ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Manigator Saga Rebellion Soldiers

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 8 มหันตภัยจากดวงจันทร์ ลูนาสตี้ กองรบแห่งความแค้นอันน่าสะพรึ่งกลัว บทจันทรามรณะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 27
      0
      9 ก.ย. 64

              ที่หมู่บ้านของบีสทอยด์เผ่ากวาง สองวันถัดมาหลังยุทธการโฮปป้าสคาโพรนอส
              "เคร้งงงงง แกร้งงง ฉั้วะ" บีสทอยด์หัวกวางตนหนึ่งใช้ดาบสองง่ามเข้าปัดป้องดาบครอสเซียมของนักรบพาราไดน์ที่ฟาดฟันเข้ามา แต่ก็โดนกระแทกด้วยโลห์ก่อนจะแทงใส่ โดยที่พวกบีสเมนต์เขากวางเองพยายามจะสู้ด้วยการยิงธนูเหล็กใส่ แต่นอกจากจะไม่ทะลุเกราะอัลตร้าสติลและโลห์ครอสเซียมแล้ว "แชดดดดด แชดดดดด" "ตรูมมมม" "อุว้ากกกกกก" ยังถูกนักรบพาราไดน์ยิงปืนแสงพลังงานครอสเซียมเข้าใส่ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ พาราไดน์ 10 ตนนำยูนิคอร์นบุกเข้ามาไล่โจมตีใส่พวกบีสทอยด์กวางทุกประเภทที่พยายามวิ่งหนีไป "โครมมมม" บ้านไม้ของพวกบีสทอยด์กวางถูกเขาของยูนิคอร์นพุ่งชนจนกระจุยกลายเป็นเศษแผ่นไม้และหลังคาสังกะสี(ผสมกับไทเทเนี่ยมเล็กน้อย) ถล่มลงพื้นไป "ฟ้าวววว ป้ากกกกก" พาราไดน์ตนหนึ่งถูกบางอย่างพุ่งกระแทกใส่หน้าอกจนร่วงตกจากหลังม้าอย่างจังๆ ซึ่งพาราไดน์ระดับหัวหน้าหมวดรีบวิ่งไปดู "ฟักดาบนี้ หรือว่า...." และหันมายัง เอชมาสวาร์ทาร์ที่มาพร้อมกับพวกบีสทอยด์เสือและสิงโตที่รีบรุดมาช่วยไว้
              "นั้นนะหรือคือวิธีการสู้ของยอดนักรบระดับพระกาฬและหัวกระทิที่ได้รับสมญาว่าเป็นดาบและหอกของโอเวอร์เดสกันน่ะ แบบนั้นมันเป็นการสู้ของพวกโจรถ่อยสถุลครึ่งพันชัดๆ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              "คนทรยศอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์มาตำหนิการกระทำของพวกเรา นี้เป็นคำสั่งของท่านโครเต้และท่านครองคอร์ดที่ต้องการกวาดล้างพวกบีสทอยด์ที่อยู่ในขอบเขตนี้ให้สิ้นซากไปซะ" พาราไดน์กล่าวและสั่ง "กองรบยูนิคอร์นไนท์ กุดหัวคนทรยศนั้นซะ" แล้วพวกนักรบขี่ม้ายูนิคอร์นบุกเข้าใส่ด้วยการทิ้มเขาและทวนเข้าใส่
               "น่าสมเพชจริงๆ สำหรับกองรบทหารม้าที่ทรงเกียรติของแม่ทัพอาทรัลเตอร์กันน่ะ เพลงดาบสายฟ้าแลบ" มาสวาร์ทาร์พุ่งเข้าใส่พวกยูนิคอร์นไนท์ที่บุกเข้ามาถึงห้าหน่วย โดยมาทีเดียวสองแถวนั้นก็คือแถวหน้ากับแถวหลังไว้ และ "เชร้งงงงงงงงง" มาสวาร์ทาร์มายืนอยู่ข้างหลังพวกยูนิคอร์นไนท์ พร้อมกับเดินเข้ามาหยิบฟักดาบที่หล่นกองกับพื้นขึ้นมา "ครี้งงงงงง กึ่บบบบ" เสียบมาสวาร์ทาร์เบลดกลับเข้าฟักจนดาบเสียบสนิทดี "ฉึบบบบบ ฮี้........ฉึบๆๆๆๆๆๆ โครมมมมม" ม้ายูนิคอร์นถูกกุดหัวไปพร้อมกับพาราไดน์ที่ขี่ซึ่งถูกสับเป็นท่อนๆพร้อมกันทั้งสิบหน่วยรวดเดียว พาราไดน์ตัวหัวหน้าถึงกับกัดฟันกรอดๆ แต่ก็เกิดความหวั่นเกรง เพราะพวกบีสทอยด์กวางเกิดความฮึกเหิมโดยพร้อมสู้ร่วมกันกับพวกแมวใหญ่กันแล้ว

              ในขณะเดียวกัน ที่หมู่บ้านของบีสทอยด์เผ่าหมูป่า ที่อยู่ในเขตป่าหนาทึบ
              "ระวังหน่อยน่ะ พวกครอสตรีมมีนักรบระดับเทมพาล่าอยู่ ซึ่งมันร้ายกาจเอามากๆเลยน่ะ" พีวิลติดต่อเข้ามา โดยตอนนี้สเปียริทมาพร้อมกับกองรบชุดเกราะหุ่นยนต์จำนวนหนึ่งเข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์กันแล้ว
              "ฉันรู้แล้วละ พีวิล" แล้วเธอก็รีบนำทัพบุกเข้าโจมตีใส่หน่วยครอสตรีมที่แห่แหนกันมา "ป้ากกกกกก โครมมมม" ทหารชุดเกราะเมคทรูปเปอร์บุกเข้าชกใส่โลห์ครอสเซียมของพาราไดน์จนแตกกระจุยไป พร้อมกับชกซ้ำเข้าที่หน้าอกไปเต็มๆ "โครมมมมมม ป้ากกกก" พวกเมคทรูปเปอร์บุกเข้าโรมรันใส่พวกพาราไดน์แบบไม่กลัวเกรงจะถูกฟันด้วยดาบครอสเซียมที่คมกริบและทรงอานุภาพยิ่งกว่า กลุ่มที่สองนั้นระดมยิงกระสุนระเบิดไฟฟ้าอัดใส่พวกพาราไดน์ให้ชะงักและตามด้วยปืนเลเซอร์กำลังสูงทะลุร่างพวกพาราไดน์ไว้ "หึ พวกเจ้าใช้ประโยชน์จากพวกอีเนอไมนด์พัฒนาขีดความสามารถการโจมตีใส่พวกเรากันสิน่ะ แต่ก็ได้แค่นั้นแหละ คาออสติคสตอร์ม" เทมพาร่าระดับหัวหน้าจึงชูหอกขึ้นและ.... "เปรี้ยงงงงงงง" ปล่อยพลังสายฟ้าสีเขียวเข้า "ป้ากกกกก" ทำลายส่วนขาหุ่นของเมคทรูปเปอร์พังไปข้างหนึ่ง "เปรี้ยงงงง ป้ากๆๆๆๆ" และกระจายพลังสายฟ้าเข้าทำลายแขนขาของพวกเมคทรูปเปอร์ไปเต็มๆ "แชดดดด" "ป้ากกกกก" เทมพาร่ารีบแบมือสร้างโลห์พลังงานครอสเซียมป้องกันเลเซอร์จากสเปียริทไว้ พร้อมกับเข้าโรมรันใส่ โดยที่พวกพาราไดน์บุกแห่มาโจมตีพวกเมคทรูปเปอร์ แต่พวกบีสทอยด์หมูป่าแห่แหนเข้ามาช่วยหนุนเสริมกันอีกที "แคร้งงง เคร้งๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทหวดหอกฟาดปะทะกับหอกครอสเซียมสีเขียวของเทมพาร่าอย่างต่อเนื่อง "นี้แก ไปเอาพละกำลังมาจากไหนกันน่ะ" เทมพาร่ากล่าวโดยมือของเธอเริ่มอ่อนล้าจากการรับการโจมตีของสเปียริทไว้ เทมพาร่าจึงกระโดดพร้อมกับยิงลำแสงป้องกันไว้
              "ต่อให้แกมีพลังกล้าแกร่งไว้ แต่การสู้ตัวต่อตัวคงไม่ดีจริงกันละน่า และฉันไม่ยอมให้แกหนีได้หรอก โฮลด์เซอเคิ่ล" สเปียริทใช้ส่วนลูกแก้วท้ายด้ามปล่อยวงกลมพลังเข้า "แกร้งงงงง" ตรึงเทมพาร่าเอาไว้และ.... "ฉึกๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากกกก" "แอ้......." รั่วแทงใส่ไม่ยั้งจนทะลวงเกราะอัลตร้าสติลแตกและแทงใส่จุดตายตรงหน้าอกจนร่างของเทมพาร่าตัวหัวหน้าสลายกลายเป็นละอองสีเขียวไป

              อีกด้านหนึ่ง ที่หมู่บ้านของบีสทอยด์เผ่าหมี ที่ตอนนี้กำลังสู้กับพวกแอตแลนไทซ์กันอยู่
              "หนอยยย ไอ้พวกขาตะเกียบ มึงมาเยอะกันไม่ว่า ยังขนเอาคิไมร่ามาด้วยหรือวะเนี้ย" หัวหน้าเผ่าแบแรคที่เป็นหมีดำกล่าวพลางใช้กงเล็บหมีอันแหลมคมข่วนใส่สปาดาไนซ์ ทหารชั้นล่างของพวกแอตแลนไทซ์ ซึ่งมีรูปร่างผอมกว่าเมดลิคซ์อย่างมาก ซ้ำยังมีส่วนขาที่เป็นแท่งยาวผอมจนดูแล้วไม่น่าจะรับการโจมตีหรือโจมตีอะไรได้เลย แม้จะมีโลห์ที่ข้างหัวไหล่และเลื้อยไฟฟ้าที่แขนทั้งสองข้างเป็นอาวุธเลยก็ตาม โดยพวกมันรุมเล่นงานบีสเมนต์หมีและมนุษย์หมีกันอย่างหนักหน่วง ซึ่งพวกมันเล่น 2 รุม 1 จนเล่นงานพวกบีสทอยด์หมีจนแขนขาดไปตัวละข้าง ที่แย่ที่สุดก็คือ "กรรรรรรรร" มันนำสัตว์ประหลาดคิไมร่า ซึ่งเป็นสิงโตขนาดยักษ์ที่มีหัวแพะอยู่ด้านบน และหางเป็นงูเห่า โดยที่หัวแพะปล่อยพลังไฟฟ้าช็อตใส่พวกบีสทอยด์หมีที่แห่มาจนชะงักงัน "ฟ่อออ ฟ่ออออ" ส่วนหางงูก็พ่นกระสุนพิษเล่นงานซ้ำเช่นเดียวกับหัวสิงโตที่พ่นกระสุนเพลิงออกมา แต่... "ฟ้าวววว ตรูมมมม" กระสุนพลังพุ่งลงมาทำลายกระสุนพิษและกระสุนเพลิงไปเสียก่อน พร้อมกับ.... "ฟ้าววววว ป้ากกกกก" มีบุรุษพุ่งลงมาชกเป่าใส่คิไมร่าจนมันกระโดดหลบออกมา ซึ่งก็ทำให้พวกสปาดาไนซ์ที่กำลังเล่นงานพวกหมีหันมาทาง ยอดบุรุษแขนเหล็กมือสีน้ำเงิน บอดี้สีขาวมีผลึกสีฟ้าเรืองแสงตามตัว โดยที่มีผ้าพันคอสีน้ำเงินอยู่ที่คอไว้ ซึ่งไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก...
              "นิ นี้มัน พีวิลเบรซซิ่งแฮนด์ วีรบุรุษของกบฎโคเคสกันนิหว่า" บีสเมนต์หมีแบร็อคกล่าว
              "จริงหรือเนี้ย หมัดเพลิงมหากาฬมาช่วยพวกเราแล้วหรือเนี้ย" "ผู้พิชิตแพทรีออทตัวเป็นๆมาแบบนี้ พวกเรารอดแล้ว" "ตะบันหน้าไอ้หัวคลีบปลาให้กระจุยไปเลย" จนพวกบีสทอยด์หมีที่เสียขวัญต่างดีใจกันไม่น้อย หากแต่ฝ่ายตรงข้ามนั้น
               "นึกว่าใคร ไอ้มือเพลิงบวมที่ร่วมมือกับไอ้บ้าคลอเวฟต่อต้านแพทรีออทและบดขยี้อีเนอไมนด์จนพังพินาศนี้เอง พอดีเลย พวกเราอยากจะบดขยี้แกให้ราบคาบกันอยู่แล้วละ" สปาดาไนซ์ตัวหัวหน้ากล่าว
              "คลอเวฟเล่าว่า พวกแกมันเป็นพวกเจเนรัลเบ้ที่กระจอกสุดในหมู่นักรบชั้นล่างกัน ซึ่งอยากจะรู้ว่ามันเป็นอย่างงั้นจริงหรือเปล่าละ" พีวิลบอก
              สปาดาไนซ์ตัวหัวหน้าได้ฟังก็ไม่สบอารมณ์ "สามหาวนักน่ะ ถึงแกถล่มอีเนอไมนด์ลงได้ แต่กับพวกเรา มันคนละชั้นกันนะเฟ้ย จัดการมันเลย" แล้วสั่งพวกพ้องให้แห่บุกเข้ามา "อ้านนนน อ้านนนน อ้านนน" วิ่งเข้าใส่พีวิลด้วยดาบเลื้อยไฟฟ้าติดแขนเข้าฟาดฟันใส่ ซึ่งพีวิลโยกหลบหลีกการโจมตีแบบมีชั้นเชิง แล้วก็.... "ฟ้าววววว ป้ากกก" ซัดสปาดาไนซ์ด้วยเซเคนด์สไตร์คจนคอหักออกข้างซ้ายไปเต็มๆ แล้วก็ "ฟ้าวววว เปรี้ยงงงงง" พุ่งชกใส่อีกตัวที่ไขว้แขนด้วยดาบใบเลื้อยจนดาบใบเลื้อยหักครึ่งทั้งสองข้างและหมัดของพีวิลก็ทะลุหลังจนแทงค์ไฮโดรฟอสกระเด็นลงพื้นไปจนแดดิ้นลงไป "ว้ากกกก" สปาดาไนซ์ที่เหลือแห่แหนมาเล่นงานพีวิลด้วยความเร็วสูงจากพลังไฮโดรฟอสที่ทำให้สปาดาไนซ์เคลื่อนที่ได้เร็ว "ฟึ่บบบบ ฟึ่บๆๆๆๆๆ" พีวิลจึงโดดหลบหลีกการโจมตีแบบรุมสกัมรอบทิศด้วยการสไลด์ไปมาได้ทั้งหมด
              "เร่งสปีดด้วยแรงดันน้ำความแรงสูงเช่นนี้ ไม่แปลกใจแล้วละ ที่พวกแกยังพอร้ายกาจอยู่บ้างน่ะ" พีวิลกล่าว
              "ไฮโดรฟอสของเราอาจจะทำให้เราว่องไว แต่มันก็มากพอที่ดับเพลิงแห่งความโอหังของแกได้อยู่แล้วละน่า พีวิล" สปาดาไนซ์ตัวหัวหน้าบุกเข้าโจมตีด้วย "ฟึ่บๆๆๆๆๆ" ส่วนแทงค์ด้านซ้ายเลื่อนมาและยืดเอากระบอกลำกล้องปืนยาวออกมา "ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว" ระดมยิงกระสุนน้ำความแรงสูง ซึ่งพีวิลรีบตีลังกาหลับได้ทุกดอก จนพื้นดินที่ถูกกระสุนน้ำปะทะเข้าจนกลายเป็นหลุมเล็กแต่ลึกพอตัว "อาร์มชู้ตเตอร์" พีวิลเลยชิงลงมือด้วยการกราดยิงปืนติดแขนทั้งสิบสองลำกล้อง "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดเข้าใส่สปาดาไนซ์สี่ตัวจนร่วง แล้วก็วิ่งหลบหลีกพร้อมกับ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ยิงสอยอีก 3 ตัวที่อยู่บนหลังคาจนร่วงไป ที่เหลือก็โดดลงสู่พื้นพร้อมกับใช้ดาบเลื้อยไฟฟ้า "เอนเนอจี้ร็อด" พีวิลเลยใช้ตะบองพลังแสงทั้งสองอันเข้า "แชรบบบบ ป้ากกก ป้ากกก ป้ากกก เปรี้ยงงงง แชบบบบบ ฉั้วะ ป้ากกกก" ฟาดฟันใส่พวกสปาดาไนซ์ที่กรูกันเข้ามาอย่างเร็ว และหวดตีใส่ทั้งแขนและขา โดยเฉพาะส่วนขาซึ่งเปราะมากที่สุดจนหักสะบั้นลงจนถูกพีวิลชกซ้ำเข้าที่หัวและหน้าอกไปเต็มๆ แล้วก็ต่อประกอบด้ามและหมุนควงตะบองสองหัวเข้าปัดรับดาบเลื้อยไฟฟ้าและฟันเล่นงานจนร่วงไปกันเกือบหมด "คิไมร่า กระทืบพีวิลซะเดียวนี้เลย" สปาดาไนซ์ตัวหัวหน้าสั่งและบุกเข้ายันพีวิล แต่.... "ฉึกกกกกก" โดนพีวิลแทงและแยกพลองเป็นตะบองคู่ "ฉึบบบ ฉึบบบ" หมุนตัวตัดร่างของมันขาดเป็นสามท่อน แล้วเข้ารับมือกับคิไมร่าที่กระโจนเข้ามา "ฟ่อๆๆๆๆๆๆ" หางงูทิ้มใส่พีวิลหมายจะขบกัดและฉีดพิษเข้าใส่ แต่.... "หมับบบบบ ฟึ่บบบบ ฉึกกกกกก" พีวิลคว้าจับไว้และกระชากจนหางงูขาดสะบั้นทำให้คิไมร่าร้องลั่น จนหัวแพะและหัวสิงโตปล่อยพลังเข้ามา "สุพรีมบลัสต์" พีวิลซัดกระสุนพลังขนาดใหญ่พุ่งเข้าปะทะใส่คิไมร่าไปเต็มๆ แล้วก็.... "ย้ากกกกก" พีวิลบุกเข้าหวดเอนเนอจี้ร็อดทั้งสองอันเข้าฟาดใส่หัวสิงห์และหัวแพะไปเต็มๆจน "ตรูมมมม บรึมมมม" หัวทั้งสองระเบิดไปเต็มๆพร้อมกับร่างที่เหลือถูกเพลิงอีเนลเซียมแผดเผาลงไป "วืออออ ควับๆๆๆๆๆ พึ่บๆ" พีวิลดับพลังที่ตะบองเพื่อเก็บไว้ที่ข้างเอวขึ้นมา
              "พวกเรารอดแล้วโว้ยยยยย" แบร็อคตะโกนลั่นซึ่งพวกหมีก็เฮลั่นด้วยความดีใจ ซึ่งพีวิลชูหมัดด้วยชัยชนะของเขาไปด้วย

              จากนั้น ที่หมู่บ้านบีสทอยด์เผ่าวัวและกระทิง แอตแลนไทซ์บุกเข้ามากันอย่างหนักหน่วง
              "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แชดดดดดดด แชดดดด แชดดดดด แชดดดดด" พวกทหารกบฎนำโดยบัลโต้ช่วยพวกบีสทอยด์หัววัวและกระทิงสู้รบกับพวกแอตแลนไทซ์ที่ไม่เพียงนำสปาดาไนซ์มาหลายสิบตัว แต่ยังขนเอาแมนติคอร์ สิงห์ดำปีกค้างคาวหางแมงป่องลงสนามมาด้วยถึง 10 ตัวด้วยกัน แถมด้วย... "เหอะ นักรบมิลมีซอนนั้น ชิ ไม่ใช่หมอนั้นไม่เป็นไร อย่างน้อย กูก็ได้ระบายอารมณ์กันเสียบ้างละน่า" คลอเวฟฟาดแองเกอร์แอ็กซ์อัดใส่สปาดาไนซ์ที่แห่มาจนร่วงไปกันหมด พร้อมกับกวาดแกว่งด้วยทุเรียนเหล็กแจกใส่สปาดาไนซ์ที่วิ่งมารุมล้อมจนลงไปกองกับพื้นเป็นเศษเหล็กไป แล้วก็ "วอเตอร์เวฟ" ซัดพลังคลื่นเข้าเล่นงานแมนติคอร์ให้ชะงักพร้อมกับ "วอร์ชีฟดรอป" พุ่งดรอปคิกใส่หัวแมนติคอร์จนแน่นิ่งแล้วก็จับหางแมงป่องเหวี่ยงอัดใส่พวกสปาดาไนซ์ที่ดาหน้ากันเข้ามาจนวอดวายไปกันหมด "ฟ้าววว โครมๆๆๆๆๆ" แต่พวกสปาดาไนซ์สี่ตัวบุกมาล็อกแขนและขาคลอเวฟไว้ เพื่อให้แมนติคอร์บินโฉบลงมาด้วยการทิ้มหางแมงป่องที่มีกรดกัดกร่อนเข้าใส่ "ป้างงงงง" บัลโต้ยิงปืนยาวแรงสะท้อนเป่าปีกค้างคาวของแมนติคอร์ขาด เปิดช่องให้คลอเวฟบุกเข้าชกด้วยแขนที่มีสปาดาไนซ์เกาะอยู่จนเป่าสปาดาไนซ์ที่เกาะแขนกระจุยและทำให้ดาบใบเลื้อยกรีดโดนหน้าไว้ แล้วก็ "ย้ากกกกก" คลอเวฟใช้แทงค์ติดหลังดันตัวเองลอยสูงขึ้น แล้วก็ทิ้งตัวด้วยการยื่นขาคู่ "โครมมมมม" กระทืบสปาดาไนซ์ที่ล็อกขาทั้งสองให้กระจุยไปพร้อมกับแมนติคอร์ที่โดนกระทืบจนหลังหักไป ส่วนอีกตัวนั้น... "หมับบบบ ฟ้าวววว ป้ากกกก" ซัดอัดใส่แมนติคอร์ตัวที่บุกมาข้างหลังบัลโต้และพวกเอาไว้ โดยที่เหลือนั้นโดนพวกบีสทอยด์กระทิงและวัวไล่จัดการไปแล้ว
              "ไอ้สถุลคลอฟเอ้ย มึงไม่คู่ควรสำหรับตำแหน่งกราดิเอเตอร์มารีนไปได้หรอกโว้ยยย" มิลมีซอนที่เป็นหัวหน้ากองบุกเข้าโจมตีด้วยสามง่ามยาว ส่วนคลอเวฟใช้ขวานสมอโต้ตอบอย่างทันควัน
              "เหอะ ว่ากูสถุล แล้วทีพวกมึงล่ะ ว่างมากนักหรือถึงเป็นหมารับใช้ไอ้หัวแหลมกันน่ะ"
              "ปากดีอย่างแกยิ่งไม่คู่ควรต่อตำแหน่งที่ท่านเกซเฟลิคมอบให้อดีตแชมเปี้ยนอย่างแกกันหรอก ไอ้คลอฟเอ้ย" มิลมีซอนกระโดดพร้อมกับซัดคลื่นน้ำเป็นแนวกำแพงไว้ คลอเวฟเลยใช้ขวานฟันคลื่นขาดเป็นสองซีก แต่ไม่เห็นตัวมิลมีซอนเลย เพราะมันอยู่ด้านบน ด้วยการใช้แทงค์ยิงพลังไฮโดรฟอสทะยานขึ้นสูงไว้ "ตำแหน่งกราดิเอเตอร์มารีนของแก มันหลุดหายไปตั้งแต่แกแพ้ต่อท่านไพลม์เทคแล้วละ ไอ้บ้า" มิลมีซอนทิ้งตัวและแทงตรีศูลย์ดีฟไทรเดนท์ลงมายังคลอเวฟ เพื่อหวังจะเสียบให้ทะลุหัว แต่... "ฟ้าวววววววว ป้ากกกก" คลอเวฟซัดทุเรียนเหล็กเสยขึ้นอัดเข้าตรงหน้าอกทางซ้ายของมิลมีซอนจนร่วงลงไปกองกับพื้น แต่ก็ยังลุกขึ้นมาพร้อมกับบุกเข้าใส่ "ฮึยยย ย้า" คลอเวฟซัดอาวุธในมือเข้าใส่มิลมีซอน ซึ่งมันก็ก้มหลบมาได้
              "จะใช้ลูกตุ้มกับฉันนะหรือ ฟันไปเหอะ...เฮ้ย เดียวสิ นี้แก..." มิลมีซอนสังเกตุเห็นในมือขวายังถือทุเรียนเหล็กไว้ จนกระทั่ง.... "ป้ากกกก" มิลมีซอนถูกเล่นงานเข้ากลางหลังจนชะงัก ซึ่งที่คลอเวฟซัดไปนั้นมิใช่ลูกตุ้มทุเรียนเหล็กเลย แต่เป็นขวานสมอเรือนี้เอง ที่คลอเวฟซัดเข้าใส่และวกย้อนศรดุจบูมเมอแรงเข้ามาปักคากลางหลัง ทำให้มันเสียหลัก และ... "โปร้งงงงง" "หวับๆๆ โครมมมมม" อัดหน้าของมิลมีซอนด้วยทุเรียนเหล็กไปเต็มเหนี่ยวจนตัวตีลังกาม้วนหลังไปสามตลบลงมากองกับพื้นเต็มๆ คลอเวฟเดินมาและดึงขวานออก แล้วก็... "ฉั้วะ" ฟันตัดคอขาดในทันที
              "เสียแรงเกิดจริงๆเลยวะ ขนาดเป็นมิลมีซอนยังเสือกโง่กว่าสปาดาไนซ์เช่นนี้ แถมสะเอ่อไปเรียกไพลม์เทคว่าท่านด้วยอีก มึงสมควรโดนแล้ววะ ไอ้กระจอก" คลอเวฟกล่าวอย่างน่าสมเพชแกมหมั่นไส้ ก่อนจะมาช่วยบัลโต้และพวกบีสทอยด์วัวเล่นงานพวกแมนติคอร์กันต่อ

