่างเดียวหรอก แต่จะทำยิ่งกว่าและร้ายแรงมากเป็นสิบเท่าเลยน่า"
              ครองคอร์ดกล่าว "แค่คาดการณ์ผิดก็ไม่เห็นจะต้องมาตำหนิมากมายกันเลยนิ"
              "พวกเวเซอร์มันหยามน้ำหน้าแม่ทัพเกซเฟลิคที่เป็นเหมือนคนเก่าคนแก่ของท่านโอเวอร์เดส ก็เท่ากับว่าท่านจักรพรรดิ์ก็โดนหยามเหยียดไปด้วย" เกซิคกล่าว
               จีเนฟาร์รี่บอก "ตอนนี้พวกแอตแลนไทซ์และครอสตรีมก็เสียหายมากมายมหาศาลแล้ว ท่านจะรับผิดชอบกันยังไงละ ท่านขุนพลครองคอร์ด"
              "มาโต้เถียงตรงหน้าท่านโอเวอร์เดสมันจะได้ประโยชน์อะไรกันละ" โครเต้กล่าวตำหนิต่อเกซิคและจีเนฟาร์รี่ไว้ ซึ่งก็ทำให้ทั้งสองชะงักลง
              เกซเฟลิคบอก "ความเสียหายของพวกเราทั้งสองกองที่ได้รับมันก็ไม่ฟื้นกลับมากันหรอก แม้ว่า ข้าอยากจะจับไอ้คลอเวฟมาบดขยี้เป็นเศษเหล็กกันหลายสิบรอบ เอาให้มันไม่สามารถนำมาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกเป็นหนที่สองกันแล้วน่ะ"
              "เกซเฟลิค แม้พวกโคเคสจะได้กองเรือจากพวกเจ้าไปไม่น้อยและทำลายฐานลับใต้ท้องทะเลจากมหาสมุทรอินเดียและแปรซิฟิกกันก็จริง แต่กองเรือของเจ้ายังไร้เทียมทานกันอยู่ดีน่ะ" โอเวอร์เดสบอก "และถ้าบวกกับขุมกำลังของครอสตรีมด้วยแล้ว ปิรามิลด้าก็คงไม่ถูกตีแตกลงไปได้หรอกน่ะ"
              เกซเฟลิคกล่าว "ตอนนี้ข้าพเจ้าคิดจะเพิ่มกำลังรบให้มากขึ้นและสร้างขุมกำลังลัดขั้นไว้เพื่อให้ทดแทนในส่วนที่ขาดไป แน่นอนว่า ข้าจะให้รุ่นที่เจ็ดนั้นออกมารบด้วย"
              "เจ้าอย่าทุ่มทุกอย่างหมดไปกับพวกโคเคสจะดีกว่าน่ะ เกซเฟลิค" โอเวอร์เดสขัด และสั่งการให้... "ครองคอร์ด ส่งกองรบแอตแลนไทซ์รุ่นเจ็ดและนำเทคโนโลยี่กับเครื่องไม้เครื่องมือไปแรซัลก้าเดียวนี้เลย"
              ครองคอร์ดพยักหน้า "แปลว่าท่านคิดจะส่งพวกนั้นไปให้ท่านเทพสงครามเลยสิครับ"
              "ใช่ แม้ว่าจะต้องใช้ดาวที่สามารถฝึกด้วยเวลาอันยาวนานและรวดเร็วก็ตาม แต่นั้นก็พร้อมสำหรับสร้างขุมกำลังแอตแลนไทซ์ขึ้นในอวกาศกันนี้แหละ" โอเวอร์เดสบอก
              เกซเฟลิคกล่าว "งั้นข้าพเจ้าจะลงมือเดียวนี้เลยนะครับ"
              "โครเต้ รวบรวมกองรบครอสตรีมทั้งหมดกลับมาที่แกรนฟอร์เทสซิโม่แล้วหรือยังละ" โอเวอร์เดสถาม
              โครเต้พยักหน้า "ครับ ตอนนี้ทางเรารวบรวมกองรบมาเพื่อเตรียมการบดขยี้แทแรนเซียกันแล้ว อีกสองสามวัน ข้าพเจ้าจะนำหัวของพวกมนุษย์มาถวายเป็นบรรณาการกันนะครับ"
              "แล้วไม่กลัวว่าพวกโคเคสจะส่งพวกเวเซอร์มาขัดขวางเลยหรือไงกันน่ะ" จีเนฟาร์รี่กล่าว
              โครเต้บอก "กว่าพวกนั้นจะมา ก็คงได้เห็นซากเมืองกันแล้วละ"

              "แต่...ท่านไม่จำเป็นจะต้องทำเช่นนั้นแล้วละ ท่านโครเต้...ข้าอยากจะให้ท่านกับกองรบนั้น ทำหน้าที่ปกป้ององค์จักรพรรดิ์จากพวกโคเคสและมาสวาร์ทาร์จะดีกว่า" เกซิคกล่าว
              ซึ่งโครเต้ได้ฟังก็แปลกใจขึ้นมา "หมายความว่ายังไงน่ะ ท่านผู้คุมกฎ"
              "ความจริงแล้ว ข้าได้ปลอมตนเป็นขุนนางคนสำคัญไปพูดคุยกับพวกกังฉินในสภา โดยได้ยื่นข้อเสนองามๆให้พวกเขา มอบแทแรนเซียและชาวเมืองทั้งหลายมาให้กับพวกโอเวอร์เดสกันนะสิ" เกซิคบอก
              โครเต้กล่าว "ท่านกำลังจะแหวกหญ้าให้งูตื่นกันน่ะ ท่านผู้คุมกฎ ถ้าพวกกังฉินหรือพวกทหารปฏิวัตินั้นมันรู้ว่าท่านยื่นข้อเสนอให้พวกนั้นมอบแทแรนเซียให้ท่านโอเวอร์เดส พวกนั้นก็จะมีเวลาเตรียมตัวได้ทันเลยน่ะ"
              "วางใจได้น่า เพราะพวกกังฉินยังไม่รู้ว่า ข้าเป็นลูกน้องของท่านโอเวอร์เดสสักหน่อย ก็แค่...ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่มาจากเมืองอื่น โดยอาศัยวาทะศิลป์ในการอ้างกับพวกนั้นว่า ข้าได้สร้างนครใต้ดินแห่งใหม่ที่แข็งแกร่งมากพอที่พวกแมนิเกเตอร์จะไม่เข้ามาถึง โดยได้ให้พวกกังฉินนั้นใช้อำนาจรวบรวมพวกนักโทษทางการเมือง พวกที่ต่อต้านระบบการปกครองและกอบกู้แผ่นดินจากพวกยึดอำนาจมาไว้ที่เมือง แล้วทำการประหารทิ้งเสีย จากนั้นก็พาชาวเมืองที่ไม่รู้เรื่องทิ้งเมืองไปที่นครใต้ดินที่ข้าอ้างมา แต่ความจริงแล้ว พวกนั้นทั้งหมดจะเดินใส่พานมาให้ท่านโอเวอร์เดสกันอย่างง่ายดายเองแหละ" เกซิคบอก
              โครเต้กล่าวอย่างไม่พอใจขึ้นมา "แปลว่าท่านคิดจะให้พวกนั้นเป็นนักโทษอย่างงั้นนะหรือ หึ ถึงถูกจับกุมไว้นี้ แต่พวกนั้นก็หาเรื่องยื่นข้อเสนอในการเปลี่ยนเป็นแมนิเกเตอร์ ซึ่ง...ข้ายอมให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้แน่นอน ทุกคนที่อยู่ในแทแรนเซียไม่ว่าดีหรือเลว มันต้องถูกกำจัดทั้งหมดนี้แหละ"
              "ผู้คุมกฎแนะนำหนทางที่ท่านจะได้ไม่ต้องเสียแรงไปกับการเข่นฆ่าพวกมนุษย์โง่ๆ จนทำให้พวกโคเคสส่งกองรบกวาดล้างพวกท่านแบบนี้ ท่านก็น่าที่จะ..." จีเนฟาร์รี่บอก
              โครเต้ส่ายหน้า "....ไม่ ไม่มีใครหน้าไหนขัดขวางเจตนาของข้าที่เป็นแมนิเกเตอร์กันไปได้หรอก อ้อ ท่านเกซิค หนทางของท่านนั้น มันก็แค่ยืดอายุให้พวกนั้นอยู่โดยไม่สำนึกในความผิดที่พวกมันก่อไปเท่านั้นแหละ เพราะทางเดียวที่จะแก้ปัญหาของพวกนั้น ก็คือความตายจากพวกเรากันน่ะ"
              "เอาเป็นว่า เจ้าควรจะรวบรวมกองรบที่มีอยู่ของเจ้ามาที่นี้กันก่อน ส่วนเรื่องจะบุกหรือไม่บุกแทแรนเซีย ข้าจะพิจารณาอีกที แต่ตอนนี้ ไม่มีคำสั่ง ห้ามเคลื่อนย้ายกองกำลังโดยพลการกันละ" โอเวอร์เดสสั่งโครเต้ไว้ และหันมาถาม "ว่าแต่ ไวซ์ไมเซลไม่เห็นมาประชุมเลยน่ะ"
              ครองคอร์ดกล่าว "ตอนนี้เขาติดธุระอยู่ เลยมาประชุมไม่ได้นะครับ ข้าจะขอไปตามไวซ์ไมเซลเลยแล้วกัน"
              "แล้วก็แจ้งบอกให้เขามารายงานตัวกับข้าด้วยน่ะ" โอเวอร์เดสบอก

              แล้วการประชุมในท้องพระโรงก็จบลง ครองคอร์ดเลยมาที่ห้องวางแผนซึ่งไวซ์ไมเซลตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไว้ "ท่านจักรพรรดิ์เรียกท่านให้ไปคุย เพราะท่านขาดการประชุมในวันนี้อยู่น่ะ" และมองดูโฮโลแพดที่ไวซ์ไมเซลใช้อยู่ "ข้อมูลเหล่านั้นมัน... ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนน่ะ"
              "ตอนนี้ ข้ารู้แล้วละ ว่าไอ้พวกสหายใหม่ของโคเคสนั้น มันเป็นใครกัน...." ไวซ์ไมเซลบอก แล้วก็ขยายแพดให้ใหญ่ขึ้นพร้อมกับข้อมูลของพวกบรอนเซอรูทไว้ "....ไอ้แปดพี่น้องนั้น มันคือเหล่าบุตรของข้าและไวซ์แลงค์ ซึ่งเป็นเหล่าเด็กที่ข้าทำการผ่าตัดต่อยีนพันธุกรรมเพื่อสร้างเป็นสุดยอดนักรบที่เก่งกาจมากที่สุด สุพรีมชิลเดนยังไงละ"
              ครองคอร์ดกล่าว "สุพรีมชิลเดนนะหรือ แต่ พวกนั้นจะเป็นบุตรของท่านกับไวซ์แลงค์ได้ไง ในเมื่อท่านทั้งสองไม่มีลูกและถูกคืนชีพให้เป็นแมนิเกเตอร์หลังจากที่ท่านตายไปแล้วกันน่ะ"
              "ถึงไวซ์แลงค์เดิมมีปัญหาเรื่องเสียมดลูกเพราะโรคซิสท์ก็จริง แต่เธอก็มีไข่ ในขณะที่ฉันมีอุสจิอยู่ พวกเราเลยใช้วิธีสร้างเด็กหลอดแก้วขึ้นมาเอง ซึ่งสร้างขึ้นมาเป็นร้อยเป็นพันเอาไว้แล้วน่ะ โดยเก็บรักษาเอาไว้ในสถานที่ลับสุดยอด เพื่อปกป้องพวกเขาไว้ พอเราสองคนกลายเป็นแมนิเกเตอร์ขึ้นมา พวกเขาก็กลายเป็นทารกไปแล้วน่ะ" ไวซ์ไมเซลกล่าว "แน่นอน ว่าหลังจากที่พวกลูกๆของเรา กลายเป็นทารกกันหมดแล้ว ฉันเลยเลือกเด็ก 8 คนแรกมา ทำการดัดแปลงพันธุกรรมเอาไว้ ด้วยภูมิความรู้ในการสร้างพวกสัตว์ประหลาดและความล้มเหลวในโปรเจคออสเซ่นั้น การเปลี่ยนแปลงยีนของลูกๆของเราจึงเป็นไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งผลออกมานั้น ลูกทั้งแปดของฉันก็กลายเป็นยอดมนุษย์ตามที่ฉันต้องการไว้น่ะ"
              ครองคอร์ดกล่าว "อืมมม เรื่องนี้ฉันทราบมาบ้างน่ะ แต่เท่าที่ทราบมา ไวซ์แลงค์บอกกับฉันว่าโปรเจคของท่านล้มเหลวเพราะเด็กทั้งแปดตายไปแล้วเนื่องจากว่าอวัยวะในร่างกายล้มเหลวกันน่ะ"
              "ไวซ์แลงค์โกหกและหลอกลวงฉันไว้นะสิ เพื่อบีบให้ฉันสั่งเธอนำเด็กทั้งแปดไปทิ้งที่ไหนก็ได้ แต่ไม่นึกเลย ว่าเธอจะฉวยโอกาสนี้นำลูกๆของฉันไปฝากให้คนอื่นเลี้ยงจนเติบใหญ่ไว้ ซึ่งฉันยังไม่ยอมแพ้ และได้โยกย้ายลูกๆที่เหลือของฉันไปไว้ในที่ลับสุดยอด เพื่อดำเนินสร้างสุพรีมชิลเดนทั้งหมดไว้ แน่นอน ว่าผลที่ออกมาก็สำเร็จไปได้ด้วยดี แต่เพื่อให้แน่ใจว่า อยู่ๆพวกเด็กๆจะไม่เสียชีวิตกันทั้งหมด ฉันเลยปรับให้ระบบคอมพิวเตอร์แม่ที่ฉันสร้างขึ้นมา ทำหน้าที่เลี้ยงดูพวกเด็กๆกันเอาไว้" ไวซ์ไมเซลบอก
              ครองคอร์ดกล่าว "อย่างงี้นี้เอง พอท่านกับไวซ์แลงค์ตาย อย่างน้อยพวกลูกๆของท่านก็จะสานต่อและแก้แค้นให้กับพวกท่านด้วยสิน่ะ" และหันมาถาม "แล้วพวกเด็กๆนั้น ยังไม่ออกจากหลอดแก้วเลยหรือ"
              "เด็กที่เหลือนั้นข้าให้อยู่ในหลอดแก้วซึ่งจะทำให้ร่างกายนั้นเติบโตช้าลง เพื่อให้สภาวะการกลายพันธุ์ภายในร่างกายที่เป็นพลังของพวกเขาแต่ละคนนั้นมีการปรับตัวในสภาพสมดุลย์ ไม่เกิดการเสียสูญจนร่างกายผิดปกติขึ้นมาเลยนะ" ไวซ์ไมเซลอธิบาย
              ครองคอร์ดบอก "เพราะถ้าอยู่ๆเกิดมีลูกคนใดคนหนึ่งที่มีร่างกายบิดเบี้ยวถึงขั้นเครื่องในโผล่ออกมาข้างนอก ก็แย่กันพอดีนะสิ แต่ท่านไม่ควรจะให้ลูกๆของท่านเป็นมนุษย์เทียมในโหลแก้วกันหรอกน่ะ"
              "ลูกๆของข้าจะไม่มีสภาพเป็นโฮมุลคุสกันหรอกน่า ท่านขุนพล ข้าตัดแต่งให้ร่างกายของพวกเขาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมรอบนอกที่พวกเขาเกิดมากันน่ะ" ไวซ์ไมเซลบอก
              ครองคอร์ดกล่าว "แต่ ข้าก็อนุมานได้น่ะ ท่านไวซ์ไมเซล ว่าบรอนเซอรูทนั้นเป็นลูกท่านแน่นอนกันน่ะ เพราะใบหน้าของเขานั้น เหมือนกับท่านในช่วงที่ท่านถอดหมวกและหน้ากากออกมากันน่ะ"
              "...." ไวซ์ไมเซลถอดหมวกที่ปิดส่วนจมูกออก เผยใบหน้าของชายหนุ่มที่เหมือนกับบรอนเซอรูท หากแต่รอบดั้งและใต้ตานั้นมีรอยแผลเป็นจากการเย็บไว้ เช่นเดียวกับมีรอยเย็บบนหัวไว้ "ด้วยความช่วยเหลือของท่านขุนพล ข้าที่ควรจะตายอย่างทารุณเพราะถูกเคลเบรอสเข้าขย้ำจนหนังหัวและใบหน้าส่วนหนึ่งหลุดออก หลังจากที่ข้าจัดการกับภรรยาที่คิดจะเรียกคนจากโรงพยาบาลประสาทมารับไว้แล้ว แม้ว่าท่านโอเวอร์เดสจะคืนชีพข้าไว้ แต่ก็คืนชีพภรรยาของข้าไว้ให้เป็นลูกมือ แม้ข้าไม่อยากจะได้เลยก็ตาม"
              ครองคอร์ดกล่าว "แต่อย่างน้อย ข้าก็ทำให้ท่านสามารถควบคุมไวซ์แลงค์ได้ หากนางไม่เชื่อฟังและทำตามคำสั่งเลยน่ะ แม้ว่า นางจะเริ่มดื้อแพ่งแล้วก็ตาม"
              "ถ้านางดื้อถึงขั้นที่เอาลูกๆของข้าไปไว้ที่่อื่นได้ ข้าก็จะสั่งให้นางฆ่าพวกลูกๆที่ไม่เพียงไม่รักดี เข้ากับพวกโคเคสและเป็นส่วนหนึ่งของพวกเวเซอร์ลงไปซะ โทษฐานที่เป็นลูกเนรคุณพาพวกโคเคสมาชิงพวกมิวแทนอยด์ที่ข้าจับตัวไว้เพื่อใช้ยีนพันธุกรรมของพวกเขามาใช้ดัดแปลงลูกๆที่เหลือของข้าให้ทรงพลังยิ่งขึ้น แล้วค่อยเอาพวกเขามาเป็นส่วนหนึ่งของกองรบของข้าในภายหลังนี้แหละ" ไวซ์ไมเซลกล่าว
              ครองคอร์ดยิ้มพร้อมกับบอกว่า "แต่ตอนนี้ ท่านควรจะควบคุมไวซ์แลงค์กันก่อนน่ะ เผื่อว่านางจะหลุดจากการควบคุมของท่านไปได้น่ะ"
              "วางใจได้น่า ข้าเซตชิฟควบคุมจิตให้มีอานุภาพกดสมองนางไว้ ถ้านางยังพยายามจะมีสติ ชิฟนั้นจะทำลายนางด้วยการเผาสมองให้เหลวไปซะ ทีนี้แหละ นางก็จะสมองตายจริงๆกันน่ะ" ไวซ์ไมเซลพูดพร้อมกับกำหมัดไว้
              ครองคอร์ดบอก "ถ้าแพทรีออทคิดเหมือนท่านแล้วละก็ ปานนี้พีวิลคงกลายเป็นสมุนเอกของข้าไปนานแล้วละ แพทรีออทไม่น่าใจอ่อนลงกันได้เลยน่า"
              "เอาเป็นว่าตอนนี้ ข้าจะเตรียมการนำกองรบสัตว์ประหลาดของข้าเพื่อกำจัดพวกสหพันธมิตรของโคเคสในไม่ช้า ซึ่งถ้าโคเคสคิดจะโจมตีใส่พวกครอสตรีมหรือพวกแอตแลนไทซ์นั้น ข้าจะไปถึงเองแหละ" ไวซ์ไมเซลบอก
