ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Triveser Manigator Saga: HyperStar Trooper

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 10 การดิ้นรนครั้งสุดท้ายของแอนเดรีย เมื่อราชทายาทเทพเผยตัวกับความจริงที่คาดไม่ถึง ครึ่งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 63


              ณ.โรงเก็บโมบิลลอยด์ในยานไทรแองเกิ้ลอันมืดสนิท
              "อีกแล้วหรือ นี้คุณ ยังไม่หยุดอีกหรือคะ" แอนเดรียกล่าว โดยที่เธอเจอเหตุการณ์เดิม สถานที่เดิม สภาพแวดล้อมเดิม นั้นคืออยู่ท่ามกลางซากศพเหล่าพวกพ้องไทรเวเซอร์เหมือนเดิม คราวนี้ โมบิลลอยด์ที่จอดอยู่พังเสียหายไปด้วย แม้กระทั่งกิซเซเบอร์ก็ถูกตัดหัว อิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนหน้าอกทะลุและส่วนหน้าพังยับ ซึ่งเธอกล่าวกับด้านมืดของเธอที่นอนค่อมบนตัวมาสวาร์ทาร์ "ฉึกๆๆๆๆๆ" แล้วก็ทิ้มกิลตี้แฟงค์ไปหลายที
              "หึๆๆๆๆ เธอคงไม่รู้เลยสิน่ะ ว่าเธอได้ทำให้ฉันออกอาละวาดอีกรอบแล้วน่ะ"
              "ฉันนะหรือ แต่ ฉันมิได้ออกไปต่อสู้กันสักหน่อยเลยน่ะ" แอนเดรียบอก ด้านมืดของเธอหันมาโดยที่ใบหน้าของเธอเปรอะเลือดอยู่ทั่ว
              "หึๆๆๆๆ ถึงเธอไม่ได้ต่อสู้ แต่ความรู้สึกไม่ดีของเธอที่มีต่อรอบด้านต่างหากละ ที่ทำให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้แหละ"
              "ว่ายังไงน่ะ" แอนเดรียกล่าวอย่างตกใจ
              ด้านมืดของเธอบอก "เธอคงไม่รู้หรอกน่ะ ว่าการที่เธอรู้สึกไม่พอใจในการกระทำของมาสวาร์ทาร์ หวาดกลัวต่อทุกๆคนรอบด้านที่แสดงออกมาทางเธอ รวมถึงตัวเธอเองด้วยนั้น คือเหตุผลที่ทำให้ฉันมีอำนาจเหนือเธอโดยที่เธอเองไม่รู้ตัวเลยสักนิดน่ะ" แล้วก็ลุกขึ้นยืนมา "แน่นอน ว่าถึงเธอจะรู้ตอนนี้มันก็สายไปแล้วน่ะ"
              "ทั้งๆที่คุณถูกสเปียริทและลิเนียร์ตี้ผนึกเอาไว้นะหรือ คุณไม่น่าที่จะ...." แอนเดรียบอก
              ด้านมืดแสยะยิ้มและบอกไปว่า "ถ้าผนึกมันได้ผลเช่นนั้นจริง เธอก็คงไม่มีสติและไม่มีตัวตนมาให้ฉันเห็นได้หรอกน่ะ" แล้วก็ชี้นิ้วมา "ลองดูมือของเธอเองสิ"
              "......." แอนเดรียได้ฟังและก้มลงมองดูมือ ซึ่งเธอตกใจอย่างมาก เพราะมือสองข้างของเธอเปื้อนเลือด "มะ ไม่จริง นี้ฉัน.....ไม่ได้ทำสักหน่อยน่ะ" แอนเดรียกล่าว
              ด้านมืดหัวเราะก่อนจะบอกว่า "มันก็จริงอยู่น่ะที่ฉันเป็นคนกระทำ แต่การที่มือของเธอมันเปื้อนเลือดพวกพ้องของเธอเช่นนี้ ทั้งๆที่เธอมิได้ทำอะไรกันนั้น มันเป็นไปได้เพียงแค่อย่างเดียวแหละ แอนเดรีย" แล้วก็เดินเข้ามากระซิบบอกไปว่า "เพราะว่าฉันคือเธอ เธอก็คือฉัน เราต่างเป็นคนๆเดียวกัน เป็นแอนเดรียเหมือนกัน เป็นเอเดรียน เดลวีแองนูเหมือนกัน อะไรก็ตามที่เธอรู้เห็นหรือกระทำผ่านร่างกายของเธอ ฉันก็รู้เห็นได้เช่นนั้นแหละ"
              "ฉะ ฉันก็คือเธอ และเธอก็คือฉันนะหรือ.... ถ้าเช่นนั้นผนึกที่สเปียริทและลิเนียร์ตี้ทำเอาไว้ก็...." แอนเดรียกล่าว
              ไม่ทันไร ด้านมืดของเธอหายตัวไปแล้ว "....แค่สร้างรั้วและกรงอ่อนๆกักขังฉันเอาไว้เท่านั้นเองแหละ แอนเดรีย แน่นอน ฉันต้องขอบใจสภาพจิตของเธอในตอนนี้ด้วย ที่ช่วยปล่อยฉันออกมาน่ะ" จากนั้น "อือ อา อา...อะ อะ อ้า.....แอ้....อ้ายยยยย แอ้......" แอนเดรียก็เอามือกุมหัวและกรีดร้องเพราะเธอรู้สึกปวดหัวขึ้นมา เสียงร้องของเธอดังขึ้น โดยที่ร่างของเธอแปรเปลี่ยนไป เหมือนกับด้านมืดของเธอเอง "....เรียบร้อยแล้วละ หึๆๆๆๆๆๆ"
            "!!!!!" แอนเดรียสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเตียง สิ่งที่เธอเห็นในตอนนั้น คือความฝันอันเลวร้ายและน่ากลัวมาก จนทำให้เนื้อตัวของเธอชุ่มด้วยเหงื่อ แม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นในอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสแล้วก็ตาม "ฝันแบบนี้อีกแล้วหรือ....แฮกๆๆๆๆๆ คราวนี้แย่กว่าที่คิดไว้เลยน่ะ" แอนเดรียพยายามจะสูดหายใจยาวๆเพื่อผ่อนคลายจากความหวาดกลัวที่เธอเจอมาในความฝัน จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปยังห้องน้ำเพื่อที่จะล้างหน้า ซึ่งก็.... "นิ นี้ผมของฉัน...." แอนเดรียเห็นผมของเธอยาวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ผมของเธอสั้นอยู่ หลังจากที่โฟรซ่าและเจเนลช่วยตัดปอยผมของเธอทิ้งไปแล้วที่ดาววอเทเชี่ยน
              "แปลกใจละสิน่ะ ที่ผมของเธอไม่น่ายาวเร็วถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่ผมของเธอสั้นลงและไม่งอกยาวเลยสิน่ะ เกรงว่าเธอทำให้มันงอกยาวเองแล้วนะสิ หึๆๆๆๆๆ"
              "งั้นแปลว่า คุณเองก็คงจะ...." แอนเดรียบอกอย่างหวาดกลัว
              เสียงของด้านมืดของเธอดังขึ้นในหัวไปว่า ".....อีกไม่ช้า ฉันจะเข้ามาควบคุมร่างของเธอนี้ไว้ โดยที่เธอเองจะต้องหลับไหลอยู่ในนั้นไปชั่วนิรันดร์ แน่นอน ว่าเธอจะต้องได้เห็นความเจ็บปวดที่เธอเป็นคนสังหารคนรอบข้างและทุกอย่างลงในไม่ช้านี้แหละ หึๆๆๆๆๆๆ ฮิๆๆๆๆๆๆๆ โฮ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" แล้วเสียงหัวเราะก็แผ่วเบาลง โดยที่แอนเดรียหอบเหนื่อยด้วยความหวาดกลัวไปด้วย

              "นั้นไม่ดีแล้วละครับ คุณแอนเดรีย" เดเมี่ยนบอก หลังจากที่แอนเดรียเรียกเขากับเมนซิกส์ทีนที่เหลือมาที่ห้องหมอในตอนเช้ากัน ซึ่งก็ตรวจปอยผมของแอนเดรียที่ถูกรวบเอาไว้แล้ว
              ไซโคลเนียบอก "นี้แค่คืนเดียว ผมแอนเดรียยาวเท่ากับของเดิมแบบนี้ คงไม่ได้ใช้ยาปลูกผมสูตรแจ่มๆเลยละสิ เนอะ" เธอพยายามพูดติดตลก แต่เนคมาดูซัมกับทุกๆคนในห้องกลับไม่ตลกด้วย จนไซโคลเนียถอนหายใจด้วยหน้าเจื่อนๆ
              "ถ้าฟังจากที่แอนเดรียเล่ามานั้น แปลว่าสภาพในตอนนี้....." มาสวาร์ทาร์กล่าวและหยุดชะงักไปพักหนึ่ง
              เจเนลกล่าว "ในเมื่อเรารู้ว่าการตัดปอยผมของแอนเดรีย ช่วยหยุดไอ้ด้านมืดนั้นได้ งั้นคงต้องทำซ้ำอีกรอบแล้วละ" แล้วก็นำเมทัลเบลดออกมา "แอนเดรีย ช่วยอยู่นิ่งๆหน่อยน่ะ หมอเดเมี่ยน กรุณาออกไปห่างๆก่อน"
              "ได้อยู่แล้วละ" เดเมี่ยนกล่าวและเดินออกมา แอนเดรียก็พยักหน้า เพื่อให้เจเนลเดินมาใช้เมทัลเบลด "ย้ากกกกกก" หวดฟาดลงไปยังปอยผมของเธอ "กร้องงงงง" แต่ปอยผมของเธอแข็งตัวอย่างรวดเร็วจนเมทัลเบลดสับไม่เข้า ส่งผลให้เจเนลเซผงะไปข้างหลัง
              โฟรซ่าบอก "เจมส์ ถอยไป ฉันจัดการเอง" โฟรซ่าเข้ามาใช้เรซเซอร์อาร์มข้างซ้าย แล้วก็หวดฟาดลง "หวับบบบบ เกร้งงงงงงงงงงงงงง ป้ากกกก" แม้โฟรซ่าจะใช้วิธีกดฝ่ามือลงบนปอยผมของแอนเดรีย เพื่อที่จะใช้คลื่นความถี่สูงกรีดตัดเข้าไป แต่ก็ไร้ผลเหมือนกับเจเนลอยู่ดี
              "เป็นไปไม่ได้น่า เมทัลเบลดของเจเนลสามารถตัดวัตถุสารแข็งให้ขาดได้ พอๆกันกับเรซเซอร์อาร์มของคุณโฟรซ่าเลยนิน่า" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              แอบไบออสบอก "สงสัยว่าปอยผมนั้น ไม่สิ ด้านมืดของแอนเดรียสร้างภูมิป้องกันการสับตัดขาดไว้แล้วนะสิ"
              "ถ้าเป็นเช่นนั้น มันต้องกูเองแหละ" คลอเวฟเลยชักเอาแองเกอร์แอ็กซ์มา
              มาสวาร์ทาร์รีบพูดเบรคไว้ "ไม่ได้น่ะ คลอเวฟ ถ้าขนาดเรซเซอร์อาร์มของโฟรซ่าและเมทัลเบลดของเจเนลยังหั่นปอยผมของแอนเดรียไม่เข้าแบบนั้น ขวานของนายก็คงบิ่นหักได้เช่นกันนะ"
              "ถ้าหั่นสับไม่ได้ งั้นคงต้องทุบแล้วน่ะ" สเตฟอร์ดบอก พร้อมกับนำบรูทรัลแฮมเมอร์ออกมา หากแต่ยังไม่ทันจะใช้ "ครี้งงงงง" ปอยผมของแอนเดรียงอกหนามออกมาทั่วทั้งปอย เว้นแต่หัวของแอนเดรียเอง
              สเปียริทบอก "นี้เธอคงไม่แสดงปฏิกิริยาด้วยตัวเธอเองสิน่ะ"
              "ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยน่ะ อยู่ๆมันก็เป็นเองน่ะ" แอนเดรียบอก
              พีวิลกล่าว "แสดงว่าด้านมืดของแอนเดรียคงไม่ยอมให้เราขัดขวางไปได้สิน่ะ" แล้วก็นำกระเป๋าสีเงินที่เตรียมไว้ พร้อมกับหยิบแผ่นทรงห้าเหลี่ยมแบนออกมา "ฟึ่บบ แกร็กกก" โดยแผ่นทรงห้าเหลี่ยมพุ่งเข้าไปติดตรงเหนือหน้าอกของแอนเดรียไว้ "ปี้บๆๆๆ" ซึ่งมันส่งเสียงสี่ทีไว้
              "คุณพีวิลคะ นี้มันเครื่องอะไรละคะ" แอนเดรียถาม
              "มันคือล็อกดาวน์มิวแทนเนจ ตัวควบคุมร่างกายที่มีสภาวะการกลายพันธุ์จากการรับพลังงานเพเรเนี่ยมที่มากเกินในระดับที่เสียสมดุลย์ ด้วยการช็อตกระแสไฟฟ้าอ่อนๆเข้าร่างกายให้ตื่นตัว พร้อมกับปล่อยอนุภาคควบคุมพลังงานเพเรเนี่ยมให้คงที่เอาไว้นะสิ" พีวิลอธิบาย
              เนคมาดูซัมกล่าว "เบย์แทนด์คิดอุปกรณ์นี้เอาไว้ และให้คุณอีธานและคุณเอโอลีนสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วนะ"
              "แล้วเครื่องมันจะทำงานโดยที่เธอรู้สึกไม่ดีต่อรอบด้านเลยสิน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              พีวิลพยักหน้า "เซนเซอร์ในเครื่องจะจับปฏิกิริยาทางร่างกายรวมถึงสภาพรอบด้านที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีขึ้นมา โดยส่งสัญญาณไปที่ตัวช็อต เพื่อสตาร์ทระบบในเวลาอันสั้นนี้แหละ"
              "ว่าแต่ พอจะมีอีกอันไว้ล็อกปอยผมของแอนเดรียได้มั้ยละ" สเปียริทบอก
              เดเมี่ยนบอก "ไม่ได้หรอก เพราะเส้นผมของแอนเดรียส่วนหนึ่งมันเชื่อมต่อกับสมองและเส้นประสาทในไขสันหลัง ถ้าเอาเครื่องนี้ไปติด แทนที่จะกระตุ้นแอนเดรีย มันจะช็อตเธอให้หมดสติจนทำให้ด้านมืดของเธอยึดร่างไว้ใช้ได้อยู่ดีนี้แหละ" แล้วก็มองดูปอยผมที่หดหนามลงโดยเร็ว "อีกอย่าง ถ้าเราทำแบบนั้นกับปอยผม เกรงว่าการช็อตไฟฟ้าเองก็คงไร้ผลในคราวต่อไปเช่นกันน่ะ"
              "ที่สำคัญ เครื่องนี้มันจะเตือนด้วย ว่าสภาพร่างกายของเธอมีการแปรเปลี่ยนร่างกันไว้ ซึ่งก็...." พีวิลกล่าว ไม่ทันไรก็ "ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เครื่องส่งเสียงดังขึ้น
              เจเนลบอก "เออ เสียงดังถี่ๆแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีเลยละสิ พีท"
              "ปี้บๆๆๆ เปรี้ยะๆๆ" หลังจากนั้นเครื่องก็ส่งเสียงปี้บสี่ทีพร้อมกับแอนเดรียสะดุ้งขึ้นมา "ตี้ดๆๆๆ" เสียงเตือนดังสี่ทีก็จบลง "อุ รู้สึกเหมือนคุณโฟรซ่าเอานิ้วมาช็อตยังไงยังงั้นนะคะ" แอนเดรียบอก
              โฟรซ่ากล่าว "เพียงแต่กระแสไฟจากโคเลเดอร์ช็อคของฉัน มันแรงแน่ๆ ถ้าฉันอารมณ์เสียกันได้น่ะ" และหันมาถาม "พีท ว่าแต่ เครื่องนี้พอจะแก้ไขให้แอนเดรียหายดีบ้างหรือเปล่าละ"
              "แค่ทำให้แอนเดรียคงสภาพของเธอเอาไว้จนกว่าเราจะแก้ปัญหาเรื่องกองโจรแมนิเกเตอร์ได้เสียก่อนนะครับ รุ่นพี่" พีวิลบอก
    แอนเดรียกล่าว "นั้นก็ดีแล้วละคะ เพราะพวกเรายังต้องแก้ต่างให้กับทุกๆคนในเรื่องที่พวกเรามิได้ไปก่อไว้เลยนะคะ"
              "สำคัญในตอนนี้คือ เธอต้องคิดในแง่บวกเอาไว้ ทำใจให้สบาย และไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก เพราะพวกเราจะแก้ปัญหาให้เองแหละ" โฟรซ่าบอก
    แอบไบออสกล่าว "ถ้ามีปัญหาก็บอกหมอเดเมี่ยนได้เลยน่ะ"

              "แล้ว ทางท่านประธานาธิบดีนิ เป็นยังไงบ้างละคะ" แอนเดรียถาม เนคมาดูซัมเลยต้องอธิบายกับแอนเดรีย ในช่วงที่พวกเขามาถึงระบบดาวสคอลลอนและถูกกักตัวโดยกรมตำรวจอวกาศ
              "เออ ดูเหมือนว่าทางกรมตำรวจอวกาศจะพูดถูกนะคะ เพราะว่าฉันสามารถติดต่อกลับไปที่แคสเซเดี่ยน-3 ได้เท่านั้นเองนะคะ" แอมเบอร์บอก โดยที่สเปียริทและพีวิลกลับมาในห้องแล้ว
              "แสดงว่า ดาวแคสเซรอน-4 คงถูกกรมตำรวจอวกาศล้อมเอาไว้ พร้อมกับส่งโดรนลงมาตรวจตราภายในดาว ไม่ว่าจะบนฟ้า เหนือดิน ใต้ดินและใต้น้ำตามที่เรารู้มาก่อนหน้าเลยสิน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
              คลอเวฟกล่าว "นั้นคงทำให้ไอ้คุณพี่เก็กซิมกันแน่ๆเลยวะ"
              "ต่อสายไปหานายพลเพอซิอัสก่อนเลย เพราะเราต้องรายงานสถานการณ์ของพวกเราให้เขาทราบไว้ก่อนนะ" เนคมาดูซัมสั่ง
              แอมเบอร์พยักหน้าและทำการเชื่อมการสื่อสาร "เออ สายของท่านนายพล มีเชื่อมกับของท่านประธานาธิบดีและของผบ.บัลโต้นะคะ"
              "แจ่ม สงสัยว่าเราต้องบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราให้ผบ.บัลโต้ทราบกันแล้วน่ะ" คลอเวฟบอก
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ต่อสายมาได้เลย แอมเบอร์" แล้วโฮโลแกรมของบัลโต้ โคเคสและเพอซิอัสก็โผล่มา
              "พวกเธอคงจะทราบเรื่องจากโดโรซีน และจากผบ.กรมตำรวจอวกาศในช่วงที่พวกเธอมาถึงระบบดาวสคอลลอนแล้วสิน่ะ" เพอซิอัสกล่าว
              พีวิลพยักหน้า เนคมาดูซัมบอก "พวกเราไม่เป็นไรมากเลยนะครับ ท่านนายพล ภารกิจนอกระบบดาวประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี แม้ว่านั้นจะทำให้เดลอาเนี่ยนส่วนหนึ่งกับพวกเดธซิลเวอร์พลาเนต...."
              "ฉันรู้ดี ว่าพวกเธออาจจะขัดขวางพวกนั้นไปไม่ได้กันก็จริง แต่....อย่างน้อยพวกเราก็ช่วยหยุดยั้งพวกศัตรูได้ ก็เพราะการเข้าปะทะของพวกเธอก่อนหน้านั้นแหละ" เพอซิอัสบอก
              พีวิลถาม "ท่านประธานาธิบดี ผบ.บัลโต้ สภาพการณ์ของพวกเราเป็นเช่นไรละครับ"
              "ว่ากันตรงๆเลยน่ะ ว่าพวกเราเหมือนถูกกล่าวหาในสิ่งที่พวกเราไม่ได้ทำ จนทำให้มีคนออกมาเรียกร้องให้ทางเราไปแก้ต่างในสภาสูงของทางสมาพันธ์อวกาศ หรือไม่ก็....อนุมัติให้กองทหารออกไปไล่ล่าตัวคนร้ายที่แอบอยู่ในแคสเซรอน-4 ซึ่งเราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากว่ากรมตำรวจอวกาศส่งกองยานมาปิดล้อมให้เป็นเขตหวงห้าม โดยที่แมนิเกเตอร์ในดาวดังกล่าว ต้องทำตัวไปตามปกติ หากแต่มีการจับตามองดูอยู่ทุกวี่ทุกวันนี้แหละ" บัลโต้บอก
    โคเคสกล่าว "ผู้ว่าการเซริซ่าได้ให้กองกำลังทั้งหมดชี้แจงกับทุกเผ่าให้รับทราบไว้ เช่นเดียวกับพวกแกตไทซ์และควอเดี่ยมเองจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้อีกที เพื่อช่วยยืนยันให้ทางกรมตำรวจอวกาศรับทราบว่า พวกอีเนอไมนด์ พวกครอสตรีม พวกแอทแลนไทซ์และพวกโซลูนาสตี้ ไม่ได้ส่งใครออกไปหาเรื่องนอกดาวกันเลยนะ"
              "แล้วอากาเมมนอสและพวกทำจริงตามข้อกล่าวหาหรือเปล่าละครับ" มาสวาร์ทาร์ถาม
              โคเคสบอก "ทั้งสี่เผ่าแทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆที่ส่อถึงพิรุธแม้แต่น้อย แพนทานิคและอากาเมมนอสช่วยคุมลูกน้องไม่ให้ก่อเรื่องภายในดาว ในขณะที่สามใบเถาจาเฟสติสกับโซแลชและลูแนชนั้น ดำเนินการอย่างอื่นที่อยู่ในขอบเขตไว้ แน่นอน ว่ากลุ่มกองรบที่ประจำการที่แคสเซเดี่ยน-3 นั้น บัลโต้ส่งโซเฟียทและพวกเอสคอมไปควบคุมและจับตาดูให้พวกเขาอยู่ในที่ๆของพวกเขาไว้แล้วน่ะ"
              "แบบนั้นก็ดีแล้ว จะได้มีคนเบรคสคาเลนไม่ให้ล้ำเส้นไปโผล่ที่เฟิร์สฮิลล์กันได้น่ะ" คลอเวฟบอก
              เพอซิอัสกล่าว "แต่เรื่องสำคัญในตอนนี้ก็คือ พวกเธอต้องรีบสืบหาพวกกองโจรเหล่านั้น ว่าพวกนี้เป็นแมนิเกเตอร์สี่เผ่าที่ทางสมาพันธ์อวกาศสงสัยกันหรือเปล่า ถึงแม้ว่าทางสมาพันธ์อวกาศไม่กำหนดเวลาให้พวกเธอ เพื่อไม่เป็นการกดดันพวกเธอที่พึ่งกลับมาจากการปฏิบัติภารกิจในเขตอวกาศภาคกลางกัน แต่คงไม่ดีแน่ หากพวกเธอไม่คืบหน้าหรือการสืบหานั้นล่าช้าเลยน่ะ"
              "พวกเราทราบดีแล้วละครับ ท่านนายพล พวกเราจะตามหาพวกกองโจรเหล่านั้น รวมถึงหยุดยั้งการกระทำของพวกกริเดี้ยนโร็คที่เข้ามาสอดยุ่งด้วยนะครับ" เนคมาดูซัมบอก
              บัลโต้กล่าว "ทางเราทราบมาแล้วละ ว่าเรื่องนี้คามาลตัสพยายามจะมีเอี่ยวด้วย แน่นอน ว่าพวกนายต้องจัดการกับไอ้แก็งมาเฟียเวรนี้ลงด้วย แม้จะไม่รู้ว่าพวกมันจะก่อเรื่องอะไรและที่ไหนกันก็ตาม ตอนนี้พวกเราหวังพึ่งพวกนายที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่กดดันพวกเรากันให้ได้เลยน่ะ"
              "เออ ผบ.บัลโต้ครับ คือพวกเรามีเรื่องที่จะชี้แจงให้...." พีวิลกล่าว
              เพอซิอัสพูดขัดขึ้นมา ".....ไม่ว่าพวกเธอจะมีเรื่องอะไรที่อยู่นอกเหนือจากภารกิจที่พวกเธอต้องทำในเวลานี้ ไว้ให้พวกเธอยุติเรื่องที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน แล้วค่อยมารายงานตอนที่พวกเธอกลับแคสเซเดี่ยน-3 กันก็พอ อย่างน้อย พวกเธอก็มีทางแก้ไขปัญหาที่อยู่นอกเหนือจากนี้กันได้น่ะ"
              "ส่วนกองกำลังหลังฉากนั้น คงต้องให้พวกเขาช่วยพวกนายด้วย เพราะ....ฉันรู้ดี ว่าพวกนายกลุ่มเดียวไม่มีทางแก้ไขปัญหานี้ได้แน่นอน" บัลโต้กล่าว "ดังนั้น ถ้าพวกนายไม่เผยตัวกลุ่มกองโจรและส่งพวกมันไปให้กรมตำรวจอวกาศควบคุมตัว พร้อมกับคืนของที่พวกมันขโมยไปให้กับเจ้าของกันละก็ ไม่ว่ายังไงพวกนายก็ไม่ควรกลับมาเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้น พวกนายจะโดนหนักมิใช่น้อยๆเลยน่ะ"
              โคเคสบอก "ดังนั้น ฉันขอให้พวกนายโชคดีด้วย โคเคส ยุติการติดต่อ" แล้วโฮโลแกรมของทั้งสามก็ดับลง
              "ตราบใดที่เรายังหาตัวกลุ่มคนร้ายไม่เจอ พวกเราก็คงกลับบ้านไม่ได้เลยสิคะ" แอนเดรียบอก โฟรซ่าพยักหน้า
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "อย่าห่วงไปเลยน่า แอนเดรีย แค่พวกเราช่วยกันตรวจสอบข้อมูลและวิเคราะห์การกระทำของพวกกองโจรได้ซะ อย่างน้อยเราก็หาเบาะแสเจอกันได้ แล้วก็ใช้มันไขคดีเพื่อแก้ต่างให้กับสหพันธมิตรของพวกเรากันนั้นแหละ"
              "ลิเนียร์ตี้พูดถูกน่ะ ดังนั้น ฉันขอให้เธอวางใจในตัวพวกเรากันก็พอน่ะ" สเปียริทกล่าว
              โฟรซ่าบอก "เดียวฉันจะแจ้งโดซี่ให้มาช่วยตรวจสอบข้อมูลอีกต่อหนึ่งด้วย อย่างน้อยเราก็ยังมีตัวช่วยที่ดีกันบ้างน่ะ"
              "ถ้าเช่นนั้น ฉันขอฝากทุกๆคนด้วยนะคะ" แอนเดรียกล่าว แล้วลุกขึ้นพร้อมกับเดินออกไปนอกห้อง
              สเตฟอร์ดบอก "มาส รู้น่ะ ว่านายคงระแวงว่าเครื่องมือที่เบย์แทนด์ให้มา อาจจะเอาด้านมืดแอนเดรียไม่อยู่ละสิน่ะ"
              "ใช่ แม้ว่าแอนเดรียพยายามแล้วก็จริง แต่ฉันยังกลัวว่า...." มาสวาร์ทาร์กล่าว
              คลอเวฟบอก "มาส....แทนที่นายจะกลัวแอนเดรียจะกลายร่างเป็นตัวอันตรายนั้น สู้นายเอาความฉลาดของนายมาช่วยเราไขคดีบ้าๆในเรื่องที่พวกเราทั้งหมดไม่ได้ก่อเลยจะดีกว่าน่ะ"
              "คลอเวฟพูดถูก เรารีบไขคดีกองโจรแมนิเกเตอร์กันเถอะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "คลอเวฟ นายช่วยแจ้งให้บริคซ์และพวกลูกเรือ คุมพวกเฮเรเค้นกันไว้ด้วย อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้เราก่อปัญหาเพิ่มกับพวกเอาท์เดนท์กันไว้น่ะ" คลอเวฟพยักหน้า แล้วก็ออกไปจัดการตามที่เนคมาดูซัมสั่ง แล้วก็ "เรามีเวลาไม่มากแล้ว เรารีบไขคดีกันดีกว่าน่ะ" เนคมาดูซัมบอก

