ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 การหลบหนีสู่ทะเลทรายอันร้อนแรง หญิงสาวผู้ถือหอกที่หลับไหลกลางซากนาวา บทสเปียริท
ที่ปราการใหญ่ของโอเวอร์เดส ณ.หุบเขาทมิฬ
MANIGATOR SAGA: The Rebellion Soldiers ภาคโลกา
ตอนที่ 2 การหลบหนีสู่ทะเลทรายอันร้อนแรง หญิงสาวผู้ถือหอกที่หลับไหลกลางซากนาวา
ณ.ทะเลทรายบลันเดฮิล อดีตคือทะเลทรายซาฮาร่าในยุคเก่า กลางทวีปแอฟริกา เขตของพวกอีเนอไมนด์
ทะเลทรายแห่งนี้ แต่เดิมเป็นพื้นที่อันแห้งแล้งของทวีปแอฟริกาและเป็นส่วนสำคัญของประเทศอียิปต์ อันเป็นอารยธรรมโบราณกลางทะเลทรายที่เก่าแก่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ในปี 2082 มวลมนุษยชาติได้ทำการทดสอบเทคโนโลยี่เทอร่าฟอร์เมอร์ก่อนจะนำไปใช้ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมอันแห้งแล้งและไม่เหมาะแก่การตั้งรกรากบนดาวดวงอื่น โดยใช้พื้นที่ทะเลทรายแห่งนี้เป็นสถานที่ทดสอบ แม้ว่าจะประสบความสำเร็จเป็นอันมากถึงขั้นเปลี่ยนพื้นทรายให้กลายเป็นทุ่งหญ้าและป่าเขาเขียวขจี จนนำพาความอุดมสมบูรณ์กลับมายังแอฟริกากันอีกครั้งหลังจากที่ผ่านพ้นไปนานแสนนานที่มีทะเลทรายบนทวีป แต่หลังจากสงครามแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสในอีก 80 ปีให้หลัง ทุ่งหญ้าและป่าเขาได้กลับคืนเป็นทะเลทรายตามเดิม แถมไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากว่าตัวปรับสภาพแวดล้อมได้ถูกทำลายไปในการต่อสู้ดังกล่าว เมื่อเสร็จสิ้นสงคราม ทะเลทรายแห่งนี้ก็มีความแปรปรวนที่หนักข้อมากขึ้น อันเนื่องมาจากเครื่องมือเทอร่าฟอร์เมอร์เกิดขัดข้อง ถึงขั้นที่ทำให้อากาศยานหรืออวกาศยานที่บินผ่านไป ร่วงลงมากลางทะเลทรายกันเป็นว่าเล่น ทำให้ทะเลทรายแห่งนี้ได้ชื่อเล่นว่า สุสานยานบินที่น่ากลัว และกลายเป็นเขตห้ามบินผ่าน นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ผ่านไป 20 นาทีแล้ว แมนิเกเตอร์ทั้งสาม ชายสองหญิงหนึ่ง ยังวนเวียนอยู่บนทะเลทรายบลันเดฮิลเหมือนเช่นเคย
"นั้นเป็นความเสียหายที่ร้ายแรงมากๆเลยน่ะ แพทรีออท ครองคอร์ด" เกซิคกล่าวอย่างไม่พอใจอย่างมาก ต่อโฮโลแกรมของแพทรีออทและตัวครองคอร์ดที่มาคุกเข่าตรงหน้า "พีวิลไม่เพียงทรยศต่อพวกอีเนอไมนด์ถึงขั้นทำลายกองรบที่อิสราเอลจนพังพินาศ หากแต่ยังไปร่วมมือกับเอสมาสวาร์ทาร์ ผู้ซึ่งเป็นคนทรยศตัวจริงในกองกำลังของเรา ซึ่งท่าน เป็นคนแนะนำให้ส่งเขาไปช่วยพวกอีเนอไมนด์และจับตาดูพีวิลขึ้นมาเช่นนี้ ถึงท่านมีความฉลาด แต่ก็ไม่เฉลียวใจสักนิด"
ครองคอร์ดกล่าว "ข้ารู้ถึงความผิดพลาดของตัวข้าเองที่ไม่รู้ว่า เซอร์ ไม่สิ เอชมาสวาร์ทาร์ จะเป็นคนทรยศที่ให้การช่วยเหลือกลุ่มกบฎโคเคสกันด้วย ตอนนี้ข้ารู้เรื่องทุกอย่างและมีสั่งการให้พวกอีเนอไมนด์จัดการทั้งคู่ลงไปแล้ว"
"แต่....สุดท้าย กองรบอีเนอไมนด์หนึ่งกองต้องถูกทำลายไปอยู่ดี ความเสียหายแค่นั้นมันหนักหนาเกินคำแก้ตัวของท่านไปได้หรอกน่ะ" เกซิคกล่าว
โอเวอร์เดสถาม "ครองคอร์ด เจ้าไม่มีอะไรจะแก้ตัวใช่มั้ย"
"...มีแน่ๆ ตอนนี้ ข้าพเจ้าได้ส่งสมุนของข้าไปติดตามทั้งคู่กันแล้ว ซึ่งด้วยความสามารถของพลัสเชอริทในการสะกดรอยตามแบบแนบเนียน แน่นอน ว่าการตามล่าคนทรยศทั้งสองนั้น ล้วนเป็นไปได้อย่างง่ายดายเลยนะครับ" ครองคอร์ดกล่าว
เกซิคบอก "สมุนเอกนะหรือ หุ่นกระจอกที่ไม่มีตัวตนจะทำอะไรได้กันละ"
"ไอรอนพลัสเชอริทเป็นมือสังหารที่ร้ายกาจที่สุดและเป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของข้า ที่ไม่ทำให้ข้าผิดหวังเหมือนกับพีวิลและมาสวาร์ทาร์กันแน่ๆน่ะ ท่านเกซิค" ครองคอร์ดบอก
โอเวอร์เดสกล่าว "และ ตอนนี้ พลัสเชอริทยังทำหน้าที่เหมือนเดิมอยู่สิน่ะ" และหันมากล่าวกับแพทรีออท "แพทรีออท จำสิ่งที่เจ้าได้พูดไว้ หากกรณีนี้เกิดขึ้นมาได้หรือยัง"
"การที่พีวิลกลายเป็นศัตรูกับพวกเรา คือความรับผิดชอบของพวกเรา อีเนอไมนด์ ที่จะลากตัวคนทรยศมาลงโทษและกำจัดพวกกบฎให้สิ้นซากลงไปกันนะครับ" แพทรีออทกล่าว โอเวอร์เดสพยักหน้า
เกซิคได้ยินเสียงบางอย่างจึงกล่าวไปว่า "ท่านแม่ทัพโครเต้ติดต่อเข้ามาแล้วนะครับ ทุกท่าน"
"ให้เขาติดต่อเข้ามาเลย" โอเวอร์เดสกล่าว เกซิคดีดนิ้วเพื่อให้โฮโลแกรมของแมนิเกเตอร์ในชุดเกราะหนาและสวมผ้าคลุมโตโผล่มา
"โครเต้สไครเดอร์ แม่ทัพของครอสตรีม ขอให้จักรพรรดิ์โอเวอร์เดสเป็นผู้ปกครองโลกโดยสมบูรณ์"
"ลุกขึ้นได้แล้วละ ท่านโครเต้" เกซิคบอก โครเต้จึงลุกขึ้นยืน และเอ่ยเจตจำนงที่เข้ามาติดต่อ
"องค์จักรพรรดิ์โอเวอร์เดส ข่าวการทรยศของเอชมาสวาร์ทาร์นั้น ได้สร้างความเสื่อมเสียต่อกองรบอัศวินของพวกเรา แม้ว่าคนๆนี้จะเป็นเหมือนสหายของพวกเราที่ไว้ใจได้จริง แต่การที่เขา ให้ความร่วมมือกับพวกกบฎและชักชวนยอดนักรบจากอีเนอไมนด์ให้เป็นแนวร่วม จนกลายเป็นศัตรูของพวกเราทั้งหมดนั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะให้อภัยอย่างยิ่ง ดังนั้น ข้าจึงขอให้ท่าน อนุมัติให้พวกเราตามล่าคนทรยศผู้นี้ด้วยเถอะครับ"
"ท่านโครเต้ ท่านคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าช่วงที่มาสวาร์ทาร์มาหาพีวิลและพวกอีเนอไมนด์ เขาได้ต่อสู้กับพีวิลกันไปแล้ว บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า พลังของพีวิลอยู่ในขั้นสูสีกับมาสวาร์ทาร์ แม้จะไม่ทรงพลังมากมายกันก็จริง แต่มันก็เสี่ยงมากหากนักรบของท่านไม่ว่องไวพอที่จะสู้กับพีวิลที่มีมาสวาร์ทาร์คอยช่วยอยู่น่ะ" ครองคอร์ดบอก
โครเต้บอก "อีแค่อดีตมนุษย์ที่มีพลังของอีเนลเซี่ยมและมีความสามารถในการต่อสู้ระดับต้นๆนั้น ไม่เห็นต้องกลัวตรงไหนเลยนิ กองรบอัศวินของข้านั้น สั่งมาเพียงคำเดียว รับรองว่าพีวิลไม่รอดแน่ๆ"
"ท่านกำลังสบประมาทข้า ผู้สร้างพีวิลขึ้นมากับมือเลยน่ะ และที่สำคัญ ข้าเป็นคนแสดงความรับผิดชอบต่อท่านโอเวอร์เดส ว่าจะต้องจัดการกับพีวิลลงให้ได้กันน่ะ" แพทรีออทบอก
โครเต้กล่าว "ท่านสร้างเขาให้เป็นยอดสมุนเอก หรือว่าคนทรยศที่น่ากลัวที่สุดกันแน่ละ จะว่าไป มันก็เป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัยของท่านเสียเองซะมากกว่า"
"ตรึงงงง" โอเวอร์เดสตบพนักบัลลังก์ข้างซ้ายจนหักไปข้างหนึ่งด้วยโทสะที่มีต่อแม่ทัพทั้งสอง ซึ่งทำเอาทั้งแพทรีออท โครเต้ และครองคอร์ดหวาดกลัวจนหยุดโต้เถียงลง เกซิคต้องออกมาพูดว่า "กาละเทศะของพวกท่านหล่นหายไปตอนไหนกันละ ว่าตอนนี้พวกท่านกำลังทำอะไรและอยู่กับใครกันนะครับ" และหันมากล่าว "ท่านโครเต้ ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านดี กับการที่คนทรยศในกองรบของท่านจะเป็นถึงสหายคนหนึ่งและคู่แข่งกันก็จริง แต่....อารมณ์โกรธแค้นของท่านจะทำให้นักรบในสังกัดของท่านต้องสูญเสียไปอย่างไร้ค่าจากการที่พวกเขาไม่ทำตามคำสั่งหรือประสบกับความล้มเหลวทั้งๆที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกันน่ะ"
โครเต้บอก "ข้าต้องอภัยด้วย ที่ข้าใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินกันนะครับ"
"ในเมื่อเจ้ารู้ตัวว่าผิด ก็ขอให้จำและแก้ไขให้ถูกต้องแล้วกัน" โอเวอร์เดสกล่าว และสั่งการให้ "แพทรีออท สั่งการให้หน่วยรบและกองกำลังของเจ้า ไล่ล่าและกำจัดพีวิลไปซะ ใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อไม่ให้ผลงานชิ้นเอกของเจ้าเป็นปัญหาให้กับพวกเราในภายหลังด้วย"
แพทรีออทพยักหน้า "รับทราบแล้วละครับ ท่านโอเวอร์เดส ตอนนี้ข้าพเจ้าได้สั่งทุกกองให้ออกไปจัดการกันแล้วละครับ"
"โครเต้ สไครเดอร์ การที่เอชมาสวาร์ทาร์ทรยศต่อพวกเจ้าและพวกเรา ก็ถือเป็นความผิดของเจ้าด้วยเช่นกัน แต่เพื่อให้มีการสูญเสียน้อยลง ข้าอนุมัติให้เจ้าส่งนักรบในสังกัดของเจ้า ไปช่วยพวกอีเนอไมนด์ ลงทัณฑ์คนทรยศผู้นั้นลงไปด้วย" โอเวอร์เดสกล่าว
โครเต้พยักหน้า "ดาบและหอกของพวกเรา จะพิพากษาคนทรยศลงให้ท่านเห็นเองนะครับ"
"ขุนพลครองคอร์ด ในเมื่อเจ้าเป็นคนอนุญาตให้เอสมาสวาร์ทาร์ไปช่วยพีวิล เจ้าก็มีความผิดด้วย ดังนั้น ข้าจะตั้งให้เจ้า เป็นหัวหน้าสั่งการไล่ล่าคนทรยศ ไปพร้อมกับออกกวาดล้างพวกกบฎโคเคสให้สิ้นซากไปซะ หวังว่า ข้าคงจะไม่ได้ยินความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเจ้ากันด้วยละ" โอเวอร์เดสบอก
ครองคอร์ดกล่าว "เป็นพระกรุณาที่ท่านปราณีให้แล้วละครับ ท่านโอเวอร์เดส"
"ข้าหวังว่า การกวาดล้างกลุ่มกบฎและไล่ล่าคนทรยศจะประสบความสำเร็จกันด้วยน่ะ" โอเวอร์เดสกล่าว
เกซิคบอก "การประชุมยุติลงแล้ว ขอให้พวกท่านโชคดีแล้วกัน" ครองคอร์ดยืนขึ้น เกซิคสบัดมือเพื่อทำให้โฮโลแกรมของแพทรีออทและโครเต้หายไป
"ท่านแพทรีออท คนของท่านมีความคืบหน้ากันแล้วหรือยังละ" ครองคอร์ดเข้ามาในห้องวางแผนงาน ซึ่งโฮโลแกรมของโครเต้และแพทรีออทปรากฎขึ้นมา ซึ่งจิ้มนิ้วเปิดโฮโลแกรมแผนที่โลกบนโต๊ะวางแผนของครองคอร์ดเอาไว้
"หน่วยไล่ล่าสองหน่วยของเราที่ติดตามพีวิลและมาสวาร์ทาร์ที่หนีออกไปจากฐานย่อยนั้น ถูกทำลายไปกันหมดแล้ว แต่นับว่าโชคดี เพราะเส้นทางของพวกนั้น ได้มุ่งหน้าตรงไปยังเขตทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมขนาดใหญ่ของพวกเรา จึงเหมาะแก่การระดมลอบโจมตีอย่างต่อเนื่องกันแล้ว"
"แผนการของท่านนั้นดีมากเลยน่ะ ท่านแพทรีออท แต่ท่านก็อย่าลืมน่ะ ว่า พื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือพื้นที่ที่อันตรายที่สุดกันน่ะ" โครเต้แย้ง
แพทรีออทพยักหน้า ครองคอร์ดถาม "แล้วตอนนี้ คนทรยศทั้งสองมุ่งหน้าไปทางไหนกันละ"
"พวกนั้นมุ่งตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตามการคาดคะเนแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่า พวกมันต้องการที่จะมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังเขตยุโรป เพื่อที่จะไปหาคนของพวกกบฎที่กบดานอยู่ที่นั้นอย่างแน่นอน" แพทรีออทบอก "แต่การที่พวกนั้นจะผ่านไปถึงตรงนั้นได้ ก็ต้องข้ามทะเลทรายสุสานยานบิน อันเป็นส่วนหนึ่งในอาณาเขตของบีสทอยด์เผ่างู ซึ่งเป็นกลุ่มบีสทอยด์ที่เลือกจะอยู่อย่างสงบ ไม่ข้องแวะกับพวกเราและท่านโอเวอร์เดสมาอย่างช้านานแล้วละ"
โครเต้กล่าว "และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เผ่านี้ เอสมาสวาร์ทาร์เคยเข้าไปเจรจากับหัวหน้าเผ่าไม่ให้ไปก่อกบฎต่อกองรบของพวกท่านที่เข้ามาล้ำเส้นจนพวกนั้นหงอลงไปแล้ว ข้าเกรงว่ามาสวาร์ทาร์จะชักชวนบีสทอยด์เผ่านี้ให้เป็นแนวร่วมอย่างไม่ต้องสงสัย"
"แต่หนึ่งปัญหาก็คือ เผ่างู เป็นเผ่าที่อาศัยอยู่ใต้ทะเลทรายแถบนั้น ซึ่งไม่มีใครหน้าไหนที่ตามหาทางเข้าออกรังของพวกมันเจอเลยสักครั้ง ต่อให้มีระบบตรวจสอบดีแค่ไหน ก็ตรวจสอบไปไม่ได้ เพราะพายุทรายที่พัดผ่านในอาณาเขตนี้ มันรบกวนสัญญาณคลื่นสแกนอยู่ตลอด ทำให้การตรวจสอบมันเกิดคลาดเคลื่อน ยากที่จะระบุตำแหน่งที่ชัดเจนไปได้กันน่ะ" แพทรีออทบอก
ครองคอร์ดกล่าว "เรื่องนี้ข้าก็เห็นด้วย ถ้าเราไม่สามารถสแกนจากนอกโลกได้ ทางเดียวที่จะขุดหารังงูเหล่านั้น ก็คือต้องส่งคนควานหาเท่านั้นแหละ"
"คงจะยาก การควานหากลางทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างขวางกันแบบนั้นคงจะใช้เวลาค้นหาไม่น้อย ต่อให้คนของท่านอยู่ในขอบเขตรัศมีพลังงานอีเนลเซี่ยมไปถึง แต่อุปสรรค์ที่แย่ที่สุดก็คือพายุทรายที่หนักหนากันอยู่น่ะ" โครเต้บอก
แพทรีออทบอก "บางครั้งอำนาจธรรมชาติย่อมมีสั้นมียาว มีเริ่มก็ต้องมีหยุดกันน่ะ ท่านโครเต้ ต่อให้มีพลังเต็มเปี่ยม แต่อุณหภูมิของทะเลทรายนั้น แย่ทั้งกลางวันและกลางคืนกันอยู่แล้ว"
"ถ้าไม่ถูกแดดแผดเผาจนร่างไหม้เกรียมด้วยแสงอาทิตย์ ก็ต้องหนาวเพราะอุณหภูมิที่ลดต่ำลงตอนกลางคืนกันไม่ได้หรอกน่ะ" ครองคอร์ดออกความเห็น
แพทรีออทบอก "ข้าหวังว่า ข้าคงจะลืมใส่ตัวปรับอุณหภูมิในตัวพีวิลกันบ้างน่ะ"
"ตอนนี้ ผิวหนังของฉันอยู่ในสภาพที่ปรับตัวกับอุณหภูมิที่แปรเปลี่ยนของทะเลทรายกันได้แล้วละ" พีวิลกล่าวโดยเช็คผ่านคอมแพคจากแขนขวาไว้ ซึ่งเปิดภาพโฮโลแกรมร่างกายทั้งหมด ที่เรืองแสงสีฟ้าให้เห็น
มาสวาร์ทาร์บอก "นั้นเป็นอีกอย่างที่ฉันเตรียมไว้ให้นายกันนะสิ เพราะฉันไม่แน่ใจว่าตอนที่แพทรีออทดัดแปลงนายขึ้นมา เขาได้ดัดแปลงผิวหนังของนายไปหรือเปล่าน่ะ"
"ทั้งๆที่แมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์นั้น แทบจะไม่รู้สึกอะไรเพราะว่าตายไปแล้วกันนะหรือ" พีวิลกล่าว
มาสวาร์ทาร์กล่าว "ไม่เลย พีวิล เทคโนโลยี่การดัดแปลงโครงสร้างทางร่างกายของมนุษย์ในเวลานี้ สามารถทำให้ผิวหนังและความรู้สึกจากสภาพแวดล้อมต่างๆที่สูญเสียหรือเสื่อมสมรรถนะภาพให้กลับมาใช้งานได้ในระดับหนึ่ง แม้นายจะทนทานต่อความเจ็บปวดได้ แต่ก็แค่ระดับเล็กน้อยถึงปานกลางก็เท่านั้นแหละ"
"ต่อให้แม้เป็นแมนิเกเตอร์ก็ยังมีจุดอ่อนด้วยงั้นสิ" พีวิลกล่าว
มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "แม้ว่าโอเวอร์เดสจะเป็นแมนิเกเตอร์ตัวใหญ่และทรงอำนาจมากที่สุดในจักรวรรดิ์ของเขา ถ้าเรารู้จุดอ่อนขึ้นมาก็คงจะทำให้การพิชิตเป็นเรื่องง่าย แต่การปฏิบัติจริงนั้นยากเย็นยิ่งนัก"
"เพราะว่ายังมีพวกแพทรีออทและกองรบแมนิเกเตอร์กลุ่มอื่นๆที่จงรักภักดีเข้ามาขวางไว้เลยสิน่ะ" พีวิลบอก
มาสวาร์ทาร์ตอบ "และลำพังเราสองคนมิอาจจะเอาชนะพวกโอเวอร์เดสได้แน่ๆ ตราบใดที่เราไม่ได้รับความช่วยเหลือจากโคเคสกับพวกกบฎกันน่ะ ไปเถอะ พีวิล เราต้องไปให้ถึงครึ่งทางของทะเลทรายกันเสียก่อนน่ะ" เพราะเบื้องหน้าของพวกเขา ก็คือทะเลทรายอันกว้างใหญ่ หลังจากที่หลบซ่อนอยู่ในป่ามาแล้ว
MANIGATOR SAGA: The Rebellion Soldiers ภาคโลกา
ตอนที่ 2 การหลบหนีสู่ทะเลทรายอันร้อนแรง หญิงสาวผู้ถือหอกที่หลับไหลกลางซากนาวา
ณ.ทะเลทรายบลันเดฮิล อดีตคือทะเลทรายซาฮาร่าในยุคเก่า กลางทวีปแอฟริกา เขตของพวกอีเนอไมนด์
