ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Manigator Saga Rebellion Soldiers

    ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่ 13 ศึกสิบทัพที่ดูไบ โลกาปะทะสุริยันจันทราดารา บทพายุเข้านิวดูไบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19
      0
      12 ก.ย. 64

              ที่ปราการของโอเวอร์เดส ณ.หุบเขาทมิฬ
              "เฮคไซน์มาถึงแล้วละครับ ท่านโอเวอร์เดส" เฮคไซน์กล่าวโดยคุกเข่าคำนับ ต่อหน้าโอเวอร์เดสที่นั่งบัลลังก์ขนาดยักษ์อยู่
              โอเวอร์เดสกล่าว "ลุกขึ้นได้แล้วละ เฮคไซน์ การเปิดตัวของเจ้าและพวกนั้น ได้ทำให้พวกมนุษย์ต่างหวาดกลัวพวกเรากันมากขึ้น เช่นเดียวกันกับการเตรียมพร้อมของพวกกบฎโคเคสกันด้วย"
              "ต่อให้โคเคสมีคนทรยศรวมกันทั้งหมดเป็นสิบเป็นร้อย ก็ใช่ว่าจะชนะพวกเราที่มีจำนวนมากเป็นพันเป็นหมื่นกันได้เลยนะครับ ดังนั้น พวกเรามาที่นี้เพื่อมาจบเรื่องนี้ลงในเวลาอันสั้นนะครับ" เฮคไซน์บอก
              เทคไครด์โผล่มาพร้อมกับบอกว่า "จบนะหรือ ในเมื่อข้าไม่ได้สั่งให้เธอกับพวกมาที่นี้กันเลยนิ ทำแบบนั้นมันไม่เห็นหัวกันเลย..." แต่พอเธอเห็นโอเวอร์เดส เธอจำต้องสงบปากลง
              "เทคไครด์ เรื่องที่เจ้าปฏิเสธที่จะไม่ให้พวกโซลาสตี้เข้ามาร่วมในยุทธการกำจัดพวกกบฎกันนั้น เกซิคได้มาบอกกับข้าเรียบร้อยแล้ว" โอเวอร์เดสกล่าว
              เทคไครด์บอก "แต่ ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากโซลาสตี้เลยน่ะ ในเมื่อ ลูนาสตี้ยังดำเนินยุทธการกัน..."
              "ท่านเทคไครด์ ความดื้อดึงของท่านในตอนนี้ กำลังจะทำลายตัวท่านและกองรบกันไปอย่างรวดเร็วแล้ว ซึ่ง...ถ้าข้าไม่รีบทำอะไรสักอย่าง ท่านกับพวกลูนาสตี้ รวมถึงเดธฮาเว่นเองก็ต้องพังพินาศลงไปด้วย" เกซิคบอก
              จีเนฟารี่กล่าว "ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ โปรเจคออสเซ่ของไวซ์แลงค์ในตอนนี้ ตัวทดลองทั้งหมด 21 ตนได้หลุดรอดและหนีกลับไปยังพวกกบฎกันหมดแล้ว ซึ่งนั้นไม่เพียงเป็นความเสียหายของไวซ์แลงค์และของท่าน แต่เป็นของพวกเรากันด้วย ท่านจะรับผิดชอบไหวมั้ย"
              "เรื่องนั้น ข้าจำต้องรับผิดชอบด้วยการบดขยี้พวกนั้นไปพร้อมกับพวกกบฎกันนี้แหละ" เทคไครด์บอก
              เกซิคกล่าว "แต่ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้นน่ะ ตามรายงานของไวซ์แลงค์ที่แจ้งมา คนของท่านเสียไปไม่น้อยในการโอบล้อมจับพวกบีสทอยด์ไทรเมร่าไว้ แถมโมบิลลอยด์ของท่านรุ่นล่าสุดเองก็โดนโต้ตอบแบบไม่มีชิ้นดีแบบนี้ ท่านกับพวกลูนาสตี้จะรับมือได้เลยหรือ มันไม่เข้าท่าเลยน่า"
              "ใช่ ท่านเกซิคว่ามาถูกต้องแล้วละ เทคไครด์ อีกอย่าง เกือบสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้ารับมือกับพวกกบฎโคเคสแล้วประสบความสำเร็จในการกวาดล้างพวกมนุษย์บ้างหรือเปล่า พวกนั้นเสียกำลังคนไปมากแค่ไหน อาวุธเสียหายไปเท่าไหร่ มันมีบ้างมั้ยละ ชัยชนะของเจ้าน่ะ" เฮคไซน์กล่าว จนทำเอาเทคไครด์ได้ฟังก็จำนนต่อคำพูด เพราะที่ว่ามานั้นตรงทุกประการด้วยกัน เฮคไซน์จึงบอก "ท่านโอเวอร์เดส อำนาจจากสุริยันจันทราและดาราที่อยู่นอกโลกนั้น จะลงทัณฑ์พวกโคเคสให้สิ้นซากด้วยมือของ พวกเราเองนะครับ"
              โอเวอร์เดสบอก "หวังว่าการมาของเจ้าและพวกนั้น จะได้ข่าวดีกันบ้างน่ะ เฮคไซน์"

              ที่เดธฮาเว่น ปราการของพวกลูนาสตี้ ที่ตอนนี้ ยานดูมโทเปียได้ลงจอดพร้อมกับจานบินสเตลลอซเซอร์ทั้งหมดแปดลำเทียบท่าใกล้กับเดธฮาเว่นจนกลายเป็นปราการขนาดใหญ่กันแล้ว
              "กำลังรบของลูนาสตี้อ่อนมากๆ ดังนั้น ฉันจึงอยากจะให้กองรบโซลาสตี้ช่วยไปหนุนเสริมกันหน่อย โดยนำกำลังพลของเราที่หลับอยู่ในแคปซูลบนยานของเรามาเพิ่มไว้ พอๆกันกับเร่งสร้างเครซเดรทขึ้นมาทดแทนกันด้วย" เฮคไซน์สั่งการกองรบโซลาสตี้ทั้งหมดไว้ โดยที่กองรบลูนาสตี้ส่วนที่เหลืออยู่ในเดธฮาเว่นนั้นรีบให้การช่วยเหลือโดยเร็ว
              เทคไครด์เดินมาพร้อมกับแดนเจอรอทคนสนิทไว้ "ไม่คิดที่จะยึดอำนาจจากฉันไปเลยหรือ ทั้งๆที่กำลังรบของฉันนั้น..."
              "ฉันจะยึดครองไปทำไม ในเมื่อฉันกับพวกก็เหมือนเธอกับพวกแล้วนิ ถูกพวกมนุษย์ที่เกลียดชังฆ่าตาย และได้รับความกรุณาจากท่านโอเวอร์เดสให้มีโอกาสหนที่สองขึ้นมา ในเมื่อพวกเราต่างมีอะไรเหมือนกัน ฉันก็ไม่ต้องยึดอำนาจจากเธอกันได้หรอกน่ะ ที่รัก" เฮคไซน์บอก
              เทคไครด์กล่าว "หยุดพูดคำๆนี้ได้แล้วน่ะ เพราะว่า ฉันละทิ้งความเป็นมนุษย์เพื่อที่จะกวาดล้างพวกมนุษย์บนโลกนี้กันแล้วน่ะ"
              "เอางั้นก็ได้น่ะ เทคไครด์ ตอนนี้ เรื่องของพวกกบฎนั้นสำคัญกว่า" เฮคไซน์บอก "เธอยังไม่รู้เลยใช่มั้ย ว่าทำไม พวกกบฎถึงรู้แผนการของเธอและพวก จนหาทางโต้ตอบมาหลายต่อหลายครั้งกันน่ะ"
              เทคไครด์บอก "นั้นแหละคือปริศนาที่ฉันยังไม่รู้มาตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าพวกกบฎ มันรับมือพวกเราได้ไงกัน ทั้งๆที่แผนการทั้งหมด ล้วนแล้วมาจากในหัวของฉันเลยน่ะ"
              "ตอนที่เธอพาพวกบุกโจมตีสถาบันวิจัยของดร.รีไลฟ์เวอรี่ในครั้งนั้นน่ะ ดร.กักตัวเธอเอาไว้ด้วยสเตซิสฟิลด์ละสิน่ะ" เฮคไซน์กล่าว เทคไครด์พยักหน้า จนราชาสุริยันหายนะต้องให้คำตอบไปว่า "ดูเหมือนว่า ดร.รีไลฟ์เวอรี่ได้ทำให้เจ้าเผยแผนการให้พวกกบฎรับทราบกันแล้วละ"
              เทคไครด์ฟังแล้วตกใจขึ้นมา "เป็นไปไม่ได้น่า ดร.รีไลฟ์เวอรี่ไม่น่าที่จะใส่หรือแฝงอะไรไว้ในตัวของข้าได้เลยนิ เพราะข้าตรวจเช็คร่างของข้ามาหลายต่อหลายครั้งแล้วน่ะ"
              "ถึงไม่ใส่อะไรไว้ในตัวเจ้า แต่ดร.รีไลฟ์เวอรี่ได้บันทึกโค้ดข้อมูลในสมองของเจ้าและนำไปใส่ในระบบซีคเกอร์ ซึ่งดร.สร้างขึ้นเพื่อบันทึกข้อมูลความเคลื่อนไหวและการกระทำของทุกๆคนที่อยู่นอกโลกกันไว้ แน่นอน ว่าแค่ข้อมูลของเจ้าเพียงหนึ่งเดียว ก็สามารถเชื่อมโยงเข้าดูข้อมูลทุกอย่างของพวกเจ้า และของพวกเราเป็นที่เรียบร้อยแล้วละ" เฮคไซน์บอก
              เทคไครด์ได้ฟังก็ถึงกับโกรธขึ้นมา "ระบบซีคเกอร์นะหรือ ฮืมมมม ข้าน่าจะรู้น่ะ ว่าดร.รีไลฟ์เวอรี่ยังมีระบบนี้เหลืออยู่น่ะ เห็นทีข้าคงต้องใช้มันเพื่อย้อนรอยเล่นงานพวกนั้นไว้"
              "ไม่ได้หรอก เทคไครด์ ดร.รีไลฟ์เวอรี่โปรเทคระบบนั้นด้วยคลื่นสมองของเขาเอาไว้ และเซตโปรแกรมให้ทำงานต่อไปแม้ข้าจะทำลายเจ้าที่ถูกใส่ข้อมูลเชื่อมโยงเอาไว้ก็ตาม ส่วนหนึ่งก็เพราะ ดร.รีไลฟ์เวอรี่ต้องการให้พวกเราต่อสู้กับพวกกบฎกันซึ่งๆหน้า เนื่องจากว่าแผนการบุกของพวกเรานั้น ถูกเฉลยผ่านสายตาและความคิดของเจ้ากันแล้วน่ะ" เฮคไซน์กล่าว
              เทคไครด์บอก "แล้วถ้าข้าส่งข้อมูลเท็จไปนั้น มันคงจะได้ผลกันหรือเปล่าน่ะ"
              "เรื่องนี้ ข้าได้ลองไปแล้ว แต่ข้อมูลย้อนศรกลับมาใส่ข้ากันน่ะ" เฮคไซน์บอก และอธิบายไปว่า "ที่สำคัญ ข้าได้ให้คนของข้าเจาะเข้าระบบซีคเกอร์ไว้แล้ว แต่ดร.รีไลฟ์เวอรี่ใส่โปรแกรมโปรเทคไว้สิบชั้นด้วยกัน ทำให้ยากที่จะเจาะเข้าไปเพื่อก่อกวนระบบไว้นะสิ ซึ่ง ข้าคิดว่า ดร.รีไลฟ์เวอรี่ป้องกันการตรวจสอบค้นหาของพวกมนุษย์กันไว้แต่แรกน่ะ" โดยเปิดข้อมูลการโปรเทคของระบบซีคเกอร์ไว้
              เทคไครด์กล่าว "ไม่แปลกใจแล้วละว่าทำไมดร.รีไลฟ์เวอรี่ถึงให้โปรแกรมสุดยอดนี้ให้ เพราะว่า เขาเตรียมการมาดีแต่แรกแล้วสิ"
              "ใช่ ในเมื่อเรื่องมันเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบังเรื่องเลวร้ายกันไปได้หรอก เพราะพวกนั้นรู้เรื่องซะเกือบหมดเปลือกกันแล้วน่ะ" เฮคไซน์บอก "ด้วยขุมกำลังของพวกเราทั้งหมด รวมถึงของพวกเธอด้วยแล้ว พวกกบฎโคเคสไม่มีทางเอาชนะพวกเราได้แน่นอนน่ะ"
              เทคไครด์บอก "แม้จะรู้ว่ากำลังรบของพวกเรามีมากแค่ไหน เราก็ต้องบดขยี้พวกมันให้สิ้นซากกันนี้แหละ"
              "ตอนนี้ เราต้องเตรียมการรวบรวมกำลังรบให้พร้อมไว้ก่อนน่ะ" เฮคไซน์กล่าว และหันมายัง "เทคไครด์ แดนเจอรอทไว้ใจได้มากแค่ไหนกันละ"
              เทคไครด์บอก "ตราบใดที่เจ้ากับพวกไม่ก่อเรื่องสร้างปัญหาขึ้นมา ข้าคงไม่สั่งให้แดนเจอรอทเคลื่อนไหวกันหรอก"

              ในขณะเดียวกัน ที่เขตทะเลทรายห่างจากเขตเมืองที่เกิดเหตุในทาจิกิสถาน กองกำลังพิเศษที่ 12 ได้ทำการตรวจสอบไว้
              "เออ หัวหน้า ท่านนายพล พีวิลและคลอเวฟมาแล้วละครับ" บิลกล่าว เฟอร์นันเดอร์และเวสวิงตันที่กำลังเช็คความเสียหายในเมืองก็หันมา
              เฟอร์นันเดอร์บอก "คงจะมาด้วยเรื่องนี้ละสิ แม้ว่ามันจะพาคลอเวฟมาด้วยก็ตามน่ะ"
              "ให้พวกเขาเข้ามาได้แล้ว" เวสวิงตันกล่าว โดยตอนนี้พีวิลและคลอเวฟเดินเข้ามาหลังจากที่นำไซน์เกนและเฮฟโวลไปจอดไว้แล้ว เวสวิงตันถาม "การที่พวกเธอมาถึงที่นี้กันนิ โคเคสคงจะทราบเรื่องและส่งพวกเธอมาถามไถ่สภาพการณ์เลยสิน่ะ"
              พีวิลบอก "ครับ เนื่องจากว่าก่อนจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา พวกเรากำลังต่อกรกับพวกลูนาสตี้ในพื้นที่แถบนั้นอยู่ด้วยนะครับ"
              "หรือ แล้วพวกนายก็คงไม่สามารถจัดการกับพวกนั้นได้เลยละสิ" เฟอร์นันเดอร์ยั่วโมโหคลอเวฟไว้ พีวิลเลยชูแขนขวางไว้ก่อน เฟอร์นันเดอร์เลยหันมาถามใหม่ "พวกนายคงไม่ได้รับคำสั่งจากโคเคสให้มาดูสภาพซากเมืองทั้งสองแห่งกันเลยละสิ"
              พีวิลพยักหน้า "โคเคสให้เราสองคนมา ก็เพื่อส่งมอบคนๆหนึ่งให้พวกคุณช่วยพาไปกันน่ะ"
              "คนๆหนึ่งนะหรือ" เวสวิงตันกล่าว
              คลอเวฟสั่งให้พวกทหารที่มาด้วยนั้น "พาหมอนั้นมาได้แล้ว" และทหารกบฎก็พาบุคคลที่สวมโม่งปิดหัวไว้
              "ว่าแต่ คนๆนี้เป็นใครกันละ แล้วไปอยู่กับพวกเธอได้ยังไง" เวสวิงตันสงสัย
              "สมุนของลูนาสตี้ไล่ล่าคนๆนี้กลางทะเลทรายกันนะครับ เราเลยรีบเข้าไปช่วยเขาไว้ หากแต่เขามีสภาพเหมือนมาผิดยุคยังไงยังงั้นนะครับ" พีวิลบอก
              เฟอร์นันเดอร์กล่าว "คงไม่ใช่คนจากยุคทองกันละสิ ที่ตื่นจากการนิทราจำศิลข้ามทศวรรษกันน่ะ"
              "ทีแรกเราก็คิดเช่นนั้นน่านแหละ แต่บังเอิญว่า หมอนี้ เกี่ยวข้องกับคนชื่อไนท์ๆอะไรสักอย่าง บวกกับว่ากองกำลังของพวกนายนั้นออกจากอเมริกามาประจำการที่แอฟริกาอยู่ และคงจะมาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นในเมืองนี้ โคเคสเลยตัดสินใจ ให้พวกเราพาคนๆนี้มาส่งกันนะสิ" คลอเวฟบอก โดยทหารกบฎพามาอยู่กับคลอเวฟไว้ ซึ่งกราดิเอเตอร์มารีนจัดการถอดโม่งออก เผยโฉมหน้าคนที่พามานั้น ก็คือ อองรี แนคซ์นี้เอง เวสวิงตันเห็นหน้าอองรีก็ถึงกับชะงักไปไม่น้อย และถามด้วยความตกใจอย่างมากว่า
              "พีวิล ว่าแต่ คนๆนี้ถูกพวกลูนาสตี้โจมตีนะหรือ แล้วเขาคงจะโดยสารมากับ..."
              "เขาบอกว่า เขาเป็นทหารที่ได้รับคำสั่งจากเฮนรี่ ไนท์ให้มาดูสภาพบนโลกที่เขาจากมาและขาดการติดต่อไปกันนะครับ หากแต่ พวกโซลาสตี้ที่อยู่นอกโลกโจมตีเข้าเสียก่อน จนทำให้เหลือเพียงอองรีเองนะครับ" พีวิลอธิบาย
              เวสวิงตันบอก "เขาเป็นคนที่เฮนรี่ ไนท์ส่งมา เออ แต่ๆๆๆ คนๆนี้คือ..."
              "คุณคงเป็นนายพลจอห์นสัน เวสวิงตัน ผู้บังคับบัญชาของกองกำลังพิเศษที่ 12 ของมหาสหรัฐอเมริกาละสิครับ กระผมอองรี แนคซ์ ตัวแทนของเฮนรี่ ไนท์ส่งมาที่โลกนี้ไว้ ซึ่งผมหวังว่า คุณกับพวกคงจะให้ความดูแลกระผม เหมือนเช่นเดียวกันกับโคเคส แอคเมนโด้ด้วยนะครับ" อองรีกล่าว และแบมือให้เวสวิงตันจับมือไว้ เวสวิงตันเลยจำต้องจับมือกับอองรีไว้
              "ทางเราจะรับผิดชอบดูแลคุณเองนะครับ มิสเตอร์อองรี" แล้วตนกล่าวกับพีวิลและคลอเวฟไปว่า "ฉันฝากคำขอบคุณให้กับโคเคสเลยแล้วกันน่ะ ที่ดูแลแขกคนสำคัญไว้น่ะ"
              "แต่หวังว่าพวกนายคงไม่มีลูกไม้อะไรบ้าๆแฝงมากับนายคนนี้กันหรอกน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              คลอเวฟกล่าว "พวกเราไม่มีอะไรแถมมาหรอก แต่ถ้าแกอยากได้ละก็ กูให้ไอ้นี้แล้วกัน" แล้วก็ชูนิ้วกลางขึ้นมาโต้งๆให้เฟอร์นันเดอร์แทน
              "พอเหอะ คลอเวฟ เราไม่มีเวลามาชวนทะเลาะกันหรอกน่ะ" พีวิลรีบห้ามไว้ แล้วก็รีบผลักคลอเวฟให้กลับไปขึ้นหุ่นโดยเร็ว โดยที่เฟอร์นันเดอร์และบิลหันมาถามเวสวิงตันด้วยความสงสัย
              "เออ ท่านนายพลครับ ว่าแต่ ทำไมท่านหน้าตาตื่นเมื่อเห็นอองรีกันมากเลยน่ะ" เฟอร์นันเดอร์ถามอย่างงงๆ
              "นั้นสิครับ หรือว่าอองรี แนคซ์นั้น จะเป็นอาชญากรระดับเป้งที่ทำให้ท่านขนหัวลุกก็เป็นไป..." บิลกล่าว
              เวสวิงตันเลยใช้ถุงมือตบหน้าบิลไปทีหนึ่งก่อนจะบอกไปว่า "...อองรีไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อยน่ะ และการที่เธอไปกล่าวหาว่าเขาเป็นคนร้ายระดับเป้งนั้น เท่ากับว่า เธอดูหมิ่นผู้ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรก..." และกระซิบบอกกับบิลจนทำให้ฝ่ายที่ถูกกระซิบถึงกับหน้าซีดไป
              "เดียวก่อนนะครับ หรือว่า อองรี แนคซ์ผู้นี้ คงจะ...เป็นไปได้หรือ เพราะว่าเขาไม่น่าที่จะ..." เฟอร์นันเดอร์บอก
              อองรีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไปว่า "....กลับมาที่โลก หลังจากที่เกิดเหตุที่พวกคุณสูญเสียการติดต่อระหว่างพวกคุณกับพวกเราไปนานถึง 80 ปีแล้ว ทางเราพยายามที่จะติดต่อกับพวกคุณหรือแม้กระทั่งเดินทางไปหาพวกคุณที่โลก หากแต่พวกเราติดขัดเรื่องบางอย่าง ซึ่ง ข้าพเจ้ามาเพื่อชี้แจงกับผู้นำทุกๆคนให้ทราบเรื่องนี้กันทั้งหมดไว้ด้วยนี้แหละ"
              "ถ้าท่านอยู่กับพวกโคเคสแล้ว แปลว่าท่านก็คงจะ...." เวสวิงตันเอ่ยกับอองรี ว่าท่าน แทนที่จะเป็น เธอหรือคุณไว้
              อองรีบอก "ตอนนี้ ท่านนายพลควรจะเรียกข้าพเจ้าว่า คุณ ไว้ก่อนดีกว่าน่ะ เพราะตอนนี้ ทุกๆคนต่างก็คงจะลืมเลือนว่าผมมีตัวตนไปแล้ว อีกอย่าง ผมก็รู้เรื่องของพวกเขากับการต่อสู้ของพวกโอเวอร์เดสกันด้วย พบว่ามันเป็นเหตุแบบเดียวกันที่ผมกับพวกประสบกันอยู่น่ะ"
              "แบบเดียวกัน อย่าบอกน่ะ ว่าพวกแมนิเกเตอร์ก็มีอยู่ในอวกาศที่อยู่ไกลสุดกู่กันด้วยน่ะ" เฟอร์นันเดอร์บอก
              อองรีพยักหน้าและอธิบายไปว่า "แต่ตอนนี้ ผมอยากจะให้คุณไปแจ้งกับประธานาธิบดีและผู้นำทั้งสามกลุ่มไว้ด้วย ถึงเวลาที่ผมจะชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นกันไว้และต้องเป็นเดียวนี้ด้วย พอจะมียานสำหรับติดตั้งระบบความเร็วแสงบ้างมั้ยละ เพราะ หลังจากเสร็จเรื่องนี้ ผมมีเรื่องที่ต้องกลับไปเคลียร์กันอยู่น่ะ"
              "เดียวทางเราจะจัดการให้เดียวนี้ละครับ" เวสวิงตันบอก
              เฟอร์นันเดอร์ตอบ "พวกเราเองจะให้การอารักขาต่อคุณเองนะครับ" แล้วก็เดินออกไปโดยเร็ว พร้อมลากบิลออกมาด้วย "แม่เจ้า นี้พวกเรามีบุญตาเลยหรือวะ ที่ได้เจอกับบุคคลสำคัญระดับโคตรเทพเลยวะ โคเคสนะโคเคส นายกับพวกนิ โคตรโชคดีมากเลยวะ แต่ทำไมยังไม่รู้ตัวสักทีสิน่า ให้ตายสิ" บิลได้ฟังก็ได้แต่พยักหน้าอย่างอึ้งๆไป

