ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga Titan Savior

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 การทดสอบของทศภารดรเทพ ครั้งที่สอง การปะทะของดาบและหมัด ช่วงแรก

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 63


              ณ.พระราชวังราซาคาเลส ดาวแรซัลก้า ระบบเจเนซิล ปีจักรวรรดิ์ที่ 20
              "แง้ แง...... แง......" สเปียริทในสถานะของเจ้าหญิงแอสเซนวัย 2 ชันษาร้องไห้อยู่ที่ลานน้ำพุกลางพระราชวัง โดยมีเสียงร้องไล่ "ไปให้พ้นเลย ยัยตัวซวย" เสียงขององค์หญิงเรลโลเซนดังขึ้น
              ตามด้วยองค์หญิงแคมิเรน "พวกเราไม่เล่นกับเธอหรอกน่ะ"
              "ต่อให้เธอเป็นน้องสาวของเรา แต่เธอนำพาเหตุร้ายเข้ามาเช่นนี้ เราไม่อยากซวยตามเธอหรอก" องค์หญิงคลอวูเดนกล่าว ทั้งสามมีพระชันมายุ 10 ชันษา โดยองค์หญิง 10 เดินมา "ป้ากกก" ใช้นิ้วชี้จิ้มให้แอสเซนน้อยล้มและ "แง้ ท่านพี่ใจร้าย แง......" ร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม
              "ตึก ตึก ตึก" องค์หญิงอาชเชอเรน ผู้เป็นพี่สาวองค์รองในวัย 10 ชันษาเดินเข้ามา "เออ เจ้าพี่หญิงรอง" แคมิเรนกล่าวอย่างหวาดกลัว เมื่ออาชเชอเรนเดินมาใกล้กับแอสเซน
              "ขอโทษแอสเซนเดียวนี้" อาชเชอเรนกล่าว
              "..........ขอ โทษนะ แอสเซน" คลอวูเดนกล่าวแบบขอไปที อาชเชอเรนไม่พูด แต่จ้องด้วยสายตาที่แหลมคม จนองคหญิงสิบเกิดครั้นครามกัน และรีบพาน้องสาวอีกสองเดินไปทันที จากนั้น อาชเชอเรนเดินมาหาแอสเซน
              "จะ เจ้าพี่หญิงรอง พี่คงจะโกรธหรือเกลียดหนูเหมือนกับพวกพี่ทั้งสามเลยสิคะ" แอสเซนกล่าวพลางร้องไห้ไปด้วย
              "อย่าร้องไห้สิ แอสเซนน้องรัก" อาชเชอเรนก้มลงในท่านั่งยองและกล่าวปลอบใจต่อน้องสาวองค์เล็กผู้นี้ จากนั้นก็เอามือลูบบนหัวของแอสเซนเบาๆ "เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ก็เป็นแค่เหตุร้ายที่อยู่สองฝั่งทวีป ซึ่งมันเกิดพร้อมเพียงกัน จนมีคนเหมารวมเรื่องนี้ด้วยความเข้าใจผิด เหมือนที่พวกคลอวูเดนคิดอยู่ด้วย ซึ่งพี่มิได้คิดตามสักหน่อยน่ะ"
              แอสเซนน้อยกล่าว "แปลว่าพี่ยังเห็นหนูเป็นน้อง เป็นส่วนหนึ่งของพวกพี่ใหญ่ด้วยใช่มั้ยละคะ"
              "ถึงเธอจะเกิดหลังพวกเราไปแปดปี แต่....การที่เธอเกิดมาจากท้องท่านแม่โอเวอร์เรส เท่ากับว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราด้วยนะจ๊ะ" อาชเชอเรนกล่าว แม้เธอไม่ก้มให้แอสเซนเห็นหน้าท่อนล่างเลยก็ตาม แอสเซนน้อยพยักหน้าและปาดน้ำตาออก
              "เจ้าพี่หญิงรอง ขอบคุณมากคะ ที่ยังเป็นห่วงเป็นใยหนูอยู่สิคะ" จากนั้นก็พยายามเขย่งเพื่อมองหน้า "เออ ว่าแต่ ปากของพี่เป็นอะไรไปละคะ ทำไมถึงต้องปิดอยู่ตลอดเวลาน่ะ"
              "อ่า พี่ไม่มีคำตอบให้นะ" อาชเชอเรนบอก แล้วลุกขึ้นเพื่อเดินออกไป
              แอสเซนน้อยกล่าว "พี่ยิ่งปิด หนูยิ่งอยากจะรู้เข้าไปใหญ่นะคะ ท่านพี่อาชเชอเรน"

              ณ.ศาลสูง นครหลวงไทแทนัส ปีจักรวรรดิ์ที่ 34
              "ท่านโคคูเดนคะ ฉันขอให้ท่านตัดสินคดีนี้ใหม่นะคะ" แอสเซนในช่วงวัยรุ่นเดินมาบอกกับโคคูเดน หลังจากที่การพิจารณาคดีจบลง
              ซึ่งโคคูเดนหันมากล่าวว่า "ถ้าจะคุย ก็ให้มาคุยในห้องจะดีกว่า"
              "......." แอสเซนได้ฟังก็ตามโคคูเดนมาที่ห้องทำงาน แล้วก็พูดด้วยความไม่พอใจว่า "นี้เป็นครั้งที่ 5 แล้วนะคะ ที่ท่านพี่สามตัดสินโทษคนมารับผิดแทนคนร้ายตัวจริงกัน ทั้งๆที่ฉันเสนอหลักฐานยืนยันคนผิดไว้แล้วน่ะ"
              โคคูเดนให้เหตุผลว่า "หลักฐานที่เธอนำมานั้น อาจจะมีคนสร้างขึ้นมาใส่ความผู้ต้องสงสัยกัน อีกอย่าง ในเมื่อมีคนร้ายสารภาพ ก็เท่ากับว่าเราได้ข้อสรุปกัน ไม่จำเป็นต้องไต่สวนเพิ่มเติมกันอีกน่ะ"
              "แต่พี่เป็นคนร่างกฎหมายเองนะคะ อยู่ๆพี่มาด่วนตัดสินเช่นนี้ มันไม่ยุติธรรมต่อผู้รับผิดแทนคนร้ายตัวจริงเลยนะคะ" แอสเซนบอก
              โคคูเดนกล่าว "กฎหมายบางครั้งมันต้องมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ต่อให้มันไม่ยุติธรรมสำหรับบางคนก็ตาม ถ้าเพื่อให้เรื่องมันจบลงเสียแต่บัดนี้ เพื่อมิให้เรื่องมันยืดยาวไปเหมือนในอดีตน่ะ"
              "เหมือนที่พี่ส่งอดีตผู้พิพากษาให้รับผิดชอบในข้อหาที่เขาไม่ได้ก่อนะหรือ....นับวัน พี่จะลำเอียงเข้าข้างคนผิดแล้วนะคะ" แอสเซนกล่าว
              โคคูเดนบอก "แอสเซน เธอกำลังจะใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินใจกัน ซึ่งในความคิดของพี่นั้น เธอยังเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้จักโต และไม่ยอมรับในความเป็นจริงที่ว่า เธอไม่มีทางเปลี่ยนแปลงจักรวรรดิ์ที่เป็นอยู่นี้กันได้หรอกน่ะ" แอสเซนได้ฟังก็หน้าบึ้งตึงแต่ก็ไม่พูดอะไรมาก ส่วนโคคูเดนคิดในใจ "พี่ไม่ยอมให้เธอมาขวางแผนการโค่นล้มสภาขุนนางจากภายในได้หรอกน่ะ เพราะถ้าเธอให้การตัดสินโทษเป็นไปตามกระบวนการ ย่อมหมายถึงการเรียกร้องให้รื้อฟื้นคดีเก่าต้องเกิดขึ้นแน่นอน"

              หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา ที่สำนักงานของกองกำลังพิทักษ์แห่งแรซัลก้า ในนครหลวงไทแทนัส
              "จะให้ฉันอนุมัติการสร้างสถานพยาบาลสำหรับชุมชนนอกนครหลวงนะหรือ" เรฟีเทนกล่าวต่อแอสเซน ซึ่งเสนอความคิดมาว่า "คะ จากการที่ฉันออกไปนอกเมืองนั้น ฉันได้เห็นว่า ชุมชนนอกนครหลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมู่บ้านตามภูมิภาคที่อยู่นอกเขตเมือง ยังขาดสถานพยาบาล ซึ่งสำคัญมากต่อเขตชุมชนที่การรักษายังเข้าไปไม่ถึง นอกจากนี้ เขตชุมชนรอบนอกส่วนมากเกิดเหตุร้ายขึ้นไม่น้อย จำเป็นต้องมีกลุ่มช่วยเหลือจำนวนมากไปช่วยในยามคับขันด้วยนะคะ"
              "อืมมมมมมม บอกตามตรงน่ะ ว่านี้เป็นไอเดียที่เข้าท่ามาก เพราะฉันได้รับคำร้องเรียนเรื่องเหตุร้ายที่อยู่นอกพระนครกันก็ตาม" เรฟีเทนบอก แอสเซนซึ่งยิ้มในทีแรก กลับต้องหน้าบึ้ง เพราะ.... "หากแต่.....ฉันไม่สามารถทำเช่นนั้นได้นะสิ"
              แอสเซนถาม "ท่านมีเหตุผลอะไรที่ทำเช่นนั้นไม่ได้ละคะ"
              "เธอคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่ากองกำลังพิทักษ์นี้ ลำพังความรับผิดชอบในเมืองมันมีเยอะมากพอแล้ว ซึ่งงบประมาณที่ได้รับมานั้น มันไม่มากพอที่จะสร้างสถานพยาบาลให้กับทุกชุมชน หรือถึงสร้างอยู่ในพื้นที่ใกล้กับหลายชุมชนได้ มันก็เกินกำลังบุคลากร เครื่องไม้เครื่องมือ ทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้อยู่ดีน่ะ" เรฟีเทนบอก "ที่สำคัญ พี่ก็ขยายขอบเขตกองพิทักษ์ส่วนที่อยู่รอบนอกนครหลวงเอาไว้แล้ว ซึ่งนั้นก็มากพอที่จะช่วยเหลือชุมชนเหล่านั้นได้น่ะ"
              แอสเซนบอก "แล้วถ้าเกิดว่าพวกเขามาไม่ทันการณ์เลยละคะ ชุมชนเหล่านั้น จำต้องมีหน่วยย่อยไว้รองรับผู้ประสบภัยทั้งหลาย ก่อนที่คนของท่านจะมาถึงเลยน่ะ ที่สำคัญ ท่านเองก็น่าจะรับบุคลากรหน้าใหม่ๆมาเพิ่มก็ได้นิคะ"
              "พี่เชื่อว่ามันไม่เกิดเรื่องตามที่เธอคาดการณ์กันจริงๆหรอกนะ แอสเซน อีกอย่าง บุคลากรหน้าใหม่เองแม้จะผ่านการฝึกฝนและมีความรู้ความสามารถจริง แต่ก็ไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะรับกับความกดดันจากชาวบ้านรอบนอกที่มีอยู่เยอะกันได้หรอกน่ะ" เรฟีเทนกล่าว แอสเซนหน้าบึ้งตึงขึ้นมา โดยฟังองค์ชายห้ากล่าว "แม้พี่จะไม่ชอบเลยก็ตาม แต่....พี่เสียใจจริงๆ ที่ต้องทำให้เธอผิดหวังกันน่ะ แอสเซนน้องรัก"
              แอสเซนกำหมัดแน่นๆ "เจ้าพี่เรฟีเทน...."