ทะเลทรายแห่งนี้ แต่เดิมเป็นพื้นที่อันแห้งแล้งของทวีปแอฟริกาและเป็นส่วนสำคัญของประเทศอียิปต์ อันเป็นอารยธรรมโบราณกลางทะเลทรายที่เก่าแก่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ในปี 2082 มวลมนุษยชาติได้ทำการทดสอบเทคโนโลยี่เทอร่าฟอร์เมอร์ก่อนจะนำไปใช้ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมอันแห้งแล้งและไม่เหมาะแก่การตั้งรกรากบนดาวดวงอื่น โดยใช้พื้นที่ทะเลทรายแห่งนี้เป็นสถานที่ทดสอบ แม้ว่าจะประสบความสำเร็จเป็นอันมากถึงขั้นเปลี่ยนพื้นทรายให้กลายเป็นทุ่งหญ้าและป่าเขาเขียวขจี จนนำพาความอุดมสมบูรณ์กลับมายังแอฟริกากันอีกครั้งหลังจากที่ผ่านพ้นไปนานแสนนานที่มีทะเลทรายบนทวีป แต่หลังจากสงครามแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสในอีก 80 ปีให้หลัง ทุ่งหญ้าและป่าเขาได้กลับคืนเป็นทะเลทรายตามเดิม แถมไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากว่าตัวปรับสภาพแวดล้อมได้ถูกทำลายไปในการต่อสู้ดังกล่าว เมื่อเสร็จสิ้นสงคราม ทะเลทรายแห่งนี้ก็มีความแปรปรวนที่หนักข้อมากขึ้น อันเนื่องมาจากเครื่องมือเทอร่าฟอร์เมอร์เกิดขัดข้อง ถึงขั้นที่ทำให้อากาศยานหรืออวกาศยานที่บินผ่านไป ร่วงลงมากลางทะเลทรายกันเป็นว่าเล่น ทำให้ทะเลทรายแห่งนี้ได้ชื่อเล่นว่า สุสานยานบินที่น่ากลัว และกลายเป็นเขตห้ามบินผ่าน นับแต่นั้นเป็นต้นมา
"ฟ้าววววววววว ฟ้าววววววววววว" พายุทะเลทรายพัดโหมกระหน่ำกันอย่างหนักหน่วง ซึ่งไม่เพียงบดบังทัศนียภาพจากรอบนอกและภายในกันเพียงอย่างเดียว สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ ต่างถูกพายุทรายเป่าปลิวกระเด็นไปคนละทิศละทาง เห็นจากซากกระดูกอูฐที่เอาหลังปักทิ้มพื้น เท้าทั้งสี่ชี้ขึ้นฟ้าค้างไว้มาตลอด 4 ปีเต็ม ทำให้การเดินทางข้ามทะเลทรายนั้น อันตรายอย่างยิ่ง "วูวววววว" พายุอันบ้าคลั่งได้สงบลง "ไม่เป็นไรใช่มั้ยละ พีวิล" เสียงมาสวาร์ทาร์กล่าว โดยเขาได้หลบอยู่หลังตะบองเพชรและทิ้มฟักดาบยันพื้นต้านไว้ "ฟ้าววววว ซวบบบบบ ควับๆๆๆๆ ตึกกกก" พีวิลทะยานออกจากเนินทรายที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งเขาสวมผ้าคลุมที่เป็นเศษเต้นท์ผ้าใบเอาไว้ ในขณะที่มาสวาร์ทาร์สวมผ้าคลุมลายพลางที่เขาหามาได้ไว้
"แค่กๆๆๆ พายุทรายนิ ทำให้ทรายเข้าคอไปจนได้นะ" พีวิลไอเพื่อเอาทรายที่หลุดเข้าปากของเขาไว้ แม้จะคลุมผ้าคลุมไว้ แต่พายุทรายที่รุนแรงได้พัดทรายมาทับตัวเขาไว้ ดีที่เขาเป็นแมนิเกเตอร์ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนในการหายใจเหมือนมนุษย์ ไม่เช่นนั้นเขาถูกทรายฝังกลบตายแน่นอน "แต่ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าทะเลทรายแถบนี้จะเป็นเขตควบคุมของแพทรีออทไปซะได้น่ะ" พีวิลกล่าว
"พื้นที่แอฟริกาส่วนมากและอเมริกาเพียง 2 ใน 3 คืออาณาบริเวณของอีเนอไมนด์กันนะ พีวิล หากแต่ที่แห่งนี้ พวกอีเนอไมนด์ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะมันอันตรายเกินไปก็เท่านั้นเองแหละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลบอก "แต่ ถ้าแพทรีออทสร้างฉันให้ทนลมทนฝนได้ เขาก็ทำให้สมุนที่เหลือผ่านเขตนี้และพายุทรายมาได้ละน่า มาสวาร์ทาร์"
"นายพูดถูกน่ะ พีวิล เรามีแต่ต้องก้าวเดินต่อไปกันนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว และนำพีวิลเดินไป แม้จะต้องเดินบนพื้นทรายที่ร้อนระอุเพราะแสงอาทิตย์ในยามเช้าแล้วก็ตาม "พีวิล นายเรียนโรงเรียนทหารมาใช่มั้ย ว่าแต่ ครูทหารสอนนายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามเมื่อ 40 ปีก่อนหรือเปล่าละ"
พีวิลตอบ "สอนอยู่แล้วละ เกี่ยวกับสงครามระหว่างมนุษย์และแมนิเกเตอร์ภายใต้การนำของโอเวอร์เดสครั้งแรกสิน่ะ"
"ว่าแต่ นายได้เรียนรู้อะไรจากสงครามเมื่อ 40 ปีก่อนกันบ้างละ" มาสวาร์ทาร์ถาม
พีวิลตอบในสิ่งที่เขาเรียนรู้มาว่า "เมื่อปี 2161 ฟาเธอร์ อัลติเมทคอมพิวเตอร์ สุดยอดระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีไว้เพื่อใช้ควบคุมแมนิแฟคเตอร์ กลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ทุกประเภท นับแต่มนุษย์ดัดแปลง ไซเบอร์เนติค อิมแพลนท์ มนุษย์โคลนนิ่ง มนุษย์กลายพันธุ์ไม่ว่าจะมาจากความผิดปกติทางธรรมชาติหรือตัดต่อและแปรเปลี่ยนโครงสร้างดีเอ็นเอ หรือแม้กระทั่งหุ่นยนต์ที่มีความคิดอ่านเหมือนมนุษย์ทุกรูปแบบ ได้ใช้สิ่งที่มันควบคุมสร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษยชาติ ซึ่งแม้มวลมนุษยชาติจะใช้เทคโนโลยี่ที่พวกเขาสร้างไว้มาโต้ตอบพวกแมนิแฟคเตอร์เพื่อหวังว่าจะทำให้สงครามนี้ยุติลงในเวลาอันสั้น แต่กลับไม่เป็นผลและสงครามก็ยืดเยื้อจากที่คิดไว้ 1 เดือนกลายเป็น 1 ปีแห่งความโกลาหลของมวลมนุษยชาติ ที่ต้องสู้กับสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง จนทำให้ฟาเธอร์ได้สร้างร่างอันใหญ่โต และเรียกตัวเองและพวกแมนิแฟคเตอร์เสียใหม่ ว่าโอเวอร์เดสและเหล่าแมนิเกเตอร์มาจนถึงทุกวันนี้" แล้วก็ขยับแว่นกันแดดที่ติดที่ส่วนหูไว้พร้อมกับเล่าต่อ "แต่สุดท้าย เหมือนมีปฏิหารย์หรืออะไรมิทราบ ตอนวันคริสต์มาสอีฟ โอเวอร์เดสได้พบกับความพ่ายแพ้มาในรูปของเทพธิดาที่มีขนาดตัวเท่าตนปรากฎลงมาจากฟากฟ้า พร้อมกับเข้าต่อสู้กับโอเวอร์เดสและเหล่าแมนิเกเตอร์จนทำให้พวกมันสูญสิ้นและหายไป ที่เป็นเช่นนี้ เพราะในอีก 20 ปีให้หลัง โอเวอร์เดสและเหล่าแมนิเกเตอร์ได้ปรากฎตัวขึ้นกันอีกครั้ง จนทำให้มวลมนุษยชาติแทบจะสิ้นหวังถึงขั้นทำให้ทุกประเทศต้องปิดประเทศกันเพื่อมิให้โอเวอร์เดสนำพวกแมนิเกเตอร์คุกคามเข้าไป ซึ่งรวมถึง วาระสุดท้ายของกลุ่มสหพันธ์โลกที่ปกครองโลกมาตลอด 200 ปีเต็ม"
"สิ่งที่นายรู้มานั้น เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง เพื่อให้นายรู้แค่ว่าแมนิเกเตอร์นั้นเลวจริงๆ โดยไม่ได้รับรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องอีกด้านหนึ่งน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลถาม "นายจะบอกว่า เหตุที่แมนิเกเตอร์ออกอาละวาดถึงสองครั้ง เพราะพวกมนุษย์เป็นต้นเหตุอย่างงั้นนะหรือ"
"ใช่ ข้อแรก แมนิแฟคเตอร์หรือแมนิเกเตอร์นั้น เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาในช่วงยุคทองเมื่อ 200 ปีก่อน โดยใช้ภูมิความรู้ที่ค้นพบบนดวงจันทร์มาสร้าง ซึ่งทำให้มวลมนุษยชาติทั้งหลายนั้นก้าวหน้าไปถึงขั้นที่สามารถออกเดินทางไปสู่อวกาศอันไกลโพ้น ดังนั้น มวลมนุษยชาติจึงสร้างกลุ่มมนุษย์พิเศษขึ้นเพื่อการบุกเบิกอวกาศ ซึ่งนั้นก็คือแมนิแฟคเตอร์รุ่นแรกก่อนจะเป็นแมนิเกเตอร์กันนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลกล่าว "200 ปีก่อนเลยหรือ งั้นเทคโนโลยี่ที่ใช้ๆกันอยู่นี้ก็คงจะ..."
"เป็นส่วนหนึ่งของผลงานของมวลมนุษยชาติในยุคนั้นน่ะ พีวิล เทคโนโลยี่ตั้งแต่เครื่องมือสำหรับการใช้งานภายในครัวเรือน ในภาคการเกษตร อุตสาหกรรม การโยธาและสถาปัตยกรรม ไปจนถึงเทคโนโลยี่ทางทหารและการเดินทางสู่อวกาศนั้น ล้วนเป็นผลงานต่อยอดจากข้อมูลทางเทคโนโลยี่เมื่อ 200 ปีก่อน แต่ปรับประยุกต์ให้เข้ากับการใช้ของมนุษย์ทุกเชื้อชาติด้วยกันและพัฒนามาตลอดเวลา ซึ่งวิทยาการสร้างแมนิแฟคเตอร์หรือแมนิเกเตอร์ก็รวมอยู่ในนั้นแหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลบอก "ถ้าเช่นนั้น พวกแมนิแฟคเตอร์เหล่านั้นก็คงจะเป็นเหมือนเครื่องมือของพวกมนุษย์ในช่วงเวลานั้นด้วยสิ"
"แน่นอน และด้วยข้อมูลเทคโนโลยี่สมัยโบราณนั้นแหละ ที่ทำให้โลกในอดีตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งนั้นกลับเข้าสู่ความสงบอันยั่งยืนมาตลอดศตวรรษหนึ่งด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว และหันมาถาม "พีวิล นายรู้จักรูเกล เดลวีแองนูหรือเปล่าละ"
พีวิลส่ายหน้า "เออ ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้เรียนวิชาอัตชีวของบุคคลสำคัญแบบลึกซึ้งแบบนั้นน่ะ"
"ข้อสอง รูเกล เดลวีแองนู ไม่เพียงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้ค้นพบข้อมูลวิทยาการอันล้ำหน้าบนดวงจันทร์ จนตีความและนำมาต่อยอดสร้างผลงานทั้งหลายแหล่ในช่วงยุคทอง แต่เขา ยังเป็นบิดาผู้สร้างแมนิเกเตอร์คนแรกก่อนหน้าโอเวอร์เดสกันด้วย" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลได้ฟังก็ตกใจไม่น้อย "....เขาคือคนที่สร้างแมนิเกเตอร์อย่างงั้นนะหรือ แทบไม่เชื่อเลยว่า จะมีมนุษย์คนแรกที่เป็นคนริเริ่มสร้างแมนิเกเตอร์ เออ แมนิแฟคเตอร์หรือไงกันน่ะ"
"ตอนนี้เราเรียกแมนิแฟคเตอร์ว่าเป็นแมนิเกเตอร์กันดีกว่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์ช่วยอธิบายให้พีวิลเข้าใจได้ง่ายขึ้น "ผลจากการใช้วิทยาการล้ำหน้าของเขา ได้ผลักดันให้ความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติไปไกลกว่าที่ควรจะเป็น มนุษย์สามารถตั้งรกรากดาวทั้งแปดดวงในระบบสุริยะจนเป็นเหมือนโลกใบใหม่ได้ มนุษย์สามารถเดินทางข้ามระบบอวกาศด้วยเทคโนโลยี่ที่ล่ำหน้ายิ่งกว่าเทคโนโลยี่การเดินทางออกนอกโลกสมัยเก่าแบบหลายเท่าด้วยกัน และมนุษย์ก็ทำให้ตัวเองข้ามขีดจำกัดทางกายภาพจนทำให้อุปสรรค์ด้านสภาพแวดล้อมแทบไม่มีผลเสียแต่อย่างใด ซึ่งอย่างหลังนั้นก็คือคุณสมบัติของแมนิเกเตอร์ในตอนนี้ ผลงานทุกผลงานได้ทำให้ประวัติศาสตร์โลกได้จารึกชื่อเขา ในฐานะ บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ซึ่งได้รางวัลโนเบลถึง 8 สาขาด้วยกัน"
พีวิลบอก "โนเบล 8 สาขาเลยหรือ มีอะไรบ้างละ"
"วิทยาศาสตร์การแพทย์ พันธุวิศวกรรมศาสตร์ ชีววิทยา วิศวกรรมหุ่นยนต์และจักรกล ฟิสิกส์ เคมี ดาราศาสตร์ และวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งทั้งแปดรางวัล ล้วนได้ในวันเดียวเสียด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "แม้ว่าเขาจะได้สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้พัฒนามวลมนุษยชาติมาตลอด 2 ศตวรรษเต็มๆ อนิจจา มนุษย์จดจำได้ก็ย่อมลืมได้ ลืมได้แม้กระทั่งสิ่งที่ลูกหลานเหลนโหลนของเขาถูกบีบบังคับให้สร้าง จนทำให้ชื่อตระกูลเดลวีแองนูถูกลบเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์มาจนถึงบัดนี้แหละ"
พีวิลบอก "เดียวก่อนน่ะ ถ้าเช่นนั้น คงไม่ได้หมายความว่า ลูกหลานของรูเกล เดลวีแองนูคนนั้น จะเป็นคนที่สร้าง...."
"ถูกแล้วละ พีวิล เดลวีแองนูรุ่นที่ 5 อัลบาร์ท เดลวีแองนู คือผู้สร้างอัลติเมทคอมพิวเตอร์รหัส ฟาเธอร์ ซึ่งก็คือ โอเวอร์เดสในเวลานี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลถาม "แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมถึงบอกว่าอัลบาร์ทถูกบีบบังคับให้สร้างโอเวอร์เดสกันละ ในเมื่อเราอาจจะคิดว่าเขาสร้างโอเวอร์เดสขึ้นมาเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้กับโลกก็ได้"
"นั้นเป็นความคิดที่มองโลกในแง่ร้ายนะ พีวิล ประวัติศาสตร์ทุกเรื่องย่อมมีความจริงอยู่ในตัว ซึ่งนั้นต้องมองอีกด้านที่นายมองข้ามไป ต่อให้มองคนเลวว่ามีวัตถุประสงค์ดีกันก็ตาม" มาสวาร์ทาร์กล่าวโดยพาพีวิลเดินข้ามเนินทรายไป "อัลบาร์ท เดลวีแองนูก็คือคนที่ว่ามา แม้เขาจะเป็นคนสร้างโอเวอร์เดสขึ้นมา แต่จริงๆแล้ว เขาถูกบังคับให้สร้างขึ้นมา ทั้งๆที่ เขาไม่เห็นด้วยกับวิธีการควบคุมแมนิเกเตอร์ให้อยู่ภายใต้คำสั่งของสหพันธ์โลก เพราะนั้นจะเป็นการทำลายเจตจำนงอิสระของพวกแมนิเกเตอร์ไว้ และใช้พวกแมนิเกเตอร์เสมือนเป็นเครื่องมือสนองความต้องการของมนุษย์บางกลุ่ม ถึงขั้นที่เยียดสถานะความเป็นตัวตนของพวกเขากันไปด้วย แม้ว่าอัลบาร์ทพยายามที่จะทำให้พวกมนุษย์ยอมรับในการอยู่ร่วมกันกับแมนิเกเตอร์อย่างเท่าเทียมและเสมอภาค ทว่าแนวคิดนั้นกลับถูกต่อต้านและถูกผู้คนกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกันกับพวกแมนิเกเตอร์ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนมีเหตุมาจากความหวาดกลัวที่มวลมนุษยชาติจะถูกแทนที่โดยแมนิเกเตอร์กันน่ะ"
พีวิลบอก "และนั้นก็คงจะเป็นสาเหตุที่พวกแมนิเกเตอร์ต้องคุกคามมวลมนุษย์ด้วยสิ"
"ใช่ และอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องสร้างแมนิเกเตอร์นั้น ก็คือ พวกเขาขาดการติดต่อระหว่างโลกกับอวกาศกันนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก และอธิบายต่อ "ในช่วงยุคทองนั้น มวลมนุษยชาติได้ออกเดินทางไปสู่อวกาศอันไกลโพ้นจนไปตั้งรกรากบนกลุ่มดาวต่างๆ ซึ่งกลุ่มมนุษย์ดังกล่าวนั้นได้พบปะกับกลุ่มองค์กรต่างดาวจนได้เป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายอวกาศนั้นจะเจอเรื่องราวที่หนักหนาบางอย่างที่ทำให้การติดต่อขาดหายไป คาดว่านั้นจะเป็นก่อนหน้าโอเวอร์เดสจะถูกสร้างเสียด้วยซ้ำ ทางสหพันธ์โลกที่รู้เรื่องขาดการติดต่อไปนั้น ก็เกิดความหวาดกลัวว่าพวกมนุษย์ต่างดาวจะต้องบุกรุกรานโลกกันอย่างแน่นอน หลังจากที่พวกเขาเชื่อว่าพวกต่างดาวได้โจมตีพวกเขาลงไปแล้ว การให้อัลบาร์ทสร้างโอเวอร์เดสขึ้นมา ก็เพื่อรวบรวมเหล่าแมนิเกเตอร์ให้เป็นกองทัพในการสู้กับภัยคุกคามจากอวกาศขึ้นในภายภาคหน้าด้วย"
พีวิลกล่าว "อนิจจา มวลมนุษยชาติกลับต้องสู้กับกำลังรบที่ใช้ปกป้องโลกเสียเอง แม้ครั้งแรกไม่สำเร็จ จนครั้งที่สองก็ครอบครองโลกได้ค่อนใบเหมือนเช่นในวันนี้สิน่ะ"
"แน่นอน ซึ่งครั้งที่สองนั้นแหละ คือยุคของพวกเราที่ต้องต่อสู้กับพวกโอเวอร์เดส และลงท้ายด้วยการเป็นหมากเป็นเบี้ยที่พวกเราสมควรจะต้องกำจัดกันอยู่ดีนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลถาม "ว่าแต่ เกิดอะไรขึ้นกับอัลบาร์ท เดลวีแองนูกันละ เพราะหลังจากสงครามครั้งแรกนั้น โอเวอร์เดสแค่หายสูญไปแทนที่จะถูกทำลายโดยเทพธิดาลึกลับกันน่ะ"
"อัลบาร์ท เดลวีแองนูหายตัวไปพร้อมกับบุตรสาวของเขา และหายสาปสูญไปนับแต่บัดนั้น เนื่องจากว่าสหพันธ์โลกและคนทั้งโลกที่ต้องสูญเสียทุกสิ่งไปจากการต่อสู้กับโอเวอร์เดสนั้น แม้จะรู้แค่ว่าโอเวอร์เดสถูกทำลายไปแล้ว แต่พวกเขารู้เพียงแค่ว่า อัลบาร์ทคือตัวการที่สร้างโอเวอร์เดสขึ้นมาและคิดว่าเขาคือตัวการสำคัญที่ทำให้โอเวอร์เดสกบฎจนก่อเรื่องถึงระดับสงครามอันหนักหนามา 1 ปีเต็ม ดังนั้น ความเกลียดชังของคนทั่วโลกจึงลงมาที่เดลวีแองนูรุ่นห้าชนิดที่ไม่ให้เขาได้แก้ตัวใดๆ ทั้งๆที่ คนที่สั่งให้สร้างโอเวอร์เดสขึ้นมา ก็คือทางสหพันธ์โลกกันดีๆนี้เองแหละ" มาสวาร์ทาร์บอก "แต่น่าเสียดาย ที่ตระกูลเดลวีแองนูจะต้องมาจบสิ้นลงหลังจากที่หายสูญมา 20 ปีเต็มๆ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของฉันเลยน่ะ"
พีวิลกล่าว "ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นะหรือ เออ มาสวาร์ทาร์ ตกลงนิ นายคงไม่ได้เป็นคนที่...."
