ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 เมนซิกส์ทีนรวมตัวอีกครั้งที่กลุ่มดาวแปดดวง ประเดิมศึกกลางเมืองไซเบอร์ ครึ่งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 63


              ยานไทรแองเกิ้ล ในช่วงเดินทางด้วยความเร็วเหนือแสง เข้าสู่เขตอวกาศภาคกลางกัน
              "อืมมมมมมมม" เดเมี่ยน หมอประจำกองไทรเวเซอร์ตรวจเช็คร่างกายของเมคโซ่กันอย่างละเอียด ด้วยการใช้แขนกลติดเครื่องสแกนดูโครงสร้างทางร่างกาย "จะอีกนานมั้ยเนี้ย ไม่เร่งให้มันเสร็จๆเลยหรือไงกันน่ะ" เมคโซ่บ่นอย่างหงุดหงิดมากๆ
              เดเมี่ยนกล่าว "บอกตามตรงน่ะ ว่าถึงแม้จะมีอัตลักษณ์เหมือนกับมนุษย์เดินสองขากันก็ตาม แต่.....ด้วยผิวหนังที่เป็นหินผาอ่อนนั้น ทำให้หมอต้องเร่งคลื่นสแกนภายในร่างกายกันให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะวิเคราะห์โครงสร้างทางร่างกายภายในอย่างละเอียด จึงต้องใช้เวลานานสักหน่อย กว่าจะสแกนได้เสร็จๆกันน่ะ"
              "แล้วในห้องพยาบาลไม่มีอุปกรณ์การแพทย์ดีๆกันเลยหรือ ที่ช่วยให้เช็คร่างกายให้มันเสร็จๆไปน่ะ" เมคโซ่บอก
              เดเมี่ยนกล่าว "บอกตามตรงน่ะ ว่าต่อให้ในห้องนี้ใช้เครื่องพยาบาลแบบออร์เลี่ยนกับคุณกันได้ แต่คุณซึ่ง....ไม่ได้มีข้อมูลในสารบบของสมาพันธ์อวกาศอย่างเป็นทางการ ทำให้ผมไม่สามารถเร่งการตรวจสอบทางร่างกายกันไปได้หรอกนะครับ"
              "ออร์เลี่ยนนะหรือ หมายถึงชนเผ่าที่ถูกพวกฝั่งตะวันออกบดขยี้ไปเมื่ออดีตกาลนะหรือ นึกว่าพวกเขาจะสิ้นสูญโดยไม่เหลืออะไรไว้แล้วน่ะ" เมคโซ่กล่าว
              เดเมี่ยนบอก "ก็ยานลำนี้ แล้วก็ที่อยู่ตรงหน้าคุณ กับอีกหลายชีวิตที่อยู่ในยานนี้ ก็คือสิ่งที่ชนเผ่าโบราณเหลือไว้กันนี้แหละ ซึ่งผมคิดว่าคุณคงไม่ใช่พวกที่ผ่านวิชาประวัติศาสตร์กันบ้างน่า"
              "พวกนายนะหรือ....คือสิ่งที่ออร์เลี่ยนได้สร้างไว้กันน่ะ" เมคโซ่บอก
              เดเมี่ยนบอก "พูดไปแล้วมันก็ยาวนี้แหละ แต่เอาเป็นว่าพวกเราถูกสร้างขึ้นบนองค์ความรู้ที่ชาวออร์เลี่ยนกลุ่มสุดท้ายเหลือไว้ เช่นเดียวกับเหลือยานไทรแองเกิ้ลไว้ที่อีสทาล่าฟรอนเทียร์กัน แล้วก็...." จากนั้นหมอเดเมี่ยนก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างในช่วงสงครามเดลอาเนี่ยนกัน รวมถึงต้นสายปลายเหตุในเรื่องปมขัดแย้งระหว่างออร์เลี่ยนและเดลอาเนี่ยนกันด้วย ซึ่งก็ดึงความสนใจของเมคโซ่ จนคลายความหงุดหงิดและให้เวลาเดเมี่ยนตรวจสอบร่างกายกันจนเสร็จสิ้น ภายในเวลา 20 นาทีด้วยกัน "....เรื่องทุกอย่างก็จบลงเพียงเท่านี้แหละ"
              "........ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าผู้นำของเดลอาเนี่ยนจะยึดติดอะไรกันมากถึงเพียงนี้ จนทำให้ราชอาณาจักรอันยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลต้องถอยหลังลงเหวกันโดยไม่รู้ตัว รวมถึงก่อให้เกิดกลุ่มผู้ต่อต้านทั้งหลาย แม้กระทั่งพวกทหารรบที่กลายเป็นพวกยูเนี่ยนพีชเองก็หันปืนมาทางพวกพ้องด้วยกันเองละสิน่ะ" เมคโซ่กล่าวหลังจากที่ได้ฟังเดเมี่ยนเล่ามา "และที่หมอตามมาด้วยนิ คงคิดว่าน้องชายของหมออาจจะรอดอยู่ที่ไหนสักแห่งเลยสิน่ะ"
              เดเมี่ยนบอก "ใช่ เพราะฉันไม่เชื่อหรอกน่ะ ว่าเขาได้ตายไปแล้วในการนำซาบราดร้า สุดยอดอาวุธโบราณอันทรงอำนาจนี้ไปเป่าทำลายกองยานรบของเดลอาเนี่ยนจนวอดวายไปกับระบบดาวกันน่ะ ถ้าเขาตายไปแล้วก็ต้องมีข่าวและต้องมีศพให้เห็นในข่าวของพวกเดลอาเนี่ยนออกมาให้พวกเราได้ยินกันแน่นอน"
              "แต่อย่างน้อย หมอโชคดีมากที่มีน้องชายที่รอดตายมาได้ แม้ว่าของผมเองก็...." เมคโซ่บอก
              เดเมี่ยนกล่าว "น้องชายของคุณคงจะเสียชีวิตไปนานสิน่ะ และคงจะเสียไปนานแล้วสิ"
              "หึ ถ้าหมอคิดจะเก็บข้อมูลจากผมละก็ อย่าดีกว่าน่า แค่ผมให้ความร่วมมือกับทางหมอได้ก็เกินพอแล้วละ" เมคโซ่พูดตัดบทเพราะรู้ว่าเดเมี่ยนพยายามจะซักไซ้
              จนหมอคนเก่งของเรากล่าวไปว่า "ในเมื่อคุณไม่อยากบอก หมอก็ไม่อยากจะบังคับกันได้หรอกน่ะ" จากนั้นก็ตรวจสุขภาพของเมคโซ่จนเสร็จ

              "สรุปคือ ตัวแทนมนุษย์หินของเรา ยังปากแข็งอยู่สิน่ะ หมอ" เนคมาดูซัมบอก หลังจากที่เดเมี่ยนมาอยู่ในโรงอาหารแล้ว
              เดเมี่ยนบอก "ทำนองนั้นแหละ พอฉันคุยเรื่องไซเมี่ยนปุ๊บ ตัวแทนเมคโซ่ก็หลุดปากในเรื่องที่เขามีน้องชายกัน แต่เขารู้ว่าฉันพยายามจะรู้เรื่องของเขา เลยปฏิเสธที่จะพูดถึงกันไว้นะสิ" แล้วก็พยายามหยิบซองออกจากกระเป๋าเสื้อโค้ทและหยิบบุหรี่ออกมา "ฉันจึงเดาได้ว่า เมคโซ่แม้จะเป็นพวกหัวแข็งไม่ยอมฟังใครและไม่เคยเชื่อใจใคร แต่มีข้อดีในส่วนที่เขาปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัด โดยที่เขาไม่กลัวว่าจะมีอะไรมาขัดขวางทางของเขา หรือมาทำให้ภารกิจของเขาเสียหายกันไปได้นะสิ"
              "แต่ถ้าเกิดว่าไอ้พวกดาวหินของไอ้หมอนั้น มันเชื่อฟังคำสั่งให้ไปรุกรานดาวอื่นกันละ จะว่ายังไงละ หมอ" คลอเวฟบอก
              เดเมี่ยนกล่าว "ถ้าเมคโซ่เป็นเหมือนพวกที่ก่อการที่แคสเซเดี่ยน-3 ละก็ เมคโซ่คงบุกไปทำร้ายประธานสภาบาแลมโซ่ไปนานแล้วละ อีกอย่าง มนุษย์ต่างดาวทั้งแปดเอง ก็หาได้เป็นคนเลวไปซะทั้งหมดกันน่ะ"
              "หมอพูดถูกแล้วละ เพราะถึงแม้จะมีส่วนหนึ่งที่เป็นฝ่ายรุกราน ก็ต้องมีฝ่ายที่พยายามหยุดยั้งและขัดขวางการก่อการของฝ่ายแรกกันอยู่ดี เหมือนกับที่พวกเราท้าทายต่อโอเวอร์เดส โอเวอร์เรสและกองรบของฝ่ายจักรวรรดิ์กันน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "แต่ตอนนี้ เราต้องพาตัวแทนเมคโซ่พร้อมกับเหล่านักโทษส่วนที่แอสเทลน่าควบคุมตัวไปส่งกับผู้นำของกลุ่มดาวกันก่อนน่ะ"
              คลอเวฟบอก "ผู้นำของกลุ่มดาวกันนะหรือ"
              "ใช่ แอสเทลน่าบอกกับพวกเราให้ฟัง ว่าพวกเอทพลาเนส แต่ละดาวปกครองแบบพระราชาและราชินีกัน ซึ่งมีหนึ่งชนเผ่าที่เป็นผู้นำสูงสุดในกลุ่ม โดยพวกเรากับพวกยูเนี่ยนพีชจะลงไปพร้อมกับแอสเทลน่า เพื่อสอบถามเรื่องของพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตกันน่ะ" พีวิลบอก "แน่นอน ว่าพวกเราอาจจะนำยานลงมาได้ แต่กับพวกยูเนี่ยนพีชนั้น อาจจะถูกสั่งให้อยู่นอกดาวกันแน่นอน"
              คลอเวฟกล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะ พวกยูเนี่ยนพีชเป็นอดีตเดลอาเนี่ยนที่อยู่ฝ่ายต่อต้านพวกมหาจักรวรรดิ์กันสิน่ะ"
              "นั้นขึ้นกับว่าแอสเทลน่าจะชี้แจงกับทางกลุ่มดาวที่เป็นผู้นำสูงสุดกันได้ดีแค่ไหนกันน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              คลอเวฟบ่น "นี้ผ่านไปจะครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่ถึงเสียทีหรือไง ไอ้ระบบดาวแปดดวงที่อยู่ในเขตอวกาศภาคกลางกันน่ะ"

              เวลาผ่านไป 10 นาทีต่อมา "วึงๆๆๆๆๆๆ แฟ้ววววว ฟ้าววววว ฟ้าวววววว" ยานเรเซเฟียร์โผล่เข้าสู่เขตอวกาศภาคกลาง โดยมียานไทรแองเกิ้ล และยานไฮด์เดาท์พร้อมยานเดาท์เทรสสองลำบินตามมาถึงด้วย
              "โว้ววววว เครื่องยนต์ร้อนกว่าที่คิดไว้เลยน่ะเนี้ย" ไรแกทในชุดอวกาศกล่าว โดยมากับพวกลูกเรือของบริคซ์ที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องยนต์กัน
              จายด์บอก "ระบบไฮเปอร์ไดร์ฟที่ขับเคลื่อนโดยไม่มีควอนตั่มรีเลย์มาเสริมนั้น คงจะใช้เกินกำลังกว่าที่เราคิดไว้เลยน่ะ" แล้วก็สวมหน้ากากครอบแก้วเอาไว้
              "ถ้าให้เดาน่ะ ที่ตั้งของระบบดาวแปดดวงนั้น อยู่ไกลไปมากแน่ๆ ระบบไฮเปอร์ไดร์ฟถึงได้ทำงานหนักเช่นนี้เลยน่ะ" บริคซ์บอกโดยที่เขาสวมชุด PCA หรือชุด Powered Combat Armorsuit พร้อมสวมหมวกครอบแก้วไว้แล้ว "สงสัยว่า เราต้องคูลดาวน์ระบบไฮเปอร์ไดร์ฟนี้กันอีกยาวเลยละ เพราะในนี้เหมือนอยู่ในแผนกซักรีดบนยานรบชั้นซัลคาล่าแน่ๆ"
              แบร็อคบอก "ลุงพูดเหมือนเคยไปมาก่อนละสิ"
              "บอกตามตรงน่ะ ว่าระบบขับเคลื่อนความเร็วเหนือแสงของพวกเราเองก็โอเวอร์ฮีทกัน จนต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์สำรองกันไปก่อน จนกว่าระบบจะซ่อมให้กลับมาเหมือนเดิมเลยน่ะ" โคเซวิคบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "หวังว่าทริปแรกในเขตอวกาศภาคกลางของพวกเรา คงไม่ได้เป็นตั๋วเที่ยวไปลูกเดียวกันละน่ะ"
              "ดูเหมือนว่าพวกนายคงจะไม่มีกลุ่มไหนที่ยานระเบิดจากการเดินทางอันยาวนานกันหรอกน่ะ" แอสเทลน่าบอก
              เบย์แทนด์กล่าว "แต่อย่างน้อย ยานอวกาศของพวกคุณและยูเนี่ยนพีชนั้น คงจะถูกออกแบบให้สามารถเดินทางไปยังระบบดาวที่อยู่ห่างไกลไปมาก แม้ว่ายานไทรแองเกิ้ลจะเป็นเทคโนโลยี่ที่ถูกสร้างขึ้นในอดีตกาลเลยน่ะ"
              "แต่นั้นก็ดีกว่าเครื่องยนต์ไฮเปอร์ไดร์ฟน็อกสนิทเป็นการถาวรกันละน่า" คลอเวฟบอก โดยตอนนี้ ได้นำยานบินตามยานเรเซเฟียร์ไป จนมาถึง..... "โว้วววว นี้ดาวแต่ละดวง มันอยู่ใกล้กันถึงขนาดนี้เลยหรือเนี้ย" คลอเวฟอุทาน เช่นเดียวกับพวกเนคมาดูซัมที่อยู่ในสะพานเดินเรือ ซึ่งได้เห็น ดาวเคราะห์ทั้งแปดดวงที่อยู่กันเป็นกลุ่ม โดยที่ดาวแต่ละดวงนั้นมีหลากสีสันแตกต่างกันไป
              สเปียริทบอก "นั้นสิ เพราะดาวมันน่าจะอยู่ในวงโคจรรอบดวงอาทิตย์กัน ไม่น่าจะอยู่รวมกันใกล้เช่นนี้เลยน่ะ"
              "แปลกใจละสิน่ะ ที่ได้เห็นดาวทั้งแปดกันแบบนี้น่ะ" เมคโซ่บอก "กองกำลังไทรเวเซอร์แล้วก็ยูเนี่ยนพีช ทุกๆท่าน ที่เห็นอยู่นี้ คือกลุ่มดาวเคราะห์แปดดวง ของกลุ่มเอทพลาเนส ผู้มาจากจักรวาลทิศอาคเนย์กันนะครับ"
              โคเซวิคบอก "จักรวาลทิศอาคเนย์นะหรือ งั้นแปลว่าที่นายกับพวกมาจากจักรวาลอื่นเมื่อ 400 ปีก่อนนั้น ก็เป็นความจริงละสิน่ะ"
              "ดาวแต่ละดวงมันใหญ่กว่าโลกและดาวทุกดวงราว 3-4 เท่าเช่นนี้ ไม่แปลกใจแล้วละ ว่าทำไมพวกนายถึงไม่คิดจะตั้งรกรากในเขตสมาพันธ์อวกาศกันได้น่ะ" พลัสเชอริทบอก
              เจเนลบอก "แน่ละ ดาวของพวกนายใหญ่ซะขนาดนี้ คงจะรับแสงอาทิตย์จากระบบดาวอื่นๆกันไม่พอละสิ" แล้วก็มองดูดาวเคราะห์แต่ละดวง "สีแดงเข้มก่านั้น คงเป็นดาวของพวกหัวไฟ สีขาวล้วนนั้นคงเป็นดาวของพวกแมงน้ำแข็งละสิ"
              "ใช่ แต่ที่ถูกนั้นคือดาวแฟคม่าของชาวแฟคมาส และดาวไอซ์ติคของชาวไอซ์ติก้ากันน่ะ" เมคโซ่บอก "แต่ยังไงเสีย พวกนายควรจะปิดระบบอาวุธกันเสียหน่อยน่ะ"
              คลอเวฟบอก "อย่าบอกน่ะ ว่ากลุ่มดาวเคราะห์ของพวกนาย มีระบบป้องกันผู้บุกรุกจากเขตอวกาศภาคกลางกันไว้น่ะ"
              "ไปถึง เดียวพวกนายก็รู้เองแหละ" เมคโซ่กล่าว
              แอสเทลน่าบอก "ถ้าเช่นนั้น ฉันจะนำทางพวกนายไปยังดาวของกลุ่มผู้นำเอทพลาเนสเลยแล้วกัน" จากนั้น ยานเรเซเฟียร์ก็บินนำทางยานไทรแองเกิ้ลและไฮด์เดาท์ พามายังดาวเคราะห์คล้ายโลกแต่มีชั้นบรรยากาศสีเทา ซึ่งมีดวงไฟหลากสีปรากฎอยู่บนดวงดาวกัน

              "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น พร้อมกับ "ชะเฮ้ย นี้มัน...อะไรกันวะเนี้ย!!!!!" กริซซิก บารีสต้า น้องชายของโคเซวิคอุทานลั่น เมื่อได้เห็น ดวงจันทร์สีเทา ซึ่งติดแถบกระจกสีดำโดยรอบเคลื่อนตัวเข้ามาถึง 3 ดวงด้วยกัน
              "แม่เจ้า นี้ดวงจันทร์ บินมาขวางเรากันเลยหรือวะเนี้ย" คลอเวฟอุทาน และหันมาถาม "อย่าบอกน่ะ ว่านี้คือ ระบบป้องกันที่นายพูดถึงกันน่ะ"
              "ใช่ นี้คือ วอร์มูน ดวงจันทร์สงคราม สุดยอดระบบป้องกันภัยคุกคามจากภาคกลางของพวกเรา เอทพลาเนส แนวป้องกันชั้นแรกและชั้นสุดท้ายของพวกเรา ซึ่งอยู่คู่กับระบบดาวของพวกเรามาตลอด 400 ปีเต็มกันแล้วละ" เมคโซ่บอก
              เจเนลบอก "แน่ละ แนวป้องกันของพวกนายมันใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีใครหน้าไหนกล้าวอนหาเรื่องกันไปได้หรอก"
              "เออ โคเซวิค คิดว่าพวกเดลอาเนี่ยนคิดค้นสร้างป้อมปราการไซส์เท่าดวงจันทร์นี้มาก่อนหรือเปล่าละ" เนคมาดูซัมถาม
              โคเซวิคส่ายหน้า "จักรวรรดิ์รุ่นก่อนๆของพวกเราทั้งหมด เห็นว่าปราการไซส์เท่าดาวหรือดวงจันทร์ มันกินงบประมาณและทรัพยากรอันมหาศาล บวกกับเวลาการสร้างในระดับทศวรรษกว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์แบบเต็มร้อยกัน เลยโฟกัสไปที่การสร้างกองกำลังภาคพื้น กองรบวอร์บอทและวอร์แมชชีน แล้วก็กองยานรบกันซะมากกว่าน่ะ เพราะถ้าจะสร้างให้ได้ไซส์เท่าดวงจันทร์ละก็ ต้องใช้คอมมานด์ไทแทนจำนวนครึ่งร้อยหรือมากกว่าร้อยหน่วยรวมกันนี้แหละ"
              "แม้กระทั่งไอ้เผ่าโกลเดี้ยมที่ว่ารวยได้รวยดี ก็คงไม่คิดจะล้างผลาญเงินทองหมดไปกับการสร้างปราการขนาดแบบนี้หรอกน่ะ" อิลมิคกล่าวโดยเปรียบเทียบกับเผ่าโกลเดี้ยมที่เป็นเผ่าหลัก ซึ่งสนับสนุนด้านการเงินและเศรษฐกิจภายในมหาจักรวรรดิ์ และเป็นเผ่าเดียวที่ไม่อพยพออกมาจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนโอเดลอาเนี่ยนไปเมื่อ 3 ปีก่อน
              สเปียริทบอก "แน่ละ ปราการขนาดเท่าดวงจันทร์คงใช้บุคลากรและงบซ่อมบำรุงระดับล้านขึ้นไปแบบนี้ คงจะขาดทุนย่อยยับกันแน่นอนเลยละ" 