    TriVeser Manigator Saga: Hyperstar Troopers
    ตอนที่ 10 การดิ้นรนครั้งสุดท้ายของแอนเดรีย เมื่อราชทายาทเทพเผยตัวกับความจริงที่คาดไม่ถึง


              ที่โรงอาหารในยานไทรแองเกิ้ล 2 วันถัดมา
              "สรุปคือ ตอนนี้คุณแอนเดรียต้องติดเครื่องกระตุ้นเลยสิน่ะ" เฟรดบอก
              ไกซ์พยักหน้า "ลูกพี่พีวิลแจ้งกับลุงเบติสและป้าวิลด้าให้ช่วยดูคุณแอนเดรียเอาไว้ รวมถึงกันมิให้พวกเฮเรเค้นหาเรื่องแกล้งคุณแอนเดรียขึ้นมา ในช่วงที่พวกลูกพี่งานยุ่งกันอยู่น่ะ"
              "ไม่แปลกใจหรอก เพราะป้าโดซี่อยู่ในห้องประชุมงานพร้อมกับลูกพี่แฮรี่ เจ้มาริ พวกคุณบาร์ท คุณนิคและคุณรีฟ ทำให้พวกเราต้องพลอยลำบากไปด้วยนะสิ" น็อกกี้บ่น
              นาเดียกล่าว "แล้วว่าแต่ เครื่องมือที่คุณเบย์แทนด์ทำให้นั้น ช่วยคุณแอนเดรียได้มากน้อยแค่ไหนน่ะ"
              "แค่ช่วยให้คุณแอนเดรียอยู่ในสภาพปกติกันก็เท่านั้นเอง เพราะสภาพกายของคุณแอนเดรียส่อเค้าไปในทางที่เลวร้ายมากๆเลยน่ะ" มิลด์บอก
              เมดิน่ากล่าว "แม้ว่าพวกเราไม่สามารถส่งคุณแอนเดรียไปให้คุณวูลลิเซอร์ควบคุมตัวได้ แต่อย่างน้อย การที่เรายังอยู่นอกอีสทาล่าฟรอนเทียร์นั้น ก็เหมือนให้โอกาสและเวลากับพวกเราในการหาทางแก้ไขช่วยคุณแอนเดรียกันบ้างนี้แหละ"
              "ทั้งๆที่เราสุ่มเสี่ยงจะโดนคุณแอนเดรียฆ่าเอาได้นะหรือ มันไม่ค่อยดีเลยน่า" แด็กซ์บอก
              คีธกล่าว "ในเมื่อพวกเราเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยคุณแอนเดรียยังไง แต่....." แล้วก็หยิบน้ำอัดลมกระป๋องมาดื่ม "คิดว่าพวกคุณพีวิลจะสืบเรื่องคนร้ายได้หรือเปล่าละ"
              "ได้แน่นอน เพราะว่ากองโจรที่ต้องสงสัยนั้น มีหน้าตาแบบอีเนอไมนด์ ครอสตรีม แอทแลนไทซ์ และโซลูนาสตี้ ซึ่งทั้งสี่กลุ่มนี้ ล้วนเข้าทางพวกลูกพี่กันทั้งนั้นแหละ เพราะก่อนที่พวกลูกพี่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งในกองรบ พวกเขาเคยเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพวกเรามาก่อนน่ะ" ไกซ์กล่าว
              เฟรดบอก "ดังนั้น คุณพีวิล คุณมาสวาร์ทาร์ คุณคลอเวฟ คุณสเตฟอร์ด คุณโฟรซ่า และคุณไซโคลเนียคงรู้แล้วสิน่ะ ว่ากลุ่มกองโจรเหล่านี้เป็นต้นสังกัดของพวกเขาจริงหรือเปล่าน่ะ"
              "ภาวนาว่า พวกที่ก่อเรื่องนั้นเป็นตัวปลอมกันบ้างน่า" น็อกกี้บอก
              แจ็สบอก "เฮ้อออ พวกเราน่าจะออกไปในเมืองของพวกยูเนี่ยนพีชกันบ้างน่ะ เพราะเราอยากรู้ว่าพวกชาวต่างดาวที่เราช่วยมาจากฮิชเลไบน์นั้นสบายดีอยู่หรือเปล่าละ"
              "บอกตามตรงน่ะ ว่าตอนนี้....เรารู้สึกเป็นห่วงครูแอนเดรียแล้วละ" ชาร์เครฟบอก ในขณะที่เขากับพวกไทรเมร่าทำความสะอาดบนดาดฟ้ายานกัน
              เรฟไซท์กล่าว "นั้นสิ ตอนที่เรานั่งเรียนหนังสือในช่วงที่ครูแอนเดรียสอนเมื่อวานนั้น รู้สึกเหมือนเห็นเงาครูเป็นปีศาจที่น่ากลัวอย่างมาก ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกกลัวจน ไม่กล้าจะแกล้งหรือแอบทำอะไรด้วยน่ะ"
              "ฉันเองก็เห็นแบบเดียวกับที่นายเห็นมานี้แหละ เรฟไซท์" ฟลาแน็กซ์กล่าว
              พาลกีสบอก "จริงดิ ฟลาแน็กซ์ นี้นายเห็นแบบเดียวกันกับเรฟไซท์ แล้วทำไมไม่บอกกับเราก่อนเลยวะ"
              "ถ้าบอกแล้วพวกนายไม่เชื่อนิ ฉันจะบอกไปทำไมเล่า" ฟลาแน็กซ์บอก
              ไรแกทหันมาถาม "เฮเรเค้น คิดว่าพวกอาจารย์มาสวาร์ทาร์หาทางแก้ที่ดีกว่าติดตัวส่งเสียงตื้ดๆเลยหรือเปล่าละ"
              "นั้นดิ ทุกครั้งที่เราได้ยินเสียงนี้ทีไร มันเหมือนเราเจอกับระเบิดเวลากันนะสิ" ไลเอิร์ทบอก
              เฮเรเค้นส่ายหน้า "บอกตรงๆน่ะ ว่าสภาพของครูแอนเดรียนั้น....เกินระดับที่พวกอาจารย์จะช่วยด้วยวิธีที่ดีกว่านี้แล้วนะสิ"
              "อย่าบอกน่ะ ว่าอาจารย์มาสวาร์ทาร์จะจัดการกับครูแอนเดรียกันจริงๆน่ะ" วูลเฟลล่าบอก
              บราไทน่าบอก "แล้วพวกเราไม่ทำอะไรกันบ้างเลยหรือ"
              "พวกเราก็อยากจะทำอยู่หรอกน่ะ เพราะว่าฉันกับเฮเรเค้นเองก็มีส่วนปิดบังพวกนายกันอยู่" ดิเรนท์กล่าว "แต่.....ถ้าครูแอนเดรียไม่เข้มแข็งพอที่จะต้านทานอำนาจที่เหนือกว่าครูได้ละก็....."
              บัลตาฟรีกล่าว ".....ทำไมเราไม่รีบพาครูแอนเดรียไปอยู่ในที่ไกลๆกันเลยละ อย่างน้อย ครูก็จะไม่ทำร้ายหรือฆ่าใครได้เลยน่ะ"
              "มันไม่เวิร์คหรอก บัลตาฟรี ถ้าเราทำแบบนั้นก็เหมือนเป็นการทอดทิ้งครูให้ด้านมืดนั้นครอบงำง่ายขึ้นกว่าเดิม เผลอๆ ครูอาจจะแค้นจนกลายเป็นปีศาจเร็วกว่าที่คิดไว้น่ะสิ" บุลฟลาทแย้ง
              มัลแด็กซ์กล่าว "ถ้าเรารู้เร็วกว่านี้ละก็น่า....."
              "พวกเธอมัวคุยอะไรกันอยู่ รีบทำความสะอาดบริเวณกราบซ้ายขวาของยานได้แล้ว เดียวทีมซ่อมแซมเกราะยานจะมาจัดการกันต่อน่ะ" บริคซ์กล่าวผ่านโทรโข่งโดยเร็ว เพราะเห็นว่าพวกเฮเรเค้นรวมหัวกันอู้งานอยู่
              "ครับๆๆๆๆ คะๆๆๆๆๆ" แล้วทั้งหมดก็รีบแยกย้ายไปทำความสะอาดกราบซ้ายและขวาของยานไทรแองเกิ้ลโดยเร็ว

              ในขณะเดียวกันที่ห้องประชุมเมนซิกส์ทีน
              "พวกนายคงจะเช็คภาพข้อมูลการก่อเหตุของพวกกองโจรแล้วละสิน่ะ" โดซี่กล่าว
              ทันกุนบอก "แล้วพวกนายได้อะไรมาบ้างละ เพราะว่าพวกเราแทบจะไม่ได้อะไรเลยจากภาพข้อมูลที่ส่งมาน่ะ"
              "ความจริงแล้ว เราได้เยอะแล้วต่างหากละ" โฟรซ่าบอก "เริ่มจากอีเนอไมนด์ของพีทก่อนเลย"
              พีวิลเริ่มบรรยาย "จากที่ได้เห็นภาพพวกอีเนอไมนด์ที่บุกเข้าปล้นทรัพย์และบุกเข้าลอบทำร้ายไปนั้น ผมพบว่า พวกอีเนอไมนด์เหล่านี้ มีส่วนหนึ่งที่เป็นพวกแมนิเกเตอร์สวมเกราะปลอมตัวมาเลยนะสิ"
              "ปลอมตัวด้วยชุดเกราะนะหรือ....นายกำลังจะบอกว่ามีพวกแมนิเกเตอร์แบบมนุษย์สวมชุดที่เลียนแบบพวกอีเนอไมนด์อย่างงั้นละสิ" ทันกุนบอก
              พีวิลพยักหน้า "แพทเทิร์นของพวกอีเนอไมนด์นั้น แม้จะดูเรียบง่ายจนเห็นปุ๊บก็รู้ปั้บแล้ว อาจจะหลอกทุกๆคนให้เชื่อเช่นนั้นจริงๆ แต่....พวกเขาปลอมตัวโดยไม่รู้ว่าขีดความสามารถของยูนิตในกองเป็นเช่นไรบ้าง จนทำให้พวกเขาแสดงออกแบบผิดๆให้เห็นนี้แหละ"
              "ทอฟนิคซ์นั้น แม้ว่าจะเป็นยูนิตที่แข็งแกร่งและไม่ว่องไวกว่าเมดลิคซ์ เมลลิคซ์และกริมลิคซ์กันก็จริง แต่จากที่เห็นในภาพตอนบุกปล้นคลังเก็บสมบัติของชาวฮอชไซน์นั้น หน่วยรักษาความปลอดภัยชาวฮอซไซน์ใช้ปืนยาวเลเซอร์ ยิงใส่ทอฟนิคซ์เหล่านี้ที่วิ่งมาเหมือนพวกนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลเข้า" ลิเนียร์ตี้บอก
    โดยนำภาพพวกทอฟนิคซ์วิ่งบุกชาร์จเข้าใส่พวกรปภ.ชาวฮอชไซน์ ซึ่งยิงปืนยาวเลเซอร์เข้าใส่ "แชดดดด ป้ากกก ป้ากกก ป้ากกก" เลเซอร์กระทบตัวเกราะแต่หยุดพวกทอฟนิคซ์ไม่ได้เลย จน "โครมมม" พวกนั้นชนใส่รปภ.ม้าต่างดาวล้มกลิ้งไป
              ทันกุนเห็นก็นึกขึ้นมาได้ทันที "เดียวก่อนน่ะ ทอฟนิคซ์นั้น ส่วนหน้าอกมันสามารถดูดซับลำแสงและเลเซอร์ได้นิหว่า แต่ไอ้พวกนี้มัน....ไม่ยื่นหน้าอกออกมาเลยน่ะ"
              "ใช่ครับ เพราะว่าแพททรีออทรู้เรื่องที่กองทหารฝ่ายมนุษย์ใช้อาวุธเลเซอร์มาจัดการกับพวกแมนิเกเตอร์แบบหุ่นยนต์ เขาเลยโมดิฟายทอฟนิคซ์ให้มีคุณสมบัติดังกล่าว ซึ่งรุ่นหลังถัดนั้นก็มีความสามารถในการดูดกลืนลำแสงผ่านแผ่นแสงอีเนลเซียมตรงหน้าอก เดียวนี้ปรับเปลี่ยนให้สะท้อนลำแสงกลับได้ ในกรณีที่ลำแสงนั้นยิงแบบรวมแสงเข้าเจาะทะลวงเป้าหมายกันนะครับ" พีวิลบอก "อีกทั้ง กริมลิคซ์เอง ความเร็วตกลงจากตัวจริงไป 30 เปอร์เซนต์ เมดลิคซ์และเมอลิคซ์นั้น ความคล่องตัวถือว่าช้ากว่าพวกอดีตมนุษย์ 40 เปอร์เซนต์ และน้อยกว่าแบบแอนดรอยถึง 60 เปอร์เซนต์ บ่งบอกว่า นี้เป็นพวกแมนิเกเตอร์แบบมนุษย์สวมชุดหลอกแน่นอน"
              โดซี่บอก "แต่ กลุ่มที่บุกเล่นงานกองรบชาวชิคครอทนั้น มันใช้อาวุธตะบองแสงสีน้ำเงินและปืนพลังงานอีเนลเซี่ยมกันน่ะ เพราะตะบองนั้นพอรับพลังงานแสงจากตัวหุ่นก็จะกลายเป็นดาบเลเซอร์ดีๆนี้เองน่ะ"
              "ตะบองนั้น ถึงจะทำให้เรืองแสงได้จริง แต่จากที่เห็นนั้น ตะบองเอนเนอจี้ร็อดที่พวกกองโจรใช้นั้น ตอนฟาดโดนมันควรจะสับตัวเจ้าหน้าที่ชาวชิคครอทให้ขาดเป็นสองท่อนได้ มิใช่ใช้แล้วตัวไม่ขาดเลยนะครับ" พีวิลบอก
              ลิเนียร์ตี้บอก "ตอนที่ฉันเช็คภาพพวกกองโจรที่ใช้อาวุธลำแสงด้วยระบบจับพลังงานอนุภาค ปรากฎว่า มันไม่มีละอองพลังงานอีเนลเซี่ยมขนาดเล็กที่กระจายตัวออกจากลำแสงนั้นเลยนะคะ บ่งบอกได้ว่า อาวุธที่พวกเขาใช้นั้น ถูกปรับเปลี่ยนแสงสีให้เหมือนกับลำแสงอีเนลเซี่ยม ที่มีโทนสีระหว่างฟ้าและน้ำเงิน ซึ่งที่เห็นนั้น ถ้าสีฟ้าไม่สว่างเกินไป ก็เข้มจนเป็นสีกรมท่าไปเลยนะคะ"
              "ขนาดไม่ได้อยู่กับอีเนอไมนด์มานาน ยังรู้เยอะเหมือนเคยอยู่กับพีวิลเลยสิน่ะ" โดซี่ชม ลิเนียร์ตี้หน้าแดงไปนิด
              ทันกุนบอก "แล้วของนายละ คลอเวฟ คิดว่าพวกที่ก่อเรื่องนั้น เป็นพวกของรุ่นพี่ของนายหรือเปล่าละ"

              "บอกตรงๆน่ะ ว่าฉันได้เห็นภาพส่วนหนึ่งแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรจากที่พีวิลและลิเนียร์ตี้เห็นเลยนะสิ" คลอเวฟบอก
              เนคมาดูซัมบอก "นายบอกว่า แอทแลนไทซ์ที่ก่อเรื่องด้วยนั้น ก็เป็นพวกแมนิเกเตอร์แบบมนุษย์สวมเกราะด้วยสิน่ะ"
              "แต่ นั้นอาจจะเป็นอดีตมนุษย์ที่กลายเป็นแอตแลนไทซ์ก็เป็นได้กระมั่ง" ฟิเกซบอก
              คลอเวฟส่ายหน้า "ไม่มีทางอยู่แล้วละ ฟิเกซ แอตแลนไทซ์ทั้งหมด ล้วนเป็นแมนิเกเตอร์หุ่นยนต์ทั้งนั้น เพราะ....ไอ้เกซเฟลิค เห็นว่าแมนิเกเตอร์แบบอดีตมนุษย์นั้น ปวกเปียก อ่อนแอ อายุขัยสั้น เหมาะจะเป็นเป้าล่อมากกว่าส่งไปรบแนวหน้า ซึ่งความเชื่อดังกล่าวนั้นถูกถ่ายทอดไปยังแอตแลนไทซ์รุ่นแรกๆ จนกระทั่งโอเวอร์เดสก่อตั้งครอสตรีมและอีเนอไมนด์ขึ้นมา ซึ่งทั้งสองกลุ่มก็สำแดงเดช จนทำให้เกซเฟลิคได้ทำหน้าเซ็งเป็ดเสียเองน่ะ"
              "และหัวหน้าเก่านายก็หลบอยู่ใต้น้ำ หลังจากที่พวกเราโผล่มาเลยละสิน่ะ" สเตฟอร์ดบอก เพราะว่าตน โฟรซ่าและไซโคลเนียร่วมรบกับพวกโซลูนาสตี้ หลังจากที่พีวิลและพวกปราบอีเนอไมนด์ของแพททรีออทลงไปได้แล้ว
              คลอเวฟพยักหน้า แล้วก็เข้าเรื่องต่อ "แค่เห็นพวกสปาดาไนซ์ กูก็เดาออกได้แล้วละ ว่าไอ้พวกนี้เก้ร้อยเปอร์เซนต์ เพราะ....ไม่ว่ารุ่นเก่าหรือใหม่ สปาดาไนซ์มีขาท่อนล่างที่เล็กและบางกว่าเมดลิคซ์และเมลลิคซ์ แต่ไม่บางจนเดินๆอยู่แล้วล้มหัวทิ้มหรือหลังฟาดพื้นกันได้หรอกน่ะ"
              "มันก็จริงนะคะ เพราะว่าที่เราเห็นมานั้น ส่วนขาของพวกสปาดาไนซ์นั้น มันมีขนาดเท่ากับขามนุษย์ หากแต่ตัวเกราะถูกแต่งสีเพื่อหลอกว่าขาท่อนล่างบางกว่าเลยน่ะ" รีฟบอก
              นิคกล่าว "คิดว่า มีคนที่ตัดขาแล้วเอาขาแบบสปาดาไนซ์มาต่อกันบ้างหรือเปล่าละครับ"
              "ถึงทำอย่างงั้น มันก็ไม่คุ้มกับที่ต้องตัดขาทิ้ง เพื่อปลอมเป็นไอ้พวกขาตะเกียบกันหรอกน่า นิโคลัส เผลอๆ คนที่ปลอมตัวอาจจะต้องใส่ขาเทียมตลอดชีวิตไปเลยนะสิ" ทันกุนบอก คำว่าขาตะเกียบที่เอ่ยถึงมานั้น เป็นอีกชื่อเล่นของพวกสปาดาไนซ์ที่มีท่อนขายาวเป็นแท่งๆ แม้ว่าตอนนี้มีการเสริมขาให้หนาด้วยเกราะหรือวัตถุห่อหุ้มให้ดูหนาแล้วก็ตาม
              คลอเวฟบอก "และพวกที่ปลอมตัวเอง คิดว่าการก็อปปี้บูสเตอร์ไฮโดรฟอสด้วยจรวดน้ำนั้น อย่าว่าแต่ฉันเลย ไอ้คุณพี่มาเห็นเข้า อาจจะหัวเราะเยาะเย้ยได้นะสิ" เพราะพวกทหารระดับกลางอย่างมิลมีซอน และระดับหนักกับหัวหน้าหน่วยอย่างไทป์เฮอคูลอนแบกบูสเตอร์หนาและใหญ่เกินกว่าตัวจริง ซึ่งมีน้ำไหลซึมออกจากแทงค์หรือไม่ก็กระฉอกออกตอนวิ่ง แม้จะปล่อยน้ำพุ่งแรงได้จริง แต่ก็ไม่แรงพอจนส่งทั้งสองแบบขึ้นสูงได้เลย ส่วนพวกที่พยายามเลียนแบบการยิงอาวุธจากแทงค์ด้านหลังนั้น ก็เหมือนเป็นการยิงปืนฉีดน้ำกระบอกโตๆ ซึ่งไม่ทำอันตรายใดๆต่อพวกสมาพันธ์อวกาศเลย
              "แถมพวกนี้ มันไม่ได้ถือขวานถือตะบองแบบเดียวกับพวกพ้องของนายเลยสิน่ะ" แอบไบออสบอก คลอเวฟพยักหน้า
              จายด์บอก "แต่ยังมีส่วนหนึ่งที่บุกจู่โจมพวกอควาร็อกซ์ ซึ่งไม่เพียงถืออาวุธแบบเดียวกันกับพวกแอทแลนไทซ์ แต่พวกนี้พุ่งทะยานขึ้นสูงด้วยบูสเตอร์พลังน้ำ และใช้พลังน้ำยิงถล่มแนวกำแพงจนทะลุได้เลยน่ะ" แล้วก็นำภาพที่ตนอ้างมาให้คลอเวฟดู
              "อืมมมมมม ถ้าเป็นตอนใช้อาวุธกับใช้บูสเตอร์พุ่งนั้น มันก็จริงอย่างที่นายว่ามาอยู่หรอกน่ะ" คลอเวฟดูอย่างพิจารณา "แต่....เฮอคูลอนมันขยับตัวเร็วเกินไปหน่อยน่า"
              เนคมาดูซัมบอก "เร็วไปหรือ นายพูดเหมือนดูถูกพวกพ้องของนายเองหรือเปล่าน่ะ"
              "คลอเวฟพูดถูกแล้วน่ะ เพราะว่าแอทแลนไทซ์ส่วนมาก นอกเหนือจากสปาดาไนซ์นั้น ยิ่งระดับสูงมาก ยิ่งมีความเร็วและความคล่องตัวช้าตามไปด้วยนะสิ" มาสวาร์ทาร์บอก
              คลอเวฟกล่าว "เฮอคูลอนนั้นเป็นมีลมีซอนที่ผ่านการเสริมความแกร่งของขนาดตัวด้วยโครงโลหะที่หนา ก่อนจะประกอบแผ่นโลหะอัลตร้าสติลขนาดหนักไว้จนมีขนาดตัวใหญ่ หากแต่ความหนักของตัวที่มากขึ้นนั้น จำต้องใช้แบ็คแพ็คบูสเตอร์ไฮโดรฟอสใหญ่ตามไปด้วย ซึ่งมีน้อยตัวที่วิ่งเร็วเหมือนในภาพนี้ เพราะทางเดียวที่จะไปให้เร็วได้ ก็คือพุ่งกระโจนด้วยไฮโดรฟอสเข้าใส่จากระยะไกลเท่านั้นแหละ"
              "หรือบางส่วนที่ไปไม่ไหวเลยทำหน้าที่เป็นพลปืนใหญ่เลยสิน่ะ" จายด์บอก
              คลอเวฟพยักหน้า "โชคดีมากที่ฉันได้ตำแหน่งกราดิเอเตอร์มารีน ซึ่งฉันเลือกสิทธิ์ในการเสริมเกราะลำตัวให้หนา แต่ยังคงความคล่องตัวไว้ เพราะฉันอยากจะตรงไปกระทืบเป้าหมายให้เร็วที่สุด มากกว่าไปแบบเต่ากระดองหนาใหญ่แล้วปล่อยให้เป้าหมายลอยนวลและมาเยาะเย้ยใส่กันนะสิ"
              "แล้วนายไม่คิดว่าจะมีเฮอคูลอนที่เพิ่มสมรรถนะภาพด้วยพลังในตัวกันบ้างเลยหรือ" สเปียริทถาม
              คลอเวฟกล่าว "ถ้ามีจริง ไอ้คุณพี่ก็คงส่งไอ้พวกนี้มาโผล่ตรงหน้าฟูลบาร์ไปนานแล้วละ แต่ที่ยังไม่มี เพราะไอ้คุณพี่ยังเห็นว่าพวกเรายังเร็วไป สำหรับการใช้พลังเสริมสมรรถนะภาพนั้น ถึงทำได้จริง มันก็สร้างภาระกับภายในร่างกายได้ง่ายและหนักหนาที่สุดกันนะสิ"
              "เพราะนายอยากจะใช้พลังกับระบบปืนใหญ่ของนายอย่างงั้นสิน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
              คลอเวฟพยักหน้า "แต่จากการที่ฉันพาพวกนายกำชัยชนะในการแข่งสแมคบอลนั้น เริ่มทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าต้องมีแอตแลนไทซ์สักตนที่คิดอยากจะทะลุขีดจำกัดทางร่างกายกันเสียแล้ว ซึ่งสิ่งที่ยัยบื้อว่ามา อาจจะเป็นไปได้จริงแน่ๆ เพียงยังไม่ใช่ตอนนี้นะสิ"
              "แปลว่า แอตแลนไทซ์ยังเร็วเกินไปที่จะทำให้ตนเองรวดเร็วกว่าอีเนอไมนด์โดยที่ไม่ทำให้ตนเองเจ็บตัวเลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมบอก "มาส ตานายแล้วละ"
              มาสวาร์ทาร์อธิบาย "อย่าว่าแต่ฉันเลย อากาเมมนอสมาเห็นเข้า คงต้องบอกได้เลยน่ะ ว่าพยายามได้ดีมาก กับการเลียนแบบพวกครอสตรีมอย่างพวกเรา ซึ่ง....ไม่ใช่อย่างแรงเลยน่ะ"