"ข้อที่สาม อัลบาร์ท เดลวีแองนูและบุตรสาวนั้น เสียชีวิตด้วยคำสั่งการโจมตีของฉันเองนะสิ" มาสวาร์ทาร์กล่าว พีวิลได้ฟังก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเดลวีแองนูรุ่นห้า นักดาบหนุ่มจึงเล่าด้วยความรันทดใจว่า "ในยุทธการโจมตีกองเรือรบของพวกมนุษย์ในช่วงที่ฉันเป็นนักรบของครอสตรีมนั้น แม้ว่าฉันจะเป็นผู้วางแผนและสั่งการกองรบให้โจมตีกองกำลังมนุษย์ไว้ได้ก็จริง แต่ฉันก็พยายามหลีกเลี่ยงมิให้พวกมนุษย์ต้องมารับเคราะห์ หรือไม่ให้พวกครอสตรีมเข้ามาลงมือกับมนุษย์กันทั้งนั้น ซึ่งแม้ว่ายุทธการที่ผ่านๆมา เราสามารถสร้างความเสียหายให้กองรบของพวกมนุษย์ไปไม่น้อยและไม่มีใครต้องตายกันไปเลยก็ตาม เพราะว่าฉันตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของพวกแมนิเกเตอร์ นับแต่รู้ความจริงของประวัติศาสตร์ของโลกเมื่อ 200 ปีก่อน"
พีวิลกล่าว "นั้นคงจะเป็นเจตจำนงของนายที่ทำในช่วงที่เป็นแมนิเกเตอร์ละสิ แต่ นายไม่ได้ถูกควบคุมสมองเหมือนที่ฉันเป็นเลยนิ"
"ครอสตรีมที่ถูกควบคุมสมองให้เป็นเหมือนตุ๊กตาก็คือพวกที่ถูกลงโทษหรือฝ่าฝืนคำสั่งจนถูกทำให้กลายเป็นนักรบไร้จิตใจที่ไม่มีความคิดดั่งเดิมหลงเหลืออยู่ ซึ่งคนทรยศอย่างฉันอาจจะต้องมีสภาพนั้นแน่ๆ แต่ฉันจะไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก เพราะนั้นจะเป็นการผิดต่อพ่อลูกเดลวีแองนูกันด้วย" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลถาม "ว่าแต่ เรื่องมันเกิดยังไงกันแน่น่ะ มาสวาร์ทาร์"
"ในช่วงหลังจากยุทธการปราบเฮลดรอยจบลงไปได้สามเดือน ครองคอร์ดได้ให้ภารกิจกับฉันและเหล่านักรบครอสตรีมให้บุกโจมตีกองเรือรบของประเทศจีนที่ข้ามมหาสมุทรอินเดีย เพราะต้องสงสัยว่าจะมีการขนส่งสุดยอดอาวุธที่ไว้ใช้กำจัดพวกเราบรรทุกมา เพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม ครองคอร์ดอนุมัติให้ใช้ปืนใหญ่อานุภาคพิสัยไกลยิงใส่เรือเป้าหมายได้ ซึ่งฉันเกิดความสงสัยว่า ภารกิจในคราวนี้ครองคอร์ดให้รายละเอียดที่น้อยมาก ฉันจำต้องไปสืบเรื่องเรือรบเอง เนื่องจากว่าครองคอร์ดสั่งให้นักรบครอสตรีมทุกตน ซ้อมรบสำหรับต่อกรกับกองรบพวกมนุษย์ที่ใส่เกราะพาวเวอร์สูทที่รับมือกับการโจมตีของพวกเรา ทำให้ไม่สามารถสั่งใครให้ไปสืบเรื่องกันได้เลย" มาสวาร์ทาร์บอก "เพื่อให้แน่ใจว่า ปืนใหญ่จะไม่ยิงใส่เรือที่เป็นเป้าหมาย ฉันจึงยังไม่สั่งให้ยิงปืนใหญ่ใส่ก่อนที่ฉันจะรู้เรื่อง แต่ให้ยิงใส่เรือลำอื่นที่อารักขาไว้ ทว่า กองเรือนั้นกลับออกจากท่าไปก่อนกำหนดการ ดังนั้น ฉันจำต้องสั่งให้ปืนใหญ่ ยิงให้หยุดเรือเป้าหมายกันไปก่อน จนกระทั่ง....ฉันได้เห็นความจริงที่เกิดขึ้น"
พีวิลถาม "นายเห็นตัวดร.เดลวีแองนูนะหรือ"
"เปล่าหรอก ดร.เดลวีแองนูหายสาปสูญไปตั้ง 40 ปีกว่า ข้อมูลประวัติของเขาถูกทางสหพันธ์โลกลบทิ้งไปเกือบหมด เว้นแต่กลุ่มประเทศบางส่วนที่ยังเหลือข้อมูลประวัติไว้ เพราะแน่ใจว่าไม่วันใดวันหนึ่ง ดร.เดลวีแองนูจะต้องปรากฎตัวกันอย่างแน่นอน แต่คนที่ฉันเห็นนั้น เป็นบุตรสาวของดร.เดลวีแองนู ที่โผล่หน้าออกจากดาดฟ้าเรือไป พร้อมกับเหล่าผู้ลี้ภัยจำนวนหนึ่งที่โดยสารมากับเรือนั้น" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลบอก "เรือลำนั้นไม่ได้ขนอาวุธ แต่ขนผู้อพยพข้ามประเทศไปอย่างงั้นนะหรือ"
"ใช่ พอฉันรู้ว่าภารกิจที่ครองคอร์ดให้มานั้นเป็นภารกิจสังหารหมู่มนุษย์ที่โดยสารมาบนเรือที่จะไปยังตุรกี ซึ่งเตรียมเรือมารับผู้ลี้ภัยมาอยู่ด้วย ฉันจึงตัดสินใจยกเลิกคำสั่งยิงไปเสีย แต่มันก็สายไปแล้ว...." มาสวาร์ทาร์กล่าว โดยนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรือผู้อพยพ "แชดดดดด ตรูมมมมมม" ลำแสงที่ยิงมาจากปืนใหญ่อานุภาคได้เข้าใส่เรือรบลำหลักจนระเบิดวินาศสันตะโร จนทำให้หญิงสาวที่เขาเห็นนั้นต้องจมไปพร้อมกับเรือที่ถูกยิงไปด้วย "....หลังจากที่ยุทธการจมกองเรือนั้นจบลง ด้วยกองรบของพวกเราบุกโจมตีกองเรือหลังจากที่เสียขวัญเพราะเรือหลักถูกโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวนั้น ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลในเรือที่อัปปางดู ก็พบว่า ครองคอร์ดสั่งให้ฉันทำภารกิจลอบสังหารดร.เดลวีแองนูและบุตรสาวที่โดยสารมากับเรือ เพื่อมิให้เขาใช้ความรู้ที่มี กลับมากำจัดโอเวอร์เดสขึ้นเสียเอง มิหน่ำซ้ำ ครองคอร์ดก็เป็นคนที่เปลี่ยนคำสั่งให้ยิงเรือลำอื่น มาเป็นยิงใส่เรือหลักโดยตรงก่อนที่ฉันจะห้ามได้ทัน เพราะมันรู้อยู่แล้ว ว่าฉันจะต้องระงับคำสั่งและทำให้โอกาสที่จะทำลายไพ่ตายที่ใช้จัดการกับโอเวอร์เดสนั้นให้จมลงไปกับซากเรือนั้นหลุดหายไปอย่างถาวรแน่นอน" ถึงตอนนี้ มาสวาร์ทาร์ก็กำหมัดด้วยความโกรธแค้น แม้เขาจะมีสีหน้าที่สุขุมแต่ก็ปิดบังความแค้นทั้งตัวเขาและครองคอร์ดไว้ไม่ได้อยู่ดี
พีวิลบอก "มาสวาร์ทาร์ สิ่งที่นายทำไปนั้น มันเป็นทั้งเหตุสุดวิสัยและความตั้งใจของครองคอร์ดที่ต้องการให้นายเป็นฆาตกร ไม่ต่างอะไรจากฉันเลยน่ะ นั้นจึงไม่ใช่ความผิดของนายกันหรอก"
"จะเป็นความผิดของครองคอร์ดหรือไม่ ดร.เดลวีแองนูและบุตรสาวก็ตายเพราะน้ำมือของฉันอยู่ดี ความเจ็บปวดที่ฉันถูกหลอกใช้ให้ฆ่าคนที่ไม่สมควรจะตายนั้น มันไม่เท่ากับการที่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกองรบแมนิเกเตอร์จากภายในได้ เพราะว่าเหล่านักรบครอสตรีมทั้งหมด ล้วนต้องทำตามคำสั่งของโอเวอร์เดส ซึ่งก็คือการกวาดล้างมวลมนุษยชาติให้หมดไปจากโลก และสร้างโลกของแมนิเกเตอร์ขึ้นมาเอง ซึ่งฉันรู้ว่าฉันไม่มีทางที่จะชนะในลักษณะนี้ได้แน่นอน" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลบอก "แล้วนายก็ใช้เหตุผลนี้ ไปร่วมมือกับโคเคสสิน่ะ แล้วนายเจอกับพวกโคเคสตอนไหนละ"
"ในช่วงที่ฉันรู้สึกเจ็บใจไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ฉันจึงเดินทางออกจากปราการหลักของครอสตรีม หลังจากที่สละสิทธิ์การรับตำแหน่งแม่ทัพคนใหม่ไป ก็ได้แต่เดินเตร็ดเตร่แบบไร้จุดหมาย จนกระทั่ง ถูกพวกโคเคสดักล้อมจับเอาไว้ เพราะพวกเขารู้เรื่องการโจมตีกองเรือรบ และมีคนของโคเคสเห็นฉันอยู่บนหน้าผาใกล้กับจุดเกิดเหตุกันด้วย ซึ่งคิดว่าฉันคือตัวการในเรื่องนี้แน่นอน เพราะโคเคสต้องการความช่วยเหลือจากดร.เดลวีแองนูที่ตื่นขึ้นมาจากจำศิลมาตลอด 20 ปีเต็มๆและเสียโอกาสนั้นไป" มาสวาร์ทาร์บอก "แน่นอนว่า ฉันอยู่ในสภาพสิ้นหวังเต็มประดาและอยากจะตายเพื่อชดใช้สิ่งที่ฉันทำลงไปกันแล้ว แต่....โคเคสกลับมอบโอกาสให้ฉันไถ่โทษในสิ่งที่ทำลงไป นั้นคือการเป็นสปายให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฎของเขาให้หลบหนีการโจมตีของพวกแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดส เหมือนเช่นที่นายเจอมากันนี้แหละ"
พีวิลพยักหน้า "แปลว่า โคเคสเองก็คงไม่คิดที่จะทำลายพวกแมนิเกเตอร์ให้หมดไป ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ปล่อยให้นายรอดมาถึงบัดนี้สิน่ะ"
"ส่วนหนึ่งเพราะ เขารู้จักชื่อเสียงและความสามารถของฉันทั้งฐานะมนุษย์และแมนิเกเตอร์มาก่อนนะสิ และการที่เขาไว้ชีวิตฉัน ก็เพื่อใช้ความสามารถที่ฉันมี ให้เป็นประโยชน์ในกองกำลังกบฎของเขา การที่เขาให้โอกาสฉันซึ่งได้ก่อเรื่องเลวร้ายกันอย่างมากมายนั้น ทำให้ฉันที่กำลังสิ้นหวังขึ้น มีกำลังใจที่จะสู้กับพวกจักรวรรดิ์แมนิเกเตอร์ขึ้นมา ซึ่งฉันก็ได้พิสูจน์ให้พวกกบฎเห็น ด้วยการรับหน้าที่สปาย ส่งข้อมูลการบุกของกองรบแมนิเกเตอร์ที่เข้าโจมตีพวกกบฎที่เป็นพวกเดียวกันกับพวกโคเคสให้เตรียมพร้อมสำหรับการหลบหนีหรือโต้ตอบกลับเอาไว้ แน่นอน ว่าฉันได้ส่งข้อมูลของนายไปให้โคเคสรู้แล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลกล่าว "แต่พวกกบฎของโคเคสจะยอมรับฉันได้เลยหรือ ทั้งๆที่ในตอนนั้น ฉันได้เล่นงานพวกพ้องของโคเคสไปไม่น้อยน่ะ"
"เวลาและความตั้งใจของนายคือเครื่องพิสูจน์ความจริงใจและเจตจำนงของนายให้พวกกบฎยอมรับกันน่ะ พีวิล และฉันเชื่อว่า ความเป็นลูกผู้ชายของนายเองก็คงอยากจะให้นายอดทนกันได้บ้างน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลยิ้มขึ้น "ได้ฟังนายเล่ามานั้น ทำให้ไม่รู้สึกร้อนจากการถูกแดดแผดเผาไปได้ในระดับหนึ่งแล้วละ" และถามด้วยความสงสัย "เออ มาสวาร์ทาร์ นายเป็นอดีตมนุษย์เหมือนกับฉันนิ ว่าแต่ นายเป็นคนจากประเทศไหนหรือ"
"พ่อของฉันมาจากสหราชอาณาจักร แม่ของฉันมาจากแดนอาทิตย์อุทัย นามเดิมของฉันคือ มัตสึดะ คิริซาว่า เทมตัน นายทหารระดับพันตรีของกองทัพสหราชอาณาจักร" มาสวาร์ทาร์เอ่ยนามและเชื้อชาติพ่อแม่ของเขาอย่างชัดเจน
พีวิลกล่าว "นายเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นอังกฤษนะหรือ ฉันพอรู้มาบ้างเกี่ยวกับญี่ปุ่น ว่าเป็นประเทศแห่งซามูไร ดาบคาตานะ นินจา วัฒนธรรมอันเก่าแก่ที่ทันยุคทันสมัย ไปจนถึงวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูนอนิเมะเมื่อศตวรรษที่ 20 รวมถึงเป็นมหาอำนาจของเอเชียที่มีอิทธิพลแพร่หลายไปทั่วโลกกัน และเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศของสหพันธ์โลกกันด้วย"
"แต่ นายเป็นลูกทหารมิใช่หรือ ทำไมนายถึงรู้เรื่องประเทศของฉันได้ดีเลยนิ ทั้งๆที่นายรู้วิชาการต่อสู้ทางทหารกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์ถาม
พีวิลตอบ "ที่โรงเรียนทหาร เขาสอนให้ทุกๆคนเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของประเทศต่างๆทั่วโลก และให้เขียนเป็นรายงานมา ฉันได้หัวข้อเป็นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งฉันได้ศึกษาค้นคว้าความเป็นมาของประเทศนี้นับแต่อดีตมาจนถึงยุคนี้ แม้ว่าได้รู้ว่าญี่ปุ่นเองก็มีอะไรที่ น่ารักและคล้อยตามการ์ตูนที่พวกเขาสร้างไว้กันก็ตามน่ะ"
"นั้นเป็นข้อดีที่นายเลือกประเทศได้ถูกจุดนะ พีวิล เพราะว่ากลุ่มทหารที่ต้องต่อสู้กับพวกแมนิเกเตอร์นั้น มันไม่ได้มีเพียงแค่ชาติเดียว ประเทศอื่นๆเองก็ต้องร่วมมือกัน ถ้าไม่ศึกษาถึงประวัติความเป็นมาของประเทศนั้นๆ นอกจากจะคุยไม่รู้เรื่องแล้ว ยังทำให้การประสานงานระหว่างประเทศชะงักไปด้วย เพียงเพราะมีสมาชิกบางคนไม่เข้าใจแนวคิดของบางประเทศกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลถาม "ถ้าเช่นนั้น เพลงดาบที่นายใช้สู้กับฉัน และใช้จัดการกับพวกอีเนอไมนด์เมื่อคืนก่อนนั้น นายคงจะเรียนกับแม่ของนายละสิ"
"เปล่าหรอก ความจริงแล้ว คุณตาของฉัน เป็นเจ้าสำนักเพลงดาบที่มีชื่อเสียงในเรื่องการรักษาขนบธรรมเนียมเก่าแก่มาตลอด 200 ปีเต็มแล้วต่างหากละ และฉันได้รับการประสานวิชาด้านเพลงดาบซามูไรมาจากคุณตาเมื่อฉันอายุได้ 4 ขวบแล้วละ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลกล่าว "4 ขวบเลยหรือ แล้วนายคงใช้ดาบฟันหินผาให้ขาดเป็นสองท่อนในดาบเดียวละสิ"
"ฉันในตอนนั้นมีแรงทำแบบที่เห็นในการ์ตูนและฝึกได้ถึงขั้นนั้นซะทีไหนละ พีวิล วิชาดาบที่คุณตาสอนให้นั้น มันไม่เพียงสอนวิธีการฟันดาบแต่ยังสอนหลักการใช้ชีวิตให้อีกด้วย ซึ่งกว่าฉันจะสำเร็จถึงขั้นที่ใช้ดาบได้คล่องแคล้วนั้น ก็เป็นหลังจากที่เรียนจบชั้นประถมไปแล้วนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก "หลังจากนั้น คุณพ่อที่เป็นชาวอังกฤษ ก็รับฉันไปอุปการะหลังจากที่คุณแม่เสียไปเพราะโรคร้าย คุณพ่อก็ส่งฉันไปโรงเรียนประจำ และถูกเรียกตัวให้ฝึกฝนการใช้ดาบสไตล์ตะวันตกกันที่บ้าน ซึ่งด้วยทักษะการใช้ดาบที่คุณตาสอนให้นั้น ช่วยได้มาก แม้ว่าจะต้องปรับเปลี่ยนแพทเทิร์นการใช้ดาบ เพราะวิชาดาบของทางตะวันตกจะต่างจากการใช้ดาบซามูไร และต้องฝึกอย่างเคี่ยวเข็นอีกด้วย"
พีวิลถาม "แล้วนายไม่โต้เถียงกับพ่อของนายกันเลยหรือ กับการให้ฝึกโหดอะไรปานนั้นจนไม่สูญเสียเวลาเรียนกันน่ะ"
"ไม่เลย เพราะในตอนนั้น ฉันมีความใฝ่รู้ที่จะศึกษาอะไรใหม่ๆกันอยู่แล้ว และรู้ว่าคุณพ่อต้องการที่จะส่งเสริมให้ฉันไม่เพียงเป็นคนเก่ง แต่ให้เป็นคนดีและใช้ความรู้ไปในทางที่ถูกต้อง เพลงดาบที่ท่านพ่อสอนให้นั้น เปรียบเหมือนการสอนให้ฉันรู้จักชีวิตที่ต้องต่อสู้มาอย่างยากลำบาก แม้จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ แต่ก็ต้องขัดเกลาให้คงทนและปรับรับเอาความรู้ใหม่ๆมาพัฒนาใช้อยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้แหละ ฉันจึงสำเร็จเพลงดาบของชาวตะวันตกเมื่ออายุ 12 จากนั้นก็เรียนเข้ามหาวิทยาลัยของอังกฤษได้ปริญญามาหลายใบด้วยความสามารถของตัวเองเมื่ออายุ 20 ด้วยไอคิวระดับ 300 หน่วย จากนั้นก็เดินทางกลับประเทศของคุณแม่ ทำงานให้กับหน่วยงานทางทหารของทางญี่ปุ่น แล้วมาลงเอยด้วยการเป็นผู้ช่วยคุณพ่อที่เป็นนายทหารระดับสูงของกองทัพอังกฤษ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลบอก "ถ้าเช่นนั้น นายก็ใช้ความรู้ความสามารถของนายรับใช้ทั้งสองประเทศกันเลยสิ"
"ใช่ แต่เพราะความรู้ความสามารถของฉันนี้แหละ ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกครอสตรีมบุกมาโจมตีพวกเรา สังหารท่านพ่อและเหล่าทหารทุกนายจนล้มตายไปกันหมด ส่วนฉันก็ไม่แคล้วก็ถูกเล่นงานจนปางตาย และถูกคืนชีพมาเป็นแมนิเกเตอร์จนถึงบัดนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลกล่าว "นายโชคดีกว่าฉันเสียอีกน่ะ ที่ยังมีสติสัมปะชัญญะอยู่ครบถ้วน ถ้านายมีสภาพเหมือนกับฉัน ก็คงไม่มีวันที่ฉันได้รับรู้ตัวตนจริงไปได้หรอก...."