              ครองคอร์ดพยักหน้า "เรื่องนี้ข้าได้แจ้งให้ลูกสมุนของเกซเฟลิคและโครเต้ให้รับทราบเอง แม้กองรบของโครเต้นั้นจะมีท่าทีไม่ฟังคำสั่งเลยก็ตามน่ะ"

              ที่ปราการปิรามิลด้า
              "ว่ายังไงน่ะ จะให้ข้าไปคุ้มกันยานขนส่งกำลังพลรุ่นเจ็ดหรือครับ" การ์ดเชสเตอร์บอก เกซเฟลิคพยักหน้า แต่นักรบหกโลห์กลับปฏิเสธ "ต่อให้ท่านสั่งมา ข้าคงทำตามไม่ได้นะครับ"
              ไพลม์เทคบอก "ทำไมละ นับแต่คลอเวฟสร้างความเสียหายให้กับปราการของพวกเรา ท่านเริ่มจะเป็นเหมือนคนทรยศอย่างงั้นละสิ"
              "ไม่เลย ข้าได้สาบานว่าจะพิทักษ์ปราการแห่งนี้ตราบด้วยชีวิตจะหาไม่ และไม่มีทางทรยศหักหลังพวกเราเหมือนที่คลอเวฟเป็นอยู่ก็จริง" การ์ดเชสเตอร์เผยเจตจำนงของเขาไว้ "แต่...ท่านสั่งให้ข้าไปจากนี้พร้อมกับรุ่นน้องเพื่อออกสู่อวกาศนั้น เท่ากับว่าท่านโยนโลห์และกำแพงออกไปเช่นนี้ ไม่ว่ายังไง ข้าจะขวางคลอเวฟและพวกจนถึงที่สุดนะครับ"
              เกซเฟลิคบอก "ถึงเจ้าจะกันคลอเวฟไว้ได้จริง แต่...เจ้ากันคนอื่นที่มากับคลอเวฟมิได้หรอกน่ะ การ์ดเชสเตอร์"
              "....." การ์ดเชสเตอร์ได้ฟังก็หยุดพูดไปสักเล็กน้อย ไพลม์เทคบอก "คลอเวฟเดาออกว่านายจะต้องเข้ามาขัดขวางไว้ เลยเอาตัวมาดึงความสนใจของนายให้ออกห่างไป เพื่อเปิดช่องให้พวกพ้องที่ตามมาด้วย บุกเข้าไปได้ง่ายๆ ต่อให้นายพยายามแค่ไหน คลอเวฟก็ไม่ยอมให้นายทำสำเร็จได้หรอกน่ะ"
              เกซเฟลิคบอก "อีกทั้งเจ้าเป็นเพื่อนสนิทของคลอเวฟด้วยแล้ว แม้เจ้าสาบานว่าจงรักภักดีต่อแอตแลนไทซ์ก็ตาม แต่คลอเวฟเป็นตัวการที่ดึงเจ้าออกจากพื้นที่ป้องกันเสียเองเช่นนี้ ข้าไว้ใจให้เจ้าเฝ้าประตูหน้าไม่ได้แล้วละ"
              "แต่ แต่ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านจะให้เมอริด้าและไพลม์เทคเป็นยามเฝ้าประตูไม่ได้นะครับ ถ้าทั้งคู่ถูกคลอเวฟจัดการแล้วละก็ ท่านก็คงจะ..." การ์ดเชสเตอร์บอก เกซเฟลิคกระทืบพื้นจนทำให้การ์ดเชสเตอร์เสียหลักไปอย่างมาก
              เมอริด้าบอก "พวกเราไม่เป็นไรหรอกน่ะ เพราะในเมื่อท่านสาบานว่าจะปกป้องแอตแลนไทซ์เอาไว้ เราสองคนได้สาบานต่อท่านเกซเฟลิคว่า จะแลกชีวิตเพื่อชัยชนะของพวกเราและความปราชัยของคนทรยศกับพวกเวเซอร์และพวกโคเคสกันด้วย"
              "นั้นเป็นคำพูดของเจ้าจริงๆนะหรือ เมอริด้า" การ์ดเชสเตอร์บอก "นับวัน เจ้ากับไพลม์เทคเปลี่ยนไปมากแล้วน่ะ เมื่อก่อนที่ข้ากับคลอเวฟฝึกสอนพวกเจ้าทั้งสองนั้น พวกเจ้ามีความตั้งใจจะเป็นนักรบที่ได้รับการยอมรับจากทุกๆคน ซึ่งการที่เจ้ากับไพลม์เทคได้รับตำแหน่งสำคัญในฐานะขุนพลใกล้ชิดท่านแม่ทัพใหญ่นั้น พวกเจ้าควรจะมีหัวคิดตามไปด้วยว่าสมควรที่จะทำเรื่องนั้น มิใช่เอะอะๆก็แลกชีวิตเพื่อชัยชนะ ซึ่งนั้น มันไม่ใช่ตัวตนของพวกเจ้ากันเลยน่ะ"
              ไพลม์เทคบอก "พวกเราเป็นอย่างงั้น เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ติดตัวพวกเรามาตั้งแต่เกิดแล้วละ ท่านการ์ดเชสเตอร์ ถ้าจะตำหนิพวกเรา ทำไมไม่ดูท่านเสียเลย ที่ปล่อยให้คลอเวฟมันหยามน้ำหน้าพวกเราอย่างมากกันน่ะ"
              "ใช่ เมื่อก่อน ท่านพยายามจะโต้เถียงกับท่านแม่ทัพใหญ่ในเรื่องการดวลในครั้งนั้น เพราะท่านต้องการจะช่วยคนทรยศนั้นไว้ ซึ่งท่านแม่ทัพใหญ่ก็ได้ตัดสินโทษจนทำให้ท่านไม่เอ่ยปากพูดถึงมาจนถึงบัดนี้กันเลย แต่ดูเหมือนว่านั้นจะเป็นมูลเหตุที่ทำให้ท่านช่วยคนทรยศขโมยเรือของไพลม์เทคไป จนทำให้คลอเวฟยึดเรือทุกลำที่ควรจะเป็นของพวกเราไปให้โคเคสใช้ถล่มพวกเรากันซะแบบนี้ จะอธิบายยังไงกันละ" เมอริด้าบอก
              การ์ดเชสเตอร์กล่าว "ที่ข้าไม่เอ่ยปากพูดถึง เพราะข้าไม่อยากผิดคำสาบานเอาไว้ แต่...สิ่งที่ข้าทำไปนั้น ก็เพื่อที่จะเตือนสติพวกเจ้าทั้งสองว่า ให้รู้จักคิดดีๆและนึกถึงความผิดที่เกิดขึ้นมาอย่าให้ซ้ำรอยอีก เพราะถึงไพลม์เทคใช้อุบายเพื่อทำให้คลอเวฟดูแย่กันแค่ไหน แต่พวกเจ้าก็ลืมไปว่า คลอเวฟกับข้า เคยถูกหักหลังจากพี่น้องมาหลายต่อหลายครั้งกันด้วยน่ะ จนชินชาและปรับตัวเพื่อไม่ให้เป็นฝ่ายถูกหักหลังอีก" แล้วก็หันมายังไพลม์เทคพร้อมกับบอกว่า "...สิ่งที่เจ้าบอกว่าคลอเวฟทำลายพี่น้องของพวกเราไปเป็นจำนวนมากนั้น ข้ากลับมองว่า เพราะเจ้าคิดไม่ซื่อกับคลอเวฟก่อนนี้แหละ ที่ทำให้เจ้าต้องเปื้อนเลือดพี่น้องของเจ้าเสียเอง กรรมตามสนองแล้วละ"
              "ดูเหมือนว่า ความโอหังของเจ้าที่ปฏิเสธคำสั่งของข้าจะทำให้เจ้าเหิมเกริมไม่น้อยสิน่ะ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเป็นเพื่อนคนทรยศกันน่ะ" เกซเฟลิคบอก
              การ์ดเชสเตอร์ก้มลงพร้อมกับพูดอย่างสำนึกผิดไปว่า "ข้าแค่อยากจะให้ความผิดพลาดนั้นได้รับการสะสาง ต้องการให้รุ่นน้องที่ข้าฝึกสอนมาและดูแลเหมือนกับน้องแท้ๆของข้า ยอมรับในความผิดของพวกเขาและไม่ทำซ้ำอีก อย่างน้อยก็เพื่อให้พวกเขาทั้งสองเป็นยอดขุนพลที่มีความภาคภูมิใจต่อสิ่งที่ตัวเองได้พยายามมาจนถึงระดับนี้ และข้าก็ไม่อยากจะผิดคำสาบานที่ต้องการจะปกป้องท่าน ปกป้องทุกๆคนที่อยู่ในปิรามิลด้านี้ ไม่เช่นนั้น ข้าคงช่วยคลอเวฟฆ่าท่านไปนานแล้วละครับ" ไพลม์เทคถึงกับบันดาลโทสะขึ้นมา แต่เกซเฟลิคห้ามโดยเร็ว
              "ไม่ต้อง ไพลม์เทค ข้าจะจัดการกับการ์ดเชสเตอร์เอง"
              "ขอรับ ท่านเกซเฟลิค" ไพลม์เทคบอก
              เกซเฟลิคก้าวเดินมา "การ์ดเชสเตอร์ เจ้าเป็นลูกน้องที่ซือสัตย์ต่อพวกเราไม่น้อย และจงรักภักดีถึงขั้นที่ยอมตายเพื่อพวกเรานั้น เหตุผลนี้แหละ ที่ข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอยู่ และเพราะเจ้า กองเรือของเราถึงได้ปลอดภัยมาจนถึงบัดนี้แหละ"
              "เพื่อความปลอดภัยของทุกๆคน ข้ายินดีแลกชีวิตเพื่อพิทักษ์ทุกๆคนไว้นะครับ" การ์ดเชสเตอร์ก้มคำนับลง
              เกซเฟลิคกล่าว "แม้เจ้าจงรักภักดีต่อข้าและพวกเรากันก็จริง แต่....การยึดถือในความถูกต้องของเจ้านั้น คือสิ่งที่ข้าไม่มีวันให้อภัยกับเจ้าได้แน่นอน เจ้าพยายามจะเปลี่ยนความคิดขุนพลทั้งสองของข้า เท่ากับว่าเจ้าตั้งใจจะประจบสอพลอเพื่อให้ข้าหลงเชื่อกันไปด้วย ซึ่งคนพรรค์นี้แหละ ที่ควรจะถูกลงโทษสถานหนักกันน่ะ"
              "ท่านเกซเฟลิค ข้าแค่ต้องการที่จะให้พวกเรา...." การ์ดเชสเตอร์แย้ง
              เกซเฟลิคบอก "....ลูกน้องที่ดีนั้นไม่เพียงจงรักภักดีต่อข้าเยี่ยงชีพ แต่ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งโดยไม่มีการโต้เถียง ไม่มีเหตุและผลมาอ้าง และไม่มีถูกกับผิดหรอก ใครก็ตามที่อ่อนแอจะต้องเป็นเบี้ยล่างของคนที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งไม่ต้องฆ่าให้ตายหรอกมันง่ายและสบายเกินไป" แล้วก็ดีดนิ้วเพื่อให้วงแหวนลอยเหนือหัวการ์ดเชสเตอร์ไว้ "....คำสั่งของข้าถือเป็นเด็ดขาด ซึ่งนี้คือกฎของข้าในตอนนี้ เช่นเดียวกับการลงโทษของข้าที่มีต่อเจ้าด้วย ข้าจะทรมานเจ้าด้วยความรู้สึกผิดที่นึกถึงเพื่อนมากกว่าพวกพ้องด้วยการปกป้องรุ่นน้องไปยังแรซัลก้ากันนี้แหละ" จากนั้นก็ดีดนิ้วเพื่อให้วงแหวนยิงลำแสงตรึงร่างการ์ดเชสเตอร์ไว้
              "ทะ ท่านเกซเฟลิค ท่านเกซเฟลิค ปล่อยข้า ข้าจะปกป้องพวกท่าน ปกป้องทุกๆคน ปกป้องขุนพลทั้งสองคนเอาไว้ให้ได้ พวกเขาเป็นพี่น้องของข้า ข้าจะไม่ยอมให้พวกเขาต้องตายไปอย่างแน่นอน ต่อให้ท่านส่งข้าไปไกลสุดจักรวาล ข้าจะต้องกลับมาให้ด้ายยยยย" การ์ดเชสเตอร์ตะโกนลั่นโดยที่เฮอคูลอนลากตัวออกไปจากห้องโถงกันแล้ว
              เมอริด้าบอก "เราจำต้องทำเช่นนั้นเลยหรือ แบบนั้นไม่เท่ากับว่า...."
              "การ์ดเชสเตอร์ปล่อยคนทรยศมาหยามน้ำหน้าและทำลายศักดิ์ศรีของพวกเรากันมากจนเกินให้อภัยแล้ว ว่ากันตามจริง พวกเราสมควรจะกำจัดเขาลงตรงนี้เสียด้วยซ้ำน่ะ" ไพลม์เทคบอก
              เกซเฟลิคบอก "ตอนนี้ข้าเสียกำแพงไปแล้วชั้นหนึ่ง แต่ ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งสองคงจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังกันบ้างหรอกน่ะ และข้าต้องการให้ความจงรักภักดีของพวกเจ้า แข็งแกร่งยิ่งกว่าของการ์ดเชสเตอร์ด้วย"
              "รับทราบแล้วครับ คะ" ไพลม์เทคและเมอริด้ารับคำสั่ง
              เกซเฟลิคยิ้มขึ้นและคิดในใจไปว่า "ไม่มีใครหน้าไหนขัดขวางแผนการของข้าไปได้หรอก ต่อให้พวกเจ้ารู้ มันก็สายเกินแก้กันแล้ว หึๆๆๆๆๆๆ"

              ที่เวลเซน่า ฐานทัพเอาท์คอมด์
              "ตอนนี้ พวกเราสกัดกั้นการบุกของพวกครอสตรีมกันไปได้ทุกครั้ง ช่วยเหลือพวกมิวแทนอยด์ที่ถูกคุมขังตามที่ต่างๆเอาไว้จนหมด รวมไปถึง โจมตีกองเรือรบและฐานทัพใต้ทะเลลึกของพวกแอตแลนไทซ์ กอบกู้มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปรซิฟิกกันไปได้แล้ว ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นั้นเป็นการรบที่ประสบความสำเร็จไปด้วยน่ะ" โคเคสบอก
              เบย์แทนด์กล่าว "แม้การรบนั้น กองรบเวเซอร์จะมีส่วนไม่น้อย แต่ชัยชนะทั้งหมดทั้งปวง เพราะความร่วมมือของพวกเราทุกฝ่ายกันนะครับ"
              "ชัยชนะของพวกเราที่มีต่อพวกครอสตรีมและพวกแอตแลนไทซ์นั้น คงจะบีบให้พวกนั้นทำอะไรไม่ถูกกันไปบ้างละน่า" บัลโต้บอก
              เฮลิคกล่าว "ความปราชัยของพวกโอเวอร์เดสนั้นตัดทอนกำลังรบของพวกมันให้อ่อนแอลงไปทุกครั้งที่รบกับพวกเรา กองรบของพวกมนุษย์ ไม่ว่าจะแอฟริกา อเมริกาและเอเชียในตอนนี้ เริ่มสะสมกองกำลังขึ้นมา รวมถึงฟื้นฟูกองรบที่เสียไปอย่างมากจนกลับมาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้วละ"
              "แล้วเราจะมัวรออะไรกันอยู่ละ โคเคส สั่งการให้พวกเราทั้งหมดถล่มพวกแอตแลนไทซ์กันได้เลย อย่างน้อย เมื่อไม่มีเกซเฟลิคและพวก 7 คาบสมุทรบนโลกก็กลับสู่ความสงบกันนี้แหละ" คลอเวฟบอก
              โคเคสส่ายหน้า "เออ คลอเวฟ ต้องขอโทษด้วยน่ะ ที่เรายังบุกโจมตีปิรามิลด้าในตอนนี้ไม่ได้หรอกน่ะ"
              "อ้าว ในเมื่อพวกเราถล่มกองเรือรบและฐานทัพของพวกมันไปได้มากขนาดนี้ แล้วทำไมเราไม่รีบบุกไปเสียเลยกันน่ะ" เจเนลบอก
              เฮลิคกล่าว "เกซเฟลิคแม้จะเสียฐานทัพและกองเรือรบพร้อมกำลังพลไปไม่น้อย เช่นเดียวกับป้อมปราการหลักของพวกมัน ที่ถูกคลอเวฟพังซะเละไม่มีชิ้นดีขนาดนี้ เกซเฟลิคกับพวกแอตแลนไทซ์คงจะโกรธแค้นอย่างมากถึงมากๆแน่ๆ ซึ่งนั้นหมายถึง เกซเฟลิคจะรวบรวมกองเรือรบที่เหลืออยู่ทั้งหมดมาถล่มพวกเรากันอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน"
              "แม้ว่าเราจะโต้ตอบจนเกซเฟลิคและพวกจนมุม แต่สัตว์ร้ายที่โดนต้อนจนมุมก็ต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดกันอยู่แล้ว ถ้าเราบุกไปก็อาจจะมีแต่เสียกับเสียกันนี้แหละ" โคเคสบอก
              บัลโต้กล่าว "แน่ละ แม้ว่าพวกนายจะป่วนฐานทัพของแอตแลนไทซ์จนเสียหายไม่เป็นท่า แต่นั้นก็ทำให้เกซเฟลิคแค้นถึงขั้นต้องกวาดล้างพวกเราที่คิดจะบุกให้ราบเป็นหน้ากองอยู่แล้วน่ะ"
              "นั้นคงจะเป็นข้อเสียบนข้อดีที่เราก่อไว้ละสิ" สเปียริทบ่น
              จิลถาม "แต่ ถ้าเราไม่รีบบุกโจมตีพวกแอตแลนไทซ์ แล้วนายจะให้พวกเราทำอะไรกันต่อละ เพราะฉันรู้สึกได้ว่าตอนนี้ศัตรูเริ่มคิดที่จะบดขยี้พวกเราให้แหลกกันไปข้างแล้วละ"
              "พวกนายยังจำองค์หญิงมาร์กาเล็ตได้หรือเปล่าละ" โคเคสกล่าว
              จายด์บอก "ที่ว่าเป็นเจ้าหญิงราชทายาทของแทแรนเซีย ซึ่งพวกนายเจอกับท่านเป็นหมออาสาสมัครที่นิวดูไบละสิน่ะ"
              "ใช่ ในช่วงที่พวกนายอยู่บนเขาหอเมฆาเมื่อวันที่ 8 ทางเราได้ส่งกำลังเข้าช่วยท่านมาร์กาเล็ตและพวกอาสาสมัครที่ถูกพวกครอสตรีมกองหนึ่งเข้าเล่นงานขึ้นมา ซึ่งนั้นเป็นความช่วยเหลือจากพวกเราที่มีต่อองค์หญิงผู้นี้กันน่ะ" โคเคสบอก "แล้วก็...เมื่อ 4 วันก่อนก็เช่นกัน..."

