ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 3 การทดสอบของทศภารดรเทพ ครั้งที่สาม ยักษ์ วิทยะ แผนลวง ช่วงแรก
ณ.พระราชวังราซาคาเลส ดาวแรซัลก้า ระบบเจเนซิล ปีจักรวรรดิ์ที่ 21
TriVeser Manigator Saga: The Titan Savior
ตอนที่ 3 การทดสอบของทศภารดรเทพ ครั้งที่สาม ยักษ์ วิทยะ แผนลวง
ที่หมู่บ้านโฟรเทรดิล
ย้อนความกลับไปในช่วงหลังยุทธการถล่มพวกเฮซเทิร์ซที่ดาวแปดดวงกัน วันถัดมา
แล้วเวลาก็ย้อนกลับมาสู่ช่วงปัจจุบัน
จากนั้น ที่ดาวแคสเซรอน-4 ยานเฟอแกลิคลอยลำมาเหมือนเช่นเคย
ต่อช่วงกลางเลย
"สุขสันต์วันเกิดนะครับ/คะ เจ้าพี่ใหญ่" พวกโคคูเดนกล่าวต่อคิโคเดน ซึ่งมีพระชนม์มายุ 19 ชันษา
"เจ้าพี่ใหญ่ ยินดีด้วย ที่ท่านบรรลุนิติภาวะจนเป็นองค์ราชทายาทนะครับ" ไซมาเทน องค์ชายรอง พระชนม์มายุ 16 ชันษากล่าว
"เจ้าเองก็เช่นกันน่ะ ไซมาเทน ที่จบการศึกษาจากสถาบันทางทหารและกลายเป็นหัวหน้ากองแมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้ ต่อจากกองของขุนพลครองคอร์ดของท่านพ่อน่ะ" คิโคเดนกล่าว
โคคูเดน องค์ชายสาม พระชนม์มายุ 11 ชันษาบอก "แม้ว่าท่านพ่อจะไม่อยู่แสดงความยินดีกับพวกท่าน อย่างน้อยท่านก็มีพวกเราอยู่นะครับ"
"ข้าก็ดีใจไม่น้อยน่ะ ที่รู้ว่าพวกเจ้าเตรียมพร้อมให้ข้าเลยน่ะ" คิโคเดนกล่าว และหันมาถาม "ว่าแต่ แอสเซนไม่มาหรือ"
เรลโลเซนบอก "เจ้าพี่ใหญ่ อย่าสนเรื่องของยัยตัวซวยกันหรอกน่ะ"
"เจ้าพี่ใหญ่ เออ หนูมาช้ามั้ยละคะ" แอสเซน องค์หญิงองค์น้อยลำดับที่ 13 (ไม่เป็นทางการ) 3 ชันษาเดินมาหาพอดี
จนคลอวูเดนกล่าว "เธอไม่ได้รับเชิญนะ ยัยแอสเซนตัวซวย"
"คลอวูเดน เจ้า แคมิเรนและเรลโลเซน เป็นพี่ของแอสเซนน่ะ ถ้าไม่เห็นเธอเป็นน้อง ข้าก็ไม่เห็นพวกเจ้าเป็นน้องด้วยน่ะ" คิโคเดนกล่าว จนสามใบเถาแห่งทศภารดรเทพวัยเด็กถึงกับหน้าจ๋อยลง "แอสเซน เจ้าคงไม่มีของขวัญให้ข้าละสิ" คิโคเดนหันมาถาม
แอสเซนเลยส่งกำไลดอกไม้ แต่ดอกไม้พัง "หนูทำดีที่สุดแล้ว แต่พวกพี่แคมิเรนมาทำพังเลยนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก แอสเซน พี่ดีใจที่เธอแสดงความรักให้น่ะ" คิโคเดนบอก "ถ้าเช่นนั้น เรามาเริ่มเลยน่ะ"
แล้วทั้งหมดก็ได้กินเค้ก หลังจากที่ไซมาเทนทำหน้าที่ตัดเค้กวันเกิดแล้ว "แอสเซน เค้กอร่อยมั้ยละ" ไซมาเทนถาม
"อร่อยดีคะ เจ้าพี่รอง ตอนนี้หนูอยากจะกินอีกชิ้นแล้วนะคะ" แอสเซนกล่าว "อ่า....คัพเค้กสายรุ้ง" เมื่อเห็นคัพเค้กหลากสีทั้งหลายที่เหล่านางในเข็นเข้ามาวางบนโต๊ะ ซึ่งเธอรีบวิ่งมา หากแต่พวกคลอวูเดนแซงหน้าก่อน
"คัพเค้กไม่ใช่ของเธอเลยน่ะ" แคมิเรนบอก
"ขอหน่อยนะ....คัพเค้กรสเลม่อน" เรลโลเซนเลยยื่นมือไปหยิบคัพเค้ก แต่ "ฟึ่บบบบ" องค์ชายหน้ายักษ์ยื่นมืออวบๆมาแย่งแทน
"อ่า คัพเค้ก งับๆๆๆๆๆๆ" แล้วก็เอาเข้าปากหลังจากดึงออกจากห่อกระดาษไปแล้ว ตามด้วย "หมับ งับๆๆๆ หมับ งับๆๆๆ" คัพเค้กอีก 5-6 อันที่อยู่ใกล้ด้วย "นั้นอร่อย นี้อร่อย อ่า หวานดี น่าจะมีน้ำเชื่อมด้วยน่ะ"
"แอคเคน คัพเค้กไม่ใช่ของนายตนเดียวน่ะ" โคคูเดนบอก
เรฟีเทนกล่าว "นายกินเค้กวันเกิดของเจ้าพี่ใหญ่ไปสามชิ้นแล้ว อย่ากินเยอะอีกจะได้มั้ยละ"
"ช่างประไรสิ คัพเค้กเล็กๆแบบนี้ มันอร่อยมากๆน่ะ" แอคเคนบอก และพยายามหยิบ แต่.... "ฟึ่บบบบบ" คลอวูเดนรีบคว้าถาดไป
"พี่เจ็ดกินเยอะแล้วจนเป็นหมูตอนแล้วน่ะ" แคมิเรนบอก
"นั้นสิ คัพเค้กมีน้ำตาล แป้งและไขมันที่แม้จะน้อยนิด ถ้ากินเยอะ อาจจะทำให้พี่อ้วนได้เลยน่ะ" แมคเคลเลนกล่าวโดยหยิบเครื่องคำนวณมาด้วย
ครอสเซอเรนบอก "พี่ควรจะเอื้อเฟื้อแบ่งคนอื่นกันบ้างน่ะ"
"หรือ แต่ถาดที่เหลือ ขอแล้วกันน่ะ" แอคเคนกล่าว แต่แอสเซนน้อยมากินคัพเค้กอันหนึ่งไป และกำลังจะหยิบอีกอันที่เป็นรสช็อคโกแลต
"อ่า....พี่แอคเคน นั้นของหนูน่ะ" แอสเซนน้อยกล่าว เพราะแอคเคนหยิบคัพเค้กช็อคโกแลตไป "งั้นหรือ แอสซี่.....คัพเค้กนี้เป็นของหนูสิน่ะ"
"พี่กินพอแล้ว น่าจะให้พี่ตนอื่นๆกันนะคะ" แอสเซนน้อยกล่าวอย่างสุภาพ แอคเคนมองหน้าแอสเซนแล้วก็ "ฟึ่บบ หวืบบบบ งับๆๆๆๆๆ" เอาคัพเค้กไปกินทันที "พี่แอคเคน พี่แอคเคนใจร้าย นั้นคัพเค้กของหนูนะคะ" แอสเซนน้อยร้องลั่น
แอคเคนบอก "เออ โทษทีน่ะ พี่ไม่อยากให้แอสซี่อ้วนเพราะกินเค้กเยอะ พี่ก็เลยขอเหมาแล้วกัน อร่อย"
"แอคเคน นายนิมัน....." ไซมาเทนกล่าวอย่างไม่พอใจนิดๆ โดยที่ฟอสเซอเรนและอาชเชอเรนปลอบแอสเซนน้อยไปด้วย
คิโคเดนกล่าว "ตระกละแบบนี้ คงลำบากพ่อครัวแม่ครัวแน่ๆเลยละ เฮ้ออออ"
ที่มหาสถาบันวิทยาศาสตร์โอเมนิลัส ปีจักรวรรดิ์ที่ 35
"เฮ้ออออ แอสเซน คะแนนสอบที่เห็น ไม่ดีเลยน่ะ" แมคเคลเลนอายุ 25 ชันษากล่าวกับแอสเซนอายุ 17 ชันษาในห้องทำงาน พร้อมกับนำข้อสอบมา "ฟิสิกส์ คำนวณผลได้ช้า 1 ข้อใช้เวลาราว 5 นาที ทั้งๆที่เวลาสอบคือชั่วโมงกว่า เคมี เธอเอาชื่อธาตุสลับกัน ชีววิทยา ตอบชื่อสายพันธุ์สัตว์ไม่ถูก เอาชื่อนกไปใส่ชื่อปลา ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใส่เป็นชื่อสัตว์ใหญ่ คณิตศาสตร์ เสียเวลาในการคำนวณและเปลืองกระดาษทดเป็นสิบ ทั้งๆที่มีแพดช่วยอยู่แล้วแท้ๆ ผู้คุมสอบต้องรอเธอทำข้อสอบเสร็จเป็นชั่วโมงน่ะ" แมคเคลเลนกล่าว
แอสเซนบอก "ถึงพวกเขาจะมีแพดหรือคอมขนาดเล็ก เพื่อช่วยให้การทำโจทย์ง่ายดายกันก็ตาม แต่....มันก็ไม่ช่วยให้เราใช้สมองในการคิดและทบทวนคำตอบกันเลยนะคะ"
"ถึงกระนั้น วิธีการของเธอนั้นช้าอยู่ดี นักวิจัยที่ดีต้องการผลลัพธ์ที่ต้องการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้งานสำเร็จไปได้ด้วยดี ไร้ซึ่งปัญหาทั้งหลาย ไม่มีการล่าช้าเสียเวลากับปัญหาที่เกิดจากการลงมือทำเลยน่ะ" แมคเคลเลนกล่าว
แอสเซนบอก "ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่เร็วและตรงกับที่ต้องการจนงานสำเร็จ แต่.....คิดหรือว่างานมันจะสำเร็จโดยไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นแบบฉับพลัน หรือ....มีตัวแปรเล็กน้อยที่ทำให้ผลลัพธ์ล้มเหลวตามที่ฉันทราบมาน่ะ"
"เธอทราบจากไอเดย่ามาใช่มั้ยละ" แมคเคลเลนบอก "ไอเดย่ากับเพื่อนบางกลุ่มใช้วิธีการที่เก่าแก่ไม่เหมาะกับสถาบันแห่งนี้ แม้เธอจะเรียนรู้วิชาในสถาบันนี้จนได้เต็ม แต่....งานวิจัยของเธอล่าช้าไปเยอะ จนหัวหน้าทีมวิจัยและอาจารย์ส่วนมากระอาเต็มทนแล้วน่ะ"
แอสเซนกล่าว "แล้วท่านแน่ใจหรือคะ ว่าเหล่าท่านอาจารย์ที่ให้การสนับสนุนท่านนั้นจะมีผลงานที่เขาเขียนเองจริงๆน่ะ"
"แอสเซน พวกเขาเป็นคณะอาจารย์ที่มีผลงานวิจัยอันโดดเด่นและมีชื่อเสียงไม่น้อย ซึ่งพี่ให้การสนับสนุนพวกเขา ใช้ความรู้ความสามารถด้านต่างๆสอนลูกหลานให้นำไปใช้พัฒนาจักรวรรดิ์ของเราดีขึ้นกว่านี้น่ะ" แมคเคลเลนบอก
แอสเซนกล่าว "แต่เท่าที่ฟังจากคุณไอเดย่าเล่ามา อาจารย์เหล่านั้น ขโมยผลงานของเพื่อนร่วมรุ่นของเธอ และรุ่นน้องไม่น้อย แม้พวกเขาพยายามจะร้องเรียน เพื่อพิจารณาให้ท่านลบชื่ออาจารย์ที่แย่งผลงานและสนับสนุนพวกเขาทดแทนที่พวกเขาเสียโอกาสไป...."