              "ไกซ์และมิลด์เข้าต้านทานกองรบโมบิลลอยด์คาเมเหรดของครอสตรีมและเฮฟโวลของพวกแอตแลนไทซ์ที่บุกโจมตีรังของเผ่าผึ้งและมดกันสำเร็จแล้วละคะ" โอเปเรเตอร์กล่าว โดยในตอนนี้ที่มิลด์ได้นำการ์เซนท์สู้กับพวกเฮฟโวลแอตแลนไทซ์ด้วยมาสแตงค์ไรเฟิ่ลและปืนใหญ่เลเซอร์ของการ์เซนต์ปกป้องรังผึ้งขนาดใหญ่ในป่าทึบที่ตุรกี ในขณะที่ไกซ์นำทีมเมทัลแล็กซ์ถล่มพวกคาเมเหรดที่ใช้เพียงโลห์กับทวนด้วยอาวุธหนัก และโซลิดเบลดกันอย่างหนักหน่วง ซึ่งก็ได้พลพรรคจากอเมริกาที่เดินทางมาถึงฐานเข้าปกป้องรังบีสทอยด์มดขนาดใหญ่ที่อิสราเอลไว้ได้
              "แล้วสภาพการณ์ของเผ่าอื่นๆกันละ" โคเคสถาม
              "เผ่างูของไวเปอรอนและเผ่าเสือของเกรทไทเกอร์เข้าช่วยเผ่าลิงจากการถูกไวซ์ไมเซลใช้ไฮดร้ามาเล่นงานกันอยู่ จนกำชัยลงไปได้นะคะ" โอเปเรเตอร์สวมแว่นรายงาน ซึ่งดิเรนท์และเฮเรเค้นร่วมมือกับพรรคพวกตัดหัวงูไฮดร้าและใช้เครื่องพ่นไฟเผารอยแผลให้ไหม้จนไม่สามารถงอกหัวออกมาได้ แม้จะทำให้บีสทอยด์ลิงทั้งเล็กและใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากพิษงู แต่ก็ได้เซรุ่มจากเลือดของพวกบีสทอยด์งูมาช่วยเยียวยาไว้ได้
              เฮลิคบอก "เผ่าด้วง เผ่าแรด เผ่าหมาป่า และเผ่าตั้กแตนเข้าช่วยเหลือเผ่าผีเสื้อ เผ่าแมลงปอ เผ่าจั้กจั่น เผ่าหิ่งห้อย เผ่าจิ้งหรีด และเผ่าปลวกที่เกือบจะถูกย่างสดโดยคิไมร่าของไวซ์ไมเซลกันด้วย ตอนนี้เผ่าแมลงเกือบทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือแล้วละ"
              "นั้นคงจะทำให้กำลังรบของเรามีเยอะกว่าปกติเสียอีกน่า" โคเคสบอก "แล้วสถานการณ์ของกองกำลังมหาสหรัฐและสมาพันธ์แอฟริกาล่ะ"
              โอเปเรเตอร์ผมบลอนด์รายงาน "กองรบของเวสวิงตันเรียกฝูงบินเข้ามาลาดตระเวนออกตามหาพวกอีเนอไมนด์ที่เหลือรอดกันอยู่นะคะ เช่นเดียวกันกับตามหาพวกเนโมที่กบดานอยู่ใต้ดินกันด้วย แม้โพลงหมู่บ้านเดิมของพวกเลื้อยคลานนั้นจะอยู่ไม่ได้เพราะอิทธิพลของอีเนลเซียมก็ตามนะคะ"
              "ขอบใจมากน่ะ เอเรียเน่ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็มารายงานแล้วกัน ตอนนี้ เรียกทุกคนกลับมาที่ฐานหลักได้แล้วละ" โคเคสกล่าว โดยในตอนนี้พวกกบฎได้ตั้งฐานอยู่ในเขตหุบเขาใหญ่ในอิรักกันแล้ว ซึ่งพลัสเชอริทยืนอยู่
              "....เราคงต้องยื่นมือกันแล้วละ" แล้วก็กระโดดหายตัวไป โดยที่ไม่รู้เลยว่า ตรงมุมมืดของดวงจันทร์ ได้มีอุ้งมืออันเลวร้ายคืบคลานพวกเขากันแล้ว

    MANIGATOR SAGA :The Rebellion Soldiers ภาคโลกา
    ตอนที่ 8 มหันตภัยจากดวงจันทร์ ลูนาสตี้ กองรบแห่งความแค้นอันน่าสะพรึ่งกลัว

              ที่กองบัญชาการหลักของสมาพันธ์แอฟริกา แอฟริกาใต้
              "นี้คือความเคลื่อนไหวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาของพวกโคเคสหลังจากที่กวาดล้างพวกอีเนอไมนด์ลงไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงโต้ตอบพวกแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสที่ส่งมาถึงสองกอง แต่ยังรวบรวมกำลังรบจากพวกแมนิเกเตอร์สัตว์เข้ามาเป็นแนวร่วมมากมาย ซึ่งเหมือนจะมีความได้เปรียบระหว่างฝ่ายต่อต้านกับฝ่ายโอเวอร์เดสกันก็จริง" นายทหารวิลเลี่ยมจากกองกำลังแอฟริการายงานสถานการณ์ให้นายทหารจากสมาพันธ์แอฟริกา และนายพลเวสวิงตันที่เป็นตัวแทนของกองกำลังพิเศษที่ 12 และตัวแทนของฝ่ายมหาสหรัฐไว้ "แต่ ทางเราต่างก็ทราบดี ว่าโคเคส แอคเมนโด้เป็นอดีตซุปเปอร์โซลเยอร์ที่มีคดีติดตัวและถูกหมายหัวโดยกองทัพมหาสหรัฐในฐานะคนทรยศและแมนิเกเตอร์กันด้วย ซึ่งการกระทำของเขาในตอนนี้ ส่อเค้าไปในทางที่ว่า เขาคิดจะโค่นล้มโอเวอร์เดสเพื่อยึดครองโลกเป็นการเอาคืนพวกเราที่ทำกับเขาไว้กันด้วยน่ะ"
              ผบ.ทหารจากแคเมรูนบอก "โคเคสเป็นแมนิเกเตอร์กันไปแล้ว การกระทำของเขานั้นมันก็แค่ทำดีเอาหน้ากันละว้า"
              "ชัยชนะที่มันสร้างขึ้นมาก็คือส่วนหนึ่งของแผนบ้าๆของพวกมันนี้แหละ" นายพลจากอียิปต์กล่าว
              จอมพลจากเซเนกัลบอก "ความดีความชอบในการบดขยี้กองรบที่น่ากลัวของโอเวอร์เดส มันแค่จุดเริ่มของปัญหาทั้งหมดทั้งปวงที่พวกเราต้องมาประชุมหาหนทางแก้ไขกันในห้องนี้เองแหละ"
              "โคเคสได้อดีตยอดนักรบมาไว้ในกำมือถึงสองคน ซึ่งไม่ใช่แค่อัจฉริยะนักดาบจากพันธมิตรเอเชียใหญ่เพียงคนเดียว อดีตวีรบุรุษสงครามจากมหาสหรัฐฯ สมญาหมัดเหล็กผู้พิชิต นายทหารยอดฮีโร่ใจบุญ หนึ่งในลูกทีมของหน่วยที่ 54 ซึ่งเป็นหน่วยที่มีชื่อเสียงในการต่อสู้กับพวกแมนิเกเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพ....อย่าง ร้อยเอกปีเตอร์ แอนเดอร์สัน" วิลเลี่ยมส่งภาพเดิมของพีวิลมาให้ดู "บัดนี้ ปีเตอร์ แอนเดอร์สันได้เสียชีวิตและกลายเป็นแมนิเกเตอร์ที่น่ากลัวของอีเนอไมนด์นาม พีวิลหัตถ์เพลิงสีน้ำเงิน ซึ่งออกอาละวาดสร้างความวิบัติให้กับกองทหารในมหาสหรัฐกันไม่น้อย แม้เขาจะกลับใจจนช่วยโคเคสบดขยี้อีเนอไมนด์กันก็จริง แต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์มันดีขึ้นเสีย...."
              เวสวิงตันยกมือขึ้นพูดขัดไปว่า "พันเอกเดอโรเลส คุณพูดเกินหน้าที่และตำแหน่งกันเกินไปหรือเปล่า คุณคิดว่าทุกๆคนในที่ประชุมนี้ เป็นนายทหารระดับต่ำกว่าคุณเลยหรือ"
              "ขออภัยด้วยนะครับ นายพลเวสวิงตัน ที่ผมเสียมารยาทไปหน่อย ส่วนหนึ่งเพราะ ผมรู้สึกหวั่นเกรงและหวาดกลัวกันไม่น้อยนะครับ" วิลเลี่ยมกล่าว และตัดสินใจพูดเข้าเรื่องไปว่า "ตอนนี้ กระผมมาในฐานะตัวแทนประธานสภาของทางสมาพันธ์แอฟริกา ซึ่งได้เรียกประชุมพวกท่านทุกๆคนให้มาช่วยหาหนทางรับมือกับการต่อสู้ระหว่างแมนิเกเตอร์ทั้งสองฝ่ายนี้ ว่า เราควรจะทำเช่นไรกันดีละครับ"
              จอมพลจากเคนยาพูดไปโต้งๆว่า "....ไม่เห็นยาก ตอนนี้พวกเรามีกำลังรบที่พร้อมมูลแล้ว บุกไปถล่มพวกโคเคสและโอเวอร์เดสกันเสียเลยไม่ดีกว่าเลยหรือ"
              "ท่านคิดมาได้ยังไงกัน โอเวอร์เดสเป็นใคร ท่านเองก็น่าจะทราบดีกันอยู่แล้วนิว่าการนำกองรบไปบดขยี้โอเวอร์เดสในตอนนี้ ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายกันชัดๆเลยน่ะ" นายพลจากยูกันดาโวยลั่น
              นายพลจากไนจีเรียบอก "เทมเดนล่มสลายไปนั้น เพราะโคเคสและพวกมีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าพวกนั้นไม่โผล่มาที่นั้น เทมเดนก็ยังมีสภาพดีจนถึงทุกวันนี้ แล้วก็ ท่านเวสวิงตัน ฝ่ายของท่านก็คงไม่เสียนักบินฝีมือดีไปพร้อมกับเสียอาวุธอันทรงพลังที่พวกท่านสร้างมาแทบตาย ไปให้กับอดีตซุปเปอร์โซลเยอร์นั้นหรอกน่ะ"
              "มันอาจจะเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับพวกเรา แต่ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ คนของผมสองคน สั่งยิงนิวเคลียร์มาที่เทมเดนที่ตกอยู่ในการครอบงำของพวกแพทรีออท ทั้งๆที่เบื้องบนไม่อนุญาตและทั้งสองคนนั้น ก็อยู่ระหว่างการดำเนินคดีฉาวโฉ่กันเสียด้วย แต่ดันไปออกรบเพื่อหวังจะลบล้างความผิดที่ก่อขึ้นมานั้น ผมไม่เสียดายกันหรอก เพราะเบสรัลด์และแทนด้า สมควรได้รับกรรมที่ก่อไว้และชดใช้ความผิดที่ก่อด้วยชีวิตไปแล้ว" เวสวิงตันกล่าว
              จอมพลจากเซเนกัลบอก "แต่ ท่านกับพวกเองก็ดันปล่อยทั้งพีวิลและโคเคสกับพวกไปนิ จะอธิบายกันยังไงละ ท่านนายพลเวสวิงตัน"
              "สุภาพบุรุษทุกๆท่าน พวกท่านทราบหรือไม่ ว่า...ตอนนี้โอเวอร์เดสคิดจะกวาดล้างมวลมนุษยชาติอย่างพวกเราให้สิ้นซากไปจากโลกนี้ ซึ่งลำพังกำลังรบของพวกเราคงไม่พอสำหรับการโต้ตอบพวกจักรวรรดิ์แมนิเกเตอร์กลุ่มนี้กันได้อย่างแน่นอน" เวสวิงตันบอก "แต่ถ้าไม่เพราะโคเคสและเหล่านักรบแมนิเกเตอร์ที่ร่วมมือกับเขากันนั้น ทุกๆท่านรวมถึงข้าพเจ้ากับลูกน้องใต้บัญชา คงจะไม่มีโอกาสได้มานั่งประชุมกันในตอนนี้กันเลยนะครับ"
              วิลเลี่ยมกล่าว "ท่านเวสวิงตันพูดเหมือนอยากจะช่วยพวกนั้นเลยละสิครับ"
              "หน้าที่ของพวกเราคือปกป้องอธิปไตยจากการคุกคามของแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดส และพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มของโคเคสเอาไว้ เพราะตอนนี้พวกเขากำลังสู้กับพวกโอเวอร์เดสกันอยู่ การไปก่อกวนหรือก่อเรื่องให้กับพวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรไปกว่าหาเหาใส่หัวหาเรื่องใหญ่ใส่ตัวพวกเราและประชาชนตาดำๆกันทั้งนั้น" เวสวิงตันบอก
              นายพลจากคองโกบอก "ท่านว่ามาก็มีเหตุมีผลกันน่า แอฟริกาทั้งทวีปพึ่งผ่านเรื่องเลวร้ายจากแพทรีออทกันมาแล้ว ตอนนี้พวกเราควรจะทำให้ประชาชนของพวกเราเข้าสู่สภาวะปกติกันเสียจะดีกว่า"
              "แต่พวกเราจำต้องระแวดระวังต่อการคุกคามของพวกโอเวอร์เดสกันอีกนะ" จอมพลจากยูกันดาแนะนำ "แม้เราจะพยายามบรรเทาทุกข์ของประชาชนที่เสียขวัญจากเหตุแท่งผลึกถล่มเมืองกันมา แต่เพื่อให้ประชาชนอยู่อย่างสงบกันได้นั้น ความปลอดภัยและความมั่นคงจะต้องมาก่อน ดังนั้น ถึงเวลาที่เราต้องเข้าประเด็นหลักสำคัญกันแล้วละครับ" เวสวิงตันพยักหน้า
              วิลเลี่ยมบอก "งั้นเราจะเริ่มการประชุมกันได้เลยนะครับ"

              "ท่านเวสวิงตัน ท่านควรจะรู้ตัวกันได้แล้วนะครับ ว่าท่านอยู่ในฐานะอะไร และพีวิลกับพวกอยู่ในฐานะอะไรกัน กระผมหวังว่ามันคงจะไม่มีหนที่สองและสามกันอีกนะครับ" วิลเลี่ยมย้ำเตือนเวสวิงตันหลังจากที่การประชุมผ่านไปจนช่วงพักกลางวันแล้ว
              เวสวิงตันบอก "ส่วนเธอเองก็เช่นกันน่ะ เธอเป็นนายทหารระดับรองจากพวกเราแต่พูดเหมือนตัวเองเป็นประธานสภากันเช่นนี้ ถ้าเกิดว่าประธานสภามาจริงๆ เธอจะอธิบายและขอโทษกันยังไงละ"
              "ทำไงได้ละครับ สภาพการณ์ในตอนนี้มันชวนให้ผมต้องแสดงอารมณ์ออกมากันนะครับ" วิลเลี่ยมบอก
              เวสวิงตันกล่าว "ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอที่เจ็บใจเพราะเธอไม่สามารถเอาชนะแพทรีออทและกองรบอีเนอไมนด์กันได้ หรือไม่ก็....เธอหงุดหงิดเพราะโคเคสและพีวิลกับพวกตัดหน้าเธอไปอย่างงั้นสิน่ะ"
              "ถ้าท่านเวสวิงตันไม่เป็นนายพลระดับสูงของกองทัพมหาสหรัฐและเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในวงการทหารด้วยแล้ว ผมคงได้ตำหนิท่านไปนานแล้วนะครับ" วิลเลี่ยมกล่าว "จริงอยู่ ที่ผมให้ความเคารพอดีตร้อยเอกในช่วงที่เขาเป็นมนุษย์กันมา แม้ผมจะอิจฉาที่เขามีคนชื่นชอบเพราะความดีที่เขาทำก็ตาม เสียอย่างเดียว ก็คือเขากลายเป็นแมนิเกเตอร์ไปเสียได้น่ะ"
              เวสวิงตันถาม "แล้วถ้าเกิดว่าเธอเป็นปีเตอร์กันละ เธอจะทำเช่นไรมิทราบละ"
              "คำถามของท่านชวนให้ผมหงุดหงิดยิ่งไปกว่าเดิมนะสิครับ" วิลเลี่ยมบอก และพูดอย่างสุภาพไปว่า "ที่ผมเรียกท่านมานั้น ก็เพื่อขอร้องให้ท่านทำตามหน้าที่ที่เบื้องบนสั่งมาเท่านั้น ห้ามทำนอกเหนือจากที่สั่ง หรือโกหกเบื้องบนเพื่อปิดบังเรื่องนี้ไว้ เพราะเรื่องที่ท่านได้รับความช่วยเหลือจากโคเคสและอดีตร้อยเอกแอนเดอร์สันนั้น เป็นเรื่องโจษจันกันในสภาทหารและสภาการเมืองของท่านถึงจุดยืนของท่านที่ผิดเพี้ยนกันอยู่น่ะครับ"
              เวสวิงตันกล่าวกลับไปว่า "สิ่งที่ฉันทำไปนั้น ฉันได้อธิบายต่อเบื้องบนไปแล้ว และรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีก็เกินพอแล้วละ"
              "ผมหวังว่า คนในหน่วยของท่านคงไม่มีใครไปให้พวกแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสเล่นงานแล้วมีพวกโคเคสเข้ามาช่วยกันหรอกนะครับ" วิลเลี่ยมบ่น
              เวสวิงตันกล่าว "เราเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ยากที่จะหยั่งรู้ได้ว่าเหตุการณ์นั้นนี้จะเกิดขึ้นตอนไหนได้นะสิ"

              ตัดกลับมายังในฐานเอาท์คอมด์ที่อิรัก
              "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทฝึกยิงปืนสั้นใส่เป้าเคลื่อนที่ที่เลื่อนไปซ้ายทีขวาที จนกระทั่ง.... "ตื้ดดดดดดด" เป้าที่ยิงมานั้น ถ้าไม่เข้าเป้าก็หลุดออกนอกเป้า หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือ ยิงพลาดจนกำแพงเป็นรู ผลของสเปียริทมานั้น จาก 10 เป้าที่ยิงไปนั้น มีแค่ 3 เป้าที่ยิงโดนเป้าวงกลมแต่มีน้อยเพียงแค่ 4-5 นัด อีก 3 นั้นยิงออกนอกเป้า ที่เหลืออีกสี่ กระดาษขาวไม่มีรูถูกยิงเลยสักรู "เป้าไปเร็วหรือเปล่าเนี้ย ทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้กันละ" สเปียริทกล่าว
              มิลด์บอก "เออ มือของคุณนิ่งหรือเปล่าคะ เพราะที่หนูเห็นมานั้น มือคุณมีสั่นอยู่ประมาณ 3 วินาทีด้วยกันในจังหวะที่เหนี่ยวไกตั้ง 4 ครั้งเลยนะคะ"
              "และเป้าเคลื่อนที่นั้น ผมปรับให้มันเคลื่อนที่ไปตามปกติแล้วนิครับ" ไกซ์บอก
              พีวิลบอก "แน่ใจหรือ ไกซ์ แล้วสวิตซ์ทำไมปรับไปที่ เร็ว กันมิทราบละ" โดยชี้ไปที่แฝงสวิตซ์ใกล้ๆไกซ์ ซึ่งมันถูกปรับสปีดของเป้าไว้ที่ เร็ว ตามที่เห็น
              "เอ้....โห่..... โว้ยยยย ไอ้บ้าเฮเรเค้นเอ้ย กูน่าจะรู้แล้วเชียวว่ามันออกมาจากห้องได้ไง ทั้งๆที่มันไม่ได้แตะปืนสักกระบอกเลยน่ะ" ไกซ์ได้เห็นก็ถึงกับสบถในทันที แล้วก็ปรับสปีดให้เป็น ปานกลาง แทน
              สเปียริทถาม "ว่าแต่ เฮเรเค้นอยู่กับพวกเรามาตั้ง 4 วันแล้ว ยังไม่เลิกนิสัยชอบแกล้งกันเลยหรือ"
              "อย่าห่วงไปเลยคะ เพราะหนูเห็นนายหน้างูนั้นโดนไล่ออกมาหน้าห้องโน่นนะคะ" มิลด์กล่าว แล้วชี้มายังเฮเรเค้นที่นั่งเก้าอี้หน้าห้อง ซึ่งสวมหมวกแหลมเอาไว้
              "สงสัยว่ามาสวาร์ทาร์คงจะลงโทษเรื่องที่ไม่ตั้งใจเรียนเลยนะสิ" พีวิลบอก
              "เออ ถ้าอย่างงั้นฉันจะยิงปืนต่อแล้วกันน่ะ" สเปียริทกล่าว แล้วก็.... "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กระหน่ำยิงไปเหมือนเคย ซึ่งผลออกมานั้น...
              "เกือบดีแล้วละ 6 เป้า เข้าเป้าประมาณ 5-6 นัด ที่เหลือ ออกนอกเป้าอย่างเห็นได้ชัดเลยน่ะ" พีวิลกล่าว
              สเปียริทบ่นไปว่า "นี้คงไม่ได้เผลอปรับเร็วเองละสิ ไกซ์"
              "ผมไม่ได้แตะปุ่มเสียหน่อยนะ เจ๊ มือเจ๊สั่นหรือเปล่าละที่ทำให้ปืนเคลื่อนเวลายิงกันน่ะ" ไกซ์บอก สเปียริทยังงงๆอยู่
              พีวิลกล่าว "ลองใช้มือซ้ายจับปืนยิงที่เป้านั้นได้มั้ยละ"
              "แบบนี้หรือเปล่าละ" สเปียริทกล่าว และเธอก็... "ปังงงงง" เผลอเหนี่ยวไกยิงไปซะอย่างงั้น ซึ่งก็โดนนอกเป้าไปนิดเดียวเอง และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ...
              "มือของเธอสั่นจริงด้วยน่ะ คงไม่เคยยิงปืนมาก่อนละสิ" พีวิลกล่าว
              "ทำไงได้ละ ฉันฝึกฝนการใช้อาวุธหอกและอาวุธต่างๆมา รวมถึงการยิงธนูนั้นฉันก็ยิงแบบใช้สามดอกไปเช่นนั้นจริงๆ เรื่องยิงปืนนั้น ฉันพึ่งจะลองยิงเป็นหนแรกเลยน่ะ" สเปียริทกล่าว
              ไกซ์บอก "ถ้าเจ๊ยิงแล้วมือมันไม่นิ่ง แล้วจะฝึกไปทำไมกันละ..."
              "คุณสเปียริทที่ต้องฝึกยิงปืนไปนั้น เพราะเมื่อหลายวันก่อนโดนหัวหน้าบัลโต้ตำหนิเข้าให้นะสิคะ ว่ายิงปืนไม่เป็นแล้วยังมาใช้ปืนยิงลูกระเบิดกันได้ยังไงนะคะ" มิลด์อธิบาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เทมเดนนั้น เป็นครั้งแรกที่สเปียริทใช้ปืนยิงลูกระเบิดซึ่งเป็นอาวุธสงครามชนิดแรกที่เธอใช้ ทั้งๆที่ เธอไม่ได้ฝึกยิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว บวกกับความจำของเธอในอดีตที่เสียไปเลยทำให้จำไม่ได้ว่าเคยแตะปืนมาก่อนไปด้วย
              พีวิลบอก "จะว่าไปก็ใช่น่ะ เพราะว่าหัวหน้าบัลโต้ต้องเป็นพลขับรถบรรทุกพาคนหนีออกมาจากเขตเมือง ซึ่งตัวหัวหน้าเองถ้าสองมือจับพวงมาลัยจะมีสมาธิกับการขับรถเท่านั้น จะใช้มือทำอย่างอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะเข้าเกียร์ธรรมดา เลยต้องให้สเปียริทที่อยู่ข้างนอกยิงแทน แถมฉันกับไกซ์และมิลด์เองก็อยู่อีกด้านของเมืองเสียด้วยน่ะ" และที่พีวิลว่ามาก็ตรง เพราะเขากับไกซ์และมิลด์ ควบคุมโมบิลลอยด์ 1 ตัว กับโมบิลทรูปเปอร์อีกสองที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะเป็นโมบิลลอยด์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็คืออัลติเมทเอทและแพนเซสเซนไนน์นี้เอง
              "เพราะโดนหัวหน้าบัลโต้ตำหนิ เจ๊เลยมาลั่นกระสุนใส่กันซะอย่างงี้ เป็นการฝึกไปเลยนะหรือ" ไกซ์กล่าว
              สเปียริทบอก "ใช่ เพราะว่าลำพังอาวุธในมือคงรับมือกับศัตรูบางพวกที่อาจจะมีอาวุธที่เหนือกว่าที่พวกครอสตรีมและแอตแลนไทซ์ใช้อยู่ไม่ได้แน่ๆ และการสู้แบบใช้อาวุธก็เป็นการเปลืองแรงไปด้วย ดังนั้น ฉันเลยตั้งใจจะฝึกใช้ปืน เพื่อรับมือกับกลุ่มศัตรูก่อนจะประเดิมด้วยอาวุธในมือกันนี้แหละ" ซึ่งเธอเอาหอกของเธอไปวางฟาดกับกำแพงเหมือนเช่นเคย
              "จะว่าไปก็ใช่นะคะ เพราะขนาดคุณพีวิลเอง บางครั้งก็มีปืนติดที่แขนกันด้วยเลยใช้ยิงโจมตีกันได้นะคะ" มิลด์บอก
              ไกซ์ถาม "แล้วเจ๊รั่วยิงด้วยปืนสั้นกึ่งอัตโนมัตินิ คงไม่ได้คิดที่จะรั่วยิงแบบลูกพี่กันเลยละสิ"
              "ปืนสั้นนี้ มันยิงรั่วแบบอาร์มชู้ตเตอร์ไม่ได้เลยหรือ" สเปียริทกล่าว
              ไกซ์ส่ายหน้าตอบ "ไม่ได้หรอกครับ เจ๊ ปืนสั้นรุ่นริมฟ็อกซ์ที่พวกเราใช้อยู่นี้ มันจะแม่นยำก็ต่อเมื่อมันยิงได้ทีละนัดและกึ่งอัตโนมัติเป็นจังหวะๆเท่านั้น ถ้ายิงรั่วต่อเนื่อง แรงถีบของมันจะทำให้การเล็งเป้าคลานเคลื่อนไป ซึ่งเราพยายามดัดแปลงให้ปืนมันลดแรงถีบกันอยู่นะครับ"
              "แล้วปืนแบบไหนที่ยิงได้แบบเดียวกันกับที่พีวิลใช้ได้กันละ" สเปียริทถาม
              ไกซ์เลยเดินมาที่ตู้เก็บปืน ซึ่งมีปืนเกือบทุกประเภทที่ใช้ซ้อมยิง (และสามารถใช้ในภาคสนามได้จริง หากได้รับอนุญาตมาก่อน) โดยที่ไกซ์หยิบปืนสั้นแบบแมกกาซีนอยู่ด้านหน้าและยาวกว่าด้ามจับเพียงหน่อยเดียวลงบนโต๊ะใกล้ๆ "อันนี้เลยครับเจ๊ เพคชู้ตเตอร์อินเกรต้า ปืนกลเล็กรุ่นค่อนข้างเก่า เพราะมันถูกผลิตมาเมื่อ 30 ปีก่อน ปัจจุบันนี้หาได้ยากแล้ว ความเร็วในการยิง 45 นัดต่อวินาที ระยะยิงหวังผล 25-50 เมตร สามารถดัดแปลงตรงส่วนปากลำกล้องปืนให้เป็นสองลำกล้อง เพื่อเพิ่มความต่อเนื่องของการยิง ซึ่งเท่าที่ถามป้าหมอเซริซ่ามา อาร์มชู้ตเตอร์ของลูกพี่ มันอัพเกรดมาจากไอ้ตัวนี้กันนะครับ"
              "งั้นหรือ แบบนั้นก็ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อยจะได้ช่วยนายสู้ด้วยปืนแบบเดียวกันเลยน่ะ" สเปียริทบอกและหยิบเพคชู้ตเตอร์อินเกรต้าขึ้นมา "แกร็กๆๆๆๆๆ" แต่ยิงไม่ออก "ทำไมปืนมันยิงไม่ออกละเนี้ย ลำกล้องอุดตันหรือเปล่า" ไกซ์ส่ายหน้า
              มิลด์บอก "นายลืมบรรจุกระสุนใส่แมกกาซีนหรือเปล่าละ" ไกซ์ได้ฟังก็สะดุ้งไปไม่น้อย เพราะตนลืมบรรจุกระสุนกันจริงๆ เลยต้องรีบลงมือจัดการโดยเร็ว
              "ถ้าเช่นนั้นก็ขอลองเลยแล้วกันน่ะ" สเปียริทกล่าวแล้วก็ใช้สองมือจับไว้และ.... "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงใส่เป้าที่ยังไม่เคลื่อนที่ไป ซึ่งก็....
              "เอิ่มมมม เธอหันไปยังเป้าหรือว่าทางไหนกันแน่น่ะ สเปียริท" พีวิลกล่าวเพราะเป้าที่สเปียริทยิงไปนั้น ยิงออกไปทางซ้ายกันทุกนัดเลย