    MANIGATOR SAGA The Rebellion Soldiers ภาคโลกา
    ตอนที่ 13 ศึกสิบทัพที่ดูไบ โลกาปะทะสุริยันจันทราดารา

              ที่เอาท์คอมด์ของโคเคส ณ.ปากีสถาน 2 วันต่อมา ในห้องบัญชาการหลัก
              "เราจัดการส่งอองรีไปให้เวสวิงตันและกองกำลังเพื่อจัดการส่งเขากลับไปอวกาศกันแล้วละ หากแต่ สถานการณ์ในตอนนี้ แทบไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลยน่ะ" โคเคสบอก
              บัลโต้กล่าว "โซลาสตี้นำเข้ากองทัพจากอวกาศลงมาที่โลก หลังจากที่บดขยี้เมืองลอยฟ้าไปสิบแห่ง และถล่มอีกสิบเมืองที่อยู่ใต้ลงมาจนพินาศไม่เป็นชิ้นดีแบบนั้น ถ้าขนาดพวกมันยังทำให้เมืองลอยฟ้าร่วงลงสู่ดินแบบนี้ เครื่องบินหรือยานอวกาศก็ไม่มีทางได้บินขึ้นหรือลอยลำอยู่บนท้องฟ้าไปได้อย่างปลอดภัยแน่นอน"
              "ฉันหวังแค่ว่า มหาสหรัฐอเมริกาจะหาทางออกที่ดีสำหรับการส่งอองรีกลับไปหาเฮนรี่ ไนท์กันบ้างน่ะ เพราะ อองรีเหมือนจะเป็นคนสำคัญไม่น้อยต่อเฮนรี่ ไนท์ การสูญเสียเขา ไม่เพียงเฮนรี่ ไนท์จะเสียลูกน้องไป แต่มันหมายถึง เราจะเสียคนมาช่วยอธิบายให้เฮนรี่ ไนท์และกองรบที่อยู่ในอวกาศให้รับรู้ไว้ ว่าพวกเราไม่ใช่กองหนุนจากโลกมาสมทบกับพวกที่อยู่แรซัลก้ากันน่ะ" โคเคสบอก
              เฮลิคกล่าว "เรื่องอองรีและเฮนรี่ ไนท์นั้น เอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ เราควรจะโฟกัสไปที่พวกโซลาสตี้และลูนาสตี้กันดีกว่าน่ะ ถ้าพวกเราไม่โต้ตอบหรือเคลื่อนไหวเพื่อหยุดยั้งพวกมัน ความเสียหายที่เกิดกับชาวโลกมันจะยิ่งหนักหนามากยิ่งขึ้นกันด้วยน่ะ"
              "เบย์แทนด์ ว่าแต่สองวันที่ผ่านมานิ พวกโซลาสตี้มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างหรือเปล่าละ" โคเคสถาม
              เบย์แทนด์บอก "เออ ผมคิดว่าตอนนี้ เฮคไซน์รู้เรื่องระบบซีคเกอร์กันแล้วละครับ"
              "เฮ้ย จริงดิ นี้อย่าบอกน่ะ ว่าระบบนั้นใช้ไม่ได้กันน่ะ" คลอเวฟกล่าว
              เบย์แทนด์ส่ายหน้าและอธิบายไปพร้อมกับเปิดระบบไป "คือว่า เฮคไซน์ส่งข้อมูลเข้ามาในระบบ ซึ่งผมได้จัดการถอดโปรแกรมแฝงไวรัสและโทรจันออกไปเพื่อมิให้มันก่อกวนระบบปฏิบัติการณ์ในฐานขึ้นมา แล้วก็ถอดรหัสข้อมูลดังกล่าว ออกมาเป็นแบบนี้นะครับ" แล้วก็เปิดข้อมูลที่ถูกถอดรหัส ซึ่งระบุไปว่า "เรารู้เรื่องที่พวกเจ้าล่วงรู้กันไปแล้ว ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เจ้าจะได้รู้ หาไม่แล้ว พวกเราจะถล่มพวกเจ้าแบบเดียวกันกับยี่สิบเมืองแรกด้วย เฮคไซน์"
              "เฮคไซน์ส่งคำขู่มาให้พวกเราหยุดใช้ระบบซีคเกอร์กันเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เบย์แทนด์กล่าว "ครับ และการที่ข้อความนี้ไม่แฝงอะไรมาเลยนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า เฮคไซน์ตั้งใจจะใช้กำลังส่วนมากมาถล่มพวกเรากันทั้งหมดเลยนะครับ เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้แผนการลับมาเล่นงานพวกเราลับหลังในช่วงที่ส่งกองรบไปสร้างความเดือดร้อนกันนะครับ"
              "แต่ถ้าเราไม่รู้ว่า โซลาสตี้มันจะไปก่อเรื่องที่ไหนและมีกำลังเท่าไหร่กันนิ เราก็แย่กันพอดีละสิ" สเปียริทบอก
              เซริซ่าเดินเข้ามาพร้อมกับบอกว่า "...อย่าห่วงไปน่ะ การสำแดงอำนาจของเฮคไซน์นั้น ได้เฉลยออกมาแล้วละ ว่ากองรบทั้งแปดที่มาด้วยนั้นน่ะ มีความลับอะไรกันบ้างน่ะ"
              "ทั้งๆที่ยังไม่ได้ชันสูตรแกะศพของพวกนั้นก่อนเลยหรือ เซริซ่า" เฮลิคบอก
              เซริซ่ากล่าว "อย่าลืมสิ ว่าเฮคไซน์ส่งกองรบทั้งเก้าโจมตีเมืองลอยฟ้าเอาไว้ บวกกับว่า เหล่านักวิจัยที่อยู่ในห้องทดลองนั้นก็สืบค้นข้อมูลโปรเจคจากที่ดาวทั้งแปดเอาไว้ด้วย ซึ่งโชคดีมาก พวกเขามีข้อมูลอ้างอิงพอที่จะช่วยให้เรารู้ว่า เฮคไซน์ใช้เทคโนโลยี่อะไรมาสร้างกองรบโซลาสตี้กันน่ะ"
              "ว่ามาเลย เซริซ่า" โคเคสสั่ง เซริซ่าพยักหน้า และเปิดนำข้อมูลของสมุนโซลาสตี้ขึ้นมา
              "สมุนทั้งสามของโซลาสตี้นั้น ต่างจากพวกลูนาสตี้ตรงที่ว่า พวกนั้นมีพลังเพิ่มมากขึ้นเมื่อออกรบในช่วงเวลากลางวัน คือตั้งแต่หกโมงเช้าถึงก่อนหกโมงเย็น เห็นได้จากการเคลื่อนไหวของพวกมันไปเร็วกว่าที่ควรจะเป็น เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับพวกลูนาสตี้ที่โจมตีลูทาเอลกันน่ะ"
              "การต่อกรกับพวกสเตฟอร์ดที่บาบิโลนอัลฟ่านั้นก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วละ ว่าลูนาสตี้จะร้ายกาจมากเมื่อออกอาละวาดในเวลากลางคืน ตามสัญลักษณ์ของจันทรา พวกโซลาสตี้เป็นตัวแทนของพระอาทิตย์ ความสามารถจึงกลับตรงข้ามกันเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              พีวิลพยักหน้า "...นั้นก็ไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมพวกโซลาสตี้ถึงลงมือทำลายยูเรเปี้ยน-7 จนพังพินาศในเวลาอันสั้นกันน่ะ"

              "แล้วเหล่ากองรบทั้งแปดล่ะ คงจะไม่ได้ใช้แค่ข้อมูลของมาสค์ไรเดอร์กันหรอกน่ะ" เฮลิคถาม
              เซริซ่าบอก "นักวิจัยได้มอบข้อมูลอ้างอิงเอาไว้แล้วละ ซึ่งไม่ใช่แค่เอาข้อมูลไอ้มดแดงมาใช้อย่างเดียวแล้ว แต่มีข้อมูลของหน่วยอื่นอีกด้วยนะสิ" แล้วก็เปิดข้อมูลของเหล่าสมุนจากดาวพุธ "แมนิแฟคเตอร์ในดาวพุธนั้น ถูกดัดแปลงให้มีความว่องไวและรวดเร็ว เพื่อให้หนีรอดพ้นจากอันตรายรอบตัวที่เข้ามาอย่างรวดเร็วกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่าด้วยกัน ด้วยการดัดแปลงกล้ามเนื้อและระบบต่อมไร้ท่อให้สามารถดึงพลังแฝงจากร่างกายออกมาให้มากที่สุดเอาไว้ ซึ่งโปรเจคที่ดาวพุธไม่เพียงใช้ข้อมูลของ.... KR-6AMZ  ซึ่งเป็นมนุษย์ดัดแปลงทางชีวภาพที่สร้างขึ้นจากในป่าและดึงสัญชาตญาณสัตว์ป่าออกมาเพียงอย่างเดียว แต่เขาใช้ข้อมูลของ...คนๆนี้นะคะ" แล้วก็เปิดแฟ้มข้อมูลลับสุดยอด ซึ่งเป็นชายหนุ่มในชุดสีแดงสวมผ้าพันคอสีเหลือง
              "ไซบอร์ค 009 นะหรือ 1 ในกลุ่มไซบอร์กที่ต่อสู้กับองค์กรชั่วร้ายอย่างลับๆและหยุดยั้งภัยสงครามเมื่อศตวรรษที่ 20 มาตลอดหลายสิบปี จนกระทั่ง รัฐบาลญี่ปุ่นพบเจอร่างที่ไร้วิญญาณของพวกเขาทั้ง 9 เมื่อปี 2090 และนำร่างของพวกเขาสตาฟเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์วีรบุรุษป่าหินที่ชูโกกุมาจนถึงบัดนี้กันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลถาม "ที่ว่ามีชาวอเมริกา อินเดียนแดง จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ แอฟริกา แล้วก็ญี่ปุ่น รวมกัน โดยหนึ่งในนั้นเป็นเด็กทารกจากรัสเซียด้วยสิน่ะ แล้ว 009 มีพลังอะไรบ้างละ"
              "เบอร์เก้านั้น มีความเร็วเหนือมนุษย์ แบบเดียวกับนายกันนะสิ หากแต่ เขาไม่ได้มีคลื่นพลังที่ทรงอำนาจแบบนายด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์ให้รายละเอียดเกี่ยวกับไซบอร์คเบอร์เก้า"ดร.รีไลฟ์เวอรี่ได้ข้อมูลของไซบอร์คทั้งเก้าไปนั้น คงคิดว่าลำพังข้อมูลคาเมนไรเดอร์คงไม่พอเพียงละสิ"
              เบย์แทนด์พยักหน้า "ผมคิดว่า ดร.คงรู้ว่า ถ้าจะทำให้แมนิแฟคเตอร์อยู่รอดในสภาวะแวดล้อมบนดาวต่างๆในอวกาศกันนั้น ถ้าจะให้ได้ผลมากที่สุด เขาคงต้องพึ่งข้อมูลอื่นที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่า ซึ่งไซบอร์กทั้งเก้านั้น มีข้อมูลขีดความสามารถนับแต่ที่พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาจนจบลงเมื่อปี 2090 เท่ากับว่า พวกเขาทรงพลังมากพอสำหรับข้อมูลอ้างอิงกันนะครับ"
              "แน่ละ พวกนี้ได้ต่อสู้มาตลอดศตวรรษหนึ่งกันนิหว่า" บัลโต้บอก
              เฮลิคกล่าว "และถ้าให้เดา พวกดาวพุธมันก็ต้องไวกว่ามาก ตรงสเปคของเทพเฮอมิสอันเป็นสัญลักษณ์ดาวพุธอย่างแน่นอนน่ะ"

              "ต่อมาก็คือดาวศุกร์ ฉันตรวจสอบมาแล้ว พบว่าพวกนี้ใช้ข้อมูลไซบอร์ค 003 ซึ่งมีดวงตาที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกลไปจนถึงมองเห็นในที่มืดได้อย่างชัดเจน โดยนั้นเป็นแค่ข้อมูลเก่า ข้อมูลล่าสุดที่ได้รับมานั้น พบว่าเธอเพิ่มขีดความสามารถในด้านประสาทสัมผัสของเธอนอกเหนือจากดวงตาให้มากขึ้น กล่าวคือ เธอสามารถได้ยินเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน ดมกลิ่นที่มีพิษหรือความเข้มข้นของสารเคมีได้โดยไม่เป็นอะไรมาก และสามารถลดทอนความเจ็บปวดที่ได้รับผ่านผิวหนังไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมให้น้อยลงไปด้วย" เซริซ่าบอก
              โคเคสกล่าว "แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาพัฒนาความสามารถได้ด้วยตัวเองเลยสิน่ะ แล้วข้อมูลอย่างอื่นที่ใช้กับพวกดาวศุกร์กันละ"
              "พวกเขาใช้ข้อมูลของ KR-4M ซึ่งเป็นคาเมนไรเดอร์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากว่าถูกดัดแปลงมาแค่แขนขวาจนมีพลังที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่หลังจากที่เขาสละชีพเพื่อหยุดมิไซล์ไว้ เขาได้รับการดัดแปลงร่างกายให้แข็งแกร่งในระดับเดียวกันกับ KR-V3 แล้วก็ KR-8S1 มนุษย์ดัดแปลงเพื่อพัฒนาอวกาศจากสถาบันนาซ่า เป็นข้อมูลเสริมสำหรับส่วนแขนของเบทชอนกันนะ" เซริซ่าบอก
              บัลโต้บอก "ประมาณว่าแขนยิงมิไซล์กับพ่นไฟและสารแข็งได้เลยสิน่ะ ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะไปเอาข้อมูลไรเดอร์ที่ค่อนข้างกระจอกมาใช้น่ะ"
              "แต่ตามข้อมูลของ KR-4M นั้น พบว่าเขาก็มีการพัฒนาด้านศักยภาพถึงขั้นที่กระโดดถีบได้นะครับ" เบย์แทนด์บอก
              โคเคสกล่าว "เซริซ่า แล้วพวกดาวอังคารนั้นละ"
              "พวกเขาใช้ข้อมูลของ KR-10ZX ซึ่งเป็นมนุษย์ดัดแปลงที่มีพลังของ KR ดาต้าอีกเก้ารวมกัน หากแต่เสริมในส่วนของ KR-V3 เข้าไปเพื่อเน้นหนักในด้านการต่อสู้มากขึ้น เพราะพวกเขาต้องใช้อาวุธพลังงานความร้อนที่รุนแรงต่อฝ่ายศัตรูแล้วก็คนที่ใช้กับพวกเดียวกันไปด้วย เนื่องจากว่าเราสร้างแมนิแฟคเตอร์เหล่านี้เพื่องานสำรวจดาวที่มีความร้อนสูง เช่นเดียวกับการรับมือกับมนุษย์ต่างดาวที่ไม่ประสงค์ดีและพร้อมจะใช้กำลังทำร้ายได้ทุกรูปแบบ จึงไม่แปลกเลย ที่พวกเขาใช้ข้อมูลของสองไซบอร์กนี้กันน่ะ" เซริซ่ากล่าวและเปิดข้อมูลของสองไซบอร์ก ที่มีคนหนึ่งตาเรียวยาวผมสีฟ้า อีกคนเป็นบุรุษร่างใหญ่ผิวสีน้ำตาล
              "004 รุ่นติดอาวุธหนักทั้งตัว กับ 006 ที่มีปืนไฟอยู่ในปากนะหรือ" เฮลิคกล่าว
              "ว่าแต่ 004 ติดอาวุธตรงส่วนไหนกันละ" สเปียริทถาม
              มาสวาร์ทาร์บอก "ก็มีตั้งแต่ดรรชนีปืนกล หัวเข่าและข้อศอกติดบาซูก้ากันนะสิ แต่ข้อมูลล่าสุดระบุมา ว่า 004 อัพเกรดให้ส่วนหน้าอกยิงปืนใหญ่อานุภาคออกมาได้แล้วน่ะ พอๆกันกับ 006 ที่เพิ่มปืนไฟขึ้นจากส่วนแขนไป ยังเพิ่มตรงส่วนเท้าเพื่อเพิ่มพลังการกระโดดไปด้วยนะสิ"
              "แน่ละ ก็ดาวอังคารเป็นสัญลักษณ์ของเทพสงครามกันแล้วนิ" สเปียริทบอก
              พีวิลถาม "แล้ว ดาวพฤหัสนิ คงไม่ได้ใช้ข้อมูลของคาเมนไรเดอร์ที่ใช้พลังไฟฟ้าเป็นหลักละสิ"
              "ถูกแล้วละ พวกดาวพฤหัสใช้ข้อมูลของ KR-7S คาเมนไรเดอร์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นคาเมนไรเดอร์ตัวแรกที่มีโหมดเพิ่มพลังเสริมกันน่ะ ซึ่งจุดมุ่งหมายในการพัฒนามนุษย์บนดาวพฤหัสนั้นก็เพื่อส่งพวกเขาไปทำงานในดาวที่มีสภาวะอากาศแปรปรวนได้ทุกเมื่อ รวมถึงดาวที่มีอานุภาพพลังงานที่เป็นอันตรายกันด้วย" เซริซ่ากล่าว
              เบย์แทนด์บอก "และด้วยที่พวกเขามีพลังไฟฟ้า ทำให้ยากที่จะสัมผัสกับอุปกรณ์อีเล็คทรอนิคอย่างคอมพิวเตอร์หรือโฮโลแกรมแพดได้ ดังนั้น พวกเขาจึงใช้ข้อมูลของ ไซบอร์ค 007 ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนโฉมร่างกาย โดยใช้ข้อมูลผิวหนังที่แปรเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อม มาปรับสมดุลย์พลังไฟฟ้าให้อยู่ในการควบคุมเอาไว้นะครับ"
              "ไอ้เหม่งที่ใช้รหัสเดียวกันกับเจมส์บอนด์นั้น มันก็ยังมีประโยชน์ได้หรือวะ เพราะเท่าที่รู้มา ไอ้เหม่งนี้โคตรไร้ประโยชน์ต่อทีมมากที่สุดเลยน่ะ" บัลโต้บอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ไม่หรอก หัวหน้าบัลโต้ ข้อมูลล่าสุดที่ได้รับมานั้น พบว่า ไซบอร์ค 007 นี้ไม่เพียงเลียนแบบบุคคลและสิ่งมีชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว หากแต่สามารถลอกเลียนและใช้ความสามารถของเป้าหมายที่ลอกเลียนหรือแปลงร่าง ให้เหมือนและเหนือกว่าต้นฉบับเดิมด้วยนะสิ เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในการต่อสู้ คงจะเจอศึกหนักจนต้องบีบบังคับให้เขาต้องโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามเอาไว้กันน่ะ"
              "งั้นก็มาต่อกันเลยน่ะ สำหรับดาวเสาร์น่ะ" เซริซ่าบอก "โปรเจคบนดาวเสาร์นั้น พวกเขาได้พัฒนาสร้างแมนิแฟคเตอร์พลังจิตขึ้น เพื่อที่จะใช้กระแสจิตในการสื่อสารกับพวกมนุษย์ต่างดาวโดยเฉพาะ หากแต่ยังคำนึงถึงทางกายภาพที่อาจจะไม่แข็งแกร่งเพราะไปเน้นศักยภาพทางสมองและพลังจิตมากเกินไป ดังนั้น พวกเขาเลยใช้ข้อมูลของ KR-4M เป็นต้นแบบหลักมาใช้ พร้อมกับข้อมูลของไซบอร์ค 001 ที่มีความสามารถทางจิตระดับสูงส่งมาเกื้อหนุนด้วยน่ะ"
              สเปียริทบอก "ทารกตัวน้อยนั้นคงจะใช้โทรจิตสื่อสารกับคนอื่นๆ แต่ก็ไม่แข็งแกร่งมากมายเพราะยังเป็นเด็กทารกละสิ"
              "ไม่หรอก ข้อมูลอัพเดตล่าสุดมา ว่าตอนนี้ 001 พัฒนาพลังจิตให้สามารถสร้างเกราะพลังจิตให้กับพรรคพวก เปลี่ยนกระแสจิตให้เป็นพลังการทำลาย รวมไปถึงการพลังจิตในการทำให้ศัตรูหวาดกลัวหรือถูกสะกดจิตลงในเวลาอันสั้นด้วยนะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              คลอเวฟกล่าว "ขนาดเป็นไซบอร์คเด็กยังมีพลังมากถึงเพียงนี้ ไม่แปลกเลยที่พวกดาวเสาร์มันจะมีพลังมากขนาดนั้นน่ะ"