"แล้วไหนละ หลักฐานน่ะ แอสเซน ถึงแม้จะพูดให้ฉันทราบกันก็ตาม แต่ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน พี่คงไม่เชื่อคำพูดของเธอได้หรอกน่ะ" แมคเคลเลนกล่าว "และ....พี่จะให้รุ่นพี่รายอื่นมาสอนเธอแทนไอเดย่าซะ อย่างน้อย เธอควรจะเรียนรู้ให้เร็วเทียบเท่ากับเพื่อนร่วมรุ่นรายอื่นๆที่ได้คะแนนสูงๆกันบ้างน่ะ"
แอสเซนบอก "ท่านแมคเคลเลน ท่านมันลำเอียงเกินไปแล้วนะ"
อีก 1 เดือนถัดมา ที่สำนักงานการโยธาของแอคเคน
"จะให้ปล่อยทาสที่อยู่ใต้โคลอสเซี่ยมของเมืองเครสเฟนนะหรือ แอสซี่" แอคเคนอายุ 25 ชันษากล่าว
แอสเซนตอบ "คะ พี่แอคเคน แมนิเกเตอร์แคลเกียสที่อยู่ในห้องขังเหล่านั้น บอกว่าพวกเขาถูกจับขังอย่างไม่ยุติธรรมไม่ว่า พวกเขาอ้างว่าเมืองแห่งนี้เป็นของพวกเขา แต่ชาวซัลคาเลี่ยนจากทวีปตะวันออกลี้ภัยเข้ามายึดไป แถมยังโกหกท่านเช่นนี้ หนูรู้สึกสงสารพวกเขามากเลยนะคะ"
"แปลว่า เธอจะให้ฉัน ปลดปล่อยพวกแคลเกียสเลยละสิ" แอคเคนกล่าว แอสเซนพยักหน้า แต่องค์ชายหน้ายักษ์กลับตอบว่า "เสียใจด้วยน่ะ แอสซี่ ที่พี่ทำเช่นนั้นไม่ได้น่ะ"
แอสเซนถาม "ทำไมละคะ ในเมื่อพี่เองบอกว่าจะแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง เหมือนที่พี่สามารถซ่อมและบูรณะเมืองที่เสียหายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้น่ะ"
"พี่อยากจะช่วยพวกแคลเกียส ซึ่งเป็นแมนิเกเตอร์หุ่นที่เคยอยู่มากับท่านแม่กันก็ตาม แต่ชาวเมืองเครสเฟนกักพวกแคลเกียสเอาไว้ เพื่อไม่ให้พวกนั้นออกมาก่อความเดือดร้อน ถึงขั้นที่บุกเข้านครหลวงและทำร้ายท่านแม่กันหรอกน่ะ" แอคเคนบอก
แอสเซนแย้ง "แต่ ท่านเชื่อชาวเมืองเหล่านั้น มากกว่าพวกแมนิเกเตอร์ที่เป็นเจ้าของเมืองที่แท้จริง ซึ่งถูกกักขังมาเป็นสิบปีกันไม่ว่า ชาวเมืองเหล่านั้นรวมหัวกับกลุ่มค้าทาส กดขี่ข่มเหงไม่ให้อิสระแก่พวกเขาไม่ว่า พวกเขายังถูกจับมาลงสนาม ประลองต่อสู้กับแมนิเกเตอร์ที่โหดร้ายทารุณอย่างมาก โดยที่พี่ร่วมด้วยกับพวกชาวเมืองจอมปลอมเหล่านี้ ท่านแม่ทราบคงไม่พอใจแน่ๆน่ะ"
"พี่อยากจะทำตามที่เธอขอมาหรอกน่ะ แอสซี่ แต่.....พี่ไม่อยากให้ความเสียหายบังเกิดขึ้นไปมากกว่านี้ ต่อให้พวกแคลเกียสไม่ได้เลวร้ายกันก็ตาม" แอคเคนบอก และเดินหันหลังพร้อมกับบอกว่า "พี่เสียใจด้วยน่ะ แอสซี่" จากนั้นก็เดินออกจากห้องทำงานไป
แอสเซนกำหมัดแล้วก็ "โครมมมม" ทุบกับโต๊ะทำงานจนพัง แล้วตะโกนไล่หลังไป "ท่านชื่นชอบความบันเทิงจากโคลอสเซี่ยมนั้นก็บอกมาเหอะ แอคเคน!!!!"
แล้วเวลาผ่านไป ปีจักรวรรดิ์ที่ 40 พระราชวังราซาคาเลส หลังจากที่โคคูเดนและเรฟีเทนเดินจากไปแล้ว
"โอ้ว ท่านแอคเคน ท่านแมคเคลเลน พวกท่านมาด้วยเรื่องเดียวกันกับท่านโคคูเดนและท่านเรฟีเทนอีกละสิ" แอสเซนกล่าวแบบไม่สะทกสะท้าน
แอคเคนบอก "แอสซี่....เธอเกี่ยวข้องกับเหตุกบฎแคลเกียสเมื่อ 3 ปีก่อนใช่มั้ย"
"ชาวเครสเฟนปากดีบอกกับท่านแล้วสิ" แอสเซนบอก "ใช่ ฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง หากแต่....ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าแคลเกียสส่วนมากอาฆาตแค้นพวกท่านอย่างมากจนก่อเหตุบานปลายไปเลยน่ะ"
แอคเคนกล่าว "พี่บอกแล้วไงละ ว่าพวกแคลเกียสมันอันตรายเกินไปที่จะปล่อยออกไปได้ไม่ว่า เธอใช้สถานะตัวแทนของพวกเรา ซึ่งควรจะเป็นคนอื่นจากสภาขุนนางมารับผิดชอบแทน เข้าร่วมการประลองในโคลอสเซี่ยม เล่นงานหัวหน้างานเพื่อแย่งกุญแจปลดปล่อยพวกแคลเกียสออกไปกันไม่ว่า พี่ยังทราบมาว่า เธอยังสั่งบาโรนแห่งเผ่าบาโร็คควบคุมตัวพวกแคลเกียสทั้งหลายไปประหารที่อื่นนิ เธอบอกได้มั้ย ว่าเธอให้บาโร็คประหารพวกแคลเกียสที่ไหน"
"ไม่รู้ ฉันสั่งท่านบาโรนกับพวกบาโร็คประหารแคลเกียสที่อื่นที่ไม่ใช่ระบบดาวนี้ รอบระบบดาวนี้ และไม่ใช่เขตอวกาศของสมาพันธ์ด้วย ฉันเลยไม่รู้ว่า พวกเขาพาแคลเกียสเหล่านั้นไปไหน ขอแค่อย่างเดียวคือ ปัญหาไปจากดาวดวงนี้ได้เหมือนที่ท่านชอบทำกันก็เกินพอแล้วละคะ" แอสเซนตอบ
แอคเคนกล่าว "แบบนั้นไม่น่ารักเลยนะ แอสซี่ ชาวเมืองเครสเฟนควรจะอยู่อย่างสงบ มิใช่ถูกบีบบังคับให้อยู่ในกรงรูหนูใต้โคลอสเซี่ยม และถูกไล่ออกไปอยู่ที่อื่นกันน่ะ"
"แล้วท่านนึกถึงพวกแคลเกียสที่ต้องทนทุกข์ทรมานกันบ้างมั้ยคะ ท่านลองลงไปหาเพื่อรับฟังคำพูดจากพวกเขาบ้างมั้ย ท่านเลือกที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างกัน แม้นั้นจะสุ่มเสี่ยงต่ออันตราย แต่เพื่อให้ชนเผ่าอันเก่าแก่นี้ได้รับความเป็นธรรม มากกว่าเป็นข้าทาสให้กับชาวซัลคาเลี่ยนที่เห็นแก่ตัวเอง หวาดกลัวว่าพวกตนไม่มีหลักแหล่งจนถูกส่งกลับบ้านเกิดที่แย่กว่า เคยรับฟังความเห็นอื่นๆเพื่อนำไปแก้ปัญหากันมั้ย ไม่เลย ในหัวของท่านมีแต่ช่วยให้ชาวเครสเฟนเป็นประชากรในอาณาจักรของพี่ ที่มีพวกแคลเกียสเป็นทาสแรงงานและทาสนักสู้ในเวทีประลองความรุนแรงของท่าน ซึ่งมันสวนทางกับองค์ชายแห่งการโยธาที่สร้างและบูรณะความเสียหายกันชัดๆ" แอสเซนบอก "ที่จริง ด้วยหน้าตายักษ์อย่างท่านนั้น ควรเป็นองค์ชายแห่งการสร้างปัญหาและความแตกแยก จนทำให้พวกแคลเกียสก่อกบฎสร้างความวุ่นวายกันซะมากกว่า"
แอคเคนบอก "แอสซี่ หยาบคายกันเกินไปแล้วน่า พี่คิดว่าเธอแพ้พวกเราไปแล้ว น่าจะยอมรับกันได้บ้างสิ"
"แอสเซน แค่เรื่องพวกกบฎแคลเกียสมันหนักหนากันไม่เท่าไหร่ จนเจ้าพี่สามและเจ้าพี่ห้าเองแทบไม่เชื่อเสียด้วยซ้ำก็ตาม" แมคเคลเลนบอก "แต่ที่เธอทำกับสถาบันของพี่นั้น มันเกินไปหน่อยแล้วละ"
แอสเซนถาม "ท่านช่วยอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์กันได้มั้ยคะ ว่าขั้นตอนของการกระทำของฉันมีเช่นไร"
"เธอไม่เพียงใช้สถานะของตัวแทนของพวกเรา อนุมัติให้มีการไต่สวนเหล่าคณาจารย์ทั้งหลาย จนเปิดโปงว่าพวกเขาขโมยผลงานวิจัยของลูกศิษย์มาเป็นของพวกเขาเอง ซึ่งพี่เห็นว่านั้นเป็นข้อกล่าวหาเลื่อนลอยไม่มีหลักฐานกันไม่ว่า เธอกล้าปลดพวกเขาและขับไล่พวกเขาไปอยู่ทางเหนือ จากนั้นก็แต่งตั้งไอเดย่าและเหล่านักวิจัยที่เป็นเพื่อนๆของเธอ ให้เป็นหัวหน้าสถาบันและคณาจารย์ อนุมัติให้มีการวิจัยทุกอย่างภายในสถาบันโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากฉัน จนเกือบจะทำให้สถาบันได้รับความเสียหายกันเช่นนี้ เธอจะอธิบายยังไงละ" แมคเคลเลนถาม
แอสเซนบอก "ที่ฉันทำนั้น คือการปรับเปลี่ยนกระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกบิดเบือนให้กลับมาถูกต้องอย่างแท้จริง และช่วยให้นักวิจัยเข้าถึงองค์ความรู้ทั้งเก่าและใหม่ เพื่อนำมาปรับใช้พัฒนาแรซัลก้าให้ดียิ่งขึ้นนะคะ"
"เธอถึงให้นักเรียนรุ่นหลังใช้ตำราเรียนที่หนัก เก่า คระเครือ ไม่เหมาะกับกระบวนการศึกษาของแรซัลก้า แทนที่จะใช้แพดหรือคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สะดวกและเร็วกว่ากันนะหรือ" แมคเคลเลนกล่าว
แอสเซนกล่าว "ท่านคงไม่รู้หรอกนะคะ ว่าแพดและคอมพิวเตอร์ทำให้หาข้อมูลสะดวกและเร็ว แต่ก็สามารถโกงข้อสอบได้ง่ายดาย และไม่ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง เพราะองค์ความรู้ถูกจำกัดให้รู้ในสิ่งที่ถูกเลือก มิใช่สิ่งที่พวกเขาอยากรู้กันจริงๆ ถ้าไม่มีองค์ความรู้เก่าๆมาเปรียบเทียบ พวกเขาจะไม่สามารถสร้างสิ่งใหม่ๆต่อยอดไปได้ และถึงแม้จะล่าช้า เพราะมีปัญหาน้อยใหญ่ติดขัดเลยก็ตาม ซึ่งสิ่งที่ฉันพูด ท่านก็น่าจะอ่านในรายงานที่ท่านมองข้ามไปเลยนะคะ"
"แล้วจะอธิบายเรื่องคณะอาจารย์ที่เธอลงโทษและปลดออกจากตำแหน่งกันละ พวกเขาก็เป็นบุคคลสำคัญที่เก่าแก่และมากประสบการณ์ มีผลงานงานวิจัยอันโด่งดังเป็นที่เล่าลือน่ะ" แมคเคลเลนกล่าว
แอสเซนตอบ "แล้วท่านเคยถามว่า พวกเขารู้กระบวนการต่างๆ ข้อมูลที่รวบรวมมาเองบ้างมั้ยคะ เคยให้พวกเขาทำเองมั้ยคะ และเคยตรวจสอบพวกเขาว่าพวกเขาทำรายงานเอง หรือใช้ให้เจ้าของงานวิจัยเป็นแค่ผู้ช่วย ทำหน้าที่สนับสนุนงานที่เขาโดนแย่งไปกันมั้ย ไม่เลย ท่านไม่เพียงไม่สน เพราะในหัวของท่าน ต้องการให้พวกอาจารย์ผู้ชาญฉลาดแต่ไร้ความคิดในการทำผลงานของพวกเขา เป็นส่วนหนึ่งของคณะปกครองของท่านเองสินะคะ" แมคเคลเลนชะงัก องค์หญิงสิบสามพูดต่อ "ที่ท่านไม่ทำ เพราะกลัวว่าถ้าไม่มีพวกเขา ท่านก็สร้างอาณาจักรวิทยะของท่านไม่ได้ และท่านกลัวว่า คณะปกครองที่มีนักวิจัยหนุ่มสาวหัวก้าวหน้า มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ จะมีท่าทีไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่าน หรือมีแนวคิดที่ขัดกับของท่านอย่างสิ้นเชิง รวมไปถึง....พวกเขาไม่เอาด้วยกับโปรเจคกวาดล้างพวกเวโนมิไนซ์และเพโทรน็อกซ์ของท่าน ซึ่งถ้าท่านแม่รู้ นอกจากท่านจะถูกปลดจากตำแหน่งเร็ว เผลอๆท่านแม่จะยิ่งปกป้องทั้งสองเผ่ากันมากขึ้นไปด้วยน่ะ"
"พวกเขาเป็นอสูรกาย สัตว์ประหลาด ตัวอันตรายที่ควรจะถูกกวาดล้างไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เพื่อให้แรซัลก้าสงบสุขมานานแล้ว แนวทางของท่านแม่ที่ต้องการให้พวกเขาอยู่ จะยิ่งสร้างความวุ่นวายมากขึ้น ถ้ารีบทำลายพวกเขา ดาวของเราจะถูกแปรสภาพเสียเองน่ะ" แมคเคลเลนบอก
แอสเซนกล่าว "ท่านมันก็โหดร้ายพอๆกันกับแอคเคนนี้แหละ แต่เลวร้ายยิ่งกว่า เพราะถึงแม้พวกเขาเป็นอสูรกายและสัตว์ประหลาด พวกเขาเป็นชาวซัลคาเลี่ยนเหมือนกันน่ะ"
"การกระทำของเจ้ามันไม่ต่างจากไวลิคม่าเลยน่ะ ถึงแม้เจ้าจะไม่รื้อฟื้นหรือเปลี่ยนชื่อเสียให้เป็นดีกันก็ตาม" แมคเคลเลนกล่าว "ด้วยความรู้ด้านวิทยะ พี่จะต้องรู้ให้ได้ ว่าเจ้าคิดการอะไรกันแน่ ถึงกล้าลบข้อมูลระบบดาวบางอย่างในโบราณสถานเก่าแก่น่ะ"
แอสเซนหลี่ตาก่อนกล่าวไปว่า "แปลว่าท่านคิดที่จะล้วงดูข้อมูลของพวกเราเลยละสิ"
"ใช่ ในการดวลที่ข้าและแอคเคนจะดวลกับเพื่อนพ้องของเจ้านั้น ข้าจะส่งกองรบสเปซไนท์ส่วนหนึ่ง ตรงเข้าไปยังยานรบของเจ้ากับพวกที่อยู่จอดอยู่ในเมืองหลวงของดาวดวงนี้ แน่นอน ว่าเจ้ากับพวกส่วนหนึ่งที่สาหัสจากการดวลกับพวกเจ้าพี่สาม คงไปหยุดไม่ทันแน่นอน" แมคเคลเลนบอก
แอคเคนกล่าว "ถึงเธอจะรีบกลับไป มันไม่ทันการณ์หรอกน่ะ แอสซี่ เพราะเจ้าพี่ใหญ่ส่งเมทาลอยด์นำร่องไปก่อน เพื่อส่งสเปซไนท์เข้าใกล้ยานของเธอกัน ซึ่งต่อให้เธอเหลือใครในยานเพื่อปกป้อง ก็คงต้านไม่อยู่หรอก"
"อืมมมมม" แอสเซนนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนบอกว่า "หวังว่าแผนของท่านคงได้ผลบ้างนะ" แล้วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และหยิบหอกออกไป จน....