              เวลาผ่านไป ที่พระราชวังราซาคาเลส ปีจักรวรรดิ์ที่ 40 7 เดือนก่อนจะเกิดมหาสงครามบนโลก
            "แอสเซน!!!!!!" โคคูเดนตะโกนใส่แอสเซน ซึ่งนั่งอ่านหนังสือ หลังจากที่จิบชาบนโต๊ะเล็กใกล้กับสวน โดยที่เธอปักหอกสเปียริทแลนเซอร์ไว้ใกล้ๆ
              "ท่านโคคูเดน ท่านเรฟีเทน พูดเสียงดังใส่สุภาพสตรีเช่นนี้ มันเสียมารยาทมากๆนะคะ" แอสเซนพูดด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว
              "......เอาตราผู้แทนกลุ่มของเราคืนมาเดียวนี้เลย" โคคูเดนบอก แอสเซนหยี่ตามองโคคูเดน แล้วก็ "พึ่บบบ แกร็ก" วางป้ายทองประทับตรารูปมงกุฎมีดาวสิบดวงลายล้อมลงตรงหน้า พร้อมกับใช้นิ้วดันมาทางโคคูเดน โดยกล่าวไปว่า "เจ้ารู้มั้ย ว่าเจ้าทำอะไรลงไปกันน่ะ"
              แอสเซนบอก "ท่านคงได้เห็นสิ่งที่ข้าทำแล้วละสิ"
              "เจ้าไม่เพียงใช้อำนาจของตัวแทนของพวกเราไปก่อเรื่องต่อพวกชนชั้นสูงทั้งหลายเหล่ เข้าไปยุ่งกับกระบวนการทำงานของหน่วยงานแต่ละหน่วยงานกันไม่ว่า เจ้ากล้ารื้อฟื้นทุกคดีที่ฉันตัดสิน ลงโทษคนผิดทั้งหลายด้วยโทษร้ายแรงอย่างหนักหนาไปไม่น้อย ทั้งๆที่ควรจะเอาไปจำคุก มากกว่าเอาไปขังลืมและขังนอกดาวด้วยโทษเป็นร้อยปีเลยน่ะ" โคคูเดนกล่าว
              แอสเซนบอก "คนที่ท่านปล่อยให้รอดจากกระบวนการตัดสินนั้น สมควรได้รับโทษมากกว่าผู้บริสุทธิ์ที่ถูกปรักปรำและรับผิดแทนเป็นหลายเท่า เฉกเช่นเดียวกับท่านผู้พิพากษาดรอบไบน์ที่ตอนนี้ ได้รับการปล่อยตัวด้วยความบริสุทธิ์ พร้อมกับคนผิดที่ถูกตัดสินโทษตามสมควรแล้วละคะ"
              "แต่นั้นทำให้เคราซไซท์ หัวหน้าสภาขุนนางรอดตัวจากความผิดที่เขาโกงกินจักรวรรดิ์ของเราได้น่ะ แอสเซน นั้นแหละคือเหตุผลที่พี่ไม่อยากให้เธอเข้ามายุ่งน่ะ" โคคูเดนบอก
              แอสเซนกล่าว "เพราะว่าท่านคิดว่าฉันขวางงานของท่านเหมือนกับพวกพี่ตนอื่นๆเลยสิคะ นั้นก็สมควรแล้ว ที่ท่านกล้าปิดบังฉัน รวมถึงแคไรน์ ที่โกรธฉันในเรื่องนี้มา 5-6 ปีแล้วน่ะ"
              "นอกเหนือจากงานของพี่สามแล้วนิ เจ้ากล้าปลุกปั่นชาวบ้านในชุมชนรอบนอกพระนครให้สู้รบกับพวกเฮซเทิร์ซร่วมกันกับเจ้า โดยไม่รอการมาของกองกำลังพิทักษ์ จนทำให้พวกเขารวมตัวกันต่อต้านอำนาจของจักรวรรดิ์กันไม่ว่า เจ้ายังสร้างศูนย์พยาบาลขนาดใหญ่ให้กับชุมชนนับร้อย ซึ่งเจ้าไม่เพียงเกณฑ์ทั้งหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวนมาก ที่อยู่ในเมืองแต่แรก และเป็นบุคลากรหน้าใหม่ที่เตรียมส่งไปประจำการที่เมืองอื่นเข้ามา จนทำให้ทรัพยากรตั้งแต่เครื่องมือแพทย์ ยารักษาโรค และปัจจัยอื่นๆที่อยู่ในเมืองพร่องอย่างรวดเร็ว เพียงเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านรอบนอกที่มีเยอะเกินกว่าศูนย์เดียวจะรับได้นั้น เจ้ากำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับนครหลวงเลยนะ" เรฟีเทนบอก
              แอสเซนกล่าว "ข้าทำไป เพื่อปกป้องชาวบ้านทั้งหลายที่อยู่นอกเขตควบคุมของท่านให้รอดพ้นจากเหตุร้าย ที่พวกท่านกับพวกมองข้าม จนพวกเขารอดชีวิตกลับมาได้ทั้งหมดนะคะ"
              "แต่ชาวเมืองส่วนมากที่บาดเจ็บล้มตายจากอุบัติเหตุภายในเมืองละ ต่อให้เจ้าเพิ่มหน่วยย่อยในนครหลวงและเมืองอื่นๆให้เยอะขึ้นเป็นสิบเท่า เพื่อขยายความช่วยเหลือให้มากขึ้น แต่ก็ทำให้หน่วยทั้งหลายแย่งกันทำงานเช่นนี้ มันเข้าข่ายสร้างความปั่นป่วนกัน ซึ่งมันรวมถึงเหตุไฟไหม้ที่โรงละครของคลอวูเดนที่เจ้าไปก่อเรื่องกันน่ะ" เรฟีเทนบอก
              แอสเซนบอก "ข้าแค่สั่งสอนให้พวกเขารู้ว่า โรงละครของคลอวูเดนมันดีแค่เปลือก แต่เนื้อในนั้นมาจากการกลั้นแกล้งคณะละครอื่นๆให้เสียหาย จนมีบางกลุ่มต้องฆ่าตัวตายกันเช่นนี้ พวกเขาควรจะได้รู้ถึงความเจ็บปวดของชาวบ้านที่ท่านกับพวกมองข้ามความช่วยเหลือเลยน่ะ"
              "ต่อให้พวกเราอยากจะช่วยเหมือนกับที่เจ้าต้องการ เพราะพวกเราเป็นบุตรแห่งเทพก็ตาม แต่.....พวกเราไม่มีทางช่วยพวกเขาได้หมดหรอกน่ะ" เรฟีเทนบอก
              โคคูเดนกล่าว "อีกอย่าง เจ้าเองก็พ่ายแพ้ต่อพวกเราในการทดสอบกันเช่นนี้ เรายิ่งอยากจะจองจำเจ้าให้อยู่ที่นี้มากกว่าที่เจ้าตัดสินโทษคนผิดเสียด้วยซ้ำ"
              "ถ้าเช่นนั้น ข้าก็อยากจะสู้กับท่านทั้งสองเพื่อจะไปจากที่นี้อยู่ดีนะคะ เพราะต่อให้ท่านกดข้าลงไปมากแค่ไหน ท่านกับพวกไม่มีทางขวางข้าให้เป็นอิสระ จากดาวบ้านเกิดที่พวกท่านกับเจ้าพี่ใหญ่ปกป้องด้วยความเห็นแก่ตัวไม่ได้หรอกคะ" แอสเซนกล่าว พร้อมกับหยิบหอกของเธอมา
              "นี้เจ้ากล้าเป็นศัตรูกับพวกเรา ถึงขั้นอยากจะอยู่เหนือพวกเราละสิ" โคคูเดนกล่าว
              "ท่านโคคูเดน ท่านเป็นพี่ลำดับที่ 3 รองจากเจ้าพี่รองไซมาเทนและเจ้าพี่ใหญ่คิโคเดนกัน ส่วนข้า ซึ่งเกิดเป็นลำดับสุดท้ายนั้น ต่อให้ฆ่าพวกท่านตาย ข้าก็คงเป็นลำดับสุดท้ายอยู่ดี ซึ่ง.....ข้ายอมรับในสถานะของข้าดีแล้ว" แอสเซนบอก "หากแต่....ด้วยลำดับที่พวกท่านเป็นนั้น คงเป็นอีกเหตุผลที่พวกท่านปฏิเสธคำแนะนำของข้า เพื่อมิให้พวกท่านเสียงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อสร้างอาณาจักรของพวกท่าน แยกตัวจากเจ้าพี่ใหญ่ละสิคะ" พี่ชายทั้งสองชะงักไปพักหนึ่ง
              เรฟีเทนกล่าว "เจ้าคงได้ยินที่พวกเราพูดคุยกันละสิ"
              "ถึงข้าไม่ได้ยินที่พวกท่านคุยมา ข้าก็อนุมานเรื่องทั้งหมดได้อยู่ดี" แอสเซนกล่าว "พวกท่านก็รู้ดี ว่าเจ้าพี่ใหญ่เป็นแมนิเกเตอร์ที่แข็งแกร่งและทรงพลังมากที่สุด อีกทั้งมีสถานะเป็นผู้นำลำดับถัดไป หากท่านแม่สละบัลลังก์ ซึ่งนั้นหมายถึง เจ้าพี่ใหญ่จะครองบัลลังก์ปกครองแรซัลก้าและระบบเจเนซิลได้ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ หรืออาจจะเป็นศตวรรษเลยก็ได้ ถ้าพี่ใหญ่ไร้เทียมทานและไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเป็นอุปสรรค ซึ่งพวกท่านคงรอให้เจ้าพี่ใหญ่สละบัลลังก์ไม่ได้แน่ๆ อย่าว่าแต่ข้าเลย เรลโลเซนเองก็คงหัวหงอกก่อนจะได้ขึ้นบัลลังก์จักรพรรดิ์กัน ถ้าพวกท่านไม่รีบสถาปนาอาณาจักรของพวกท่านขึ้นมา ซึ่งต้องใช้เงินทุนไม่น้อยและการสนับสนุนจากผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะ....กลุ่มชนชั้นสูงที่พวกท่านถือหางช่วยเป็นแรงหนุน ซึ่งพวกท่านคงจะอ้างกับพี่ใหญ่ ว่าการสร้างอาณาจักรใหม่นั้นเพื่อสนับสนุนจักรวรรดิ์ให้เข้มแข็งกว่าเดิมสิคะ"
              โคคูเดนบอก "สมแล้วที่เจ้ารู้เรื่องนี้ และเจ้าก็ทำลายแผนการของเราละสิ"
              "แถมเจ้ายังสร้างความปั่นป่วนให้กับแรซัลก้าเช่นนี้ เจ้าสมควรจะได้รับโทษกันแล้วละ" เรฟีเทนบอก
              แอสเซนกล่าว "ข้าแค่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับแรซัลก้า ด้วยการนำพาความถูกต้องที่แท้จริง รวมถึงให้สิทธิและความเสมอภาคแก่ชาวซัลคาเลี่ยนส่วนมาก เพื่อให้จักรวรรดิ์ที่เจ้าพี่ใหญ่จะปกครอง เจ้าพี่รองและพวกท่านได้ปกป้องกลับมาสงบสุขกันนะคะ"
              "ด้วยการให้ประชาชนส่วนมากลุกฮือมาต่อต้านพวกเรา ถึงขั้นประกาศตนเป็นอิสระ ไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจจักรวรรดิ์ ถึงขั้นโค่นล้มพวกเราและขึ้นมาปกครองแทนนะหรือ ที่เจ้าทำนั้น คือหายนะตรงตามที่ราคาชูเมลพยากรณ์ไว้ชัดๆ" โคคูเดนบอก
              แอสเซนกล่าว "ข้าอาจจะทำเช่นนั้นจริงตามที่เขาว่ามา หากแต่.....ที่แรซัลก้าเป็นเช่นนี้ เพราะพวกท่านไม่รับผิดชอบอย่างจริงจังและทำเพื่อตนเองซะมากกว่า" แล้วก็บอก "อีกอย่าง ข้าไม่ได้คิดที่จะฆ่าท่านพ่อท่านแม่และนำพาจักรวรรดิ์ไปสู่ความล่มจมกันจริงๆ และไม่คิดที่จะทรยศต่อแผ่นดินเกิดกันด้วย เพราะข้ามองว่า พวกท่านต่างหากละที่ตรงตามคำพยากรณ์กันน่ะ"
              "แล้วถ้าเจ้าทำเช่นนั้นจริง คิดหรือว่าเจ้าจะกล้าโอหังแบบนี้อีกน่ะ เพราะถึงตอนนั้น พวกเราจะไม่ปราณีเจ้าอีกเลยน่ะ" โคคูเดนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว จนแอสเซนสะดุ้งขึ้น เช่นเดียวกับสเปียริทที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ในยามตีสาม ที่เรือนรับรองของหมู่บ้านโฟรเทรดิล แคสเซรอน-4
              "ความฝันแบบนี้ แม้ไม่อยากจะจำ แต่มันก็เหมือนจริงมากเลยน่ะ" สเปียริทกล่าว

    TriVeser Manigator Saga:The Titan Savior
    ตอนที่ 2 การทดสอบของทศภารดรเทพ ครั้งที่สอง การปะทะของดาบและ
    หมัด