              "ไม่ใช่นะหรือ พวกกองโจรเหล่านั้นมันใช้อาวุธเหมือนกับของพวกนาย อย่างหอก ดาบเรเฟียร์และดาบยาวครอสเซี่ยมไปสู้กับพวกเวอเกรีย พวกมอนคาเพคซ์และพวกเลโอเซนได้เลยนะ" สเปียริทบอกตามภาพที่เธอเห็นมา ซึ่งครอสตรีมชั้นพาราไดน์ใช้ดาบสู้กับมอนคาเพคซ์ เทมพาล่าใช้หอกสู้กับพวกเวอเกรีย ส่วนครูเซเดนซึ่งเป็นอัศวินเกราะหนา ใช้ทวนใหญ่และดาบใหญ่ปะทะกับพวกเลโอเซน
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เธออาจจะเห็นเช่นนั้นก็จริง แต่....อาวุธที่กองโจรใช้นั้น มันแวววาวเกินกว่าจะเป็นอาวุธที่ทำด้วยผลึกครอสเซี่ยม ถึงแม้อาวุธจะเรืองแสงจากการเอามือลูบเพื่อฉาบพลังงานใส่ แต่ที่เห็น พลังการทำลายมันไม่เพิ่มขึ้นตาม บ่งบอกได้ว่า การฉาบแสงนั้นใช้สารเรืองแสงที่ซ่อนไว้ใต้ฝ่ามือหรือกำไลข้อมือโรยให้เรืองแสงกันซะมากกว่า"
              "เพราะอาวุธที่เรืองแสงจากกระบวนการฉาบคมด้วยพลังงานผ่านมือ หรือใช้มืออัดพลังงานเข้าไปนั้น จะมีพลังเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่าหรือ 4-5 เท่าตามขีดความสามารถของแมนิเกเตอร์แต่ละเผ่าเลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
              มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "พวกกองโจรเหล่านี้อาจจะตบตากองกำลังสมาพันธ์อวกาศให้หลงเชื่อ แต่มิใช่กับตัวจริงอย่างพวกเรากันหรอกน่ะ เพราะถึงจะทำให้เหมือนยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่ดี"
              "แล้ว นายจะอธิบายเรื่องที่เทมพาล่าปล่อยสายฟ้านี้ยังไงละ" ทันกุนบอกโดยนำภาพเทมพาล่าปล่อยพลังสายฟ้าจากฝ่ามือ ใส่พวกเจมิเนลที่เป็นต่างดาวสองสีสองซีกจนต้องหลบเข้ากำบัง
              มาสวาร์ทาร์บอก "เทมพาล่าเหล่านี้อาจจะปล่อยสายฟ้าจากฝ่ามือได้ก็จริง แต่....คาออสติคสตอร์มของเทมพาล่านั้น ควรจะผ่าจากเบื้องบนมากกว่าการปล่อยจากฝ่ามือตรงๆ เพราะพลังสายฟ้านั้นเกิดจากการใช้กระแสจิตควบคุมพลังครอสเซียมขึ้นไปยังฟากฟ้า ให้ก่อตัวมาในรูปของอัสนีบาตลงมา ซึ่งสายฟ้าจะมีการฟาดอย่างต่อเนื่อง ขึ้นกับการฝึกฝนของเทมพาล่าไปได้ไกลและมีประสบการณ์มากแค่ไหนด้วย ยิ่งฝึกซ้อมมาอย่างโชกโชน พายุสายฟ้าจะฟาดลงมามากกว่า 10 ที มีรัศมีวงกว้างมากกว่านี้ และพลานุภาพต้องแรงกว่านี้ มิใช่สาดเป็นสายฟ้าจากผ่ามือแบบที่เห็นมา เพราะนั้นเป็นการทำลายมือทางอ้อมเปล่าๆ"
              "นายจะบอกว่า พลังครอสเซี่ยมที่ใช้สร้างพลังสายฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของเทมพาล่านั้น มันเยอะขนาดนั้นเลยหรือ" จิลบอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า
              พลัสเชอริทบอก "คาออสติคสตอร์มมีพลังอนุภาพเทียบเท่าโรงพลังงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ 3 แห่งรวมกัน อีกทั้งครอสตรีมล้วนเป็นพวกอดีตมนุษย์ การใช้พลังที่มากขนาดนี้ ถ้าไม่เสียแขนหนึ่งหรือสองข้าง ย่อมอาจจะทำลายตัวเองไปด้วย"
              "แค่แห่งเดียวก็แย่พอแล้วน่ะ" ทันกุนบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "เพราะอย่างงั้นแหละ เทมพาล่าต้องใช้วิธีสร้างพลังครอสเซี่ยมขึ้น เหนือหัวและส่งขึ้นฟ้าให้ก่อตัวเป็นพลังสายฟ้าจากระยะไกลเท่านั้นแหละ" แล้วก็บอกไปว่า "อีกทั้งพวกครอสตรีมที่เห็นนั้น บางส่วนยิงปืนแสงโชลเดอร์บีมกันได้ แต่บางส่วน เหมือนเอาไฟฉายมาติดบ่าซะมากกว่าน่ะ"
              "และบางส่วนนั้นถึงประกอบโลห์ได้ แต่โลห์ก็เหมือนโฟมแปะบอร์ดพลาสติกดีๆนี้เองละว้า" คลอเวฟบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "และมีบางส่วนที่ค่อนข้างชักช้ากับเร็วเกินไปด้วยสิน่ะ" และหันมายัง "สเตฟอร์ด โฟรซ่า ไซโคลเนีย ถึงคราวพวกนายสรุปผลแล้วละ"

              "ได้อยู่แล้ว บอกตามตรงน่ะ ว่าพวกนี้พยายามไม่น้อยที่จะเลียนแบบพวกเราอย่างมาก โดยหวังให้พวกสมาพันธ์อวกาศเห็นและเชื่อสนิทตามที่พวกนั้นต้องการ จนทำให้เราพลอยเชื่อตามไปด้วยก็จริง" โฟรซ่าบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "แต่ สุดท้ายเราก็รู้ว่า ไอ้พวกนี้ทำเหมือน แต่ไม่เนียนเอาเสียนะสิ"
              "แล้วไอ้ที่เหมือนแต่ไม่เนียนนิ ช่วยบอกได้มั้ย ว่ามันตรงไหนกันวะ" ทันกุนบอก เพราะเขามีประสบการณ์ในการรบกับพวกโซลูนาสตี้น้อยกว่าแดน มาร์ติน พ่อของเฟรด และหัวหน้าหน่วยวิหคเงารุ่นแรก
              สเตฟอร์ดบอก "ก่อนอื่นนั้น พวกเบทชอนนั้น เหมือนกับพวกอีเนอไมนด์เก้กับสปาดาไนซ์ปลอม กล่าวคือเป็นพวกสวมเกราะเพื่อมาหลอกพวกเราให้หลงเชื่อตามจากสภาพเกราะที่ตกแต่งมาดี" แล้วก็บอก "ซึ่งพวกเบทชอนตัวจริง ไม่ว่าชายหรือหญิง ล้วนต้องใช้แขนขาเทียมที่เรียวยาวและสมส่วนกว่า ซึ่งแขนขาเหล่านั้น ถูกดัดแปลงมาให้เป็นอาวุธกันอีกด้วย"
              "เธอหมายถึง เรซเซอร์อาร์ม แขนและมือสับวัตถุด้วยคลื่นความถี่สูงละสิน่ะ" โดซี่บอก "แต่.....ต่อให้ใช้คลื่นความถี่สูงที่มีพลังเทียบเท่ากับเบทชอนตัวจริงนั้น....มันต้องใช้พลังไม่น้อย ซึ่งนั้นหมายถึง..."
              โฟรซ่าพยักหน้า "คลื่นความถี่ที่เยอะเกินจะย้อนกลับมาฉีกเส้นเอ็นหรือพังกล้ามเนื้อให้กระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ดีไม่ดี คนที่สวมชุดปลอมตัวอาจจะเสียมือหรือแขนไปเลยก็ได้ ดังนั้น การใช้คลื่นความถี่สูงโดยไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัว ก็ต้องใช้จากแขนที่ทำด้วยเหล็กหรือเป็นแขนเทียมเท่านั้นแหละ"
              "แล้วจะอธิบายเรื่องที่เธอบิดปุ่มตรงข้อมือด้านในกันยังไงละยะ" สเปียริทกล่าว
              โฟรซ่าบอก "ก็แค่ปรับเส้นเอ็นเทียมที่ถูกคลื่นความถี่สูงเบี่ยงเบนให้เข้าที่เข้าทางก็เท่านั้นเองแหละยะ"
              "ส่วนเซนเครูทนั้น เท่าที่เห็นมา แทบมีน้อยตัวที่โลดโพนโจนทะยานหลบหลีกกระสุน เพราะส่วนมากวิ่งช้ากว่าหรือวิ่งตรงไปแบบคนสิ้นคิด ในขณะที่เกรมฮอร์ทนั้น นอกเหนือจากวิ่งชาร์จด้วยส่วนเกราะหัวไหล่แข็งและหนาน้อยกว่าของแท้แล้ว แทบไม่มีตัวไหนกระโดดสูงและทิ้งตัวลงมากระทืบพื้นเลยนะสิ" สเตฟอร์ดกล่าว โดยนำภาพมาให้ดู
              เจเนลบอก "มันก็จริงอยู่น่ะ พวกนี้ก็เหมือนเซนเครูท หากแต่พวกนี้วิ่งอยู่แถวหน้า เพื่อเซฟพวกเซนเครูทเก้จากลำแสงที่ฝ่ายตรงข้ามยิงมาเท่านั้นเอง"
              "แล้ว....นายจะอธิบายไอ้พวกตัวโตที่บุกมาเล่นงานหน่วยรบที่ 16 ของกองรบที่ 4 ฝ่ายพันธมิตรมนุษย์กันยังไงละ" ทันกุนนำภาพพวกเกรมฮอร์ทกระโดดขึ้นสูงและทิ้งตัวลงมา
              สเตฟอร์ดบอก "จัมป์บูสต์ยังไงละ เพราะเกรมฮอร์ทตัวจริงที่กระโดดขึ้นสูงไปนั้น จะโดดด้วยกล้ามเนื้อขาเพียวๆ แต่ที่เห็นอยู่นั้น มันโดดแล้วมีช่วงที่พื้นถูกเป่าระเบิดกระจายเหมือนกับไอพ่นจรวด แม้จะเห็นมันโดดขึ้นเพียงแค่ 10 มิลลิเมตรก็ตามน่ะ" แล้วก็พูดต่อ "อีกทั้งรองเท้าของเกรมฮอร์ทปลอมนั้นมันหนาเกินกว่าตัวจริง เพราะเกรมฮอร์ทเป็นแมนิเกเตอร์อดีตมนุษย์ที่ดัดแปลงใส่กล้ามเนื้อเทียมขนาดหนา เพื่อให้มีพละกำลังเหนือมนุษย์และมีความแข็งแกร่งทนทายาทอย่างมาก มากพอที่จะป้องกันตัวเองจากกระสุนและอาวุธระดับอ่อนๆ รวมถึงการตกจากที่สูงกันด้วยน่ะ" พร้อมกับยกรองเท้าขึ้นมาดู
              "แค่ถอดรองเท้าออกมาให้เราดูก็ได้ ไม่ต้องยกเท้าโชว์จนเหมือนนายอยากกวนส้นเท้าพวกเราเลยนะ" คลอเวฟบอก
              ไซโคลเนียบอก "เออ คงไม่ได้หรอก เพราะเดียวพวกเราอาจจะน็อกสลบจากกลิ่นฝ่าเท้าของสเตฟอร์ดซะมากกว่าน่ะ"
              "เกินไปหน่อยกระมั่ง ไซโคลเนีย เท้าของฉันไม่มีทางเหม็นหรอกน่ะ จริงมั้ยละ พวกเรา" สเตฟอร์ดหันมายังพีวิล เจเนล โฟรซ่า ซึ่งทำหน้าบึ้งใส่ ไซโคลเนียเองก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย
              เนคมาดูซัมบอก "ขนาดอดีตลูกทีมหน่วย 54 ยังยืนยันมาขนาดนี้ นายคงไม่ปฏิเสธหรือเฉไฉออกนอกประเด็นกันอีกน่ะ สตีฟ"  
              "รู้แล้วน่า เนคมาดูซัม" สเตฟอร์ดบอกอย่างเจื่อนๆ
              สเปียริทกล่าว "ถึงแม้ว่าพวกนายจะรู้ว่ามีบางส่วนเป็นพวกแอบอ้างและปลอมตัวมาใส่ความพวกเรากันก็จริง แต่.....บางภาพนั้น.....แทบแยกความแตกต่างไม่ออกเลยนะ"

              "ไอ้ภาพที่เธอว่ามานี้แหละ คือตัวปัญหาละ เพราะพวกที่อยู่ในภาพคลิปเหล่านั้น มันลงมือเหมือนกับตัวจริงเป๊ะๆเลยน่ะ" คลอเวฟบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "พวกนี้ใส่ชุดและแต่งกายเหมือนตัวจริงไม่ว่า แพทเทิร์นการต่อสู้ก็เหมือนกันจนแยกไม่ออก ยิ่งพวกเรามีตั้งสิบกลุ่มกันด้วย ยิ่ง....เฮ้อออออ" ประโยคหลังนั้นไซโคลเนียถอนใจด้วยความจนปัญญาอย่างมาก
              "แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ต่างไปน่ะ ทั้งสี่พวก....ไม่มีคลาสลูกผสมเลยน่ะ" แอบไบออสบอก
              ลิเนียร์ตี้ร้องอ้อ "เออใช่ อีเนอไมนด์พวกนี้ ไม่มีพวกอะเดปติคซ์และคอมแบททริคซ์เลยน่ะ ครอสตรีม แอทแลนไทซ์และโซลูนาสตี้เองก็ไม่มีด้วย"
              "นั้นสิ นั้นเป็นอีกอย่างที่แยกพวกกองโจรเหล่านี้จากพวกสี่เผ่าในสหพันธมิตรของพวกเราได้น่ะ เพราะพวกสี่กลุ่มที่ถูกส่งออกจากโลกไปอวกาศ จะต้องมาที่ระบบเจเนซิลให้ไซมาเทนรับผิดชอบและส่งแต่ละกลุ่มไปอยู่ดาวดวงต่างๆที่อยู่ใกล้กับระบบเจเนซิล ซึ่งทั้งสี่กลุ่มมีการพัฒนาด้านกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อมารับมือกับพวกเราที่เหนือกว่าและแข็งแกร่งกว่า หลังจากที่เราโค่นสี่กองรบของไซมาเทนไปแล้วน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              พลัสเชอริทกล่าว "และจากการวิเคราะห์พวกแมนิเกเตอร์กองโจรเหล่านี้ แปลว่ากลุ่มนี้คงไม่ได้อัพเดทข้อมูลบุคลากรเพิ่มเติมกันแน่นอน โดยยังใช้กลุ่มแมนิเกเตอร์แบบที่อยู่บนโลกหรือก่อเรื่องบนโลกมาก่อนน่ะ"
              "แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกมั่ง พวกเรากวาดพวกโอเวอร์เดสจนราบคาบไปหมดแล้ว ไม่น่าเหลือสแปรหรือเศษเดนลอยนวลมาได้หรอกน่า" คลอเวฟบอก
              โดซี่กล่าว "แต่ถ้าพวกนี้มาจากโลกและโผล่มาที่เขตอวกาศของทางสมาพันธ์ได้จริง....นั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแล้วน่ะ"
              "เออ ขอขัดจังหวะหน่อยนะคะ ซีคเทมพลาร์ติดต่อมาด้วยเหตุฉุกเฉินนะคะ" แอมเบอร์โผล่มา
              เนคมาดูซัมเลยปิดข้อมูลภาพลง "ต่อสายมาเดียวนี้เลย" แล้วโฮโลแกรมของแอสเทลน่าโผล่มากลางโต๊ะ เนคมาดูซัมถาม "เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ แอสเทลน่า"
              "มีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่ดิสก์เวิร์ดแล้วนะสิ จอมพลอาร์แซนและประธานสภาบาแลมโซ่แจ้งให้ทุกกองกำลังที่ยังไม่มีงานหรืออยู่ใกล้กับดิสก์เวิร์ด รีบมาโดยเร็วแล้วน่ะ" แอสเทลน่าบอก ทั้งหมดตกใจขึ้นมา
              สเปียริทกล่าว "มีเหตุร้ายขึ้นที่ดิสก์เวิร์ดนะหรือ..."
              "แอสเทลน่า คุณลาเลียและลูกๆเป็นไงบ้างละ" แอบไบออสกล่าวอย่างร้อนใจ
              แอสเทลน่าบอก "สิบเอกโจเซฟ พวกเขายังปลอดภัยดีอยู่ ดังนั้น นายวางใจได้เลยน่ะ" แล้วก็บอกว่า "หากแต่ตอนนี้ พวกนายทั้งหมดรีบออกไปพร้อมกับยูเนี่ยนพีชโดยเร็วเลย"
              "เข้าใจแล้วละ แอสเทลน่า" เนคมาดูซัมบอก แล้วก็แจ้งบอก "คลอเวฟ แจ้งบอกบริคซ์และทุกๆคนในยานลำนี้ ให้เตรียมตัวออกบินในอีก 2 นาที พวกเราทั้งหมด เตรียมพร้อมออกปฏิบัติการณ์เอาไว้ได้เลย"
              ทั้งหมดกล่าว "รับทราบ!!!!"
              "แสดงว่าตอนนี้ เกิดเรื่องขึ้นแล้วสิคะ" แอนเดรียบอก เมื่อเห็นลูกเรือวิ่งกันวุ่นไปทั่ว
              อีธานบอก "ใช่ เท่าที่ฟังจากลูกเรือในยานว่ามา ตอนนี้ดิสก์เวิร์ดเจอเรื่องร้ายขึ้นมาน่ะ"
              "เออ แปลว่าตอนนี้ มีคนไม่ดีรังควานโจเซฟินกับเกร็กเลยหรือคะ" แมบิลีนเอ่ยถึงลูกสาวและลูกชายของแอบไบออสที่อยู่กับลาเลีย ผู้เป็นแม่ที่ดิสก์เวิร์ดอยู่
              เอโอลีนบอก "อย่ากลัวไปเลยจ๊ะ คุณลาเลียยังมีนายพลเกรเบคและนายพลมิลเดียอยู่ พวกเขาจะช่วยคุ้มครองพวกคุณลาเลียรวมถึงโจเซฟินและเกร็กด้วยน่ะ"
              "งั้นหรือคะ อย่างน้อยพวกคุณน้าพีวิลก็น่าจะช่วยทุกๆคนได้เช่นกันนะคะ" แมบิลีนบอก
              แอนเดรียพยักหน้า "ใช่จ๊ะ ฉันหวังให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีเลยน่ะ" หารู้ไม่ว่านั้นทำให้เครื่องนั้น "ตื้ดๆๆๆๆๆ" ส่งเสียงเตือนดังขึ้นและ "เปรี้ยะๆๆๆๆ" ช็อตแอนเดรียอย่างจังๆ
              "ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ คุณน้าแอนเดรีย" แมบิลีนกล่าว
              แอนเดรียบอกโดยที่เธอยังรู้สึกเจ็บอยู่ "ฉันไม่เป็นไรหรอกน่ะ แมบิลีน แม้ฉันพยายามจะทำใจให้สบายแล้ว แต่ก็...."
              "ถ้าไม่ไหวละก็ ฉันจะเซตให้ชุดล็อกตัวเธอไว้ก็ได้น่ะ" เอโอลีนบอก
               แอนเดรียส่ายหน้าและบอกว่า "ไม่ต้องหรอกคะ ฉันพอจะรับมือกับเรื่องนี้ได้นะคะ" แม้ในใจนั้น.... "ขนาดฉันพยายามทำใจให้สบายแล้ว ยังเป็นแบบนี้ ไม่ดีแล้วละ"
              "นี้เราต้องไปอีกหรือคะ คุณแม่" ยูเรน่ากล่าวกับอาชิลน่าที่อยู่ในยาน
              "ดิสก์เวิร์ดเกิดเหตุร้ายขึ้น แม่จำต้องรีบไปเพื่อแก้สถานการณ์กันโดยเร็วนะจ๊ะ" อาชิลน่าบอก และหันมายังนายทหารชาวเดลอาเนี่ยนหญิง ซึ่งมีสีผิวสีเหลืองแบบมนุษย์ แต่มีสีซีดเท่านั้นเอง "ผบ.แอลิล ฉันฝากยูเรน่าให้ด้วยนะคะ"
              "เธอกับพวกรีบไปโดยเร็วจะดีกว่าน่ะ ฉันจะดูแลยูเรน่าเอง" แอลิลกล่าว อาชิลน่าพยักหน้าและรีบขึ้นยานไฮด์เดาท์ ซึ่งก็ลอยลำขึ้นจากท่าจอดยานตามหลังไทรแองเกิ้ล อินสเปคทรัลและแทนทารัส "ครืนนนนนนนนนนน" จากนั้นยานทั้งสี่ลำทะยานออกนอกดาวไป
              "หนูแค่อยากจะบอกกับคุณแม่ในสิ่งที่หนูเห็นบางอย่างก็เท่านั้นเองนะคะ" ยูเรน่าบอก
              "ว่าแต่ หนูบอกน้าได้มั้ย ว่าหนูเห็นอะไรกันน่ะ" แอลิลถาม
              ยูเรน่ากล่าว "เออ หนูเห็นเงายักษ์ผู้หญิงขนาดใหญ่ มีแขนสิบแขนอยู่ด้านหลังพี่สาวในกลุ่มไทรเวเซอร์ที่มารับบรูทูซและแฟลิลกลับขึ้นยานเมื่อกี้นี้นะคะ"
              "แล้ว พี่สาวตนไหนที่หนูเห็นเงาร่างยักษ์กันละจ๊ะ" แอลิลถาม
              ยูเรน่าบอก "พี่สาวหุ่นแอนดรอยผิวสีม่วงวาวๆผมสีออกทองๆ ในชุดเสื้อแขนกุดสีเขียวกางเกงสีดำติดแถบข้างสีขาวนะคะ น้าแอลิล"
              แอลิลได้ฟัง จึงได้รู้ว่า "สเปียริทนะหรือ....หนูตาฝาดหรือเปล่าละจ๊ะ"
              "หนูไม่ได้ตาฝาดเลยนะคะ คุณน้าแอลิล แม้จะเห็นแวบเดียว แต่หนูก็เห็นจริงๆนะคะ" แอลิลยืนยัน
              ยูเรน่าบอก "งั้นน้าจะพาหนูไปอยู่ในห้องพักรับรองจะดีกว่าน่ะ"

              "แฟ้ววววววววว แฟ้ววววววววว แฟ้วววววววววว แฟ้ววววววว แฟ้ววววววว" เรเซเฟียร์พุ่งมายังระบบเมฆอวกาศริชเวิร์ท พร้อมกับยานรบทั้งสี่ลำ ซึ่งยานทั้งห้ามาเจอกับ.... "กองยานฝ่ายพันธมิตรมนุษย์และแพลตตินั่มอามาด้านิน่า" ลิเนียร์ตี้กล่าว เมื่อเห็นกองยานวอร์ครุยเซอร์และยานชั้นออบิททรัลอยู่ห่างจากดิสก์เวิร์ดไปอย่างมาก
              โฟรซ่าบอก "แพลตตินั่มอามาด้ามาเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆเลยละ"
              "มีสัญญาณต่อตรงมาจากยานธงของแพลตตินั่มอามาด้าและยานวอร์ครุยเซอร์ของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์เข้ามานะคะ" แอมเบอร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ต่อสายเข้ามาเลย แอมเบอร์" แล้วหน้าจอมอนิเตอร์เปิดภาพนักรบชาวดาวฤกษ์ที่อยู่ฝั่งขวา ในขณะที่ฝั่งซ้ายเป็นภาพของโทมาส "กานาฟ่าซารีทิส เอสเซคาร่าซาดีริล แล้วก็ ผบ.ฮาซาเดน พวกเรามาถึงแล้วละครับ"
              "กานาฟาซารีทิส เนคเกอร์ มาสซั่ม กองกำลังไทรเวเซอร์ แบ็คไซด์คอมแบทฟอส แล้วก็กองกำลังยูเนี่ยนพีชด้วย ดีแล้วที่พวกท่านทั้งหลายรอดจากการต่อสู้กับพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตในระบบดาวของเอทพลาเนสแล้วกลับมาได้น่ะ" ซาดีริล เอสเซคาร่าผู้นำกองยานในครั้งนี้กล่าว
              พีวิลบอก "ว่าแต่ เกิดอะไรขึ้นที่ดิสก์เวิร์ดนะครับ"
              "ก่อนอื่นเลยน่ะ ตอนนี้ เกรเบคและมิลเดีย รวมถึงกองทหารที่ประจำการในดิสก์เวิร์ดนั้น ได้เข้าคุ้มกันเขตชุมชนส่วนนอก รวมถึงเขตเมืองใกล้เคียงกับหอเซนเตอร์บาเบลเอาไว้แล้ว แน่นอน ว่าคุณลาเลียและครอบครัวเองก็อยู่ในคฤหาสน์กันแล้วน่ะ" โทมาสบอก แอบไบออสที่อยู่ด้วยนั้นก็วางใจขึ้นมา "หากแต่ พื้นที่บางส่วนนั้น ยังถูกพวกกริเดี้ยนโร็คเข้ายึดอยู่ โดยที่พวกนั้นไม่เพียงมีอาวุธในมือ แต่ยังมีตัวประกันจำนวนหนึ่งในพื้นที่ถูกยึดอีกด้วยน่ะ"
              เจเนลบอก "กริเดี้ยนโร็คมาอีกแล้วหรือ คราวนี้มันโผล่มาที่มหาวิทยาลัยแห่งเดิมกันอีกละสิ"
              "แย่กว่านั้น พวกกริเดี้ยนโร็คยึดบริษัทไอที สำนักทนายความ บริษัทเงินทุน ธนาคารต่างดาว คอนโดใหญ่ของเหล่าผู้บริหาร พื้นที่อุตสาหกรรม ศูนย์การค้าใหญ่ แถมยังลงมือในเวลาเดียวกัน จนหน่วยรักษาความปลอดภัยโต้ตอบไม่ทันเลยน่ะ" โทมาสบอก "ถึงแม้ว่าพวกนี้ไม่สามารถบุกเข้าถึงเซนเตอร์บาเบลได้ แต่คงไม่ดีแน่ๆ หากเราปล่อยให้พวกนั้นเอาตัวประกันมายิงทิ้งทีละรายสองราย โดยที่พวกเราไม่ทำตามข้อเสนอของพวกนั้นเลยน่ะ" โดยนำแผนที่ตำแหน่งที่พวกกริเดี้ยนโร็คเข้ายึดอยู่
              โคเซวิคบอก "ว่าแต่ ไอ้แก็งค์มาเฟียแสบนั้น มันต้องการอะไรกันมิทราบละ ผู้การทอมมี่"
              "พวกกริเดี้ยนโร็คยื่นคำขาดมา ว่าหากทางเราไม่ส่งตัววุฒิสมาชิกวิลแซนด์มา พวกนั้นจะเชือดตัวประกันทิ้งให้ดูกันจะๆ และพวกนั้นจะขยับขยายการบุกยึดเข้าไปถึงเขตชุมชนรอบนอกเขตเมืองอีกด้วยน่ะ" โทมาสบอก
              เนคมาดูซัมบอก "วุฒิสมาชิกวิลแซนด์นะหรือ เออ เท่าที่เรารู้มาน่ะ วิลแซนด์ไม่เคยสร้างศัตรูกับพวกกริเดี้ยนโร็คเลยสักนิดเดียว แล้วพวกกริเดี้ยนโร็คเรียกร้องให้ส่งตัววิลแซนด์ไปทำไมละ"
              "ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวน่ะ คือแก็งค์กริเดี้ยนโร็ค ได้รับคำสั่งให้ลอบสังหารวุฒิสมาชิกวิลแซนด์ไปพร้อมกับการบุกยึดดิสก์เวิร์ดเอาไว้ เพียงแต่...." ซาดีริลบอก "....จุดเริ่มต้นของความวุ่นวายนั้น มาจากการที่วิลแซนด์รอดตาย แต่อีกรายนั้นกลับรับเคราะห์เสียเอง"
              มาสวาร์ทาร์ถาม "ผู้รับเคราะห์นะหรือ เออ เอสเซคาร่าคงจะไม่ได้หมายถึง...."
              "ใช่ ฉันต้องบอกว่า วุฒิสมาชิกเดรมิงเกลเป็นเหยื่อกระสุนที่ควรจะยิงใส่วิลแซนด์แล้วนะสิ" ซาดีริลกล่าว แล้วก็นำภาพจากนอกบ้านวิลแซนด์มา "ทางเราได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดตรงสวนในบ้านวิลแซนด์มา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น คือจุดเริ่มของความวุ่นวายในคราวนี้นะสิ"

