ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Manigator Saga Rebellion Soldiers

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 9 มือสังหารอันตรายที่มาจากฟากฟ้า เหล่าวิหคบนเขาสูงเสียดฟ้า บทริดิวิเนี่ยน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21
      0
      10 ก.ย. 64

              ณ.เขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งที่คูเวต
              "จับได้อีกกลุ่มแล้วหรือ...." สารวัตรกล่าวกับตำรวจที่ควบคุมตัวเหล่าแมนิแฟคเตอร์นักวิจัยที่พยายามออกจากเมืองแต่ก็ไม่สำเร็จ
              "ครับ ตอนนี้เรากำลังจะนำไปฝากขังที่เรือนจำกลาง เพื่อเตรียมการสอบปากคำพวกเขา ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับองค์กรที่ไม่หวังดีต่อพวกเราเหมือนเช่นพวกลูนาสตี้หรือเปล่านะครับ"
              "บรืนนนน เอี้ยดดด" รถบัสคันใหญ่แล่นมาจอดพอดี "รถมาเร็วกว่าที่คิดไว้เลยนะครับ" ตำรวจกล่าว
              สารวัตรบอก "แม้จะมาเร็วกว่าที่กำหนดไว้ตั้ง 10 นาที แต่...มันก็ดีกว่าอยู่มีพวกสวมหน้ากากยิ้มมรณะโผล่มาโจมตีพวกเรากันอยู่ดีนี้แหละ สั่งให้พวกนี้ขึ้นรถได้แล้ว" ตำรวจพยักหน้าและรีบสั่งให้เจ้าหน้าที่ต้อนพวกแมนิแฟคเตอร์จำนวน 40 คนให้ขึ้นรถไป โดยที่แมนิแฟคเตอร์ชายผมสีช็อคโกแลตที่เดินนำหน้ามา ก็เงยหน้ามาเห็น เบย์แทนด์ในชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำที่นี้ ยืนอยู่ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มผมสีช็อกโกแลตเกือบเผลออุทาน แต่เบย์แทนด์ส่ายนิ้วห้ามไว้ และสบัดหน้าเพื่อให้พวกแมนิแฟคเตอร์เข้ามานั่งในรถ ที่มีพีวิลเป็นสารถีขับอยู่ จนกระทั่งแมนิแฟคเตอร์ขึ้นรถกันหมดแล้ว "แช่... บรืนนนนนน" พีวิลจัดการปิดประตูและขับแล่นออกไปโดยเร็ว
              "สารวัตรครับ เออ แย่แล้วละครับ มีคนแจ้งมาว่าพบคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของทางเรือนจำถูกน็อกสลบพร้อมกับคนขับรถอยู่ในตรอกแห่งหนึ่งกันนะครับ" ตำรวจนายหนึ่งเข้ามาแจ้ง จนสารวัตรที่ได้ฟังก็...
              "แย่ละสิ สั่งการให้ตั้งด่านสกัดกั้นกันโดย...."
              "เออ เจ้าหน้าที่ตั้งด่านได้รับคำสั่งจากท่านมา ว่าเพื่อไม่ให้มีปัญหาเวลาขนส่งเหล่านักโทษแปลกหน้าจนถูกพวกแมนิเกเตอร์โจมตีเข้า เลยห้ามตั้งด่านตรวจแต่คอยระวังภัยโดยรอบเพื่อให้รถมุ่งหน้าไปได้อย่างปลอดภัยกันนะครับ" ตำรวจคนที่สองแจ้ง
              สารวัตรบอก "...ฮึย อยากจะรู้เหลือเกินว่ามันผู้ใดที่กล้าทำเช่นนี้กันละเนี้ย"
              "ลูกพี่มาแล้วละ" ไกซ์กล่าว โดยปลอมเป็นตำรวจจราจรไว้ ซึ่งพวกทหารกบฎก็ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่การทางไว้ คอยโบกตะบองไฟเพื่อให้สัญญาณพีวิลขับรถเข้าอุโมงค์ไป แล้วไกซ์กับพวกก็รีบเข้าไปในอุโมงค์ จากนั้นก็... "อ้อนนนนน อ้อนนนน" รถคอนวอยคันโตๆแล่นออกมาจากอุโมงค์โดยที่พีวิลยังขับอยู่ แต่เบย์แทนด์ขึ้นมานั่งหน้ากันแล้ว และรถคอนวอยนั้นก็แล่นออกจากเมืองไปได้อย่างง่ายดาย
              "โอเค ตอนนี้ฉันได้จัดการกับกล้องวิทยุจราจรทางหลวงเพื่อให้พวกคุณพีวิลพาออกนอกเมืองไปสมทบกับพวกเรากันแล้วละ" มิลด์แจ้งบอก ซึ่งเธอใช้แพนเซสเซนไนน์แฮคระบบคอมพิวเตอร์ของทางหลวง จนกระทั่งพีวิลนำคอนวอยออกมาได้เป็นผลสำเร็จ "ภารกิจช่วยตัวประกันเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดีแล้วคะ"

              กลางทะเลทรายทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดิอาระเบีย
              "หว่า ด้วงอะไรเนี้ย ทำไมตัวใหญ่จังเลยน่ะ" แมนิแฟคเตอร์นักค้นคว้าชายผมสีเหลืองมาสตาร์ดกล่าวเมื่อเห็นด้วงช้างกลายพันธุ์บุกมาพร้อมกับห่าแมงมุมยักษ์กลายพันธุ์ โดยที่มีพวกมนุษย์กลายพันธุ์รังสีแห่มาเป็นจำนวนมาก ซึ่งด้วงช้างเหล่านั้นก็... "ตรุ้ง ตรุ้ง" ปล่อยกระสุนพิษเข้าระดมใส่แลบเคลื่อนที่ซึ่งเป็นยานที่มีเครื่องยนต์ใบพัดสี่ด้านกันอย่างหนักหน่วง พวกแมงมุมยักษ์ปล่อยใยแมงมุมเข้าปกคลุมแลบเคลื่อนที่ไม่ให้บินหนีไปไหนได้ ซึ่งใยเหนียวนั้นแข็งตัวจนมีน้ำหนักมากเท่ากับไทเทเนี่ยมแบบหนักเสียด้วย
              "เตรียมตัวตายซะ ไอ้แมนิเกตง" มนุษย์กลายพันธุ์รังสีกล่าวและให้ไอ้ตัวโตถือตะบองมา "ฟ้าวววว เปรี้ยงงงงง" ลูกตุ้มพิฆาตพุ่งเข้าอัดหน้าไอ้ตัวโตไปเต็มๆ ตามด้วย.... "ปังๆๆๆๆๆๆๆ" "ฟ้าว ป้ากๆๆๆๆๆ" พวกทหารกบฎมาพร้อมกับบีสทอยด์หมาป่าและกิ่งก่าเข้าโจมตีใส่พวกนักรบกลายพันธุ์ด้วยรังสีจำนวนมากอย่างหนักหน่วงด้วยกงเล็บและมีดดาบที่มี ในขณะที่เจ้าแมงมุมยักษ์นั้น... "ว้ากกก" มาสวาร์ทาร์กระโจนพร้อมกับ "ฉั้วะ ฉับ" ใช้ดาบฟันขาแมงมุมทั้งแปดจนขาดสะบั้นพร้อมกับแทงใส่หัวไปเต็มๆ จากนั้นก็ "เรซเซอร์เอดจ์" ซัดคลื่นคมดาบผ่าแมงมุมให้ขาดครึ่งซีกอย่างจังๆ ส่วนคลอเวฟบุกเข้าโรมรันใส่พวกกลายพันธุ์ตัวโตๆไว้ ซึ่งมาสวาร์ทาร์รีบเข้ามาหาพวกแมนิแฟคเตอร์นักค้นคว้าไว้
              "พวกคุณเป็นกลุ่มค้นคว้าระบบปรับเปลี่ยนสภาพอากาศกลางทะเลทรายที่ออกมาจากสถาบันหลักเมื่อ 5 เดือนก่อนหรือเปล่าละครับ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              "พวกคุณรู้เรืองนี้ได้ไงกันน่ะ" นักค้นคว้าหญิงถามกลับ
              มาสวาร์ทาร์บอก "เบย์แทนด์ขอร้องให้ผมพาพวกมาช่วยพวกคุณ เพราะพวกคุณตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เนื่องจากเขตทะเลทรายแถบนี้ พึ่งมีพวกตัวอันตรายอย่างพวกนี้กันอยู่นะครับ" โดยในตอนนี้คลอเวฟและพวกไล่พวกกลายพันธุ์ที่เนโมส่งมากันแล้ว "อาจ้ากกกกก" คลอเวฟใช้แองเกอร์แอ็กซ์หวดฟันใส่หัวด้วงช้างยักษ์จนขาดออกเป็นสองท่อนในทันที

              เขตเมืองเก่าในจอร์แดน พวกไนน์ซีรีย์บุกเข้ามาห้อมล้อมพวกแมนิแฟคเตอร์นักวิจัยด้านหุ่นยนต์ไว้
              "เออ หัวหน้าวูลลิเซียคะ พวกหุ่นเหล่านั้นมันไม่ยอมอยู่ในการควบคุมของเราเลยคะ" นักวิจัยหญิงที่สวมแว่นแก้วสีเหลืองเข้ากับสีผมของเธอกล่าวกับ นักวิจัยหญิงผมยาวสีมะกอกที่ถูกเรียกกล่าวว่า
              "ใช่ หุ่นเหล่านั้นเท่าที่ศึกษามา มันเป็นหุ่นข้ารับใช้เมื่อสมัยยุคทองมาก่อนและมีระบบเอไอที่มีการเซตขอบเขตไว้ตายตัวว่าต้องอยู่ภายใต้คำสั่ง ไม่คิดเลยว่าพวกนี้จะพัฒนาระบบเอไอต้านทานพวกเราไว้กันน่ะ" โดยตอนนี้หุ่นดับเพลิงเตรียมจะเผาพวกเขาแล้ว
              "ฟิ้วๆๆ ปั้ก หวืออออ ตรึงงงง" ฉับพลันก็มีธนูแสงสามดอกปักคาหัวหุ่นดับเพลิงจนล้มลงไปอย่างจังๆ พร้อมกับ... "ย้า..." สเปียริทกระโจนเข้าใช้หอกเข้าฟาดฟันใส่พวกไนน์ซีรีย์จนล้มลง หุ่นช่างไฟฟ้าคิดจะโจมตีด้วยระเบิดไฟฟ้า แต่... "ย้า!!!" ดิเรนท์กระโดดลงมาพร้อมกับใช้มีดติดส้นทิ้มปักเข้าที่หน้าผากและกดให้หัวหุ่นหลุดกระเด็นกับพื้นไป ตามด้วย... "ป้ากกกก โครมมม เปรี้ยงงงง" เฮเรเค้นมากับไลเอิร์ท ไรแกท มัลแด็กซ์ บีทเทมบุกเข้ามาพร้อมกับเหล่าบีสทอยด์เข้าโจมตีใส่พวกไนน์ซีรีย์กัน "ป้ากกกก เปรี้ยงงง เคร้งงง เคร้งงงง" เฮเรเค้นเตะใส่หุ่นทำไร่ด้วยท่อนขาโตๆจนพวกมันล้มไปสองตัวก่อนจะชักดาบเข้าฟันใส่อีกสองตัวที่บุกเข้ามา "แคว้กกกก ฉั้วะ ฉั้วะ" ไลเอิร์ทใช้กงเล็บสิงโตข่วนใส่หุ่นนายช่างที่มีแขนสว่านจนตัวขาดเละ หุ่นรถถังนั้นถูกไรแกทกระทืบจนตัวถังกระจุย โดยที่มัลแด็กซ์และบีทเทมใช้ส่วนเขี้ยวและเขาบนหัวหนีบและเจาะพวกหุ่นมอเตอร์ไซด์ให้ชนอัดก็อปปี้อย่างจังๆ "คุณกับพวกคงจะเป็นพวกแมนิเกเตอร์ที่หาเรื่องสู้กับพวกสวมหน้ากากกันหรือเปล่าละ" นักวิจัยหญิงที่ชื่อวูลลิเซียกล่าว
              สเปียริทบอก "ใช่ นั้นแหละพวกเรากันนะ แต่พวกคุณไม่ใช่ประเภทก้มหน้าก้มตามองคอมพิวเตอร์อย่างเดียวละสิ"
              "พวกเราเป็นกลุ่มหนึ่งที่ต้องรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากภายนอกว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นนะสิ" วูลลิเซียกล่าว และหันมาถาม "เบย์แทนด์และพวกที่ลูทาเอลปลอดภัยดีมั้ยละ"
              สเปียริทบอก "ปลอดภัยดีและต้องการเห็นพวกคุณกลับมาอย่างปลอดภัยนี้แหละ"

              ที่เขตชุมชนร้างในเลบานอน ที่ตอนนี้เนโมและพวกกองกำลังคนบ้าไล่ตามจับพวกแมนิแฟคเตอร์อยู่ แต่ก็....
              "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โคเคสประเดิมด้วยการกราดยิงแรปิเดเตอร์เข้าใส่พวกทหารคนบ้าที่ดาหน้ากันมาจนล้มกลิ้งไปกันหมด โดยที่ทีมนักวิจัยได้บัลโต้มาช่วยไว้ "ฟ้าววววว" บัลโต้จัดการยิงบาซูก้าเข้าเป่าใส่รถหกล้อจนพัง ซึ่งกองรบการ์เซนท์ยังใช้อาวุธปืนกลหนักและปืนเลเซอร์ไรเฟิ่ลเข้าโต้ตอบใส่พวกเนโมที่ยังใช้อาวุธเดิมๆที่เหลือบานอยู่ "ท่านนายพลครับ พวกเราสู้พวกโคเคสไม่ได้เลยนะครับ" ทหารคนสนิทกล่าวกับนายพลเนโม ซึ่งตอบกลับแบบไม่สบอารมณ์ไปว่า
              "ช่างประไร พวกมันใช้อาวุธเก่าเก็บแบบนี้มาเล่นงานพวกเรา แค่พวกเราก็..."
              "แชดดดดด ตรูมมมม" ไม่ทันไร ป้อมปืนกลสองกระบอกพร้อมกับป้อมมิไซล์คู่ก็โดนปืนใหญ่พลังงานกำลังสูงยิงทะลวงจนพังไปอย่างจังๆ นายพลเนโมและทหารคนสนิทที่อยู่ในรถถัง เช่นเดียวกับคนอื่นๆนั้นถึงกับตะลึง โคเคสเลยใช้โทรโข่งหลังจากบรรเลงเพลงด้วยห่ากระสุนตะกั่วผสมโครเมียมไปว่า "นี้แค่เป็นการยิงเพื่อแจ้งบอกครั้งสุดท้ายกันน่ะ ท่านนายพล ว่าจะให้ถอยเดียวนี้ หรือว่าจะให้เราถล่มซ้ำตรงห้องคนขับอีกทีกันน่ะ"
              นายพลเนโมได้ฟังก็ถึงกับเจ็บแค้นจนต้อง "ถอยก็ได้โว้ย แล้วก็ ฝากไว้ก่อนเหอะ ไอ้..." สั่งถอยโดยที่ด่าพวกโคเคสไม่ออก เพราะดันประมาทโคเคสที่ยังมีอาวุธที่ได้จากพวกอีเนอไมนด์กันอยู่ไปมาก

              "ทีมวิจัยกลุ่มที่ 5 ซึ่งอยู่ที่ปากีสถานนั้น ตอนนี้ฉันได้พาพวกเขากลับมาแล้วละ แม้ว่าพวกเขาจะอิดโรยจากการไม่ได้กินข้าวกินน้ำมาตลอด 4 วันเต็มๆเลยน่ะ" เฮลิคติดต่อเข้ามายังโคเคส ซึ่งตอนนี้ได้นำฟริแทงคอนพาแมนิแฟคเตอร์นักวิจัยออกมากันแล้ว "ที่สำคัญ ฉันได้ให้ลูกน้องนำเวชภัณฑ์และเครื่องมือรักษาพยาบาลไว้สำหรับพวกเขากันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาคงไม่ชอบสเปคที่เราหามา เลยจัดการเคลียร์เองทั้งๆที่พวกเราน่าจะทำแทนกันได้น่ะ"
              โคเคสบอก "ฉันน่าจะส่งหมอเซริซ่าไปด้วยก็ดีนะสิ"
              "นายก็น่าจะรู้ดีนิ ว่าหมอเซริซ่าเป็นประเภทเห็นแมนิเกเตอร์หน้าใหม่ๆหรือแปลกๆโผล่เข้ามา เธอต้องเจาะลึกไปถึงอวัยวะภายในกันด้วยน่ะ" เฮลิคกล่าว
              โคเคสบอก "ไม่หรอก เพราะเราไม่คิดจะหาเรื่องต่อคนของดร.รีไลฟ์เวอรี่กันหรอกน่ะ"
              "พวกนายกลับมากันแล้วหรือ ฉันพึ่งกลับมาจากการไปที่นิคมอุตสาหกรรมเอลการ์น ซึ่งทำการซ่อมแซมเครื่องไม้เครื่องมือที่เก่าเขรอะจนเสร็จสิ้นพอดีเลยนะ" ด็อดเจอร์กล่าว โดยในตอนนี้ เขาได้นำโมบิลลอยด์ที่เสียหายจากการสู้รบอย่างเฮฟโวลของคลอเวฟและคอสทารอนไซน์เกนของพีวิลมาซ่อมข้างนอก เช่นเดียวกับการซ่อมแซมโมบิลลอยด์อื่นๆกันด้วย เนื่องจากเอาท์คอมด์อยู่ในระหว่างการสังขายนาภายในทั้งหมด โดยทีมช่างของด็อดเจอร์และทีมนักวิจัยของเบย์แทนด์เอาไว้ จนทำให้เหล่าทหารต้องมากางเต้นท์นอนข้างนอกเสียเอง
              "การบูรณะภายในเอาท์คอมด์ยังไม่คืบหน้ากันละสิ" โคเคสบอก
              "ก็ไปได้เรื่อยๆกันน่ะ แม้ว่าทีแรกพวกเราจะไม่พอใจกับการที่พวกเขามาชี้นิ้วสั่งนั้นแก้นี้ ปรับเปลี่ยนตรงโน่นโยกย้ายตรงนู่น เพราะเราอยู่ในฐานทัพมาตลอดหลายวันและใช้งานเครื่องไม้เครื่องมือของที่นี้กันจนชินมือ เลยปล่อยปะละเลยการทำความสะอาดและซ่อมแซมบางอย่างที่เสียหายกันด้วยน่ะ" ด็อดเจอร์กล่าว
              โคเคสบอก "ส่วนหนึ่ง เพราะเราเจอพวกศัตรูไล่ล่ากันอยู่ด้วยแล้ว เรายิ่งไม่มีเวลาพอที่จะดูแลฐานทัพของเราให้แข็งแกร่งสำหรับรับมือการบุกของฝ่ายตรงข้าม แถมยังตะบี้ตะบันใช้งานโดยไม่ซ่อมแซมเช่นนี้ การที่พวกเขาไม่พอใจแบบนั้น ก็ไม่แปลกหรอก เพราะพวกเราไม่ได้รักษาสิ่งที่เราใช้หลับนอนและใช้งานให้ดีพร้อมทุกสถานการณ์กันน่ะ"
              "แต่มันก็ดีแล้วละ เพราะว่าฉันพึ่งจะจัดการโยกย้ายข้าวของออกจากห้องประจำของฉันจนแล้วเสร็จพอดีนะสิ" เซริซ่ากล่าวโดยตอนนี้เธออยู่ในยานฟริแทงคอน ซึ่งเธอจัดแต่งห้องพยาบาลที่พวกอีเนอไมนด์ใช้อยู่มาจัดการเรื่องงานของเธอเป็นการชั่วคราวไว้ โดยตอนนี้เธอได้ศพสมุนของพวกลูนาสตี้ ซึ่งบัลโต้เก็บศพกลับมากันแล้ว
              โคเคสบอก "ว่าแต่ เธอตรวจสอบศพเหล่าสมุนของลูกน้องเทคไครด์แล้วได้อะไรกันบ้างละ"
              "บอกตรงๆน่ะ ว่าการผ่าศพพวกแมนิเกเตอร์ไทป์มนุษย์ดัดแปลงจากดวงจันทร์พวกนี้ เป็นงานยากเกินความสามารถของฉัน แต่โชคดีมากที่เครื่องไม้เครื่องมือของพวกอีเนอไมนด์ที่อยู่ในฐานนั้น ช่วยให้ทำงานได้ง่ายในระดับหนึ่งเลยละ" เซริซ่ากล่าวโดยตอนนี้ผู้ช่วยหมอได้นำมีดดาบขนาดใหญ่ไว้สำหรับผ่าช่องอกของพวกทอฟนิคซ์มาใช้ผ่าศพเกรมฮอร์ท จนทำให้มีดบิ่นและสึกเร็วไปโดยปริยาย "ฉันได้ตรวจสอบโครงสร้างทางร่างกายของสมุนสามแบบของพวกลูนาสตี้กันมาแล้ว แม้จะทำให้เครื่องมือส่วนหนึ่งชำรุดไปประมาณ 2 ใน 5 เลยก็ตาม พบว่า อวัยวะภายในส่วนมากของพวกเขานั้น ล้วนแล้วเป็นการปลูกถ่ายและแต่งเติมทางพันธุกรรมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งฉันคิดว่าน่าจะมีไว้เพื่อการสู้รบกันอย่างแน่นอนเลยละ"
              โคเคสบอก "ประมาณว่า เทคไครด์สร้างพวกนี้ให้เหนือกว่าซุปเปอร์โซลเยอร์อย่างงั้นนะหรือ"
              "ทีแรก ฉันก็คิดเช่นนั้นน่ะ โคเคส แต่พอผ่าศพเพื่อแงะเอาอวัยวะภายในมาดูและวิเคราะห์ไปทีละชิ้นนั้น เริ่มจากหัวใจที่มีแกนหัวใจเสียบตรงกลางก่อนเลย หัวใจของพวกลูนาสตี้มีด้วยกันสองดวง" เซริซ่าบอก
              โคเคสบอก "สะ สองดวงนะหรือ หมายถึงมีแค่ศพที่เธอแกะมาหรือว่ามีทุกศพกันน่ะ"
              "นายพูดเหมือนที่ฉันคาดการณ์ไว้แต่แรกกันน่ะ แต่พอแกะศพอื่นออกมาดู กลายเป็นว่ามันก็เป็นแบบนี้หมดเลยนะสิ ซึ่งฉันคิดว่าอีกดวงคงมีไว้สำรองหากดวงหลักดับลงไปอย่างแน่นอน อย่างต่อมานั้น ก็คือกล้ามเนื้อที่หนาแน่นและเหนียวเอาเรื่อง ซึ่งไม่ใช่แค่ท่อนบนอย่างเดียว แต่ตรงน่องนั้นถือว่าหนาเอาเรื่อง โดยเฉพาะตัวกล้ามโตนั้น กล้ามเนื้อเยอะเป็นหมื่นมัดเลยน่า" เซริซ่าบอก "จากการที่ฉันได้สอบถามพีวิลที่ปะมือกับสเตฟอร์ด สมุนเอกของเทคไครด์มาเมื่อคืนก่อนนั้น พบว่าสเตฟอร์ดไม่เพียงมีพละกำลังที่แข็งแกร่งเกินคนปกติราว 10 หรือ 100 เท่า แต่ยังมีพลังการกระโดดที่สูงขั้นที่สามารถโดดขึ้นตึกสูง 40 ชั้นได้อย่างง่ายดาย หรือร่วงลงสู่พื้นแบบที่ร่างกายภายในไม่กระทบกระเทือนมากเลยน่ะ"
              ด็อดเจอร์บอก "มันโดดสูงถึงขั้นนั้นเลยหรือวะ ฉันนึกว่า พวกกล้ามโตบึกๆนั้นมันจะกระโดดได้เตี้ยกว่าปกติหรือแค่ 2 มิลลิเมตรเท่านั้นเองน่ะ"
              "ต่อมาก็คือ ดวงตาที่เฉียบคมมองเห็นได้อย่างชัดเจน จมูกที่ดมกลิ่นได้ทุกชนิดไม่เว้นแม้กระทั่งสารพิษหรือวัตถุสารที่ไม่พึ่งประสงค์ ลิ้นที่ลิ้มรสชาติอาหารที่รสชาติไม่ต่างจากเศษหินหรือเศษขยะ หรือแม้กระทั่งดูดซับพิษจากวัตถุสารที่ใส่เข้าปากไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ปอดที่สามารถกรองอากาศที่เป็นพิษหรือเก็บกักสร้างอ็อกซิเจนได้เองเวลาอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีอากาศให้หายใจ ระบบย่อยอาหารที่ไม่เพียงดูดซับสารอาหารที่มีจำนวนส่งลงท้องที่น้อยออกมาให้ได้ในปริมาณมากๆ แต่ยังสามารถย่อยวัตถุสารอื่นที่ไม่ใช่อาหารอย่างหินและเหล็กได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีกระดูกที่แข็งดุจเหล็กกล้า ผิวหนังที่ไม่เพียงทนต่อการโจมตีทั้งตีรันฟันแทง ยังทนต่อสภาวะอากาศแปรปรวนทั้งร้อนเย็นและอะไรก็ตามที่เป็นอันตรายเข้ามาในตัว ต่อมหมวกไตที่ขับสารอะดรินารีนที่ทำให้ร่างกายตื่นตัวและดึงเอาพลังจากกล้ามเนื้อออกมาได้เกินขีดจำกัด แม้กระทั่งระบบการไหลเวียนโลหิตเองก็ยังมีการสร้างภูมิต้านทานโรคขึ้นมา และแปรเปลี่ยนเซลมะเร็งในร่างกายให้เป็นสสารสำหรับขับออก รวมถึงสมองที่ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองต่ออวัยวะต่างๆให้ดีขึ้น รวมไปถึง....การปิดซีกสมองส่วนที่ไม่ได้ใช้ครึ่งหนึ่งเพื่อให้อยู่ในสภาพหลับครึ่งตื่นครึ่งแบบโลมากันด้วยน่ะ" เซริซ่าสาธยายอวัยวะทั้งหมดที่เธอวิเคราะห์มา
              ด็อดเจอร์บอก "คุณพระช่วย ที่ว่ามาทั้งหมดนั้น มันผลงานชีววิศวกรรมระดับเทพกันชัดๆเลยนิหว่า แต่เธอไปรู้มาจากไหนกันน่ะ ว่าอวัยวะแต่ละอย่างนิทำหน้าที่แปลกแหวกแนวตามที่เธอว่ามากันน่ะ"
              "ความจริงแล้ว ฉันได้ศึกษาเรื่องชีววิศวกรรมในช่วงยุคทองกันมาก่อนนะสิ ว่าเมื่อก่อน มีคนพยายามที่จะสร้างสุดยอดทหารระดับเทพจากสุดยอดวีรบุรุษเพียงหนึ่งเดียว ด้วยการสร้างและปลูกถ่ายอวัยวะที่ผ่านการตัดต่อทางพันธุกรรมทั้งหลาย มาใส่ให้กับเหล่าทหารต่างๆ ซึ่งแม้จะเสี่ยงกับการที่ร่างกายมันปรับตัวเข้ากับอวัยวะใหม่ที่ใส่ไปไม่ทัน และต้องเสียเวลาในการปรับตัวเข้ากับอวัยวะอันใหม่ที่ใส่เข้าไปไม่น้อย ซึ่งผลออกมานั้น แม้จะทำให้ผู้เข้ารับการทดสอบจาก 100 เหลือเพียง 20 คน ที่รอดจากการทดสอบดังกล่าวจนกลายเป็นหัวหน้าทหารอันทรงพลังที่มีกองพันเหล่าทหารดัดแปลงชีวภาพขึ้นมา ซึ่งกองรบเหล่านั้นแหละ คือโปรโตไทป์ของซุปเปอร์โซลเยอร์ที่พวกเราเป็นอยู่นี้แหละ" เซริซ่าบอก
              โคเคสกล่าว "เรื่องนั้นฉันก็พอได้ยินมาบ้างนี้แหละ ว่าสุดยอดวีรบุรุษนั้นนำกองพันทั้ง 20 ขึ้นไปช่วยเฮนรี่ ไนท์สู้กับพวกต่างดาวและต่อสู้ปราบปรามความขัดแย้งบนโลกและดาวในระบบสุริยะกันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่รู้ว่ามีชาตะกรรมเป็นเช่นไรกันนะสิ"
              "ฉันไม่รู้เหมือนกันน่ะ ว่าเรื่องนี้ฉันควรจะพูดดีหรือเปล่า แต่....กองพัน 20 กองของสุดยอดวีรบุรุษนั้น เกิดการกบฎภายในกันจนกองรบพังไม่เป็นชิ้นดีแล้วสิ" เซริซ่าบอก จนโคเคสได้ฟังก็ตกใจไม่น้อย "...เพราะมีหัวหน้ากองพันคนหนึ่งเกิดความลำพองใจที่จะเป็นผบ.คุมกองรบแทนยอดวีรบุรุษผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ เขาจึงรวบรวมพรรคพวกอีก 9 คนเตรียมพร้อมสู้กับสุดยอดวีรบุรุษ จนพวกที่เหลืออีก 10 ที่จงรักภักดีนั้นต้องโต้ตอบและเข้ามาปกป้องผู้เป็นนายกัน สงครามภายในนี้ดำเนินมาตลอด 40 เดือนแห่งนรก จนทำให้เมืองเกือบทั้งหมด 2 ใน 3 บนดาวอังคาร ดาวศุกร์และดาวเสาร์ได้รับความเสียหาย ซึ่งรวมถึงสหพันธ์โลกเองด้วย ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเหล่าทหารที่ต่อสู้กันนั้น ล้วนแล้วมีอวัยวะอันทรงพลังจากยอดวีรบุรุษเพียงหนึ่งเดียวอยู่ในตัวทุกๆคนจนมีพลังเหนือมนุษย์ไปด้วยนะสิ"
              ด็อดเจอร์กล่าว "แน่ละ ศึกยอดมนุษย์ฟัดกันแบบนั้น เมืองไม่วอดวายมากขนาดนี้ก็แย่แล้วสิ"
              "แล้วภายหลังนั้น ใครแพ้ใครชนะกันละ" โคเคสถาม
              เซริซ่าตอบ "ฝ่ายชนะที่แท้จริง ก็คือสหพันธ์โลกนะสิ เพราะสหพันธ์โลกเล็งเห็นถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมาจากการที่เหล่าทหารทุกนายมีพลังเหนือมนุษย์เหมือนกับยอดวีรบุรุษเพียงหนึ่งเดียว แต่พวกเขาที่เป็นพวกมนุษย์ธรรมดานั้นไม่สามารถหยุดยั้งสงครามระหว่างเหล่ายอดมนุษย์ทั้งหลายไปได้ พวกเขาจำต้องเป็นฝ่ายอดทนรอให้ทั้งสองฝ่ายสู้กันจนหมดแรงไปเอง จนกระทั่ง....ยอดวีรบุรุษตัดสินใจออกมาช่วยพวกจงรักภักดีต่อกรกับพวกกบฎขึ้นมา ซึ่งแม้เขาจะพิฆาตตัวหัวหน้ากบฎไปพร้อมกับคนทรยศลงไปกันก็จริง แต่ตัววีรบุรุษนั้นร่างกายสาหัสเป็นอันมาก ไม่ใช่แค่ต่อสู้ไม่ได้อย่างเดียว แต่เขาบอบช้ำถึงขั้นที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ไปได้ ดังนั้นสหพันธ์โลกจึงนำร่างของเขาไปเก็บรักษาขึ้นในแลบลับสุดยอด เพื่อทำการค้นคว้า ในขณะที่ทหารที่เป็นฝ่ายชนะเหนือพวกกบฎนั้น ถ้าไม่ถูกลบความจำจนกลายเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาก่อน ก็ต้องถูกกำจัดลงหรือต้องกลายเป็นอะไหล่สำหรับผลิตอวัยวะโดยอิงข้อมูลจากร่างสุดยอดวีรบุรุษเพียงหนึ่งเดียวมาใช้ ซึ่งก็คือโครงการซุปเปอร์โซลเยอร์เหล่านั้นเองแหละ"
              "แล้วร่างศพยอดวีรบุรุษคนนั้นล่ะ" ด็อดเจอร์ถามด้วยความสงสัย
              เซริซ่าบอก "น่าเสียดายจริงๆ ที่อีกหลายสิบปีต่อมา โอเวอร์เดสทำลายร่างของเขาทิ้งไปแล้วในช่วงที่กลับมาที่โลกนี้เป็นครั้งที่สองกันนะสิ แม้ว่าสหพันธ์โลกจะเหลือวัตถุดิบและข้อมูลการสร้างไว้ครบถ้วน แต่ฉันคิดว่า ไม่ช้าก็เร็ว ซุปเปอร์โซลเยอร์รุ่นหลังจากโคเคสและพวกเป็นต้นไปนั้น จะด้อยประสิทธิภาพลงจนแทบจะกลายเป็นทหารธรรมดาดาษๆไปโดยปริยายนี้แหละ"
              "ขอบใจมากนะ เซริซ่า ที่ช่วยเล่าให้ฉันฟังถึงที่มาของโครงการที่สร้างฉันกับพวกมาจนถึงบัดนี้กันน่ะ" โคเคสกล่าว "แล้วสมุนของพวกลูนาสตี้นั้น ยังมีอะไรที่นอกเหนือจากอวัยวะเหล่านั้นกันละ"
               เซริซ่าบอก "เป็นคำถามที่ดีมากเลยละ ฉันแกะเอาแกนหัวใจที่อยู่ตรงกลางหัวใจสองดวงกันแล้ว พบว่า มันเป็นแกนหัวใจที่มีพลังงานแบบพลาสม่า แต่ มันไม่ใช่พลังงานพลาสม่าที่ได้จากโลกของเรากันหรอกน่ะ เพราะปริมาณพลังงานของมันนั้นมันมีมากพอที่จะหล่อเลี้ยงอวัยวะในร่างกายทุกชิ้นด้วยกัน ซึ่ง ฉันไม่กล้าเสี่ยงแกะตัวแกนมาดูด้วยนะสิ"
              "ดีแล้วละ ที่เธอยังไม่รีบทำตอนนี้ เพราะมาสวาร์ทาร์และฉันก็เห็นหุ่นเหล่านั้นมันระเบิดตอนถูกสอยร่วงกันแล้ว พลานุภาพการระเบิดนั้นแรงกว่าปกติไม่รู้กี่เท่าเลยน่ะ" โคเคสกล่าว
              ด็อดเจอร์บอก "และถ้าเพราะพลังงานนั้นที่สามารถสร้างสนามพลังที่แข็งแกร่งกว่าอาวุธที่เรามีอยู่และให้พลังงานต่ออาวุธที่แรงขนาดนั้น ไม่แปลกแล้วละ ที่โมบิลลอยด์ของพวกลูนาสตี้มันถึงทรงพลังกว่าที่เราคิดไว้กันน่ะ"