              "บัลโต้ งานหนักมากเลยสิน่ะ" โคเคสพูดด้วยความเป็นห่วง
              บัลโต้พยักหน้า "พรรคพวกของเราที่ออกจากอเมริกาและเดินทางมาทิศตะวันตกนั้น พึ่งมาถึงแล้วละ แม้ว่าจะทุลักทุเลเพราะพยายามนำเครื่องบินขนส่งกำลังพลและอุปกรณ์เท่าที่มีอยู่แล่นผ่านเขตน่านฟ้าของกลุ่มประเทศของพันธมิตรเอเชียใหญ่กันก็ตาม แต่อย่างน้อย พวกเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัยกันละน่า"
              "นั้นก็ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อย เราต้องออกมาก่อนที่กองทัพของมหาสหรัฐจะตามมากวาดล้างพวกพ้องของเรากันเสียก่อนน่ะ" โคเคสกล่าว
              บัลโต้ถาม "แล้วตอนนี้พวกบีสทอยด์ที่เราให้การช่วยเหลือนั้น ยังไม่มาเลยหรือ"
              "เกือบทุกเผ่าที่เราให้การช่วยเหลือนั้น ตอนนี้ได้มุ่งหน้าไปยัง บิดคราซิน สถานที่รวมตัวของพวกบีสทอยด์กันแล้ว ซึ่ง เดิมมันชื่อ ซิลครา เมืองหลวงที่ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางสายไหมในอดีตกาล ถูกก่อตั้งมาในช่วงยุคทองเมื่อ 140 ปีก่อน โดยเป็น 1 ใน 150 เมืองอันทันสมัยที่อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ต่างกันราวสุดกู่ โดยคนในเมืองเหล่านั้นต่างก็อยู่สุขสบายดี จนกระทั่งเมื่อ 40 ปีก่อน โอเวอร์เดสออกอาละวาดและส่งพวกแมนิเกเตอร์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมและปกครองบุกโจมตีเมืองต่างๆ ซึ่งซิลคราก็ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง จนชาวเมืองเกือบทั้งหมดถูกโอเวอร์เดสจับไปสร้างแมนิเกเตอร์กันทั้งนั้น ส่วนที่เหลือรอด หากไม่เสียชีวิตกลางทะเลทรายก็ต้องร่อนเร่ไปอยู่ต่างถิ่นที่ไกลกว่านี้ และไม่ได้กลับมาที่นั้นอีกเลย เพราะระบบสาธารณูปโภคที่อยู่ในเมืองถูกทำลายไปกันแล้ว" โคเคสเล่าถึงเมืองที่พวกบีสทอยด์ไปรวมพลกัน "แต่พอโอเวอร์เดสพาพวกเดินทางกลับมาที่โลกอีกครั้งหลังหายตัวไปตั้ง 20 ปี เขาก็ได้ใช้เมืองนี้ จัดการสร้างพวกบีสทอยด์ขึ้นมา และเปลี่ยนจากซิลครามาเป็นบิดคราซินมาจนถึงทุกวันนี้แหละ"
              บัลโต้บอก "แทบไม่คิดเลยจริงๆเลยน่า ว่าเมืองของพวกบีสทอยด์เดิม มันจะเป็นเมืองหลวงอันทันสมัยในช่วงยุคทองมาก่อนเลยน่ะ ซึ่งถ้ามันมีเมืองแบบนี้จริง เราก็คงจะใช้มันเป็นเมืองของพวกเรากันได้ละน่า"
              "บอกตามตรงน่ะ บัลโต้ ว่าในการรุกรานของโอเวอร์เดสทั้งสองครั้งกันนั้น ได้ทำให้เมืองอันทันสมัยเหล่านั้นกระจัดกระจายหายไปกัน ซึ่งส่วนมากล้วนถูกโอเวอร์เดสและพวกทำลายทิ้งกันจนกลายเป็นซากเมืองร้างและซากปรักหักพัง บางส่วนก็หายไปจากแผนที่และจนปานนี้ยังไม่สามารถค้นเจอเลยสักแห่ง ไม่ว่าจะบนดิน ใต้ดิน บนฟ้าและในน้ำก็ตาม" โคเคสบอก
              บัลโต้ได้ฟังก็ตกใจไม่น้อย "เมืองมันดำดิน ลอยฟ้าและอยู่ใต้น้ำกันได้เลยหรือวะ โคเคส"
              "เท่าที่ฉันเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในช่วงสมัยยุคทองนั้น มวลมนุษยชาติได้คิดค้นวิธีการสร้างเมืองบนพื้นที่ที่ไม่ธรรมดา อย่างการสร้างเมืองบนป่าเขาโดยไม่กระทบต่อระบบนิเวศน์ใกล้เคียง หรือแม้กระทั่งสร้างเมืองในภูมิประเทศที่เข้าถึงได้ยาก อย่างในเหวหรือหุบเขาสูงที่ลาดชันและยากแก่การตั้งทำเล แน่นอน ว่ามันหมายรวมไปถึงการสร้างนครใต้บาดาล ใต้มหาสมุทรและนครลอยฟ้ากันด้วย ซึ่งในช่วงยุคทองนั้น การสร้างเมืองดังกล่าวคือจุดตั้งต้นของการสร้างสเปซโคโลนี่และเมืองหลวงบนดาวในอวกาศ ซึ่งปราศจากชั้นบรรยากาศเหมือนกับโลกของเรา และมีสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายและมลพิษระดับสูงอยู่รายล้อมไว้ด้วย" โคเคสบอก โดยนำภาพของนครอันทันสมัยมาช่วยประกอบไปด้วย ด็อดเจอร์กล่าว "และการสร้างสเปซโคโลนี่ก็เป็นจุดเริ่มของการบุกเบิกสู่อวกาศอันไกลโพ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิมของแมนิแฟคเตอร์หรือแมนิเกเตอร์อย่างพวกเรากันด้วยนะสิ" ซึ่งก็แสดงภาพของสเปซโคโลนี่และดีซอนสเฟียร์ โคโลนี่แบบทรงกลมที่เรียงรายกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีสภาพแวดล้อมแบบเดียวกับโลกทุกประการเอาไว้ให้ชาวอาณานิคมอวกาศอาศัยกันอยู่นอกโลกไว้
              "นี้แปลว่านอกโลกของเรา ยังมีแท่งกระบอกขนาดบิ้กเบิ้มและโดมลูกแก้วจำนวนมากโคจรห่างจากโลกของเราและดวงจันทร์ด้วยสิน่า" บัลโต้กล่าวเพราะเรื่องที่เขาเห็นนั้นเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนที่อยู่ในฐานทัพมาทั้งชีวิต โคเคสพยักหน้า
              ด็อดเจอร์บอก "ไม่ใช่แค่โลกและดวงจันทร์อย่างเดียวหรอก ในช่วงยุคทองนั้น การตั้งรกรากดาวทั้งแปดรวมถึงดาวพลูโตที่ซึ่งเคยถูกออกจากสารบบในช่วงศตวรรษที่ 21 นั้น ในอีก 50 ปีต่อมา ก็ได้นำกลับเข้าสู่สารบบกลุ่มดาวในระบบสุริยะกันเป็นที่เรียบร้อย หลังจากการตั้งรกรากบนดาวพลูโตประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับการเบี่ยงวงโคจรที่ออกห่างระบบเดิมให้กลับมาเหมือนกับอีก 7 ดวงรวมถึงโลกของเราด้วยนะสิ"
              "อืมมมม อวกาศนะหรือ บอกตรงๆน่ะ ว่าสิ่งแรกที่ฉันอยากจะทำหากได้ออกนอกโลกไป ก็คือออกตามไปสู้กับพวกต่างดาวกันนี้แหละ" บัลโต้กล่าว
              โคเคสบอก "....นั้นเป็นความฝันวัยเด็กและเป็นสาเหตุที่นายเข้าร่วมกองทัพเลยสิน่ะ แหะๆๆๆ" แต่พอมองดูเมืองที่เขานำภาพมาทั้งในและนอกโลก ก็ถอดถอนใจขึ้น "แต่ความรู้สึกของฉันในตอนนี้ เมืองเหล่านั้นล้วนเป็นอดีตกันไปหมดแล้ว และเมืองเหล่านั้นคงไม่ใช่ที่ๆพวกเราจะอาศัยอยู่ได้กันอีกด้วยน่ะ"
              "นายคงไม่ได้หมายความว่า กองกำลังของฝ่ายมนุษย์จะตามล่าพวกเราที่หลบอยู่ในเมืองเหล่านั้นกันหรอกน่ะ" บัลโต้ถาม
              โคเคสพยักหน้า "ในช่วงที่ทำงานให้กับครองคอร์ดนั้น แอตแลนไทซ์ได้ยึดนครใต้สมุทรทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะอยู่ในมหาสมุทรแปรซิฟิก หรือแอตแลนติค ซึ่งเป็นถิ่นของพวกมันเอาไว้แล้ว แน่นอน ว่านครใต้สมุทรอย่าง แรปเจอร์ ที่ว่ากันว่ามีแต่คนบ้าและอมนุษย์สวมชุดประดาน้ำอันเทอะทะที่มากับเด็กผู้หญิงที่เป็นลูกนั้น ที่ว่ามาทั้งหมด โดนแอตแลนไทซ์กระทืบจนเดี้ยงไปหมดทุกรายแล้วละ"
              "ไอ้เมืองคนบ้าที่หน้าตาปูดโปนนั้นมันยังอยู่ในยุคนี้กันหรือวะ ฉันนึกว่ามันจะพังพินาศไปตั้งแต่เกิดภูเขาไฟใต้ทะเลเป่าแมกม่าถล่มทั้งเมืองนี้ให้วายวอดไปเมื่อศตวรรษที่ 20 กันเสียอีกน่ะ" บัลโต้บอก
              โคเคสกล่าว "แต่ไม่ใช่กับยุคทอง ที่วิทยาการในช่วงนั้นล้ำสมัยถึงขั้นที่สร้างเมืองใต้มหาสมุทรได้หลายเมืองกันแล้วนะสิ แม้ว่ามันจะเป็นการฟื้นคืนชีพเมืองคนบ้าใต้น้ำขึ้นพร้อมกันกับ โคลัมเบีย เมืองลอยฟ้าของคนเพี้ยนที่ถูกสร้างไร่เรี่ยกันมาก่อน แต่...ก็เป็นเมืองที่ 3 ที่อเมริกายิงนิวเคลียร์ไปถล่มทิ้ง หลังจากที่บอมส์นางาซากิและฮิโรชิม่าไปแล้วน่ะ ซึ่งเมืองนี้ในยุคของพวกเรา ก็เป็นเมืองลอยฟ้าแห่งแรก ที่ถูกโอเวอร์เดสถล่มซะยับจนซากร่วงลงเหนืออาร์คติคไปเสียเองกันน่ะ"
              "นั้นไม่ใช่แค่เรื่องช็อคทางชีวภาพทั้งสองครั้งอย่างเดียว แมนิเกเตอร์อย่างพวกเราก็ช็อคตามไปด้วยน่ะ" บัลโต้บอก และหันมาถามโคเคสกันอีกว่า "แต่ เมืองลอยฟ้าที่เหลือเองก็คงจะซ่อนพลางหลบการค้นหาของโอเวอร์เดสกันอีกละสิ"
              โคเคสบอก "มันก็ไม่แน่นักหรอก เพราะแม้พวกเราหรือพวกโอเวอร์เดสจะหาเมืองลอยฟ้าเหล่านั้นไม่เจอกันก็จริง ก็ไม่ได้หมายความว่านครเหล่านั้นจะยอมรับพวกเรากันง่ายๆหรอก เผลอๆอาจจะช่วยกองรบมนุษย์ในการค้นหาพวกเราและถล่มจากเบื้องบนกันซะมากกว่า ซึ่ง พวกเราแทบไม่มียุทโธปกรณ์ทางอากาศไว้โต้ตอบกันเลยน่ะ"
              "แต่แพนเซสเซนไนน์ก็มีบูสเตอร์สำหรับบินก็น่าจะได้แล้วนิน่า" บัลโต้กล่าว
              ด็อดเจอร์บอก "ไม่เลย บัลโต้ ที่หัวหน้าโคเคสพูดถึงนั้นก็คือ โมบิลลอยด์ที่เรามีอยู่นั้น ล้วนแล้วใช้งานได้แค่ภาคพื้นเท่านั้น ซึ่งการจะทำให้พาหนะหรือหุ่นบินหรือลอยฟ้าไม่ว่าจะลอยขึ้นสูงหรือร่อนลงต่ำกันได้นั้น ต้องใช้แอร์เรียลไดร์ฟเท่านั้น ซึ่ง ในฐานของเราก็มีอยู่ หากแต่....มันชำรุดในระหว่างแล่นลงจอด จนทำให้เราต้องใช้ตีนตะขาบยักษ์ในเคลื่อนที่ภาคพื้นกันมาตลอดหลายวันแล้วละ"
              "แล้วนายไม่ซ่อมแซมแอร์เรียลไดร์ฟอะไรนั้นเลยหรือไงกันวะ" บัลโต้ถาม
              ด็อดเจอร์ตอบ "ไอ้ที่ซ่อมน่ะ มันซ่อมได้อยู่หรอก แต่มันจำเป็นต้อง...ใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์เฉพาะที่ต้องผลิตมาจากโรงงานที่มีเครื่องมือครบเซต มาช่วยประกอบกันเอาไว้เท่านั้น ซึ่งโรงงานที่ว่า ล้วนแล้วอยู่ในความควบคุมของกองกำลังมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้นเลยนะสิ"
              "และปัญหาอีกหนึ่งอย่างที่เรากำลังประสบกันก็คือ....ยุทโธปกรณ์ที่พวกเราใช้กันอยู่ในตอนนี้ เริ่มจะใช้รับมือกับพวกครอสตรีมและแอตแลนไทซ์กันไม่ได้แล้วละ" โคเคสบอก "จริงอยู่ ที่พวกเราสามารถโค่นพวกอีเนอไมนด์และนำเทคโนโลยี่ของพวกนั้นมาสร้างเป็นอาวุธปืนพลังงานกำลังสูงกันไว้ได้ก็จริง แต่...อาวุธเดิมที่เรามีอยู่เริ่มจะด้อยประสิทธิภาพในการสู้รบกันทุกครั้งที่เราปะมือกับทั้งสองกอง รวมถึงพวกแมนิเกเตอร์หน้าใหม่ที่เราไม่รู้จักกันไปด้วยน่ะ"
              บัลโต้บอก "แต่เราก็มีโครมเมทาเลี่ยมอยู่ ก็น่าที่จะนำมาใช้กัน..."
              "ข่าวร้ายอีกข่าววะ บัลโต้ โรงงานเคลื่อนที่ของพวกเราที่จัดสร้างมานั้น ไม่มีอุปกรณ์สำหรับหล่อหลอมและผลิตอาวุธจากโครมเมทาเลี่ยมให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบกันได้เลยนะสิ" ด็อดเจอร์กล่าว
              โคเคสบอก "และฐานการผลิตอาวุธที่ทำจากโครมเมทาเลี่ยมก็ล้วนอยู่ในเขตเมืองของพวกมนุษย์ด้วย หากแต่อยู่ในเขตเมืองที่มีสนามพลังปกป้องอธิปไตยไว้ นั้นเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราที่ในตอนนี้ การพัฒนาอาวุธและยุทโธปกรณ์ของพวกเรามาถึงขีดสุดกันแล้วด้วยน่ะ"
              "แปลว่านายไม่คิดที่จะลักพาตัวนักวิทยาศาสตร์กับพวกนักวิจัยจากประเทศต่างๆมาช่วยพวกเรากันเลยสิ" บัลโต้กล่าว
              โคเคสบอก "ตอนนี้เราจะไม่ทำอะไรให้เป็นการนำเข้าปัญหาจากพวกมนุษย์มาให้ตัวพวกเราเองกันหรอกน่ะ แม้ว่านั้นจะเป็นการพึ่งพาตัวเองแบบยากลำบากสุดๆไปเลยก็ตามทีเถอะน่ะ แม้พวกเราจะมีเสบียงที่ขนย้ายมาจากแอฟริกากันมาบ้าง แต่ ตราบใดที่เราหาบุคลากรหัวดีมาช่วยพวกเราไม่ได้กันละก็ พวกเราคงติดแหงกกับอาวุธเก่าๆที่เริ่มจะด้อยคุณภาพกันอย่างแน่นอนน่ะ"
              "เรื่องที่นายว่ามานั้น มันยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีกกันน่ะ เพราะแมนิเกเตอร์หัวดีๆล้วนแล้วอยู่ในความควบคุมของโอเวอร์เดสกันทั้งนั้นน่ะ" บัลโต้บอก
              โคเคสกล่าว "แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อออกตามหาพวกเขา พวกเราก็ถึงคราวจบเห่ได้เช่นกัน"

              "ฉันเห็นด้วยกับความคิดของโคเคสกันแล้วละ ว่าตอนนี้ พวกเราขาดแมนิเกเตอร์ประเภทนักวิจัยและนักค้นคว้ากันอยู่ และพวกเขาเหล่านั้น ล้วนแล้วตกเป็นเป้าหมายของโอเวอร์เดสและกองรบของพวกครองคอร์ดกันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              บัลโต้บอก "แม้ฉันไม่ชอบในสิ่งที่โคเคสว่ามา เพราะการมีอะไรใหม่ๆเข้ามาจะทำให้พวกเราเผลอลืมเลือนของเก่าๆกันทั้งนั้นเลยน่ะ แต่ถ้าเรื่องที่พวกเราสู้กับพวกโอเวอร์เดสไม่ได้เป็นเรื่องจริงนั้น มันคงจะเลวร้ายกันมากมายน่าดูเลยวะ"
              "อย่างน้อย นายก็ควรจะปรับตัวกันได้แล้วนะ บัลโต้ เพราะเราไม่ควรจะย้ำอยู่กับที่ได้ตลอดเวลากันหรอก" มาสวาร์ทาร์เตือน "แล้วโคเคสมีสั่งการอะไรไว้หรือเปล่าละ"
              บัลโต้ตอบ "ตอนนี้ ฉันจะพยายามฝึกทหารทั้งหน้าเก่าและใหม่กันไปก่อน เฮลิคเองก็ประสานงานร่วมกันกับพวกบีสทอยด์ที่ยังไม่ออกจากถิ่นฐานเดิม จนกว่าการเตรียมพร้อมอพยพจะเสร็จสิ้น แล้วทางนายล่ะ"
              "ทางฉันก็ฝึกฝนกันเองอยู่นะสิ ฉันกำลังฝึกพีวิลให้ใช้ดาบและอาวุธอื่นๆไว้ ในขณะที่พีวิลสอนสเปียริทให้ยิงปืนสั้นและปืนกลเล็กอยู่ ส่วนคลอเวฟเอง ก็นำเฮฟโวลไปลาดตระเวนรอบนอกฐานทัพนี้ไว้ ซึ่งคงไม่เจอพวกศัตรูที่บุกมาในเวลานี้กันหรอกน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              บัลโต้บอก "ภาวนาว่าคงไม่มีกองรบของพวกมนุษย์มาจุ้นจ้านกับพวกเราจนต้องย้ายฐานหนีกันหรอกน่ะ"