              "ครืดดดดดด แว้ง" ไม่ทันไร ก็มีภาพของมนุษย์ต่างดาวผิวสีเงินที่มีแถบวงจรสีดำที่มีแสงเรืองรองในชุดทหารสีเทาโผล่บนจอมอนิเตอร์กัน "นี้คือวอร์มูนของดาวเทคโนตัส เราคือกองกำลังอารักขาเทคนอต ถึงกองยานจากเขตอวกาศอื่น พวกเราต้องการจะรู้ว่า พวกเจ้าเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่"
              แอสเทลน่าบอก "กานาฟ่าอิรีซิล หัวหน้ากองชาวเทคนอต ข้า ซีคเทมพลาร์แอสเทลน่า หัวหน้าพัศดีผู้รับผิดชอบกลุ่มนักโทษของกองกำลังพิทักษ์อวกาศ ผู้รับคำสั่งตรงจากเอสเซคาร่าซาดีริล ในเรื่องตัวแทนเมคโซ่แห่งสโตนอล ที่เดินทางมายังเขตอวกาศภาคใต้ของพวกเรา โดยนำพาเหล่านักโทษกลุ่มเดธซิลเวอร์สตาร์ที่ประสบความล้มเหลวในการก่อการที่แคสเซเดี่ยน-3 ระบบอีสทาล่าฟรอนเทียร์ มาให้ทางดาวของพวกท่านจองจำกันนะคะ"
              "ท่านคือตัวแทนของชาวดาวแห่งแสงจากเขตอวกาศภาคใต้นะหรือ" หัวหน้ากองชาวเทคนอตได้ฟังก็อุทานขึ้น แอสเทลน่าพยักหน้า หัวหน้ากองชาวเทคนอตจึงก้มคำนับลง "กานาฟ่าอิรีซิล ซีคเทมพลาร์แอสเทลน่า ข้าพเจ้า ได้รับคำสั่งจากแกรนด์โอเวอร์เซียร์ฟิวเจนท์ ให้รับมือกับภัยคุกคามจากเขตฝั่งตะวันออก ซึ่งท่านได้นำยานที่มีลักษณะเดียวกับฝั่งตะวันออกใช้กัน แต่อีกลำนั้นดูไม่คุ้นเสียเลยนิ พอจะอธิบายเรื่องนี้ได้มั้ยละ"
              แอสเทลน่าบอก "ไฮด์เดาท์ของยูเนี่ยนพีชแม้จะเป็นเดลอาเนี่ยน แต่พวกเขาเป็นกลุ่มต่อต้าน ที่หลบหนีจากพวกมหาจักรวรรดิ์มาพร้อมกับชนเผ่าที่ลี้ภัยเข้ามาในเขตอวกาศภาคใต้ โดยที่กองกำลังไทรเวเซอร์ ชนเผ่าแมนิเกเตอร์ผู้มากับยานชั้นออร์เลี่ยนนั้น คือผู้ต่อสู้กับพวกเดลอาเนี่ยนจนกำชัยชนะมาได้กันนะคะ"
              "ทะ ไทรเวเซอร์นะหรือ กองกำลังของชนเผ่าในระบบพรมแดนฝั่งตะวันออกของพวกท่านละสิน่ะ" หัวหน้ากองชาวเทคนอตบอก แอสเทลน่าพยักหน้า แล้วหัวหน้ากองก็ "ครืดดดดดด" สั่งขยับวอร์มูนสองดวงออกไป "ตัวแทนเมคโซ่และหน่วยปฏิบัติการณ์จากสโตนอลเป็นยังไงบ้าง"
              แอสเทลน่าบอก "เมคโซ่ปลอดภัยดี แต่พวกที่เหลือนั้นไปไม่ถึงเขตอวกาศภาคใต้กัน จนทำให้พวกเดธซิลเวอร์พลาเนตส่วนหนึ่งแซงหน้าไปได้นะคะ"
              "ถ้าเช่นนั้น ท่านพาตัวแทนผู้นำกองกำลังทั้งสองลงมาพร้อมกับเหล่านักโทษและตัวแทนเมคโซ่ได้เลย และห้ามกลุ่มตัวแทนของท่านนำอาวุธติดมือมาด้วย" หัวหน้ากองกล่าว
              แอสเทลน่าพยักหน้า "รับทราบแล้วละคะ" และแจ้งบอกไปว่า "หวังว่าพวกนายคงจะให้ความร่วมมือกันบ้างน่ะ เพราะเราไม่อยากให้พวกนายเป็นศัตรูกับพวกเขากันไปด้วยน่ะ"
              "เรื่องนั้นพวกเราให้ความร่วมมือเต็มที่แล้วละ แอสเทลน่า" เนคมาดูซัมบอก
              คเซวิคกล่าว "อย่างน้อย นั้นคงไม่มีกับดักของพวกเดลอาเนี่ยนที่ล่วงหน้ามาก่อนพวกเรากันน่ะ" แอสเทลน่าพยักหน้า จากนั้นยานทั้งสามลำได้ผ่านวอร์มูนลงสู่ดาวเทคโนตัส โดยผ่านชั้นบรรยากาศเข้าไปในดาว ซึ่งเป็นดาวที่มีท้องฟ้าสีน้ำเงินแวววาวกัน

              "บอกตรงๆน่ะ ว่าเรารู้สึกเหมือนไม่ได้ลงมาที่ดาวเลย เหมือนหลุดอยู่ในโลกไซเบอร์ยังไงยังงั้นน่ะ" เจเนลกล่าว เมื่อได้เห็นตึกรามบ้านช่องเป็นทรงกระบอกเรืองแสงหลากสีสันบนพื้นดินสีเขียวเข้มอยู่เบื้องล่างกัน
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "หรือไม่ก็อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์กันแน่ๆเลยละ เพราะสภาพภูมิประเทศเหมือนบินอยู่เหนือแผงวงจรดีๆนี้เองน่ะ"
              "นั้นแค่เขตเมืองรอบนอกเองน่ะ เรายังไปไม่ถึงเขตเมืองชั้นในที่เป็นศูนย์กลางของเทคโนตัสสักหน่อยน่ะ" เมคโซ่บอก โดยตอนนี้กองยานมุ่งหน้าอยู่เหนือเขตเมืองชั้นนอก เข้าสู่เขตเมืองชั้นใน อันมีตึกสูงสีเงินระฟ้าหลายหลัง และมีรถลอยบินสันจรอยู่เหนือพื้นไปหลายคันด้วยกัน ซึ่งเบื้องหน้า มีเสาสูงสีเงินอยู่ตรงกลาง
              "นั้นคงเป็นศูนย์กลางการปกครองของดาวดวงนี้ละสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "ใช่ นี้คือ เมนไซเบลพาเรช ราชวังและศูนย์กลางหลักของกลุ่มเอทพลาเนส ที่ตั้งของแกรนด์โอเวอร์เซียร์ฟิวเจนท์ ผู้ปกครองดาวดวงนี้และผู้นำสูงสุดของกลุ่มเรากันน่ะ" เมคโซ่กล่าว
              เจเนลบอก "นายพูดมาอย่างละเอียดนิ แปลว่านายมาที่แห่งนี้ในฐานะที่ดีกว่างั้นสิ"
              "ถ้าคิดจะให้ฉันปริปากบอกละก็ อย่าดีกว่ามั่งน่ะ" เมคโซ่ยังหัวแข็งเหมือนเช่นเคย
              เนคมาดูซัมบอก "ตอนนี้ เราคงต้องอยู่ในโหมดสงบเสงี่ยมกันสักหน่อยแล้วละ เพราะเราถูกส่งมาแก้ไขปัญหาภายในกลุ่มดาวของพวกนายกันอยู่น่ะ"
              "และมาเพื่อรับมือกับพวกเดลอาเนี่ยนกันด้วย ถ้ารู้ว่าพวกมันมีเอี่ยวในความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมากันน่ะ" โคเซวิคบอก
              แอสเทลน่าบอก "หวังว่าการเจรจาของพวกเรากับฝ่ายเอทพลาเนสคงจะไปได้สวยกันบ้างน่ะ"

    Triveser Manigator Saga: Hyperstar Troopers ภาคแปดดารา
    ตอนที่ 2 เมนซิกส์ทีนรวมตัวอีกครั้งที่กลุ่มดาวแปดดวง ประเดิมศึกกลางเมืองไซเบอร์


                "ครืดดดด ตรึงงงง" ยานไทรแองเกิ้ลและยานไฮด์เดาท์จอดเทียบท่ากัน โดยมีเหล่าทหารเทคนอตในชุดเกราะสีเงินสวมหน้ากากเข้าล้อมรอบยานเอาไว้ทั่ว หลังจากที่เนคมาดูซัม มาสวาร์ทาร์ พีวิลเดินลงจากยาน พร้อมกันกับแอสเทลน่าที่มากับเมคโซ่ โคเซวิค เฟลิคและอิลมิค โดยมีเหล่าทหารเทคนอตคุ้มกันด้านข้างๆละ 6 นาย นำทางมายังห้องโถงของเมนไซเบลพาเรช ซึ่งเป็นห้องโถงที่มีแท่นลอยแผ่นกลมลอยอยู่มากมาย "ซีคเทมพลาร์แห่งแพลตินั่มอามาด้ากับตัวแทนจากฝั่งอวกาศตอนใต้ และเมคโซ่ สมาชิกกลุ่มผู้พิทักษ์ดวงดาว มาถึงแล้ว" ทหารยามเทคนอตรายงานมา
              "แว้งงงงง" แท่นกลมตรงกลางได้เปล่งแสงสีฟ้า ปรากฎตัวบุรุษผิวเหล็กสีเงินสวมหมวกทรงสูง ชุดเสื้อคลุมสีครามประกายแสง มีหนวดเคราสีเงินนั่งอยู่บนบัลลังก์ ซึ่งมีโฮโลแกรมมอนิเตอร์เล็กๆปรากฎอยู่ทั่ว บุรุษผู้นั้นได้เคาะพนักบัลลังก์ด้านขวาเพื่อปิดหน้าจอลง "เจ้าคงจะเป็นเทมพลาร์ของแพลตินั่มอามาด้าที่เขาเล่าลือกันสิน่ะ" บุรุษผิวเหล็กกล่าวและยืนขึ้น "ข้าคือ แกรนด์โอเวอร์เซียร์ฟิวเจนท์ ผู้นำรุ่นที่ 33 แห่งเทคโนตัน และหัวหน้ากลุ่มเอทพลาเนสรุ่นปัจจุบัน ยินดีที่ได้รู้จักเลยน่ะ เหล่าอาคันตุกะจากเขตอวกาศทางใต้"
              "ฟึ่บๆๆ" สามผู้นำไทรเวเซอร์ก้มโค้งลง เช่นเดียวกับสามตัวนำของยูเนี่ยนพีชด้วย "ท่านแกรนด์โอเวอร์เซียร์ เป็นเกียรติอย่างมากเลยนะคะ ที่ได้มาเจอหน้าท่าน แม้ว่าผู้ที่เคยมาเยี่ยมเยือนท่านกับพวกนั้น คือท่านเอสเซคาร่าซารีทิส ผู้ซึ่งได้สิ้นชีพไปเมื่อ 4 ปีแล้วละคะ" แอสเทลน่ากล่าว
              ฟิวเจนท์บอก "ข้าทราบเรื่องนี้มาแล้วละ ถึงการสูญเสียของอดีตหัวหน้าของเจ้ามาก่อน แม้ว่าเจ้ามิได้รับสืบทอดตำแหน่ง อันเนื่องจากน้องสาวของอดีตหัวหน้ารับช่วงต่อแทนก็ตาม ข้าก็รู้ ว่าเจ้ามาในนามของแพลตินั่มอามาด้าส่วนที่เข้ามาตรวจตราภายในเขตอวกาศแห่งนี้ และมาตามคำสั่งของผู้นำบาแรมโซ่แห่งฝั่งใต้ หลังจากที่ผู้พิทักษ์เมคโซ่ ทำภารกิจนี้สำเร็จไปแล้วน่ะ แม้เขาจะทำให้เจ้าต้องปวดหัวไม่น้อยเลยสิน่ะ"
              "ไม่เลยคะ ในฐานะพัศดีอวกาศ ผู้รับผิดชอบนักโทษจากทั่วสารทิศในเขตอวกาศฝั่งใต้มา เมคโซ่ฝ่าฝืนเข้ามาในเขตเราโดยไม่ได้บอกกล่าวจุดประสงค์กันแต่แรก ทำให้ข้าไม่มีทางเลือก นอกจากต้องจับกุมเขาตามกฎ แม้นั้นจะหมายถึงการปล่อยให้กลุ่มศัตรูของพวกท่านหลุดรอดมาสร้างความเดือดร้อนกันได้ก็ตามนะคะ" แอสเทลน่าบอก
              ฟิวเจนท์กล่าว "ข้ารู้ดี ว่าผู้พิทักษ์เมคโซ่ต้องวอนหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเองจนได้ แต่อย่างน้อย การที่เขามากับพวกเจ้านั้น เท่ากับว่าเขาได้ทำตามวัตถุประสงค์เดียวของพวกเราลงได้เป็นผลสำเร็จแล้วนะสิ"
              "วัตถุประสงค์เดียวนะหรือ ท่านมิได้ให้ผมพาพวกไปจัดการกับพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตเลยหรือ" เมคโซ่บอก
              ฟิวเจนท์บอก "พวกเดธซิลเวอร์พลาเนตที่ออกนอกเขตดาวเข้าสู่เขตอวกาศภาคใต้นั้น คือความรับผิดชอบของกองกำลังของสมาพันธ์อวกาศกัน รานีเจเดร่าสั่งให้เจ้าพาพวกมุ่งหน้าไปแจ้งข่าวให้ทางสมาพันธ์อวกาศรับทราบกัน และให้แจ้งกับพวกกองรบสมาพันธ์อวกาศที่รับผิดชอบในการคุ้มกันนั้น รับมือกันไว้ การที่เจ้าใช้เวลานานกว่าจะไปถึงเป้าหมายนั้น บ่งบอกว่า เจ้าคิดแค่อยากจะไปจัดการกับพวกนั้น เพื่อแก้แค้นให้กับน้องชายที่ตายด้วยน้ำมือของหัวหน้าตัวเป้งในกลุ่ม ซึ่งน่าจะอยู่ในกลุ่มบุกรุกกันละสิน่ะ" เมคโซ่ได้ฟังก็ไม่กล้าพูดต่อ ฟิวเจนท์เลยพูดต่อ "ข้ายอมรับในการตัดสินใจของเจ้าแล้วน่ะ ซีคเทมพลาร์ แม้ว่าข้ามีข้อข้องใจเกี่ยวกับอาคันตุกะอยู่กลุ่มหนึ่งก็ตาม"
              "หมายถึงพวกเรา ยูเนี่ยนพีช เลยสิน่ะ" โคเซวิคบอก
              ฟิวเจนท์พยักหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งไปว่า "ในหมู่ผู้บุกรุกและผู้รุกรานที่เป็นพวกกองโจรและกลุ่มอาชญากรในเขตอวกาศภาคกลางนั้น ชนเผ่าของพวกเจ้าที่มาจากฝั่งตะวันออกคือหนึ่งปัญหาหลักๆที่ทางเราต้องพบเจอมา ซึ่งต่อให้พวกเราใช้วอร์มูนในการถล่มกองยานของฝ่ายมหาจักรวรรดิ์ฝั่งตะวันออกกันก็ตาม แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งหลุดรอดเข้ามาในดาวของเรากัน จนทำให้กองกำลังของเราต้องมีการระมัดระวังการมาทั้งนอกและในกันด้วยนั้น ข้าอยากจะรู้ว่า พวกเจ้า ยังเป็นพวกเดียวกับฝ่ายตะวันออก หรือว่าเป็นปรปักษ์กับฝ่ายเดิมของเจ้ากันแน่ละ"
              "เรียนท่านโอเวอร์เซียร์ พวกเราเป็นกลุ่มกองกำลังต่อต้านจักรวรรดิ์เดิมของพวกเรา จากการที่จักรพรรดิ์และจักรพรรดินีของพวกเราก้มหัวให้กับเดลมูดัล ก่อความเดือดร้อน กดขี่ข่มเหง สร้างความเดือดร้อนให้ทุกชนเผ่าที่อยู่ในเขตอวกาศเดิมที่เราเคยอยู่มา ได้เป็นเหตุผลที่พวกเราต้องรวมตัวกันเพื่อหยุดยั้งฝ่ายจักรวรรดิ์ที่ก้มหัวให้กับเดลอาเนี่ยน เพื่อปลดปล่อยและช่วยเหล่าชนเผ่าที่อ่อนแอ และตกอยู่ใต้อำนาจของเหล่าจักรวรรดิ์เผ่าหลักของเดลอาเนี่ยนกัน" เฟลิคบอก "แม้ว่าพวกเราจะเสียเปรียบในแง่กำลังรบ แต่พวกเราก็หาหนทางหนีมาพึ่งพาสมาพันธ์อวกาศกัน โดยที่เราเหลือกำลังรบส่วนหนึ่งไว้ช่วยเหลือกลุ่มผู้ลี้ภัยให้มายังสมาพันธ์อวกาศกันนะ"
              ฟิวเจนท์บอก "งั้นแปลว่าพวกเจ้ามีเจตจำนงที่เป็นปรปักษ์ต่อกลุ่มดาวบ้านเกิดของพวกเจ้า ที่เดินเส้นทางแห่งการคุกคามอย่างงั้นสิน่ะ แล้วพวกเจ้ามิได้มีเจตนาที่คิดคดทรยศต่อผู้ให้ที่พักพิงต่อพวกเจ้ากันเลยหรือ"

              "เดลวาท ผู้นำของพวกเรา ตัดขาดจากมหาจักรวรรดิ์เพื่อนำชนเผ่าที่ลี้ภัยเข้ามาฝั่งอวกาศของสมาพันธ์ และพวกเราทั้งหมดมาอยู่ร่วมกันในนามของสาธารณรัฐเอาท์เดนท์มาเมื่อ 3 ปีแล้วละ ท่านโอเวอร์เซียร์" อิลมิคบอก "ที่สำคัญ แม้ว่าพวกเราเป็นคนทรยศต่อพวกมหาจักรวรรดิ์กัน แต่เราจะไม่ซ้ำรอยเดิมด้วยการคิดเป็นศัตรูกับผู้ให้ที่พักพิงกับพวกเรา จนทำให้กองกำลังหัวหอกของฝ่ายสหพันธมิตร ศัตรูของศัตรูของพวกเรา พลอยมาเล่นงานพวกเรากันได้แน่นอนน่ะ"
              ฟิวเจนท์ได้ฟังก็พยักหน้า "ข้าไม่แปลกใจแล้วละ ที่นักโทษปากแหลมกลุ่มหนึ่งที่ทางเราจับกุมมา พล่ามบอกกับพวกเราว่า จะยึดดาวของพวกเรามาถล่มพวกเอาท์เดนท์อะไรนั้นกัน ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้าเองสิน่ะ"
              "แล้วพวกท่านคงได้จัดการกับพวกเดลอาเนี่ยนกันบ้างหรือเปล่าน่ะ" โคเซวิคกล่าว
              ฟิวเจนท์บอก "พวกเจ้าน่าจะได้เห็นวอร์มูนกันมาก่อนหน้าแล้ว บวกกับกองยานของเราที่อยู่ในและนอกดาวนั้น คือแนวป้องกันการรุกรานของกองรบจากฝั่งตะวันออกกันนี้แหละ แม้ว่าพวกนี้จะมีหุ่นรบที่ตัวใหญ่กว่าของฝ่ายเรากันก็ตาม ก็หาได้เป็นศัตรูกับพวกเราไม่นี้แหละ"
              "แต่ท่านกับเหล่าผู้นำดาวอื่นๆเองก็ต้องระวังด้วยน่า เพราะพวกเดลอาเนี่ยนแม้ไม่สามารถบุกเข้ามาในดาวได้ ก็มิได้หมายความว่าพวกมันจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจจะยึดพื้นที่สำคัญบนดาวของพวกท่านกันไปได้น่ะ" โคเซวิคบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "เพราะพวกเดลอาเนี่ยนชอบเล่นมุขประตูไปไหนก็ได้กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งถ้าพวกท่านไม่ระวังหรือไม่สอดส่องให้ครอบคลุมมากพอ เท่ากับว่าพวกท่านปล่อยให้พวกเดลอาเนี่ยนซ่องสุ่มในถิ่นของพวกท่านโดยไม่ได้รับอนุญาตกันไปแล้วน่ะ"
              "นั้นคงจะเป็นคำพูดจากประสบการณ์ตรงของชนเผ่าผู้มาจากกลุ่มดาวนพเคราะห์อันไกลโพ้น แต่ไปพำนักพักพิงในถิ่นฐานสุดท้ายของเผ่าออร์เลี่ยนกันสิน่ะ เนคเกอร์ มาสซั่ม แมนิเกเตอร์เผ่าแกตไทซ์ จากกลุ่มสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ หัวหน้ากองกำลังไทรเวเซอร์รุ่นปัจจุบัน ผู้นำกองกำลังหัวหอกกำชัยชนะให้กับเขตอวกาศฝั่งสมาพันธ์อวกาศ จากการช่วยเหลือพวกยูเนี่ยนพีชและกองรบของสมาพันธ์อวกาศ หยุดยั้งการคุกคามของกองรบมหาจักรวรรดิ์จากฝั่งตะวันออกกันเมื่อ 3 ปีก่อน ที่ว่ามานิ ถูกต้องมั้ยละ" ฟิวเจนท์บอก
              มาสวาร์ทาร์ถาม "ขออภัยด้วยนะครับ ท่านโอเวอร์เซียร์ ท่านพึ่งเจอกับพวกเรามาเป็นครั้งแรก แต่เรียกชื่อจริงนามสกุลจริงของเนคมาดูซัมได้ถูก เช่นเดียวกับสถานะและตำแหน่งของเขาได้ตรงเผงเช่นนี้ ถ้าท่านมิได้มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลของพวกเราภายในเวลาอันสั้น จากการที่ท่านมีวิทยาการล้ำยุคเหนือกว่าสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์พวกเรา สมาพันธ์อวกาศ พันธมิตรมนุษย์หรือแม้กระทั่งเอาท์เดนท์กันละก็ แสดงว่า ท่านคงได้ข้อมูลจากแหล่งอื่นเลยสินะครับ"
              "สมกับที่เป็นดาบมือหนึ่ง อดีตผู้นำกองกำลังเวเซอร์เดิมกันเลยน่ะ ที่ไม่เพียงแสดงความฉลาดหลักแหลมในการวิเคราะห์และวางแผนอย่างรอบคอบ แต่ก็มีประสบการณ์และความสุขุมอยู่เต็มเปี่ยม ถึงได้รู้ว่าข้าได้ข้อมูลจากแหล่งอื่นกันน่ะ คาตานะลอร์ดจากเผ่าครอสตรีม เอชมาสวาร์ทาร์" ฟิวเจนท์บอก และหันมายังพีวิล "และเจ้าคงยังไม่ทราบเรื่องของสหายทั้ง 4 ที่เข้ามาในเขตอวกาศแห่งนี้เลยสิน่ะ เบรซซิ่งแฮนด์ พีวิลแห่งอีเนอไมนด์"
              พีวิลบอก "สหายทั้งสี่นิ ที่ท่านบอกเช่นนี้ แสดงว่าพวกท่านคงจะ...เจอตัวพวกเขาแล้วสิครับ"