              ที่ยานชั้นลาบัลย่า ลานซ้อมต่อสู้ในยาน
              "กร้องงงง กร้องงงง กร้องงงง กร้องงงง" โคคูเดนยืนหวดตะบองสู้กับสเปซไนท์ ทั้งแบบอัคเทนที่มีผิวกายสีฟ้า มีเขายาวบนหน้าผาก กับพวกออคไซน์ ซึ่งมีผิวกายสีเขียวแก่และมีเขี้ยวตรงมุมปาก ดาหน้ามาพร้อมกับค้อนใหญ่ที่ฟาดมาอย่างหนักหน่วง "ฮ่า" โคคูเดนหมุนตัวเหวี่ยงตะบองเข้า "ป้ากๆๆๆ" ปัดพวกสเปซไนท์ทั้งสี่ให้ล้มลง ในเวลาเดียวกันกับ "เคร้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เรฟีเทนถือกระบี่ยาวฟันโต้ตอบสเปซไนท์ตนหนึ่งที่ถือดาบคมเดียวกวาดแกว่งอย่างบ้าคลั่ง โดยที่ตนปัดป้องอย่างใจเย็นตลอดเวลา จน "เคร้งงงงง" เรฟีเทนจ้วงแทงใส่สเปซไนท์ผู้นั้นให้ล้ม "ผมทำไม่ดีตรงไหนละครับ ท่านลอร์ดเรฟีเทน" นักรบชายชาวซัลคาเลี่ยนถอดหมวกออกและถามอย่างหวาดกลัว
              เรฟีเทนบอก "ถึงเจ้าจะใช้ดาบที่มีลักษณะกับคู่ต่อสู้ได้จริง แต่เพลงดาบที่ฟาดฟันมามันไม่ใช่ก็เท่านั้นเอง"
              "หากแต่ ผมพยายามจะเลียนแบบท่วงท่าเพลงดาบของผู้กล้าอาทรัลเตอร์ให้สมบูรณ์มากเลยนะครับ" นักรบชายกล่าว
              เรฟีเทนส่ายหน้า "ถึงกระนั้น คู่ต่อสู้ที่ฉันต้องเจอ ใช้เพลงดาบที่ต่างไปจากนี้ ถึงจะฝึกต่อ ก็คงไม่ได้อะไรมาอยู่ดีนี้แหละ"
              "เจ้าพี่สาม เจ้าพี่ห้า จะให้ผมหาสเปซไนท์ตนอื่น หรือให้พวกเมคครอทมาฝึก...." แมคเคลเลนกล่าว
              โคคูเดนหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้า ".....สเปซไนท์ที่ฝึกมานั้น มีพละกำลังมากพอที่จะจู่โจมพวกเราได้แรงกันก็จริง" จากนั้นก็วางลงถาด ซึ่งอัศวินสเปซไนท์ตนอื่นรีบรับและเดินออกไป ".....แต่ความเร็วไม่ตรงกับคู่ต่อสู้อย่างเบรซซิ่งแฮนด์พีวิล ฝึกไปก็ไม่มีความหมายเลยน่ะ"
              "แต่มันก็ยากนะครับ เจ้าพี่สาม ที่จะหานักรบที่ตรงสเปคที่ท่าน และเจ้าพี่ห้าต้องการน่ะ" แมคเคลเลนบอก "ขนาดมีข้อมูลที่ได้จากพวกเมทาลอยด์เลเจี้ยน ซึ่งช่วยอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมจนรู้ว่า ทั้งพีวิลและมาสวาร์ทาร์ พัฒนาขีดความสามารถไปจากเดิมถึง 81 เปอร์เซนต์ด้วยกัน ก็ไม่ได้ช่วยให้การฝึกของพวกท่านราบรื่นไปได้น่ะ"
              เรฟีเทนบอก "ท่านแม่ทัพโอลดาธเคยเลียนแบบวิชาเพลงดาบของยอดผู้กล้าอาทรัลเตอร์มาสมบูรณ์กันแล้ว หากแต่....เพลงดาบของดาบมือหนึ่ง คาตานะลอร์ดนั้น มันมีแพทเทิร์นที่ต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะใช้วิชาดาบที่ยอดผู้กล้าอาทรัลเตอร์มาบ้าง ฉันจึงไม่ควรจะประมาทฝ่ายตรงข้ามเลยน่ะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกคลอวูเดนเสียท่าให้กับสหายของแอสเซนเลยสิครับ" แมคเคลเลนกล่าว
              โคคูเดนพยักหน้า "ตอนนี้ เจ้าพี่ใหญ่เลือกฉันกับเรฟีเทนให้เป็นกลุ่มที่สองกัน พวกเราต้องพิถีพิถันเรื่องการฝึกให้มากขึ้น ต่อให้เรารู้ข้อมูลของทั้งคู่แล้วก็ตามน่ะ"
              "ผมไม่แปลกใจหรอกนะครับ นับตั้งแต่ พวกท่านรู้เรื่องที่ท่านแอสเซนยังไม่ตาย และโผล่มาตรงหน้าเจ้าพี่ห้ากับเจ้าพี่เจ็ดที่ดาวโวริลน่ะ" แมคเคลเลนกล่าว โดยนึกถึงช่วงหลังการรบกับพวกเฮซเทิร์ซเมื่อครึ่งปี จากการกำชัยชนะพวกศัตรูทีเดียวแปดดาวในวันเดียว
              "อะไรเนี้ย นี้เป็นการเล่นกลหรือไง อดีตมนุษย์แขนโตถึงโผล่มาถีบไอ้ต่างดาวและช่วยยัยแอสเซนได้ทันเลยน่ะ" คลอวูเดนกล่าว โดยเห็นภาพพีวิลพุ่งต่อยใส่ต่างดาวมอนคาเพคซ์ที่เป็นสมาชิกพวกกรัมสกิซ โจรสลัดอวกาศทรงอิทธิพลของเขตอวกาศภาคกลางช่วยสเปียริทจากการถูกปองร้ายมาได้
              "นั้นสิ สงสัยอดีตมนุษย์นั้นหายตัวและโผล่มากันแน่ๆเลยละ" เรลโลเซนกล่าว
              เรฟีเทนส่ายหน้า "อดีตมนุษย์ผู้นั้นไม่ได้หายตัวหรอก หากแต่....เขาพุ่งมาด้วยความเร็วสูงมาก จนตามองไม่ทันในชั่วขณะหนึ่งต่างหากละ แม้ความเร็วมันจะเหนือกว่าพวกสโทรเพธสายความเร็ว แต่เกินอัตราของอดีตมนุษย์ไปมากก็ตามน่ะ"
              "นายนั้นเร็ว แต่แขนโตนิ มันไม่สมดุลย์อย่างเห็นได้ชัดเลยนะ เจ้าพี่ห้า" แคมิเรนแย้ง
              อาชเชอเรนบอก "แต่การที่เขาพุ่งเข้ามาช่วยแอสเซนพร้อมกับจู่โจมฝ่ายตรงข้ามให้ล้ม แม้ส่วนแขนและมือจะขนาดต่างกับขนาดตัวปกติ อีกทั้งยังเป็นอดีตมนุษย์ด้วยนั้น แสดงว่าท่านพ่อสร้างยอดนักรบที่แข็งแกร่งบนโลกจนสำเร็จแล้วน่ะ" และหันมาถาม "แมคเคลเลน อดีตมนุษย์ผู้ที่รบเคียงข้างแอสเซน มีชื่อเสียงเรียงนามยังไงละ"
              "จากข้อมูลที่เจ้าพี่รองได้จาก......ขุนพลครองคอร์ด สมุนหัวแหลมผู้ชาญฉลาดมากที่สุดของท่านพ่อนั้น อดีตมนุษย์ตนนี้คือ เบรซซิ่งแฮนด์พีวิล แมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์ของกองกำลังอีเนอไมนด์ ภายใต้การนำของแม่ทัพแพทรีออท ซึ่งเป็นอดีตมนุษย์พลังงานอีเนลเซี่ยมตนแรกที่ท่านพ่อและขุนพลครองคอร์ดสร้างขึ้นมา โดยพีวิล แต่เดิม คือปีเตอร์ แอนเดอร์สัน เป็นนายทหารมนุษย์มาจากอเมริกาเหนือ และเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังสหพันธ์โลกเดิมในช่วง 20 ปีที่ท่านพ่อยึดครองโลกอยู่ ตำแหน่งทางทหารขั้นล่าสุดที่ได้รับก่อนตาย คือยศร้อยเอก ทำงานอยู่ในกองทัพของมหาสหรัฐอเมริกาในการหยุดยั้งการคุกคามของอีเนอไมนด์ และสิ้นชีพคามือแพทรีออท ซึ่งนำมาคืนชีพจนกลายเป็นแมนิเกเตอร์กันน่ะ" แมคเคลเลนนำภาพของพีวิลตั้งแต่เป็นแมนิเกเตอร์และเป็นมนุษย์มาเปรียบเทียบ "หลังจากที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองรบอีเนอไมนด์ พีวิลทำงานภายใต้คำสั่งของแพทรีออทและครองคอร์ด ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยกองรบในการคุกคามพวกมนุษย์ ซึ่งเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขามาก่อน"
              โคคูเดนถาม "แล้วพีวิลเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านของแอคเมนโด้กันตอนไหนละ"
              "พีวิลมีท่าทีต่อต้าน จากการปฏิบัติการณ์กวาดล้างเขตชุมชนในอิสราเอล จนทำให้เขาสังหารพวกพ้องอีเนอไมนด์ทั้งทีมทิ้ง ส่งผลให้ครองคอร์ดส่งขุนพลตนหนึ่งจากครอสตรีมเข้ามาช่วยคุมพีวิล ซึ่งนั้นก็คือ....." แมคเคลเลนกล่าว และนำภาพของ "คาตานะลอร์ดเอชมาสวาร์ทาร์ ดาบมือหนึ่งแห่งครอสตรีม ยอดนักรบอดีตมนุษย์ที่ชาญฉลาดมากที่สุดของกองรบภายใต้การนำของโครเต้สไครเดอร์ แม่ทัพรุ่นสองสืบทอดตำแหน่งต่อจากผู้กล้าอาทรัลเตอร์ที่เป็นผู้ก่อตั้งรายแรก ซึ่งออกพเนจรสันโดษไปทั่วโลกกัน เดิมมาสวาร์ทาร์ เป็นนายทหารระดับสูงของสหราชอาณาจักร นาม มัตสึดะ คิริซาว่า เทมตัน...."
              คลอวูเดนบอก "มัตสด้า กิริซาด้า ชื่อหมอนี้อ่านยากมากเลยน่ะ"
              "ที่อ่านยากก็ไม่แปลก เพราะมาสวาร์ทาร์ เป็นลูกครึ่งอังกฤษและญี่ปุ่น พ่อคือท่านเซอร์เทมตัน นายทหารระดับสูงของกองทัพสหราชอาณาจักร แม่คือลูกสาวของปรมาจารย์ดาบสำนักคิริซาว่า สำนักดาบจากญี่ปุ่น ซึ่งด้วยความฉลาดรอบรู้จากบิดา และทักษะวิชาดาบจากผู้เป็นแม่และผู้เป็นอาจารย์ตานั้น ทำให้มัตสึดะเป็นยอดนักดาบอัจฉริยะผู้เก่งกาจด้านการวางแผนยุทธการและการรบ ที่หาตัวจับยากที่สุด จนครองคอร์ดเลือกให้เขาเป็นยอดนักรบของครอสตรีมในเวลาต่อมา โดยที่ผู้กล้าอาทรัลเตอร์ฝึกฝนเขาด้วยศาสตร์เพลงดาบให้กับมัตสึดะ จนได้นามมาสวาร์ทาร์กันในเวลาต่อมา" แมคเคลเลนกล่าว
              เรฟีเทนบอก "และสมญาดาบมือหนึ่งนั้น คงมาจากความสามารถด้านการวางแผนยุทธการและมีทักษะเพลงดาบที่เหนือชั้น จากการฝึกตอนเป็นมนุษย์และฝึกกับอาทรัลเตอร์ละสิ"
              "นายนั้นมันเลียนแบบเจ้าพี่ห้ากันชัดๆเลยน่ะ" เรลโลเซนสบถ
              เรฟีเทนถาม "แล้วดาบมือหนึ่งผู้นี้ ยังภักดีต่อขุนพลครองคอร์ดและท่านพ่ออยู่หรือเปล่าละ"
              "เกรงว่า ดาบมือหนึ่งนี้แหละ ที่เป็นผู้แปรพักตร์และทรยศต่อกองรบของท่านพ่อแล้วนะครับ" แมคเคลเลนบอก "ตามข้อมูลที่ว่ามา ดาบมือหนึ่งพยายามเบรคคำสั่งยิงพลาสม่าแคนน่อนพิสัยไกลเพื่อทำลายเรือรบที่เขาเห็นว่ามีคนอยู่ ซึ่งเขาคิดว่า เรือนั้นขนดร.เดลวีแองนู ผู้ที่สร้างท่านพ่อไปด้วย แต่ขุนพลครองคอร์ดสั่งยิงทันทีจนเรืออัปปาง ส่งผลให้ดาบมือหนึ่งเกิดความไม่พอใจ จนไปร่วมมือกับกองรบของแอคเมนโด้ ซึ่งขอแยกตัวจากกองรบของท่านพ่อไปเป็นกองกำลังต่อต้านกัน โดยทำหน้าที่เป็นสายลับขายความเคลื่อนไหวให้กับฝ่ายกบฎ ให้รอดพ้นจากการไล่ล่าของพวกอีเนอไมนด์และแอตแลนไทซ์กัน แน่นอน ว่าเขา....ได้เข้าช่วยพีวิลให้ฟื้นคืนสติและช่วยกันบดขยี้พวกอีเนอไมนด์ในฐานอิสราเอล แล้วหนีไปอยู่กับพวกแอคเมนโด้ในเวลาต่อมานะครับ"
              ฟอสเซอเรนบอก "นั้นคงเป็นจุดเริ่มของการก่อกบฎของทั้งคู่เลยสิน่ะ"
              "แล้วแอสซี่ล่ะ" แอคเคนถาม
              แมคเคลเลนกล่าว "ตามข้อมูลที่ได้มา เห็นว่าแอสเซนบาดเจ็บสาหัสจากการสู้กับเจ้าพี่รอง จนเจ้าพี่ใหญ่ต้องพาเธอไปที่โลกเพื่อให้ท่านพ่อรักษาตัว หากแต่....จีเนฟารี่ นางสนมรับใช้ของแอสเซน สวมรอยเป็นองค์หญิงแทนแอสเซนด้วยการขโมยแหวนประจำตัวของเธอไป โดยทิ้งให้แอสเซนตายไปพร้อมกับยานโดยสาร หากแต่นักบินกลับควบคุมยานให้ลงจอดกลางซากยานบินในทะเลทรายของแอฟริกา เปิดระบบฟื้นตัวด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้แอสเซนฟื้นตัวและตื่นขึ้นมา เจอกับพีวิลและมาสวาร์ทาร์ที่หนีการไล่ล่าเข้ามา แล้วเดินทางไปด้วยกัน ซึ่งแอสเซนนอกจากสูญเสียแกนหัวใจครึ่งหนึ่งให้กับเจ้าพี่รอง เธอยังสูญเสียความจำในอดีตไป และใช้ชื่อสเปียริทเมดเดนออฟสเปียร์ ร่วมรบกับพีวิลและมาสวาร์ทาร์ รวมถึงกองกำลังกบฎของแอคเมนโด้กันนี้แหละ"
              "แสดงว่าแอสเซนได้พบเจอกับแมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์ทั้งสองที่เป็นผู้ก่อการต่อต้านต่อท่านพ่อเราสิน่ะ" ครอสเซอเรนบอก "แต่เธอคงจะเห็นทั้งสองเป็นเพื่อนและร่วมรบไปด้วยกันจนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งละสิ"
              แมคเคลเลนกล่าว "กับพีวิลนะใช่ แต่มิใช่กับมาสวาร์ทาร์ เพราะตามข้อมูลแล้ว มาสวาร์ทาร์มีความสัมพันธ์กับ....เอเดรียน เดลวีแองนู บุตรีของดร.อัลบาร์ค ผู้สร้างท่านพ่อเองนะ"
              "ยัยนี้นะหรือ เป็นลูกสาวของผู้ที่สร้างท่านพ่อ ยัยนี้ดูกระจอกมาก จนไม่น่าเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังต่อต้านที่ช่วยแอสเซนโค่นท่านพ่อ ท่านแม่ และเจ้าพี่รองเลยนิ" คลอวูเดนบอก
              แมคเคลเลนกล่าว "เธอเข้าร่วมในช่วงที่พวกเวเซอร์ ต่อกรกับพวกเวโนมิไนซ์กัน ซึ่งตามข้อมูล เธอกลายเป็นมิวแทนอยด์จากการระเบิดของเตาพลังงานในยานอาร์คแบบเดียวกับที่เราใช้อยู่ โดยทำหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุนของกองน่ะ"
              "ต่อให้กลายพันธุ์ แต่เรายังมองเธอว่ากระจอกอยู่ดีน่ะ" แคมิเรนกล่าว
              เรฟีเทนถาม "ถ้าให้เดาน่ะ หญิงผู้นี้รอดจากการยิงปืนใหญ่ของขุนพลครองคอร์ด และเป็นสาเหตุให้ดาบมือหนึ่งก่อการกบฎเลยสิน่ะ"
              "เจ้าพี่ห้านิเดามาถูกทางเลยนะครับ เพราะเขาต้องรับผิดชอบดูแลแมนิเกเตอร์หญิงผู้นี้ต่อไป แม้ว่าเธอจะอยู่ในกองรบเดียวกับเขาและมีส่วนร่วมสู้กับท่านแม่แล้วก็ตามนะครับ" แมคเคลเลนบอก
              แอคเคนถาม "แล้วไอ้ยศคาตานะลอร์ดนิ มันได้มายังไงวะ"
              "มาสวาร์ทาร์ได้สมญาว่าคาตานะลอร์ด จากการชนะการดวลกับโครเต้สไคร์เดอร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายสู้ด้วยดาบและร่างแปลงอันทรงพลังกันอย่างหนักหน่วง แม้โครเต้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่สุดท้าย มาสวาร์ทาร์คือผู้กำชัยชนะไป พร้อมกับสถานะคาตานะลอร์ด ซึ่งบ่งบอกถึงทักษะดาบที่ว่องไว แต่เด็ดขาดและแม่นยำ อันเป็นทักษะดาบเฉพาะตัวกันนะครับ" แมคเคลเลนบอก "แม้ว่าความสามารถในการวางแผนและการเป็นผู้นำนั้นจะทำให้เขาเป็นหัวหน้ากองรบเวเซอร์ ซึ่งแอสเซนเข้าร่วมด้วยในฐานะสมาชิกก่อตั้งก็ตาม แต่การรบกับพวกเดลอาเนี่ยนตามที่พี่ใหญ่และพวกทรอยอาร์เล่ามา มาสวาร์ทาร์สละตำแหน่งให้เนคเกอร์ มาสซั่มเป็นหัวหน้ากอง ตนเองเป็นรองหัวหน้าโดยมีพีวิลช่วยในฐานะรองหัวหน้าลำดับสองนะครับ"
              แคมิเรนบอก "แอสเซนคงหัวเสียละสิ ที่อดีตมนุษย์มือโตไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งจริงๆน่ะ"
              "นั้นสิ สำหรับพวกเรา อดีตมนุษย์เป็นแมนิเกเตอร์ที่เปราะบางและอายุสั้นเร็ว ต่อให้มีเตาพลังงานที่ให้พลังได้ตลอดเวลาก็ตามน่ะ" คลอวูเดนกล่าว
              เรลโลเซนบอก "แถมนายนั้นมีแขนโตเช่นนี้ คงอ่อนแอกว่ายัยแอสเซนแน่นอนน่ะ"