              "ว่าแต่ พวกคุณคุยอะไรกันมิทราบละคะ" วูลลิเซียกล่าว จนโคเคสและด็อดเจอร์ตกใจกันไม่น้อย เบย์แทนด์เลยต้องออกมาขอโทษแทน
              "ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่หัวหน้าวูลลิเซียมักจะพูดไม่ให้ซุ่มให้เสียงกันนะครับ"
              "ไม่เป็นไรหรอกน่ะ แต่ทีหลังอย่าทำแบบนั้นอีกจะได้มั้ยละ เล่นซะใจหายแทบแย่" ด็อดเจอร์สบถ
              โคเคสกล่าว "เราแค่คุยกันกับหมอประจำกองรบของเรากันสักหน่อย ว่าแต่ที่มานี้มาด้วยเรื่องอะไรกันละครับ"
              "คือฉันได้จัดแจงเลือกคนของเราไปช่วยงานพวกคุณจัดแจงฐานของคุณให้แล้ว ฉันกะจะมาดูว่าพวกคุณสร้างอะไรที่ฉันสนใจได้บ้าง....นะคะ" วูลลิเซียกล่าวโดยชี้มายังอัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์ที่ยืนบนลานซ่อมบำรุงกลางแจ้งไว้
              ด็อดเจอร์บอก "เออ เราให้ดูได้เท่านั้นน่ะ เพราะเรากำลังซ่อมบำรุงหุ่นกันอยู่น่ะ"
              "ผมคิดว่าคุณช่างคงจะต้องผิดหวังกันนะครับ เพราะ คุณวูลลิเซียชำนาญเรื่องเครื่องยนต์กลไก โดยเฉพาะจักรกลทรงมนุษย์กันนะครับ" เบย์แทนด์บอก
              โคเคสกล่าวกับด็อดเจอร์ไปว่า "ฉันว่านายควรจะบอกลูกน้องให้เตรียมพร้อมไว้ก่อนดีกว่าน่า" ด็อดเจอร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะรู้ว่าแมนิแฟคเตอร์หญิงผู้นี้อาจทำเครื่องมือช่างพังได้แน่นอน

    MANIGATOR SAGA The Rebellion Soldiers ภาคโลกา
    ตอนที่ 9 มือสังหารอันตรายที่มาจากฟากฟ้า เหล่าวิหคบนเขาสูงเสียดฟ้า


              ที่สะพานเดินเรือของยานฟริแทงคอนหมายเลข 3 พีวิลนั่งขัดสมาธิมองไปท้องฟ้าพลาง มองที่ด็อคแท็คพลางไปด้วย
              "คุณพีวิลทำหน้าหง่อยเหงาแบบนี้ คงจะเจอเรื่องแย่ระยำตั้งแต่ศึกเมื่อวานละสิ" เฮเรเค้นบอก โดยที่มองดูพีวิลอยู่ห่างๆด้วยกันกับดิเรนท์ ไกซ์และมิลด์ด้วย
               ไกซ์กล่าว "ลูกพี่เจอเพื่อนรุ่นพี่ที่เคยช่วยเขาสู้กับพวกอีเนอไมนด์ใกล้หมู่บ้านของดิเรนท์ ซึ่งถูกพวกลูนาสตี้ฆ่าตายและจับคืนชีพมาเป็นสมุนเอกที่ถูกส่งมาถล่มเมืองลูทาเอลกันแล้วนะสิ"
              "จริงหรือ....นี้อย่าบอกน่ะว่าหัวหน้าทหารที่ขึ้นบกกับรองหัวหน้าที่คุมกองรบบุกป่าเขี้ยวเสือในวันนั้น ตอนนี้กลายเป็นพวกแมนิเกเตอร์ของลูนาสตี้ไปแล้วน่ะ" ดิเรนท์กล่าวอย่างอึ้งๆ
              มิลด์พยักหน้า "แม้ว่าคุณพีวิลกลับมาที่ฐานแล้วทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา แต่จากการต่อสู้ครั้งที่แล้วนั้น ฉันคิดว่าคุณพีวิลคงจะเจ็บปวดมากถึงขั้นที่บอกกับปากเลยนะคะ"
              "แน่ละ รุ่นพี่สองคนนั้นต้องกลายมาเป็นศัตรูกันซะแบบนี้ มีหรือที่ลูกพี่จะรับได้กันน่ะ" ไกซ์บอก
              เฮเรเค้นกล่าว "แต่จากสภาพที่เห็น คงจะเจ็บปวดสุดๆเลยวะ ซึ่งแค่ไม่ต้องมองหน้าในระยะประชิด ฉันก็หัวเราะไม่ออกเสียแล้วละ"
              "แล้วไม่มีใครไปพูดปลอบใจเลยหรือ" ดิเรนท์ถาม
              มิลด์ส่ายหน้า "ทำไงได้ละ เพราะเรื่องที่คุณพีวิลเจอมานั้นเกี่ยวข้องกับอดีตของเขาก่อนจะมาเป็นแมนิเกเตอร์ ซึ่งพวกเราอยากจะช่วยอยู่หรอก แต่ไม่รู้จะทำเช่นไรกันดีนะสิ"
              พีวิลจ้องมองดูด็อคแท็คของตนเอง ของเจมส์ เพื่อนสนิทของเขา แล้วก็มองดูของสตีฟและโฟรน่าขึ้น ก็หวนนึกถึง "พีท บอกตรงๆน่ะ ว่านายโชคดีมากที่ได้สติกลับคืนมา และแก้ไขในสิ่งที่นายทำลงไป แต่มันจะไปมีประโยชน์อะไร หากนายอยากจะตายทั้งๆที่มันยังไม่ถึงคราวกันจริงๆสักหน่อย แม้นายจะเป็นตัวอันตรายต่อมวลมนุษยชาติก็ตาม แต่เราสองคนดีใจไม่น้อยที่ได้เห็นนายฟื้นกลับคืนจากความตายกันแล้วน่ะ" คำพูดของสตีฟในช่วงก่อนหน้าที่จะสละชีพด้วยกันกับโฟรน่าเพื่อหยุดพวกลูนาสตี้ไว้
              โฟร์น่าบอก "พวกเราไม่หวังอะไรกับความเป็นความตายกันแล้วละ พีท ดังนั้น เธอต้องอยู่ในส่วนของพวกเรากันด้วยน่ะ" สตีฟพูดต่อไปอีกว่า "และหากวันใดที่เราเป็นเหมือนนายขึ้นมา ช่วยสงเคราะห์ให้ด้วยแล้วกันน่ะ" แล้วก็หวนนึกถึงทั้งสองคนที่อยู่ในสภาพของแมนิเกเตอร์ สภาพของสองสมุนเอกของเทคไครด์ ผู้นำของลูนาสตี้ กองทัพแมนิเกเตอร์จากดวงจันทร์ ซึ่งเป็นกองกำลังที่น่ากลัวที่สุดในเวลานี้ไปด้วย
              "รุ่นพี่สตีฟ รุ่นพี่โฟรน่า ไม่สิ... สเตฟอร์ด โฟรซ่า ตอนนี้ผมเข้าใจเจตนาของพวกพี่ทั้งสองแล้ว ว่าควรจะทำเช่นไรในเวลานี้ แม้สิ่งที่รุ่นพี่ทั้งสองพูดมา จะกลายเป็นจริงในตอนนี้เลยก็ตามที" พีวิลกล่าวและหวนนึกถึงความหลังที่เขาเข้าสู่กองทัพด้วยวัยเพียง 16 ปีด้วยการเรียนเข้าโรงเรียนนายทหาร ซึ่งไม่เพียงเรียนรู้ในห้องเรียนอย่างเดียว พีวิลหรือปีเตอร์ยังต้องเข้าสู่การฝึกภาคสนามโดยส่งมาดูแลในหน่วยของ...
              "หวัดดี ไอ้น้องชายและน้องสาวทั้งหลาย ขอต้อนรับสู่หน่วยที่ 54 ซึ่งฉัน สตีเฟ่น แวนเซน รุ่นพี่ของพวกนายและหัวหน้าหน่วยนี้ ดังนั้น พวกเธอคงจะให้ความเคารพต่อพวกเราที่อาวุโสกว่าด้วยน่ะ" สตีฟในวัยหนุ่มเช่นเดียวกับโฟรน่าที่อยู่ในวัยเดียวกันกล่าวต่อปีเตอร์และพองเพื่อนในหน่วยที่นั่งอยู่ตรงหน้ากองไฟ ซึ่งอยู่ในค่ายฝึกแห่งหนึ่ง
              "นี้เราฝึกกับรุ่นพี่สองคนนี้นะหรือ" นักเรียนทหารหญิงผมบลอนด์สั้นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์กับเพื่อนผิวเข้มที่ตอบไปว่า
              "นั้นสิ แม้จะดีใจที่ได้อยู่ในหน่วยของรุ่นพี่โฟรน่าที่เป็นนักเรียนระดับท็อปของกองทัพ แต่มาเป็นรองหัวหน้าให้กับรุ่นพี่สตีฟที่ชอบเรื่องบ้าพลังนิ มันน่าหงุดหงิดเอาเรื่องเลยน่า"
              "เธอสองคนอยากโดนปั่นจิ้งหรีดมั้ยละ" โฟรน่ากล่าวเพราะได้ยินสองนักเรียนหญิงคุยกัน จนทั้งสองต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวเอาไว้
              สตีฟบอก "เอาละ พวกเธอทุกๆคน ก่อนอื่นเลย ฉันจะชี้แจงพวกเธอเรื่อง เอออ อืมมม กฎระเบียบของหน่วยที่ครูฝึกเขาสั่งมา ดังนั้น...ถ้าพวกเธอไม่ทำตาม ไม่เพียงพวกเธอจะโดนลงโทษ แต่พวกเราจะโดนตำหนิกันด้วยน่ะ" แล้วมีคนหนึ่งที่อยู่แถวหน้ายกมือขึ้น "เธอคนนั้น มีอะไรจะถามกันละสิ"
              "มีอยู่แล้วละ แล้วถ้าเกิดว่า....ถ้าออกกฎแล้วดันมีคนดื้อไม่ทำตามที่สั่งอย่างต่อเนื่องกันละ จะเป็นยังไงละครับ แหะๆๆๆ" คนที่ยกมานั้นเป็นเด็กหนุ่มผมสีทองมาดออกกวนๆเล็กน้อย
              แต่อีกคนกลับพูดไปว่า "....นายกำลังหาเรื่องเจ็บตัวกันอยู่น่ะ เจมส์ ถ้านายไม่ให้เกียรติต่อคนที่อายุมากกว่าเรา ไม่ว่าจะอายุเท่าพ่อเท่าแม่เราก็ตาม แล้วจะมีใครหน้าไหนมาให้เกียรติกับนายได้ละ" ซึ่งคนที่พูดกลับไปนั้น ก็คือปีเตอร์ แอนเดอร์สันนี้เอง
              "เอ้ พีท นายนิยุ่งไม่เข้าเรื่องซะจริงๆเลยน่า ที่ชอบขัดนั้นขัดนี้ ตกลงนิ ปากนายหรือว่าแปรงขัดหม้อละ" เจมส์หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เจมส์ แอสตัน เพื่อนสนิทของปีเตอร์ลุกขึ้นกล่าว จนปีเตอร์ได้ฟังก็ลุกขึ้นมาและ... "ป้ากกกก" เข้ามาต่อยเจมส์ล้มไปเต็มๆ
              "นายเป็นซะอย่างงี้ตั้งแต่เด็กๆแล้วน่า เจมส์ เมื่อไหร่นายจะโตเป็นผู้ใหญ่รู้จักคิดกันได้เสียทีเลยวะ" ปีเตอร์กล่าว
              "นายไม่ต้องมาสั่งสอนฉันเหมือนฉันเป็นเด็กๆแล้วนะเฟ้ย พีท" เจมส์ยั่วเลยถีบใส่ปีเตอร์ล้มลง จนปีเตอร์ลุกขึ้นมา "พลั้วก ป้ากกก โครมมม ป้ากกก โครม" ใช้กำลังกับเจมส์ที่โต้ตอบกันอย่างอุตลุต จนเพื่อนใส่แว่นคนหนึ่งส่ายมือห้ามเพราะทั้งคู่กำลังทะเลาะอยู่ต่อหน้าสตีฟไว้ ซึ่งทั้งปีเตอร์และเจมส์หันหน้ามา "มองหาอะไรมิทราบกันละ" เจมส์พูดแบบไม่คิด สตีฟได้ฟังก็ก้าวเดินเข้ามา "ป้ากกก พล็อก โครมม ป้ากก ตุ๊บตั้บๆๆๆ โครมมม ป้ากกก"
              โฟรซ่ากล่าว "พวกเธอทุกคนไปนั่งที่ค่าย ฉันจะชี้แจงกฎระเบียบให้เองแล้วกัน" โดยปล่อยให้สตีฟเคลียร์ปัญหาของสองตัวยุ่งนี้เอง
              "เธอสองคนนิเหลือเกินจริงๆเลยน่า นี้วันแรกของการฝึกก็มีเรื่องเช่นนี้ มันชักน่าโมโหกันซะจริงๆ" สตีฟบอก โดยตอนนี้เขาจับปีเตอร์และเจมส์มัดกับเสาธง ซึ่งก็จัดการถอดเสื้อออกกันทั้งคู่ไว้แล้ว
              "ก็ใครจะไปคิดละว่า รุ่นพี่มือหนักชิปโป๋งเลยน่ะ ให้ตายสิ" เจมส์กล่าวโดยที่แก้มบวมเพราะโดนต่อยมา ส่วนปีเตอร์ก็มีสภาพไม่ต่างกัน
              "ไหนดูสิ ปีเตอร์ แอนเดอร์สัน เจมส์ แอสตัน ชื่อและนามสกุลดีทั้งนั้นเลยนิ ว่าแต่ พ่อแม่ทำอาชีพอะไรกันมิทราบละ" สตีฟถามโดยที่อ่านชื่อจากด็อกแท็คของทั้งคู่
              ปีเตอร์และเจมส์พูดพร้อมกัน "เป็นทหาร ทำงานในกองทัพ รับใช้ชาติ....แล้วก็สละชีพเพื่อชาติ"
              "เออ พูดดังๆหน่อย ตะกี้นี้ไม่ได้ยินวะ เสียงพวกเธอสองคนเบาโหว่งมากๆงะ" สตีฟพูดแบบกวนๆ
              ทั้งสองเลยตะโกนแม้ปากจะแตกไปบ้างว่า "พ่อแม่เป็นทหาร ทำงานในกองทัพ รับใช้ชาติ ปกป้องประชาชน สละชีพเพื่อชาติ ตราบจนชีพวาย" ซึ่งเจมส์ก็ถามกลับไปว่า "ดังแค่นี้พอใจหรือยังงะ รุ่นพี่"
              "ตะกี้เล่นซะคอแหบไปมาก ถ้ามีอีก คงใบ้รับประทานแน่นอน" ปีเตอร์กล่าว
              สตีฟกล่าว "ก็พวกเธอสองคนทำตัวเองกันทำไมละ แต่ ดูเหมือนว่าเธอสองคนจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กมาเลยละสิ แล้วพ่อแม่ของเธอในตอนนี้ เป็นหรือตายกันละ"
              "พ่อแม่ไม่อยู่ตั้งนานแล้วละครับ" ปีเตอร์บอก
              เจมส์กล่าว "พวกเขาถูกแมนิเกเตอร์ฆ่าตาย พวกเราเลยเข้าสู่กองทัพมาเพื่อสู้กับพวกมันนี้แหละ" และหันมาถาม "แล้วรุ่นพี่มีพ่อเป็นนายทหารระดับสูงเลยหรือ"
              "ฉันนะหรือ หึๆๆๆๆ ฮะๆๆๆๆๆๆ วะฮะๆๆๆๆๆ ถ้ามันเป็นอย่างที่เธอว่ามาได้ละก็ ฉันคงจะอวดสรรพคุณไปนานแล้วละว่ามีญาติโกโหติกาเป็นทหารระดับสูงในสมัยยุคทองกันน่ะ แหะๆๆๆ" สตีฟได้ฟังก็หัวเราะ "ฉันไม่พูดก็เหมือนโอ้อวด ถ้าพูดไปพวกเธอก็ไม่เชื่อหรอกน่ะ ว่าฉันเป็นแค่ลูกคนงานเหมืองแร่ในแคนาดาเท่านั้นเองแหละ" ทั้งปีเตอร์และเจมส์ต่างก็ตกใจ
              ปีเตอร์ถาม "ถ้าคุณเป็นลูกคนงานในเหมือง แล้วคุณมาเข้ากับกองทัพไปเพื่ออะไรกันน่ะ"
              "เพื่อใช้ความรู้ความสามารถที่พ่อของฉันสอนมาให้เป็นประโยชน์ต่อกองทัพกันนะสิ เพราะคนงานเหมืองอย่างฉันและพวกคุณพ่อนั้น ถ้าอยากจะได้แร่ที่มันอยู่ในหุบเขาลึกซึ่งเครื่องมือไม่สามารถขุดเจาะชั้นหินที่แข็งไปได้เลยนั้น ทางเดียวที่จะทำได้ก็คือ ต้องวางระเบิดเท่านั้น ซึ่ง....ฉันคลุกคลีกับดินปืน ดินระเบิด สายชนวน ไม้ขีด และไนโตรกลีเซอรีนกับสารทำระเบิด เช่นเดียวกันกับการดูแร่กันมาตั้งแต่ฉันอายุได้ 7 ขวบกว่าแล้ว ผลงานแรกของฉันในการใช้ระเบิด ก็คือการระเบิดหมูออมสินที่ทำด้วยหินอ่อนกันน่ะ" สตีฟกล่าว "แล้วเพื่อนของพ่อซึ่งเป็นนายทหารในกองทัพแคนาดาแวะมาหา และได้เห็นฉันกำลังทำระเบิดสำหรับวางเพื่อเป่าระเบิดทำบ่อน้ำให้ใหม่ขึ้นมา เขาก็เลยได้นำฉันมาเข้ากองทัพเพื่อฝึกเป็นทหารพลวางระเบิดและทหารช่าง โดยเขาส่งฉันมาเรียนก่อนหน้าพวกเธอเสียอีกเลยน่ะ" สตีฟบอก
              โฟรน่าเดินมาพร้อมกับบอกว่า "แน่ละ ว่าคนอย่างเขาที่ฉันมองปุ๊บก็รู้ว่าเซาะกราวมากๆ เลยมีอคติกับเขาในทีแรกที่เห็นกันนี้แหละ"
              "แต่ ดูรุ่นพี่จะสนิทกับรุ่นพี่ตัวเบิ้มด้วยนิ เรื่องเป็นไงมาไงกันละเนี้ย" เจมส์บอก
              สตีฟกล่าว "คงต้องเล่าให้ฟังสักหน่อยแล้วละ..." หลังจากนั้นก็ใช้เวลาราว 5 นาทีเล่าเรื่องทุกอย่างให้สองนักเรียนทหารหนุ่มฟัง "....แล้วเรื่องมันเป็นเช่นนี้แหละ"
              "โรแมนติกเป็นบ้า เจ้แลงครูทโดนเพื่อนๆหนีเอาตัวรอดปล่อยให้ตัวเองสู้กับแมนิเกเตอร์คนเดียว แล้วลูกพี่สตีฟก็เข้ามาช่วยไว้ ลูกพี่นิแมนจริงๆนะเนี้ย" เจมส์ได้ฟังก็ถึงกับทึ่งจนเปลี่ยนจากคำว่ารุ่นพี่มาเป็นลูกพี่เสียเอง
              ปีเตอร์ก็พูดด้วยความรู้สึกเหมือนกัน "รุ่นพี่ทำถูกแล้วละครับ ที่เป็นลูกผู้ชายที่น่าเคารพมากๆ ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยรุ่นพี่แลงครูทไว้ได้จริงๆ ผมนิ รู้สึกปลาบปลื้มไม่น้อยนะครับ"
              "เธอสองคนนิ พูดเกินไปเปล่าเนี้ย" โฟรน่าบอกเพราะตอนนี้เธอเขินหน้าแดงไปแล้ว
              สตีฟบอก "เธอสองคนนิ พูดจากใจจริงหรือเปล่าละ เพราะถ้าเธอพูดเพื่อเอาใจหรือพูดเพื่อให้ฉันยกโทษให้ละก็ เธอจะโดนหนักกว่านี้เลยน่า"
              "ผมพูดจากใจจริงเลยละครับ ต่อให้ผมเกรียนแค่ไหน แต่ก็กล้าทำกล้ารับอยู่เสมอเลยนะครับ" เจมส์กล่าว
              ปีเตอร์บอก "ลูกผู้ชายที่แท้จริง พูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น หากบิดเบือนหรือบิดพริ้ว คนๆนั้นก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายกันนะครับ"
              "พูดได้ดีมากเลยน่ะ พีท แล้วก็ เจมส์ ดูเหมือนว่าฉันจะเจอว่าที่ลูกทีมในหน่วยของเราเป็นที่เรียบร้อยแล้วละ" สตีฟกล่าว ปีเตอร์และเจมส์ถึงกับชะงัก
              โฟรซ่าบอก "แต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าพวกเธอสองคนไม่ก่อเรื่องบ้าๆให้เราเห็นกันอีก ไม่อย่างงั้น พวกเธอจะเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวและถูกจับมัดสูงขึ้นไปเหนือธงเลยน่ะ"  
              "แล้วหลังจากนั้น ฉันกับเจมส์ก็เข้าร่วมฝึกเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆในหน่วย รุ่นพี่ทั้งสองก็คอยทำหน้าที่คุมหน่วยและดูแลทุกๆคน เพื่อไม่ให้ทุกๆคนมองว่าฉันกับเจมส์เป็นเด็กเส้นจนสร้างความอิจฉาให้กับคนอื่นๆไป ซึ่งตลอด 3 ปีในค่ายฝึกนั้น เราสองคนก็ได้เป็น 2 ใน 10 คนที่เข้าบรรจุอยู่หน่วยของรุ่นพี่สตีฟและรุ่นพี่โฟรน่า และใช้เวลา 2 ปีที่ทำงานในหน่วย จนกระทั่งกองทัพมหาสหรัฐเรียกตัวฉันกลับมาประจำการที่กองทัพในฐานะหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน พร้อมกันกับเจมส์ที่มาแทนหัวหน้าหน่วยที่เสียชีวิตไป ซึ่ง 2 ปีที่ต้องทำงานเพียงลำพัง โดยอยู่ห่างจากรุ่นพี่ทั้งสองกันนั้น มันเท่ากับ 2 ปีที่ฉันรับใช้แพทรีออทและอีเนอไมนด์กันด้วย" พีวิลกล่าว แล้วก็เก็บด็อกแท็คของตนไว้ พร้อมเดินมา จนเห็นพวกไกซ์ยืนอยู่ "เออ ไม่มีงานเลยหรือ ถึงได้มายืนดูคนอื่นนั่งคิดกันน่ะ"
              มิลด์บอก "เออ พวกเราแค่มาตามคุณพีวิลไปที่แลบชั่วคราวตามคำสั่งของหัวหน้าใหญ่นะคะ"
              "โคเคสเรียกนะหรือ เออ ขออภัยด้วย" พีวิลกล่าวแล้วรีบเดินไปที่แลบของเซริซ่าซึ่งอยู่ในฟริแทงคอนหมายเลข 2 กันอยู่ โดยที่คลอเวฟ สเปียริทและมาสวาร์ทาร์มายืนรอเช่นเดียวกับโคเคส เซริซ่า เฮลิคและบัลโต้กันแล้ว
              "ว่าแต่ นายยังกังวลเรื่องสเตฟอร์ดและโฟรซ่าละสิ ถึงได้มาช้าน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลพยักหน้า "ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัวกันแล้วละ พวก ว่าแต่ที่ให้พวกไกซ์เรียกฉันมานิ มีธุระอะไรหรือ"