"วี้ววววว ตรูมมมมมม" ฉับพลันมีบางอย่างพุ่งลงมาระเบิดใส่พีวิลและมาสวาร์ทาร์จนตัวปลิวกระเด็นไป "เหวออออ ว้ากกกก" ทั้งคู่ปลิวกระเด็นกลางอากาศ แต่.... "ควับๆๆๆๆ ตึกกกก ซวบบบบบ" ทั้งคู่ตีลังกาลงสู่พื้นได้ก่อน จึงไม่ล้มแบบกระแทกพื้นทรายไปได้ "รถถังกราแทงค์ของอีเนอไมนด์" มาสวาร์ทาร์มองจากระยะไกลซึ่งเห็นรถถังติดปืนใหญ่อีเนลเซียมที่ควันขึ้นมาแต่ไกล
พีวิลบอก "ถ้ามันโจมตีด้วยปืนใหญ่เช่นนี้ แสดงว่าพวกมันคงเจอเราแล้ว"
"แชด แชด แชด แชด" เลเซอร์สีฟ้ายิงลงมาจากฟากฟ้า ซึ่งพีวิลและมาสวาร์ทาร์รีบหลบออกข้าง เพื่อไม่ให้เลเซอร์กระทบพื้นจนระเบิด และตกเป็นเป้าแบบเดียวกับต้นกระบองเพชรที่ถูกยิงจนแหว่งไปครึ่งต้นเข้า "แย่ละสิ พวกนั้นใช้หน่วยเปกาซัสไรเดอร์กันเสียแล้วละ" มาสวาร์ทาร์เงยมองบนฟ้า เห็นเมดลิคซ์จำนวนสามตนขี่ม้ามีปีกอยู่
พีวิลบอก "ม้ามีปีกในเทพนิยายนะหรือ อย่าบอกน่ะ ว่านั้นเป็นผลงานการสร้างสิ่งมีชีวิตจากเทคโนโลยี่อันล้ำยุคกันน่ะ"
"ถูกเผงเลยละ พีวิล ไม่ใช่แค่เปกาซัสอย่างเดียวหรอก ม้ามีเขายูนิคอร์น กริฟฟอน ปลาหมึกยักษ์คราเคน สิงห์แพะงูคิไมร่า งูห้าหัวไฮดร้า งูยักษ์บราซิลิคซ์ ไก่หางงูคอกคาลิคซ์ สิงห์ปีกค้างคาวหางแมงป่องแมนติคอร์ หมาสามหัวเฝ้าประตูนรกเคลเบรอส รวมถึงสัตว์ในเทพนิยายอื่นๆเอง ก็คือผลงานส่วนหนึ่งของไวซ์ ไมเซล แม่ทัพสัตว์ประหลาดที่เป็นผู้สรรสร้างและให้กำเนิดพวกมันมาเป็นส่วนหนึ่งในพาหนะมีชีวิตของพวกแมนิเกเตอร์กันไว้นะสิ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลบอก โดยกระหน่ำยิงอาร์มชู้ตเตอร์ขึ้นฟ้า แต่เปกาซัสไรเดอร์กลับบินหลบหลีกไปได้กันทั้งหมด "ถ้าไวซ์ไมเซลสร้างพวกนี้ งั้นก็เท่ากับว่า เขาสร้างมังกรขึ้นได้ง่ายๆละสิ"
"ได้อยู่แล้ว ครอสตรีมมีกองรบอัศวินมังกร ซึ่งขี่มังกรบินเป็นพาหนะหลัก และใช้สู้ร่วมกันกับฝูงบินของพวกมนุษย์ที่ใช้อากาศยานต่อสู้ภาคอากาศอันทันสมัยจนสอยเครื่องบินร่วงไปเป็นสิบด้วย ผลงานชิ้นต่อไปของไวซ์ไมเซลก็คือสร้างนกฟินิกซ์กันนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลถาม "แต่ ไวซ์ ไมเซลสร้างพวกนี้กันยังไง เพราะการสร้างสัตว์ให้เหมือนถอดแบบมาจากหนังสือนิทานมันไม่น่าจะทำได้ง่ายๆกันเลยนิน่า"
"ไวซ์ ไมเซลใช้วิธีการผสมพันธุกรรมของสัตว์ต่างๆเอาไว้กันนะสิ อย่างเปกาซัสนั้น ก็คือการผสมระหว่างม้าทั้งตัวกับปีกห่าน ยูนิคอร์นใช้ม้าผสมกับแรดตรงส่วนนอ แต่ปรับให้แหลมตรงแทนที่จะโค้งงอเหมือนนอแรด กริฟฟอนใช้เหยี่ยวผสมสิงโต คราเคนใช้หมึกกล้วยและหมึกยักษ์ผสมกัน บราซิลิคซ์และค็อกคาลิชใช้งูกับไก่ผสมกัน แต่ให้ออกมาได้ทั้งสองแบบ" มาสวาร์ทาร์บอก โดยหลบหลีกการพุ่งโฉบของเปกาซัสไรเดอร์ด้วยมีดดาบที่แขนซ้าย ซึ่งก็ฟันโดยไม่ให้โดนปีกของเปกาซัส พีวิลหลบหลีกเลเซอร์ที่ยิงลงพื้น และกราดยิงใส่แต่ไม่ถูกตัวเปกาซัสเลย
"คิไมร่าใช้แพะ งูและสิงโต แมนติคอร์ใช้สิงโต ค้างคาวและแมงป่อง แล้วไฮดร้านิ ใช้งูห้าประเภทผสมกันเลยสิน่ะ"
"นายเดาได้ถูกจุดแล้วละ พีวิล แต่ กองรบอีเนอไมนด์มีเปกาซัส เคลเบรอส แล้วก็ เบฮีมอธด้วย" มาสวาร์ทาร์กล่าว ไม่ทันไรก็ "หวืออออ โครมมมม" สัตว์ประหลาดตัวโตขนสีดำที่มีใบหน้าอันน่ากลัวและเขี้ยวยาว ซึ่งมีเมดลิคซ์ขึ้นขี่และคุมบังเหียนไว้
"เออ ว่าแต่ เบฮีมอธนิ มันผสมอะไรกับอะไรล่ะ"
"ถ้าฉันบอกว่า มันเป็นหมีควายผสมกับกอริลล่ากันละ พีวิล ผลที่ได้ก็คือสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเอาเรื่อง ซึ่งจะฉีกทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าด้วยกงเล็บอันแหลมคมนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว และ.... "กรรรรรรรรรรรรร" "ฟ้าววว" วิ่งหลบการกระโจนขย้ำของเจ้าเบฮีมอธไว้
"ตกใจละสิ พีวิล ที่เห็นตัวเบฮีมอธตัวเป็นๆกันน่ะ แต่นี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เพราะฉันจะให้มันฉีกนายเป็นชิ้นนี้กันนี้แหละ" เมดลิคซ์ตัวที่ควบคุมข่วนใส่พีวิล แต่พีวิลไวพอจนต้นกระบองเพชรที่อยู่ข้างหลัง "แคว้กกกก" ถูกข่วนจนขาดเป็นห้าท่อนด้วยกัน
"ชักจะไม่เข้าท่าแล้วสิ มาสวาร์ทาร์" พีวิลกล่าว
มาสวาร์ทาร์บอก "บนฟ้าก็มีเปกาซัส บนพื้นก็มีเบฮีมอธ แถมมีกองปืนใหญ่จากระยะไกลแบบนี้ คงจะไม่มีเรื่องแย่ๆนอกเหนือจากพายุทรายกันหรอกน่ะ"
"เรื่องแย่ๆนอกจากพายุทรายนั้น มันคืออะไรกันละ" พีวิลบอก ไม่ทันไร ก็ "ซวบบบบบ" มีแมงป่องยักษ์ตัวโตโผล่มาจากกองทราย
มาสวาร์ทาร์กล่าว "แมงป่องนรกประจำทะเลทรายแห่งนี้ยังไงละ" แล้วก็กระโดดหลบพิษที่ฉีดจากหางไป
"แมงป่องยักษ์นั้น จำได้เลย ว่ามันเป็นสัตว์ของพวกมนุษย์กลายพันธุ์ประหลาด และเคยโจมตีกองลาดตระเวนที่ฉันตามไปด้วยมาหลายครั้งแล้วนิ ทำไมถึงมีพวกมันโผล่มาที่นี้ล่ะ" พีวิลถามพลางซัดเอนเนอจี้โบลท์เข้าใส่หน้าเบฮีมอธไว้ พร้อมกับโดดหลบการโจมตีของแมงป่องทะเลทรายที่มาจากด้านข้างไว้
มาสวาร์ทาร์บอกพลางทั้งวิ่งไปก้มหลบพิษจากหางแมงป่องไปด้วยว่า "...เดิมมันเป็นแมงป่องขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายกันนะสิ แต่พวกมันโยกย้ายไปอยู่ถิ่นอื่น หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์จะแปรสภาพทะเลทรายให้กลับเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีตามเดิม พอโอเวอร์เดสก่อสงครามขึ้นมา ซึ่งได้ทำลายเครื่องมือที่ติดตั้งไว้ ไม่เพียงทำให้ทุ่งหญ้าและป่ากลับเป็นทะเลทรายตามเดิม ผลของการระเบิดนั้นได้ทำให้แมงป่องที่กลับเข้าถิ่นขยายขนาดให้ใหญ่โตอย่างที่นายเห็นนี้แหละ และร้ายกาจยิ่งกว่าแมงป่องที่ขยายใหญ่เพราะกัมมัตภาพรังสีกันนี้แหละ"
"แต่ไม่ว่าจะมีทีมายังไง พวกนี้ก็อันตรายต่อพวกเรากันอยู่ดีนี้แหละ" พีวิลกล่าว โดยเอี้ยวตัวหลบหางที่ทิ้มเข้าใส่ "ป้ากกกก" แล้วชกใส่หางจนหางขาดไป และรีบคว้าหางมา "จึกกกกก กี้กกกกกกก" ทิ้มใส่หัวแมงป่องจนมันแพ้ภัยต่อพิษของมันเอง "หวือออออ ตรึงงงงงง" เมดลิคซ์ขี่้เบฮีมอธให้กระโดดกระทืบใส่พีวิล ซึ่งก็หลบไปได้อย่างหวุดหวิด "เรซเซอร์เอดจ์" มาสวาร์ทาร์ตวัดดาบปล่อยคลื่นคมดาบฟันใส่แมงป่องนรก "ฟ้าววว ฉึบบบบ ฉึบบบบบบ" จนผ่าร่างแมงป่องขาดครึ่งไปถึงสองตัว "วี้วววววว ตรูมมม บรึมมมม" แล้วรีบโผหลบระเบิดจากปืนใหญ่ที่ยิงเข้าใส่ไป "ย้า" จากนั้นก็ซัดเรซเซอร์เอดจ์เข้าใส่เบฮีมอธตรงก้นทำให้มันชะงักด้วยความเจ็บตรงจุดยุทธศาสตร์ไว้
"ถึงจะเล็งพลาด แต่อย่างน้อยมันคงจะเจ็บยาวกันละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว เพราะเขากะจะเล็งไปที่ต้นขาหลัง หากแต่เขาซัดเร็วไปหน่อยก็เท่านั้นเอง
"ฮึยยยย ย้ากกก" พีวิลได้โอกาสที่เบฮีมอธเจ็บตรงด้านหลัง "ป้ากกกก ป้ากกกก เปรี้ยงงงง ป้ากกก" ระดมอัดเข้าที่หัวเบฮีมอธด้วยหมัดซ้ายขวา กุมมือทั้งสองข้างทุบบนกบาลอันใหญ่โตก่อนจะอัปเปอร์คัตขวาซ้ำ "แชดๆๆๆๆ" แต่เมดลิคซ์ที่ขี่เบฮีมอธระดมยิงปืนสั้นใส่พีวิลในระยะประชิด ซึ่งพีวิลรีบหลบออกมาได้ก่อนและโดดเข้าใส่เมดลิคซ์ที่ขี่เบฮีมอธ "ฟ้าววววววววววว ป้ากกกก" แต่เปกาซัสไรเดอร์สองตนบินโฉบลงมาใช้มีดดาบตั้งในแนวขวางหมายจะสับพีวิลให้ขาดครึ่ง ทว่าพีวิลกลับใช้มือจับคมดาบไว้ได้ก่อนที่ดาบจะถึงตัวจึงทำให้ตนถูกลากขึ้นกลางอากาศไปด้วย "ลงไปเลย" เมดลิคซ์ตัวที่ขี่เปกาซัสตัวซ้ายหยิบปืนยาวออกมาหมายจะยิงพีวิลในระยะประชิด จนทำให้พีวิลต้องปล่อยมือทั้งสองข้างและทิ้งตัวลงมา "เป้าหมายร่วงแล้ว รีบยิงได้เลย" เมดลิคซ์ที่ขี่เปกาซัสตัวขวาแจ้งให้พวกพ้องที่อยู่ห่างไกลกล่าว
กริมลิคซ์กล่าว "เราเห็นแล้ว ยิงมันเลย"
"ตรุ้งงงงงงง" ปืนใหญ่รถถังกราแทงค์ยิงกระสุนพลังขนาดใหญ่เข้าใส่พีวิลในช่วงที่ร่วงลงสู่เบื้องล่าง แต่พีวิลที่มองเห็นจากระยะไกลนั้น "ฟ้าวววววว ป้ากกกก" ตัดสินใจพุ่งทิ้งดิ่งเพื่อชกลงพื้น เข้าอัดใส่เบฮีมอธที่บุกมาเล่นงานมาสวาร์ทาร์จากด้านหลังจนทำให้มันเสียหลักตามแรงคลื่นปะทะจากการชกของพีวิลไป "เกือบไปแล้วสิน่ะ พีวิล ถ้านายเผลอโดดสูงเพื่อจัดการกับพวกเปกาซัสไรเดอร์ขึ้นมา พวกกองปืนใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปจะจับเป้านายได้และยิงใส่ไปในทันที ต่อให้นายรีบทิ้งดิ่งลงมาได้เสียก่อนน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว โดยบุกเข้าวนรอบเพื่อฟาดฟันใส่เบฮีมอธจากด้านข้าง แต่เมดลิคซ์ระดมยิงปืนลงพื้นสกัดกั้นไว้
"เห็นแล้วละ เหมือนกับกฎที่ว่า ห้ามจุดไฟสูบบุหรี่หนที่สามในช่วงที่อยู่ในแนวหน้ากันไม่มีผิดน่ะ" พีวิลบอก พร้อมกับซัดเอนเนอจี้โบลท์ขึ้นฟ้า แต่ไม่ถูกตัวเปกาซัสเลย
"แต่ต่างกันตรงที่ แค่โผล่หน้าเพียงหนเดียว นายหรือฉันก็โดนถล่มยับจากระยะ 40 กิโลเมตรอย่างแน่นอน" มาสวาร์ทาร์กล่าว หันมาบอกพีวิลไปว่า "พีวิล รีบถอยหนีไปจากตรงนั้นโดยเร็วเลย"
พีวิลกล่าว "นั้นสิน่ะ ขืนสู้ต่อ คงต้องมีพลาดพลั้งแน่ๆ"
"อืมมมมม" มาสวาร์ทาร์เลยฉาบพลังงานขึ้นที่ดาบแล้วก็ "ควับๆๆๆๆ ฉึกกกก" "เปรี้ยงงงงงงง" ทิ้มดาบลงพื้นให้เป่าแรงระเบิดส่งฝุ่นทรายหนาทึบบดบังสายตาของเมดลิคซ์ที่ขี่เบฮีมอธบนพื้นและเปกาซัสที่อยู่กลางอากาศไว้ "เปกาซัสไรเดอร์ เบฮีมอธเทมเมอร์ เป้าหมายสองตัวหนีไปแล้ว รีบตามไปเร็ว" ทอฟนิคซ์บอก ทั้งสี่เลยรีบตาม แต่.... "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ" เมดลิคซ์ที่ขี่เบฮีมอธรีบยกโลห์มาป้องกันกระสุนสะเก็ดอีเนลเซี่ยมอย่างทันควัน
"ทัศนียภาพไม่อำนวย เป้าหมายโจมตีจากกลุ่มควันได้ ขืนตามคงไม่แคล้วเสียพวกเราไปอย่างแน่นอนน่ะ"
"และตอนนี้ พายุนั้นก็มาด้วยแล้วละ" เปกาซัสไรเดอร์ตนหนึ่งกล่าว เพราะเห็นพายุทรายก่อตัวมาแต่ไกล
กริมลิคซ์บอก "บ้าเอ้ย รีบถอยกลับบังเกอร์โดยเร็วเลย หวังว่าพวกมันจะโดนพายุทรายเล่นงานกันบ้างน่า" แล้วพวกอีเนอไมนด์ก็รีบถอยหนีไปโดยเร็ว เพราะพายุทรายได้พัดพาเข้ามาแล้ว
"ทั้งสองใช้สภาพแวดล้อมอันย้ำแย่ของทะเลทรายให้เป็นประโยชน์ซะได้เลยน่า แม้ว่าพวกมันจะรู้ว่าฝ่าพายุทะเลทรายไปมันก็ต้องตายเพราะความแรงของลมอยู่ดีละน่า" ครองคอร์ดกล่าว และหันมาถามโครเต้ "ท่านโครเต้ ว่าแต่กองรบของท่านนิจะมาถึงเมื่อไหร่กันละ"
โฮโลแกรมของโครเต้บอก "ข้าได้สั่งให้กองอัศวินมังกรมุ่งหน้าไปแล้ว ด้วยไวเบิร์นสี่ตัวและมังกรสองตัว น่าจะจัดการได้กันน่ะ"
"รอจนกว่าพายุทรายจะผ่านไปก่อน แล้วค่อยมุ่งหน้าไปก็ยังไม่สายหรอกน่ะ" ครองคอร์ดกล่าว
แพทรีออทบอก "ตอนนี้กองรบปืนใหญ่และหน่วยขี่สัตว์รบกลับเข้าบังเกอร์ไปแล้ว เราจะเริ่มทำการซ่อมแซมรถถังกราแทงค์และปืนใหญ่เพื่อเตรียมใช้ยิงต่อไป โดยตอนนี้เราจะใช้หน่วยไทรไบค์เข้าไปเสริมกันด้วย"
"แต่ถ้าจะให้ได้ผลดีกว่านี้ ควรเพิ่มเบฮีมอธจากหนึ่งเป็นสองตัวด้วยกัน เพราะเบฮีมอธตัวที่ใช้นั้นคงจะต้องพักฟื้นจากอาการเมาหมัดของพีวิลเสียก่อนน่า" ครองคอร์ดแนะนำ
แพทรีออทกล่าว "ไว้ให้เรารักษาอาการมึนหมัดของพีวิลให้ได้ก่อน แล้วค่อยนำเบฮีมอธไปตามก็ยังไม่สายเลยน่า เพราะเท่าที่ทราบมา ออเดอร์ที่สั่งเบฮีมอธมาเมื่อ 4 วันก่อนยังไม่มาตามนัดเสียที" โดยในตอนนี้เมดลิคซ์พยายามเยียวยาเบฮีมอธตัวที่ใช้อยู่ด้วยการพ่นยาหอมให้มันผ่อนคลายลง
"วางใจได้น่า ท่านแพทรีออท ท่านได้ตามที่ออเดอร์มาแล้วละ" แมนิเกเตอร์สวมหมวกปิดใบหน้าเพียงส่วนหนึ่งเดินเข้ามา ซึ่งด้านหลังก็มีปีกติดมีดอยู่ 6 อันด้วยกัน
โครเต้บอก "แม่ทัพไวซ์ไมเซล ผลงานในการสร้างมังกรบินของท่านให้กับกองรบของเรานั้น ทำให้เราประสบความสำเร็จไม่น้อย ซึ่งข้าต้องขอบใจท่านมากเลยน่ะ"
"มิกล้า ท่านแม่ทัพ เพราะเรื่องตามล่าคนทรยศนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยทีเดียว และจำเป็นอย่างมากที่ต้องทำให้ทุกเรื่องเป็นเรื่องเร่งด่วนกันน่ะ" ไวซ์ไมเซล แม่ทัพสัตว์ประหลาดกล่าว