              "ฉันก็คิดเช่นนั้นน่ะ เรลโลเซน แต่จากข้อมูลที่พี่ใหญ่ให้มา มันไม่ใช่แล้วนะสิ" แมคเคลเลนกล่าว แล้วนำภาพการแข่งขันกีฬา
              "นี้คือภาพการแข่งขันไตรกีฬาของสมาพันธ์อวกาศเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งพวกไทรเวเซอร์เคยส่งคนเข้าร่วมการแข่งมาในช่วงที่พวกเดลอาเนี่ยนคุกคามระบบดาวของแอสเซนอยู่ และภาพนี้เป็นหลังจากศึกเดลอาเนี่ยนจบลงแล้วน่ะ" ซึ่งก็นำภาพที่พวกไทรเวเซอร์แข่งว่ายน้ำในทะเลของดาววาริดอล อันเป็นสถานที่จัดการแข่งขันกัน "เหลือเชื่อเลยนะครับ ว่าการแข่งขันในปีนี้ดุเดือดอย่างไม่น้อย นับตั้งแต่สมาชิกกองกำลังหัวหอกสี่รายแรกลงแข่งเมื่อปีที่แล้ว เพราะว่ามีตัวเตงม้ามืดสองรายกันแล้วครับ" โฆษกมนุษย์กล่าวโดยนำภาพ "ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า" สเปียริทว่ายน้ำแซงพวกอควาร็อค ชนเผ่าราศีกุมภ์ 1 ในกลุ่มต่างดาว 12 ราศีกันอยู่
              "แอสซี่ว่ายน้ำได้หรือวะเนี้ย" แอคเคนอุทาน
              แคมิเรนกล่าว "ตลกละ แอสเซนว่ายน้ำไม่เป็น ถึงว่ายได้ก็แค่ลูกแมวตกน้ำเช่นนี้ ไม่น่าว่ายได้เร็วหรอกน่ะ"
              "เออ อีกรายว่ายตามมาแล้วน่ะ" อาชเชอเรนบอก เมื่อเห็นภาพของ.... "ไม่น่าเชื่อเลยครับ ว่าบุรุษหมัดน้ำเงิน เบรซซิ่งแฮนด์พีวิล จะขึ้นแซงหัวหน้ากองอย่างเนคเกอร์ มาสซั่มและสตีฟ แวนเซน สองในสี่ผู้แข่งขันเมื่อปีที่แล้ว จนตามติดเอลซ่าสปีร่า เมดเดนออฟสเปียร์ที่ว่ายน้ำผู้แข่งขันอย่างโฟรน่า แลงครูทและลิเนียร์ตี้ไปได้" โฆษกมนุษย์พากย์การแข่ง ตั้งแต่การว่ายน้ำ ตามด้วย "ด้วยความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อขาที่แม้จะด้อยกว่าสตีฟ แวนเซน แต่พีวิลก็ปั่นนำจนสูสีกับเอลซ่าสปีร่า ทิ้งห่างเพื่อนร่วมทีมส่วนหนึ่งที่ลงแข่งจนกลายเป็น 2 ใน 20 อันดับแรกแล้วละครับ" โดยลำดับของสเตฟอร์ด โฟรซ่า เนคมาดูซัมและลิเนียร์ตี้อยู่ราวอันดับที่ 50 ลงไป
              "แอสเซนน่าจะปั่นจนโซ่หลุดจักรยานบ้างสิ" แคมิเรนแช่งแต่สเปียริทปั่นจักรยานมาถึงขั้นที่สาม นั้นคือการวิ่งมาราธอน เช่นเดียวกับพีวิลด้วย
              "คราวที่แล้ว กองกำลังหัวหอกติดขัดจนเข้าเส้นชัยเป็นลำดับท้าย จากการมีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้นกับเกรเบค ทิลเทอแรน แชมป์ไตรกีฬาหลายสมัยซ้อนเมื่อปีที่แล้ว แต่บัดนี้ การปะทะกันระหว่างแมนิเกเตอร์ไซบอร์คเหนือมนุษย์และแอนดรอยทรงพลังกลับมาอีกแล้ว เพราะพีวิลและสเปียริท ขึ้นนำเป็นสองอันดับแรกแล้ว ใครจะชนะกัน ระหว่างไซบอร์คบุรุษแขนโต และแอนดรอยจอมพลังสาวกัน พีวิลนำ สเปียริทแซง พีวิลฮึดสู้ สเปียริทนำบ้าง ทั้งคู่ผลัดกันนำอย่างต่อเนื่อง จนเหลือ 15 กิโลเมตรก่อนถึงเส้นชัยแล้ว" โฆษกพากย์จนทำเอาทศภารดรเทพลุ้นกันยกใหญ่ โดยสามใบเถาแช่งให้สเปียริทแพ้ อาชเชอเรน ฟอสเซอเรนและครอสเซอเรนทำหน้านิ่ง แต่นิ้วมือขยับอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง "ฟึ่บบบบบ" ทั้งพีวิลและสเปียริทยื่นหน้าเข้าเส้นชัยกัน "ไม่อยากจะเชื่อ แมนิเกเตอร์ทั้งสองเข้าเส้นชัยอย่างพร้อมเพียงกัน แม้ว่าทั้งคู่จะสูสีกันก็ตาม เกรงว่าเราต้องใช้ภาพรีเพลย์ช่วยแล้วละครับ" โฆษกบอก
              "ขนาดย้อนภาพช้ายังให้ผลเหมือนกันเลยน่ะ" อาชเชอเรนกล่าว เพราะแม้จะใช้ภาพช้าเป็นตัวตัดสิน สเปียริทและพีวิลก็เข้าเส้นชัยแบบพร้อมกันอยู่ดี
              "ด้วยเหตุนี้ สองแมนิเกเตอร์จากกองกำลังหัวหอกของสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ คว้าแชมป์ไตรกีฬาเป็นครั้งแรกกัน" โฆษกกล่าวโดยจับภาพที่พีวิลและสเปียริทจับถ้วยรางวัล โดยมีพองเพื่อนพวกไทรเวเซอร์ที่เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมมาแสดงความดีใจกัน
              "ไม่อยากเชื่อเลย ว่าไอ้มือโตมันจะแข็งแกร่งเสมอแอสซี่น่ะ" แอคเคนสบถแม้จะดีใจที่สเปียริทชนะการแข่ง
              แคมิเรนบอก "แต่รายอื่นๆก็คงไม่ได้ร่วมแข่งละสิ"
              "เปล่าเลย นอกเหนือจากดาบมือหนึ่ง และบุตรีของเดลวีแองนูแล้ว สมาชิกตัวโตและตัวเล็กในทีมก็ไม่ได้ลงแข่ง เพราะขนาดตัวเกินและต่ำกว่าเกณฑ์ สมาชิกส่วนมากจึงลงแข่งด้วยน่ะ" แมคเคลเลนบอก โดยในการแข่งครั้งนั้น ยังมีคลอเวฟ พลัสเชอริท แอบไบออส ฟิเกซ ไซโคลเนีย เจเนลแข่งพร้อมกับเนคมาดูซัม ลิเนียร์ตี้ สเตฟอร์ดและโฟรซ่า พีวิลและสเปียริทด้วย ซึ่งที่ไม่ได้เอ่ยมา อยู่ลำดับที่ 30-50 กัน โคคูเดนเลยลุกขึ้นเดินออกไป
              ฟอสเซอเรนถาม "เจ้าพี่สามจะไปไหนละคะ"
              "พี่ขอไปข้างนอก แมคเคลเลน ขอข้อมูลของเบรซซิ่งแฮนด์หน่อยน่ะ" โคคูเดนกล่าว แล้วก็ออกจากห้องไป
              คลอวูเดนบอก "ถ้าให้เดา เจ้าพี่สามคงไม่ชอบขี้หน้าไอ้อดีตมนุษย์แขนโตอย่างมากแล้วละ"
              "เพราะในสายตาของเรา แมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์ไม่ว่าจะถูกสร้างขึ้นที่โลกหรือแรซัลก้า เป็นพวกอ่อนแอและอายุขัยสั้นน่ะสิ" แมคเคลเลนบอก
              ฟอสเซอเรนกล่าว "แต่จากที่เห็น ผลงานของท่านพ่อได้ทำลายความเชื่อนั้นไปแล้วน่ะ"