              "ครืนนนนนนนนนนน" ยานอวกาศลำใหญ่ได้เคลื่อนตัวมายังโลก ซึ่งดาวเทียมสอดแนมของฝ่ายมหาสหรัฐที่ลอยผ่านมานั้นจับภาพกันไว้ได้ "ดาวเทียมของพวกเราตรวจจับภาพยานไม่ทราบที่มากันแล้วละครับ" ทหารฝ่ายตรวจตราจากนอกโลกรายงานต่อผู้บังคับบัญชาที่ได้เห็นภาพมานั้น
              "ยานไม่ทราบที่มา เป็นยานมาจากไหนกันละ ดวงจันทร์หรือว่าอีกแปดดาว"
              "ไม่ใช่เลยครับ ตัวยานนั้นดูมืดมากจนมองไม่ชัดเจนกันเลย" ทหารรายงาน
              เจ้าหน้าที่กล่าวอย่างตกใจไปว่า "เกิดเรื่องแล้วละครับ ดาวเทียมสอดแนมถูกยานลำนั้นชนจนพังไปพร้อมกับดาวเทียมสังเกตุการณ์ของพวกเราแล้วน่ะครับ" เพราะยานลำนั้นแล่นผ่านดาวเทียมที่จับภาพมาได้ในทีแรก จนชนเสยกับด้านหน้ายานไปพร้อมกับดาวเทียมอีกสามดวงจนพังไป จากนั้นก็แล่นทะลุชั้นบรรยากาศลงมา
              "เฮ้ย นั้น นั้นมันอะไรกันวะ" คลอเวฟกล่าวโดยสังเกตุเห็นลูกไฟพุ่งลงมาในระหว่างที่ตนออกลาดตระเวนด้วยเฮฟโวลกัน จากนั้นก็... "วี้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ลูกไฟก็ส่งประกายแสงออกมาหลายอันและพุ่งออกห่างจากลูกไฟไปอย่างรวดเร็ว "คลอเวฟเรียกฐาน ฉันเจออะไรแปลกๆบนท้องฟ้ากันแล้ววะ"
              มาสวาร์ทาร์รับสายขึ้นมา "อะไรแปลกๆบนท้องฟ้านะหรือ....มันคืออะไรกันน่ะ"
              "ฉันก็ไม่รู้เลยน่ะ มันเป็นดาวตกหรือว่าลูกไฟกันแน่ เพราะหลังจากที่มันบินผ่านหัวฉันอยู่นั้น มันก็กระพริบแสงปี้งๆๆมาหลายที และไอ้ปิ้งๆนั้นมันก็บินออกไปโดยเร็วเลยวะ" คลอเวฟกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "บินออกไปนะหรือ...อย่างรวดเร็วด้วยนิ ลูกไฟของนายมันบินไปไหนแล้วละ"
              "ไม่รู้นะสิ แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่หายไปจากสายตาของฉันเลยวะ" คลอเวฟบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "งั้นนายรีบกลับฐานด่วนเลย คลอเวฟ ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วละ ว่ามัน...."
              "เกิดเรื่องแล้วครับ อาจารย์ เรื่องใหญ่ด้วยนะครับ" เฮเรเค้นตะโกนลั่นจนเกือบทำมาสวาร์ทาร์ตกใจไปด้วย
              ซึ่งบัลโต้โวยลั่นไปว่า "อย่าตะโกนเสียงดังเหมือนบ้านไฟไหม้กันได้มั้ยละวะ"
              "ว่าแต่ ที่เธอตะโกนซะลั่นแบบนี้ คงไม่ได้คิดแกล้งอะไรกับครูกันละสิ" มาสวาร์ทาร์พูดแกมตำหนิ
              เฮเรเค้นบอก "ผมไม่ได้ล้อเล่นเลยนะ อาจารย์ รีบไปดูข่าวกันก่อนเถอะครับ" แล้วก็รีบพามายังโถงห้องประชุมหลัก ซึ่งทุกๆคนในฐานรีบแห่มาดูข่าวกันแล้ว
              "เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ พีวิล" มาสวาร์ทาร์ถามพีวิลและสเปียริทที่ดูข่าวกันอยู่
              ซึ่งพีวิลตอบไปว่า "เจนีวาถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงโดยพวกศัตรูแปลกหน้ากันนะสิ" โดยที่หน้าจอทีวีกลางห้องโถงนั้น ผู้ประกาศข่าวก็อ่านข่าวที่เกิดขึ้น
              "เมื่อ 5 นาทีที่ผ่านมา ได้มีกองกำลังรุกรานปริศนา ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลสวมหน้ากากอันน่ากลัว บุกโจมตีผู้คนที่อยู่ตามถนน ในและนอกอาคารต่างๆ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านั้นโจมตีสังหารทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา ไม่ว่าชายหรือหญิง หรือแม้กระทั่งเพศที่สามเลยก็ตาม ด้วยการโจมตีอย่างรวดเร็วนั้น กำลังตำรวจที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงต่างก็ไม่สามารถโต้ตอบการโจมตีอันรวดเร็วและน่ากลัวกันไปได้ มิหน่ำซ้ำ กองกำลังดังกล่าว ลงมือเล่นงานสถานีตำรวจ โรงพยาบาล สถานีดับเพลิงและสถานีกู้ภัยในเขตเมืองกันอย่างอุอาจ จนถึงขั้นที่ต้องมีการเรียกกองกำลังปกป้องตนเองและกำลังทหารเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ ตอนนี้เราให้นักข่าวภาคสนามมารายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังกันนะครับ"
              "ตอนนี้ฉันอยู่ในเขตสวนสาธารณะกันนะคะ ซึ่งมีรายงานมาว่ากลุ่มบุคคลสวมหน้ากากได้บุกโจมตีเล่นงานผู้คนในสวนสาธารณะในช่วงเทศกาลดนตรีกันอยู่ ไม่เพียงมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจากการโจมตีดังกล่าว พวกเขายังทำลายทรัพย์สินและข้าวของกันไปไม่..." นักข่าวสาวกล่าว
              ทหารที่มาคุ้มกันกล่าว "พวกมันมาแล้ว รีบยิงเร็ว" และลั่นปืนดังขึ้น แต่... "อุว้ากกกกก อ้ากกกกกกก อ้ากกกกก" ก็ไม่ทันการณ์ จนตัวการคนหนึ่งซึ่งสวมหน้ากากยิ้มมีฟันหยัก สวมชุดเกราะสีขาวกางเกงสีดำที่มีแถบสีเทาพาดไว้ ซึ่งบนหมวกนั้นมีตราเสี้ยวจันทร์ไว้ด้วย
              "หน้าตามันชวนให้กระทืบกันจริงๆเลยวะ" ไกซ์สบถขึ้นมา
              พีวิลเลยเปิดช่องอื่น ซึ่งก็...  "มีรายงานด่วนแจ้งเข้ามากันนะครับ เขตเมืองในอเมริกาใต้ทางโซนเหนือนั้นได้ถูกกลุ่มศัตรูลึกลับโจมตีในเวลาเดียวกันที่เกิดในเจนีวา เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี โปรตุเกส ฮอลแลนด์ ลอนดอน เดนมาร์ค นอร์เวย์ ซึ่งกลุ่มศัตรูลึกลับนั้นมีหน้าตาเหมือนกับกลุ่มคนที่โจมตีเขตอเมริกาใต้กันไว้ และบุกโจมตีในเวลาเดียวกัน ชนิดที่ไม่มีใครหน้าไหนสามารถรับมือกันได้เลยละครับ"
              "มาช้าจังเลยน่ะ นายบื้อ" สเปียริทโวย เพราะคลอเวฟพึ่งเข้ามาในห้องกันแล้ว
              คลอเวฟบอก "ตะกี้นี้ บอกว่ามีศัตรูใหม่โผล่มาโจมตีเมืองกันเลยหรือวะ"
              "ใช่ แต่เรายังไม่แน่ใจว่านั้นเป็นแมนิเกเตอร์หรือว่ามนุษย์ต่างดาวกันนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "เกรงว่านั้นจะเป็นแมนิเกเตอร์ซะมากกว่าน่ะ และน่าจะเป็นศัตรูใหม่ของพวกเราด้วย"

              "รายงานสดจากฮาวายคะ ตอนนี้ผู้คนบนเกาะได้เห็นบางอย่างพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ซึ่งทางเราคิดว่ามันต้องเป็นดาวหางหรืออุกกาบาตขนาดใหญ่ที่จะพุ่งชนโลกจนทำให้เกิดวันสิ้นโลกขึ้นมา แต่จากการสังเกตุการณ์จากบนฟ้า กลับพบว่า อุกกาบาตนั้นมีแสงกระพริบเกิดขึ้นถี่ๆ พร้อมกับแสงดังกล่าวนั้น ได้พุ่งออกไปคนละทิศละทางกันอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้น การโจมตีเมืองต่างๆในยุโรปและอเมริกาใต้ก็เริ่มต้นขึ้นในเวลาเดียวกันนะคะ" นักข่าวสาวผมดำรายงาน และหันมายัง "อ้า ตอนนี้อุกกาบาตนั้น ไม่สิ นั้นไม่ใช่อุกกาบาต แต่มันเหมือนกับ เป็น ยานอวกาศกันนะคะ เอเลี่ยนบุกโลกของพวกเราแล้ว...."
              "บรึมมม ซ่า" และสัญญาณภาพก็ตัดขาดหายไปสักพักหนึ่ง "นี้คือข่าวช่องที่ 51 กันนะครับ ตอนนี้คอปเตอร์ของทีมข่าวสกายวิวของช่อง 33 ถูกยานอวกาศยิงโจมตีจนระเบิดและสังหารทุกคนที่อยู่ในคอปเตอร์ไปหมดแล้ว ตอนนี้ยานอวกาศได้แล่นลงสู่มหาสมุทรแปรซิฟิกของพวกเรากันแล้วละครับ" นักข่าวอีกช่องหนึ่งรายงาน ซึ่งในตอนนี้ยานอวกาศปริศนานั้น "ครืนนนนน ซ่า...." แล่นลงสู่พื้นน้ำและลอยลำอยู่ในสภาพนั้นไว้
              "อุกกาบาตนั้น มันเป็นยานหรือวะเนี้ย" คลอเวฟบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "งั้น แสงกระพริบที่ลอยออกมาจากลูกไฟก็คงจะเป็นยานหรืออะไรสักอย่างที่นำพาเหล่าศัตรูบุกโจมตีทุกเมืองกันอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วละ"
              "ครืดดดด ครืดดด ซ่า........" ฉับพลันสัญญาณออกอากาศก็ถูกรบกวน ซึ่งไม่ใช่แค่ในฐานทัพเอาท์คอมด์ของพวกโคเคสและทีวีของพวกบีสทอยด์กันอย่างเดียว แต่เป็นกันทั่วโลกไปเสียแล้ว จากนั้นภาพก็ปรากฎมนุษย์ผู้หญิงที่มีจันทร์เสี้ยวแปะบนข้างศรีษะ ข้างหัวไหล่ ด้านหลัง ใบหน้าสีขาว สวมกระโปรงแบบแฉกมีตราจันทร์เสี้ยวติดเอาไว้ ส่วนแขนมีวงแหวนคล้องรอบทั้งสองข้าง "ยัยนั้นเป็นใครกันแน่วะ" คลอเวฟบอก
              หญิงปริศนากล่าว "สวัสดี ชาวโลกผู้โง่เขลาและกักขฬะทั้งหลาย ข้าพเจ้า มีนามว่า เทคไครด์ ผู้นำกองกำลังลูนาสตี้ กองรบแมนิเกเตอร์จากดวงจันทร์ ซึ่งเป็นดาวน้องของพวกท่านที่อยู่บนโลกใบนี้เองแหละ"
              "ลูนาสตี้นะหรือ....แมนิเกเตอร์มีอยู่บนดวงจันทร์ด้วยหรือกระนี้" มิลด์กล่าว
              ดิเรนท์บอก "แมนิเกเตอร์จะไปอยู่บนดวงจันทร์ได้ไงกันน่ะ ในเมื่อที่พวกเราเห็นกันนั้นมันมีแค่สองสามกลุ่มเองน่ะ"
              "4 ต่างหากละ ดิเรนท์ ถ้ารวมกองรบปริศนาที่ครองคอร์ดไม่ยอมเอ่ยปากพูดถึง ซึ่งไม่ได้อยู่ในอำนาจของตนและไม่ได้อยู่บนโลกด้วยนั้น ก็ต้องเป็นพวกนี้อย่างแน่นอน" มาสวาร์ทาร์บอก
              พีวิลกล่าว "แพทรีออทว่าเอาไว้เป็นจริงทุกประการแล้วละ ว่าพวกนี้ต้องเป็นกลุ่มศัตรูของพวกเรากันอย่างไม่ต้องสงสัยเลยละ"
              "อนึ่ง พวกท่านคงจะดีใจไม่น้อยสิน่ะ ที่แพทรีออทและเหล่าอีเนอไมนด์ที่คุกคามและยึดครองแอฟริกาทั้งทวีปกันนั้นถูกโค่นและกวาดล้างลงไป แม้จะเป็นฝีมือของพวกท่านหรือไม่ก็ตาม ความโง่เขลาของท่านที่สำคัญผิดคิดว่าจะกำจัดพวกแมนิเกเตอร์อย่างพวกเราลงไปได้กันนั้น จะได้รับการสะสางด้วยเลือดและเนื้อของพลเมืองของพวกท่านเอง ดั่งเช่นการโจมตีเขตเมืองในยุโรปและอเมริกาใต้เมื่อครู่นี้ เป็นฝีมือของกองทัพของเราเอง" เทคไครด์กล่าวโดยแสดงเหล่าสมุนของเธอ ซึ่งเป็นเหล่ามนุษย์สวมชุดเกราะสีขาวกางเกงดำ และสวมหน้ากากยิ้มฟันหยักมีตราจันทร์เสี้ยวติดบนหมวกและหน้าอก โดยที่กลุ่มหนึ่งนั้นสวมเกราะมิดชิดแต่มีรูปร่างผอมทั้งผู้หญิงและชาย ส่วนหมวกสวมรัดเกล้ามีเขาจันทร์เสี้ยวติดไว้ กลุ่มที่สามนั้นเป็นเหล่านักรบสวมหน้ากากและชุดแบบเดียวกับกลุ่มแรก หากแต่มีขนาดร่างกายที่ใหญ่และกล้ามโต สวมหมวกหนาๆเอาไว้ "แม่เจ้า ตกลงนิ จะมีสักกองมั้ยที่ไม่ใช้เหล่าสมุนสามขนาดกันเลยละ" คลอเวฟบ่นอย่างหงุดหงิด
              "มันคงจะเป็นแพทเทิร์นตายตัวตามคำสั่งของโอเวอร์เดสกระมั่ง" สเปียริทบอก
              บัลโต้ที่ในห้องด้วยกันกับโคเคสและเฮลิคกล่าว "การประกาศตัวของเหล่าสมุนหน้าใหม่นั้น มันจะรวมถึงเราด้วยหรือเปล่าวะ"
              "แม้เทคไครด์ไม่พูดถึงพวกเราก็จริง แต่การมาของพวกแมนิเกเตอร์นามลูนาสตี้นั้น ก็คือการประกาศสงครามกับพวกเรากันแล้วละ" โคเคสบอก
              เฮลิคกล่าว "การโจมตียุโรปและอเมริกาใต้นั้นเป็นแค่ประเดิมก่อนศึกหนักของจริงจะมาถึงเลยสิน่ะ"
              "ถ้าพวกท่านคิดที่จะต่อต้านหรือปราบปรามพวกเรา เหมือนที่พวกท่านกระทำกับพวกเราไว้ในอดีตกันนั้น ข้าพเจ้าบอกได้เลยว่า มันไม่มีประโยชน์ พวกท่านไม่มีทางที่จะหยุดความแค้นของพวกเรากันไปได้ แม้พวกท่านจะมาสำนึกผิดกันในเวลานี้ พวกเราจะไม่รับฟังใดๆทั้งนั้น ซึ่งรวมไปถึงการเจรจาเพื่อยอมความกันด้วย" เทคไครด์กล่าว ซึ่งคำพูดของเธอได้สร้างความสับสนต่อผู้คนกันไปไม่น้อย "เพราะว่าเหตุผลที่พวกเราเดินทางมานี้ ก็เพื่อจะมากวาดล้างมวลมนุษยชาติบนโลกนี้ให้ราบคาบกันไปซะ ใครหน้าไหนที่กล้ามาต่อกรกับพวกเรา มันผู้นั้นจะไม่ได้กลับไปกันอย่างแน่นอน" ด้วยคำพูดที่แข็งกร้าวของเธอ ได้ทำให้ทั่วโลกเตือนตระหนกกับเจตจำนงของเทคไครด์กัน
              "แก้แค้นนะหรือ ถึงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าพวกเราไปทำอะไรให้แกกับพวกโกรธแค้นกัน แต่พวกแกกล้ามากที่ประกาศตนกับพวกเราแบบนี้ ยกโทษให้ไม่ได้แล้ว กองทัพอากาศ กองทัพเรือ หน่วยรบโมบิลทรูปเปอร์ กำจัดศัตรูจากดวงจันทร์ลงเดียวนี้เลย" ผู้บังคับการสูงสุดของฝั่งอเมริกาใต้สั่งกองรบที่อยู่ในอเมริกาใต้บุกโจมตียานอวกาศของพวกลูนาสตี้โดยเร็ว
              "ทุกท่านครับ ตอนนี้กองรบของมหาสหรัฐอเมริกาทางตอนใต้ได้แห่แหนมาโจมตีกลุ่มผู้รุกรานกันแล้วนะครับ" นักข่าวจากช่อง 33 รายงาน เมื่อเห็นกองเรือนับร้อยมากับฝูงเครื่องบินขับไล่หลายพันลำ และกลุ่มโมบิลทรูปเปอร์การ์ดฟิลด์ เซฟิคซ์ คอนทรัสโต้ กิลกัสโต้ และลิซกิซนับร้อยซึ่งติดโฮเวอร์คราฟไว้ที่ส่วนเท้า ทำให้แล่นไปตามพื้นน้ำทะเล โดยที่มีโมบิลทรูปเปอร์อีกสองแบบที่บินออกจากเรือรบบรรทุกกำลังพลด้วย แบบหนึ่งเป็นทรงผอมแต่เมื่อทะยานออกก็ "แคร้งงงง" เปลี่ยนจากหุ่นเป็นเครื่องบินโดยทันที แม้จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเครื่องบินขับไล่เลยก็ตาม อีกแบบนั้นเป็นหุ่นเกราะหนาแต่ติดไอพ่นที่ด้านหลังและหลังขาทะยานออกไปแม้จะไม่เร็วเลยก็ตาม "นั้นเป็นโมบิลทรูปเปอร์รุ่นใหม่เลยหรือครับ ลูกพี่" ไกซ์บอก
              "นั้น MMU-04 สตรัลทรอน โมบิลทรูปเปอร์หน่วยรบกลางอากาศแบบหนัก และ MMU-05 มัคซ์ออน โมบิลทรูปเปอร์แบบแปลงร่างเป็นอากาศยานความเร็วสูงกันนะสิ สตรัลทรอนนั้นมีไอพ่นแรงขับดันที่ช่วยให้บินได้นาน แต่ขนาดเกราะที่หนาเพื่อปกป้องเครื่องยนต์กำลังสูงเอาไว้ ทำให้บินทะยานขึ้นไปได้ช้า ส่วนมัคซ์ออนนั้นถูกออกแบบให้สนับสนุนโมบิลทรูปเปอร์ตัวอื่นๆรวมถึงฝูงบินด้วยการแปลงเป็นโหมดยานบิน แม้จะเปราะบาง แต่ก็เร็วกว่าและใช้พลังงานได้น้อยกว่าด้วยนะสิ" พีวิลเล่ารายละเอียด "ในกลุ่มประเทศทั้งสี่นั้น มหาสหพันธ์ยุโรปและมหาสหรัฐทางตอนใต้จะมีโมบิลทรูปเปอร์แบบบินได้ประจำการอยู่มากเลยละ"
              เฮเรเค้นบอก "หมายความว่าเรายังพอสร้างโมบิลลอยด์บินได้เลยละสิ"