              "แล้วอีกสามดาวล่ะ" โคเคสถาม
              เซริซ่าบอก "ดาวยูเรนัสที่เราได้เห็นนั้น นักวิจัยบอกว่า พวกเขาได้พัฒนาแมนิแฟคเตอร์บนดาวยูเรนัส ให้ปฏิบัติการณ์บนท้องฟ้าในดาวทุกดวงไม่ว่าจะมีสภาพไหนก็ตาม พวกเขาเลือกใช้ข้อมูล KR-8SK ซึ่งเป็นคาเมนไรเดอร์ที่บินได้ บวกกับ ไซบอร์ก 002 ที่มีความสามารถในการบินได้มาเสริมอีกที โดยเฉพาะเบทชอนที่มีแขนขาเป็นจักรกลนั้นยิ่งใช้ข้อมูลของ 002 มากไปด้วยน่ะ"
              "แล้วเทคไครด์ก็คงจะเอาข้อมูลจากดาวยูเรนัสมาสร้างสกายล็อตและไพโอล็อตเลยสิน่ะ" คลอเวฟบอก
              พีวิลพยักหน้า "มันน่าจะเป็นเช่นนั้นแล้วละ เพราะโอเวอร์เดสก่อนจะมาถึงโลก ก็ต้องผ่านดาวทั้งแปดและดวงจันทร์ไปด้วยน่ะ"
              "ต่อมาก็คือ ดาวเนปจูน อันนี้ไม่ต้องสืบหรอก ว่าพวกเขาสร้างแมนิแฟคเตอร์สำหรับสำรวจทะเลและมหาสมุทรบนดาวต่างๆไว้ ข้อมูลจาก KR-5X ซึ่งเป็นมนุษย์ดัดแปลงทำงานใต้มหาสมุทร กับไซบอร์ค 008 ที่ถูกสร้างมาเพื่อปฏิบัติการณ์ใต้น้ำนั้น คือตัวเลือกเด็ดสำหรับสร้างพวกนี้ไว้ แม้ว่าจะมีโครงสร้างทางร่างกายที่ใกล้เคียงกับดาวอังคารก็ตาม แถมยังใช้อาวุธความเย็นกันอีกด้วยน่ะ" เซริซ่าบอก
              คลอเวฟบ่น "พวกนั้นใช้อาวุธความเย็นนะหรือ คงจะไม่ได้ใช้พลังงานน้ำแบบเดียวกับฉันหรอกน่ะ"
              "ไม่หรอกคลอเวฟ อย่าลืมสิ ว่าดาวเนปจูนแทบไม่มีน้ำและชั้นบรรยากาศอยู่เลยน่ะ ที่สำคัญ โอเวอร์เดสสร้างแอตแลนไทซ์ขึ้นมาเป็นพวกแรกบนโลกนั้น คงไม่รีบใช้เทคโนโลยี่ไฮโดรฟอสกับพวกเนปจูนกันหรอก" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เฮลิคบอก "และสถาบันเองก็คงจะมีเครื่องสร้างน้ำที่สร้างให้ต่างจากไฮโดรฟอสด้วยแล้ว นั้นคงจะแบ่งความแตกต่างกันระหว่างแอตแลนไทซ์และพวกเนปจูนกันน่ะ"
              "สุดท้ายก็คือ ดาวพลูโต โปรเจคนั้นพัฒนาแมนิแฟคเตอร์ให้ปรับตัวเข้ากับสภาวะแรงดึงดูดที่สูงต่ำไม่เท่ากันไว้ สภาพร่างกายจำต้องมีการปรับตัวกันอยู่เสมอ เพื่อมิให้กล้ามเนื้ออ่อนตัวลงเมื่อเจอกับสภาวะแรงดึงดูดต่ำ และปรับตัวกับแรงกดดันจากแรงดึงดูดที่สูงกว่าโลกได้อย่างปลอดภัย ดังนั้น พวกเขาจึงใช้ข้อมูลของไซบอร์ค 005 จอมพลังที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งทนทานมาเป็นเบส เสริมด้วยข้อมูลของ KR-02 ที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง กับ KR-10ZX ที่มีสมรรถนะทางร่างกายที่หลากหลายมาใช้ด้วยน่ะ" เซริซ่ากล่าว
              พีวิลบอก "สรุปง่ายๆเลยน่ะ ว่าตอนนี้พวกเราเจอศัตรูที่ใช้ขีดความสามารถของยอดวีรบุรุษถึงสองแบบกันแล้วน่ะ"
              "และที่สำคัญ อาวุธของพวกเราก็มีแค่กระสุน เลเซอร์และพลาสม่ากันด้วย คงจะรับมือกับพวกศัตรูได้ยากเลยน่ะ" เฮลิคบอก
              โคเคสกล่าว "แล้วตอนนี้ พวกไทรเมร่านั้น เป็นยังไงบ้างละ มาสวาร์ทาร์"
              "ฉันได้ให้พวกดิเรนท์ฟื้นตัวกันแล้วละ แม้ว่าเทรอนเร็คซ์และพวกจะไม่ให้ความร่วมมือกันก็ตาม" มาสวาร์ทาร์บอก
              คลอเวฟกล่าว "แน่ละ เพราะว่าพวกเราดึงพวกนี้กลับมาในฐาน ทั้งๆที่พวกไดโนเสาร์มันอยากจะไปฟัดกับพวกศัตรูกันน่ะ"
              "ยังไง เราก็ควรไปเช็คกันก่อนดีกว่า เผื่อว่าพวกนี้จะไม่ทะลวงกระจกและเข้าไปทำร้ายพวกเดียวกันเลยน่ะ" พีวิลกล่าว
              สเปียริทบอก "นั้นสิ ไวซ์แลงค์ได้สร้างสุดยอดนักรบมาให้เรา พร้อมกับปัญหาระดับเป้งๆกันแล้วน่ะ"

              "โอ้ว ยังมองพวกเราชัดเจนหรือเปล่าละ" มิลด์บอก โดยตอนนี้เธอกับไกซ์อยู่ในห้องของดิเรนท์แล้ว
              ดิเรนท์พยักหน้า "ตอนนี้ สายตาของฉันมองภาพของเธอและไกซ์จนชัดเจนแล้วละ แม้ว่าภาพที่เห็นจะออกมืดมัวตลอดเวลาก็ตามน่ะ"
              "แล้วเห็นสีได้ทุกสีหรือเปล่าละ" ไกซ์ถาม
              ดิเรนท์ตอบ "ได้ หมอเซริซ่าบอกว่า การมองของฉันนั้นต้องใช้เวลาปรับตัวกันสักหน่อย กว่าจะสามารถมองเห็นภาพได้เป็นปกติเลยน่ะ"
              "นึกว่าเห็นสีแดงนี้จะกลายเป็นสีเขียวไปเสียอีกน่ะ" มิลด์พูดด้วยความโล่งใจไปไม่น้อย
              ไกซ์กล่าว "แต่มันก็ดูเท่ห์ไปมากเลยน่า นั้นคงจะไม่ทำให้เธอถูกมองว่าเป็นยัยหูแมวกันแล้วละสิ"
              "ฉันจะโมโหมากกว่านี้ ถ้านายพูดแบบนั้นให้ฉันได้ยินเลยน่ะ" ดิเรนท์บ่น และหันมายังบัลทาฟรี่ที่พยายามอ่านหนังสือกันอยู่ "ไม่เพียงแค่ฉันคนเดียวที่โดนเปลี่ยนส่วนลูกตา เพราะยังมีอีกสองคนที่โดนด้วยน่ะ"
              มิลด์กล่าว "ไวซ์แลงค์คงรู้แล้วว่า บีสทอยด์เหมาะจะสร้างนักรบอย่างพวกเธอขึ้นมา หากแต่เธอกับพวกบางคนไม่ได้เป็นบีสต์เมนมาแต่แรก เลยใช้ไฮดร้าทำให้บาดเจ็บมากพอที่พิษจะทำให้อวัยวะบางส่วนใช้การไม่ได้เลยน่ะ"
              "แล้วเฮเรเค้นและพวกนั้น วันๆทำอะไรอยู่ในห้องกันละ" ไกซ์ถาม
              ดิเรนท์บอก "เฮเรเค้นกับพวกนั้น ทดลองกับพลังใหม่ที่ได้รับมาน่ะสิ ดีน่ะที่กระจกในห้องนั้นทำด้วยกระจกที่หนาเอามากๆ หนาจนมีดที่ส้นของฉันกรีดไม่เข้าเลยน่ะ"
              "มันก็น่าอยู่หรอกน่ะ ที่เฮเรเค้นและพวกจะทำเช่นนั้น เพราะไวซ์แลงค์มอบพลังสุดเท่ห์ให้แล้วนิ" ไกซ์กล่าว พวกพีวิลก็มาถึงพอดี ไกซ์และมิลด์ต้องถอยออกมาก่อน
              "นึกว่าจะไม่มาเยี่ยมเสียอีกนะคะ แม้ว่าสภาพของหนูนั้น..." ดิเรนท์บอก
              "ดิเรนท์ ต่อให้หนูมีสภาพเป็นเช่นไร แต่จงอย่าลืมน่ะ ว่าหนูก็ยังเป็นดิเรนท์คนเดิมอยู่ แม้สภาพที่เป็นอยู่นั้นจะไม่สามารถย้อนคืนกลับไปได้ก็ตาม" มาสวาร์ทาร์กล่าว "ดังนั้น หนูควรจะยอมรับตรงนี้และก้าวเดินต่อไปเลยน่ะ เพราะหนูไม่ได้ทุกข์แค่คนเดียวหรอกน่ะ"
              สเปียริทบอก "นั้นสิ ถือซะว่ามีคนมอบพลังให้ใช้ได้ฟรีๆ ต่อให้เป็นฝ่ายตรงข้ามกันเลยก็ตามน่ะ"
              "อันที่จริง หนูควรจะขอบคุณพวกอาจารย์มากกว่านะคะ ที่อุตสาห์ไปช่วยไว้กันนะ" ดิเรนท์บอก
              ไม่ทันไรก็มีเสียงดังขึ้นมา เฮเรเค้นรีบวิ่งมาหาทันที และสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นมาสวาร์ทาร์มาด้วย "โอ้ว อาจารย์ มาตรงจังหวะพอดีเลย ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้วละครับ"
              "อย่าบอกน่ะ ว่าไอ้บ้าเทรอนเร็กซ์มันก่อเรื่องอีกแล้วน่ะ" ไกซ์กล่าวเหมือนจะเดาเรื่องได้ เฮเรเค้นพยักหน้า
              คลอเวฟบอก "โอ้ว ไอ้บ้านิ ตัวก่อปัญหากันชัดๆเลยวะ ให้ตายสิ"

              "ป้ากกก โครมมมม เปรี้ยงงงง" แบร็อคและไรแกทโดนเทรอนเร็กซ์ถีบด้วยขาทีเร็กซ์ไปเต็มๆ โดยที่พาแรมโดนไลเอิร์ท เรปไซท์และแฮมชัคส์โต้ตอบ ในขณะที่พาลกิสเจอกับชาร์เครฟ และบุลฟลาทสู้กันอย่างหนักหน่วง ภายในห้องยาวห้องหนึ่งไว้ "เงียบๆหน่อย หยุดทะเลาะกันได้แล้วน่ะ" แอนเดรียกล่าว แต่ก็ไม่ฟัง โดยที่ฟลาแน็กซ์และพวกยืนอยู่
              "คงไม่ฟังหรอกครับ เพราะเทรอนเร็กซ์ไม่ใช่คนประเภทที่มานั่งฟังได้นะครับ" ฟลาแน็กซ์กล่าว
              "เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าวโดยพาทุกๆคนเข้ามาพอดี
              แอนเดรียบอก "คือว่า เทรอนเร็กซ์พาพวกลุกขึ้นมาหมายจะออกจากห้อง แล้วไลเอิร์ทและชาร์เครฟก็เข้ามาตำหนิ แต่ก็โดนตอกกลับจนกลายเป็นแบบนี้ไปนะคะ"
              "ช่วยไม่ได้ละน่า" คลอเวฟกล่าวอย่างหน่ายๆ แล้วก็... "หวับบบบ โป้กกกก" สเปียริทกระโดดเข้าหวดใส่หัวของเทรอนเร็กซ์ลงไปอย่างจังๆ ในขณะที่พีวิลและคลอเวฟนั้น... "เอนเนอจี้โบลท์" "วอเตอร์เวฟ" ซัดพลังอัดใส่พาแรมและพาลกีสจนล้มลงไปอย่างจังๆ ก่อนที่ไลเอิร์ทและพวกรีบกรูกันเข้ามา "หวับๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆ" เลยโดนมาสวาร์ทาร์ซัดฟักดาบเข้าอัดใส่ไปตามๆกัน
              "นี้รอบที่ 3 แล้วน่า ที่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันแบบนี้น่ะ เมื่อไหร่จะหยุดเสียที" พีวิลกล่าว
              "ก็จนกว่าจะส่งพวกเราไปสู้กับพวกลูนาสตี้กันเลยสิ" พาลกิสบอก
              พาแรมบอก "พวกเราไม่ใช่ประเภทที่ต้องมานั่งฟังใครพูดใส่หูกันตลอดหรอก"
              "แน่ละ ก็ตะกวดเต่าล้านปีอย่างพวกแกมันสมาธิสั้นแล้วนิ" ไลเอิร์ทบอก
              ชาร์เครฟกล่าว "พวกสมองกลวงอย่างแก หูแคบมากจนความรู้ไม่เข้าหัวหรอก"
              "ว่ายังไงน่ะ...." พาลกิสกล่าว แต่ก็... "แคร้งงงง" คลอเวฟนำแองเกอร์แอ็กซ์ออกมา ในขณะที่พีวิลเตรียมอาร์มชู้ตเตอร์ไว้แล้ว
              มาสวาร์ทาร์เลยก้าวมายังเทรอนเร็กซ์ไปว่า "ตะกี้นี้เธอกับพวกต้องการจะสู้มากใช่มั้ยละ"
              "ของมันแน่อยู่แล้ว ก็พวกเราในตอนนี้มีพลังของไดโนเสาร์สามประเภทแล้วนิ พวกเราก็แข็งแกร่งกว่าอยู่แล้วละน่า" เทรอนเร็กซ์บอก
              คลอเวฟกล่าว "หรือ ถ้าแข็งแกร่งจริงแล้วทำไมถึงโดนยัยบื้อฟาดจนล้มเข่าทรุดไปได้ละ หรือว่าที่แกพูดแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นนิ เพราะกลัวเสียฟอร์มอีกละสิ"
              "ก็แค่มันพลาดท่าเท่านั้นเองแหละ แต่รับรองว่าคงไม่พลาดแน่ๆ" เทรอนเร็กซ์กล่าว "อีกอย่าง ฉันไม่มีทางยอมเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่อให้เป็นดาบมือหนึ่งที่พวกบีสทอยด์หรือแม้กระทั่งท่านพ่อให้ความนับถือเลยก็ตามน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "พวกบีสทอยด์ให้ความเคารพต่อฉัน เพราะว่าพวกเขาก็เหมือนกับเธอเองแหละ เทรอนเร็กซ์ พวกเขาไม่คิดว่าฉันสามารถสอนสั่งพวกเขาหรือลูกๆของพวกเขากันได้แน่ๆ เพราะว่าพวกเขามองฉันเป็นหนึ่งในสมุนในกองรบของโอเวอร์เดสไว้ เลยเข้ามาต่อกรกับฉันกันทั้งหมด แม้กระทั่งพ่อของเธอเองด้วยน่ะ"
              "แล้วจะมาพูดว่าท่านพ่อแพ้นายเองละสิ ฝีมือเชิงดาบมันจะแน่สักแค่ไหนกันเชียว" เทรอนเร็กซ์บอกพร้อมกับหยิบขวานออกมา เช่นเดียวกับพาลกิสและพาแรมที่หยิบลูกตุ้มหนามและดาบใบโค้งออกมา มาสวาร์ทาร์เลยตั้งท่าไว้
              "นี้คุณคิดจะสู้เลยหรือ สู้กับคนที่เป็นเหมือนกับคุณแบบนี้ มันถูกแล้วหรือคะ ที่ต้องแก้ปัญหากันแบบนั้นเลยน่ะ" แอนเดรียกล่าว
              "ไม่คะ ครูแอนเดรีย อาจารย์มาสวาร์ทาร์มีเหตุผลมากพอที่ต้องทำเช่นนั้นนะคะ" ดิเรนท์บอก
              ฟลาแน็กซ์กล่าว "นั้นสิครับ คุณมาสวาร์ทาร์รู้ดี ว่าเขาควรจะแก้ปัญหากันยังไงนะครับ"
              "ถ้าเช่นนั้น ถ้าพวกเธอทั้งสามสามารถโจมตีใส่ฉันได้ในครั้งเดียว โดยที่พวกเธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถ้าพวกเธอชนะ พวกเธอก็เชิญไปสู้กับพวกลูนาสตี้ได้เลย แต่ถ้าพวกเธอแพ้ พวกเธอต้องอยู่ที่นี้และต้องเชื่อฟังคำสั่งของทุกๆคน เข้าใจมั้ยละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พาลกีสบอก "คงยากมั่ง ลุง เพราะว่าพวกเรามีพลังเหนือกว่าลุงเป็นไหนๆแล้วนิ"
              "อย่าดีกว่าน่า ไอ้หัวเหม่ง พวกเราเคยลองมาแบบพวกแกแล้วน่า" ชาร์เครฟบอก
              เรปไซท์กล่าว "พวกเราเตือนพวกแกแล้วน่ะ ถ้าอยากจะเป็นเหมือนพวกเราก็ตามใจได้เลยวะ"
              "ก็พวกแกมันกระจอกกันนิหว่า พวกเราไม่เหมือนกับพวกแกสักหน่อยนิ" เทรอนเร็กซ์กล่าว แล้วก็... "บุกเลยยยย" ตะโกนลั่นพร้อมกับนำพาลกิสและพาแรมบุกเข้าใส่ แต่... "ฟึ่บบบบ" "ป้ากกกก เปรี้ยงงงง โป้งงงงง" มาสวาร์ทาร์บุกเข้าใส่พร้อมกับตวัดดาบโจมตีพวกเทรอนเร็กซ์ไปอย่างจังๆ "กะ อะ นี้พวกกูโดนฟันแล้วหรือวะเนี้ย" เทรอนเร็กซ์บอก เพราะโดนหวดเข้าที่สีข้าง ในขณะที่พาลกีสโดนเล่นงานตรงหัวเหม่ง ส่วนพาแรมโดนฟาดเข้าตรงบ่าซ้ายไว้ ที่แย่ที่สุดนั้นก็คือ
              "ลุงเขาไม่ได้ชักดาบ แต่ฟาดทั้งๆที่ยังใส่ฟักอยู่เลยน่ะ" พาแรมบอก เพราะเป็นคนที่สังเกตุเห็นได้แม้จะโดนฟาดไปแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ไวพอที่จะโต้ตอบได้เลย
              "ต่อให้พวกเธอมีพลังจากสัตว์ทั้งสามรวมกัน แต่....พวกเธอมีแค่พลังเพียวๆ ไม่มีทักษะด้านการต่อสู้ที่ดีเพราะสำคัญผิดคิดว่า แค่พละกำลังที่มากกว่าคนอื่นก็ชนะได้แน่นอน ทั้งๆที่พวกเธอไม่รู้เลยว่า ศัตรูมันมีเยอะกว่าและร้ายกาจยิ่งกว่าที่พวกเธอคิดไว้กันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "ซึ่งอย่าว่าแต่พวกลูนาสตี้และโซลาสตี้เลย แมนิเกเตอร์แบบใหม่ที่พวกเธอไม่เคยเห็นมานั้น ก็ร้ายกาจมากกว่าที่เธอคิดตั้งหลายสิบหลายร้อยเท่า ซึ่งพวกนี้จะเอาชีวิตพวกเธอได้จริงๆ ไม่ใช่แบบเดียวกับที่ฉันจัดการในตอนนี้เลยน่ะ"
              เทรอนเร็กซ์บอก "แล้วทำไมไม่คิดจะเอาจริงแบบนี้เสียเลยละ อย่างน้อยเราก็คงชนะกันได้นี้แหละ"
              "ถ้าเอาจริง แล้วพ่อของเธอมาเอาเรื่องฉันในเรื่องที่ฉันเชือดเธอกับพวกลงด้วยมือของฉันเองละ จะว่ายังไง" มาสวาร์ทาร์กล่าว ด้วยสีหน้าที่ขึงขังและจริงจังขึ้นมา
              ไลเอิร์ทบอก "ครูมาสวาร์ทาร์ไม่ใช่กระจอกๆนะ ถ้าเอาจริงขึ้นมา ปานนี้พวกนายคงขาดเป็นสองสามท่อนไปนานแล้วละ" ที่ต้องใช้คำว่า ครู กับมาสวาร์ทาร์นั้น เมื่อวานตอนเช้าได้ไปท้าดวลกับมาสวาร์ทาร์ไว้ และโดนน็อกล้มด้วยท่าฟาดด้วยดาบใส่ฟักไว้
              "นั้นสิ พวกเราโดนแค่ฟักดาบก็เกินพอแล้ว อย่าต้องให้เขาชักดาบออกมาเลยดีกว่าน่า" เรปไซท์กล่าว เพราะเมื่อวานก่อนไปท้ามาสวาร์ทาร์สู้  และโดนแบบเดียวกันทั้งๆที่ใช้การล่องหนโจมตีไปแล้ว
              ชาร์เครฟบอก "ไม่ใช่ไอ้หน้าแมวกับไอ้หน้าตะกวดนี้ที่โดน เราสองพี่น้องเอง ก็ด้วย" ชาร์เครฟกล่าว แฮมชัคส์พยักหน้า เพราะเมื่อวานซืน ทั้งคู่บุกเข้าเล่นงานมาสวาร์ทาร์ในตอนกลางคืนมา และโดนก่อนเป็นสองรายแรก แม้จะใช้วิธีรุมโจมตีสองทิศทางเลยก็ตาม
              "ลุงนิมันเก่งตามที่ท่านพ่อบอกไว้เป๊ะเลย ว่าอย่าไปหาเรื่องใส่ตัวกันน่า" เทรอนเร็กซ์กล่าว แล้วก็วางอาวุธลง "ตามสัญญา จะทำอะไรก็เชิญได้เลย เพราะว่าพวกเราเองกะจะมาช่วยพวกลุงสู้กับพวกศัตรูกันอยู่แล้วนิ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "หวังว่าคงไม่มีครั้งต่อไปกันน่ะ"
              "ทำไมคุณต้องใช้ไม้แข็งกับพวกเขาด้วยนะคะ ในเมื่อ พวกเขาไม่ใช่ประเภทที่ยอมฟังใครเขาได้กันน่ะ" แอนเดรียถาม โดยเดินตามมาสวาร์ทาร์ออกจากห้องไป หลังจากที่แก้ปัญหาไปแล้ว
              มาสวาร์ทาร์ตอบ "ผมรู้ว่า วิธีไม้แข็งอาจจะใช้กับคนหัวรั้น สันดานแก้ยากอย่างเทรอนเร็กซ์และพวกไม่ได้แน่ๆ และปัญหาแบบนี้ก็จะเกิดซ้ำซากต่อไปไม่รู้จบแน่นอน"
              "อย่างน้อย คุณก็ไม่ควรที่จะแข็งกร้าวกันเกินไปนะคะ อย่างน้อยก็ควรโอนอ่อนตามบ้าง เพราะบางครั้ง ทุกปัญหาก็สามารถแก้ไขได้ด้วยคำพูดกันแล้วนะคะ" แอนเดรียบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "แต่ถ้าอ่อนต่อคนอื่นมากจนไม่แสดงจุดแข็งออกมาให้เห็น คนส่วนมากก็จะหลงระเริงและคิดว่าเราเกรงใจจนทำอะไรเขาไม่ได้แน่ๆ เผลอๆ คนเหล่านั้นก็จะควบคุมคุณได้เช่นกัน" แล้วก็มองดูฝ่ามือของเขาไว้พร้อมกับบอกว่า "....ที่จัดการกับเทรอนเร็กซ์นั้น แค่สั่งสอนให้หลาบจำก็เท่านั้นเอง ผมถือว่าที่ทำไปนั้น เป็นโทษอ่อนที่สุดแล้วละ"
              "ที่คุณพูดเช่นนี้ ส่วนหนึ่ง เพราะว่าโอเวอร์เดสกับพวก ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยคำพูดหรือเจรจาอย่างงั้นละสิคะ ถึงได้ต้องออกมาต่อสู้กันน่ะ" แอนเดรียกล่าว
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "และส่วนหนึ่งนั้น เพราะว่าแมนิเกเตอร์ภายใต้การควบคุมของโอเวอร์เดสบางตนนั้น เล่ห์เหลี่ยมเยอะและไว้ใจไม่ได้มาตั้งแต่ต้น ต่อให้ใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการกระทำและการวางแผนมาอย่างดี เพื่อเปลี่ยนแปลงองค์กรจากภายในกันแล้ว มันก็ไม่ได้ผลไปซะทุกครั้ง ผมถึงได้รู้ว่า การกระทำที่ให้ผลที่ดีมากที่สุดนั้น ก็คือ การตอบโต้ด้วยกำลังและอาวุธ ในการหยุดยั้งขัดขวางแผนการเข่นฆ่าพวกมนุษย์ของพวกโอเวอร์เดส ซึ่งมันเป็นเพียงทางเลือกเดียวที่เรากำลังทำอยู่นะสิ"
              "ถ้าเช่นนั้น เรื่องที่ว่าพวกมนุษย์ได้ทำลายหนทางการเจรจาระหว่างพวกเขากับพวกแมนิเกเตอร์ลงด้วยมือของเขาเองก็เป็นจริงด้วยสิคะ" แอนเดรียบอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้าอีก แอนเดรียเลยพูดต่อ "ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณนะคะ ว่าเหตุผลที่คุณต้องออกมาต่อสู้กันนั้น มิใช่แค่ไถ่บาปในสิ่งที่คุณไม่ได้ก่อไว้ หากแต่ คุณทำเพื่อความสงบสุขของพวกมนุษย์และความอยู่รอดของพวกแมนิเกเตอร์อย่างพวกเราและพวกคุณทุกๆคน แม้ว่าคุณรู้อยู่แต่แรกว่า คุณมีหลายวิธีการที่สามารถใช้ได้และคิดจะใช้อยู่แล้ว เพราะคุณเป็นคนที่ฉลาดคิดและตัดสินใจได้ดี แต่สุดท้าย คุณเลือกที่จะต้องใช้กำลังแก้ปัญหาแทน เพราะคุณรู้ว่าคุณไม่มีเวลาพอที่จะคิดหาหนทางอื่นได้กันน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "ไม่หรอก ผมแค่แสดงให้พวกเทรอนเร็กซ์เห็นว่า ผมไม่ใช่คนที่อ่อนแอกว่าเขา ซึ่งมันเป็นสิ่งสำคัญของคนที่เป็นครู ว่าบางครั้ง เราควรจะทำเป็นใจยักษ์ใจมารกันเสียบ้าง แม้ว่านั้นจะไม่ใช้นิสัยแท้ๆของเราเองก็ตาม"