"ตะกี้นี้ มันความฝันหรือเนี้ย" แอคเคนกล่าวโดยที่ตนนอนอยู่บนเตียงเหล็กในยานชั้นลาบัลย่า
"ทำไมเราฝันถึงแอสเซนเมื่อตอนอยู่แรซัลก้ากัน แต่มันต่างออกไปกันน่ะ" แมคเคลเลนกล่าว ตนลืมตาตื่นบนเตียงแคปซูลกัน ซึ่งปิดระบบฟื้นฟูเพราะตื่นก่อนเวลาที่ตั้งไว้
ส่วนแอสเซนหรือสเปียริทนั้น.... "ฉันรู้แผนของนายแล้วละ คิโคเดน"
TriVeser Manigator Saga: The Titan Savior
ตอนที่ 3 การทดสอบของทศภารดรเทพ ครั้งที่สาม ยักษ์ วิทยะ แผนลวง
ที่หมู่บ้านโฟรเทรดิล
"ท่านคิดว่า ความฝันในคราวนี้ของสเปียริทเป็นจริงหรือเปล่าละครับ" พีวิลถาม
รัคชูมี่ถอนใจและกล่าวไปว่า "เกรงว่า สิ่งที่สเปียริทฝันอยู่นั้นมันจะเป็นจริงในไม่ช้านะสิ"
"ป้าหมายความว่า แมคเคลเลนใช้การดวลของเขากับแอคเคนเป็นฉากบังหน้า แต่จริงๆแล้ว ตนได้ส่งคนไปบุกยานไทรแองเกิ้ลละสิครับ" เนคมาดูซัมบอก
รัคชูมี่พยักหน้า "แม้การเชื่อมโยงจิตจากความฝันของสเปียริทกับแมคเคลเลนและแอคเคนนั้น จะทำให้สเปียริทรู้เรื่องที่แมคเคลเลนคิดอยู่ แต่ในทางกลับกัน แมคเคลเลนและแอคเคนอาจจะรู้ด้วยเช่นกัน ว่าสเปียริทโต้ตอบยังไงด้วย เพราะว่า....สเปียริท และทศภารดรเทพ อยู่ใกล้กันนะสิ"
"ทั้งๆที่พวกเขาอยู่นอกดาวนะหรือคะ" แอนเดรียบอก
มาสวาร์ทาร์กล่าว "ถึงจะอยู่นอกดาว แต่ถ้าอยู่ในระบบดาวเดียวกันละก็ การเชื่อมต่อทางจิตย่อมเกิดขึ้นได้แน่นอนน่ะ"
"แล้วเราไม่มีวิธีอื่นที่ตัดการเชื่อมโยงทางจิตเลยหรือคะ" โฟรซ่าถาม
รัคชูมี่บอก "ถ้าสเปียริทปิดกระแสจิตไม่ให้พวกทศภารดรรับรู้ และอยู่ในระยะห่างไกลกันนั้น ก็พอได้อยู่ หากแต่....คราวนี้คงยาก เพราะคิโคเดนนำทศภารดรมาอยู่ด้วยกันทั้งหมด ซึ่งต่อให้สเปียริทหนีไปไหน พวกเขาก็ตามเจอได้อยู่ดี"
"บอกตามตรงน่ะ คิโคเดนรู้ดี ว่าการที่เราได้รับบาดเจ็บหลังการสู้กับทศภารดรเทพนั้น คงไม่มีแรงพอที่จะกลับไปโต้ตอบการบุกรุกจากหลังฉากได้ทันแน่นอน ต่อให้รีบไปก็คงไม่ทันการณ์น่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
คลอเวฟบอก "ป้า พวกเราไม่ดวลกันได้มั้ยละ"
"ไม่ได้หรอก ถ้าพวกเธอไม่อยู่ดวลกับแอคเคนและแมคเคลเลน ฉันกลัวว่าทั้งคู่ อาจจะสั่งสเปซไนท์ที่อยู่ใกล้ให้ถล่มพื้นที่โดยรอบเวที และเขตชุมชนกับเมืองที่เป็นต้นสังกัดของพวกเธอแน่นอน" รัคชูมี่กล่าว
สเปียริทบอก "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมคเคลเลน ที่คิดจะกวาดล้างเพโทรน็อกซ์และเวโนมิไนซ์ให้สิ้นซากในคราวเดียว เพื่อจุดประทุความโกรธแค้นให้กับทั้งสองเผ่าที่ยังอยู่ในทวีปหลัก ให้เป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อนสิคะ"
"ใช่ แม้ว่าคิโคเดนจะไม่ได้นำกองยานมาก็ตาม" รัคชูมี่บอก "แต่ข้อมูลล่าสุดที่คูลิแนนซ์ได้มาและส่งคนมาแจ้งกับทางเราเมื่อคืนนั้น พบว่ายานชั้นลาบัลย่าที่ระบบดาวเทรสตีดออกจากระบบไป 4 ลำด้วยกันน่ะ"
ไซโคลเนียกล่าว "ว่าแต่ พวกเราไม่เรียกกองยานมาช่วยเลยหรือคะ"
"ถ้าทำเช่นนั้น คิโคเดนก็มีข้ออ้างในการก่อสงครามและยึดระบบดาวของเราได้นะสิ ไซโคลเนีย เพราะคิโคเดนต้องการยั่วยุให้กองยานรบที่มีความอดทนอดกลั้นต่ำมาหาเรื่องกับพวกเขา จนมีข้ออ้างว่าพวกเราเป็นฝ่ายเริ่มก่อนน่ะ" ฟิเกซกล่าว
เจเนลบอก "บอกตามตรงน่ะ ว่าคิโคเดนทำเกินไปแล้วน่ะ"
"ถึงกระนั้น พวกเราต้องใจเย็นไว้ก่อนน่ะ เพราะเรายังได้เปรียบที่รู้แผนการแล้วน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
โฟรซ่ากล่าว "แต่.....ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ว่ามีบางอย่างไม่เข้าท่าเกิดขึ้นน่ะ"
ที่ดาวแคสเซเดี่ยน-3 ทำเนียบเงิน
"ยานของคิโคเดนยังขวางดาวของเรากับดาวแคสเซรอน-4 ตลอด ซึ่งเราไม่สามารถใช้การสื่อสารข้ามดวงดาวไปได้เลยนะครับ" แอร์ไพล์มมิสรายงาน
แฮซกริฟกล่าว "ถึงเธอกับพวกจะทำเช่นนั้นได้ คิโคเดนก็รู้อยู่ดี ว่าพวกเราคิดจะเตือนพวกเขาไว้น่ะ"
"ดีที่คุณแคเรี่ยนและพวกไปช่วยผู้นำเรย์แมกซ์เมื่อ 2 เดือนก่อน ยังพอช่วยอะไรได้บ้างนะคะ" ไอรีสบอก
แอร์ไพล์มมิสบอก "ตอนนี้สภาพภายในดาวเป็นเช่นไรละครับ"
"ฉันส่งเดลิคไปช่วยจูเดทต้าและกองกำลังหลังฉากคุ้มกันเฟิร์สฮิลล์ไว้ ตั้งแต่วันแรกที่คิโคเดนโผล่มาแล้วละ" บัลโต้กล่าว
เพอซิอัสบอก "แล้วพวกเธอมีอะไรอัพเดทอีกมั้ยละ"
"มีคนในส่งข้อมูลแผนการบ้าๆของคิโคเดนมาให้พวกเรากันนะครับ ซึ่งทางเราได้แกะรหัสมาแล้ว บอกตามตรง ว่านี้เกินไปแล้วละครับ" แอร์ไพล์มมิสบอก และส่งข้อมูลรหัสลับที่ได้มา ซึ่งผ่านการถอดรหัสไปแล้ว
"นี้มันเฮงซวยมากแล้วน่ะ" บัลโต้กล่าว
"แอร์ไพล์มมิส พอจะบันทึกภาพความเคลื่อนไหวกันได้มั้ยละ" โคเคสสั่ง
แอร์ไพล์มมิสกล่าว "เราจะพยายามนะครับ เพราะเรารู้ดี ว่าคิโคเดนคงให้แมคเคลเลนใส่ตัวป้องกันการบันทึกภาพกันนะครับ"
"อย่าห่วงไปเลยนะครับ เพราะทางเราเตรียมพร้อมไว้แล้วละ" เสียงของชายคนหนึ่งกล่าวจากหน้าจอสีดำ
บัลโต้บอก "หวังว่าคิโคเดนคงไม่เตรียมพร้อมอะไรบ้าๆอีกน่ะ"
ที่ยานชั้นลาบัลย่า นอกดาวแคสเซรอน-4
"กร้องงงง กร้องงงง กร้องงง กร้องงง กร้องงง กร้องงงง" สเปซไนท์ผิวน้ำเงินอัคเทนซัลคาเลี่ยนบุกเข้ามาด้วยค้อนและขวานสองเล่มฟาดใส่แอคเคน ที่ใช้ขวานสองเล่มฟาดฟันโต้ตอบอย่างหนักหน่วง "ตึงๆๆๆๆ" สเปซไนท์ควบคุมหุ่นเกราะขนาดใหญ่ก้าวเข้ามา "หวับบบบ ป้ากกก" ชกใส่แอคเคนซึ่งใช้ขวานสองเล่มป้องกันหมัดขนาดใหญ่ หากแต่หมัดยักษ์หาได้ผลักแอคเคนให้ถอยไม่ "ว้ากกกก" แต่แอคเคนตะโกนและสบัดขวานสองเล่ม "ฉั้วะ โครมมมม" เฉาะผ่าหมัดยักษ์และแขนท่อนล่างข้างขวาให้ขาดสี่ซีกในทันที
"ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" หุ่นมือสังหารเมทาลอยด์ 4 ตัว โดยที่มีตัวเล็ก 1 ตัวรวมอยู่บุกเข้าใส่แมคเคลเลน ซึ่งถือดาบคมเดียวแต่มีลายแถบและตัวเลขบนไม้บรรทัดสองเล่ม "ฟ้าววววว" เมทาลอยด์ตัวหนึ่งบุกเข้าจู่โจมด้วยแขนดาบข้างขวา โดยมาพร้อมกับตัวที่สองที่ใช้ใบมีดหลังแขนสองข้าง "หวับบ เคร้งงง เคร้งงงง เคร้งงงง" แมคเคลเลนหวดดาบไม้บรรทัดฟาดปะทะกับดาบของเมทาลอยด์สองตัว โดยที่ตัวที่สาม ซึ่งมีขนาดเล็กวิ่งเข้ามาพร้อมกับแขนเข็ม "เคร้งงงงง หวับบบบ" แมคเคลเลนเอี้ยวตัวหลบการโจมตีได้ทัน "ฟึ่บบบ เคร้งงงงง" ตัวที่สี่บุกมาด้วยดาบแสงที่ดึงจากฝ่ามือซ้ายและขยายคมดาบให้ใหญ่ฟาดเข้ามา แต่แมคเคลเลนฟันโต้ตอบได้ก่อน "อี้ดดดดด แกร็กๆๆๆๆ อี้ดดดดด" เมทาลอยด์ตัวแรกพับมือเพื่อนำลำกล้องปืนที่อยู่ในแขนออกมา ตัวที่สองแบมือเพื่อเปิดช่องยิงที่แขนด้านใน ตัวที่สามทำแบบเดียวกับตัวแรก แล้วก็ "ฟึ่บบบบ ซูมมมมม" เมทาลอยด์ดาบใหญ่พ่นเพลิงด้วยการสบัดแขน พร้อมกับ "ตรุ้งง ฟิ้วๆๆๆๆๆ ตรุ้งงงง" ตัวแรกยิงกระสุนไฟฟ้า ตัวที่สองยิงดาวกระจาย ตัวที่สามยิงกระสุนสะเก็ดน้ำแข็งใส่ "ฟึ่บบบบ เปรี้ยงงงง" แมคเคลเลนสบัดดาบไม้บรรทัดคู่ออกไปเต็มแรงจนเป่าการโจมตีทั้งสี่ให้สลายไป "ท่านแมคเคลเลน พวกเราเลียนแบบแพทเทิร์นการต่อสู้ของพวกเมนซิกส์ทีนที่ท่านต้องสู้กันแล้ว ท่านมีคอมเมนท์เป็นเช่นไรละคะ" เมทาลอยด์ตัวเล็กกล่าว โดยกลับสภาพเป็นหุ่นผู้หญิงตามเดิม
แมคเคลเลนส่ายหน้า "ยังไม่ดีพอนะสิ ถึงพวกเธอจะเลียนแบบท่วงท่าและอาวุธของเมนซิกส์ทีนให้เหมือนได้ก็ตาม ขีดความสามารถของเหล่าคู่ต่อสู้ที่ฉันต้องสู้นั้น คงพัฒนาไปมากแน่ๆ"
"เพราะพวกเขาปราบศัตรูที่ร้ายกาจยิ่งกว่า หลังจากที่พวกท่านเจอบุตรีองค์สุดท้ายของท่านโอเวอร์เดสละสิครับ" เมทาลอยด์ชายตนแรกบอก
แมคเคลเลนพยักหน้า "เจ้าพี่สาม เจ้าพี่ห้า เจ้าพี่หญิงรอง และพวกคลอวูเดน สู้กับเพื่อนพ้องของแอสเซนที่แข็งแกร่งและฝีมือก้าวไกลยิ่งกว่าข้อมูลที่เราได้มา แม้ผลออกมาคือเสมอก็ตาม" แล้วก็ถอนใจ พร้อมกับเช็คข้อมูลการต่อสู้ที่บันทึกไว้ "หวังว่าการดวลครั้งนี้คงจะมีผลลัพธ์ดีๆกันบ้างน่ะ"
"พอจะให้ยืมเมทาลอยด์สักตัวมาฝึกได้มั้ยละ แมคเคลเลน" แอคเคนเดินมาอย่างเหนือยๆ