              "ต่อให้ผมใช้พวกเมทาลอยด์ก็อปปี้ขีดความสามารถของคู่ต่อสู้ของพี่ทั้งสองให้ใกล้เคียงได้จริง เกรงว่ามันจะไม่ตรงกับที่พวกท่านต้องการเลยนะครับ" แมคเคลเลนกล่าว โดยย้อนกลับมาสู่ปัจจุบัน
              เรฟีเทนบอก "คงมีแต่ต้องดวลกันจริงๆสิน่ะ ถึงจะได้รู้ว่า ทักษะฝีมือของสองผู้จุดไฟสงครามเป็นเช่นไรบ้างน่ะ" และหันมาถาม "ว่าแต่ นายเห็นอาชเชอเรนหรือเปล่า เพราะเช้านี้ไม่เห็นเธอเข้าประชุมน่ะ"
              "เจ้าพี่หญิงรอง ขออนุญาตเจ้าพี่ใหญ่ลงไปที่ดาวก่อนนะครับ" แมคเคลเลนกล่าว
              โคคูเดนบอก "ถ้าให้เดา อาชเชอเรนคงไปเพื่อลองดูว่า แอสเซนพัฒนาไปถึงไหนบ้างน่ะ"
              "แม้ว่าอาชเชอเรนอาจจะเสียเวลากับการท่องป่าก็ตาม ผมหวังว่าอาชเชอเรนคงเชื่อฟังคำสั่งพี่ใหญ่นะครับ" เรฟีเทนบอก
              โคคูเดนพยักหน้า "เพราะในกลุ่มพวกเรา อาชเชอเรนมีสายตาที่เฉียบคมมากพอที่จะเห็นอันตรายได้ก่อนน่ะ"
              "แต่ ผมไม่รู้ว่าผมอยากจะพูดเรื่องนี้หรือเปล่านะ เจ้าพี่สาม" เรฟีเทนกล่าว
              โคคูเดนบอก "เจ้ากำลังจะพูดถึง เรื่องความฝัน ที่ฉันกับนาย โต้เถียงกับแอสเซนเรื่องที่เราปฏิเสธคำขอของเธอเลยสิน่ะ" เรฟีเทนพยักหน้าแทนคำตอบ
              "เจ้าพี่ทั้งสองฝันถึงแอสเซนเลยหรือ มันไม่น่าทำให้พวกท่านกังวลเลยนิครับ" แมคเคลเลนกล่าว
              โคคูเดนกล่าว "ไม่หรอก แมคเคลเลน แม้ว่าในฝันของฉันและเรฟีเทน เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดมาก่อนเลยก็ตาม" แล้วก็ถอนใจ "เพียงแต่ ในฝันเมื่อคืน แอสเซนมีน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก และแสดงอาการโกรธขึ้น ทั้งๆที่เธอควรจะพยักหน้าและยอมรับเสียแต่โดยดีนะสิ"
              "บางทีความฝันอาจจะไม่เป็นจริงก็ได้นะครับ" แมคเคลเลนบอก
              เรฟีเทนกล่าว "ถ้านายพูดในแง่ของวิทยาศาสตร์ที่ยึดถือหลักการที่เป็นนามธรรมละก็ มันก็จริงตามที่นายพูดมา หากแต่...." แล้วก็แบมือมองดู "....ฉัน ไม่สิ พวกเรารู้สึกเหมือนกับว่าจิตของเรา จะเชื่อมโยงกับจิตของแอสเซน แม้น้องเล็กของเราจะห่างเหินไปนานก็ตามน่ะ"

              ที่เขตป่าฝั่งตะวันออกของโฟรเทรดิล ดาวแคสเซรอน-4 9 โมงครึ่ง
              "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทวิ่งเข้าป่าไป โดยวิ่งหลบต้นไม้ไปด้วย ในใจนั้นคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ซึ่งก็.... "ฉันอยากจะบอกกับเธอเหลือเกินน่ะ ว่าเรื่องความฝันมันอาจจะไม่ตรงกับความจริงกันก็ตาม" โฟรซ่าบ่น เมื่อฟังสเปียริทเล่าเรื่องความฝันของเธอให้ทุกๆคนฟัง "แต่การที่เธอฝันถึงพี่ทั้งสามรายในคืนเดียวนั้น มันเหมือนพวกเขาจะแจ้งผ่านเธอกันชัดๆน่ะ"
              พีวิลบอก "ท่านรัคชูมี่ ท่านมีความเห็นเป็นเช่นไรละครับ"
              "สิ่งที่ฉันคิดได้มีเพียงอย่างเดียวนั้น.....ฉันคิดว่า พลังจิวเวลเลี่ยมที่อยู่ในกายของสเปียริท ได้เชื่อมโยงกระแสจิตกับพวกทศภารดรเทพกันนะสิ" รัคชูมี่บอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "จะว่าไปแล้ว ผิวกายจิวเวลเลี่ยมที่เคลือบร่างสเปียริทนั้น มันมาจากแกนกลางพลังงานของดราคาเทนาร์ค ที่ไซมาเทนดึงมาใช้รักษาแผลเป็นและร่างกายอันบอบช้ำของสเปียริท หลังจากที่ได้แกนหัวใจอันสมบูรณ์คืนมาละสิครับ"
              "ถูกแล้วละ และการที่สเปียริทได้พลังจากแกนกลางของดราคาเทนาร์ค ซึ่งให้พลังงานกับทศภารดรเทพ ที่ถูกขังอยู่ในส่วนหัวมังกรปีศาจทั้งสิบกันด้วย แม้ว่าไซมาเทนจะทำลายส่วนยานและแยกหัวมังกรทั้งสิบออกไปแล้วก็ตาม การที่สเปียริทฝันถึงพวกเขาได้ชัดเจนนั้น บ่งบอกได้ถึงการเชื่อมโยงจิตโดยที่เธอและพวกเขาไม่รู้ตัวกันนะสิ" รัคชูมี่บอก "แน่นอน ว่าการที่เธอใช้การปิดบังกระแสจิตเอาไว้ มันก็ช่วยได้บ้าง เพราะพี่น้องบางรายไม่รู้วิธีควบคุมกระแสจิตอย่างลึกซึ้งเลยน่ะ"
              ฟิเกซกล่าว "เว้นเสียแต่ ครอสเซอเรนและฟอสเซอเรนที่มีพลังเทพยักษ์อันสูงส่ง ซึ่งสามารถรับรู้กระแสจิตของสเปียริทเลยสิครับ"
              "แล้วการเชื่อมโยงจิตนั้น น่าจะทำให้สเปียริทรู้ว่าใครคิดหรือทำอะไรกันสิคะ" ไซโคลเนียบอก
              จิลส่ายหน้า "ฉันไม่คิดเช่นนั้นหรอกน่ะ เพราะถ้าสเปียริททำเช่นนั้น จนเอาข้อมูลจากในหัวของพวกทศภารดรเทพได้ ทศภารดรเทพก็สามารถ รู้ความคิดของสเปียริทได้เช่นกัน ซึ่งพวกเราเคยเสียท่ากับวิธีนี้มาแล้วน่ะ"
              "เหมือนที่เรารู้แผนการของพวกโซลูนาสตี้และสโทรเพธมาก่อนสิน่ะ" สเตฟอร์ดบอก เพราะรู้ยุทธวิธีรับมือพวกโซลูนาสตี้ของโอเวอร์เดส ซึ่งมีขุมกำลังที่เหนือกว่าเนื่องจากเป็นกองรบแมนิเกเตอร์จากนอกโลกที่พัฒนาด้านยุทโธปกรณ์อย่างรวดเร็ว และเคลื่อนไหวด้วยระบบเครือข่ายสื่อสารจากสมองกัน
              รัคชูมี่กล่าว "ใช่ แต่ตอนนี้ ฉันอยากจะให้เธอสกัดกั้นกระแสจิตของเธออยู่ตลอด ทำใจให้นิ่งๆ อย่าหวั่นไหวเป็นอันขาดน่ะ"
              "ฉันจะพยายามแล้วกันนะคะ ป้ารัคชูมี่" สเปียริทบอก ไม่ทันไร...เธอก็สะดุ้งขึ้น
              คลอเวฟกล่าว "เดียวสิ นี้อย่าบอกน่ะ ว่าเธอรู้สึกถึงพี่ตนใดตนหนึ่งแอบลงมาโดยไม่บอกกล่าวกันน่ะ"
              "ฉันอยากจะคิดว่านี้เป็นเรื่องล้อเล่น แต่....." สเปียริทกล่าวและลุกขึ้น ".....ฉันขอตัวก่อนละ" จากนั้นก็รีบวิ่งไป
              พีวิลบอก "สเปียริท ระวังตัวด้วยละ"

              "ตึกๆๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทวิ่งมาสักพักก็หยุดชะงักลง พร้อมกับมองไปรอบๆ จากนั้นก็เดินไป โดยที่เธอไม่รู้ว่า.... "ฉันอยากจะรู้เหลือเกิน ว่าเธอจะเจอพี่ตนไหนกันน่ะ" โฟรซ่าแอบตามมา หากแต่อยู่ในสภาพล่องหน และนั่งอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ที่อยู่หลังสเปียริท ซึ่งเดินโดยระวังรอบด้านอยู่
              "ซวบ" ฉับพลัน พุ่มไม้ที่อยู่ด้านข้างสั่นไหว พร้อมกับ "ฟ้าวววววว" องค์หญิงหมวกแหลมในชุดเสื้อแขนยาวและปกเสื้อสูงสีเขียวกางเกงสีน้ำตาลอ่อนพุ่งออกมา "หวับบบบ" จ้วงฝ่ามือซ้ายใส่สเปียริท "เปรี้ยงงงงงง" จนเกิดเสียงดังสนั่นอย่างจังๆ และเกือบทำให้โฟรซ่าตกต้นไม้ด้วย ส่วนสเปียริทนั้น.... ใช้มือขวาตะบบฝ่ามือซ้ายขององค์หญิงหมวกแหลมปิดหน้าผู้นี้ได้อย่างทันท่วงที "สปีดเร็วกว่าพีทเช่นนี้ ต้องเป็นองค์หญิงอาชเชอเรนแน่ๆ" โฟรซ่าคิดในใจกัน
              "นึกแล้วเชียว ว่าท่านต้องโผล่มาในที่ๆท่านชื่นชอบมากที่สุดเลยน่ะ" สเปียริทบอกแล้วก็ "หวับบบบบ" สบัดมือที่ตะบบฝ่ามือของอาชเชอเรนและผลักให้ถอยออกไป
              "แม้ว่าป่าบนดาวดวงนี้ จะมีความหลากหลายทางสายพันธุ์ เพราะถึงจะมีพันธุ์ไม้จากควอดาน่าอยู่รอบๆ แต่ก็มีพันธุ์ไม้จากแกตโตเดี่ยนที่ไม่เข้าพวกรวมอยู่ด้วย ซึ่งฉันคิดว่านั้นเป็นวัชพืชเลยก็ตาม" อาชเชอเรนบอก แล้วก็ "หวับบบ ฟึ่บ" ใช้แขนขวาหมุนเป็นวงกลมและสบัดมาข้างหน้าในท่าชูสี่นิ้วบน "แต่การได้เห็นเจ้าโต้ตอบข้าได้นั้น แสดงว่าเจ้าพัฒนาฝีมือการต่อสู้ที่เจ้าแอบดูพวกเราไปได้ไกล จนท่านอาจารย์โอลดาธยอมรับในตัวเจ้าพร้อมให้สมญาว่าองค์หญิงมังกรสงครามสิน่ะ แอสเซน"
              สเปียริทพยักหน้าแล้วก็ "ฟึ่บๆๆๆ" สบัดฝ่ามือไปข้างหน้า และเหยียดแขนซ้ายและแบมือออกมา "สายตาของท่านยังเฉียบคมเหมือนเดิม แม้ว่าท่านจะชำนาญเรื่องยิงธนู แต่....การโจมตีเมื่อครู่นั้น แปลว่าท่าน มีทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าละสิ"
              "สมแล้วที่เจ้าเรียนรู้วิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่าจากโลกมาน่ะ แอสเซน แม้ว่าข้ารู้สึกกังวลว่าเจ้าจะสู้ยังไง เมื่อไม่มีอาวุธอยู่ในมือ แต่การที่เจ้าโต้ตอบข้าในครั้งนี้ ทำให้ข้าได้ข้อสรุปแล้วละ" อาชเชอเรนบอก "เพียงแต่....ข้าจะทดสอบเจ้าว่าเจ้าพัฒนาได้ไกลกว่าพวกคลอวูเดนหรือเปล่าน่ะ"
              สเปียริทกล่าว "ที่ท่านลงมานิ คิโคเดนอนุญาตแล้วสิน่ะ"
              "นี้เป็นการทดสอบนอกรอบ ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับการทดสอบกับพวกพ้องของเจ้ากัน ดังนั้น...." อาชเชอเรนตั้งท่าพร้อมสู้ ".....แสดงฝีมือให้ข้าเห็นเดียวนี้ซะ แอสเซน"
              สเปียริทกล่าว "ใจจริง ข้าไม่อยากจะสู้กับท่าน แต่ในเมื่อท่านขอมาเช่นนี้...." จากนั้นก็กำหมัดทั้งสองข้างและตั้งท่าพร้อมสู้ "เข้ามาเลยสิ อาชเชอเรน!!!!"