              ที่ห้องโถงพักผ่อน
              "บอกตรงๆน่ะ ว่าเราเริ่มจะคุมไอ้พวกนี้ไม่อยู่แล้ววะ ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อให้พวกนี้มันหงอหรือก้มหัวให้กับพวกเรากันน่ะ" คลอเวฟบอก
              สเปียริทกล่าว "แต่ ถ้าเกิดว่าพวกนี้ยิ่งเหิมเกริมขึ้นมา มันจะยิ่งแย่เอาได้เลยน่ะ"
              "เรื่องนี้สำคัญไม่น้อยเลยน่ะ เพราะว่า เฮเรเค้นและพวกบีสทอยด์ไทรเมร่าอีก 20 ตนนั้น คือกำลังหลักสำคัญที่เราจะใช้ต่อกรกับพวกลูนาสตี้และโซลาสตี้กันอยู่ เราจำต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่า พวกเราเป็นแมนิเกเตอร์ที่มีประสบการณ์มากกว่าพวกเขา และมาก่อนหน้าที่พวกเขาจะได้รับพลังจากไวซ์แลงค์กันด้วยน่ะ" พีวิลบอก
              เบย์แทนด์กล่าว "แม้ว่าพวกเขาจะเชื่อฟังมาสวาร์ทาร์กันก็ตาม แต่ผมไม่แน่ใจว่า นอกเหนือจากดิเรนท์และเฮเรเค้นแล้ว พวกเขาจะเชื่อฟังพวกคุณกันหรือเปล่า"
              "แน่ละ เพราะว่าพวกเราห้าคน คงรับมือกับบีสทอยด์ที่มีพลังเหนือกว่าตั้ง 20 กว่าคนไม่ไหวแน่ๆ แม้ว่าจะมีบางคนที่เชื่อฟังพวกเราเลยก็ตามน่ะ" พีวิลกล่าว
               คลอเวฟบอก "แปลว่าเราจำต้องหาแมนิเกเตอร์ที่แข็งแกร่งและมีพลัง รวมถึงมีความชำนาญด้านการต่อสู้ที่เหนือกว่ามาร่วมทีมกันเลยหรือ"
              "นายต้องการความช่วยเหลือจากสเตฟอร์ดและโฟรซ่ามาอย่างงั้นสิน่ะ" สเปียริทบอก
              พีวิลพยักหน้า "เราทำถูกในเรื่องที่ทำตามคำสั่งของดร.รีไลฟ์เวอรี่ให้พาพวกเขาทั้งสองไว้ เช่นเดียวกับพาสกายล็อตและไพโอล็อตไปให้เขาช่วยไว้ แต่ฉันยังไม่แน่ใจว่าทุกๆคนในฐาน ไม่สิ ในกองรบจะยอมรับพวกเขากันหรือเปล่าน่ะ"
              "เหมือนที่คุณเคยถูกเมินในทีแรกที่เข้ามาถึงเลยสิครับ" เบย์แทนด์บอก
              พีวิลตอบ "หวังว่าการต่อสู้ระหว่างพวกเรากับโซลาสตี้และลูนาสตี้คงจะช่วยพิสูจน์ความสามารถของพวกเขาทั้งสองให้พวกเราเข้าใจได้น่ะ ว่าตอนนี้พวกเขาไม่ใช่ศัตรูเก่าเมื่อวานแล้วละ"
              "แต่ ถ้าให้ฉันเดาน่า นายคงไม่บ้าจี้มากพอที่จะชวนเพื่อนเก่านายกับสมุนสองตัวมาร่วมด้วยละสิ" คลอเวฟกล่าว
              พีวิลพยักหน้า "ใช่ เจมส์ ไม่สิ เจเนลและเจเนไซด์ทีมของเขานั้น ก็มีขีดความสามารถที่เทียบเท่ากับฉันและพวกนายไว้ ถ้าเราได้พวกเขามาเป็นพวก ไม่เพียงตัดมือเท้าของครองคอร์ดลงทางอ้อมไปได้ แต่ยังเป็นการเสริมกำลังให้พวกเรากันด้วยน่ะ"
              "แต่มันจะดีหรือ เพราะเพื่อนนายก็ไม่ใช่คนประเภทฟังคำสั่งใครง่ายๆ แม้แต่นายเองก็ด้วยน่ะ" สเปียริทบอก
              พีวิลกล่าว "เพราะอย่างงั้นแหละ เราถึงต้องให้สเตฟอร์ดและโฟรซ่ามาร่วมทีมก่อน เรื่องเกลี้ยกล่อมเจเนลและพวกให้เข้าร่วมก็น่าจะง่ายไปด้วยน่ะ"
              "ฉันนับถือในการวางแผนของนายกันน่ะ พีวิล แต่....บางอย่างมันก็ไม่ได้มาโดยง่ายกันเสมอไปหรอกน่ะ" คลอเวฟบอก
              เบย์แทนด์กล่าว "ยิ่งในเวลานี้เฮคไซน์รู้ว่าพวกเราชนะพวกลูนาสตี้มาหลายครั้งเพราะระบบซีคเกอร์กันด้วยแล้ว พวกเราจำต้องรับมือกันเป็นหลายเท่าด้วยนะครับ"
              "แถมเฮคไซน์มีกองทัพมนุษย์ดัดแปลงตั้งเป็นเก้ากองใหญ่ด้วยแล้ว สงครามเต็มรูปแบบต้องเกิดอย่างแน่นอนวะ" คลอเวฟกล่าว
              สเปียริทบอก "แม้ไม่ชอบเลย แต่ถ้าพวกนั้นมันบุกมาทีเดียว เราคงรับมือไม่ไหวเลยน่ะ"