              "ใช่ เหตุผลสำคัญที่ข้าต้องส่งผู้พิทักษ์เมคโซ่ไปยังสมาพันธ์อวกาศ ไม่ใช่แค่แจ้งเรื่องให้ผู้นำบาแลมโซ่รับทราบถึงการคุกคามของพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตกันอย่างเดียว...." ฟิวเจนท์บอก "แต่....ข้าต้องการให้บาแลมโซ่ เรียกตัวพวกเจ้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ภายในดาวทั้งแปดนี้ จากการที่ข้า ได้ข้อมูลของพวกเจ้าจากเหล่าสหายทั้งสี่ของพวกเจ้า ที่อยู่กับพวกเรากันนี้แหละ" จากนั้นก็ "แป๊ะ" ตบมือเพียงหนึ่งครั้ง "แว้งๆๆๆ" ก็ปรากฎร่างชายกล้ามโตที่มีแถบเหล็กติดหมุดบนแสกกลางผม หญิงในชุดเกราะสีขาวมีผมสีทองตั้งและมีปอยผมปรกปิดหน้าซีกขวา หญิงในชุดสกินสูทสีแดงเข้มกับแขนขากลและสวมแบ็คแพ็คติดปีก และแมนิเกเตอร์ชายสี่แขนในชุดเกราะหน้าอกเหล็กและกางเกงขายาว โดยสามรายแรกนั้น มีลูกบอลตรึงมือและเท้าไว้ ส่วนรายที่มีสี่แขนโดนลูกบอลตรึงแขนสี่ข้างและข้อเท้ากันด้วย
              "ชะอ้าว พีท มาส เนคมาดูซัม โคเซวิค เฟลิค อิลมิค นี้พวกนายมาที่ดาวนี้กันเลยหรือ" แมนิเกเตอร์ชายร่างบึกกล่าว
              "สเตฟอร์ด โฟรซ่า ไซโคลเนีย ฟิเกซ พวกนายไม่เป็นไรใช่มั้ยละ" เนคมาดูซัมกล่าว
              ไซโคลเนียบอก "บอกตรงๆน่ะ ว่าตอนนี้ฉันเมื่อยแล้วละ กับการอยู่ในท่ารูปตัวเอ็กซ์มาเป็นเวลานานๆเลยน่ะ เหมือนต่างดาวพวกนี้ไม่เคยแมนิเกเตอร์มนุษย์ที่มีแขนขากลมาก่อนนะ"
              "ขออภัยด้วยนะครับ โอเวอร์เซียร์ ว่าแต่ ท่านกับพวกเจอพวกรุ่นพี่กันที่ดาวดวงไหนละครับ" พีวิลถาม
              ฟิวเจนท์บอก "เราเจอยานของพวกเขาบินไล่ล่าสมาชิกโจรอวกาศที่หนีมาอยู่บนวอร์มูนของพวกสโตนอลกันอยู่ แน่นอนว่าพวกแฟคมาสเองได้เห็นทั้งสี่ต่อสู้กับพวกโจรอวกาศที่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดกันอย่างง่ายดาย จนทำให้พวกสโตนอลที่ประจำการในวอร์มูนนั้น เข้ามาหาเรื่อง ซึ่งทั้งสี่เอง ทำให้ทหารประจำการ 4 หน่วยต้องรับการรักษาอย่างฉุกเฉินจากการถูกปะทะโดยผู้บุกรุกทั้งสี่กันอยู่ จนเรียกพวกเราให้มาควบคุมตัวพวกเขาไว้ เพราะพวกเขามีรูปร่างตรงกับข้อมูลของพวกรุกรานจากฝ่ายตะวันออกกันด้วยน่ะ"
              "ฝ่ายเดลอาเนี่ยนมันพล่ามบอกอะไรกับพวกนายกันมิทราบละ" โคเซวิคถาม
              ฟิวเจนท์เลยบอกไปว่า "นักโทษหัวนกที่เราจับมาได้นั้น บอกวัตถุประสงค์ที่พวกนั้นคิดจะยกทัพมายึดระบบดาวของเรามา นอกจากจะนำดาวและกองรบของเราไปบดขยี้กลุ่มดาวของพวกเจ้าแล้ว พวกเขาคิดจะจัดการกับพวกสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ โดยเฉพาะกับพวกไทรเวเซอร์ที่โค่นแม่ทัพใหญ่ชาวเดลอาเนี่ยนจนราบคาบไปให้สิ้นซากกันนี้แหละ" และบอกว่า "จากการสอบเค้นนักโทษหัวนกเพิ่มเติม จนรู้ว่าผู้บุกรุกทั้งสี่เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังไทรเวเซอร์มา ซึ่งพวกเขาก็ให้ความร่วมมือกับทางเรา ที่สนอกสนใจชนเผ่าที่เราไม่เคยเห็นกันมาก่อน จนทำให้เราได้ข้อมูลของพวกเจ้าส่วนที่เหลือกันทั้งหมด ซึ่งทำให้เราตัดสินที่จะเรียกพวกเจ้ามาช่วยหยุดยั้งพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตกันด้วยน่ะ"
              "ขอโทษทีน่ะ ที่เราต้องบอกกับพวกเขาไว้ อย่างน้อย ก็ดีกว่าปิดเงียบและถูกบีบให้เจ็บตัวจนต้องปริปากออกมาเอง ซึ่งนั้นทำให้พวกนายดูหงุดหงิดยิ่งกว่ากันน่ะ" ฟิเกซบอก
              เนคมาดูซัมบอก "ดีนะ ที่พวกนายตัดสินใจถูกจุดกันน่ะ สหาย" และหันมาถาม "พอจะปล่อยตัวพวกสหายของเราได้มั้ยละครับ"

              "อืมมมม" ฟิวเจนท์พยักหน้าและ "ฟึ่บบบ" สบัดมือลง "แว้งงงงง แว้งงงง แว้งงงง ตรึงงง ตึกๆ" ลูกบอลที่ตรึงมือและเท้าของสเตฟอร์ด โฟรซ่าและไซโคลเนียได้หายไป จนทั้งสามลงสู่พื้น เว้นแต่สเตฟอร์ดที่ลงพื้นอย่างแรงกัน "แว้งงงง" เช่นเดียวกับฟิเกซที่ได้รับการปลดปล่อยออกไปด้วย "โล่งอก นึกว่าจะถูกตรึงให้เป็นหนูทดลองในแลบอีกยาวแล้วละ" โฟรซ่ากล่าวโดยที่เธอเหยียดแขนและขาหลังจากที่ต้องอยู่ในท่าเดิมๆเป็นเวลานานๆ จากนั้นก็ "ครืดดดด แว้งงงง" ปรากฎหีบสีเงินขึ้นจากพื้น โดยเปิดฝาออก ทั้งสี่เลยเดินเข้ามา
              "เยี่ยม นึกว่าพวกคุณจะย่อยสลายอาวุธของเราเสียอีกน่ะ" สเตฟอร์ดหยิบค้อนบรูทรัลแฮมเมอร์ออก พร้อมกับปืนกลสั้นโพริด็อดซ์สองกระบอกออกมา โฟรซ่านำปืนสั้นเดริงเจอร์แมกนั่มออกมาติดที่หลังเอว แล้วก็ปืนยาวส่องไกลฟาร์ไซน์ไรเฟิ่ลของเธอออก ไซโคลเนียนำปืนยาวเทมเพสต์ไรเฟิ่ลออกมาจากหีบ ส่วนฟิเกซนั้นหยิบเอาดาบและหอกสีเงินอย่างละสองเล่มออกมา
              "เราแค่ใช้การสแกนโครงสร้างภายในของอาวุธกัน เพราะเราไม่แน่ใจว่าอาวุธที่พวกคุณพกมานี้ มีกลไกที่เป็นอันตรายกับพวกเรากันมากน้อยแค่ไหนกันน่ะ" ฟิวเจนท์บอก "ตอนนี้เราคืนสหายทั้งสี่ของพวกท่านกลับไปกันแล้วน่ะ ซีคเทมพลาร์ ว่าแต่ พวกเดธซิลเวอร์พลาเนตที่ถูกจับกุมมาได้นิ พวกนั้นคงจะถูกพวกท่านจัดการเลยสิน่ะ"
              แอสเทลน่าบอก "แย่หน่อยคะ พวกที่ถูกจับมาได้นั้น คือส่วนที่เหลือรอดจากการถูกพวกไทรเวเซอร์เล่นงานมานะคะ"
              "อย่างงั้นนะหรือ แสดงว่าที่เหลือซึ่งสิ้นชีพไปแล้วก็คงอยู่ที่อีสทาล่าฟรอนเทียร์แล้วสิน่ะ" ฟิวเจนท์บอกอย่างวางใจขึ้นมา "งั้นข้าจะเริ่มประเด็นหลักกันเลยน่ะ ถึงเรื่องความวุ่นวายภายในเขตดาวของพวกเรากันน่ะ"
              โคเซวิคบอก "มันน่าจะเริ่มได้นานแล้วละ"

              "พวกเจ้าคงจะทราบกันมาบ้างน่ะ ว่าพวกเรามาจากจักรวาลอื่น ซึ่งได้ลี้ภัยหนีมาจากการคุกคามของมหาดารามรณะกันเมื่อ 4 ร้อยปีก่อน แม้ว่าบรรพบุรุษของเรากับกองกำลังสมาพันธ์อวกาศในช่วงเวลานั้น ทุ่มเทจนสามารถผลักไสไล่ส่งมหาดารามรณะนี้ให้ไปอยู่ในจักรวาลอื่นกันแล้วก็ตาม แต่การสู้รบในครั้งนั้นทำให้เราสูญเสียประชากรของแต่ละดาวไปกว่าครึ่งด้วยกัน ซึ่งนั้นก็ทำให้พวกเราต้องมาอยู่ในเขตอวกาศภาคกลาง เพื่อหาแหล่งทรัพยากรมาทดแทนส่วนที่ขาดหายไป และต่อกรกับพวกนอกกฎหมายมาตลอด 400 ปีเต็มด้วยกัน" ฟิวเจนท์บอก "เหตุผลที่พวกเราต้องลี้ภัยมาที่จักรวาลแห่งนี้ เพราะมหาดารามรณะ ได้กลืนกินดวงดาวน้อยใหญ่ในจักรวาลที่พวกเราอาศัยอยู่ ล้างผลาญชีวิตบนดาวนับไม่ถ้วนไปเป็นแหล่งพลังงานกัน จนเป็นเหตุให้บรรพบุรุษของเราต้องรวบรวมชนเผ่าในจักรวาลแต่ละดวง เข้าต่อกรและหยุดยั้งมหาดารามรณะกันมาหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน จนทำให้จากเดิม ที่บรรพบุรุษของเรามีกลุ่มชนเผ่าดาวต่างๆเข้าร่วมกันถึง 1,080 ดวง บัดนี้เหลือเพียงแค่ 8 ดวงกันแล้วน่ะ"
              อิลมิคบอก "พันธมิตรของบรรพบุรุษของพวกท่านมีเยอะกว่าเดลอาเนี่ยน แต่เหลือเพียงเท่านี้ แปลว่าไอ้ดาวนั้นมันน่ากลัวสมชื่อเลยละสิ"
              "มหาดารามรณะนั้นไม่เพียงมีเปลือกนอกที่แข็งแกร่งที่ทนทานต่ออาวุธทุกประเภทที่บรรพบุรุษของเรามี แต่....มันยังสร้างขุมกำลังกองรบด้วยปฏิสสาร ซึ่งได้ทำให้เหล่านักรบจากดาวอื่นต่างสูญหายไปในทันทีที่สัมผัสมันไปแล้ว มหาดารามรณะเองก็รับรู้ความเคลื่อนไหวของบรรพบุรุษของพวกเรากัน ถึงขั้นที่มันโผล่มาระบบดาวอื่นและกลืนกินดาวที่เราจะไปขอเป็นพันธมิตรกันไว้นี้แหละ" ฟิวเจนท์บอก "แน่นอน ว่าจากความเคลื่อนไหวของมหาดารามรณะนั้น ทีมค้นคว้าสำรวจของบรรพบุรุษของพวกเราได้ทำการตรวจสอบดาวทุกดวงที่เป็นพันธมิตรกัน จนค้นพบเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ดวงดาวของพวกเราแต่ละดวงกัน...."
              เนคมาดูซัมบอก "เครื่องจักรนะหรือ ใต้ดาวของพวกคุณและอีก 6-7 ดวงอย่างงั้นนะหรือ"
              "ใช่ เราพบว่าดาวของพวกเราที่อยู่ในจักรวาลที่พวกเราเคยอยู่นั้น ล้วนแล้วมีเครื่องจักรแบบนี้ฝังอยู่ในแกนดวงดาว ซึ่งด้วยอายุของตัวเครื่องจักรขนาดใหญ่นี้ แม้จะเก่าแก่ในระดับพันปีขึ้นไป แต่สภาพโดยรวมยังสมบูรณ์เหมือนพึ่งถูกสร้างขึ้นมาหมาดๆกัน โดยบรรพบุรุษได้ทดลองเปิดระบบเครื่องจักรดวงดาวที่อยู่ในดาวเทคโนตัสนี้ จนทำให้ดาวของเราขับเคลื่อนไปไหนก็ได้ในจักรวาลที่เราอยู่ หรือที่จักรวาลไหนก็ได้อีกด้วย" ฟิวเจนท์กล่าว "แน่นอน ว่าบรรพบุรุษได้ส่งข้อความไปให้พันธมิตรดาวใกล้เคียงอีก 6-7 ดวงจนทำให้ดาวของพวกเขาบินตามไป โดยที่ดวงจันทร์ที่โคจรรอบดาวเอง ก็เคลื่อนตามไปด้วย ซึ่งนั้นคือเหตุผลที่กลุ่มดาวของเรามาอยู่ในเขตจักรวาลใหม่และในเขตอวกาศภาคกลางแห่งนี้แหละ"
              โดยเปิดภาพของเหล่าดาวเคราะห์นับร้อยนับพัน "ครืนนนนนน ครืนนนนน ครืนนนน" ทะยานไปในอวกาศด้วยพลังไอพ่นสีฟ้ากัน "โว้ว นั้นเป็นคาราวานอวกาศที่ใหญ่มากที่สุดเลยนะเนี้ย" ไซโคลเนียอุทาน
              "ที่รุ่นพี่ไม่อึ้งตามด้วยนิ คงเพราะรู้มาจากทีมวิจัยชาวเทคนอตเลยสิครับ" พีวิลบอก
              โฟรซ่าพยักหน้า "ทีแรก ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ว่าดาวเคราะห์จะเคลื่อนไหวเหมือนกับเป็นยานอวกาศกัน แต่นี้....มันพลิกทุกกฎเกณฑ์ของจักรวาลกันได้เลยนะเนี้ย"
              "และนั้นคงเป็นเหตุผลที่พวกเดลอาเนี่ยนอยากจะมายึดระบบดาวแห่งนี้เลยสินะ "เฟลิคบอก "และถ้าให้เดา เครื่องยนต์ดวงดาวของพวกคุณเอง คงจะมีพลังมากถึงขั้นพุ่งไปแบบความเร็วเหนือแสงเลยสิน่ะ"
              ฟิวเจนท์พยักหน้า "เราได้ใช้ระบบนี้ ออกไปสู่จักรวาลอื่นกัน โดยที่ดาวดวงอื่นๆเองที่หลงเหลืออยู่กับเราไม่ได้ติดตามมาด้วย ซึ่งบ่งบอกได้ว่าพวกเขาไปอยู่จักรวาลอื่นกัน หรือไม่ก็ พุ่งไปอยู่ในห้วงมิติอื่นที่พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเราไม่เคยเจอมาก่อนด้วยน่ะ ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเราใช้ระบบนี้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง"
              "แสดงว่าการเดินทางจากจักรวาลที่คุณอยู่ มายังจักรวาลของพวกเรานั้น คงจะเป็นเที่ยวไปอย่างเดียวเลยสิน่ะ" แอสเทลน่าบอก
              ฟิวเจนท์พยักหน้า "เรารู้ดี ว่าพวกเราไม่มีทางได้กลับไปได้อีกต่อไปแล้ว แม้ว่าเราจะขับไล่มหาดารามรณะนี้ไปได้ แต่พวกเรามิได้ทำลายล้างมันลงโดยสมบูรณ์กัน จึงทำให้พวกเราที่เป็นลูกหลานของบรรพบุรุษ เตรียมพร้อมรับมือกับการมาของมหาดารามรณะกันอีกครั้งหนึ่ง" แล้วก็ส่ายหน้า "อนิจจา ภายในกลุ่มชนเผ่าของพวกเราทั้งแปดนั้น ได้มีกลุ่มคนที่มีความทะเยอทะยานอยากรวมตัวกัน เพื่อเรียกมหาดารามรณะให้ปรากฎขึ้นมากันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็คือพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตกันนี้แหละ"
              "พอจะทราบมั้ย ว่าพวกนี้ต้องการเรียกดาวมหาประลัยที่ถูกเนรเทศไปอยู่ที่อื่นให้กลับมากันทำไมละ" โคเซวิคบอก
              ฟิวเจนท์กล่าว "พวกเจ้าน่าจะทราบดี ว่าการปะทะกับภัยคุกคามภายในเขตอวกาศภาคกลางนั้น ได้สร้างความไม่พอใจกับเหล่าชนเผ่าที่สูญเสียพวกพ้องในการสู้รบอันยาวนานกันไม่ไหว แม้ว่าพวกเราและชนเผ่าที่รับคำสั่งจากพวกเราไปเจรจาปลอบขวัญ ก็หาได้แก้ปัญหานี้ไม่ กลุ่มชนเหล่านั้นจึงเห็นว่า แทนที่จะใช้กำลังในการต่อกรเพื่อปกป้องดาวของพวกเรา พวกเขากลับเลือกทางลัดที่ไม่เข้าท่ากันเสียเลย นั้นคือการเรียกมหาดารามรณะ ให้มากวาดล้างพวกนอกกฎหมายทั้งหลายที่อยู่ในเขตอวกาศแห่งนี้ให้วอดวายไป โดยพวกนั้นก็คือพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตกันนี้แหละ ซึ่งทางเราและกลุ่มชนเผ่าส่วนที่ไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้มหันตภัยร้ายนี้กลับมาก่อเรื่องซ้ำรอยเดิมกันอีกเป็นหนที่สองกัน ทางเราจึงจัดตั้งกลุ่มผู้พิทักษ์ดวงดาว โดยคัดเลือกเหล่าทหารและนักรบจากดาวทั้งแปดมาเป็นตัวแทนในการหยุดยั้งพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตทุกวิถีทาง มิให้พวกนั้นประสบความสำเร็จกันได้ เพราะเรารู้ดี ว่ามหาดารามรณะนั้น ไม่มีใครหน้าไหนสามารถควบคุมมันได้ง่ายๆแน่ๆเลยนะสิ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะ มีบรรพบุรุษส่วนหนึ่งที่พยายามจะควบคุมดาวมรณะนั้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              ฟิวเจนท์บอก "ถ้าบรรพบุรุษของเราทำได้สำเร็จจริง บรรพบุรุษส่วนมากของพวกเราทั้งหมดคงไม่ลงเอยที่เขตอวกาศภาคกลางในจักรวาลของพวกเจ้ากันไปแล้วละ" และถอนใจขึ้นมา "แม้ว่ากลุ่มผู้พิทักษ์ดวงดาวพยายามหยุดยั้งแผนการของพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตกัน แต่....พวกนั้นไม่ได้แค่มีเพียงเหล่าทหารกันอย่างเดียว ทางเรายังพบว่ากลุ่มเดธซิลเวอร์พลาเนตนั้น มีบุคคลระดับผู้นำและหัวหน้าระดับสูงของแต่ละดาวให้การสนับสนุน ซึ่งล้วนแล้ว เป็นบุคคลที่ไม่พึ่งประสงค์ต่อผู้นำรุ่นปัจจุบันด้วยกันทั้งสิ้น ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ บุคคลเหล่านั้นได้รับการสนับสนุนจากภายนอกให้ก่อการยึดอำนาจจากผู้นำทั้งเจ็ด ซึ่งรวมถึงข้าเองด้วย ที่ตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน แม้กระทั่งบุคคลสำคัญที่อยู่ช่วยเหลือข้ากันอีกด้วยน่ะ แน่นอนว่าต่อให้มีผู้พิทักษ์ดวงดาวอยู่ครบ ก็คงเข้าไปแก้ไขอะไรไม่ได้แน่ๆเลยละ"
              "แล้วพวกรุ่นพี่โผล่มา พวกคุณจึงตัดสินใจให้ตัวแทนเมคโซ่ไปแจ้งประธานสภาบาแลมโซ่ให้เรียกตัวพวกเรามาเลยสิครับ" พีวิลบอก
              ฟิวเจนท์พยักหน้า "ตอนนี้ ข้าอยากจะให้พวกเจ้าทั้งหมดนี้ ช่วยหยุดยั้งพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตลง พร้อมกับค้นหากลุ่มผู้คุกคามจากฝั่งตะวันออกให้เจอและกำจัดทิ้งลงไปเสีย ก่อนที่กลุ่มดาวของเราจะถูกฝ่ายตะวันออกยึดครอง และพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตเรียกมหาดารามรณะกลับมากันอีกครั้งได้เป็นผลสำเร็จกันน่ะ"
              "เรื่องนั้นท่านโอเวอร์เซียร์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ เพราะพวกเรามาถึงนี้แล้ว พวกเราจะจัดการกับปัญหาที่ท่านกับพวกประสบกันอยู่นะครับ" เนคมาดูซัมบอก
              โคเซวิคบอก "รวมถึงพวกเดลอาเนี่ยนด้วย พวกเราจะบดขยี้พวกนั้นให้ราบคาบไปเลยน่ะ"
              "หวังว่า กองกำลังที่เจ้านำมานั้นจะช่วยคลี่คลายปัญหากันได้น่ะ ซีคเทมพลาร์" ฟิวเจนท์บอก
              แอสเทลน่าพยักหน้า "และหวังว่าท่านกับผู้นำที่เหลืออีก 7 ดวงคงให้ความร่วมมือกันบ้างนะคะ"