              "ย้า" อาชเชอเรนตะเบ็งเสียงเพียงหนเดียวแล้วพุ่งเข้ามา "ป้ากกกก" ฟาดฝ่ามือแบบจ้วงแทงใส่สเปียริท ซึ่งฟาดฝ่ามือในแนวตั้งปะทะใส่อย่างรวดเร็ว อาชเชอเรนเลยดึงมือออก พร้อมกับ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ระดมจู่โจมใส่สเปียริทอย่างไม่ยั้ง "หวับๆๆๆ ฟึ่บบ เพี้ยะๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" สเปียริทเลยเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือ 4 ดอกแรก และใช้ฝ่ามือของเธอปัดป้องส่วนที่เหลืออย่างทันควัน "ฮ่า" อาชเชอเรนเสยขาเตะสูง "ไฮย้า" สเปียริทหมุนตัวเตะสูงบ้าง "เปรี้ยงงงงงง" ขาของเธอปะทะกับขาของอาชเชอเรนไปเต็มแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วป่า "ย้าๆๆๆๆๆๆ" สเปียริทหมุนตัวเตะและถีบใส่อาชเชอเรนอย่างรวดเร็ว "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ" องค์หญิงคันธนูพงไพรีหลบหลีกฝ่าเท้าขององค์หญิงมังกรสงครามได้ทุกดอกราวกับสายลม "ฮึ" จนอาชเชอเรนก้มลงและหมุนตัวเตะกวาด "อาย้า" สเปียริทกระโดดหลบการเตะกวาด แต่อาชเชอเรนลุกขึ้นและโดดหมุนตัวเตะ "เปรี้ยงงงง" สเปียริทเลยเหยียดขาถีบจนผลักเธอและอาชเชอเรนให้ถอยไปทันที "ฟ้าวๆๆๆๆ" อาชเชอเรนพุ่งวนรอบสเปียริทด้วยความเร็วดุจสายลม เพื่อจู่โจมใส่ "ฟึ่บบบบ ป้ากกกก ป้ากกก ป้ากกก ป้ากกก ป้ากกก" สเปียริทโต้ตอบอาชเชอเรนด้วยฝ่ามือสยบมังกรได้ทุกดอก และ "นี้แน่" ฟาดฝ่ามือใส่อาชเชอเรน "เปรี้ยงงงงงง" ซึ่งอาชเชอเรนฟาดฝ่ามือสวนกลับจนปะทะกัน "กึกๆๆๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงง" โดยที่เธอกับสเปียริทต่างใช้พละกำลังต้านกันจนผลักทั้งคู่ถอยไป  "ฮ่า" อาชเชอเรนเสยฝ่ามือขวาใส่ "หวับบบ หมับบบ ฟึ่บบบบ" สเปียริทเอี้ยวตัวหลบออกด้านข้างและคว้าจับแขนอาชเชอเรนเพื่อทุ่มข้ามหัว แต่ "หวับบบ ตึก หมับบบ หวับบบ" อาชเชอเรนทรงตัวลงพื้นและใช้แขนทุ่มสเปียริทกลับจนปลิวกระเด็น "หวับๆๆๆๆ ตึก ครืดดด" สเปียริทตีลังกาทรงตัวลงพื้นจนเท้าครูดกับพื้นไป "ฮ่า" อาชเชอเรนกระโดดขึ้นสูง "โท้วววว" สเปียริทกระโดดขึ้นตาม เพราะอาชเชอเรนจะพุ่งถีบด้วยท่า "แอโรวเฮดคิก" ในจังหวะเดียวกับ "ลูกถีบมังกรบิน" ของสเปียริท "แฟ้วววว ป้ากกกก" พุ่งถีบสวนทางกัน โดยที่ทั้งคู่ลงพื้นอย่างพร้อมเพียงกันด้วย "ไม่เลวนิ ที่เจ้ารู้และกล้าใช้วิชาลูกถีบในแนวเฉียงกันน่ะ" อาชเชอเรนลุกขึ้นโดยที่เอวขวาของเธอมีรอยเท้าประทับ ส่วนของสเปียริทโดนตรงสีข้างซ้าย
              "พลังการโจมตีด้วยมือเท้าของท่าน แรงและเร็วดุจธนูที่ท่านยิงออกไปเช่นนี้ แต่เหนือกว่าจากการดวลครั้งนั้น แสดงว่าพวกท่านแข็งแกร่งหลังจากคืนชีพมาแล้วสิ" สเปียริทบอก
              "แม้ข้าจะมองออก ว่าเจ้ามีพลังกล้าแกร่งขึ้นเป็นสามหรือห้าเท่าจากเดิม และมีพลังที่ท่านพ่อและท่านแม่มอบให้ สถิตอยู่ในแกนหัวใจที่เจ้าพี่รองคืนอีกครึ่งกลับมาโดยสมบูรณ์ก็ตาม" อาชเชอเรนบอก "แต่....เพราะว่าเจ้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับเจ้าพี่ใหญ่นั้น ทำให้ข้าต้องหยุดยั้งเจ้ากับพวกให้ได้น่ะ"
              สเปียริทบอก "ส่วนหนึ่งเพราะท่านกับพวก ภักดีกับคิโคเดนที่ช่วยให้ชีวิตและโอกาสต่อสู้ครั้งที่สอง และท่านคงจะไม่รับฟังคำพูดจากข้าแล้วสิ"
              "ถึงข้าจะรู้ ว่าที่เจ้าตัดสินใจสู้กับเจ้าพี่ใหญ่และพวกเรา ก็เพื่อปกป้องกลุ่มสังคมแมนิเกเตอร์กลุ่มใหม่นี้ให้รอดพ้นจากการยึดครองของเจ้าพี่ใหญ่ และเป็นการไถ่บาปที่เจ้าทำไว้กับท่านพ่อ ท่านแม่ เจ้าพี่รองและแรซัลก้ากันก็ตาม เจ้าคิดดีแล้วหรือ แอสเซน" อาชเชอเรนบอก
              สเปียริทกล่าว "เกรงว่าข้ากับพวกท่าน ต่างก็ตัดสินใจกันแล้ว ถึงพูดไปก็เท่านั้นแหละคะ"
              "เหมือนที่เจ้ากล้าสู้กับพวกเรา เมื่อ 4 ปีก่อนสิน่ะ" อาชเชอเรนบอก "และคงจะสายเกินไปที่เราจะขอโทษแล้วสิ"
              สเปียริทพยักหน้า "อย่าย้ำซ้ำเรื่องในอดีตจะดีกว่านะคะ"