              แล้วก็นึกเหตุการณ์ในช่วง 4 วันก่อน พวกครอสตรีมก็บุกโจมตีพวกมาร์กาเล็ตเหมือนเช่นเคย แล้วก็... "อาโช้วววว" บรอนเซอรูทกระโจนเข้า "ป้าบบบบ" ฟาดฝ่ามืออัดใส่ครูเซเดนจนตัวปลิวไปพร้อมกับมีรอยฝ่ามือยุบเข้าไปข้างใน ตามด้วย "โว้ววว ว้ากกกก" มาสวาร์ทาร์ เจเนไซด์ทีมและพวกโคเคสแห่มาอย่างรวดเร็วด้วยมอเตอร์ไซด์วิบาก ซึ่งก็... "โครมมมม" พวกครูเซเดนถูกจายด์พุ่งชนด้วยโรลลิ่งสโตนโบลว์เป่ากระเจิงไป "แคร้งงง ฉั้วะ ฉับ" เซเทธใช้ทวนจันทร์เสี้ยวคู่เข้าฟาดฟันใส่พวกพาราไดน์ที่บุกเข้ามาจนล้ม ในขณะที่ทินเหมาลีใช้ง้าวมังกรเขียวฟาดฟันใส่พวกพาราไดน์ที่เอาหอกมาสู้จนล้มลง ทอฟคานิคใช้ตะบองกลมหวดใส่พวกครูเซเดนที่ใช้ดาบครอสเซียมเกรทซอร์ดเข้ามา ซึ่งก็เสริมด้วยก้อนหินที่เกาะติดบนหัวตะบองเพื่อเพิ่มพลังการทำลายให้มากขึ้น "หวับ หวับๆๆๆ" เลอแชนใช้คราดติดคมมีดเข้าเล่นงานพวกเทมพาร่าจนล้มไปสี่ตน แม้พวกที่เหลือจะสาดพลังสายฟ้าอัดใส่ไปก็ตาม "ฟิ้วๆๆๆๆ" ฟันดิวเรคกระโดดซัดมีดสั้นเข้าปักคาพาราไดน์อย่างจังๆถึง 8 ตน แล้วก็ยืดเท้าถีบใส่เทมพาร่าจนจุกแล้วก็ "ฟ้าวววว ฉึกกกก" ยืดหมัดที่ติดมีดเข้าทิ้มใส่หน้าซ้ำอีกที กริมเบอรี่ใช้เคียวฟาดฟันใส่พาราไดน์ไปหกตน แล้วก็ "หวับบบ ป้ากกก" หมุนตัวเตะครูเซเดนด้วยท่อนขาที่กระดูกแยกออกและเสริมความแข็งแกร่งจนแคลเซียมแข็งดุจเหล็กจนจุกแล้วก็ฟาดเคียวทิ้มเข้ากลางหัวและสับให้ขาดครึ่งไปอย่างรวดเร็ว "ป้ากกก ป้ากก ป้ากกก" โมคุโตะใช้ทอนฟ่าโครมเมทาเลี่ยมเข้าต่อกรกับพาราไดน์และครูเซเดนอย่างรวดเร็ว ด้วยการหมุนควงทอนฟ่าปัดหอก ทวนและดาบใหญ่ครอสเซียมที่ฟาดฟันและทิ้มแทงใส่จนกระเด็นไป แล้วก็ "ป้ากกกก" โมคุโตะหันหลังกระทุ้งทอนฟาอัดใส่หน้าอกของพาราไดน์จนเกราะแตกร้าวแล้วก็ "หวับบบ ป้ากกก กร็อบบบ" กระโดดหวดทอนฟ่าฟาดใส่หัวจนคอหักไป แล้วก็หมุนเข้าหวดใส่หัวครูเซเดนเต็มๆสองดอกรวด "เพลงดาบท่าไม้ตาย เพลงดาบวงล้อพิฆาต" มาสวาร์ทาร์บุกเข้าโจมตีด้วยท่าฟันกงล้อเข้าเล่นงานพวกครูเซเดนล้มตัวขาดครึ่งไปสามตนด้วยกัน "ฟ้าววววววว" โคเคสควบมอเตอร์ไซด์วิบากเข้าโจมตีด้วยง้าวโครมเมทาเลี่ยมฟันใส่เทมพาร่าที่ล้อมรอบไว้จนล้มไปกันหมด แม้จะไม่ได้ชำนาญเรื่องการสู้บนรถมอเตอร์ไซด์มากมายนัก แต่บรอนเซอรูทก็กระโดดเข้ามาช่วยโคเคสด้วยกระบองสองท่อนฟาดใส่พวกเทมพาร่าไว้
              "จัดการกับโคเคสเดียวนี้เลย" เทมพาร่าสาดพลังสายฟ้าเข้าใส่ แต่จิลโผล่เข้ามา "ฟิ้วๆๆๆๆ เปร้งๆๆๆๆๆ" ใช้ไซโคบิทบินเข้ามาป้องกันรับแทนไว้ พร้อมกับโจมตีด้วย "แนชเชอรอลบาเรีย แอทแทค" บาเรียพลังธรรมชาติเข้าเล่นงานพวกเทมพาร่าให้ชะงักด้วยใบไม้แห้งและกลีบดอกไม้ไว้ "เฟรมบลัสต์" เจเนลเข้าซ้ำด้วยกระสุนเพลิงจัดการกับพวกเทมพาร่าโดยเร็ว
              "หนอยยยย พวกเรา ถอยก่อนเร็ว" ครูเซเดนตัวหัวหน้ากองสั่งถอยโดยเร็ว
              "ไม่ต้องตามหรอก รีบไปช่วยคนก่อนดีกว่า" โคเคสเบรคเจเนล เซเทธและเลอแชนเอาไว้ก่อน โดยตอนนี้ผู้รอดชีวิตที่อยู่ในรถบรรทุกก็โผล่ออกมา ซึ่งก็...
              "โอ้ พวกคุณมาช่วยจนได้สินะคะ" อาสาสมัครหมอหญิงมาร์กาเล็ตโผล่ออกมา โคเคสและมาสวาร์ทาร์พยักหน้าไว้
              "นี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่ได้เจอคุณกันนะครับ" โคเคสบอก
              เจเนลกล่าว "แต่ไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะถูกพวกครอสตรีมโจมตีกันจนได้น่า ทั้งๆที่พวกคุณเป็นแค่กลุ่มหมอและอาสาสมัครธรรมดากันแล้วน่ะ"
              "เสียมารยาท นี้พวกท่านพูดอยู่กับใครรู้ตัวหรือเปล่าละ" ชายผมแดงที่ลงมาจากรถบรรทุกกล่าว
              เลอแชนบอก "นี้พวกเราอุตสาห์มาช่วยพวกนายแล้วยังมาพูดจาอวดอ้างว่าตัวเองสูงส่งกว่าอย่างงั้นละสิ"
              "เลอแชน พอได้แล้วน่ะ" โคเคสกล่าวแล้วหันมายังมาร์กาเล็ต "ข้าพเจ้าขออภัยที่พรรคพวกของข้าพเจ้าเสียมารยาทด้วยนะครับ องค์หญิงมาร์กาเล็ต" ซึ่งนั้นก็ทำให้บรอนเซอรูทและพวกตกใจไม่น้อย
              จิลกล่าว "องค์หญิงมาร์กาเล็ตที่ว่ามานิ หมายถึงราชทายาทอันดับหนึ่งของแทแรนเซีย ซึ่งถูกพวกกบฎและกังฉินควบคุมยึดครองไว้สิน่ะ"
              "และเป็นเป้าหมายของโครเต้สไครเดอร์ ซึ่งมาเพื่อถล่มแทแรนเซียให้สิ้นซากกันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              ชายผมแดงบอก "...เราแทบไม่เชื่อเลยว่ายอดวีรบุรุษที่ถูกลืมนั้นจะกลายเป็นผู้นำพาหายนะและเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิ์อันน่าเกรงขามกันนี้ไว้ แต่ พวกเราก็ไม่อยากจะให้พวกนายที่เป็นแมนิเกเตอร์เหมือนกัน มาช่วยกันหรอกน่ะ"
              "พอได้แล้วละ เควนติน ถ้าไม่เพราะพวกเขา ฉันคงไม่รอดมาถึงตรงนี้กันหรอกน่ะ" มาร์กาเล็ตบอก
              เจเนลถาม "เออ ว่าแต่ องค์หญิง แล้วคนพวกนี้มิใช่พวกอาสาสมัครเลยหรือ"
              "ความจริงแล้ว พวกเขาเป็นพวกบุตรของเหล่าขุนนางและแม่ทัพนายกองที่จงรักภักดีต่อเสด็จแม่ ซึ่งเควนตินคือผู้นำเหล่าหนุ่มสาวที่ต้องการกอบกู้ประเทศบ้านเกิดของพวกเรากลับมา พอหลังจากเรื่องนิวดูไบจบลง เควนตินส่งคนมาพาฉันไปช่วยรวบรวมพองเพื่อนของเขาที่กระจัดกระจายไป พร้อมกับปกป้องพวกเขาจากพวกมือสังหารที่แม่ทัพกบฎส่งมากันน่ะ" มาร์กาเล็ตอธิบาย
              จายด์กล่าว "แต่พวกมือสังหารเหล่านั้นก็ไม่แคล้วถูกเหมารวมโดยพวกครอสตรีมสิน่ะ" โดยที่ลากเอาศพของพวกทหารที่ใส่ชุดดำปิดหน้าตาที่โดนฆ่าโดยพวกนักรบครอสตรีมกันแล้ว
              "แต่ถึงพวกคุณจะมาช่วยหรือไม่ พวกเราทั้งหมดจะกอบกู้แทแรนเซียด้วยตัวพวกเราเองแหละ" เควนตินบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "....เธอคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าคนที่พูดแบบเธอแล้วออกไปทำอย่างที่พูดโดยปราศจากความช่วยเหลือของพวกเรานั้น ล้วนจบไม่สวยเลยน่ะ" เควนตินได้ฟังก็ชะงักลง "อีกทั้งศัตรูกลุ่มที่สามนอกเหนือจากพวกกบฎและพวกกังฉินนั้นก็คือครอสตรีมที่มาโจมตีพวกเธอด้วย ถ้าขนาดพวกมือสังหารยังโดนกำจัดแบบนี้ พวกเธอเองก็คงไม่แคล้วมีสภาพไม่ต่างกันหรอกน่ะ"
              "แล้วจะให้พวกเรานิ่งเฉยและให้พวกคุณจัดการกันเองเลยหรือ มันไม่เข้าท่าเลยน่ะ อาณาจักรของพวกเราถูกพวกเลวระยำยึดครอง ปล่อยให้ชนชั้นสูงกดขี่ชนชั้นล่าง ทำให้ประเทศของเราเสื่อมเสียไม่น้อยเช่นนี้ พวกเรามีสิทธิ์ที่จะกอบกู้มันด้วยน่ะ" เควนตินบอก
              โคเคสกล่าว "ในเมื่อพวกคุณไม่ต้องการ พวกเราเองก็ไม่ฝืนบังคับพวกคุณกันหรอกน่ะ" แล้วก็กล่าวกับมาร์กาเล็ตไปว่า "พวกเราขอตัวกลับก่อนนะครับ เพราะทางเรามีเรื่องที่ต้องทำกันด้วยน่ะ"
              "หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะคะ" มาร์กาเล็ตกล่าว

              แล้วเหตุการณ์ก็กลับสู่ปัจจุบัน สเปียริทบอก "แต่สุดท้าย องค์หญิงกับกองกำลังกู้ชาติก็ขาดการติดต่อไปเลยนิ นายจะพูดถึงไปทำไมกันละ"
              "ที่พูดมานั้น คือการเกิร์นนำยุทธการสำคัญที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดและอาจจะเป็นภารกิจสุดท้ายของพวกเราบนโลกก็เป็นได้เลยน่ะ" โคเคสบอก
              บัลโต้ได้ฟังก็อุทานขึ้น "จริงดิ โคเคส นี้นายเอาจริงอย่างงั้นเลยหรือ"
              "ไม่ผิดหรอก บัลโต้...เพราะไม่ใช่แค่โคเคสเพียงคนเดียว แต่พวกเราทั้งหมดก็รอโอกาสนี้กันมาแล้วด้วยน่ะ แม้เราจะรีบเปิดเผยกันเลยก็ตาม" เฮลิคบอก
              พีวิลกล่าว "....โคเคส อย่าบอกน่ะ ว่าที่นายตั้งใจจะบอกกับพวกเรานั้น..."