แมคเคลเลนกล่าว "เจ้าพี่เจ็ดคงอยากใช้เมทาลอยด์เปลี่ยนไซส์เป็นแอลและเอ็กซ์เอ็กซ์แอลละสิ เพราะสเปซไนท์ที่สู้กับพี่ ให้ผลลัพธ์ไม่ดีละสิ"
"ฉันพยายามที่จะฝึกกับคู่ต่อสู้แบบเพื่อนๆตัวบึกและยักษ์ใหญ่ของแอสซี่กันแล้ว บอกตามตรง ว่าขนาดตัวใกล้เคียง แต่พละกำลังไม่ได้ตามที่คิดไว้น่ะ" แอคเคนบอก
แมคเคลเลนกล่าว "ผมรู้ ว่าท่านอยากจะเอาชนะเพื่อนตัวบิ้กๆของแอสเซน เพื่อนำชัยชนะมาให้เจ้าพี่ใหญ่ หลังจากที่เจ้าพี่สาม....ทำได้แค่เสมอเบรซซิ่งแฮนด์พีวิลกันเช่นนี้ ผมเองก็หงุดหงิดพอๆกันเลยน่ะ"
"ใครจะไปคิดละ ว่าไอ้กระหร่องอดีตมนุษย์แขนโต ไม่เพียงรวดเร็วว่องไวจนโต้ตอบการโจมตีของเจ้าพี่สาม แต่หมัดของมันก็แรงเอาเรื่อง ไม่เช่นนั้น มันคงไม่ต่อยหน้าเจ้าพี่รองไปได้หรอกน่า" แอคเคนกล่าว "แล้วแผนของนาย แน่ใจนะ ว่าจะได้ผลน่ะ"
แมคเคลเลนกล่าว "สหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ทำพลาดในเรื่องไม่ได้สร้างสนามพลังครอบทวีปเหมือนกับที่ท่านแม่ทำอยู่ แผนการใช้เลเซอร์กำลังสูงทำลายทวีปจากนอกดาวทำลายลอร์เดเซลอทนั้น ย่อมได้ผลอยู่แล้วละครับ"
"แต่ทวีปเดียโบโรมมันอาจจะฉาบทั้งทวีปให้เป็นผลึกเช่นนี้ ลำแสงคงไม่ได้ผลหรอกน่ะ" แอคเคนบอก
แมคเคลเลนกล่าว "ไฮเปอร์ซาวนด์เวฟแคนน่อน ที่ได้ข้อมูลมาจากซาวนด์เวฟแคนน่อนของซิกเซบาร์ดนั้น รุนแรงพอที่จะทำลายพวกเพโทรน็อกซ์ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกันอยู่แล้ว ต่อให้พวกนั้นพยายามหนีขึ้นฟ้า ดำลงน้ำ พวกเขาก็ไม่มีทางหนีได้แน่นอน"
"แล้วไม่กลัวว่าเรลโลเซนจะโกรธหรือ ในเมื่อเธออยากจะได้ผลึกหลากสีจากพวกมัน" แอคเคนกล่าว
แมคเคลเลนส่ายหน้า "ผลึกโชนโครคิฟจากพวกเพโทรน็อกซ์นั้น มันเป็นของอันตรายมาก จนไม่ควรเก็บเป็นคอลเลคชั่นสะสมได้หรอกน่ะ ถ้าขนาดมีคนโง่สองรายขึ้นควบคุมหุ่นของเพโทรน็อกซ์จนตกผลึกและแตกกระจุยเมื่อถูกกระทบกระทั่ง หรือกลายเป็นพวกเพโทรน็อกซ์เสียเอง แมนิเกเตอร์ที่อยู่บนดาวดวงนี้ก็ต้องเจอชาตะกรรมเดียวกัน เหมือนกับพวกเวโนมิไนซ์ ซึ่งต้องกำจัดพวกเขาให้สิ้นซากกันนี้แหละ"
"แล้วแอสซี่ล่ะ ขนาดเมื่อก่อนเธอไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของเรา จนเธอโวยใส่เรากันในฝันน่ะ" แอคเคนบอก
แมคเคลเลนบอก "ความฝันกับความเป็นจริงมันไม่เหมือนกันหรอกน่า แอคเคน ต่อให้พี่หญิงใหญ่เคยพูดว่า บางครั้งความฝันอาจจะบอกเหตุบางอย่างกันจนเกิดขึ้นจริงก็ตาม.....ฉันคิดแค่ว่านี้เป็นเพราะเราคิดถึงแอสเซนมากเกินไปนะสิ"
"แต่เท่าที่ผมรู้มา เจ้าพี่สามและเจ้าพี่ห้าก็ฝันถึงแอสเซนด้วยน่า" แอคเคนกล่าว
แมคเคลเลนได้ฟังก็นิ่ง และกล่าวไปว่า "ผมว่าเจ้าพี่เจ็ดควรจะเตรียมพร้อมสำหรับการดวลดีกว่า เพราะพี่เองก็ไม่พอใจที่แอสเซนมีเพื่อนตัวโตและใหญ่กว่าเนคเกอร์ รวมถึงเพื่อนๆตัวอันตรายบางตนเลยน่ะ"
ย้อนความกลับไปในช่วงหลังยุทธการถล่มพวกเฮซเทิร์ซที่ดาวแปดดวงกัน วันถัดมา
"เคร้งงงง แคร้งงงง เคร้งงงง ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ" คลอเวฟใช้แองเกอร์แอ็กซ์ฟาดฟันใส่เกรมฮอร์ทกลุ่มเนปจูนอยด์ของโซลูนาสตี้ ซึ่งเป็นแมนิเกเตอร์ตัวโตสวมเกราะหนาสีฟ้าและหน้ากาก ใช้ขวานโครมเมทาเลี่ยมอย่างหนักหน่วงจนผ่าแขนสองข้าง ตัวและหัวขาดสะบั้น "หวับๆๆๆๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆๆๆๆ" แล้วก็ซัดขวานสมอพุ่งเข้าเล่นงานเซนเครูทเนปจูนอยด์ ที่กระโดดขึ้นจากทะเลเข้ามาจนร่วงลงกับพื้นพร้อมกับขวาน "เฮ้ยยยย วอร์ชิฟดรอป" จากนั้นก็พุ่งเข้ามาถีบขาคู่ "เปรี้ยงงง" ถีบเข้ากลางหลังเกรมฮอร์ทให้ล้ม "ไอ้หุ่นกระป๋องนี้นะหรือ ที่เป็น 1 ใน 3 ยอดนักรบที่ขุนพลครองคอร์ดเลือก ต่อจากไอ้กระหร่องพีวิลและดาบมือหนึ่งน่ะ" แอคเคนกล่าว
โคคูเดนถาม "แมคเคลเลน แมนิเกเตอร์หุ่นยนต์นั้นมีชื่อเรียงเสียงไรบ้างละ"
"นั้นคือคลอเวฟ กราดิเอเตอร์มารีนของแอตแลนไทซ์ ตามข้อมูล หมอนี้เป็นรุ่นน้องของแพนทานิคซ์ แอตแลนไทซ์ระดับหัวหน้าที่มีความฉลาดและความสามารถสูงมากที่สุด จากการพาพวกไปแฝงตัวในเขตชุมชนใกล้กับฐานทัพของพวกมนุษย์ ตั้งแต่กองทัพบก อากาศและเรือ ซึ่งอย่างที่สามนั้นเน้นมากถึงขั้นทำลายฐานทัพเรือพังพินาศไป 15 แห่ง สร้างผลงานให้กับแอตแลนไทซ์ไปไม่น้อย ส่งผลให้คลอเวฟ มีผลงานด้านการจมเรือรบ เรือขนส่งเสบียงและกำลังพลทางน้ำระหว่างมหาสหรัฐอเมริกากับยุโรปและแอฟริกามาหลายครั้ง ทั้งการนำหน่วยรบบุกขึ้นเรือตั้งแต่จากทะเลไปจนถึงใช้เรือที่ขโมยมา ไปจนถึงควบคุมโมบิลลอยด์พาพวกไปเป่ากองเรือให้กระเจิง ทำผลงานเยอะกว่าแพนทานิคซ์ จนได้รับแต่งตั้งเป็นกราดิเอเตอร์มารีนก่อนมหาสงครามเกิดเมื่อ 5 ปีก่อนนะครับ" แมคเคลเลนกล่าว
แคมิเรนบอก "แอสเซนคงได้เพื่อนเป็นหุ่นกระป๋องเช่นนี้ คงเป็นเพื่อนที่สนิทมากละสิ"
"เปล่าเลย ตามข้อมูลจาก ครองคอร์ด ให้มานั้น อุปนิสัยของคลอเวฟนั้น ก่อนหน้าได้ชื่อเสียงเป็นนักสู้ที่ชาญฉลาดและมีความรับผิดชอบ หลังได้ชื่อเสียง ก็เกิดความโอ้อวดตน เชื่อมั่นในตัวเองสูง พอเกซเฟลิคควบคุมลูกน้องทั้งหลายในกองหันมาเข้าข้างตน กราดิเอเตอร์มารีนที่ถูกขับไล่ ก็ก้าวร้าว หยาบคาย ความอดทนต่ำ ชื่นชอบการทะเลาะเบาะแว้ง ซึ่งชนะคู่กรณีด้วยการกระทืบไปหลายที เว้นเสียแต่....ทะเลาะกับแอสเซนที่ความจำเสื่อม โดยหาว่าเป็นยัยบื้อ ซึ่งก็ทำให้แอสเซนไม่กินเส้นกับหมอนี้ด้วยนะครับ" แมคเคลเลนบอก โดยเอ่ยชื่อครองคอร์ดแบบไม่สบอารมณ์กัน
คลอวูเดนกล่าว "แอสเซนเถียงกับไอ้หุ่นกระป๋องหน้าตากวนส้นพระบาทแบบนั้น เหมือนเธอจำใครสับกันหรือเปล่าน่า"
"อย่าเอาฉันไปเทียบกับไอ้หุ่นแทงค์น้ำเดินได้สิวะ" แอคเคนโวย และหันมาถาม "แมคเคลเลน ไอ้หมอนี้ถูกขับไล่ออกจากกองด้วยเหตุใด แล้วไอ้แพนทานิคซ์ที่เป็นรุ่นพี่ของมัน หายหัวไปไหน"
แมคเคลเลนบอก "จากข้อมูลที่ได้มา แพนทานิคซ์และเหล่าแอตแลนไทซ์รุ่นเดียวกันนั้น ถูกเกซเฟลิคลงโทษด้วยการจับใส่แคปซูลและโยนลงน้ำให้จมใต้ท้องทะเลลึก 3 หมื่นโยชน์ หากแต่ ครองคอร์ด แอบช่วยพวกเขาด้วยการส่งไปอยู่ดาวดวงอื่น พร้อมกับส่งเหล่าแอตแลนไทซ์หน้าใหม่ที่ยังไม่ถูกแอคแลนไทซ์ใส่โปรแกรมควบคุมหมู่ ไปเป็นกำลังสำคัญของแอตแลนไทซ์กลุ่มใหม่ภายใต้การนำของแพนทานิคซ์ โดยมีเจ้าพี่รองเป็นผู้สั่งการและสังเกตุการณ์อย่างลับๆ" แล้วก็บอก "ส่วนกราดิเอเตอร์มารีนคลอเวฟนั้น ถูกขับไล่ เพราะไม่พอใจในการตัดสินการดวลระหว่างเขากับไพล์มเทค แอตแลนไทซ์รุ่นใหม่ที่เกซเฟลิค มือขวาของท่านพ่อ ควบคุมเขากับพวกแอตแลนไทซ์ทั้งหมดให้กดดันคลอเวฟ ยอมจำนนจนปลิดชีพตนเอง เหลือไว้แต่ร่างใหม่ให้เกซเฟลิคใช้ แทนที่ร่างเก่าที่มีขนาดใหญ่ยักษ์แต่เสื่อมสภาพไปแล้ว เพียงแต่ คลอเวฟนอกจากจะไม่ทำตาม แต่ยังร่วมด้วยกับพีวิล มาสวาร์ทาร์ และแอสเซน เข้าต่อสู้กับกองรบของท่านพ่อ จนคลอเวฟ บดขยี้เกซเฟลิคและแอตแลนไทซ์บนโลกให้แดดิ้น ในช่วงสุดท้ายของมหาสงครามบนโลก หลังจากที่ครองคอร์ดสิ้นชีพไปแล้วน่ะ"
"นั้นคงจะสร้างแผลใจให้กับกราดิเอเตอร์มารีนไม่น้อย ที่ต้องห่ำหั่นพวกเดียวกันเอง เพราะมือขวาของท่านพ่อ เห็นแก่ตัวมากจนเกินไปน่ะ" ครอสเซอเรนบอก
โคคูเดนกล่าว "แต่นั้นมันไม่ช่วยลบความเป็นผู้ทรยศออกจากตัว เหมือนที่แอสเซนทำไปได้หรอกน่ะ"
"แล้วอีกสองตัวนั้นล่ะ" แอคเคนถาม โดยเห็นสเตฟอร์ดและจายด์ "กร้องงง กร้องงง กร้องงง เชร้งๆๆๆๆ แฟ้ววว ตรูมมมม" ถล่มพวกเพโทรน็อกซ์ภายใต้การนำของบาร์ซอลจนกระเจิง