              "หวอออ หวออออ หวออออ หวออออออ" สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น เอเรียเน่แจ้งผ่านสปีคเกอร์ไปว่า "มีรายงานจากหน่วยลาดตระเวนทางฝั่งอีสานแจ้งมา ว่าพวกโซลาสตี้บุกโจมตีใส่กองกำลังพวกมนุษย์ที่อยู่แถบนั้นแล้วคะ"
              คลอเวฟกล่าว "นี้นายไม่ได้ใช้ระบบซีคเกอร์ตรวจจับเองละสิ"
              "ผมคิดว่า กองรบของพวกคุณคงจะไปเจอพวกโซลาสตี้เข้าโดยบังเอิญ เลยรีบรายงานมาซะมากกว่านะครับ" เบย์แทนด์กล่าว
              มาสวาร์ทาร์รีบเข้ามาบอก "รีบออกประจัญบานเดียวนี้เลย ตอนนี้ฉันได้ให้พวกเฮเรเค้นไปรอไว้แล้วละ"
              "เข้าใจแล้วละ" พีวิลกล่าว แล้วทั้งหมดก็รีบบุกไปโดยเร็ว ซึ่งในเวลานี้ "ตรูมมมม บรึมมมมม โครมมมม ตูมๆๆๆๆๆ" กองรบของพวกมนุษย์ถูกกระหน่ำโจมตีแบบไม่ยั้งโดยพวกโซลาสตี้ที่แห่มาเป็นจำนวนมาก
              "ยิงเข้าไป อย่าปล่อยให้พวกศัตรูมันหลุดไปได้เด็ดขาด" หัวหน้ากองสั่งการให้หน่วยทหารยิงปืนกลและปืนเลเซอร์เข้าใส่ แต่พวกโซลาสตี้บุกโจมตีในช่วงสิบโมงครึ่งที่ยังเป็นเวลากลางวัน เลยทำให้พวกมันบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว รถถังสิบกว่าคันถูกเกรมฮอร์ทจับยกขึ้นทุ่มใส่รถถังปืนใหญ่และรถถังหนักจนระเบิดระเนระนาดไป พวกพลขี่มอเตอร์ไซด์และรถจี้บต่างถูกเบทชอนหน้าบึ้งจัดการด้วยท่อนแขนความถี่สูงจนล้มตายระเนระนาดไปกันหมด พวกเซนเครูทบุกเข้าจัดการใส่หน่วยชุดเกราะเสริมพลังจนแดดิ้นล้มเป็นใบไม้ร่วงภายในเวลา 4 นาทีด้วยกัน
              "หัวหน้าดิวนิสครับ เราต้องการกำลังเสริมนะครับ กำลังรบของพวกเราเสียไปไม่น้อย เผลอๆหัวหน้าเองก็...." ทหารคนสนิทกล่าว
              ดิวนิสได้ฟังก็ปฏิเสธ "ไม่มีทางเสียหรอก ฉันจะต้องฝ่ากองรบไอ้พวกบุตรพระอาทิตย์เหล่านี้ให้ถึงที่หมายให้ได้ ต่อให้ต้องแลกชีวิตใครไปมากแค่ไหนก็ตาม สู้กับพวกมันต่อเดียวนี้เลย" แล้วก็หยิบบาซูก้ามาถล่มใส่พวกโซลาสตี้ จน... "ตรูมมมม บรึมมม" เล่นงานพวกโซลาสตี้ไปไม่น้อย แต่ก็ล้มได้เพียงส่วนน้อยเพราะที่โดนเป่าระเบิดไปนั้น กลับลุกขึ้นมาทำซ่าต่อ
              "ถล่มพวกมันให้หนักข้อเข้าไปอีก จนกว่าพวกมนุษย์เหล่านั้นจะแดดิ้นกันไปข้างเลยน่ะ" เซนเครูทตัวหัวหน้ากล่าว โดยอยู่บนยานมอเดอร์ดิฟสีทองไว้ และเปิดโฮโลแกรมรายงานกลับไปยัง... "ท่านเฮคไซน์ การโจมตีของพวกเรานั้น ใกล้จะสำเร็จแล้วละครับ"
              เฮคไซน์บอก "ดีมาก แล้วไม่มีพวกกบฎอยู่ในขอบเขตนั้นด้วยละสิ"
              "ต่อให้มี แต่พวกเราก็แซงหน้าพวกมันไปก้าวหนึ่งอยู่ดีนะครับ ท่านเฮค...." เซนเครูทหัวหน้ารายงาน
              แต่ไม่ทันไรก็.... "ฟ้าวววววว โครมมมมมมม โครมมมม ตรูมมมมม" มีบางอย่างพุ่งลงมากลางกลุ่มพวกโซลาสตี้จนกระเจิดกระเจิงไป ซึ่งพวกโซลาสตี้ที่อยู่รอบๆนั้นก็... "มออออออ" โดนบุลฟลาทพุ่งชาร์จด้วยหัวไหล่เขาควายแทงใส่เซนเครูทที่อยู่ใกล้ร่วงไปสองตน จากนั้นก็ขวิดใส่เซนเครูทอีก 4 ตนด้วยเขากระทิงที่ยืดยาวจนปลิวกระเด็นไป อีกกองหนึ่งนั้น... "โว้วววว" แบร็อคบุกเข้าข่วนพวกเบทชอนด้วยกงเล็บหมีกรีซลีย์จนร่างขาดเป็นท่อนๆ ตามด้วยกระทืบพื้นให้เกิดพื้นน้ำแข็งที่แช่แข็งใส่พวกเซนเครูทที่ไม่ไวพอจนเท้าถูกแช่แข็งและ "ป้ากกกก" โดนแบร็อคถีบยันไปเต็มๆจนเท้าขาดสะบั้นลง "โว้ววว ย้ากกกก ว้ากกก" ไรแกทหลังจากที่ทิ้งตัวลงมาก็บุกเข้าชาร์จใส่พวกเซนเครูทจนกระจุย แล้วก็ใช้แขนกอริลล่าชกใส่เกรมฮอร์ทเข้าที่หน้าจนหน้ากากแตกกระจุย แล้วก็เตะขัดขาเกรมฮอร์ทให้ล้มพร้อมกระทืบซ้ำด้วยเท้าช้างจนอัดเกรมฮอร์ทให้ติดพื้นไว้
              "เทรอนเร็กซ์มาแล้วละโว้ย ไอ้พวกหน้าพระอาทิตย์" เทรอนเร็กซ์กล่าวอย่างสะใจที่ได้ออกรบ เลยบุกเข้าฟาดฟันใส่พวกโซลาสตี้แบบไม่เกรงกลัวใดๆ "ย้ากกกก" พาลกิสกระโดดใช้ลูกตุ้มหนามฟาดใส่เซนเครูทที่อยู่ใกล้ๆจนล้ม พร้อมกับ "ชรี้ดดดด" ตวัดขาท่อนล่างที่มีใบมีดของสเตโกซอรัสด้านหลังเข้ากรีดใส่เซนเครูทแบบเรียงตัว แล้วก็ทำหกสูงหมุนตัวเตะใส่พวกโซลาสตี้แบบไม่ยั้ง "ฮึยยย ย้า" พาแรมซัดหนอกบนหัวเข้าเป็นใบมีดพุ่งเข้าเล่นงานเบทชอนให้แดดิ้นลง แล้วก็ "หวับๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆ" ใช้ส่วนแขนที่ยืดเป็นคอไดโนเสาร์หวดฟาดทำลายแขนของเบทชอนจนพังไปสามตนก่อนจะใช้ส่วนแขนยืดเข้าขบกัดแล้วดึงเข้ามา "ฉั้วะ" ตวัดเตะกลับหลังใส่เบทชอนจนตัวขาดเป็นสองท่อนด้วยคมเขี้ยวเล็บเท้าของแรปเตอร์ไป "ไอ้พวกสมิงนั้นมันเล่นงานพวกเราแล้วละคะ" เบทชอนหญิงกล่าวก่อนจะโดนบุลพลาทขวิดให้ตัวปลิวกระเด็นไป ในขณะที่อีกคนนั้นโดนถีบด้วย "ไบซอนคิก" บุลพลาทกระโดดรั่วถีบใส่แบบถี่ๆไม่ยั้งก่อนจะดรอปคิกขาคู่ไปเต็มๆ
              "บรืนนนนนนนน" การ์เซนแบบตีนตะขาบ 4 เครื่อง ออฟโรดสี่ล้อ 8 เครื่องและแบบเทอโบเจ็ท 6 เครื่องมาพร้อมกับอัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์ ตรงไปยังกองรบพวกโซลาสตี้ โดยที่ไกซ์กับมิลด์พาพวกพีวิลมาด้วย "นายช่างด็อดเจอร์ยังซ่อมโมบิลลอยด์ของพวกคุณไม่เสร็จ เลยต้องให้พวกเรามาส่งไปก่อนน่ะครับ" ไกซ์กล่าว
              พีวิลบอก "ดีแล้วละ พวกเธอส่งพวกเราลงตรงกองรบด้านหน้าแล้วกัน"
              "รับทราบครับ ลูกพี่" ไกซ์บอก แล้วก็บุกเข้าใส่พวกโซลาสตี้ที่ระส่ำระส่ายอยู่ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงวัลแคนอาร์มใส่ไม่ยั้งเพื่อเปิดช่องให้ "โท้วววว" "เอย้า...." พีวิลและสเปียริทกระโดดลงเข้าปะทะใส่พวกโซลาสตี้ ในขณะที่มิลด์บุกเข้าไปอีกกองเพื่อส่งคลอเวฟ มาสวาร์ทาร์และพลัสเชอริทลงสนามไปด้วย "ฮึยยยย" พีวิลเปิดนำด้วยการชกใส่พื้นเป่าพวกเซนเครูทให้ปลิวไปอย่างจังๆ แต่เบทชอนจำนวนมากกระโดดเข้ามา "ย้า" สเปียริทที่กระโดดตามหลังมาก็หมุนเหวี่ยงหอกกวาดรอบทิศเล่นงานเบทชอนจนร่วงไปกันหมด แล้วก็ "ฟิ้วๆๆๆๆๆ" ยิงแฟลชแอร์โรวเข้าใส่พวกเซนเครูทที่บุกเข้ามาจนล้มกลิ้งไปเป็นสิบ แต่กลับมี 6 คนที่ลุกขึ้นมาและบุกโจมตีด้วยสนับมือดาบยาวไว้ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พีวิลเลยต้องใช้อาร์มชู้ตเตอร์กราดยิงใส่ให้ล้มไปทั้งหกตน แล้วก็ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ" กระหน่ำยิงใส่พวกเบทชอนที่แห่มาอีก 5 ตัวให้ร่วงไปก่อน โดยตอนนี้ไลเอิร์ท วูลเฟลล่า ดิเรนท์ เฮเรเค้น เรปไซท์ บราไทน่า โดดลงมาเพื่อเข้าต่อกรกับพวกเบทชอนแล้ว ด้านมัลแด็กซ์ เวลลิทและฟลาแน็กซ์พาพวกเข้าต่อกรกับพวกเซนเครูทไปด้วย "แคร้งงงง เคร้งงงง" มาสวาร์ทาร์หวดดาบฟาดฟันใส่เซนเครูทที่ใช้สนับมือติดดาบยาวจนล้ม แล้วก็แทงใส่เกรมฮอร์ทเข้าที่หน้าและกระชากดาบฟันจนหัวแยกเป็นสองซีก "แชดๆๆๆๆๆ" เบทชอนกระหน่ำยิงปืนยาวเข้าใส่มาสวาร์ทาร์ ซึ่งมาสวาร์ทาร์รีบใช้โชลเดอร์ชิลด์มาป้องกันไว้แทบไม่ทัน "ฟ้าวๆๆๆๆๆ" พลัสเชอริทบุกเข้าโจมตีใส่เบทชอนที่โจมตีใส่มาสวาร์ทาร์ด้วยคิลเลอร์เบลด ตามด้วย "แฟงค์สไลเซอร์" ซัดดาวกระจายเข้ากรีดใส่พวกเซนเครูทให้แดดิ้นลงไปสองตัว "ฮึยยย ว้ากกก ย้ากกกก" คลอเวฟฟาดฟันด้วยแองเกอร์แอ็กซ์และทุเรียนเหล็กใส่เกรมฮอร์ทสองตัวแบบไม่ยั้ง แม้ว่า... "หนังมันโคตรเหนียวจริงๆเลยวะ" คลอเวฟบ่นเพราะต้องฟาดแองเกอร์แอ็กซ์เฉาะใส่เกรมฮอร์ทถึง 4 ที แทนที่จะต้องใช้แค่ 2 ทีก็จัดการลงไปแล้ว
              "อย่าลืมสิ ว่าพวกนี้มันแข็งแกร่งเมื่อตอนกลางวันกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก โดยใช้เรซเซอร์เอดจ์ฟาดฟันใส่เกรมฮอร์ทให้ชะงักไปหนึ่งตัว แล้วก็ "ฟึ่บบบบ" นำปืนลูกซองพิฆาตช็อคแคนน่อนออกมา "ป้างงงงง" ยิงใส่เซนเครูทจน "เปรี้ยงงง" ชุดเกราะหน้าอกแตกกระจุยเผยหน้าอกเปลือยที่มีรอยเย็บอยู่สี่รอบจนชะงักกลางอากาศเป็นเป้านิ่งให้... "ฉั้วะ" มาสวาร์ทาร์พุ่งเข้าใช้ดาบความเร็วสูงฟันใส่ ตามด้วย "ป้างงงงง" ยิงใส่เกรมฮอร์ทให้ชะงักแม้จะทำให้ส่วนเกราะหน้าอกร้าวไป แต่ก็... "วอเตอร์เวฟ" คลอเวฟซัดคลื่นน้ำพุ่งเข้าอัดใส่เกรมฮอร์ทตัวนั้นให้แดดิ้นลง แต่เบทชอนอีกสี่ตัวบุกเข้ามา "แกร็ก ป้างงงง ป้างงง ป้างงง" คลอเวฟเลยเอาปืนลูกซองช็อคแคนน่อนออกมากระหน่ำยิงไปสามนัดจนเป่าพวกเบทชอนกระเจิงไปอย่างจังๆ "ไลท์นิ่งอิลลูชั่น" พลัสเชอริทเข้าจู่โจมด้วยความเร็วสูงเล่นงานเบทชอนแปดตัวให้ร่วงอย่างรวดเร็ว แต่เซนเครูทกระโจนเข้ามาอีก 10 ตัวด้วยกัน "เครเซนท์เรซเซอร์" มาสวาร์ทาร์เลยกระโจนซัดคลื่นคมดาบขนาดใหญ่เข้า "ฉั้วะๆๆๆๆๆๆๆ" สับร่างเซนเครูทพระอาทิตย์ขาดสะบั้นเป็นสองท่อนในทันที
              "โอกาสพลาดพลั้งจาก 45 กลายเป็น 64 เปอร์เซนต์แล้วละครับ" พลัสเชอริทบอก
              "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "แชดดดด แชดดดด แชดดดด" ไกซ์และมิลด์รวมถึงหน่วยการ์เซนท์เข้าโจมตีใส่โครซเรฟอย่างหนักหน่วง แต่โครซเรฟโจมตีกลับด้วยปืนซันพลาสม่าไรเฟิ่ลไว้ จนทำให้หน่วยการ์เซนท์ต้องรีบถอยออกมาพร้อมกับ "ฟิ้วๆๆๆๆๆ" ยิงโฮมิงค์มิไซล์จากหัวไหล่เข้าใส่ "ตูมๆๆๆๆๆๆๆๆ"
              "โดนเข้าแล้วมั้ยละ" นักบินที่ควบคุมการ์เซนท์แบบออฟโรดกล่าว แต่พอควันจางลง โครซเรฟไม่เพียงยังไม่เป็นอะไรเลย ตามร่างของมันนั้นก็...
              "บอดี้ของมันเรืองแสงด้วยน่ะ" ไกซ์กล่าว
              "นั้นคงเป็นระบบป้องกันของพวกโซลาสตี้แน่ๆเลยละ ถ้าไม่เป็นสนามพลัง มันคงจะเป็นระบบพลังงานหุ้มเกราะไว้แน่ๆ" มิลด์คาดการณ์ไว้ โดยใช้มาสแตงค์ไรเฟิ่ลยิงใส่ แต่... "ป้างงงงง" แม้จะยิงจนเกราะเรืองแสงสลายไปส่วนหนึ่ง แต่สักพัก ส่วนที่สลายไปก็คืนสภาพตามเดิม
              ไกซ์บอก "งานยากสำหรับการโต้ตอบพวกโมบิลลอยด์ของพวกโซลาสตี้แล้วสิ"
              "กองรบของเราเสียเปรียบแล้วละครับ" เซนเครูทตัวหัวหน้ารายงาน
              เฮคไซน์กล่าว "สั่งถอนทัพโดยด่วน เราหยั่งเชิงพวกมันแค่นี้ก็พอแล้วละ"
              "เออ รับทราบครับ" เซนเครูทตอบรับแบบไม่เต็มใจมากนัก แต่ก็ต้องทำตาม "แว้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ฉับพลันเหล่าสมุนโซลาสตี้ทั้งเป็นหรือตายก็หายไปกันหมด แม้กระทั่งพวกโมบิลลอยด์ด้วย
              "อะไรกันวะ แน่จริงอย่าหนีกันแบบนี้สิวะ ฮึยยยย" เทรอนเร็กซ์สบถเพราะศัตรูที่เขาไล่ฟัดมาตลอดได้ถูกเทเลพอร์ตหนีไปแล้ว
              "พอแค่นั้นแหละ เทรอนเร็กซ์ ไม่ช้าก็เร็ว พวกมันก็ต้องย้อนกลับมาให้เธอกับพวกได้สู้กันต่อน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก และติดต่อไปหาพีวิลและสเปียริท "นายสองคนรีบไปหาพวกทหารมนุษย์กันก่อนเถอะ เผื่อว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากเราด้วยน่ะ"
              พีวิลบอก "เรื่องนี้ไม่ต้องบอก ฉันก็รีบไปอยู่แล้วละ" แล้วก็ตรงมายังรถยานเกราะที่หัวหน้าดิวนิสไว้

              "หัวหน้าดิวนิสครับ อดีตร้อยเอกแอนเดอร์สันมา..." ทหารคนสนิทกล่าว ดิวนิสที่เห็นเหตุการณ์ก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เลยตบหัวนายทหารคนสนิทไปเต็มๆ
              พีวิลบอก "ร้อยโทดิวนิส เคมแรน จากกองกำลังพิเศษที่ 15 ของโปรตุเกส ตัวแทนฝ่ายมหาสหพันธ์ยุโรป ฉันคิดว่านายกับพวกโดนพวกครอสตรีมถล่มทิ้งไปเสียอีกน่ะ"
              "แต่ต้องขอบใจหน่วยเก่าของแกมากน่ะ แอนเดอร์สัน หน่วยที่ 54 เข้ามาสอดยุ่งไม่เข้าเรื่องทั้งๆที่ฉันสมควรจะได้รับการยกย่อง แทนที่จะเป็น อดีตรุ่นพี่สองตัวที่กลายเป็นสมุนของไอ้เทคไครด์กันน่ะ" ดิวนิสพูดจาดูถูกไม่ว่า น้ำเสียงแสดงถึงความอวดดีให้เห็นกันด้วย ทั้งๆที่ตัวเองเกือบตายไปแล้วน่ะ
              พีวิลบอก "สตีฟและโฟรน่าพาพวกเข้ามาช่วยพวกคุณจากสมรภูมิที่ฮอลแลนด์ เพราะว่าคุณกับพวกขัดคำสั่งเบื้องบนที่ต้องการอยู่ดูแลเขตพลเรือนออกไปรบแนวหน้าจนถูกพวกครอสตรีมสวนกลับแบบไม่เป็นท่าเองต่างหากละ อีกอย่าง ถ้าไม่คิดจะขอบคุณก็ไม่ควรจะพูดเช่นนี้เลยน่ะ"
              "กับแมนิเกเตอร์ที่เป็นอดีตมนุษย์อย่างนายนะหรือ ฉันจะพูดสักอย่าง มีอะไรอะเปล่า" ดิวนิสย้อน สเปียริทได้ฟังก็ถึงกับโมโห
              พีวิลเลยต้องส่ายหน้าห้าม และหันมาถาม "กองรบของนายควรจะประจำการอยู่ที่ทรอตสกิลาร์ดของทางรัสเซีย เพื่อระวังภัยคุกคามจากครอสตรีม แล้วนายพาพวกลงมาที่ตะวันออกกลางทำไม"
              "เบื้องบนได้แจ้งมาทางเราว่า พวกโซลาสตี้อะไรนั้นมันเตรียมกองรบสำหรับบุกโจมตีนิวดูไบ ซึ่งเป็นเขตเมืองใหม่ของอินเดียทางตอนใต้ นับจากดูไบเดิมล่มจมเพราะแผ่นดินไหวเมื่อ 150 ปีก่อน แม้จะไม่รู้ว่าพวกมันบุกไปเพื่ออะไร แต่....จะดีกว่ามาก หากฉันกับพวกไม่ถูกโจมตีเข้าเสียก่อนน่ะ" ดิวนิสบอก
              พีวิลกล่าว "แล้วนายกับพวกที่เหลือก็คิดที่จะนำกำลังที่เหลืออยู่นี้ไปที่นิวดูไบละสิ แบบนั้นมันไม่เข้าท่าเลยน่ะ"
              "ไม่เข้าท่าอยู่แล้ว และยิ่งไม่เข้าท่าหนักไปกันใหญ่ หากนายกับพวกไม่เข้ามาสอดยุ่งไม่เข้าเรื่อง ทั้งๆที่ฉันควรจะได้ไปประจำการที่นั้นด้วยน่ะ" ดิวนิสโวยแบบไม่ยอมลดละให้
              สเปียริทบอก "พอเลยน่า สภาพทหารในกองเกือบตายเพราะพวกโซลาสตี้มา แล้วคิดจะส่งพวกเขาไปให้พวกนั้นเชือดแบบนี้ มันไม่คุ้มเสียเลยน่ะ"
              "ร้อยโทเคมแรน คำแนะนำของฉันในตอนนี้ก็คือ นำกองกำลังที่เหลืออยู่กลับไปรักษาตัวที่เมืองใกล้ๆ และให้เรารับผิดชอบเรื่องนี้จะดีกว่า อย่างน้อยนั้นก็..." พีวิลพูดไม่จบ
              ดิวนิสแย้ง "เหอะ ถ้าคิดจะแย่งความดีความชอบเอาไปให้ไอ้แอคเมนโด้กันละก็ หวังว่านายกับพวกคงจะเละเป็นโจ๊กแบบที่ฉันโดนแล้วกันน่ะ อดีตร้อยเอก ลาล่ะ" แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับสั่งให้พวกทหารถอนกำลังกลับโดยเร็ว
              "คนพรรค์นี้ ยังจะไปช่วยกันอีกหรือ น่าจะปล่อยให้โดนยำเละเป็นโจ๊กไปแล้วแท้ๆน่ะ" สเปียริทกล่าวอย่างไม่พอใจ
              พีวิลส่ายหน้าพร้อมกับตอบว่า "....ช่างเถอะน่า สเปียริท ร้อยโทเคมแรนก็เป็นแบบนี้แหละ ต่อให้ผู้บังคับบัญชาระดับเป้งตำหนิเป็นชุดๆ ก็ยังไม่สำนึกตัวว่าตัวเองแหละที่ผิด แต่ก็ถือว่าเป็นนายทหารฝ่ายมนุษย์ที่มีความสามารถมากอยู่คนหนึ่งที่ไม่ควรจะเสียไปนี้แหละ"
              "แน่ละ ถ้าขืนให้หมอนี้เป็นแมนิเกเตอร์ขึ้นมา คงได้โดนบดขยี้ก่อนเป็นรายแรกแน่ๆน่ะ" สเปียริทบ่น
              พีวิลกล่าว "เอาเป็นว่าตอนนี้ พวกเรากลับฐานก่อนดีกว่า เพราะเรามียุทธการใหม่ๆที่ต้องไปเคลียร์กัน"

              ที่ฐานทัพเอาท์คอมด์ของโคเคส
              "นิวดูไบจะถูกโซลาสตี้โจมตีนะหรือ อืมมมมม นั้นพอมองทิศทางการบุกของฝ่ายโซลาสตี้กันได้แล้วละ" โคเคสกล่าว โดยเปิดแผนที่นิวดูไบที่อยู่ทางตอนใต้ของอินเดียไว้
              เบย์แทนด์บอก "เฮคไซน์คิดที่จะโจมตีนิวดูไบ ซึ่งตอนนี้ตัวเมืองได้กลายเป็นเมืองร้างไปเมื่อสองวันก่อน หลังจากการมาของโซลาสตี้ในครั้งนั้น ผู้คนได้หนีขึ้นเหนือไปอยู่ตามเมืองต่างๆ จนละทิ้งเขตเมืองทั้งหมดไว้ หากแต่ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถออกมาได้ นั้นคือคนพิการ สตรีมีครรภ์ คนเจ็บคนป่วย รวมถึงคนที่เป็นโรคร้าย พร้อมกับหมอและพยาบาลที่ยังประจำการอยู่ หากแต่พวกทหารได้ถอนกำลังไปจนหมดแล้วนะครับ"
              "นั้นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เลยน่า เพราะนิวดูไบนั้นมันมีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และเขตโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งมีการจ่ายพลังงานที่มากพอที่จะเลี้ยงทุกเมืองในชมพูทวีปได้เป็นสิบๆปีด้วยน่ะ" บัลโต้กล่าว
              เฮลิคบอก "ถ้าที่นี้ถูกยึด โซลาสตี้จะใช้เป็นฐานการผลิตกำลังพลจำนวนมหาศาล เพื่อเข้ายึดชมพูทวีปทั้งหมด แน่นอน ว่ามันหมายถึง เฮคไซน์และเทคไครด์ได้นำกำลังมาอยู่หน้าสถาบันลับของดร.รีไลฟ์เวอรี่อย่างแน่นอน"
              "แม้ว่านั้นจะเป็นเมืองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สืบต่อจากเมืองเดิมที่ล่มสลายเพราะภัยธรรมชาติไปมาตลอดหลายสิบปี แต่เราไม่ควรที่จะเสียมันไปได้หรอกน่ะ" พีวิลกล่าว
              คลอเวฟบอก "แต่ข้อมูลของไอ้ทหารเกรียนนั้นมันเชื่อได้เลยหรือวะ เผลอๆมันอาจจะพูดให้เราไขว้เขว่ก็ได้น่า"
              "ข้อมูลที่ร้อยโทเคมแรนได้รับมานั้น เป็นความจริงร้อยเปอร์เซนต์เต็มนะสิ เพราะว่ามีคำสั่งให้กองรบทุกกองที่ยังไม่มีการปฏิบัติการณ์ใดๆให้มาประจำการณ์ที่นิวดูไบภายในสองวันหลังจากที่โซลาสตี้ออกอาละวาดกันแล้วน่ะ" เฮลิคกล่าว "และไม่ใช่แค่กองกำลังของเคมแรนที่โดนโจมตี สายของเราได้แจ้งมา ว่ากองกำลังของเครือพันธมิตรมหาเอเชียที่ออกจากประเทศต่างๆเองก็โดนโจมตีเหมือนกันน่ะ"
              บัลโต้ได้ฟังก็หัวเสียมากๆ "เฮคไซน์ตั้งใจจะให้พวกเราไปประจำที่นิวดูไบเสียเองละสิ"
              "แต่นั้นก็ดีแล้วละ เพราะเราต้องการจะหยุดยั้งพวกโซลาสตี้และลูนาสตี้กันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "แม้ว่าเราจะใช้ซีคเกอร์ซิสเทมไม่ได้เลยก็ตาม แต่อย่างน้อย เราก็เตรียมตัวรับมือฝ่ายตรงข้ามที่ส่งกำลังรบเข้ามาได้อยู่แล้วละ"
              สเปียริทบอก "ส่วนหนึ่งเพราะเฮคไซน์ส่งกำลังรบมาถล่มอีกแปดเมืองให้เราเห็นกันไว้น่ะ"
              "แล้วเราจะส่งกำลังมุ่งหน้าไปที่เขตเมืองนิวดูไบกันเลยหรือเปล่าละ" บัลโต้บอก
              โคเคสกล่าว "เรื่องส่งกองกำลังนั้นคงทำได้อยู่แล้วละ แต่ก่อนอื่น....เบย์แทนด์ ฉันอยากจะให้นายทำอย่างหนึ่งเอาไว้ก่อนน่ะ"
              "ว่ามาเลยครับ หัวหน้าโคเคส" เบย์แทนด์กล่าว
              โคเคสเลยสั่งการให้... "นายพอจะส่งข้อความแบบเดียวกันกับเฮคไซน์ส่งมาให้เราได้มั้ยละ หากแต่ ข้อความนั้นควรจะยาวเท่ากับที่พวกเราคุยกันได้นี้แหละ"
              "ได้อยู่แล้วนะครับ" เบย์แทนด์ตอบ และจัดการใช้ระบบซีคเกอร์เพื่อจัดการบางอย่างไว้
              โคเคสกล่าว "ด็อดเจอร์มีความเห็นยังไงกับโครซเรฟของโซลาสตี้กันละ"
              "บอกตรงๆเลยน่า ว่าโครซเรฟของพวกโซลาสตี้นั้น คงจะปรับแต่งระบบการป้องกันให้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยวะ เพราะพวกนั้นคงจะรู้แล้วว่า พวกเรามีอาวุธที่เจาะทะลุผ่านสนามพลังห่อหุ้มหน่วยรบไว้ มันก็เลยปรับแต่งระบบป้องกันเป็นแบบเคลือบทั้งตัว ซึ่งไม่เพียงสมานรอยแตกหรือรูรั่วที่เกิดจากการโจมตีทุกรูปแบบที่รุนแรงกว่า หากแต่เสริมความแข็งแกร่งให้หนาแน่นมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะรอยเดิมแต่มันเคลือบทั้งตัวกันไปด้วยน่ะ" ด็อดเจอร์บอก
              วูลลิเซียกล่าว "และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ พวกนั้นออกรบในช่วงกลางวันซึ่งมีพระอาทิตย์ปรากฎอยู่ โดยที่สภาวะอากาศนั้นไม่มีเมฆปกคลุมเลย ทำให้อัตราการฟื้นฟูเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าปกติถึง 40 เปอร์เซนต์ด้วยกันน่ะ"
              "ไกซ์และมิลด์มาบอกกับเราเกี่ยวกับโมบิลลอยด์ของพวกโซลาสตี้กันแล้วละ" พีวิลบอก
              บัลโต้กล่าว "แล้วถ้าเราหลอกล่อให้พวกมันบุกโจมตีในตอนกลางคืนละ อย่างน้อย พลังแสงอาทิตย์ที่น้อยลงคงจะทำให้พวกมันหายซ่าไปเลยละสิ"
              "ไม่หรอก นั้นแหละคือแผนอย่างหนึ่งของเฮคไซน์น่ะ เพราะถ้าโซลาสตี้ไม่สามารถสู้ต่อในเวลากลางคืนได้แล้ว เขาจะให้เทคไครด์ส่งลูนาสตี้ไปแทนกันนะสิ" โคเคสบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "และยุทธการของเฮคไซน์นั้นคงจะบีบให้เราสู้ตลอดเวลา จนไม่มีทางให้พักได้อย่างไม่ต้องสงสัยสิน่ะ"
              "และพวกนั้นคงคิดที่จะหลอกให้เราทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อรุกฆาตจัดการกับพวกเราทั้งหมดในช่วงที่อ่อนแรงไปในคราวเดียวด้วยแล้ว สภาพการณ์ของเราในตอนนี้ก็คือ ต้องตั้งรับเท่านั้นแหละ" โคเคสกล่าว
              เบย์แทนด์บอก "เออ มีบางอย่างที่พวกคุณควรจะรู้ไว้สักหน่อยนะครับ" แล้วก็เปิดแผนที่ประเทศอินเดียเอาไว้ โดยในแผนที่นั้นระบุพื้นที่แห่งหนึ่งเป็นสีแดง
              "พื้นที่ที่ว่านิ มันเป็นสถานที่ลับอะไรสักอย่างหรือเปล่าละ เบย์แทนด์" พีวิลถาม
              เบย์แทนด์บอก "จากการตรวจสอบข้อมูลของพื้นที่ที่สแกนมาได้นั้น พบว่า มันเป็นบังเกอร์เก็บนาวาลอยฟ้าเมื่อสมัยยุคทองช่วงปลาย ตอนเหตุการณ์โอเวอร์เดสออกอาละวาดขึ้นเป็นครั้งแรกกันนะครับ"