              "ใช่....ฉันตัดสินใจที่จะเริ่มยุทธการกู๊ดบายเอิร์ธขึ้นมา ซึ่งพวกเรา....ตัดสินใจที่จะสู้กับจักรพรรดิ์โอเวอร์เดสขั้นเด็ดขาดกันแล้วละ" โคเคสกล่าว
              บรอนเซอรูทบอก "นี้แปลว่า นายคิดจะชนะพวกโอเวอร์เดสทั้งหมดเพื่อกอบกู้โลกใบนี้ และนำพาพวกเราไปสู่อวกาศอันไกลโพ้นกันเลยสิน่ะ"
              "ถูกต้อง...จากการที่เราบดขยี้ครอสตรีมและแอตแลนไทซ์จนทำให้พวกนั้นเสียสูญไปอย่างมากนั้น กองรบทั้งสองกองที่ต้านทานแสนยานุภาพของพวกเราก็ย่อมอ่อนแรงลงไป จนง่ายแก่การกำชัยเหนือพวกโอเวอร์เดสไว้อย่างแน่นอน" โคเคสกล่าว "ผลจากการที่เราชนะพวกแอตแลนไทซ์นั้น ก็เหมือนที่พูดมาก่อนหน้า ว่าเราได้เปิดโอกาสให้กองกำลังฝ่ายมนุษย์ทั้งสามทวีป นั้นคืออเมริกา แอฟริกาและเอเชียสะสมกำลังรบเพื่อสู้กับทั้งพวกแอตแลนไทซ์และครอสตรีมพร้อมกัน ซึ่งอเมริกาและแอฟริกาคงจะช่วยตัดกำลังพวกแอตแลนไทซ์กันไว้แล้ว หากแต่...ยังเหลือพวกครอสตรีมที่เฝ้าเป็นกำแพงป้องกันโอเวอร์เดสกันด้วยน่ะ"
              สเปียริทบอก "และโอเวอร์เดสก็ยังมีสมุนระดับรองลงมาอยู่ด้วย คงยากที่จะเข้าถึงตัวสิน่ะ"
              "เป็นเช่นนั้น แต่โชคยังดีมากที่เรารู้จุดอ่อนของโครเต้สไครเดอร์กันไว้แล้ว มาสวาร์ทาร์ นายช่วยอธิบายให้เลยมั้ยละ" โคเคสกล่าว
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ตอนนี้ พวกครอสตรีมสูญเสียแม่ทัพทราเวยน์ลงไปแล้ว แม้เฟอคาน่าจะรวบรวมและสั่งการพวกพาราไดน์ที่หลงเหลืออยู่ แต่ผลจากการโจมตีกองรบของพวกครอสตรีมในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ลดทอนกำลังรบลงไป 40 เปอร์เซนต์ด้วยกัน แต่แม้จะเหลือ 60 เปอร์เซนต์ โครเต้ก็ยังหาเรื่องบุกโจมตีแทแรนเซียและพวกเราได้อยู่น่ะ"
              "แถมแทแรนเซียเองยังอยู่ภายใต้กำมือของพวกกบฎและพวกกังฉินกันด้วย ซึ่งพวกกองกำลังกู้ชาติคงไม่มีทางกอบกู้บ้านเมืองได้ทันเวลาเลยน่ะ" ไซโครเนียกล่าว
              เบย์แทนด์บอก "ส่วนหนึ่งเพราะโครเต้จะนำทัพทั้งหมดไปบดขยี้แทแรนเซีย ทั้งๆที่โอเวอร์เดสต้องการให้ครอสตรีมเป็นกองรบองครักษ์เลยสิครับ" และออกความเห็น "แล้วถ้าเกิดว่า การกอบกู้แทแรนเซียกลับมานั้น มีพวกเราเข้าไปร่วมด้วยละครับ"
              "นั้นจะยิ่งทำให้โครเต้โกรธจัดมากขึ้น ถึงขั้นที่ต้องนำทัพทั้งหมดออกไปถล่มพวกเราและแทแรนเซียให้พินาศเองนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว "ซึ่ง แม้นั้นจะนำพาหายนะมาสู่ราชอาณาจักรเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่...นั้นก็ถือเป็นโอกาสทองที่ทางเรา จะตัดกำลังกองกำลังองครักษ์พิทักษ์โอเวอร์เดสลงให้ได้สัก 2 ใน 3 หน่วยกันไปด้วย โดยอาศัยความใจร้อนและวู่ว่ามของโครเต้ให้เป็นประโยชน์กันนี้แหละ"
              คลอเวฟบอก "นายคงไม่คิดที่จะจัดการกับสมุนทั้งสองของโครเต้ลงอย่างงั้นละสิ"
              "เฟอคาน่าและแรมลอชเป็นสองขุนพลที่หลงเหลืออยู่ของโครเต้ ถ้าพวกนายสามารถพิชิตแม่มดเขียวมรกตกับโลห์หยกไร้เทียมทานลงได้ ก็เหลือเพียงโครเต้คนเดียว ซึ่งการดวลด้วยราวนด์ดูอัลจะเริ่มขึ้นกันในบัดนี้ เพราะฉันคิดว่าโครเต้คงไม่ขี้ขลาดมากพอที่จะส่งลูกน้องไปตายจนทิ้งโอกาสที่จะได้บดขยี้แทแรนเซียลงตรงหน้ากันหรอกน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              จายด์ถาม "แล้วแรมลอชนิ เป็นขุนพลที่แข็งแกร่งมากที่สุดในครอสตรีมงั้นละสิ"
              "ใช่ ถ้าการ์ดเชสเตอร์เป็นนายทวารที่แข็งแกร่งดุจกำแพงกันมิให้ฝ่ายตรงข้ามผ่านไปเล่นงานพวกแอตแลนไทซ์ได้ฉันใด แรมลอชก็คือโลห์ใหญ่ที่คุ้มครองชีวิตของโครเต้ฉันนั้น แถมความจงรักภักดีของแรมลอชที่มีต่อโครเต้นั้นก็มีมากเสียด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เจเนลกล่าว "เดียวก่อนน่ะ ถ้านายคิดที่จะโจมตีพวกครอสตรีมให้อ่อนแรงลง นายคงไม่คิดที่จะช่วยกองกำลังกอบกู้ชาติ ยึดแทแรนเซียคืนมาเลยละสิ"
              "เกรงว่าต้องทำเช่นนั้นแล้วละ เจเนล แม้พวกกองกำลังกู้ชาติไม่ต้องการให้เราช่วยด้วยก็ตาม แต่...พวกเขาไม่มีทางทำสำเร็จได้โดยปราศจากพวกเรากันหรอกน่ะ" โคเคสบอก "จริงอยู่ ที่การยืนมือช่วยท่านหญิงมาร์กาเล็ตกอบกู้บ้านเมืองนั้นจะทำให้องค์หญิงถูกครหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแมนิเกเตอร์ และอาจจะเป็นพวกเดียวกันกับพวกแมนิเกเตอร์อย่างแน่นอน ซึ่งพวกเราไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าการให้ความช่วยเหลือคนดีนำพาความสงบสุขมาสู่พลเมืองที่ถูกกดขี่และเอารัดเอาเปรียบกันนี้แหละ อย่างน้อย ก่อนที่เราจะไปจากโลกใบนี้ เราควรจะทำความดีอันยิ่งใหญ่นี้กันเสียบ้างน่ะ"
              สเตฟอร์ดบอก "แต่ นายคงจะไม่มีจุดมุ่งหมายอื่นในการสนับสนุนองค์หญิงมาร์กาเล็ตเป็นองค์ราชินีของแทแรนเซียกันละสิน่ะ"
              "มีสิ ถ้าเกิดว่าพวกเราปราบโอเวอร์เดสลงโดยที่ไม่มีใครคอยช่วยเหลือพวกเราให้สามารถหนีไปจากโลกใบนี้ขึ้นมา พวกเราไม่แคล้วต้องถูกไล่ล่าและหลบซ่อนจนถูกกวาดล้างไปจนหมดอยู่ดีนี้แหละ" โคเคสบอก "เพราะว่าหากปราศจากโอเวอร์เดสและพวกลง พวกเราที่เป็นกองกำลังแมนิเกเตอร์ที่เป็นฝ่ายชนะจะเป็นรายต่อไปของกองกำลังพวกมนุษย์ที่จะถูกกวาดล้างไปจากโลกใบนี้ไว้ ซึ่งแม้เราจะทำดีแค่ไหน แต่ชาวเมืองที่หวาดกลัวต่ออำนาจของกลุ่มประเทศทั้งสี่นั้นคงไม่ให้ความร่วมมือในการช่วยหลบซ่อนพวกเรา เผลอๆอาจจะช่วยส่งพวกเราไปให้พวกเขาขึ้นเขียงกันเสียซะมากกว่า ซึ่งพวกแมนิเกเตอร์ที่ฉันรวบรวมมาจะต้องประสบกับชาตะกรรมเลวร้ายซ้ำเดิมอย่างไม่ต้องสงสัยเลยน่ะ"
              บัลโต้บอก "นายเคยพูดเรื่องนี้มาหลายครั้ง จนฉันรู้สึกได้ว่า มนุษย์โลกเองก็น่ากลัวกว่าแมนิเกเตอร์เสียแล้ว ถ้าขนาดพวกนั้นบุกขึ้นไปกวาดล้างพวกเทคไครด์และเฮคไซน์บนดวงจันทร์และดาวทั้งแปดลงได้ พวกมันก็หาเรื่องฆ่าพวกเราได้เช่นกันน่ะ"
              "คุณก็เลยให้พวกเราช่วยเหลือเจ้าหญิงมาร์กาเล็ตกอบกู้บ้านเมืองนั้น ก็เพื่อให้องค์หญิงช่วยเหลือพวกเราละสิน่ะ" ทินเหมาลีกล่าว โคเคสพยักหน้า
              เฮลิคบอก "อาณาจักรแทแรนเซียนั้นเป็นราชอาณาจักรเก่าที่มีอิทธิพลมากที่สุดนับแต่ช่วงยุคทองมาจนถึงบัดนี้ โดยอาณาจักรนี้แหละที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการก่อตั้งสหพันธ์โลก และเป็นผู้นำกลุ่มสหพันธ์ยุโรปมาอย่างช้านาน การที่องค์หญิงได้ขึ้นครองราชย์จนแต่งตั้งตนเองเป็นราชินีองค์ใหม่ ก็เท่ากับว่ากลุ่มสหพันธ์ยุโรปเองก็จะมีผู้นำคนใหม่ หลังจากที่กลุ่มประเทศนี้สลับอำนาจให้ประเทศในกลุ่มเป็นผู้นำกันมานานแล้ว แต่นั้นหมายถึง โลกจะมีสหพันธ์โลกใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ล่มสลายลงด้วยฝ่าเท้าโอเวอร์เดสกันน่ะ" และอธิบายต่อไปว่า "ราชินีองค์ใหม่นั้นไม่เพียงจะเป็นผู้นำของมนุษย์โลกทั้งปวง นำพาความสงบสุขในช่วงที่ไม่มีพวกเราและโอเวอร์เดสอยู่บนโลก แต่ยังช่วยให้พวกเรามีโอกาสรอดจนออกไปนอกโลกและระบบสุริยะจักรวาลกันได้ด้วยวาทะของพระนาง หลังจากที่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายจบลงด้วยชัยชนะของพวกเราด้วย แม้เราต่างก็รู้ว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายบนโลกอาจจะจบไม่สวยเลยก็ตามน่ะ"
              "อีกทั้งแทแรนเซียก็มีขุมกำลังรบที่เกรียงไกรกันด้วย ปราศจากเงื้อมมือของพวกกบฎและกังฉิน ก็เท่ากับว่าพวกเราจะมีแรงหนุนในการต่อต้านกองรบของจักรวรรดิ์แมนิเกเตอร์กันไปด้วยน่ะ" โคเคสกล่าว "แม้คนทั่วโลกจะตราหน้าว่าพวกเรากอบกู้บ้านเมืองเพื่อหวังอาศัยอิทธิพลขององค์หญิงมาร์กาเล็ตให้เป็นประโยชน์ จนทำให้ผู้นำของแทแรนเซียองค์ใหม่นั้นมีตราบาปมลทินกันก็จริง แต่....ฉันก็ยังเชื่อเสมอว่ามนุษย์โลกเองยังมีพวกคนดีหลงเหลืออยู่ และเข้าใจในเจตนาที่แท้จริงของพวกเรา ว่าทำเพื่อพวกเขามากกันแค่ไหน แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดและเสนอความเห็นจะถูกกีดกันโดยผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าก็ตาม ฉันหวังแค่ว่าพวกเขาทั้งหมดนี้จะไม่ถูกกลืนหายไปและเป็นส่วนเสริมให้กับชาวโลกที่ยังไม่ปล่อยวางกับเรื่องของพวกเรากันก็ตามน่ะ"
              บรอนเซอรูทบอก "ส่วนหนึ่งเพราะว่า พวกเขาในตอนนี้ ยังคงยึดติดกับความคิดของตนเองจนไม่สามารถใช้เหตุและผลมาตัดขาดได้เลยสิน่ะ"

              "แล้วเราจะกอบกู้ราชอาณาจักรแทแรนเซียนี้กันยังไงละ" เจเนลถามเข้าประเด็น
              บัลโต้กล่าว "มาสวาร์ทาร์ นาย พีวิลและสเปียริทนั้นเคยเข้าร่วมยุทธการเทมเดนมาก่อน ช่วยอธิบายให้เพื่อนๆของนายทราบว่าเราควรจะกอบกู้แทแรนเซียกันยังไงน่ะ"
              "แปลว่าเราจะต้องใช้แผนนั้นสิน่ะ" พีวิลกล่าว
              สเตฟอร์ดถาม "พีวิล พอจะเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับแผนการที่นายพาพวกเข้าไปในเทมเดนเพื่อขโมยอัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์ให้พวกเราฟังได้มั้ยละ"
              "แผนในครั้งนั้น พวกเราได้แทรกซึมเข้าไปในตัวเมืองเทมเดน ซึ่งแม้จะมีฐานทัพของฝ่ายมหาสหรัฐอเมริกาประจำอยู่ แต่ขึ้นชื่อถึงความหละหลวมของระบบรักษาความปลอดภัยและความขัดแย้งระหว่างพลเรือนและฝ่ายตำรวจกับทหารกันเป็นอย่างดี เลยทำให้การแทรกซึมนั้น ง่ายยิ่งกว่าเดิม" พีวิลบอก "โดยจุดมุ่งหมายเดิมนั้นพวกเรามาเพื่อขโมยอัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์ ซึ่งเป็นโมบิลทรูปเปอร์รุ่นใหม่ล่าสุดสองตัวที่ทางมหาสหรัฐส่งมาประจำการไว้ เช่นเดียวกับอพยพผู้คนในเมืองที่หัวหน้าเฮลิคสามารถเกลี้ยกล่อมได้ออกไปโดยเร็ว เพราะว่าเขตเมืองนี้ได้กลายเป็นเป้าหมายหมุดตกผลึกของพวกอีเนอไมนด์กันน่ะ" โดยเปิดภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองไว้ ทั้งจากในตัวเมืองที่มีการประท้วงและความขัดแย้งต่างๆนาๆ ไปจนถึงเขตเมืองที่ถูกหมุดตกผลึกครอบงำไว้
              "นั้นยิ่งเป็นสาเหตุที่พวกนายในตอนนั้นยิ่งต่อกรกับพวกอีเนอไมนด์อย่างหนักหน่วงเลยสิน่ะ" เจเนลบอก
              "และนั้นเป็นเหตุผลที่ฉันยิ่งเกลียดพวกอีเนอไมนด์ด้วย เพราะพวกมันก็ลามปามมาถึงพวกบีสทอยด์ในแอฟริกาด้วยวะ" คลอเวฟบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "ไม่แปลกใจแล้วละ ว่าพวกนายชนะพวกอีเนอไมนด์กันยังไง ถ้าไม่มีแรงกระตุ้นจากการเสียเมืองไปหนึ่งแห่ง แม้เมืองนั้นจะเหลวแหลกไปเลยก็ตามน่ะ" และหันมาถาม "แล้วพวกนายลอบเข้าไปยังฐานทัพของพวกมหาสหรัฐอเมริกาไปโดยไม่ได้ก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาละสิ"
              "ถึงแม้เมืองจะมีความเข้มงวดในการตรวจตราที่เหลวแหลกจนพวกอีเนอไมนด์ส่งสปายแฝงเข้ามาเพื่อระบุตำแหน่งส่งหมุดตกผลึกไปได้ก็จริง แต่กำลังตำรวจที่มากมายนั้นก็ยังเป็นปัญหา ซึ่งแม้จะไม่มีทหารเฝ้าฐานทัพ ทหารที่ประจำการก็ยังใช้พวกตำรวจมาเฝ้ายามอยู่ และมีส่วนมากที่คอยจับตาดูชนชั้นล่างที่ไม่พอใจในความเป็นอยู่และพร้อมจะก่อการประท้วงขนานใหญ่ขึ้นมาด้วยแล้ว เพื่อดึงความสนใจของพวกตำรวจให้ออกนอกจากฐานทัพทางทหารเอาไว้ เราก็เลย...." พีวิลกล่าวและเหล่มายังสเปียริท ซึ่งบอกไปว่า
              "...ฉันเลยอาสาไปเปิดโปงพฤติกรรมแย่ๆของชาวเมืองชนชั้นสูงให้ทุกๆคนในเมืองรับรู้กัน จนเรียกตำรวจเข้ามากลางเมือง ซึ่งก็มีพวกอีเนอไมนด์แฝงตัวโผล่มาด้วยกันน่ะ"
              "เธอนะหรือ เป็นคนเปิดโปงพวกชนชั้นสูงกันน่ะ หน้าอย่างงี้น่าจะโดนตำรวจซิวไปแต่แรกแล้วละมั่ง" คลอเวฟกล่าวอย่างไม่เชื่อหู
              โฟรซ่าบอก "และฉันก็ไม่อยากจะเห็นด้วยกับคลอเวฟสักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าฉันคงต้องเอาด้วยแล้วละ เพราะเธอไม่ได้รู้เรื่องคนในเมืองกันอย่างชัดแจ้ง แล้วจะไปแฉให้พวกนั้นเสียเซลฟ์จนก่อเรื่องวุ่นกันได้ไงละ"
              "ความจริงแล้ว ภารกิจนี้พวกพีวิลมีตัวช่วยจากสายข่าวของพวกเราที่อยู่ในเทมเดนมาก่อนนะสิ ตอนนี้เราให้เขาพาคนที่รอดตายไปตั้งรกรากสร้างสถานที่พักพิงแห่งใหม่กันแล้ว ซึ่งนับแต่นั้นเราก็ไม่ได้ข่าวคราวอีกเลยนะสิ" เฮลิคกล่าวและพูดถึงจิมมี่ ราวนด์ซึ่งเป็นเพื่อนของไกซ์และมิลด์ที่แฝงตัวอยู่ในเทมเดนมาโดยตลอด
              บัลโต้กล่าว "และเหมือนโชคดีหรือเปล่าก็ไม่รู้น่า น้องของไอ้หนูหริ่งนั้นดันเป็นสายในตัวเมืองแทแรนเซียเสียด้วยวะ"
              "ตกลงนิ จิมมี่มีญาติกี่คนกันแน่น่า" สเปียริทบ่น
              พีวิลถาม "แล้วตอนนี้น้องของจิมมี่มาถึงแล้วสิน่ะ โคเคส"
              "ฉันได้ให้ไกซ์และมิลด์พามาที่ฐานเพื่อชี้แจงรายละเอียดกันไว้แล้ว ซึ่งทางเราคงลืมบอกไปว่า พวกเราเปลี่ยนไปมากแค่ไหนกันน่ะ" โคเคสบอก โดยตอนนี้ไกซ์และมิลด์ก็พา...