แมคเคลเลนบอก "เริ่มจากอดีตมนุษย์ตัวใหญ่นั้น ชื่อเดิม สตีฟ แวนเซน อดีตหัวหน้าหน่วยรบที่ 54 ซึ่งเบรซซิ่งแฮนด์พีวิลเป็นสมาชิกในทีม มีความสามารถในเรื่องระเบิด ทั้งใช้ วาง ติดตั้ง ยิง รวมถึงปลดและทำลายทิ้ง เนื่องจากว่าเขาเป็นลูกคนงานในเหมืองที่แคนาดา จึงมีความรู้เรื่องนี้เป็นพิเศษ ถึงขั้นที่สามารถหยุดกองรบครอสตรีมและแอตแลนไทซ์ที่บุกเมืองด้วยระเบิดได้อย่างหนักหน่วง แต่ตนกับโฟรน่า แลงครูซ รองหัวหน้าได้ถูกพวกโซลูนาสตี้ที่นำโดยแดนเจอรอท ซึ่งแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มลอบฆ่าในป่าเขี้ยวเสือนั้น ก็ถูกนำตัวไปดัดแปลงเป็นสเตฟอร์ด สมุนเอกของเทคไครด์ จากนั้นก็โดนแดนเจอรอททรยศและได้รับการคืนชีพพร้อมโฟรซ่า จนมาเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของพวกเวเซอร์ที่แอสเซนร่วมด้วยนะครับ"
"ไอ้พวกโซลูนาสตี้อะไรนั้น มันสร้างอดีตมนุษย์ถุงเนื้อให้แกร่งแบบนี้ ไอ้ค่อมแถบเหล็กนั้นมันเก่งมากละสิ" แอคเคนถาม
แมคเคลเลนบอก "สเตฟอร์ดไม่เพียงมีพละกำลังมากกว่าเดิม 5-8 เท่าด้วยกล้ามเนื้อสังเคราะห์ในตัว แต่ยังมีพลังการกระโดดสูงถึง 200 ถึง 500 เมตรในเวลาอันสั้น ฝ่าเท้ามีพลังหนึ่งการกระทืบ ทำให้เกิดแผ่นดินไหวระดับแมกติจูด 6-8 ขึ้นในพื้นที่เป้าหมายอย่างฉับพลัน กำลังแขนทั้งสองข้างมีพลังการต่อยที่แรงกว่าของเบรซซิ่งแฮนด์พีวิลถึง 6 เท่า แต่ยังมีพละกำลังมากพอในการถือค้อนทำด้วยโครมเมทาเลี่ยมหนัก 8 ตันที่ถูกบีบอัดให้เป็นค้อนสงครามได้ แน่นอน ว่านั้นทำให้สเตฟอร์ดสามารถเป่าระเบิดสนามรบให้สั่นสะเทือนจนศัตรูจำนวนมากต้องแทบสยบลง ด้วยความสามารถที่ตรงกับความสามารถเดิมได้นะครับ"
"แต่ก็เป็นอดีตมนุษย์ที่ตายสองครั้ง ซึ่งต่อให้มีกล้ามใหญ่แค่ไหน เราเห็นเป็นไอ้กระจอกอยู่ดีนะสิ" คลอวูเดนกล่าว และหันมายัง "แล้วไอ้ยักษ์นี้ เพื่อนแอสเซนด้วยหรือ"
แมคเคลเลนกล่าว "นั้นคือจายด์ 1 ในเจเนไซด์ทีม ผลงานชิ้นเยี่ยมของครองคอร์ด เดิมคือ จายด์ รอมเบิร์ค แรงงานชาวนอร์เวย์ที่มีขนาดตัวสูงใหญ่มาตั้งแต่เกิด ครองคอร์ดเลยส่งพวกแมนิเกเตอร์ไปถล่มโรงงานจนฆ่าจายด์ตาย และนำศพมาดัดแปลงเป็นนักรบอดีตมนุษย์ ที่ใช้แขนแบบครีซีแทนไซส์เท่าแขนไดร์ฟอาร์มเมอร์ ติดตั้งผลึกโชนโครคิฟไว้ตามตัวเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ส่งผลให้ร่างกายที่ตัวสูงใหญ่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาในระดับหนึ่ง ถึงขั้นที่สามารถเป็นกำแพงให้พวกเวเซอร์และไทรเวเซอร์จากการโจมตีของฝ่ายศัตรูไปด้วย นั้นจึงเป็นที่มาของฉายา วอลล์แมน ไปโดยปริยาย" แล้วก็บอก "แน่นอน ว่าจายด์เคยหาเรื่องหลบหนีออกจากค่ายฝึกของพวกสโทรเพธ ภายใต้การนำของฟรีทเทรเซียมาก่อนพร้อมกับสมาชิกเจเนไซด์อีกสองรายน่ะ"
"แอสซี่มีเพื่อนเป็นยักษ์แบบนี้ เธอไม่กลัวเลยหรือวะ" แอคเคนถาม
แมคเคลเลนบอก "พื้นนิสัยของจายด์นั้น เป็นคนใจดีและเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น ผมคิดว่า นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเตือนสติตัวหัวหน้าและสมาชิกอีกรายที่อ่อนกว่าปีหนึ่งลงได้นะครับ"
"แล้วสมาชิกอีกสองรายนั้นเป็นใครล่ะ" เรฟีเทนถาม
แมคเคลเลนนำข้อมูลของ... "เจเนล หัวหน้าหน่วยเจเนไซด์ทีม ผลงานชิ้นเยี่ยมของครองคอร์ด เดิมคือ เจมส์ แอสตัน นายทหารในหน่วยรบที่ 54 ภายใต้การนำของสตีฟ แวนเซน เป็นเพื่อนร่วมรบกับพีวิล หากแต่อุปนิสัยเลือดร้อนยิ่งกว่า ทำให้เขาเลื่อนตำแหน่งได้ช้ากว่า พอปีเตอร์ แอนเดอร์สันพ่ายให้กับแพทรีออทและถูกจับไปดัดแปลงเป็นพีวิล เจมส์ แอสตันเลยบุกไปแก้แค้น แต่พลาดท่าให้กับครองคอร์ดจนเสียแขนสองข้างจากระเบิดพลีชีพ แล้วถูกครองคอร์ดฆ่าตายพร้อมกับคืนชีพมา ด้วยวิธีคืนชีพให้เป็นสโทรเพธโดยติดเขาซีรีเดี่ยมบนหน้าผาก แต่เนื่องจากแขนสองข้างของเจมส์แหลก ครองคอร์ดเลยต้องใช้แขนแบบปกติของครีซีแทนมาใส่แทน จนเป็นยอดนักรบอดีตมนุษย์รายแรกไปโดยปริยาย หากแต่ด้วยนิสัยไม่เชื่อฟัง ครองคอร์ดเลยกักตัวเอาไว้ก่อน โดยคืนชีพและดัดแปลงจายด์เป็นรายต่อมา เพียงแต่รายที่สาม มีปัญหาแย่กว่าเท่านั้นเอง" โดยนำข้อมูลขีดความสามารถของเจเนล ตอนที่ครองคอร์ดส่งไปสู้กับพวกแอตแลนไทซ์ และส่งไปสู้กับพวกพีวิลในตะวันออกกลางกัน
"คนหนึ่งตาย อีกคนก็แส่หาเรื่อง ทำให้หัวหน้าและรองหัวหน้าเสียลูกน้องไปสองราย จนทั้งคู่ประสบชาตะกรรมเดียวกันสิน่ะ" ฟอสเซอเรนกล่าว
ครอสเซอเรนบอก "นั้นคงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พีวิลลุกขึ้นสู้ต่อ เพราะเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนและรุ่นพี่เป็นแบบเขาด้วยนะสิ"
"แล้วรายที่สามนิ เป็นใครกันละ" คลอวูเดนบอก
แมคเคลเลนนำภาพของจิลมา "นี้คือ จีน่า ทิเทียน่า เด็กสาวพลังจิตจากออสเตรเลีย เธอมีความสามารถด้านพลังจิตที่กล้าแกร่งอย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ครองคอร์ดต้องการตัวเธอเป็นอีกหนึ่งผลงานสร้างของเขา โดยใช้วิธีเดียวกันกับจายด์ เพียงแต่....หลังจากที่คืนชีพเธอในสภาพปกตินั้น จีน่าหรือจิลไม่สามารถควบคุมพลังจิตที่เพิ่มพูนหลังจากที่ตายไปแล้วได้ ครองคอร์ดจำต้อง....ใช้วิธีย่อส่วนเธอให้เป็นสโทรเพธดอว์ฟฟอร์ม เพื่อกักพลังจิตส่วนเกินให้อยู่ในสภาพควบคุม แต่ก็ทำให้เธอเป็นสมาชิกที่ตัวเตี้ยที่สุดในหน่วย และในกองรบเวเซอร์ของแอสเซนด้วย" ซึ่งเขานำภาพของจีน่าที่ถูกดัดแปลงแล้ว กับตอนที่ย่อส่วนลงมา "ถึงแม้ว่าสภาพกายจะเสียเปรียบในแง่ของการต่อสู้ แต่จิลก็มีความได้เปรียบเรื่องใช้พลังจิตในการต่อสู้ และช่วยเหลือพวกพ้องในลักษณะต่างๆกันด้วยนะ"
"ยัยเตี้ยนั้นคงจะโดนแอสเซนดูถูกกันแน่ๆละมั่ง" แคมิเรนกล่าว
โคคูเดนบอก "แล้วเจเนลและจิลก็คงพาจายด์หนีออกจากวงล้อมของพวกสโทรเพธในช่วงมหาสงครามมาแล้วละสิ"
"ครับ แม้ว่าทั้งสามจะเป็นกำลังสำคัญให้กับกองรบเวเซอร์หรือไทรเวเซอร์กันก็ตาม แต่ผมเดาได้ว่า ครองคอร์ดพยายามจะสร้างสุดยอดกองรบหุ่นยนต์อันแข็งแกร่งจากการใช้คุณลักษณะของแมนิเกเตอร์ในแรซัลก้า 3 ใน 4 กลุ่มรวมกัน แต่ไม่สำเร็จ จนต้องแยกสร้างทีละตัวเพื่อนำข้อมูลมาพัฒนาใหม่ให้สมบูรณ์ที่สุด แม้จะใช้เวลาไปไม่น้อยนะครับ" แมคเคลเลนกล่าว และนำภาพของพลัสเชอริท "นี้คือ ไอรอนพลัสเชอริท หุ่นมือสังหาร ผลงานชิ้นแรกสุดของครองคอร์ด ถูกออกแบบให้เป็นมือสังหารที่มีความสามารถในการคำนวณ ประมวลผลและปฏิบัติการณ์อย่างรวดเร็ว เพราะมีสมองกลเป็นคอมพิวเตอร์ระดับสูงติดระบบเอไอพิเศษ บวกกับพลังงานไฟฟ้าแรงสูงที่เป็นแหล่งพลังงาน ทำให้ไอรอนพลัสเชอริท เป็นลูกสมุนมือเยี่ยมที่มีประสิทธิภาพ สูงกว่าแมนิเกเตอร์หุ่นยนต์ในกองรบของท่านพ่ออย่างมากนะครับ"
แอคเคนบอก "ลักษณะแบบนี้คงล้างด้วยน้ำไม่ได้ละสิ"
"มันก็ได้นะครับ หากแต่การทำความสะอาดพลัสเชอริทต้องเช็ดแห้งหรือดรอปพลังไฟฟ้าลงเท่านั้นเองนะ" แมคเคลเลนบอก "ครองคอร์ดส่งพลัสเชอริทเป็นผู้สังเกตุการณ์พวกพีวิลและแอคเมนโด้ โดยอนุญาตให้ลงมือเข้าช่วยเหลือได้ตามสถานการณ์ที่จำเป็น เพื่อให้อยู่ใกล้กับตัวผู้นำแอคเมนโด้เพื่อกระทำการสังหาร แต่พีวิลมาหยุดยั้งได้เสียก่อน จนทำให้พลัสเชอริทเข้าร่วมกลุ่มและเป็นปรปักษ์กับครองคอร์ด ตามด้วยเจเนไซด์ทีมที่ต่อต้านการกดดันด้วยความเจ็บปวดของครองคอร์ดจนรอดพ้นไปได้นะครับ"
โคคูเดนกล่าว "นายพูดเช่นนี้ คงจะสะใจที่ผลงานของครองคอร์ดลงเอยด้วยการแปรพักตร์และหักหลังเองละสิ"
"ผมแค่ดีใจที่ผลงานชิ้นเยี่ยมของครองคอร์ดลงเอยแบบนี้ หากแต่ไม่ชอบใจที่พวกนั้นมาช่วยแอสเซนโค่นท่านพ่อและท่านแม่ก็เท่านั้นเองน่ะ" แมคเคลเลนกล่าว "นอกเหนือจากกราดิเอเตอร์มารีนที่ก้าวร้าวและทำตัวมีปัญหาที่สุดในกลุ่ม เพราะในข้อมูลที่เจ้าพี่รองได้มานั้น คลอเวฟชอบมีเรื่องกับเนคเกอร์ที่เข้าร่วมกับพวกเวเซอร์กันบ้าง พลัสเชอริทเองก็มีขีดความสามารถที่น่ากลัวต่อพวกศัตรู ยังมีอีกตัวที่อันตรายพอกันน่ะ" แล้วก็นำภาพของแอบไบออส
เรฟีเทนถาม "เวโนมิไนซ์ตนนั้นเป็นใครกันน่ะ"
"บอกตามตรงนะครับ ว่านี้เป็นเหตุบังเอิญหรือไร ที่เวสเทรซเอาคนๆหนึ่งมาดัดแปลงเป็นเวโนมิไนซ์น่ะ" แมคเคลเลนกล่าว "เวโนมิไนซ์ตนนี้คือเดธเทนแอบไบออส ชื่อเดิมคือ สิบเอกโจเซฟ เฟอร์แดน...."