               ซึ่งจับภาพของเดรมิงเกลเดินมาพร้อมกับวิลแซนด์ "คุณเดรมิงเกล ที่มาหาผมในบ้านนิ คงไม่ได้มาเพื่อเรียกร้องให้ผมช่วยคุณอีกละสิน่ะ" วิลแซนด์บอก
    "คุณก็รู้อยู่แล้วนิ ว่าที่ประชุมหลักนั้นค้านมติของผมในการสนับสนุนทุนให้กับหน่วยสืบสวนในการออกตามล่าไซเมี่ยน ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในเขตอวกาศภาคกลางกันน่ะ" เดรมิงเกลบอก
              วิลแซนด์บอก "ที่ประชุมหลักส่วนมากคงรู้ว่ายอดมือป่วนสิ้นชีพไปพร้อมกับสุดยอดอาวุธของฝ่ายเดลอาเนี่ยนกันแล้ว การสนับสนุนพวกตำรวจที่เป็นอริกับยอดมือป่วนในการควานหาคนตายไปแล้วนั้น มันเป็นไอเดียที่ไม่เข้าท่าอย่างแรงเลยน่ะ" แล้วก็เดินหันหลังมา "ทางที่ดี ผมแนะนำว่า คุณควรจะทำงานอยู่ในตำแหน่งที่คุณเป็นอยู่จะดีกว่า อย่างน้อย ถึงคุณไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน สภาสูงก็ยังเห็นว่าคุณยังมีประโยชน์อยู่นี้แหละ"
              "คุณพูดเหมือนกับว่าคุณรู้หลักการเมืองมาอย่างดี ทั้งๆที่คุณไม่ได้ฉลาดมากกว่าที่ผมคิดเสียเลยน่า" เดรมิงเกลกล่าว และถามกลับ "ว่าแต่ คุณรู้สึกกังวลอยู่นิ คงเป็นเพราะว่าของสำคัญบางอย่างของคุณหายไปละสิน่ะ"
              วิลแซนด์บอกด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว "คุณพูดเหมือนรู้เรื่องแบบนี้ พูดมาตรงๆเลยดีกว่าน่ะ เดรมิงเกล"
              "ได้....คุณกำลังหาเจ้านี้อยู่สิน่ะ" เดรมิงเกลล้วงกระเป๋ากางเกงและนำบางอย่างมาโชว์ตรงหน้าวิลแซนด์ ซึ่งมีสีหน้าบึงตึงทันที "ผมรู้น่ะ ว่าคุณแต่งงานมาแล้ว ซึ่งคุณควรจะสวมแหวนแต่งงานที่คุณกับภรรยาใส่ไว้อยู่ หากแต่....ในบางครั้ง คุณไม่ได้สวมแหวนแต่งงาน แต่กลับสวมแหวนวงนี้ ซึ่ง....ผมเห็นมันวางอยู่บนโต๊ะในช่วงที่คุณทำงานในห้องอยู่ เลยถือวิสาสะนำมันออกมา แล้วหลังจากนั้น คุณก็แสดงท่าทีกระวนกระวายขึ้นมา เหมือนแหวนวงนี้เป็นของสำคัญของคุณนี้แหละ"
              วิลแซนด์บอก "คุณกำลังขู่ผมอยู่ละสิน่ะ"
              "ใช่ ผมทราบว่าคุณหายตัวไปจากบ้านไปนานมาก ซึ่งผมรู้ดี ว่าวิลแซนด์ตัวจริงไม่น่าไปไหนไกลเป็นเวลานานแน่นอน ผมจึงเดาได้ว่า คุณคงจะแอบไปสนับสนุนพวกทรอยอาร์กันแน่ๆ เพราะแขกที่เข้ามาในบ้านของคุณนั้น ไม่มีทางเป็นพวกสเตรดาร์ธ ซึ่งมีส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายลอบเข้ามาในดิสก์เวิร์ดได้แน่นอน" เดรมิงเกลบอก "ดังนั้น ถ้าคุณไม่อยากให้ผมแฉคุณด้วยแหวนวงนี้ ผมอยากจะให้คุณสนับสนุนผมตลอด จนกว่าผมจะได้ขึ้นนั่งในสภาสูงกันน่ะ"
    วิลแซนด์บอก "คุณไม่ได้แรงสนับสนุนจากพวกไทรเวเซอร์ เลยมาข่มขู่ผมเช่นนี้ ทางที่ดี หยุดทำแบบนั้นดีกว่า เพราะนั้นมันไม่เป็นผลดีต่อคุณเลยน่ะ"
              "ต่อคุณเองต่างหากละ คุณวิลแซนด์ตัวปลอม ถึงคุณไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงซะ ผมก็อาจจะใช้แหวนวงนี้ให้เป็นประโยชน์กันอยู่แล้วน่ะ" เดรมิงเกลกล่าวพร้อมกับหยิบแหวนมาสวม "โอ้ว แหวนนี้ดีนะเนี้ย คงจะไม่ได้ทำขึ้นจากร้านไหนเลยสิน่ะ เพราะตัวเรือนนี้กับตัวเพชรนั้น ดีเลิศกว่าแหวนใดๆเลยน่ะ" แล้วก็ชูมือที่สวมแหวนมาให้เห็น
              วิลแซนด์ขู่ "อย่าให้ต้องย้ำอีกเป็นหนที่สองนะ เพราะว่าคุณคงไม่ดีใจแน่ๆที่บีบให้ผมโมโหกันน่ะ"
              "แล้วจะทำไม แปลว่าแหวนนี้คงจะเป็นหลักฐานบ่งบอกว่าคุณเป็นแมนิเกเตอร์จากแรซัลก้า ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลสำ...." เดรมิงเกลกล่าวไม่จบ "เปรี้ยงงงงง" เสียงดังขึ้นพร้อมกับหลังของเดรมิงเกลแตกกระจุย "อะ อั้ก อะไรเนี้ย ทำไม รู้สึก เย็นที่หลังของฉัน...." เดรมิงเกลกล่าวก่อนจะล้มลงโดยที่วิลแซนด์ "ฟึ่บบบ" กระโดดหลบออกด้านข้าง "เปรี้ยงงง ตรูมมมม" พื้นหญ้าตรงที่เขายืนอยู่ก็แตกกระจุยไป แล้วก็ "เปรี้ยงงงง ซ่า" เสียงดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม แต่คราวนี้โดนตรงกล้องอย่างจังๆ
              "ไม่น่าเลย วุฒิสมาชิกเดรมิงเกล" ลิเนียร์ตี้กล่าวอย่างเสียใจ เมื่อเห็นวาระสุดท้ายของวุฒิสมาชิกผู้ทะเยอทะยานอยากนี้ลง
              "ภาพในกล้องนั้นคือเหตุการณ์แรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ บ่งบอกได้ว่า วุฒิสมาชิกวิลแซนด์คงจะหลบหนีการตามล่าของพวกกริเดี้ยนโร็ค โดยไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในดิสก์เวิร์ดอย่างแน่นอน" โทมาสบอก "และไม่ใช่แค่พวกที่บุกขึ้นมายึดสถานที่สำคัญภายในเวลาเดียวกันอย่างเดียว พวกกริเดี้ยนโร็คเองยังกันมิให้เราบุกเข้าไปกันอีกด้วยน่ะ" โดยเผยภาพโมบิลทรูปเปอร์กิซซีรีย์ ซึ่งเป็นชุด 9 ตัวแรกที่เป็นชุดที่กลุ่มบริษัทขายให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย จนเป็นเหตุให้จอมพลอาแซนต้องทำการสืบสวนและยุติการผลิตยูนิต 9 ตัวแรกไปโดยปริยาย โดยแห่ออกมาเป็นจำนวนมากด้วยกัน เพียงแต่มาแค่ 6 แบบเอง
    แอบไบออสบอก "พวกนี้ยังสร้างได้เช่นนี้ แสดงว่าพวกกริเดี้ยนโร็คได้พิมพ์เขียวไว้ในครอบครองแล้วสิน่ะ"
              "ที่พวกคุณยังไม่รีบนำกองยานออกเคลื่อนไหวนิ คงเพื่อไม่ให้พวกที่บุกยึดสถานที่ฆ่าตัวประกันอย่างรวดเร็วเลยสิน่ะ" อาชิลน่าบอก
              ซาดีริลพยักหน้า "ข้าคิดว่า ทางเดียวที่จะบุกเข้าไปโดยที่กองรบด้านนอกไม่เห็นนั้น ก็คือต้องใช้วิธีเทเลพอร์ตกองรบเข้าไปในดิสก์เวิร์ดเท่านั้น หาไม่แล้ว พวกกริเดี้ยนโร็คจะยิ่งเหิมเกริม ถึงขั้นที่พาพวกบุกยึดเซนเตอร์บาเบลได้นะสิ"
              "เอสเซคาร่าซาดีริล ส่งพวกเราเข้าไปในดิสก์เวิร์ดตรงบ้านวุฒิสมาชิกวิลแซนด์โดยเร็วเถอะครับ" พีวิลบอก
              สเปียริทกล่าว "งั้นฉันไปเองด้วยนะ พีวิล อย่างน้อยแค่เราเคลียร์เรื่องนี้ก็...."
              "สเปียริท ลิเนียร์ตี้ เธออยู่ที่ไทรแองเกิ้ลพร้อมกับโฟรซ่า ไซโคลเนียและจิลจะดีกว่าน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "และนายเองก็ต้องไปด้วยกันกับพวกเราน่ะ มาสวาร์ทาร์ แม้กระทั่งนายเองด้วย คลอเวฟ นายรีบไปเรียกพลัสเชอริท เจเนล จายด์ ฟิเกซและสเตฟอร์ดให้ไปเตรียมพร้อมที่สะพานเดินเรือได้เลย"
              "มันจะดีหรือ เนคมาดูซัม นายพูดเหมือนจะทำตามที่พวกกริเดี้ยนโร็คร้องขอ นั้นคือเอาตัววิลแซนด์ไปให้พวกมันน่ะ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "เราจะทำให้พวกกริเดี้ยนโร็คคิดเช่นนั้นแหละ พีวิล หากแต่...." แล้วก็แจ้งกับซาดีริลไว้ "....ในขณะที่พวกเราออกตามหาวิลแซนด์นั้น ท่านกับพวกเอง ก็รีบเข้าคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วจะดีกว่าน่ะ"
              "เจ้าต้องการให้ข้าส่งเหล่านักรบเข้าไปจัดการกับพวกกริเดี้ยนโร็คที่ควบคุมตัวประกันอย่างรวดเร็วเลยสิน่ะ" ซาดีริลกล่าว
              มาสวาร์ทาร์บอก "แม้เรารู้ว่าพวกกริเดี้ยนโร็คมีอาวุธร้ายแรงอยู่ในกำมือ แต่ถ้าเป็นพวกท่านที่มีพลังจิตสูงส่งละก็ พวกท่านก็น่าจะคลี่คลายปัญหาเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วกันนะครับ"
              "ถึงเจ้าไม่แนะนำ ข้าก็คิดจะทำเช่นนั้นแล้วละน่ะ และข้าหวังว่าพวกเจ้าคงจะปลอดภัยกันด้วยละ" ซาดีริลบอก
              แอสเทลน่ากล่าว "ฉันจะลงไปช่วยเหล่าตัวประกันด้วยอีกแรงน่ะ พวกนายเองก็รีบตามหาวิลแซนด์เลยจะดีกว่า"
              "โฟรซ่า ฉันให้เธอรับผิดชอบเป็นหัวหน้าคุมทีมที่เหลือและไทรแองเกิ้ลในช่วงภารกิจนี้แทนพวกเราด้วยละ" เนคมาดูซัมบอก
              "หวังว่าเธอคงจะรู้น่ะว่ากำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ" สเตฟอร์ดกล่าว
              "ฉันรู้อยู่แล้วละ พวกนายเองก็ระวังตัวไว้ด้วย" โฟรซ่าบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "ทำไมต้องให้พวกผู้ชายไปก่อน ทั้งๆที่พวกเรารวมกันน่าจะช่วยคลี่คลายปัญหาได้เร็วเลยน่ะ"
              "พวกเราต้องอยู่ที่นี้เพื่อช่วยดูแอนเดรียกันนะ ไซโคลเนีย ถ้าเราไปหมด แล้วเกิดแอนเดรียกลายร่างขึ้นมาละ จะทำยังไง" ลิเนียร์ตี้บอก
              จิลกล่าว "จริงด้วยน่ะ แค่เหลือพวกเราส่วนหนึ่งซะ แม้เราไม่อาจจัดการกับด้านมืดของแอนเดรียได้ เราก็ยังหยุดเธอได้อยู่น่ะ"
              "พวกเรามาพร้อมแล้วละ" พลัสเชอริทบอก โดยพาเจเนล จายด์ สเตฟอร์ด ฟิเกซขึ้นมาแล้ว
              เนคมาดูซัมพยักหน้า "เอสเซคาร่าซาดีริล ส่งพวกเราไปที่บ้านของวุฒิสมาชิกวิลแซนด์โดยด่วนเลยครับ"
              "เข้าใจแล้วละ หวังว่าพวกเจ้าคงจะรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็วด้วยน่ะ" ซาดีริลบอก แล้วก็ "ปี้บๆๆๆๆๆๆๆ" นักรบดาวฤกษ์ที่ยืนบนแผงคอนโซลโฮโลแกรมกดปุ่มบนแผงอย่างต่อเนื่อง "แว้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แฟ้ววววว" พีวิล มาสวาร์ทาร์ เนคมาดูซัม คลอเวฟ พลัสเชอริท แอบไบออส เจเนล จายด์ สเตฟอร์ดและฟิเกซเรืองแสงขึ้น แล้วก็หายไปจากสะพานเดินเรือโดยเร็ว
              แอนเดรียรีบขึ้นมากล่าวขึ้น "คุณมาสวาร์ทาร์กับพวก ไปแล้วละสิคะ"
              "ใช่แล้วละ แอนเดรีย ตอนนี้เธอต้องกลับไปที่ห้องพักกัน...." สเปียริทบอก
              แอนเดรียกล่าว "ไม่ละ ฉันอยากรู้ว่าคุณมาสวาร์ทาร์กับทุกๆคนเป็นยังไงบ้าง อย่างน้อยฉันเองก็อยากจะรู้ไว้น่ะ"
              ".....ก็ได้ แอนเดรีย หากแต่เธอต้องนั่งนิ่งๆก็พอน่ะ" โฟรซ่าบอก แอนเดรียพยักหน้าและไปนั่งตรงเก้าอี้ของมาสวาร์ทาร์ไว้
              สเปียริทกล่าว "ทำไม ฉันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเลยน่า เหมือนมีบางอย่างไม่เข้าท่าเกิดขึ้นน่ะ"

              "แว้งงงงงงง" พวกพีวิลโผล่มาที่สวนในบ้านวุฒิสมาชิกวิลแซนด์ ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ อันมีศพของเดรมิงเกลนอนคว่ำในสภาพหลังกระจุยจนเลือดนองพื้นกรวดหินอย่างจังๆ "ทุกอย่างเหมือนที่เห็นเป๊ะเลยวะ" คลอเวฟบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "พวกเรา รีบเข้าไปค้นในบ้านโดยด่วนเลย เผื่อว่าวุฒิสมาชิกวิลแซนด์อาจจะหลบซ่อนอยู่น่ะ"
              "เออ มาส ตอนที่เราเห็นเดรมิงเกลก่อนตายนั้น เขาสวมแหวนที่ได้จากวิลแซนด์ใช่มั้ยละ" แอบไบออสบอก มาสวาร์ทาร์พยักหน้า แอบไบออสเลยใช้นิ้วจับตรงปลายแขนเสื้อขึ้นมา "ดูท่าว่า วิลแซนด์คงอยากได้แหวนคืนอย่างแรงแล้วน่ะ" โดยโชว์มือซ้ายของเดรมิงเกล ซึ่งนิ้วนางได้ขาดหายไป
              ฟิเกซบอก "นั้นไม่แปลกใจหรอก เพราะแหวนนั้นสำคัญต่อวิลแซนด์อย่างมาก ชนิดที่ไม่ควรจะสูญหายหรือตกไปอยู่ในมือที่ไม่คู่ควรเลยน่ะ"
              "ฟิเกซ ตอนนี้นายรีบไปช่วยพีวิลเข้าไปหาตัววุฒิสมาชิกจะดีกว่าน่ะ" เนคมาดูซัมกล่าว
              ฟิเกซพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ตามพีวิล เจเนล และพลัสเชอริทที่เข้าไปก่อนหน้าแล้ว มาสวาร์ทาร์บอก "เนคมาดูซัม นายพูดเหมือนกับว่า นายรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของวิลแซนด์มาก่อน แต่นายยังฟันธงไม่ได้เลยละสิน่ะ"
              "นายเดาเก่งมากเลยน่ะ มาส ใช่ ฉันกับฟิเกซรู้ในทันทีที่เห็นแหวนที่เดรมิงเกลได้มาแล้วละ" เนคมาดูซัมบอก "เพียงแต่ เจ้าของแหวนวงนั้น ไม่ควรมีชีวิตอยู่ไปเมื่อ 4 ปีก่อน เพราะว่าเจ้าของแหวนสิ้นชีพไปก่อนหน้าที่พวกนายจะมาที่เขตอวกาศของทางสมาพันธ์แล้วน่ะ"
              คลอเวฟกล่าว "สิ้นชีพไปก่อนหน้าที่เรากับพวกประธานาธิบดีออกจากโลกมาสู่อวกาศอันกว้างใหญ่กันนะหรือวะ มันผู้นี้เป็นผู้ทรงอำนาจยิ่งกว่าไซมาเทนเลยหรือวะ"
              "เออ พวกเรา เราเห็นช่วงสุดท้ายของภาพเหตุการณ์ที่วุฒิสมาชิกเดรมิงเกลถูกยิงมาอย่างงั้นใช่มั้ยละ" จายด์บอก
              คลอเวฟบอก "พวกเราเห็นอยู่แล้วละ จายด์ หากแต่กล้องที่บันทึกภาพนั้น มันถูกยิงจนพังไป เลยทำให้ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้น่ะ"
              "ฉันคิดว่า วุฒิสมาชิกวิลแซนด์โต้ตอบมือปืนซุ่มยิงไกลกันแน่ๆเลยละ" จายด์กล่าว
              คลอเวฟแย้ง "ไม่น่าเป็นไปได้หรอกมั่ง วิลแซนด์ไม่มีอาวุธปืนอยู่ในมือ แถมอีกฝ่ายเป็นสไนเปอร์ที่เก่งกาจและดักซุ่มเก่ง ไม่มีทางเลยที่จะโต้ตอบอีกฝ่ายที่มองไม่เห็นตัวได้น่ะ"
              "แต่เกรงว่า วุฒิสมาชิกผู้สูญเสียภรรยาและลูกผู้นี้....ออกกำลังกายจนร่างกายกำยำมาใช่มั้ย" จายด์บอก และชี้มายังโต๊ะที่มีแค่ตัวฐาน "โต๊ะตัวที่อยู่ในสวนนั้น มันเป็นหินแกรนิตหนักๆ ซึ่งต่อให้เล่นกล้ามจนใหญ่ขึ้น คงไม่น่ามีพละกำลังเทียบเท่าหรือเหนือกว่าสเตฟอร์ดหรือฉัน หรือพวกนาย ถึงขั้นที่เขวี้ยงโต๊ะหินไปได้หรอกน่ะ"
              คลอเวฟสะดุ้งขึ้น และรีบเดินมาดู "จริงด้วยน่ะ แผ่นโต๊ะหินทรงกลมนี้หาย.... ชะเฮ้ย....นี้มันเป็นไปได้เลยหรือวะ"
              "มันเป็นไปแล้วนะสิ คลอเวฟ" เนคมาดูซัมพูด
              ฟิเกซ พีวิล เจเนลและพลัสเชอริทก็เดินออกมา "ค้นทุกห้องภายในบ้านหลังนี้แล้ว ไม่เจอตัววุฒิสมาชิกวิลแซนด์เลย ตู้เสื้อผ้าไม่มีการเปิดออก เสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทางยังอยู่ แสดงว่าวุฒิสมาชิกหนีออกไปอย่างรวดเร็วน่ะ" พีวิลบอก
              "เขาหนีไปน่ะใช่ แต่....คงเป็นหลังจากที่เขาจัดการกับมือสังหารแล้วต่างหากละ" เนคมาดูซัมบอก
              แล้วก็รีบพาทุกๆคนออกมานอกบ้าน จนเดินไปตามถนน และพบกับ.... "กริมลิคซ์โดนแผ่นโต๊ะหินอัดกระแทกไปซะไกลเลยหรือวะ" คลอเวฟบอก โดยเห็นกริมลิคซ์ถูกแผ่นโต๊ะหินทรงกลมปักคาหน้าอกดับอนาจกลางพื้นถนน
              "กริมลิคซ์แน่นอน แต่....." พีวิลเลยรีบเดินมาเช็คดู โดยเห็นส่วนหน้าที่มีฟันหยักเหลี่ยมอ้าออก พีวิลเลยดึงส่วนหน้าออกมา เผยให้เห็นชายตาสีเหลืองที่มีคอนเทนเลนซ์สีฟ้าหลุดออก "....เป็นสมุนแก็งค์กริเดี้ยนโร็คปลอมตัวมา เพื่อใส่ความพวกเราทางอ้อมนะสิ" พีวิลบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "และตอนตายนั้น พึ่งจะมารู้ทีหลัง ว่าไปหาเรื่องกับตัวจริงของวิลแซนด์ที่ไม่สมควรไปแตะต้องอย่างแรง เลยช็อคตายก่อนที่จะได้บอกกับพวกพ้องที่เหลือน่ะ"
              "และนั้นก็ทำให้พวกที่เหลือนั้นรู้ว่า เพื่อนมือสังหารรายนี้ พลาดท่าไปแล้ว เลยรีบชิงลงมือก่อเรื่อง เพื่อบีบให้เราหาตัววิลแซนด์โดยเร็วน่ะ" ฟิเกซบอก
    คลอเวฟกล่าว "แล้วไอ้ตัวจริงของวิลแซนด์มันเป็นใผ่กันแน่วะ"

         "พวกเจ้าเจอตัวมือสังหารแล้ว หากแต่ยังไม่เจอตัววุฒิสมาชิกวิลแซนด์เลยสิน่ะ" ซาดีริลบอกด้วยโทรจิตเข้ามาหาพวกเนคมาดูซัมด้วยกัน
         มาสวาร์ทาร์บอก "แล้วตอนนี้พวกคุณจับหาตำแหน่งของวิลแซนด์ได้แล้วละสิน่ะ"
          "โชคยังดีมาก ที่ผู้การเกรเบคมีเพื่อนทหารที่รับผิดชอบเรื่องการตรวจตราภายในยานดิสก์เวิร์ดตรงส่วนใต้พื้นเมืองไว้ ซึ่งนั้นทำให้เรารู้ว่าพวกกริเดี้ยนโร็คบุกเข้ามาในส่วนเมืองกันยังไง และแอบซ่อนอะไรที่ร้ายแรงไว้บ้างน่ะ" ซาดีริลบอก
           แอสเทลน่ากล่าว "ตอนนี้ฉันได้ให้นักโทษ 369 ดักฟังสัญญาณสื่อสารเพิ่มเติม เผื่อว่าพวกนั้นคิดก่อเหตุร้าย อย่างการใช้ระเบิดแรงสูง ระเบิดเชื้อโรค ระเบิดกัมตภาพรังสี หรืออะไรก็ตามที่เป็นอันตรายต่อทุกชีวิตในส่วนโดมพักอาศัยกันน่ะ"
            แล้วตอนนี้ วุฒิสมาชิกวิลแซนด์ไปหลบอยู่ตรงไหนละ" เนคมาดูซัมบอก
            ซาดีริลกล่าว "วิลแซนด์หนีเข้าไปยังประตูเชลเตอร์หมายเลข 14 ที่อยู่ห่างจากจุดที่พวกเจ้าอยู่ไปอีก 5 กม. ลงไปตามเส้นทางหมายเลข 24 และยังเคลื่อนไหวลึกลงไปอีก 3 ชั้น แม้ว่าตอนนี้ระบบรักษาความปลอดภัยจะไม่ทำงาน เพราะพวกกริเดี้ยนโร็คปิดทิ้งเพื่อมิให้พวกเขาถูกขัดขวางจนเสียแผนการ ซึ่งพวกนั้นปิดได้ไม่หมด เพราะพวกเราขัดขวางจากระยะไกลเอาไว้น่ะ" เนคมาดูซัมเลยพาทุกๆคนไปตามเส้นทางนั้นๆ โดยที่ซาดีริลนำภาพจากกล้องวงจรปิดตามทางเดิน แสดงภาพที่พวกเนคมาดูซัมวิ่งไปตามทางด้วยกัน
            "ผมเจอวุฒิสมาชิกวิลแซนด์อยู่ในห้องโถงหมายเลข 15 กันนะครับ" เบย์แทนด์บอก และนำภาพวิลแซนด์ยืนอยู่ในห้อง
            แอสเทลน่าติดต่อทางจิตไป "พวกนายรู้แล้ว พยายามอย่าใช้ความรุนแรงกับวิลแซนด์ด้วยละ"
            "วุฒิสมาชิกไม่มีอาวุธในมือก็ไม่น่าเป็นห่วงกันหรอกน่า" คลอเวฟบอก
            แล้วพวกเนคมาดูซัมก็เดินเข้ามาในห้อง ซึ่งวิลแซนด์ยืนหันหลังอยู่ "วุฒิสมาชิกวิลแซนด์ ปลอดภัยดีนะครับ" พีวิลกล่าว