              "เรือรบทั้งหมด โจมตีได้" ผู้การเรือสั่งการกองเรือรบทุกลำหันปืนใหญ่พลังพลาสม่า ป้อมมิไซล์และอาวุธทุกอย่างเข้า "แชดดดด แชดดดด แชดดดดด ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงถล่มใส่ยานของพวกลูนาสตี้กันอย่างหนักหน่วง จนน้ำทะเลระเบิดกระจุยกระจายไปกันหมด และการถล่มทลายภายใน 4 นาทีก็จบลง "เป้าหมายเป็นไงบ้างละ เจ้าหน้าที่เรดาห์" ผู้การเรือถาม
              เจ้าหน้าที่กล่าว "แย่แล้วละครับ เป้าหมายไม่เพียงไม่ถูกทำลาย แต่เป้าหมายนั้น ปกคลุมด้วยสนามพลังแล้วนะครับ" ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะหลังจากที่ควันจางลง ยานอวกาศของพวกลูนาสตี้ถูกปกคลุมด้วยสนามพลังสีขาวขึ้นมา
              "พวกเจ้าไม่มีทางทำอะไรเดธฮาเว่นของพวกเรากันไปได้หรอก และถึงเวลาที่พวกเจ้าจะได้รับการลงโทษจากพวกเรากันแล้ว กองรบโมบิลลอยด์เครซเดรท จัดการกับพวกมันซะ" เทคไครด์สั่ง แล้วบนดาดฟ้ายานก็เปิดออก เผยโมบิลลอยด์เกราะหนาจำนวนมากโผล่มา ซึ่งก็ติดไอพ่นด้านหลังเอาไว้สองข้าง ทะยานออกจากยานพร้อมกับอาวุธปืนยาวเข้า "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ยิงกระสุนพลังหลากสีเข้าถล่มกองเรือจน "ตรูมมมมม บรึมมมมมม ตูมมมม ซ่า ซ่า" เรือรบพังไปถึง 40 จาก 150 ลำด้วยกัน
              "ฝูงบินทุกหน่วย ต้านทานพวกโมบิลลอยด์ของพวกมันซะ" จอมพลอากาศสั่งการให้ฝูงบินนับร้อยเข้าโจมตีใส่พวกเครซเดรทด้วยจรวดมิไซล์กำลังสูงและปืนเลเซอร์ แต่.... "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆ" เครซเดรทจำนวนมากยิงเลเซอร์จากปุ่มกลางเขาเสี้ยวจันทร์ทำลายห่ามิไซล์ไปพร้อมกับกางบาเรียป้องกันเอาไว้ พร้อมกับยิงสวนโจมตีใส่ฝูงบินจนพังพินาศไปไม่น้อย "ถล่มมันเลย" หัวหน้ากองโมบิลทรูปเปอร์สั่ง ซึ่งทั้งหมดก็ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตรุ้ง ตรุ้ง ตรุ้ง ตรุ้ง ตรุ้ง ตรุ้งงงง" ถล่มด้วยอาวุธหนักทั้งหลายเข้าใส่ ตั้งแต่ปืนกลหนัก ปืนเลเซอร์ มิไซล์ลันเชอร์ โฮมมิ่งมิไซล์ ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน แต่ล้วนแล้วกลับทำอันตรายพวกเครซเดรทไม่ได้เลย แถมยัง.... "แชดดดดดดดดด ฟ้าววววว ตรูมๆๆๆๆ" ถูกพวกมันยิงปืนแสงลากพื้นน้ำทะเลถล่มใส่ลิชกิซและการ์ดฟิลด์จนกระเจิงไป
              "มันต้องพวกเราเอง โมบิลลอยด์บินได้ต้องเจอกับโมบิลทรูปเปอร์ภาคอากาศของพวกเราหน่อยเป็นไง" นักบินควบคุมมัคซ์ออนบุกด้วยโหมดเครื่องบินพุ่งเข้าถล่มด้วยกันพ็อดและโฮมิงค์มิไซล์ใส่เครซเดรทกันอย่างทันควัน โดยที่หน่วยสตรัลทรอนโจมตีด้วยปืนฟิชชั่นไรเฟิ่ลพร้อมกับ "ฟ้าวววว ฟ้าวววว" ปล่อยจรวดบนหัวไหล่ออกไปถล่มใส่เครซเดรทจนระเบิดอย่างจังๆ แต่ก็... "ฟ้าวววววว" "หวึมมมม ฉั้วะ" โดนเครซเดรทใช้ดาบพลังงานสีขาวฟันใส่จนสตรัลทรอนตัวขาดออกเป็นสองท่อนและ "ตรูมมมมมม" ระเบิดเป็นจุลไป สตรัลทรอนตัวหนึ่งนำปืนยาวที่ขยายกระบอกปืนมา "ตรุ้งงงง ป้ากๆๆๆๆๆ" ยิงกระสุนพลังงานทะลุพวกสตรัลทรอนที่บุกเข้ามาถึง 8 เครื่องในนัดเดียวจนระเบิด จนฝูงเครื่องบินขับไล่และมัคซ์ออนบุกเข้าโจมตีใส่ด้วยความเร็วสูง
              "ฟ้าวววววววว" ฉับพลันมีหุ่นตัวหนึ่งบินด้วยไอพ่นที่เท้าและด้านหลังพุ่งสวนทางกับเครื่องบินขับไล่เอฟ-81 ดัฟแรปเตอร์สองลำ จน... "ฉึบบบบบบบบ" ปีกและแพนหางขาดสะบั้นลงพร้อมกับ "กะ อั้ก อ้ากกก" นักบินที่อยู่ในคอกพิตเลือดออกตรงช่องท้องเช่นเดียวกับที่นั่งและแผงควบคุม ซึ่งถูกกรีดขาดสะบั้นลงไปอย่างจังๆ และ "ตูมมมม บรึมมมม" หุ่นตัวนั้นก็บุกเข้าโจมตีเครื่องบินขับไล่เอฟ-81 ด้วยความเร็วสูง ถึงขั้นที่... "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" มัคซ์ออนยิงไมโครมิไซล์ออกไปหลายสิบลูก แมนิเกเตอร์หุ่นสีเทาตัวนั้นก็ "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าวววว" บินโฉบเฉี่ยวหลบหลีกได้หมดทุกดอกพร้อมกับ "ฟิ้วๆๆๆๆ ฟ้าวววว" ยิงมิไซล์จากด้านข้างหัวไหล่และต้นขาออกไป "ฟ้าววว ตรูมๆๆๆ บรึมมมม" ถล่มใส่ตรงช่วงอกที่มีคอกพิตอยู่ตรงนั้นจนระเบิดเป่านักบินและมัคซ์ออนไป เปิดช่องให้เครซเดรท 5 ตัวบุกถล่มใส่กองรบมัคซ์ออนไป "หนอยยย ไอ้หุ่นบ้า เตรียมตัวตายได้...." นักบินชาวบราซิลที่ควบคุมสตรัลทรอนบุกเข้าใช้ดาบแสงพลังอิอ้อนหมายจะฟันใส่ แต่นอกจากจะฟันหวืดเหมือนกับการตบแมลงวันแล้วนั้น "แชดดดดด ป้ากกกก" ได้มีลำแสงสีเหลืองพุ่งทะลุคอกพิตของสตรัลทรอนไปเต็มๆ
              "ลำแสงนั้น บะ บ้าน่า มันยังมี อีกตัวหรือ..." นักบินชาวบราซิลกล่าวก่อนร่างจะวอดวายด้วยการระเบิดของสตรัลทรอนที่ถูกยิงไปด้วยกัน โดยฝีมือของนักรบหญิงสวมหมวกติดแว่นดำ สวมชุดรัดรูปสีแดงเข้มพร้อมเกราะอ่อนสีขาวที่มีแบ็คแพ็คติดปีกอยู่ด้านหลังเช่นเดียวกับไอพ่นที่ส่วนข้างขา ซึ่งเธอถือปืนยาวขนาดย่อมเอาไว้ โดยปากกระบอกมีไอร้อนออกมาเนื่องจากใช้ยิงออกไปแล้ว
              "สกายล็อต นายไม่ควรพลาดพลั้งให้ศัตรูกันเลยน่ะ" นักรบหญิงกล่าวกับหุ่นสีเทาที่บินได้นั้น ซึ่งอีกฝ่ายตอบกลับไปว่า
              "ไม่เป็นไรหรอก ไพโอล็อต ตอนนี้เธอรีบช่วยสนับสนุนการรบของพวกเรากันดีกว่า"
              "รับทราบ" ไพโอล็อตกล่าวและบินเข้าหลบหลีกการโจมตีจากกองเรือรบ แล้วก็... "แชดดดดดดด แชดดดดด" "ป้ากกกกกก ตรูมมม ว้ากกกก อ้ากกกกก" ยิงใส่สะพานเดินเรือสังหารกัปตันและลูกเรือที่อยู่ในนั้นจนวอดวายไป โดยแม้จะเหลือทหารอยู่บนเรือและตามป้อมปืน แต่ก็... "ฟ้าววววว โครมมมมม" เครซเดรทตัวหนึ่งบุกกระทืบป้อมปืนใหญ่จนพังคาเท้า แล้วก็ใช้ดาบแสงฟันตัดผ่าเรือขาดได้อย่างง่ายดาย โดยที่หน่วยอื่นๆถล่มเรือจนพังไปทีละลำสองลำด้วยกัน "กล้าพังเรือนะหรือ อย่าอยู่เลย" ทหารเวเนซูล่านำกิลกัสโต้บุกโจมตีใส่เครซเดรทด้วยแขนติดเลื้อยไฟฟ้าและสว่านคู่ แต่... "หวึมมมม ฉั้วะ" เครซเดรทอีกตัวบุกเข้ามาใช้กงเล็บเหล็กสีดำสี่ซี่ฟันใส่จนกิลกัสโต้ขาดเป็น 5 ท่อนจนระเบิดไป "ปังๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" คอนทรัสโต้ระดมยิงอาวุธหนักขึ้นฟ้า แต่ก็.... "หึมๆๆๆๆ ซูมมมม ซูมมมม ซูมมมมม" เครซเดรทจำนวน 5 เครื่องระดมยิงปืนใหญ่ปล่อยกระสุนพลังงานเข้าทำลายแคลชเชอร์เกรเนดและโฮมมิ่งมิไซล์จนระเบิดและ "ป้ากกกก เปรี้ยงงง ตรูมมมม บรึมมมม" เป่าทำลายคอนทรัสโต้ทีเดียว 5 เครื่องไป "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว" สกายล็อตเข้าพิฆาตฝูงเครื่องบินขับไล่ไปจนร่วงลงสู่ทะเลกันหมด แม้นักบินจะดีดตัว แต่ก็... "หมับบบบบบ ฟ้าวววว เปรี้ยงงงง" จับตัวนักบินที่ดีดตัวเขวี้ยงอัดใส่พวกนักบินด้วยกันจนตัวกระจุยกลางอากาศไป และหลังจากนั้นผ่านไป 4 นาที.....
              "กะ กองรบของฝั่งอเมริกาใต้วอดวายไปเกือบหมดเลยวะ" บัลโต้กล่าว
              "นั้นคือผลของการต่อต้านพวกเราในครั้งนี้ ดังนั้น ข้าหวังว่าพวกเจ้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่ได้เห็นภาพการต่อสู้เหล่านั้น จะใช้เวลาที่มีทบทวนตัวเองว่า ได้ทำอะไรลงไปกับพวกเราทั้งหมดกันน่ะ" เทคไคร์ดกล่าว และปิดการประกาศสดลง พร้อมกับ "แชดดดดด" "ตรูมมมม ซ่า.............." ยิงเลเซอร์จากปลายแหลมหอสะพานเดินเรือทำลายคอปเตอร์ของเหล่าผู้สื่อข่าวเกือบทุกช่องจนระเบิดไปกันหมด
              "พวกมันมาเหนือเมฆกันจริงๆเลยวะ ไอ้พวกลูนาสตี้นิ" คลอเวฟกล่าว
              "งานเข้าขนานใหญ่มาจนได้สิน่า" สเปียริทบ่น
              พีวิลพยักหน้า "แต่พวกเราไม่ยอมให้พวกนั้นทำตามอำเภอใจได้เป็นอันขาด แม้ว่าพวกนี้จะมีอาวุธที่เหนือชั้นกว่าพวกเรากันก็ตามเลยน่ะ" และกำหมัดขึ้นด้วยความโกรธแค้นสุดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้

              ที่ปราการของโอเวอร์เดส หุบเขาทมิฬ ห้องโถงหลัก
              "ท่านขุนพลครองคอร์ด ท่านดูเคร่งเครียดกันไม่น้อยเพราะว่ายุทธการกวาดล้างพวกกบฎของท่านนั้นล้มเหลวมาอีกละสิ" เกซิคพูดโดยรู้ทันความคิดของตัวครองคอร์ดที่เดินทางมาถึง ซึ่งก็พูดด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
              "ท่านพูดเช่นนี้ มันจงใจดูถูกข้ากันชัดๆ ไม่สิ ตอนนี้ท่านได้ล้ำเส้นและข้ามหัวข้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วละ"
              "ข้าข้ามหัวแหลมๆของท่านได้ยังไงกันละ" เกซิคพูดจาเยาะเย้ยไป จนครองคอร์ดบันดาลโทสะไปว่า
              "มันจะมากไปแล้วน่ะ ท่านเกซิค ภารกิจของข้ายังดำเนินการกันอยู่ แต่ เทคไคร์ดนำกองรบที่ควรจะประจำอยู่ที่ดวงจันทร์และควรจะเป็นปราการด่านสุดท้ายของพวกเราลงมาที่โลก ประกาศศักดาให้ทั่วโลกรับรู้ด้วยการสำแดงอำนาจอาวุธที่สร้างขึ้นมากันเช่นนี้ มันไม่เรียกข้ามหัวแล้วจะให้เรียกว่าอะไรกันละ"
              "หึๆๆๆๆ ท่านคงจะตกใจกับการปรากฎตัวของนางพญาจันทรามรณะกับพวกกันเลยสิน่ะ แต่....แม้ข้าจะเรียกเทคไคร์ดและพวกลูนาสตี้ลงมาจริงหรือไม่ นางกับพวกก็ได้ปรากฎตัวกันอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอน ว่ามันจะเป็นการดีเสียยิ่งกว่า ที่ท่านจะได้รู้ว่า ท่านกับพวกมันไร้ความสามารถในการกวาดล้างพวกกบฎโคเคสกันมากแค่ไหนเลยน่ะ" เกซิคบอก
              ครองคอร์ดกล่าว "ปากดีนักน่ะ ต่อให้ได้ตำแหน่งผู้ส่งสาสน์ของท่านโอเวอร์เดส แล้วกล้ามาทำกร่างเหมือนตัวเองเป็นท่านโอเวอร์เดสเช่นนี้ มันน่าที่จะ...."
              "ครองคอร์ด หยุดได้แล้ว" โอเวอร์เดสกล่าวเพราะครองคอร์ดยืนอยู่ตรงหน้าเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่ไว้ ซึ่งแม่ทัพหัวแหลมจำต้องสงบปากเอาไว้ก่อนที่จะโดนอะไรไปมากกว่านี้  "ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเทคไครด์มาที่นี้ได้ยังไง แต่ การมาของนางและพวกลูนาสตี้ที่มาจากอวกาศนั้น ได้สร้างความปั่นป่วนต่อพวกมนุษย์กันไม่น้อย และกระทบต่อพวกกบฎกันอย่างมาก ด้วยแสนยานุภาพที่เหนือกว่าพวกกบฎที่มีข้อจำกัดด้านวิทยาการที่มีอยู่ ดังนั้น โอกาสที่ชัยชนะของพวกเราได้มานั้นย่อมได้มาอย่างง่ายดายกันด้วย"
              ครองคอร์ดกล่าว "ท่านโอเวอร์เดส แต่ภารกิจของข้านั้นยัง...."
              "ท่านอย่าดื้อแพ่งดิ้นรนสร้างความล้มเหลวให้ท่านโอเวอร์เดสกันหน่อยเลยน่ะ เพราะว่า ความล้มเหลวของท่านที่ต้องเสียกำลังรบจากครอสตรีม แอตแลนไทซ์หรือแม้กระทั่งพวกสัตว์ประหลาดของไวซ์ไมเซล จากความปราชัยต่อพวกกบฎมาเมื่อ 3 วันก่อน จนทำให้พวกมันรวบรวมพวกบีสทอยด์กันเกือบหมดแล้ว ข้าเกรงว่า ลำพังท่านกับพวกอาจจะต้องถูกพวกมันกำจัดทิ้งตามแพทรีออทและพวกอีเนอไมนด์กันอย่างแน่นอน" เกซิคบอก
              จีเนฟาร์รี่กล่าว "อีกทั้งเทคไคร์ดเองก็ใช่ว่าจะอยู่บนดวงจันทร์และอวกาศเสมอไปกันหรอกน่ะ เพราะว่านาง ต้องการจะรู้ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นบนโลก ซึ่งนางรู้ถึงความพ่ายแพ้ของอีเนอไมนด์กันไปแล้ว จึงนำกองรบทั้งหมดลงมาที่โลกเพื่อทำสงครามกับพวกกบฎกันนี้แหละ"
              "ท่านหญิง ท่านกำลังร่วมมือกับไอ้คนที่ทำเกินขอบเขตหน้าที่ของตัวเองกันอยู่น่ะ ท่านเองก็น่าจะพิจารณากัน..." ครองคอร์ดกล่าว
              โอเวอร์เดสเลยตบพนักข้างซ้ายไปเต็มๆ จนทำให้ครองคอร์ดต้องเงียบลง "ท่านน่าจะรู้กาละเทศะกันเสียบ้างน่ะ ท่านขุนพล การตำหนิท่านหญิงก็คือการตำหนิท่านโอเวอร์เดสกันด้วยน่า" เกซิคกล่าว
              "ครองคอร์ด ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดี ว่าเจ้ากำลังจะถูกลดความสำคัญลงไป แต่....เจ้ากับกองรบของเจ้านั้น ยังไม่ควรจะเสียไปด้วยน้ำมือของพวกกบฎกันโดยเร็ว ซึ่งข้าจะให้เจ้า...จับตาดูการปฏิบัติการณ์ของพวกลูนาสตี้เอาไว้ ไปพร้อมกับปรับปรุงกำลังรบของครอสตรีมและแอตแลนไทซ์ให้ดีขึ้น โดยอาศัยพวกลูนาสตี้ให้เป็นตัวอย่าง เช่นเดียวกับ การขนส่งกำลังพลไปที่แรซัลก้า ซึ่งข้าต้องพึ่งเจ้ากันด้วยน่ะ" โอเวอร์เดสกล่าว
              ครองคอร์ดก้มคำนับลง "ท่านโอเวอร์เดส คำสั่งของท่าน ข้าจะรับเอาไว้นะครับ"
              "เกซิค เจ้าทำหน้าที่เป็นตัวแทนของข้า มอบคำสั่งการให้กับเทคไคร์ดเอาไว้ โดยหน้าที่การรุกรานโลกและกวาดล้างพวกศัตรูทุกกลุ่มนั้น ข้าจะมอบให้ลูนาสตี้จัดการเพียงฝ่ายเดียว จีเนฟาร์รี่ ข้าจะส่งเจ้าไปช่วยหนุนในเรื่องนี้กันด้วย" โอเวอร์เดสมอบหมายงานไว้ เกซิคพยักหน้า
              จีเนฟาร์รี่กล่าว "ข้าจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังกันนะคะ" โดยที่ครองคอร์ดจ้องมองทั้งสองคนอย่างเกลียดชังแต่แฝงรอยยิ้มกันไว้

              "จริงอยู่ที่นั้นเป็นคำสั่งของท่านโอเวอร์เดส แต่ท่านไม่จำเป็นต้องทำตามกันก็ได้เลยนิ" โฮโลแกรมของโครเต้กล่าวอย่างไม่พอใจกับการตัดสินใจของครองคอร์ด เช่นเดียวกับเกซเฟลิค
              "นั้นสิ ท่านน่าจะให้ข้าไปคุยกับท่านโอเวอร์เดสก็ได้ เพราะว่าข้าเองก็เป็นหนึ่งในสมุนเอกที่ร่วมรบกับท่านโอเวอร์เดสและติดตามท่านไปแรซัลก้ากันด้วยน่ะ"
              "ท่านโครเต้ ท่านเกซเฟลิค ความอดทนอดกลั้นของท่านควรจะรักษามันเอาไว้ เพราะพวกเราไม่สามารถกระทำการใดๆที่นอกเหนือจากคำสั่งของท่านโอเวอร์เดสกันเลย ดังนั้น เราจึงต้องให้ความสำคัญในด้านยุทโธปกรณ์และยุทธวิธีการสู้รบกันดีกว่า" ครองคอร์ดกล่าว
              โครเต้ถาม "แล้วท่านจะปล่อยให้เทคไครด์และเหล่าสมุนจากดวงจันทร์นั้นตัดหน้าพวกเราไปอย่างงั้นนะหรือ"
              "วางใจได้ แม้ว่าเรื่องการต่อสู้ระหว่างพวกกบฎกับลูนาสตี้นั้น ผลลัพธ์มันจะมาข้างเทคไครด์รวมถึงเกซิคกันก็จริง แต่ ท่านคิดว่าพวกกบฎมันจะยอมกันได้สักกี่น้ำกันน่ะ" ครองคอร์ดบอก
              เกซเฟลิคบอก "ข้าไม่ชอบเลยที่ต้องอวยให้ไอ้คนทรยศมันชนะไปได้ แต่...ข้าก็ไม่ชอบไอ้เวรเกซิคเหมือนท่านด้วยนะสิ"
              "แล้วไอรอนพลัสเชอริทล่ะ ท่านครองคอร์ด" โครเต้ถาม
              ครองคอร์ดกล่าว "แม้ข้าจะไม่ได้โปรแกรมหรือสั่งมันให้ทำเช่นนั้น แต่...ข้าหวังแค่ว่าสมุนเอกของข้าจะช่วยได้ในเรื่องนี้กันบ้างละนะ หึๆๆๆๆๆ"