              ที่ห้องประชุมของกลุ่มเมนซิกส์ทีน ในยานไทรแองเกิ้ล 10 นาทีต่อมา
              "กะแล้วเชียวว่า เธอกับพวกต้องมีเรื่องยุ่งให้เป็นเหตุเรียกพวกเรามาจนได้สิน่า" สเปียริทบ่น
              โฟรซ่ากล่าว "แต่เคราะห์ดีน่ะที่ต่างดาวพวกนี้เป็นฝ่ายดี และพวกเราเองก็เลือกวางอาวุธก่อน เลยไม่เป็นอะไรมากกันนี้แหละ"
              "หรือ แต่การที่เธอและพวกถูกตรึงตรงมือเท้า แล้วให้อยู่ในท่าตัวเอ็กซ์มาตลอดเวลานิ แสดงว่าพวกเทคนอตคงรู้ว่าพวกเธอเป็นพวกอยู่ไม่นิ่ง แม้กระทั่งอยู่ในห้องแล็บกันละสิ" จิลบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "พอเถอะน่า จิล แค่เรารอดมาเจอกับพวกเธอได้ก็บุญโขแล้วละ"
              "ไซโคลเนียพูดถูกน่ะ เพราะตอนนี้พวกเรากลับมารวมตัวกันอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นการรวมตัวที่ต้องดึงพวกนายมาร่วมด้วยก็ตามน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              เจเนลบอก "ก็ใครจะไปคิดละเนี้ย ว่าลูกพี่กับอาเจ้เป็นพวกติดตามแบบถึงลูกถึงคนกันจนถูกฝ่ายเอทพลาเนสจับกุมเสียเองเช่นนี้นิ แปลว่าพวกโจรที่หลบหนีนั้น มีค่าหัวเยอะบานเลยสิ"
              "พอเลย เจมส์ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าพวกนายมาตามคำสั่งของประธานสภาบาแลมโซ่กันละก็น่ะ...." โฟรซ่าบอก
              ฟิเกซกล่าว "แย่หน่อยนะ เพราะในช่วงที่เราอยู่ในความดูแลของพวกเทคนอตนั้น ทำให้เราไม่สามารถติดตามหาไซเมี่ยนกันได้นะสิ"
              "แม้กระทั่งหาไอ้พวกปากดีลิคเตอร์ด้วยสิน่ะ" คลอเวฟบอก "ให้กูพนันด้วยเหล้า 2 ขวดเลย ว่าไอ้ปากดีมันต้องโผล่หัวมาตรงมอนิเตอร์หรือเปิดระบบโฮโลแกรมในสภาพอ่วมอรทัยแน่ๆเลยวะ"
              สเตฟอร์ดบอก "พูดถึงพนันแล้วนิ เงินที่นายยืมไป เมื่อไหร่จะคืนกันน่ะ"
              "แอมเบอร์ ปานนี้ คลอเวฟติดหนี้เราไปเท่าไหร่กันแล้วน่ะ" โฟรซ่าถาม
              แอมเบอร์ตอบ "ยังอยู่ที่ 94,500 แกลดอลกันนะคะ ถ้าคุณคลอเวฟไม่ติดเงินคนอื่นเพิ่มอีก หนี้ที่ว่ามาคงไม่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนนะคะ"
              "ช่างเรื่องเงินก่อนดีกว่า เพราะเรื่องปฏิบัติการณ์ของพวกเรานั้นสำคัญกว่าน่ะ" คลอเวฟรีบเปลี่ยนเรื่องเข้าประเด็นหลัก เพราะเบื่อที่จะต้องมาให้คำตอบกับเรื่องติดเงินที่ยืมไปกันแล้ว
              สเตฟอร์ดบอก "ได้ แต่ถ้าเราจบเรื่องจากระบบดาวนี้ แล้วกลับไปที่แคสเซเดี่ยน-3 กันแล้วละก็ นายต้องคืนเงินที่ยืมเรามาให้ได้เลยน่ะ"
              "รู้แล้วละน่า" คลอเวฟบ่น
              สเปียริทถาม "ว่าแต่ พวกนายอยู่กับผู้นำของดาวดวงนี้และของกลุ่มดาวทั้งแปดกันนิ พวกนายได้ข้อมูลเกี่ยวกับดาวที่เหลืออีกเจ็ดดวงกันบ้างหรือเปล่าละ"
              "โอเวอร์เซียร์ฟิวเจนท์ ได้มอบข้อมูลดาวทั้งเจ็ดเอาไว้แล้วละ" พีวิลกล่าวและเปิดแผนที่โฮโลแกรมของดาวทั้งแปด "เริ่มจากดาวดวงแรก นั้นคือ ดาวสโตนยอน ดาวแห่งศิลา ภูมิประเทศของดาวดวงนี้เต็มไปด้วยหุบเขาสูงน้อยใหญ่อยู่มาก เป็นแหล่งแร่ธาตุอันอุดมสมบูรณ์ทั้งในดินและในหุบเขา ทำให้ชาวสโตนอลเป็นชนเผ่าที่มีความแข็งแกร่งในด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นดาวเพียงดวงเดียว ที่มีวอร์มูนล้อมรอบดาวอยู่ 10 กว่าดวงด้วยกัน"
              เจเนลบอก "สิบดวงเลยหรือ ล้อเล่นหรือเปล่าละ พีท"
              "พีทไม่ได้ล้อเล่นกันหรอกน่ะ เจมส์ ขนาดอิลมิคที่พูดแบบเดียวกับที่นายว่ามา ยังอึ้งไปไม่น้อย พอๆกันกับพวกเราที่รับรู้เรื่องภายในดาวไปด้วยกันนะสิ" สเตฟอร์ดบอก "และเพราะดาวดวงนี้มีดวงจันทร์สงครามถึง 10 ดวงล้อมรอบไว้ จึงไม่มีใครหน้าไหนวอนหาเรื่องกับกลุ่มเอทพลาเนสกันได้เลยนะสิ"
              คลอเวฟบอก "แน่ละ เพราะพวกเดลอาเนี่ยนคงไม่อยากเสียยานให้กับป้อมดวงจันทร์ติดอาวุธนับสิบ จนต้องกลับไปด้วยยานฉุกเฉินลำเล็กๆเพียง 4-5 ลำกันหรอกมั่ง"
              "และดาวดวงนี้คงจะให้การสนับสนุนด้านแร่ธาตุมาก่อนสิน่ะ เพราะหุบเขาทั้งหลายแหล่ต่างก็มีทรัพยากรแร่ธาตุอยู่เพียบเลยน่ะ" จายด์บอก สเตฟอร์ดพยักหน้า
    แอนเดรียบอก "แต่ แร่ธาตุเป็นทรัพยากรที่หมดไปได้กันมิใช่หรือคะ ถ้าเวลาผ่านไป 400 ปีกันแล้วนิ ดาวดวงนี้คงไม่เหลือแร่ธาตุกันแล้วสิคะ"
              "ทีแรก ฉันก็คิดเหมือนกับเธอเองแหละ แอนเดรีย แต่....นักวิจัยชาวเทคนอตได้ให้คำตอบที่ชวนอึ้งกันด้วย ว่า ดาวสโตนยอนสามารถเพิ่มพูนแร่ธาตุบนดาวได้เรื่อยๆนะสิ" โฟรซ่าบอก "แม้จะไม่รู้ว่ากระบวนการเพิ่มจำนวนแร่ธาตุนั้นมันเกิดกันยังไง แต่ถ้าขนาดดาวแต่ละดวงมีเครื่องยนต์ดาวเคราะห์ที่ช่วยพาดาวทั้งดวงออกทะยานไปไหนมาไหนได้ ไอ้ดาวที่มีแร่ธาตุอันมากมายเองก็ต้องเพิ่มแร่ธาตุกันได้เช่นกันละน่า"
              พลัสเชอริทบอก "นั้นคงจะเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มดาวจากเขตจักรวาลอื่นเลยสิน่ะ"
              "แล้วดาวดวงอื่นนิ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นกันด้วยสิน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว มาสวาร์ทาร์พยักหน้า และเปิดภาพดาวสีแดงขึ้นมา
              "ต่อมาคือดาวอัคคี ดาวแฟคม่าของชาวแฟคมาส ดาวดวงนี้เป็นดาวภูเขาไฟ มีพื้นดินอยู่บนดาวอยู่ 40 เปอร์เซนต์ อีก 60 เปอร์เซนต์คือมหาสมุทรลาวาและแมกม่า จึงทำให้มีอุณหภูมิของดาวมากกว่าจุดเดือดราว 120-150 องศาเซลเซียสด้วยกัน อีกทั้งชั้นบรรยากาศของดาวปนเปื้อนด้วยเถ้าภูเขาไฟที่โพยพุ่ง จึงยิ่งทำให้ดาวมีสภาพเหมือนเรือนกระจกกัน ส่งผลให้ชาวแฟคม่ามีร่างกายที่ร้อนจัดอย่างมากจากการมีผิวเป็นหินอัคนี ถึงขั้นมีไฟลุกตามตัวและเลือดเป็นแมกม่ากันด้วยน่ะ"
              "แบบนั้นก็แย่นะสิ เพราะถ้าพวกนายเข้าประชิดตัวแล้วเกิดเลือดของพวกแฟคม่าสาดโดนเข้าเลยน่ะ" ไซโคลเนียบอก
              แอบไบออสกล่าว "ไม่แปลกใจหรอก ที่โบนเซเบอร์ละลายจนไหม้ไปด้วย เพราะพวกนี้อยู่บนดาวที่หุบเขาไฟประทุตลอดเวลากันน่ะ"
              "ใช่ ดาวแฟคม่านั้นแม้จะเป็นดาวที่อันตรายอย่างมากสำหรับพวกเราและพวกมนุษย์ แต่ก็เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญมากในกลุ่มหมู่ดาวทั้งแปด และกองทหารชาวแฟคม่าเองก็ใช้อาวุธพลาสม่าร้อนเป็นหลัก ทั้งแบบปืนและแบบดาบกันด้วยน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              ฟิเกซกล่าว "ไม่แปลกใจหรอก ที่ชาวเทคนอตพูดคุยกันเสมอ ว่าพวกแฟคม่านั้นเป็นพวกเลือดร้อนและดุดันอย่างมาก จนฉันกลัวว่านายกับพวกจะรับมือพวกนั้นไม่ได้เลยน่ะ"

              "แต่อย่างน้อย เราก็รู้ว่าเราจะจัดการกับพวกมันกันยังไงบ้างละน่ะ" คลอเวฟบอก "แล้วดาวดวงต่อมาละ"
              มาสวาร์ทาร์เปิดภาพดาวสีขาว "นี้คือดาวน้ำแข็ง ไอซ์ติคของชาวไอซ์ติก้า ดาวดวงนี้มีสภาพแวดล้อมเป็นแบบขั้วโลกตลอดเวลา ภูมิประเทศเป็นแผ่นดินที่มีน้ำแข็งปกคลุมเกือบทั้งดาว แต่ยังมีน้ำอยู่ข้างใต้น้ำแข็งในบริมาณมาก ดาวดวงนี้จึงเป็นแหล่งน้ำจืดของกลุ่มดาวทั้งแปดกัน ชาวดาวไอซ์ติก้านั้นมีรูปร่างผอมและมีหน้าตาคล้ายแมลง แต่มีแขนเพียง 1 คู่ ด้วยลักษณะทางกายภาพโดยรวมของชาวไอซ์ติก้าที่อ่อนแอต่อสภาพแวดล้อมที่มิใช่ดาวของตนเอง จึงต้องเคลือบตัวเองด้วยสสารแบบน้ำแข็งเพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมนอกดาว ส่งผลให้กองทหารของดาวดวงนี้เน้นหนักไปที่การป้องกันด้วยสนามพลังรอบตัวเอาไว้ และใช้อาวุธพลาสม่าแบบเย็นที่น่ากลัวไว้ด้วย"
              "แหล่งน้ำจืดนะหรือ แล้วดาวสีน้ำเงินล้วนนั้น ไม่ใช่แหล่งน้ำจืดเลยหรือวะ" คลอเวฟถาม โดยชี้มายังดาวดวงสีน้ำเงิน
              พีวิลบอก "นายหมายถึงดาววอเทเชี่ยนของชาววอเทลละก็ ดาวดวงนั้นเป็นของชอบของนายอย่างมากเลยนะ คลอเวฟ เพราะดาวดวงนี้มีมวลน้ำปกคลุมอยู่ถึง 90 เปอร์เซนต์ พลเมืองชาววอเทลส่วนมากล้วนปรับตัวอยู่ในน้ำ จึงมีหน้าตาคล้ายมนุษย์เงือกสีซีด หัวกลมมีหน้าผากสีน้ำเงิน เวลาจะออกจากดาวที่ไม่มีแหล่งน้ำ มักจะต้องสวมชุดที่รักษาความชื้นในร่างกายกันเสมอ และมีกองยานรบที่ใช้งานได้ทั้งในน้ำ ในดาวและในอวกาศอยู่เยอะ แม้จะไม่เยอะเท่าพวกเทรโอเซี่ยมกันก็ตาม แต่ดาวดวงนี้มิใช่แหล่งน้ำอีกแห่งหรอก เพราะมวลน้ำ 90 เปอร์เซนต์นั้น เป็นน้ำเค็มกันนะสิ"
              "แต่คงไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตในดาวกันเลยละสิ" คลอเวฟบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "มีน่ะ มีอยู่แล้วละ เพราะว่าดาวดวงนี้นอกจากจะมีสาหร่ายและพืชน้ำหลากหลายกันแล้ว สัตว์น้ำอย่างพวกกุ้งหอยปูปลาเองก็มีเยอะด้วยเช่นกัน จึงเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญมากต่อชนเผ่าอื่นด้วย แม้ว่าชาววอเทลพยายามจะอนุรักษ์และเพาะพันธุ์เพื่อรักษากลุ่มสัตว์น้ำเหล่านั้นไปได้ตลอด 400 ปีกันก็ตามน่ะ"
              "หวังว่าคงจะไม่มีปลาวาฬชุบแป้งทอดกันอีกละสิ" ลิเนียร์ตี้พูดแซวคลอเวฟกัน ด้วยมุขคำตอบที่ใช้แกล้งเธอในช่วงมหาสงครามกันแล้ว
              คลอเวฟได้ฟังก็หงุดหงิดและบอก "เข้าดาวต่อไปเลยดีกว่าน่ะ มาส"

              "แน่ละ เพราะนายช่วยแนะนำดาวสุดโปรดของนายไปดวงหนึ่งแล้วนิ" มาสวาร์ทาร์บอก แล้วก็เปิดภาพดาวสีฟ้าที่มีทวีปกระจัดกระจายกัน "ต่อมาเลย คือดาวแอร์คราวนด์ ดาวแห่งนภาของชาวแอรอท ดาวดวงนี้มีเกาะลอยอยู่เหนือท้องฟ้ากันมากมาย ซึ่งชาวแอรอทมีเขาเล็กบนหน้าผาก แลดูเหมือนพวกอัลแทเรี่ยนแปลงเป็นมนุษย์ หากแต่ไม่มีปีก พวกนี้สัญจรไปมาระหว่างเกาะลอยด้วยการบินเป็นหลัก จึงทำให้พวกแอรอทเป็นผู้ชำนาญการรบภาคอากาศและมีฝูงยานบินขับไล่อยู่ไม่น้อยเลยละ"
              ไซโคลเนียบอก "ดาวนี้ ฉันชอบมากเลยละ ถ้าป้าวิลด้าอยู่ด้วยก็คงดีละสิ"
              "แย่หน่อยนะ ที่ป้าวิลด้ากับพวกลุงเบติสมาไม่ได้นะสิ" สเปียริทกล่าว
              แอนเดรียบอก "พวกคุณเบติสติดงานซ่อมบำรุงสเปซโคโลนี่ในอีสทาล่าฟรอนเทียร์กันอยู่ เลยมากับพวกเราไม่ได้เลยนะคะ"
              "ว้า แบบนั้นป้าวิลด้าเสียดายแย่ละสิ" ไซโคลเนียกล่าวอย่างผิดหวังนิดๆ
              จิลถาม "เมื่อกี้นี้ดาวดวงนั้นมันมีแต่เกาะลอยกันนิ มันคงไม่ลอยออกนอกดาวกันใช่มั้ยละ"
              "ไม่หรอก จิล ดาวดวงนั้นมีโซ่แรงดึงดูดจากภาคพื้นที่อยู่ลึกลงไป คอยดึงเกาะทั้งหลายเอาไว้กันทั้งหมดกันน่ะ" โฟรซ่าบอก
              พลัสเชอริทบอก "งั้นต้นเหตุที่ทำให้แผ่นดินส่วนหนึ่งลอยขึ้นเป็นเกาะลอยฟ้ากันนั้น คงจะเป็นผลจากเครื่องยนต์ดวงดาวนั้นละสิ"
              "แล้วดาวสีเหลืองนิ คงเป็นดาวทะเลทรายละสิน่ะ" แอบไบออสบอก
              ฟิเกซกล่าวและเปิดภาพดาวสีเหลืองให้ "ดาวดวงนี้คือดาวแซนดอม ดาวแห่งทราย ภูมิประเทศเกือบทั้งหมดเป็นทะเลทรายกัน ซึ่งทรายบนดาวดวงนี้ มันเป็นสื่อนำไฟฟ้าที่อยู่ในอากาศของดาวกันอย่างมาก จนทำให้ท้องฟ้าของดาวมักจะมีฟ้าผ่าลงมาอยู่บ่อยๆ ส่งผลให้ชาวแซนดาล ผู้มีผิวสีเทาอ่อนต้องสวมชุดสีทองที่ฉาบด้วยสสารกันไฟฟ้าทับในไว้ ป้องกันสายฟ้าที่ฟาดลงพื้นมา ซึ่งพวกเขาได้สร้างเสาล่อฟ้าขนาดใหญ่ ป้องกันผู้คนบนดาวจากการถูกฟ้าผ่าลงมา และทำให้ดาวดวงนี้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่สำคัญอย่างมากในเอทพลาเนสกันด้วย แน่นอน ว่าอาวุธของพวกแซนดาลคงเป็นอันตรายกับแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์กันอย่างแน่นอน"
              "พวกนั้นสวมชุดทองคำนะหรือ ทองมันก็นำไฟฟ้าได้พอๆกันกับโครมเมทาเลี่ยมแบบนี้ ทำไมพวกแซนดาลถึงไม่ใส่ชุดยางไปเลยหรือวะ" คลอเวฟบ่น
              ไซโคลเนียบอก "ถึงชุดจะเป็นทองคำ แต่ก็เย็บเชื่อมกับมวลสารคล้ายยางติดไว้ด้วยนะสิ"
              "เหลือแต่ดาวสีเขียวดวงสุดท้ายกันแล้วละ" เจเนลบอก
              พีวิลเปิดภาพดาวสีเขียว และแนะนำไปว่า "นี้คือดาวจังกรอเรส ดาวแห่งป่าทุกชนิด แม้จะมีแหล่งน้ำให้เห็นอยู่ 30 เปอร์เซนต์ แต่ก็มีแหล่งน้ำบาดาลปรากฎอยู่ข้างใต้กันด้วย" แล้วก็เล่ารายละเอียดต่อ "แม้ว่าสภาพแวดล้อมที่เป็นป่านี้ ทำให้พวกเราคิดว่าชนเผ่าจังกรอลเป็นเหมือนชาวป่าที่ล้าหลัง ไกลปืนเที่ยงและไม่น่าออกสู่อวกาศกันได้นั้น แต่จริงๆแล้วมันมิใช่เป็นเช่นนั้นเลยน่ะ"
              "คงไม่ได้หมายความว่าใต้ป่าเขาเขียว มีเมืองใต้ดินที่อารยธรรมสูงอยู่ข้างใต้เหมือนกับเผ่าต้นสังกัดของนายงั้นสิ" คลอเวฟบอก
              พีวิลส่ายหน้า "เผ่าจังเกรสเองเหมือนกับพวกควอเดี่ยมกันนี้แหละ ก็ตรงที่เป็นเผ่าที่ปรับตัวกับวิทยาการอันล้ำยุคจากดาวอื่น โดยเฉพาะจากเทคนอตกัน แม้ว่าพวกเขาจะมีปืนหน้าไม้ ถือขวานเป็นอาวุธ สวมเกราะทำด้วยเปลือกไม้ที่ดูแล้วไม่ทนทาน แต่เอาเข้าจริงๆ เกราะไม้นั้นแข็งพอๆกันกับต้นไม้ใกล้กับหมู่บ้านโฟรเทริลดีๆนี้เองแหละ"
              "หากแต่พวกจังเกรสมีผิวเป็นสีน้ำตาลแก่และมีผมเผ้าเป็นใบไม้กันก็เท่านั้นเอง อีกอย่าง พวกเขาไม่เพียงเป็นเจ้าของพืชพันธุ์ต่างๆและสัตว์ป่าน้อยใหญ่กันอย่างเดียว พวกเขายังถนัดการจู่โจมแบบซุ่มโจมตีกันอีกด้วย เพราะไม่มีกลุ่มผู้รุกรานที่ไหนที่เข้ามาในดาวที่มีวอร์มูนเพียง 4 ดวง แล้วกลับออกไปจากดาวนี้เลยสักรายน่ะ" ฟิเกซบอก
              สเปียริทกล่าว "แสดงว่าพวกเขาคงกินแร่ธาตุจากพื้นดินและดื่มน้ำด้วยฝ่าเท้า เหมือนกับต้นไม้ด้วยสิ"
              "พวกเขากินข้าวกินปลาเหมือนกับพวกเรากันดีๆนี้แหละ สเปียริท เพราะถึงแม้พวกจังเกรสจะเป็นมนุษย์ต้นไม้ ก็ใช่ว่าจะเหมือนต้นไม้เสมอไปหรอกน่ะ" โฟรซ่าบอก "แต่ดูจากที่เห็นมานั้น ทุกดวงมีวอร์มูนกันทั้งนั้น แถมยังมีกองรบที่แตกต่างกันไปด้วยน่ะ"
              เจเนลบอก "แต่เชื่อเถอะ ว่าต่อให้มีพระจันทร์ติดอาวุธหนักและมีกองรบเยอะแค่ไหน ก็สู้กับพวกเดลอาเนี่ยนที่มีประตูมิติไปไหนก็ได้ที่โผล่มาในดาวกันไม่ได้อยู่ดีนี้แหละ"
              "ว่าแต่ เราให้คุณแอสเทลน่ากับพวกมาช่วยได้มั้ยละ" ลิเนียร์ตี้ถาม
              เนคมาดูซัมส่ายหน้าพร้อมกับเปิดหน้าจอมอนิเตอร์จากนอกยาน "ครืนนนน แว้งงงงงงง" ยานเรเซเฟียร์ทะยานออกจากท่าแล้วก็บินหายไปโดยเร็ว "เธอฝากมาบอกเราด้วยน่ะ ว่าถ้าพวกเราและยูเนี่ยนพีชมีปัญหา เธอจะรีบไปเรียกพวกลุงเบติสที่อยู่ในอีสทาล่าฟรอนเทียร์ให้มาช่วย เพราะเราแจ้งกับเธอในเรื่องนี้ตอนที่กลับขึ้นยานมาแล้ว ซึ่งเธอจะช่วยจัดการกับเรื่องนี้ให้เองน่ะ"
              "เยี่ยม แปลว่าเราต้องอยู่ในระบบดาวทั้งแปดเพื่อจัดการกับปัญหาของดาวแต่ละดวง รวมถึงไล่พวกเดลอาเนี่ยนที่อาจจะบุกมาให้ไปไกลๆกันเลยสิน่ะ" สเปียริทกล่าว
              สเตฟอร์ดบอก "ว่าแต่ โมบิลลอยด์ของพวกเราได้รับการบรรทุกมาแล้วสิ"
              "เตรียมไว้แล้วละ ต้องขอบใจคุณมินอร์ตี้ด้วย ที่ช่วยทีมช่างซ่อมแซมโมบิลลอยด์ของพวกเราให้พร้อมใช้งานกันได้ รวมถึง ไอ้ตัวนี้ด้วยน่ะ" คลอเวฟกล่าวโดยนำโมบิลลอยด์แบบสี่แขน ซึ่งมีแขนขนาดใหญ่อีกคู่อยู่ด้านข้างหัวไหล่ด้วยกัน
              "ควอดเทตทรอสนะหรือ ฉันเห็นมันอยู่ในแบบแปลนของซาแรคที่เอามาให้ดูเมื่อสองปีก่อนแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะสร้างเสร็จได้สมบูรณ์กันเลยน่ะ" ฟิเกซบอก
              "ว่าแต่ นายเอ่ยชื่อของโมบิลลอยด์ตัวใหม่ที่มาแทนควอดทารอสนิ แปลว่าคงจะรู้คุณลักษณะของมันเลยสิน่ะ" พลัสเชอริทกล่าว
              ฟิเกซพยักหน้า "ด้วยการใช้เกราะแบบพัลเลทอร์น ระบบขับเคลื่อนความเร็วสูงแบบซาลมาร์ส และพลาซอนคอนเวิร์ทเตอร์ของอัสเทเดียฟรวมกัน ควอดเทตทรอสจึงมีคุณลักษณะของควอดทารอสสามแบบรวมกัน เพียงแต่....สมรรถนะภาพของเครื่องต้นแบบนั้น แรงกว่าที่คิดไว้ ซึ่งซาแรคคงจะปรับลดสเปคหุ่นที่มากเกินให้อยู่ในระดับพอดีกันไว้แล้วนะสิ"
              "แต่ดีไซน์ของมันเหมือนทำมาให้ควอเดี่ยมแบบโชลบาวหรือพวกแขนติดด้านข้างหัวไหล่ใช้กันชัดๆนิ พวกอื่นๆจะใช้ได้หรือเปล่าน่ะ" ไซโคลเนียบอก
              ฟิเกซกล่าว "ฉันเคยถามคำถามนี้กับซาแรคมาแล้ว เขาให้คำตอบว่า ระบบควบคุมส่วนแขนนั้นถูกออกแบบให้ทั้งแบ็คบาว(พวกควอเดี่ยมมีแขนคู่รองอยู่ด้านหลัง) ไซด์บาว(ควอเดี่ยมมีแขนคู่รองอยู่ตรงเอว ซึ่งฟิเกซเป็นไซด์บาว) และอันดราว (ควอเดี่ยมมีแขนคู่รองอยู่ใต้หว่างแขน) ใช้งานได้ โดยที่แขนหลักซึ่งเป็นแขนคู่ในสุดของควอดเทตทรอสนั้น สามารถควบคุมด้วยแขนหลักและแขนรองก็ได้ เช่นเดียวกับแขนคู่ในที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นแขนติดอาวุธดาบหรือแขนปืนได้ตามใจชอบกัน เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับระบบที่เปลี่ยนไปกันสักหน่อยน่ะ"
              "แล้วสามแบบเดิมนิ ยังคงอยู่หรือเปล่าละ" เจเนลถาม
              ฟิเกซกล่าว "ก็น่าจะยังอยู่นี้แหละ เพราะยังมีส่วนหนึ่งที่ยังใช้ทั้งอัสเทเดียฟ ซาลมาร์สและพัลเลทอร์นกันอยู่ โดยสามแบบแรกนั้น ใช้เป็นเครื่องฝึกซ้อมระบบควบคุมกันไว้ เพราะควอดเทตทรอสนั้นใช้ระบบควบคุมแบบเดียวกันทั้งนั้นน่ะ"
              "แล้วหุ่นของนายนิ คงไม่ได้ถูกแยกชิ้นส่วนกันแล้วสิ" ไซโคลเนียบอก
              ฟิเกซส่ายหน้า "เปล่า คุณป้าให้ซาแรคจัดการนำควอดทารอสของฉันไปดัดแปลงเป็นควอดเทตทรอสกันแล้วนะสิ แน่นอน ว่าเครื่องที่ถูกส่งมาที่ยานของนาย ก็คือโฉมใหม่ของโมบิลลอยด์ของฉันนะสิ" แล้วก็เปิดภาพควอดเทตทรอส ซึ่งฟูแรมและทีมช่างเข้าตรวจสอบหุ่นอย่างละเอียด