              "......" วิลแซนด์ไม่พูดอะไร แล้วก็ "เป๊าะ" ดีดนิ้วขึ้นจน "ครืดดด ตรึงงงง" ประตูชัตเทอร์ด้านหลังแอบไบออสและพลัสเชอริทเลื่อนปิดลง
              "นี้เธอปิดประตูไว้หรือ" เนคมาดูซัมติดต่อไปหาแอสเทลน่า
              "เออ เกรงว่าระบบประตูนั้น วิลแซนด์ควบคุมเอาไว้แล้วน่ะ" แอสเทลน่ากล่าว
              "นี้แก คิดจะทำอะไรกับพวกเรากันวะ!!!!" คลอเวฟตะโกนลั่น
              วิลแซนด์กล่าวขึ้น "....วาจาก้าวร้าวและสามหาวสมกับที่ได้ยินมาเลยน่ะ กราดิเอเตอร์มารีนคลอเวฟแห่งแอตแลนไทซ์ หนึ่งในสามหัวหอกที่แม่ทัพใหญ่ครองคอร์ดเลือกไว้พร้อมกับ ดาบมือหนึ่งคาตานะลอร์ดเอชมาสวาร์ทาร์แห่งครอสตรีม และเบรซซิ่งแฮนด์พีวิลแห่งอีเนอไมนด์ แม้ว่าเจ้ามีพลังและความเก่งกาจมาก แต่เจ้ายังห่างชั้นต่อเนคเกอร์อย่างมากด้วยเช่นกัน"
              "คุณรู้จักชื่อของเราและสถานะของเรา ทั้งๆที่คุณเป็นมนุษย์และอยู่ในอวกาศกัน ซึ่งไม่น่าจะรู้สมญาของพวกเราตอนอยู่บนโลกได้เลย ทั้งๆที่คุณหมดสติและรอดจากอุบัติเหตุที่ทำให้คุณสูญเสียภรรยาและลูกไปเลยน่ะ" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์กล่าว "และคุณเองก็ไม่น่าที่จะรอดจากมือสังหารที่ลอบกัดจากระยะไกลได้เช่นนี้ แสดงว่าคุณสวมรอยเป็นวิลแซนด์แทนตัวจริงที่น่าจะตายไปแล้ว และหลบรอดมาได้ตลอด 3 ปีกันเลยสิน่ะ"
              "ฉลาดดีนิ สมแล้วที่เป็นยอดนักรบอัจฉริยะที่ควรจะช่วยเหลือท่านพ่อของฉันในแผนการควบคุมโลกให้เกิดความสงบสุข แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับกบฎอย่างโคเคส รวมหัวกับพวกแมนิเกเตอร์บนโลกมาต่อต้านและทำลายท่านพ่อกับกองกำลังจักรวรรดิ์ของท่านไม่ว่า เจ้ายังร่วมมือกับเนคเกอร์และฟิเกซ รวมถึงพวกแมนิเกเตอร์ที่อยู่ในกำมือของท่านแม่ จนทำให้ท่านแม่สิ้นชีพไปพร้อมกับไซมาเทนเช่นนี้ นั้นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องกักตัวพวกเจ้าไว้นี้แหละ" วิลแซนด์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่กราดเกรี้ยวแต่แผงความน่าเกรงขามมากกว่านี้
              พีวิลบอก "ท่านพ่อ ท่านแม่นะหรือ....เดียวก่อนน่ะ นี้คุณ ไม่สิ นายเป็นใครกันแน่ละ"
              "หึ" วิลแซนด์ดีดนิ้วแล้วก็ "แว้งงงงงงงง ครืนๆๆๆๆๆ ครี้งงงงง" ร่างมนุษย์เรืองแสงและขยายตัวขึ้นจนกลายเป็นร่างแมนิเกเตอร์ตัวโตสวมเกราะหัวไหล่หนาสีเงิน โดยมีเกราะหน้าอกรูปตาและแถบฟันติดอยู่ ท่อนแขนและขาเป็นสีทอง สวมหมวกที่หงอนสูง มีหน้าผากทรงกลมสีทองตัดกับใบหน้าเหลี่ยมสีดำนิล ขอบตาเหลี่ยมและดวงตาสีทอง เนคมาดูซัมบอก "ไม่อยากจะเชื่อ องค์ราชทายาทเทพ คิโคเดน นี้ท่านปลอมเป็นวิลแซนด์มาแต่แรกเลยสิน่ะ"
              แมนิเกเตอร์ตัวโตบอก "แน่นอน และเจ้าก็น่าจะรู้ ว่าตัวปลอมที่ประกาศตนเป็นผู้ให้การสนับสนุนการประลองราชันย์ยอดนักสู้แห่งจักรวาลเมื่อปีก่อนนั้น ที่มันเดี้ยงไปนั้น เพราะข้าลงโทษมันตามกฎอสมมุติเทพของข้าเองนี้แหละ เนคเกอร์ มาสซั่ม"
              "แล้วท่านสวมรอยเป็นวิลแซนด์ต่อ โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสิน่ะ" ฟิเกซบอก "ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคุณคูลิแนนซ์ถึงไม่บอกรายละเอียดหรือส่งคนไปสืบที่ทรอยอาร์ เพราะคุณคูลิแนนซ์รู้ว่าท่านยังอยู่ที่นั้นเองแหละ"
              คิโคเดนบอก "สมแล้วที่เจ้าเป็นลูกชายที่หัวไวที่สุดของแม่ทัพนาไลน์กันน่ะ ฟิเกซอท เสียแต่อย่างเดียว คือเจ้ามีส่วนร่วมในการโค่นท่านแม่และทำให้แรซัลก้าถูกปิดตายมาตลอด 4 ปีกันนี้แหละ"
              "นายเป็นราชทายาทเทพกันนิ แล้วนายเป็นอะไรกับไซมาเทนกันละ" เจเนลบอก
              ฟิเกซกล่าว "คิโคเดนเป็นพี่ชายคนโตของไซมาเทนนะสิ นามเต็มของเขาคือ คิโคเดน ฟาสซอน รอยอลราซาคาลัส บุตรชายตนแรกของบิดรเทพโอเวอร์เดสและมารดรเทพโอเวอร์เรส ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำของแรซัลก้าลำดับถัดไป หากโอเวอร์เรสสวรรคตหรือสละบัลลังก์ไปแล้วน่ะ"
              "พี่ชายของเทพแห่งสงครามนะหรือ...แปลว่านายก็ทรงพลังและแข็งแกร่งมากกว่าไซมาเทนอย่างงั้นละสิ" พีวิลบอก
              คิโคเดนบอก "ถูกต้อง ถึงแม้ว่าฉันจะรับมือกับพวกลอบกัดที่ไอ้หัวหน้าแก็งค์กริเดี้ยนโร็คส่งมาได้ แต่ฉันคิดไว้แล้ว ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ คือโอกาสที่ฉันจะสั่งสอนพวกเจ้าทั้งหมดนี้ จากการที่พวกเจ้าหันดาบต่อต้านกองกำลังของท่านพ่อและก่อกบฎต่อท่านแม่ ด้วยมือของฉันนี้แหละ" แล้วก็ "ตรึงงงงง" กระทืบพื้นด้วยเท้าซ้ายจนพื้นยุบตัวลงไป ส่งผลให้พวกเนคมาดูซัมเกือบล้มไปกันหมด แต่ยังทรงตัวมาได้ "เฮ้ยยยย" คลอเวฟเลยรีบทะยานขึ้นและพุ่งลงมา "วอร์ชิฟดรอปปปปปป" ถีบขาคู่อัดใส่คิโคเดนจน "กร้องงงงงง" ฝ่าเท้าสองข้างของคลอเวฟปะทะกับเกราะหลังแขนซ้ายของคิโคเดนที่ยกมาป้องกันไว้ "ฮ้า...." คิโคเดนตะเบ็งเสียงดังขึ้นและ "เปรี้ยงงงง" ปัดคลอเวฟปลิวกระเด็นไป "หวับๆๆๆๆๆ ตรึงงง" แม้จะตีลังกา 6 ตลบเพื่อทรงตัวลงพื้นไว้ แต่ก็ยังลงมาแบบเกือบเซล้มด้วยกัน
              "มันปัดท่าถีบขาคู่ของคลอเวฟด้วยแขนข้างเดียวเลยหรือ คิโคเดนทรงพลังขนาดนั้นเลยหรือ" สเตฟอร์ดบอก
              เนคมาดูซัมกล่าว "ถูกต้อง สมญาของคิโคเดนคือ ราชทายาทเทพผู้แข็งแกร่งและไร้เทียมทาน ด้วยพละกำลังและพลังอำนาจที่เหนือกว่าเทพแห่งสงครามนั้น คือเหตุผลที่ไม่มีศัตรูหน้าไหนหรือแมนิเกเตอร์ตนใด ท้าทายต่อคิโคเดนแล้วรอดกลับไปได้กันน่ะ"
              "เนคเกอร์พูดถูกแล้ว ใช่ ถึงเจ้าจะเอาชนะไซมาเทนลงไปได้ก็จริง แต่ เจ้าก็แค่ทำร้ายเทพที่บอบช้ำจากการสู้รบกับเฮซเทิร์ซมาเมื่อ 7 ปีก่อน จนสิ้นชีพลงไปก็เท่านั้นเอง" คิโคเดนกล่าว "และข้ายืนยันได้เลย ว่าพวกเจ้า ไม่มีทางชนะข้าได้หรอก"
              เจเนลกล่าว "แต่เกรงว่าพวกเราเองไม่ยอมจำนนให้ง่ายๆกันหรอกน่า" แล้วก็พุ่งเข้ามา "เฮ้ยยยย" ใช้เมทัลเบลด "หวับๆๆๆๆๆ เกร้งๆๆๆๆๆ" หวดฟันใส่คิโคเดนอย่างต่อเนื่อง แต่ดาบกลับไม่ระคายผิว คิโคเดนเลยเสยหมัดซ้ายเพื่อชกใส่ "โท้ว ทวิสเตอร์เบรค" ฟิเกซรีบกระโดดขึ้นและพุ่งหมุนตัวถีบควงสว่านเข้าใส่คิโคเดน "กร้องงงง ฟึ่บบบบ" ซึ่งถีบเข้าตรงหัวไหล่ขวาและรีบดีดตัวออก เจเนลเห็นเลยรีบตีลังกาถอยหลังหลบไป
              "ปลอดภัยดีนะ เจเนล" ฟิเกซบอก
              เจเนลกล่าว "ไม่สบอารมณ์เลยที่นายมาขัดจังหวะฉันสู้ไว้ แม้ว่า...." แล้วก็เงยหน้ามองดูคิโคเดนที่มีสีหน้ากริ้วโกรธมากกว่าเดิม "....ฉันรู้สึกได้ถึงพลังอันแรงกล้าจากหมัดที่เตรียมเงื้อเข้าใส่ได้ดี ว่าคงไม่น่าหลบทันได้แน่นอน"
              "ร้ายนักนะ ฟิเกซอท ที่เจ้ากล้าถีบใส่ข้าเพื่อขัดจังหวะแบบนั้น เจ้ายิ่งทำให้โทสะของข้าเพิ่มพูนขึ้นมาเลยน่ะ" คิโคเดนบอก
              คลอเวฟกล่าว "มาส เราจะสู้กับไอ้ราชทายาทเทพกันยังไงดีละ"
              "แบ่งกันจู่โจมใส่คิโคเดนด้วยพละกำลังและความเร็ว ฉันจะเปิดนำก่อน แล้วพวกนายรีบบุกเข้าไปทีละสองราย พยายามอย่าให้คิโคเดนโต้ตอบได้ก็พอน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
              เนคมาดูซัมบอก "ที่ถูกคือ อย่าให้คิโคเดนสวนกลับได้ซะมากกว่าน่ะ" แล้วก็ "ฟึ่บบบ ครี้งงงง" ชักดาบใหญ่สองคมออกมาจากกลางหลัง และถือด้วยสองมือ ที่เหลือตั้งท่ารับมือไว้

              "ต่อให้พวกเจ้ารวมหัวกันไล่ต้อนข้า มันไร้ความหมายกันแล้วน่ะ" คิโคเดนบอก มาสวาร์ทาร์ไม่พูดแล้วก็ "ฟึ่บบบ ป้ากกกก แฟ้วววว" จับดาบที่เสียบฟักหันไปข้างหน้าและใช้มือซ้ายตบปลายด้ามจับเพื่อดีดฟักดาบพุ่งเข้าใส่คิโคเดน "หึ" ซึ่งใช้นิ้วชี้ขวา "ปั้ก หวับๆๆๆๆๆๆ ปึก!!!!" ตวัดปัดฟักดาบให้ปลิวไปปักคาผนังจนทะลุ "ว้ากกกก" ฟิเกซเลยรีบวิ่งเข้ามาใช้เอเลเมนทรัลอาร์ม "ย้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เข้าฟาดฟันและทิ้มแทงใส่คิโคเดน "ปึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" โดยราชทายาทเทพโต้ตอบด้วยนิ้วชี้ขวาใส่ดาบใส่กระบี่ใส่คมหอกและง้าวอย่างใจเย็น "ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แฟ้วๆๆๆๆ" พลัสเชอริทใช้ไลท์นิ่งอิลลูชั่นแยกร่างเป็น 5 ร่างพุ่งเข้า "เชร้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จู่โจมด้วยสไตรเดอร์เบลดใส่คิโคเดนที่ยืนนิ่งปักหลักอย่างอดทน โดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อคมดาบฟาดฟันใส่อย่างต่อเนื่อง "หึ" คิโคเดนหวดหลังแหวนใส่พลัสเชอริทตัวจริง ซึ่งบุกมาด้านข้าง "แฟ้ววววววว กร้องงงงงงง" จายด์ยิงจีแฮมเมอร์บอลอัดปะทะใส่คิโคเดนไป ซึ่งคิโคเดนใช้ฝ่ามือจับลูกตุ้มเหล็กไว้ "ฮา" จายด์รีบทำให้ลูกตุ้มงอกหนามผลึกโชนโครคิฟบนลูกตุ้ม แต่ "หวับบบ ป้ากก เปรี้ยงงง" คิโคเดนต่อยใส่ลูกตุ้มติดหนามผลึกจนแตกไปครึ่งลูก แล้วก็พุ่งเข้ามายังจายด์ "เทรมอลอิมแพค" สเตฟอร์ดหวดค้อนฟาดพื้นเป่าคลื่นสั่นสะเทือน แม้จะไม่ทำให้คิโคเดนเสียหลักเลยก็ตาม "เจอนี้หน่อยสิ โอเชี่ยนเกย์เซอร์" คลอเวฟทุบพื้นด้วยสองมือ "เปรี้ยงงงง" เพื่อปล่อยเสาน้ำพุขนาดใหญ่พุ่งอัดใส่คิโคเดนตรงท้อง แต่ไม่ทำให้ราชทายาทเทพผงะหรือเสียหลักเลย "พลังที่สั่นสะเทือนไปทั่วพื้นแผ่นดินของเจ้าทั้งสองนั้น ไม่ทำให้ข้าล้มลงง่ายๆหรอก" คิโคเดนกล่าว
              แอบไบออสบอก "แล้วถ้าเป็นนี้ล่ะ องค์ชาย ว้ากกกกก" แล้วก็ใช้โบนเซเบอร์งอกเป็นโบนซัมเบอร์เข้าฟาดใส่คิโคเดนดัง "กร้องงงงง"  หากแต่ดาบกระดูกขาวคมใหญ่นั้นหาได้ฟันถูกตัวคิโคเดน แต่กลับโดนดาบใหญ่สีขาววาวที่ขวางคมดาบของแอบไบออสเข้า
              "เจ้าใช้ดาบที่ดูดกลืนดาบดูมแคลชเชอร์มาละสิน่ะ แย่หน่อย ที่มันไม่ใช่ดาบที่เหนือกว่า เอมเพไคเซอร์ซอร์ดของฉันหรอกน่ะ" คิโคเดนกล่าวแล้วก็ "แคร้งงง เปรี้ยงงง" ตวัดดาบปัดแอบไบออสปลิวกระเด็นไป "ย้ากกกก" เนคมาดูซัมวิ่งเข้ามาหวดดาบเข้าใส่คิโคเดนอย่างหนักหน่วง โดยที่ราชทายาทเทพใช้ดาบที่ถือด้วยสองมือเพียงมือขวาข้างเดียว ปัดป้องคมดาบเกรโทรแรคน่าเบลดของเนคมาดูซัมที่ฟาดเข้ามาหลายทีด้วยกัน "เปรี้ยงงง" จากนั้นก็ถีบเนคมาดูซัมให้ถอยปลิวไป 20 เมตรก่อนจะจ้วงแทงดาบ "เพลงดาบวงล้อหมุนพิฆาต" มาสวาร์ทาร์พุ่งเข้าจู่โจมด้วยการหมุนตัวดุจวงล้อและฟันใส่คิโคเดนอย่างต่อเนื่อง "เจ้าสู้ด้วยการจู่โจมแบบต่อเนื่องและเร็วพร้อมกันเช่นนี้ ฉลาดดี แต่....มันไม่ได้ผลกับข้าหรอก" คิโคเดนกล่าวและปัดมาสวาร์ทาร์ปลิวกระเด็นไป "โว้วววว ย้ากกกกก" สเตฟอร์ดบุกเข้าหวดค้อนใส่คิโคเดนในจังหวะที่คลอเวฟหวดแองเกอร์แอ็กซ์สองเล่มใส่จากด้านข้าง "กร้องงงงง" โดยทั้งคู่จู่โจมพร้อมกันจนบีบให้คิโคเดนขยับแขนสองข้างไม่ถนัด หากแต่คิโคเดนยืนนิ่งและพยายามดันทั้งคู่ คลอเวฟและสเตฟอร์ดพยายามกดแรง แต่ก็ไม่สามารถหยุดคิโคเดนให้ขยับแขนไปได้เลย "กิโยตินคัตเตอร์" จายด์หยิบขวานสองคมฟาดลงมายังคิโคเดน "ฮึยยย ฮา...." ซึ่งใช้สองแขนสบัดเป่าจอมพลังขุนค้อนและกราดิเอเตอร์มารีนปลิว แล้วก็ "เกร้งงงงงง" ใช้ดาบใหญ่เอมเพไคเซอร์ซอร์ดหวดปัดคมขวานให้สบัดขึ้น และ "เปรี้ยงงง โครมมมมม" ถีบจายด์ให้ปลิวอัดกับผนังจนยุบ แล้วก็ล้มลงมาในท่าคุกเข่า "อั้ก พรวดดด" โดยที่มนุษย์กำแพงยักษ์ใหญ่กระอักเลือดออกมา
              "แย่ละสิ มันเล่นซะจายด์อ่วมแบบนี้ ไม่ดีแล้วละ" เจเนลกล่าว

              "แต่เรายังไม่แพ้หรอกนะเฟ้ย" คลอเวฟกล่าวพร้อมกับบุกเข้าใส่คิโคเดน โดยที่สเตฟอร์ด แอบไบออสกับเนคมาดูซัมวิ่งตามมา คิโคเดนเลยเตรียมใช้ดาบจู่โจม "ฟ้าวๆๆๆๆๆๆๆๆ เกร้งๆๆๆๆๆ" พลัสเชอริทแยกร่างด้วยความเร็วสูงจู่โจมใส่คิโคเดนเหมือนเช่นเคย จนคิโคเดนหวดขาถีบ "มัคซ์แฟนท่อม" พีวิลพุ่งเข้าจู่โจมด้วยความเร็วสูงใส่คิโคเดนเบี่ยงเบนมาทางตนไว้ "เฮ้ยยยยยย" สเตฟอร์ดเลยวิ่งอ้อมหลังมาฟาดค้อน ในจังหวะที่ "ว้ากกกก ย้ากกกกก" แอบไบออสกระโดดขึ้นและหวดดาบใหญ่ฟันใส่พร้อมกับเนคมาดูซัมที่หวดมาด้านข้างเหมือนกัน "ฮา" คิโคเดนฟาดดาบเข้า "เปรี้ยงงงงง" บดขยี้ดาบใหญ่ของแอบไบออสและเนคมาดูซัมจนหักบิ่นไป จากนั้นก็ "ฟึ่บบบ ปั้ก!!!! หวับบบบ หมับๆ" ปักดาบลงพื้นตรงหน้าแล้วก็ใช้สองมือตะบบหน้าสเตฟอร์ดและคลอเวฟที่บุกเข้ามาพร้อมกัน และ "แฟ้ววว แฟ้วววว โครมมม โครมมมม" ทุ่มสเตฟอร์ดอัดใส่แอบไบออส และเหวี่ยงคลอเวฟอัดใส่เนคมาดูซัมให้ล้มลง "ฮา...ว้ากกก ย้า เฮ้ยยยย" มาสวาร์ทาร์บุกเข้ามาพร้อมกับพลัสเชอริท ฟิเกซและเจเนลทั้งสี่ทิศ "หึ" คิโคเดนเลยกดดาบปักลงพื้นจน "ครืนนนน ป้ากกก" เกิดคลื่นสั่นสะเทือนเป่าพลัสเชอริท ฟิเกซ เจเนลและมาสวาร์ทาร์ปลิวกระเด็นล้มเสียหลัก โดยที่พวกเขาได้รับความเสียหายไปด้วย
               "เอนเนลซอนแคลชชชชช" พีวิลพุ่งลงมาหวดหมัดที่อัดพลังอีเนลเซี่ยมใส่คิโคเดน "เปรี้ยงงงงง" เสียงหมัดปะทะดังขึ้น หากแต่....หมัดของพีวิลถูกคิโคเดนใช้นิ้วชี้ขวายันรับไว้ "นายทรงพลังยิ่งกว่าไซมาเทนเสียอีกน่ะเนี้ย ไม่เช่นนั้น นายคงไม่ใช้นิ้วเดียวหยุดหมัดของฉันได้น่ะ" พีวิลกล่าว
              "หมัดของเจ้าไม่มีทางโดนหน้าของฉัน เหมือนที่ไซมาเทนโดนไปได้หรอกน่ะ ต่อให้เจ้าไวและรวดเร็ว พร้อมกับทรงพลังแค่ไหน ที่อดีตมนุษย์อย่างเจ้าต่อยหน้าไซมาเทนได้ เพราะไซมาเทนแสร้งโดนเอง จะได้มีข้ออ้างจัดการกับเจ้าในโทษฐานท้าทายต่อบุตรแห่งมารดรเทพนี้แหละ" คิโคเดนบอกแล้วก็ "หมับบบบ หวับบบบ โครมมมม" ใช้ฝ่ามือข้างซ้ายตะบบหน้าและทุ่มพีวิลฟาดลงกับพื้น จนได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกับพวกที่เหลือด้วย ก่อนจะโยนให้ล้มกลิ้งลงกับพื้น
              "พีวิล ไม่เป็นไรใช่มั้ยละ" สเตฟอร์ดกล่าว
              "ผมแค่สาหัสเท่านั้นน่ะ เพราะถ้าคิโคเดนเอาผมตาย คงจะทุ่มลงและกระทืบซ้ำให้หนักกว่านี้ ไม่น่าโยนให้ตัวกลิ้งมากองกับพื้นนะครับ" พีวิลบอก
              มาสวาร์ทาร์บอก "ฉันเองก็โดนแรงคลื่นเป่าปะทะใส่จนบอบช้ำอย่างมาก ขนาดยืนขึ้นยังทำไม่ได้เลย"
              "จายด์ ยังอยู่ดีหรือเปล่าวะ" คลอเวฟกล่าว
              จายด์บอก "แม้จะป้องกันด้วยโชนโครคิฟไว้อีก 4 ชั้น แต่ ความแรงนั้นทำให้ฉันแทบทรุดได้เลยละ"
              "สมแล้วที่พวกเจ้ากล้าแกร่งพอจนโค่นท่านพ่อท่านแม่ รวมถึงไซมาเทนลงไปได้ แม้กระทั่งเดลอาเนี่ยนเองก็หยุดพวกเจ้าไม่ได้ก็จริง แต่กับข้านั้น พวกเจ้ายังห่างไกลไปหลายไมล์ด้วยกัน" คิโคเดนบอกแล้วก็แบมือซ้ายสร้างลูกบอลแสงขึ้น "แว้งงง แฟ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จากนั้นก็เป่าระเบิดให้ลูกบอลกระจายเข้าใส่พวกพีวิลกันหมด ซึ่งทำให้ร่างของพวกเขาถูกตรึงด้วยพลังงานแสงให้ถูกผลึกเคลือบทั้งตัว
            "ขะ ขยับตัวไม่ได้ ขยับปากก็ไม่ได้ นี้มันพลังอะไรกันวะเนี้ย" คลอเวฟคิดขึ้นมาหลังจากที่โดนแสงตรึงร่างไว้
            "สเตซิสซาร์ฟ พลังที่ตรึงร่างของฝ่ายตรงข้ามให้อยู่นิ่ง โดยที่พลังนั้นจะเยียวยาร่างกายที่สาหัสเอาไว้ ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามปางตายไปแล้วก็ตามน่ะ" พีวิลบอกด้วยโทรจิต
              มาสวาร์ทาร์บอก "แต่ที่นายใช้พลังแบบเดียวกับไซมาเทนนั้น แสดงว่านายเองก็...."
              "ไซมาเทนเรียนรู้และฝึกใช้พลังของฉันเองนี้แหละ เพราะว่าฉันไม่คิดจะจัดการกับเจ้าให้ตายเดียวนั้นหรอก" คิโคเดนบอก
              เนคมาดูซัมถาม "แล้วท่านไม่คิดเลยหรือ ว่าตอนนี้พวกกริเดี้ยนโร็คมันต้องการตัวท่านอยู่น่ะ"
              "ข้ารู้ว่า พวกพ้องที่เหลือของพวกเจ้าและพวกดาวฤกษ์กับกองรบมนุษย์ ที่อยู่ด้านนอกนั้น จัดการเรื่องนี้ได้อยู่แล้วน่ะ ซึ่งข้าไม่จำเป็นต้องเผยตัวกันหรอกน่ะ" คิโคเดนกล่าว โดยหันมายังกล้องวงจรปิด แล้วก็หยิบเหรียญเงินออกมา "ปิ้ววว ป้ากกก ซ่า....."  ดีดใส่กล้องวงจรปิดที่อยู่บนมุมห้องจนพัง แล้วก็ "ปิ้ววว ปิ้ววว ปิ้วววว ป้าก ป้าก ป้ากก" ทำลายกล้องอีกสามตัวให้พังด้วยกัน "ดังนั้น ฉันจะใช้พวกเจ้า เป็นตัวเรียกเมดเดนออฟสเปียร์ให้โผล่มาที่นี้น่ะ"
              คลอเวฟบอก "ยัยบื้อนะหรือ"
              "นายคิดที่จะจัดการกับเธอ จากการที่เธอร่วมมือกับพวกเราพิชิตโอเวอร์เดสและโอเวอร์เรสเลยสิน่ะ" พีวิลกล่าว
              คิโคเดนบอก "ใช่ ทันทีที่เธอมาถึง เวลาแห่งความจริงจะปรากฎกันในทันทีน่ะ"