              "เซริซ่าตรวจสอบดูโครงสร้างทางร่างกายและวิเคราะห์อาวุธของพวกลูนาสตี้แบบคร่าวๆกันจนได้คำตอบแล้วละ" บัลโต้บอก เซริซ่าพยักหน้า และอธิบายถึงโครงสร้างอวัยวะภายในขึ้นมา
              พีวิลกล่าว "โครงสร้างอวัยวะเหล่านั้นมันล้วนแล้วใกล้เคียงกับโครงการสร้างซุปเปอร์โซลเยอร์ที่ฉันเคยได้ยินมาเลยนิน่า"
              "ใกล้เคียงนั้นมันก็ใช่อยู่หรอกน่ะ แต่...อวัยวะเกือบทั้งหมดในตัวพวกลูนาสตี้นั้น ไม่ได้ถูกดัดแปลงทางพันธุกรรมเพื่อการทางทหารกันเพียงอย่างเดียว แต่ตามการสันนิษฐานของฉันแล้ว ฉันคิดว่า พวกแมนิเกเตอร์ลูนาสตี้นั้น เดิมถูกสร้างขึ้นเพื่อการบุกเบิกและสำรวจดาวและอวกาศกันนี้แหละ" เซริซ่าบอก ซึ่งก็ทำให้พวกโคเคสตกใจไม่น้อย
              สเปียริทกล่าว "เดียวก่อนน่ะ ถ้าเช่นนั้นพวกนี้ก็คงจะเป็นพวกมนุษย์ดัดแปลงสำหรับพัฒนาอวกาศที่อยู่บนดวงจันทร์และถูกสังหารไปแล้วมิใช่หรือ"
              "เกรงว่ามันจะเป็นเช่นนั้นนะสิ หลังมหาสงครามครั้งแรกจบลง สหพันธ์โลกก็สั่งกวาดล้างพวกแมนิเกเตอร์ที่เหลือรอดไม่ว่าบนโลก บนดวงจันทร์และดาวอีกแปดดวงทิ้งกันให้หมด ซึ่งผลออกมานั้นก็คือ ลูกสาวของดร.รีไลฟ์เวอรี่กับทุกๆคนในโปรเจคนอกโลกถูกฆ่าตายกันไปด้วย และถ้าบวกกับเหตุการณ์ที่โอเวอร์เดสเดินทางกลับมาที่โลกในอีก 10 ปีให้หลังนั้น มันก็จะเข้าเค้ากันพอดี เว้นเสียแต่..." เซริซ่ากล่าว
              โคเคสบอก "....เว้นเสียแต่ว่า โอเวอร์เดสจะแวะมาที่ระบบสุริยะหลังจากนั้นประมาณ 2-3 ปีโดยที่ไม่มีชาวโลกหรือชาวอาณานิคมในอวกาศรู้ตัวเลยว่า ศัตรูเก่าที่สร้างความเดือดร้อนให้กับโลกทั้งใบมาตลอด 1 ปี จะแอบกลับมาเยือนที่ดวงจันทร์ และมาเจอกับลูกสมุนที่แอบแฝงอยู่ในดวงจันทร์ซึ่งรวบรวมศพของพวกเขาเอาไว้เลยสิน่ะ"
               "อันนั้นเราพอเข้าใจได้กันน่ะ ว่าเป้าหมายของพวกลูนาสตี้มันคืออะไร แต่ เธอยังค้นพบอะไรที่นอกเหนือจากนี้กันบ้างละ อย่างความแตกต่างของลูกสมุนอีกสองแบบกันน่ะ" บัลโต้ถาม
              เซริซ่าบอก "แบบที่สองนั้น ฉันได้ลองมาเปรียบเทียบกับศพของพวกตัวผอมนั้นกับตัวโฟรซ่า ซึ่งฉันได้เห็นภาพของเธอจากสายตาของมิลด์มาแล้ว พบว่า แบบที่สองนี้ แขนขาล้วนแล้วเป็นอวัยวะเทียมทั้งนั้น ซึ่ง ฉันสันนิษฐานว่า สมุนประเภทนี้เมื่อคืนชีพมาแล้ว แขนขาของพวกเขาไม่สามารถขยับไปได้เลย ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บจากนอกหรือในกันก็ตาม เลยต้องทดแทนด้วยแขนขาเทียมเอาไว้ แถมแขนขาเทียมนั้น ก็ถูกออกแบบให้เป็นอาวุธกันเสียด้วยน่ะ ซึ่งรุ่นพี่โฟรน่าของเธอ คงจะถูกตัดทั้งแขนมาอย่างแน่นอน"
              "โฟรซ่าก็เป็นแบบผมเองแหละ คือแขนส่วนล่างได้รับความเสียหายจนต้องตัดออกและเอาแขนกลมาใส่ หากแต่ของโฟรซ่านั้นรวมถึงส่วนขาทั้งสองข้างด้วยนะ" พีวิลกล่าว
              เซริซ่าบอก "แสดงว่าโฟรซ่าคงจะได้รับการผ่าตัดให้มีสภาพเป็นเหมือนศพแบบที่สอง เหมือนกับพวกเซนเครูทที่เรียกพวกนี้ว่าเบทชอนกัน แต่โฟรซ่าถูกดัดแปลงอัพเกรดให้เหนือชั้นยิ่งกว่าเพื่อให้เข้ากับทักษะความสามารถดั่งเดิมของเธอที่ยังคงอยู่ด้วยสิน่ะ" แล้วก็เปิดภาพศพที่สาม "แบบที่สามนั้นคือ เกรมฮอร์ท พวกนี้จะถูกออกแบบให้มีรูปร่างที่ใหญ่ ด้วยการดัดแปลงส่วนกล้ามเนื้อและผิวหนัง ที่ไม่เพียงทำให้มีพละกำลังที่แข็งแกร่งถึงขั้นที่ยกพาหนะที่หนักกว่าตัวมันเองและทุ่มขึ้นสูงจากพื้นราว 10 เมตรขึ้นไป รวมถึงทุ่มได้ไกลไปหลายกิโลเมตร โดยเสียพละกำลังน้อยกว่าที่ควรเป็น เพราะฉันตรวจสอบสภาพกล้ามเนื้อในตัวพวกนี้ ว่ามีอาการตึงของกล้ามเนื้อที่ช้าและน้อยกว่าปกติ ยิ่งบวกกับการฟื้นฟูทางร่างกายที่เร็วด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ฉันมองไม่ออกเลยว่า พวกนี้มันเหนือยหรือล้าเป็นหรือเปล่าน่ะ"
              "ถ้าไอ้พวกนี้มันไม่แสดงอาการเหนือยหรือล้มเพราะอ่อนแรงละก็ งานนี้พวกเราคงเล่นงานพวกมันได้ยากละสิ" บัลโต้บอก
              เฮลิคกล่าว "ตะกี้นี้พวกนี้มีการดัดแปลงกล้ามเนื้อที่แขนใช่มั้ย แล้วขาเองก็ด้วยละสิ เพราะเห็นพวกมันกระโดดได้สูงทั้งๆที่มีโครงร่างกายที่หนาและใหญ่ ซึ่งมันจะดูเทอะทะและเชื่องช้าเอามากๆ หากมีน้ำหนักกล้ามเนื้อมากกว่าปกติถึง 3 เท่าเลยน่ะ"
              "ใช่ มัดกล้ามเนื้อของขาเองก็เยอะกว่าของพวกเราถึง 4 ไม่สิ 10 เท่าด้วยกัน ซึ่งด้วยกล้ามเนื้อขาที่เยอะขนาดนี้จึงทำให้จอมพลังจากดวงจันทร์นี้กระโดดได้สูงและทิ้งตัวสู่เบื้องล่างตามแรงดึงดูดที่เสริมกับน้ำหนักตัวที่ทิ้งดิ่งลงมาได้อย่างปลอดภัย โดยที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการตกลงจากที่สูง บวกกับกระดูกที่แข็งแกร่งปานเหล็กไหลที่เสริมเข้าไปด้วยแล้วนั้น โอกาสที่มันจะร่วงลงพื้นแล้วกระดูกขาแตกกระจุยกันนั้น แทบไม่มีเสียด้วยซ้ำเลยน่ะ" เซริซ่าบอก
              คลอเวฟบอก "งั้นพลังการกระทืบพื้นของสเตฟอร์ดที่ใช้แค่ขาข้างเดียวแต่กระทืบทีพื้นยุบเป็นหลุมกันซะแบบนี้ก็เพราะกล้ามเนื้อล้วนๆอย่างงั้นนะหรือ"
              "ถูกต้อง แม้จะไม่มีเกราะป้องกันหนาๆสวม พวกมันก็สามารถน็อคเธอและสเปียริทที่มีพละกำลังมากลงด้วยท่อนบนเปล่าๆได้อย่างแน่นอนน่ะ" เซริซ่ากล่าว "และ ตอนนี้ ศัตรูก็ได้ใช้อาวุธที่เราตั้งใจจะเตรียมสร้างขึ้นหากมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมกันไว้แล้วน่ะ" แล้วก็หยิบเอาสนับมือมีดดำที่มีส่วนปืนอยู่ด้วย
              โคเคสกล่าว "ใช่ สนับมือติดมีดและปืนอันนี้ ทั้งมีดและหนามตรงโก่งสนับมือนั้น ทำด้วยโครมเมทาเลี่ยมขนานแท้เลยน่ะ"
              "และไม่ใช่แค่สนับมือมีดกันหรอกน่ะ สเตฟอร์ดมีค้อนใหญ่ขนาดสองมือจับที่ทำด้วยโลหะแบบเดียวกันกับหอกของฉันด้วยนะสิ" สเปียริทบอก
              บัลโต้ได้ฟังก็ถึงกับบ่น "โอ้ สงสัยว่าด็อดเจอร์คงนั่งทำหน้าเป็นตูดแน่นอน หากรู้ว่า พวกลูนาสตี้มันแซงหน้าเราในเรื่องการผลิตอาวุธที่ทำด้วยโครมเมทาเลี่ยมกันด้วยน่ะ"
              "อาวุธที่ทำด้วยโครมเมทาเลี่ยมนั้น เราต่างก็รู้กันอยู่แล้ว เพราะลูนาสตี้มันมาจากดวงจันทร์ และดวงจันทร์ก็เป็นดาวบริวารที่มีสินแร่โครมเมทาเลี่ยมอยู่เป็นจำนวนมากด้วยแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะผลิตอาวุธแบบนั้นขึ้นมาได้น่ะ" โคเคสบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "แต่ที่เรากังวลกลับเป็นแหล่งพลังงานสำหรับอาวุธของพวกลูนาสตี้มากกว่า พลานุภาพของมันนั้นไม่เพียงรุนแรงตั้งแต่สร้างความเสียหายอย่างมากและทำลายโมบิลทรูปเปอร์และโมบิลลอยด์จนพังไปได้ แต่มันยังให้พลังงานแก่ระบบป้องกันที่ปกป้องโมบิลลอยด์บินได้ ซึ่งป้องกันตัวได้แม้จะอยู่ในสภาพที่บินอยู่ และขับเคลื่อนไปทั้งอย่างงั้นโดยไม่สูญเสียพลังงานอย่างที่เป็นอยู่น่ะ"
              "แถมมันก็ระเบิดแรงกว่าปกติหากเกิดการกระทบกระทั่งกันด้วย นั้นยิ่งทำให้พวกมันอันตรายมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นหรือตายเลยก็ตามน่ะ" โคเคสกล่าว
              บัลโต้บอก "ฉันชักจะหัวเราะไม่ออกแล้วสิ หากว่าพวกมันบุกมาที่ฐานของเราและจุดระเบิดตัวเองทีเดียวทุกตัวกันด้วย ซึ่้งนั้นก็แย่กว่าหายนะไหนๆเสียอีกน่ะ"
              "ที่หมอเรียกผมมานี้ ก็เพื่อเปรียบเทียบกันระหว่างแหล่งพลังงานของพวกลูนาสตี้กับพลังงานของผม ของมาสวาร์ทาร์และของคลอเวฟมาเปรียบเทียบกันละสิครับ" พีวิลกล่าว
              เซริซ่าบอก "ใช่ ซึ่งฉันนำข้อมูลเปรียบเทียบพลังระหว่างกองรบทั้งสามกองของครองคอร์ดกับพวกลูนาสตี้กันดูแล้ว ฉันกลับพบคำตอบที่น่าตกใจเอามากๆด้วย เพราะ พลังของพวกลูนาสตี้นั้นทรงพลังมากกว่าพวกแมนิเกเตอร์ทั้งสามกองรบบนโลกรวมกัน ซึ่งไม่เพียงแค่พลังที่เหนือกว่า แต่ขีดความสามารถทางกายนั้นเหนือชั้นกว่า จากการขึ้นไปดัดแปลงบนดวงจันทร์ที่มีระยะเวลาที่แตกต่างจากโลกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีเวลาเตรียมตัวและสร้างกำลังรบที่มากกว่าตามไปด้วยน่ะ"
              "โอ้ว เดียวก่อนน่ะ ถ้าพวกมันแข็งแกร่งกว่าพวกฉัน อีเนอไมนด์และครอสตรีมรวมกันจริงๆ นั้นก็คงไม่ได้หมายความว่า...." คลอเวฟบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "....กองกำลังจันทรามรณะลูนาสตี้ คือกองกำลังไพ่ตายใบสุดท้ายของโอเวอร์เดส ที่ถูกใช้ในทันที ที่ครอสตรีมและแอตแลนไทซ์แพ้ต่อพวกเรากันนะสิ"
              "แปลว่าการที่เทคไครด์นำพวกลงมาที่โลกนั้น ไม่ได้มาเพื่อแก้แค้นด้วยการกวาดล้างมวลมนุษยชาติ แต่มาเพื่อกำจัดพวกเราให้สิ้นซากอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วละ" โคเคสบอก "ตอนนี้ด็อดเจอร์ได้ส่งทีมช่างและคนของเราส่วนหนึ่งไปประจำที่เอลการ์น เพื่อทำการผลิตโมบิลลอยด์บินได้อย่างลับๆกันแล้ว แม้ว่าเราไม่สามารถสร้างให้เหมือนกับ MMU-04 และ MMU-05 หรือสร้างเพื่อให้มันทรงพลังเทียบเท่ากับโมบิลลอยด์ของพวกลูนาสตี้กันก็ตาม อย่างน้อย เราควรจะเริ่มต้นลงมือกันโดยเร็วที่สุดแล้วละ"
              คลอเวฟบอก "และควรจะให้ไวด้วยน่ะ เพราะตอนนี้ เราไม่รู้ว่าเทคไครด์จะส่งใครที่แย่กว่าอดีตรุ่นพี่ทั้งสองของพีวิล แล้วก็แมนิเกเตอร์บินได้ทั้งสองตัวด้วยน่ะ"
              "จริงสิ จีเนฟาร์รี่บอกไว้ว่า สเตฟอร์ดกับโฟรซ่าเป็น 2 ใน 5 สมุนเอกของเทคไครด์ โดยที่แมนิเกเตอร์ทั้งสองตัวที่บินได้ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย" สเปียริทกล่าว
              โคเคสถาม "พีวิล นายคิดว่า คนที่ห้าควรจะเป็นใครกันละ"
              "เออไดน์  เออไดน์ คอสลอร์ด หนึ่งในสมาชิกหน่วยที่ 54 ของสเตฟอร์ดและโฟรซ่า ซึ่งไม่เพียงแค่ไม่ได้อยู่ในฐานและรอดจากเงื้อมมือของคาวาดันกับพวกแล้ว ฉันคิดว่าหมอนั้นเป็นแมนิเกเตอร์ที่เทคไครด์ส่งมาเพื่อนำตัวทั้งสองคนไปดัดแปลงเป็นแมนิเกเตอร์กันอย่างแน่นอน" พีวิลกล่าว
              คลอเวฟถาม "แล้วนายรู้หรือวะ ว่าไอ้เวรตะไลนั้น มันเป็นแมนิเกเตอร์กันจริงๆ มิใช่เป็นมนุษย์ที่ให้ความร่วมมือกับพวกลูนาสตี้กันน่ะ"
              "เออไดน์เสียชีวิตเพราะเป็นญาติกับหัวหน้าฝ่ายต่อต้านของเมกซิโกที่ก่อรัฐประหารกันอยู่ ซึ่งเออไดน์ถูกส่งมาเป็นไส้ศึกล้วงความลับจากรัฐบาลมหาสหรัฐไปขายต่อให้กับฝ่ายปฏิวัติเพื่อให้มีโอกาสชนะและโค่นล้มรัฐบาลได้สำเร็จ แต่สุดท้าย แผนการก็พังไม่เป็นท่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องรวมถึงเออไดน์ถูกจับกุม และถูกตำรวจยิงตายเพราะขัดขืนต่อสู้กันมาก่อน ข่าวนี้ฉันก็ทราบมาด้วยเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์เล่าตามที่เขาทราบมา พีวิลพยักหน้า
              โคเคสบอก "ถ้าเช่นนั้น การที่เออไดน์ซึ่งควรจะถูกยิงตายไปตั้งนานแล้ว กลับมาอยู่ในหน่วยที่ 54 นั้น แล้วทุกคนในหน่วยไม่มีใครครางแครงใจเลยหรือว่าคนที่ถูกยิงตายไปก่อนหน้านั้น จะมาอยู่ในหน่วยกันน่ะ"
              "ฉันกับเจมส์เป็นสองในไม่กี่คนที่รู้ข่าวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน ข่าวการตายของเออไดน์ก็เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นว่า เขารอดตายจากการถูกพวกฝ่ายปฏิวัติจับเป็นตัวประกันและได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องพักอยู่โรงพยาบาล โดยที่ข่าวการตายของเขาเหมือนไม่ได้ถูกนำเสนอออกมาเลยแม้แต่น้อยกันนะ" พีวิลบอก
              คลอเวฟเดา "กูว่า ไอ้หัวแหลมครองคอร์ดมันต้องอยู่เบื้องหลังการบิดเบือนข่าวนั้นแน่ๆเลยวะ"
              "ไม่มีทางหรอก คลอเวฟ ครองคอร์ดมีอำนาจคุมกองรบเพียงแค่สามกองแรกเท่านั้น พวกลูนาสตี้เป็นกองกำลังที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของเขา อีกทั้ง ครองคอร์ดเองก็ไม่ได้พูดถึงอย่างชัดเจนกันแบบนี้ ฉันเดาได้ว่า ครองคอร์ดคงจะไม่พอใจต่อผู้คุมกฎเกซิคกันนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              สเปียริทถาม "ผู้คุมกฎเกซิคนิ เป็นสมุนของโอเวอร์เดสอย่างงั้นนะหรือ"
              "เท่าที่ฉันรู้มา ผู้คุมกฎเกซิคนั้น ไม่เพียงดูแลกฎเกณฑ์ในจักรวรรดิ์ของโอเวอร์เดส แต่ยังเป็นโฆษกที่นำคำสั่งและบัญชาของโอเวอร์เดสมาให้แม่ทัพนายกองที่ถูกเรียกตัวมา ซึ่งเท่าที่ฟังจากครองคอร์ดพูดถึงในช่วงที่ฉันทำงานให้กับครอสตรีม ครองคอร์ดมองเกซิคเป็นพวกทำเกินขอบเขตหน้าที่ของตัวเอง ทั้งๆที่เป็นผู้คุมกฎแต่ทำตัวเหมือนกับว่าตนเป็นโอเวอร์เดสมาเอง แถมยังใช้กฎเกณฑ์ต่างๆนาๆมากดดันให้ครองคอร์ดเสียเซลฟ์ ทั้งๆที่เกซิคน่าจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายกันไว้ด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              สเปียริทกล่าว "เกซิคคนนั้นทำตัวแย่กว่า คางคกที่ชอบขึ้นวอ วัวที่เดินไปโดยลืมกีบทั้งสี่ข้าง เสียอีกเลยน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้น ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เทคไครด์ที่ได้รับคำสั่งและการสนับสนุนจากโอเวอร์เดสอย่างเต็มที่คงไม่ปล่อยให้พวกเราได้อยู่เป็นสุขกันแน่นอนเลยละ" บัลโต้บอก
              เฮลิคกล่าว "และถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ครองคอร์ดกับพวกกองรบที่เหลืออีกสองกองคงไม่ได้เคลื่อนไหวกันอีกนาน จนกว่าพวกเราจะทำลายเทคไครด์ลงไปกันนี้แหละ" โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า พลัสเชอริทแอบฟังอยู่ที่ห้องคอมพิวเตอร์ในยานไว้

              "ได้ยินมาสวาร์ทาร์พูดถึงเกซิคตามที่ข้าเล่าให้ฟังนิ รู้สึกดีไม่น้อยเลยละ หึๆๆๆๆ" เสียงครองคอร์ดติดต่อเข้ามาในหูของพลัสเชอริท ซึ่งเจ้าตัวก็ถามกลับผู้เป็นนายไปว่า
              "....แล้วท่านไม่รู้สึก เออ ไม่พอใจ ที่ท่านถูกลดบทบาทลงเลยหรือ..."
              "ไม่พอใจนะใช่อยู่หรอกนะ พลัสเชอริท แต่ข้าต้องอดทนมากพอเพื่อรอวันที่จะกลับมาผงาดกันอีกครั้งหนึ่งเลยน่ะ" ครองคอร์ดกล่าว "ตอนนี้ข้าได้รับข้อมูลของพวกกบฎกันแล้ว เทคไครด์กับพวกเองก็กระตุ้นพวกนั้นได้มาก แม้ว่าข้าจะไม่ชอบนางกับพวกที่ใช้แผนที่ข้าตั้งใจจะใช้กับพีวิลกันก็ตาม และเป็นโชคดีของเจ้า ที่พวกลูนาสตี้ไม่รู้เลยว่าเจ้าเป็นสมุนของข้ากันน่ะ"
              พลัสเชอริทบอก "ข้าได้ลงมือจัดการกับพวกสมุนของเทคไครด์ที่บุกเมืองลูทาเอลอย่างรวดเร็วชนิดที่ไม่ให้พวกมันรู้ตัวได้เลยว่าพวกมันเจอกับข้าไว้ แต่การปรากฎตัวของข้านั้น อาจจะทำให้ผู้คุมกฎเกซิคนั้น...."
              "หึๆๆๆ ถึงเกซิคจะรู้หรือไม่ ข้าก็จะอ้างว่าข้าไม่รู้ไม่เห็นกันนี้แหละ ที่สำคัญ ตอนนี้ข้าไม่ได้อยู่ในห้องบัญชาการเดิมแล้ว ข้าอยู่ช่วยเกซเฟลิคพัฒนาและปรับปรุงอาวุธกันอยู่ ดังนั้น ข้าจะเป็นฝ่ายติดต่อมาหาเจ้าเพื่อรับข้อมูลอัพเดตความคืบหน้าเอาไว้เท่านั้น และเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายติดต่อเข้ามาแล้วน่ะ เพื่อกันมิให้เกซิครู้เรื่องกันไว้น่ะ" ครองคอร์ดบอก และหันมาถาม "ว่าแต่ กลุ่มคนปริศนาที่เจ้ากับมาสวาร์ทาร์ช่วยเหลือมานั้น เป็นพวกไหนกันละ"
              พลัสเชอริทกล่าว "พวกเขาเหล่านั้น เป็นแมนิแฟคเตอร์ที่ดร.รีไลฟ์เวอรี่สร้างขึ้นมาเพื่องานวิจัยสำหรับเดินทางสู่อวกาศกันนะครับ"
              "รีไลฟ์เวอรี่ รีไลฟ์เวอรี่ อืมมมม พวกนั้นเป็นแมนิเกเตอร์พัฒนาและบุกเบิกอวกาศของดร.รีไลฟ์เวอรี่กันละสิน่ะ อืมมม อา....หึๆๆๆๆๆ ดีแล้วละที่โคเคสและพวกกบฎได้ตัวช่วยมาถูกจุดเสียแล้ว เหอะๆๆๆ" ครองคอร์ดทวนชื่อดร.รีไลฟ์เวอรี่ก็พยายามนึกถึงจนนึกออกและหัวเราะขึ้นมา
              พลัสเชอริทถาม "ว่าแต่ ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับดร.รีไลฟ์เวอรี่ ผู้ซึ่งเป็นสหายของดร.เดลวีแองนูกันหรือครับ"
              "รู้สิ ข้าคิดว่าดร.คนนี้น่าจะช่วยให้พวกโคเคสชนะพวกลูนาสตี้กันได้ และตัวดร.รีไลฟ์เวอรี่นี้แหละ ที่จะทำให้เทคไครด์เสียหายลงได้เช่นกันน่ะ หึๆๆๆๆ" ครองคอร์ดกล่าวและสั่งการไปว่า "ข้าจะให้เจ้าอยู่ช่วยงานพวกโคเคสไปก่อนแล้วกัน ดังนั้น ถ้าเทคไครด์เห็นเจ้า ก็ไม่ต้องกลัวเป็นอันขาด เข้าใจมั้ย"
              พลัสเชอริทตอบ "รับทราบแล้วครับ ท่านครองคอร์ด"