              "นี้คงจะเป็นโมบิลลอยด์รุ่นล่าสุดของพวกควอเดี่ยมสิน่ะ" เอรินเอส มินอร์ตี้ ริดิวิเนี่ยนผู้ค้นคว้าเรื่องโมบิลลอยด์กล่าวโดยที่เธอตรวจเช็คควอดเทตทรอสกันบนลิฟท์เครน เช่นเดียวกับทีมช่างรายอื่นๆ
              ฟูแรมบอก "ควอดเทตทรอส โมบิลลอยด์รุ่นล่าสุดต่อจากควอดทารอส สูง 16.4 เมตร หนัก 61 ตัน รวมเอาคุณสมบัติของซาลมาร์ส พัลเลทอร์นและอัสเทเดียฟไว้ในเครื่องเดียว แต่สามารถใช้การสลับเปลี่ยนโหมดตามสถานการณ์ต่างๆในสนามรบ จนไม่จำเป็นต้องกลับไปเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่กันในยานรบกัน เคยได้ยินข่าวลือมาบ้าง ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นกันจริงๆเลยน่ะ"
              "ลักษณะเฟรมของหุ่นตัวนี้ เหมือนเอาบอดี้ช่วงบนของหุ่นจอมเวทย์มารวมกันกับส่วนแขนขนาดใหญ่ของหุ่นเซนทอร์ใหญ่ แต่นำส่วนขาของหุ่นรบสายทหารมาติดตั้งกันนิ มันไม่ทำให้เสียบาลานซ์เลยหรือไงน่ะ" มินอร์ตี้กล่าว
              ฟูแรมบอก "ระบบขับเคลื่อนด้านหลังของควอดเทตทรอสมีกำลังเครื่องมากพอ ที่จะทำให้ตัวหุ่นที่ติดแขนใหญ่ด้านข้างอีกคู่บินได้ไวและเร็วพอเลยนะครับ"
              "ฉันพอจะเห็นมาบ้างน่ะ ว่าโมบิลลอยด์ไทป์ทหารของควอเดี่ยมนั้น ไวมากกว่าฟาลครีด้าของหัวหน้าวูลลิเซีย และอาร์ซโทรนของรัฐมนตรีโยธาด็อดเจอร์กันหลายเท่าเลยน่ะ" มินอร์ตี้บอก "แล้วฟิเกซขอให้ทีมสร้างนั้น ทำสีให้หรือเปล่าละ" เพราะเธอเห็นส่วนหน้าผากของหุ่นนั้น ซีกขวาเป็นแถบแผงสีเหลือง ซีกซ้ายติดหมุด 3 จุดเหมือนกับส่วนหมวกของฟิเกซ รวมถึงท่อนล่างที่เป็นสีดำตามกางเกงขายาวกันด้วย
              ฟูแรมบอก "อันนั้นมันเป็นฝีมือการโมดิฟายหุ่นของนายช่างควอเดี่ยมเองนะครับ แหะๆๆๆๆ"
              "แต่ทางเรายังไม่ได้ค้นคว้าเรื่องหุ่นของพวกเอทพลาเนสเลยสิน่ะ" มินอร์ตี้บอก
              เอโอลีนกล่าว "คงยากคะ เพราะทางเราไม่ได้รับอนุญาตจากทางนั้นให้ค้นคว้าเทคโนโลยี่ของพวกเขาจากชิ้นส่วนที่เราเก็บกู้กันไว้ได้ แม้ว่าเราได้ข้อมูลทางกายภาพของพวกชนเผ่าที่ปะทะกับพวกเรามาบ้าง แต่ก็ได้แค่พอสังเขปเองนะคะ"
              "แสดงว่าพวกเทคนอตเองก็คงเป็นพวกหวงของละสิน่า" ฟูแรมบอก
              อีธานกล่าว "ถ้าเกิดว่าพวกเราเป็นเหมือนชาวเทคนอตและเจอเคสเดียวกันขึ้นมา พวกเราก็คงไม่อนุญาตให้พวกเขาค้นคว้าเทคโนโลยี่ของพวกเรากันง่ายๆหรอกน่ะ ฟูแรม" แล้วก็พูดต่อ "ที่สำคัญไปกว่านั้น วิทยาการของพวกเอทพลาเนสเอง ก็มาคนละจักรวาลของพวกเรากัน ซึ่งนั้นทำให้การค้นคว้าของพวกเราใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้ จนเราเข้าใจในเทคโนโลยี่ของพวกเขากันอย่างลึกซึ้งกัน อาจจะมากกว่าเดือนหนึ่งหรือปีหนึ่งเห็นจะได้น่ะ"
              "ส่วนหนึ่งเพราะ เทคโนโลยี่ในจักรวาลของพวกเรา ส่วนมากจะมาจากออร์เลี่ยนเลยสิน่ะ" ฟูแรมกล่าว
              อีธานพยักหน้า "ถ้าขนาดดาวดวงโตๆยังมีระบบขับเคลื่อนที่อยู่ข้างในนำพาพวกชนเผ่าเดินทางไปทั่วจักรวาล หรือมาโผล่ที่จักรวาลใดก็ได้นั้น พวกเอทพลาเนสไม่สามารถสืบค้นหาต้นตอของชนเผ่าที่สร้างเครื่องยนต์ไว้ในดวงดาวกันได้แล้วนิ เกรงว่าพวกเราเองคงต้องใช้เวลามากถึง 30 กว่ารุ่นกว่าจะไขปริศนาของกลุ่มดาวทั้งแปดกันได้นี้แหละ"
              "มันเกินไปหน่อยหรือเปล่าละครับ คุณอีธาน" ฟูแรมบอก
              เอโอลีนบอก "เราแค่คาดเดาเอาไว้ ซึ่งถ้าพวกเราอยากจะรู้คำตอบกันจริงๆ เกรงว่าพวกเราต้องโคลนพวกเรากันหลายๆครั้งเพื่อที่จะค้นคว้าวิจัยกันเพิ่มเติมจนจบไปได้นี้แหละ แม้เรารู้สึกทึ่งไม่น้อยกับวิทยาการอันเก่าแก่จากจักรวาลอื่น ที่ทำได้ในระดับที่ใหญ่เกินตัวไปก็ตาม" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "แม้เราอยากจะรู้เรื่องนี้ แต่ในเมื่อเจ้าของดาวเองไม่อนุญาต เพราะพวกเขาไม่รู้ที่มาที่ไปของเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนดาวได้ทั้งดวงกันเช่นนี้ สู้เราทำในสิ่งที่เราควรทำในปัจจุบันจะดีกว่าน่ะ"
              "อย่างน้อย เราก็ต้องรู้คำตอบที่เราสงสัยกันมาได้ ในไม่ช้าก็เร็วกันได้นะครับ" ฟูแรมบอก
              มินอร์ตี้กล่าว "เพราะประเด็นหลักนี้ที่เรากำลังทำอยู่นั้น คือการหยุดภัยคุกคามภายในกลุ่มดาวเหล่านี้เองแหละ"

              "ตี้ดๆๆๆๆๆๆ" มีสัญญาณแจ้งเตือนเข้ามา "มีอะไรเกิดขึ้นหรือ แอมเบอร์" เนคมาดูซัมถาม
              แอมเบอร์บอก "เออ เหล่านักบินของยูเนี่ยนพีช แวะมาที่ยานของพวกเรากันนะคะ"
              "อะไรวะ ไอ้หมีควายมันปล่อยน้องชายของมันกับพวกเข้ามาเหยียบไทรแองเกิ้ลได้ไงกันวะ" คลอเวฟบ่น
              พีวิลบอก "ทำไงได้ละ ยูเนี่ยนพีชเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังฝ่ายสมาพันธ์อวกาศ เช่นเดียวกับพวกเรากันด้วย ซึ่งคงไม่ดีแน่ๆที่เราหาเรื่องไล่พวกเดียวกันออกไปจากยานกันเลยน่ะ"
              "งั้นเราลงไปหาพวกกริซซิกกันดีกว่า ก่อนที่บริคซ์และลูกเรือหัวร้อนจะหาเรื่องเจ็บตัวกันฟรีๆน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว แล้วทั้งหมดก็ลงมาที่โรงเก็บโมบิลลอยด์ ซึ่งก็มีเหล่านักบินยูเนี่ยนพีชโผล่มา
              "โฮ่ย พวกไทรเวเซอร์!!!!" กริซซิกตะโกนพร้อมกับ "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆ" ชักอาวุธเข้ามา เมื่อเห็นพวกเนคมาดูซัมมาถึงพอดี จนบริคซ์และลูกเรือที่รวมกลุ่มกันรีบชักปืนตามมาด้วย
              "นี้พวกนาย ลืมไปแล้วหรือ ว่าพวกนายไม่ได้รับอนุญาตให้ชักอาวุธปืนกันในยานของเราเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              "รู้สิ แต่พวกเราแค่ทักทายแบบเดียวกับที่พวกนายทักพี่ชายในครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อนกันนี้แหละวะ" กริซซิกอ้าง เพราะเมื่อ 3 ปีก่อน พวกไทรเวเซอร์ชักปืนใส่พวกโคเซวิคที่โผล่หน้ามาตอนปฏิบัติการณ์ที่คูลดาลนัสกัน
              เนคมาดูซัมบอก "ตอนนั้นเราไม่รู้นิ ว่าพวกนายเป็นฝ่ายต่อต้านพวกเดลอาเนี่ยนที่หลบหนีมาที่เขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์เลยนะสิ"
              "และขอร้องละคะ พวกคุณทำแบบนี้ เกิดลูกเรือที่ไม่รู้เรื่องขึ้นมายิงสวนเข้า มันไม่ดีต่อพวกคุณและพวกเรากันด้วยนะคะ" แอนเดรียบอก
            อาชิลน่า เฟรเบลท์ หัวหน้าฝูงบินชาวเฟลาเลี่ยมกล่าว "เห็นด้วยอย่างยิ่งน่ะ เพราะเราอยู่ในถิ่นของพวกคุณกันแล้วนิ วางปืนลงได้แล้วละ" แล้วทั้งหมดก็วางปืนลง พวกบริคซ์เลยต้องลดอาวุธลงด้วย "ดูท่าว่า พวกเธอมาแบบไม่ครบชุดกันเลยน่ะ" อาชิลน่าบอก
              "ทีมของลุงเบติสกับป้าวิลด้า เราให้พวกเขาเป็นกำลังสำรองไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินกันนะครับ" เนคมาดูซัมบอก
              อาชิลน่าพยักหน้า "ดีแล้วละ เพราะอย่างน้อย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราและพวกเธอกันขึ้นมา ซีคเทมพลาร์จะได้เรียกตัวกองรบสำรองมาช่วยกันอีกที แม้ว่า...ตอนนี้เราต้องรับมือกับพวกเดธซิลเวอร์พลาเนต แล้วก็พวกเดลอาเนี่ยนกันก็ตามน่ะ"
              "เรารู้ดีอยู่แล้ว ว่าต่อให้พวกเผ่าหลักมันทำสงครามภายในกันเอง จนไม่มีเวลาส่งกองยานออกไปนอกระบบดาวมายังเขตอวกาศภาคกลางกันก็ตาม แต่คงไม่ดีแน่ๆ หากพวกเดลอาเนี่ยนมายึดดาวทั้งแปดดวงลงไปได้กันน่ะ" ริชาร์ท ลอสเวลลิค นักรบชาวซอร์แรคกล่าว
              เร็กซอน คูลซาวเลอร์ นักรบชนเผ่าไดโนโซน่าเสริม "นั้นไม่แปลกใจหรอก ที่พวกโจรสลัดอวกาศจะลงใต้มาหาเรื่องกับพวกเรา เพราะพวกเดลอาเนี่ยนมาไล่พวกมันมาเสียเองน่ะ"
              "ในช่วงที่พวกเราฝึกซ้อมลงแข่งสแมคบอลและไตรกีฬา เพื่อเอาชนะพวกนายกันนั้น พวกเราถูกขัดจังหวะโดยกลุ่มโจรสลัดอวกาศก๊กต่างๆจากเขตภาคกลางกันบ่อยๆ ไม่ว่าพวกมันจะเอายานลำเล็กๆหรือขนยานลำโตๆมาก็ตาม ล้วนเสร็จพวกเรากันทั้งนั้นแหละ" ชาร์เครซ เลอครีซ หรือครีซ อดีตโจรสลัดผู้เป็นหัวหน้าหน่วยพิฆาตกองเรือของยูเนี่ยนพีชบอก
              คลอเวฟกล่าว "แสดงว่านายกับไอ้หมีแดงนั้นยังแข่งเรื่องสอยยานกันอยู่ละสิ"
              "นายคงคิดว่าฉันกับไอ้ครีซคงจะสนุกมากกับการไล่สอยยานของพวกโจรสลัดอวกาศกันเลยละสิน่ะ ไอ้หัวเหล็ก" กริซซิกบอก "แต่บอกตามตรงน่ะ ว่าพวกโจรสลัดอวกาศที่บุกรุกเข้ามานั้น มันมีเยอะจนพวกเราไม่สนุกกันเสียแล้ววะ"
              "พวกโจรสลัดจากภาคกลางนิ มันเยอะถึงขนาดนี้เลยหรือ" เจเนลบอก
              "พวกนั้นไม่ได้แค่มีเยอะกันอย่างเดียว แต่พวกมันมาแบบถี่ๆกันด้วย จนเราคิดว่า ต้องเป็นฝีมือของพวกเดลอาเนี่ยนที่ไล่พวกโจรสลัดลงมาเอาเรื่องกับพวกเรากันแน่ๆเลยวะ" ครีซบอก
              เจกรอน่า บริจเก็ต หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนหนักชาวแมทเฟลิมบ่น "ด้วยการที่พวกโจรสลัดบุกมาจนครีซและกริซซิกยิงทิ้งลงไม่หมด จนเหลือบางส่วนหลุดลงมา ต้องลำบากพวกฉัน พวกเครนิส พวกดอลฟูลนิสที่อยู่ในดาว ไล่ตามเก็บสแปร์บนดาวสคอลลอนกันไม่ว่างเว้นเลยน่ะ"
              "อีกทั้งในยานของพวกโจรสลัดเองก็มีชนเผ่าที่เป็นตัวประกันและนักโทษกันด้วย ทีมของเราไม่เพียงต้องรีบช่วยเหลือกันอย่างเดียว แต่ป้องกันมิให้พวกโจรสลัดมาจับตัวคนของฝ่ายเราตามไปด้วยนะคะ" ดอลฟูลนิส แคลลอน หัวหน้าหน่วยรบสนับสนุนยานรบชาวเทรโอเซี่ยมดอลเฟนกล่าว
              โมนีเลน่า เครนิลล่า หรือเครนิส นักบินชาวอัลแทเรี่ยนบอก "และไม่ใช่แค่โจรสลัดอวกาศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพวกโจรปล้นยานอวกาศที่ดักจู่โจมยานขนส่งของฝ่ายสมาพันธ์ที่เข้ามาในเขตดาวสคอลลอนอีกด้วย ซึ่งพวกนี้บุกมาด้วยเหตุผลเดียวกับพวกโจรสลัดอวกาศจากเขตภาคกลางกันทั้งนั้นน่ะ"
              "แสดงว่า การมาของพวกเดลอาเนี่ยนในเขตภาคกลางนั้น ได้ทำให้พวกโจรสลัดอวกาศทั้งหลายเดือดร้อนกันไม่น้อยละสิ" ไซโคลเนียบอก
              เซรีน แวนิชนอยเล มือสังหารชาวอัลแทเรี่ยนกล่าว "ยิ่งไปกว่านั้นน่ะ พวกโจรสลัดบางกลุ่มเอง ล้วนสูญเสียหัวหน้ากลุ่มกันไปด้วย จากการลงมือของแอสซิน มือสังหารของพวกแดคน็อกซ์กัน ซึ่งทำให้พวกโจรสลัดเหล่านั้นเสียสูญและถูกพวกเดลอาเนี่ยนตามมาซ้ำเติมกันได้นี้แหละ"
              "หรือไม่ก็ถูกพวกเดลอาเนี่ยนบีบบังคับให้สู้รบกับพวกเราไว้ แต่เราก็ช่วยพวกเขาด้วยการขัดขวางแผนของพวกเดลอาเนี่ยนตามไปด้วยนะสิ" คอร์นาร์ด โครวเชด ลูกน้องของเซรีนบอก
              พลัสเชอริทบอก "แสดงว่าพวกเดลอาเนี่ยนคิดใช้พวกโจรสลัดอวกาศในการตัดกำลังของพวกนายกันเลยสิน่ะ"
              "และตอนนี้พวกเดลอาเนี่ยนเองเริ่มคุกคามระบบดาวทั้งแปดดวงกันแล้ว แม้ว่าเราจะรู้ช้าไปตั้ง 5 เดือนเลยก็ตามน่ะ" วิเวลลี่ โฟร์แฮนดิล หัวหน้าฝ่ายโยธาชาวอินเซคเที่ยนเลดินบัสบอก
              อาแรคคัส สไปดัสท์ โฟร์แฮนดิล ลูกชายแบบแมงมุมดำเสริม "ถ้าตัวแทนมนุษย์หินบอกเราสักนิด เรื่องคงไม่น่าวุ่นวายกันมากกว่านี้หรอกน่ะ"
    "แต่อย่างน้อย พวกนายคงมานี้เพื่อมาดูว่า ฝ่ายเราพร้อมรบกันสิน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              กริซซิกกล่าว "แน่ละ เพราะว่าพวกเรามีแค่วอร์บอทและซุปเปอร์วอร์บอทกัน แต่จากที่เห็นแล้วนิ ดูเหมือนว่าเรื่องที่ดาวของนายเจอพิษเศรษฐกิจหลังจากเหตุปล้นธนาคารใหญ่ของพวกกริเดี้ยนโร็ค จนกองทัพของพวกนายต้องตัดกำลังพลออก คงเป็นเรื่องจริงสิน่า"
              "ใช่ พวกนายก็น่าจะเห็นแล้วน่ะ ว่าเราต้องให้พวกไทรเมร่ามาช่วยงานลูกเรือ โดยที่ทีมหลักของเราเองก็ต้องลงมาช่วยเสริมกันด้วย ส่งผลให้พวกเรามีงานมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยละ" เจเนลกล่าว
              อาแรคคัสบอก "หรือ แต่งานออกทีวีรายการตลกที่วิ่งหนีตัวดำๆแล้วโดนตบเข้าที่หัวนิ ก็เป็นอีกงานหนึ่งด้วยสิ"
              "ถ้าเป็นรายการตลกละก็ เราเลิกไปนานแล้ว เพราะนั้นทำให้เราปฏิบัติภารกิจล้มเหลวมา 5 ครั้งรวดเลยน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "อีกอย่าง การแข่งขันทุกประเภทที่พวกนายเห็นในรายการนั้น ล้วนแล้วเป็นการฝึกซ้อมดีๆนี้เอง แต่ทำออกมาให้เป็นการแข่งขันของแมนิเกเตอร์โง่ๆ ไว้หลอกพวกศัตรูให้เชื่อว่ากองกำลังหัวหอกเองก็ยังโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงาน จนเสียเซลฟ์กันอย่างที่เห็นเองแหละ"
              "แต่เอาเข้าจริง เรื่องแกล้งหลอกนั้นเริ่มลดประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกนายลงไปเลยสิน่ะ" ครีซบอก "ทีแรกเราคิดเช่นนั้น ว่าพอแข่งสแมคบอล พวกนายต้องแพ้เราทั้งการแข่งสแมคบอลในปีที่สามกันแน่ๆ หลังจากที่พวกนายได้ที่สามไป สุดท้าย ถ้วยแชมป์ของปีที่สาม ดันไปอยู่ในมือของพวกนายเสียได้น่ะ"
              คลอเวฟบอก "แน่ละ เพราะว่าพวกเราจัดสรรเวลาฝึกซ้อมและยุติรายการตลกของพวกเราลงไปแล้ว ความพยายามของพวกเราจึงสัมฤทธิ์ผลจนได้ถ้วยแชมป์ของฝั่งสมาพันธ์อวกาศกันเป็นผลสำเร็จนี้แหละ อย่างน้อย พวกนายก็เหมือนกับพวกเรากันแล้วละ"
              "เหมือนกับการที่พวกนายได้ถ้วยสามอันดับแรกกันนะหรือ มันไม่ตลกเลยน่า" กริซซิกบอก "แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่เวลามาแข่งขันกันแล้ว เพราะเรามีปัญหาของดาวตั้งแปดดวงที่ต้องมาเคลียร์ก่อนน่ะ"
              ริชาร์ทบอก "และช่วยแจ้งบอกลูกเรือในยานกันด้วย ว่าอย่าหาเรื่องพวกเรากันด้วยละ"
              "รู้แล้วละน่า พวก" คลอเวฟบ่นแบบไม่สบอารมณ์ บริคซ์พยักหน้าและวิทยุบอกกับลูกเรือทีมช่างในโรงเก็บโมบิลลอยด์กัน
              "ให้พวกนั้นดูไปก่อน คราวต่อไป ตาพวกเราตามไปเอาคืนที่ไฮด์เดาท์กันบ้างละ" เจเนลบอก