              "ดูท่าว่านั้นคงเป็นพี่สาวที่ใจดีตนหนึ่งสิน่ะ" โฟรซ่าคิด แล้วก็ "ฟึ่บบบบ" หยิบฟาร์ไซน์ไรเฟิ่ล สไนเปอร์ไรเฟิ่ลติดเรลกันออกจากกลางหลัง เพื่อเล็งมายังอาชเชอเรน "หวังว่าสายตาอันเฉียบคมของเธอ คงจะมองไม่เห็นนัดสังหารนี้หรอกน่ะ"
              อาชเชอเรนกล่าว "แปลว่าเจ้าเติบใหญ่แล้วสิ แม้ฉัน แล้วก็แอคเคน ยังมองเจ้าเป็นน้องสาวตัวน้อยเลยน่ะ"
              "แม้ว่าท่านไม่เคยเปิดให้เห็นปากมาตั้งสิบปีเช่นนี้ แปลว่าริมฝีปากของท่านคงดูแย่กว่าแอคเคนละสิ" สเปียริทบอก
              อาชเชอเรนกล่าว "ข้าปล่อยให้เจ้าเดาเล่นไป...." แต่ฉับพลันเธอเห็นบางอย่าง "แอสเซน หลบออกไป" และรีบตะโกนเสียงดัง จนสเปียริทรีบหลบ
             "เล่นตะโกนแบบนี้ ช่วยไม่ได้แล้วละ" โฟรซ่าคิดในใจ แล้วก็ "แกร็ก" เหนี่ยวไกยิงทันที "ป้างงงงงงง" กระสุนอลูมินั่มยาวพุ่งออกจากปากกระบอกลงมาในแนวเฉียง ตรงมายังอาชเชอเรนโดยเร็ว "ฟึ่บบบบ หมับบบบบ" หากแต่....อาชเชอเรนใช้นิ้วชี้และกลางขวา คีบหนีบกระสุนซุ่มยิงได้อย่างรวดเร็ว.... "หอไอเฟลคว่ำ องค์หญิงนั้นเทพจริงหรือเนี้ย" โฟรซ่าอุทานเบาๆ
              อาชเชอเรนเงยหน้า "เอาคืนไปซะ" แล้วก็ "ฟึ่บบบ" สบัดนิ้วทั้งสองดีดกระสุนกลับ "ฟิ้ววว ปั้ก!!!!!" จนกระสุนปักคาต้นไม้ไปเต็มๆ และทำให้โฟรซ่า "ฟึ่บบบบบ แว้งงงงง หวับๆๆๆ ตึก" โดดลงมาที่พื้นพร้อมกับสภาพการล่องหนพลางตัวคลายออก
              "โฟรซ่า.....นี้เธอตามฉันมานะหรือ" สเปียริทสบถเมื่อเห็นตัวการที่เข้ามาขวาง โฟรซ่าสบัดผ้าคลุมพลางตัวออก
              "แน่ละ สเปียริท ทันทีที่เห็นเธอวิ่งออกไป ฉันก็ต้องไล่ตามมา เพราะแน่ใจว่า คิโคเดนต้องส่งกองรบมาจับตัวเธอแน่นอน เพียงแต่ไม่คิดเลย ว่าจะได้ดูการต่อสู้ด้วยหมัดมวยเสียได้น่ะ"
              "แมนิเกเตอร์หญิงเกราะสีเขียว ผมสีบลอนด์ตั้งยาวมีรัดเกล้าเหล็กคาดหัว ปล่อยผมยาวปรกหน้าฝั่งขวา ถือปืนยาวและมีแขนขาจักรกล เจ้าคงเป็นโฟรน่า แลงครูท อดีตหัวหน้าหน่วยรบที่ 54 ที่กลายเป็นโฟรซ่า แมนิเกเตอร์มือสังหารของโซลูนาสตี้ ที่ตายสองครั้ง และเป็นกำลังสำคัญในกองรบเวเซอร์และไทรเวเซอร์ละสิน่ะ" อาชเชอเรนบอก
              โฟรซ่าบอก "ที่ท่านรู้จักชื่อจริงของฉันเช่นนี้ คงเพราะได้ข้อมูลจากไซมาเทนมาละสิ แม้ว่าท่านจะโต้ตอบฉันอย่างคาดไม่ถึงเลยน่ะ"
              "เธอคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าอาชเชอเรนโต้ตอบศัตรูที่โจมตีจากด้านหน้าของเธอ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธประชิดตัวหรืออาวุธจากระยะไกลด้วยสองนิ้วได้อย่างแม่นยำเลยน่ะ" สเปียริทบอก
              โฟรซ่ากล่าว "แม้ฉันไม่อยากจะเชื่อ แต่ดูเหมือนว่า พี่เธอจะเก่งจริงซะแล้วละ"
              "เจ้าเองก็ใช่ย่อยน่ะ ที่ใช้วิธีพลางตัวแบบล่องหน ซึ่งทำให้ยากที่จะเห็นด้วยตาเปล่า แถมเจ้ายังอยู่ที่สูง ซึ่งได้เปรียบในการลอบสังหาร จนทำให้ข้ายากที่จะรับมือได้ก็ตาม" อาชเชอเรนบอก "หากแต่กิ่งไม้ที่มันโน้มลงมาเพราะมีน้ำหนักของตัวบุคคลกดอยู่ แม้จะเป็นน้ำหนักของสตรีที่เบากว่าบุรุษนั้น ช่วยให้ข้ารอดตัวมาได้น่ะ"
              โฟรซ่ากล่าว "สมแล้วที่ท่านอยู่กับป่ามาเยอะ ถึงได้รู้ทันเลยน่ะ"
              "แอสเซนคงจะเล่าให้เจ้าฟังละสิ ว่าข้ามีสายตาที่เฉียบคมอย่างมาก พอๆกันกับทักษะการต่อสู้ที่รวดเร็วและว่องไวดุจสายลม ซึ่งต่อให้เจ้าแน่แค่ไหน เจ้าก็เทียบข้าไม่ติดหรอก" อาชเชอเรนกล่าว
              โฟรซ่าบอก "ท่านคงคิดว่า ข้าชำนาญเรื่องซุ่มยิงและหลบซ่อนเก่ง จึงไม่ถนัดเรื่องประชิดตัวสิน่ะ" แล้วก็ "ฟึ่บ ฟึ่บ" หยิบปืนสั้นเดริงเจอร์แมกนั่มสองกระบอกออกมาจากซองปืนติดเอว ".....เกรงว่า ข้าคงต้องใช้ทักษะที่ไซมาเทนไม่บันทึกลงไป ให้ท่านเห็นสักหน่อยแล้วละ"
              "หึ คิดจะใช้ปืนสั้นที่บรรจุกระสุนเหล็กอันเย็นชามาสู้กับข้าละสิน่ะ" อาชเชอเรนบอก พร้อมกับ "ฟึ่บ หมับ แกร็ก แกร็ก" หยิบกำไลติดหน้าไม้ขนาดเล็กมาสวมตรงข้อมือทั้งสองข้าง "ข้าจะใช้หน้าไม้เล็กนี้ ดวลกับเจ้าแล้วกัน"
              โฟรซ่าบอก "แสดงว่าเรื่องที่ท่านไม่เคยใช้อาวุธปืนนั้น ก็คงเป็นความจริงละสิ"
              "แอสเซน ถอยห่างไปซะ" อาชเชอเรนกล่าว สเปียริทพยักหน้าและเดินไปอยู่ใกล้ๆกับต้นไม้ จากนั้นก็ "ฟ้าวววววว" กระโดดเข้าป่าไป "โท้วววว" โฟรซ่ากระโดดไล่ตามมาบ้าง "ตึกๆ" จนทั้งคู่อยู่ในส่วนป่าทึบ
              "นั้นเป็นทำเลที่เหมาะกับการดวลสิน่ะ แม้นั้นจะไม่ได้ใช้อาวุธสู้กันบนเวทีน่ะ" โฟรซ่าบอก
              "เธอคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าการมาของฉัน ไม่ใช่แค่ทดสอบแอสเซน แต่มันก็คือการดวลระหว่างฉันกับเธอ ซึ่งเจ้าพี่ใหญ่คิโคเดนอนุญาตให้ข้าสู้กับเจ้า ก่อนเจ้าพี่สามและห้าจะดวลกับคู่ต่อสู้ของพวกเขาเองน่ะ" อาชเชอเรนบอก
              โฟรซ่ากล่าว "พีท และมาสวาร์ทาร์สิน่ะ แสดงว่าเธอมาเป็นผู้ส่งสาสน์การดวลนัดถัดไปละสิ"
              "อันที่จริงแล้ว ฉันควรจะไปกับเจ้าพี่หญิงใหญ่และครอสเซอเรนซะมากกว่า แต่เธอทำให้ฉันตัดสินใจจะดวลกันเดียวนี้ แม้เธอจะใช้วิธีอันขลาดเขลาก็ตามน่ะ" อาชเชอเรนกล่าว "จงแสดงฝีมือของแมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้ที่อาวุโสกว่าแอสเซนให้ฉันเห็นซะ"
              โฟรซ่ายิ้มและบอกว่า "ได้อยู่แล้วละเพคะ องค์หญิง"

              "ถ้าเช่นนั้น...." อาชเชอเรนกล่าวแล้วก็ "แฟ้วววววว" เริ่มด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว "ฟ้าวววววว ฟ้าวววววว ฟ้าววววว" ตามด้วยเสียงพุ่งรอบตัวโฟรซ่าสามทีด้วยกัน
             "อาชเชอเรนใช้การพุ่งจากจุดหนึ่งไปอีกทีหนึ่งด้วยความเร็วที่เหนือกว่าพีทถึง 4 เท่าหรือมากกว่านั้น โดยไม่ให้เท้าแตะพื้นหรือสัมผัสกับต้นไม้ ทำให้ยากที่จะจับทิศทางด้วยสายตา ว่าเธออยู่ใกล้หรืออยู่ห่างกัน...." โฟรซ่าคาดเดา "....แต่ฉันไม่ยอมตกเป็นเป้ากันหรอก" แล้วก็วิ่งอย่างรวดเร็ว "ฟิ้วๆ" จนมีลูกดอกพุ่งเข้ามา "หวับบบบ" โฟรซ่ารีบหมุนตัวหลบลูกดอกที่พุ่งจากข้างหลัง "ปั้กๆ" จนลูกดอกปักกับต้นไม้ที่อยู่ใกล้แทน
              "ต่อให้ไม่สามารถได้ยินการเคลื่อนไหวของฉัน แต่ก็สามารถหลบลูกดอกได้นั้น แปลว่าเธอคงได้รับการฝึกด้านการหลบหลีกอาวุธบินอย่างแน่นอน" อาชเชอเรนกล่าว หลังจากที่เธอยิงลูกดอกออกจากแขนซ้ายสองนัดแล้ว
              "อาชเชอเรนคงอยู่ด้านหลัง จากทิศทางของลูกดอกที่ยิงมา ซึ่งเธอไม่มีทางอยู่นิ่งให้ตกเป็นเป้าแน่ๆ" โฟรซ่าบอก โดยที่อาชเชอเรนเตรียมจะพุ่ง "ตรงนั้น!!!!!" โฟรซ่าตะโกนพร้อมกับหันมา "ปังงงง ปิ้วๆ" ยิงใส่อาชเชอเรน แต่เธอรีบถอยออกมาจนกระสุนพุ่งทะลุต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปแทน "ฟ้าววววว ฟึ่บบ ฟิ้วๆ" จากนั้นก็พุ่งโพออกมาพร้อมกับยิงลูกดอกออกจากแขนขวา "หวับบบบ ปั้กๆ ฟึ่บบบบ ปังงงง ปังงงง" โฟรซ่าเอี้ยวตัวหลบลูกดอกที่พุ่งเข้ามาสองนัดพร้อมกับยิงสวนไปสองที "แฟ้ววววว หวืบๆ ปิ้วๆ" แต่อาชเชอเรนพุ่งออกไปเร็วก่อนกระสุนจะพุ่งถึงตัวจนปักกับต้นไม้แทน "ฟึ่บบบ ครืดดดดดด ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว" จากนั้นก็สไลด์กับพื้นเพื่อยิงลูกดอกจากแขนสองข้างใส่โฟรซ่า "หวับบบบบ ปั้กๆๆๆๆๆ ฟึ่บ ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง" ซึ่งกระโดดตีลังกากลับหลังหลบพร้อมกับยิงปืนสองกระบอกใส่อาชเชอเรน "ฟึ่บ ปิ้วๆ ฟึ่บ ปิ้วๆ หวับบบ ปิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" องค์หญิงคันศรพงไพรีสาวเท้าหลบกระสุนที่ยิงกระทบพื้นสองที แล้วก็ตีลังกาด้านข้างหลบอีกสี่ชุดไป "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โฟรซ่าวิ่งด้วยการซอยเท้าอย่างต่อเนื่อง "หึ" อาชเชอเรนเลยสบัดแขน "ฟิ้ววว ฟิ้วววว ฟิ้วววว ฟิ้ววว ฟิ้วววว ฟิ้วววว ฟิ้วววว" ยิงลูกดอกเข้าใส่โฟรซ่า "หวับบบบ ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง" ซึ่งก้มและสไลด์หลบพร้อมกับไขว้แขนยิงปืนออกไปแปดชุดด้วยกัน "ฟ้าววววว" อาชเชอเรนกระโดดขึ้นหลบกระสุนที่พุ่งมาทันที
              "ยัยหัวเฟิ่งนั้น สปีดช้ากว่าพี่หญิงรอง แต่ทำไมเหมือนมันโกงกันชัดๆเลยน่ะ" แคมิเรนกล่าวโดยที่เธอเห็นภาพจากโดรนสอดแนมที่ส่งเข้าป่าไป
              "นั้นสิ เจ้าพี่หญิงรองมีกำไลหน้าไม้เล็กที่ยิงลูกดอกได้ทีละนัดสองนัด ทำไมปืนสั้นของยัยหัวฟูถึงยิงครั้งหนึ่งแต่เสียงเหมือนมีสองนัดด้วยละ" เรลโลเซนบอก
              แมคเคลเลนกล่าว "ก็เพราะว่าปืนสั้นเดริงเจอร์แมกนั่มของโฟรซ่า เป็นแบบสองลำกล้องกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งไม่เพียงยิงออกไปหนึ่งครั้งแต่ออกสองนัด แต่ยังสามารถยิงได้ต่อเนื่องด้วย ซึ่งในข้อมูล มันเป็นอาวุธปืนที่พวกไทรเวเซอร์ใช้กันนะสิ"
              "พวกเทรอมและกองรบของแอสเซนใช้อาวุธยิงกระสุนแบบสองช่องนะหรือ หลังเขาชัดๆ ของเรามีปืนคาบศิลาสองลำกล้องยิงเลเซอร์และพลาสม่าได้เช่นนี้ ไม่เห็นต้องกลัวเลยนิ" คลอวูเดนบอก
              เรฟีเทนบอก "ไม่หรอก ที่พวกเขาใช้อาวุธยิงกระสุนออกไปนั้น เพราะศัตรูส่วนมากใช้สนามพลังป้องกันเลเซอร์และพลาสม่าได้ อีกทั้งอาวุธยิงกระสุนก็มีการดัดแปลงด้วยการใส่แมกเนตเรลขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มความเร็วในการยิงจนมีพลังมากพอที่จะทะลุสนามพลังและบาเรียได้ แม้แรงถีบจะเพิ่มขึ้นจนทำอันตรายต่อมนุษย์หรือชาวซัลคาเลี่ยนปกติอย่างรุนแรง แต่มิใช่กับแมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้ที่สวมปลอกแขนลดแรงสะท้อนหรือแมนิเกเตอร์หุ่นยนต์ที่แข็งแกร่งกันนะสิ"
              "หวังว่าแอสซี่คงไม่ทำข้อมือเจ็บหลังยิงบ้างน่ะ" แอคเคนบอก
              คลอวูเดนกล่าว "แต่ยัยหัวฟู่วิ่งเร็วขนาดนี้ และเน้นใช้ปืนแบบนี้ คงไม่ถนัดการต่อสู้ประชิดตัวละสิ"
              "เปล่าเลย โฟรซ่าเป็นแมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์ที่ถูกสร้างให้เป็นมือสังหารที่เก่งกาจทุกระยะ นอกเหนือจากการใช้ปืนสั้นและปืนยาวซุ่มยิงจากระยะไกล เธอสามารถจู่โจมด้วยเรซเซอร์อาร์ม ฝ่ามือคลื่นความถี่สูง ซึ่งสามารถผ่าศัตรูให้ขาดเป็นสองท่อนเลยน่ะ" แมคเคลเลนบอก
              โดยที่โฟรซ่า "หวับบบบบบ" หลบท่าหมุนตัวเตะของอาชเชอเรนจนตัวเธอกระเด็น แม้จะถอยห่างไปไกลจากฝ่าเท้าแล้วก็ตาม "ฟึ่บบบบ หวับบบบบ" โฟรซ่าเลยรีบเสียบปืนในมือขวาเข้าซองปืนข้างซ้ายและสบัดฝ่ามือขวาเสยขึ้น "หือออ" อาชเชอเรนเห็นเลยรีบเอี้ยวตัวออกด้านซ้ายของเธอจน "ฉืบบบบบบ" ต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังมีรอยกรีดปรากฎขึ้น "ฮ่า" อาชเชอเรนเลยเสยฝ่ามือพร้อมกับยิงลูกดอกใส่ "ฟ้าววว ปึ้ก!!!!" โฟรซ่าโชว์เหนือด้วยการใช้ฝ่ามือขวาหนีบลูกดอกที่พุ่งเข้าใส่โดยเร็ว "หวับบบบบ ฟึ่บ ปัง หวืบบบบ ปั้กๆ ปิ้วๆ" จากนั้นก็สบัดลูกดอกย้อนศรอาชเชอเรนและยิงปืนที่มือซ้ายซ้ำ อาชเชอเรนเลยรีบเอี้ยวตัวหลบจนลูกดอกปักต้นไม้และถูกกระสุนพุ่งทำลายซ้ำ "ย้า" จากนั้นก็วิ่งเข้ามาเสยฝ่ามือซ้ายหมายจะตะบบหน้าโฟรซ่า "ฟึ่บบบบบบบ" แต่โฟรซ่าหยิบปืนเดริงเจอร์แมกนั่มในซองข้างซ้ายมาจ่อหน้าอาชเชอเรนโดยเร็ว "แกร็กๆ" หากแต่ปืนในมือขวาของเธอ กระสุนหมด "ต่อให้เธอมีปืนที่ยิงทีเดียวสองนัด จนได้เปรียบในการเล่นงานศัตรูเลยก็ตาม แต่มันก็เสียไปสองนัดด้วยเช่นกัน" อาชเชอเรนบอก
              "ท่านก็เสียลูกดอกไปสองด้วย เพราะไม่แน่ใจว่าฉัน ซึ่งเป็นศัตรูที่ท่านไม่เคยปะมือมาก่อน มีขีดความสามารถมากแค่ไหน ท่านจึงไม่เสี่ยงยิงลูกดอกหรือธนูเพียงนัดเดียวแล้วไม่เข้าเป้าเลยน่ะ" โฟรซ่ากล่าว
              อาชเชอเรนกล่าว "การที่เจ้ารีบวิ่งออกไป แม้จะรู้ว่าข้าต้องยิงโดนตัวเจ้าแน่นอน บ่งบอกว่าเจ้าพร้อมจะเสี่ยงอันตรายได้ทุกเมื่อ และมั่นใจว่าเจ้าต้องหลบได้นั้น ส่วนหนึ่งเพราะเจ้าเคยตายมาสองครั้งละสิ"
              "กับท่านที่เคยตายมาแล้ว ฉันคงจะเหนือกว่าท่านตรงที่ผ่านอันตรายมาหลายอย่าง แม้จะรู้สึกชินชา แต่เราต่างก็กลัวตายเหมือนกันนะ" โฟรซ่าบอก และชักมือขวาออก
              อาชเชอเรนเก็บปลอกแขนหน้าไม้เล็กออกตาม "แต่เจ้าก็ร้ายกาจไม่น้อย ที่ใช้วิธีล่องหนหายตัว ปกปิดตนเองจากสายตาของเป้าหมายของเจ้า เพื่อส่งวัตถุโลหะอันเย็นชาแต่แฝงความตายให้กับเป้าหมาย ที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองสิ้นชีพลงไปแล้ว อีกทั้งฝ่ามือของเจ้า แม้ไร้คมที่จับต้อง แต่ก็ผ่าให้ขาดได้ในคราวเดียวเช่นนี้....." แล้วก็ชี้มายังโฟรซ่า "....ข้าจึงเห็นว่า เจ้า เป็นยมฑูตดีๆนี้เองน่ะ"
              "และท่านก็คงเป็นเทพีแห่งป่าที่พิทักษ์ป่าทุกแห่งเลยสิน่ะ แม้ว่าลูกดอกลูกธนูของท่านจะทำลายต้นไม้เลยก็ตามน่ะ" โฟรซ่าบอก
              อาชเชอเรนกล่าว "โลหะเย็นแห่งความตายของเจ้าทำร้ายต้นไม้ พอๆกันกับสิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์และมนุษย์ แต่เลวร้ายยิ่งกว่าน่ะ"
              "แล้วผลออกมานิ ท่านคงจะเป็นฝ่ายชนะ เพราะลูกดอกท่านคงจะเหลืออยู่ละสิ" โฟรซ่ากล่าว
              อาชเชอเรนบอก "ถึงข้าเหลือลูกดอกอยู่ แต่สายหน้าไม้ขาดทั้งสองข้าง แม้ข้าจะสามารถซัดที่เหลือไปได้ก็ตาม เจ้าก็หาทางหลบได้และโต้ตอบข้าได้อยู่ดี ข้าจึงถือว่า การดวลนี้ เสมอแล้วกัน"
              "ที่ถูกนั้น เพราะท่านอยากจะสู้กับข้าในรอบถัดไปกันจริงๆละสิ" โฟรซ่าบอก
              ไม่ทันไรก็ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" สเปซไนท์เอลฟ์ผิวสีน้ำตาลสวมเกราะกระโจนเข้ามาคุ้มกันอาชเชอเรน "พอเถอะ พวกเจ้า การดวลจบลงด้วยการเสมอแล้วละ" อาชเชอเรนกล่าว
              "ขออภัยครับ ท่านอาชเชอเรน ที่พวกเรารีบมา เพราะเรากลัวว่าท่านเข้าดงศัตรูจนติดกับเลยนะครับ" สเปซไนท์เอลฟ์ผิวน้ำตาลหรือพวกแนชชอนกล่าว ไม่ทันไร สเปียริทก็กระโดดมาสมทบกัน จนพวกแนชชอนเตรียมคันธนู
              อาชเชอเรนกล่าว "หยุด เจ้าไม่ควรหาเรื่องกับแอสเซน น้องสาวของข้ากันหรอกน่ะ"
              "ดูเหมือนว่า ท่านไม่ได้สั่งให้ลูกน้องใต้บังคับบัญชาตามมาด้วยสิ" สเปียริทกล่าว
              อาชเชอเรนบอก "และข้าคงไม่ยอมให้เจ้าลงมือกับพวกเขาในเวลานี้หรอกน่ะ แอสเซน" แล้วก็บอก "ที่สำคัญ ตอนนี้ เจ้าพี่สามและเจ้าพี่ห้า ก็มาถึงแล้วน่ะ"