              หลังจากนั้นเวลาผ่านไปจนถึงเช้า ของวันต่อมา
              "แม่เจ้า นั้นเป็นฐานกองบัญชาการของพวกเราหรือเปล่าเนี้ย" ไกซ์กล่าวอย่างอึ้งๆ เมื่อเอาท์คอมด์เปิดให้ใช้งานหลังจากที่บูรณะซ่อมแซมภายในเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
              ทหารกบฎคนหนึ่งกล่าว "แจ่มเลยวะ ฐานทัพของเราดูใหม่เอี่ยมกว่าที่คิดเสียอีกเลยนะเนี้ย"
              "พวกเราแค่ปรับแต่งและแก้ไขเพื่อให้ฐานทัพของพวกคุณอยู่ในสภาพที่เหมือนใหม่กันนี้แหละ" นักวิจัยหนุ่มผมสีกากีกล่าว
              อีกคนที่เป็นหญิงผมสีน้ำเงินเข้มบอก "ที่สำคัญไปกว่านั้นน่ะ พวกคุณควรหัดทำความสะอาดและซ่อมแซมภายในฐานทัพกันเสียบ้างน่ะ ฝุ่นเยอะไม่ว่า ระบบกรองอากาศก็ทำงานบกพร่องกว่าที่คิดไว้น่ะ"
              "โอ้ว ห้องหับต่างๆนั้นก็กลับมาดูดีจนน่านอนมากๆเลยน่ะ" สเปียริทกล่าวเพราะในตอนนี้ห้องพักประจำของเธอและพีวิลนั้นสะอาดทั้งผนัง เตียง เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงโต๊ะต่างๆ ซึ่งรวมถึงเตียงพิเศษของพีวิลที่ติดผนังด้วย รวมไปถึงห้องอื่นๆกันด้วย
              "พวกเราแค่จัดแต่งโดยที่ยังคงสภาพเดิมของห้องเอาไว้ แม้ว่ามันอาจจะทำให้พวกคุณไม่คุ้นชินกันเลยก็ตามนะครับ" เบย์แทนด์บอก
              "ใช่ แม้กระทั่งเพิ่มกล้องไว้ตรวจตรากันแบบนี้ ไม่ค่อยชอบเลยวะ เพราะเหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลากันน่ะ" คลอเวฟชี้ไปยังกล้องทรงกลมครึ่งที่ติดอยู่บนเพดานไว้
              เบย์แทนด์บอก "คือเราพบว่าพวกคุณมีระบบรักษาความปลอดภัยที่อ่อนมากๆ และเคยมีเรื่องโจรบุกเข้ามาขโมยอาหารและเสบียงอาวุธกันอยู่เป็นประจำ ก็เลยต้องเพิ่มตัวนี้ไปด้วยนะครับ"
              "แล้วมีอะไรกันบ้างที่เปลี่ยนแปลง เพิ่มเข้ามา และตัดออกไปกันน่ะ" โคเคสถาม
              เบย์แทนด์เลยนำแพดมาเพื่อแสดงภาพก่อนและหลังการบูรณะซ่อมแซมใหม่ "เท่าที่ผมตรวจเช็คมา โรงซ่อมบำรุงและโรงเก็บโมบิลลอยด์รวมถึงพาหนะนั้น เราปรับให้มีที่ทางในการซ่อมแซม รวมถึงระบบผลิตชิ้นส่วนนั้น เราปรับให้ใช้ระบบสายพานแบบเป็นขั้นเป็นตอนไว้ เพราะพวกคุณใช้การผลิตแบบแยกกันสร้างทีละชิ้นๆไม่มีแบบแผนกันเลยนะครับ"
              "จะว่าไปก็ใช่น่ะ แถมในฐานนั้นก็จัดวางพาหนะและโมบิลลอยด์เอาไว้ซะมั่วซัวกันด้วยน่ะ" สเปียริทบอก
              เบย์แทนด์กล่าว "ต่อมาก็คือระบบไฟฟ้าและประปานั้น เราได้ซ่อมแซมตัวจ่ายพลังงานไฟฟ้าที่ขัดข้องเอาไว้ รวมถึงการดึงเอาพลังงานจากเตาพลังงานหลักมาใช้ให้น้อยลงเพียง 1 ใน 4 แต่ให้พลังงานได้เหมือนกับการใช้งานปกติ ส่วนระบบประปารวมถึงระบบท่อน้ำทิ้งและของเสียนั้น เราปรับให้มันเป็นตัวผลิตปุ๋ยสำหรับพืชเรือนกระจก ซึ่งพวกคุณมักจะไปเอาพืชและอาหารจากโดมแก้วที่ข้างนอกมา ตอนนี้เราได้สร้างเรือนกระจกเอาไว้ที่ชั้นสาม สำหรับเพาะปลูกพืชผักและผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหาร แน่นอน ว่ารวมถึงเนื้อสัตว์ต่างๆเองด้วยนะครับ"
              "นั้นก็ช่วยได้มากเลยน่ะ เพราะเวลาเราออกไปเอาอาหารมาจากเรือนกระจกที่อยู่นอกฐาน ก็โดนพวกศัตรูโจมตีคลังเสบียงกันเป็นประจำเลยน่ะ" บัลโต้บอก
               เบย์แทนด์บอก "นอกจากนี้เราปรับแผงโซลาร์เซลให้รับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อแปลงเป็นพลังงานให้กับฐานทัพได้มากกว่าปกติ โดยจะเก็บเอาไว้ในหม้อแปลงสำหรับใช้งานต่อส่วนต่างๆในฐานทัพนี้ไว้กันนะครับ" แล้วก็เปิดภาพมายัง "ตอนนี้เราได้สร้างห้องวิจัยสำหรับทดลองของพวกเราเอาไว้ ซึ่งเราได้ดูสภาพห้องหมอเซริซ่ากันแล้ว พบว่าหมอใช้ห้องเป็นทั้งห้องพยาบาลและห้องค้นคว้ารวมกัน ตอนนี้เราเลยต้องจับแยกส่วนกันเลยนะครับ"
              "เยี่ยม เซริซ่าคงจะหัวเสียแทบแย่กันพอดี เพราะเธอให้ความสนใจไปที่การงัดแงะศพแมนิเกเตอร์กันน่ะ" บัลโต้บอก
              เบย์แทนด์กล่าว "แต่วางใจได้เลยครับ เพราะว่าผมขอร้องให้พวกเขาเซตแผนกวิจัยมาอยู่ด้านบนห้องพยาบาลกันไว้ แม้มันจะแก้แบบไม่ตรงจุดเลยก็ตาม อย่างน้อย ผมก็เซตให้ห้องวิจัยและห้องพยาบาลมีความแข็งแกร่งในการรับความเสียหายจากการทดลองกันนะครับ" แล้วก็อธิบายต่อไปอีก "นอกจากนี้แล้ว เราพยายามจะปรับแต่งภายในห้องพักของแต่ละคนเอาไว้ ห้องฝึกซ้อมนั้นจะไม่มีแค่ห้องยิงปืน แต่มันจะหมายถึงห้องออกกำลังกายและห้องฝึกฝนวิธีสู้รบ รวมถึงห้องสำหรับซ่อมบำรุงชุดหุ่นยนต์และเก็บร่างของพวกเขาไว้ในยามที่ไม่ได้ใช้งานกัน แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ พวกคุณไม่มีห้องสมุดหรือห้องอะไรที่เก็บรักษาข้อมูลกันเลยหรือครับ เพราะมันมีแค่ห้องคอมพิวเตอร์ที่แยกออกจากกันนะครับ"
              "เออ ห้องเก็บข้อมูลทั้งหมดเราเซตไว้ที่ห้องบัญชาการหลักของโคเคสที่อยู่บนสุด โดยห้องปฏิบัติการณ์และสั่งการนั้นจะอยู่ในส่วนเดียวกันไปเลย เพราะมันถูกสร้างเอาไว้มาตั้งแต่แรกกันนะสิ" บัลโต้บอก
              เบย์แทนด์บอก "ตอนนี้ผมได้เซตให้มีประตูทางเข้าออกสำหรับส่วนปฏิบัติการณ์กัน และตอนนี้ผมได้สร้างห้องเซอร์เวอร์สำหรับเก็บข้อมูลเอาไว้แล้ว หากแต่ส่วนที่สำคัญมากที่สุดนั้นก็คือ...ระบบขับเคลื่อนฐานทัพนั้น...ผมจำต้องตัดส่วนฐานตีนตะขาบออกไปกันนะครับ เพราะมันไม่เพียงชำรุดจากการใช้งานหนักเพียงอย่างเดียว แต่มันจะไปรบกวนระบบแอร์เรียลไดรฟ์ที่ติดตั้งไว้แต่แรกกันด้วยนะครับ"
              "แล้วนายพอจะซ่อมแซมมันได้หรือเปล่าละ" คลอเวฟถาม
              เบย์แทนด์บอก "ถึงซ่อมได้ แต่มันต้องใช้เวลากันไม่น้อยนะครับ เพราะตัวไดรฟ์ไม่เพียงเสียหายอย่างเดียว พวกคุณยังปล่อยไว้จนสภาพทรุดโทรมกันไม่น้อย จนพวกเราอาจจะลงความเห็นแล้วว่า ควรจะรื้อมันออกไปเป็นการถาวรไปเลยนะครับ"
              "ดีแล้วละ ที่พวกคุณมาช่วยพวกเรากันพอดี ไม่เช่นนั้นพวกเราคงแย่กันไปไม่น้อยเลยน่ะ" โคเคสบอก
              เบย์แทนด์กล่าว "แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเราจำเป็นต้องอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงภายในฐานทัพว่าการใช้งานในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนกันนะครับ อย่างน้อย พวกเขาควรจะได้รู้ว่าเราทำอะไรกับฐานทัพนี้กันบ้าง"

              แล้วหลังจากนั้น เวลาผ่านไปเกือบ 40 นาทีเต็มๆกับการอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของฐานทัพเอาท์คอมด์แห่งนี้ไว้ ซึ่งรวมไปถึงการซ่อมบำรุงรักษาความสะอาดและความคงทนของทุกอย่างในฐานทัพไว้ แม้พวกทหารกบฎทั้งหน้าเก่าและใหม่นั้น ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่พวกแมนิแฟคเตอร์อธิบายกันนัก เนื่องจากว่าส่วนใหญ่พวกเขาขาดความรู้ด้านการศึกษากันเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยความพยายามของเบย์แทนด์ที่อธิบายในการใช้งานอย่างง่ายๆเอาไว้ทีละขั้นตอนไว้ จึงทำให้พวกทหารกบฎเข้าใจได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง.... "ดีแล้วละ ที่พวกแมนิแฟคเตอร์หัวดีนั้นช่วยให้เราทุกคนรู้ว่า เครื่องไม้เครื่องมือและแผงวงจรนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง อย่างน้อยเราคงจะไม่ทำอะไรสักอย่างพังเสียหายกันแน่นอนน่ะ" ด็อดเจอร์บอก
              พีวิลกล่าว "เบย์แทนด์เองก็ดีนะครับ ไม่เพียงเขาหัวดีและฉลาดหลักแหลม เขายังมีอุปนิสัยเป็นกันเองและมีอัธยาศัยดีต่อพวกเราทุกๆคนด้วย...แม้ว่าเขาจะเจอกับพวกเราเพียงแค่ 2-3 วันเองนะ"
              "ส่วนหนึ่งต้องขอบใจมาสวาร์ทาร์ด้วยที่ไปเจอพวกเขาที่หลบอยู่ในเมืองเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็คงถูกพวกลูนาสตี้ฆ่าตายกันไปแล้ว และคงไม่ได้ค้นหาคนประเภทเดียวกันกับเบย์แทนด์กันแล้ว แม้ว่านั้นจะมีคนที่สนอกสนใจในโมบิลลอยด์ของพวกเราก็ตามน่ะ" ด็อดเจอร์กล่าวโดยที่หันมายังวูลลิเซีย ที่ยืนมองดูอัลติเมทเอท แพนเซสเซนไนน์ กำลังซ่อมบำรุงความเสียหายที่ได้รับไว้ เช่นเดียวกับทีมช่างที่ช่วยคลอเวฟซ่อมเฮฟโวลไปด้วย
              "หมายถึงคุณวูลลิเซียที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์นะหรือครับ แม้จะตกใจไม่น้อยที่เธอมองผมในครั้งแรกที่เจอกัน ว่าผมเป็นแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์หรือเปล่า สร้างขึ้นด้วยระบบเอไอแบบเดียวกันกับสเปียริทหรือไม่ แล้วผลิตจากที่ไหนกันบ้าง ซึ่งกว่าจะอธิบายให้คุณวูลลิเซียให้เข้าใจว่าผมเป็นแมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์ที่มีอวัยวะส่วนหนึ่งเป็นจักรกล ก็เกือบจะโดนเขาล้วงแคะแกะเกาะทุกส่วนของผมไว้เสียแล้วนะครับ"
              "สงสัยว่า เราจะเจอคนประเภทเดียวกับหมอเซริซ่าซะแล้วละ แหะๆๆๆๆ" ด็อดเจอร์บอก และสังเกตุเห็นจอมอนิเตอร์ของกล้องวงจรปิดที่ถ่ายเก็บภาพคอสทารอนไซน์เกนไว้ "เออ คู่หูของเธอเริ่มจะมีแววจะถูกแกะชิ้นส่วนเสียแล้วละ" ด็อดเจอร์กล่าวเพราะเห็นวูลลิเซียเดินมาตรงหน้าไซน์เกนที่พึ่งจะซ่อมแซมต่อแขนใหม่เอาไว้ พีวิลเลยรีบวิ่งไปห้ามไว้ก่อน
              "อ่า หุ่นตัวนี้ของเธอเองหรือ ไม่แปลกใจแล้วละ เพราะหุ่นของเธอใช้โทนสีเดียวกันเป้ะๆเลยน่ะ" วูลลิเซียบอก
              "ตอนนี้ผมกำลังจะซ่อมแซมไซน์เกนกันอยู่ ขอความกรุณาอย่ารบกวนกันเลยนะครับ" พีวิลบอก
              วูลลิเซียกล่าว "งั้นหรือ แต่เธอจะต่อแขนที่มันไม่แมทซ์กับระบบควบคุมส่วนแขนกันเลยนิ มันจะทำให้หุ่น ไม่สิ โมบิลลอยด์ของเธอขยับแขนใหม่นี้ช้าลงไป 30 เปอร์เซนต์กันด้วยน่า"
              "เอ้...เดียวก่อนน่ะ แขนคอสทารอนที่ผมจะใช้นั้น....มันไม่น่าที่จะ..." พีวิลกล่าวโดยเช็คไปที่คอมด์แพดของเขา เพื่อเช็คกับส่วนแขนคอสทารอนที่จะใช้ จนพบว่า... "...เออ หยุดก่อนๆ เอาแขนนั้นลงก่อน แขนอันนั้น มันของคอสทารอนที่ทอฟนิคซ์ใช้ เพราะฟูลอาร์มชู้ตเตอร์นั้นเป็นแบบปืนยิงระเบิดกันน่ะ"
              นายช่างบอก "เออ คุณพีวิลครับ แต่เรามีแขนอะไหล่ข้างซ้ายเพียงแค่ 4 อันเองนะครับ"
              "งั้นคงต้องทำใหม่เสียเองแล้วละ เพราะมีเครื่องไม้เครื่องมืออยู่ด้วยน่ะ" พีวิลกล่าว
              วูลลิเซียกล่าว "แล้วถ้าให้ฉันดัดแปลงส่วนแขนนี้ให้ตรงสเปคของเธอกันได้ละ จะว่ายังไงกันเอ๋ย"
              "ว่าแต่ คุณทำได้เลยหรือ เพราะการปรับสเปคแขนของไซน์เกนนั้น...มันถูกล็อกสเปคกันไว้เลยน่ะ" พีวิลบอก
              วูลลิเซียใช้โฮโลแพดเช็คดู "แต่ โมบิลลอยด์ของเธอนั้น มันมีเบสมาจากโมบิลทรูปเปอร์รุ่นเอนกประสงค์กันละสิ มันจึงสามารถโมดิฟายปรับแต่งได้หลากหลายกัน ซึ่งนั้นหมายถึง แขนของเธอนั้นสามารถปรับให้ตรงสเปคที่เธอต้องการกันน่ะ" แล้วก็ถามไปว่า "ว่าแต่ สนใจจะให้ฉันปรับส่วนแขนให้สามารถยิงเป็นหมัดจรวดได้มั้ยละจ๊ะ"
              "ไม่เป็นไรหรอกนะครับ และขอบคุณสำหรับคำแนะนำกันละครับ" พีวิลกล่าว แล้วก็จัดการปรับเซตส่วนแขนด้วยตัวเองไปด้วย
              ลูกมือช่างเครื่องกล่าว "เออ คุณพีวิล แจ้งบอกคุณมาสวาร์ทาร์ได้มั้ย เพราะนักวิจัยคนนั้นตรงไปยังลอร์ดวาทรัลแล้วละครับ"
              "เออ มาสวาร์ทาร์ คุณวูลลิเซียไปที่โมบิลลอยด์ของนายแล้ว รีบมาโดยด่วน มาสวาร์ทาร์ มาสวาร์ทาร์ ตอบด้วยสิ" พีวิลบอก แต่มาสวาร์ทาร์ไม่ตอบกลับมา จนกระทั่ง...
              "ลูกพี่ๆ เรียกให้ตาย คุณมาสวาร์ทาร์ไม่มาหรอกนะครับ" ไกซ์รีบวิ่งมาทันที
              "เกิดอะไรขึ้นกับมาสวาร์ทาร์กันละ หรือว่าเขาถูกพวกลูนาสตี้เล่นงานกันน่ะ" พีวิลกล่าว
              มิลด์วิ่งมาอธิบายไปว่า "คือว่า มันเป็นอย่างงี้นะคะ..." แล้วก็กระซิบบอกกับพีวิล จนคลอเวฟที่เดินตามมาก็เกิดความสงสัยไปด้วย

              "....ในช่วงที่พวกคุณพีวิลและพวกเราออกไปนอกฐานเพื่อช่วยเหลือพวกแมนิแฟคเตอร์ตามที่คุณเบย์แทนด์ให้ตำแหน่งพิกัดมา ทางเราเองก็พึ่งจะรับพวกพ้องจากเขตเอเชียที่บาดเจ็บสาหัสกันมากมายไม่ว่า พวกเขายังมีพวกเด็กๆติดตามกันมาด้วย ทั้งเป็นลูกของพวกทหารบ้าง เป็นเด็กกำพร้ากันบ้าง ซึ่งเพื่อนๆของเราที่อยู่ในฐานเองก็พยายามดูแลพวกเด็กๆให้นิ่งๆไว้ แต่ก็ไม่ได้ผล จนกระทั่ง เพื่อนคุณเบย์แทนด์ที่ชื่อคุณแอนเดรียเข้ามา โดยเธอได้ทำให้พวกเด็กๆที่กระจองอแงกันนั้น...เป็นแบบนี้นะคะ" มิลด์เล่าโดยพาพีวิลมายังชั้นลอยที่อยู่เหนือห้องประชุมหลักไว้ ซึ่งกลุ่มเด็กๆทั้งหลายนั้น ต่างมีสมุดและดินสอเขียนบนแผ่นเหล็กไว้ โดยที่แอนเดรียเขียนด้วยปากกาหมึกบนไวท์บอร์ด ทั้งๆที่ในยุคนี้ใช้กระดานโฮโลแกรมทั้งนั้น
              "เธอคนนั้นเป็นนักวิจัยเหมือนกับคนอื่นๆหรือว่าเป็นครูเด็กประถมกันแน่วะ" คลอเวฟกล่าวอย่างงงๆ
              "แอนเดรียเดิมเป็นครูสอนหนังสือให้กับพวกเด็กๆกันนะสิ ซึ่งเธอไม่เพียงสอนเด็กอนุบาลให้อ่านออกเขียนได้อย่างเดียว เธอยังสอนได้ตั้งแต่ชั้นประถม มัธยมไปจนถึงนักเรียนมหาวิทยาลัยกันนะครับ" เบย์แทนด์เดินมาอธิบาย "และดูเหมือนว่า คุณมาสวาร์ทาร์คงจะสนใจแอนเดรียไม่น้อยละสิครับ" แล้วก็ชี้มายังมาสวาร์ทาร์ที่จ้องมองแอนเดรียอยู่ห่างๆไว้
              พีวิลบอก "เออ เดียวก่อนนะ คุณเป็นแมนิแฟคเตอร์ที่ดร.รีไลฟ์เวอรี่สร้างขึ้นมามิใช่หรือ แล้วทำไมถึงรู้ข้อมูลระบบการศึกษาตั้งแต่ชั้นต้นไปถึงชั้นสูงที่ยึดถือมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 กันไปได้ละ"
              "คือว่า ดร.รีไลฟ์เวอรี่เป็นคนบอกและเล่าให้ผมฟังเองนะครับ แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจะสอนพวกเด็กๆเหล่านี้กันได้นะ" เบย์แทนด์บอก
              สเปียริทกล่าว "มาสวาร์ทาร์จ้องแบบสีหน้านิ่งมากแบบนี้ แล้วเฮเรเค้นกับดิเรนท์ไปไหนซะละ"
              "สองคนนั้นอยู่แถวหน้าแล้วละครับ" ไกซ์บอก โดยชี้มายังเฮเรเค้นและดิเรนท์ที่ต้องมานั่งรวมกับเด็กที่อายุอ่อนกว่าตั้ง 10 ปี เป็นสองแมนิเกเตอร์เด็กโข่งที่สุดในชั้นเรียนกันด้วย จนทำเอาคลอเวฟหัวเราะหงอหายจนลงไปกลิ้งกับพื้นไว้
              สเปียริทถาม "มันน่าขันมากเลยหรือไงกันยะ ที่เห็นสองคนนั่งเรียนร่วมกันกับพวกเด็กๆเลยน่ะ"
              "เฮเรเค้นกับดิเรนท์นิ อายุเท่าไหร่แล้วยังมานั่งเรียนร่วมกันกับพวกเด็กๆนิ มันน่าอายขนาดไหนกันน่ะ แม้ว่าจะเรียนกับครูหน้าตาดีๆแบบนั้น แต่มันก็อดขำไม่ได้กันน่ะ" คลอเวฟกล่าว
              เบย์แทนด์บอก "ไม่คิดเลยครับว่าจะมีแมนิเกเตอร์ที่เส้นตื้นถึงขั้นนี้กันน่ะ แต่...จะให้คุณมาสวาร์ทาร์ยืนแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันนะครับ"
              "เออ นายไม่เตือน เราก็เผลอเคลิ้มไปด้วยแล้วละ" พีวิลกล่าว แล้วก็ประคองคลอเวฟให้ลุกขึ้นแต่ยังทำท่าหัวเราะไม่เลิก จนสเปียริทต้องกำหมัดด้วยอาการยั้วะ คลอเวฟเลยต้องปิดโหมดขำกลิ้งลงไปโดยปริยาย แล้วพีวิลก็... "ตุบ" ตบเข้าที่เกราะหัวไหล่ซ้ายไปทีหนึ่งจนทำให้มาสวาร์ทาร์ที่คอยมองดูก็ชะงักลง และหันมามองพวกพีวิลที่อยู่รอบๆ
              "เออ โทษทีน่ะ คือว่าฉันละสายตาจากเฮเรเค้นและดิเรนท์ไม่ได้เลยนะสิ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              "ที่นายละสายตาไปไม่ได้นิ ลูกศิษย์สองคนของนาย หรือว่า แม่สาวผมส้มแสดนี้กันมิทราบละ มาสวาร์ทาร์" คลอเวฟบอก มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็อ้ำๆอึ้งๆพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
              พีวิลกล่าว "เราไปคุยกันที่โรงช่างดีกว่าน่ะ เพราะคุณวูลลิเซียกำลังจะมาดูโมบิลลอยด์ของนายกันด้วยนะสิ"