              "บ้าชะมัด กล้องดันพังไปเสียได้น่ะ" ไซโคลเนียสบถ เมื่อภาพจากกล้องดับลง
              โฟรซ่ากล่าว "แบบนั้นไม่ดีแล้ว เราต้องรีบไปช่วยโดย...." พอเธอหันมายังสเปียริท ซึ่งยืนนิ่งในสภาพช็อคอยู่ "สเปียริท ตื่นๆๆๆ เธอยืนตัวแข็งมาตลอดเลยน่ะ" โฟรซ่าเลยตบเข้าหลังปีกของสเปียริทจนได้สติขึ้นมา
              "โทษทีน่ะ ฉันแค่เห็นตัวจริงของวิลแซนด์แล้ว เหมือนฉันเคยเจอที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าน่ะ" สเปียริทบอก"ตอนนี้ เรารีบไปช่วยพวกพีวิลโดยเร็วดีกว่าน่ะ"
              จิลบอก "เออ เกรงว่าเรามีปัญหาซะแล้วน่ะ" แล้วชี้มาที่แอนเดรีย ซึ่ง "ตื้ดๆๆๆๆๆๆ" เครื่องล็อคดาวน์มิวแทเนจส่งเสียงอย่างต่อเนื่อง "เปรี้ยะ เปรี้ยะ เปรี้ยะ" แล้วก็ช็อตแอนเดรียไปสามทีด้วยกัน แต่ "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยะ" เครื่องก็ยังเตือนดังอีกจนช็อตซ้ำ หากแต่ใช้ไฟแรงกว่าเดิม
              "แอนเดรีย ตั้งสติไว้ สูดหายใจลึกๆ แล้วผ่อนคลายอย่างช้าๆ อย่ากระวนกระวายกันเป็นอันขาดเลยน่ะ" โฟรซ่าบอก
              สเปียริทกล่าว "สู้หน่อย แอนเดรีย พวกเราเองก็กังวลเหมือนกับเธอเลยน่ะ"
              "...." แอนเดรียรีบทำตามแล้วก็ "เฮ้อออออ" เป่าลมหายใจออกหลังจากที่สูดหายใจไปเต็มที่ จนเครื่องหยุดส่งเสียงลง แอนเดรียกล่าว "ขอบใจมากน่ะ คุณโฟรซ่า สเปียริท ฉันไม่น่ารีบโผล่ขึ้นมา แล้วเห็นพวกคุณมาสวาร์ทาร์พลาดพลั้งไปเลยน่ะ"
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ถึงเราปิดเธอไว้ เธอก็ต้องรู้อยู่ดีนี้แหละ" และหันมาถาม "แอมเบอร์ สภาพกายของแอนเดรียละ"
              "เออ ค่ามิวแทเจนในตัวคุณแอนเดรียนั้น เหลืออีก 28 เปอร์เซนต์จะถึงระดับตองเอสแล้วละคะ" แอมเบอร์กล่าว
              ไซโคลเนียกล่าว "แบบนี้ไม่ดีแน่ๆเลยละ ถ้าเราพาแอนเดรียไปด้วยแบบนี้ก็คง..."
              "ไซโคลเนีย หยุด คำพูดแง่ร้ายจะยิ่งเพิ่มความแรงของไฟเผาชนวนระเบิดให้เร็วกว่าเดิมเลยน่ะ" โฟรซ่ารีบเบรคไว้ ไซโคลเนียรีบปิดปากโดยเร็ว
              สเปียริทกล่าว "แต่ สถานการณ์ในตอนนี้ มันยิ่งกระตุ้นให้แอนเดรียอาการหนักกว่าเดิมน่ะ โฟรซ่า....เราต้องรีบพาแอนเดรียไปอยู่ที่ไกลๆกันก่อนแล้วละ"
              "แต่คงยากนะคะ เพราะเราไม่สามารถนำยานออกไปกลางคันได้ ยิ่งเราอยู่ภายใต้การจับตาของคุณแอสเทลน่าด้วยแล้วนั้น" เนคกี้บอก
              แอสเทลน่าบอก "เออ ฉันไม่อยากจะบอกกับพวกเธอหรอกน่ะ แต่....พวกกริเดี้ยนโร็คมีท่าทีกระวนกระวายหนักกว่าเดิมแล้วน่ะ"
              "หมายความว่าไงกันหรือ" สเปียริทบอก
              เบย์แทนด์บอก "พวกกริเดี้ยนโร็คที่ควบคุมตัวประกันนั้น เหมือนจะได้รับข่าวบางอย่างมาจากพวกพ้องที่ยังอยู่ด้านล่าง หากแต่ กล้องวงจรปิดตามทางเดินอื่นๆเหมือนถูกรบกวนขึ้นมา จนไม่รู้ถึงสาเหตุดังกล่าวนะครับ"
              "แต่ทางเราดักจับสัญญาณสื่อสารที่พวกอยู่ในโดมแก้วติดต่อไปหาพวกที่ควบคุมกิซซีรีย์เก้าแบบกันแล้วละ" โดซี่บอก โดยที่คีธเปิดคลิปเสียงที่เจาะเข้าและบันทึกมาให้
              "อะไรน่ะ พวกทรอยอาร์บุกเข้ามาเลยหรือ เป็นจริงเลยหรือวะ" เสียงของหัวหน้าทีมที่ควบคุมตัวประกันในสำนักทนายความกล่าว
              "ครับ ทีมที่ไปตรวจเช็คอู่จอดยานอวกาศ เห็นพวกอัศวินเหล่านั้นลงมาจากยานและเปิดฉากจู่โจมใส่พวกพ้องของเรากันทั้งหมด แถมตอนนี้พวกนั้นก็แยกย้ายกันไปตามทางเดิน เหมือนจะตามหาวิลแซนด์อยู่นะครับ" ลูกสมุนแก็งค์กล่าว
              หัวหน้าทีมบอก "วิลแซนด์เกี่ยวข้องกับพวกทรอยอาร์แบบนี้ ชักจะไม่ดีแล้วละ" แล้วก็แจ้งไป "กลุ่มที่อยู่ข้างนอก เตรียมพร้อมจัดการกับพวกกองยานทั้งหลายลงไปซะ แล้วก็ ทีมสื่อสาร แจ้งไปที่พวกเราที่เมลลอท-4 รีบมานี้และส่งอาวุธลับที่เก็บไว้ มาใช้กับพวกทรอยอาร์โดยด่วน"
              "อาวุธลับที่เมลลอท-4 นะหรือ....นี้พวกกริเดี้ยนโร็คบ้าหรือโง่กันหรือไง ที่ไม่รู้ว่าดาวดวงนั้นมีพวกบีสทอยด์อาศัยอยู่น่ะ" สเปียริทบอก
              โฟรซ่ากล่าว "โดซี่ เธอบล็อกการสื่อสารจากดิสก์เวิร์ดไปยังเมลลอท-4 ไปแล้วหรือยังละ"
              "ฉันบล็อกคลื่นการสื่อสารของพวกกริเดี้ยนโร็คไว้ โดยทำให้พวกนั้นคิดว่าการติดต่อไปถึงที่หมายแล้ว" โดซี่บอก "แต่คงไม่ดีแน่ หากพวกทรอยอาร์มาเจอตัวคิโคเดนได้เสียก่อนน่ะ"
              โทมาสบอก "และพวกกริเดี้ยนโร็คมีอาวุธลับที่เก็บไว้ในเมลลอท-4 นั้น แม้จะไม่รู้ว่าอาวุธลับมันเป็นอะไร แต่ถ้าพวกนั้นเอามาใช้กับพวกทรอยอาร์ ย่อมหมายถึงความเสียหายเกิดขึ้นกับดิสก์เวิร์ดอย่างแน่นอน"
              "พวกเธอรีบมุ่งหน้าไปเมลลอท-4 และจัดการทำลายอาวุธลับเหล่านั้นให้พังพินาศไปซะ ทางเราจะบุกเข้าจัดการกับพวกกริเดี้ยนโร็คที่ควบคุมตัวประกันเอง" แอสเทลน่าบอก
              โคเซวิคกล่าว "ส่วนพวกเรากับผู้การทอมมี่จะเข้าจัดการกับไอ้พวกที่อยู่ข้างนอกดิสก์เวิร์ดให้ด้วย แต่จะดีกว่ามาก หากเธอขอตัวช่วยมาช่วยเพิ่ม เผื่อว่าพวกกริเดี้ยนโร็คมีกองหนุนเสริมอยู่น่ะ"
              "คุณเบติส คุณวิลด้า ฝากพวกคุณกับทีมช่วยพวกโคเซวิคให้ด้วยแล้วกันนะคะ" โฟรซ่าบอก วิลด้าพยักหน้า
              เบติสบอก "พวกเธอเองรีบตรงไปที่เมลลอท-4 โดยเร็วจะดีกว่าน่ะ"
              "ช่วยฝากดูคุณแอนเดรียให้ด้วยนะครับ" ฟูลออเรสกล่าว
              โฟรซ่าพยักหน้า และบอก "โดซี่ ฉันฝากพวกทรอยอาร์ให้เธอจัดการให้ด้วยแล้วกันน่ะ"
              "ถึงเธอไม่บอก ฉันจะจัดการอยู่แล้วน่ะ" โดซี่บอก หลังจากนั้น "ซูมมมมมม ซูมมมมมม แฟ้วววว แฟ้ววววว ครืนนนน ซูมมมมมม ซูมมมมม" ทีม OD89 ออกตัวไปกันหมด
              ฟลาแน็กซ์บอก "พวกเราเองก็ขอไปด้วยนะครับ อย่างน้อยเราอยากรู้ว่าพวกกริเดี้ยนโร็คหาเรื่องกับพวกคุณพ่อกันแล้วหรือยังน่ะ"
              "ย่อมได้อยู่แล้ว เพราะอย่างน้อย เราต้องการพวกเธอเป็นคนนำทางในป่าด้วยน่ะ" โฟรซ่ากล่าว แล้วก็นั่งเก้าอี้สั่งการของเนคมาดูซัม ในขณะที่สเปียริทนั่งบนตำแหน่งของพีวิล โดยที่ไซโคลเนีย "ครืดดด แกร็กกกก" ยืนตรงส่วนพวงมาลัย ซึ่งแอมเบอร์เปลี่ยนเป็นแบบคันบังคับเครื่องบินขึ้นมาแล้ว
              จิลบอก "อย่าลืมน่ะ ว่านี้เป็นยานรบ ที่ใหญ่กว่าอากาศยานถึง 10 เท่าเลยน่ะ"
              "รู้แล้วละน่า ฉันเห็นคลอเวฟขับแบบนี้มาตอนอยู่นอร์ติลุสแล้ว ฉันไม่มีทางทำยานชนกับอะไรได้หรอก" ไซโคลเนียกล่าว "แอมเบอร์ แจ้งบอกทุกๆคนให้รัดเข็มขัดไว้ด้วยละ" แอมเบอร์พยักหน้าและแจ้งบอก
              โฟรซ่ากล่าว "โอเค หันยานไปข้างหลัง เพื่อหลอกพวกกริเดี้ยนโร็คที่อยู่ข้างนอกให้หลงเชื่อว่าเรานำยานหนีออกไปแล้วน่ะ"
              "รับทราบแล้วคะ กัปตัน" ไซโคลเนียกล่าว แล้วก็ "ครืดดดดด ซูมมมมมมม" หมุนยานไทรแองเกิ้ลตามเข็มนาฬิกาจนหัวยานหันไปข้างหลัง จากนั้นก็ "ครืนนนนนนน" เคลื่อนยานไปอย่างช้าๆ ก่อนจะเพิ่มความเร็วไปทีละนิด "
              ที่หมายต่อไปคือเมลลอท-4 ระบบขับเคลื่อนความเร็วเหนือแสง พร้อมใช้งานแล้วละคะ" แอมเบอร์กล่าว
              ไซโคลเนียพยักหน้าและดันคันโยกเร่งไปข้างหน้า "ไทรแองเกิ้ล ออกบิน"
              "หึมๆๆๆๆๆๆ แฟ้วววววว" แล้วยานสามเหลี่ยมแบนก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ซาดีริลบอก "หวังว่าพวกเขาคงจะกลับมาพร้อมกับการแก้ไขปัญหาของแอนเดรียลงได้น่ะ"
              แอสเทลน่าบอก "ดีหน่อยหนึ่งที่พวกทรอยอาร์เข้ามากระตุ้นให้พวกกริเดี้ยนโร็คตื่นตัวกัน แต่คงไม่ดีแน่ๆ หากพวกเขาเข้าใกล้เป้าหมายหลักของเราได้เสียก่อนนะคะ"
              "เอาเป็นว่าตอนนี้ เรารีบจัดการกับพวกกริเดี้ยนโร็คทั้งในทั้งนอกกันเสียก่อนน่ะ" เฟลิคบอก
              เบติสกล่าว "แม้ว่านั้นจะทำให้องค์ราชทายาทที่เราคิดว่าเขาได้สิ้นชีพไปแล้ว รู้ว่าเราโผล่มาตรงนี้ แต่เราไม่มีทางหลบเลี่ยงไปได้แล้วน่ะ" วิลด้าพยักหน้า
              "หวังว่าพวกคุณพีวิลจะไม่เป็นไรกันบ้างน่ะ" เมดิน่ากล่าว
              โคเซวิคบอก "ถ้าเช่นนั้น พวกเราเตรียมตัวบุกไว้ก่อนน่ะ" แล้วก็นำกำลังรบมาสมทบกับกองรบกิซแซนไลน์ของโทมาสและทิคแซทที่เคลื่อนตัวมาด้วย เพื่อมิให้ฝ่ายตรงข้ามลงมือฆ่าตัวประกันในโดมไว้

              "แฟ้ววววววววว" ยานไทรแองเกิ้ลได้มุ่งหน้าสู่ระบบดาวเจเนซิล โดยมาถึงดาวเมลลอท-4 กันแล้ว
              "วู้ว ดีแล้วละ ที่เรามาถึงได้อย่างปลอดภัยเลยน่า" ไซโคลเนียบอก
              แอมเบอร์บอก "อย่างน้อยคุณควรมาขับยานแทนที่จะเป็นคุณคลอเวฟเลยน่ะ เพราะคุณคลอเวฟขับแบบเอายานเสยกับก้อนหินดาวเคราะห์น้อยเลยน่ะ"
              "ตอนนี้ เราเข้าเรื่องภารกิจด่วนฉุกเฉินกันก่อนน่ะ ลิเนียร์ตี้ ตรวจสอบการสื่อสารที่ออกมาจากเมลลอท-4 ได้หรือเปล่าละ" โฟรซ่าบอก
              ลิเนียร์ตี้จัดการเช็คอย่างรวดเร็ว "ดูท่าว่าพวกกริเดี้ยนโร็คที่แอบซุ่มอยู่ในดาวดวงนี้ กำลังติดต่อไปหาพวกพ้องที่ดิสก์เวิร์ดกันอยู่ ซึ่งฉันเดาได้ว่า พวกเขาต้องการคำสั่งอนุมัติการใช้อาวุธลับที่ว่ามาอย่างแน่นอน"
              "แสดงว่าพวกกริเดี้ยนโร็คเจอพวกคุณคูลิแนนซ์และพวกบีสทอยด์ในป่านี้เข้าก่อกวน กดดันให้พวกนั้นต้องใช้อาวุธลับมาเคลียร์เรื่องนี้โดยเร็วละสิน่ะ" สเปียริทบอก "พอจะรู้มั้ยว่าพวกนั้นอยู่ตรงไหนน่ะ"
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "ฉันเช็คแล้ว ดูท่าว่าพวกที่อยู่ในดาวไม่ฉลาดเลยในเรื่องติดต่อสื่อสารออกนอกดาว แต่ฉลาดในเรื่องวางที่ตั้งฐาน เพราะตำแหน่งต้นตอของสัญญาณที่ส่งไปนั้น มันอยู่ในป่าทึบห่างจากเขตหมู่บ้านหลักไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 50 กิโลเมตรเลยน่ะ"
              "ถ้าอยู่ในป่าทึบแบบนั้น เราเอายานไทรแองเกิ้ลลงจอดไม่ได้แน่ๆน่ะ" โฟรซ่าบอก ไม่ทันไรก็ "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" สัญญาณจากตัวแอนเดรียดังอีกแล้ว "แอนเดรีย ตั้งสติหน่อยได้มั้ยละ" โฟรซ่าตำหนิ
              แอนเดรียกล่าว "พยายามแล้วคะ แต่เครื่องยังเตือนอยู่ แม้จะโดนช็อตแรงๆไปแล้วก็ตามนะคะ"
              "ขนาดโดนช็อต แต่เครื่องยังดังอยู่เลยหรือ เครื่องเกิดขัดข้องหรือเปล่าละ" ไซโคลเนียบอก
              สเปียริทกล่าว "เปล่า เครื่องมันไม่ได้ขัดข้องหรอก แต่ การช็อตไฟฟ้านั้น มันกลับเป็นการกระตุ้นให้ด้านมืดแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้วนะสิ เพราะด้านมืดนั้น มันปล่อยไฟฟ้าจากส่วนเขาที่โค้งยาวออกมาได้น่ะ"
              "และถ้ามันปล่อยไฟฟ้าออกจากเขาได้ มันก็สามารถต้านทานและดูดซับพลังงานไฟฟ้าจากภายนอกมาเป็นของมันได้เองเลยสินะ" โฟรซ่าบอก สเปียริทพยักหน้า อดีตรองหัวหน้าหน่วย 54 ได้ฟังจึงตัดสินใจบอกว่า "เกรงว่าเราให้แอนเดรียอยู่ในไทรแองเกิ้ลไม่ได้แล้วละ เราต้องพาเธอออกไปด้วย"
              เนคกัสบอก "แต่จะดีหรือครับ เพราะถ้าเราพาคุณแอนเดรียออกไป พวกบีสทอยด์ต้องถูกด้านมืดของคุณแอนเดรียฆ่าเอาได้น่ะ"
              "สเปียริท ลิเนียร์ตี้ เธอสองคนคุมแอนเดรียเอาไว้ ถ้าเธอมีปฏิกิริยาถูกด้านมืดเปลี่ยนร่าง ก็รีบใช้พลังตรึงด้านมืดเหมือนเช่นเคยแน่นอน" โฟรซ่ากล่าว "ไซโคลเนีย แจ้งบอกคุณคูลิแนนซ์ที่สถานีอวกาศร้างโดยด่วนเลย แอมเบอร์ เปิดสเตลท์ไดร์ฟเอาไว้ เพราะเราจะนำไทรแองเกิ้ลลงจอดแล้วน่ะ" ไซโคลเนียพยักหน้า
              แอนเดรียบอก "แล้วถ้าเกิดว่ามันไม่ได้ผลขึ้นมาเลยละคะ"
              "แอนเดรีย ตอนนี้อย่าพึ่งกังวลกันไปก่อนน่ะ" โฟรซ่าบอก แอนเดรียพยักหน้า
              แต่ในหัวของเธอนั้น "หึๆๆๆๆๆ เธอไม่มีทางหยุดยั้งหรือทำอะไรได้แล้วละ เพราะว่าฉันจะเริ่มยึดร่างของเธอกันแล้วน่ะ"

              "แฟ้ววววว วู้ววววว ตรึงงงงง" ยานไทรแองเกิ้ลแล่นลงจอดบนลานบินของสถานีอวกาศร้าง ซึ่งคูลิแนนซ์และเหล่านักรบควอเดี่ยมที่คุมอยู่รีบออกมาต้อนรับ หลังจากที่ได้รับการแจ้งมาจากนอกดาวแล้ว โฟรซ่าพาพวกสเปียริทและพวกเฮเรเค้นลงจากยาน โดยพาแอนเดรียลงมาด้วย "พวกคุณมาถึงนี้ตรงเวลาดีนะครับ ทางเราเองต้องการให้พวกคุณช่วยอยู่พอดี" คูลิแนนซ์ หัวหน้านักรบควอเดี่ยม มือขวาผู้คุ้มกันนายแม่รัคชูมี่ หัวหน้าเผ่าควอเดี่ยมกล่าว
              โฟรซ่าบอก "ถ้าเป็นเรื่องพวกกริเดี้ยนโร็คซ่องสุ่มอยู่ในป่าพร้อมอาวุธลับละก็ ทางเราทราบแล้วละ"
              "พวกคุณรู้เรื่องนี้แล้วหรือครับ แล้วว่าแต่ นายน้อย....ไม่มาด้วยหรือครับ" คูลิแนนซ์ถาม
              สเปียริทกล่าว "เราคงต้องอธิบายกันในช่วงเดินไปยังหมู่บ้านแล้วน่ะ"
              "แสดงว่า ราชทายาทคิโคเดนอยู่ในดิสก์เวิร์ดมาตลอด 4 ปีเลยสิครับ" คูลิแนนซ์บอก หลังจากที่สเปียริทเล่าให้ฟัง "แน่นอน ว่าสิ่งที่เรากังวลมาตลอด 4 ปีนั้นก็เป็นจริงเลยนะครับ"
              ลิเนียร์ตี้กล่าว "แปลว่าพวกคุณรู้อยู่แล้วสิ ว่าเหตุผลที่เหล่าอัศวินทรอยอาร์สามารถยึดดาวคืนและขับไล่มหาสังฆราชริชเชลลิอาร์ลออกไปนั้น เพราะพวกเขาได้ความช่วยเหลือจากคิโคเดนเลยสิน่ะ"
              "ใช่ เพราะพวกเราต่างก็รู้จักองค์ราชทายาทผู้ไร้เทียมทานมากที่สุดในแรซัลก้าได้เป็นอย่างดี และเป็นอีกเหตุผล ที่ทางเราไม่ส่งคนเข้าไปในดาวเทรสตีดหลังจากสงครามกับเดลอาเนี่ยน ทรอยอาร์และสเตรดาร์ธจบลงไปแล้วน่ะ" คูลิแนนซ์กล่าว
              โฟรซ่ากล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะคิโคเดนผู้นี้ไม่เพียงแค่ทรงพลังและแข็งแกร่ง หากแต่เป็นองค์ราชทายาทผู้ชาญฉลาดอย่างมากเลยสิน่ะ"
              "ครับ ถ้าคนของเราถูกคนขององค์ราชทายาทคิโคเดนจับตัวไป ย่อมหมายถึงพวกเรารวมถึงพวกบีสทอยด์บนดาวดวงนี้จะมีความเสี่ยงโดนก่อนเป็นชุดแรก และนั้นหมายถึงสหพันธมิตรที่อีสทาล่าฟรอนเทียร์จะไม่ปลอดภัยด้วยนะครับ" คูลิแนนซ์บอก "ดังนั้น ผมจึงต้องส่งคนไปแจ้งกับท่านรัคชูมี่รับทราบไว้ แล้วท่านก็สั่งให้พวกเราซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลานะครับ"
              ไลเอิร์ทบอก "แม้ว่าพวกทรอยอาร์นั้นจะฟื้นตัวจากการถูกไอ้สังฆราชแก่ควบคุมนั้น พวกคุณไม่น่าจะหลบซ่อนไปได้เลยนิ"
              "นายลืมไปแล้วหรือ ไลเอิร์ท 3 ปีก่อน พวกสมุนของเซอร์รัฟ แพนเนสมันลงมาที่ดาวดวงนี้มาก่อน ซึ่งนั้นเท่ากับว่าพวกทรอยอาร์รู้ว่าพวกเราอยู่ที่ดาวดวงนี้นะสิ" ฟลาแน็กซ์บอก
              คูลิแนนซ์กล่าว "และเราใช้ความพยายามมาตลอด 3 ปีในการห้ามพวกหัวหน้าเผ่าไม่ให้ออกนอกดาวกันไว้ แม้ทางเราจะมีกองยานแพลตตินั่มอามาด้าคุ้มครองไว้จนพวกทรอยอาร์ไม่บุกมา แต่....ก็มีเรื่ององค์ราชทายาทตัวปลอมโผล่มาเมื่อปีที่แล้วจนได้"
              "ซึ่งพวกท่านรู้แต่แรกแล้วสิคะ ว่าตัวปลอมนั้นถูกตัวจริงลงโทษไปแล้วน่ะ" แอนเดรียบอก คูลิแนนซ์พยักหน้า
              จิลถาม "แล้วพวกกริเดี้ยนโร็คมันมาที่ดาวดวงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ"
              "หลังจากที่ซีคเทมพลาร์นำตัวพวกเทรอนเร็กซ์ออกจากดาวไปเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อนนั้น วันถัดมา บีสทอยด์ของหัวหน้าไวเปอรอนและฟอลเคนอนเห็นยานอวกาศแล่นลงจอดห่างจากตัวหมู่บ้าน เลยรีบกลับมาบอกกับทางเรา จนรู้ว่า พวกกริเดี้ยนโร็คมากบดานที่นี้ พร้อมกับคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่มาด้วย ซึ่งผมรู้ได้ในทันที ว่านั้นต้องเป็นอาวุธที่พวกกริเดี้ยนโร็คได้จากพวกเฮซเทิร์ซมาแน่นอน" คูลิแนนซ์กล่าว "ซึ่งผมได้กันทุกๆคนในเผ่าไม่ให้รีบออกไปหาเรื่อง เพื่อมิให้พวกกริเดี้ยนโร็ครู้ตัวและใช้อาวุธนั้น ซึ่งอาจจะเป็นพวกเฮซเทิร์ซโดยสารมาเป็นได้แน่นอนน่ะ เลยต้องรออยู่ จนกว่านายน้อยและพวกจะมาถึงนะครับ"
              โฟรซ่าบอก "ท่านกับพวกทำถูกแล้วละ ที่รอพวกเราไว้ก่อน แม้ว่าตอนนี้เรามีปัญหาอีกหนึ่งอย่างติดมาด้วย"
              "ท่านหมายถึงคุณแอนเดรียละสิครับ" คูลิแนนซ์กล่าว พวกโฟรซ่าได้ฟังก็ตกใจ คูลิแนนซ์อธิบาย "ทีจริงแล้ว ผมรู้มาจากท่านรัคชูมี่เมื่อ 4 ปีก่อนแล้ว นับตั้งแต่.....พวกคุณมากับคุณแอนเดรียและแอบไบออสแล้วน่ะ"
              จิลกล่าว "และคุณก็ยังปิดบังเรื่องนี้เอาไว้เลยสิน่ะ"
              "ทีจริง ผมอยากจะบอกกับพวกคุณให้ทราบกันแล้ว หากแต่ ท่านรัคชูมี่ห้ามไม่ให้ผมพูด เพราะท่านต้องการให้พวกคุณรู้ด้วยตัวเองนะครับ" คูลิแนนซ์กล่าว
              ลิเนียร์ตี้บอก "ส่วนหนึ่งเพราะ ถึงคุณพูดไป พวกเราก็คงไม่เชื่ออย่างงั้นสิคะ ว่าแอนเดรียเหมือนกับพวกบรอนเซอรูทเลยน่ะ"
              "แล้วสภาพของคุณแอนเดรียนิ...." คูลิแนนซ์ถาม และเห็นสีหน้าของแอนเดรียที่ไม่สู้ดีอยู่ "....งั้นที่คุณมาสวาร์ทาร์ไม่มาด้วยนั้น..."
              โฟรซ่ากระซิบบอก "เราไม่อยากให้มาสวาร์ทาร์แก้ปัญหาด้วยวิธีโง่ๆเลยสิน่ะ เนคมาดูซัมเลยให้มาสวาร์ทาร์ไปด้วยกัน แม้นั้นจะหมายถึงมาสวาร์ทาร์พลอยซวยไปด้วยนะสิ"
              "แต่จากรูปการณ์นั้น พวกนายน้อยยังไม่ตายเช่นนี้ แม้ผมจะวางใจได้ก็จริง เราต้องรีบแก้ปัญหาบนดาวดวงนี้เสียก่อนนะครับ" คูลิแนนซ์บอก
              โฟรซ่าพยักหน้า "เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของเราเองดีกว่าน่ะ" แล้วก็สั่งให้ "พวกเธอกลับไปเฝ้าที่หมู่บ้านของพวกเธอ พร้อมกับสเปียริท ลิเนียร์ตี้และแอนเดรีย ฉันจะพาจิลและไซโคลเนียไปจัดการเอง"
              "แต่จะดีหรือ ที่ให้เจ้ไปกันแค่สามตนน่ะ" เรปไซท์บอก
              เทรอนเร็กซ์กล่าว "ให้พวกเราไปด้วยจะดีกว่าน่ะ อย่างน้อย เราช่วยกระทืบพวกกริเดี้ยนโร็คลงได้น่ะ"
              "พวกนั้นมันมีอาวุธของพวกเฮซเทิร์ซมาด้วย ถึงเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่คงไม่ดีแน่ที่พวกเธอพลาดพลั้งเสียทีให้กับอาวุธเหล่านั้นน่ะ" โฟรซ่าบอก
              ไซโคลเนียกล่าว "ถ้าเกิดว่าพวกเธอไปทั้งหมดนี้ แล้วพวกกริเดี้ยนโร็คยังมีอีกสองสามกลุ่มแอบซุ่มอยู่ และบุกเข้าหมู่บ้านขึ้นมากันละ"
              "นี้อย่าบอกน่ะ ว่ายังมีพวกกริเดี้ยนโร็คอีกกลุ่มอยู่ในป่าด้วยน่ะ" วูลเฟลล่ากล่าว
              ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "แอมเบอร์พึ่งแจ้งมา ว่าไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่เราเจอเพียงจุดเดียว แต่ยังมีอีก 2 กลุ่มกันด้วย แม้จะไม่มีอาวุธ แต่กำลังคนถือว่าเยอะอยู่ ซึ่งพวกเธอควรจะอยู่ช่วยคุณคูลิแนนซ์ปกป้องหมู่บ้านพร้อมพวกลิเนียร์ตี้แล้วกัน"
              "ก็ได้ครับ เจ้ หวังว่าเจ้จะปลอดภัยกันบ้างน่ะ" แบร็อคบอก โฟรซ่าพยักหน้าหลังจากที่คูลิแนนซ์พาทุกๆคนมาส่งหน้าหมู่บ้านแล้ว
              "ฉันฝากแอนเดรียให้เธอทั้งสองดูแลหน่อยนะ และถ้าเรายังไม่กลับมา ก็อย่ารีบตามมาเด็ดขาดน่ะ" โฟรซ่าเตือน
              "ฉันรู้แล้วละน่า" สเปียริทตอบ ลิเนียร์ตี้พยักหน้า
              แอนเดรียบอก "พวกคุณระวังตัวด้วยนะคะ" โฟรซ่าพยักหน้าตอบรับ แล้วก็พาจิลและไซโคลเนียตรงไปยังฐานซ่องสุ่มของพวกกริเดี้ยนโร็คโดยเร็ว ซึ่งพวกนั้นจอดยานอวกาศสำหรับขนส่งคอนเทนเนอร์เอาไว้ โดยมีอาคารทรงกลมอยู่ใกล้ๆอีก 2 หลัง พร้อมจานดาวเทียมบนหลังคา โฟรซ่าหลบอยู่หลังพุ่มไม้ที่อยู่ด้านนอกฐาน ในขณะที่ไซโคลเนียและจิลคลานไปยังด้านข้างค่าย