              "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงมือถือดังจากเกราะต้นขาซ้ายของโฟรซ่า เธอจึงหยิบมา "อาเจ้ อาเจ้กับสเปียริท ปลอดภัยดีนะครับ" เจเนลติดต่อมา
              โฟรซ่าบอก "ฉันไม่เป็นไรหรอกน่ะ แค่สู้กับเจ้าหญิงคันศรเขียวจนรู้ผลแล้วน่ะ"
              "ดีแล้วละ ที่เธอเสมอ ไม่เช่นนั้น เธอแย่แน่ๆ จากการสู้กับอาชเชอเรนน่ะ" สเตฟอร์ดตอบ
              สเปียริทเลยหันมายังหุ่นโดรนที่ลอยอยู่เหนือพื้นอยู่ใกล้กับยอดไม้ "เยี่ยม คิโคเดนไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยกันละสิ" สเปียริทสบถ
              "แม้ข้าจะไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้ แต่.....ถ้าเพื่อให้แมนิเกเตอร์บนดาวดวงนี้รู้ว่า พวกเราเก่งกาจแค่ไหนแล้วละก็ ข้าคงห้ามเจ้าพี่ใหญ่ไม่ได้หรอกน่ะ" อาชเชอเรนบอก
              โฟรซ่ากล่าว "ท่านก็คงไม่มีเสียงค้านความเห็นของคิโคเดนละสิ"
              "ตอนนี้ ข้าอยากจะให้เจ้ากับแอสเซนกลับไปบอกกับเบรซซิ่งแฮนด์พีวิลและคาตานะลอร์ดให้พร้อมสู้กันได้เลย" อาชเชอเรนกล่าว "ที่สำคัญ เจ้าคงห้ามสอดยุ่งอีกน่ะ" แล้วเธอกับพวกก็ล่าถอยกลับไป
              ส่วนสเปียริทและโฟรซ่า "ไม่คิดเลย ว่าองค์หญิงอาชเชอเรนจะมีสายตาคมชัดขั้นเทพกันได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก เมื่อทั้งคู่กลับมาที่โฟรเทรดิลแล้ว
              "นั้นสิ กระสุนปืนซุ่มยิงของโฟรซ่าที่ยิงในสภาพพลางตัวล่องหนจนไม่มีใครตรวจจับได้ 100 เปอร์เซนต์นั้น กลับถูกองค์หญิงหัวแหลมใช้นิ้วหนีบได้เช่นนี้ นั้นเป็นเรื่องช็อคเด้งมากเลยน่ะ" ไซโคลเนียกล่าว
              คลอเวฟบอก "โฮ่ย เนคเกอร์ นายไม่เคยเห็นองค์หญิงหัวแหลมทำแบบนี้กับกระสุนปืนเลยหรือ"
              "ตามที่ฉันรู้จากเพื่อนรุ่นพี่แกตไทซ์ พวกเขาเห็นอาชเชอเรนใช้สองนิ้วคีบคมดาบ คมหอก คมขวาน หรืออาวุธบินที่ตรงมาหาเธอได้หมด หากแต่เธอรับมือกับการจู่โจมด้วยวัตถุที่มามากไม่ได้นะสิ" เนคมาดูซัมบอก
              ฟิเกซกล่าว "นอกจากจะมีสายตาที่เฉียบคมจนสามารถยิงธนูใส่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำแล้ว เธอยังโต้ตอบการโจมตีที่เข้าถึงตัวได้เร็วขั้นเทพเลยน่ะ"
              "แล้วเธอก็เคยเห็นยัยหัวแหลมทำแบบนี้มาก่อนละสิ ยัยบื้อ" คลอเวฟถาม
              สเปียริทตอบ "ตอนที่พวกอาชเชอเรนซ้อมเพลงอาวุธนั้น ฉันเห็นเรลโลเซนและแคมิเรนจ้วงแทงดาบเรเฟียร์ใส่หน้าอาชเชอเรน เพื่อบีบให้เธอเผยใบหน้าด้านล่างออกมา แต่ผลที่ได้คือ อาชเชอเรนใช้สองนิ้วหนีบปลายคมดาบเรเฟียร์ได้ภายในชั่วพริบตา บ่งบอกได้ว่า อาชเชอเรนระมัดระวังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะสู้รบหรือใช้ชีวิตปกติสุขก็ตามน่ะ"
              "พูดง่ายๆคือ อาชเชอเรนเป็นองค์หญิงที่มีความระมัดระวังรอบด้านสูงกว่าปกติเลยสิน่ะ" พลัสเชอริทบอก สเปียริทพยักหน้า
              สเตฟอร์ดแนะนำ "แถมมีสปีดที่ว่องไวกันเช่นนี้ ครั้งแรกอาจจะเสมอ แต่ครั้งหน้า ต้องระวังให้มากแล้วน่ะ"
              "ฉันทราบดีแล้วละ สตีฟ เพราะคู่ต่อสู้ที่มีทั้งความเฉียบคมและความว่องไวเหนือกว่าพีทและพลัสเชอริทเช่นนี้ " โฟรซ่ากล่าว
              รัคชูมี่บอก "จากที่เห็นนั้น อาชเชอเรนแค่ผู้ทดสอบรายแรกของวันนี้ ก่อนการมาของโคคูเดนและเรฟีเทน ซึ่งเป็น 2 พี่น้องที่มีฝีมือการต่อสู้ระดับต้นๆของกลุ่มทศภารดรเทพกัน" แล้วก็หันมากล่าว "พีวิล มาสวาร์ทาร์ ฉันขอแนะนำให้เธอสองคนระวังตัวด้วยละ"
              "ผมทราบดีแล้วละครับ นายแม่รัคชูมี่" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              พีวิลพยักหน้า "แม้จะไม่อาจชนะโคคูเดน ผมจะสู้อย่างถึงที่สุดให้เขารู้ถึงพลังของผมและของพวกเราด้วยน่ะ"
              "แล้วการดวลรอบถัดไปจะเริ่มตอนไหนดีล่ะ" โฟรซ่าถาม
              ไซโคลเนียกล่าว "ในขณะที่เธอดวลกับอาชเชอเรน คิโคเดนสั่งให้คนนำเวทีไปตั้งไว้ในพื้นที่หมายเลข 14 แล้วละ"
              "นั้นเป็นโซนระหว่างอีเนอไมนด์และครอสตรีมกันชัดๆเลยน่ะ" คลอเวฟบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "แสดงว่าคิโคเดนคงจะให้คนมาสแกนพื้นที่จากนอกดาวแล้วน่ะ"

    ต่อช่วงกลาง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×