แพทรีออทบอก "ถ้าสิ่งที่ข้าสั่งมานั้น เป็นการบีบบังคับท่านไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก็ต้องขออภัยด้วยแล้วกันน่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก เพราะการทำให้สัตว์ประหลาดอันตรายยิ่งกว่าคนทรยศทั้งสองคนคือหน้าที่ของข้า แต่การใช้มันให้จัดการกับพวกมันได้เต็มประสิทธิภาพคือหน้าที่ของท่านกับลูกน้องใต้บัญชากันนี้แหละ" ไวซ์ไมเซลบอก และดีดนิ้วขึ้น โดยเปิดภาพยานบินขนส่งที่แบกกรงใส่เบฮีมอธดุๆ สามตัวออกมา โดยตอนนี้ยานบินตรงดิ่งมายังบังเกอร์ของอีเนอไมนด์กันแล้ว
แพทรีออทได้เห็นก็กล่าวไปว่า "อย่างน้อยก็เหมาะแก่การตามหารังงูกันได้ละน่ะ เพราะเบฮีมอธเหมาะกับการบดขยี้บอดี้ที่ลื่นไหลของพวกมันได้น่ะ"
"ฟ้าววววววววว คลืนนนนน" พายุทรายที่พัดผ่านไปได้สงบลงภายในเวลา 10 นาที พีวิลและมาสวาร์ทาร์ได้หนีมาอยู่ในซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง "นับเป็นโชคจริงๆที่ทะเลทรายแห่งนี้มีซากคอยคุ้มกะลาหัวด้วยน่ะ" พีวิลบอก
มาสวาร์ทาร์กล่าว "ซากที่เราอยู่นี้ แต่เดิมนั้น มันเป็นอากาศยานขนส่งสินค้าเมื่อ 50 ปีก่อนที่ร่วงลงมาที่นี้เมื่อ 11 ปีก่อนน่ะ"
"อากาศยานขนส่งนะหรือ" พีวิลกล่าว โดยมองไปรอบๆ ซึ่งเผยให้เห็นคอนเทนเนอร์สินค้า ที่อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าไม่ต้องบอกถึงสภาพวัตถุสารที่อยู่ข้างใน ว่ากาลเวลาและสภาพแวดล้อมได้ทำลายล้างมันไปแล้ว มาสวาร์ทาร์อธิบายไปว่า
"ผลของสงครามของโอเวอร์เดสเมื่อ 40 ปีก่อนนั้น ได้ทำให้ทะเลทรายแห่งนี้เกิดสภาพแปรปรวนอย่างพายุทรายอันผิดปกตินั้น ปรากฎการณ์อันแปรปรวนอีกอย่างก็คือ สนามพลังแม่เหล็กอันแปลกประหลาดที่ทำให้ระบบควบคุมและระบบนำร่องของอากาศยานที่อยู่สูงจากพื้นดินราว 1,200 ฟุตขึ้นไป ถูกดึงให้ร่วงลงมากลางทะเลทรายแห่งนี้ และไม่ได้มีแค่ลำเดียวที่ประสบเหตุดังกล่าว เพราะยานบินทุกลำที่บินผ่าน ยานอวกาศที่แล่นลงจากชั้นบรรยากาศเข้ามาใกล้กับอาณาบริเวณนี้ ล้วนแล้วต้องร่วงลงมาที่นี้กันทั้งนั้น จนทำให้ทะเลทรายแถบนี้เป็นสุสานยานบินไปจนถึงทุกวันนี้แหละ" โดยที่พีวิลเดินมาเห็นซากโครงกระดูกที่พิงกับกำแพง คาดว่าน่าจะตายมานานแล้ว
"เคยได้ยินมาบ้างว่ามีทะเลทรายแห่งหนึ่งที่เป็นเขตห้ามบินไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แต่ไม่คิดว่าจะเป็นที่นี้ไปเสียได้น่ะ" พีวิลกล่าว
มาสวาร์ทาร์บอก "และด้วยเหตุผลนี้แหละ ที่พวกแมนิเกเตอร์ไม่กล้านำยานบินเข้ามาในอาณาบริเวณนี้ และใช้พวกสัตว์ประหลาดที่บินได้ ซึ่งสภาพแปรปรวนแบบนั้นไม่มีผลอะไรกับพวกสิ่งมีชีวิต หรือแม้กระทั่งแมนิเกเตอร์ที่เป็นสิ่งมีชีวิต ซึ่งรวมถึงอดีตมนุษย์อย่างเราด้วยน่ะ"
"แต่การที่พวกอีเนอไมนด์มันตั้งกองรถถังปืนใหญ่ไปซะไกล เพราะคงรู้ว่าเราอยู่ในขอบเขตดังกล่าวงั้นสิ" พีวิลถาม
มาสวาร์ทาร์ตอบ "แผนของแพทรีออทในคราวนี้ก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้พวกเราโผล่เข้ามาในวิถียิงปืนใหญ่ของพวกมัน ด้วยการส่งเบฮีมอธ ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจที่สุดในกองรบของอีเนอไมนด์ใช้กันอยู่ พยายามกดดันให้พวกเราต้องหลบหลีกอยู่ในขอบเขต ซึ่งกองปืนใหญ่นั้นจะโต้ตอบไม่ให้เราได้หนีออกนอกขอบเขตเป้าหมายของพวกมันไปด้วยน่ะ"
"แล้วพวกเปกาซัสไรเดอร์นั้น ก็มีไว้เพื่อโต้ตอบไม่ให้เล่นงานเบฮีมอธได้ก่อน พร้อมทั้งจำกัดการหนีหรือหลอกล่อให้เราคนใดคนหนึ่งต้องกระโดดขึ้นสูงเพื่อจัดการกับตัวคนขี่ เพื่อให้ปืนใหญ่ล็อกเป้าและยิงใส่ด้วยสิน่ะ" พีวิลกล่าว
มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ถูกแล้วละ แพทรีออทรู้มาแต่แรกแล้ว ว่าเราทั้งคู่ไม่ชำนาญในการรับมือกับศัตรูภาคอากาศ เนื่องว่าเราสองคนชำนาญการต่อสู้ประชิดตัวทั้งมือเปล่าและอาวุธดาบบนภาคพื้น แม้นายจะมีปืนยิง แต่พวกเปกาซัสไรเดอร์ก็ว่องไวกว่ากระสุนปืนของนายเสียด้วย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พวกม้าบินนั้นคิดจะดึงนายให้ลอยสูงเหนือพื้น ซึ่งพวกมันเกือบจะทำสำเร็จไปแล้วน่ะ"
"สงสัยว่าคราวต่อไปคงต้องชิงลงมือกันก่อนแล้วละ" พีวิลบอก
มาสวาร์ทาร์กล่าว "คราวหน้ามันไม่ได้ผลหรอก พีวิล ผลจากการปะทะในครั้งนี้ แพทรีออทคงเพิ่มเบฮีมอธจากหนึ่งเป็นสองสามตัวกันแน่นอน ซึ่งไม่ได้แค่ไล่ตามพวกเราอย่างเดียว....หือออ หลบก่อนพีวิล" ไม่ทันไร อัศวินหนุ่มรีบพาอดีตทหารลูกผู้ชายมือโตหนีไปอยู่ที่ส่วนห้องบังคับยานเอาไว้ เพราะ... "ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ" มีมังกรตัวโตสองตัวและมังกรหัวงูติดปีกสี่ตัวบินผ่านมา ซึ่งมีแมนิเกเตอร์แบบอัศวินขึ้นขี่มาด้วย
"ชัดเลย มังกรตัวเป็นๆอย่างที่นายว่ามาจริงๆด้วยน่ะ" พีวิลกล่าวเมื่อได้เห็นมังกรบินผ่านไป
มาสวาร์ทาร์บอก "ที่ให้มาหลบตรงนี้เพราะว่าตำแหน่งที่เรายืนอยู่ก่อนหน้านั้น เพดานมันทะลุเป็นรู ซึ่งคงไม่ดีแน่ๆหากยืนให้มังกรหรือพวกนักรบชั้นพาราไดน์ไปเห็นเข้าน่ะ"
"นักรบชั้นพาราไดน์นิ คงจะเป็นนักรบระดับล่างของครอสตรีมงั้นสิ" พีวิลบอก
มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้า "ลืมไปแล้วหรือ พีวิล ว่าเหล่านักรบครอสตรีมเป็นกลุ่มนักรบระดับพระกาฬและเป็นหัวกระทิในด้านการต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นแมนิเกเตอร์ระดับสูง การไปเรียกพวกเขาว่าระดับล่างเหมือนเป็นการดูหมิ่นว่าเอาพวกเขาไปเปรียบกับทหารระดับล่างของอีเนอไมนด์และแอตแลนไทซ์กันนะสิ" และอธิบายไปว่า "นักรบชั้นพาราไดน์นั้นเป็นนักรบขั้นสูงระดับต้นๆ ซึ่งได้รับการฝึกฝนในเชิงดาบและใช้โลห์ในการป้องกันและโจมตี โดยการฝึกฝนนั้นจะเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างนักรบด้วยกันและต่างฝ่ายต่างสู้ด้วยระดับเดียวกันอย่างจริงจัง นอกจากจะฝึกใช้ดาบแล้ว ยังมีการใช้หอกและทวน รวมไปถึงการใช้ปืนคาบศิลาพลังงานครอสเซียมไว้ด้วย หากแต่ต้องมีโลห์ควบคู่กันไป เพื่อยืดเวลาการยืนอยู่บนสนามรบให้นานขึ้น และลดโอกาสที่จะเสียชีวิตก่อน เพราะครอสตรีม ไม่ต้องการจะสูญเสียทรัพยากรบุคคลไปในระหว่างการฝึก ดังนั้น การฝึกฝนด้วยการสู้จริงนั้น จึงไม่มีใครหน้าไหนแพ้หรือชนะอย่างแท้จริง"
"แปลว่า กองรบของนายรักษาสมดุลย์ระหว่างคุณภาพและปริมาณไปด้วยกันสิน่ะ แต่ถ้าเป็นอัศวินก็น่าจะถือขวานถือตะบองหนามด้วยสิ" พีวิลกล่าว
มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "....ขวาน ตะบองกลม ค้อน คืออาวุธเฉพาะของพวกแอตแลนไทซ์น่ะ พีวิล นายลืมสมญาของครอสตรีมไปแล้วหรือ ว่าพวกนี้ถูกเรียกว่ายังไง"
"ดาบกับหอกของโอเวอร์เดส โลห์และกำแพงพิทักษ์จักรพรรดิ์อย่างงั้นสิ แสดงว่า อาวุธประจำครอสตรีมก็มีเท่านั้นสิน่ะ" พีวิลบอก
มาสวาร์ทาร์พยักหน้าอีกและอธิบายไปว่า "เหมือนกับกองรบอีเนอไมนด์ที่นายสังกัดอยู่ ครอสตรีมก็มีนักรบสามแบบ ซึ่งนอกจากนักรบชั้นพาราไดน์นั้น ระดับกลางนั้นก็คือพวกเทมพาล่า พวกนี้เป็นนักรบที่เรียนรู้การใช้พลังคลื่นครอสตรีมกันโดยเฉพาะ จึงทำให้มีพลังจิตที่สูงส่งและทรงพลัง เหมาะแก่การเป็นหน่วยสนับสนุนกองรบแนวหน้าและหลัง แม้นักรบจากกองรบหลักอื่นจะมองว่าพวกใช้สมองนั้นไม่แข็งแกร่ง แต่จริงๆแล้ว เทมพาล่าเป็นนักรบที่มีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักรบชั้นพาราไดน์ในระดับหนึ่งก็เท่านั้นเองแหละ"
"แสดงว่าทฤษฎีที่ว่า คนที่เอาแต่ใช้สมองจะไม่ค่อยแข็งแรงก็ใช้ไม่ได้กับพวกนี้ละสิ" พีวิลบอก
มาสวาร์ทาร์ตอบ "ถูกแล้วละ ระดับปลายนั้น ก็คือพวกที่ผ่านศึกมากหน่อย นั้นก็คือพวกครูเซเดน ด้วยอายุงานและประสบการณ์ต่อสู้อันช่ำชองของพวกแมนิเกเตอร์ครอสตรีมที่ผ่านขั้นพาราไดน์และเทมพาล่า หรือมีโครงสร้างทางร่างกายที่แข็งแกร่งจะได้รับชุดเกราะที่หนา ทำด้วยอัลตร้าสติลที่เสริมเหล็กไฮไทแทเนียมเข้าไป ซึ่งไม่เพียงจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าทั้งสองขั้น แต่ยังสามารถใช้อาวุธใหญ่ๆ อย่างทวนขนาดใหญ่และดาบใหญ่ได้ด้วย ตอนนี้นักรบขั้นครูเซเดนถือว่ามีค่อนข้างเยอะ จึงมีการเปลี่ยนกฎให้แมนิเกเตอร์ครอสตรีมรับการประเมินการรบด้วยการประลอง เพื่อที่จะตรวจสอบว่าใครมีพลังความสามารถเหมาะกับสถานะใดกันบ้างน่ะ"
"อัลตร้าสติลนะหรือ แล้วเกราะที่ฉันใส่นั้นก็อัลตร้าสติลด้วยสิ" พีวิลกล่าวโดยที่มาที่เกราะ
มาสวาร์ทาร์ส่ายหน้า "เปล่า เกราะของนายทำด้วยไฮสแตนเลสสติลผสมกับผลึกอีเนลเซี่ยม ซึ่งเกราะของนายถูกทำออกมาเพื่อความคล่องแคล้วและความว่องไวในการโจมตี และที่ต้องทำให้มันเบา เพื่อให้พลังงานอีเนลเซี่ยมกระจายออกจากตัวมาปกป้องนายอีกชั้นหนึ่งไว้ ให้ส่วนมือของนายดึงพลังงานที่กระจายออกมาจากตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด บวกกับปริมาณพลังงานที่ออกจากตัวของนายมันก็มีพลานุภาพที่มากนั้น ทำให้นายสามารถใช้พลังอีเนลเซียมได้อย่างเต็มที แม้ต้องแลกกับการที่นายเสียพลังไปเยอะก็ตาม"
"แล้วพลังงานครอสเซียมของนายนิ มันเป็นยังไงกันละ" พีวิลถามถึงพลังที่มาสวาร์ทาร์มี
ดาบมือหนึ่งกล่าว "พลังงานครอสเซี่ยมนั้น เป็นพลังงานแสงที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับคลื่นกัมมัตภาพรังสี หากแต่ไม่มีผลร้ายแรงต่อมนุษย์มากนัก นอกจากจะเสริมสมรรถนะภาพทางร่างกายและสมองให้ข้ามขีดจำกัดไปได้เพียงอย่างเดียว มันยังสามารถรับนำความรู้ความสามารถของอีกฝ่ายมาใช้ แม้กระทั่งสืบทอดความรู้ความสามารถของบรรพบุรุษมาใช้กันด้วย จึงทำให้เหล่านักรบครอสตรีมส่วนมาก มักจะมีความรู้เก่าแก่และใช้เวลาในการปรับตัวกับองค์ความรู้ใหม่ๆที่เข้ามาได้ค่อนข้างช้า ซึ่งจำต้องใช้การศึกษาและการฝึกฝนเป็นตัวกระตุ้นให้รู้วิธีใช้พลังและทักษะการสู้รบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้สมกับเป็นนักรบระดับพระกาฬของพวกแมนิเกเตอร์กันน่ะ"
"แล้วถ้าเกิดว่าพลังนั้นไปปลดล็อกข้อมูลความจำของบรรพบุรุษที่ไม่ได้เป็นนักรบหรือเป็นแต่อ่อนแอที่สุดกันละ" พีวิลลองถามหยั่งเชิงดู
มาสวาร์ทาร์ตอบ "ถึงจะปลดล็อกมาเจออย่างที่นายว่ามา แต่พลังครอสเซียมเองก็จะเสริมพลังให้กับอดีตมนุษย์ที่อ่อนแอให้แข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น ถ้าอดีตมนุษย์นั้นมีความสามารถการสู้รบที่โดดเด่นเหมือนอย่างที่ฉันเป็นด้วยแล้ว พลังจะยิ่งเสริมให้ฉันร้ายกาจตามไปด้วย อีกอย่าง แมนิเกเตอร์แบบครอสตรีมนั้น ถ้ามีใครอ่อนแอจะไม่กำจัดทิ้ง แต่จะทำให้พวกนี้แข็งแกร่งเสมอกัน ต่อให้แมนิเกเตอร์ตนนั้นไม่อยากได้เลยก็ตามน่ะ"
"แล้วพลังครอสเซียมของนายนั้น เป็นแบบไหนละ อีเนลเซียมของฉันเป็นได้ทั้งเพลิงและลำแสงกันน่ะ" พีวิลถามถึงสภาพพลังของตนและของมาสวาร์ทาร์ ซึ่งได้คำตอบว่า
"อีเนลเซียมมีสภาพเดิมเป็นผลึกพลังงานที่แปรสภาพให้เป็นพลังความร้อนและพลังแสงตามแต่แมนิเกเตอร์ใช้ ส่วนพลังครอสเซียมนั้น เป็นได้พลังงานพลาสม่าที่เกิดจากคลื่นรังสีต่ำรังสีสูง อนุภาคประจุไฟฟ้าทั้งขั้วบวกและลบ รวมถึงการแปรเปลี่ยนสถานะอนุภาคแสงให้กลายเป็นสสารอย่างรวดเร็ว แต่ส่วนมากมักจะมาในรูปของพลังงานซะมากกว่า"
"แต่ พลังงานนั้นมันมีหมดไปด้วยมิใช่หรือ เหมือนเช่นพลังงานอีเนลเซี่ยม ครอสเซียมก็น่าจะมีวันหมดไปด้วยเลยนิ" พีวิลบอก
มาสวาร์ทาร์กล่าว "เอาเป็นว่า พลังงานครอสเซียมนั้นเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมดง่ายๆกันหรอกน่ะ พีวิล อีกอย่าง สภาพการณ์ในตอนนี้ โอกาสที่เราสองตนจะรอดไปจากทะเลทรายแห่งนี้ไปถึงกองบัญชาการหลักของโคเคสได้นั้น มีน้อยมากด้วย หากปราศจากตัวช่วยจำนวนมากมาช่วยเหลือพวกเราไว้น่ะ"
"ตัวช่วยจำนวนมากนะหรือ" พีวิลถาม
มาสวาร์ทาร์บอก "ทะเลทรายบลันเดฮิลไม่ได้มีแค่แมงป่องนรก มีพายุทรายและปรากฎการณ์แปรปรวนที่ดึงยานบินให้ร่วงมากองระเนระนาด และเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของอีเนอไมนด์กันเพียงอย่างเดียว เพราะที่แห่งนี้เป็นถิ่นของพวกบีสทอยด์แบบงูอาศัยอยู่กันนี้แหละ"