              "บิลลี่ ราวนด์มาแล้วละครับ ผบ.โคเคส" ไกซ์กล่าว โดยพาน้องชายที่หน้าตาเหมือนกับจิมมี่ไม่มีผิด หากแต่มีรอยกระบนหน้าอยู่แม้จะเบาบางก็ตาม
              "ไม่ต้องกลัวหรอกน่า บิลลี่ พวกคุณพีวิลไม่กัดหรอกน่า" มิลด์กล่าว
              บิลลี่บอก "หรือ แต่ ใครไปคิดละว่านายจะเป็นเพื่อนกับพวกหน้าตะกวดหน้าปลาฉลามกันด้วยน่ะ" ไกซ์กระแอ่มและตบหลังบิลลี่ไปเต็มๆ เพื่อให้บิลลี่แนะนำตัว "บิลลี่ ราวนด์ สายข่าวประจำเขตเมืองแทแรนเซียมารายงาน...ตัว...ต่อ.....พวกคุณสมาชิก..นะๆๆๆ...หน่วยเวเซอร์กับ....หัวหน้า เอ้ย ผบ.โคเคสกันแล้วละครับ"
              "หมอนี้จะพึ่งได้หรือเปล่าวะ มาถึงก็พูดตะกุกตะกักกันเลยน่ะ" เซเทธบอก
              โคเคสกล่าว "ทำไงได้ละ บิลลี่อยู่แต่ในเมืองแทแรนเซียไม่เคยรู้ความคืบหน้าของพวกเราว่าเกิดอะไรขึ้นกันบ้างน่ะ ดังนั้นเรื่องที่อ้ำๆอึ้งๆในทีแรกยังพอให้อภัยได้น่ะ"
              "แล้วที่อยู่ๆเรียกสายข่าวให้มาที่นี้คงมิใช่ว่าแทแรนเซียมันเกิดเรื่องอย่างงั้นสิ" เลอแชนกล่าว
              บัลโต้บอก "บิลลี่ บอกทุกๆคนในที่ประชุมไปสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแทแรนเซียกันน่ะ"
              "เออ อ่า เออ...คือว่า...." บิลลี่อ้ำๆอึ้งๆก่อนจะตอบไปว่า "คือผมกลัวพวกคุณมากไปหน่อย เลยลืมไปแล้วละครับ"
              พวกเวเซอร์ได้ฟังก็เงิบไปกันทั้งหมด โคเคสถึงกับถอนใจในขณะที่เฮลิคกับมาสวาร์ทาร์ถึงกับกุมขมับไว้ บัลโต้เซ็งเป็ดกับความไม่เอาไหนของสายข่าวที่แย่กว่าผู้พี่ จึงผงกหัวให้ไกซ์... "โป้กกกก" ทุบเข้าหลังหัวบิลลี่ไปเต็มๆหนึ่งดอกด้วยกัน จนต้องลงไปกุมหัวลงกับพื้น "ผมขออภัยกับความไม่เอาไหนของบิลลี่ด้วยนะครับ"
              "เราไม่ถือสาหรอก บิลลี่คงไม่รู้ว่าพวกเราเป็นคนดี เลยรู้สึกกลัวๆกันเลยน่ะ" บรอนเซอรูทกล่าว
              เบย์แทนด์บอกอย่างงงๆ "เออ สายข่าวของคุณเป็นอย่างงี้เลยหรือ ถึงต้องทำเช่นนั้นนะครับ"
              "เฉพาะพี่น้องราวนด์เท่านั้นแหละ ที่มาเจอหน้าพวกเราทีไร ก็ต้องลืมประเด็นหลักไปซะทุกที ไม่รู้เป็นโรคอะไรกันหนาน่ะ" บัลโต้กล่าว
              โคเคสบอก "บิลลี่ ลุกขึ้นมาแล้วตั้งสติดีๆ แล้วเล่ามาให้หมดเลยน่ะ"
              "แต่ บิลลี่ยังไม่ทราบเลยนะคะ ว่าพวกเรามีความเปลี่ยนแปลงกันเช่นไร ทำไมเราไม่เล่าให้เขาทราบกันไปเลยละคะ" มิลด์ออกความเห็น แล้วพวกเขาก็เสียเวลาราว 10 นาทีไปด้วยกัน
              บิลลี่บอก "ถ้าอย่างงั้นตอนนี้พวกคุณก็เป็นกองรบเวเซอร์ของผบ.โคเคสกันแล้วสินะครับ อย่างน้อย ผมก็วางใจได้เลยว่า พวกคุณต้องช่วยแทแรนเซียอย่างแน่นอน" แล้วก็กล่าว "ถ้าอยากจะถามผมละก็ ผมจะบอกมาให้หมดเลยละครับ"
              "โล่งอกหน่อย สมแล้วที่เป็นน้องของจิมมี่กันน่ะ" พีวิลกล่าว
              เจเนลบอก "แน่ละ เพราะว่าเชื้อมันไม่ทิ้งแถวทั้งพี่ทั้งน้องกันด้วยนิหว่า"
              "นายเล่าให้ดีๆแล้วกันน่ะ ถ้ามีแบบนี้อีกที ฉันจะไม่โบ๊กหัวนายหรอก แต่...นายคงรู้น่ะ ว่าที่อยู่ในห้องมีกี่เท้าที่จะประเคนใส่หลังของนายกันน่ะ" ไกซ์พูดขู่ เช่นเดียวกับมิลด์ที่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย บิลลี่เลยต้องสูดหายใจยาวๆก่อนจะปล่อยออกมา เพื่อตั้งสติให้ดี แล้วพูดไปว่า
              "คือว่า ตอนนี้แทแรนเซียมีข่าวลือว่าพวกกังฉินกับพวกชนชั้นสูงนั้น วางแผนจะไปจากเมืองเพื่อไปอยู่ในบังเกอร์ที่ปลอดภัยกว่ากันนะครับ"
              "จริงดิ แต่ชาวแทแรนเซียทั้งหมดทั้งสูงและต่ำก็รู้อยู่แล้วนิ ว่าข้างนอกอันตรายเกินกว่าจะออกไปไหนได้กันน่ะ" เจเนลกล่าว
              บิลลี่บอก "แต่ผมได้ยินมาจากพวกขุนนางที่เป็นญาติกับ...เพลย์บอยนายพรานจอมโอ้อวดที่หายไปจากเมืองนานแล้วนะครับ ว่าตอนนี้พวกเขาลงชื่อพร้อมจะออกจากเมืองในอีก 4 วันข้างหน้านี้ ซึ่งวันที่จะโยกย้ายนั้นก็เป็นมะรืนนี้ด้วยนะครับ"
              "ตะกี้นี้เธอบอกว่า พวกชนชั้นสูงและพวกกังฉินจะออกจากเมืองนิ แล้วพวกกบฎที่ยึดอำนาจและควบคุมตัวองค์ราชินีล่ะ" โฟรซ่าบอก
              บิลลี่กล่าว "คือว่า เพราะเรื่องที่พวกขุนนางกังฉินกับชนชั้นสูงนั้นพยายามคิดหนีไปถึงหูของนายทหารของพวกกบฎเข้า พวกกบฎเลยออกคำสั่งโดยอาศัยอำนาจจากองค์ราชินี สั่งไม่ให้ใครหน้าไหนอพยพไปจากเมืองนี้ ใครที่คิดหนีไม่ว่าสูงหรือต่ำ ล้วนต้องถูกจับไปยิงทิ้งด้วยกันทั้งสิ้น เพราะผมทราบมาว่า พวกกบฎนั้น คิดจะนำกำลังพลทั้งหมดที่อยู่ในเมืองออกไปสู้กับพวกโอเวอร์เดสเองนะครับ"
              "เยี่ยม นั้นไม่แปลกใจที่พวกฝ่ายทหารปฏิวัตินั้นจะสั่งห้ามแบบนั้นเลยน่ะ" ไซโคลเนียกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "ถ้ามีชาวเมืองหนีไปจากเมือง กำลังพลทั้งหมดที่อยู่ในเมืองก็ย่อมถูกลดทอนลงอย่างแน่นอน เลยออกกฎขัดขวางกันเลยสิน่ะ"
              "แทแรนเซียในตอนนี้ก็มีชนชั้นสูงที่หวาดกลัวตายและคิดจะออกจากเมือง ส่วนพวกกบฎนั้นก็คิดที่จะนำประชาชนทั้งหมดไปตายด้วยคมหอกคมดาบของพวกครอสตรีมเลยสิน่ะ" สเปียริทกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "นั้นก็ไม่แปลกใจกันหรอก ถ้ากลุ่มปฏิวัตินั้นเป็นพวกเดียวกันกับที่ทรยศโครเต้กันด้วยน่ะ"
              "ถ้าเป็นพวกเซอร์โทรปิดอชที่เป็นพวกขุนนางที่เข้าข้างยอดขุนพลโครเต้นั้นละก็ ตอนนี้พวกเขาถูกจอมพลลอนเฟล ผู้มีอำนาจควบคุมองค์ราชินีเอลิเซด้าสั่งลงโทษกันไปแล้วละครับ เพราะโทรปิดอชคิดล่วงเกินองค์ราชินีถึงขั้นที่อยากได้นางมาเชยชม เลยถูกลอนเฟลสั่งประหารอย่างเงียบๆและคาดโทษพวกพ้องของโทรปิดอชไว้ด้วย ผลของการลงโทษนั้นทำให้ฝ่ายขุนนางกังฉินที่ให้การสนับสนุนในการยึดอำนาจ เริ่มต่อต้านคำสั่งของฝ่ายทหารปฏิวัติกันไว้ด้วย ซึ่งเรื่องที่พวกชนชั้นสูงและพวกกังฉินคิดหนีไปจากเมืองก็คือการต่อต้านดังกล่าวนะครับ" บิลลี่บอก
              เฮลิคกล่าว "งั้นก็เท่ากับว่า พวกศัตรูของแผ่นดินก็มีวันที่ต้องแตกแยกกันจนได้สิน่า ถ้ามีใครเริ่มสร้างความแตกแยกกันน่ะ"
              "จอมพลลอนเฟลผู้นั้นนะหรือ ที่ว่าเป็นจอมพลที่เสนอให้แทแรนเซียเป็นตัวตั้งตัวตีในการรวบรวมประเทศในกลุ่มสมาพันธ์ยุโรป เพื่อสร้างฐานอำนาจอันยิ่งใหญ่กว่าในอดีต แต่ถูกองค์ราชาคนก่อนปฏิเสธไว้เพราะไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้กับแว่นแคว้นอื่นๆ เลยทำให้จอมพลผู้นี้ก่อการปฏิวัติยึดอำนาจกันน่ะ" เฮลิคกล่าว
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "แล้วตอนนี้กำลังทหารภายในเมืองก็มีอยู่ทั่วเลยละสิ"
              "ครับ เพราะผมทราบมาว่าจอมพลลอนเฟลคิดจะนำทัพไปปราบพวกครอสตรีมโดยที่นำกำลังพลทั้งพลเมืองและพวกขุนนางตงฉินและกังฉินไปด้วย แม้องค์ราชินีไม่เห็นชอบเพราะนั้นเป็นการทำให้ประเทศล่มสลาย แต่ก็มิอาจหยุดยั้งความตั้งใจนั้นไว้เลยนะครับ" บิลลี่บอก
              โฟรซ่าถาม "แล้วเธอพอจะมีแผนที่ระบุที่ทางภายในตัวเมืองกันบ้างหรือเปล่าละ"
              "คิดว่าคุณจะไม่ถามแล้วนะครับ ว่าแต่ โต๊ะมีที่ว่างมั้ยละครับ" บิลลี่กล่าวและหยิบเอาก้อนกระดาษมาคลี่ออกหลายสิบที่ด้วยกันจนกลายเป็น...
              "นี้เธอเขียนแผนที่บนกระดาษแผ่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือเนี้ย" สเปียริทบอก เพราะแผนที่ที่บิลลี่ทำขึ้นมา ใหญ่พอจะคลุมโต๊ะประชุมแผนงานได้เลย
              "ทำไมนายไม่ซื้อแผนที่มาจากในร้านนำเที่ยวหรือโหลดเอาเสียเลยวะ มันจะได้ง่ายๆหน่อยนะ" ไกซ์กล่าว
              บิลลี่บอก "ก็ฉันไม่มีเงินมากให้ซื้อและโหลดได้เลยนิ เงินในแทแรนเซียนั้นไม่ได้มาง่ายๆแถมราคาสินค้าทุกประเภทที่มีอยู่ในเมือง ก็แพงมากๆด้วยวะ แค่พอมีกินมีใช้ก็ดีถมไปแล้วน่า"
              "นั้นบ่งชี้แล้วละ ว่าในเมืองมันข้าวยากมากแพงแค่ไหนกันน่ะ" เลอแชนบอก
              เบย์แทนด์กล่าว "แต่อย่างน้อย ก็เขียนมาละเอียดมากเลยนะครับ ผมจะสแกนเพื่อทำเป็นแผนที่สามมิติเลยแล้วกัน" แล้วก็กดปุ่มเพื่อทำการสแกนแผนที่กระดาษขนาดใหญ่ที่วางคลุมโต๊ะจนเปลี่ยนเป็นแผนที่โฮโลแกรมขึ้นมาให้เห็นเป็นเด็ดชัด พร้อมกับระบุความเข็มงวดภายในเมือง ตำแหน่งทางหนีทีไล่ เส้นทางลับทุกจุดเอาไว้แล้ว
              "เยี่ยม ลานกลางเมืองนั้นกว้างพอสำหรับคนทุกประเภทเดินไปมากันด้วยน่ะ" จิลบอก
              สเตฟอร์ดถาม "แล้วไม่เขียนตำแหน่งที่ตั้งของฐานทัพของกองทหารกันเลยละ ในเมืองก็ต้องมีกำลังทหารไว้ด้วยน่า"
              "ขออภัยครับ ถ้าพวกทหารฝ่ายกบฎคุมทุกจุดในเมืองไว้ ผมคิดว่าพวกนั้นก็ต้องเฝ้าฐานทัพทางทหารไว้ด้วย โดยควบคุมพวกทหารที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลอนเฟลเอาไว้ โดยใช้องค์ราชินีเป็นเครื่องมือในการสู้รบกันนะครับ" บิลลี่บอก
               พีวิลกล่าว "นั้นไม่เป็นไรหรอก ตอนเราทำงานร่วมกันกับจิมมี่ เราก็เจอปัญหาเข้าไปในเขตฐานทัพก็ไม่ได้มาด้วย หวังว่าแผนเดิมของเราน่าจะได้ผลกันบ้างน่ะ"
              "แล้วนายคงไม่มีเรื่องอื้อฉาวของผู้คนในเมืองให้เราฟังกันเลยหรือ" มิลด์ถาม
              บิลลี่บอก "บอกตรงๆน่ะ ว่าเรื่องที่ผมรู้เห็นในแทแรนเซียนั้น ยิ่งกว่าที่พี่ชายได้ยินจากในเทมเดนเสียอีก แถม บางเรื่องก็น้ำเน่าดุจเทพนิยายด้วยน่ะ"
              "เล่ามาเหอะ ฉันจะช่วยป่าวประกาศให้ผู้คนในเมืองมันทุกเรื่องเองจะดีกว่า" สเปียริทกล่าวพร้อมกับหยิบสมุดจดมา
              คลอเวฟบอก "ขอให้การแฉนั้นแป็กทีเหอะน่า แม้ในเมืองนั้นจะอยู่ไม่เป็นสุขกันเลยก็ตามน่ะ"
              "แต่เรื่องนี้เราสมควรจะบอกองค์หญิงมาร์กาเล็ตกับพวกให้ลงมือกันเลยมั้ยละ" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "นั้นสิ เพราะอย่างน้อย แม้นั้นจะเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายมาก แต่ก็ยังดีกว่าให้องค์หญิงและกลุ่มกองกำลังกู้ชาติทำอะไรเพียงลำพังกันน่ะ"
              "ตอนนี้ฉันส่งฟลาแน็กซ์ไปติดต่อกันแล้วละ เพราะเบอร์ที่เวสวิงตันให้มานั้นมันใช้ไม่ได้กันน่ะ" โคเคสบอก
              บิลลี่กล่าว "ถ้าเป็นเรื่องกองกำลังกู้ชาติละก็...คิดว่าพวกเขาอยู่ที่หุบเขาทิฟาน่า ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนครหลวงแทแรนเซียนะครับ"
              "ที่นายพูดมานั้น เป็นจริงหรือ" มิลด์ถาม
              บิลลี่บอก "ตอนที่ฉันหาทางหนีกันอยู่นั้น ได้ยินพวกทหารมันคุยกันด้วยน่ะ ว่าจะส่งกองรบไปจัดการกับพวกกองกำลังกู้ชาติและจับตัวองค์หญิงมาร์กาเล็ตมาเพื่ออภิเษกกับ....เซอร์คาบัค ลูกชายของเซอร์โทรปิดอช ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องฉาวโฉ่กันมากเลยนะครับ"
              "เซอร์คาบัค บุตรชายคนโตของเซอร์โทรปิดอช จากข้อมูลข่าวสารที่อยู่ภายในแทแรนเซีย พบว่าเขาได้ก่อคดีความเอาไว้ 50 คดี นับแต่การก่อเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง คดีชู้สาว คดีใส่ความคู่กรณี ไปจนถึงคดีฆาตกรรม ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 28 คดี คนเจ็บ 50 คน ตาย 84 คนด้วยกัน หากแต่โทษดังกล่าวนั้น เซอร์โทรปิดอชให้น้องชายที่เป็นผู้พิพากษาดำเนินคดีดังกล่าว ซึ่งจนบัดนี้ คดีความยังค้างคาเอาไว้กันน่ะ" พลัสเชอริทบอก "ด้วยความเข้มงวดของเหล่าทหารภายใต้คำสั่งของจอมพลลอนเฟลนั้น ทำให้โอกาสในการส่งเหล่ากองกำลังกู้ชาติเข้าไปถึงปราสาทนั้น มีเพียง 14 เปอร์เซนต์เท่านั้น หากปราศจากการดึงดูดกองทหารที่อยู่ตามเส้นทางไปจนถึงในปราสาทกันด้วยน่ะ"
              พีวิลกล่าว "เพราะอย่างงั้นแหละ เราถึงต้องใช้แผนดึงดูดความสนใจของพวกทหารไว้น่ะ"
              "แต่เท่าที่ทราบมา จอมพลลอนเฟลเองก็เป็นยอดทหารคนหนึ่งด้วย เขาคงจะรู้ว่าพวกเราต้องบุกมา เลยไม่มีทางปล่อยให้พวกทหารออกไปแน่ๆ ถึงแม้ว่าเราจะแฉเรื่องชั่วๆไว้ก็ตามน่ะ" โฟรซ่าบอก
              โคเคสกล่าว "หวังว่าพวกกองกำลังกู้ชาติคงจะมีคำตอบที่แจ่มแจ๋วกันไว้ด้วยน่ะ ตอนนี้เราไม่ควรจะชักช้ากันแล้ว รีบลงมือกันเลยดีกว่า ก่อนที่พวกกบฎจะชิงลงมือกันเสียก่อน"
              "งั้นฉันจะเตรียมนอร์ติลุสไปเลยแล้วกันน่ะ" คลอเวฟเลยเดินออกไปโดยเร็ว แล้วทั้งหมดก็...
              "ไม่นึกเลยน่า ว่านายจะมีทั้งโมบิลลอยด์แจ่มๆและเรือโคตรเท่ห์ไว้ด้วยน่ะ" บิลลี่กล่าวโดยตอนนี้ยืนอยู่บนฝ่ามืออัลติเมทเอทไว้
              "อัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์นั้น ฉันกับมิลด์ได้มาแทบฮืดขึ้นคอเลยน่ะ แต่ถ้าเป็นเรือนอร์ติลุสละก็ นั้นเป็นผลงานชิ้นเป้งของลุงคลอเวฟกันน่ะ" ไกซ์กล่าว แล้วก็ขึ้นมาในเรือนอร์ติลุสกันแล้ว เช่นเดียวกับมิลด์ที่แล่นลงดาดฟ้าเรือไว้
              "พี่จิมมี่คงไม่ได้เห็นพวกนายกำชัยชนะกันเลยสิน่า แม้จะไม่รู้ว่าเขาพาพวกชาวเมืองเทมเดนไปตั้งรกรากที่ไหนกันน่ะ" บิลลี่บอก
              "เอาเป็นว่าตอนนี้เรารีบไปช่วยกองกำลังกู้ชาติกันดีกว่าน่ะ" ไกซ์กล่าว
              มิลด์บอก "นั้นสิ แม้พวกเขาไม่อยากจะช่วยเลยก็ตาม แต่ก็คงปล่อยเอาไว้ไม่ได้กันหรอกน่ะ"

              ที่หุบเขาทิฟาน่า ทางตอนใต้ของแทแรนเซีย ในเวลานี้...