              "แอมเบอร์บอกมา ว่าพวกมันพยายามจะติดต่ออยู่ตลอด แต่เธอสกัดกั้นการสื่อสารเอาไว้แล้วละ" ไซโคลเนียกล่าวโดยใช้โทรจิตติดต่อไป
    จิลบอก "ดูท่าว่าส่วนหนึ่งในกรุ๊ปนี้ จะล้อเลียนพวกเธอให้แล้วน่ะ" เพราะเธอเห็นตัวหัวหน้าที่สวมชุดแบบเกรมฮอร์ท โดยลูกสมุนสวมชุดกริมลิคซ์ พาราไดน์ มิลมีซอน เซนเครูท ซึ่งมีหลากสีตามกลุ่มย่อยของโซลูนาสตี้ด้วยกัน หากแต่มีอาวุธปืนของฝ่ายพันธมิตรมนุษย์อยู่ในมือ โดยตัวหัวหน้านั้นถอดหมวกจนเผยหัวผู้สวมที่ไว้ผมบลอนด์และหน้าตาเกลี้ยงเกลา ทั้งๆที่ตามใบหน้าควรจะมีลวดลายแบบแผงวงจรบนหน้า และดวงตาทรงกลมเหมือนกับพวกโซลูนาสตี้ตัวจริง
    "ฉันเห็นแล้วละ และโทษของการล้อเลียนพวกเราจนทำให้เราพลอยโดนกล่าวหาแบบนี้ สมควรโดนอย่างหนักแล้วน่ะ" โฟรซ่าบอก แล้วก็เตรียมฟาร์ไซน์ไรเฟิ่ลติดลำกล้องเก็บเสียงขึ้นมาเล็ง "จิล เธอจัดการฝั่งซ้ายให้เรียบ ไซโคลเนีย ถล่มทางขวาให้ราบ ลงมือในทันทีที่เสียงปืนดัง เข้าใจมั้ย"
              จิลและไซโคลเนียตอบ "โอเค" โฟรซ่าพยักหน้า พร้อมกับ "แกร็ก ปุ๊" เหนี่ยวไกยิงทันที
              "แถวนี้ มียุงหรือเปล่าวะ รู้สึกเหมือนโดนยุงกัดเลยวะ" หัวหน้ากลุ่มกล่าว แล้วก็เดินไปหาลูกน้อง ซึ่งอ้าปากค้างอย่างจังๆ "เฮ้ย พวกแกทำหน้าแบบนี้ เดียวพ่อเหนี่ยว...." หัวหน้าโจรกล่าว แล้วก็ "หวืออออ โครมมมม" ล้มหน้าคว่ำลงกับพื้น โดยเผยรูทะลุตรงหลังหัว
              "หัวหน้าโดนยิงแล้ว รีบไปเปิดคอนเทนเนอร์ออกมาโดย...." สมุนสวมชุดเซนเครูทตะโกนลั่น แต่ "แง้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ตนกับลูกน้องอีก 6 รายโดนจิลเทเลพอร์ตมาใช้ซาวนด์สครีมเมอร์เล่นงาน พาราไดน์และมิลมีซอนตัวปลอมนั้นรีบชักปืนกลติดเครื่องยิงจรวดเล็กมา "แฟ้ววววว" ไซโคลเนียทะยานขึ้นมาพร้อมกับ "มิเดี้ยมมิไซล์" ยิงจรวดจากท่อนแขนทั้งสองข้างเข้า "ฟ้าวๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆๆ" เป่าถล่มพวกสมุนโจรกริเดี้ยนโร็คที่สวมรอยเป็นพวกแมนิเกเตอร์ของสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์จนปลิวกระเด็นไป เซนเครูทตัวปลอมรีบวิ่งไปยังอาคารทรงกลม และกลับมาพร้อมกับปืนเลเซอร์แคนน่อนแบบพกพา "ปุ๊" โฟรซ่าสอยร่วงจนล้มเอาสีข้างซ้ายลงกับพื้น ตามด้วย "ปุ๊ ปุ๊ เปรี้ยงงงง โพละ" เป่าจานดาวเทียมบนหลังคากระจุยไป ตัดการสื่อสารไปยังพวกพ้องที่ดิสก์เวิร์ดโดยเร็ว "แฟ้วๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" จิลใช้ไซโคไคท์พุ่งปะทะใส่กริมลิคซ์และเซนเครูทจำนวนละ 3 ตนจนล้ม "แชดๆๆๆๆๆๆ" แล้วก็ยิงใส่อย่างต่อเนื่อง "แคร้งงง เคร้งงง เคร้งงงงง เคร้งงงงง" ไซโคลเนียใช้แอร์ฟอสคัตเตอร์ฟันใส่พาราไดน์และมิลมีซอนให้ล้ม "ไซโคลนเรซเซอร์" แล้วก็ใช้พายุคมมีดเข้ากรีดตัดพวกศัตรูจนเกราะแตกกระจุยไป "ปังๆๆๆๆๆๆๆ" เซนเครูทหลากสีโดนโฟรซ่าใช้เดริงเจอร์แมกนั่มยิงจนร่วงก่อนจะใช้ปืนเลเซอร์ยิงกลับไป
              "พวกตัวปลอมนิ แค่เลียนแบบให้เหมือนเท่านั้นเอง เพราะชุดเกราะที่พวกนั้นสวม อ่อนกว่าของแท้เลยน่ะ" จิลกล่าว
              โฟรซ่าบอก "เห็นด้วยน่ะ เพราะถ้าเป็นตัวจริง น่าจะหลบกระสุนที่ฉันยิงมา มากกว่าวิ่งเข้าไปแล้วโดนสอยเป็นใบไม้ร่วงเลยน่ะ" แล้วก็เก็บปืนสองกระบอกไว้ข้างเอว "หวังว่าพวกเธอคงจะเคลียร์ให้หมดจริงๆน่ะ เพราะถ้ามีบางรายหลุดเข้าไปในยานลำนั้นขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน"
              "แย่ละสิ พวกไทรเวเซอร์แค่สามราย ก็เล่นเราแรงเลยหรือวะเนี้ย ทำไมพวกที่อยู่ในดิสก์เวิร์ดถึงไม่บอกเรากันวะ" สมุนโจรที่ปลอมเป็นพาราไดน์บอก
    อีกรายที่ปลอมเป็นมิลมีซอนกล่าว "ไม่มีทางเลือกแล้ว รีบใช้เจ้านั้นโดยเร็วเลย" จากนั้นก็รีบวิ่งมาตรงแผงคอนโซลใกล้กับคอนเทนเนอร์สีเงินที่ติดแถบดำและตีตราอันตรายรูปหัวกระโหลกดำ "ปี้บๆๆๆๆๆๆ ครืดดดด"
              "อุว้ากกกกก" เสียงร้องลั่นดังมาจากภายในยานขนส่ง จนทำให้โฟรซ่า จิลและไซโคลเนียที่สอดส่องอยู่ในฐาน รีบหันมาที่ยานโดยเร็ว และเดินย่างสามขุมอย่างช้าๆ "ช่วยด้วยยยยย ใครก็ได้ ช่วยผมด้วย" พาราไดน์ตัวปลอมร้องลั่นพร้อมกับรีบคลานออกมาในสภาพที่แขนซ้ายกุดจนเลือดโชกออก จากนั้นก็ "อ้ากกกกกกก" ถูกดึงหายไปในความมืดโดยทันที "กร็วมๆๆๆๆๆๆๆ พรวดดด กึกๆๆๆๆๆ" จากนั้นแขนก็กระเด็นออกไป
              "ตัวปลอมน่าจะจัดการกับตัวประหลาดในนั้นได้เลยสิน่ะ" ไซโคลเนียบอก 
              "ตรึง ตรึง ตรึง ตรึง" แล้วสิ่งที่อยู่ในคอนเทนเนอร์ยานขนส่งก็ก้าวเดินออกมา เป็นอสูรกายทรงมนุษย์สีน้ำตาลส้มตัวโต แขนขาใหญ่มีสามนิ้วกลม ส่วนหัวมีปากขนาดใหญ่และฟันหนาเท่าฟันฮิปโป มีเศษเนื้อและเลือดติดอยู่ "คงไม่เดาหรอก ว่านี้เป็นสิ่งที่พวกกริเดี้ยนโร็คขนมาส่งที่ดิสก์เวิร์ดน่ะ" จิลบอก
              กริมลิคซ์ที่นอนจมกองเลือดบอก "พวกเธอ กำลังจะกลายเป็นอาหารของเจ้าออร์เครย์ในไม่ช้าแล้ว ต่อให้เป็นกองกำลังหัวหอกของฝ่ายสหพันธมิตร ก็หาได้สู้กับมันไม่หรอกน่ะ" แล้วก็ดับอนาจลง
              "กรือออ โฮกกกกกกกก" อสูรกายออร์เครย์คำรามดังลั่น โฟรซ่า จิลและไซโคลเนียที่ยืนนิ่งจากเสียงกู่ร้อง ออร์เครย์เลยเงื้อแขนขวาฟาดใส่ "โท้ววววว" โฟรซ่า จิล และไซโคลเนียรีบกระโดดถอยหลัง "โซนิคคัตเตอร์!!!!" โฟรซ่าซัดคลื่นคมมีดจากการไขว้แขนสองข้างอย่างแรง "ฟรีซสแปรชเชอร์ ชาร์จช็อต" จิลยิงกระสุนหนามน้ำแข็งพุ่งเข้าใส่พร้อมกับ "ไมโครมิไซล์ ชู้ตตตต" ไซโคลเนียยิงห่ามิไซล์เล็กเข้าถล่มใส่ "ป้ากกกก ฉึกๆๆๆ ตูมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ออร์เครย์โดนพลังสามประสานอัดใส่อย่างจังๆจนกุดแขนขวาลง ตามด้วยหนามน้ำแข็งปักทะลุจนเป็นรูและร่างมีรอยไหม้จากการระเบิดต่อเนื่อง "กึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พรวดดดด" แต่ร่างกายของมันฟื้นฟูด้วยการอุดรูโต ด้วยดินเหนียวในตัว พร้อมกับงอกแขนที่ขาดให้กลับมาใหม่
              "เราคงปล่อยให้มันหลุดไปถึงหมู่บ้านบีสทอยด์ไม่ได้แล้วละ" จิลบอก
              โฟรซ่ากล่าว "ที่ถูกนั้นคือ อย่าให้มันออกนอกดาวกันซะมากกว่าน่ะ" แล้วก็บอก "จังหวะนี้แหละ แทรนซิ่งเลย"

            "ตกลง!!!" จิลและไซโคลเนียตะโกนตอบ แล้วก็ "แทรนซิ่ง" ทั้งสามตะโกนพร้อมกัน แล้วร่างของพวกเธอก็เรืองแสงขึ้น จิลขยายร่างให้เป็นผู้ใหญ่โดยที่เป้หลังแตกออกเปลี่ยนเป็นส่วนปีกยาว ส่วนหมวกเลื่อนไปหลังหัวเผยทรงผมยาวด้านหน้าออกมา ส่วนหูติดหมวกเพิ่มใบมีดยาว ลำตัวที่ขยายนั้นหุ้มด้วยสกินสูทสีชมพูอ่อน หน้าอกหุ้มเกราะอ่อนสีขาว "แกลลิสจิล มาแล้วคะ" ไซโคลเนียเปลี่ยนส่วนแขนขาให้หนาขึ้น ด้านข้างหัวไหล่งอกปีกสามเหลี่ยมออกมาสองข้าง ส่วนปีกขยายให้ยาวและด้านหลังตรงกลางมีส่วนสามเหลี่ยมอยู่ด้านบน สกินสูทเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีฟ้าอ่อน พร้อมกับเกราะประทับตราดาวห้าแฉก และมีสี่เหลี่ยมรูปว่าวอีกสามอันล้อมรอบ ส่วนหมวกของเธอแยกออกมีผลึกสีฟ้าอยู่ตรงกลางหน้าผากและมีเขาติดอีกสองข้างเพิ่มมาด้วย "สเตลลัสไซโคลเนีย ออกบิน" ส่วนโฟรซ่านั้น ก็เปลี่ยนชุดเกราะเกือบทั้งตัว โดยมีตราจันทร์เสี้ยวประทับบนหน้าอก ส่วนขาเสริมแกร่งเช่นเดียวกับส่วนแขนเพิ่มแถบแสงให้ยาวขึ้น "แว้งงง ครี้งงงง" จากนั้นหมวกติดเขาจันทร์เสี้ยวก็สวมหัวโฟรซ่าพร้อมปิดเฟสการ์ดไว้ "เครเซนต้าโฟรซ่า ปรากฎตัว" แล้วทั้งสามก็โดดลงสู่พื้น เป็นอันเปลี่ยนร่างเรียบร้อยแล้ว
    "กรรรรรรรรรรร" ออร์เครย์คำรามพร้อมกับบุกเข้ามาด้วยอุ้งมือขนาดใหญ่ที่แข็งจนนิ้วเป็นหินย้อยแหลม "ลูนาร์เรซเซอร์อาร์ม" โฟรซ่าสะบัดแขนที่อัดพลังทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วจน "ฉืบบบบบ" สับท่อนขาทั้งสองข้างของออร์เครย์ขาดสะบั้น "กรรรรรร ฟิ้วๆๆๆๆๆ" แต่มันก็ปล่อยฟันออกจากปากเป็นจำนวนมากพุ่งเข้าใส่โฟรซ่า "ไซโคลนสเตลล่าบลัสต์" ไซโคลเนียกำหมัดซ้ายที่อัดพลังแล้วก็ซัดออกเป็นพายุห่าดาวห้าแฉกหมุนเข้า "หวับๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆๆ แฟ้วววว ป้ากๆๆๆๆๆ" ดูดกระสุนฟันหินเข้าไปทำลายทิ้งและแตกกระจายเป็นกระสุนรูปดาวเข้าปะทะใส่ออร์เครย์อย่างหนักหน่วง "ออลทรัมแบนชีบริซซาร์ด" จิลแบมือสองข้างสะสมพลังงานและปล่อยออกเป็นพายุหิมะที่มีเกล็ดน้ำแข็งรูปกลีบดอกไม้และใบไม้สาดใส่ "แฟ้ววววว ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แกร็กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ซึ่งเกล็ดน้ำแข็งพุ่งปักคาร่างออร์เครย์อย่างต่อเนื่องจนแช่แข็งร่างของมันให้ชะงักงัน "เป๊าะ" จิลดีดนิ้วดังขึ้น "แว้งงงง เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆ โพละ" ระเบิดเสียงที่เธอใส่ไปพร้อมกับเกล็ดน้ำแข็งแตกออก จนเผยให้เห็นแกนกลางทรงกลมที่เรืองแสงอยู่กลางลำตัว "โซนิคเครเซนท์" โฟรซ่าซัดคลื่นคมมีดรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งเข้า "ฉืบบบบบบ" ผ่าแกนกลางทรงกลมขาดครึ่ง "ปริๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงงง" ทำให้ร่างที่เหลือแตกสลายเหลือเพียงเศษฝุ่นดินไปในทันที "เท่านี้ก็จบเรื่องแล้วสิน่ะ" ไซโคลเนียกล่าวอย่างวางใจ
              จิลส่ายหน้า "เออ เกรงว่าที่ออกมานั้น มันมีแค่ตัวเดียวนะสิ"
              "กรรรรรรรรร" ไม่ทันไรก็มีเสียงกู่ร้องขึ้น พร้อมกับ... "นี้มัน แย่กว่าที่คิดแล้วละเนี้ย" ไซโคลเนียอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นออร์เครย์โผล่มาอีก 3-4 ตัวด้วยกัน
              โฟรซ่าบอก "ใช่ และจะแย่กว่านี้หากพวกมันหลุดผ่านพวกเราไปได้น่ะ รีบจัดการโดยเร็วก่อนเถอะ"

              ทางด้านแอนเดรีย สเปียริทและลิเนียร์ตี้ที่อยู่หน้าหมู่บ้านของพวกบีสทอยด์นั้น
              "กึกกกก" แอนเดรียกระตุกขึ้นมา "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงเตือนดังขึ้นพร้อมกับช็อตไฟฟ้าไปแล้วจนเสียงหยุดลง แต่ก็ไม่ดีขึ้น "ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ คุณครู" เวลลิทบอก
                แอนเดรียพยักหน้า "ครูไม่เป็นไรหรอกน่ะ แฮกๆๆๆๆๆ"
              "หึๆๆๆๆ เธอไม่มีทางทำอะไรได้แล้วละ แอนเดรีย ต่อให้เธอพยายามตั้งสติไว้แค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะ ฉันจะครอบงำร่างของเธอกันแล้ว และนั้นหมายถึงมือของเธอจะต้องนองเลือดไปด้วยน่ะ" ด้านมืดกล่าวขึ้นมา จนแอนเดรียรู้สึกกลัวไปด้วย
              สเปียริทบอก "ปานนี้โฟรซ่ากับพวกน่าจะกลับมาได้แล้วน่ะ คุณคูลิแนนซ์"
              "ผมส่งคนของผมติดตามพวกคุณโฟรซ่าไปแล้ว อย่างน้อยถ้ามีเรื่องด่วน ก็ต้องรีบกลับมากันแล้วน่ะ" คูลิแนนซ์บอก ไม่ทันไร ควอเดี่ยมเรนเจอร์ตนหนึ่งรีบวิ่งกลับมา คูลิแนนซ์ถาม "ได้เรื่องอะไรบ้างละ"
              ควอเดี่ยมเรนเจอร์รายงาน "เกรงว่าตอนนี้ ออร์เครย์ อสูรดินเหนียวของพวกเฮซเทิร์ซ หลุดออกมาจากยานขนส่งเข้าปะทะกับพวกคุณโฟรซ่าที่แปลงร่างสู้กันอยู่นะคะ"
              "ออร์เครย์นะหรือ....พวกกริเดี้ยนโร็คมันนำเข้าของเฮงซวยที่พวกเฮซเทิร์ซชอบใช้พังบ้านพังเรือนในเขตชนบทกันเลยหรือเนี้ย" คูลิแนนซ์กล่าว และหันมาบอกกับลิเนียร์ตี้และสเปียริท "เกรงว่าผมต้องให้พวกคุณทั้งคู่ไปช่วยโดยด่วนเลยครับ"
              ลิเนียร์ตี้ถาม "เจ้าตัวประหลาดนั้นมันแข็งแกร่งมากเลยหรือคะ"
              "ครับ ออร์เครย์นั้นแม้ว่าทั้งตัวจะเป็นดินเหนียว แต่มันมีความสามารถในการรับมือกับการปะทะและการโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามสูงมาก ยิ่งโจมตีหรือทำลายตัวหนึ่งไปได้ ยิ่งทำให้ตัวถัดมาแข็งแกร่งมากขึ้น ถ้าพวกคุณโฟรซ่าจัดการพวกนั้นเพียง 4-5 ตัวก็พอว่าไปอย่าง แต่ถ้ามามากกว่า 10 ตัวขึ้นไปละก็...." คูลิแนนซ์บอก
              สเปียริทกล่าว "มีแต่ต้องกำจัดพวกมันทีเดียวให้หมดไปเลยสิน่ะ"
              "เปล่าครับ ทางเดียวที่จะทำลายออร์เครย์ไปได้ คือต้องทำลายแกนกลางควบคุมให้พังพินาศเท่านั้นนะครับ" คูลิแนนซ์บอก "เพียงแต่พวกคุณต้องหาแกนกลางให้ได้นะครับ เพราะว่าแกนกลางมันโยกย้ายเปลี่ยนตำแหน่งได้ทุกครั้งเลยนะครับ"
              สเปียริทกล่าว "วางใจได้คะ เพราะเราจะจัดการกับมันด้วยวิธีของเรานี้แหละ"
              "แล้วแอนเดรียละ จะทำเช่นไรละ สเปียริท" ลิเนียร์ตี้บอก
              สเปียริทเลยพยักหน้ากับลิเนียร์ตี้ และมองมายังแอนเดรีย "แว้งงงงงง" แล้วก็ใช้โฮลด์เซอเคิ้ลกับแอนเดรีย พร้อมกับ "แว้งงงงงง ครี้งงงงง" ลิเนียร์ตี้ใช้ฟอสชิลด์เสริมอีกที โดยทั้งคู่ใช้พลังเข้าตรงกลางหน้าอกไว้
              "เออ พวกเจ้ใช้มุขเดิมกับครูแอนเดรียอีกหรือเนี้ย" แบร็อคบอก
              "แล้วพวกคุณไม่กลัวว่ามันจะใช้ไม่ได้ผลเลยหรือคะ" วูลเฟลล่าบอก
              สเปียริทกล่าว "ถึงไม่ได้ผล แต่ก็คงหน่วงเหนี่ยวด้านมืดให้ครอบงำร่างแอนเดรียได้ช้าลงไปสักระยะหนึ่ง ซึ่งก็เกินพอให้แอนเดรียรีบหนีไปให้พ้นจากหมู่บ้านโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยน่ะ"
              "คุณจะให้ฉันไปไกลๆเลยหรือ แต่ว่า...." แอนเดรียบอก
              ลิเนียร์ตี้บอก "เราทำเท่าที่เราทำได้เลยน่ะ แอนเดรีย อีกอย่าง เรามีทางเลือกที่ดีกว่าการลงมือจัดการกับเธอลงด้วยมือของพวกเราเองน่ะ"
              "ฉันรู้น่ะ ว่าเธอพยายามอดทนมากพอในการต้านทานด้านมืดไว้ แต่...." สเปียริทบอก "....ตราบใดที่ยังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย โดยที่เรายังพอมีความหวังอยู่ แม้จะความเป็นไปได้นั้นจะมีน้อยมาก เธอต้องสู้กับด้านมืดนั้นให้ได้เลยน่ะ"
              แอนเดรียบอก "แต่ ฉันจะชนะด้านมืดนั้นได้ไง ในเมื่อด้านมืดนั้นแรงกล้ากว่าฉันเลยน่ะ"
              "เธอต้องเชื่อมั่นในตัวเธอเองสิ เพราะว่าด้านมืดของเธอนั้น ก็คืออีกตัวตนของเธอที่ตรงข้ามกัน ตราบใดที่เธอยอมรับได้ว่าเธอมีด้านมืดอยู่ เธอก็ต้องหยุดยั้งด้านมืดลงได้แน่นอนน่ะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว จนแอนเดรียอึ้งขึ้นมา เพราะคำพูดของลิเนียร์ตี้ แทบไม่ต่างจากของโฟรซ่าเลย
              สเปียริทบอก "เวลาไม่มีแล้ว แอนเดรีย พอพวกเราวิ่งไปแล้ว เธอรีบหนีไปให้ห่างจากหมู่บ้านโดยเร็วเลย"
              "แล้วพวกเธอละ" แอนเดรียถาม
               ลิเนียร์ตี้ยิ้มและตอบไปว่า "วางใจได้ เพราะว่าพวกเราจะรีบเคลียร์เรื่องนี้ แล้วรีบกลับมาหาเธอโดยเร็วที่สุดนี้แหละ" แล้วก็วิ่งไปพร้อมกับสเปียริทโดยเร็ว