              วกกลับมาที่ฐานทัพเอาท์คอมด์กัน
              "อย่างที่พวกเราได้เห็น ว่าตอนนี้โอเวอร์เดสส่งสมุนที่ร้ายกาจที่สุดลงมาเพื่อกวาดล้างพวกเรากันแล้วละ" โคเคสบอก
              นายทหารกบฎคนหนึ่งกล่าว "แล้วพวกเราจะสู้กับพวกมันได้หรือ หัวหน้า ในเมื่อไอ้พวกลูนาสติงอะไรนั้นมันมีอาวุธที่ล้ำหน้ากว่าพวกเราหลายเท่ากันด้วยน่ะ"
              "ไม่เห็นยากเลยนิ ตอนนี้พวกเรามีอาวุธปืนใหญ่พลังงานกำลังสูงกันแล้วน่ะ" ทหารหญิงคนหนึ่งที่มีแขนเหล็กกล่าว
              แต่ทหารหญิงอีกคนที่มีแขนปืนสีดำแย้ง "แล้วเราจะรับมือจากศัตรูที่มันบินได้ยังไงกันละ" จนทำให้เหล่าทหารคุยกันอย่างหวาดหวั่นกับเรื่องนี้ไม่น้อย
              "เงียบก่อนทุกๆคน สถานการณ์ในตอนนี้ เราไม่ควรจะมากระวนกระวายกันเลยน่ะ" เฮลิคกล่าว
              โคเคสจึงกล่าวไปว่า "ใช่ กองรบของลูนาสตี้นั้นถือว่าเป็นศัตรูที่หนักหนายิ่งกว่ากองรบภายใต้การนำของครองคอร์ดกันไม่น้อย และเป็นกลุ่มศัตรูที่พวกเราแทบจะไม่รู้จักกันเลย ทำให้ยากที่เราจะหาหนทางมาโต้ตอบหรือรับมือกันได้อย่างแน่นอน แม้ว่าตอนนี้เราจะผ่านการสู้รบกับกองรบที่เหลือของครองคอร์ด หลังจากที่อีเนอไมนด์สิ้นไปแล้วก็ตาม เรากลับพบความจริงที่เลวร้ายที่สุดกันขึ้นมาด้วย"
              "คงไม่ได้หมายความว่าในกลุ่มพวกเรามีสายลับงั้นนะหรือ" ทหารหัวแดงคนหนึ่งกล่าว จนทุกๆคนเริ่มแตกตื่นกันขึ้น
              โคเคสจึงต้องออกมาบอกไปว่า "ไม่ใช่อย่างงั้น ความจริงที่เลวร้ายของพวกเราในเวลานี้ก็คือ พวกเรา ไม่มีอาวุธที่ทรงพลังพอที่จะรับมือกับพวกลูนาสตี้กันไปได้เลย แม้พวกเราจะมีอาวุธและยุทโธปกรณ์กันก็ตาม แต่ศึกการต่อสู้ระหว่างโอเวอร์เดสและแมนิเกเตอร์ของมันนั้น หากยืดเยื้อต่อไปโดยที่เรายังใช้ยุทโธปกรณ์เดิมๆที่มีพลานุาภาพต่ำลงนั้น โอกาสที่พวกเราแพ้จะมีสูงมากเลยทีเดียว"
              "แต่ พวกคุณพีวิลก็อยู่ด้วย ก็ไม่น่าที่จะ...." ทหารหญิงผิวดำกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "...ถึงพวกเราอยู่ก็จริง แต่....พวกเรามีเพียงแค่ 4 ตนเท่านั้น ซึ่งก็มีน้อยเกินกว่าที่จะดูแลทุกๆคนที่ออกปฏิบัติการณ์แบบกระจายกลุ่มได้อย่างทั่วถึง บวกกับปัจจัยด้านยุทโธปกรณ์ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงอะไรใหม่ๆเลย กับปัญหาสถานที่สำหรับผลิตยุทโธปกรณ์ดังกล่าว ที่ตอนนี้ตกอยู่ภายใต้กองกำลังมนุษย์กันด้วยแล้ว ปัญหานี้เราต้องแก้ไขตรงจุดนี้ให้ได้พอๆกันกับ การหาแมนิเกเตอร์ที่หัวดีมาช่วยงานพวกเราด้วย"
              "แมนิเกเตอร์หัวดีนะหรือ แต่พวกเราทุกคนล้วนหัวไบร์ทกันทั้งนั้นนิครับ" ไกซ์กล่าว จนทุกๆคนหัวเราะร่อหายกันยกใหญ่
              เฮเรเค้นย้อน "ถ้ามึงหัวไบรท์จริง พวกเราคงจะเป็นยอดนักปราชญ์ไปนานแล้ว จะได้ไม่ต้องโดนอาจารย์มาสวาร์ทาร์ลงโทษบ่อยๆกันน่ะ"
              "ไอ้ที่โดนลงโทษไปเมื่อเช้านิ ยังไม่เข็ดเลยหรือไงกันนะ เฮเรเค้น" มาสวาร์ทาร์กล่าว จนทำเอาเฮเรเค้นหงอลง
              เฮลิคบอก "ที่มาสวาร์ทาร์พูดถึงนั้น มันหมายถึงแมนิเกเตอร์ที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เป็นอดีตนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์และนักค้นคว้าด้านศาสตร์ต่างๆ ซึ่งเราต้องการบุคลากรเหล่านี้มาช่วยเหลือพวกเราในทุกเรื่อง ซึ่งไม่เพียงเราต้องตามค้นหา แต่มันหมายถึงการให้ความช่วยเหลือพวกเขากันด้วย แม้มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราเลยก็ตามน่ะ"
              "แต่เราก็มีหมอเซริซ่าที่รู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับแมนิเกเตอร์กันแล้วนิคะ" มิลด์ถาม
              เฮลิคส่ายหน้า "หมอเซริซ่ารู้เรื่องของแมนิเกเตอร์ทุกอย่าง แต่....เธอเพียงคนเดียวกับหน้าที่ทั้งหมอและนักวิจัยนั้นมันก็เกินกำลังไปไม่น้อยเลยน่า การตามหาแมนิเกเตอร์เหล่านั้นคือภารกิจที่เราจำต้องทำเดียวนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปกันน่ะ"
              "แล้วเราจะเริ่มค้นหากันจากไหนก่อนดีละ" สเปียริทถาม
              พีวิลบอก "แล้วไหนจะเรื่องการรับมือกับกลุ่มศัตรูจากฟากฟ้ากันละ เพราะอาวุธของพวกนายในตอนนี้ไม่น่าจะรับมือกับพวกลูนาสตี้ได้ หากพวกมันโผล่มาในตอนนี้กันเลยน่ะ"
              "เฮเรเค้น ดิเรนท์ บีสทอยด์ประเภทวิหคนั้นมักจะอาศัยอยู่ตรงไหนกันบ้างละ" โคเคสหันมาถาม
              ดิเรนท์บอก "ถ้าพวกบีสทอยด์นกละก็....คงต้องเป็นตามหุบเขาสูงหรือป่าดิบชื้นที่มีพื้นที่กว้างกันนะคะ"
              "นายคงไม่คิดจะให้พวกหน้านกนั้นไปสู้กับพวกโมบิลลอยด์บินได้ กับแมนิเกเตอร์ที่บินเร็วจนบดขยี้ฝูงบินได้ทั้งกองกันหรอกน่ะ" บัลโต้บอก
              โคเคสกล่าว "พวกเราขาดกำลังสำคัญในการรบภาคอากาศกันอยู่ แม้จะช่วยอะไรไม่ได้มากก็ยังดีกว่าไม่มีกำลังรบด้านนั้นมารับมือกับพวกลูนาสตี้กันได้หรอกน่ะ"
              "ไม่เห็นยากเลย ก็ใส่แบ็คแพ็คติดจรวดซะก็สิ้นเรื่องนิน่า" พลทหารผมหยิกสีเขียวกล่าว จนพวกพ้องที่ได้ฟังก็เห็นด้วย แล้วก็...
              "มึงเอามิไซล์มาผูกหลังกันแบบนี้ มันจะเล่นง่ายเกินไปแล้วมั่ง" คลอเวฟบ่น เพราะพลทหารตัวดีพูดจริงและทำอย่างงั้นจริงๆ
              "แน่ใจน่ะ ว่ามันจะได้ผลกันน่ะ เพราะดูแล้วมันเฟลกันเห็นๆเลยวะ" ไกซ์บอก
              เฮเรเค้นกล่าวอย่างเห็นด้วย "นั้นสิ มันเฟลตั้งแต่เอาบั้งไฟพิฆาตมาติดที่หลังกันแล้วละมั่ง"
              "เดียวคอยดูแล้วกัน ว่าไอเดียนี้มันต้องได้ผลกันแน่นอน เอ้า จุดไฟนับถอยหลังได้" พลทหารหัวหยิกสวมหมวกกันน็อกและให้เพื่อนจุดไฟแช็คที่ชนวนท้ายมิไซล์ ซึ่งก็... "ฉี่.....ฟู้วววว ซูมมมมมมมมมม"
              "ทะยานได้....." สิ้นเสียงพลทหารหัวหยิก จรวดก็ทะยานขึ้น แต่มันทะยานขึ้นได้อย่างเดียว แล้วก็... "ตูมมมมมมม" ระเบิดกันกลางอากาศ แล้วตัวพลทหารนั้นก็ร่วงลงมาให้สเปียริทรับเอาไว้ด้วยมือเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ผมหยิกอย่างเดียวแต่ตัวดำเมี่ยมเพราะโดนระเบิดไปด้วย เคราะห์ดีที่มิไซล์ไม่ได้รุนแรงมากนักตอนระเบิดกันน่ะ
              "มาคิดดูอีกทีแล้ว เราควรต้องปรับความแรงของตัวมิไซล์กันสักหน่อยวะ" บัลโต้กล่าวอย่างน่าสมเพชต่อไอเดียบ้าๆของพลทหารตัวดีไปด้วย โคเคสและเฮลิคได้แต่พยักหน้า เพราะไม่มีคอมเมนท์อะไรกับเรื่องนี้แล้ว
              "เอาเป็นว่า เราจำต้องเตรียมการรับมือกับพวกลูนาสตี้ ไปพร้อมกับการตามหาทั้งแมนิเกเตอร์นักวิจัยและบีสทอยด์นกกันไปด้วย เพราะการที่พวกลูนาสตี้มีแมนิเกเตอร์บินได้ถึงสองตัวนั้น เราจำต้องรีบลงมือกันโดยเร็ว" โคเคสบอก โดยทั้งหมดมารวมตัวกันที่ห้องบัญชาการหลัก "มาสวาร์ทาร์ ฉันต้องการจะคุยกับหัวหน้าเผ่าบีสทอยด์ทุกตนที่บิดคราซิลกันสักหน่อย เผื่อว่าพวกเขาจะรู้ว่าเผ่าวิหคทั้งหลายตั้งรกรากกันที่ไหนบ้างน่ะ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "เรื่องนั้น ฉันส่งเฮเรเค้นและดิเรนท์ไปแจ้งข่าวกันแล้วละ"
              "แต่นายพูดถึงพวกแมนิเกเตอร์หัวกระทินั้นแล้ว นายรู้แล้วหรือ ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกันน่ะ" คลอเวฟถาม
              โคเคสบอก "ฉันคงต้องบอกกับพวกนายกันเสียแล้วละ ว่าเป้าหมายจริงๆของฉันในการตามหาแมนิเกเตอร์นักวิจัยนั้น คืออะไรกันน่ะ" แล้วก็พูดเข้าประเด็น "พวกนายเกือบทุกคนคงจะรู้จักชื่ออัลบาร์ท เดลวีแองนูกันมาแล้วสิน่ะ"
              "ที่ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างโอเวอร์เดส และเป็นลูกหลานของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำให้โลกเข้าสู่ยุคทองอย่างงั้นสิน่ะ" สเปียริทกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "แต่อัลบาร์ท เดลวีแองนูตายด้วยน้ำมือของฉันไปแล้ว นายจะตามหาศพของเขาไปเพื่ออะไรกันละ"
              "นั้นสิ นายคงไม่บ้าจี้คืนชีพหัวของเขาให้ช่วยเรากันได้หรอกน่ะ" บัลโต้บอก
              โคเคสกล่าว "ไม่ ไม่เลย เป้าหมายของฉันไม่ได้อยู่ที่ตัวศจ.เดลวีแองนูกันหรอก แต่เป็นสหายของเขาที่ชื่อว่า ดร.รีไลฟ์เวอรี่ กันนี้แหละ"
              "รีไลฟ์เวอรี่นะหรือ นายคงไม่ได้หมายถึงดร.อีวาน รีไลฟ์เวอรี่ ทายาทของผู้บุกเบิกการตั้งอาณานิคมบนดาวในระบบสุริยะจักรวาลทั้งแปดดวง กันอย่างงั้นนะหรือ" เฮลิคกล่าว โคเคสพยักหน้า
              สเปียริทถาม "แล้วคุณพอจะรู้จักคนที่ชื่อรีไลฟ์เวอรี่กันหรือเปล่าละคะ"
              "ฉันรู้จักชื่อและหน้าตาของเขามาตั้งแต่ฉันอายุ 10 ขวบกันแล้วน่ะ ดร.รีไลฟ์เวอรี่นั้นเป็นยอดนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เพียงเป็นผู้สานต่อโครงการพัฒนาระบบสุริยะจักรวาลด้วยการคิดค้นเทคโนโลยี่ตั้งอาณานิคมและปรับสภาพแวดล้อมบนพื้นผิวดาวให้เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานกันอย่างเดียว แต่....เขายังเป็นผู้ที่สามารถคืนชีพและให้โอกาสต่อคนป่วยเป็นโรคร้าย คนพิการไม่ว่าจะแต่กำเนิดหรืออุบัติเหตุ รวมไปถึงคนที่โคม่าปางตายและใกล้จะตายให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติกันด้วย แม้ว่าเทคโนโลยี่ที่เขาใช้กับผู้ป่วยเหล่านั้นมันจะเหมือนกับการสร้างแมนิเกเตอร์เลยก็ตาม จนดร.รีไลฟ์เวอรี่ได้รับการยกย่องสมกับนามสกุลของเขา เลยทำให้มีคนเข้าร่วมกับโครงการพัฒนาระบบสุริยะจักรวาล และเตรียมพร้อมสำหรับออกไปสู่อวกาศอันไกลโพ้น ตามหลังกลุ่มของเฮนรี่ ไนท์ที่เดินทางออกไปก่อนหน้าแล้วน่ะ" เฮลิคบอก
              พีวิลบอก "เฮ เฮนรี่ ไนท์น่ะหรือ คุณคงไม่ได้หมายถึง มนุษย์คนแรกที่ได้สู่อวกาศอันไกลโพ้นกันสิน่ะ"
              "โอ้ว มาอีกรายแล้วหรือกับการจ้อเรื่องประวัติศาสตร์กันน่ะ" คลอเวฟบ่นเพราะประเด็นที่พวกโคเคสคุยในตอนนี้เปลี่ยนเป็นเอ่ยถึงบุคคลสำคัญกันแล้ว
               สเปียริทถาม "แล้วเฮนรี่ ไนท์คนนั้นเป็นใครมาจากไหนกันละ"
              "เฮนรี่ ไนท์เป็นบุคคลสำคัญที่มนุษย์อย่างพวกเราไม่มีวันลืมไปได้แน่นอน เพราะเขาเป็นผู้นำกลุ่มมนุษย์กลุ่มแรกออกเดินทางสู่อวกาศไปยังระบบอวกาศอื่น ว่ากันว่า เขาได้พบปะกับกลุ่มมนุษย์ต่างดาวและได้เจริญสัมพันธไมตรีกับพวกเขาขึ้นมา จนทำให้โลกได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสมาพันธ์อวกาศในระบบอวกาศอันยิ่งใหญ่ จนทำให้โลกเกิดความเจริญก้าวหน้าไปยิ่งขึ้น แม้นักประวัติศาสตร์จะมองว่าเขากับพวกเป็นคนทิ้งบ้านเกิดไปอยู่แดนไกลและทิ้งความเป็นชาติภูมิไปเป็นส่วนหนึ่งของพวกต่างดาว บ้างก็แย่สุดถึงขั้นที่มองว่าเขาไปสวามิภักดิ์กับต่างดาวเพื่อเตรียมการรุกรานโลกกันด้วย ทั้งๆที่ฝ่ายเฮนรี่ออกมาชี้แจงแล้วว่า เรื่องที่ลือในแง่ลบนั้นมันไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อยก็ตาม" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "แต่หลังจากที่เกิดเหตุร้ายขึ้นที่ดาวแรซัลก้าซึ่งมนุษย์ไปตั้งรกรากกันที่นั้นได้ถูกรุกรานอย่างหนักหน่วง เฮนรี่ ไนท์กับพวกที่ออกเดินทางมาก่อนกับที่มาสมทบกันนั้นก็ขาดการติดต่อไปในทันที โดยคำพูดของเขาที่บอกไว้เพียงแค่ว่า มนุษย์ต่างดาวบุกรุก ก็ทำให้โลกเกิดความโกลาหลถึงขั้นสร้างแมนิเกเตอร์และโอเวอร์เดสขึ้นมาโดยปริยายกันนะสิ"
              "เรากลับเข้าเรื่องรีไลฟ์เวอรี่กันดีกว่า เพราะพวกนายออกนอกประเด็นไปไกลถึงนอกโลกแล้วน่า" บัลโต้กล่าว
              เฮลิคเลยเล่าต่อ "ดร.รีไลฟ์เวอรี่นั้นได้ดำเนินโครงการพัฒนาดวงดาวของเขากันในช่วงที่โลกเกิดความวุ่นวายจากการขาดการติดต่อระหว่างโลกกับกลุ่มมนุษย์ที่อยู่ในอวกาศกัน สหพันธ์โลกได้สั่งให้มีการสร้างแมนิแฟคเตอร์เอาไว้มากมายเพื่อเตรียมการรับมือกับการรุกรานจากต่างดาว ซึ่งแน่นอน ว่ามันหมายถึงการสร้างอัลติเมทคอมพิวเตอร์ฟาเธอร์ ซึ่งก็คือโอเวอร์เดสในเวลานี้กันด้วย โดยที่ดร.เดลวีแองนูถูกบีบบังคับจากสหพันธ์โลกให้ดำเนินโครงการสร้างขึ้น ส่วนดร.รีไลฟ์เวอรี่นั้นก็ถูกสั่งให้สร้างกองทัพมนุษย์อวกาศเพื่อสนับสนุนการรบเอาไว้ แน่นอนว่า ดร.เดลวีแองนูยอมแพ้และต้องสร้างฟาเธอร์ขึ้น ส่วนดร.รีไลฟ์เวอรี่นั้น ค้านหัวชนฝาถึงขั้นที่โยกย้ายโปรเจคทั้งหมดออกจากสถาบันไปดำเนินการที่อื่น และสั่งให้ลูกสาวและลูกเขยของเขาออกไปนอกโลกเพื่อดำเนินโครงการที่ค้างๆคาๆให้แล้วเสร็จเดียวนั้นไป"
              "แต่หลังจากที่โอเวอร์เดสกับกองรบแมนิเกเตอร์พ่ายแพ้จนหายไปจากโลกนั้น สหพันธ์โลกก็ออกตามล่าศจ.เดลวีแองนูที่เป็นผู้สร้างโอเวอร์เดสขึ้น ซึ่งหมายรวมไปถึงดร.รีไลฟ์เวอรี่และพวกนักวิจัยที่เป็นเพื่อนสนิท แม้จะร่วมมือกันหรือไม่ก็ตาม นักวิจัยส่วนมาก หากไม่ถูกจับกุมและถูกกักขังอยู่ในความดูแลของรัฐบาลประเทศดังกล่าว ก็ล้วนแล้วหายสาปสูญไป ซึ่งทั้งศจ.เดลวีแองนูและดร.รีไลฟ์เวอรี่เองก็คือสองคนที่หายสาปสูญไปในครั้งนั้น และชาตะกรรมของศจ.เดลวีแองนูเอง เราก็ทราบกันดีอยู่แล้ว" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              พีวิลถาม "แล้วนายรู้เรื่องดร.รีไลฟ์เวอรี่จากใครกันละ โคเคส"
              "ถ้าฉันบอกว่า คนที่ให้ข้อมูลคือ ผู้บัญชาการกองรบพิเศษที่ 12 กันละ" โคเคสบอก
              พีวิลกล่าว "นายพลเวสวิงตันน่ะหรือ เดียวก่อนน่ะ นายคงไม่ได้หมายความว่า คนของมหาสหรัฐเองตามสืบเรื่องนี้กันเลยหรือ"
              "ถึงเวสวิงตันไม่ได้สืบอย่างจริงจัง แต่กลุ่มประเทศอีกสามกลุ่มเองก็ยังต้องการตัวดร.รีไลฟ์เวอรี่กันอยู่ ซึ่งไม่ได้แค่จับกุมกันอย่างเดียว แต่ฉันคิดว่าคงจะจับไปลงโทษเป็นแพะรับบาปแทนศจ.เดลวีแองนูกันอย่างแน่นอน" โคเคสกล่าว
              เฮลิคบอก "ดีแล้วละที่นายรู้จากเวสวิงตันกันก่อน อย่างน้อยเราก็พอจะช่วยปกป้องดร.และพวกให้รอดพ้นจากเงื้อมมือการสังหารโหดของพวกมนุษย์อย่างแน่นอนเลยละ"
              "สังหารโหดนะหรือ หมายความว่ายังไงกันละ" สเปียริทถาม
              เฮลิคบอก "หลังจากความพ่ายแพ้ของโอเวอร์เดสในครั้งแรกนั้น สหพันธ์โลกเองก็ออกกวาดล้างพวกแมนิเกเตอร์ที่ยังตกค้างอยู่บนโลก เพราะดันไปมีเรื่องการลอบสังหารประธานาธิบดีมหาสหรัฐจนการสังหารล้มเหลว แน่นอนว่าการกวาดล้างนี้ย่อมมีผู้รับเคราะห์กันไปไม่น้อย นักวิทยาศาสตร์ที่ยังรอดจากการจับกุมครั้งแรกเองก็ออกมาประนามกัน จนทำให้สหพันธ์โลกใช้มาตราการรุนแรงด้วยการจับกุมนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์เกือบทั้งหมดที่อยู่บนโลก และที่อยู่บนดวงจันทร์และดาวทั้งแปดเอาไว้ ซึ่งมันหมายรวมไปถึง โครงการพัฒนาดวงดาวที่ลูกสาวและลูกเขยของดร.รีไลฟ์เวอรี่เองด้วย ที่ตั้งใจจะเตรียมการหลบหนีออกนอกอวกาศ แต่....สหพันธ์โลกร่วมมือกับผู้ว่าการบนดาวทั้งแปดและดวงจันทร์ขัดขวางเข้า จนนำมาสู่การเข่นฆ่าล้างบางสมาชิกในโปรเจคกันทั้งหมด จนทำให้ดร.รีไลฟ์เวอรี่หายสาปสูญไปนับสิบปีด้วยกันนะสิ"
              "เดียวก่อนน่ะ ว่าแต่ การฆ่าล้างบางพวกลูกสาวของดร.รีไลฟ์อะไรนั้นนิ มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันวะ" บัลโต้กล่าว
              เฮลิคบอก "ปีนี้คือปีค.ศ.2201 เดือนมิถุนายน ลูกสาวและลูกเขยกับทีมงานของดร.รีไลฟ์เวอรี่ที่อยู่ตามดาวต่างๆนั้น เสียชีวิตเมื่อปี 2170 กันน่ะ"
              "แล้วโอเวอร์เดสก็กลับมาที่โลกอีกครั้งในปีค.ศ.2181 กันด้วย....โอ้ว มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกมั่ง" พีวิลกล่าว
              สเปียริทบอก "นายคงไม่ได้บอกว่า โอเวอร์เดสเดินทางจากอวกาศมาที่โลก แล้วผ่านดาวทั้งแปดดวงจนเจอพวกศพของพวกลูกๆของดร.รีไลฟ์เวอรี่ แล้วดัดแปลงเป็นพวกลูนาสตี้กันละสิ"
              "นั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้กันหรอก สเปียริท เพราะเวลาที่ลูกสาวและลูกเขยรวมถึงทีมโปรเจคบนดาวทั้งแปดและดวงจันทร์กับเวลาที่โอเวอร์เดสเดินทางกลับมานั้น มันห่างกันตั้ง 10 ปีกันเลยน่า" มาสวาร์ทาร์บอก
              คลอเวฟกล่าว "แล้วถ้าเกิดว่าโอเวอร์เดสมันเหลือพวกแมนิเกเตอร์ไว้บนดาวที่ระบบสุริยะเพื่อรวบรวมศพคนเหล่านั้นมาไว้จนกระทั่งโอเวอร์เดสกลับมาคืนชีพกันได้ละ"
              "คลอเวฟพูดมาก็พอจะมีส่วน เพราะบนดวงจันทร์และดาวทั้งแปดล้วนไม่ได้ใช้เวลามาตราฐานเหมือนกับโลกของเรา เนื่องจากดาวแต่ละดวงเองก็มีระยะเวลาที่สั้นยาวไม่เท่ากัน บวกกับว่ารีไลฟ์เวอรี่คิดค้นการคืนชีพคนตายให้กลับมาและสร้างขึ้นเอาไว้ให้กับทีมโปรเจคเหล่านั้น รวมถึงของตนเองด้วยแล้ว จึงทำให้เหล่าศพที่ถูกฆ่าตายยังคงสภาพเดิมไม่เน่าเปือยจากระยะเวลาที่ผ่านพ้นไปและปัจจัยอื่นๆตามมากันด้วยน่ะ" โคเคสกล่าว
              บัลโต้บอก "และโอเวอร์เดสคงจะเตรียมไพ่ตายไว้สำหรับการโต้ตอบในครั้งต่อไป เพื่อเป็นหลักประกันให้แน่ใจได้ว่า พอตนไม่อยู่บนโลก แนวร่วมของตนที่ยังคงเหลืออยู่ก็จะรวบรวมทรัพยากรที่มีประโยชน์ไว้สำหรับสร้างแมนิเกเตอร์ขึ้นมาใช้งานได้ในภายหลัง หากโอเวอร์เดสมันกลับมาอีกครั้ง ฉลาดไม่เบาเสียจริงๆเลยน่ะ"
              "และพวกมนุษย์ก็เผลอไปสร้างทรัพยากรด้วยการสังหารทีมนักวิจัยบนอวกาศกันแบบนี้ นั้นเป็นความผิดพลาดที่แย่สำหรับพวกมนุษย์ที่เผลอสร้างพวกลูนาสตี้ขึ้นมาเองด้วยน่ะ" สเปียริทกล่าว
              พีวิลบอก "งั้นเรื่องการแก้แค้นที่เทคไคร์ดว่าไว้ก็คือเรื่องนี้เองสิน่ะ แม้มันน่าจะเห็นใจต่อพวกเขากันก็จริง แต่การกระทำที่หมายเอาชีวิตคนอื่นเพื่อการแก้แค้นนั้นมันยิ่งเลวร้ายจนไม่น่าให้อภัยกันแล้วละ"
              "ว่าแต่ โคเคส เวสวิงตันให้รายละเอียดบ้างมั้ย ว่าดร.รีไลฟ์เวอรี่ไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              โคเคสกล่าว "เท่าที่ฟังจากเวสวิงตันมา เจ้าหน้าที่สืบสวนพบดร.รีไลฟ์เวอรี่ล่าสุดก็ที่ภูฐานเก่า ซึ่งฉันคิดว่าดร.รีไลฟ์เวอรี่กับทีมวิจัยนั้นต้องทำการทดลองกันที่ไหนสักแห่ง...."

              "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สัญญาณเตือนดังขึ้น โอเปเรเตอร์ผิวหมึกกล่าว "เรดาห์ระยะไกลตรวจจับสัญญาณยานบินขนส่งกำลังพลมุ่งหน้ามายังเขตเมืองลูทาเอลที่อยู่ห่างจากฐานหลักของพวกเราประมาณ 45 กิโลเมตร คาดว่านั้นต้องเป็นพวกลูนาสตี้แน่ๆนะคะ"
              บัลโต้บอก "โอ้ว ไอ้พวกหน้ายิ้มเชี้ยๆนั้นมันบุกแล้วหรือวะ"
              "เลย์เยล ว่าแต่ เขตเมืองนั้นมีกองกำลังคุ้มกันอยู่หรือเปล่าละ" โคเคสถามโอเปเรเตอร์ผิวหมึก ซึ่งให้คำตอบไปว่า
              "คะ เป็นหน่วยจู่โจมภาคอากาศที่ 41 ของมหาสหรัฐและกองกำลังปกป้องตนเองประจำการอยู่ จากการตรวจสอบสัญญาณสื่อสารที่ส่งไปในช่วง 10 นาทีที่ผ่านมา ว่าพวกเขาได้ขอกำลังหนุนจากแอฟริกาใต้มาสมทบกันไว้แล้วนะคะ"
              "นั้นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เฮลิค บัลโต้ เฝ้าปกป้องฐานเอาไว้ด้วย ฉันจะนำทีมออกไปหยุดพวกลูนาสตี้เอง" โคเคสกล่าว
              บัลโต้บอก "แต่ แต่มันจะดีหรือวะ ในเมื่อพวกเราไม่รู้ว่าจะรับมือกับพวกมันยังไงกันวะ"
              "ถึงเรามีอาวุธที่ด้อยค่า แต่มันจะยิ่งแย่กว่า หากปล่อยให้พวกลูนาสตี้มันเข่นฆ่าผู้คนเหมือนที่ลงมือในอเมริกาใต้และยุโรปกันด้วยน่ะ" โคเคสบอก
              คลอเวฟกล่าว "วางใจได้น่า พวกเราจะไปกระทืบไอ้พวกสวมหน้ากากนี้เองแล้วกัน"
              "พวกนายปกป้องโคเคสไว้ให้ดีแล้วกันน่ะ เพราะถ้าหัวหน้าของเรามีอะไรแย่ๆเกิดขึ้น พวกนายก็ต้องรับผิดชอบไว้ด้วยน่า" บัลโต้กล่าว
              พีวิลตอบ "วางใจได้เลยครับ หัวหน้าบัลโต้ พวกเราจะทำเต็มที่กันนะครับ"

              "ครืนนนนนน ครืนนนนนน ครืนนนนนน" โคเคสนำเมทัลแล็กซ์ไปพร้อมกับรถเกราะบรรทุกกำลังคนจำนวน 10 คันคันละ 10 คน พร้อมกับเมทัลแล็กซ์ 20 เครื่อง การ์เซนท์จำนวน 30 เครื่อง โดยที่สเปียริทควบคุมการ์เซนท์แบบติดฐานยานเกราะหกล้อ ซึ่งพาพีวิล มาสวาร์ทาร์และคลอเวฟนั่งอยู่ด้านนอกไปด้วย "นายพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับหน่วยที่ 41 กันบ้างละ พีวิล" มาสวาร์ทาร์ถาม
              พีวิลกล่าว "หน่วยที่ 41 นั้นเป็นหน่วยรบภาคอากาศซึ่งมีทั้งฝูงบินขับไล่ และโมบิลทรูปเปอร์ภาคอากาศซึ่งใช้สตรัลทรอนและมัคซ์ออนเป็นกำลังหลักอยู่ หน่วยนั้นคุมทีมโดย ฟอสเตอร์ แมกมานัส ลูกครึ่งอเมริกาไทย แต่อาศัยอยู่กับคุณพ่อที่เซาท์ดาโกต้าและได้เข้าเรียนโรงเรียนกองบิน ซึ่งฉันเจอเขามาเมื่อ 4 ปีก่อน พร้อมกับพันตรีฟรินท์ แฟนดิแอร์โรวกันนะสิ"
              "มันเป็นเพื่อนของเฟอร์นันเดอร์เองหรือวะ นี้ตกลงไอ้แว่นมืดมันจะมีเพื่อนทำอาชีพอื่นที่ไม่ใช่ทหารสักคนเลยมั้ยละ" คลอเวฟสบถ
              สเปียริทถาม "แล้วนายฟอสเตอร์นั้นมีนิสัยยังไงกันละ"
              "เรืออากาศเอกฟอสเตอร์นั้น เดิมเป็นนักบินระดับกลางๆฝีมือไม่ค่อยโดดเด่นอะไรมากนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะทำตัวเป็นกันเองต่อคนอื่นตั้งแต่พลทหารไปจนถึงนายทหารระดับสูง ทั้งนี้เพราะว่าแม่คนไทยของเขาเป็นคนสอนให้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนมาตั้งแต่เด็กๆ โดยมากแล้วเขามักจะทำหน้าที่ขับเครื่องบินปฏิบัติงานที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการรบมากมายนัก" พีวิลเล่าประวัติของฟอสเตอร์ไว้ "แต่หลังจากที่พวกอีเนอไมนด์ใช้พวกเปกาซัสโจมตีเครื่องบินนิวโบอิ้งกันนั้น ฟอสเตอร์ได้นำเครื่องบินขนส่งหลอกล่อพวกเปกาซัสไรเดอร์ให้ติดตามตนและบินพาพวกนั้นไปชนกับหุบเขาร็อกกี้กันทั้งหมด แม้นั้นจะเป็นการช่วยชีวิตผู้โดยสารนับร้อยให้รอดพ้นจากพวกอีเนอไมนด์ไว้ได้ แต่...เครื่องบินกลับได้รับความเสียหายและโดนผู้บังคับบัญชาตำหนิจนถูกลดยศ 3 ขั้นลง หลังจากนั้นก็ถูกส่งไปฝึกควบคุมมัคซ์ออนและสตรัลทรอนที่อาร์เจนติน่าเพื่อมาเป็นกำลังหนุนให้กับหน่วยที่ 41 ซึ่งได้รับความเสียหายจากพวกแพทรีออทกันมาก่อน โดยฟอสเตอร์ก็ฉายแววความเป็นเอสไพล็อตออกมาให้เห็นจนได้เลื่อนขั้นเป็นนาวาอากาศตรีมาจนถึงบัดนี้แหละ"
              มาสวาร์ทาร์บอก "แล้วตอนนี้ฟอสเตอร์เองก็ยังรอดอยู่สิน่ะ"
              "ก่อนหน้าที่ฉันจะรับภารกิจครั้งสุดท้ายในฐานะร้อยเอกปีเตอร์ ฟอสเตอร์ก็ถูกโยกย้ายไปประจำการที่นิวเดลีตามทั้งหน่วยไป ซึ่งเคราะห์ดีที่ยุทธการที่อิสราเอลพังเพราะฉันและนายไว้เสียก่อน ไม่เช่นนั้น ฟอสเตอร์กับพวกคงไม่ได้อยู่มาจนถึงบัดนี้หรอกน่ะ" พีวิลกล่าว
              คลอเวฟบอก "แต่ตอนนี้ เรามีไอ้พวกหน้ากากจันทราเฮงซวยรอเราอยู่กันน่า"
              "เราควรจะรีบไปกันดีกว่า หวังว่าเพื่อนของเฟอร์นันเดอร์คงจะไม่พลาดท่าเสียทีกันเสียก่อนน่ะ" โคเคสบอก
              พีวิลพยักหน้า "ใช่ เพราะเราจะยอมให้พวกลูนาสตี้กำแหงกันมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วละ"