โคคูเดนกล่าว "โจเซฟ เฟอร์แดน เดียวสิ นั้นมันนักบินกิซเซเบอร์ของกองทัพฝ่ายพันธมิตรมนุษย์ คู่ปรับตัวเอ้ของมังกรร้อนเย็นร็อดดิเกรสและเหยี่ยวสาวเฟรมิเดรก้า ในช่วงปีจักรวรรดิ์ที่ 21 ถึง 23 กันนิน่า"
"ทำไมเอสไพล็อตของฝ่ายพันธมิตรมนุษย์ถึงลงเอยแบบนี้เลยละ" ฟอสเซอเรนถาม
แมคเคลเลนบอก "เมื่อ 5 ปีก่อนที่จะเกิดมหาสงครามนั้น สิบเอกโจเซฟไล่ล่าเวสเทรซที่กลายเป็นเวโนมิไนซ์ไปแล้ว ด้วยกิซเซเบอร์ของตนเอง บุกเข้าสเปซโคโลนี่ที่กลายสภาพให้เป็นกับดัก จับทั้งสิบเอกโจเซฟและกิซเซเบอร์ มาแปรสภาพเป็นพวกเวโนมิไนซ์ โดยโจเซฟกลายเป็นแอบไบออส สมุนมือสังหารที่ถูกควบคุมให้อยู่ในคำสั่งของเวสเทรซ เช่นเดียวกับกิซเซเบอร์ที่กลายเป็นไบโอโมบิลลอยด์ตัวแรกที่มาจากนอกดาวแรซัลก้า ซึ่งเวสเทรซส่งทั้งแอบไบออสและกิซเซเบอร์ไปจู่โจมพวกแอสเซน จนพีวิลกับพวก เข้าขัดขวางและช่วยเหลือทั้งคนและหุ่น ปลดปล่อยจากพันธนาการและให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองรบกันนะครับ" แล้วนำภาพที่พีวิลปะทะกับแอบไบออสกันในกรงแปดเหลี่ยม
"แบบนั้นก็เท่ากับว่า แอสเซนได้ทั้งเอสไพล็อตกิซหมายเลข 10 พร้อมกับมังกรร้อนเย็นร็อดดิเกรสและเหยี่ยวเฟรมิเดรก้ามาร่วมละสิ" เรฟีเทนกล่าว
แมคเคลเลนพยักหน้า "และด้วยเหตุนี้ กองกำลังไทรเวเซอร์มีบุคลากรมากประสบการณ์ด้านการต่อสู้ด้วยโมบิลลอยด์ทหารถึงสามราย แม้ว่าเจ้าพี่รองปิดบังข้อมูลของทั้งคู่กัน แต่พวกเราต่างรู้แล้วละครับ"
"แน่ละ ไอ้สมุนของโคบริซมันบอกว่า ไอ้โคบริซตายด้วยน้ำมือสองวีรบุรุษที่เจ้าพี่รองพระราชทานสมรสให้น่ะ" คลอวูเดนบอก
แคมิเรนบอก "แน่ละ เพราะยัยแอสเซนโชคดีที่เจอโคบริซก่อนพวกเราน่ะ"
"แล้วไอ้เรือลำที่เป็นพื้นที่ต่อสู้ของไอ้กระหร่องและไอ้เดธเซฟอะไรนั้น มันเป็นเรือแบบไหนละ" แอคเคนกล่าว
แมคเคลเลนกล่าว "เรือชั้นแคร์แลนด์ รหัสนอร์ติลุส มันเป็นเรือต้นแบบรุ่นล่าสุดของแอตแลนไทซ์ในเวลานั้น ซึ่งเป็นได้ทั้งเรือรบและเรือบรรทุกกำลังพล สามารถบรรทุกโมบิลลอยด์หลายสิบตัวเข้าไปได้พร้อมกัน รวมถึงสนับสนุนการรบพุ่งกันด้วย เดิม เกซเฟลิคสร้างเรือลำนี้ให้เป็นรางวัลของไพล์มเทค แต่ คลอเวฟและพวกแอสเซนบุกเข้ามาตัดหน้าและแย่งไปกันไม่ว่า พวกเขาติดตามไปถึงฐานลับใต้ท้องทะเลเพื่อขโมยเรือแบบเดียวกันอีก 30 ลำที่สร้างเสร็จเรียบร้อย มอบให้พวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์นำไปใช้อย่างพร้อมเพียงกัน และนำเรือดังกล่าวไปแล่นบนแผ่นดินมหาสหรัฐอเมริกากันนะครับ" แล้วก็นำภาพข่าวที่พวกเวเซอร์อยู่บนนอร์ติลุส ซึ่งแล่นไปตามเส้นทางหมายเลข 69 ของอเมริกาไปทางทิศตะวันตก
"เวอร์ล่ะ แอสเซนในสภาพรุ่งริ่งเช่นนั้นไม่มีพลังพอที่จะเสกเรือลำเป้งหลายสิบลำขึ้นจากน้ำ ไปโผล่ที่ภาคพื้นอย่างพร้อมเพียงกันได้หรอกน่ะ" เรลโลเซนกล่าว
แมคเคลเลนบอก "แอสเซนอาจทำเช่นนั้นไม่ได้จริง แต่....กลุ่มสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์มีพวกแมนิเกเตอร์นักวิทยาศาสตร์ที่มีวิทยาการที่ล้ำลึกยิ่งกว่าเวทย์มนต์ แม้ว่าท่านพ่อจะทำให้โลกเสียหายหนักไปมากเลยน่ะ"
"แต่ถึงกระนั้น พวกแมนิเกเตอร์เนิร์ดๆเหล่านั้นไม่เก่งเท่าแม่เราที่โยกย้ายท่านพ่อและพวกไปแรซัลก้ากันได้หรอกน่ะ" แคมิเรนกล่าว
โคคูเดนบอก "เว้นเสียแต่ พวกนักวิจัยเหล่านั้น มีท่านพ่อหนุนช่วยอีกแรงกันนะสิ" และหันมาถาม "แมคเคลเลน นายเช็คดูข้อมูลของเหล่าแมนิเกเตอร์นักวิจัยได้มั้ยละ"
"ไม่ได้ครับ เพราะ....ข้อมูลเหล่านั้นใส่รหัสแน่นหนา ซึ่งมีแต่....ท่านพ่อเท่านั้นที่จะปลดออกได้นะครับ" แมคเคลเลนกล่าว
เรฟีเทนกล่าว "แต่ว่าท่านพ่อตายไปแล้วนี้สิ...."