"บีสทอยด์แบบงูนะหรือ....นายรู้จักพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ" พีวิลได้ฟังก็ถาม มาสวาร์ทาร์จึงอธิบายพลางนำทางพีวิลออกไปจากซากเครื่องบิน และเดินไปตามซากยานบินแบบต่างๆ ตั้งแต่เครื่องบินหลายรุ่นหลายประเภท ไปจนถึงยานอวกาศตั้งแต่เล็กไปใหญ่เองก็ต้องมาอัปปางกันทั้งนั้น
"ก็ก่อนหน้าที่นายจะถูกดัดแปลงให้เป็นแมนิเกเตอร์ราว 2 เดือนก่อนนี้แหละ ในตอนนั้น ฉันได้รับคำสั่งจากอดีตแม่ทัพอาทรัลเตอร์ อดีตผู้นำของครอสตรีมให้ไปช่วยฝึกฝนพวกบีสทอยด์เผ่างู ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มชนเผ่าที่เลือกจะไม่ทำตามคำสั่งของโอเวอร์เดสและอยู่อย่างสงบมาราว 10 ปีก่อน พร้อมกับเกลี้ยกล่อมให้พวกเขากลับมารับใช้โอเวอร์เดสไว้ แน่นอนว่า เรื่องเจรจาให้ยอมฟังคำสั่งโอเวอร์เดสไม่เป็นผล แต่เรื่องที่ช่วยฝึกฝนพวกเผ่างูนั้น ประสบความสำเร็จ เพราะเผ่างูนั้นเป็นเผ่าที่ปรับตัวกับทุกสถานการณ์และรับเอาสิ่งที่ฉันสอนไปใช้ได้ แม้จะไปแบบผิดทิศเป็นส่วนน้อยก็ตาม"
"ถ้านายสอนให้พวกงูเหล่านั้นฉลาดตามนาย โลกนี้ก็คงสงบสุขไปนานแล้วละ" พีวิลแซว
มาสวาร์ทาร์บอก "แต่อย่างน้อย ผลงานการฝึกฝนพวกเผ่างูก็ทำให้หัวหน้าเผ่าไวเปอรอน ให้ความเชื่อถือต่อฉัน หลังจากที่บีสทอยด์ไม่ชอบขี้หน้าแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสมาตลอด 18 ปีเต็มแล้วนะ อ้อ เกือบลืมไป กองซากยานเหล่านี้ที่พวกเราอยู่นั้น ก็คือสถานที่ช็อปปิ้งของพวกเผ่างู เพราะในยานบินบางลำ มีคอนเทนเนอร์เก็บอุปกรณ์อีเล็คทรอนิคและเครื่องมือเครื่องใช้แบบต่างๆที่บรรทุกมาด้วยน่ะ"
"ถ้าเช่นนั้น พวกเผ่างูก็จะมารื้อค้นหาของเก่าไปประดิษฐ์หรือทำอะไรสักอย่างกันเลยละสิ" พีวิลชี้ไปยังกองซากเครื่องบินขับไล่ลำหนึ่งที่สนิมเขรอะแล้ว
มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "พวกเผ่างูจะค้นทุกอย่างที่มานำไปไว้ในรังของพวกมันน่ะ ซึ่งบีสทอยด์ที่เก่งเรื่องประดิษฐ์ประดอยนั้นจะจัดการกับพวกนี้ แม้พวกนี้จะได้รับความรู้ด้านการสร้างจากคนของโอเวอร์เดสที่มาก่อนหน้าฉันก็ตามน่ะ"
"แล้วเผ่างูคงจะตั้งเผ่าพันธุ์อยู่กลางทะเลทรายละสิ" พีวิลบอก
มาสวาร์ทาร์กล่าว "เปล่า พวกเขาหลบซ่อนอยู่ในถ้ำใต้ดินที่อยู่ใต้พื้นทรายไปค่อนข้างมาก ซึ่งมันมีธารน้ำใต้ดินไหลเวียนอยู่ และตำแหน่งหลบซ่อนนั้นก็ลึกเกินระดับสแกนเนอร์จะเข้าไปถึงได้ บวกกับสภาพแวดล้อมที่ย้ำแย่เสริมเข้าไปด้วย เลยทำให้ยากแก่การหาตำแหน่งที่ตั้งที่ชัดเจนไปโดยปริยายน่ะ"
"ประมาณว่า ถึงค้นเจอก็คงไม่เจออะไรหรือเจออย่างอื่นที่แย่กว่างั้นสิ" พีวิลบอก เพราะรู้ว่าทะเลทรายแห่งนี้กว้างขวางกว่าที่เป็นเมื่ออดีตกาลแล้ว
มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ตอนนี้ เราคงต้องรีบหาทางเข้าออกรังของเผ่างูกันก่อนน่ะ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่จะถูกพวกอีเนอไมนด์และครอสตรีมสะกดรอยตามกันน่ะ"
"ตื้ดๆๆๆๆๆ" ฉับพลันก็มีเสียงดังมาจากส่วนแขนซ้ายของพีวิลเข้า "เกิดอะไรขึ้นน่ะ" มาสวาร์ทาร์ถาม พีวิลเลยเปิดเอาคอมแพคออกมาจากแขนด้านในข้างซ้าย ซึ่งเปิดแผนที่โฮโลแกรมออกมาโดยที่มีจุดสีเทากระพริบอยู่
"ดูเหมือนว่าระบบเซนเซอร์จะตรวจจับสัญญาณพวกแมนิเกเตอร์อยู่ในขอบเขตนี้กันนะสิ"
"แมนิเกเตอร์ คงไม่ใช่เผ่างูกันหรอกน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลส่ายหน้า "ไม่หรอก ถ้าเป็นสัญญาณของบีสทอยด์อยู่ใกล้ๆนั้นมันต้องระบุกันแล้วละ แต่นี้ สัญญาณพลังงานนั้นมันแรงกว่า แม้รัศมีโดยรอบนั้นจะเหมือนมีคลื่นรบกวนมากมายก็ตามน่ะ"
"จะว่าไปก็ใช่น่ะ ทะเลทรายแห่งนี้มีความแปรปรวนอยู่โดยรอบ จนทำให้ระบบนำร่องเพี้ยนและถูกดึงร่วงลงมาได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์เอ่ยอย่างเห็นด้วย พีวิลชี้ไปตามตำแหน่งที่เซนเซอร์จับตำแหน่งไว้
"เซนเซอร์ระบุว่ามันมาจากตรงนั้นนะสิ" แล้วรีบเดินไป มาสวาร์ทาร์ก็รีบตามไปด้วย ซึ่งทั้งคู่เดินผ่านซากเครื่องบินสเตลท์ ไต่บนกระสวยอวกาศที่คว้ำกับพื้นลง แม้กระทั่งกระโดดข้ามปีกเครื่องบินโบอิ้งที่ใช้เครื่องยนต์เพียงปีกละเครื่องไปด้วย จนมาเจอกับ "นั้นไงละ" ซากยานอวกาศที่พังในระหว่างการแลนดิ้ง เนื่องจากซากยานมีชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปทั่ว
"นั้นคงเป็นการลงจอดที่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลยน่า" มาสวาร์ทาร์มองดูสภาพยานก็อดสังเวชใจไม่ได้ พีวิลเลยโดดลงไปเพื่อดูใกล้ๆ มาสวาร์ทาร์เลยรีบโดดตามไปบ้าง "พีวิล แน่ใจน่ะ ว่าจะเข้าไปดูกันน่ะ ถ้าเกิดว่าในยานลำนั้นมีอะไรที่เป็นอันตรายบรรทุกอยู่กันละ"
พีวิลบอก "แมนิเกเตอร์อย่างพวกเราก็อันตรายอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าแมนิเกเตอร์นั้นส่งสัญญาณมาให้เห็น แสดงว่ากำลังจะมีปัญหาอยู่น่ะ" แล้วรีบวิ่งเข้าไปในซากยานผ่านประตูด้านข้าง
"นายนิ เป็นลูกผู้ชายอย่างแท้จริงเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์เอ่ยชมแม้จะไม่มั่นใจว่าสิ่งที่พีวิลจะเจอนั้นอันตรายจริงตามที่คิดไว้หรือเปล่า เลยตามเข้าไปข้างในจนเจอพีวิลยืนอยู่กับ.... "แคปซูลสำหรับแมนิเกเตอร์หนึ่งตนนะหรือ" มาสวาร์ทาร์กล่าวเมื่อเห็นแคปซูลที่อยู่ในยาน พีวิลใช้คอมแพคจากข้างขวาเช็คดู
"แม้ยานจะร่วงลงมาอยู่ในนี้จนพังไม่เป็นท่า แต่ดูเหมือนว่าโครงสร้างภายในนั้นแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้ เลยทำให้สภาพภายในเสียหายไม่มากนักแม้จะร่วงลงมานานเป็นเดือนก็ตามน่ะ"
"เป็นเดือนนะหรือ...." มาสวาร์ทาร์ถามด้วยความแปลกใจ
พีวิลเลยเปิดระบบคอมพิวเตอร์ใกล้กับแคปซูล "....ระบบกู้ชีพในแคปซูลเปิดระบบฉุกเฉินพิเศษขึ้นหลังจากมันถูกปิดไปครั้งหนึ่งหลังจากที่มันร่วงลงสู่พื้นโลกไปได้ 3 วัน ด้วยการเปิดแผงโซลาร์เซลพิเศษที่ซ่อนเอาไว้ในการรับพลังงานแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในอาณาบริเวณนี้มาหล่อเลี้ยงระบบกู้ชีพในแคปซูลเพื่อทำการรักษาแมนิเกเตอร์ตนหนึ่งที่อยู่ในแคปซูล คาดว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายมาก่อนให้หายดี ซึ่งในตอนนี้ เธอหายดีและพร้อมจะออกจากแคปซูลกันได้แล้วละ"
"เธอนะหรือ" มาสวาร์ทาร์เอ่ยโดยที่พีวิลชี้มาตรงแคปซูล ซึ่งเผยใบหน้าแมนิเกเตอร์เพศหญิงที่มีรอยไหม้รอบตาซ้ายและบนส่วนหัวที่มีเกราะปิดส่วนหน้าผากสีขาวที่มีรอยแผลดำประทับสองด้านไว้รอยขาวรูปตัวทีคว่ำไว้ ซึ่งมีปอยผมสีทองเหลืองยาวอยู่ด้านหลัง โดยที่พีวิลจัดการลูบฝุ่นทรายที่เกาะบนกระจกแคปซูลออกไป "นายช่วยเกลี่ยฝุ่นทรายที่เกาะกระจกแคปซูลได้มั้ยละ เผื่อจะได้เห็นอย่างชัดๆน่ะ" มาสวาร์ทาร์ถาม พีวิลพยักหน้าและปิดคอมแพคพร้อมเก็บไว้ แล้วจัดการปัดฝุ่นด้วยมือ ซึ่งก็เห็นรูปร่างทั้งหมดของแมนิเกเตอร์เพศหญิงได้อย่างชัดเจน เธอเป็นแมนิเกเตอร์แบบหุ่นหากแต่สวมชุดเดรสที่มีสภาพรอยไหม้ตามตัวเหมือนกับใบหน้าและตามตัวทั้งหมดไว้ โดยที่ส่วนหน้าอกมีตราสามเหลี่ยมประทับไว้ จนแลดูเหมือนตุ๊กตาขนาดใหญ่ที่แปะเศษผ้ากันขาดไว้
พีวิลบอก "นายเห็นแล้วเป็นยังไงบ้างละ มาสวาร์ทาร์"
"เอิ่มมมม เออ ฉันคาดว่า เธอคงจะเจอกับอะไรสักอย่างและเข้าต่อสู้จนมีสภาพปางตาย ถึงขั้นที่ต้องใส่แคปซูลที่มีระบบรักษาที่ล้ำยุคกว่าที่เห็นในโลกอย่างแน่นอนน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลกล่าว "แล้วนายคิดว่า ยังมีพวกแมนิเกเตอร์ที่นอกเหนือจากอยู่ในโลกอีกหรือเปล่าละ มาสวาร์ทาร์"
"เท่าที่ทราบมาจากครองคอร์ดน่ะ นอกจากพวกเราที่อยู่บนโลกกันแล้ว อวกาศเองก็มีแมนิเกเตอร์ของโอเวอร์เดสในระบบสุริยะ แล้วก็....ที่แรซัลก้าด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลทวน "แรซัลก้า อืมมมม นั้นก็ไม่คุ้นอีกเช่นกันน่ะ"
"แรซัลก้าเป็นดาวดวงแรกที่มวลมนุษยชาติริเริ่มการบุกเบิกอวกาศและเป็นสถานที่ที่แหล่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเดลวีแองนูรุ่นแรกได้ค้นพบนั้น ข้อมูลดังกล่าวชี้นำทางไปยังดาวดวงนั้น และดาวดวงนี้ก็คือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้โลกเกิดความวุ่นวายจนต้องสร้างโอเวอร์เดสขึ้นมา เพราะดาวดวงนี้ได้ขาดการติดต่อไปโดยที่รู้สาเหตุเพียงแค่ว่า แรซัลก้าถูกต่างดาวโจมตีเท่านั้นเอง" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลกล่าว "แต่ ช่วงเวลานั้นเป็นยุคทองกันนิ เทคโนโลยี่การสื่อสารนั้นก็น่าจะชัดเจนมากเลยนิน่า"
"การติดต่อระหว่างอวกาศกับโลกนั้น ในช่วงนั้นเทคโนโลยี่การสื่อสารยังอยู่ในข้างต้น กว่าข้อมูลที่ชัดเจนจะมาถึงได้ก็ใช้เวลาไม่น้อยนะ พีวิล และข้อมูลที่บนโลกได้รับมาก็มีเพียงส่วนน้อย ซึ่งเพียงแค่นั้นแหละ สหพันธ์โลกกับคนบนโลกก็ตื่นตูมขึ้นจนก่อเรื่องบานปลายให้เห็นกันนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลกล่าว "ถ้าเช่นนั้น กลุ่มบุกเบิกแรซัลก้าในตอนนี้ก็คงจะกลายเป็นแมนิเกเตอร์ไปแล้วละสิ"
"น่าจะเป็นเช่นนั้น ครองคอร์ดเล่าให้ฟังว่า แมนิเกเตอร์ที่มาจากแรซัลก้านั้น ล้ำหน้าและทรงพลังกว่าที่อยู่บนโลกกันอย่างมาก เทคโนโลยี่ส่วนหนึ่งที่โอเวอร์เดสใช้ก็มีส่วนหนึ่งมาจากแรซัลก้าด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลบอก "งั้น เธอคนนี้ก็น่าจะมาจากแรซัลก้าด้วยสิ เพราะนอกจากยานลำนี้มันไม่มีในฐานข้อมูลยานที่โลกสร้างมา ฉันดูข้อมูลประวัติของเธอแล้ว ข้อมูลส่วนมากได้ถูกทำลายไปจนหมด รู้แค่ว่า เธอมีอายุเท่ากับฉันตอนตายไปแล้วนะ"
"ว่าแต่ นายตายตอนอายุเท่าไหร่ละ พีวิล" มาสวาร์ทาร์ถาม
พีวิลตอบ "....ฉันผ่านวันเกิดครบรอบ 22 ปีมาเมื่อสามเดือนให้หลัง จากนั้นอีกครึ่งเดือน แพทรีออทส่งพวกอีเนอไมนด์มาสังหารพวกฉันจนหมดไปแล้วนะสิ แล้วนายล่ะ"
"แก่กว่านายปีหนึ่งน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก และหันมาถาม "....ว่าแต่ นายรีบเปิดแคปซูลแล้วรีบพาเธอออกไปจากนี้ดีกว่า เพราะถ้าขืนอยู่ที่นี้นานจนพวกอีเนอไมนด์และครอสตรีมตรวจจับได้ขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนน่ะ"
พีวิลพยักหน้า "เห็นด้วยอย่างยิ่ง ฉันจะเปิดสวิตซ์ปลุกเธอแล้วกันน่ะ" แล้วก็เปิดคอมแพคที่แขนซ้ายเพื่อทำการเชื่อมระบบ พร้อมกับ... "ปี้บๆๆๆๆๆ" คีย์รหัสเปิดระบบกู้ชีพเพื่อทำให้แมนิเกเตอร์หญิงที่หลับไหลนั้น "วึงงงงงงงงง" ฉับพลันภายในแคปซูลก็เรืองแสงขึ้น พร้อมกับ "อือออ เออออ อา..." เธอเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ซึ่งพีวิลเองก็พยายามมองเข้าไปใกล้ๆ จนเปลือกตาของเธอเปิดออกมา
"หือออ อือออ เออ...." แมนิเกเตอร์หญิงได้ลืมตาตื่นมาแล้ว เธอก็ได้เห็นหน้าของพีวิลก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย พีวิลกล่าว "ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกงงๆขึ้นมากันน่ะ"
มาสวาร์ทาร์บอก "คงจะหลับอยู่ในแคปซูลนานเกินไปคงไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมบนโลกกันนะสิ"
"ถ้าเช่นนั้น ฉันจะเปิดแคปซูลให้เธอออกมากันดีกว่าน่ะ" พีวิลกล่าว
มาสวาร์ทาร์เตือน "งั้นก็ระวังตัวด้วยละ เพราะไม่รู้ว่าเธอจะมีอันตรายอะไรหลังจากที่เราปล่อยเธอออกมากันน่ะ" พีวิลพยักหน้าและเปิดฝาแคปซูลผ่านคอมแพคไว้ "กึกกก ฟู้ววววววววว อี้ดดดดดดดดดดด" ซึ่งฝาแคปซูลได้เปิดออกมา แมนิเกเตอร์หญิงก็ลุกขึ้นหลังจากที่หลับไหลมานานแล้ว
"ที่นี้ มันที่ไหนกันละ..." แมนิเกเตอร์หญิงมองไปรอบก็รู้สึกงุนงงและมองหันมายังพีวิลและมาสวาร์ทาร์ "....ว่าแต่ พวกคุณเป็นแมนิเกเตอร์หรือเปล่าละ" ทั้งคู่ได้ฟังก็แปลกใจไม่น้อย
พีวิลจึงตอบ "ใช่ พวกเราเป็นแมนิเกเตอร์กันนี้แหละ แล้วคุณล่ะ เป็นใคร...."