              หลังจากนั้น พวกยูเนี่ยนพีชก็ป้วนเปี้ยนอยู่ในโรงเก็บโมบิลลอยด์ราว 15 นาทีด้วยกัน จนกระทั่งพวกเขากลับไปยังไฮด์เดาท์กัน
              "ดีหน่อยหนึ่งน่ะ ที่พวกนั้นไม่หาเรื่องพังชิ้นส่วนโมบิลลอยด์เสียก่อน ไม่งั้น งานเข้าแน่ๆเลยละ" ไรแกทบอก
              เนคกัสบอก "หวังว่าพวกเขาคงไม่หาเรื่องแวะเข้ามาในยานเราอีกนะครับ"
              "ไม่แน่ เพราะตอนนี้เราต้องร่วมทีมกับพวกยูเนี่ยนพีชในการหยุดยั้งปัญหาของพวกเดลอาเนี่ยน และพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตกันให้จบเรื่องไปนะสิ" เนคมาดูซัมบอก
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "และเราก็รู้ว่า พวกโจรสลัดอวกาศที่มาจากภาคกลางนี้ ได้รับผลกระทบจากการมาของพวกเดลอาเนี่ยนอย่างมากเลยน่ะ"
              "ใช่ เพราะในระหว่างที่พวกเรางานยุ่งกับการฝึกซ้อมแข่งสแมคบอลก็ดี แข่งไตรกีฬาก็ดี แล้วก็เข้าร่วมการประลองก็ดี รวมถึงพวกยูเนี่ยนพีชปกป้องเขตระบบดาวสคอลลอนกันด้วยนั้น เนโอเดลอาเนี่ยนที่กำลังวุ่นกับการหยุดยั้งสงครามของพวกไตรภาคีทั้งสามนั้น คงจะปล่อยให้เผ่าหลักส่วนหนึ่งมุ่งหน้าไปยึดระบบอวกาศภาคกลางกันแล้วนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              จิลบอก "แต่ถ้าพวกนั้นแบ่งกำลังไป เกิดว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้เพราะกำลังพลไม่พอขึ้นมากันละ"
              "นั้นจะเข้าทางของจักรพรรดิ์เดลวูลกันพอดีนะสิ เพราะนับตั้งแต่เราพิชิตเดลมูดัลที่ควบคุมร่างแม่ทัพบูเรนนอฟไปนั้น เรารู้แค่ว่าเดลมูดัลสิ้นพระชนม์เพราะโรคร้ายหลายโรคกัน แต่เรารู้ดี ว่าเดลมูดัลคงถูกดีดกลับร่างเดิมที่ป่วยหนักและถูกคุมขังกันอยู่แน่นอน" เนคมาดูซัมกล่าว
    คลอเวฟบอก "แล้วไม่คิดว่าเดลวูลมันเชือดไอ้เดลมูดัลกันเลยหรือวะ"
              "ถ้าข่าวออกมาแบบนั้น จะยิ่งทำให้พวกเผ่าหลักเบนเข็มมาจัดการกับเดลวูลกันอย่างพร้อมเพียงนะสิ ดังนั้น เดลวูลเลือกที่จะให้พวกเขารู้แค่ว่าเดลมูดัลป่วยตายกันก็พอ อย่างน้อย นั้นจะทำให้พวกจักรพรรดิ์และจักรพรรดินีสนแค่บดขยี้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกันเท่านั้นแหละ" เนคมาดูซัมกล่าว
              พีวิลบอก "เดลวูลเองก็คงจะเป็นผู้ควบคุมสงครามของเผ่าหลักกัน โดยอาศัยเผ่าเฟลาเลี่ยมที่เป็นเผ่าเดียวที่ภักดีกับเดลอาเนี่ยนไม่ว่ามหาจักรพรรดิ์จะเป็นใครก็ตาม และคงจะรวบรวมไซเอมนอยด์และโกลเดี้ยมที่ได้รับผลกระทบจากสงครามดังกล่าวกันไว้ให้เป็นพันธมิตรของตน เข้าแทรกแซงการสู้รบของทั้งสามฝ่ายด้วยกัน ซึ่งฉันเดาได้ว่า เดลวูลคิดจะทำให้เผ่าหลักทั้งหลายอ่อนแอกันอย่างมาก ทั้งจากสงครามภายใน จากการถูกพวกโจรสลัดอวกาศในเขตอวกาศนี้บดขยี้ด้วย จนเดลอาเนี่ยนกลายเป็นของเดลวูลโดยสมบูรณ์กันนี้แหละ"
              "ที่ถูกควรจะเป็นพวกเรากับยูเนี่ยนพีชซะมากกว่าน่ะ พีท เพราะเดลวูลคาดการณ์ไว้หมดแล้ว ว่าถ้าพวกเดลอาเนี่ยนบุกเข้ามาเขตอวกาศภาคกลางกัน สมาพันธ์อวกาศก็จะมีเหตุผลในการเรียกพวกเราและยูเนี่ยนพีช ให้มาจัดการกับพวกเผ่าหลักของเดลอาเนี่ยนลงไปด้วยนี้แหละ" สเตฟอร์ดบอก
              โฟรซ่ากล่าว "สำคัญคือในตอนนี้ พวกเราต้องหยุดยั้งแผนชั่วของพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตกันก่อนดีกว่าน่ะ"

              "หวออออ หวออออ หวออออ หวอออออ" สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น "โอ้ว ไม่น่ะ จะมาเกิดเรื่องอะไรกันตอนนี้ละเนี้ย" ไซโคลเนียบ่นขึ้นมา
              ฟิเกซบอก "นั้นเร็วกว่าที่คิดไว้เลยนะเนี้ย" แล้วทั้งหมดรีบมุ่งหน้าไปที่สะพานเดินเรือโดยเร็ว
              "พวกเธออยู่นี้เองละสิน่ะ ตอนนี้เกิดเรื่องยุ่งกันแล้วละ" ฟิวเจนท์กล่าวโดยติดต่อเข้าผ่านจอมอนิเตอร์บนสะพานเดินเรือ
              พีวิลกล่าว "เดธซิลเวอร์พลาเนตเคลื่อนไหวกันแล้วสิครับ"
              "ใช่ สถานีป้องกันภัยนั้นได้รับแจ้งเตือนจากพลเมืองในเขตรอบนอกของเรา พบว่ามีการจู่โจมของพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตขึ้นใน 5 จุดขึ้นพร้อมกัน โดยตอนนี้ เทคการ์ดเดอร์ เข้าโต้ตอบการบุกของพวกศัตรูกันอยู่ แต่คงต้านรับได้ไม่นานแน่นอน" ฟิวเจนท์บอก
              มาสวาร์ทาร์ถาม "ว่าแต่ สถานที่เกิดเหตุนั้นมีที่ไหนกันบ้างละครับ โอเวอร์เซียร์"
              "จุดแรกอยู่ที่สถาบันวิจัยเทคโนโลยี่พิเศษในตำแหน่ง ที-45 จุดที่สองคือศูนย์สื่อสารคลื่นควอนตั่มในตำแหน่ง พี-23 จุดที่สามคือศูนย์กลางคอมพิวเตอร์แม่ในตำแหน่ง ซี-17 จุดที่สี่คือสถานีควบคุมระบบป้องกันเขตเมืองในตำแหน่ง วี-14 และสุดท้ายคือ ศูนย์ควบคุมการบินของกองยานบินในตำแหน่งบี-36 ทุกตำแหน่งที่ถูกโจมตีล้วนมีกองทหารคุมอยู่ แต่ถ้าเราเสียทั้งห้าจุดนี้ไป ความเสียหายบังเกิดกันอย่างแน่นอน" ฟิวเจนท์บอก
              เมคโซ่กล่าว "ไม่ใช่แค่จุดที่ 2,4 และ 5 ที่น่าเป็นห่วง แต่ถ้าจุดแรกและจุดที่สามถูกทำลายหรือถูกยึดไปได้รับรองว่าพวกนายมีปัญหาแน่นอนเลยละ"
              "แสดงว่าข้อมูลที่พวกนายได้จากพวกสเตฟอร์ดมานั้น ล้วนไปอยู่ในสถาบันวิจัยเทคโนโลยี่และศูนย์กลางคอมพิวเตอร์แม่เลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              เมคโซ่บอก "ฉันได้บอกให้พวกทหารชาวเทคนอตป้องกันสุดฤทธิ์ เพราะมีความช่วยเหลือกันมาแล้ว เดิมฉันอยากจะไปด้วยอยู่หรอก แต่ท่านโอเวอร์เซียร์อยู่ด้วย ความปลอดภัยของท่านจึงสำคัญไม่น้อยเลยละ"
              "งั้นให้พวกเรามุ่งหน้าไปช่วยเองจะดีกว่าน่ะ" พีวิลบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "ได้ งั้นฉันจะนำเพริแกรมออกบินกันเดียวนี้เลย"
              "เออ เดียวก่อนคะ คุณไซโคลเนีย คือว่า ทางเราได้ส่งคืนเพริแกรมให้กับกองรบที่ 11 กันไปแล้วละคะ" แอมเบอร์บอก
              ไซโคลเนียบอก "เอ้.... แบบนั้นก็แย่ละสิ แล้วเราไม่มีเครื่องบินขนส่งกันเลยหรือ"
              "วางใจได้น่า ไซโคลเนีย ต่อให้เราไม่มีเพริแกรม แต่เรามียานอย่างอื่นมาแทนแล้วน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก แล้วทั้งหมดรีบกลับไปที่โรงเก็บโมบิลลอยด์ ซึ่งได้บรรทุกเอา...
              "นี้มันเหมือนเอาเพริแกรมผสมกับลิทเทิ้ลไดซ์กันชัดๆเลยนิน่า" ไซโคลเนียบอก เมื่อเห็นยานที่มีหัวเป็นเครื่องบินเพริแกรม แต่มีตัวถังที่ยาวและกว้าง รวมถึงมีปีกที่สั้น แต่ติดระบบร่อนลงเอาไว้ โดยมีบูสเตอร์ยาวอยู่ข้างหลัง

              "นี้คือเพริบาทรอส เครื่องบินเพริแกรมแบบใช้งานในอวกาศ ด้วยการดัดแปลงตัวถังแบบลิทเทิ้ลไดซ์ เพื่อเพิ่มพื้นที่และรับน้ำหนักบรรทุกให้มากขึ้น ตัวยานยังเสริมความแกร่งรองรับกับการเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ผ่านเขตดาวเคราะห์น้อย ป้องกันรังสีและพายุอวกาศได้ร้อยเปอร์เซนต์เต็ม ที่สำคัญที่สุดก็คือ ยานติดระบบไฮเปอร์ไดร์ฟเอาไว้ด้วย เพื่อใช้ในการเดินทางไปยังระบบดาวอื่นที่อยู่ไกลได้อีกด้วยน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก
              ไซโคลเนียได้ฟังก็ทึ่ง "สุดยอด ยานลำนี้คงจะติดอาวุธกันด้วยละสิ"
              "มันก็ติดอาวุธอยู่หรอกน่ะ แค่ปืนเลเซอร์ยิงเร็วและป้อมมิไซล์เล็กได้อย่างละ 2 จุดเหมือนเดิม แต่แถมเครื่องสร้างสนามพลังป้องกันในระดับกลางไว้ด้วยน่ะ" เจเนลบอก
              โฟรซ่าบอก "แต่ยานลำนี้ กองทัพคงไม่ได้ให้ฟรีๆกันละสิ"
              "ใช่ ยานลำนี้ ราคาเท่ากับคอสมิคไฟต์เตอร์กันนี้แหละ" สเปียริทกล่าว
              โฟรซ่าถึงกับสะดุ้งก่อนจะบอกด้วยเสียงหลงไปว่า "แสนหนึ่งเลยหรือ นี้คงไม่ได้เสียเงินจากการได้ยานลำนี้มาละสิ"
              "คือเราได้ยานลำนี้มาแทนเพริแกรมที่ถูกส่งมอบให้กองรบที่ 11 ใช้งานกันนะคะ" ลิเนียร์ตี้บอก "และผบ.บัลโต้บอกด้วยนะคะ ว่าถ้ายานลำนี้เสียหายหรือพังเป็นซากขึ้นมา เราต้องเสียเงินเพียงฝ่ายเดียวนะคะ"
              จิลมองมายังโฟรซ่าที่หยิบเครื่องคิดเลขมากดหยิกๆกันอย่างดุดัน "เออ ทางที่ดี อย่าพูดเรื่องทำของแพงพังให้โฟรซ่าได้ยินจะดีกว่าน่า"
              "เอาเถอะ เรารีบขึ้นยานไปเลยดีกว่าน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว โดยตอนนี้เตรียมอาวุธพร้อมแล้ว
              เจเนลบอก "งั้นฉันจะเป็นคนขับเองแล้วกัน"
              "นายหรือ เจมส์ นายจะขับยานนะหรือ" สเตฟอร์ดได้ฟังก็พูดแบบแปลกใจขึ้นมา
              โฟรซ่าที่ได้ยินก็ถามกลับ "มันจะดีหรือ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนนิ ว่าเธอขับยานเป็นด้วยน่ะ"
              "เออ ผมไม่อยากจะบอกกับรุ่นพี่หรอกน่ะ แต่ เจเนล สอบใบอนุญาตขับขี่อากาศยานผ่านแล้วนะสิครับ" พีวิลบอก เจเนลยิ้มขึ้นมา
              สเตฟอร์ดบอก "ตลกละ ตอนที่อยู่ในหน่วยที่ 54 นั้น นายขับรถแบบโลดโพนโดยไม่ฟังคำเตือนแบบนั้น แล้วนายมาขับยานกันนิ ไม่กลัวว่านายจะเอายานพุ่งปักตึกเลยหรือ"
              "นั้นมันอดีตแล้ว ผมใช้ความพยายามในการฝึก เพื่อที่จะทำหน้าที่ในช่วงที่ไซโคลเนียไม่อยู่หรือไม่สามารถบินได้กันแล้วนะสิ เพราะตอนนี้ พวกเราอาจจะมีใครก็ได้ที่พร้อมจะถูกปลดออกจากกองรบ เราต้องพัฒนาทักษะเพื่อที่จะช่วยในส่วนที่คนที่ถนัดไม่อยู่กันนะสิ" เจเนลอ้าง
              จายด์กล่าว "หรือ แล้วจะอธิบายเรื่องที่นายเอายานเฉี่ยวตึกสูงในแคนซาแดนซิตี้กันตั้ง 5-6 ทีกันยังไงละ"
              "นั้นแค่ความผิดพลาดที่ช่วยเตือนไม่ให้ผิดซ้ำกันอีกนะสิ" เจเนลอ้าง
              สเตฟอร์ดบอก "ถึงแม้ว่านายจะได้ใบอนุญาตขับอวกาศยานมา แต่....ตอนนี้ ให้ไซโคลเนียขึ้นขับจะเหมาะกว่าน่ะ"
              "เออ...." เจเนลกล่าวโดยเห็นโฟรซ่า สเตฟอร์ด พีวิล จายด์และจิลมองหน้าอย่างบึงตึงด้วยความไม่ไว้ใจในการให้เจเนลขึ้นขับยานกัน "อุตสาห์จะได้โชว์ฝีมือกันเสียอีกน่า" ตนเลยจำต้องส่งแท่งกุญแจยาวให้ไซโคลเนียเสียเอง
              "โอกาสหน้าก็ยังมีน่า เจมส์" พีวิลบอก
              "ว้าว ระบบควบคุมยังเป็นของเดิมเลยนะเนี้ย" ไซโคลเนียบอก โดยที่เธอขึ้นมาอยู่ในคอกพิตกันแล้ว
              "แน่ละ ระบบควบคุมยังเป็นของเพริแกรมนี้แหละ เพียงแต่ปรับให้บินในอวกาศได้ก็เท่านั้นเองน่ะ" สเปียริทบอก ซึ่งเธอกับพวกพีวิลอยู่ในยานกันแล้ว
              "ถ้าเช่นนั้น รีบนำยานออกไปก่อนเลยดีกว่านะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              ไซโคลเนียพยักหน้า แล้วก็นำเพริบาทรอสเคลื่อนไปยังลานเลื่อน ซึ่งก็นำยานไปยังลานส่งด้านข้างขวาส่วนบนกัน "ปี้บๆๆๆๆๆๆ" ไซโคลเนียกดสวิตซ์เพื่อเดินเครื่องกัน "แอมเบอร์ เพริบาทรอสพร้อมออกบินกันแล้ว ช่วยเปิดทางหน่อย" ไซโคลเนียบอก
              "รับทราบแล้วคะ" แอมเบอร์กล่าวแล้วก็เปิดประตูลานส่งด้านบนฝั่งขวาออกไป โดยที่พื้นมีไฟเรืองแสงสว่างไปยังปากทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว "วึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ไอพ่นด้านหลังเดินเครื่องขึ้น
              "เพริบาทรอส ออกบินได้" ไซโคลเนียกล่าวแล้วก็ "หมับบบบ ครืดดด กึก" ดันคันเร่งด้านข้างซ้ายไปข้างหน้า "วึงๆๆๆๆ ซูมมมมมมม ฟ้าววววว" ไอพ่นด้านหลังจุดประทุและนำเพริบาทรอสพุ่งไปข้างหน้า จากนั้นไซโคลเนียก็ดึงคันโยกด้านหน้าขึ้น "ฟ้าววววว ซูมมมมม" เพื่อนำเครื่องทะยานขึ้นและมุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุกันโดยเร็ว

              ที่สถาบันวิจัยเทคโนโลยี่พิเศษที่เขตที-45 ในเวลานี้
              "แชดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ทหารเทคการ์ดเดอร์ใช้ปืนยาวระดมยิงลำแสงเข้าใส่พวกทหารไอซ์ติก้าที่บุกรุกเข้ามาอย่างหนักหน่วง "เปร้งๆๆๆๆๆๆๆๆ" แต่พวกไอซ์ติก้ากางสนามพลังป้องกันลำแสงจากฝ่ายเทคนอตกัน "หึมๆๆๆๆๆ แชดดดด แชดดด แชดดด" ทหารไอซ์ติก้ากลุ่มหนึ่งนำปืนกระบอกโตมายิงลำแสงสีขาวเข้า "ครืดดดด แกร็กๆๆๆๆๆ" พวกเทคการ์ดเดอร์รีบกางกำแพงป้องกันขึ้นจากพื้นมาต้านลำแสง ซึ่งกำแพงได้ถูกแช่แข็งอย่างฉับพลัน จน "เพล้ง เพล้ง เพล้ง เพล้ง" กำแพงเหล็กแตกกระจุยลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที "แชดๆๆๆๆๆๆ" เสาติดปืนยิงเลเซอร์เข้าใส่พวกทหารไอซ์ติก้ากัน "เปร้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งก็ทำอะไรพวกไอซ์ติก้ากันมิได้อยู่ดี           "นั้นมันแย่กว่าที่คิดแล้วน่ะ" หัวหน้าสถาบันหญิงชาวเทคนอตบอก
              หัวหน้าหน่วยเทคการ์ดเดอร์กล่าวกับหัวหน้าสถาบันหญิงไปว่า "ท่านเทคเนล่า ท่านรีบหนีไปจากนี้โดยเร็วเถอะครับ"
              "ไม่ได้ ถ้าเราหนี เท่ากับว่าเราต้องสูญเสียข้อมูลการสู้รบของบรรพบุรุษของเราไป และรวมถึงข้อมูลของพวกศัตรูจากภายนอกกันด้วยน่ะ" เทคเนล่าบอก และหันมาถาม "ว่าแต่ กำลังเสริมที่ท่านพ่อจะส่งมาล่ะ"
              หัวหน้าเทคการ์ดเดอร์บอก "คิดว่าพวกเขาน่าจะมากันได้นะครับ ท่านเทคเนล่า" โดยตอนนี้พวกทหารเทคการ์ดเดอร์นั้น "ป้าก ป้าก ป้าก" โดนพวกไอซ์ติก้ายิงลำแสงแช่แข็งจนชะงักไปเป็นจำนวนมากแล้ว
              "เตรียมตัวบุกเข้ายึดสถาบันวิจัยพร้อมกับข้อมูลทุกอย่างในนั้นมาเดียวนี้เลย" นายกองไอซ์ติก้ากล่าว แต่ไม่ทันไร "แฟ้วววววววว" เพริบาทรอสบินผ่านพวกไอซ์ติก้ากลุ่มเดธซิลเวอร์พลาเนตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ "วี้วววว วี้วววว วี้ววววว ตรึงงงงงง ป้ากกก" พีวิลโดดลงมากลางพวกไอซ์ติก้าพร้อมกับชกลงพื้นจนเป่าพวกไอซ์ติก้าปลิวกระเด็นไป ตามด้วยเจเนลและแอบไบออสที่โดดลงมา "พะ พวกแก พวกแกเป็นใครกันแน่ละ" นายกองไอซ์ติก้าบอก
              เจเนลบอก "น้ำหน้าอย่างพวกแกไม่สมควรรับรู้กันได้หรอก"