              "บังเกอร์นั้น เดียวสิ อย่าบอกน่ะ ว่าเป็นบังเกอร์ที่อยู่ใต้ทุ่งกุรุเกษตรเก่า ซึ่งเคยเป็นสมรภูมิเลือดระหว่างสองพี่น้องกันนะหรือ" เฮลิคบอก เบย์แทนด์พยักหน้า สเปียริทถาม "ว่าแต่ ทุ่งร้างนั้น มันเป็นสถานที่ทำสงครามนองเลือดของสองพี่น้องนิ มันเกิดอะไรขึ้นหรือ"
              "กุรุเกษตรนั้น เป็นสมรภูมิระหว่างสองพี่น้องตระกูลใหญ่ของแคว้นหัสติปุณะ นั้นคือ ห้าพี่น้องปาณฑพกับร้อยพี่น้องเการพ ผู้สืบสายเลือดวงศ์กษัตริย์อันยิ่งใหญ่กันนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก และเล่าให้ฟัง "เรื่องราวความแตกแยกนั้นมันเริ่มมาจากความอิจฉาริษยาของกลุ่มพี่น้องเการพที่มีต่อพี่น้องปาณฑพ ซึ่งมีสิทธิ์ในราชสมบัติและการปกครองแคว้นต่อจากกษัตริย์ตาบอดซึ่งเป็นบิดาของเหล่าพี่น้องเการพ ซึ่งพยายามลอบฆ่าด้วยการวางเพลิงเผาที่พักไปจนถึง ใช้กฎโกงเล่นเกมส์โดยเดิมพันทั้งเมือง ทรัพย์สิน ประชาชน อิสระของพี่น้องและผู้นำของกลุ่มปาณฑพ ไปจนถึงภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของห้าพี่น้องเอาไว้ จนทำให้พวกปาณฑพเสียทุกอย่างไป..."
              สเปียริทได้ฟังถึงส่วนที่ภรรยาเพียงหนึ่งเดียวก็ถาม "ภรรยาของห้าพี่น้องนะหรือ เออ มันเป็นไปได้เลยหรือ ที่หญิงหนึ่งคนจะมีชายคู่ครองตั้งห้าคนในคราวเดียวกันน่ะ"
              "ตำนานมันว่าเอาไว้กันนะสิ ว่าภรรยาเพียงหนึ่งเดียวนั้น ชาติก่อนอธิษฐานขอชายคู่ครองตั้งห้าครั้ง จนเทพให้พรต่อนางในชาติต่อไปต้องมีสามีตั้งห้าคนนะสิ ซึ่งก็คือห้าพี่น้องปาณฑพกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "พอพวกปาณฑพกับภรรยาถูกขับไล่ให้ไปอยู่ป่าราวสิบปีตามข้อตกลงการเดิมพัน และในปีที่ 13 นั้น ทั้งหกต้องหลบซ่อนเพื่อไม่ให้ฝ่ายเการพตามเจอ ไม่เช่นนั้นจะให้ไปอยู่ป่าต่อ หากแต่พวกเการพบุกโจมตีเมืองที่พวกปาณฑพอยู่ ซึ่งวันที่พวกเการพบุกตีนั้นเป็นวันสุดท้ายของกำหนดกฎเกณฑ์ไว้แล้ว แน่นอนว่า พวกปาณฑพทำตามสัญญาไว้ แต่พวกเการพกลับไม่ยอมในเรื่องนี้แถมยังดื้อแพ่งท้าทายให้ทำสงคราม ซึ่งนั้นก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายสะสมกองกำลังเป็นจำนวนมาก เพื่อทำสงคราม โดยปาณฑพสะสมกองรบทั้งหมด 7 อักเษาหิณี ส่วนพวกเการพมีมากกว่าฝ่ายปาณฑพ ถึง 4 อักเษาหิณีด้วยกันนะสิ"
              เบย์แทนด์ถาม "แล้วอักเษาหิณีนั้น จำนวนมันเท่าไหร่ละครับ"
              "1 อักเษาหิณีนั้น มีกำลังรบทั้งหมด ได้แก่ ทหาร 109,350 นาย รถศึก 21,870 คัน ม้า 65,610 ตัว และช้าง 21,870 เชือกกันนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              สเปียริทลองนับดู "นี้สงครามครั้งนี้มันล้างผลาญกันมากถึงขนาดนั้นเลยหรือ นั้นคงรบเป็นเดือนเลยละสิ"
              "สมรภูมิมหาภารตะระหว่างปาณฑพและเการพนั้น ใช้เวลาแค่ 18 วันเองน่ะ สเปียริท" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "และ 18 วันนั้น 13 วันแรก ทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้ภายในกฎเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ทุกอย่าง แต่พอวันที่ 14 เป็นต้นไป ทั้งสองฝ่ายเริ่มทำผิดกฎเกณฑ์มากขึ้น กล่าวคือ ฝ่ายเการพใช้จำนวนคนมากกว่าเล่นงานนักสู้ฝ่ายปาณฑพเพียงคนเดียว ทั้งๆที่กฎระบุให้สู้ตัวต่อตัว จากนั้นก็สู้ข้ามคืน ทั้งๆที่กำหนดให้ต่อสู้ได้ในช่วงกลางวันเท่านั้น แม้กระทั่งสังหารนักรบที่ไม่อยู่ในสภาพต่อสู้หรือเผลอตัวเองก็ยังมี แน่นอนว่า 18 อักเษาหิณีรวมกันก็ไม่เหลือหลอ เการพพ่ายศึก ปาณฑพเสียพวกพ้องและพี่น้องไปไม่น้อย ถือเป็นสงครามสายเลือดที่ยิ่งใหญ่และเลวร้ายที่สุดไปด้วยน่ะ"
              "แล้วความสำคัญของบังเกอร์ที่อยู่ใต้ทุ่งร้างของ 105 พี่น้องนิ มันสำคัญอะไรหนักหนากันวะ" คลอเวฟบอก
              เฮลิคกล่าว "เท่าที่ฉันทราบมา กองทัพอินเดียคิดสร้างกองรบนาวาลอยฟ้าจำนวนเท่ากับพี่น้องปาณฑพและเการพรวมกัน เพื่อนำไปสู้รบกับพวกโอเวอร์เดสกันนะสิ หากแต่ พวกเขาใช้เวลาในการสร้างยานแต่ละลำช้าและต้องสร้างอย่างลับๆโดยไม่ให้โอเวอร์เดสล่วงรู้ กว่าจะเสร็จสิ้น โอเวอร์เดสก็ถูกขับไล่ออกจากโลกไปแล้ว ยานทั้งหมดเลยถูกทิ้งร้างไว้มาตลอด 30 ปีเต็มๆ และไม่มีการมาดูแลกันเลยนะสิ"
              "แล้วสภาพยานนั้นคงจะ...เป็นเหมือนที่เราเห็นในบังเกอร์ของรามิซหรือเปล่าละครับ" พีวิลถาม
              เฮลิคส่ายหน้า "ไม่หรอก บังเกอร์ของอินเดียนั้นขึ้นชื่อว่ามีความทนทานมากที่สุด และเป็นความภูมิใจในระบบสังคม ที่ระบบชนชั้นตั้งแต่กษัตริย์ไปจนถึงไพร่ รวมถึงจัณฑาลที่เป็นพวกต่ำสุดกู่นั้น รวมตัวกันสร้างขึ้นมาเพื่อขับไล่พวกโอเวอร์เดสไปกันนะสิ แต่ฉันหวังแค่อย่างเดียวก็คือ คงไม่มีใครไปใช้บังเกอร์ถ่ายทุกข์กันหรอกน่ะ"
              "แน่ละ อินเดียตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 มาจนถึงบัดนี้แย่พอๆกันกับจีนนี้แหละ" บัลโต้บอก
              พีวิลถาม "แต่ในเมื่อบังเกอร์มันถูกปิดตายไปนั้น เราสามารถเปิดมันออกมาได้มั้ยละ"
              "น่าจะเปิดได้นะครับ เพราะว่าบังเกอร์นี้ถูกปล่อยร้างไว้นาน ตามข้อมูลของดร.รีไลฟ์เวอรี่ที่ให้มาเมื่อ 10 ปีก่อน เห็นว่ารัฐบาลพยายามจะนำยานเหล่านี้อพยพหนีไปอยู่บนดวงจันทร์ แต่เกิดเหตุขัดแย้งจนเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างชนชั้น เลยทำให้บังเกอร์ปล่อยทิ้งร้างไว้ โดยที่ดร.แอบได้ตำแหน่งที่ตั้งทางเข้าบังเกอร์ใต้ดินนี้ไว้นะครับ" เบย์แทนด์บอก
              โคเคสกล่าว "เบย์แทนด์ นายพอจะส่งคนของพวกนายและของพวกเราเข้าไปเปิดบังเกอร์ได้มั้ยละ"
              "แต่มันจะดีหรือ โคเคส เผลอๆนั้นอาจจะเป็นกับดักของพวกรัฐบาลอินเดียที่ต้องการหลอกพวกเราให้นำยานขึ้นแต่ระบบอาวุธอะไรต่อมิอะไรนั้นใช้การไม่ได้เลยสักชิ้นเลยน่ะ" บัลโต้กล่าว
              โคเคสหันมาถาม "ด็อดเจอร์ นายพอจะเจียดหน่วยช่างของนายให้มาช่วยเรื่องนี้ได้มั้ยละ แม้ว่าจะสุ่มเสี่ยงกับการซ่อมบำรุงที่ไม่ทันการณ์เลยน่ะ"
              "อย่าห่วงไปเลย เพราะว่าทีมช่างของฉันมีจำนวนมากกว่าเดิม ซึ่งได้แรงหนุนจากพวกแมนิเกเตอร์ที่มากับพวกบีสทอยด์ไดโนเสาร์และมัจฉามา บวกกับพวกทีมช่างที่มาจากยุโรปและรัสเซียที่มาประจำการที่เอลการ์นเพื่อผลิตอาร์ซโทรนและยานรบละก็ เรื่องซ่อมแซมส่วนที่เสียหายนั้นก็เป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว เว้นเสียแต่....เรายังไม่ชัวร์ว่า ยานรบนับร้อยมันชำรุดมากน้อยแค่ไหนกันน่ะ" ด็อดเจอร์บอก
              วูลลิเซียกล่าว "งั้นฉันจะช่วยในเรื่องปลดล็อกแล้วกัน หากแต่ เรื่องนี้ต้องใช้เวลาไม่น้อย ซึ่งคงต้องขึ้นกับพวกเธอด้วยละ"
              "ทางเราจะยันพวกโซลาสตี้และลูนาสตี้ให้เองนะครับ" พีวิลบอก
              โคเคสกล่าว "งานนี้ คงต้องขึ้นกับพวกเราสักหน่อยแล้วละ ว่าเราจะรับมือกับพวกศัตรูได้มากน้อยแค่ไหน"

              ที่ดูมโทเปีย สะพานเดินเรือควบคุมสั่งการ
              "เออ ท่านเฮคไซน์ครับ มีสัญญาณติดต่อเข้ามาในยานของเรา เป็นสัญญาณข้อความของพวกกบฎโคเคสนะครับ" เกรมฮอร์ทติดต่อเข้ามา
              เฮคไซน์กล่าว "มันคงไม่ใช่ข้อความยอมจำนนหรือยอมแพ้กันละสิ เปิดระบบระบุตำแหน่งของพวกมันเดียวนี้เลย"
              "ตำแหน่งมันยังเป็นที่ปากีสถานตามเดิมนะครับ" เกรมฮอร์ทกล่าว
              เทคไครด์บอก "แสดงว่าพวกนั้นคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าพวกเราจะเคลื่อนไหวไปยังอินเดียกันน่ะ ถ้ายังไงก็เปิดสัญญาณข้อความกันก่อนเหอะ"
              "เปิดระบบโปรเทคไวรัสและระบบแทรกเข้ามาในข้อมูลด้วย" เฮคไซน์กล่าว เบทชอนของตนก็จัดการไว้ จากนั้นเทคไครด์ก็กดสวิตซ์เพื่อเปิดสัญญาณข้อความ เผยภาพของโคเคสไว้
              "เจอกันจนได้น่ะ เฮคไซน์ ราชาแห่งสุริยันหายนะ ไม่คิดเลยนะครับ ว่าผมจะต้องมาคุยกับคุณด้วยวิธีนี้กันน่ะ"
              "โคเคส แอคเมนโด้ หัวหน้ากลุ่มกบฎต่อต้านแมนิเกเตอร์และท่านโอเวอร์เดส ศัตรูร้ายกาจของพวกเรา ฉลาดและหลักแหลม พร้อมทั้งแกมโกงกันด้วย ที่กล้ามาโต้ตอบการคุกคามโลกของเทคไครด์และลูนาสตี้ด้วยระบบซีคเกอร์กันเช่นนี้ ช่างไร้ศักดิ์ศรีกันจริงๆเลยน่ะ" เฮคไซน์กล่าว
              โคเคสบอก "แล้วทีคุณละ บุกโจมตีนครลอยฟ้าที่หลบเลี่ยงสายตาปองร้ายของโอเวอร์เดสโดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามโต้ตอบได้นั้นนะหรือ สมศักดิ์ศรี ผมว่าคุณก็เหมือนกับเทคไครด์ตรงที่คุณทำทุกอย่างเพื่อการแก้แค้นคนทั้งโลกที่ทำกับพวกคุณไว้ในอดีตกันนี้แหละ ซึ่งคุณได้ทำให้โลกทั้งใบเสียหายกันมามากพอแล้วน่ะ"
              "ที่เจ้าส่งสัญญาณข้อความมานั้น คงไม่คิดจะยอมจำนนง่ายๆเลยละสิ" เทคไครด์กล่าว
              โคเคสตอบ "ที่ผมติดต่อกับพวกคุณทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะมาบอกว่า พวกเราพร้อมสำหรับการบุกนิวดูไบของพวกคุณกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญ พวกเรามิได้ใช้ระบบซีคเกอร์เพื่อแอบดูแผนการจากในหัวของคุณด้วย แต่เป็นความผิดของเฮคไซน์ที่ทำให้เรารู้กันแล้วต่างหาก"
              "หึ การโจมตีแบบเกิร์นนำของข้านั้นได้ทำให้พวกแกรู้จากหัวหน้าทหารมนุษย์ที่พวกข้าโจมตีแล้วสิน่ะ แบบนั้นก็ดีแล้ว เพราะเราหวังจะให้พวกเจ้าอยู่ให้พวกเรากวาดล้างเองแหละ" เฮคไซน์กล่าว โคเคสทำหน้านิ่งเอาไว้ และฟังเฮคไซน์เล่าต่อ "บ่ายโมงของวันพรุ่งนี้หรือเร็วกว่านั้น พวกเราจะบุกโจมตีพวกเจ้าที่นิวดูไบกันไว้ สงครามระหว่างพวกเราและพวกแกจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป และจะไม่หยุดจนกว่าพวกเจ้าจะถูกกวาดล้างด้วย ซึ่งพวกเจ้าน่าจะรู้น่ะ ว่ามนุษย์ที่อยู่ในเมืองนั้น ทิ้งคนที่หนีไปไหนไม่ได้อยู่ด้วยน่ะ"
              โคเคสบอก "แสดงว่าการรบนี้ กะจะให้ชนะในครั้งเดียว แล้วหลังจากนั้น ดร.รีไลฟ์เวอรี่และพวกที่อยู่ในเอเวอเรสจะเป็นรายต่อไปงั้นสิ"
              "ใครก็ตามที่ให้ความร่วมมือกับพวกแก ก็ต้องถูกกำจัดไปด้วยกันนี้แหละ ซึ่งด้วยกำลังของพวกแกคงไม่น่าที่จะรับมือการบุกอย่างต่อเนื่องของพวกเรา ต่อให้มีพวกสมิงสามประสานเลยก็ตามน่ะ" เฮคไซน์บอก
              โคเคสกล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด "แน่ละ เพราะว่าพวกคุณมีถึงสิบกองแล้วนิ แต่...ความมั่นใจในขุมกำลังและอำนาจของคุณกับพวกนั้น อาจจะทำลายพวกคุณด้วยตัวเองเลยน่ะ" แล้วก็กล่าว "...อีกอย่าง พวกเราไม่ได้ทำเพื่อปกป้องพวกมนุษย์อย่างเดียว เราทำเพื่อดร.รีไลฟ์เวอรี่กันด้วย เพราะพวกคุณทำให้เขาทุกข์ใจมากเกินพอแล้ว กับการสังเวยพวกมนุษย์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการกวาดล้างพวกคุณเมื่อ 20 ปีก่อนกันน่ะ"
              "พวกเราตัดขาดความเป็นพ่อลูกและความเป็นมนุษย์ไปนานแล้วละ โคเคส ดังนั้น ถ้าคิดจะพูดให้เราอ่อนข้อลงละก็ อย่าดีกว่าน่ะ" เทคไครด์บอก
              โคเคสกล่าว "งั้นไว้เจอกันในวันพรุ่งนี้แล้วกัน" แล้วสัญญาณข้อความภาพก็ดับลง
              "นั้นคงจะเป็นแค่ข้อมูลที่ถูกส่งมาอย่างแน่นอน เพราะโคเคสคงไม่โง่พอที่จะสื่อสารเข้ามาทางพวกเราได้แน่ๆน่ะ" เทคไครด์กล่าว
              เฮคไซน์บอก "....แต่นั้นก็ดีแล้วละ เพราะพรุ่งนี้ เราจะเคลื่อนทัพไปตั้งแต่เช้าเลย ไปให้เร็วกว่าพวกมัน เพื่อไม่ให้พวกมันได้เตรียมพร้อมเอาไว้กันน่ะ"
              "แม้ว่านั้นจะเป็นศึกหนักที่เรามีโอกาสชนะมาก แต่ยังไงก็ไม่ควรประมาทกันน่ะ เพราะฉันจะช่วยอีกแรง" เทคไครด์บอก
              เฮคไซน์พยักหน้า "ใช่ พวกกบฎไม่มีทางรับมือกับการรุกของพวกเราทั้งสิบกองกันหรอกน่ะ"