              "ขออภัยด้วยที่ทำให้พวกนายต้องมาเป็นห่วงกันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าวและหยิบถ้วยกาแฟที่ชงมาแล้วส่งให้ทุกๆคน เว้นแต่ไกซ์กับมิลด์ ที่มาสวาร์ทาร์หยิบนมสดมาแทน จนทำเอาไกซ์หงุดหงิดไม่น้อย
              สเปียริทบอก "นี้นายเป็นอะไรไปกันน่ะ มาสวาร์ทาร์ ปกติแล้ว นายเป็นคนที่สุขุมรอบคอบ ทำอะไรมีสติอยู่ตลอดเวลา และเป็นที่พึ่งพาของทุกๆคนในกลุ่ม รวมถึงพวกเราเองด้วยแล้ว แต่วันนี้ นายเป็นอะไรกันแน่น่ะ"
              "นั้นสิครับ คุณมาสวาร์ทาร์ นับแต่คุณเจอกับคุณแอนเดรียมานั้น เพื่อนผมมาพูดให้ฟังว่าเห็นคุณยืนเหม่อแบบนั้นมาหลายครั้งแล้วนะครับ" ไกซ์บอก
              มิลด์กล่าว "เฮเรเค้นและดิเรนท์เองก็มาบอกกับพวกหนูมาเป็นสิบรอบในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาแล้วนะคะ ตกลงนิ คุณมาสวาร์ทาร์คงจะไม่...."
              "....จะ จะบ้าหรือ ฉัน ไม่ได้คิดอะไรกับแอนเดรียแบบนั้นสักหน่อยนิน่า" มาสวาร์ทาร์ตะคอกใส่
              พีวิลกล่าว "มาสวาร์ทาร์ ตะกี้นายขึ้นเสียงเหมือนร้อนตัวไม่มีผิดเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็สูดลมหายใจเพื่อตั้งสติกลับมาใหม่ "ถ้าให้ฉันเดาจากคำพูดของนายเมื่อกี้นี้บวกกับที่นายเล่ามาตอนอยู่ที่บลันเดฮิลด้วยนั้น แปลว่า นายยังรู้สึกผิดที่มีส่วนที่ทำให้แอนเดรียกลายเป็นแมนิเกเตอร์ ทั้งๆที่เธอควรจะมีชีวิตอยู่ต่อในฐานะมนุษย์ธรรมดาๆ กันอย่างงั้นใช่มั้ยละ"
              "เฮ้อออ นายพูดมาถูกเผงเลยละ พีวิล บอกตรงๆน่ะ ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันเสียความเป็นตัวเองได้มากที่สุดก็คือเรื่องนี้เองแหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เบย์แทนด์กล่าว "แต่เรื่องนั้นคุณไม่ได้ตั้งใจทำ และพยายามห้ามไม่ให้เกิดขึ้น แต่ก็สายเกินแก้เพราะมีคนไปเร่งให้มันเกิดขึ้นแบบนั้น มันไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อยนิครับ อย่างน้อย คุณน่าจะปล่อยวางกันเสียบ้างนะครับ"
              "ไม่หรอก ถึงปล่อยวาง แต่ฉันยังไม่แน่ใจว่า เธอคนนั้นยังโกรธฉันอยู่หรือเปล่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "แม้ว่าเมื่อสองวันก่อนนั้น แอนเดรียเดินเข้ามาพร้อมกับแสดงความขอบคุณที่ฉันช่วยเหลือเธอกับพวกเอาไว้ได้ ซึ่งคำพูดของเธอแม้จะสุภาพอ่อนน้อมจนทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นก็จริง แต่....ยิ่งเธอพูดดีกับฉันมากแค่ไหน ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ที่ฉันทำให้เธอมีอันตรายจนเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอดเสียด้วยซ้ำน่ะ"
              เบย์แทนด์บอก "ไม่หรอกครับ คือว่าส่วนหนึ่งเพราะพวกเราอยู่ผิดที่เอง และพวกลูนาสตี้เองก็ออกอาละวาดกันด้วยแล้ว ผมเองก็อยากจะขอบคุณในความช่วยเหลือของคุณด้วยนะครับ"
              "มาสวาร์ทาร์ นายมองโลกในแง่ร้ายกันเกินไปหน่อยแล้วน่า" คลอเวฟกล่าว
              สเปียริทบอก "นั้นสิ คนชื่อแอนเดรียนั้นเขาอุตสาห์ขอบคุณนายในสิ่งที่นายได้ทำลงไปด้วยใจจริงเลยนะ ถึงแม้ว่าเธอจะหน้าตาดีเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆแล้วก็ตาม แต่นายก็ไม่น่าจะคิดถึงเรื่องที่นายครองคอร์ดอะไรนั้นก่อเอาไว้กันด้วยสิ ทั้งๆที่นั้นไม่ใช่ความผิดของนายเลยน่ะ"
              "แต่ แต่ว่า...ฉันไม่กล้าสู้หน้าเธอเลยนะสิ สิ่งที่สุภาพบุรุษไม่สมควรทำ นอกจากการพูดจาโกหกหลอกลวง ก่อกรรมทำชั่วอย่างไม่ละอายใจ มีความคิดคดโกงนั้น การกระทำที่ทำให้คนมองแล้วไม่เป็นสุภาพบุรุษมากที่สุด ก็คือทำให้สุภาพสตรีทรมานไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้ฉันแทบจะรู้สึกผิดบาปกัน..." มาสวาร์ทาร์กล่าว พีวิลเลยทุบโต๊ะไปเต็มๆจนพวกไกซ์สะดุ้งกันไม่น้อย
              "มาสวาร์ทาร์ นายบอกกับฉันเองมิใช่หรือ ว่าเรื่องในอดีตที่เลวร้ายกันนั้นควรจะปล่อยวางมันไปซะ ซึ่งรวมถึงความผิดพลาดที่นายก่อเองหรือไม่ได้ตั้งใจก่อไปเลยก็ตาม ซึ่งนายเตือนสติฉันที่มีความรู้สึกผิดบาปในสิ่งที่ฉันได้ก่อไว้อย่างไม่น่าให้อภัย จนถึงขั้นที่อยากจะพลีชีพให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ซึ่งคำพูดของนายได้ทำให้ฉันรู้จักคิดกันไปแล้ว แต่นายดันเป็นซะเองแบบนี้ มันใช่ได้ที่ไหนกันละ"
              "ถึงนายจะพูดโดยอิงจากอดีตของนายก็จริง แต่การกระทำของฉันที่มีต่อแอนเดรียนั้น มันก็...." มาสวาร์ทาร์กล่าว
              พีวิลบอก "...ถ้านายมองว่าสิ่งที่นายทำต่อแอนเดรียมันแย่ขนาดนั้น แล้วทำไมนายถึงช่วยเธอกันมิทราบละ เพราะความเป็นสุภาพบุรุษของนาย หรือว่าเพราะมันเป็นหน้าที่ที่ควรทำกันไว้ หรือไม่ก็....มันเป็นเจตจำนงที่นายตัดสินใจที่จะต่อสู้กับพวกโอเวอร์เดสเหมือนในสมัยที่นายเป็นมนุษย์ ซึ่งยังสืบต่อในหัวของนายที่ตอนนี้กลายเป็นแมนิเกเตอร์ไปแล้ว ถ้านายมองว่าการกระทำของนายจะยิ่งทำให้เธอทรมานเหมือนที่นายทำกับเธอในครั้งนั้น มันเท่ากับนายดูถูกตัวนายเองเลยน่ะ รู้ตัวหรือเปล่า"
              "....." มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็นิ่งไปพักใหญ่ แล้วก็ถอนหายใจพร้อมกับพูดเปิดอกไปว่า "นายพูดมาก็ตรงประเด็นเลยน่ะ พีวิล มันไม่ใช่แค่นายคนเดียวที่มีชนักความผิดติดตัวไว้ ขนาดฉันเองก็ยังต้องแบกรับมันไว้กับตัว ซึ่งฉันควรจะข่มความเจ็บปวดในสิ่งที่ฉันทำลงไปเพื่อโฟกัสไปที่การต่อสู้กันแล้ว แต่ฉันกลับปล่อยให้ความเจ็บปวดนั้นมันอยู่เหนือเจตจำนงที่แท้จริง ซึ่งนั้นเป็นปมที่เหนียวชนิดที่ดาบของฉันยังฟันไม่เข้าเช่นนี้ สุภาพบุรุษอย่างฉันก็ไม่ควรที่จะแสดงความอ่อนแอในใจนี้ให้คนอื่นเห็นเสียเลยน่ะ"
              คลอเวฟบอก "อีกอย่างน่ะ ไอ้เรื่องที่มันเกิดขึ้นในตอนนั้น มันเป็นความผิดของไอ้หัวแหลมกันชัดๆ มันสมควรจะโดนโบ๊กให้หัวบุบไปข้างหนึ่งเสียเลยมั่ง"
              "ที่สำคัญไปกว่านั้นน่ะ พวกเรากำลังเจอกับพวกศัตรูสุดเขี้ยวกันอยู่ แล้วนายมายืนซึมกระทือกันเช่นนี้ มันไม่เป็นตัวนายเสียหน่อยนะ มาสวาร์ทาร์" สเปียริทบอก
              พีวิลกล่าว "ที่พวกเราพูดมานั้น เพราะพวกเราเป็นห่วงนายกันด้วยน่ะ"
              "ฉันต้องขอโทษด้วยน่ะ ที่ต้องมาทำให้พวกนายเป็นห่วงกันเช่นนี้กันเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
               เบย์แทนด์กล่าว "คุณนิโชคดีมากแล้วนะครับ ที่คุณมีเพื่อนที่เป็นห่วงเป็นใยคุณอยู่ แม้ว่าผมเองก็อยากจะแสดงความรู้สึกออกมา แต่....ผมก็รู้สึกเกรงใจพรรคพวกส่วนมากที่อยากจะกลับบ้านกันด้วยนะครับ"
              "จะว่าไปก็ใช่นะครับ เพื่อนในฐานเล่าให้ฟังว่ามีนักวิจัยอยู่ไม่กี่คนที่บ่นให้พวกเราหายานสักลำมาให้พวกเขาเดินทางกลับบ้านกันนะครับ" ไกซ์บอก
              มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็นึกขึ้นมาได้ "จะว่าไปก็ใช่น่ะ แต่ นายก็เข้าไปห้ามพวกเขาในตอนนั้นด้วยนิน่า" เบย์แทนด์พยักหน้า "ที่สำคัญ ตอนนี้เราแทบไม่มียานบินเลยสักลำ ด็อดเจอร์เองก็กำลังสร้างโมบิลลอยด์ที่บินได้กันอยู่ ถึงจะสร้างเสร็จ แต่คงไม่ดีแน่ๆ ถ้า...เราออกจากฐานในช่วงที่พวกลูนาสตี้ออกอาละวาดกันด้วยน่ะ"
              "แต่อย่างน้อย พวกคุณก็น่าจะช่วยพวกโคเคสกันได้เลยนิน่า" พลัสเชอริทกล่าวโดยโผล่มาจากข้างผนังอย่างจังๆ "พรวดดด" ไกซ์สำลักนมจนพ่นใส่หน้ามิลด์ไปเต็มๆ ทำเอามิลด์ต้องหยิบผ้ามาเช็ดหน้าและตามตัวไว้
              "เออ คุณหุ่นยนต์ในตอนนั้นนิ คุณอยู่ที่นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันละครับ" เบย์แทนด์จำพลัสเชอริทได้เลยกล่าวทักขึ้น
              "เดียวก่อนน่ะ พลัสเชอริท เราติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยให้แล้วนิ แล้วทำไมนายถึงเข้ามาได้กันละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              พลัสเชอริทบอก "ความจริงแล้ว ผมได้ขอความร่วมมือจากหัวหน้าใหญ่โคเคสกันไว้แล้ว ให้ผมช่วยเหลือพวกคุณในการต่อสู้กับพวกลูนาสตี้ มาก่อนหน้าที่พวกมันจะมาถึง ดังนั้นผมจึงมีข้อมูลในฐานข้อมูลสมาชิก ดังนั้นระบบรักษาความปลอดภัยในฐานที่ถูกเซตใหม่จึงอนุญาตให้ผมผ่านเข้ามาได้นะครับ"
              "งั้นหรือ เดียวขอเช็คก่อนน่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าที่นายพูดมาเป็นเช่นนั้นจริงๆน่ะ" พีวิลกล่าวและเช็คผ่านคอมแพดดู ก็ปรากฎว่า... "จริงอย่างที่นายพูดมาเลยน่ะ ข้อมูลระบุว่านายเข้าร่วมกับทางเราผ่านการมาหาโคเคสเมื่อสองสามวันก่อน ซึ่งโคเคสเองก็ตอบรับข้อเสนอไว้ เพราะนายบอกว่า นายสามารถช่วยโคเคสและพวกเราได้ทุกเรื่อง ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือพวกเราในการสู้กับพวกอีเนอไมนด์กันน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "จะว่าไปก็ใช่น่ะ เพราะมีภารกิจหนึ่งที่เราบุกยึดฐานเก็บข้อมูลนั้น มีคนเก็บเซฟข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ทั้งๆที่พวกอีเนอไมนด์เซตให้ลบโปรแกรมและข้อมูลทั้งหมดให้หายไปหากพวกเราเข้าไปถึงกันด้วยน่ะ"
              "ผมเป็นคนจัดการตรงนั้นเองนะครับ เพราะนายกองที่อยู่ในฐานเตรียมพร้อมรับมือหากพวกคุณบุกมาถึงกันแล้วนะครับ" พลัสเชอริทบอก
              คลอเวฟกล่าว "แล้วนายก็โผล่มาช่วยพวกเราให้มาสมทบกับพวกโคเคสกันเลยสิน่ะ นายนิมันแจ่มไปเลยวะ"
              "ว่าแต่ คุณถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนกันละครับ" เบย์แทนด์ถาม
              พลัสเชอริทตอบ "ผมไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เอาเป็นว่าผมมานี้เพื่อช่วยเหลือพวกคุณก็แล้วกันนะครับ"

              ในห้องบัญชาการของโคเคสที่ตกแต่งจนเหมือนใหม่เอี่ยม
              "นายกำลังเช็ครายชื่อของพวกแมนิแฟคเตอร์นักวิจัยกันอยู่หรือ โคเคส" บัลโต้ถาม
              โคเคสพยักหน้า "....เท่าที่เบย์แทนด์ให้ข้อมูลพอสังเขปมา ไม่เพียงคนที่เราไปช่วยมานั้น จะมีทั้งนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ตั้งแต่ฟิสิกส์ เคมี ชีวภาพ จักรกลและหุ่นยนต์ คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีนักประดิษฐ์ นักวิชาการ และอื่นๆอีกมาก ซึ่ง....คนเหล่านี้มีความสามารถมากพอที่จะสามารถพัฒนาประเทศให้รุ่งเรืองกันได้เลยน่ะ"
              "นายพูดเกินไปหน่อยนะ โคเคส ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพวกเราก็น่าจะสร้างประเทศบนโลกได้กันบ้างสิ" บัลโต้บอก โคเคสส่ายหน้า
              เฮลิคบอก "นายก็น่าจะรู้น่ะ ว่าต่อให้เราอยู่บนโลกอย่างเปิดเผย คนทั่วโลกก็จะเบนเข็มมาเล่นงานพวกเราจนชนิดที่ไม่สามารถให้หนีออกไปไหนได้นะสิ แม้ในเวลานี้ พวกเราได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังมนุษย์ไปแล้วส่วนหนึ่งก็ตาม แต่สุดท้าย พวกเราก็ต้องถูกพวกเขาโจมตีและกวาดล้างเพราะสถานะความเป็นแมนิเกเตอร์ของเรา ซึ่งนั้นหมายถึง แมนิแฟคเตอร์ที่เราช่วยมาเมื่อครู่จะต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วยน่ะ"
              "ที่สำคัญไปกว่านั้นน่ะ พวกแมนิแฟคเตอร์ส่วนมากต้องการที่จะกลับไปยังสถาบันของดร.รีไลฟ์เวอรี่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาเคยอยู่มาก่อน การที่ฉันหรือใครบางคนไปบีบบังคับให้พวกเขามาทำงานให้กับเรานั้น จะยิ่งทำให้พวกเขาต่อต้านและเป็นศัตรูกับพวกเราเสียเอง ส่วนหนึ่งเพราะดร.รีไลฟ์เวอรี่ไม่ต้องการให้พวกเขาตกเป็นเครื่องมือของคนภายนอกที่หวังผลประโยชน์จากความสามารถของพวกเขาด้วย" โคเคสกล่าว "บวกกับว่าพวกเราเป็นแมนิเกเตอร์ทหารที่คลุกคลีอยู่กับการต่อสู้และสงครามอยู่ตลอด ซึ่งเหล่านักวิจัยที่ใช้ชีวิตสันโดษและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทั้งหลายทั้งปวงเองคงไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเราอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ผลงานที่พวกเขาสร้างมาถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการเข่นฆ่าและทำสงครามกันแน่ๆ แล้วฉันจะไปบีบบังคับให้พวกเขาช่วยวิจัยให้พวกเราได้ยังไงกันละ"
              บัลโต้บอก "แปลว่า พวกเราไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งไปหยิบยืมสิ่งที่เขาสร้างมาใช้ดัดแปลงไม่ว่าจะอนุญาตหรือไม่อย่างงั้นนะหรือ"
              "ใช่ แม้ว่าพวกลูนาสตี้เองจะออกอาละวาดกันมาแล้วก็จริง แต่เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาและของดร.รีไลฟ์เวอรี่นั้น เราจำต้องปกป้องพวกเขาไปให้ถึงที่หมายกันด้วยน่ะ" โคเคสกล่าว
              เฮลิคบอก "แล้วเรื่องการผลิตโมบิลลอยด์บินได้และอาวุธสำหรับรับมือพวกลูนาสตี้กันละ คงจะเร่งสร้างให้แล้วเสร็จเลยสิน่ะ"
              "ด็อดเจอร์ได้ออกแบบ เอลแวนท์ไดน์ ขึ้นจากการผสมผสานโครงสร้างและความสามารถของสตรัลทรอนและมัคซ์ออนเอาไว้แล้วละ ซึ่งดีไซน์ที่เห็นกันนี้ ฉันบอกตรงๆเลยว่า มันไม่สมดุลย์อย่างมากเพราะเหมือนเอาคนผอมขี้ก้างมาต่อประกอบกับแขนขานักกล้ามชัดๆเลยวะ" บัลโต้กล่าวพร้อมกับส่งแพดเปิดแบบแปลนร่างเริ่มต้นไว้ให้โคเคสดู
              "แล้วเริ่มสร้างอะไรที่ทำให้โมบิลลอยด์ของเราบินได้บ้างหรือเปล่าละ"
              "เราได้สร้างเจ็ทแพ็คและฐานล่างเทอโบเจ็ทเอาไว้ทำให้โมบิลลอยด์ของเราบินขึ้น แต่เนื่องจากว่าเราจำต้องทำการทดสอบในกลางแจ้ง ซึ่งคงไม่ดีแน่ๆถ้าเกิดมีใครรู้ว่าพวกเราได้แปลนสร้างที่นายได้รับมากันน่ะ" บัลโต้บอก
              โคเคสบอก "รวมถึงพวกลูนาสตี้กันด้วย ถ้าพวกนั้นรู้ว่าพวกเราพยายามสร้างกองรบภาคอากาศมาต่อกรกันละก็ คงไม่เป็นเรื่องดีแน่นอน"

              ที่เดธฮาเว่น ห้องโถงหลักภายในยาน
              "สเตฟอร์ด โฟรซ่า เจ้าขัดคำสั่งของข้าที่สั่งให้พวกเจ้านำกองรบไปถล่มลูทาเอล ซึ่งมีกองรบของพวกมนุษย์และกลุ่มพวกกบฎก็มุ่งหน้ามาตามเหตุร้ายที่เราก่อขึ้นมา ทั้งหมดนี้สมควรจะถูกกำจัดทิ้งให้สิ้นซากลงซะ แต่เจ้ากลับสั่งให้กองรบทั้งหมดกลับมาหลังจากที่ไล่ต้อนฝ่ายตรงข้ามกันไปแล้วเช่นนี้ เจ้าจะอธิบายกันยังไงละ" เทคไครด์กล่าวต่อสเตฟอร์ดและโฟรซ่าที่ก้มคุกเข่า โดยที่จีเนฟาร์รี่และเกซิคยืนใกล้ๆกับเทคไครด์ร่วมฟังไปด้วย
              สเตฟอร์ดบอก "เรียนท่านเทคไครด์ ขีดความสามารถของพวกกบฎในเวลานี้ ถือว่าอ่อนอย่างมาก ซึ่งกองกำลังของพวกเราที่มีกำลังอาวุธที่เหนือชั้นและล้ำหน้ามากกว่า แม้จะมีแมนิเกเตอร์แปรพักตร์ที่ทรงพลังอยู่ถึง 4-5 ตน แต่พวกที่เหลือนั้นยังถือว่าอ่อนอยู่มาก ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงในการกำจัดพวกนี้ให้เสียแรงและเวลาอันมีค่ากันเลยนิครับ"
              "ท่านคงจะไม่ปราณีพวกกบฎ เพียงเพราะว่ามีอดีตรุ่นน้องของเจ้าร่วมอยู่ด้วยหรอกน่ะ" เกซิคบอก สเตฟอร์ดได้ฟังก็นิ่งลง เกซิคเลยอธิบายไปว่า "อย่าลืมสิ ว่าพีวิลในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นมาจากการบดขยี้แพทรีออทและโค่นพวกอีเนอไมนด์ลง ซึ่งแม้จะมีเพียงหนึ่งเดียวที่ทรงพลัง แต่การที่ท่านเปิดโอกาสให้พวกนั้นลอยนวลไปได้ แล้วเกิดพวกนั้นมันฟื้นตัวและหาหนทางในการคิดค้นอาวุธมาโต้ตอบพวกเจ้าขึ้นมา เจ้าจะรับผิดชอบเช่นไรกันละ"
              สเตฟอร์ดบอก "กองรบลูนาสตี้ของพวกเรานั้นแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว ถึงพีวิลกับพวกจะหาหนทางแก้ทางพวกเราได้ แต่อย่างไงซะ สิ่งที่พวกเขาทำมาก็สูญเปล่ากันอยู่แล้ว"
              "แม้นั้นจะขัดคำสั่งท่านเทคไครด์กันก็ตาม แต่...โอกาสที่พวกกบฎจะแพ้เราก็ยังมีเยอะอยู่นะคะ" โฟรซ่าบอก
              จีเนฟาร์รี่กล่าว "....ง้านหรือ หึๆๆๆ แต่เจ้าทั้งสองคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าความเคลื่อนไหวของพวกกบฎในช่วงนี้ดูเปลี่ยนไปอย่างมาก ตั้งแต่พวกนั้นปรากฎในเขตเมืองที่ไม่ได้เป็นเป้าหมายการโจมตีของพวกเจ้า ซึ่งมันหมายรวมถึงเขตเมืองร้างที่แทบจะไม่มีอะไรที่น่าสนใจพอๆกันกับเขตชุมชนเล็กๆกันด้วยนั้น เจ้าคิดว่าพวกเขาไปเพียงแค่ลาดตระเวนเฉยๆแล้วไม่ได้อะไรเลยหรือ"
              "มันเป็นความจริงอย่างงั้นนะหรือ" เทคไครด์กล่าว
              เกซิคพยักหน้า "หุ่นสอดแนมของพวกเราได้จับภาพมาส่วนหนึ่ง แม้ส่วนมากที่ส่งไปก่อนหน้านั้นจะขาดสัญญาณไป แต่ทางเราเชื่อว่า โคเคสต้องเคลื่อนไหวและดำเนินการอะไรสักอย่างที่เป็นอันตรายของเราแน่นอน"
              "แล้วกองรบของโอเวอร์เดสที่เหลือกันละ" เทคไครด์ถาม
              เกซิคตอบ "ท่านโอเวอร์เดสได้สั่งให้ขุนพลครองคอร์ดและพวกกองรบครอสตรีมและแอตแลนไทซ์ไม่ให้ออกเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น เพราะว่าพวกเขาประสบกับความล้มเหลวในการปราบปรามพวกกบฎกันไว้หลายต่อหลายครั้งแล้ว ซึ่งก็มอบบัญชาให้ท่านกับพวกดำเนินแผนการกวาดล้างพวกมนุษย์กันโดยเร็วนะครับ"
              "เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว เพราะใครหน้าไหนก็ตามที่กล้ามาเป็นศัตรูหรือกล้ามาขัดขวางแผนการแก้แค้นของพวกเรา มันผู้นั้นและพวกนั้นจะต้องได้รับความตายอันหนักหนาสาสมกับสิ่งที่พวกมันโอหังกันไว้น่ะ" เทคไครด์บอก และสั่งการให้... "แต่เจ้าสองคนในตอนนี้ ทำให้ข้าผิดหวังกันไม่น้อยเช่นนี้ แม้พวกเจ้าเคยช่วยข้าถล่มเขตเมืองบนดวงจันทร์ไปถึง 3 แห่งอย่างง่ายดายในช่วงที่ข้าคืนชีพให้มาเมื่อ 8 สัปดาห์ก่อน ดังนั้น สเตฟอร์ด โฟรซ่า กลับไปสำนึกผิดที่ห้องแคบซะ และกรุณาอยู่แยกกันไว้ด้วย" สเตฟอร์ดที่ได้ฟังก็ถึงกับส่ายหน้า ผิดกับโฟรซ่าที่ก้มคำนับด้วยสีหน้าที่เย็นชาและไร้จิตใจมากกว่าเดิม จนทั้งคู่ต้องเดินออกจากห้องโถงไป
              จีเนฟาร์รี่ถาม "ในเมื่อท่านสั่งลงโทษไปสอง แล้วท่านจะส่งสมุนที่เหลืออีกสามไปจัดการกับพวกกบฎละสิ"
              "ใช่ ทีแรก ข้าตั้งใจจะส่งมือสังหารที่อันตรายมากที่สุดออกไปเพียงคนเดียว เพื่อหวังจะจบเรื่องนี้ลงไปซะ แต่....จากการที่สเตฟอร์ดปะมือกับแมนิเกเตอร์อย่างเบรซซิ่งแฮนด์พีวิล สเปียริทเมดออฟสเปียร์ และกราดิเอเตอร์มารีนคลอเวฟนั้น บ่งชี้ได้ว่า พวกนี้ยังมีพลังและความสามารถมากพอที่จะโต้ตอบสเตฟอร์ดและโฟรซ่าได้ ซึ่งข้ามองพวกนี้ต่ำเกินไปหน่อย" เทคไครด์กล่าว "แม้ทั้งสองจะไม่ได้ปะทะกับเอชมาสวาร์ทาร์ ซึ่งเป็นแมนิเกเตอร์นักรบระดับสูงของครอสตรีมที่แปรพักตร์ไปอยู่ข้างกบฎกันก็จริง แต่สมุนของข้าที่ส่งไป ล้วนแล้วตายด้วยคมดาบของเขากันทั้งนั้น ซึ่งโอกาสที่ข้าจะเสียสมุนเอกทั้งห้าไปนั้นย่อมเกิดขึ้นได้ แม้ความเป็นไปได้ที่พวกมันจะเอาชนะมีต่ำกว่าที่คิดไว้ก็ตาม"
              เกซิคบอก "แต่การส่งสมุนเอกไปทีเดียวสามคนนั้น ก็ออกจะเสี่ยงไปหน่อยนะครับ"
              "ถ้าเสี่ยงแล้วทำให้ใครคนใดคนหนึ่งในฝ่ายตรงข้ามตายไปสักคนสองคน ก็ถือว่าคุ้มที่จะเสี่ยงแล้วละ ท่านผู้คุมกฎ" เทคไครด์กล่าว "หากแต่ ข้าต้องการเครื่องทุ่นแรงดีๆสักชิ้นไว้หน่อยนะ เพราะข้ายังไม่รีบใช้เครซเดรทที่ยังไม่พร้อมใช้งานได้หรอก"
              เกซิคบอก "วางใจได้ครับ เพราะว่าข้าได้ให้คนๆนี้มาร่วมงานกับท่านนะครับ" แล้วแมนิเกเตอร์ในชุดเกราะสีเทาพร้อมกับปีกมีดติดหลังถึงแปดอันเดินเข้ามา ซึ่งไม่ใช่ไวซ์ไมเซลอย่างแน่นอน เพราะแมนิเกเตอร์ตนนี้เป็นหญิง
              "เจ้าคือใครกันละ" เทคไครด์กล่าว
              แมนิเกเตอร์หญิงบอก "นามของข้าคือ ไวซ์แลงค์ ข้าเป็นลูกมือของแม่ทัพไวซ์ไมเซล ซึ่งเป็นหัวหน้ากองกำลังสัตว์ประหลาดสำหรับสนับสนุนกองรบภายใต้การนำของท่านขุนพลครองคอร์ด ตอนนี้ท่านเกซิคได้ขอร้องให้ข้ามาช่วยงานของท่านแล้วละคะ" แล้วก็ดีดนิ้วเพื่อเรียก "ตรึง ตรึง ตรึง ตรึง" กริฟฟอน คิไมร่า เคลเบรอส เปกาซัส เบฮีมอธ แมนติคอร์ ออกมา โดยที่แถมมาด้วย...
              "งูไฮดร้า หึ นั้นเป็นมาสเตอร์พีชของเจ้าเลยหรือ" เทคไครด์ถาม เพราะเห็นงูห้าหัวที่มีท่อนล่างมีขาหน้าหลังของกิ่งก่าเอาไว้ แทนที่จะเป็นตัวหางงูเสียอีก
              "คะ ด้วยงูเพียงห้าสายพันธุ์กับกิ่งก่าโคมาโดที่ใช้เป็นส่วนฐานล่างไว้ เพราะการเลื้อยบนพื้นจะทำให้ส่วนท้องที่รวมอวัยวะทั้งหมดเกิดการบอบช้ำอันเนื่องมาจากการเสียดสีกับพื้นที่แข็งๆเอาไว้ตลอดนะคะ" ไวซ์แลงค์บอก
              เกซิคบอก "ว่าแต่ ท่านชอบที่จะใช้ตัวไหนกันได้ละ ท่านเทคไครด์"
              "แล้วไม่มีมาสเตอร์พีชที่ดีไปกว่านี้แล้วหรือ" เทคไครด์กล่าว
              ไวซ์แลงค์พยักหน้าและนำหมาป่าขนาดใหญ่ขนสีเทาขาว โดยที่มีเขี้ยวเป็นน้ำแข็งออกมา 2 ตัว และหมาป่าตัวโตสีแดงก่าที่มีสี่ตาถึง 2 ตัวด้วยกัน "นี้คือหมาป่ายักษ์เฟนริล และหมายักษ์เพลิงกัลม์ สี่ตัวนี้คือผลงานอีกชิ้นที่ข้าพเจ้าสร้างขึ้นมา ซึ่งข้าอิงจากข้อมูลของหมาเฝ้านรกกันไว้และนำมาปรับแก้ทางพันธุกรรมด้วยนะคะ"
              "สมแล้วที่เจ้าเป็นลูกน้องของแม่ทัพที่มีความรู้ด้านการผสมพันธุ์สัตว์จนก่อเกิดสัตว์ข้ามสายพันธุ์มากมายหลายหลากเป็นจำนวนมากเมื่อ 30 ปีก่อนกันน่ะ" เทคไครด์บอก "ข้าทราบมาว่าท่านกับท่านไวซ์ไมเซลนั้น เดิมเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ผู้เชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลงยีนของสัตว์ต่างๆที่อ่อนแอให้แข็งแกร่งขึ้น รวมถึงการผสมพันธุ์สัตว์ป่าสองสามชนิดให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว จนทำให้การสร้างสัตว์ในเทพนิยายที่ปรากฎเพียงแค่หนังสือกลายเป็นจริงขึ้นมา ซึ่งความสำเร็จของท่านทั้งสองในตอนนั้น ข้าก็รับทราบมาด้วยเช่นกัน"
              ไวซ์แลงค์บอก "แปลว่าท่านคงจะอ่านข่าวมาแล้วสิน่ะ"
              "แต่ว่าน่าเสียดาย ที่ผลงานการสร้างของพวกคุณนั้น กลับถูกนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายตำหนิว่าพวกคุณพยายามสร้างสิ่งที่ฝืนธรรมชาติของสัตว์ป่าที่ถูกนำมาผสมกัน และไม่เพียงเท่านั้น บางคนก็ใช้สัตว์ในเทพนิยายของคุณเป็นเครื่องมือในการสู้รบกัน โดยเฉพาะสงครามระหว่างมนุษย์กับโอเวอร์เดสนั้น โอเวอร์เดสได้ยึดสัตว์ในเทพนิยายทั้งหมดที่คุณสร้างให้กับกองทัพเพื่อหวังจะใช้พวกมันเป็นเครื่องมือกำชัยชนะเหนือพวกแมนิเกเตอร์ มาโต้ตอบพวกคุณเสียเอง ซึ่งหลังสงครามนั้น คุณกับไวซ์ไมเซลเองก็ถูกฆ่าตายไปพร้อมกับแลบถูกทำลายลงเลยสิน่ะ" เทคไครด์กล่าว
              ไวซ์แลงค์บอก "ไมเซลรู้ว่าตัวเองจะถูกพวกมนุษย์ฆ่าตาย เขาเลยได้เตรียมการโยกย้ายวัตถุดิบและสิ่งที่เขาสร้างมาไปไว้ที่อื่น ส่วนพวกเราสองคนนั้น ได้ลูกน้องของโอเวอร์เดสที่เหลือรอดนำร่างของเราไว้ในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง พร้อมกับทำการผ่าตัดดัดแปลงร่างของเราจนเป็นเช่นนี้ จนกระทั่งท่านโอเวอร์เดสกลับมา พวกเราทั้งสองได้ตัดสินใจรับใช้ท่านโอเวอร์เดสกันนะคะ"
              "ท่านโอเวอร์เดสเองก็มอบโอกาสให้ข้ากับพวกเช่นกัน ซึ่งพวกเก็บซากศพของข้ากับพวกที่อยู่บนดวงจันทร์นั้นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับทุกๆคนที่อยู่ตามดาวต่างๆไปด้วย เมื่อท่านโอเวอร์เดสเดินทางเข้ามาในระบบสุริยะ ลูนาสตี้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างที่เห็นนี้แหละ" เทคไครด์บอก
              จีเนฟาร์รี่กล่าวขัดขึ้น "พวกท่านจะเล่าถึงความหลังอีกนานมั้ย แล้วท่านไม่กลัวว่าสมุนเอกของท่านจะรอเก้อเลยหรือ"
              "ท่านหญิงคงจะรอนานไปสิน่ะ สกายล็อต ไพโอล็อต แล้วก็แดนเจอร็อท ออกมาได้แล้ว" เทคไครด์กล่าว แล้วสมุนสามคน โดยเฉพาะคนที่สามที่เป็นบุรุษสวมชุดเกราะสีขาวตัดกับชุดรัดรูปสีดำ สวมหน้ากากฟันหยักที่มีจมูกแหลมเป็นเอกลักษณ์ เขาผู้นี้ก็คือแดนเจอร็อต สมุนคนที่ห้าของเทคไครด์ ซึ่งเดินมาพร้อมกันกับสมุนภาคอากาศทั้งสองด้วย
              "สกายล็อต มารายงานท่านเทคไครด์ ท่านผู้คุมกฎเกซิค และท่านจีเนฟาร์รี่แล้วละครับ" สกายล็อตกล่าวคำนับ
              "ไพโอล็อต พร้อมรับคำสั่งจากท่านเทคไครด์กันแล้วละคะ" ไพโอล็อตกล่าวตาม
              สมุนสวมหน้ากากแดนเจอร็อตกล่าว "ข้าคือแดนเจอร็อต คำสั่งของเทคไครด์คือคำบัญชาที่จะส่งคนไปปรโลก ซึ่งข้าพร้อมจะจัดการกับเป้าหมายที่ท่านต้องการแล้วละครับ"
              "ดีมาก ตอนนี้สเตฟอร์ดและโฟรซ่าล้วนทำให้ข้าผิดหวังจากยุทธการครั้งที่แล้วไป ครั้งนี้ ข้าต้องการให้เจ้าไปจัดการกับโคเคสและพวกกบฎกันให้จงได้ เพราะการมีตัวตนของพวกนั้นจะทำให้งานใหญ่ของท่านโอเวอร์เดสชะงักลงไปอย่างมาก ปราศจากพวกมัน พวกเราจะได้ชำระแค้นกับพวกมนุษย์ได้อย่างเต็มที่กันด้วย" เทคไครด์กล่าว "แดนเจอร็อท ข้าต้องการหัวคนทรยศอย่าง เบรซซิ่งแฮนด์พีวิล เอชมาสวาร์ทาร์ กราดิเอเตอร์มารีนคลอเวฟ รวมถึงผู้ให้ความร่วมมือต่อโคเคสและหัวของโคเคสกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือคนแก่ก็ตาม"
              จีเนฟาร์รี่บอก "และถ้าเป็นไปได้จริง เจ้าช่วยนำหัวของเลดี้ออฟสเปียร์ สเปียริทมาให้ข้าเชยชมได้มั้ยละ"
              "บัญชาของท่านเทคไครด์และท่านหญิง ข้าจะทำตามกันเลยนะครับ" แดนเจอร็อทกล่าว
              เทคไครด์บอก "นอกจากสมุนที่ข้าคัดเลือกไว้แล้ว พวกเจ้าจะต้องใช้สัตว์ประหลาดเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกันด้วยน่ะ"