              "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ จัดการซะ" นายกองไอซ์ติก้าสั่งพวกลิ้วล้อยิงลำแสงเข้าใส่ "ฟึ่บบบ หวับๆๆๆๆๆๆๆๆ" พีวิลกางแขนสองข้างโดยที่กำหมัดทั้งสองไว้ พร้อมกับกระโดดหมุนตัวอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นเสาพายุเพลิงสีน้ำเงินขึ้นมาในท่า "ทอร์เนโดว์สไปค์" ซึ่งเสาพระเพลิงได้ป้องกันลำแสงแช่แข็งของพวกไอซ์ติก้ากัน "ยิงไปเรื่อยๆ เดียวมันก็หมดพลังขึ้นเอง...." นายกองไอซ์ติก้าสั่ง แต่.... "ฟ้าววววว ฉึกกกก" มีดดาบยาวพุ่งปักเข้าที่หน้าผากไปเต็มๆโดยฝีมือของแอบไบออส แล้วก็ "เป๊าะ" แอบไบออสดีดนิ้วซ้ายไปหนึ่งที "พรึบบบบบ ตรูมมมมมม" มีดดาบที่ปักคาหน้าผากลุกเป็นเพลิงสีเขียวอย่างรวดเร็ว และเป่าระเบิดนายกองไอซ์ติก้าให้เหลือแต่โครงกระดูกที่เรืองแสงสีเขียวกัน "ถ้าไม่อยากเจ็บตัวเหมือนกับตัวนายกองละก็ ไสหัวไปไกลๆเดียวนี้เลย" แอบไบออสบอก
    "ต่อให้นายกองของเราไม่รอด แต่พวกแกเองก็ไม่รอดมือพวกเราเช่นกันนี้แหละ" ทหารไอซ์ติก้าตนหนึ่งกล่าวและพาพวกบุกเข้ามาด้วยดาบคมน้ำแข็งในมือขวา ส่วนมือซ้ายสร้างโลห์น้ำแข็งทรงรีออกมา "ช่วยไม่ได้แล้วละมั่ง" เจเนลกล่าวแล้วก็ "ฟึ่บบบ ครืดดดด" หุบมือซ้ายเพื่อเปลี่ยนเป็นแขนปืน "เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆ" โดยสะสมประจุไฟฟ้าขึ้นมา
              "เจอนี้หน่อยสิ สปาร์คช็อค ชาร์จช็อต" แล้วยิงกระสุนไฟฟ้าขนาดใหญ่เข้า "แฟ้ววววว เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆๆ" ใส่พวกไอซ์ติก้าทั้งห้าที่บุกเข้ามาจนถูกช็อตร่างอย่างฉับพลัน "ฮึยยยย" ทหารไอซ์ติก้าเลยรีบใช้ปืนสั้นเพื่อยิงเจเนล "แฟ้วววววว ป้ากกกกกก เปรี้ยะๆๆๆ เปรี้ยงงงง" พีวิลโผล่มาตรงหน้าและตะบันหน้าทหารไอซ์ติก้าด้วยหมัดซ้ายไปเต็มๆ จนหมวกแตกกระจุยพร้อมกับตัวถูกเป่ากระเด็นไป "แชดๆๆๆ" ทหารไอซ์ติก้าสี่ตนรีบยิงใส่พีวิล "แฟ้ววววววว" ซึ่งยิงไม่โดนตัวพีวิลที่หายตัวไป และ.... "ป้ากกกกก" โผล่มาเตะก้านคอใส่ทหารไอซ์ติก้าตนหนึ่งจนล้ม แล้วก็ "หวับบบบบ ป้ากๆๆๆ" โผล่มาในท่าก้มลงและต่อยใส่ทหารไอซ์ติก้าตัวฝั่งซ้ายตรงหน้าแข้ง หน้าตัก ท้อง และอัปเปอร์คัตเสยปลายคางทหารไอซ์ติก้าจนตัวปลิว ทหารไอซ์ติก้าสองตนเลยรีบยิงใส่ "ฟึ่บบบบบบ" พีวิลเลยกระโดดถอยหลังและ "ครืดดด แกร็กๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงอาร์มชู้ตเตอร์ทั้ง 12 กระบอกใส่ทหารไอซ์ติก้าสองตัวให้ทันก่อนที่จะกางสนามพลังป้องกันไว้จนล้มลงทั้งคู่ "เฮ้ยยย ชาร์จคิก" เจเนลพุ่งเข้ามา "เปรี้ยงงงง" ถีบใส่ทหารไอซ์ติก้าที่ถือหอกน้ำแข็งจนตัวปลิวไปอัดกับพวกพ้องที่ตามมาให้ล้มกลิ้งไปด้วยกัน "หวับๆๆๆๆ" จากนั้นก็หลบดาบน้ำแข็งที่พวกไอซ์ติก้าฟาดเข้ามา "หวับ ฉั้วะ" พร้อมกับฟันสวนด้วยเมทัลเบลดเสยขึ้นจนทหารไอซ์ติก้าล้มลงกับพื้นด้วยรอยแผลฟันบนหน้าอก แล้วก็ "หวับบบบ ฉั้วะ" ฟันเข้าที่ท้องทหารไอซ์ติก้าให้ขาดไปก่อนที่มันจะหวดดาบใส่เจเนล "เฮ้ยยยย" ทหารไอซ์ติก้าตนหนึ่งสเก็ตบนพื้นและกระโจนเข้าเงื้อดาบน้ำแข็งเข้าใส่
              "เสร็จฉันละ เครเซนท์คิก" เจเนลแสยะยิ้มและกระโดดเตะซัมเมอซอลท์เสยขึ้นไป "เปรี้ยงงงง" ปลายเท้าเสยปลายคางไอซ์ติก้าไปเต็มๆจนชะงักกลางอากาศ ก่อนที่เจเนลหวดขาที่ใช้เตะเสยนั้น "เปรี้ยงงงง ฟ้าววว โครมมมม" ฟาดส้นลงหลังหัวทหารไอซ์ติก้าให้ปลิวลงไปกระแทกกับพื้นเต็มๆ แล้วก็ "จีบัสเตอร์" กระหน่ำยิงกระสุนพลาสม่าเล็กเข้าใส่พวกทหารไอซ์ติก้าจากกลางอากาศกัน "ปิ้วๆๆๆๆๆ" แม้จะยิงลงพื้นแต่ก็ยิงเพื่อกันมิให้พวกไอซ์ติก้ากางบาเรียได้ทันการณ์
    "โบนเซเบอร์" แอบไบออสบุกเข้าด้วยมีดดาบกระดูกขาวที่ดึงจากฝ่ามือซ้ายเข้า "ฉั้วะๆๆๆๆ" ฟาดฟันใส่พวกทหารไอซ์ติก้าที่ถือปืนจนตัวขาดอย่างรวดเร็ว "เฮ้ยยยย" ทหารไอซ์ติก้าบุกเข้ามาด้วยหอกน้ำแข็งหมายจะแทงใส่แอบไบออสจากข้างหลัง "หวับบบบบ ฉั้วะๆ" แต่แอบไบออสก้มลงและเตะตวัดขาข่วนด้วยเล็บเท้าเบลดทาลอนเข้าใส่ทหารไอซ์ติก้าจนขาได้แผลฉกรรจ์เข้า แล้วก็ "ฟึ่บบบบ หวับบบบ แคว้กกก" กระโดดเตะข่วนใส่ทหารไอซ์ติก้าที่วิ่งมาด้วยดาบน้ำแข็งจนตัวหมุนบิดเกรียวกลางอากาศ พร้อมกับรอยข่วนบนหน้ากากสามรอยประทับเอาไว้ "สเคิร์จเบิร์น สตรีมมมมมม" จากนั้นก็ชูนิ้วชี้ซ้าย "ซูมมมมมมมมมมม" พ่นเพลิงกรดเข้าใส่พวกไอซ์ติก้าที่บุกมาด้วยบาเรีย 3 ตนจนไฟครอกบาเรียให้หายไปอย่างรวดเร็ว "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ" เปิดช่องให้พีวิลกราดยิงทิ้งด้วยอาร์มชู้ตเตอร์กัน "หึมๆๆๆๆๆ แฟ้วววววว ตรูมมมม" เจเนลซ้ำด้วยจีบัสเตอร์ชาร์จช็อต ยิงกระสุนพลาสม่าขนาดใหญ่เข้าเป่าพวกไอซ์ติก้าจนปลิวกระเด็นไป "ท่านเทคเนล่า ท่านเห็นแล้วเป็นไงบ้างละครับ" นายกองเทคการ์ดเดอร์บอก
              "พวกนี้สู้แบบป่าเถื่อนกันอย่างมาก จากการที่พวกเขาใช้มือและเท้าในการจู่โจมกันน่ะ" เทคเนล่าบอก "แล้วพอจะทราบมั้ยว่าพวกเขาเป็นใครกันน่ะ"
              นายกองให้คำตอบไปว่า "พวกเขาคือพวกไทรเวเซอร์ กองกำลังหัวหอกของฝ่ายสหพันธมิตรที่เล่าลือกันนะครับ"
              "ใช่พวกที่ต่อกรกับพวกกองยานฝั่งตะวันออกนะหรือ แค่สามรายเองเนี้ยนะ" เทคเนล่ากล่าว
              นายกองบอก "เปล่าหรอกครับ ยังมีสมาชิกของพวกไทรเวเซอร์อยู่เยอะเลย เพียงแต่ พวกเขาแยกตัวกันไปจัดการกับพวกศัตรูกันอยู่นะครับ"

              "ฟ้าววววววว" ยานเพริบาทรอสบินผ่านสถานีสื่อสารคลื่นควอนตั่มที่กำลังถูกพวกต่างดาวสวมเกราะสีขาว แต่มีครอบแก้วใส่ของเหลวสีน้ำเงินบุกรุกกันอยู่ "ฟึ่บๆๆ" โดยที่โฟรซ่า ลิเนียร์ตี้และพลัสเชอริทโดดลงจากยานมายังที่เกิดเหตุโดยเร็ว "อะไรกันเนี้ย" ทหารเกราะสีขาวครอบแก้วสีน้ำเงินอุทาน "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆ เพล้งๆๆๆๆๆ ซ่าๆๆๆๆๆ" แต่ก็โดนลิเนียร์ตี้กระหน่ำยิงเดริงเจอร์แมกนั่มจากเบื้องบนพร้อมกับชูริเคนชู้ตเตอร์ของพลัสเชอริทใส่ โดยกระสุนบางนัดและดาวกระจายบางดอกถากตรงครอบแก้วสีน้ำเงินจนของเหลวไหลออกมา "อึก อือออ อา อ้ากกก" ทหารเกราะขาวที่โดนยิงจนของเหลวไหลนั้นเริ่มทรมานขึ้นมา โดยที่ "ตึกๆๆ" โฟรซ่า ลิเนียร์ตี้และพลัสเชอริทโดดลงมา
              "พวกนายคงจะเป็นพวกวอเทลจากดาวน้ำกันละสินะ ถึงได้ทรมานเมื่อไม่มีน้ำคอยหล่อเลี้ยงร่างกายที่สวมเกราะกันไว้น่ะ" โฟรซ่าบอก
              "พวกแกคงจะรู้มาจากพวกเทคนอตมาละสิ ไอ้พวกศัตรูแปลกหน้า ดีเลย เพราะพวกเราจะจัดการกับพวกแก ไปพร้อมกับทำลายการสื่อสารของพวกเทคนอตที่เชื่อมโยงกับดาวอีกเจ็ดดวงทิ้งไปเลย" นายกองชาววอเทลบอก โดยให้ทหารที่อยู่แนวหลังนำปืนใหญ่กระบอกโตออกมา "ฟึ่บบบบบ แกร็ก ป้างงงงงง" โฟรซ่าเลยนำฟาร์ไซน์ไรเฟิ่ลออกมาเหนี่ยวไกยิงกระสุนตะกั่วโครเมี่ยมยาวออกมา "กุ๊ก ตรูมมมม" พุ่งเข้าใส่ลำกล้องปืนใหญ่กระบอกโตจนระเบิดเป่าทหารชาววอเทลจนกระเจิงไป "ร้ายนักน่ะ ทหาร ยิงพวกมันไปเลย" นายกองเห็นเช่นนั้นเลยสั่งทหารแถวหน้านำปืนยาวออกมา "ตุ้งๆๆๆๆๆๆๆ" กระหน่ำยิงกระสุนน้ำขนาดย่อมเข้าใส่          "ฟอสชิลด์ เฟรชโคฟเวอร์การ์ด" ลิเนียร์ตี้สร้างโลห์พลังรูปใบโครเวอร์สี่แฉกสี่อันเข้าป้องกันกระสุนน้ำที่ยิงออกมาอย่างต่อเนื่องกัน "กัลวาติคแดกเกอร์" พลัสเชอริทเลยซัดมีดสั้นพุ่งเข้าใส่ "ปั้กๆ ตรูมมม เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆ" โดยซัดให้มีดปักคาพื้นและเป่าระเบิดไฟฟ้าช็อตพวกวอเทลที่อยู่ตรงหน้าให้ชะงัก ทหารวอเทลที่อยู่ข้างหลังเลยบุกมาด้วยหอกและดาบยาวที่มีออร่าสีน้ำเงินออกมาจู่โจมทั้งสาม "หวับๆๆๆๆๆ" ลิเนียร์ตี้ พลัสเชอริทและโฟรซ่าเลยรีบหลบหลีกการจู่โจมกันโดยเร็ว "ปังๆ" โฟรซ่าสวนกลับด้วยเดริงเจอร์แมกนั่มสองกระบอกเข้าใส่ "เปร้งๆๆๆ" แต่ทหารวอเทลหวดดาบเรียวเล็กปัดกระสุนที่ยิงเข้ามาจนกระสุนขาดอย่างจังๆ
    "แย่ละสิ ออร่านั้นมีความแรงเทียบเท่ากับแรงดันน้ำอันมหาศาลเลยน่ะ" พลัสเชอริทกล่าว
              "ตกใจละสิ กับดาบที่ฉาบด้วยแวปอริคออร่าไว้ อาวุธแบบวัตถุของพวกแกทำอะไรเราไม่ได้หรอก" ทหารวอเทลกล่าวและบุกเข้าจู่โจมด้วยหอกและดาบใส่พวกลิเนียร์ตี้กัน "หวับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ทั้งสามเลยบุกฝ่าพวกวอเทลที่ดาหน้าเข้ามากัน "ฉืบบบบบ" ทหารวอเทลตนหนึ่งแขนซ้ายหลุด "ฉืบบบบ" อีกตนหนึ่งได้แผลตรงสีข้างซ้าย "ฉืบๆๆๆๆๆ" ที่เหลือนั้นแขนขาและหัวหลุดออกจากกัน "ไม่จริงน่ะ พวกแกไม่น่าจะสับพวกเราให้ขาดได้เลยนิ" นายกองวอเทลกล่าวโดยตอนนี้แขนขวากุดไปแล้ว
              โฟรซ่าบอก "แย่หน่อยน่ะ ที่เกราะของพวกนายคงไม่แกร่งพอที่จะต้านสไตรเดอร์เบลดของพลัสเชอริท คิวตี้เซเบอร์ของลิเนียร์ตี้ แล้วก็ เรซเซอร์อาร์มของฉันไปได้หรอก" โดยหลังแขนและสันฝ่ามือทั้งสองข้างของเธอเรืองแสงขึ้น
              "มันจะมากไปแล้วนะ แก" นายกองวอเทลบุกเข้ามาด้วยหอกที่แยกออกเป็นสองง่ามเข้าแทงใส่โฟรซ่า "หวับบบบ หมับบบ" เธอไม่เพียงเอี้ยวตัวหลบออกด้านข้าง แต่เธอรีบใช้ฝ่ามือขวาจับตรงโคนหัวหอกและ "เสร็จฉันละ โคเลเดอร์ช็อค" โฟรซ่ากำมือขวาแน่นๆพร้อมกับ "เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ช็อตไฟฟ้าแรงสูงจากข้อมือขวาของเธอใส่นายกองวอเทลในระยะประชิดจนตัวไหม้เป็นตอตะโกกัน ทหารวอเทลที่เหลืออยู่เลยรีบบุกเข้ามาด้วยดาบยาวสีขาวและหอกกันอีก
    "ลิเนียร์ตี้สลัคเกอร์ ริโคเชทชู้ต" ลิเนียร์ตี้ซัดกงจักรสามมีดบนหัวของเธอเข้า "ป้ากๆๆๆๆๆ" กระทบใส่ทหารวอเทลแบบชิ่งต่อเนื่องไป 6 ตนด้วยกัน
    "แฟงค์สไลเซอร์" พลัสเชอริทสบัดดาวกระจายที่ติดแขนซ้ายออกและซัดเข้า "หวับๆๆๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆๆๆๆ เปรี้ยะๆๆๆๆ" อัดใส่พวกวอเทลโดยช็อตไฟฟ้าตามไปด้วย "โซนิคคัตเตอร์" โฟรซ่าสบัดแขนสองข้างซัดคลื่นคมมีดความเร็วสูงเข้า "ฉั้วะๆๆๆๆๆ" ผ่าร่างทหารวอเทลที่ชะงักจนขาดไปกันหมด

              "ฟ้าววววววว" ตามด้วยศูนย์กลางคอมพิวเตอร์แม่ ซึ่งถูกบุกโดยเหล่าทหารแซนดาลที่สวมเกราะคล้ายกับฟาโรห์ ถือไม้คฑาติดลูกแก้วสีเหลืองที่มีกระแสไฟฟ้าประทุอยู่ "เปรี้ยงงง เปรี้ยงงง เปรี้ยงงงง" โดยพวกนั้นสาดพลังสายฟ้าอัดใส่พวกเทคนอตที่ตั้งแนวกำแพงจนกระเจิดกระเจิงไปกันหมด ยานเพริบาทรอสแล่นผ่านหัวพวกแซนดาลไป พร้อมกับ "แฟ้วววว ตึกๆๆ" สเปียริท แอนเดรีย และมาสวาร์ทาร์โดดลงมา "พวกแกสามตนคิดจะหยุดพวกเรา แซนดาลโซลเยอร์นะหรือ ไม่มีทางหรอก" ทหารแซนดาลกล่าวแล้วก็ "เปรี้ยงๆๆ" ใช้คฑายิงสายฟ้าเข้าใส่ "โฮลด์เซอเคิ้ล" สเปียริทป้องกันด้วยการสร้างวงอาคมเวทย์ขนาดใหญ่ "ปร้างงง ปร้างงง ปร้างงง" ต้านรับสายฟ้าไว้ได้ทัน
              "สงสัยว่างานนี้ต้องหยุดพวกเขาโดยเร็วเถอะคะ" แอนเดรียบอก
              "สเปียริท เปิดนำเลย" มาสวาร์ทาร์กล่าว สเปียริทเลยใช้ "แฟลชแอร์โรว์" ยิงธนูแสงสามเล่มพุ่งเข้า "ปั้กๆๆ" ปักทะลุเกราะสีทองของพวกแซนดาลสามตัวจนล้ม พวกที่เหลือเลยชูคฑาเพื่อสร้างลูกบอลไฟฟ้า
              "ไม่ให้พวกคุณทำได้หรอกคะ โปรเทคชั่นสเฟียร์ เอนเคจเมนต์" แอนเดรียสร้างสนามพลังทรงกลม แต่หดตัวลงเท่าลูกบอลเพื่อซัดเข้า "ฟ้าวววว กรึงงงง เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ครอบพวกแซนดาลที่สร้างลูกบอลไฟฟ้ากักตัวเอาไว้จนถูกลูกบอลไฟฟ้าเล่นงานเสียเอง แล้วก็ "ทิ้วๆๆๆๆๆๆๆ" ใช้สปีดครอสโบว์กันยิงลูกดอกเจาะเกราะเล่นงานพวกแซนดาลให้ล้ม พวกที่เหลือเลยบุกมาด้วยคฑาสายฟ้าที่สร้างคมพลังสายฟ้าเป็นดาบและหอกกัน "ย้ากกก" มาสวาร์ทาร์กระโจนฟาดดาบฟันใส่ทหารแซนดาลที่ถือคฑาติดคมดาบจนล้ม "หวับบบ แชบบบ เปรี้ยะๆๆๆๆ แว้งงงง หวับ ฉั้วะ" แม้จะถูกทหารแซนดาลหวดดาบฟาดปะทะกับมาสวาร์ทาร์เบลด แต่มาสวาร์ทาร์อัดพลังครอสเซี่ยมขึ้นที่คมดาบและตวัดซัดเรซเซอร์เอดจ์ตัดหัวทิ้ง พร้อมกับ "หวับบบ ฉั้วะ" ฟาดดาบผ่าทหารแซนดาลจนหมวกและเกราะขาดครึ่ง เผยโฉมหน้ามนุษย์ต่างดาวหัวเหลี่ยมผิวสีทรายขาวอยู่ข้างใน ซึ่งได้แผลผ่ามีทรายรั่วออกมา "ย้า ย้า ย้า ย้า" สเปียริทกวาดแกว่งคริสทรัลร็อดฟาดใส่ทหารแซนดาลแบบไม่กลัวเกรง "ฮึยยยย" แม้จะถูกทหารแซนดาลจู่โจมด้วยคมหอกไฟฟ้าช็อตใส่ แต่...
              "แย่หน่อยน่ะ ที่ผิวของฉันเป็นจิวเวลเลี่ยมผสมกับเซรามิคูเลี่ยมกัน ไฟฟ้าจึงทำอะไรฉันไม่ได้มากกันหรอกนะยะ" แล้วก็ "ไฮย้า" กระโดดหมุนตัวหวดพลองที่เปลี่ยนเป็นดาบสองปลายเป่าพวกแซนดาลให้กระเด็น แล้วลงพื้นมา "หวับบบ ฉั้วะๆๆๆๆ" เข้าจู่โจมใส่พวกทหารแซนดาลจนได้แผลไปทุกตน "ย้ากกก" ทหารแซนดาลงัดปืนยาวออกมายิงกระสุนไฟฟ้าใส่ "ย้า" แอนเดรียกระโจนเข้ามาป้องกันด้วยโปรเทคชั่นสเฟียร์อย่างทันควัน ซึ่งป้องกันกระสุนไฟฟ้าไม่ให้โดนสเปียริทไว้ได้
              "ขอบใจมากน่ะ" สเปียริทกล่าวแล้วก็ "ฟึ่บบบบ" นำอินเกรต้าเพคชู้ตเตอร์ ปืนกลเล็กลำกล้องคู่จากหลังเอวมา "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงใส่ทหารแซนดาลที่ถือปืนยาวให้ล้มลง "เปรี้ยะ เปรี้ยะ" ทหารแซนดาลงัดปืนยาวออกมายิงกระสุนไฟฟ้าใส่มาสวาร์ทาร์ "โชลเดอร์ชิลด์" ซึ่งรีบนำแผ่นเกราะหัวไหล่มาประกอบเป็นโลห์เข้า "แว้งๆๆๆๆ เปรี้ยงงง เปรี้ยงงง" โดยฉาบพลังครอสเซี่ยมสีเขียวเสริมการป้องกันเอาไว้ จนต้านกระสุนไฟฟ้าสองนัดได้ทัน "ฮ้า" มาสวาร์ทาร์เลยใช้มือขวาดึงพลังครอสเซี่ยมที่ติดโลห์มา ซัดเรซเซอร์เอดจ์ออกไปสองอันเข้า "ฉั้วะๆ" ตัดร่างทหารแซนดาลสองตนจนขาดไป
              "ระวังพวกยิงกระสุนไฟฟ้ากันด้วยละ" มาสวาร์ทาร์เตือน พร้อมกับชักดาบมาสวาร์ทาร์เบลดที่อยู่ในฟักมาเข้าสู้กับพวกแซนดาล โดยที่แอนเดรียและสเปียริทรับมือกันอยู่