"พวกเจ้าฝึกเสร็จแล้วใช่มั้ยละ" โคคูเดนกล่าว โดยแวะมาหาแอคเคนและแมคเคลเลน
"ตอนนี้ผมอยากจะเจอแอสซี่เต็มแก่แล้วละ เจ้าพี่สาม" แอคเคนบอก
"เจ้าได้เจอแน่ๆละ หากแต่ เจ้าพี่ใหญ่ขอไว้ ว่าอย่าทำร้ายพีวิล ซึ่งบาดเจ็บจากการดวลกับข้าเท่านั้นเองน่ะ" โคคูเดนบอก แอคเคนรู้สึกไม่พอใจนิดๆ แต่ก็ยอมแต่โดยดี โคคูเดนเลยหันมาถาม "แมคเคลเลน แผนการของเจ้าคงจะได้ผลบ้างน่ะ"
แมคเคลเลนตอบ "ต่อให้แอสเซนรู้หรือไม่ เธอไม่มีทางหยุดยั้งได้ทันอยู่แล้วละ เจ้าพี่สาม"
"แอสเซนรู้นะหรือ....เจ้ากับแอคเคนคงไม่เผลอพูดอะไรตอนที่หลับฝันเลยละสิ" โคคูเดนกล่าว
แมคเคลเลนบอก "ความฝันก็ส่วนความฝัน แม้ว่าผมกับแอคเคนรู้สึกถึงความผิดเพี้ยน เพราะแม้จะเป็นเรื่องในอดีต แต่ท่าทีของแอสเซนมันแปลกๆน่ะ"
"พี่พยายามจะคิดเช่นนั้น เพราะเรื่องที่มาจากความฝันนั้น อาจจะเป็นผลของความตึงเครียดที่สร้างขึ้นในหัวของเรากัน คงไม่เกี่ยวอะไรกับที่แอสเซนมีท่าทีต่างจากที่เราเคยเจอมาหรอกน่ะ" โคคูเดนกล่าว "พวกเจ้ารีบไปเตรียมตัวเดียวนี้เลย"
แอคเคนและแมคเคลเลนบอก "ขอรับ เจ้าพี่สาม"
จากนั้น ที่ดาวแคสเซรอน-4 ยานเฟอแกลิคลอยลำมาเหมือนเช่นเคย
"บัดนี้ การดวลในวันที่ 3 ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยวันนี้ ทศภารดรเทพ จะส่งองค์ชายเจ็ดแอคเคน และองค์ชายแปดแมคเคลเลน มาดวลกันแบบ 1 ต่อ 3 และ 1 ต่อ 4 ตามลำดับ" เฮอมิสประกาศผ่านโดรนส่งภาพมา "นัดขององค์ชายแอคเคนนั้น ท่านได้เลือก คลอเวฟ สเตฟอร์ดและจายด์เป็นคู่ต่อสู้กันแล้ว"
เลเบรน่าบอก "ส่วนท่านแมคเคลเลน เลือกเจเนไซด์ทีมที่เหลืออีกสอง ไอรอนพลัสเชอริท และเดธเทนแอบไบออส เป็นคู่ต่อสู้กันด้วย"
"ทางเราเตรียมเวทีพิเศษขึ้นที่เมืองท่าแห่งหนึ่งกันแล้ว หวังว่าพวกท่านจากไทรเวเซอร์คงจะไม่มาสายกันน่ะ" เฮอมิสกล่าว แล้วก็ "แฟ้ววววว ตรึงงงง" ยานเรือสำเภาส่งเวทีประลองขนาดใหญ่ลงมาบนลานท่าเรือขนาดใหญ่ของอาเดน่าพอร์ต พื้นที่คุมของแอตแลนไทซ์
"โฮ่ย ไอ้น้อง ไอ้คิโคเดนมันเล่นกวนตีนกับเมืองท่าของเราแล้ววะ" แพนทานิคซ์กล่าวกับคลอเวฟ ซึ่งตนกับพวกไทรเวเซอร์มาถึงแล้ว
"เห็นแล้วละ ไอ้คุณพี่ แม้ว่าพวกพ้องส่วนมากอยากจะตะบันหน้าพวกสมุนของคิโคเดนเลยก็ตาม แต่เราไม่อยากแส่หาเรื่องกับพวกมันน่ะ" คลอเวฟบอก
แพนทานิคซ์บอก "ที่ถูกควรจะเป็นนายซะมากกว่าน่ะ"
"ฟ้าวววว ซ่า" เฟอแกลิคลอยลงทะเลและเคลื่อนมาเทียบท่า "โครมมมม" แต่ยานแล่นใกล้ไปจนกาบเรือครูดกับท่า "พลขับมันไม่ชินกับยานหรือไงวะ" คลอเวฟสบถ
เนคมาดูซัมกล่าว "ต่อให้เป็นยานทรงเรือสำเภา เฟอแกลิคมีปัญหาเรื่องการควบคุมเวลายานเปลี่ยนเป็นเรือแล่นบนท้องทะเลนะสิ"
"หวังว่ามันคงไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากการขับไม่ได้เรื่องกันบ้างน่ะ" แพนทานิคซ์กล่าวอย่างหวั่นเกรง
จากนั้น "ครืดดดดด" กราบซ้ายเปิดออกและนำทางเลื่อนลงมา "ตรึงๆๆๆๆๆๆๆๆ" สเปซไนท์แบบเดวอนและออคไซน์จำนวนหนึ่งก้าวเดินมา แม้จะเดินมาไม่เป็นแถวและไม่มีระเบียบเลยก็ตาม โดยเดินมาตรงเวทีประลองขนาดใหญ่ ตามด้วย.... "องค์ชายแอคเคน และองค์ชายแมคเคลเลน เสด็จแล้วววววว" สเปซไนท์เดวอนตะโกนลั่น เพื่อให้แอคเคนและแมคเคลเลนเดินลงมาพร้อมกับอัศวินเดวอนหญิงและออคไซน์หญิง โดยที่เฮอมิสและเลเบรน่าเดินตามหลังมาอย่างช้าๆ
"เมืองแห่งนี้มีแต่หุ่นกระป๋องทั้งนั้นเลยน่ะ" อัศวินเดวอนหญิงกล่าว
อัศวินออคไซน์หญิงบอก "นั้นสิ แถมมีพวกมนุษย์สวมหมวกบ้าง พวกหุ่นหน้าเหลี่ยมบ้าง และมีพวกมนุษย์ติดผลึกกันด้วยน่ะ"
"ที่เห็นนั้นเป็นพวกสโทรเพธ แมนิเกเตอร์มนุษย์เทียมดัดแปลงให้เหนือมนุษย์ ไอ้หน้าเหลี่ยมนั้นเป็นพวกแกตไทซ์ เผ่าแมนิเกเตอร์มนุษย์หุ่นยนต์ที่ท่านพ่อสร้างขึ้นมา แล้วก็พวกเพโทรน็อกซ์ ชนเผ่าทวีปตะวันออกที่มีผลึกหลากสีติดตามตัวนะสิ" แอคเคนอธิบาย
"หากแต่พวกสวมหน้ากากจากนอกโลกมันเยอะเลยน่า" แมคเคลเลนกล่าว เพราะเห็นพวกโซลูนาสตี้หลากสีโผล่มา โดยกดปุ่มเปิดระบบสแกนรอบด้าน "ไบโอสแกนไม่เจอพวกเวโนมิไนซ์ แปลว่าพวกนี้คงไม่โผล่มาให้โดนยิงแน่ๆ" แมคเคลเลนบ่นเพราะผลตรวจสอบเป็นไฟเขียวคือปราศจากวัตถุชีวภาพอันตรายหรือเวโนมิไนซ์อยู่ใกล้
"แต่พวกแมนิเกเตอร์ส่วนมากแทบไม่ปรากฎหลักฐานว่าติดเชื้อจากเวโนมิไนซ์ให้เห็นเลยนิคะ" เลเบรน่ากล่าว
แมคเคลเลนบอก "ถึงกระนั้น ฉันยังวางใจไม่ได้หรอก ต่อให้พวกเวโนมิไนซ์ถูกแปรสภาพให้มันปลอดภัยกันแล้วน่ะ"
"เดมมี่ ออลฟ่า จำหน้าพวกนี้ไว้ โอกาสหน้า พวกเธอทั้งสองและพวกจะได้สู้กันน่ะ" แอคเคนบอก
อัศวินเดวอนหญิงนามเดมมี่กล่าว "พวกเรานะรู้อยู่แล้วละ หัวหน้าช่าง"
"เว้ากันตรงๆเลย ท่านต่างหากละที่คันมือคันเท้าไม่น้อยเลยน่ะ" อัศวินออคไซน์หญิงนามออลฟ่าบอก
แมคเคลเลนกล่าว "พอจบการประลองนี้ เราจะได้สู้กันแล้วล่ะ" จากนั้นก็มาถึงโซนเวทีประลอง ซึ่งพวกเมนซิกส์ทีนยืนรออยู่แล้ว "นั้นคงจะเป็นพวกพ้องของแอสเซนละสิน่ะ"
"ครับ ท่านแมคเคลเลน" เฮอมิสกล่าว
แมคเคลเลนเห็นแอคเคนเลยเดินขวางโดยเร็ว ซึ่งก็กล่าวไปว่า "เจอกันอีกแล้วน่ะ แอสเซน แม้ว่าครั้งแรกจะเห็นจากระยะห่างเลยก็ตาม ไม่คิดเลยว่าเจ้าพี่รองจะทำให้เจ้ามีสภาพเป็นเช่นนี้น่ะ"
"ท่านเองก็พอกันละน่ะ แมคเคลเลน ไซมาเทนคงทำให้ความจำด้านงานวิจัยบางอย่างขาดหายไปเลยสิคะ ถึงต้องให้คนอื่นช่วยทำวิจัยแบบนี้ มันไม่ต่างจากเหล่าว่าที่คณะปกครองที่ท่านเลือกไว้น่ะ" สเปียริทบอก
แมคเคลเลนกล่าว "เจ้าก็ทำตัวแย่กว่าเดิมเลยน่ะ นับตั้งแต่เจ้าพี่ใหญ่ส่งเจ้าไปที่โลก แต่เจ้ากลับอยู่ข้างพวกศัตรู และอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนเจ้าให้ก้าวร้าวยิ่งขึ้นจนหันดาบมาทางท่านพ่อท่านแม่เราเช่นนี้ ต่อให้เจ้าความจำเสื่อม มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงได้หรอก"
"แล้วเรื่องที่ท่านใช้วิทยาการล้ำยุคของทางสถาบัน ก่อน้ำท่วมดาวทะเลทรายให้เป็นดาวมหาสมุทร ทำให้ดาวภูเขาไฟดรอปอุณหภูมิจนเป็นดาวขั้วโลก เช่นเดียวกับดาวน้ำแข็งที่สลับกลับด้านกัน แถมยังทำให้ดาวป่าทึบบางดวงเป็นทะเลทรายอย่างเฉียบพลันนั้น มันก็หนักหนาพอๆกันกับที่ฉันทำกับแรซัลก้านี้แหละ" สเปียริทบอก
แมคเคลเลนกล่าว "ที่เจ้ากับพวกรู้เรื่องนิ คงเพราะความช่วยเหลือจากนอกกลุ่มละสิ" แล้วหันมายังแอบไบออส "ต่อให้เจ้ามีพวกพ้องที่เป็นผลงานของครองคอร์ดและทำให้เวโนมิไนซ์ตนนี้อยู่ร่วมกัน แต่ฉันจะไม่ยอมรับเป็นอันขาด...."
"หือ...." แอคเคนหันมาเห็นสเปียริทยืนอยู่ก็กำหมัดแน่นๆอยู่ ออลฟ่าถาม "หัวหน้าคะ เป็นอะไรไปกัน"
เฮอมิสบอก "แบบนั้นไม่ดีแล้ว ทุกคน รีบหยุดท่านแอ...."
"แอสซี่!!!!!" แอคเคนกระโจนข้ามหัวแมคเคลเลน เข้ามายังสเปียริทอย่างรวดเร็ว จนเมดเดนออฟสเปียร์ "โฮลด์เซอเคิ้ล!!!!" รีบแบมือขวาออก "แว้งงงงง" เพื่อสร้างวงเวทย์อาคมขึ้นมา "กร้องงงงง" ขวางแอคเคนให้ค้างกลางอากาศโดยเร็ว "ครืดดด โครมมม" แล้วแอคเคนก็ลื่นลงมากองกับพื้น
"กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้จนได้สิน่า" สเปียริทกล่าว แล้วก็กำมือขวา "วือออออ" เพื่อดับวงเวทย์ให้หายไป
"ฉันเชื่อแล้วละ ว่าองค์ชายหน้ายักษ์ เห็นเธอเป็นน้องสาวน่ารักกันมากเลยน่ะ" โฟรซ่าบอก
คลอเวฟกล่าว "หน้าแบบนี้ เป็นกูก็คงรีบดรอปคิกใส่มันก่อนแล้ววะ"
"ถึงนายทำเช่นนั้น กลัวว่าแอคเคนจะสวนกลับนายกลางอากาศได้ซะมากกว่าน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
ฟิเกซบอก "ดูจากพลังการกระโดดขององค์ชายหน้ายักษ์นั้น เร็วกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะน่ะ"
"เจ้าพี่เจ็ด.......ท่านทำตัวเองขายหน้าพวกแมนิเกเตอร์ของแอสเซนกันแล้วนะคะ" เรลโลเซนสบถอย่างหงุดหงิดกับสิ่งที่เห็น เรฟีเทนและอาชเชอเรนถึงกับส่ายหน้า
แคมิเรนบอก "แอสเซนก็พอกัน น่าจะยืนนิ่งๆให้เจ้าพี่เจ็ดโอบกอดซะ ไม่น่าโต้ตอบแบบนี้เลยน่ะ"
"แต่การที่แอสเซนใช้วงเวทย์เพื่อป้องกันการมาของเจ้าพี่เจ็ดได้ในเวลาอันสั้นนั้น บ่งบอกว่าแอสเซนเองก็พัฒนาด้านการใช้พลังกันบ้างน่ะ" ครอสเซอเรนให้ความเห็น
ฟอสเซอเรนเสริม "แอคเคนช่วยได้มากในเรื่องขีดความสามารถของแอสเซนน่ะ"
"ไม่เป็นไรใช่มั้ยละ เจ้าพี่เจ็ด" แมคเคลเลนรีบประคองแอคเคนขึ้น แม้จะอารมณ์เสียกับการมาขัดจังหวะตนคุยกับสเปียริทอยู่ก็ตาม
เดมมี่หันมายังสเปียริท "นี้หล่อน หล่อนทำร้ายหัวหน้าช่างด้วยท่าเลียนแบบองค์หญิงจอมเวทย์กัน ต่อให้เป็นน้องของหัวหน้าช่างจริง เดียวจะโดนไม่ใช่น้อยๆน่ะ" พร้อมเตรียมหาเรื่องพร้อมกับออลฟ่า