              ตัดกลับมายังฝั่งของครองคอร์ดกันบ้าง ซึ่งครองคอร์ดอยู่ที่ปราการปิรามิลด้าของพวกแอตแลนไทซ์
              "เกซิคยืมตัวไวซ์แลงค์มาช่วยพวกลูนาสตี้กันแล้ววะ ซึ่งข้าน่าจะรู้น่ะ ว่าต่อให้ข้าไม่ให้ความร่วมมือ เกซิคก็หาเรื่องดึงตัวเมียข้าไปใช้งานซะได้เลยละ" โฮโลแกรมของไวซ์ไมเซลกล่าวต่อครองคอร์ด และเกซเฟลิค ซึ่งแท่นโต๊ะประชุมนั้นลอยอยู่ตรงหน้าเกซเฟลิคที่นั่งอยู่
              โครเต้บอก "แถมไวซ์แลงค์เองก็มีความรู้ด้านตัดต่อพันธุกรรมสัตว์ แถมมีส่วนร่วมในการสร้างพวกบีสทอยด์แบบนี้ ข้ารู้ได้เลย ว่าเทคไครด์ต้องหาเรื่องจัดการกับพวกบีสทอยด์กันอย่างแน่นอน และนั้นหมายถึง เขาจะนำพวกบีสทอยด์ที่อันตรายสุดๆออกมาด้วยน่ะ"
              "บีสทอยด์ที่อันตรายที่สุดนั้น....หมายถึงบีสทอยด์ไดโนเสาร์ละสิน่ะ" ครองคอร์ดกล่าว
              ไวซ์ไมเซลบอก "บีสทอยด์พลังสัตว์โลกล้านปีนั้นอันตรายเกินไปที่จะรับคำสั่งจากข้าและไวซ์แลงค์ พวกนั้นชอบทำตามใจตัวเองกันเช่นนี้ ซึ่งข้ารู้เลย ว่าต่อให้พวกโคเคสรับพวกมันมาเป็นพวก พวกมันก็ต้องก่อเรื่องให้เกิดอันตรายภายในกันอย่างไม่ต้องสงสัยนี้แหละ"
              "เหอะ เกซิคมันคงได้หน้าเช่นเดียวกับท่านหญิงกันแน่ๆเลยละ ท่านครองคอร์ด ท่านไม่คิดจะทำอะไรที่เป็นการโต้ตอบกันบ้างเลยหรือ" เกซเฟลิคกล่าว
              ครองคอร์ดยิ้มพร้อมกับบอกว่า "เกซิคและจีเนฟาร์รี่มันไม่รู้หรอกน่ะ ว่าในขณะที่เทคไครด์ยังย่ามใจได้ว่า พวกตนแน่กว่าพวกกบฎกันจนไม่มีการลงมือมาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานั้น พวกกบฎมันพยายามจะพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งกันแล้ว..." และเปิดโฮโลแกรมแสดงแผนที่ไว้ "....พลัสเชอริทที่แทรกซึมอยู่ในฐานของพวกโคเคสในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่ม ได้ส่งข่าวมา ว่าโคเคสได้รวบรวมแมนิแฟคเตอร์ของดร.รีไลฟ์เวอรี่ ที่ออกนอกสถาบันลับสุดยอดที่ตัวดร.ใช้กบดานหลบซ่อนจากสายตาของพวกมนุษย์มาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพวกแมนิแฟคเตอร์ เออ แมนิเกเตอร์ที่พวกเขาเจอมา ล้วนแล้วเป็นพวกกระทิด้วยกันทั้งนั้นน่ะ"
              "ท่านกำลังจะบอกว่า พวกแมนิเกเตอร์ของเพื่อนสนิทของดร.เดลวีแองนูช่วยเหลือพวกกบฎด้วยการพัฒนาด้านอาวุธและยุทโธปกรณ์กันอย่างงั้นนะหรือ นั้นยิ่งแย่กว่าที่ข้าคิดไว้กันน่ะ" โครเต้กล่าวอย่างไม่พอใจ
              ไวซ์ไมเซลเสริม "....แล้วท่านจะปล่อยให้พวกกบฎมันชนะพวกลูนาส...เออ..." แต่ไม่ทันไรก็กลับคำเพราะนึกขึ้นมาได้พอดีว่า... "ตะกี้นี้ ท่านบอกว่า แมนิเกเตอร์ของดร.รีไลฟ์เวอรี่นิ ข้าพอรู้เกี่ยวกับโปรเจคพัฒนามนุษย์สำหรับบุกเบิกอวกาศกันมาบ้างน่ะ ว่าลูกสาวของตัวดร.รีไลฟ์เวอรี่เองก็อยู่บนดวงจันทร์ร่วมกันกับเพื่อนในโปรเจคอีกหลายสิบ ไม่สิ พันถึงหมื่นกว่าคนด้วย...และทั้งหมดที่ว่ามานั้นล้วนแล้วถูกพวกมนุษย์กวาดล้างหลังสงครามครั้งแรกของท่านโอเวอร์เดสกันน่ะ"
              "ท่านกำลังจะบอกว่า เทคไครด์กับรีไลฟ์เวอรี่นั้น..." โครเต้กล่าว
              ไวซ์ไมเซลพยักหน้าและพูดต่อ "ข้าหวังว่า สิ่งที่ข้าและท่านขุนพลครองคอร์ดคิดมา จะตรงกับที่ท่านโครเต้กำลังคาดคะเนเอาไว้ เช่นเดียวกับท่านเกซเฟลิคด้วยน่ะ"
              "....โคเคสกำลังจะทำให้เทคไครด์และตัวดร.คนนั้นได้พบปะกัน สงสัยว่าเรื่องนี้จะสนุกซะแล้วละวะ ฮะๆๆๆๆ" เกซเฟลิคบอก
              ครองคอร์ดยิ้มพร้อมกับบอกว่า "แต่ข้ายังคาดเดาผลลัพธ์ไม่ได้เลยน่ะ ว่ารีไลฟ์เวอรี่จะทำเช่นไรหากเรื่องนั้นมันเกิดขึ้นมา ยิ่งตัวเขาหลบซ่อนมาตลอด 10 ปีนั้น ใจคนนั้นมันหยั่งยากเลยน่า พวกท่านทั้งหลาย"

              วกกลับมายังฝั่งพวกกบฎกันบ้าง ตอนสองทุ่มเศษ
              "สรุปคือพวกเราทั้งหมดจะต้องเดินทางกลับสถาบันของพวกเรากัน ซึ่ง พวกคุณคงจะรู้สึกเสียใจไม่น้อยที่พวกเราอยู่ที่นี้ได้ไม่นานนัก แต่พวกเรามีความจำเป็นที่ต้องไปจัดการในสิ่งที่เราค้างคาอยู่ในสถาบันของพวกเราไว้ จึงต้องขอโทษพวกท่านไว้ด้วยนะครับ" เบย์แทนด์กล่าว จนพวกทหารถึงกับร้องว้าด้วยความเสียดายกันด้วย
              เซริซ่าบอก "แล้วพวกคุณคงจะกลับมาหาพวกเรากันหรือเปล่าละ"
              "เรื่องนี้เรายังตอบไม่ได้นะคะ มันขึ้นกับดุลพินิจของตัวดร.รีไลฟ์เวอรี่ ซึ่งเป็นหัวหน้าโปรเจคของพวกเราว่าตัดสินให้พวกเราทำยังไงต่อไป ซึ่งหวังว่าพวกคุณคงจะเข้าใจได้นะคะ" แอนเดรียกล่าว โดยที่มาสวาร์ทาร์ได้ฟังก็ทำเป็นหน้านิ่ง แต่พีวิลมองออกเพราะมือของมาสวาร์ทาร์ข้างหนึ่งยังกระดิกนิ้วชี้ กลางและนางกันอยู่
              เฮเรเค้นบอก "สงสัยว่าอาจารย์คงจะเสียใจมากที่ต้องจากครูแอนเดรียไปเลยละสิครับ คุณพีวิล"
              "แน่ละ ถึงคุณมาสวาร์ทาร์ทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เราก็เดาได้เลยว่า เขารู้สึกเช่นไรนะคะ" มิลด์บอก
              ดิเรนท์กล่าว "น่าเสียดายเหลือเกินน่า ครูแอนเดรียสอนดีมากๆเลย แม้ว่าฉันไม่เคยบวกเลขได้ 2 หลักขึ้นไปเลยน่ะ"
              "แต่พวกคุณจะจากไปเพียงลำพังแบบนั้นเลยหรือ" โคเคสกล่าว
              เบย์แทนด์บอก "คือว่าเราจะยืมยานภาคพื้นสักลำของพวกคุณไว้ใช้เดินทางกลับสู่สถาบันลับของพวกเรากันสักหน่อยนะครับ ซึ่งเราจะคืนยานของพวกคุณให้ในทันที ที่เราลงจากยานไปแล้วละครับ"
              "ว่าแต่ จะไม่ให้เราส่งคนคุ้มกันไปด้วยหรือ เพราะพวกคุณยังถูกปองร้ายกันอยู่น่ะ" เฮลิคบอก
              วูลลิเซียกล่าว "ไม่เป็นไรหรอกคะ เพราะพวกเรารู้วิธีป้องกันไว้แล้ว อย่างน้อยคงไม่น่าเป็นปัญหาเลยนะคะ"
              "พวกเราจะออกเดินทางกันเดียวนี้แล้ว ซึ่งเราไม่หวังจะมีการเลี้ยงส่งกันด้วย เนื่องจากว่าพวกเราไม่อยากให้พวกพ้องที่อยู่ที่นั้นรู้ว่าพวกเรามีปฏิสัมพันธ์กับคนภายนอกกันไว้ ซึ่งนั้นหมายถึงพวกเขาอาจจะไม่ต้อนรับพวกคุณแน่นอนนะครับ" เบย์แทนด์บอก
              พีวิลกล่าว "แม้กระทั่งจับมือหรือถ่ายรูปเอาไว้กันด้วยละสิ"
              "ชุดของพวกเรามีตัวระบุการบันทึกข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆที่พวกเราได้ประสบกันไว้ ซึ่งพวกเราไม่อาจจะลบข้อมูลที่บันทึกเอาไว้กันนะครับ" เบย์แทนด์บอก "แต่ ถ้าไม่เพราะพวกคุณช่วยเหลือพวกเราเอาไว้ พวกเราคงไม่ได้กลับไปหาพวกพ้องของพวกเราที่สถาบันเลยละครับ"
              เฮลิคบอก "แม้เวลาที่พวกคุณอยู่กับพวกเรานั้นแสนสั้นมากนัก แต่...พวกเราก็ดีใจมากที่ยังมีแมนิแฟคเตอร์อย่างพวกคุณอยู่ด้วยน่ะ"
              "พวกเราขอขอบคุณพวกคุณมากนะครับ" เบย์แทนด์กล่าว แล้วทั้งหมดก็ก้มคำนับไว้ ซึ่งแอนเดรียก็ก้มด้วยแม้จะก้มช้าไปเลยก็ตาม โดยเธอได้มองสบตามาสวาร์ทาร์เข้าจนสุภาพบุรุษนักดาบเองก็ชะงักไปด้วย หลังจากนั้น กลุ่มแมนิแฟคเตอร์ทั้งหมดก็... "ครืนนนนน" นำยานฟริแทงคอนหมายเลข 4 ออกไปกันแล้ว
              "เฮ้อออ ช่างเป็นการลาจากที่เร็วกันซะจริงๆเลยน่า" ด็อดเจอร์บอก โดยที่ยืนมองดูยานภาคพื้นเคลื่อนออกจากฐานทัพไปไกลจนลับสายตาของเขากับพวกโคเคสกันแล้ว
              "นั้นสิ พวกเขาสร้างห้องแลบเอาไว้ แต่กลับไม่มีคนใช้งานซะแบบนี้ มันก็กระไรๆกันอยู่น่า" บัลโต้บอก
              เซริซ่ากล่าว "เอาเถอะ เดียวฉันจะคัดเลือกลูกทีมที่พอฉลาดๆมาใช้งานเลยแล้วกัน แม้ว่านั้นจะทำให้เครื่องไม้เครื่องมือเจ็งไปสักชิ้นสองชิ้นก็ตามน่ะ"
              "กูว่า กูปิดใช้ห้องนั้นไปจนกว่าจะหาใครที่หัวไบรท์เท่ากับพวกแมนิแฟคเตอร์เหล่านี้มาประจำการจะดีกว่า" บัลโต้ออกความเห็นไว้
              เฮลิคบอก "สงสัยว่าฉันคงต้องเรียกพวกบีสทอยด์มาช่วยอีกตามเคยแล้ว...." และสังเกตุเห็นกระเป๋าเสื้อโค้ทตรงอกของเซริซ่าที่ดูตุงกว่าปกติ "เออ เธอใส่อะไรไว้ในกระเป๋าเสื้อกันมิทราบละ ดูแล้วไม่น่าใช่ปากกาเลยน่ะ"
              "ปากกาบ้านนายดิ ใหญ่เท่ากับแตงกวาดองน่ะ" บัลโต้ย้อนแกมด่า
              โคเคสกล่าว "เซริซ่า เอาของออกจากกระเป๋าเสื้อมาให้ดูกันหน่อย" เซริซ่าพยักหน้าและหยิบเอาของนั้นมาดู ปรากฎว่าเป็นแท่งทรงกระบอกกลมอะไรสักอย่าง "นั้นคงจะเป็นแคปซูลอะไรสักอย่างหรือเปล่าวะ ที่ใช้ชูส่องแสงแล้วแปลงเป็นมนุษย์ยักษ์น่ะ" บัลโต้บอก
              "ไม่ใช่น่ะ ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ฐานทัพเราคงทะลุเป็นรูไปแล้ว แต่นี้มันไม่เกิดอะไรขึ้นเลยสักนิดเดียววะ" ด็อดเจอร์กล่าว
              เฮลิคถาม "แล้วเธอเก็บมาจากตรงไหนกันละ"
              "มันตกอยู่ตรงเสาในห้องประชุมนะสิ ซึ่งฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นของแมนิแฟคเตอร์สักคนที่เผลอทำหล่นเอาไว้กันนะสิ" เซริซ่าบอก
              โคเคสกล่าว "จริงด้วยน่ะ เพราะเบย์แทนด์และพวกอยู่บนเวทีกันทั้งหมดเลยน่ะ บัลโต้ นายช่วยเช็คสัญญาณจากยานเบอร์สี่ได้มั้ยละ"
              "เดียวจะรีบไปจัดการให้แล้วกัน" บัลโต้บอก เซริซ่ามองดูแท่งแคปซูลแล้วก็เกิดความสงสัยไม่น้อย "อืมมมมม ไม่รู้หรอกน่า ว่าอันนี้มีไว้ทำอะไรกัน แต่....มันจะดีกว่ามากหากให้นายช่วยเก็บไว้กันน่ะ" เซริซ่าส่งแท่งแคปซูลให้โคเคสเก็บไว้
              "ว่าแต่ นายยังไม่ได้ตอบคำถามเราเลยน่ะ ว่าที่ตั้งของดร.รีไลฟ์เวอรี่อยู่ตรงไหนกันน่ะ" เฮลิคบอก
              โคเคสกล่าว "ไปคุยกันในห้องประชุมกันดีกว่าน่ะ เพราะอย่างน้อยตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องหลับกันแล้วน่ะ"

              แล้วเวลาผ่านไป จนถึงเช้าของวันต่อมา
              "เจอหรือเปล่าวะ" คลอเวฟกล่าว
              สเปียริทเดินมาพร้อมกับพีวิลด้วยความกังวลไปด้วย ตอบกลับไปว่า "ห้องพักด้านบนทั้งซ้ายและขวาก็เช็คไปแล้ว ก็ไม่เจอนะสิ แล้วนายล่ะ เจอหรือเปล่า" สเปียริทถาม
              "ไม่เห็นแม้แต่เงาหัวเลยวะ" คลอเวฟส่ายหน้า
              พีวิลบอก "สองคนนั้นหายไปตอนไหนกันแน่น่า... ทั้งๆที่ทั้งคู่บอกจะเข้านอนเร็วกว่าปกติแล้วเชียว"
              "เฮ้ นายสามคนเดินวนเวียนไปมาตั้งแต่เช้านิ ทำอะไรหายกันนะหรือ" บัลโต้บอก
              พีวิลกล่าว "เฮเรเค้นและดิเรนท์ไม่อยู่ในฐานเลยนะครับ หัวหน้าบัลโต้ มาสวาร์ทาร์เดินขึ้นไปปลุกพวกเขากันตามปกติ กลายเป็นว่าทั้งคู่ดันไม่อยู่ในห้องพักเลยนะครับ"
              "ไม่อยู่หรือ แล้วเดินค้นหาจนทั่วแล้วหรือยังวะ" บัลโต้กล่าว
              สเปียริทบอก "พวกเราหาตั้งแต่ชั้นแรกยันชั้นบนก็ไม่เจอเลย เว้นแต่ห้องบัญชาการของโคเคสที่มาสวาร์ทาร์พึ่งขึ้นไปกันอยู่นะ"
              "พีวิล สเปียริท คลอเวฟ พวกนายเจอทั้งสองคนหรือยังละ" มาสวาร์ทาร์เดินมาหาด้วยความกังวล
              คลอเวฟบอก "ไม่เจอเลยวะ มาสวาร์ทาร์ ว่าแต่ ทางด้านนาย เจอบ้างมั้ยละ"
              "ห้องโคเคสทั้งห้องทำงานและห้องพัก ไม่เจอทั้งดิเรนท์และเฮเรเค้นเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              สเปียริทบอก "....ถ้าภายในฐานก็ไม่เจอแบบนี้ คงจะออกไปข้างนอกกันกระมั่งน่ะ"
              "ไม่หรอก เฮเรเค้นและดิเรนท์ทำเต้นท์พังไปตอนที่เรามานอนอยู่ข้างนอก เลยไล่ให้ไปนอนที่ดาดฟ้าฟริแทงคอนหมายเลข 2 กันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "แถมข้างนอกก็หนาวมากด้วย ไม่มีใครหน้าไหนออกไปจากฐานที่มีการปรับเปลี่ยนระบบปรับอุณหภูมิภายในฐานกันหรอก"