              "ฟ้าววว ตรึงๆๆๆ" สถานีควบคุมระบบป้องกันเขตเมืองที่กำลังถูกพวกแฟคมาสและสโตนอลจู่โจมนั้น ได้เจอกับ "ได้เวลาที่พวกมึงจะโดนกระทืบกันแล้ววะ" คลอเวฟบอก เมื่อเขาลงสนามมาพร้อมกับเนคมาดูซัม จายด์และสเตฟอร์ดกัน "พวกแกคิดว่าจะโค่นพวกเราทั้งสองกองได้น่ะ จัดการกับพวกมันเลย" นายกองแฟคมาสสั่งพวกลิ้วล้อวิ่งเข้าใส่กัน โดยที่พวกสโตนอลอยู่แนวหลังเพื่อเตรียมปืนใหญ่พลังคลื่นโซนิคกัน
              "ร็อคเก็ตบัสเตอร์ ชาร์จช็อต" จายด์ยิงจรวดยาวออกไปอย่างรวดเร็ว โดยจรวดลูกยาวนั้น "แฟ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ" แยกออกเป็นมิไซล์เก้าลูกพุ่งตรงไปแนวหลัง "ตรูมๆๆๆๆๆๆๆๆ" "โว้วววว เหวอออ ว้ายยย ว้ากกกก" เป่าพวกสโตนอลปลิวไป ซึ่งมีทั้งชายและหญิงที่สวมเกราะสีเงินสลับดำรวมอยู่ด้วย พวกสโตนอลและแฟคมาสเลยรีบเตรียมอาวุธเพื่อยิงใส่ "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ" เนคมาดูซัมกระหน่ำยิงซีคเก้ไรเฟิ่ลสองกระบอกพร้อมกับบ็อกซ์บัสเตอร์สองอัน โปรยมิไซล์เข้าถล่มพวกสโตนอลและแฟคมาสให้กระเจิง
              "ล้มลงไปก่อนเลย เควกสแมคเกอร์" สเตฟอร์ดกระทืบพื้นด้วยเท้าซ้ายลงจน "ตรึงงง โครมๆๆๆๆๆ" เกิดแผ่นดินสั่นสะเทือนจากด้านหน้าทำให้พวกแฟคมาสที่วิ่งกรูกันเข้ามาจนล้มกลิ้ง พวกสโตนอลที่มาสมทบก็ล้มตามแรงอาฟเตอร์ช็อคไปด้วย "หัวร้อนนักใช่มั้ย เจอน้ำสาดหน่อยสิ วอเตอร์เวฟ ทริปเปิ้ลช็อต" คลอเวฟซัดคลื่นน้ำสามคลื่นพุ่งอัดใส่พวกแฟคมาสที่ถือดาบและหอกเพลิงจนล้ม โดยที่ตัวกลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว เพราะคลื่นที่พุ่งมานั้นพุ่งมาอย่างเร็วและรุนแรงไปถึงพวกที่อยู่ข้างหลังกัน "ย้ากกกก" สเตฟอร์ดกระโจนเข้าหวดบรูทรัลแฮมเมอร์เข้าใส่ทหารสโตนอลที่ถือมีดดาบใหญ่มา "เปรี้ยงงง ฟ้าววว โครมมมม" จนทหารสโตนอลที่ถูกค้อนฟาดใส่ได้ปลิวไปในสภาพเกราะหน้าอกแตกกระจุยและพุ่งอัดใส่พวกเดียวกันจนล้มกลิ้ง "ตุ้งๆๆๆๆๆๆๆ" จายด์เข้ากราดยิงใส่พวกแฟคมาสที่ถืออาวุธพลาสม่าร้อนให้ล้ม ส่วนเนคมาดูซัมนั้น "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงซีคเก้ไรเฟิ่ลเล่นงานพวกสโตนอลให้ยับช่วยสเตฟอร์ดเอาไว้ "ฟึ่บบบบ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จากนั้นสเตฟอร์ดก็นำปืนกลเล็กโพริด็อดซ์มายิงใส่หัวหน้าหน่วยสโตนอลที่ถือปืนเฮฟวี่โฟร์พัลเซอร์ให้ล้ม เพราะสเตฟอร์ดยิงด้วยกระสุนเจาะเกราะกัน

              "ฟ้าวววววว วือออออ ตรึงงงง" สุดท้ายก็คือศูนย์ควบคุมการบิน ซึ่งตอนนี้เจอกับต่างดาวที่บินได้ในชุดเกราะบางสีเงิน มากับนักรบสวมหน้ากากไม้สีน้ำตาลอ่อนถือหน้าไม้และขวานในมือ ซึ่งเข้าเล่นงานพวกเทคการ์ดเดอร์ส่วนมากไป ต่างก็หยุดมือเพราะเพริบาทรอสของพวกไทรเวเซอร์แล่นลงจอด โดยไซโคลเนีย ฟิเกซและจิลลงจากยานมา "ถ้าให้เดาน่ะ พวกนายที่บินอยู่นั้น คือเผ่าแอรอท และพวกที่แต่งตัวเหมือนชาวป่าคงเป็นเผ่าจังเกรลที่เป็นพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตละสิน่ะ" ฟิเกซบอก
              นักรบจังเกรลบอก "พวกแกกล้าขัดขวางพวกเรามิให้เชิญเทพผู้กอบกู้อย่างงั้นสิน่ะ"
              "เทพผู้กอบกู้นะหรือ แกหมายถึงดาวมรณะกันสิน่ะ แต่เกรงว่าพวกเราคงไม่ยอมให้พวกนายทำตามเป้าหมายที่ได้รับสั่งมากันได้หรอกน่ะ" จิลกล่าว
    นักรบแอรอทบอก "หรือ ต่างดาวตัวจิ๋วอย่างเธอไม่มีทางหยุดเราได้หรอก" แล้วก็ชักปืนกระบอกยาวโดยที่บินอยู่ "แฟ้ววววววว ตรูมมมม" แต่กลับถูกสอยร่วงโดยไซโคลเนีย ซึ่งชูแขนซ้ายที่มีเครื่องยิงมิไซล์ซ่อนอยู่ในแขนของเธอเอาไว้ "แฟ้วๆๆ ตรูมมม บรึมมม เปรี้ยงงง" จากนั้นก็ยิงอีกสามลูกสอยพวกแอรอทให้ร่วงไป
              "พวกแกมีพวกที่บินได้นะหรือ ดี พวกเราจัดการสอยต่างดาวชุดแดงติดปีกนั้นให้ร่วงไปซะ ก่อนที่เธอกับพวกจะขัดขวางภารกิจของทวยเทพกันได้น่ะ" ทหารแอรอทกล่าว
              "ต่อให้เป็นภารกิจจากสวรรค์หรือนรก แต่พวกนายทำนั้นมันคือการก่อความเดือดร้อน ซึ่งมีหรือที่ไทรเวเซอร์อย่างพวกเราไม่เข้ามาขวางไว้น่ะ" ไซโคลเนียกล่าว พวกแอรอทเห็นเช่นนั้นเลย "แชดๆๆๆๆ" นำปืนยาวออกมายิงใส่ไซโคลเนียบนพื้น ซึ่งเธอก็ "ซูมมมมม ฟ้าวววว" ทะยานด้วยเจ็ทบู๊ทและเจ็ทแพ็คขึ้นไป โดยที่พวกแอรอทบุกเข้ามาด้วยดาบแหลมยาวที่หลังแขน เพื่อแทงใส่ไซโคลเนีย "ฟ้าวววววว" ซึ่งเธอบุกเข้าใส่ด้วย "เจ็ทชาร์จเจอร์ เบิร์ดแทคเกิ้ล" การพุ่งชกด้วยสองหมัดอัดเข้าใส่ทหารแอรอทตรงหน้าอกและท้องไปเต็มๆจนชะงัก แล้วก็จิกหน้ากากมา "หวับๆๆๆ ฟ้าววว เปรี้ยงงง" จับเหวี่ยงด้วยความเร็วสูงถึง 4 รอบขว้างใส่ทหารแอรอทที่อยู่ใกล้จนล้มกระเจิง "แชดๆๆๆๆ" พวกแอรอทยิงปืนแสงสกายบีมเข้าใส่ ไซโคลเนียเลยบินหลบลำแสงที่ยิงมาพร้อมกับ "วินด์สแลช" ซัดใบมีดลมตัดหมุนวนพุ่งเข้าใส่ความเร็วสูงจน "ฉั้วะ" สับตัดแขนซ้ายของทหารแอรอทจนขาด ทำให้อีก 3 ตนบุกเข้าจู่โจมด้วยวินด์เซเบอร์ที่แขน "แอร์ฟอสคัตเตอร์" ไซโคลเนียเลยโต้ตอบด้วยมีดที่ซ่อนในหลังแขนทั้งสองข้างกัน "เคร้งๆๆๆ" โดยที่เธอใช้มีดติดแขนฟาดโต้ตอบดาบแหลมกันอย่างรวดเร็ว "ย้ากกก" ทหารแอรอท 2 ตนทะยานมาจากข้างหลังเพื่อแทงดาบวินด์เซเบอร์ใส่ไซโคลเนีย แต่.... "แวบบบบบ" แอร์ฟอสคัตเตอร์เรืองแสงสีฟ้าขึ้นทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว เพราะไซโคลเนียจะโต้ตอบด้วย "ไซโคลนเรซเซอร์" การสบัดแขนสร้างพายุคมมีดลมตัดพุ่งเข้า "ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆ" สูบทหารแอรอทสองตนที่อยู่ข้างหน้าเธอไปพร้อมกับอีกสองตนที่คิดจู่โจมเธอจากด้านหน้า จากนั้นก็ "ครืดดด แกร็กๆ" ส่วนด้านข้างหัวไหล่กลมเลื่อนออกและหมุนไปข้างหลัง ในจังหวะที่ทหารแอรอทบุกเข้ามา "ไมโครมิไซล์ โชลเดอร์พาร์ท แบ็คช็อต" ไซโคลเนียกล่าว ซึ่งป้อมมิไซล์ตรงหัวไหล่ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ยิงจรวดขนาดเล็กจำนวนมากพุ่งเข้า "ตูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เป่าระเบิดในระดับไม่รุนแรงมากแต่ต่อเนื่องจนทำให้ทหารแอรอทที่บุกมาข้างหลังชะงักลง "ซูมมมม ฟ้าวววว ป้ากกกก" จากนั้นไซโคลเนียก็ทะยานขึ้นพร้อมกับ "เบิร์ดไดเวอร์" พุ่งโฉบลงมา "ป้ากกก" อัดใส่ทหารแอรอทตนแรกให้ชะงัก จากนั้นก็ "หวับ แชดดด" โยกหัวหลบลำแสงจากทหารแอรอทตนที่สองที่ยิงใส่ จากนั้นก็ "หมับบ ฟึ่บบบ ฉึกกก หวับบบ เปรี้ยงงงง" ใช้มือขวาจับปืนสกายบีมดึงเข้ามาเพื่อใช้แอร์ฟอสคัตเตอร์ข้างซ้ายแทง แล้วก็ถีบซ้ำให้อัดกับทหารแอรอทตนแรกจนร่วงลงไป จากนั้นก็ "ฟึ่บบบ" นำปืนยาวกระบอกหนาจากหลังเอวออกมา "เทมเพสต์ไรเฟิ่ล ชู้ต" เหนี่ยวไกเพื่อยิงลำแสงสีฟ้าขนาดย่อมพุ่งเข้า "ป้ากกกกกก" ทะลวงใส่พวกแอรอทที่พยายามบุกเข้ามาจนกระเจิดกระเจิงไปเกือบหมด แล้วก็บินหลบหลีกลำแสงจากพวกแอรอทที่ยิงเข้าใส่เพื่อยิงมิเดี้ยมมิไซล์ที่แขนขวาถล่มซ้ำ

              "วู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พวกจังเกรลกู่ร้องพร้อมกับวิ่งเข้าใส่ฟิเกซและจิล โดยมีบางส่วนกระโดดตีลังกาข้ามหัวฟิเกซและจิลกันอย่างรวดเร็ว "ฮา...." นักรบจังเกรลสองตนบุกเข้าหวดขวาน โดยอีกสองตนบุกมาด้านข้างหวดขวานใส่ "ฟึ่บบบ เกร้งๆ หวับ เกร้วๆๆ" แต่ฟิเกซใช้มือหลักถือหอกจ้วงแทงใส่นักรบจังเกรลที่บุกมาข้างหน้า จนหัวหอกทิ้มกระแทกส่งนักรบทั้งสองให้ล้มไป ส่วนพวกมาจากด้านข้าง ฟิเกซใช้แขนรองถือดาบปัดขวานไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว "หวับๆๆๆๆๆ" จากนั้นก็หมุนตัวโดยใช้หอกฟันใส่นักรบจังเกรลสองตนที่อยู่ด้านข้างจนล้มลง "ฟาสท์สไลด์" ฟิเกซพุ่งสไลด์อัดใส่นักรบจังเกรลที่บุกเข้ามาจน "ป้ากกกก" ตนแรกถูกถีบขัดขาจนล้มและ "หวับบบ ป้ากกกก" เขย่งเหยียดขาขวาถีบไปข้างหลังอัดเข้ากลางหลังนักรบจังเกรลจนล้มหน้ากระแทกพื้น "ฟ้าววว ป้ากกกก หวับบ ฉั้วะ" ตนที่สองถูกถีบให้ล้มและถูกฟิเกซที่กระโดดจังหวะสองตวัดดาบสองเล่มฟันใส่ ตนที่สามบุกเข้ามาหวดขวานใส่ แต่ฟิเกซสไลด์ถอยหลังและ "หวับบบบ ฉึกกก ป้ากกกก" จ้วงแทงหอกอัดใส่หน้ากากของนักรบจังเกรลจนแตกกระจุยและล้มกลิ้งลง "ตาย" นักรบจังเกรลซัดขวานเข้าใส่
              "หึ" ฟิเกซยิ้มและกำด้ามหอกสองเล่มจน "ซ่า วู่ววววววว" ข้างขวากลายเป็นง้าวที่มีพลังน้ำปกคลุมส่วนข้างซ้ายเป็นหอกพลังสายลม "ทอร์เรมม่า สเทรมาร์ค วอร์เท็คซ์" ฟิเกซสบัดหอกและง้าวออกพร้อมกันจนเกิดพายุวังน้ำวนพุ่งเข้า "ซวบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หวับๆๆๆๆๆๆๆๆ แฟ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สูบขวานที่พวกจังเกรลซัดเข้ามาให้ย้อนศรกลับไปปักตัวพวกมันเอง "ฟึ่บบบบบ เคร้งงงงง ซูมมมมม" ส่วนดาบในมือรองสองเล่มนั้น กลายเป็นดาบสีดำในมือขวาและกระบี่สีแดงก่าในมือซ้าย "เกรโวลค์ เฟรมทรัล" แล้วก็บุกเข้า "หวับบบ ฉั้วะ ป้ากกก ฉั้วะ พรึบบบบ" ใช้ดาบฟันเข้าที่เกราะไม้ของนักรบจังเกรลจนเกราะแตกกระจุย อีกตัวถูกกระบี่สีแดงฟันใส่ก็ติดไฟอย่างฉับพลันจนครอกร่างไปด้วย
             
              "ตรุ้งๆๆๆๆๆๆๆ" พวกจังเกรลใช้หน้าไม้ยิงกระสุนลูกดอกสีเขียวเข้าใส่จิล "แว้ง ปั้กๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งเธอรีบเทเลพอร์ตหลบจนลูกดอกสีเขียวปักคาพื้นเป็นกระจุกกันหมด "แชดๆๆๆๆๆ" แล้วก็รีบยิงสวนด้วยจีเลเซอร์กันเข้าใส่พวกจังเกรล โดยเล็งยิงเข้าที่หน้ากากกัน "ฮึยๆๆๆๆๆๆ" พวกจังเกรลซัดขวานเข้าใส่ "ซาวนด์สครีมเมอร์" จิลยิงคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าทำลายขวานจนแตกกระจุยไป "งึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" พร้อมกับเล่นงานพวกจังเกรลให้ปวดโสตประสาทอย่างจังๆ "วอนหาเรื่องเราแล้วน่ะ ต่อให้เป็นเด็ก เราไม่ปราณีกันหรอก" นักรบจังเกรลกล่าวโดยปรากฎตัวมาล้อมตัวจิลไว้ โดยถือขวานเตรียมที่จะเฉาะจิลกัน ด้วยการกระโดดเข้าใส่อย่างพร้อมเพียง "ย้า" จิลกระโดดสูงพร้อมกับหยิบง้าวออกมา "เลเวียทรัลเกรฟ ท็อปสปินนิ่งแอทแทค" ใช้ท่าหมุนตัวลูกข่างความเร็วสูงเข้าฟันใส่พวกจังเกรลที่กระโจนเข้ามาจนล้มไปส่วนหนึ่ง แล้วก็ "แนชเชอรอลบาเรีย ชาร์จช็อต" ชูแขนซ้ายขึ้น "วู้ววววว ซูมมมมม ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ ฉั้วะๆๆๆๆๆๆๆ" เพื่อปล่อยใบมีดใบไม้และกลีบดอกไม้หมุนวนดุจพายุฟันใส่พวกนักรบจังเกรล จนล้มกลิ้งโดยได้แผลกรีดตามตัวและตามเกราะกันด้วย
              "นี้แกรับมือกับพวกเราได้ไง ในเมื่อพวกเราอำพรางตนเองจนตาของแกมองไม่เห็นกันน่ะ" นักรบจังเกรลกล่าวและยิงหน้าไม้เข้าใส่จิล ซึ่งเธอรีบตีลังกาหลบพร้อมกับ "แชดๆๆๆๆๆ" ยิงจีเลเซอร์กันเข้าใส่นักรบจังเกรลให้ล้มตาม
              "นายไม่จำเป็นต้องรู้เคล็ดลับของฉันกันหรอกน่ะ" จิลบอก แล้วก็ "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆ" ใช้ไซโคบิทพุ่งอัดกระแทกใส่นักรบจังเกรลให้ล้มเสียหลักไป

              "ไม่นึกเลยว่า พวกไทรเวเซอร์จะสู้กับพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตได้เก่งกาจถึงเพียงนี้เลยน่ะ แม้ว่าเทคนิคการต่อสู้ของบางรายเหมือนเล่นโกงกันก็ตามน่ะ" เทคเนร่าบอก
              หัวหน้าเทคการ์ดเดอร์บอก "ตอนนี้พวกเขามาถึงแล้ว อย่างน้อยน่าจะช่วยหยุดพวกนั้นไม่ให้คุกคามเขตเมืองด้านในกันบ้างนะครับ"
              "พวกศัตรูที่รุกรานสถาบันแห่งนี้และอีก 4 จุดล่าถอยไปแล้วละครับ" ทหารเทคนอตรายงาน เมื่อพวกไอซ์ติก้าที่สู้กับพีวิล เจเนลและแอบไบออสล่าถอยไป เช่นเดียวกับพวกที่บุกอีกสี่ที่กันด้วย
              "อะไรกันวะ พวกมันถอยแบบนี้ มันน่าหงุดหงิดเลยวะ" คลอเวฟบ่นเมื่อเห็นพวกสโตนอลและแฟคมาสล่าถอยไป "เนคเกอร์ เราไม่ตามไปกระทืบมันต่อเลยหรือวะ"
              "ไม่ คลอเวฟ พวกมันถอยไม่ใช่แค่สู้เรากันครั้งแรกไม่ได้อย่างเดียวหรอก เพราะถ้าพวกมันไม่ถอยแล้วหลอกล่อให้พวกเราไล่ตามจนติดกับของพวกมันเองแล้วละก็..." เนคมาดูซัมคาดเดา
              มาสวาร์ทาร์ที่คาดการณ์ไปว่า "....การบุกของพวกมันคือการดึงพวกเราออกห่างจากพื้นที่เป้าหมายให้ไกลมากที่สุดกันนี้แหละ" แล้วก็ติดต่อไป "โคเซวิค เฟลิค ได้ยินแล้วหรือยังละ"
              "การสื่อสารยังเป็นปกติไม่น่าเป็นปัญหาอะไรกันหรอกน่ะ พวกนายเองก็รีบกลับมากันก่อนเหอะ" อิลมิคตอบ
              เนคมาดูซัมกล่าว "พวกนายรีบนำกำลังรบออกไปรับมือกับพวกศัตรูกันเดียวนี้เลย เพราะว่า...."
              "ตรูมมมมมม" ฉับพลัน ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมา ตามด้วย "ตรูมมมม บรึมมมมม บรึมมมมม" เสียงระเบิดดังอีกสามทีจากระยะห่างไกลด้วยกัน พีวิลบอก "เสียงระเบิดนั้น...." แล้วก็รีบติดต่อไปหา "เนคมาดูซัม มาสวาร์ทาร์ ฟิเกซ รุ่นพี่สตีฟ รุ่นพี่โฟรซ่า สเปียริท ไม่เป็นไรใช่มั้ยละ"
              สเปียริทตอบกลับมา "พวกเราไม่อยู่ในตำแหน่งระเบิดกันหรอกนะ แล้วนายละ"
              "ฝั่งฉันไม่เป็นไรกันหรอก เพราะฉันได้ยินเสียงระเบิดดังตั้ง 3-4 ทีด้วยกันน่ะ" พีวิลบอก
              สเตฟอร์ดกล่าว "ที่เหลือแทบไม่โดนระเบิดกันเลยนะ พีท เพราะตำแหน่งจุดระเบิดนั้นมันอยู่ห่างไปมากเลยละ"
              "เกรงว่าตอนนี้พวกเราโดนฝ่ายตรงข้ามหลอกให้ออกห่างจากศูนย์กลางหลัก ที่เป็นเป้าหมายของพวกเดธซิลเวอร์สตาร์กันแล้วละ" ฟิเกซกล่าว
              เจเนลถามพวกทหารเทคนอตไปว่า "พอจะมีใครรู้มั้ย ว่าไอ้จุดที่มันระเบิดนิ มันเป็นสถานที่แบบไหนกันน่ะ"
              "เอเรียแซด ซุปเปอร์บังเกอร์เก็บสุดยอดอาวุธของบรรพบุรุษของพวกเรานะสิ" เทคเนล่าเดินออกมาบอก
              แอบไบออสบอก "สุดยอดอาวุธนะหรือ มันเป็นอาวุธแบบไหนกันละ"
              "เออ พวกเรา....พวกนายคงไม่ชอบแน่ๆเลยละ ว่าอะไรโผล่มาจากกลุ่มควันระเบิดกันน่ะ" ไซโคลเนียกล่าวโดยที่เธอบินมาพร้อมกับให้จิลขี่หลังเพื่อใช้มือถือถ่ายภาพ ซึ่งปรากฎภาพเงาของ.... "โอ้ ไม่น่ะ พวกนั้น ยึดเมก้าไบซ์ออกมากันแล้วละ" เทคเนล่าเห็นภาพของยักษ์ขนาดใหญ่ที่อยู่หลังควันกล่าวอย่างตกใจขึ้นมา
              "โคเซวิค นายเห็นหรือเปล่าละ" เนคมาดูซัมบอก
              โคเซวิคกล่าว "เราเห็นเต็มสองลูกตาแล้ว และมันถึงคราวของพวกเราต้องออกโรงกันแล้ว พวกนายรีบกลับมาสมทบเพื่อช่วยเรา อย่างด่วนเลย!!!"
    ต่อช่วงที่ 2
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×