              "หาที่ตั้งของกองกำลังกู้ชาติให้เจอ คำสั่งของท่านจอมพลคือจับตัวทุกๆคนไว้ รวมถึงเจ้าหญิงมาร์กาเล็ตด้วย" นายทหารชุดดำกล่าวกับลูกทีมที่ลงจากรถหุ้มเกราะและรถจี้บด้วยภารกิจสำคัญ บ่งบอกว่านี้คือกองกำลังกบฎยึดครองแทแรนเซียอยู่ "ใครขัดขืนหรือต่อสู้ ท่านจอมพลสั่งให้ยิงได้เลย ยกเว้นเจ้าหญิงมาร์กาเล็ตให้ปล่อยไว้ด้วย"
              พลทหารถาม "แต่ เราจำเป็นต้องนำระเบิดแรงสูงมาด้วยหรือครับ"
              "เผื่อกรณีที่พวกแมนิเกเตอร์บุกมายังไงละ กว่าพวกนั้นจะมาถึง ก็คงไม่เหลืออะไรไว้แล้ว นอกจากเถ้าถ่านและซากที่พักของพวกกู้ชาติ ที่คิดจะหยุดยั้งท่านจอมพลเอาไว้กันน่ะ" นายทหารที่เป็นตัวหัวหน้าทีมกล่าว "แม้ว่าท่านจอมพลจะให้เซอร์คาบัคมาเป็นเขยของท่านเอลิเซด้าก็ตาม หึ ส่วนหนึ่งเพราะองค์ราชินีไม่ให้อำนาจท่านจอมพลกันไว้นี้แหละ"
              พลทหารบอก "แปลว่า ท่านจอมพลคิดจะโจมตีพวกโอเวอร์เดสกันจริงๆสิครับ"
              "ใช่ และเรื่องที่ท่านจอมพลหวาดกลัวมากที่สุดก็คือ โคเคสและพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์นั้นจะส่งพวกเวเซอร์มาช่วยองค์หญิงและพวกไว้ ดังนั้น ระเบิดแรงสูงที่เราเตรียมมานั้นจะเป็นอาวุธจัดการกับพวกเวเซอร์หน้าโง่เหล่านั้นเองแหละ..." นายทหารกบฎกล่าว
              แต่ก็มีเสียงดังขึ้นมาในป่าว่า "หน้าโง่หรือ พวกแกต่างหากละที่โง่มากๆเลยน่ะ"
              "เสียงนี้ ใครวะ แน่จริงก็โผล่หัวออกมากันเดียวนี้เลยนะ" นายทหารตะโกนลั่น ไม่ทันไรก็... "ซวบบบบบ ฟึ่บบบ แกร็ก" จายด์โผล่ออกจากพุ่มไม้ด้านข้างและใช้จีฟิงเกอร์ช็อตเตรียมไว้ เช่นเดียวกับ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆ" พวกทหารของโคเคสโผล่มาล้อมรอบโดยที่พวกเวเซอร์รวมอยู่ด้วย ซึ่งใช้รีโวลเวอร์ไรเฟิ่ลติดกล้องอินฟราเรดเอาไว้ สเตฟอร์ด พีวิล เจเนล ไซโครเนีย คลอเวฟก็ก้าวมาข้างหน้าไว้ แล้วงัดอาวุธปืนประจำตัวออกมากันทั้งหมด
              "พวกเราไม่อยากจะเปลืองกระสุนกับพวกคุณเลยน่ะ ดังนั้น วางอาวุธให้หมดและไปรวมกลุ่มกันตรงโน่นเลย" พีวิลกล่าว
              "แล้วถ้าไม่ทำตามเลยละ" นายทหารกล่าวและเตรียมรีโมท แต่ "ฟึ่บบบบ โครมมม" ทินเหมาลีซัดมีดสั้นให้พังรีโมทจุดระเบิดเอาไว้ คลอเวฟเลยเตรียมอิมแพคบัคซ์เตรียมจะยิงนายทหาร พีวิลเลยต้องส่ายหน้าเอาไว้ คลอเวฟที่ได้เห็นก็แค่จ่ออาวุธไว้โดยที่ยังไม่เหนี่ยวไกแต่อย่างใด เพื่อให้ทหารของโคเคสบุกเข้าไปมัดด้วยโซ่ไว้
              "โคเคส พวกกบฎปล้นแผ่นดินแป็กแล้ววะ" เจเนลกล่าว
              "ไม่คิดเลยจริงๆว่าจอมพลลอนเฟลจะกล้าถึงขนาดนี้กันน่ะ" มาร์กาเล็ตบอก
              เควนตินได้ฟังก็ถอดถอนใจขึ้นมา "ไม่ชอบเลยที่ต้องพูดเช่นนี้ แต่ถ้าไม่เพราะพวกคุณโผล่มา ปานนี้พวกเราคงไปลงเอยที่ห้องขังใต้ปราสาทหรือไม่ก็ค่ายกักกันของพวกเลวปล้นชาติไปแล้ว แถมเรายังต้องเสียเพื่อนๆไปอีกด้วยน่ะ"
              "แค่ได้ยินคำขอบคุณ พวกเราก็ดีใจมากแล้วละ" โคเคสกล่าว
              บัลโต้บอก "ทีนี้ ท่านหญิงคงไม่คิดที่จะรีรอให้ลอนเฟลและพวกบุกมาถึงนี้ด้วยตัวเองละสิครับ"
              "ความจริงแล้ว ฉันเป็นห่วงเสด็จแม่ว่าท่านจะเป็นยังไงบ้างหรือเปล่า เพราะพักนี้ ท่านป่วยหนักมาก่อนจะเกิดเรื่องเสียอีก เพราะทรงงานหนักมากจนพระวรกายทรุดลงไปทีละนิดน่ะ" มาร์กาเล็ตบอก "แม้พวกลอนเฟลและพวกขุนนางที่ร่วมด้วยนั้น จะส่งคนมาถวายการดูแลเป็นอย่างดี แต่ความทุกข์ของราษฎรทั้งมวลยิ่งทำให้พระทัยของท่านแม่เศร้าหม่องหนักกว่าเดิมด้วยน่ะ"
              โคเคสถาม "เรื่องการช่วยเหลือองค์ราชินีนั้น ถือเป็นประเด็นหลักที่พวกเราต้องทำกันนะครับ"
              "แต่...คนของลอนเฟลนั้นมีอยู่ทั่วทุกจุดในเมือง เกรงว่าการลอบเข้าไปข้างในนั้นจะยากกว่าที่วางแผนกันไว้เลยน่ะ" เควนตินกล่าว "อีกทั้งกองบัญชาการเองก็มีคนของลอนเฟลควบคุมเหล่าพลทหารที่ยังจงรักภักดีกับองค์ราชินีและพวกท่านพ่ออยู่ ซึ่งนั้นหมายถึงระบบรักษาความปลอดภัยเองก็ต้องหนาแน่นไปด้วยน่ะ"
              โคเคสกล่าว "เรื่องนั้นวางใจได้อยู่แล้ว เพราะว่า เรามีการเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว แม้เราจะนำกองรบส่วนมากมา เพราะรู้ว่าการมาของพวกเราจะทำให้พวกครอสตรีมนั้นเคลื่อนไหวกันในตอนนี้ก็ตาม ในฐานะที่ผมทำให้แทแรนเซียเดือดร้อนครั้งใหญ่ขึ้นมา ผมจำต้องแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการปกป้องการคุกคามของพวกครอสตรีมเยี่ยงชีวิตกันนะครับ"
              "อืมมมม ว่ากันตามตรงน่ะ ว่าตอนแรก ผมกับเพื่อนๆต่างไม่ไว้ใจคุณ เพราะว่าคุณกับพวกนั้น ทรยศกองกำลังฝ่ายมนุษย์ด้วยการเข้าเป็นกลุ่มสมุนของขุนพลครองคอร์ด แม้ว่าพวกคุณจะกลับใจมาต่อต้านพวกโอเวอร์เดสจนมาถึงจุดนี้ก็ตาม ทีแรกพวกเรายังไม่ไว้ใจพวกคุณ เพราะคิดว่าพวกคุณคงจะหลอกใช้พวกเราให้ไปสู้กับโอเวอร์เดสกันก็จริง" เควนตินกล่าว "แต่...ในฐานะที่ผมชื่นชมคุณที่เป็นยอดวีรบุรุษของมวลมนุษยชาติที่อุทิศตัวเพื่อต่อสู้กับแมนิเกเตอร์ แม้จะกลายเป็นแมนิเกเตอร์ไป แต่เจตจำนงของคุณยังเหมือนเดิมเช่นเดียวกับที่ผมนับถือคุณเป็นแบบอย่างแล้ว ผมจะลองเชื่อคุณกับพวกสักครั้งแล้วกันน่ะ" โดยแบมือให้โคเคสจับมือไว้
              "แค่พวกคุณยังเหลือความเชื่อมั่นของพวกเรา ผมก็วางใจแล้ว งั้นตอนนี้ เรามาเริ่มต้นคืนความสุขให้กับแทแรนเซียก่อนเลยนะครับ"

              ที่เขตเมืองแทแรนเซีย พระราชวังหลวง ท้องพระโรง
              "ตอนนี้หน่วยควบคุมตัวกำลังปิดล้อมหุบเขาทิฟาน่ากันอยู่นะครับ" พลทหารมารายงานตามที่ได้รับการติดต่อกลับมาไว้
              จอมพลลอนเฟลบอก "ล้อมเอาไว้นะหรือ แปลว่าพวกแมนิเกเตอร์ของโคเคสที่ใช้รหัสกลุ่มว่าเวเซอร์มาอย่างงั้นละสิ"
              "ครับ คาดว่าพวกนั้นคงมาเพื่อนำตัวเจ้าหญิงมาร์กาเล็ตไป ตอนนี้ทางหน่วยได้แอบแบ่งกำลังส่วนหนึ่งใช้เส้นทางในเขาลอบเข้าไปวางระเบิดในสถานที่กบดานของกองกำลังกู้ชาติกันแล้วนะครับ ซึ่งได้ลงมือก่อนที่พวกเวเซอร์จะมาถึงกันนะครับ" พลทหารกล่าว
              จอมพลลอนเฟลพยักหน้า "ดี อย่างน้อยนั้นก็เป็นการชิงลงมือที่เร็วมาก ต่อให้พวกมันไวแค่ไหนก็ไม่มีทางไปได้ทันเวลาหรอก" และหันมาถาม "สภาพการณ์กองรบเป็นเช่นไรบ้างละ"
              "กองรบโมบิลทรูปเปอร์ทุกเครื่องไม่ว่าอยู่ในฐานหรืออยู่ตามบังเกอร์ลับของฝ่ายตรงข้ามนั้นเราได้มาหมดแล้ว ที่เหลือก็คือติดตั้งมาริโอเน็ตซิสเทมกันนะครับ" พลทหารกล่าว จอมพลลอนเฟลพอใจกับผลงานที่ได้รับในคราวนี้
              "ดี งั้น ตอนบ่ายสาม เราจะทำการเกณฑ์ทหารกันเดียวนี้เลย โดยเริ่มจาก....เพื่อนของเซอร์คาบัคก่อน ตามด้วยลูกๆของเพื่อนของเซอร์โทรปิดอชไว้ ซึ่งเหล่าสหายของโทรปิดอชไม่รู้เลยว่า เราทำอะไรกับร่างศพของตัวหัวโจกไว้น่ะ" และหันมาถาม "ตอนนี้องค์ราชินีเป็นยังไงบ้างละ"
              "พลานามัยของพระนางนับวันจะแย่ลงไปกว่าเดิม หมอหลวงพยายามอย่างเต็มที่กันแล้วละครับ" พลทหารบอก
              จอมพลลอนเฟลพยักหน้า พร้อมกับตรงไปยังห้องบรรทมขององค์ราชินีเอลิเซด้าไว้ ซึ่งพระนางนั่งรถเข็นลอยพื้นอยู่ "สภาพของท่านไม่สู้ดีเลยน่ะ องค์ราชินี ทำไมท่านไม่ยอมเข้าใจความตั้งใจของข้าพเจ้ากันได้น่ะ"
              "ความตั้งใจของท่านนั้นได้ทำให้ข้าผิดหวังกันไม่น้อยน่ะ ท่านจอมพล แม้ว่าท่านกับพวกจะขับไล่พวกขุนนางและกลุ่มปฏิวัติที่ยึดอำนาจมาจากเสด็จพี่ของข้า ซึ่งได้ทำให้ยอดขุนพลที่ชาญฉลาดมากที่สุดและเก่งกาจมากที่สุด ต้องกลายเป็นหนึ่งในสมุนของโอเวอร์เดสกันไปเสียได้เช่นนี้ แล้วท่านไปร่วมมือกับพวกที่บันทอนความสงบสุขของประเทศของข้าได้ยังไงกันน่ะ" เอลิเซด้ากล่าว
              จอมพลลอนเฟลบอก "ทั้งหมดทั้งมวลที่ข้าทำไปนั้น ก็เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของแทแรนเซียให้เป็นมหาอำนาจอันแข็งแกร่งกันยังไงละ แม้ว่าข้าจะต้องร่วมมือกับพวกเจ้าเล่ห์ที่กัดกินบ้านเมืองเรากันไปก็ตาม พวกนั้นก็แค่เครื่องมือที่ทำให้ข้าบรรลุเป้าหมายสำคัญ ที่ข้าจะทำให้โลกต้องก้มหัวต่อแทแรนเซีย เพื่อทำให้อาณาจักรของพวกเรารุ่งเรืองยิ่งกว่าในอดีตกันเสียอีกน่ะ"
              "ความนัยของท่านก็คือ ท่านคิดจะปราบโอเวอร์เดสเพื่อสร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิของท่านเองละสิน่ะ แต่ความคิดและแนวทางของท่านนี้แหละ ที่ข้าไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น" เอลิเซด้าบอก "ที่ราชอาณาจักรของเรารุ่งเรืองมาได้ ไม่ใช่เพราะแสนยานุภาพของพวกเรา ไม่ใช่เพราะอิทธิพลของพวกเรา แต่เป็นเพราะ กษัตริย์ที่มีน้ำพระทัยและอุทิศตนให้กับราษฎร เป็นมิตรต่อทุกฝ่ายบนโลกนี้ แม้ฝ่ายนั้นจะขัดแย้งกับอีกฝ่ายอย่างหนักหนาเลยก็ตาม รวมถึงควบคุมเหล่าคนไม่ดีไม่ให้อยู่ในอำนาจ สนับสนุนคนดีให้ช่วยเหลือประเทศชาติ ซึ่งข้าได้รักษาเจตนารมณ์ของปฐมกษัตริย์องค์แรกและอีกหลายองค์ เรียนรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ให้เกิดซ้ำรอยเดิม ซึ่งท่านก็กำลังนำพาประเทศชาติของข้าไปสู่หายนะกันเลยน่ะ"
              จอมพลลอนเฟลบอก "ความเมตตาปราณี ความอ่อนโยนต่อทุกๆฝ่ายและเอาใจเขามาใส่ใจเราของท่านมิอาจหยุดพวกมักใหญ่ใฝ่สูง ประจบสอพลอและโกงกินบ้านเมืองไปได้หรอก มีแต่อำนาจที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นแหละ ที่จะสยบคนชั่วและทำให้ทุกฝ่ายต้องเชื่อฟังคำสั่งของพวกเราเท่านั้น คือสิ่งที่ผลักดันประเทศชาติให้อาณาจักรที่ไม่มีตัวตนของพวกเรา ผงาดขึ้นมาเป็นผู้มีอิทธิพลในรัสเซียและทวีปยุโรปกัน ไม่สิ ที่ถูกคือ เราจะควบคุมโลกทั้งใบซะมากกว่า"
              "ข้ารู้น่ะ ว่าท่านเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกลืม แต่ได้รับการอุปการะจากอดีตจอมพลผู้เป็นบิดาบุญธรรมของท่าน จนท่านก้าวขึ้นมาในตำแหน่งจอมพลได้ด้วยตัวของท่านเอง สร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิให้กับราชอาณาจักรของเรามานับไม่ถ้วน ซึ่งแค่นั้นก็เกินพอแล้ว ใยท่านยังต้องการชื่อเสียงและเกียรติยศกันอีกละ ในเมื่อสิ่งที่ท่านทำนั้นกำลังจะสร้างหายนะให้กับราชอาณาจักรของพวกเราเสียเองน่ะ" เอลิเซด้าบอก
              จอมพลลอนเฟลบอก "พวกขุนนางเลวๆและพวกชนชั้นสูงขี้ขลาดนั้นมันบังอาจจะไปจากที่นี้พร้อมกับทรัพย์สินที่ไปโกงมาจากประชาชนและท้องพระคลังด้วย สิ่งที่ข้าทำในตอนนี้ก็คือการลงโทษต่อความชั่วของพวกนั้น แม้นั้นจะทำให้ข้าดูชั่วก็ตาม ข้าทำไปเพื่อแทแรนเซียอยู่แล้วน่ะ"
              "ถ้าทำเพื่อข้าและประเทศนี้ ใยต้องส่งคนไปจับตัวลูกสาวของข้ามาแต่งงานกับเซอร์คาบัคกันด้วยละ ลูกชายของโทรปิดอสเองเชื้อก็ไม่ทิ้งแถวเช่นนั้น มิกลายเป็นการสร้างโทรปิดอชหมายเลขสองกันเลยหรือ" เอลิเซด้ากล่าว
              จอมพลลอนเฟลหันหลังพร้อมกับบอกว่า "ข้าแค่ต้องการให้ท่านรู้ว่า ข้าทำเพื่อท่านมากแค่ไหน แต่ท่านไม่เพียงไม่สนับสนุน กลับยังคัดค้านแนวทางของข้าเช่นนี้ ข้าจำต้องทำก่อนที่พวกครอสตรีมจะนำทัพเข้ามา หรือไม่ก็...โคเคสจะส่งคนมาที่นี้เพื่อกอบกู้ประเทศไว้ ซึ่งข้ายอมให้ไม่ได้เป็นอันขาด"
              "ท่านกำลังจะทำลายทางเลือกสุดท้ายลงด้วยมือของท่านเองน่ะ" เอลิเซด้าบอก
              จอมพลลอนเฟลกล่าว "ทางเลือกสุดท้ายของข้าก็คือ สู้กับโอเวอร์เดสจนตัวตายนี้แหละ องค์ราชินี และที่สำคัญก็คือ....ไม่มีใครหน้าไหนมาช่วยท่านกันได้หรอกน่ะ" แล้วก็หยิบรีโมทมาพร้อมกับเผยภาพหุบเขาทิฟาน่าไว้ จากนั้นก็ "ปี้บบบบ" กดรีโมทลงจน "ตรูมมมมมม" ภายในป่าเกิดการระเบิดขึ้นมา เอลิเซด้าทำเป็นหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ไว้ "....เมื่อข้ากลับมา ท่านคงจะยอมรับในตัวข้าได้แล้วละน่ะ" แล้วจอมพลลอนเฟลก็เดินออกไป

              นอกเขตเมืองแทแรนเซีย 50 กิโลเมตรทางทิศตะวันออก