"เป็นใคร หมายถึงฉันนะหรือ อืมมมม ฉันเป็นใครกัน" แมนิเกเตอร์หญิงกล่าว "เอ้....อืมมมม ฉันนึกไม่ออก นึกชื่อตัวเองไม่ออก ว่าฉันชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหนกันน่ะ"
มาสวาร์ทาร์ได้เห็นก็รู้เลยว่า "สงสัยว่าเธอจะความจำเสื่อมจากการถูกทำร้ายมาแน่นอน"
"แบบนั้นก็แย่กันพอดีนะสิ ข้อมูลความเป็นมาของเธอที่มีอยู่ในยานก็มีแค่ในแคปซูล ซึ่งข้อมูลเหมือนถูกลบและถูกทำลายไปเป็นส่วนมากเลยน่ะ" พีวิลกล่าว
มาสวาร์ทาร์บอก "งั้นฉันจะไปลองเช็คดูที่ห้องนักบินแล้วกัน เผื่อว่าคอมพิวเตอร์ในยานคงจะไม่เสียหายหรือถูกเผ่างูแกะออกไปได้ก่อนที่เราจะมาถึงกันน่ะ"
"ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ในห้องนักบินนั้นละก็ ฉันลองเปิดแล้วมันไม่ติดน่ะ" พีวิลบอก เพราะเขาแวะเข้าไปดูก่อนแล้ว มาสวาร์ทาร์เลยรีบเดินไป
แมนิเกเตอร์หญิงถาม "แล้วว่าแต่ พอจะบอกได้มั้ย ว่าที่แห่งนี้เป็นที่ไหนกัน เพราะฉันรู้สึกได้ว่า มันเป็นที่ๆฉันต้องการจะมา และต้องมาให้ได้กันน่ะ"
"เออ....อืมมมมม" พีวิลได้ฟังเช่นนั้น จึงจำต้องตอบไปตามตรงว่า "ที่นี้คือ โลกมนุษย์ คุณหลับอยู่ในแคปซูลบนยานที่ถูกดึงลงมายังทะเลทรายบลันเดฮิล ซึ่งเป็นสถานที่ปัจจุบันที่คุณอยู่ และเป็นสถานที่แห่งหนึ่งบนโลกมนุษย์ด้วย" และเขาก็แนะนำตัวเอง "ผม พีวิล แมนิเกเตอร์แบบมนุษย์ดัดแปลง สังกัดอีเนอไมนด์ สถานะนักสู้ความเร็วสูง แต่เดิมผมเป็นมนุษย์โลก ที่ถูกฆ่าและถูกชุบชีวิตมาเป็นแมนิเกเตอร์จนบัดนี้นะครับ"
แมนิเกเตอร์หญิงตนนั้นพยายามทวน "ชื่อ พีวิล เป็นแมนิเกเตอร์มนุษย์ดัดแปลง ของอีเนอไมนด์ งั้นคุณเป็นอดีตมนุษย์อย่างงั้นสิน่ะ อืมมมมม แล้วเพื่อนอีกคนของคุณละคะ"
"เพื่อนนะหรือ อ้อ นั้นคือเอชมาสวาร์ทาร์ เป็นแมนิเกเตอร์มนุษย์ดัดแปลงเหมือนกัน แต่สังกัดครอสตรีมกันนะครับ" พีวิลกล่าว
แมนิเกเตอร์หญิงบอก "หมายถึงแมนิเกเตอร์ใส่เกราะอัศวินนะหรือ อืมมมม ดูจากสภาพหน้าตาของคุณแล้วนิ แขนของคุณดูต่างจากขนาดตัวไม่น้อย ดูแปลกดี และไม่คิดเลยว่าจะเจอแมนิเกเตอร์แบบนี้อยู่บนโลกด้วย" แล้วเธอก็ก้าวเดินออกจากแคปซูลอย่างเชื่องช้า เนื่องจากว่าชุดกระโปรงของเธอยาวเป็นตัวเกะกะในระดับหนึ่ง ซึ่งทันทีที่เธอก้าวเดินออกมา เธอก็สะดุ้งขึ้น
"เออ เกิดอะไรขึ้นกันละ" พีวิลถาม
แมนิเกเตอร์หญิงเลยหันก้มลงมา ก็หยิบเอาบางอย่างออกมาจากแคปซูล เป็นหอกหัวลูกศรที่มีลูกแก้วติดท้ายด้ามเอาไว้ "ดีจังเลย นึกว่ามันจะไม่อยู่แล้วเสียอีกน่ะ ถ้าหายนิ ก็แย่แน่ๆ เพราะฉันขาดเจ้านี้ไม่ได้กันน่ะ" แมนิเกเตอร์หญิงกล่าวอย่างดีใจ พร้อมกับลงไปก้มหยิบของอีกชิ้นในแคปซูล ซึ่งเป็นแพลททรงกลมที่มีรอยไหม้ดำประทับไว้ด้วย
"โอ้ พีวิล เธอตื่นขึ้นมาแล้วสิน่า...." มาสวาร์ทาร์พูดพลางเดินกลับเข้ามา และเห็นแมนิเกเตอร์หญิงใส่ชุดกระโปรงที่ถือหอกและนำแพลททรงกลมมาสวมที่แขนซ้าย ซึ่งแพลทที่ว่านั้น เป็นโลห์ติดแขนนี้เอง "...อาวุธหอกนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยน่ะ"
แมนิเกเตอร์หญิงกล่าว "เออ คุณคงเป็นเอชมาสวาร์ทาร์สินะ พีวิลได้พูดให้ฉันฟังกันไว้แล้ว ไม่นึกว่าคุณจะดูทะมัดทะแม่งไม่น้อยนะ"
"เออ....เช่นกันนะครับ" มาสวาร์ทาร์บอกแบบอ้ำอึ้งในระดับหนึ่ง และหันมาถาม "ว่าแต่ ช่วยดูหอกหน่อยได้มั้ยละครับ"
แมนิเกเตอร์หญิงกล่าว "อ่า....นี้คุณไม่คิดจะขโมยมันหรอกน่ะ หอกเล่มนี้เป็นของคู่ใจฉันที่ไม่ควรขาดได้เลยนะคะ"
"มาสวาร์ทาร์แค่อยากจะดูหอกสักหน่อยนะ เผื่อจะบอกอะไรได้บ้างว่าหอกนี้เป็นของคุณนะครับ" พีวิลกล่าว
แมนิเกเตอร์หญิงบอก "งั้นหรือ...อืมมมม แต่ยังไงก็ควรถืออย่างระวังด้วยนะคะ" และส่งหอกมาให้มาสวาร์ทาร์ถือดู ซึ่งพอหอกมาถึงมือมาสวาร์ทาร์ "โอะๆๆๆๆ" จู่ๆมือข้างขวาก็ตกลงทันทีที่จับหอก
พีวิลถาม "เกิดอะไรขึ้นน่ะ มาสวาร์ทาร์"
"ดะ ด้ามหอก ไม่สิ หอกเล่มนี้ หนักมากเลยนะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลเห็นเช่นนั้นเลยต้องช่วยยกหอกขึ้น "คุณพระช่วย หอกนี้มันหนักจนมือกลของฉันรู้สึกได้น่ะ" และสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง "เอ้.... บนด้ามหอกมีอะไรสลักด้วยน่ะ"
"จริงด้วย มันเป็นอักษรภาษาอังกฤษ แต่ดูเหมือนว่า ด้ามหอกนั้นมันจะได้รับความเสียหายจนไอ้ที่สลักไว้นั้นถูกทำลายไป เว้นแต่ส่วนหนึ่งที่พออ่านได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลถาม "ว่าแต่ นายพออ่านได้มั้ย ว่ามันเขียนอะไรกันน่ะ"
"ส... ปิ...ร... มีเท่านี้แหละที่ฉันอ่านได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก โดยพยายามยื่นหอกส่งกลับแมนิเกเตอร์หญิงไว้ ซึ่งเธอมองดูด้ามหอกก็...
"ตกลงชื่อฉันมีเท่านี้จริงหรือ สปิรัง สปิแกน สปินเนล สปินอน..." พยายามทายชื่อเอาไว้ แต่ก็ทายไม่ออก
"ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไรกันแน่ ควรจะตั้งชื่อเธอให้ใหม่ดีกว่า เพราะอย่างน้อย เธอจำเป็นต้องมีชื่อเรียกกันด้วยน่ะ" มาสวาร์ทาร์ออกความเห็น
พีวิลมองดูหอกของแมนิเกเตอร์หญิง แล้วพิจารณาดูจึงตอบไปว่า "เออ ถ้าเช่นนั้น คุณชื่อ สเปียริท เลยมั้ยละ"
"สเปียริทนะหรือ....เป็นชื่อของฉันน่ะ ว่าแต่ ชื่อนี้มันหมายถึงอะไรกันน่ะ" แมนิเกเตอร์หญิงกล่าว
พีวิลอธิบาย "คือว่า เราเห็นคุณมากับหอกที่เป็นเหมือนของสำคัญของคุณแล้วนั้น คำว่า สเปียร์ ในภาษาอังกฤษแปลว่า หอก ซึ่งเป็นอาวุธที่ชาวโลกในสมัยโบราณเคยใช้กันมาก่อนนะครับ" แล้วก็นำหอกส่งคืนแมนิเกเตอร์หญิงผู้นี้ไว้
"หมายความว่า ฉันก็มีหอกคู่ใจนี้อยู่กับมือ แม้ตื่นขึ้นมานั้นก็ถือหอกเล่มนี้ไว้ตลอดเวลา ชื่อนี้ดีมากเลยน่ะ พีวิล ฉันชอบมากเลยน่ะ" แมนิเกเตอร์หญิงบอก ดังนั้น ต่อจากนี้ไป เธอมีชื่อว่า สเปียริท ตามที่พีวิลตั้งให้ โดยเธอหันมาถามว่า "แล้วว่าแต่ คุณ ไม่สิ นายทั้งสองจะไปไหนกันน่ะ หือออ" พีวิลกล่าว "เออ พวกเรามีเรื่องที่ต้องไปเคลียร์กันนะ ซึ่งจำเป็นต้องออกเดินทางไปจากทะเลทรายแห่งนี้ และเราเองก็ไม่อยากจะทิ้งคุณไว้คนเดียวด้วยนะครับ""เออ...." สเปียริทได้ฟังก็ชะงักลงไปนิดหนึ่ง ก่อนจะบอกว่า "ถ้าเช่นนั้น ให้ฉันไปกับพวกคุณด้วยมั้ยละ อย่างน้อย ให้ฉันทำประโยชน์อะไรกับพวกคุณกันบ้าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเลยนะ" มาสวาร์ทาร์ได้ฟังเลยพาพีวิลมาคุย
"เออ ฉันรู้น่ะ ว่านายไม่อยากจะทิ้งแมนิ เออ สเปียริทไว้ที่กองซากยานกัน แต่สภาพการณ์ในตอนนี้ เราไม่อยากจะให้เธอเป็นตัวถ่วงกันไปด้วยน่ะ"
"แล้วจะปล่อยให้เธออยู่ที่นี้ จนถูกพวกแพทรีออทตามมาเจอ แล้วพาเธอไปเป็นพวกของพวกมันล่ะ ฉันไม่อยากให้เธอประสบเหตุแบบเดียวกับฉันเลยน่า" พีวิลกล่าว ไม่ทันไรก็....
"ว่าแต่ คุยอะไรลับหลังกันน่ะ" สเปียริทพูดแทรกจนทั้งคู่ตกใจกันไม่น้อย
"ก็ แค่เราไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรกับคุณดีนะครับ" พีวิลพยายามพูดเปลี่ยนประเด็นไป
สเปียริทบอก "หรือ แต่นายสองคนเหมือนไม่เต็มใจจะพาฉันไปกันเลยน่ะ ถ้าไม่อยากทำ งั้นฉันจะออกไปเองเลยดีกว่า" แล้วก็ก้าวเดินออกจากซากยานไป
"สงสัยว่าไม่ใช่แค่ความจำเสื่อมอย่างเดียวแล้วสิเนี้ย" พีวิลบอกพลางเดินออกมาจากยานพร้อมกับมาสวาร์ทาร์ด้วย
"....ดูจากสภาพแล้ว อาการบาดเจ็บที่หัวทำให้สติของเธอแปรเปลี่ยนได้เช่นนี้ ฉันกลัวว่าเธออาจจะเสียการควบคุมและอาจจะทำอะไรที่หนักหนากันก็ได้เลยน่ะ แม้ว่าเธอจะเป็นแมนิเกเตอร์เพศหญิงเลยก็ตาม และคิดว่าเธอคงมีพละกำลังที่มากด้วย"
"พละกำลังที่มากนะหรือ" พีวิลกล่าว
มาสวาร์ทาร์บอก "นายน่าจะรู้ได้แล้วนิ ว่าหอกทั้งเล่ม มันหนักเกินอัตราการแบกรับด้วยแขนเพียงข้างเดียวของฉันถึง 3 เท่า แม้นายจะมีมือที่ใหญ่และรับน้ำหนักได้ ก็ได้แค่ประคองให้อยู่เหนือพื้นไม่ถึง 2 นาที แต่เธอ กลับถือมันเพียงแค่มือเดียวราวกับว่าเหมือนถือร่มเช่นนี้ แถมวิ่งออกไปโดยไม่เหนือยนั้น บ่งบอกเลยว่า เธอต้องเป็นแมนิเกเตอร์ที่แข็งแกร่งผิดธรรมดาอย่างแน่นอน"
"นั้นสิน่ะ ขอแค่เธอยกหอกขึ้นได้เท่านี้ก็เกินพอแล้ว ไม่น่าที่จะมีอะไรมากไปกว่านั้นกัน...." พีวิลกล่าว ไม่ทันไร ซากเครื่องบินจัมโบ้ขนาดใหญ่ก็ร่วงลงมาเพราะซากที่อยู่ข้างใต้และค้ำยันเอาไว้เกิดทรุดและพังลงจากสภาพเสื่อมโทรมที่เป็นอยู่ ซึ่งก็ร่วงลงมายังสเปียริทที่เดินออกไปด้วยความหงุดหงิด "สเปียริท หนีไปเร็ว" พีวิลรีบตะโกนบอก เพราะเครื่องบินจัมโบ้นั้นร่วงลงมาอย่างเร็วมาก ซึ่งเขาก็รีบวิ่งเข้าไป แต่.... "ควับๆๆ ปั้ก พึ่บบบบบ ตรึงงงงง" สเปียริทกลับปักหอกของเธอลงพื้นและเหยียดแขนทั้งสองข้าง ยันรับซากเครื่องบินจัมโบ้ลำโตๆเอาไว้ "เอ้ ย้า......" เธอตะโกนสุดเสียงและทุ่มซากเครื่องบินให้ออกไป "หวืออออออออออออออออออออออออออออ วี้งงง" ซึ่งการเขวี้ยงซากเครื่องบินโบอิ้งที่ใหญ่กว่าตัวเธอนั้นได้ออกไปไกลจากกองซากยานอย่างมากแล้ว สเปียริทปัดมือไล่ฝุ่นออกก่อนจะหยิบหอกขึ้นมา พร้อมกับบอกว่า
"ขอบใจมากนะที่เตือน ว่าแต่ จะไปได้หรือยังละ" โดยที่พีวิลและมาสวาร์ทาร์ถึงกับอึ้งไปสักพักหนึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"ไปได้อยู่แล้ว เรารีบไปจากที่นี้กันเถอะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว สเปียริทหยิบและดึงหอกขึ้นจากพื้น แล้วเดินทางไปพร้อมกับพีวิลและมาสวาร์ทาร์ โดยที่ยอดขุนพลซามูไรอังกฤษบอกกับพีวิลว่า
"นายเห็นอย่างที่ฉันเห็นแล้ว ฉันเห็นด้วยกับนาย สเปียริทไม่ควรจะถูกพวกแพทรีออทหรือแมนิเกเตอร์ของพวกโอเวอร์เดสจับตัวไปได้เป็นอันขาดเลยน่ะ"
พีวิลพยักหน้า "ตอนนี้ไอ้ที่กลัวไม่ใช่สเปียริทหรอก แต่เป็นพวกอีเนอไมนด์มากกว่า"
"ตอนนี้เราคงต้องคอยดูแลสเปียริทไปด้วยกันแล้วละ เพราะเธอยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมบนโลก และยิ่งที่เธอตื่นขึ้นมาก็เป็นทะเลทรายที่ร้อนระอุกันด้วยแล้ว กลัวว่าเธอจะปรับตัวแทบไม่ทันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลกล่าว "และการที่เธอได้บาดแผลมาเต็มตัวเช่นนี้ แสดงว่าศัตรูที่เธอเจอต้องร้ายกาจกว่าเธอแน่นอน ถึงเธอมีพละกำลังที่เหนือธรรมดา เราไม่อยากให้เธอประสบเหตุแบบก่อนหน้าที่เราเจอกับเธอมาด้วยน่ะ" และหันมาถาม "ว่าแต่ ข้อมูลในห้องนักบินละ พอเปิดได้หรือยัง"
"แย่เลยน่ะสิ คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในห้อง แม้จะไม่ถูกรื้อถอนออกไป แต่มันก็เสียหายมากพอจนไม่สามารถเปิดดูได้เลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลกล่าว "เอาเป็นว่า เราค่อยๆหาคำตอบกันทีหลังจะดีกว่าน่ะ"
ผ่านไป 20 นาทีแล้ว แมนิเกเตอร์ทั้งสาม ชายสองหญิงหนึ่ง ยังวนเวียนอยู่บนทะเลทรายบลันเดฮิลเหมือนเช่นเคย
"ว่าแต่ ที่นี้มีแต่ทรายอย่างเดียวหรือ ไม่เห็นมีผืนทะเลสีครามและต้นมะพร้าวเลยสักนิดเดียวน่ะ" สเปียริทบ่น
มาสวาร์ทาร์บอก "ที่มีทราย มีทะเลและต้นมะพร้าวนั้นมันเป็นชายหาดน่ะ ซึ่งเป็นส่วนขอบของภูมิประเทศที่เป็นเกาะหรือส่วนที่ติดกับทะเลกันด้วยน่ะ"
"แต่ พื้นที่ที่ติดทะเลนั้นมันมีเรือจอดกันอยู่มิใช่หรือ" สเปียริทถาม
มาสวาร์ทาร์อธิบายไปว่า "นั้นเป็นท่าเรือน่ะ เป็นสถานที่ที่เอาเรือเดินสมุทร ซึ่งเป็นพาหนะที่ใช้สัญจรบนพื้นทะเลและมหาสมุทรไปจอดเพื่อทำการเติมเชื้อเพลิงและซ่อมบำรุงกันที่นั้น รวมไปถึงการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา และนำสินค้าของประเทศที่มีท่าเรือขึ้นเรือส่งออกไปขายอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางจากที่นี้ไปอีกที่หนึ่งกันน่ะ"
"งั้นหรือ แต่ที่นี้มันมียานอยู่มากมาย แล้วทำไมถึงไม่นำมันมาใช้บินออกจากที่นี้กันละ" สเปียริทบอก
พีวิลกล่าว "....ยานเหล่านั้นมันใช้การไม่ได้มานานแล้วละ เพราะที่แห่งนี้มันดึงดูดให้ยานบินที่บินผ่านขอบเขตทะเลทรายแห่งนี้ร่วงลงมา จนไม่มียานบินที่ไหนกล้าบินผ่านและร่วงลงมาเหมือนกับยานที่คุณโดยสารมาด้วยน่ะ"
"....จริงหรือ แล้วพอรู้มั้ยว่าจะออกจากทะเลทรายไปได้ไงกันละ เพราะฉันรู้สึกร้อนแล้ว ไม่คิดเลยว่า ทะเลทรายจะร้อนและแดดแรงถึงเพียงนี้น่ะ" สเปียริทกล่าว ซึ่งเธอก็ใช้ผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อไว้
พีวิลถาม "คุณเป็นแมนิเกเตอร์ทรงหุ่นนิ แล้วเหงื่อออกทำไมล่ะ"
"หุ่นหรือ ฉันเป็นแมนิเกเตอร์น่ะ ฉันรู้สึกร้อนก็ต้องเหงื่อออกอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นร่างของฉันก็ระเบิดพอดีนะสิ" สเปียริทตอบ
มาสวาร์ทาร์กระซิบบอกพีวิลไปว่า "ไม่ต้องแปลกใจหรอก แมนิเกเตอร์ที่มีความรู้สึกและคุณสมบัติทางร่างกายเหมือนกับมนุษย์นั้น ก็มีแค่แมนิเกเตอร์จากแรซัลก้ากันนี้แหละ ซึ่งฉันทราบจากครองคอร์ดเล่ามาแค่นั้นน่ะ"