              ที่สถาบันลับของดร.รีไลฟ์เวอรี่ ตอนเช้ามืดเมื่อสองวันก่อน
              "อือออ ที่นี้ที่ไหนกันละเนี้ย แล้วฉัน มาอยู่นี้ได้ไงกันน่ะ" ฟรีตซีร่าหรือไพโอล็อตกล่าวโดยที่เธอรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว โดยที่อีธานและเอโอลีนยืนอยู่ เช่นเดียวกับดร.รีไลฟ์เวอรี่ด้วย
              "รู้สึกตัวแล้วสิน่ะ แม้ว่าจะหลับไปนานเลยก็ตาม" ดร.รีไลฟ์เวอรี่กล่าวและหันมาถาม "ว่าแต่ก่อนที่หลับมานี้ ครั้งสุดท้ายเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ"
              "ว่าแต่ พวกคุณเป็นใคร แล้ว..." ฟรีตซีร่าบอก โดยที่เธอขยับแขนมาก็ต้องตกใจไม่น้อยเพราะแขนของเธอไม่ได้เป็นแขนเนื้อแต่เป็นแขนหุ่น แถมส่วนขาท่อนล่างเองก็เป็นด้วย แม้จะมีเกราะต้นขาตั้งแต่น่องลงมาก็ตาม "...นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ละคะเนี้ย ตกลง พวกคุณช่วยฉันจากเครื่องร่วงกันเลยหรือ"
              อีธานบอก "เออ ผมคิดว่า เธอคงจำความอะไรในช่วงที่เธอสร้างความเดือดร้อนไม่ได้เลยนะครับ"
              "หนูฟรีตซีร่า ทำใจเย็นๆ และตั้งสติเอาไว้ พร้อมกับฟังฉันเล่าให้ฟังน่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหนูบ้างน่ะ" ดร.รีไลฟ์เวอรี่กล่าว ฟรีซีร่าพยักหน้าและรับฟังสิ่งที่ดร.รีไลฟ์เวอรี่เล่าให้ฟัง นับแต่ฟรีซีร่าเครื่องถูกสอยร่วง และถูกเทคไครด์จับไปผ่าตัดคืนชีพให้เป็นไพโอล็อต จนกระทั่งถูกแดนเจอรอทเล่นงานต่อ
              "นี้แปลว่า ตอนนี้ฉันเป็นแมนิเกเตอร์ไปแล้ว และเกือบตายเพราะว่าคราวน์ดีท ไม่สิ สกายล็อตช่วยเอาไว้หลังจากที่ถูกแดนเจอรอทเล่นงานเข้า แล้วตอนนี้....คราวน์ดีทล่ะ"
              "แขนขาของหนูที่เราใส่ไว้นั้น สกายล็อตได้สละแขนขาให้หนูแล้วนะสิ และอยู่ใกล้ๆกับหนูมาโดยตลอดกันน่ะ" ดร.รีไลฟ์เวอรี่บอก เอโอลีนเลยเข็นเอาร่างที่เหลือของสกายล็อตไว้
              "บ้าน่า ทำไม ทำไมนายต้องเสียสละไปมากถึงเพียงนี้กันน่ะ ทั้งๆที่นายน่าจะ..." ฟรีตซีร่ากล่าวด้วยความเศร้าโศกที่คู่หูของเธอในสภาพแมนิเกเตอร์ได้ดับชีพลงไปนานแล้ว จนถึงกับร้องไห้ให้เห็น
              "สกายล็อตคงจะเป็นห่วงไม่น้อย ตลอดเวลาที่คุณหลับอยู่นั้น เขาเฝ้าดูคุณจนวินาทีสุดท้ายและพลังงานเสี้ยวสุดท้ายที่ดับวูบลงนะคะ" เอโอลีนบอก ฟรีตซีร่ายังร้องไห้อยู่
              อีธานเลยส่งแผ่นดิสก์มา "สกายล็อตทิ้งนี้ให้คุณไว้นะครับ หวังว่าคุณควรจะอ่านมันบ้างนะครับ"
              "ถ้าขาดเหลืออะไรกดปุ่มเรียกพวกเราได้น่ะ อ้อ เครื่องเล่นแผ่นอยู่ใกล้ๆกันน่ะ" ดร.รีไลฟ์เวอรี่กล่าว แล้วทั้งสามก็เดินออกไป ฟรีซีร่าเลยหยิบแผ่นดิสก์ที่อีธานมอบให้มาใส่ในเครื่องและเปิดเป็นภาพโฮโลแกรมไว้
              "ฟรีตซี่เองหรือ ถ้าคุณได้เห็นหน้าผมแล้ว แปลว่าตอนนี้ ผมคงไม่ได้ช่วยงานคุณแล้วละ เพราะว่าสภาพของผมไม่ว่าจะแผงวงจรไปจนถึงร่างกายนั้น มาสุดทางกันแล้ว และคุณก็คงจะได้ยินในสิ่งที่ดร.รีไลฟ์เวอรี่เล่าให้ฟังกันแล้ว ผมจึงไม่ต้องเล่าต่อหรอกน่ะ แม้ว่าคุณจะไม่ชอบเลยก็ตาม" โฮโลแกรมสกายล็อตกล่าวต่อ "ว่ากันตามจริงแล้ว ผมรู้สึกเป็นห่วงคุณไม่น้อย แม้ว่าคุณในตอนนั้นจะไม่รู้สึกตัวและไม่สามารถรับรู้ได้ว่าผมเป็นห่วงมากแค่ไหน แม้ว่าผมจะได้ร่างมา แต่ก็คงไม่ได้ยินเสียงคุณพูดชมไปว่าร่างของผมเท่ห์หรือดีแค่ไหนเลย ผมก็ยังอดทนอยู่เสมอ จนกว่าจะถึงวันที่คุณได้สติและความเป็นตัวของคุณกลับมา แม้จะต้องเสี่ยงที่ต้องแลกด้วยชีวิตใหม่ไปก็ตามที แต่...ผมจึงอยากจะให้คุณรับรู้ไว้ว่า สิ่งที่ผมมอบให้และทำให้นั้น ผมทำด้วยเจตจำนงของผมเองและไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปด้วย เพราะว่า ผมเป็นคู่หูคนสำคัญของคุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมก็ยังบินกับคุณเหมือนเช่นในอดีต แม้ว่าคุณจะต้องบินไปเพียงคนเดียว ไม่สิ คุณในตอนนี้มีเพื่อนร่วมชาตะเดียวกันตั้งหลายคนอยู่ ผมหวังแค่ว่า คุณจะยอมรับในตัวของพวกเขาและร่วมมือกับพวกเขาไว้ แม้ผมจะเป็นห่วงอุปนิสัยแท้ๆของคุณ ที่เป็นคนชอบบินเดี่ยวมากแค่ไหนก็ตาม การต่อสู้ของคุณไม่มีทางทำสำเร็จได้เพียงลำพัง หากปราศจากคนอื่นช่วยกันน่ะ ฟรีซีร่า ไม่สิ ไซโคลเนีย"
              "จนปานนี้ นายยังเป็นห่วงฉันมาโดยตลอดเลยหรือ" ฟรีซีร่าบอก
              โฮโลแกรมสกายล็อตกล่าว "ตอนนี้คุณอาจจะร้องไห้จนตาแห้งไปแล้ว แต่...อย่าเสียใจไปเถอะน่ะ แล้วกลับมายิ้มแย้มเหมือนเมื่อก่อนจะดีกว่า อ้อ ผมได้มอบข้อมูลเซตอาวุธและเจ็ทแพ็คให้อีธานและเอโอลีนพัฒนาสร้างไว้เพื่อให้คุณใช้งานในอนาคตข้างหน้า แล้วก็ข้อมูลซ่อมบำรุงและรักษาร่างกายของคุณนั้น ผมมอบให้สเตฟอร์ดและโฟรซ่าไว้แล้ว เผื่อให้พวกเขาช่วยดูแลคุณ เนื่องจากทั้งสองก็เป็นเหมือนกับผมและคุณด้วย ผมหวังว่าคุณจะให้ความเคารพทั้งสองและพรรคพวก เป็นเหมือนพี่น้องครอบครัวเดียวกันด้วยน่ะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งน่ะ เรืออากาศโท ขอบคุณมากครับ" แล้วข้อความก็จบลงเพียงเท่านี้
              "ขอบคุณมากน่ะ คู่หู" ฟรีตซีร่าหรือไซโครเนียปาดน้ำตาเอาไว้ โดยที่มองหน้าสกายล็อตที่ตอนนี้ยิ้มให้แม้จะดับวูบไปแล้วก็ตาม แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป เพื่อมาที่ห้องทดลองของอีธานและเอโอลีน ซึ่งก็...
              "พ่อคะ แม่คะ พี่สาวชุดน้ำเงินมาแล้วคะ" แมบิลีนกล่าว

              เวลาผ่านไป กลางมหาสมุทรอินเดียห่างจากนิวดูไบไป 45 ไมล์ทะเล บ่ายโมงตรง ยานดูมโทเปียมากับสเตลลอซเซอร์ 8 ลำ พร้อมยานมอเดอร์ดิฟ 90 ลำมุ่งหน้ามา
              "อีกไม่ช้ากองรบของพวกเราจะเข้าถึงนิวดูไบแล้วละครับ" เบทชอนตะวันกล่าว
              เฮคไซน์บอก "ดี แล้วพวกกบฎเองก็ยังไม่โผล่มาเลยละสิ"
              "เรดาห์ไม่ปรากฎสัญญาณการเทเลพอร์ตจากปากีสถานเข้ามาในนี้เลยคะ" เกรมฮอร์ทหญิงกล่าว
              เทคไครด์บอก "แสดงว่าพวกกบฎคงต้องหลบซ่อนอยู่ในเมืองมาก่อนแน่นอน ซึ่งพวกมันคงไม่โง่พอที่จะเป็นฝ่ายยิงได้ก่อนแน่ๆ"
              "แต่เพื่อให้แน่ใจกว่านั้น ประเดิมด้วยสองกองแรกก่อนเลยดีกว่า" เฮคไซน์สั่งการแล้วก็... "ปี้บบบบ" กดปุ่มเพื่อส่งพวกเมอคิวรอยด์ที่มีแบบเซนเครูทและเบทชอนจำนวนรวมแล้ว 500 มาพร้อมกับโซลาสตี้จำนวน 600 คนบนถนนในเมืองไว้ "ปี้บบบบ" "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" พวกวีนาซอยด์จำนวน 550 หน่วยพร้อมโซลาสตี้ 450 หน่วยโผล่มาในเขตชุมชนรอบนอกเมือง ซึ่งก็...
              "พวกเรารู้สึกได้ถึงสัญชาตญาณดิบอยู่รอบๆนี้กันนะครับ" เบทชอนชายไทป์วีนาซอยด์กล่าว โดยที่เนตรมองเห็นเงาบางอย่างอยู่ในตัวบ้านที่ร้างไว้
              "เหอะ พวกบีสทอยด์นั้นคิดว่าการดักซุ่มโจมตีนั้นจะเล่นงานพวกเราได้นะหรือ สมองสัตว์ก็อย่างงี้แหละ" เซนเครูทโซลาสตี้บอก
              เฮคไซน์กล่าว "แต่ก็อย่าประมาทละ เพราะพวกนี้ได้เอชมาสวาร์ทาร์เป็นตัวช่วย ซึ่งพวกนั้นอาจจะโต้ตอบพวกเราชนิดที่คาดไม่ถึงเลยน่ะ"
              "รับทราบแล้วละคะ" เบทชอนวีนาซอยด์กล่าว ไม่ทันไรก็... "ฟรี้วววววว ตรูมมม" เซนเครูทหญิงแบบวีนาซอยด์ยิงปืนแม่เหล็กเข้าใส่บ้านคนจนระเบิดเป็นจุลไป เบทชอนตัวหัวหน้าถามกลับ "เธอยิงใส่พวกมันทำไมล่ะ"
              เซนเครูทหญิงตอบ "ตะกี้นี้ฉันได้ยินเสียงเหมือนมีใครวิ่งผ่านมา เลยคิดว่าเป็นพวกศัตรูกันนะคะ"
              "แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะหลอกล่อให้เรายิงหวืดกันเลยน่ะ" เซนเครูทชายตำหนิกับเพื่อนที่ประมาท เนื่องจากว่าในกองซากบ้านที่ไหม้ไฟไปนั้นไม่มีใครเลย
              "ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกน่ะ เพราะพวกเรามานี้เพื่อมาบดขยี้พวกกบฎกันอยู่แล้วน่ะ" เบทชอนหญิงตัวหัวหน้ากล่าวอย่างไม่พอใจไว้ จนกระทั่ง....
               "พวกมันอยู่ข้างหน้าแล้วละครับ" เซนเครูทโซลาสตี้กล่าว
              "ยิงมันเลย" เบทชอนหญิงวีนาซอยด์กล่าว แล้วทั้งหมดก็... "ฟริ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกวีนาซอยด์ยิงปืนพลังแม่เหล็กออกไปเล่นงานบีสทอยด์งูเห่าที่อยู่ข้างหน้าถึงสิบตัวจน... "เป๊าะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกมันถูกยิงทะลุจนตัวแตกไปกันหมด จากนั้นก็.... "วี้วๆๆๆๆ" "ตรูมมม ตูมๆๆๆๆ" มีระเบิดพุ่งลงมาเป่าระเบิดใส่พวกวีนาซอยด์และโซลาสตี้จนชะงักงันไป
              "อย่าตกใจไป ถึงพวกมันจะใช้ม่านควันอำพรางการมองเห็น แต่มันใช้กับพวกเราไม่ได้ผลกันหรอก" เซนเครูทวีนาซอยด์กล่าว
              "หวับๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆ" "อั้ก อ้ากกก อ้า..." ไม่ทันไรพวกโซลาสตี้ 5 ตนก็โดนเล่นงานอย่างจังๆ โดยใบมีดบูมเมอแรงเข้าปักตามตัวไว้ แล้วก็... "ฟิ้วๆๆๆๆๆ" หลาวไม้พุ่งเข้าใส่พวกวีนาซอยด์และโซลาสตี้แบบรอบทิศ หากแต่พวกวีนาซอยด์ยิงถล่มไปกันหมด "ฟึ่บบบ เหวออออ" ไม่ทันไรวีนาซอยด์แบบเบทชอนชายถูกดึงตัวเข้าไปทีละคนสองคน แล้วก็... "หึๆๆๆ" บีสเมนต์กิ่งก่าโผล่มาตรงหน้าเซนเครูทวีนาซอยด์ชายและ "หวับบบ ฉั้วะ" ฟันใส่เข้าที่คอจนวีนาซอยด์ล้มลงไป ต่อด้วยพวกวีนาซอยด์อีก 12 คนและโซลาสตี้อีก 15 คนเว้นแต่เกรมฮอร์ทโดนเล่นงานไปกันหมด แม้พวกที่เหลือจะบุกโต้ตอบ แต่พวกบีสทอยด์ก็รีบหนีไปได้โดยเร็ว เบทชอนตัวหัวหน้าวีนาซอยด์ที่ได้ยินต่างก็ตื่นตระหนก แล้วก็... "แชดดดดด" ยิงปืนแสงเข้าใส่กลุ่มควันที่ปกคลุม แต่..."ฟิ้ว ปั้ก" ก็โดนธนูแสงยิงสวนกลับมาจนล้มลง จากนั้นกลุ่มควันก็จางลง พร้อมกับ.... "นี้พวกแก ล้อมพวกเราเอาไว้อย่างงั้นนะหรือ" เซนเครูทรองหัวหน้าของวีนาซอยด์กล่าวเมื่อเห็นสเปียริทมากับบีสทอยด์แบบเลื้อยคลานจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีทหารกบฎผสมโรงไปด้วย
              "อ่า ก็ใครใช้ให้พวกแกหูตาไวกันเลยเล่า มันก็สมควรให้โดนฆ่ากันแล้วนิน่า" เรปไซท์กล่าวอย่างเกรียนๆไป
              "อย่ามาโทษพวกเรากันน่ะ ทั้งหมดนี้พวกแกมันประมาทเองนิ ที่ประสาทไวจนจับทางไม่ถูกกันน่ะ" บราไทน่ากล่าว
              เฮเรเค้นบอก "แน่ละ เพราะขนาดตัวปลอมที่ใช้หนังคราบที่ลอกออกมา แล้วนำไปรีไซเคิ่ลทำเป็นหุ่นล่อ พวกแกก็ยังยิงใส่โดยไม่ดูให้ดีเสียเลย แถมยังยิงใส่บ้านที่เราแอบส่งเสียงหลอกพวกแกกันด้วยน่ะ"
              "นี้พวกแก...หลอกพวกเราให้ไขว้เขว่แบบนั้นเองหรือ" เกรมฮอร์ทโซลาสตี้ที่มาด้วยกล่าว
              สเปียริทบอก "นั้นเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการรับมือของพวกเรากันนี้แหละ แน่นอนว่า กองรบจากดาวพุธเองก็คงจะโดนไปด้วยน่ะ"

              "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกเมอคิวรอยด์นั้นต่างก็ตกใจกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็.... "วี้ววว ตูมๆๆๆๆ" โดนปาระเบิดรอบทิศไป แต่พวกเมอคิวรอยด์และโซลาสตี้ส่วนมากก็หลบออกมาได้ เนื่องจาก... "ระเบิดควันนะหรือ เหอะ หมดมุขแล้วหรือไงกันน่ะ ถึงได้เล่นอะไรไม่เข้าท่ากันแบบ...." เซนเครูทเมอคิวรอยด์กล่าว แต่ก็... "ฟ้าวววว ตรูมมมม" โดนกระสุนพลังเข้าที่หัวจนระเบิดมอดไหม้ไป หลังจากนั้นม่านควันก็จางลง พร้อมกับพีวิล เหล่าบีสทอยด์เสือและหมาป่า รวมถึงสัตว์บกแบบต่างๆโผล่ออกมาจากตัวเมือง
              "ดูเหมือนว่าความว่องไวของพวกแกคงจะถูกจำกัดด้วยสายตาเลยสิน่ะ" พีวิลบอก
              "แม้ว่านั้นจะใช้แผนแบบเดียวกันกับการรับมือพวกดาวศุกร์เลยก็ตาม แต่ นั้นเป็นการเสี่ยงดวงที่แจ่มเลยน่ะ" ดิเรนท์กล่าว
              วูลเฟลล่าบอก "จริงด้วยน่า แม้ว่าพวกเราจะมาถึงก่อนและต้องซุ้มเงียบแบบไม่ให้พวกแกรู้ๆๆตัวเสียก่อนน่ะ"
              "แต่ก็ดีแล้ว เพราะมันหมดเวลาหลบๆซ่อนๆของพวกเราแล้ววะ" ไลเอิร์ทกล่าวพร้อมกับชักกงเล็บออกมา
              เกรมฮอร์ทโซลาสตี้ที่เป็นตัวหัวหน้ากองบอก "เหอะ พวกหมาแมวกระจอกๆอย่างพวกแกสมควรจะโดนกระทืบจมดินนี้แหละ พวกเรา จัดการกับพวกมัน..." แต่ไม่ทันไรก็... "แชดดด" เซนเครูทโซลาสตี้ถูกยิงเข้าที่หัวไปเต็มๆ ตามด้วย "ฟิ้ววววว ตรูมมมม บรึมมมม ฟิ้วๆๆ ตรูมมม ตูมๆๆๆ" พวกโซลาสตี้โดนถล่มไปกันหมดจากพวกกบฎที่ซุ่มอยู่ในตึกสูงรอบๆ ด้วยเครื่องยิงจรวดและปืนเลเซอร์ไว้ เว้นแต่พวกเมอคิวรอยด์ที่กระโจนหลบออกมาได้ทัน พีวิลกับพวกบีสทอยด์สมิงเลยบุกเข้าโจมตีใส่พวกเมอคิวรอยด์ในทันที "แคร้งงงงง ฉั้วะ ฉับ" บีสทอยด์มนุษย์เสือลายข่วนด้วยกงเล็บใส่เมอคิวรอยด์จนล้ม แต่พวกมันส่วนหนึ่งก็ใช้กงเล็บมีดสั้นแทงใส่พวกมนุษย์เสือโคร่งจนล้ม แล้วก็ถูกพวกบีสทอยด์หมาป่าขาวกระโดดเข้าขย้ำที่คอพวกเมอคิวรอยด์ไปอย่างจังๆ "ย้า..." วูลเฟลล่าบุกพร้อมกับดิเรนท์เข้า "ฉั้วะ ฉับบบ ฉั้วะๆๆ" ใช้กงเล็บทรงดาบและกงเล็บยาวข่วนใส่พวกเมอคิวรอยด์จนแดดิ้นลง แต่เบทชอนเมอคิวรอยด์สี่ตนบุกเข้ามาตรงหน้าและใช้กงเล็บความถี่สูง "ฟ้าววววว ฉั้วะ" ไลเอิร์ทเลยกระโดดเข้าใช้กงเล็บเสือข่วนทำลายเบทชอนของเมอคิวรอยด์ขาดสะบั้นไปสี่ท่อนด้วยกัน แล้วก็... "ปั้กๆๆๆๆๆๆๆ" รั่วถีบใส่เกรมฮอร์ทของโซลาสตี้ที่บุกเข้าใส่ด้วยขาชีตาร์อย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้ดิเรนท์ใช้ขาคูเกอร์เบลดฟาดฟันใส่เซนเครูทที่กระโดดเข้ามาด้วยกงเล็บดาบสามซี่ จนหัวขาดกลางอากาศไป พีวิลรีบเข้าช่วยพวกหมาป่าและเผ่าเสือด้วย "มัคซ์แฟนท่อม" พุ่งเข้าโจมตีพวกโซลาสตี้และเมอคิวรอยด์ด้วยการชกเข้าหน้ากากแบบความเร็วสูง จนน็อกพวกมันให้ล้มไป
              "ว้ากกกกก" เฮเรเค้นรั่วทิ้มด้วยฝ่ามืออนาคอนด้าอัดใส่เกรมฮอร์ทโซลาสตี้อย่างต่อเนื่องก่อนจะถีบเข้าหน้ากากของมันไปเต็มๆ แต่วีนาซอยด์เซนเครูทบุกมาจากข้างหลังด้วยดาบพลังแม่เหล็ก "อ้ากกกก" เซนเครูทวีนาซอยด์ถูกเล่นงานจนท่อนบนขาดสะบั้น โดยฝีมือของเรปไซท์ที่ใช้คมเขี้ยวโคมาโดที่ท่อนขากระโดดเตะไป "ระวังหลังหน่อยสิฟะ" เรปไซท์บอก แต่ก็เกือบโดนเซนเครูทโซลาสตี้บุกเข้าขึ้นคร่อมก่อนจะยิงใส่ "หวับบบ หมับบบบ ฟ้าวววววว เปรี้ยงงง" เฮเรเค้นเลยจิกดึงตัวเซนเครูทเข้ามาถีบด้วยท่อนขาไปเต็มๆ
              "ถือว่าเจ๊ากันแล้วน่า" แล้วทั้งคู่รีบหลบกระสุนพลังแม่เหล็กที่วีนาซอยด์ยิงใส่จากปืนสั้นไว้