              "โคเคส ตอนนี้ฉันกับพวกมาร์กาเล็ตใช้อุโมงค์ใต้ดินซึ่งเป็นเส้นทางลับเข้าไปในตัวเมืองกันแล้วละ" โฟรซ่าติดต่อมาโดยเธอทำหน้าที่คุ้มกันมาร์กาเล็ตและพวกกองกำลังกู้ชาติไว้ โดยไปกับพีวิลและจิล
              สเตฟอร์ดกล่าว "ฝั่งฉันกับพวกเควนตินใช้เส้นทางลับมุ่งหน้าไปใกล้กับกองบัญชาการหลักของแทแรนเซียแล้ว แต่ต้องไปช้านิดหนึ่ง เพื่อไม่ให้พวกทหารไหวตัวได้ทันน่ะ" โดยในกลุ่มของสเตฟอร์ดนั้น มีเจเนลและพวกบรอนเซอรูทอยู่
              "นั้นก็ดีแล้วละ พลัสเชอริท ทางนายเป็นไงบ้าง" โคเคสติดต่อไป
              พลัสเชอริทกล่าว "ตอนนี้ฉันแทรกซึมเข้ามาในตัวเมืองแล้ว พร้อมกับจัดการกับทหารที่เฝ้าตรงปากทางออกที่พวกโฟรซ่าจะไปถึงด้วย" ซึ่งพวกทหารที่เฝ้าอยู่ตรงปากทางออกก็โดนพลัสเชอริทเล่นงานจนแดดิ้นลงไปหมดแล้ว และหันมาถาม "ตอนนี้ชาวเมืองที่เป็นชนชั้นสูงอยู่ในลานกลางเมืองตามที่พวกทหารบอกกับทางเราไว้แล้ว เริ่มการลงมือได้เลย"
              "เบย์แทนด์ สั่งให้โดรนกระจายข่าวทำงานได้แล้วละ" โคเคสสั่งเมื่อพลัสเชอริทแจ้งถึงความพร้อมในเรื่องดังกล่าว
              เบย์แทนด์กล่าว "รับทราบแล้วครับ" แล้วโดรนกระจายข่าวก็ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โปรยใบปลิวลงไปในเขตเมืองกันหมด ซึ่งใบปลิวนั้นก็ร่วงลงมาแปะหน้าผู้คนที่เดินอยู่ตามถนน
              "อะไรเนี้ย ถึงผู้มีความลับที่ถูกปิดบัง แม่มดผู้หยั่งรู้ กำลังมาเยือนแล้ว ระวังตัวไว้ให้ดี" ชายหนุ่มที่เดินเตะฝุ่นอ่านใบปลิวที่เขียนไว้
              "แม่มดผู้หยั่งรู้ที่ว่านิ อย่าบอกน่ะว่าเป็นตัวเดียวกันกับที่ปรากฎตัวในเทมเดนน่ะ" หญิงร่างอ้วนใส่แว่นที่นั่งทานน้ำชากับเพื่อนๆกล่าวหลังจากที่อ่านใบปลิวนี้
              หญิงร่างผอมบอก "ก็ใช่นะสิ ว่ากันว่าเป็นหุ่นแอนดรอยสวมชุดแม่มดสีดำเมี่ยม ปรากฎตัวกลางเมืองที่มีผู้คน พร้อมกับแฉเรื่องแย่ๆของพวกคนในเมืองจนเกิดความวุ่นวายกันด้วยน่ะ"
              "แต่ มันจะโผล่มาจริงๆหรือ เพราะถ้าแม่มดตนนั้นโผล่มา แทแรนเซียมิยิ่งล่มจมเหมือนกับเทมเดนเลยหรือไงกันน่ะ" หญิงหน้าปลวกชนชั้นสูงกล่าว
              หญิงร่างอ้วนบอก "ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงตอนนั้นพวกเราก็ไปจากที่นี้แล้ว ยัยแม่มดก็คงจะมาเสียเที่ยวกระมั่ง" แต่แย่หน่อยน่ะ ที่พลัสเชอริทอยู่ในเมืองโดยใช้โหมดซ่อนพราง ได้ยินทุกคำพูดและส่งไปให้พวกโคเคสกันแล้ว
              "ดูท่าว่า เราต้องลงมือเดียวนี้แล้วละ คลอเวฟ แม่มดของเราพร้อมหรือยังละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว สเปียริทในชุดแม่มดดำที่ผ่านการตัดเย็บด้วยถุงขยะในฐานตะโกนลงมาด้วยความไม่พอใจ "นี้จะให้ฉันไปโผล่ในเมืองดีๆไม่ได้เลยหรือไง ถึงต้องให้นายหุ่นกระป๋องมาเขวี้ยงฉันเข้าไปกันน่ะ" เพราะเธออยู่บนฝ่ามือเฮฟโวลทริสตรอนของคลอเวฟ (ตัวเดิมที่คลอเวฟใช้อยู่นี้แหละ แต่เพิ่มชื่อต่อท้ายไว้เพื่อแยกจากเฮฟโวลของพวกแอตแลนไทซ์ไว้)
              "คือว่า เราไม่สามารถเทเลพอร์ตเธอให้ไปโผล่กลางเมืองได้นะสิ เพราะนั้นจะทำให้พวกครอสตรีมรู้ตัวเร็วกว่าเดิมน่ะ" โคเคสกล่าว
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "อีกอย่าง ตอนนี้เราก็อยู่ด้านหลังฉากไว้พรางสายตาของพวกเทมพาร่าไว้ แม้จะมองเห็นได้ไกล แต่ความชัดเจนก็ไม่ได้ชัดตามระยะด้วยนะสิ ถ้าใช้เทเลพอร์ต ฉากที่กันอยู่จะใช้การไม่ได้ไปเลยน่ะ" ซึ่งในเวลานี้ นอร์ติลุสเอาฉากโฮโลแกรมแสดงภาพวิวโดยรอบมาติดไว้ตรงกราบขวาแล้ว
              "ว่าแต่ ระบุตำแหน่งจุดลงของกระสุนได้หรือยังวะ พลัสเชอริท" คลอเวฟบอก
              พลัสเชอริทกล่าว "ระบุเรียบร้อยและส่งข้อมูลการเขวี้ยง ว่าต้องใช้กี่องศากับเขวี้ยงแรงเท่าไหนเข้าไปให้แล้วละ" โดยส่งข้อมูลการเขวี้ยงในระดับ 55 องศา เขวี้ยงด้วยความแรงระดับกลางไว้
              "เยี่ยม เอาละ ยัยบื้อ เตรียมตัวบินไปโผล่ในเมืองแล้วละ" คลอเวฟกล่าวโดยกำตัวสเปียริทเอาไว้
              มาสวาร์ทาร์เตือน "สเปียริท อย่าโวยวายกันน่ะ เดียวพวกทหารที่อยู่บนกำแพงจะรู้ตัวก่อนน่ะ" แล้วก็แจ้งบอกคลอเวฟให้... "คลอเวฟ เขวี้ยงดีๆด้วยละ เดียวสเปียริทไปแลนดิ้งไกลจนตัวกระแทกกับหอระฆังโบสถ์หรือหอนาฬิกาเข้าเสียก่อนน่ะ"
              "เข้าใจแล้วละ มาสวาร์ทาร์ เอาละ ฉันจะซัดกระสุนเข้าเมืองแล้ว" คลอเวฟกล่าว
              สเปียริทบอก "ถ้าฉันรอดมาได้ นายโดนหวดแน่ๆเลยย่ะ" คลอเวฟไม่พูดแล้วก็ตั้งท่าพร้อมเขวี้ยงด้วยการหมุนแขนวนไปสี่รอบแล้ว "สเปียริทแคนน่อนบอล ชู้ตตตตตต"  ว่าแล้วก็ "ฟ้าวววววววววว" สเปียริทโดนเขวี้ยงไปเต็มแรง โดยที่เธอถูกเขวี้ยงมาในระยะที่สูงจากกำแพงเมืองไว้ จนตัวลอยผ่านกำแพงเมืองไปแล้ว โดยที่โคเคสและมาสวาร์ทาร์หยิบกล้องมาส่องดูเพื่อแน่ใจว่าสเปียริทไปถึงตัวเมืองอย่างปลอดภัยแล้ว แล้วก็ "ฟึ่บบบบ" รีบเอาตัวขึ้นมานั่งบนหอกที่ทำเป็นไม้กวาดไว้แล้ว
              "นะ นั้นอะไรน่ะ นกนะหรือ" "เครื่องร่อนมั่ง" "ฮีโร่บินได้หรือเปล่าเนี้ย" "เดียว นะ นั้นมัน แม่มดหรือเนี้ย" ชาวเมืองที่เห็นสเปียริทนั่งบนหอกไม้กวาดต่างก็ตะโกนลั่นขึ้นมา สเปียริทที่ลอยอยู่นั้นก็ได้ยินไปด้วย โดยที่พลัสเชอริทยืนมองดูอยู่ ซึ่งก็พยักหน้าเพื่อให้สัญญาณลงสู่พื้นไว้ "ฟึ่บบบบ" สเปียริทเลยตีลังกาลงจากหอกไม้กวาดและโดดลงมา "ตึกกกก" ยังใจกลางเมืองไว้
              "โอ้ว ข่าวลือมาจริงเลยหรือเนี้ย" หญิงอ้วนชนชั้นสูงกล่าว โดยที่มวลชนแห่แหนมามุงดูกันยกใหญ่
              "หวัดดีคะ หึๆๆๆ กลับมาอีกครั้งแล้วน่ะคะ" สเปียริทเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วจนชาวเมืองที่เข้ามาใกล้ต่างก็ตกใจอย่างยกใหญ่ "....วันนี้ทุกๆคนมารวมตัวกันนิ คงไม่ได้มาด้วยเทศกาลประจำเมืองที่จัดเป็นครั้งแรกกันเลยสิน่า เพราะดูแล้วไม่น่ามีธงหรือมีเสียงดนตรีรื่นเริงกันด้วยน่ะ"
              ชนชั้นสูงชายคนหนึ่งกล่าว "ถามได้ พวกเรามารวมตัวกันที่นี้ ก็เพื่อที่จะออกไปจากเมืองนี้ ไปยังที่หลบภัยแห่งใหม่ยังไงละ ซึ่งนั้นหมายถึง น้ำหน้าอย่างเธอด้วยน่ะ"
              "แล้วจะหนีไปโดยที่....คุณโกงเงินสำหรับค่าอาหารพวกเด็กๆในโรงเรียนที่ประสบปัญหากับทางเงินเลยหรือ เด็กๆเหล่านั้นน่าสงสารมากๆเลยนะคะ และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คุณแอบเอาเงินที่ควรจะให้พวกเด็กอิ่มท้องไปได้ 3 เดือน เอาไปลงที่คาสิโนและโดนวงล้อสูงต่ำรับประทานไปมากขนาดนี้ แม้คุณจะแก้ลำด้วยการหาเงินจากที่อื่น ด้วยการ...." แล้วชี้ไปที่ป้าหน้าปลวกที่อยู่ใกล้ๆ "ไปจ้างคนใช้ขโมยเงินป้าหน้าปลวกนี้ ที่ชอบหาเงินที่สามีเก็บไว้เพื่อใช้เป็นมรดกต่อลูกชายที่กำลังเรียนต่อ เอาไปใช้จ่ายสิ้นเปลืองจนเงินไม่เหลือหลอแล้ว จนป้าคาดคั้นกับคนใช้คนนั้นถึงขั้นที่ทำให้คนใช้เป็นบ้าเช่นนี้ โอ้ว นี้คุณโกงกินคนแบบเดียวกับคุณเลยหรือเนี้ย"
              "แกเองหรือ ที่หลอกให้คนใช้ขโมยเงินไปกันน่ะ" ป้าหน้าปลวกยั้วะมากๆต่อชายคนแรกที่โดนแฉไป
              สเปียริทเองก็ยังไม่หยุด "โอ้ว ป้าอ้วนนั้น อ่า ถึงป้าจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดไว้ แต่...อย่าหนีความจริงเลยดีกว่านะคะ เพราะถึงคุณจะเป็นเศรษฐีเจ้าของกิจการขนมปังประจำเมืองนี้ แต่จริงๆแล้ว กิจการนั้นป้าไม่เพียงไปบีบบังคับให้เจ้าของเดิมต้องขายกิจการด้วยอุบายต่างๆ จนค้าขายไม่ได้ไม่ว่า ป้ายังแอบค้าประเวณีอย่างลับๆด้วย พวกลูกๆชนชั้นต่ำที่ไม่มีเงินก็โดนป้าส่งคนมาบีบให้พวกเขาขายลูกเพื่อเอาเงินจำนวนมาก โดยอ้างว่าต้องการลูกจ้างมาทำงานในร้าน แต่ป้าต้องการพวกพนักงานปรนเปรอผู้ชายชนชั้นสูงทุกคนเอาไว้ ซึ่ง ลูกค้าคนสำคัญนั้น ก็มีเซอร์คาบัคด้วยนิ แถมเป็นลูกค้าระดับพรีเมี่ยมด้วยน่า เพราะเขาจ่ายเยอะกว่าคนอื่นตั้ง 15 เท่าจนคุณนายดูอ้วนท้วนสมบูรณ์เพราะทำให้เด็กสาวต้องเสียความบริสุทธิ์และมีมลทินกันไม่น้อยเลยสินะคะ"
              "แก แกไม่มีหลักฐานสักหน่อย อย่ามาพูดมั่วๆกันเลยดีกว่าน่ะ อีกอย่าง เซอร์คาบัคเป็นลูกค้าประจำที่มาซื้อขนมปังและเบเกอรี่ที่ร้านนี้ด้วยตัวเองก็เพื่อแจกจ่ายให้พวกเด็กกำพร้ากันเลยน่ะ" ป้าอ้วนยังอ้างแม้จะโดนแฉไปแล้ว
              สเปียริทบอก "หรือ ถ้าเขามาซื้อขนมปังด้วยตัวเอง แล้วเขาจะสั่งให้พนักงานนำขนมปังไปส่งถึงบ้าน จนพนักงานคนนั้นอยู่ที่บ้านนั้นเป็นเวลานานกว่าเวลางานของคุณตั้ง 40 นาที แล้วกลับมาพร้อมกับแถมเด็กในท้องพนักงาน ที่คุณสั่งให้ไปรีดเอาออกจนพนักงานตายไป 15 คนพร้อมลูกในท้องกันแล้วนิ อืมมม พวกเขาจะหายไปไหนได้กันน่า ถ้าฟังแค่คุณบอกว่าพวกเขาลางานเพราะมีโรคร้ายกัน ถ้าไม่เพราะว่า คุณให้พวกเขาเป็นส่วนประกอบของขนมปังและเบเกอรี่ที่ทุกๆคนกินอยู่นี้กันเลยหรือคะ"
              "แหวะ แหยะ แหวะๆๆๆๆ" ฉับพลัน ชาวเมืองที่กินขนมปังและเบเกอรี่ต่างก็อ้วกกันทั้งหมด ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ "แม่คะ คัพเค้กนี้มีหูใครมาด้วยนะคะ" "อ่า...พายอันนี้มีลูกตามาได้ไงละเนี้ย" คนที่กินเบเกอรี่ต่างก็โวยลั่นอย่างยกใหญ่ และยิ่งมาได้ยินสเปียริทเล่าที่มากันด้วยแล้ว ป้าอ้วนก็โดนรุมประชาทัณฑ์โดยทันที โดยทีเพื่อนอีกคนรีบก้าวหนี
              "จะไปไหนละคะ คุณแม่เลี้ยงใจร้าย แม่เลี้ยงใจร้ายที่พยายามฆ่าซินเดอเรลล่า โดยหวังจะให้ลูกสาวของคุณแต่งงานกับลูกท่านดยุคที่ถูกพวกกบฎควบคุมตัวไว้ ซึ่งอาศัยรองเท้าที่ลูกเลี้ยงที่เป็นซินเดอเรลล่า นำไปเป็นหลักฐานเพื่อให้ลูกชายคนโตดยุคเกิดความโศกเศร้ายังไม่ว่า คุณยังคิดแผนใส่ไซยาไนตลงในแอปเปิ้ลกับน้องสาวคนกลางที่ช่วยเหลือพี่สาวคนโตให้รอดไปไว้ เพื่อทำให้เธอมีสภาพเหมือนสโนวไวท์ แต่โชคดีที่เด็กกำพร้าทั้งเจ็ดที่รู้เห็นเลยมาช่วยไว้เสียก่อน จากนั้น คุณก็จัดการกับน้องคนสุดท้องด้วยการวางยานอนหลับเกินขนาดเพื่อทำให้เธอตายทั้งที่หลับเหมือนเจ้าหญิงนิทรา แต่บังเอิญว่ายาดันไม่พอเลยทำให้เธอหลับไปทั้งอย่างงั้น คุณยังไปว่าจ้างให้คนมาฆ่าเธอทิ้งพร้อมกับพี่ๆอีกสองคนที่รอดไปได้นั้น จนลูกสาวของคุณสองคนพลอยรับเคราะห์เช่นนี้ คุณก็ยังปรักปรำว่าลูกเลี้ยงสามคนเป็นคนก่อเรื่องอีก จนไปลงเอยที่เรือนจำด้วยแล้ว คุณนิ เลวเป็นสามเท่าของตัวร้ายในเทพนิยายกันชัดๆเลยนะคะ"
              "เงียบปากไปเลยไป ยัยแม่มดใจร้าย" หญิงร่างผอมโต้แม้จะถูกประจานไปแล้ว
              สเปียริทบอก "จะร้อนตัวไปทำไม ในเมื่อฉันพูดความจริงให้ทุกๆคนได้เห็นแล้วนิ ว่าคุณ เป็นร่างรวมของแม่เลี้ยงใจร้าย แม่มดใจร้าย ราชินีใจทรามที่วันๆเอาแต่ส่องกระจกเพื่อถามว่าตัวเองสวยที่สุดในปฐพีไว้ บอกตรงๆเลยนะคะ ว่าคุณ....คือหญิงที่สถุลที่สุดในโลกแล้วละคะ"
              "แกน่ะแก..." หญิงร่างผอมบุกเข้ามาด้วยร่มในมือ แต่ก็... "ฟึ่บๆๆๆ" สเปียริทกระโดดหลบและข้ามหัวพร้อมกับใช้เท้าดีดหลังหญิงใจร้ายสามเท่าให้ "โป้กกกก" หัวโขกกับหัวจ่ายดับเพลิงจนแผลแตกเลือดโชกทั้งหัวไว้ ชายที่สวมชุดเสื้อขนสัตว์ก็พยายามจะเดินหนี
              "อ่า....จะรีบไปไหนละคะ เศรษฐีหนุ่มที่ฆ่าหมาลายจุดเพื่อทำเสื้อขนสัตว์เป็นจำนวนมากกันน่ะ" สเปียริทรีบตะโกนเพื่อทำให้ชายคนนั้นหันกลับมาโดยทันที "เท่าที่ฟังจากท่านเซอร์ราคาด้า ธีเนเดียท ที่เป็นเพื่อนคุณเล่ามา เห็นว่าคุณพยายามจับหมาลายจุด 101 ตัวมาทำเป็นเสื้อสำหรับภรรยาใส่ออกไปเดินในเมืองกันยกใหญ่ ซึ่งคุณก็จับหมาแมวของพวกไฮโซที่เป็นเพื่อนของภรรยาคุณที่ชอบดูถูกว่าเป็นสามีที่ไม่เอาไหนและปวกเปียกที่สุด มาทำเป็นกระเป๋าเป็นถุงเท้าถุงมือให้ภรรยาใส่ ยังไม่พอนะคะ สี่เดือนก่อน ก็เอาหมาของเจ้าของโรงแรมที่ด่าเทสาดเทเสียเรื่องจอดรถ ทั้งๆที่ป้าเจ้าของโรงแรมเองต่างหากที่ผิด เอาไปทำซุปเนื้อกระรอกให้ป้าเขากินอย่างเอร็ดอร่อย จนลืมหาหมาที่หายไปกันไว้เช่นนี้ ที่รีบหนีเพราะกลัวป้าจะมาถามเรื่องหมาอีกละสิ"