              ที่เขตเมืองลูทาเอล เมื่อ 10 นาทีก่อน
              "ปลอดคนแล้วละ" ผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งในชุดเสื้อผ้าแบบปิดเดินออกมาพร้อมกับพวกพ้องที่สวมชุดผ้าหนาเตอะปิดบังตัวเองถึง 8 คนด้วยกัน ซึ่งมีคนหนึ่งที่เดินช้ากว่าคนอื่น แล้วก็มีชายคนหนึ่งใส่เสื้อผ้าปิดมิดชิดคลุมส่วนหัวไว้ แต่ก็เผยใบหน้าซึ่งมีแถบปานดำที่แก้มทั้งสองข้างไว้
              "แย่แล้วละ ตอนนี้บ้านเมืองเกิดสภาวะวุ่นวายขึ้นมาจากการที่มีผู้บุกรุกจากอวกาศกำลังตรงมาทางเมืองนี้นะสิ"
              "จะ จริงหรือ เบย์แทนด์ นี้มันมาที่เมืองนี้เลยหรือ" ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อบุรุษผู้มีแก้มที่ดำคล้ำต่างจากใบหน้าที่ขาวเกือบซีดไว้ โดยชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ
              หญิงสาวคนหนึ่งกล่าว "แล้วเราจะหนีไปจากนี้ได้ยังไง ในเมื่อเรากำลังเจอปัญหาจากบริษัทที่เราแอบไปทำงานกันอยู่เลยน่ะ"
              "ตอนนี้เราคงทำได้อย่างเดียวก็คือ ต้องซ่อนตัวกันไว้ก่อนน่ะ" ชายที่ชื่อเบย์แทนด์กล่าว
              ชายคนแรกบอก "หวังว่าคงจะไม่โดนพวกรุกรานจากอวกาศมันฆ่าเอาได้กันน่ะ เพราะไม่อย่างงั้น พวกพ้องของเราที่นั้นจะไม่เป็นอันกินอันนอนกันพอดี"
              "ฟ้าวววววววววววว" ยานบินทรงวาฬลอยลำมาจำนวนละ 5 ลำจากที่มาทั้งหมด 10 ลำมุ่งหน้ามาใจกลางเมือง ซึ่งกองกำลังป้องกันตัวเองได้ระดมยิงมิไซล์เข้าใส่เพื่อสกัดขัดขวาง แต่.... "แว้งงงงง" "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆ" ยานบินมอเดอร์ดิฟกางสนามพลังป้องกันเอาไว้ต้านแรงระเบิดจากมิไซล์ไว้ทุกลูก โดยที่ยานมอเดอร์ดิฟนั้นมีเครซเดรท 3 ตัวคุ้มกันไว้ "แชดดดด แชดดดด" "ตรูมมมม บรึมมมม" ซึ่งพวกมันก็เปิดฉากยิงปืนแสงเข้าทำลายตึกที่มีป้อมมิไซล์ติดตั้งไว้จนระเบิดไปกันหมด โดยที่กองกำลังป้องกันตนเองรีบนำการ์ดฟิลด์ติดปืนเลเซอร์ต่อต้านอากาศยาน เช่นเดียวกับคอนทรัสโต้และลิซกิซไว้ แต่ล้วนแล้วก็โดนถล่มยับไปกันหมด "เตรียมส่งบาบาเรี่ยนเดสทรอยเยอร์และออลเรนจ์แอสแซสซินกับกองรบลงสู่เขตเมืองได้เลย" นักบินกล่าวและจัดการเปิดใต้ท้องยาน "ฟ้าววว ฟ้าวววว ฟ้าววว ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ส่งเหล่าแมนิเกเตอร์ของลูนาสตี้ออกมากันทั้งหมด โดยในกลุ่มนั้น มีนักรบผู้หญิงหัวตั้งสวมเกราะสีขาวล้วนมากับปืนยาว พร้อมสวมหน้ากากพกปืนยาวที่หลังและปืนสั้นอย่างละสองกระบอก กับบุรุษตัวโตในชุดเกราะเหลี่ยมซึ่งมีส่วนหลังที่หนาและใหญ่จนแลดูเหมือนเป็นคนหลังค่อม หัวไหล่ด้านข้างสีแดงก่า แม้จะใส่กางเกงลายเขี้ยวเล็บเข้ากับรองเท้าที่มีขนาดใหญ่เกินปกติ สวมหมวกปิดหน้าตา มากับค้อนยาวสีดำด้วย
              "กองรบเซนเครูท โจมตีเขตชุมชนและจัดการกับกลุ่มตำรวจ กองรบเกรมฮอร์ท อาละวาดตรงถนนสร้างความเสียหายให้มากที่สุด กองรบเบทชอน ลงมือตัดกำลังหน่วยรบโมบิลทรูปเปอร์และสนับสนุนทั้งสองกองเดียวนี้เลย" บุรุษตัวโตสั่งการทุกหน่วยเอาไว้ ซึ่งทั้งหมดก็รีบรุดไปโดยเร็ว โดยที่นักรบหญิงหัวตั้งนั้นได้แต่พยักหน้าและโดดขึ้นไปบนยอดตึกสูงกันแล้ว แล้วตัวเองก็รีบตามพวกตัวใหญ่นั้นไป
              "ยิงมันเร็วเข้า" พวกตำรวจกระหน่ำยิงใส่พวกเซนเครูท แต่นอกจากพวกมันจะว่องไวกว่ากระสุนปืนกันแล้ว "ฟ้าววว ฟ้าวว ฟ้าวว" พวกมันยังกระโดดสูงข้ามแนวป้องกันอย่างรถตำรวจและสายตรวจลงมา... "ฟึ่บบบ ฉึกก ฉั้วะ" ใช้สนับมือติดมีดเข้าแทงใส่พวกตำรวจกันอย่างบ้าเลือด ตำรวจบางคนพยายามใช้ตะบองไฟฟ้า แต่... "อ้ากกกก" เซนเครูทตนหนึ่งกระโดดมาข้างหลังและใช้มีดสนับมือฟันจนคอขาด ในขณะที่อีกสามคนนั้นบุกเข้าโจมตีพวกตำรวจที่นำปืนลูกซองมายิง "ตรุ้งงงง ป้างงง" ซึ่งเซนเครูทตนหนึ่งถูกยิงจนล้มลง แต่ก็ได้แค่สักพักเดียว เพราะมันก็ลุกขึ้นมา แล้วก็... "แชด แชด" ใช้สนับมือยิงเลเซอร์ทะลุเกราะกันกระสุนจนไหม้เป็นรูทะลุร่างเนื้ออย่างจังๆ
              "ช่วยพวกเราด้วย ตอนนี้พวกศัตรูมันบุกมา ผมต้องการกำลังทหารมาช่วย..." ชายหนุ่มตื่นกลัวพยายามจะโทรศัพท์ในตู้ แต่... "เพล้งงงงง" เซนเครูทตนหนึ่งก้าวมาด้านข้างและใช้แขนชกทะลุตู้กระจกมาตะบบที่คอ และ "กร็อก" บีบหักคอลงในมือเดียวจนชายคนนั้นแดดิ้นลงไป ร้อนถึงกรมตำรวจต้องส่งหน่วยปราบจราจลและหน่วยสวาทมาโต้ตอบด้วยก๊าซและน้ำฉีดไป "ฟึ่บบบบบ ฉั้วะ" เบทชอนสี่ตนโดดลงมาพร้อมกับใช้ท่อนแขนฟันร่างเจ้าหน้าที่ปราบจราจลขาดเป็นสองท่อนในคราวเดียว แล้วก็.... "แชดด แชดด แชดดด แชดดด แชดด" ใช้ปืนเลเซอร์แบบสองลำกล้องยิงกระสุนสีขาวเข้าใส่หน่วยปราบจราจลที่กรูกันเข้ามาด้วยโลห์ ซึ่งโลห์ป้องกันตัวก็ไม่ช่วยชีวิตของพวกเขา เนื่องจากเลเซอร์ได้ทะลุโลห์จนแผดเผาหน้าอกทะลุไปยังเหยื่อรายอื่นอีก 4 คนล้มลงไป หน่วยสวาทเลยต้องเข้ามากู้สถานการณ์ด้วยการใช้ปืนกลหนักเพราะสภาพการณ์นั้น หนักหนาเกินกว่าจะใช้อาวุธปกติรับมือ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" หน่วยสวาทกระหน่ำยิงใส่ไม่ยั้ง หากแต่พวกเขาต้องตกใจ เมื่อพวกเกรมฮอร์ทกระโจนเข้ามาป้องกันกระสุนเจาะเกราะเอาไว้ ซึ่งกระสุนเหล่านั้น "กริ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ไม่เพียงเจาะไม่เข้าเนื้อ ยังร่วงลงมาในสภาพหัวบุบไปเกินครึ่งทั้งหมดกันด้วย "ตายซะ" เกรมฮอร์ทตัวหนึ่งกล่าวก่อนจะวิ่งเข้ามา "โครมมมมมม" ชนแนวกำแพงกั้นขวางของหน่วยสวาทที่วางเอาไว้จนเป่าพวกหน่วยสวาทปลิว ในขณะที่สองตนนั้นบุกเข้ามา "หมับบบบ ควับบบบ ฟ้าวววววว โครมมมม ตรูมมมม" ยกรถหุ้มเกราะของพวกหน่วยสวาทขึ้นและทุ่มใส่อาคารสำนักงานจนทำให้มีพนักงานบริษัทได้รับบาดเจ็บในระหว่างประชุม ตามด้วยรถยนต์ รถตู้ รถประจำทาง ซึ่งถูกพวกเกรมฮอร์ททุ่มอัดใส่พวกปราบจราจลและซัดไปพังตึกรามบ้านช่องจนผู้คนตื่นตระหนกตกใจกันยกใหญ่
              "โครมมมมม ตรูมมมม บรึมมมมมม ป้ากกกก โครมมมมม" เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วเมืองลูทาเอล จนกระทั่ง....  กองกำลังป้องกันตนเองมาถึงแล้ว โดยมาทั้งกองกำลังภาคพื้นและกองรบโมบิลทรูปเปอร์ไว้ "กองทหารมาแล้วละ" เบทชอนตนหนึ่งกล่าว โดยที่พวกทหารรีบลงจากรถเกราะด้วยอาวุธหนักครบมือ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วววววว ฟิ้ววววว ฟิ้วววววว" และประเดิมด้วยการกระหน่ำยิงใส่พวกลูนาสตี้อย่างหนักหน่วง "พวกมันคงจะไม่รอดกันแล้วกระ...." ทหารคนหนึ่งกล่าวโดยเตรียมยิงปืนเลเซอร์ แต่... "ปุ้ โพละ" ไม่ทันไรหัวก็ถูกเป่ากระจุยไปอย่างจังๆ ตามด้วย "เปรี้ยงงงง ป้างงงงงง โปร้งงงงง" ทหารคนต่อมาถูกยิงเข้าที่ตาซ้ายจนหัวแหว่งไปอย่างจังๆ คนที่สามถูกยิงจนแขนขวากระจุยก่อนที่จะเหนี่ยวไกยิงปืนกลหนัก คนที่สี่หนักสุด ถูกยิงกรอกปากจนหัวกระจุยไปเต็มๆ โดยฝีมือของนักรบสาวผมตั้งในชุดเกราะขาวที่ใช้ปืนยาวยิงทิ้งจากยอดตึกปรากฎตัวออกมาให้เห็น โดยเธอรีบวิ่งออกไปจากตำแหน่งเดิมอย่างรวดเร็ว
              "พวกมันมีสไนเปอร์อยู่ คอปเตอร์ ยิงพวกมันไปซะ" หัวหน้าทหารกล่าว
              "รับทราบแล้วครับ" ทหารนักบินคอปเตอร์จู่โจมจำนวน 50 ลำบุกเข้ามา และจัดการล็อกเป้านักรบหญิงคนนั้น แต่... "แชดดด ตรูมมมมมมม" คอปเตอร์เครื่องนั้นถูกเลเซอร์ยิงจากยอดตึกระยะไกล 15 เมตรจนระเบิด จากนั้นก็.... "แชดดด แชดดด แชดดด แชดดด แชดดด" เลเซอร์สีขาวถูกยิงจากยอดตึกสูงโดยที่พวกทหารไม่สามารถมองเห็นได้จนระเบิดไปอย่างรวดเร็ว เหลือคอปเตอร์เพียงแค่ 12 ลำเท่านั้น "มิไซล์ระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้า ยิง" นักบินใช้จรวดพิเศษที่ตั้งใจจะใช้ยิงสยบเครซเดรทเข้าใส่หอสูงประจำเมืองจน "เปรี้ยงงงงง เปรี้ยะๆๆๆๆๆ" เกิดระเบิดสปาร์คขึ้นที่ยอดตึก ซึ่งได้ทำให้.... "ครืดดดดดดด" พวกเบทชอนปรากฎตัวขึ้นมาพร้อมกับปืนยาวสีดำที่มีรางเหล็กคู่อยู่ข้างในลำกล้องไว้
              "พวกมันส่งสไนเปอร์ล่องหนขึ้นบนยอดตึกในจังหวะที่เกิดชุลมุนกันอยู่นะครับ" นักบินกล่าว แต่ไม่ทันไรก็.... "ป้างงงงง ป้างงงงง เปรี้ยงงง บรึมมมม" ถูกนักรบหญิงผมตั้งยิงด้วยปืนยาวจนคอปเตอร์ระเบิดไป และพวกเบทชอนที่เหลือก็ระดมยิงใส่คอปเตอร์จนร่วงลงมาระเบิดใส่ตึก ร่วงลงถนน สะพานลอย สถานีรถไฟลอยฟ้า สถานีรถไฟใต้ดินจนพังวินาศสันตะโรไปกันทั้งหมด แม้กระทั่งพวกทหารที่อยู่เบื้องล่างก็พลอยโดนลูกหลงตาม
              "ขอกำลังหนุนมาโดยด่วนเลย" หัวหน้าทหารกล่าว
              ทหารรายงาน "แย่แล้วละครับ กองหนุนของพวกเรานั้น..." ในจังหวะที่นักรบหญิงเล่นงานพวกคอปเตอร์นั้น.... "โครมมมมม ตรูมมมม ป้ากก อั้กก อ้ากกกก" พวกกองหนุนที่ถูกเรียกตัวมาก็โดนพวกลูนาสตี้อีกกลุ่มโจมตีเข้าอย่างหนักหน่วง เซนเครูทเข้าเล่นงานพวกทหารเดินเท้าติดอาวุธด้วยสนับมือมีด เกรมฮอร์ทกระโดดเข้าทำลายรถยานเกราะจนพังไป โดยที่รถดับเพลิงแห่แหนกันมาเพื่อช่วยดับไฟจากคอปเตอร์ที่ร่วงลงมา "ตึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" นักรบหลังค่อมขุนค้อนบุกเข้ามายังรถดับเพลิงแล้วก็ "หวับบบบ ป้ากกกก" หวดค้อนทุบใส่รถดับเพลิงจนบุบครึ่งคันตรงกลางและระเบิดไปเต็มๆ ตามด้วย "โว้ววววว" นักรบหลังค่อมขุนค้อนคำรามในจังหวะที่รถเกราะของทหารพุ่งเข้ามา แล้วก็.... "ป้ากกกก" ฟาดค้อนทุบด้านหน้ารถเกราะอัดก็อปปี้พลขับจนหน้าอกยุบถึงหัวใจและปอดตายคาที่ไปพร้อมกับรถเกราะที่ปลิวข้ามหัวของเขาไป เหล่าทหารในชุดเกราะเสริมพลังขนาดใหญ่เลยบุกเข้ามาด้วยกำปั้นยักษ์ แต่... "ก้องงง" กำปั้นยักษ์กลับทำอะไรท่อนแขนที่ห่อหุ้มด้วยปลอกแขนขดเหล็กอันแวววาวไม่ได้อย่างเดียว แต่ยัง... "เปรี้ยงงงง" ใช้ท่อนแขนฟาดอัดเข้ากับเกราะเสริมพลังจนแรงปะทะนั้นเข้าถึงตัวคนใส่ไปเต็มๆ แม้เกราะนั้นจะเป็นเกราะทำด้วยเหล็กกล้าก็ตาม "ฟ้าววว โครมมมม" จนทำให้ทหารชุดเกราะหนักตัวปลิวไปอัดกับรถประจำทางจนบุบหักครึ่งไปอย่างจังๆ แล้วก็ "ตรึงงงง โครมมมม" กระทืบพื้นด้วยเท้าเดียวจนพวกสวมชุดเกราะตัวปลิวขึ้นกลางอากาศ ทั้งๆที่เกราะที่ใส่นั้นหนักถึง 160 กิโลกรัมก็ตาม และตกเป็นเป้าให้.... "ป้ากกก เปรี้ยงงงง โครมมมม" นักรบหลังค่อมอัปเปอร์คัตและหวดค้อนเสยขึ้นอัดส่งทหารชุดเกราะทั้งสามปลิวขึ้นฟ้าไปให้พวกเบทชอนที่อยู่ยอดตึกสอยทิ้งร่วงไป ที่เหลือนั้น... "ฟ้าวววว หมับๆๆๆ ป้ากก โครมมมม" โดนเซนเครูทและเกรมฮอร์ทบุกเข้ารุมสกัมกันอย่างหนักหน่วง
              "ฟ้าวววว ฟ้าววว ฟ้าวววว" โมบิลทรูปเปอร์มัคซ์ออน 25 เครื่องและสตรัลทรอน 30 เครื่องของหน่วยที่ 41 มาสมทบกับกองรบโมบิลทรูปเปอร์ของเขตเมืองลูทาเอลเข้าจู่โจมพวกเครซเดรทที่แห่กันมาเพียงแค่ 15 เครื่อง ซึ่งก็.... "แชดดด แชดดด แชดดด" "ป้ากก เปรี้ยงงง ตรูมๆๆๆๆๆ" ยิงเลเซอร์ขาวเข้าทำลายพวกการ์ดฟิลด์และลิชกิซชนิดที่ไม่ให้ฝ่ายกองกำลังป้องกันตัวเองโต้ตอบไปได้เลย "ผู้ฝูง พวกมันเล่นแรงกับพวกเราแล้วละครับ" นักบินกล่าวกับนาวาอากาศตรีฟอสเตอร์ ซึ่งควบคุมสตรัลทรอนไนโตร ที่ทาสีบอดี้เป็นสีแดง ประทับธงชาติสหรัฐอเมริกาตรงหัวไหล่ซ้าย ธงชาติไทยตรงด้านขวา พร้อมระบุเป็นภาษาไทยว่า "ชั่วโมงบิน 40,000 ชั่วโมงไม่มีร่วง" แม้จะมีสติ้กเกอร์ต่อท้ายด้านล่างว่า "ทะยานซิ่งแต่ไม่แอบแซง" "รักไนโตรต้องรอ 9 โมง" "ฟอสเตอร์แน่ทุกสถาบัน" "สนับสนุนโดย ยันฮีทคอร์เปเรชั่น" และอีกหลายประโยคพร้อมสติ้กเกอร์โฆษณาอีกนับสิบเอาไว้ก็ตาม แต่นักบินเครื่องนี้ซีเรียสกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
              "ใช่ ถ้าขนาดในเมืองมันยังเล่นแรงขนาดนี้ แต่เราไม่ยอมให้พวกมันลงมาซ้ำเติมกันได้หรอก" แล้วก็เปิดฉากโจมตีด้วย "แชดดดด" "ป้ากกกก" ปืนพลาสม่ากำลังสูงเข้าใส่หัวไหล่ของเครซเดรทด้านขวาระเบิดไป แต่มันยังบินได้ต่อแม้เหมือนมันจะร่วงลงไปหลังถูกยิงแล้วก็ตาม
              "ผู้ฝูงสอยมันร่วงแล้วละ" นักบินคนหนึ่งกล่าว
              ฟอสเตอร์บอก "ยัง ยังวางใจตอนนี้ไม่ได้หรอก พวกมันโดนแค่นี้ไม่เสร็จง่ายๆกันแน่ๆ หลอกล่อพวกนั้นให้ออกนอกเขตเมืองเดียวนี้เลย" แล้วฟอสเตอร์ก็โจมตีด้วย "ฟิ้วๆๆๆ" ป้อมมิไซล์ที่ติดบนหัวไหล่อันหนาของสตรัลทรอนไนตรัลไว้ เข้าใส่พวกเครซเดรทอย่างจังๆ แต่พวกมันนอกจากจะไม่เป็นไรแล้ว ยังบุกโจมตีเข้าใส่พวกโมบิลทรูปเปอร์กันอย่างรวดเร็วด้วยปืนเลเซอร์ขาวกันด้วย
              "ลงไปเลยสิฟะ" ฝูงบินมัคซ์ออนบุกเข้ากราดปืนกลหนักเข้าใส่เครซเดรท แต่นอกจากจะทำอะไรไม่ได้แล้ว "ฟ้าววว โครมมมมม" ยังถูกมันชกจนเป่าคอกพิตหลุดจากลำตัวพร้อมกับนักบินที่ถูกหมัดอัดปะทะไปจนแดดิ้นกันด้วย ซึ่งที่เหลือก็โดนฟาดฟันด้วยดาบแสงตามไปด้วย ไม่เพียงเท่านั้น สตรัลทรอนเครื่องอื่นๆพยายามโจมตีด้วยบาซูก้า แต่... "แชดดด ป้ากกกก" ก็ถูกยิงจนระเบิดแหลกกลางอากาศไป ฟอสเตอร์เลยบุกเข้าใส่ด้วย... "ฉั้วะ" ดาบยาวเหล็กสีเงินเข้าตัดขาของเครซเดรทจนขาดสะบั้นลง แล้วก็ยิงซ้ำด้วยปืนพลาสม่าในระยะเผาขนจนเป่าระเบิดไป แต่มันก็ระเบิดแรงกว่าที่ฟอสเตอร์คิดจนยอดนักบินหนีออกมาแทบไม่ทัน พร้อมกับยิงมิไซล์เข้าใส่เครซเดรทอีกสองเครื่องที่กำลังเล่นงานสตรัลทรอน 4 เครื่องไว้ แต่พวกมันก็หันกลับมายิงเลเซอร์จากหน้าผากทำลายมิไซล์เล็กทิ้งไปหมด
    "เหวอออ ว้ากกกกก" นักบินสตรัลทรอนถูกเครซเดรทชกด้วยหมัดคาคอกพิตและถีบกระเด็นไปทะลุตึกจนตึกสูงถล่มลงมา โดยร่วงลงมายัง "โครมมมมมม" เขตเมืองที่เหล่าคนลึกลับหลบซ่อนกันอยู่ด้วย
              "ที่นี้ไม่ปลอดภัยเสียแล้วสิ" ชายคนที่สองกล่าว
              เบย์แทนด์กล่าว "ใช่ และนักบินคนนั้นคงไม่รอดกันแล้วละ เพราะถูกหุ่นเหล่านั้นจัดการไปพร้อมกับคนอื่นๆด้วยน่ะ" ซึ่งเบย์แทนด์พูดมาตรง เพราะสตรัลทรอนอีก 3 เครื่องถูกเครซเดรทใช้ดาบแสงฟาดฟันจนตัวขาดและระเบิดกลางอากาศไป
              "กองหนุนจากแอฟริกาใต้มาถึงหรือยังละ" ฟอสเตอร์กล่าว
              นักบินหญิงบอก "พันเอกเดอโรเลสกำลังจะมาถึงแล้วละคะ" โดยตอนนี้ กองรบโมบิลทรูเปอร์ของแอฟริกาซึ่งมีการ์ดฟิลด์ 40 เครื่อง ลิชกิซ 60 เครื่อง คอนทรัสโต้อีก 30 เครื่องบุกมาจากทางตอนใต้มุ่งหน้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ก็.... "ฟ้าวววว ฟ้าววว ฟ้าวววว ฟ้าวววว" เครซเดรทอีก 15 ตัวบุกเข้ามาพร้อมกับ "แชดดด แชดด แชดด แชดดด" ระดมยิงปืนแสงพลาสม่าขาวเข้าถล่มกองรบของวิลเลี่ยม เดอโรเลสกันอย่างยกใหญ่
              "ไอ้พวกแมนิเกเตอร์จากดวงจันทร์ ฉันไม่ยอมให้พวกแกทำซ่าไปได้หรอก" วิลเลี่ยมกล่าวพร้อมกับระดมยิงอาวุธพลังพลาสม่าขึ้นฟ้า แต่... "ปร้างงง เปร้งงง แปร้งงงง ปร้างงงง" เครซเดรทใช้บาเรียต้านทานเอาไว้พร้อมกับยิงสวนด้วยปืนแสงพลาสม่าขาวลงพื้นพร้อมกับลากเข้าทำลายกองรบไปชุดหนึ่ง "ฟิ้วๆๆๆๆๆ" ลิชกิซระดมยิงโฮมิงค์มิไซล์เข้าใส่ แต่นอกจากจะไม่ทำอันตรายแล้ว ยังโดนสวนกลับด้วยกระสุนแสงขนาดใหญ่ที่ยิงลงมาด้วย
              "ผู้พันครับ ถ้าขืนเป็นแบบนี้พวกเราคงจะ..." ทหารกล่าว
              วิลเลี่ยมบอก "หนอยยยย นี้พวกเราทำอะไรไอ้พวกแมนิเกเตอร์จากดวงจันทร์ไม่ได้เลย...."
              "ป้ากกกกก ตรูมมมมม" เครซเดรทเครื่องหนึ่งถูกยิงเข้าด้านข้างจนแขนขวาถือปืนระเบิดไปอย่างจังๆ ทหารสื่อสารรายงาน "เรดาห์ตรวจจับสัญญาณโมบิลลอยด์ได้แล้วคะ เป็นเครื่องของพวกโคเคสนะคะ" วิลเลี่ยมกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ "โอ้ว กะแล้วว่ามันต้องมาจนได้เลยน่ะ" โดยในตอนนี้ เมทัลแล็กซ์ของโคเคสประเดิมโจมตีด้วยบาซูก้าสองอัน "ตรุ้ง ตรุ้ง ตรุ้ง ตรุ้ง" "ตูม บรึมมม บรึมมม ตูม" ซึ่งเป่าระเบิดใส่เครซเดรทกันอย่างหนักหน่วง เมทัลแล็กซ์กระหน่ำยิงมิไซล์นำวิถีเข้าใส่พวกเครซเดรท แต่ผลที่ได้มานั้นเหมือนเช่นเดิม บาเรียคุ้มครองโมบิลลอยด์ของลูนาสตี้ไว้ และพวกมันก็เตรียมจะยิงใส่ "แชดดดดดด แชดดด" การ์เซนท์ยิงปืนใหญ่สองกระบอกที่ประทับหลังเข้า "ป้ากกกก ตรูมมมม" เป่าระเบิดตรงคอกพิตไปเต็มๆจนทำให้ฝาครอบตรงส่วนหน้าอกระเบิดร่วงลงมา เผยให้เห็นเซนเครูทควบคุมอยู่
              "ไอ้สวมหน้ากากมันควบคุมเองนะหรือ ลงไปเลย" วิลเลี่ยมส่องยิงด้วยปืนยาวไร้แรงสะท้อนเข้า "ป้ากกกก ตรูมมมม" สังหารเซนเครูทอย่างสายฟ้าแลบก่อนที่พรรคพวกจะมาช่วยไว้ได้ทัน
              "ยิงได้สวยดีนิ" โคเคสกล่าว
              วิลเลี่ยมพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งดูถูกเล็กน้อย "ไม่ต้องมาแอบชมหรอก เพราะฉันไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากอดีตซุปเปอร์โซลเยอร์จอมลังเลอย่างนายและพวกกันด้วยน่ะ" แต่เครซเดรทตัวหนึ่งบุกเข้ามาจากข้างหลัง โคเคสเลยใช้ปืนยาวพลังงานกำลังสูงยิงลำแสงสีขาวที่ห่อหุ้มเลเซอร์สีน้ำเงินจน "ป้ากกกก ตรูมมมม" เป่าขาซ้ายของเครซเดรทจนระเบิดไป โดยที่กองรบการ์เซนท์และเมทัลแล็กซ์ระดมยิงอาวุธหนักขึ้นฟ้าสกัดกั้นไม่ให้พวกเครซเดรทโต้ตอบไปได้ แล้วก็รีบหลบการโจมตีด้วยปืนพลาสม่าขาวกัน แม้จะมีถูกยิงไปสองเครื่องก็ตาม "แล้วเพื่อนแมนิเกเตอร์ตัวเอ้ของนายไปไหนซะละ"
              "นายลืมไปแล้วหรือ ว่าฟอสเตอร์และหน่วยยังปฏิบัติภารกิจกันอยู่น่ะ" โคเคสกล่าว
              วิลเลี่ยมนึกขึ้นมาได้ว่าฟอสเตอร์กำลังมีปัญหากันอยู่ ซึ่งในเวลานี้ "แชดดดด แชดดดดด" "ป้ากกกก เปรี้ยงงง" เครซเดรทสามเครื่องถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่พลังงานกำลังสูงจากการ์เซนท์จำนวน 16 เครื่องและเมทัลแล็กซ์ 9 เครื่องซึ่งยิงบาซูก้าถล่มใส่เครซเดรทที่ป้องกันด้วยสนามพลังไว้ ส่วนพวกพีวิลนั้น... "นายกับสเปียริทและคลอเวฟรับมือกับพวกลูนาสตี้ไปพร้อมกับกองรบเมคทรูปเปอร์กันก่อน ฉันจะคุมกองรบโมบิลลอยด์รับมือกับพวกโมบิลลอยด์บินได้นี้เองแหละ" มาสวาร์ทาร์กล่าวโดยขึ้นมาควบคุมการ์เซนท์แทนสเปียริทที่ลงจากหุ่นไปแล้ว โดยที่รถหุ้มเกราะขนกำลังพลนั้นนำพวกเมคทรูปเปอร์ออกมากันหมด
              "นายกับพวกเองก็ระวังตัวด้วยละ" พีวิลกล่าว แล้วรีบพาพวกมุ่งหน้าเข้าเมืองไปในทันที มาสวาร์ทาร์จึงต้องควบคุมการ์เซนท์นำทีมโมบิลลอยด์ต่อกรกับพวกลูนาสตี้ที่ควบคุมเครซเดรทไว้
              "นาวาอากาศตรีฟอสเตอร์ พวกเรามาช่วยกันแล้วละ" โดยตอนนี้มาสวาร์ทาร์สั่งยิงปืนใหญ่ลำแสงเข้าใส่พวกเครซเดรทไว้
              "นึกว่าใคร สหายของปีเตอร์เองสิน่ะ แล้วตอนนี้อดีตร้อยเอกละ" ฟอสเตอร์บอกโดยช่วยฝูงมัคซ์ออนและสตรัลทรอนระดมสอยเครซเดรทไป
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "พาพวกเข้าคลี่คลายสถานการณ์กันอยู่น่ะ ว่าแต่ ดาบที่ใช้นิ โครมเมทาเลี่ยมหรือเปล่า"
              "เปล่าเลย ดาบที่ใช้นั้นน่ะ คือเหล็กไหลรหัสฮอนกฮูก ซึ่งผ่านการตีมาจากโรงงานเหล็กที่อารัญญิกขึ้นโดยเฉพาะ ตัวดาบคมกริบยิ่งกว่าดาบฟ้าฟื้นของขุนแผนถึง 150 เท่าด้วยกันน่ะ" ฟอสเตอร์บอกโดยใช้ดาบโต้ตอบดาบพลังพลาสม่าขาวจนสับแขนและหัวขาด แล้วก็ถีบซ้ำเหมือนที่พวกมันทำกับลูกทีมของฟอสเตอร์ไว้
              "จะบอกว่า ดาบบ้านฝั่งแม่คุณนั้น ดีกว่าดาบมุรามาสะกับเอ็กซ์คาลิเบอร์กันอย่างงั้นสิ แม้ว่าบ้านแม่คุณยังประหยัดพลังงานจนสนามพลังอยู่ทนมาได้เป็นสิบๆปีกันก็ตามน่ะ" มาสวาร์ทาร์ส่องยิงเครซเดรทเข้าที่กลางหลังจนทำให้แบ็คแพ็คเสียพลังและ "ตรูมมมม" ระเบิดกลางอากาศแบบรุนแรงขึ้นมา
              "ยิงระวังหน่อย ตะกี้นี้เกือบเดี้ยงเพราะดันไปอยู่ใกล้จนตอนนี้สติ้กเกอร์ที่ลูกน้องแกล้งมาติดไหม้ไปเกือบหมดแล้วน่ะ"
              "ใช่ โมบิลลอยด์เหล่านั้นมีพลังการทำลายที่รุนแรงไม่ว่าจะยังอยู่หรือถูกสอยร่วงไปเลยก็ตามน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าวโดยควบคุมการ์เซนท์ให้เลี้ยวหลบโดยเร็ว