              "หวอออ หวอออ หวอออ" ฉับพลัน สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น คลอเวฟบ่น "คราวนี้อะไรอีกกันวะ"
              โอเปเรเตอร์แจ้งมาว่า "เรดาห์ตรวจจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตบินได้มาทางพวกเราแล้วคะ"
              "พวกลูนาสตี้ส่งพวกบินได้มาบุกฐานเลยหรือวะ" คลอเวฟกล่าว แล้วทั้งหมดก็รีบออกไปข้างนอกกัน ซึ่งพีวิลเปิดแว่นแก้วเพื่อทำการจับภาพไว้ โดยที่ไกซ์และมิลด์เตรียมนำอัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์ออกมาแล้ว
              "เดียวก่อนน่ะ พวกลูนาสตี้ที่บินได้นั้น มันมีสองตัวกันมิใช่หรือ แต่ที่ฉันเห็น ทำไมถึงมีสามกันน่ะ" พีวิลบอก
              "เอ้ อย่าบอกน่ะว่าเป็นรุ่นพี่ของคุณที่สวมเจ็ทแพ็คมาเองน่ะ" ไกซ์บอก
              มิลด์กล่าว "ไม่หรอก ถ้าเป็นสเตฟอร์ดจริง บอดี้ที่เห็นนั้นจะต้องมีขนาดใหญ่เหมือนกับคุณบัลโต้ที่ไปเล่นกล้ามมาสามเท่าแน่นอน แต่นี้ รูปร่างเพียวและเหมือนกลางหลังมีปีกด้วยน่ะ"
              "เดียวก่อนน่ะ นั้นมัน บีสทอยด์วิหคกันนิน่า" มาสวาร์ทาร์กล่าว โดยตอนนี้พวกบีสทอยด์แบบบีสต์เมนนก 2 ตัวกับแบบแวร์นิมอลซึ่งเป็นมนุษย์ครุฑหรือการูด้าอีก 2 ตัวลงสู่พื้นมา "พวกคุณคงจะเป็นพวกกบฎโคเคสซึ่งบุตรชายคนโตของไวเปอรอนติดต่อมาให้เราช่วยเหลือกันสิน่ะ ข้าพเจ้าคือ ฟาลเกนอน หัวหน้าเผ่าคุมเหล่าบีสทอยด์วิหคทั้งปวง นี้คือฟลาแน็กซ์ บุตรชายของข้าเอง อีกสองคนนั้น คือองครักษ์ของข้าที่ติดตามมาด้วยน่ะ" บีสต์เมนนกสีน้ำเงินเข้มกล่าวทักทาย โคเคสเลยทักทายด้วยการจับมือตอบรับไว้
              "เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกท่านอุตสาห์บินมาถึงนี้ได้นะครับ" โคเคสบอก
              ฟาลเกนอนกล่าว "จริงอยู่ ที่ข้าเองอยากจะช่วยท่านรบกับแพทรีออทและอีเนอไมนด์ แต่ข้าเล็งเห็นถึงปัญหาที่จะตามมา ว่าครองคอร์ดจะส่งคนมาโจมตีพวกเราเหมือนกับเผ่าอื่นๆที่อยู่ตามป่าตามเขากัน เลยไม่ได้มาช่วยพวกท่านร่วมสู้ศึกครั้งใหญ่นี้กันเลยน่ะ"
              "แต่เพราะการมาของพวกจันทรามรณะลูนาสตี้ ซึ่งเป็นพวกแมนิเกเตอร์แปลกหน้าที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ได้ก่อความไม่สงบสุขกับมนุษย์ที่อยู่ภาคพื้นเอาไว้ เช่นเดียวกับพวกท่านเองยังต้องประสบกับความยากลำบากกันด้วย" องครักษ์ครุฑหัวอินทรีกล่าว
              อีกตนเป็นครุฑหัวนกงุ้มบอก "ท่านฟาลเกนอนเล็งเห็นแล้วว่า เราจำต้องต่อกรกับพวกมัน แม้ว่าพวกลูนาสตี้จะมีอาวุธที่ร้ายกาจเกินกว่าที่เราจะรับมือได้ แต่....สายลมและฟากฟ้านั้นจะเป็นพลังให้กับพวกเรากันนี้แหละ"
              "พวกเขาดูกล้าเอาเรื่องเลยนะเนี้ย" สเปียริทกล่าว
              คลอเวฟบอก "แน่ละ พวกบีสทอยด์นกเป็นประเภทภาคภูมิใจในการต่อสู้ภาคอากาศกันด้วยน่ะ"
              "เออ ว่าแต่ พวกท่านส่งใครออกลาดตระเวนระยะไกล หรือว่าให้ใครออกเดินทางกันละครับ" บีสต์เมนนกสีแดงนามฟลาแน็กซ์กล่าว และสังเกตุเห็นมาสวาร์ทาร์ก็ร้องทัก "โอ้ว คุณเอชมาสวาร์ทาร์เองสินะครับ ดิเรนท์และเฮเรเค้นเล่าเรื่องของคุณผ่านจดหมายนกพิราบสื่อสารมา ซึ่งผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอตัวคุณที่นี้กันนะครับ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "....เธอคงจะเป็น ฟลาแน็กซ์ สหายที่ฉลาดที่สุดเลยสิน่ะ"
              "ครับ แม้ผมฉลาดกว่าพวกเขา แต่ผมก็ถ่อมตนมากพอที่จะรู้กาละเทศะกันดีนะครับ" ฟลาแน็กซ์บอก และหันมายัง "แม้กระทั่งพวกคุณทั้งสามเอง พึ่งจะได้เจอตัวจริงๆก็วันนี้แหละครับ"
              คลอเวฟบอก "ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ที่สูงนานไปหน่อยละสิ เลยไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตามองดูโลกภายนอกกันน่ะ"
              "ทำไงได้ละครับ พักนี้หุบเขาที่พวกเราอยู่นั้น ล้วนแล้วมีแต่เครื่องบินบินผ่านกันให้ว่อนเลยนะครับ พวกเราเลยทำได้แค่บินในระยะรอบหมู่บ้านก็เท่านั้นเอง เพื่อกันมิให้พวกเราโผล่อยู่ในสายตาของมนุษย์กันนะครับ" ฟลาแน็กซ์บอก
              พีวิลกล่าว "มันก็ควรอยู่หรอกน่ะ ที่อยู่ๆจะมีเด็กนั่งเครื่องบินตรงหน้าต่างด้านข้างเห็นพวกเธอบินมากลางอากาศและร้องเรียกแม่กับพ่อว่าเห็นมนุษย์นกบินได้ละสินะ"
              "เดียวก่อนนะครับ ท่านฟาลเคนอน ท่านบอกว่า ท่านเห็นยานของพวกเราเดินทางไปอย่างงั้นนะหรือครับ" โคเคสกล่าว
              ฟาลเคนอนบอก "ใช่ แต่ในระหว่างที่ฉันบินอยู่นั้น สายลมได้นำสัญญาณเตือนอันเลวร้ายมาให้ฉันรับรู้ ว่าคนที่อยู่ในยานกำลังจะเจออันตราย ซึ่งฉันคิดว่าต้องเป็นพวกฑูตแห่งความตายจากดวงจันทร์อย่างไม่ต้องสงสัย"
              "จะว่าไปก็ใช่น่ะ โคเคส ลูนาสตี้มันกำลังจะกวาดล้างพวกมนุษย์ ซึ่งมันรวมถึงพวกเราด้วยนะสิ" บัลโต้บอก
              โคเคสบอก "ตายละสิ เบย์แทนด์และพวกแมนิแฟคเตอร์ก็อยู่ในฟริแทงคอนคันที่ฟาลเคนอนเห็น ซึ่งคงไม่ดีแน่ เพราะคราวที่แล้ว เราหยุดพวกลูนาสตี้ไม่ให้เห็นพวกเบย์แทนด์ได้ก็จริง แต่คราวนี้คงเป็นเรื่องกันแล้วละ"
              "แมนิแฟคเตอร์นะหรือ...หมายถึง นามอดีตกาลของแมนิเกเตอร์กันอย่างงั้นนะหรือ ว่าแต่ แมนิเกเตอร์เหล่านั้นเป็นพวกไหนกันละ" ฟาลเคนอนถาม
              โคเคสบอก "ว่าแต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ตรงไหนกันละครับ เพราะว่าพวกเราขาดการติดต่อมาตั้งแต่เช้าแล้วนะครับ"
              "ถ้าอย่างงั้นพวกท่านรีบไปกันเลยดีกว่า เพราะถ้าช้า เกิดพวกลูนาสตี้เล่นงาน คงไม่เป็นเรื่องดีแน่ๆนะครับ" ฟลาแน็กซ์แนะนำ พวกพีวิลเลยรีบไป
              ด็อดเจอร์รีบวิ่งมาอย่างรีบร้อนไปว่า "เดียวก่อน จะเอาโมบิลลอยด์ออกไปนะหรือ เออ ไซน์เกนกับเฮฟโวลยังซ่อมเครื่องยนต์ไม่เสร็จกันเลยน่ะ"
              "ถ้างั้นผมนำอัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์ออกไปเลยดีกว่า" ไกซ์บอก
              ด็อดเจอร์กล่าว "นั้นยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่เลยน่ะ ทรัสเตอร์ด้านข้างของหุ่นเบอร์แปดและเก้ายังซ่อมได้ครึ่งเดียว ถ้าเร่งเครื่องขึ้นมามันจะระเบิดด้านหลังจนซ่อมไม่ได้ด้วยนะสิ"
              "แล้วฟริแทงคอนมีลำไหนว่างสำหรับใช้ได้บ้างหรือเปล่าละ" โคเคสบอก
              ด็อดเจอร์บอก "ถ้าจะใช้ละก็...ต้องลำหมายเลข 2 เท่านั้นน่ะ เพราะว่าทีมช่างเซตระบบซ่อมบำรุงเอาไว้ในยาน พร้อมกับชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ใส่ในเตาพลังงานพลาสม่ากำลังสูงกันแล้ว แต่หนึ่งปัญหาก็คือ เราไม่ได้ติดตั้งป้อมปืนใหญ่เอาไว้ด้วยนะสิ"
              "งั้นคงต้องใช้อัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์ทำหน้าที่เป็นป้อมปืนแทนแล้วกัน จัดการติดตั้งอาวุธปืนพลังงานกำลังสูงเอาไว้เผื่อว่าพวกลูนาสตี้เอาโมบิลลอยด์มากันน่ะ" โคเคสบอก พร้อมกับสั่งการให้ "เฮลิค เฝ้าฐานให้ด้วยแล้วกัน ถ้างานเสร็จ ฉันจะติดต่อกลับมาอีกที ว่าจะให้พวกนายทำเช่นไรกันน่ะ"
              เฮลิคพยักหน้า "เข้าใจแล้วละ โคเคส ตอนนี้ พวกนายรีบไปกันก่อนเถอะ"
              "ท่านฟาลเคนอน ช่วยนำทางให้หน่อยนะครับ" โคเคสบอก
              ฟาลเคนอนบอก "ข้าหวังว่าสายลมจะนำพาพวกเราไปทันเวลาก่อนหายนะจะมาถึงกันนะครับ"
              "เดียวก่อน โคเคส นายลืมเจ้านี้ไปด้วยน่ะ" เฮลิคบอก และส่งของบางอย่างให้โคเคสรับไว้
              โคเคสกล่าว "ถ้าเช่นนั้น รีบนำอัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์ขึ้นยานเบอร์สองเดียวนี้เลย"

              ตัดมาทางด้านพวกเบย์แทนด์กันบ้าง
              "แย่ละสิ หัวหน้าวูลลิเซียดันทำแคปซูลเก็บข้อมูลงานวิจัยนอกสถาบันหายเสียด้วยน่ะ" แมนิแฟคเตอร์ชายหัวเทากล่าว
              อีกคนที่สวมแว่นตอบ "หายหรือ นี้คงไม่ได้หมายความว่าหัวหน้าทำหล่นตอนอยู่ในฐานเอาท์คอมด์นั้นนะหรือ"
              "แบบนั้นก็แย่หนักเข้าไปใหญ่เลยนะคะ เพราะว่าถ้าพวกเราย้อนกลับไป มันจะเสียเวลาในการเดินทางกลับสถาบันหลักของพวกเราเลยน่ะ" แมนิแฟคเตอร์หญิงผมเปีย 2 ข้างสีเหลืองอ่อนกล่าว
              นักค้นคว้าหญิงผมสีดำสลับเขียวฟ้ากล่าว "เออ หัวหน้าเบย์แทนด์คะ พอจะอ้างกับหัวหน้าสถาบันได้มั้ยคะว่า..."
              "ถึงอ้างได้ แต่ข้อมูลในชุดของเราที่พูดออกมาหรือบันทึกผ่านความคิดในสมองนั้น หัวหน้าสถาบันเองก็ต้องรู้เข้าจนได้ละน่า" เบย์แทนด์บอก "เราคงทำได้แค่ ต้องเสียเวลากลับไปเท่านั้นแหละ เพราะอย่างน้อย หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราจริงๆ พวกเขาก็คงช่วยได้"
              แมนิแฟคเตอร์หญิงผมดำกล่าว "ช่วยได้นะหรือคะ กับพวกแมนิเกเตอร์ที่ทำตัวเถื่อนๆแบบนั้น ซึ่งสมองของพวกเขาด้อยกว่าพวกเราอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ เราจะกลับไปกันเลยหรือคะ"
              "พวกเราอาจจะมองพวกเขาฉลาดน้อยกว่าพวกเรา แต่นั้นแค่ส่วนหนึ่งเองน่ะ เพราะยังมีบางส่วนให้ความสนใจอยู่บ้าง เนื่องจากว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินหรือรู้ในสิ่งที่พวกเรารู้กันมาก่อน เหมือนเช่นที่แอนเดรียสอนพวกเด็กๆกันอยู่น่ะ" วูลลิเซียกล่าว "ว่ากันตามจริงแล้ว วิชาความรู้ที่เราเล่าเรียนมาในสถาบันของเรานั้น ที่ผ่านมาเราได้ใช้อย่างเต็มที่กันแล้วก็จริง แต่....เราเคยสอนให้พวกเขาเรียนรู้กันหรือเปล่า เราได้สาธิตให้พวกเขาจดจำได้มั้ย แล้วพวกเรากล้าเข้าถึงพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะช่วยพวกเราจากอันตรายดังกล่าวได้หรือเปล่ากันน่ะ" จนทำให้ทุกๆคนได้ฟังก็พอเข้าใจ แต่ส่วนมากนั้น...
              "แต่ถ้าเราไม่กลับไป เกิดหัวหน้าสถาบันเปิดสนามพลังล่องหนกันขึ้นมา พวกเราจะเข้าไปไม่ได้เลยน่ะ หัวหน้า"
              "แต่อย่างน้อย พวกคุณโคเคสก็คงจะตามมาก็..." แอนเดรียบอก
              แมนิแฟคเตอร์ชายหัวสีมะเขือเทศสุกกล่าว "พอเถอะ แอนเดรีย พวกเราไม่ได้ขอให้พวกเขามา..." ไม่ทันไรก็... "ตรูมมมมม" แมนิแฟคเตอร์ชายคนนั้นก็ถึงกับสั่นกลัวทันที "....อีกแล้วหรือเนี้ย"
              "แย่แล้วคะ เรดาห์ตรวจจับสัญญาณของพวกแมนิเกเตอร์แบบลูนาสตี้โผล่มาในระยะ 40 กิโลเมตรและกำลังตรงดิ่งมาทางเราแล้วละคะ" แมนิแฟคเตอร์หญิงผมสั้นสีชมพูสลับฟ้ากล่าว
              เบย์แทนด์บอก "หวังว่าคงจะไม่ใช่พวกที่เล่นงานพวกเราในเมืองลูทาเอลกันหรอกน่ะ พยายามขับยานให้ถอยห่างจากพวกนั้นไปก่อนแล้วกัน"

              "นั้นนะหรือคือยานรบของพวกอีเนอไมนด์ที่พวกกบฎมันยึดเอาไว้ใช้งานกันน่ะ" ไพโอล็อตบอก
              สกายล็อตกล่าว "ดูเหมือนว่าเธอจะทำให้พวกนั้นหวาดกลัวจนถอยไปแล้วละ"
              "น่าสมเพชสิ้นดี แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าสมาชิกกองกำลังกบฎส่วนหนึ่ง ไม่ได้มีความกล้าแต่อย่างใดๆเลย โดยเฉพาะกับพวกเราที่แน่กว่าพวกนั้นไว้" แดนเจอรอทกล่าว "สั่งการให้พวกมอนสเตอร์ไรเดอร์บุกพร้อมกันกับแอร์ไบค์ได้เลย"
              สกายล็อตบอก "แดนเจอรอท พวกเราเป็นสมุนที่ท่านเทคไครด์สร้างมาก่อนหน้าเจ้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะ..."
              "ท่านเทคไครด์มอบหน้าที่หัวหน้าในปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ให้ข้าดูแลกันน่ะ ดังนั้น เจ้าควรจะรับฟังคำสั่งเหมือนกับไพโอล็อตด้วยน่ะ" แดนเจอรอทกล่าว
              สกายล็อตหันหน้ามายังไพโอล็อตที่พยักหน้าเพื่อให้เขายอมร่วมมือไว้ "....เอางั้นก็ได้ แต่....เจ้าควรจะจำไว้ว่า เจ้ามาก่อนสเตฟอร์ดและโฟร์ซ่า แต่มาทีหลังพวกเราทั้งสองกันน่ะ"
              "งั้นก็เริ่มภารกิจกันเลยดีกว่า เพราะข้ามองว่ามันเสียเวลาจนปล่อยพวกกบฎหนีไปได้แล้วน่ะ" แดนเจอรอทกล่าว โดยที่เหล่ามอนสเตอร์ไรเดอร์ขี่พวกสัตว์ประหลาดบุกเข้ามาทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นกันอย่างยกใหญ่ เซนเครูทขี่พวกม้ายูนิคอร์น เคลเบรอส และกริฟฟอน ในขณะที่เบทชอนมากับม้าเปกาซัส หมาป่าเฟนริล และเบฮีมอธ ส่วนเกรมฮอร์ทขี่หมายักษ์กัลม์ คิไมร่า แมนติคอร์แล้วก็ไฮดร้า บุกเข้ามา "กวี้กกกกกก" กริฟฟอนกระพือปีกเพื่อเป่าคลื่นลมตัดเข้าใส่ฟริแทงคอนไปอย่างจังๆ ต่อด้วย "วี้งๆๆๆๆๆๆๆ" พวกยูนิคอร์นปล่อยแสงจากส่วนเขาระดมยิงใส่ฟริแทงคอนพร้อมกันกับ.... "กรรรรรร ตรุ้งๆๆๆๆๆ" หมาเฝ้าประตูเคลเบรอสพ่นกระสุนไฟออกจากปากทั้งสาม เช่นเดียวกับคิไมร่าที่พ่นเพลิงจากปากสิงโตและหัวแกะปล่อยพลังไฟฟ้าออกไป "กรรรรรรร ซูมมมมม" หมายักษ์กัลม์พ่นไฟออกจากปากขนาดใหญ่เข้าใส่ยานฟริแทงคอนจนระเบิดไปเต็มๆ "โบ้ววววว" หมาป่าเฟนริลคำรามจนแผงคอรอบหัวสร้างหมุดน้ำแข็งขึ้นมาล้อมรอบถึง 8 อัน "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ" แล้วเป่ายิงซัดเข้าใส่ยานแบบไม่ยั้ง จนหมุดน้ำแข็งปักเข้ามาถึงข้างในยานไปเต็มๆ "ฟ่ออออ ฟู้วๆๆๆๆ" ไฮดร้าส่ายหัวทั้งห้าพร้อมกับพ่นกระสุนพิษเข้าใส่ โดยที่แมนติคอร์ยิงพิษจากส่วนหางแมงป่องเข้าไปอีกที
              "ยังไม่มีการต่อต้านใดๆให้เห็นเลยนะครับ คงต้องเป็นแผนการของฝ่ายตรงข้ามกันแน่ๆนะครับ" เซนเครูทที่ขี่กริฟฟอนกล่าว
              แดนเจอรอทมองดูแล้ว จึงสั่งไปว่า "เล่นให้มันหนักข้อเข้าไปอีก จากนั้นก็บุกเข้าโจมตีระยะประชิดได้เลย"
              "ความเสียหายของยานลำนี้หนักหนาถึงระดับ 60 เปอร์เซนต์แล้วครับ" แมนิแฟคเตอร์ชายผมสีกากีสลับกับสีเบจรายงานอย่างหวั่นเกรง
              "เปิดสนามพลังป้องกันเดียวนี้เลย เผื่อว่ายานลำนี้จะมีอะไรรับมือกันบ้างน่ะ" เบย์แทนด์กล่าว
              "ระบบนี้มีนะครับ แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ในตอนที่ยานโดนถล่มไปหรือเปล่าละครับ" แมนิแฟคเตอร์ชายตาสองสีผมสีเทากล่าว แล้วก็เปิดระบบสร้างสนามพลังเอาไว้ "วึงงงงง ป้ากๆๆๆๆๆๆ" พวกลูนาสตี้ที่ขี่เปกาซัส และกริฟฟอนที่บินเข้ามาต่างก็ชนปะทะกับสนามพลังไปเต็มๆ
              "พึ่งจะมาป้องกันเอาตอนนี้มันไม่ทันไปหน่อยหรือไงน่ะ" สกายล็อตบอก
              "ทุกหน่วย ออมแรงพวกสัตว์ใหญ่ไว้ก่อน ใช้อาวุธปืนพลังมูนพลาสม่าเดียวนี้เลย" แดนเจอรอทกล่าว โดยตอนนี้เบทชอนนำปืนยาวออกมา เซนเครูทต่อประกอบกระบอกปืนเข้ากับสนับมือจนกลายเป็นปืนไรเฟิ่ล ส่วนเกรมฮอร์ทหยิบเอาปืนกระบอกโตออกมา "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "ทิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "แชดดด แชดดด แชดดด แชดดดด" "ป้ากๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมมม บรึมมมมม เปรี้ยงงงง ตูมมมมม" ระดมยิงลำแสง กระสุนแสงและระเบิดพลังงานเข้าถล่มใส่สนามพลังเอาไว้ ซึ่งภายในเวลาเพียงแค่ 4 นาที ก็ถูกเจาะทะลวงไปอย่างจังๆ
              "สนามพลังของพวกนี้ไม่ปรับเกรดเลยน่ะ นึกว่าพวกนี้จะใช้ยุทโธปกรณ์ของพวกอีเนอไมนด์ได้อย่างเต็มที่กันเสียอีกน่ะ" สกายล็อตกล่าวอย่างผิดหวัง
              "แต่อย่างน้อย เรื่องนี้ก็ง่ายขึ้นกว่าเดิมแล้ว กองรบเดินเท้า บุกขึ้นยานเข้าไปข้างในเดียวนี้เลย" แดนเจอรอทกล่าว แล้วพวกลูนาสตี้กระโดดขึ้นมาบนยานฟริแทงคอนอย่างรวดเร็ว
              วูลลิเซียบอก "รีบปิดตายทางเข้าออกเดียวนี้เลย เร็ว"
              "ไม่ได้หรอกคะ การโจมตีเมื่อครู่นี้ได้ทำให้ระบบประตูไม่ทำงานเลยคะ" แมนิแฟคเตอร์หญิงผมเปียยาวสีฟ้ากล่าว ไม่ทันไรก็... "ฟ้าววว เพล้งๆๆๆๆๆ" เซนเครูท 6 ตนกับเบทชอนอีก 6 ตนกระโดดถีบกระจกด้านหน้าเข้ามาข้างใน จนแมนิแฟคเตอร์ที่อยู่เคาน์เตอร์หน้ารีบเผ่นออกมาโดยเร็ว
              "โอ้ว พวกแกทั้งหลายนิ เป็นแมนิเกเตอร์แบบไหนกันเนี้ย ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยน่า" เบทชอนหนุ่มกล่าว
              "ท่านแดนเจอรอทคะ เราพบกับพวกแมนิเกเตอร์แปลกหน้ากันนะคะ ไม่ทราบว่านั้นคงจะ..." เซนเครูทหญิงถาม โดยส่งภาพผ่านดวงตาบนหน้ากากไว้
              แดนเจอรอทเช็คดูก็เกิดความสงสัยไม่น้อย "....พวกนี้ คงจะเกี่ยวข้องกับกบฎไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน ลงมือฆ่าพวกมันทั้งหมดซะ"
              "แต่ ถ้าเราฆ่าแมนิเกเตอร์ที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมา พวกนี้ควรจะทำประโยชน์ให้กับท่านเทคไครด์ได้เลยน่ะ" สกายล็อตแย้ง
              แดนเจอรอทบอก "เบรซซิ่งแฮนด์พีวิลเป็นรุ่นน้องของสเตฟอร์ดและโฟรซ่า ซึ่งเหตุผลนี้ได้ทำให้ยุทธการของท่านเทคไครด์ที่ลูทาเอลพังไม่เป็นท่า ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกบฎเหล่านั้น ก็เท่ากับว่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเรากันไว้แล้ว ไม่ต้องรีรอ ลงมือเลย"
              "เออ พวกเราไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโคเคสเลยน่ะ ปล่อยพวกเราไปเถอะ พวกเราจะไม่บอกใครหน้าไหนกันทั้งนั้นน่ะ" แมนิแฟคเตอร์หญิงผมสั้นสีเหลืองมะนาวกล่าว
              เบทชอนบอก "งั้นหรือ แต่....เราไม่คิดเช่นนั้นหรอก เพราะพรรคพวกของเรากลุ่มหนึ่งได้เห็นหน้าพวกแกเกือบทั้งหมดอยู่นอกหุ่นโมบิลทรูปเปอร์ และได้แจ้งให้เราทราบไว้ ว่าพวกแกมีส่วนทำให้พวกพ้องของเราถูกเอชมาสวาร์ทาร์ฆ่าตายกันน่ะ"
              "เดียวก่อนน่ะ แต่พวกพ้องของพวกคุณน่าจะตายกันไปแล้วนิ แต่ทำไม..." เบย์แทนด์ถาม
              เบทชอนหญิงบอก "....ถึงถูกฆ่าตายในดาบเดียว แต่ก็ยังมีแรงเหลือพอที่จะได้เห็นโฉมหน้าของพวกแกและแจ้งเตือนบอกพวกเราในจังหวะที่เกิดการระเบิดขึ้นมานะสิ บวกกับมาสวาร์ทาร์นั้น ก็สอบถามพวกแกจนชะล่าใจไปว่า พวกเราคนหนึ่งได้บอกให้เราทราบและรีบบุกมาเพื่อจัดการกับพวกแกกับมาสวาร์ทาร์กันนี้แหละ"
              "ถ้าเช่นนั้น ไม่ต้องเสียเวลา เตรียมตัวตายได้..." เซนเครูทกล่าว แต่ไม่ทันไร เบทชอนชายที่อยู่ด้านหลังนั้น... "เหวอออ" สะดุดล้มลงไปเต็มๆ แล้วก็... "ป้ากกกก" ล้มเอาหลังฟาดพื้นโดยที่ส่วนหน้ากากนั้นร้าวตรงตาซ้ายไว้ "เหมือนมีใครอยู่ใกล้ๆโดยเราไม่รู้ตัวกัน..." เซนเครูทตัวหัวหน้ากล่าวโดยก้าวเท้าซ้ายมาจน... "อุ๊ก อ้ากกกก" เซนเครูทเจ็บตรงข้อเท้าขวาอย่างจังๆ แล้วก็... "ฟึ่บบบบ ฉั้วะ" ดิเรนท์โผล่ออกมาจากใต้เคาน์เตอร์พร้อมกับชักดาบสีดำ ฟันเข้าตรงคอของเซนเครูทไปเต็มๆ เบทชอนเลยรีบใช้ปืนสั้นเพื่อที่จะยิง "ฟ้าวววว จึกกกก" แต่แขนยาวของเฮเรเค้นพุ่งทิ้มใส่ข้อมือจนปืนหล่นและ "ป้ากกกกก" กระโจนเข้าถีบใส่ทัดดอกไม้ซ้ายของเบทชอนลงไปกองกับพื้น แล้วก็รีบกระโดดมาตรงหน้าพวกเบย์แทนด์พร้อมกับดิเรนท์ไว้
              "เธอสองคนนิ พวกเธอมาได้ไงกันน่ะ" แอนเดรียกล่าวอย่างแปลกใจที่เห็นดิเรนท์และเฮเรเค้นโผล่มา
              "พวกเรามาได้ไงกันนะหรือ ก็แอบมาอยู่ในยาน แต่เข้าคนละประตูกันน่ะสิ" เฮเรเค้นบอก ซึ่งจริงๆแล้ว ตนกับดิเรนท์นั้นทำทีกลับเข้าไปนอนพักในห้อง แต่จริงๆแล้วกลับไปล็อกประตูไว้ พร้อมกับรีบโดดออกจากฐานทัพเพื่อตรงดิ่งมายังฟริแทงคอนหมายเลข 4 ซึ่งแอบเข้าผ่านประตูด้านหลังไว้ เนื่องจากว่าทั้งคู่เคยบุกขึ้นยานเพื่อยึดยานมาเป็นของกบฎเอาไว้มาก่อน เลยรู้ที่ทางเอาไว้เป็นอย่างดี
              เบย์แทนด์บอก "ว่าแต่ คุณโคเคสหรือคุณมาสวาร์ทาร์สั่งให้พวกเธอมาเพื่อช่วยพวกเราละสิ"
              "เปล่าหรอก พวกเราสองคนแอบมาเองนะคะ แต่ไม่คิดเลยว่า พวกศัตรูจะมาจริงๆกันน่ะ" ดิเรนท์บอก
              วูลลิเซียถาม "หรือ แต่ทำไมเรดาห์ตรวจสอบภายในยาน ยังตรวจเจออีก 5-6 ตัวกันละ"
              "เฮเรเค้น นายเรียกใครตามมาด้วยหรือเปล่าละ" ดิเรนท์ถามกลับ
              เฮเรเค้นบอก "ฉันไม่ได้เรียกสักหน่อยนิ พวกนั้นคงแอบตามมาแหง่มๆน่ะ" ซึ่งเรื่องมันก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ เพราะในจังหวะที่เฮเรเค้นและดิเรนท์แอบโดดขึ้นยานผ่านประตูหลังนั้น
              "เฮ้ พี่ชาย นั้นดิเรนท์กับเฮเรเค้นนิน่า พวกเขาไปทำอะไรกันอยู่น่ะ" บีทเทมกล่าวกับมัลแด็กซ์ที่กลับจากการไปซ่อมแซมยานฟริแทงคอนมา
              "ไม่รู้หรอกน่ะ แต่คงจะได้รับหน้าที่จากคุณมาสวาร์ทาร์ให้ติดตามยานลำนี้ไปแน่ๆเลยละ" มัลแด็กซ์บอก
              บีทเทมกล่าว "ไปแค่สองคนคงไม่ไหวหรอกมั่ง พี่ชาย เรารีบตามไปดีกว่า"
              "ตะกี้นี้เห็นไอ้เฮเรเค้นกับยัยแมวหง่าวมันไต่ขึ้นยานแล้ว ไอ้มัลแด็กซ์พาน้องมันแอบตามไปด้วยอีกวะ" ไลเอิร์ทบ่นอย่างหงุดหงิดที่เห็นดิเรนท์และเฮเรเค้นไต่ขึ้นยานไป จนทำให้มัลแด็กซ์และบีทเทมบินตามมา แต่ไปไต่บนดาดฟ้าและลอบเข้าประตูด้านซ้ายแทน
              "เออ เราไม่ตามจะได้มั้ยละ" วูลเฟลล่ากล่าว
              "หรือไม่ก็ ยอดนักรบมาสวาร์ทาร์คงจะสั่งให้ทั้งคู่คุ้มกันพวกแมนิแฟคโต้อะไรนั้นก็ได้น่า" แบร็อคบอก
              ไรแกทบอก "สองคนเอาไม่อยู่หรอก ต่อให้มัลแด็กซ์และบีทเทมอยู่ด้วย แต่ศัตรูหน้าใหม่มันก็เยอะและร้ายกาจเช่นนี้ ไลเอิร์ท นายอยากจะไฟท์กับไอ้พวกหน้ากากจันทราหรือเปล่าวะ"
              "มึงจะถามไปเพื่อ....." ไลเอิร์ทตอบแบบกวนๆเนื่องจากตนอยากจะสู้กับพวกลูนาสตี้กันอยู่แล้ว เลยรีบวิ่งตะกุยไล่กวดยานฟริแทงคอนแล้วกระโจนขึ้นไปข้างหลังยานด้านซ้าย เนื่องจากมัลแด็กซ์และบีทเทมบินขึ้นด้านขวา แบร็อคบ่นอย่างหงุดหงิดโดยที่วิ่งตามไลเอิร์ทที่หิ้ววูลเฟลล่าไปด้วย
              "แกจะแบกไอ้หมาขี้ขลาดไปด้วยหรือไงวะ"
              "แล้วจะปล่อยให้วูลเฟลล่าอยู่คนเดียวหรือไงน่ะ" ไรแกทบ่น
              แบร็อคกล่าว "เออวะ เกิดยัยนั้นปากโป้งบอกพวกคุณพีวิลจนรู้ขึ้นมา ก็คงแย่กันพอดีสิวะ" แล้วทั้งสามก็โดดขึ้นยานไปอีกเช่นเคย พร้อมกับแอบไปหลบซ่อนตามที่ต่างๆ