              "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทเปิดนำด้วยเพคชู้ตเตอร์วินแกรต้าเข้าใส่พวกวีนาซอยด์ไม่ให้มาเล่นงานพวกบีสทอยด์จิ้งจกไว้ พร้อมกับ... "หวับบบ ป้ากกกก" หมุนกลับหลังหวดหอกอัดใส่เซนเครูทวีนาซอยด์เข้าที่หัวจนตัวปลิวตีลังกาไปสองตลบลงพื้น ก่อนจะ... "ฉึกกก" แทงหอกซ้ำที่หน้าอกไปเต็มๆ จากนั้นก็... "ย้า ย้า ย้า ย้า" กระโจนเข้าต่อกรกับพวกวีนาซอยด์ที่ประสาทไหวอย่างทันควัน แม้พวกนี้จะใช้กระบี่ความถี่สูงฟาดฟันใส่อย่างเร็วแล้วก็ตาม "ย้าๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทกระหน่ำแทงด้วยมิลเลี่ยนสไปค์อัดใส่วีนาซอยด์จนมีแผลแทงหลายแผลกันหมด 5 ตน แล้วก็... "ฟึ่บ ฟึ่บ ควับๆๆๆ กึกกก หมับๆ ครี้งงงงง" เตะดาบความถี่สูงสองเล่มให้ลอยกลางอากาศพร้อมกับนำหอกของเธอไปพาดหลัง แล้วก็รับดาบทั้งสองมาต่อประกอบด้ามไว้จนกลายเป็นดาบสองคมอีกเช่นเคย "บะ บ้าน่า ดาบพวกนี้มีระบบโปรเทคกันแล้วนิ ทำไมถึงยังใช้ได้กัน" เบทชอนวีนาซอยด์หญิงกล่าว แต่ไม่ทันไรก็... "ฟ้าววว ฉั้วะ" โดนสเปียริทฟันทั้งมือสองข้างและหัวจนขาดสะบั้นลง จากนั้นก็... "ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะๆๆๆๆ" เข้าฟาดฟันใส่พวกโซลาสตี้กันอย่างหนักหน่วง จนทำให้พวกงูเห่าและเลื้อยคลานมีกำลังใจมากขึ้น บราไทน่าถึงกับสะบัดหัวให้ส่วนงูเห่าพุ่งออกมาหลายหัวเข้าขบกัดแขนของเซนเครูทจนแขนชาแล้วก็... "ป้ากกกก หวับๆๆ กร็อบบบ" ใช้ขาสองข้างหนีบตรงหัวและบิดไปสามรอบจนคอหักหัวหมุนไปด้านหลังอย่างจังๆ
              "รีบยิงใส่พวกมันเดียว...." เกรมฮอร์ทโซลาสตี้สั่ง แต่ก็... "แชดดด ตรูมมม" โดนกระสุนพลาสม่ายิงจากระยะไกลจนท่อนบนกระจุยเหลือแต่ท่อนล่างกับขาเท่านั้น โดยฝีมือของพวกทหารกบฎที่มาหนุนเสริมไว้ "ซูมมมมมมมมมมมมมม" ทหารอาวุธหนักใช้ปืนพ่นไฟเข้าเผาพวกวีนาซอยด์ไป เช่นเดียวกับทหารราบที่ใช้ปืนกลและปืนเลเซอร์ไรเฟิ่ลยิงใส่ แม้จะโดนวีนาซอยด์ยิงสวนจนร่วงไปทีละคนสองคนก็ตาม
              "สองกองรบเจอการปะทะแล้วละคะ" เบทชอนโซลาสตี้กล่าว
              เฮคไซน์บอก "พวกกบฎกบดานอยู่ในเมืองจริงๆด้วยสิน่ะ หึ ส่งพวกมาร์ซอยด์ไปถล่มเขตอุตสาหกรรมเดียวนี้เลย แล้วก็ส่งโครซเรฟออกไปด้วย"
              "รับทราบคะ" เบทชอนโซลาสตี้บอก แล้วก็.... "ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว" วูลเฟลล่าบอก "อ่า...พวกดาวอังคารมาแย้ววววว" และเกือบโดนเบทชอนเมอคิวรอยด์เตะเข้าเสียก่อน จนถูกวูลเฟลล่าที่หลบมาได้เข้าขย้ำที่คอไปสามสี่ทีจนเบทชอนหัวหลุดเพราะคอแหว่งไปหมดแล้ว
              "โคเคส พวกมาร์ซอยด์มาแล้วละ" พีวิลกล่าวเมื่อเห็นโครซเรฟจำนวน 40 เครื่องมาพร้อมกับพวกมาร์ซอยด์ที่เทเลพอร์ตลงมาด้วยจำนวน 600 ตนด้วยกัน

              "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "อั้กๆๆๆๆๆ อึกๆๆๆๆๆ อ้ากๆๆๆๆ" เกรมฮอร์ทมาร์ซอยด์จำนวน 30 ตนถูกกระหน่ำยิงจากระยะไกลจนแดดิ้นลงโดยฝีมือของบัลโต้กับแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์ไว้ โดยเขามาพร้อมกับกองกำลังชุดหุ่นยนต์ด้วย "ฆ่าพวกมันเดียวนี้เลย" เซนเครูทมาร์ซอยด์กล่าว เบทชอนมาร์ซอยด์จึงคุกเข่าเผยให้เห็นบาซูก้าอยู่ข้างใน และ...."ตรุ้งๆๆๆๆๆ" ยิงกระสุนบาซูก้าออกไปกันทั้งหมด "ปี้บ ฟึ่บๆๆๆๆๆ" บัลโต้จึงกดปุ่มเพื่อให้บาร์ดิเคทตั้งแนวกำแพงยกสูงขึ้นมา "ตูมๆๆๆๆๆๆ" รับแรงระเบิดจากบาซูก้าที่ยิงเข้าใส่ไปจนพังพินาศไปกันหมด
              "โอ้ว พวกมันติดอาวุธหนักแบบนี้คงรับมือได้ยากเลยละสิ" บัลโต้กล่าว โดยตอนนี้พวกเซนเครูทตั้งแถวและ "ซูมมมมมมมมม" เดินใช้ปืนเพลิงที่ฝ่ามือทั้งสองข้างเพื่อบีบให้พวกบัลโต้ต้องถอยร่นไป "แต่...คิดหรือว่าเราจะกลัวพวกแกกันน่ะ" บัลโต้ชูมือให้สัญญาณต่อทหารซึ่งก็... "บรืนนนน บรืนนนนน" นำรถดับเพลิงเข้ามาขวางและ "ซ่า......." ฉีดน้ำเข้าสาดใส่พวกเซนเครูทที่เดินแถวพ่นไฟใส่ ซึ่งไม่เพียงดับไฟลงไปได้ แต่แรงดันน้ำนั้นเป่าพวกเซนเครูทให้กระเจิงไปด้วย และยังสาดไปถึงพวกที่อยู่ถัดไปอีกด้วย ด้านโครซเรฟนั้นก็เจอกับ.... "ตรุ้งๆๆๆๆๆๆ" ไกซ์ระดมโจมตีด้วยโชลเดอร์มาโครลันเชอร์เข้าใส่โครซเรฟทั้งสามตัวจนร่วงไป แม้ว่าจะมีบางตัวที่โดนยิงจนแขนพังไป แต่มันก็ยังบุกได้ต่อ "ฟ้าวววว ฟ้าวววว ฟ้าววววว" หน่วยอาร์ซโทรนเอลเวนท์ไดน์ยิงหมัดจรวดบูสเตอร์ฟิสท์ที่เสริมพลังจนทะลวงเกราะพลังงานของโครซเรฟทะลุและทำความเสียหายไปอย่างจังๆ พร้อมกับการ์เซนท์แบบตีนตะขาบที่ติดปืนใหญ่และป้อมมิไซล์เข้า "ฟิ้วๆๆๆๆๆ แชดดด แชดดด" "ตูมๆๆๆๆๆ" ยิงถล่มใส่โครซเรฟไปด้วยแม้ฝ่ายโซลาสตี้จะยิงถล่มการ์เซนท์พังไปสามเครื่อง โดยที่สอยโครซเรฟพังไป 2 ตัวก็ตาม
              "คิดว่าจะใช้วิธีนี้หยุดเรานะหรือ ไม่มีทางหรอก กองรบที่ 2 บุกเข้าไปเลย" หัวหน้ากองมาร์ซอยด์กล่าว แต่ไม่ทันไรก็... "โครมมมมม ป้ากกก พลั้วก" กองรบที่ 2 นั้นถูกพวกบีสทอยด์ไดโนเสาร์กระหน่ำกระทืบกันอย่างยกใหญ่ ก่อนที่พวกมาร์ซอยด์จะใช้ปืนพลังความร้อนเข้าใส่ "แคร้งงงง แคร้งงงงง" พาลกิสเตะกวาดด้วยใบมีดหลังขากรีดใส่เบทชอนแขนปืนกลจนแขนขาดพร้อมกับ "โป้กกกก กร็อบบบ" โขกหัวอัดใส่หน้ากากของเบทชอนมาร์ซอยด์จนคอหักไปเต็มๆ "เพรซิโอ้คัตเตอร์" พาแรมหวดซัดใบมีดคลีบตัดใส่เซนเครูทมาร์ซอยด์จนขาดแดดิ้้น เปิดช่องให้บีสทอยด์แรพเตอร์เข้าเล่นงานพวกเซนเครูทอย่างหนักหน่วงด้วยดาบตะขอ บีสทอยด์ไทรเซราท็อปและแบบแรดอื่นๆเข้าทะลวงใส่เกรมฮอร์ทมาร์ซอยด์ แม้จะถูกมันชกเข้าด้วยหมัดพลังความร้อนกลับไปเต็มๆ "ครี้งๆๆๆๆๆๆๆ" บีสทอยด์บลอนโตซอรัสพ่นไอเย็นเข้าเล่นงานเกรมฮอร์ทจนถูกแช่แข็งและโดนพวกบีสทอยด์หัวทีเร็กซ์ปะทะซ้ำไปอีกที "อาจ้ากกกก" เทรอนเร็กซ์บุกโฉบจากกลางอากาศและกระทืบพื้นจนเกิดเสาน้ำแข็งเล่นงานพวกมาร์ซอยด์ให้ปลิวกระเจิงไป จนพวกมาร์ซอยด์ในกองที่สองนั้นกระจัดกระจายไปทั่วเขตโกดังเก็บสินค้าไว้ "ซูมมมมมม หวับบบ เคร้งงงง" บีสทอยด์แองกิโลซอรัสหวดหางลูกตุ้มอัดใส่เซนเครูทที่ยืนอยู่บนคอนเทนเนอร์จนร่วงลงมาหลังกระแทกซ้ำหลังจากที่หน้าอกร้าวแตกไปแล้ว บีสทอยด์หัวแรฟเตอร์โดนเบทชอนมาร์ซอยด์ฟาดฟันด้วยฝ่ามือความร้อนสูง แต่ก็ถูกบีสทอยด์อีกัวโนดอนใช้แส้จับกระชากลงมาข้างล่างคอนเทนเนอร์และกระทืบซ้ำ ในขณะที่พวกปูเทราโนดอนโฉบเฉี่ยวใส่พวกมาร์ซอยด์ที่โต้ตอบด้วยสรรพวุธที่ติดตั้งไว้ ส่วนกองแรกที่ปะทะกับบัลโต้นั้น "แชดดด แชดดด แชดดด แชดดด" "ป้ากๆๆๆๆ" ระดมยิงกระสุนความร้อนจากปืนโตใส่รถดับเพลิงไว้ ซึ่งพวกทหารกบฎที่ควบคุมอยู่รีบโดดหนีมาแทบไม่ทัน "ตรูมมมมม" จนรถดับเพลิงระเบิดปลิวกระเด็นกระดอนและร่วงลงมาตรงหน้าพวกบัลโต้ไว้ ซึ่งพวกมาร์ซอยด์ที่นำหน้ามานั้น ก็กระโดดข้ามซากรถดับเพลิงเข้ามา

              "จังหวะนี้แหละ" บัลโต้สั่งการให้พวกทหารชุดหุ่นยนต์ "ฟู้วววววววววววววววววววว" ฉีดสเปรย์สีขาวเข้าใส่พวกมาร์ซอยด์จน... "แกร็กๆๆๆๆๆๆ" พวกมาร์ซอยด์จากเดิมใส่เกราะสีแดงตอนนี้มีสีขาวปกคลุมไว้แล้ว "ตุ้งๆๆๆๆๆๆ" พวกทหารถือปืนลูกซองเลยเปิดกระหน่ำด้วย "ตรุ้งๆๆๆๆๆ" "ป้ากๆๆๆๆๆ เพล้งๆๆๆๆๆๆๆ" การยิงกระสุนเหล็กเข้าใส่พวกมาร์ซอยด์ที่ตัวสีขาวจนแตกกระจุยไป
              "นี้พวกแก เล่นใช้ปืนแช่แข็งเลยหรือเนี้ย" เกรมฮอร์ทมาร์ซอยด์กล่าวโดยที่พยายามพาพวกบุกเข้าใช้ดาบความร้อนสูงเข้าใส่ แต่ก็... "ซูมมมมม แกร็กๆๆๆๆ" ถูกทหารชุดหุ่นยนต์ยิงลำแสงแช่แข็งเข้าใส่จนตัวแข็งในจังหวะที่มันวิ่งมาจน "เพล้งงงง" ล้มแตกกระจุยกระจายไป
              "ไนโตรเจนเหลวกับลำแสงอิอ้อนรวมกันนั้น ทำให้พวกแกหายหัวร้อนด้วยพลังของวิทยาศาสตร์กันนี้แหละ ไอ้พวกดาวอังคารเอ้ย" บัลโต้กล่าว โดยให้ทหารชุดหุ่นยนต์ยิงกระสุนเย็นเข้า "แกร็กๆๆๆๆๆ" เล่นงานพวกเซนเครูทที่บุกมาด้วยสนับมือที่ติดคมมีดกงเล็บอันร้อนฉ่าจนใบมีดแดงก่า แต่ก็โดนแช่แข็งกันเป็นสิบๆ แล้วก็... "กือออออ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โดนบัลโต้กระหน่ำด้วยแรปิดเดเตอร์มาโรวเดอร์อย่างหนักหน่วง ด้านไกซ์เองก็.... "ว้ากกกกก" หวดโซลิดเบลดที่ฉาบพลังพลาสม่าเข้า "ฉับบบบบ เปรี้ยะๆๆๆๆ" จนสับถูกลำตัวแล้วรีบถอยออกมาเพราะโครซเรฟนั้น "ตรูมมมม" ระเบิดตัวเองอย่างรุนแรงขึ้นในทันที จนทำเอาบัลโต้เกือบล้มไปด้วย "แม่เจ้า ไอ้พวกโซลาสตี้มันแรงยิ่งกว่าลูนาสตี้อีกนะเนี้ย ไกซ์ ตะกี้นี้เกือบไปแล้วน่ะ" บัลโต้กล่าว  
              "ใช่ ขนาดหนีออกไปก่อนแล้วยังหวิดโดนรัศมีระเบิดที่กว้างกว่าเดิมเข้าไปด้วยน่ะ" ไกซ์กล่าวแล้วก็... "ฟึ่บบบ แชดดดดด แชดดดด แชดดดด" ใช้ปืนพลาสม่าไรเฟิ่ลระดมยิงใส่โครซเรฟแทน โดยที่การ์เซนท์และเอลเวนท์ไดน์นั้นเปลี่ยนมาใช้ปืนพลังพลาสม่าโต้ตอบกันบ้างแล้ว
              "โฮ่ย ลุงโล้น เสียงระเบิดเมื่อกี้มันเกิดจากพวกยักษ์ใหญ่นั้นระเบิดขึ้นละสิ" เทรอนเร็กซ์กล่าวโดยใช้ขวานเฉาะเกรมฮอร์ทเข้ากลางหลังและจับเหวี่ยงไปอัดใส่พวกที่เตรียมยิงปืนใหญ่มาจนร่วงตกทะเลไปกันหมด และ "ตรูมมมม" ระเบิดเป็นเสาน้ำพุขึ้นมาจนน้ำกระจายลงพื้นเป็นควันขึ้นไป
              "โอ้ว ขนาดตายไปแล้วยังระเบิดเป็นไอร้อนเลยหรือวะเนี้ย" พาแรมบอก
              บัลโต้กล่าว "พยายามอาละวาดอย่ามันส์มือจนกลายเป็นไดโนเสาร์ย่างซะก่อนละ" แล้วก็.... "ฟิ้วววววววว" "ตรูมมมม" หยิบบาซูก้ามายิงทำลายรถตู้ที่เกรมฮอร์ทเขวี้ยงมาจนระเบิด เทรอนเร็กซ์ยั้วะเลยซัดขวานเข้า "หวับๆๆๆๆๆ" "ป้ากกกก" ใส่เกรมฮอร์ทตัวที่เขวี้ยงทุ่มรถเข้ามาจนแดดิ้นไป

              "ตอนนี้กองรบทั้งสามกองเข้าปะทะกันแล้วละครับ ท่านเฮคไซน์" เซนเครูทมาร์ซอยด์มารายงาน เฮคไซน์พยักหน้า
              เทคไครด์บอก "มีวี่แววจากพวกโคเคสอยู่ในเมืองหรือเปล่า"
              "ไม่ปรากฎสัญญาณเลยละครับ แต่เราจะพยายามบีบให้พวกมันโผล่หัวมาให้ได้นะครับ" เซนเครูทเมอคิวรอยด์รายงานต่อ
              เฮคไซน์กล่าว "ต่อให้พวกมันมีแผนมาถ่วงเวลาพวกเราหรือไม่ พวกมันก็แค่เร่งเวลาตายให้เร็วขึ้นมากกว่าเดิมอยู่ดี" แล้วก็เปิดโต๊ะวางแผนโดยที่มีการวางหมากสามชุดไว้บนเขตเมืองแล้ว เฮคไซน์จึงหยิบถาดใส่หมากมาสองชุด "สั่งให้พวกจูปิทอยด์ไปโจมตีเขตโรงผลิตไฟฟ้า เช่นเดียวกับพวกเนปจูนอยด์ที่บุกโจมตีพื้นที่ท่าเรือใหญ่เอาไว้ พร้อมกับส่งโครซเรฟไปอีกสองกองด้วย"
              "รับทราบแล้วละคะ" เบทชอนโซลาสตี้รับคำสั่ง
              เทคไครด์บอก "แดนเจอรอท รอสัญญาณจากข้าแล้วบุกเข้าโจมตีพวกโคเคสเดียวนี้เลย"
              "เข้าใจแล้วละครับ" แดนเจอรอทบอก
              เฮคไซน์กล่าวกับเทคไครด์ไปว่า "ถึงเราไม่ต้องส่งกำลังไปเพิ่ม พวกเราก็การันตีเรื่องชัยชนะไปได้แล้วละ แม้พวกมันจะวางแผนอะไรโต้ตอบพวกเรา มันก็ไม่มีประโยชน์อยู่น่ะ"
              "แต่ถึงยังไงก็ไม่ควรจะประมาทโคเคสกันเด็ดขาดเลยน่ะ เพราะขนาดพวกเราเองยังถูกพวกมันโต้ตอบเอาได้ แม้ในช่วงแรกๆพวกมันไม่ได้ระบบซีคเกอร์ช่วยไว้น่ะ" เทคไครด์บอก
              เฮคไซน์กล่าว "คำเตือนของเธอฉันจะจำเอาไว้แล้วกัน ตอนนี้ โฟกัสไปที่การรบก่อนเถอะ"
    ต่อช่วงที่ 2 กันเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×