"เดมมี่ ออลฟ่า อย่าแส่หาเรื่องกับแอสซี่ จนตัวเองตายจะดีกว่าน่า" แอคเคนห้ามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ทำให้สองอัศวินสาวพยักหน้าและถอยออกไปอยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็เดินเข้ามาตรงหน้าสเปียริท "อาฮ่า สุดท้ายก็ได้เจอกันจนได้เลยน่า แอสซี่ แม้ว่าจะได้เจอแค่แวบเดียวเท่านั้นเองน่ะ" แอคเคนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู
สเปียริทกอดอกอย่างเซ็งๆ "แอคเคน ท่านตัวโตแต่พูดด้วยเสียงสองเหมือนทาสแมวแบบนี้ ไม่กลัวคิโคเดนเหยียบหน้าเลยหรือ"
"แอสซี่ พูดจาไม่ดีเลยน่า...." แอคเคนบอกและมองดูสเปียริท "แต่งตัวด้วยเสื้อแขนกุดและกางเกงเกือบจะรัดรูป รูปร่างก็กำยำกว่าเดิมแถมฉาบด้วยผิวผลึกสีม่วงแวววับ แต่ดูคล้ำกันแบบนี้ มันไม่น่ารักเลย เจ้าพี่รองไม่น่าทำกันแบบนี้เลยน่ะ"
สเปียริทบอก "หรือ แต่รู้อะไรมั้ย ว่าท่านกับพวกก็โดนไซมาเทนเชือดทิ้งไปแล้ว สภาพของท่าน ใบหน้า เขาข้างหัวก็มีผลึกเคลือบ เช่นเดียวกับตามตัวประปรายกันนั้น มันไม่ต่างกันเลยน่ะ"
"เออ ยัยนี้เป็นองค์หญิงตัวน้อยที่หัวหน้าช่างรักและเอ็นดูมากเลยหรือ ทั้งๆที่ยัยนี้ก่อเหตุให้ดาวบ้านเกิดของเราถูกปิดตายเนี้ยน่ะ เซอร์เลเบรน่า" เดมมี่หันมากระซิบ
เลเบรน่าบอก "เออ ฉันมิได้รับใช้ท่านแอคเคน ฉันจึงไม่รู้นิสัยอีกด้านของท่านหรอกน่ะ"
"แอคเคน ตกลงนิ ท่านมาเยี่ยมญาติหรือว่ามาดวลตามคำสั่งของคิโคเดนกันแน่น่ะ" เนคมาดูซัมบอก
แอคเคนได้ฟังก็เปลี่ยนท่าทีจริงจังทันที "เนคเกอร์ มาสซั่ม ไม่คิดเลยน่ะ ว่าลูกหัวโทนของแม่ทัพขวาจะเป็นคนทรยศต่อจักรวรรดิ์เช่นนี้ ทีจริง ฉันอยากจะเหมารวมนายด้วย ถ้าไม่เพราะว่านายโดนเลือกให้ดวลไปก่อนแล้วน่ะ"
"แม้ว่าท่านจะเห็นสเปียริทเป็นเหมือนน้องสาวของท่าน แต่ท่านก็รู้ ว่าสเปียริทเองก็มีหนทางเดินของเธอเองกันแล้วน่ะ ท่านรั้งเธอไว้ไม่ได้หรอกน่ะ" พีวิลกล่าว
แอคเคนหันมายังพีวิล "ไอ้กระหร่องมือน้ำเงิน แกโชคดีมากเลยน่ะที่รอดจากเงื้อมมือของเจ้าพี่สามไปได้ แม้แกจะทำให้เจ้าพี่สามได้แผลช้ำมาก็ตาม ถ้าไม่เพราะว่าแกบอบช้ำแบบนี้ แกโดนฉันกระทืบแน่นอน" และหันมายังสเปียริท "แอสซี่ พี่ขอให้เธอเลิกกับไอ้บ้านี้จะดีกว่าน่า"
"หุบปากซะ แอคเคน อย่าบีบให้ฉันมีเรื่องกับท่านจนเข้าทางคิโคเดนจะดีกว่า" สเปียริทเถียงด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวก่อน
แอคเคนส่งเสียงโอดครวญและมานั่งหันหลังคุกเข่า "แอสซี่ก้าวร้าวและขึ้นเสียงแบบนี้หรือเนี้ย......ไม่อยากจะเชื่อเลยยยยย"
"ว่าแต่ มีใครพอจะช่วยหัวหน้าช่างมั้ยละ" ออลฟ่าบอกด้วยใบหน้าเงิบ พอๆกันกับเดมมี่
เลเบรน่าทำหน้าเจื่อนๆ "ฉันไม่เคยเจอท่านแอคเคนมีสภาพแบบนี้กัน เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีนะสิ"
"เธอพูดแรงไปมั้ยละ สเปียริท" แอนเดรียถาม
สเปียริทถอนใจ "ไม่คิดเลยว่าแอคเคนจะเป็นเอามากขนาดนี้ ถ้าคิโคเดนมาเห็นคงตบคว่ำอย่างไม่ต้องสงสัยละ"
"เจ้าพี่เจ็ด เข้าประเด็นหลักได้แล้ว ก่อนที่พี่ใหญ่จะกริ้วไปมากกว่านี้นะครับ" แมคเคลเลนกล่าวเตือนสติ
แอคเคนเลยลุกขึ้นโดยเร็ว เพราะคลอเวฟ สเตฟอร์ดและจายด์ยืนรอบนเวทีอยู่แล้ว แอคเคนเลยเดินขึ้นเวทีมา แม้จะยิ้มให้สเปียริทเลยก็ตาม "พวกแกสามตัวคงจะเป็นเพื่อนตัวบึกของแอสซี่ละสิ แม้ว่าจะมีตัวหนึ่งที่ใหญ่เท่าพวกมูราดีนเลยน่ะ" แอคเคนบอก
"แต่ไม่คิดเลยน่ะ ว่าจะได้เห็นอีกด้านขององค์ชายผู้มีหน้าตาที่น่าเกรงกลัวกันขนาดนี้ แม้ท่านจะปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้อออกมาเลยน่ะ" สเตฟอร์ดกล่าว
แอคเคนบอก "แกคงจะเป็นรุ่นพี่ของไอ้กระหร่องมือโตกับไอ้สามเขานั้นละสิ ต่อให้แกมีร่างกายที่ใหญ่โต มีพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่า แต่ฉันกลับมองแกเป็นกระสอบเนื้อสดเดินได้ซะมากกว่าน่ะ"
"นั้นไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไม สเปียริทถึงพูดจาดุดันและโต้เถียงคลอเวฟได้เช่นนี้ ถ้าไม่เพราะมีต้นแบบอย่างท่านอยู่ด้วยน่ะ" จายด์บอก
แอคเคนเลยเดินมายังจายด์พร้อมกับเงยหน้ามอง "แกพูดดีไปเหอะ ไอ้ยักษ์ ฉันมองหน้าแกแล้วนึกถึงไอ้พวกน้องๆของมูราดีนที่แส่หาเรื่องเจ็บตัวกันเมื่อครึ่งปีก่อน ซึ่งโดนกระทืบกลับไปทุกรายแล้ว" แล้วก็ใช้นิ้วโป้งชี้ตรงท้องตนเอง "หวังว่าแผลที่พี่ใหญ่เล่นที่ท้องของแกคงจะหายทันบ้างน่ะ"
"บอกตรงนะเฟ้ย ว่ากูไม่แปลกใจเลยวะ ว่าทำไมยัยบื้อถึงโต้ตอบกูได้ เพราะมึงคงจะเผลอพูดหยาบให้ยัยบื้อได้ยินแล้วจำมาด่ากู โอ้ว ไม่สิ มึงคงจะเหมือนกูมากละสิ" คลอเวฟกล่าว "ต่อให้มึงทำตัวแบ้วต่อหน้ายัยบื้อ ว่าแอสซี่นั้น แอสซี่นี้ แต่ใบหน้าเหมือนยักษ์บั่กลั่นมีเขี้ยวตรงมุมปากแบบนี้ มึงทำลายความน่าเกรงขามลงภายในสองวินาทีแล้ววะ ไอ้กร็วก"
แอคเคนยั่วะเลยมาประจัญหน้ากับคลอเวฟ "มึงคงจะได้จากมือขวาของท่านพ่อมาเลยละสิ ถึงได้มีวาจาสิบหาวมาด่ากูได้ไม่ว่า มึงยังหาเรื่องทะเลาะกับแอสซี่ แถมยังมาหยามกูแบบนี้ มึงอยากจะไปอยู่กับมือขวาของมึงและพวกที่โลกเลยมั้ยละ"
"ถ้ามึงคิดว่ากูเป็นร่างใหม่ที่ไอ้เกซเฟลิคสร้างละก็ มึงคิดใหม่ได้น่า เพราะเกซเฟลิคพยายามสร้างร่างใหม่ขึ้นหลายตัวมาแทนร่างเดิมกัน แต่กลายเป็นว่าสร้างขุมกำลังรบที่แข็งแกร่งทางทะเลแล้วนะสิ" คลอเวฟบอก โดยหันมายังพวกแอตแลนไทซ์ทั้งหลาย
แอคเคนบอก "ถึงจะสร้างเยอะแค่ไหน ฉันก็สร้างความเสียหายให้พวกพ้องของแกได้อยู่ดีนี้แหละ"
"หรือ....แต่กูคงเชื่อมึงได้กระมั่ง ในเมื่อมึงปล่อยแบ้วให้แมนิเกเตอร์ทั่วพอร์ตเห็นไปแล้ววะ" คลอเวฟกล่าว
แอคเคนเดินถอยหลังมา "เดียวกูจะกระทืบมึงให้คว่ำในเวลาอันสั้นเองแหละ"
"โฮ่ย ไอ้ยักษ์แบ้ว นี้จากคู่ปรับของยัยบื้อแอสซี่โว้ย" คลอเวฟบอกพร้อมกับ "ชาวี้งงงงง" ชูนิ้วกลางเทพใส่ "และอีก 3 วิหลังจากนี้ มึงจะเป็นแบบนี้วะ" แล้วก็งอนิ้วกลางลงจนแนบกับฝ่ามือ
เลเบรน่าบอก "นี้เป็นท่าประจำที่หยาบคายสุดๆเลยน่ะ"
"ไอ้หน้ายักษ์คงจะกระทืบไอ้น้องลงในสองวินาทีตามที่พูดแน่ๆเลยวะ" แพนทานิคซ์บ่นแกมกังวลไปด้วย
เนคมาดูซัมบอก "เกรงว่าคงจะไม่ใช่สำหรับองค์ชายแอคเคนแล้ว เพราะเขาไม่ใช่บุคคลที่โดนหยามแบบนี้น่ะ"
"คิดว่ามึงทำแบบนี้ได้หรือ กูก็ทำได้เหมือนกันวะ ไอ้แทงค์น้ำ" แอคเคนย้อนพร้อมกับ "ฟึ่บบบบ" ชูนิ้วกลางข้างซ้ายขึ้น "และ กูมี'เบิ้ลด้วย แถมมึงจะโดนแบบนี้ด้วยวะ" จากนั้นก็เอานิ้วกลางอีกข้างชู แล้วเอามาปาดนิ้วขู่
"นึกหรือว่ากูทำไม่เป็นหรือวะ ไอ้แบ้ว" คลอเวฟชูอีกนิ้วกลางมาจ่อตรงขมับแล้วแลบลิ้นใส่ แอคเคนเลยยักเขี้ยว คลอเวฟทำหน้ายู่ใส่บ้าง
"ไม่ต้องบอกหรอก ว่าความขัดแย้งระหว่างเธอกับคลอเวฟ มันเริ่มจากใครน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
ไซโคลเนียบอก "ตกลง ไม่มีใครสั่งสอนพี่หน้ายักษ์ของเธอ เวลาทำแบบนี้เลยหรือ"
"ถ้าให้เดาน่ะ ท่านพ่อคงบ่นเรื่องพี่เจ็ดให้มือขวาตัวโตฟัง แล้วก็อปใส่หุ่นทุกตัวที่สร้าง จนมีตัวนี้เลียนแบบเข้าให้แล้วละ" แคมิเรนเดา
คลอวูเดนบอก "และไม่ต้องสงสัย ว่าทำไมแอสเซนถึงไม่ชอบขี้หน้าไอ้หุ่นกระป๋องนี้น่ะ"
"ท่านแอคเคน ท่านคิโคเดนแจ้งมา ว่าถ้าเสียเวลาอีก 3 วินาที ผมมีสิทธิ์สั่งคนของท่าน ตบกบาลท่านได้โดยไม่ต้องรับโทษนะครับ" เฮอมิสแจ้งด้วยเสียงที่ดังและจริงจัง จนแอคเคนได้ฟังก็เดินถอยหลังไปอยู่กลางเวที พร้อมกับ "ฟึ่บบบ ฟึ่บบบบ" แอคเคนหยิบขวานคมหยักสองอันออกจากกลางหลังมา "ฟึ่บบบ หวับบบบ หมับบบ" สเตฟอร์ดหยิบบรูทรัลแฮมเมอร์ที่พาดกลางหลังเหวี่ยงออกมามาถือด้วยสองมือ "หมับบบ หวับบบบ ครี้งงงงง" จายด์หยิบกิโยตินคัตเตอร์ ขวานคมสี่เหลี่ยมผืนผ้าคู่ด้ามยาวออกจากกลางหลัง คลอเวฟเปิดส่วนหัวไหล่ด้านข้างสองอัน "ฟึ่บๆ หมับๆ ครี้งงงง ครี้งงงง" คลอเวฟหยิบแองเกอร์แอ็กซ์ซึ่งเก็บไว้ในเกราะหัวไหล่สองข้างออกมาในทันที
"ฉันจะแสดงให้เห็นถึงพลังของฉันให้พวกแกสามตัวเห็นว่า พวกแกไม่มีสิทธิ์อ้างตนเป็นเพื่อนหรือคู่ปรับของแอสซี่กันน่ะ" แอคเคนบอก
"ต่อให้พวกเราทั้งสามล้มท่านไม่ได้ แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ท่านได้หรอก" สเตฟอร์ดกล่าว
จายด์บอก "เพราะพวกเราจะยืนหยัดต่อสู้จนถึงที่สุดนี้แหละ"
"เตรียมตัวโดนยำเละแล้วละ ไอ้องค์ชายยักษ์" คลอเวฟบอก
เฮอมิสได้ฟังเช่นนั้นก็กล่าว "ถ้าเช่นนั้น การดวลหนึ่งต่อสามขององค์ชายแอคเคน เริ่มได้!!!!!"
ต่อช่วงกลางเลย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น