              หลังจากนั้นก็... "โครมมมมมม" ไลเอิร์ทออกจากมุมมืดบุกเข้าข่วนใส่พวกเบทชอนที่เข้ามาในห้องเก็บอาวุธด้วยกงเล็บอย่างรวดเร็ว "มีพวกมันหลบอยู่หรือเนี้ย" เบทชอนเสยฝ่ามือทิ้มใส่ แต่... "โฮกกกกกก" ไลเอิร์ทคำรามอัดใส่เบทชอนในระยะใกล้จนทำให้มันหูอื้อและ... "ฉั้วะ" ข่วนใส่หน้าไปเต็มแรงจนล้มลงและ "หมับบบ ฟึ่บ แชดๆๆๆๆๆๆ" จิกหัวดึงขึ้นมาเป็นโลห์บังลำแสงจากสนับมือของเซนเครูทที่ยิงมาแทน ส่วนตัวเองก็รีบหนีวิ่งไป ในขณะที่... "ฟ้าวววว เปรี้ยงงง" ลังคอนเทนเนอร์เหล็กพุ่งอัดใส่หัวเซนเครูทจนคอหักไปเต็มๆ โดยฝีมือของ...
              "ไอ้พวกสวมหน้ากาก เจอพละกำลังของแบร็อค เล็บหมีโหดนี้หน่อยเป็นไงวะ" แบร็อคกระโดดเข้า... "ฉึกกกก ฉั้วะ แคว้กกก" ทิ้มด้วยกงเล็บหมีที่แหลมคมทั้งสามเล็บเข้าใส่เซนเครูทแบบไม่ให้ตั้งตัวได้ถึง 3 ตัวด้วยกัน แม้เซนเครูทที่เหลือจะบุกเข้าใช้มีดสั้นที่ทำด้วยโครมเมทาเลี่ยม แต่ก็... "พึ่บ ป้ากก ป้ากก จึก จึก" โดนแบร็อคกระทืบให้สนับมือกระเด้งพร้อมกับตบส่งให้มันพุ่งปักคาหน้าของเซนเครูททั้งสองจนล้ม แล้วก็พุ่งเข้าตบใส่เซนเครูทไปเต็มๆ เบทชอนสามตัวกระโดดเข้ามาเสยแทงด้วยแขนคลื่นความถี่ "ว้ากกกก" ไรแกททุ่มคอนเทนเนอร์เสยอัดใส่เบทชอนจนล้มกลิ่งไป พร้อมกับเข้าช่วยแบร็อครุมกระทืบพวกลูนาสตี้กัน
              "ย้ากกก จ้ากกกก" บีทเทมขวิดเบทชอนที่บุกเข้ามาให้พุ่งกระแทกกับเพดานไปเต็มๆ แต่หวิดโดนอีกตัวเสยแขนติดคลื่นความถี่สูงไป มัลแด็กซ์ซัดถังดับเพลิงเข้ามาให้โดนผ่า "ฉั้วะ ตรูมมมมม" จนเป่าระเบิดสสารที่อยู่ในถังเข้าอย่างจังๆ ซึ่งปกคลุมพวกเบทชอนและเซนเครูทที่อยู่ตามทางเดินไว้ "มันมีอยู่สองตัว ตัวหนึ่งมันใช้ควันอำพรางทำให้เรามองไม่เห็นไปชั่วขณะหนึ่ง ระวังพวกมันบุกโจมตีทีเผลอกันด้วยละ" เซนเครูทกล่าว เพราะหน้ากากเปรอะผงสารดับเพลิงไปแล้ว                          "ตึกๆๆๆๆๆ" ฉับพลันก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งตัดหน้ามา "มันกำลังหนีแล้ว รีบตามไปเร็ว" เบทชอนตัวหัวหน้ากล่าวโดยทั้งหมดรีบวิ่งไป แต่... "ป้ากกกกก โครมมมม" บีทเทมและมัลแด็กซ์ดึงเชือกเหล็กให้ตึงพอจนขัดคอพวกลูนาสตี้ให้ล้มกลิ้งไปเต็มๆ ซึ่งเงาที่วิ่งผ่านไปนั้นก็คือวูลเฟลล่าที่โดนมัลแด็กซ์จับล็อกเอาไว้ ทั้งคู่เลยรีบวิ่งหนีไปคนละทางโดยเร็ว
              "ถึงพวกแกจะมีอยู่กันทั้งหมด 7-8 ตัว แต่มันก็น้อยกว่าอยู่ดีนี้แหละ" เซนเครูทกล่าว แม้พรรคพวกทั้งสองจะแน่นิ่งเพราะถูกเฮเรเค้นและดิเรนท์เล่นงานเข้าก็ตาม
              เบทชอนบอก "ต่อให้หลบซ่อนอยู่ไหนสักแห่งโดยที่พวกเรายังหาไม่พบในทีแรก พวกเราก็หาจนเจอกันอยู่ดีนี้แหละ" แล้วก็หยิบอาวุธปืนออกมา "ถ้าพวกแกคนใดคนหนึ่งก้าวถอยหลังหรือเท้ายื่นมาข้างหน้า รับรอง ตัวพรุนเป็นรูแน่ๆ" โดยตอนนี้ พวกลูนาสตี้บุกเข้ามาที่ห้องโถง ซึ่งล้อมพวกแมนิแฟคเตอร์เอาไว้ เพื่อเตรียมยิงใส่พวกเขากันแล้ว
              "อุ๊ก อ้ากกก ว้ากกกก" ฉับพลันก็มีเสียงดังขึ้นจากส่วนหูของเบทชอนไว้ หากแต่เสียงที่ได้ยินมานั้น... "เกิดอะไรขึ้น หน่วย 7 ที่เฝ้าพวกที่อยู่ในห้องโถงนั้น เกิดอะไรกัน..." เบทชอนติดต่อกลับแต่ปลายสายติดต่อมา
              "คุณไม่สามารถติดต่อพวกพ้องของคุณกันได้หรอก เพราะว่าผมจัดการกับพวกเขาไปแล้ว" กลับเป็นไอรอนพลัสเชอริทที่โผล่มาจัดการกับหน่วย 7 ลงภายในเวลาอันสั้น
              "เหอะ ต่อให้มีพวกของแกอยู่ในยานสักกี่คน แต่พวกเราที่อยู่ข้างนอกนั้นจะบดขยี้พวกแกกันนี้แหละ" เบทชอนกล่าว โดยในตอนนี้พวกกริฟฟอนและเปกาซัสได้บินเข้ามา แต่... "แชดดดดด แชดดดดด ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ก็ถูกลำแสงยิงสาดทำลายทิ้งจนระเบิดกลางอากาศสังหารทั้งเบทชอนและเซนเครูทล้มตายไปกันหมด ตามด้วย "ตุ้งๆๆๆๆๆ ตรูมมม บรึมมม ตูมๆๆๆ" กระสุนพลังหกนัดซัดยิงใส่พวกลูนาสตี้ที่อยู่ภาคพื้นจนกระเจิดกระเจิงไปไม่น้อย
              "เสียงแบบนั้น มันเสียงปืนมาสแตงค์ไรเฟิ่ลของแพนเซสเซนไนน์ และโชลเดอร์มาโครลันเชอร์ของอัลติเมทเอทนิหว่า" เฮเรเค้นกล่าว
              "ลักษณะการโจมตีแบบนั้น หรือว่า...." ไพโอล็อตบอก
              สกายล็อตกล่าว "พวกกบฎโคเคสมันมาช่วยจนได้สิน่า" โดยในตอนนี้ฟริแทงคอนของโคเคสเร่งเครื่องมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นฝีมือของบัลโต้เหมือนเช่นเคยที่ซิ่งเครื่องมาเต็มเหนี่ยว
              "ดูเหมือนว่าพวกลูนาสตี้จะใช้พวกสัตว์ประหลาดแล้วละคะ" มิลด์บอก โดยใช้ระบบคาเมร่าอายที่มีพิสัยการมองเห็นที่ไกลกว่าปกติตรวจสอบดู
              คลอเวฟบ่น "บ้าน่า ไวซ์ไมเซลเป็นพวกเดียวกันกับครองคอร์ด ไม่น่าจะรับใช้พวกลูนาสตี้กันได้เลยนิหว่า"
              "เปล่าเลย ถึงพวกลูนาสตี้ไม่ใช่บริการของไวซ์ไมเซล แต่กับไวซ์แลงค์ที่เป็นภรรยาของไวซ์ไมเซลนั้น เป็นคนละเรื่องกันนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              สเปียริทถาม "ไวซ์แลงค์นั้นเป็นภรรยาของแม่ทัพที่สร้างสัตว์ประหลาดให้พวกกองรบของครองคอร์ดอย่างงั้นนะหรือ"
              "ใช่ เดิมทีไวซ์ไมเซลและไวซ์แลงค์นั้น เคยเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านพันธุวิศวกรรมกันมาก่อน ซึ่งพวกเขาได้ใช้ภูมิความรู้ด้านนี้ที่ทำให้พวกเขาได้รางวัลโนเบลด้วยการสร้างสัตว์เทพนิยายขึ้นมาให้มีตัวตนจริงเหมือนดั่งเช่นทุกวันนี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่สัตว์ในเทพนิยายกรีกโรมัน แต่มันหมายถึงสัตว์เทพนิยายชนิดอื่นๆกันด้วย" มาสวาร์ทาร์กล่าว "แต่....ด้วยผลงานที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้น แม้จะได้รับความชื่นชมจากประชาชนและเด็กๆกันไม่น้อย แต่กับผู้ใหญ่ส่วนมากทั้งมีอคติหรือไม่มีก็ตาม ล้วนออกมาโจมตีและออกมาวิจารณ์กันยกใหญ่ ว่าผลงานของพวกเขากำลังจะบิดเบือนความเป็นธรรมชาติด้วยการทำให้สายพันธุ์สัตว์บริสุทธิ์ที่พวกเขาใช้อยู่สูญพันธุ์ลง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือ มีองค์กรผกก.หรือบริษัทผลิตอาวุธได้ใช้ผลงานดังกล่าวมาสร้างสัตว์เทพนิยายขึ้นเป็นอาวุธสำหรับก่อสงครามขึ้น รัฐบาลสหพันธ์โลกเลยสั่งกวาดล้างห้องแลบและจัดการกับสองสามีภรรยานี้ทิ้ง ลบชื่อพวกเขาออกจากหน้าประวัติศาสตร์ไว้ หลังจากที่โอเวอร์เดสยึดพวกสัตว์เทพนิยายมาใช้งานคุกคามโลกเสียเองนะสิ"
              พีวิลถาม "แล้วไวซ์แลงค์ก็มีความรู้ด้านการสร้างสัตว์ประหลาดในเทพนิยายกันละสิน่ะ"
              "ใช่ แต่เนื่องจากเธอมักจะทำงานอยู่ในแลบของไวซ์ไมเซลอยู่หลังเงาตลอด เลยทำให้ไม่ได้เห็นเธอออกมากันเลยนะสิ ซึ่งนั้นหมายถึง ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอเชี่ยวชาญอะไรที่นอกเหนือจากนี้หรือเปล่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              โคเคสบอก "แต่ตอนนี้ลูนาสตี้มีกองรบสัตว์ประหลาดกันแล้ว งานนี้คงหนักหนากันอย่างแน่นอนน่ะ" แล้วก็สั่งให้ "บัลโต้ เปิดลานส่งด้านซ้ายออกไปได้เลย"
              "เข้าใจแล้ว ถ้ายังไงก็ระวังด้วยละ โคเคส" บัลโต้กล่าวพร้อมกับ... "ยิงปืนใหญ่ด้านหน้าเข้าใส่พวกศัตรูที่อยู่ห่างจากยานหมายเลข 2 ได้เลย"
              ทหารพลปืนใหญ่ตอบ "รับทราบ ยิงแล้วละครับ" "ตุ้งๆๆๆๆ ตรูมมม บรึมๆๆๆ" แล้วปืนใหญ่ก็ยิงใส่พวกลูนาสตี้ให้หนักข้อมากกว่าเดิม เปิดช่องให้.... "อ้านนนนนนน ตรึงงงงง บรืนนนน" พีวิลนำไทรไบค์ออกมาโดยที่สเปียริทยืนซ้อนท้ายเอาไว้ ส่วนมาสวาร์ทาร์ก็รีบนำลอร์ดวาทรัลมาพร้อมกับปืนยาวไร้แรงสะท้อน ซึ่งคลอเวฟก็อยู่ในคอกพิตด้วย โดยที่ฟลาแน็กซ์และฟาลเคน่อนยืนบนบ่าทั้งสองข้าง ด้านโคเคสก็รีบนำการ์เซนท์ติดตีนตะขาบออกมาถึง 4 เครื่อง พร้อมหน่วยทหารชุดหุ่นยนต์ที่เพิ่มทหารธรรมดาเอาไว้ด้วย
              "ท่านมาสวาร์ทาร์ ตอนนี้พวกลูนาสตี้มีสัตว์ประหลาดภาคอากาศอยู่ เช่นเดียวกันกับพวกภาคพื้นที่เน้นตัวหนักๆทั้งนั้นเลยน่ะ" ฟาลเคนอนบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ ว่าแต่ ท่านเรียกคนของท่านมาแล้วหรือยัง"
              "เรื่องนี้ข้าได้สั่งการให้คนของเรามุ่งหน้ามาที่ข้ากันแล้วละ แม้ว่านั้นจะเป็นการเสี่ยงตายและมีโอกาสสูญเสียไม่น้อยก็ตามน่ะ" ฟาลเคนอนกล่าว
              ฟลาแน็กซ์บอก "แต่ผมรู้สึกได้ว่า พวกไลเอิร์ทกำลังจะวอนหาเรื่องเจ็บตัวกันแล้วนะครับ"
              "เธอไปได้อยู่แล้วละ ฟลาแน็กซ์ และห้ามประมาทศัตรูเป็นอันขาดเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าวแล้วก็ประเดิมด้วย "ตรุ้งงง ตรุ้งงง" ยิงปืนไร้แรงสะท้อนเข้าใส่พวกสัตว์ประหลาดจน "ตรูมมมม บรึมมม" เป่าเคลเบรอส เบฮีมอธและม้ายูนิคอร์นร่วงระนาวไปอย่างจังๆ ฟลาแน็กซ์จึงได้โอกาส "ฟึ่บบบบ" สะบัดผ้าคลุมที่หัวไหล่ทั้งสองข้างซึ่งก็คือส่วนปีกบินตรงไปยังยานฟริแทงคอนเบอร์สอง ในจังหวะที่พวกลูนาสตี้ที่กำลังจะเล่นงานดิเรนท์ เฮเรเค้นและพวกเบย์แทนด์ด้วยอาวุธปืนอยู่นั้น "ฟ้าวววว ควับๆๆ" ฟลาแน็กซ์ก็บินวนอ้อมมาตรงหน้าสะพานเดินเรือแล้วก็หมุนตีลังกาเพื่อที่จะ... "ฟ้าวววว ป้ากกก" พุ่งถีบสองเท้าซึ่งฝ่าเท้าของฟลาแน็กซ์เปลี่ยนเป็นอุ้งเท้านกขึ้นมา แล้วก็พุ่งถีบใส่กลางหลังเบทชอนไปเต็มๆ จนทำให้พวกที่เหลือหันกลับมา "ฟ้าวววววว หมับบบ หวืดดดด เปรี้ยงงงง" เฮเรเค้นรีบใช้ทั้งสองมือยืดเข้าจับหัวเซนเครูทตนหนึ่งเพื่อดึงเข้ามาถีบเสยด้วยฝ่าเท้าไปเต็มๆ โดยที่ฟลาแน็กซ์ชักกระบี่ยาวออกมา "เชร้งงงง แชร้งงง" เข้าฟาดฟันใส่พวกลูนาสตี้โดยที่ดิเรนท์เข้ามาผสมโรงไปด้วย ดิเรนท์หมุนตัวเตะด้วยมีดติดส้นเข้ากรีดใส่เซนเครูท 3 ตัวพร้อมกับฟันดาบสีดำเข้าใส่ซ้ำ ฟลาแน็กซ์แทงใส่หน้าอกของเบทชอนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ "แคว้กกก เปรี้ยงงง" ชูขาซ้ายขึ้นและเตะฟาดส้นด้วยเท้าอุ้งเล็บเหยี่ยวเสยหัวเบทชอนจนเขาเสี้ยวจันทร์หักไปสามส่วนและร่วงล้มลงไป จากนั้นก็... "ฟึ่บบบ เปรี้ยงงง" หมุนตัวเตะกลับหลังเล่นงานเบทชอนตรงที่หน้าไปเต็มแรง แล้วก็แทงซ้ำที่คอเพื่อเอาให้ร่วง จนเหลือเซนเครูทและเบทชอนบุกเข้าโจมตีใส่เฮเรเค้น ซึ่งใช้กระบี่โก่งหัวงูเข้าฟาดฟันใส่อย่างระมัดระวัง แต่เซนเครูทกระโดดหลบดาบก่อนที่จะใช้ปืนสนับมือเพื่อยิงใส่เบย์แทนด์ "ฮึยยย" ฟลาแน็กซ์ซัดขนนกปักเข้าหลังคอเซนเครูทให้เสียหลัก เปิดช่องให้เฮเรเค้นยืดมือเข้า "จึกกก" ทิ้มใส่เซนเครูทแล้วดึงเข้ามา "ฉั้วะ" ฟันใส่เสกหน้าไปเต็มๆ พร้อมกับถีบส่งไปอัดกระแทกกับเบทชอนด้วย ซึ่งก็โดนฟลาแน็กซ์ฟันเข้ากลางหลังถีบส่งมา "ฉึกกก" ให้เฮเรเค้นแทงด้วยดาบเข้าตรงหน้าอกไปเต็มๆ แต่... "เหอะๆๆๆๆ" เบทชอนตนนั้นหัวเราะขึ้นโดยที่ตรงรอยแผลกลางหน้าอกเรืองแสงขึ้นมา "แย่ละสิ เธอทำให้แกนหัวใจของเจ้านั้นเสียหายซึ่งอาจจะทำให้มันระเบิดได้เลยน่ะ" เบย์แทนด์กล่าวเตือนขึ้นมา
              "น่าจะรีบบอกเสียแต่เนิ่นๆกันเลยน่า" เฮเรเค้นเลยรีบดึงดาบออก แล้วก็... "ป้ากกกกกกก" "หวับๆๆๆๆๆ ตรูมมมมมมมมมมมม" ถีบเบทชอนตนนั้นให้ออกไปข้างนอกสะพานเดินเรือ ซึ่งก็ระเบิดใส่อย่างรวดเร็ว
              "ไม่น่าเชื่อเลยน่ะ เรื่องที่โมบิลลอยด์มันระเบิดรุนแรงหลังจากที่อาจารย์มาสวาร์ทาร์จัดการทิ้งไปนั้นก็เป็นเรื่องจริงละสิ แล้วตัวอื่นๆละ" ดิเรนท์กล่าว
              ฟลาแน็กซ์บอก "เกรงว่าเราฆ่าโดยไม่แทงใส่หน้าอกโดยตรง เลยไม่เป็นอะไรมากน่ะ"
              "แต่ พวกไลเอิร์ทนี้สิ เฮ้ย ฟลาแน็กซ์ รีบไปเตือนพวกนั้นให้รู้ก่อนเลยดีกว่า" เฮเรเค้นกล่าว
              ฟลาแน็กซ์พยักหน้า แล้วรีบวิ่งออกไปโดยเร็ว ดิเรนท์ได้ยินเสียงจากเคาน์เตอร์ระบบสื่อสารจึงรีบกดปุ่มที่กระพริบดังขึ้น เผยภาพของมาสวาร์ทาร์ที่อยู่ในคอกพิตของลอร์ดวาทรัลไว้ "ตะกี้นี้เห็นด้านหน้าสะพานเดินเรือมันมีการระเบิดนิ เกิดอะไรขึ้นกันละ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              "เฮเรเค้นเผลอเล่นงานมนุษย์สวมหน้ากากจนแกนหัวใจเกิดการระเบิดขึ้นมา เลยรีบถีบออกไปนอกสะพานเดินเรือ ซึ่งทุกๆคนไม่เป็นอะไรมากนะคะ" ดิเรนท์กล่าว
              เฮเรเค้นบอก "ก็ใครจะไปรู้นิ ว่าพวกนี้มันฝังแกนหัวใจแบบเดียวกันกับที่โมบิลลอยด์ใช้อยู่น่ะ"
              "ที่จริงฉันอยากจะหักคะแนนกันอยู่หรอกน่ะ แต่เห็นแก่ที่เธอรีบตัดสินใจลงมือไปในภายหลัง ครั้งนี้จะยกให้ แต่คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เบย์แทนด์บอก "ตอนนี้พวกคุณมาช่วยกันแล้วสินะครับ"
              "ใช่แล้วละ ตอนนี้พวกเรากำลังไล่พวกที่อยู่ข้างนอกกันก่อน ดิเรนท์ เฮเรเค้น ตามฟลาแน็กซ์ไปช่วยพลัสเชอริทและฟลาแน็กซ์ที่ล่วงหน้ามา ช่วยคนที่เหลือไว้ด้วยแล้วกัน" มาสวาร์ทาร์บอก
              พลัสเชอริทติดต่อมา "เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เพราะว่า ฉันได้หลอกล่อพวกนี้มาอยู่ในโกดังใหญ่แล้วละ" ซึ่งพลัสเชอริทได้ใช้ไลท์นิ่งอิลลูชั่นหลอกล่อพวกลูนาสตี้ที่ไล่ตามพวกไลเอิร์ทให้หันมาติดตามร่างแยกของตนที่หลอกล่อมาจนถึงห้องโถงใหญ่ไว้
              "โอ้ว นายนิมันช่วยได้เยอะเลยวะ" คลอเวฟกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "ท่านฟาลเคน่อน ท่านรีบไปคุ้มกันพวกแมนิแฟคเตอร์กันดีกว่านะครับ ดิเรนท์ เฮเรเค้น รีบไปที่ห้องโถงใหญ่เดียวนี้เลย เดียวฉันจะส่งคลอเวฟลงไปช่วยกันน่ะ"
              "เข้าใจแล้วละ อาจารย์" เฮเรเค้นบอก ฟาลเคน่อนพยักหน้าแล้วรีบบินตรงไป โดยที่พีวิลนั้น... "บรืนนนนนน ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ใช้มือเดียวถืออาก้า-49 กราดยิงใส่พวกเซนเครูทที่ขี่ยูนิคอร์นพุ่งเข้าใส่จนล้มลงจากหลังม้าไป โดยที่หมาเคลเบรอส เฟนริลและกัลม์ระดมโจมตีใส่อย่างยกใหญ่ "ตรูมมมมม" "อ้านนนนน" พีวิลเร่งเครื่องพุ่งทะยานขึ้นมา โดยที่สเปียริทหยิบเอาปืนยิงลูกระเบิดมา "ตรุ้งง ตรุ้งงง ตรุ้งงง" ยิงระเบิดออกไปสามลูกลงพื้น ซึ่งก็... "ตรูมมมม บรึมมมม เปรี้ยงงงง" เป่าระเบิดใส่พวกหมาใหญ่ทั้งสามแบบกระเจิดกระเจิงอย่างจังๆ ซึ่งไทรไบค์ของพีวิลก็แล่นลงพื้น คิไมร่าและแมนติคอลก็พ่นกระสุนพิษเข้าใส่ "แว้งงงง" สเปียริทเลยใช้ลูกแก้วสร้างม่านบาเรียทรงดาวหกแฉกมาป้องกันไว้ แล้วก็ "แชดดดด" ยิงเลเซอร์สเปียร์บีมเข้าใส่แมนติคอร์และคิไมร่าจนถากสีข้างเข้าพร้อมกับระเบิดแหลกเหลวไป "ฟ้าวววว ฟ้าววว แชดดด แชดดด แชดดดด" พวกแอร์ไบค์ที่มีพวกเซนเครูทขี่อยู่ระดมยิงปืนแสงสีขาวลงมา "ตรูมมม ตูมมมม ตูมมม ตูมมม บรึมมมม" ซึ่งพีวิลก็ขับหลบหลีกการโจมตีนั้นไป ส่วนสเปียริทก็ยิงเลเซอร์เข้าใส่พวกแอร์ไบค์ แต่ก็...
              "พวกมันหลบได้เลยน่ะ" สเปียริทกล่าว
              "พีวิล พยายามโจมตีพวกที่อยู่ภาคพื้นกันไปก่อน ฉัน บัลโต้ ไกซ์และมิลด์จะรับมือพวกภาคอากาศให้แล้วกัน" มาสวาร์ทาร์บอก พร้อมกับนำลอร์ดวาทรัลมาถึงฟริแทงคอนเบอร์สองได้สำเร็จ คลอเวฟเลยโดดออกจากคอกพิตแล้วโดดขึ้นยานไปโดยทันที โดยที่ตนใช้ปืนไร้แรงสะท้อนยิงใส่ "ตรุ้งงงงงง" พวกหน่วยจู่โจมภาคอากาศ แม้จะยิงไม่โดนเลยก็ตาม มิลด์และไกซ์ระดมยิงด้วยมาสแตงค์ไรเฟิ่ลและวัลแคนอาร์มเข้าใส่ไปด้วย ซึ่งก็ให้ผลออกมาเช่นเดิม
              พีวิลบอก "เห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพวกนี้เอาหมาตัวโตๆกับงูไฮดร้าออกมากันด้วยน่ะ" เพราะเห็นกัลม์ 4 ตัว เคลเบรอส 3 ตัว เฟนริล 4 ตัวและไฮดร้า 2 ตัวโผล่มาพร้อมกับคิไมร่า 3 ตัว แมนติคอร์ 3 ตัว เบฮีมอธ 4 ตัว โดยที่ส่วนมากถูกบัลโต้ระดมยิงไปก่อนแล้ว "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ" เฟนริลปล่อยหมุดน้ำแข็งให้พุ่งเข้าใส่ แต่พีวิลหลบหลีกออกมาได้ โดยที่กัลม์กับเคลเบรอสปล่อยกระสุนไฟเข้าใส่ "พรึบบบ ซูมมมมมม" พีวิลเลยสบัดเพลิงอีเนลเซียมเข้าสลายกระสุนไฟออกไปแล้วก็... "เอนเนอจี้โบลท์" ซัดกระสุนพลังเพลิงเข้าเป่าใส่กัลม์ไปเต็มๆจนเพลิงสีน้ำเงินครอกหัวกัลม์จนเหลือแต่กระโหลก
              "หึ มาจนได้สิน่ะ พีวิล แต่ก็ดีเลย เพราะอย่างน้อย นายกับพวกทำให้เรื่องนี้มันง่ายขึ้นกันน่ะ" แดนเจอรอทบอก
              สกายล็อตกล่าว "คงต้องดูไปก่อน ว่าพวกมันจะรับมือกับการบุกภาคอากาศกันยังไงน่ะ"
    ต่อช่วงที่ 2 กันเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×