"แต่ปัญหาคือ สเปียริทมีพละกำลังเกินหญิงกันได้ไงกันน่ะ" พีวิลกระซิบกล่าว
มาสวาร์ทาร์บอก "ที่เราทำได้ในตอนนี้ก็คือ ต้องหาทางเข้าออกไปยังที่ตั้งของเผ่างูไว้ก่อน แม้ช่วงนี้พายุทรายจะไม่มา แต่ปรากฎการณ์ธรรมชาติก็เอาแน่เอานอนไม่ได้น่ะ"
"พายุทรายนะหรือ คงไม่ได้หมายถึงลมแรงที่พัดเอาทุกอย่างปลิวไปที่อื่นได้หรอกน่ะ" สเปียริทกล่าว
มาสวาร์ทาร์กล่าว "คงต้องอธิบายกันสักหน่อยแล้วละ และกรุณาฟังให้เข้าใจกันไว้ด้วยน่า" แล้วต้องใช้เวลาราว 15 นาทีในการอธิบายสถานที่และปรากฎการณ์ธรรมชาติไปอย่างอดทนด้วย
"แสดงว่า นอกจากทะเลทราย ก็ยังมีป่า มีหุบเขา มีทุ่งหญ้า มีแม่น้ำ มีสัตว์ป่า มีต้นไม้ มีดอกไม้ มีท้องฟ้า มีทะเล และมีสิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์ด้วยสิน่ะ" สเปียริทกล่าว
มาสวาร์ทาร์บอก "ใช่ แต่ยังไงก็ระวังด้วยน่ะ เพราะว่าที่นี้มีอันตรายที่นอกเหนือจากแมงป่องขนาดยักษ์ที่อยู่ๆก็โผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัวได้น่ะ"
"แล้วที่อยู่ไกลโน่นนั้น เป็นพายุทรายหรือเปล่าละ" สเปียริทชี้ไปยังทะเลทรายที่อยู่ห่างออกไปไกล
พีวิลเลยใช้แว่นอีเนลเซี่ยมส่องไกลไป "นั้นไม่ใช่มนุษย์ทรายหรอก แต่เป็นแมนิเกเตอร์ที่เป็นศัตรูกับพวกเราต่างหากละ" เพราะว่าตนเห็นกองรบอีเนอไมนด์บุกมา ซึ่งตอนนี้ อีเนอไมนด์ส่งหน่วยไทรไบค์ ซึ่งเป็นพวกกริมลิคซ์ขี่มอเตอร์ไซด์สามล้อวิบากตรงดิ่งมาแล้ว
"แมนิเกเตอร์ที่เป็นศัตรูอย่างงั้นนะหรือ" สเปียริทกล่าว ไม่ทันไรก็... "วี้วววว วี้วววว ตรูมๆๆๆๆๆ" บริเวณโดยรอบก็ระเบิดขึ้นมา ซึ่งพีวิลและมาสวาร์ทาร์โดดหลบออกมาได้ก่อน ส่วนสเปียริทนั้น "อ้ายยยยย" เธอหลบไม่พ้นจนโดนแรงระเบิดเป่าปลิว แต่เธอก็ลงพื้นมาได้แม้จะทำให้พื้นทรายแตกกระจายไปอย่างมากก็ตาม "ทำไมพวกนั้นถึงเป็นศัตรูกับพวกนายกันละ" สเปียริทถาม พีวิลไม่มีเวลาจะอธิบายกับแมนิเกเตอร์หญิงจึงตอบไปแค่ว่า
"เอาไว้คุยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ทีหลังเหอะ" เพราะตอนนี้พวกไทรไบค์แล่นเข้ามาแล้ว เนื่องจากว่าไทรไบค์ของพวกอีเนอไมนด์นั้น ออกแบบให้แล่นผ่านเนินทรายอย่างรวดเร็วจนไม่สูญเสียความเร็วเนื่องจากสภาพพื้นที่ที่วิบากเพราะเป็นพื้นทรายเป็นตัวขัดขวางไว้
"ตายเสียเหอะ พีวิล ไอ้คนทรยศ" กริมลิคซ์แล่นเข้ามาใกล้พีวิลพร้อมกับใช้กงเล็บหมายจะข่วนใส่ แต่... "หวืบบบบ" พีวิลเอี้ยวท่อนบนให้แนบขนานกับพื้นลงจนทำให้กงเล็บเฉียดตัวเขาไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด แล้วก็โผหลบการนำไทรไบค์ยกล้อทะยานขึ้นฟ้าและแล่นลงมาหมายจะทับพีวิลไปโดยเร็ว "ว้ากกกก" กริมลิคซ์อีกตัวบุกชาร์จเข้าใส่มาสวาร์ทาร์หมายจะใช้มีดดาบเข้าฟันใส่ "หึ" มาสวาร์ทาร์จึงสวนกลับด้วย "ฉั้วะ" การชักดาบฟันใส่กริมลิคซ์จนตัวขาดครึ่งและทำให้ท่อนล่างที่ขี่ไทรไบค์เสียหลักล้มลงไป แล้วก็ "ฉับ" "แง้งงง ตรูมมมม" ผ่ากริมลิคซ์และไทรไบค์ที่แล่นเข้ามาตรงหน้าจนขาดเป็นสองซีกและระเบิดไป "ฟ้าววววว" กริมลิคซ์ควบไทรไบค์ทะยานขึ้นหมายจะทับพีวิลกันอีกครั้ง ซึ่งพีวิลอยู่ใต้ท้องรถกันเสียด้วย "ฮาร์ดนัคเคิ้ล" "ป้ากกกก" พีวิลจึงต้องเสยกำปั้นชกทะลุใต้ไทรไบค์เข้าอย่างจังๆ จน...."ตรูมมมม" ไทรไบค์ระเบิด โดยที่กริมลิคซ์ตัวที่แว้นอยู่โดดออกมาได้ทัน "เหอะ ต่อให้แกโดนระเบิดไปแบบนั้นก็คงไม่น่าหนีได้ทันหรอกน่ะ....." "ฟ้าวววว ป้ากกก บรึมมมม" แต่กระสุนพลังพุ่งออกจากกลุ่มควันทะลุร่างกริมลิคซ์ตัวนั้นจนระเบิดไป "ฟ้าววววววว" ซึ่งพีวิลไม่เพียงโจมตีกริมลิคซ์ในหลังจากที่ไทรไบค์ระเบิดไปแล้ว ยังบุกเข้าซ้ำใส่กริมลิคซ์ตัวที่ขี่ไทรไบค์ตามหลังมา "ป้ากกกกก" ด้วยการถีบให้ตกรถไปอย่างจังๆ แล้วก็ "ป้ากกกก" ชกซ้ำที่หัวจนน็อกกริมลิคซ์ให้เละคาหมัดไป "เรื่องอะไรจะให้พลาดท่าแบบนั้นกันละ" พีวิลกล่าว "แอ้นนนนน อ้านนนนนน อ้านนนนน อ้านนนน" สเปียริทเจอกับกริมลิคซ์ที่ขี่ไทรไบค์วนรอบถึง 8 คันด้วยกัน "โอ้ว แมนิเกเตอร์ตัวใหม่หรือกระนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยน่ะ" กริมลิคซ์ตนหนึ่งกล่าว
อีกตัวบอก "งั้นก็จับส่งไปให้ท่านแพทรีออททำการทดลองกันดีกว่า" แล้วก็ซัดเชือกผลึกอีเนลเซี่ยม "หมับๆๆๆๆ" มัดแขนและตัวของสเปียริทไว้
"หนอยยยย พวกนี้จับตัวสเปียริทไปได้แล้วนะ" พีวิลบอก พลางกระหน่ำยิงอาร์มชู้ตเตอร์เข้าใส่ไทรไบค์จนเป่ากริมลิคซ์ปลิวกระเด็นเข้ามาให้ตนชกทะลุท้องไป
"เย็นไว้น่า พีวิล พวกเราได้เปรียบพวกอีเนอไมนด์อยู่หนึ่งเรื่องกันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก พร้อมกับตวัดดาบฟันตัดคอกริมลิคซ์ที่ควบไทรไบค์เข้ามาจนขาดออกจากกัน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
"....พวกนายคิดจะจับฉันไปนะหรือ ไม่มีทางกันหรอก" สเปียริทกล่าวพร้อมกับจับเชือกที่มัดตรงแขนไว้ จนกริมลิคซ์ที่ใช้เชือกมัดแขนทั้งสองข้างถึงกับชะงักลง
"เอ้ยๆๆๆ ทำไมถึงไม่ไปวะเนี้ย" กริมลิคซ์ตัวที่มัดขนซ้ายของสเปียริทกล่าว
อีกตัวที่ล็อกแขนขวาบอก "ตัวล็อคที่คอ เร่งความเร็วไปเลย อย่างน้อยแค่ทำให้หัวหลุดก็น่าจะเกินพอแล้วน่ะ" กริมลิคซ์ตัวที่มัดคอนั้นก็... "อ้านนนนน บรืนนนนนน" พยายามเร่งเครื่องไว้ แต่สเปียริทไม่ถูกดึงไปตามแรงเลย หน่ำซ้ำ ความพยายามที่จะดึงสเปียริทแต่เธอกลับไม่ขยับเช่นนี้ ทำให้สองล้อหลังแล่นแบบล้อฟรีแต่ไม่เคลื่อนไปข้างหน้าเลย
"อึยยยย ย้า" สเปียริทตะโกนสุดเสียงแม้จะโดนเชือกมัดคอไว้ก็ตาม เธอกระชากเชือกที่มัดแขนทั้งสองเข้ามา "เหวออออ อ้ากกกกกกกกกก" "เปรี้ยงงงง ตรูมมมม" ซึ่งกริมลิคซ์ตัวที่ใช้เชือกมัดแขนก็ถูกดึงเข้ามาชนกระแทกใส่กลางอากาศจนระเบิด พร้อมกับ... "หมับ ควับๆๆ" ใช้มือซ้ายดึงเชือกพลังให้ยาวพอ และใช้มือขวายังถือหอกไว้ "ฉึกก" ทิ้มปลายหอกตัดเส้นเชือกพลังจนขาด ทำให้กริมลิคซ์ที่พยายามยื้อยุดอยู่นานถูกปล่อยให้เบิ่งทะยานจน "ว้ากกกก โครมมมมม" รถไทรไบค์พุ่งชนอัดกับตะบองเพชรจนระเบิดไป ทำให้กริมลิคซ์ที่ขี่ไทรไบค์เห็นก็ตกใจไม่น้อย "แมนิเกเตอร์ตัวนั้นมันแข็งแกร่งกันนิหว่า" กริมลิคซ์ตนหนึ่งกล่าวอย่างขลาดกลัว
แต่จ่าฝูงกลับบอกไปว่า "อย่าไปกลัวมัน อีแค่พละกำลังมีก็จริง แต่มันแต่งตัวใส่กระโปรงหนา มันก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก เพราะพวกเราเร็วกว่ามันแล้ว จัดการมันเลย"
"บรืนนนนนน บรืนนนนนน บรืนนนนนนน บรืนนนนนนน บรืนนนน" พวกกริมลิคซ์ขี่ไทรไบค์เข้าระดมโจมตีใส่สเปียริทด้วยกงเล็บอย่างรวดเร็ว โดยที่เธอนั้น.... "แกร้งงงง ก้องงงงง ก้องงงงง กร้างงงง แกร้งงงง" ใช้โลห์ที่แขนซ้ายป้องกันไปพร้อมกับควงหอกปัดป้องการโจมตีไปได้เกือบทุกดอก "ลงไปเลย ย้า" สเปียริทควงหอกด้วยมือเดียวแล้วก็ "ฟ้าวววว จึกกกกกกก" ทิ้มแทงใส่ไทรไบค์เข้า พร้อมกับ... "เหวอๆๆๆๆๆๆ บ้าแล้ว บ้าแล้ว ว้ากกกกก" กริมลิคซ์โวย เมื่อสเปียริทจับทุ่มข้ามหัวของเธอกระเด็นไประเบิดอัดใส่กริมลิคซ์ที่ขี่ผ่านมาจน "ตรูมมมม" ระเบิดตายคู่ไปในทันที
"กล้าจัดการกับเพื่อนกูเลย อย่าอยู่เลย อีแมนิเกเตอร์..." กริมลิคซ์โวยลั่นด้วยความแค้น เลยแล่นวกกลับมาหมายจะเล่นงานสเปียริทจากข้างหลังด้วยกงเล็บ แต่ "ย้า" สเปียริทหมุนตัวเข้าใช้หอก.... "ฉั้วะ" ฟันใส่กริมลิคซ์จน ส่วนแขนขาดเป็นสองซีกพร้อมกับลำตัวส่วนอกขึ้นไปขาดออกจากกัน และร่วงลงมากับพื้นจน... "ฉึกกกก" ถูกสเปียริทแทงซ้ำจนมันตายไป "อ้านนนนน" อีกตัวบุกเข้ามาจากด้านข้าง ซึ่งหวดมีดดาบเข้าหมายจะฟัน แต่สเปียริทใช้โลห์ปัดป้องเอาไว้จึงไม่เป็นอะไรมากนัก
"ไม่ให้หนีไปไหนได้หรอก" เธอเห็นดังนั้นจึงจับหอกตั้งขึ้น "พึ่บบบบ แว้งงงง" จากนั้นก็สะบัดนิ้วสร้างธนูแสงออกมาพร้อมกับนำธนูไปแนบกับด้ามหอกที่ตอนนี้ใช้ต่างคันธนู ซึ่งส่วนหัวหอกและลูกแก้วก็ยิงเลเซอร์เป็นสายคันธนูไว้ "แฟลชแอร์โรว" แล้วก็ยิงออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งธนูแสงดอกเดียวได้แยกออกเป็นสามดอกเข้า "ปั้กๆๆ" "อั้ก อ้ากกกก" ปักใส่หลังกริมลิคซ์ทีเดียวจนทำให้เซล้มและชนกับก้อนหินจนระเบิดไป จากนั้นก็ "ย้า ย้า" กระโดดยิงธนูเข้าเล่นงานกริมลิคซ์ที่ขี่ไทรไบค์โดยที่มีอีกตัวขึ้นขี่มาจนร่วงไปทีเดียว 6 คู่ด้วยกัน
"นายเห็นอย่างที่ฉันเห็นหรือเปล่าละ มาสวาร์ทาร์" พีวิลกล่าวโดยรีบกระชากต้นกระบองเพชรที่อยู่ใกล้ๆ หวดใส่จ่าฝูงกริมลิคซ์จนหลุดจากไทรไบค์และซัดอัดใส่หน้าอีกตัวที่ตามหลังมา
มาสวาร์ทาร์บอก "เต็มสองตาเลยละ พีวิล สเปียริทไม่เพียงใช้หอกต่อสู้ได้อย่างเดียว ดูเหมือนว่าเธอจะยิงธนูเป็นด้วย แม้ว่าเธอจะยิงได้ไม่ชำนาญก็ตามน่ะ"
"สามดอกเนี้ยนะ ไม่ชำนาญกันน่ะ ดูแล้วเธอเก่งกาจเสียด้วยซ้ำน่ะ" พีวิลบอก พร้อมกับชกใส่กริมลิคซ์จ่าฝูงที่มึนกับต้นกระบองเพชรซ้ำเข้าที่หน้าและดูดพลังอีเนลเซี่ยมมา
มาสวาร์ทาร์บอก "นักธนูขนานแท้ต้องใช้ธนูดอกเดียวยิง ซึ่งหนึ่งดอกต้องยิงให้เข้าเป้าอย่างแม่นยำ คนที่ยิงสามดอกไปนั้นคือมือธนูที่ขาดประสบการณ์และความแม่นยำด้อยตามธนูที่ยิงกระจายกันนะสิ" แล้วก็ซัดฝักดาบปักคาอกของกริมลิคซ์จนชะงัก แต่ตัวที่ซ้อนท้ายมาก็ทำหน้าที่ขับโดยที่ถีบตัวที่เดี้ยงลงพื้น ซึ่งก็ถูกมาสวาร์ทาร์... "ฉั้วะ" ฟันกุดหัวออกจากบ่าเป็นรางวัลไปแทน พร้อมกับกลิ้งตัวไปหยิบฟักดาบกลับมาได้
"อ้านนนน อ้านนนน อ้านนนนน อ้านนนนนน อ้านนนนนน" เสียงเครื่องยนต์ไทรไบค์ดังขึ้น "มาอีกระลอกละสิ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลบอก "ระลอกนี้แย่กว่าเดิมน่ะ เพราะมันเอาทอฟนิคซ์บุกเข้ามาด้วย คาดว่าคงจะตามหลังชุดแรกกันน่ะ"
"วี้วววววววว วี้ววววว วี้ววววววว ตรูมๆๆๆๆๆๆๆ" พวกทอฟนิคซ์ก็โจมตีจากแนวหลังด้วยปืนครกผลึกอีเนลเซี่ยมจนทำให้ทะเลทรายระเบิดอย่างจังๆ "เหวออออ ว้ากกกก อ้า...." ทั้งสามตัวปลิวกระเด็นไปตามแรงระเบิดอย่างจังๆ จนล้มลงไปคลุกกับทรายอย่างจังๆ "มันจะมากไปแล้วน่ะ ที่มาทำร้ายกันแบบไม่มีการบอกกล่าวแบบนี้ ยกโทษให้ไม่ได้แล้วน่ะ" สเปียริทโกรธมากจนเธอควงหอกเอาส่วนลูกแก้วขึ้นมา "แวบบบบบบ" ซึ่งลูกแก้วก็เรืองแสงขึ้น โดยที่เธอกวาดแกว่งไปมา
"หวังว่าคงจะไม่เสกคาถาแบบพ่อมดแม่มดกันหรอกน่ะ" พีวิลบอก
มาสวาร์ทาร์กล่าว "และหวังว่าพลังการทำลายล้างของเธอคงไม่ถึงขั้นทำให้เกิดหลุมเท่าอุกกาบาตหรือนิวเคลียร์ลงที่นางาซากิกันหรอกน่ะ"
"แมนิเกเตอร์ตัวนั้นทำบ้าอะไรกันวะ" กริมลิคซ์ตัวที่ขี่เห็นสเปียริทกวาดแกว่งหอกของเธอไปมา
ทอฟนิคซ์บอก "ช่างประไร รีบโจมตีก่อนดีกว่า เดียวมันก็แป็กยิงไม่ออกเอง...."
"เอ้ ย้า" สเปียริทหมุนควงหอกและหันส่วนลูกแก้วไปข้างหน้าแล้วก็ "แวบบบบ แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ยิงลำแสงออกจากลูกแก้วไปหลายเส้นพุ่งออกไป "ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก ป้าก" สองเส้นแรกโจมตีใส่ไทรไบค์จนระเบิด สามเส้นต่อมายิงใส่กริมลิคซ์ 2 ตัวและทอฟนิคซ์หนึ่งตัวที่กำลังจะยิงปืนครกเข้าตรงหน้าจนระเบิด สองเส้นหลังยิงหวืดลงพื้นแต่เป่าทรายใส่กริมลิคซ์ที่แล่นเข้ามาทำให้มันล้มเซชนระเนระนาดกับพวกเดียวกัน เนื่องจากทรายเข้าตาไป แล้วก็.... "นี้แน่" สเปียริทควงหอกหันส่วนหัวหอกออกไป และ... "วึมๆๆๆๆๆๆ แชดดดดดดดดดดดดดดดดดด" ยิงลำแสงเส้นยาวเข้าถล่มใส่พวกไทรไบค์ที่บุกเข้ามาจนพังไปเป็นสิบ ก่อนจะลากลำแสงไปทางซ้ายเพื่อทำลายพวกที่เหลือไปด้วย "ลำแสงทำลายล้างมีพลังน่ากลัวจริงๆ" พีวิลบอก
มาสวาร์ทาร์พิจารณาดู "ส่วนลูกแก้วคงจะกระจายลำแสงออกเป็นเส้นๆ เพื่อโจมตีศัตรูที่มีจำนวนมาก ในขณะที่ส่วนหัวหอกนั้นยิงเป็นลำแสงแนวตรงและมีพลังรุนแรงกว่า คงจะเป็นท่วงท่าที่สเปียริทใช้ได้สิน่ะ"
"แต่ดูเหมือนว่า พวกอีเนอไมนด์ที่บุกมาจะเป็นคนละกองกันน่ะ เพราะพวกขี่สัตว์ประหลาดนั้นไม่เห็นตามมาด้วยนะสิ" พีวิลกล่าว
มาสวาร์ทาร์บอก "แม้กระทั่งพวกอัศวินมังกรก็ด้วย แต่ถึงแม้พวกเราจะกวาดพวกอีเนอไมนด์จนราบคาบ เราไม่ควรอยู่นิ่งๆให้พวกมันตามมาเชือดพวกเราได้หรอกน่ะ"
"แฮกๆๆๆๆ เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ เล่าให้ฉันฟังได้หรือยังละ ว่าเรื่องมันเกิดอะไรขึ้นน่ะ" สเปียริทบอก
พีวิลกล่าว "ได้ แต่เราจะคุยไปพลางวิ่งหนีไปด้วยกันดีกว่าน่ะ เพราะถ้าอยู่ตรงนี้นานๆ พวกเราคงเสร็จพวกนั้นแน่ๆ"
"รอช้าไม่ได้แล้ว พีวิล สเปียริท รีบหนีไปเลยดีกว่า" มาสวาร์ทาร์กล่าว และรีบวิ่งนำ โดยที่พีวิลรีบพาสเปียริทวิ่งไปด้วย
"อูยยยย โอ้ยยยย ท่าน แพทรีออ.... พวก เรา....ครอก" ทอฟนิคซ์ตัวที่ซ้อนท้ายไทรไบค์ติดต่อไป แต่พลังงานกลับดับลงไปเสียก่อนที่จะได้รายงานอะไรได้
ต่อพาร์ทถัดไปกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น