              ในเวลาเดียวกันที่.... "ฟ้าวววววว โครมมมมม" เซนเครูทที่กำลังไล่ต้อนชาวเมือง ซึ่งตอนนี้ตำรวจและทหารถูกฆ่าตายไปแล้ว แต่ก็ถูกเป่ากระจุยกระจายไปโดยฝีมือของพีวิลนี้เอง "พวกคุณรีบหนีไปเดียวนี้เถอะ เร็วเข้าสิ" พีวิลกล่าวพร้อมกับ "หวับบบบบ" เซนเครูทกระโจนเข้ามาด้วยสนับมือติดมีดที่มีส่วนแหลมอยู่ตรงโก่งเข้าใส่พีวิล แต่พีวิลหลบได้ และ... "เปรี้ยงงงงง" ชกใส่หน้าเซนเครูทไปเต็มๆจนตัวปลิวไปอัดกับรถที่จอดอยู่อย่างจังๆ พร้อมกับ "ฟ้าววววว เปรี้ยงงงง" กระโจนเข้าชกใส่เซนเครูทอีกตัวอย่างจังๆ โดยที่พวกมันอีกสามตนกระโดดขึ้นสูงและทิ้งตัวลงมาด้วยการโดดถีบ แต่พีวิลกระโดดถอยหลังและ... "ฟ้าวววว ตรูมมมม" ซัดเอนเนอจี้โบลท์ลูกเดียวให้เป่าระเบิดอัดใส่เซนเครูทที่ทิ้งดิ่งลงมาจนลงไปกระเด็นกระดอนไป แต่อีก 5 ตัวบุกเข้ามา "ฟ้าวววว ฟ้าวววว ป้ากกก โครมมมม ปังๆๆๆๆๆๆๆ" เมคทรูปเปอร์ของกลุ่มกบฎเข้าชกอัดใส่เซนเครูทจนล้มไปสอง อีกสามนั้นโดนกราดยิงด้วยปืนกลหนักจนล้มลง เปิดโอกาสให้ชาวเมืองรีบวิ่งหนีกันไปโดยเร็ว
              "ย้า..." สเปียริทกระโดดเข้ามายิงธนูแฟลชแอร์โรวเข้าใส่เบทชอนที่วิ่งไล่ชาวเมืองอยู่จนเบทชอนถูกยิงไป 2 คนด้วยกัน แล้วก็... "หวับบบ ฉั้วะ ฉั้วะ ฉับบบบ" เข้าฟาดฟันใส่เบทชอนที่ตามหลังมาด้วยคมหอก โดยที่เบทชอนอีกตัวบุกเข้ามาจากข้างหลังก็โดนสเปียริทแทงสวนกลับแล้วก็ "ย้า" จับทุ่มข้ามหัวไปอัดกับพวกเดียวกันอีก 4 คนจนร่วง "ฟึ่บบบบบบ" เบทชอนพุ่งเข้าใช้ฝ่ามือขวาฟาดลงมา ซึ่งสเปียริทรีบเอี้ยวหลบออกมา แต่รถจักรยานยนต์ที่อยู่ด้านหลังเธอนั้น "ฉับบบบบ โครมมมม" กลับถูกผ่าขาดครึ่งไปด้วยหนึ่งฝ่ามือของเบทชอนเข้า บางตัวก็บุกเข้าใช้ดรรชนีทิ้มใส่รถประจำทางซึ่งมีพวกเด็กๆอยู่ในนั้น จนพวกเด็กๆกลัวอย่างมาก "ฟึ่บบบบ ก้องงงง" เบทชอนตัวนั้นฟาดฝ่ามือขวาเข้าใส่สเปียริทซึ่งเธอยกโลห์ที่แขนซ้ายมาป้องกัน ซึ่งฝ่ามือของเบทชอนกลับทำอะไรโลห์ของสเปียริทไม่ได้เลย เปิดโอกาสให้ "ย้า" สเปียริทสวนกลับด้วยการแทงและเหวี่ยงทุ่มไปอัดใส่เบทชอนที่กำลังจะฆ่าพวกเด็กๆ แล้วก็ "ย้า..." กระโจนเข้าแทงใส่พวกเบทชอนจนร่วงลงไป โดยที่พวกเมคทรูปเปอร์เข้ามากู้สถานการณ์ไว้ "พาเด็กๆหนีออกไปก่อน และระวังมือของพวกนี้ด้วย มันคมมากพอที่จะกรีดรถให้ขาดได้น่ะ" สเปียริทกล่าว พวกทหารชุดหุ่นเลยต้องเปิดประตูฉุกเฉินออกพร้อมกับช่วยพาเด็กๆออกไป ซึ่งสเปียริทรีบเข้ามาช่วยคุ้มกันด้วยการยิงเลเซอร์กระจายเข้าใส่เบทชอนที่แห่แหนกันมาจนร่วงไปด้วย
              "พี่สาว ขอบคุณมากนะคะ" เด็กหญิงผมเปียกล่าวก่อนที่พวกทหารกบฎจะพาพวกเด็กๆไปหลบในที่ปลอดภัย โดยที่ส่วนหนึ่งนั้น "กร้องงง เกร้งงง" ใช้โลห์มาป้องกันการโจมตีของเบทชอนพร้อมกับใช้ปืนเลเซอร์ยิงใส่พวกนั้นจนร่วงไป
              "วอร์ชิฟดรอป" คลอเวฟพุ่งเข้ากระโดดถีบใส่เกรมฮอร์ทจนล้มกลิ้ง แต่พวกมันก็กระโดดเข้ามา "โครมมมม โครมมมม ครามมมม" กระทืบพื้นจนพื้นถนนยุบเป็นหลุมลึก ซึ่งคลอเวฟรีบใช้บูสเตอร์ไฮโดรฟอสพาตัวเองหนีออกมาแล้วก็ "วอเตอร์เวฟ" ซัดคลื่นพลังน้ำอัดใส่เกรมฮอร์ทให้ชะงักไปทั้งสามตัว แล้วก็ "จ้ากกกกกก" กระโดดเข้าใช้แองเกอร์แอ็คซ์ที่ดึงจากหัวไหล่ซ้ายเข้า "ฉั้วะ ฉับบ ฉึกกกก" ฟาดฟันเข้าที่คอ แขนและเฉาะหัวไปเต็มๆ "โครมมมมม ตรึงงง" แต่คลอเวฟได้ยินเสียงของเกรมฮอร์ทที่ยกรถเกราะของหน่วยปราบจราจลขึ้นมาแล้วก็ทุ่มใส่ "ก้องงงงง หวับบบบบ ฟ้าววววว โครมมมม" แต่คลอเวฟเข้ารับไว้และทุ่มกลับคืนเจ้าของไปเต็มๆ "วี้ววว วี้ววววว โครมๆๆๆ" แต่รถอีกสี่คันถูกทุ่มเข้าใส่คลอเวฟโดยเกรมฮอร์ท 4 ตัวไป ซึ่งพวกมันก็กระโดดขึ้นหมายจะกระทืบ "ซูมมมม" คลอเวฟใช้บูสเตอร์ทะยานขึ้นมาตรงหน้าพวกเกรมฮอร์ทและ "เอาทุเรียนไปกินซะสิฟะ" หวดทุเรียนเหล็กล้มเกรมฮอร์ทสี่ตัวให้ร่วงลงพื้นไป แล้วก็ลงมากระทืบเกรมฮอร์ทเข้าตรงหน้าอกซ้ำไปเต็มแรง "โว้ววววว" เกรมฮอร์ทบุกเข้าใช้มือเปล่าชกใส่คลอเวฟ "ป้ากกก โครมมมม" จนกระเด็นไปอัดกับรถบรรทุกน้ำอัดลมและน้ำชาเขียวจนตู้บรรทุกพังและผลิตภัณฑ์เสียหายไป "อู้ยยยย มึงทำหน้ากูชาและซ่าไปพร้อมกันเลยวะ" คลอเวฟเจ็บที่หน้าเพราะโดนต่อยไปอย่างจังๆแถมยังโดนน้ำอัดลมและน้ำชาเขียวหกราดใส่ไปอีก แต่เกรมฮอร์ทกระโจนเข้ามาด้วยการชกซ้ำ "ฉึกกกกก" คลอเวฟแทงส่วนแหลมของแองเกอร์แอ็กซ์เข้าที่ท้องของเกรมฮอร์ทและจับฟาดกับพื้นไปเต็มๆ จนตัวมันกระเด็นขึ้นมาและ... "หมับบบ ควับๆๆๆๆ ฟ้าวววว เปรี้ยงงง" จับตรงข้อเท้าอันใหญ่โตทั้งสองข้างและเหวี่ยงไปอัดกับพวกพ้องของมันที่กระโจนเข้ามาจนล้มกลิ้งไปเต็มๆ "บ้าเอ้ย พวกนี้มันเหนียวเป็นบ้าเลยวะ" คลอเวฟกล่าว ซึ่งตอนนี้เมคทรูปเปอร์ส่วนหนึ่งเข้ามาช่วยกันแล้ว
              "ความเร็วของพวกเกราะขาวปลอดนั้นไวกว่าเมดลิคซ์เสียอีกน่ะ" สเปียริทกล่าว
              พีวิลโดดเข้ามาสมทบกับสเปียริทและคลอเวฟ โดยที่ในมือถือเอนเนอจี้ร็อดไปแล้ว "ลิ้วล้อของลูนาสตี้ร้ายกาจกว่าแบบนี้ สมแล้วที่เป็นกองรบอันน่ากลัวจากดวงจันทร์กันน่ะ" ไม่ทันไร ตัวขุนค้อนและนักรบปืนยาวก็ลงมาตรงหน้า

              "นั้นไง ขุนพลของพวกลูนาสตี้โผล่มาจนได้น่ะ" สเปียริทเอ่ยอย่างไม่สู้ดี
              "ลักษณะแบบนี้ มัน...คุ้นๆเลยน่ะ" พีวิลกล่าวเหมือนจะคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นสองขุนพลนี้จากไหน
              คลอเวฟเลยพูดตัดบทไปว่า "ช่างประไรกันละ พีวิล ต่อให้สองตัวนี้โผล่ เราก็ต้องบดขยี้มันให้ราบคาบกันอยู่แล้วละน่า"
              "แน่ใจนักหรือจ๊ะ" เสียงของจีเนฟาร์รี่กล่าว โดยเธอยืนอยู่บนแท่นลอยทรงกลมเอาไว้
              สเปียริทบอก "จีเนฟาร์รี่ นี้เธอเป็นคนสั่งไอ้พวกลูนาสตี้ให้บุกรุกเมืองแห่งนี้เลยสิน่ะ"
              "ถูกแล้วละ สเปียริท และคงจะลำบากไม่น้อยละสิ ที่ต้องสู้กับพวกศัตรูจากอวกาศที่เธอไม่เคยเผชิญหน้ามากันน่ะ" จีเนฟาร์รี่บอก "แต่ก็ดีแล้ว เพราะว่าฉันมานี้กะจะมาเซอร์ไพรส์ใครบางคนกันด้วยน่ะ"
              คลอเวฟบอก "เซอร์ไพรส์ของแกมีแต่ดีๆทั้งนั้น เหอะ แต่เซอร์ไพรส์มากกว่านี้ ถ้าแกร่วงหัวทิ้มลงพื้นกันน่ะ"
              "หึ ใครกันแน่ละยะ ที่จะหัวทิ้มลงพื้น แต่ คนที่ควรทิ้มลงพื้น น่าจะเป็น หัตถ์เพลิงสีน้ำเงินซะมากกว่ากระมั่ง" จีเนฟาร์รี่ชี้พัดมาที่พีวิล
              สเปียริทกล่าว "อย่าโง่ไปเลยดีกว่าน่า จีเนฟาร์รี่ พีวิลน่ะหรือจะหัวทิ้มลงพื้นไปได้กันน่ะ ไม่มีทางกันหรอก"
              "ง้านหรือ หึๆๆๆๆ ว่าแต่ คุณสุภาพบุรุษตัวโต พอจะทักทายให้คนรู้จักที่อยู่ตรงโน่นได้ยินสักหน่อยมั้ยละ" จีเนฟาร์รี่กล่าว
              ขุนค้อนบอก "เจอกันจนได้น่ะ พีท ไม่นึกเลยว่า นายยังยืนอยู่ตรงนี้กันได้เลยน่ะ"
              "!!!!!!" พีวิลได้ฟังก็ตกใจไม่น้อย สเปียริทที่เห็นและได้ยินก็ตะคอกใส่ "สะ เสียงนั้น....จีเนฟาร์รี่ เธอทำบ้าอะไรของเธอกันน่ะ"
              จีเนฟาร์รี่บอก "ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยน่า หากแค่คนที่ทำนั้น ก็คือเทคไครด์เองนะจ๊ะ"
              "เทคไครด์ที่ว่านิ หมายถึงนางพญาจันทราของพวกลูนาสตี้อย่างงั้นนะหรือ" คลอเวฟกล่าว
              พีวิลบอก "....เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ แมนิเกเตอร์ปริศนาที่สังหารพวกคุณทั้งสองคนในป่าเขี้ยวเสือหลังจากที่คาวาดันและหน่วยจู่โจมไล่ล่าถูกโค่นลงไปกันนั้น ไม่ใช่พวกอีเนอไมนด์หรือพวกแอตแลนไทซ์ที่น่าจะมาเอาเรื่องคลอเวฟกัน แต่เป็นพวกลูนาสตี้ ซึ่งถูกส่งมาเพื่อกำจัดหน่วยที่ 54 และพวกบีสทอยด์เสือลง แล้วก็...ดึงพวกคุณกลับมาจากหลุมอย่างงั้นสิน่ะ รุ่นพี่สตีฟ"
              "หึๆๆๆๆ เดาเก่งดีนิ พีท ไม่สิ พีวิล ที่หัวไวพอที่จะรู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดกับเรากันไม่วันหนึ่งนี้แหละ หึๆๆๆ" ขุนค้อนกล่าวและถอดหมวกออก เผยหน้าของสตีฟ แวนเซน ซึ่งตอนนี้มีแถบเหล็กฝังหมุดสองอันติดอยู่ตรงเสกกลางไว้ "ดูเหมือนว่า ฉันกับโฟร์น่าจะเป็นเหมือนกับนายเสียแล้วะ ช่าย เป็นแมนิเกเตอร์เหมือนกันนี้แหละ" แล้วนักรบหญิงอีกคนก็ถอดหน้ากากออก เผยใบหน้าของโฟรน่า แลงครูท ซึ่งปอยผมข้างขวาตกลงมาปกตรงส่วนตาที่มีแสงขึ้น บ่งชี้ถึงดวงตาของเธอเป็นคาเมร่าอายที่อยู่ตรงตาขวาไว้
              "รุ่นพี่โฟร์น่าก็ด้วยนะหรือ... ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่ามันต้องเป็นแบบนี้เข้าจนได้เลยน่ะ" พีวิลกล่าวด้วยความเจ็บแค้น โดยที่มือกำด้ามเอนเนอจี้ร็อดไว้แน่นๆ
    ต่อช่วงที่สองเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×