              "ตะกี้นี้ แกเอาดากี้มาให้ฉันกินงั้นหรือ" ป้าคู่กรณีตะโกนใส่ชายสวมชุดขนสัตว์ ซึ่งแม้ถูกแฉก็ยังไม่วายเข้ามาตะคอกใส่
              "ก็ใช่นะสิ แกมันจองหองทำให้ฉันไม่มีคุณค่าต่อหน้าภรรยาในวันนั้น ฉันเลยแก้แค้นให้แกกินหมาของแกเสียเองยังไงละ หากแต่ ฉันกะจะแฉแกตอนงานวันเกิดที่จะมาในอีก 4 วันด้วยน่ะ" แต่ป้าคู่กรณีก็ตบหน้าชายคนนั้นไปด้วยความแค้น ชายคนนั้นก็... "เปรี้ยงงงง" หวดด้วยค้อนที่เตรียมมาทุบหัวป้าจนแน่นิ่ง แล้วก็หนีไป
              "โอ้ว เราอย่าไปสนใจคู่นี้ดีกว่านะคะ เพราะคนที่ทำนั้นไม่แคล้วถูกตำรวจจับกันแน่นอนคะ และฉันยังไม่จบเรื่องสักหน่อยน่า" สเปียริทบอก
              ชายร่างสูงบอก "ถ้ายังไม่หยุดประจานคนนั้นคนนี้ คงต้องแจ้งทหารให้มาจัดการกับแกแล้วละ"
              "เหมือนที่คุณสั่งทหารให้ไปฆ่าพนักงานชายที่ปกป้องคู่หมั้นสาว หลังจากที่ใส่ความในคดีฆ่าท่านเจ้าสัวเพื่อยึดกิจการมา จนทำให้คู่หมั้นสาวที่รู้ความจริงฆ่าตัวตายตามไปเลยสิน่ะ แม้ว่าคุณจะกลบเกลือนเรื่องนี้ไว้ว่าฝ่ายที่ถูกปรักปรำเป็นฝ่ายผิดกันก็ตาม หวังว่าคุณคงไม่ใช้ปืนกระบอกเดียวกันที่ฆ่าชายหนุ่มมายิงใส่ฉันหรอกน่ะ" สเปียริทบอก จนชายร่างสูงถึงกับชะงักงันไป แล้วก็สาธยายความเลวของทุกๆคนเอาไว้

              โฟรซ่าได้ยินผ่านพลัสเชอริทกล่าว "อ่า ยัยสเปียริทนิ ความจำเป็นเลิศเลยน่า ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเทมเดนถึงวุ่นวายกันซะขนาดนั้นน่ะ"
              "แทบไม่เชื่อเลยนะคะ ว่าคนในเมืองจะทำตัวแย่ถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่น่าหลอกลวงซึ่งกันและกันเลยน่ะ" มาร์กาเล็ตบอก
              จิลกล่าว "แต่สเปียริทคนเดียวจะไหวหรือ เพราะทหารพวกกบฎเหล่านั้นถูกฝึกมาเพื่อจัดการกับพวกแมนิเกเตอร์กันน่ะ"
              "อย่าลืมสิ ว่าพลัสเชอริทอยู่ในตัวเมืองด้วย อย่างน้อย เราก็วางใจได้ในระดับหนึ่งกันน่ะ" พีวิลบอก
              โฟรซ่าพยักหน้า "เอาเป็นว่าตอนนี้เราหวังว่าสเปียริทจะดึงทหารให้ออกมารวมกันโดยที่เธอไม่โดนยิงจนพรุนไปทั้งตัวหรอกน่ะ"
              "โอ้ว คุณทหารที่อยู่แถวนั้นน่ะ คนนั้นแหละค่ะ" สเปียริทเริ่มดึงทหารเข้ามาโดยเล็งจากทหารที่เดินมาเห็นและกำลังจะรายงานจอมพลลอนเฟลไว้ แล้วก็... "ฟึ่บบบบ หมับบบ" ซัดบ่วงบาศเข้ามัดตัวทหารคนนั้นแล้วดึงเข้ามาด้วยแขนข้างเดียวไว้ "ทหารนายนี้เขาเข้าร่วมกองทัพเพื่อที่จะปกป้องอธิปไตยและขับไล่พวกศัตรูกันไปสินะคะ แต่....เพราะพวกคุณเกือบทุกๆคนที่อยู่ที่นี้ได้ใช้เพื่อนพ้องของเขาให้ทำเรื่องแย่ๆนับครั้งไม่ถ้วนไม่ว่า จนทำให้ทหารนายนี้ไม่พอใจอย่างมาก และตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่าง ใช่คะ....เขากับพวกทหารที่อยู่รอบๆนี้ ได้รับคำสั่งให้ยิงพวกคุณทั้งหมดนี้ที่คิดจะหนีไปจากเมืองนี้ เพื่อไปหลบอยู่ในบังเกอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองกันยังไงละคะ"
              "วะ ว่ายังไงน่ะ พวกทหารเหล่านั้น มาเพื่อการนี้เลยหรือ" ขุนนางคนหนึ่งกล่าวอย่างอึ้งๆ
              ขุนนางชั้นบารอนบอก "บะ บ้าน่า ลอนเฟลกล้าถึงขั้นนี้เลยหรือไงกัน ทั้งๆที่เขาให้ความร่วมมือกับพวกเรากันมาก่อนน่ะ"
              "นั้นเพราะว่า เขาต้องการอำนาจมาเพื่อกวาดพวกคุณทั้งหมดนี้เองแหละคะ เพราะคนอย่างพวกคุณนี้แหละ ที่ทำให้องค์ราชาคนก่อนนั้นสิ้นพระชนม์ ด้วยการรวบรวมพรรคพวกมาก่อปฏิวัติยึดอำนาจเอาไว้ จนทำให้แม่ทัพคนดังต้องตายและคืนชีพกลับมาเป็นแม่ทัพคนหนึ่งของโอเวอร์เดสกันนี้แหละ และครั้งนี้ก็เช่นกัน พวกคุณต้องการควบคุมองค์ราชินีที่แสนเมตตาและใช้อำนาจของพระนางทำตามใจชอบ จนทำให้ชนชั้นสูงพลอยคล้อยตามกันไปด้วยนิ พวกคุณไม่มีคุณสมบัติเป็นข้าราชการของแผ่นดินนี้มาตั้งแต่แรก เป็นได้แค่...สถุลจัณฑาลที่เป็นปรสิตเกาะกินและสูบเลือดองค์ราชินีของพวกเราเองนะ" สเปียริทบอก ซึ่งประชาชนส่วนมากได้ยินผ่านการกระจายเสียง ที่พลัสเชอริทจัดการเชื่อมต่อเอาไว้ในช่วงแทรกซึมเข้ามากันแล้ว ต่างก็แห่แหนมาที่ลานกลางเมืองกันทั้งนั้น
              "ไม่รู้หรอกน่ะ ว่าไปได้ยินมายังไง แต่ก็ไม่มีหลักฐานอ้างอิงกันไปได้หรอก ว่าพวกเราทำเช่นนั้นจริงๆน่ะ" ขุนนางชั้นผู้ใหญ่กล่าว
              "งั้นหรือคะ ดยุคดอนเวล เพื่อที่จะกำจัดตระกูลมอนตาดิวและแคปรีเดทที่เป็นตัวตั้งตัวตีสนับสนุนองค์ราชินีเอลิเซด้า ถึงกับส่งคนไปสร้างความแตกแยกของสองตระกูลนี้ ซึ่งนั้นก็ทำให้โรมิโน่และจูแลท บุตรชายของมอนตาดิวและบุตรสาวของแคปรีเดทที่หลงรักซึ่งกันและกันพยายามหยุดยั้งความขัดแย้ง แต่สุดท้าย ทั้งคู่ก็เลือกความตายเพื่อทำให้สองตระกูลเกิดความโศกเศร้า จนคุณสามารถควบคุมทั้งสองตระกูลนี้ให้เป็นแนวร่วมของคุณ เพราะว่า คุณส่งคนไปฆ่าโรมิโน่และจูแลทกันในโบสถ์ละสิคะ" สเปียริทชี้ไปยังขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไว้ แล้วก็ชี้ไปอีกคน "คุณเองก็ด้วย วิสเคาน์ออฟราคาด้า ลูกชายคุณหาเรื่องหนีทหารและเกณฑ์เข้ากองทัพมาหลายต่อหลายครั้ง คุณซึ่งไม่อยากจะเสียผู้สืบทอด เลยใช้อำนาจที่คุณมีขอร้องเพื่อนนายทหารระดับสูงให้ละเว้นบุตรชายของคุณไว้ แล้วก็ส่ง ลูกเลี้ยงของคุณที่เกิดกับพวกคนใช้ไปแทนที่เองนิ ลูกชายคุณคงจะเชื้อไม่ทิ้งแถวเลยนะคะ ที่ออกไปล่าสัตว์ได้หัวสัตว์แปลกๆมาเยอะ คุณก็เลยมีลูกเลี้ยงอยู่นอกบ้านเพียบเป็นถ้วยรางวัลมีชีวิตกับวีรกรรมของคุณเลยสิคะ"
              วิสเคาน์ผู้เป็นพ่อของธีเนเดียทได้ฟังก็ชะงัก "แกเองหรือวะ ที่เป็นชู้กับเมียกูวะ ไอ้วิสกุ๊ยเอ้ย" ชายร่างโตที่เป็นชนชั้นล่างกล่าว
              "ยังๆๆๆๆๆ ยังไม่พอนะคะ ท่านลอร์ดคางเหลี่ยมนั้นก็อีกคน ใช้อำนาจเพื่อช่วยลูกชายที่ไปเป็นโจรห้าร้อยที่ก่อเรื่องไม่หยุดไม่หย่อนมาโดยตลอด เพราะเขาเป็นลูกคนรักเก่าที่เป็นภรรยานอกสมรส จนถึงขั้นใส่ความคนดีให้เหมือนตายทั้งเป็นมาหลายคน ท่านเซอร์เสื้อเขียวลายสก็อตสีเหลืองนั้นก็ด้วย เพื่อเอาเมียชาวบ้านที่สวยกว่าเลยส่งคนไปฆ่าคนทั้งบ้าน หลังจากที่ลูกและสามีเอาเรื่องไปฟ้องกันในศาลกันน่ะ แล้วโน่น คุณชายทั้งสามนั้นด้วย ที่ฆ่าคนวางเพลิงร้านขายของเก่า เพราะเจ้าของร้านมีจดหมายของบรรพบุรุษที่ไปติดต่อกับผกก.ของทาลิเบียมาปล้นแผ่นดินอยู่ในมือ และขู่จะนำไปฟ้องศาล เพราะไม่พอใจกับการกระทำสุดกร่าง เนื่องจากว่าแม่ของพวกท่าน เป็นแม่นมของพระราชาองค์ก่อนเลยสิน่ะ ซึ่งตอนนี้ ผู้เป็นแม่ก็คล้อยตามไปด้วยนั้น พวกท่านแน่ใจหรือ ว่าพวกท่านฆ่าทั้งครอบครัวไม่เว้นแม่ลูกและญาติฝั่งแม่ให้แดดิ้นเพื่อไม่ให้เหลือหลักฐานกัน ความชั่วของพวกท่าน ไม่ว่ายังไงก็ปิดไม่มิดหรอก"
              คุณชายตาเดียวโวยลั่น "มันจะมากไปแล้วน่ะ ไอ้แม่มด" แล้วก็บุกเข้าใส่ด้วยกระบี่ไฟฟ้า พร้อมกับพี่ชายอีกสองคน ซึ่งคนรองขี้โรคอยู่ "ฟึ่บบ ฟึ่บบบ" สเปียริทเลยก้าวเท้าหลบการโจมตีของคุณชายสามตาเดียวและคุณชายใหญ่ที่ใช้ดาบพลาสม่าเข้าฟันใส่ แล้วก็ "เกร้งๆๆๆ" ใช้หอกไม้กวาดปัดการโจมตีด้วยกระบี่ไฟฟ้าของคุณชายรองที่ขี้โรคได้ทุกดอกแล้วก็ "ท่าไม้ตาย ลูกถีบมังกรบินสามจังหวะ" สเปียริทเลยกระโดดเข้า "ย้า" "เปรี้ยงงงง" ถีบเข้าใส่คุณชายตาเดียวจนหัวเงยไปข้างหลังและตาแตกไปข้าง แล้วก็โดดตีลังกามา "ป้ากกกก" เหยียบหัวคุณชายรองขี้โรคจนเข่าทรุดกระแทกพื้นไปเต็มๆ สุดท้ายก็ "เอ้ นี้แน่" "ป้ากกกก" โดดถีบขาคู่ใส่คุณชายใหญ่จน "โครมมมมม" ตัวกระเด็นไปอัดกับตู้ไปรษณีย์เต็มๆจนลงไปแน่นิ่งลง
              "คุณอยู่ตรงนั้นหรือเปล่าละคะ คุณชายเล็ก" สเปียริทกล่าวโดยที่ชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามา "เห็นแก่ที่แม่ของคุณป่วยตายเพราะกรรมที่พี่ๆของคุณก่อไว้ อีกทั้ง คุณพึ่งจะรับผิดชอบแฟนสาวที่เป็นนักแสดงเวที ซึ่งถูกพวกเพื่อนๆของเซอร์คาบัคทำร้ายจนเพื่อนชายและพ่อของคุณต้องช้ำใจตายไปนั้น อย่าให้ฉันต้องทำร้ายคุณดีกว่านะคะ" ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วก็เดินไป
              ทหารที่มาด้วยเลยกล่าว "คุณก่อเรื่องมามากเกินไปแล้วน่ะ อย่าให้ต้องเรียกทหารมาเลยจะดีกว่า"
              "เรียกก็เรียกไปเลยสิคะ เพราะคุณก็เป็นสุนัขรับใช้ของจอมพลลอนเฟล ผู้ที่หลงรักองค์ราชินีเอลิเซด้า ซึ่งยังเป็นเจ้าหญิงอยู่มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แม้องค์หญิงจะเข้าอภิเษกกับราชาองค์ก่อน จอมพลลอนเฟลเลยเลือกที่จะอยู่ใกล้ๆกับพระนาง และทำทุกอย่างเพื่อให้พระนางที่โศกเศร้าเพราะสูญเสียพระสวามีไปในการปฏิวัติครั้งก่อนนั้น เข้าใจในความรักอันบริสุทธิ์ของเขา แต่พอพระนางไม่เห็นด้วยกับแนวทางของท่านจอมพล เขาจึงร่วมมือกับศัตรูเก่าที่ตนเข้าขัดขวางไว้ได้มายึดอำนาจเสียเอง และทำให้พระราชินีโศกเศร้ายิ่งกว่าเดิมจนพระวรกายถดถอยลงกันไปแล้ว แถมยังมีเรื่องขุนนางโกงกิน เรื่องเอารัดเอาเปรียบพวกราษฎรกันเช่นนี้มารุมเร้าซ้ำเติมกันด้วยนิ" สเปียริทกล่าว "ถ้าจะบอกว่าพวกแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสนำพาหายนะจริงๆ พวกคุณทั้งหมดนี้แหละ คือตัวการที่ทำให้แทแรนเซียล่มสลายกันจริงๆต่างหากละ" ชาวเมืองทุกๆคนต่างก็บันดาลโทสะกันอย่างมาก เลยไปเอาเรื่องพวกขุนนางกังฉินและชนชั้นสูงทั้งหลายไว้ นายกองที่ได้ยินต่างก็มาแจ้งให้....
              "ที่นางแม่มดนั้นว่ามานิ เป็นความจริงนะหรือ"
              "ครับ แต่ผมอยากจะถามว่า เหตุผลของท่านในการก่อการนี้ มันเป็นจริงอย่างที่ว่ามากันหรือ" นายกองที่มารายงานบอก
              จอมพลลอนเฟลเลยบอกไปว่า "ไว้ให้เสร็จเรื่องนี้ แล้วค่อยมาอธิบายทีหลัง ตอนนี้ รีบสั่งพวกทหารให้ลงมือกันเดียวนี้เลย"
              "เออ แต่พวกทหารทั้งหมดที่อยู่ในเมือง รวมถึงที่ควบคุมฐานทัพกันนั้น เริ่มเกิดความสับสนในเรื่องของท่านจอมพลแล้วละครับ" นายกองบอก โดยตอนนี้พวกทหารในฐานทัพนั้นต่างก็โต้เถียงกันอย่างหนักหน่วง เช่นเดียวกับพวกทหารในเมืองที่...
              "เราจะหยุดพวกนี้ยังไงกันน่ะ ในเมื่อ เรายังไม่แน่ใจเลยว่า ท่านจอมพลคิดกับองค์ราชินีกันเช่นนี้หรือเปล่าน่ะ" ทหารที่อยู่ในตัวเมืองถามพรรคพวกไว้
              "....ช่างเถอะน่า คำพูดของแม่มดนั้นจะไปเชื่อทำไม ไม่มีหลักฐานกันอยู่แล้วละน่า" ทหารอีกนายกล่าว
              แต่คนที่สามกลับไม่คิดเช่นนั้น "หรือ แล้วทำไมเรื่องที่นายพาพวกไปแกล้งเพื่อนทหารจนอับอายถึงขั้นฆ่าตัวตายนั้น นายจะอธิบายยังไงกันละ"
              "แล้วนายล่ะ นายก็เป็นคนที่หื่นจัดมาก ถึงขั้นไปนอนกับลูกสาวนายทหารแล้วเอาเพื่อนที่นายไม่ชอบหน้ามาเป็นแพะ จนถูกไล่ออกจากราชการกันน่ะ" ทหารนายที่สองบอกและเอาเรื่องนายทหารคนที่สามไว้
              ทหารนายแรกกล่าว "พอได้แล้วน่า หยุดทะเลาะกันได้มั้ย"
              "ในเมืองคงจะวุ่นไม่น้อยแล้วละ" จิลบอก
              มาร์กาเล็ตกล่าว "แต่เราจำเป็นต้องหยุดพวกเขาไว้ก่อนที่ความวุ่นวายจะเลยเถิดจนแก้ไขอะไรไม่ได้กันนะคะ"
              "องค์หญิง ถึงเวลาที่พวกเราต้องออกโรงกันแล้วละครับ แม้ว่านั้นจะทำให้คนของลอนเฟลรู้ตัวก็ตามน่ะ" สมาชิกกองกำลังกู้ชาติกล่าว
              มาร์กาเล็ตบอก "ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปก่อนดีกว่าน่ะ ทางเราจะไปช่วยเสด็จแม่เองแล้วกัน"
              "ทางด้านเราจะบุกยึดฐานทัพกันเดียวนี้แล้วละ องค์หญิง" เควนตินกล่าว
              สเตฟอร์ดบอก "พวกเราจะชิงลงมือก่อน เพื่อตัดตัวช่วยของลอนเฟลไม่ให้มาขัดขวางพวกเธอกันน่ะ"
              "ถ้าอย่างงั้นก็ลงมือได้เลย" โฟรซ่าบอก สเตฟอร์ดพยักหน้า แล้วรีบพาพวกเควนตินไปตามอุโมงค์โดยเร็ว

    ปฏิบัติการณ์กู้ชาติเริ่มแล้ว ต่อพาร์ทถัดไปเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×