              "ถึงแม้ว่านี้จะเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่า ในการปล่อยให้แอนเดรียเป็นฝ่ายวิ่งหนีไปแล้วแท้ๆ แต่ยังดีกว่าให้เธอก่อเรื่องร้ายแรงอย่างไม่น่าให้อภัยกันนี้แหละ" สเปียริทคิดในใจ
               ลิเนียร์ตี้ก็คิดเช่นกัน "เราน่าจะมีหนทางอื่นอีกหลายทางอยู่แล้วแท้ๆ แต่...." แล้วเธอกับสเปียริทก็เรืองแสงขึ้นมา "ตึกกก แว้งงงงง ครี้งงงงง" ลิเนียร์ตี้เหยียบด้วยฝ่าเท้าและขาที่เรืองแสงสีชมพูจนกลายเป็นบู๊ทสีขาวเท้าสีชมพูทั้งสองข้าง ซึ่งมีวงแหวนสีทองคาดปิดตรงหัวเข่าและหน้าแข้ง "ตึก แว้งงง แว้งงงง" ด้านสเปียริทเองก็ก้าวเหยียบพื้นจนท่อนขาที่เรืองแสงมีเกราะบู๊ทผลึกสีม่วงขึ้นมาแทนที่ ซึ่งมีเกราะผลึกขาวตรงหน้าแข้งและหัวเข่าทั้งสองข้าง "แว้งงง ครี้งงงง" ชุดเกราะของลิเนียร์ตี้กลายเป็นชุดกระโปรงสั้นสีขาว โดยมีเข็มขัดสีทองคาดตรงท้องและกำไลสีทองตรงรอบคอ มีโบว์สีชมพูติดเข็มกลัดผลึกสีแดงอยู่บนหน้าอก ส่วนแขนมีเกราะสีทองติดอยู่ตรงหัวไหล่และสวมถุงมือยาวสีขาว "วี้งงงงง แว้งงงงง" ส่วนผมของลิเนียร์ตี้ที่เรืองแสงนั้น ส่วนใบมีดบนหัวเลื่อนมาทบกับส่วนหูจนกลายเป็นปีกจนยืดผมให้ยาวและเปลี่ยนเป็นสีบลอนด์ทอง "แว้งงง ครี้งงงงง ครี้งงงง" แขนท่อนล่างและมือสองข้างของสเปียริทเรืองแสงและมีเกราะผลึกสีม่วงสวมแทนที่ โดยมีผลึกสีขาวตรงหลังมือและหลังแขน "แว้งงงง ครี้งงงงง ฟึ่บบบบบ ครี้งงงงง" ตามด้วยชุดเกราะตามตัว ซึ่งมีเกราะหัวไหล่ยื่นยาวขึ้นไปทั้งสองข้าง สร้างชายกระโปรงผลึกยาวสีม่วงขึ้นด้านหลังพร้อมกับปีกทั้งสองข้างที่ด้านหลัง "แว้งงง ครี้งงงง" สุดท้ายคือเทียร่าติดตรงหน้าผากและครอบข้างหัวโดยงอกหนามผลึกเล็กๆขึ้นที่ข้างหูด้วย พร้อมกับส่วนเขาเล็กๆสามแง่งโผล่มาโดยที่ผมยาวของเธอลู่ไปข้างหลังด้วย "....พวกเราจะรีบกลับมาเพื่อช่วยเธอให้ได้เลย แอนเดรีย แม้ว่าจะสายเกินไปแล้วก็ตาม เพราะนี้เป็นความรับผิดชอบของพวกเรากันน่ะ" ทั้งลิเนียร์ตี้และสเปียริทพุ่งทะยานตรงไปโดยเร็ว
              "สตาร์อาร์ม!!!! เช็ต" ไซโคลเนียสั่งพาร์ทสามเหลี่ยมด้านบนพุ่งขึ้นมาเสียบที่แขนขวา โดยหันส่วนแหลมไปด้านหน้า "ครืดดดด แกร็กกกก" ซึ่งอ้าฝาด้านข้างออกเพื่อนำกระบอกปืนยาวออกมา "สตาร์เทมเพสต้าแคนน่อน ชู้ตตตตต" เพื่อยิงลำแสงควงสว่านกำลังสูงพุ่งเข้า "เปรี้ยงงงง ตรูมมมม" ทะลวงร่างออร์เครย์เข้าถึงแกนกลางจนระเบิด "เซเบอร์เฟเซอร์ ไซโคไซรินเดอร์แคนน่อน เซต" จิลปล่อยไซโคบิทขนาดยาวพุ่งขึ้นไป โดยแยกออกเป็นสองซีกต่อกันเป็นกระบอกปืนทั้งสาม "หึมๆๆๆๆๆๆ ซูมมมมมมม ป้ากก ป้ากก ป้ากกก บรึมมม ตรูมมม บรึมมมม" สะสมพลังงานยิงออกเป็นลำแสงทำลายล้างกำลังสูงพุ่งทะลวง เข้าถึงแกนกลางของออร์เครย์เป่าระเบิดจนกลายเป็นเศษดินแห้งๆ "ตรึงๆๆๆๆๆๆ" ออร์เครย์ 3 ตัวบุกมาด้วยการแข็งตัวตรงหน้าอก "ลูนาร์ริปเปอร์" โฟรซ่าเรียกเคียวโซลริปเปอร์เปลี่ยนเป็นเคียวจันทร์เสี้ยวที่อัดพลังในทันทีที่มือจับด้าม แล้วก็ "หวับบบ ฉั้วะ ฉับบบบ ฉั้วะ" หวดเกี่ยวฟันใส่ออร์เครย์จนตัดหัว ตัดแขน และตัดขาให้ขาด แต่ตัวที่หัวกุดก็งอกหัวใหม่ แล้วก็กระโจนเข้ามาพร้อมกับอ้าปากที่มีฟันเป็นหนามหินย้อย "แว้งงงง กร้องงงงง" ทว่าออร์เครย์กลับไม่ได้ขย้ำโฟรซ่าแล้ว เพราะเจอวงเวทย์อาคมอุดปากไว้ได้เสียก่อน และ "ครี้งงงงงง ฉึกกกก" หอกและอาวุธยาวพุ่งทะลุออกกลางหลังโดยที่ง้าวแทงถูกแกนกลางออกมาจน "โครมมมม" ร่างออร์เครย์ตัวนั้นก็แหลกจนกลายเป็นเศษหินไป "ฟอร์เทสเซอเคิ่ลนะหรือ" โฟรซ่าเห็นก็เดาได้ "ย้า" จากนั้นลิเนียร์ตี้บินเข้ามาด้วยปีกทั้งสี่ของเธอ "ป้ากกก" พุ่งเตะใส่ออร์เครย์เข้าที่ข้างหัว ตามด้วย "ป้ากๆๆ" การต่อยและเตะใส่อย่างไม่ยั้งจนเกราะหินที่แข็งแตกร้าว และเผยให้เห็นแกนกลาง "เพรแครท ไฮเปอร์ฟอสโบลท์" ลิเนียร์ตี้ซัดกระสุนพลังพุ่งเข้าเป่าใส่แกนกลางจนปลิวออกนอกร่างออร์เครย์และ "แวบบบ ตรูมมมมม" เป่าระเบิดอย่างรุนแรงจนหายไปในทันที "หวับบบ ตึกกกก" จากนั้นก็รีบตีลังกามาสมทบกับโฟรซ่า พร้อมกับสเปียริทด้วย ไซโคลเนียบอก "อยากความช่วยเหลือได้อยู่พอดีเลยน่ะ"
    สเปียริทในร่างดรากูเนสสเปียริทบอก "ใช่ คุณคูลิแนนซ์พูดถูกน่ะ ไอ้อสูรกายของเฮซเทิร์ซพวกนี้ มันเกินกำลังพวกเธอแล้วน่ะ"
                "แล้วแอนเดรียละ ลิเนียร์ตี้ สเปียริท" โฟรซ่าถาม
                 ลิเนียร์ตี้ในร่างเพรแครทลิเนียร์ตี้บอก "เราใส่ผนึกต้านด้านมืดของแอนเดรียไว้แล้วคะ ที่เหลือก็คือ ต้องรีบจัดการกับพวกนี้ แล้วรีบกลับไปช่วยแอนเดรียโดยเร็วเสียก่อนน่ะ"
                 "นั้นไม่ใช่ความคิดที่เข้าท่าเลยน่ะ ลิเนียร์ตี้ แต่....มันก็ถูกครึ่งหนึ่ง ตรงที่เราต้องกำจัดไอ้โกเลมดินเผานี้ให้ราบคาบเสียก่อนน่ะ" โฟรซ่าบอก
                 สเปียริทเตรียมหอกสองปลายคริสทรัลทวินแลนเซอร์ออกมา โดยที่พวกออร์เครย์โผล่มาสมทบอีก 5 ตัว "รู้สึกว่างานนี้ไม่ง่ายเสียแล้วละน่า" สเปียริทกล่าว

              "ต่อให้เธอเป็นตัวอันตรายที่อาจจะฆ่าพวกเราทั้งหมดได้ก็ตาม เธอก็ต้องเข้มแข็งให้มากพอ จนต้านทานด้านมืดของเธอได้เองนี้แหละ ซึ่งถ้าเธอไม่มั่นใจกันจริงๆ เธอคงไม่เอาตัวเองเข้ามาปกป้องพวกเรา และเธอก็คงไม่น่าปกป้องพวกเฟรดที่สวมเกราะต่อสู้กับพวกอัลแทเรี่ยนบนฮิชเลไบน์-4 จนผ่านเรื่องร้ายๆมาจนถึงตอนนี้ได้หรอก ดังนั้น ปัญหาของเธอนั้นมาจากด้านมืดของเธอเอง ซึ่งถ้าเธอแก้ไขเองไม่ได้ พวกเราคงไม่มีหวังแล้วละ" คำพูดของโฟรซ่าดังอยู่ในหัวของแอนเดรีย โดยที่เธอยังมีสติกันอยู่ แม้เครื่องเตือนจะดังขึ้นเลยก็ตาม
              ดิเรนท์กล่าว "คุณครูไม่เป็นไรใช่มั้ยละคะ"
              "เดียวพวกเราจะรีบพาครูแอนเดรียกลับไทรแองเกิ้ลกันเดียวนี้เลยคะ" วูลเฟลล่าบอก
              บราไทน่าบอก "เธอจะบ้าหรือ เจ้โฟรซ่าไม่ต้องการให้ครูแอนเดรียไปจัดการกับลูกเรือในยานไทรแองเกิ้ลกันน่ะ แค่ให้เราอยู่เฝ้าหมู่บ้านกันเท่านั้นเอง"
              "พวกเธออยู่ช่วยคุณคูลิแนนซ์ปกป้องหมู่บ้านเลยแล้วกันน่ะ" แอนเดรียบอก แล้วก็รีบวิ่งไป
              ดิเรนท์กล่าว "เดียวสิคะ ครูแอนเดรีย นี้ครูจะไปไหนน่ะ"
              "นั้นดิ เจ้สเปียริทและคุณลิเนียร์ตี้ให้ครูอยู่นี้มิใช่หรือ ถึงครูไป ครูก็คง...." ฟลาแน็กซ์บอก
               แอนเดรียกล่าว "ถ้าพวกเธอไม่อยากตายก็อย่าตามครูมาเป็นอันขาดเลยน่ะ" แล้วก็รีบวิ่งไปโดยเร็ว ซึ่งเธอวิ่งตรงไปหาพวกสเปียริทกัน แม้ว่า "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงเตือนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จน... "กึกๆๆๆๆๆ" ท่อนขาทั้งสองของแอนเดรียกระตุกอย่างต่อเนื่อง บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของท่อนขา แต่แอนเดรียยังดึงดันจะวิ่งต่อ "ฉันเข้าใจแล้วละ ว่าทำไม ทุกๆคนถึงเลือกที่จะสู้ แม้ว่ามันไม่มีโอกาสชนะกันได้ เพราะว่าทุกคนรู้ดีว่าการหลบหนีปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ย่อมทำให้ปัญหานั้นมันคุกคามอย่างรุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขได้ เหมือนที่ฉันเป็นอยู่ ทางเดียวที่พวกเขาเลือกก็คือการเผชิญหน้า แม้ว่านั้นจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราหวาดกลัว เป็นอันตราย ไม่มีทางทำได้กันก็ตาม ซึ่งฉัน รู้ดี ว่าถึงนิ่งนอนใจอยู่เฉย หรือพยายามหนีไปให้พ้นๆนั้น มันไม่ได้ช่วยหยุดปัญหาลงได้ เพราะนี้ มันคือปัญหาของฉันเอง และมีแต่ฉันเท่านั้น ที่ต้องแก้เท่านั้นน่ะ" แล้วก็วิ่งต่อ แม้ด้านหลังจะมีบางอย่างกระตุกขึ้น เช่นเดียวกับท่อนแขนด้วยก็ตาม
              "กรรรรรรรรรรร" ออร์เครย์หวดแขนขวานหินฟาดใส่โฟรซ่าและสเปียริท ซึ่งทั้งคู่รีบถอยหลังหลบพร้อมกับ "หวับบบบ ฉั้วะ" โฟรซ่าหวดลูนาร์ริปเปอร์ฟันตัดแขนขวานหินของออร์เครย์จนขาด "บิลเลี่ยนสไปค์" เปิดช่องให้สเปียริทรั่วแทงหอกสองคมใส่อย่างต่อเนื่อง จนออร์เครย์มีรูกว้างไปหลายรู เผยให้เห็นแกนกลางที่ถูกเจาะตาม "ไฮย้า" โฟรซ่าตวัดเคียวเสยขึ้นใส่แกนกลางทรงกลมจนคมเคียวเจาะทะลุ ส่งผลให้ร่างออร์เครย์สลายเป็นฝุ่นไป "ไมโครมิไซล์สตอร์ม" ไซโคลเนียถล่มด้วยห่าจรวดขนาดเล็กใส่ออร์เครย์อย่างหนักหน่วง แม้มันพยายามจะอุดรูจำนวนมากที่เกิดจากการระเบิดเลยก็ตาม "เพรแครท ไฟว์มาร์เบิ้ลบลัสต์" ลิเนียร์ตี้ซัดลูกบอลพลังห้าลูกพุ่งเข้า "ตรูมมม ตรูมมมม ตรูมมม ตรูมมมม บรึมมมม" เป่าระเบิดแขนขาและลำตัวให้เกิดลูกบอลระเบิดตรึงแกนกลางเอาไว้ "จีเอสป์เลเซอร์" จิลยิงเลเซอร์จากปลายนิ้วชี้ซ้ายออกไป "ครืดดด ครืดดด ครืดดด" แกนกลางรีบเคลื่อนโยกย้ายไปมา แต่ "แว้งๆๆๆๆๆ ป้ากกกก ตรูมมมม" จิลหักลำแสงด้วยพลังจิตแบบซิกแซกเข้าดักหน้าแกนกลางและเจาะทะลวงเป่าระเบิดไปในทันที "กรรรรรรรร" ออร์เครย์อีก 3 ตัวคำรามขึ้นมา พร้อมกับ "ฟ้าวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เศษก้อนดินของออร์เครย์ตัวก่อนหน้าพุ่งขึ้นมาก่อตัวเป็นก้อนหินจำนวนมากพุ่งเข้าใส่ "หวับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จิล ลิเนียร์ตี้และไซโคลเนียพยายามหลบห่าก้อนหินที่พุ่งเข้ามาอย่างพัลวัน "แกรนด์บิลเลี่ยนอาร์ม สเตรทชู้ต" สเปียริทยิงธนูพลังแสงแบบพวงหลายดอกเข้าใส่วงเวทย์ฟอร์เทสเซอเคิ่ลจน "แว้งงงง ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โครมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ห่าหอกและอาวุธยาวทั้งหลายพุ่งทำลายห่าก้อนหินไปกันหมด ซึ่งห่าหอกพลังแสงพุ่งปักคาร่างออร์เครย์อีก 3 ตัวที่พยายามแยกตัวออกมากันด้วย "มูนฟาร์ไซน์บีม" โฟรซ่ายิงลำแสงจากฝ่ามือทะลวงใส่แกนกลางที่ถูกห่าหอกตรึงเอาไว้จนกระจุยไป 2 ตัว "เพรแครท เอลบูมเมอแรง" ลิเนียร์ตี้ซัดใบมีดปีกนกที่เรืองแสงเข้าใส่หัวออร์เครย์ตัวที่สาม "ฉืบบบบบ ตรูมมม" ผ่าแกนกลางที่อยู่ในหัวจนขาดสองท่อนและเป่าร่างจนกระจุยไป "น่าจะหมดแล้วจริงน่ะ" สเปียริทบอก
              โฟรซ่ากล่าว "ขอให้เป็นจริงอย่างที่เธอพูดมาน่ะ เพราะถ้าพวกกริเดี้ยนโร็คมีไพ่ตายร้ายแรงอยู่อีก รับรองว่าคงอีกยาว...."

              "กรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร" เสียงคำรามดังขึ้นมาจากยานขนส่ง ซึ่งคราวนี้ดังขึ้นมากกว่าเดิม แล้วก็ "ตรึงๆๆๆๆๆ" ออร์เครย์สีส้มแก่วิ่งเข้ามา โดยมีแขนถึงสี่แขนด้วยกัน "เมื่อกี้นี้เธอพูดว่าอะไรน่ะ" ไซโคลเนียกล่าวอย่างหวาดกลัว
              สเปียริทบอก "สงสัยว่านี้จะเป็นตัวแม่แล้วละ" ไม่ทันไร ออร์เครย์ตัวสีส้มแก่ก็.... "แฟ้วววว แฟ้วววว แฟ้วววว" พ่นกระสุนดินเหนียวเข้าใส่ "อ้า ว้ายยย เอ้...." จิล ลิเนียร์ตี้และไซโคลเนีย จนดินเหนียวปกคลุมส่วนปีก แขนและขารวมถึงตัวของทั้งสาม ซึ่งดินเหนียวก็แข็งตัวอย่างรวดเร็ว
              "อะไรเนี้ย ดินมันแข็งไม่ว่า มันหนักจนขยับไม่ได้งะ" ไซโคลเนียบอก
              "แย่ละสิ สงสัยว่าตัวสุดท้ายนั้นมันดูออกแล้วว่าทั้งจิล ลิเนียร์ตี้และไซโคลเนียว่องไวเกินไปแล้วน่ะ" โฟรซ่าบอก
              ไม่ทันไรก็ "กรรรรรรร" ออร์เครย์สี่แขนคำรามพร้อมกับ "ตรึงงงงง" กระทืบพื้นเต็มแรงจน "ฟ้าวๆๆๆๆๆ โครมมมมม" เกิดหนามพุ่งตรึงแขนขาของโฟรซ่าและสเปียริทจนอาวุธยาวหลุดจากมือทั้งคู่ไป "และมันก็รู้ด้วยว่าเราทั้งคู่แกร่งเกินไปแล้วนะสิ" สเปียริทบอก และพยายามจะใช้แรงสลัดตัวให้ออก แต่.... "บ้าเอ้ย ความหนักของหินที่ตรึงแขนขานั้น หนักเหมือนเอาหุบเขาใหญ่มาทับยังไงยังงั้นน่ะ" เธอสบถเพราะเธอขยับแขนเพื่อดันหนามที่ล็อกแขนไม่ออก
              "ของฉันเองก็โดนล็อกข้อมือจนไม่สามารถใช้เรซเซอร์อาร์มด้วยน่ะ" โฟรซ่าบอก เนื่องจากข้อมือทั้งสองข้างถูกหนามหินหนีบไว้
              จิลบอก "แถมดินที่เกาะบนหลังของฉันนั้นก็หนักจนฉันเริ่มจะจมดินแล้วนะ" โดยตอนนี้เธอ ลิเนียร์ตี้และไซโคลเนียตัวจมดินไปส่วนหนึ่ง
              "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงตื้ดดังถี่ๆเข้ามาใกล้ ซึ่งทำให้ออร์เครย์ตัวสีส้มหันมา เจอกับแอนเดรียที่วิ่งมาในสภาพที่เครื่องเตือนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง "ทุกคนปลอดภัยดีนะคะ" แอนเดรียกล่าว
              โฟรซ่าบอก "นี้เธอมาทำไมกันน่ะ ในเมื่อเธอเองควรจะรีบหนีไปให้ห่างจากเขตหมู่บ้านของพวกบีสทอยด์กันแล้วมิใช่หรือ"  
              "ฉันไม่คิดจะหนีไปหรอกคะ และไม่คิดที่จะทิ้งพวกคุณไปกันด้วย ถึงแม้ว่าฉันอาจจะต้องกลายเป็นปีศาจร้ายที่น่ากลัว ถึงขั้นฆ่าทุกๆคนเลยก็ตาม" แอนเดรียกล่าวโดยที่เสียงเตือนดังไม่หยุด เธอจึงกระชากเครื่องล็อคดาวน์มิวแทเนจออกจากหน้าอกไป "แต่ฉันเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวนี้เพียงลำพัง เลือกที่จะเสี่ยงกับความเป็นไปได้อันน้อยนิดเหมือนที่พวกคุณเชื่อถือกันไว้ และเลือกที่จะสู้ เพื่อปกป้องทุกๆคนจากอันตรายกันด้วยน่ะ" โดยที่ปลอกแขนของเธอปริแตกขึ้นทั้งสองข้าง เช่นเดียวกันกับถุงน่องที่ขาขาดวิ่นไปแล้ว
              ไซโคลเนียบอก "แต่เธอจะสู้ได้ไง ในเมื่อตอนนี้ สภาพกายของเธอนั้นเริ่มเปลี่ยนร่างกันแล้วน่ะ"
              "ฉันรู้ดีคะ ว่าสภาพกายของฉันนั้นไม่สามารถหยุดยั้งอะไรได้แล้ว.....แต่เพราะว่านี้เป็นปัญหาของฉันที่ฉันต้องแก้ด้วยตัวฉันเอง ซึ่งคุณโฟรซ่าพูดให้ฉันคิดได้ และฉันก็ตัดสินใจได้แล้วนะคะ" แอนเดรียบอก
              โฟรซ่าถาม "แล้วเธอแน่ใจหรือ ว่าเธอจะชนะด้านมืดไปได้น่ะ"
              "ถึงฉันไม่ชนะและอาจจะถูกด้านมืดควบคุมร่างของฉันไว้ ดังนั้น ถ้าฉันไม่กลับมา คุณกับพวก ช่วยหยุดฉันไว้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปด้วย ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ฉันร้องขอไว้นะคะ" แอนเดรียกล่าว โดยตอนนี้ชุดท่อนบนปริขาดทั้งด้านหน้าและด้านหลังแล้ว "แต่ฉันอยากให้ทุกๆคน เชื่อมั่นในตัวฉันไว้ ว่าฉันจะต้องทำได้และจะต้องกลับมาหาทุกๆคนให้ได้ เพื่อที่พวกเรา จะรีบไปช่วยพวกคุณมาสวาร์ทาร์กลับมาให้ได้ด้วยกัน พอจะสัญญาได้มั้ยละ" ทั้งหมดนิ่งไปพักนิ่ง
              จิลบอกว่า "ในเมื่อเธอตัดสินใจเช่นนั้น งั้นพวกเราเองก็ตัดสินใจที่จะเชื่อว่าเธอจะต้องกลับมาให้ได้น่ะ"
              "บอกตามตรงน่ะ ว่าถึงแม้เธอจะเป็นสมาชิกตัวหลักที่อ่อนหัดมากที่สุดและไม่ทันต่ออันตรายรอบด้านกันก็จริง" โฟรซ่าบอก "แต่ในเมื่อเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดและตัดสินใจแบบนั้นไปแล้ว เธอเองก็อย่าทำให้ฉันผิดหวังเสียด้วยละ"
              ไซโคลเนียกล่าว "ในเมื่อเธอสามารถปกป้องพวกเราและทุกๆคนจากอันตรายไปได้ เธอเองก็หยุดตัวด้านมืดของเธอลงได้เช่นกันน่ะ"
              "แอนเดรีย ไม่ว่าเธอจะเป็นเช่นไร เธอก็ยังเป็นเพื่อนพ้องของเรากันอยู่ดีนี้แหละ" ลิเนียร์ตี้บอก
              สเปียริทกล่าว "แสดงให้ด้านมืดเห็นว่าเธอมิได้อ่อนแออย่างที่มันคิดไว้ แต่เธอ แข็งแกร่งกว่ามันมากกว่าที่คิดไว้น่ะ"
              "ฉันเข้าใจแล้วละ ทุกๆคน และขอบใจมากที่ให้ความหวังฉันไว้น่ะ" แอนเดรียบอก โดยตอนนี้ "ปริๆๆๆๆ เปรี้ยงงงงง" ปลอกแขนสองข้างแตกออกเผยแขนปีศาจมิวแทนอยด์ขึ้นมาแทนที่แล้ว แอนเดรียจึงหลับตาขึ้นมา "....ถึงเวลาที่ฉันต้องสู้กับด้านลบที่ร้ายแรงของฉันแล้วละ" โดยที่ร่างของเธอ "แคว้กกกก ครี้งๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยงงงงงง แคร้งงงงงง" กลายร่างจนเป็นร่างปีศาจมิวแทนอยด์เต็มตัว เว้นแต่แอนเดรียยังหลับตาอยู่และอยู่ในท่ายืนนิ่งไว้ โดยที่ตัวเธอยืนอยู่กลางพื้นดินที่แห้งแล้งและท้องฟ้ามืดมน "ฟ้าวววว หมับบบบ"
              ฉับพลัน ได้มีมือสีดำเข้าจับตัวแอนเดรียขึ้นมา ซึ่งเป็นปีศาจด้านมืดของเธอนี้เอง หากแต่มันขยายร่างใหญ่โตขึ้นมา "เสียใจด้วยน่ะ ที่เธอมิอาจจะสู้กับฉันได้ เพราะในเวลานี้ เธออยู่ในกำมือของฉันแล้ว และฉันจะกำจัดเธอให้หายสูญไปได้เลย"

              "ฉันรู้ดี ว่าฉันมิอาจจะหลุดจากกำมือของเธอไปได้ก็ตาม แต่....เธอคิดหรือ ว่าจะสามารถลบตัวตนของฉันให้หายไปได้น่ะ" แอนเดรียบอก
    ด้านมืดร่างยักษ์บอก "เธอคิดว่าฉันไม่กล้าหรือ" แล้วก็ "กึกๆๆๆๆๆๆๆๆ" กำมือซ้ายเพื่อบีบแอนเดรียจน... "กร็อบๆๆๆ เพล้ง เพล้ง เพล้ง" ชุดคอมแบทโปรเทคสูทของเธอแตกกระจุยและหลุดเป็นชิ้นๆจนเหลือสกินสูทสีส้มไว้ ส่วนตัวแอนเดรียนั้นเลือดกลบปากและไหลออกจากตาแล้ว "เป็นไงละ ตอนนี้เธอใกล้ตายแล้ว แค่ฉันบีบให้หนักกว่านี้ รับรองเธอไม่รอดแน่"
              "ฉันรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากจากการทำร้ายของเธอกันก็จริง แล้วทำไม เธอถึงไม่มองดูตัวเองเสียเลยละ" แอนเดรียบอก โดยที่กระบอกมัดปอยผมของเธอพลอยแตกไปด้วย
              ด้านมืดกล่าว "ว่ายังไง อะ" ไม่ทันไร ตาก็มีเลือดสีดำไหลออกมา พร้อมกับริมฝีปากมีเลือดไหลออก ลำตัวเกือบทั้งหมดมีรอยร้าวปรากฎขึ้นอย่างฉับพลัน "นี้เธอ เธอทำอะไรกับฉันกันแน่ละ ทำไม ฉันถึงต้องเจ็บตัวตามเธอไปด้วยน่ะ"
              "ฉันแค่ยอมรับในตัวตนของฉันเองนะสิ ว่าฉันเองที่เป็นคนดีก็ยังมีด้านมืดในใจอยู่กับตัว เหมือนเป็นอีกด้านหนึ่งของเหรียญ ซึ่งมีสองด้านด้วยกัน หากแต่เราเลือกที่จะเป็นด้านไหนก็เท่านั้นเอง ไม่มีทางที่จะแยกจากกันไปไหนได้ ไม่มีทางที่จะถูกทำลายโดยอีกฝ่ายไปได้ และไม่มีทางที่จะถูกกลืนหายไปไหนได้อีกด้วย เพราะถ้าเธอทำให้ฉันหายไป ตัวเธอที่อยู่ตรงหน้าฉันก็จะพลอยหายไปด้วยกัน" แอนเดรียบอก "แน่นอน ว่าต่อให้เธอกลืนฉันให้หายไปได้ คิดหรือ ว่าตัวเธอจะลบฉันให้หายไปได้โดยสมบูรณ์ เพราะฉันก็สามารถกลืนเธอให้หายไปได้อีกเช่นกันนี้แหละ"
              ด้านมืดกล่าว "ทั้งๆที่เธออ่อนแอกว่าฉันเลยหรือ เธอถึงสามารถกลืนฉันไปได้น่ะ"
              "ฉันอาจจะอ่อนแอทั้งทางกาย แต่ก็เข้มแข็งทางใจอย่างมาก โดยเชื่อว่าทุกอย่างต้องผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เมื่อฉันเลือกที่จะลงมือกระทำ โดยรู้ถึงความล้มเหลวและไม่ต้องกลัวเกรงใดๆทั้งสิ้น" แอนเดรียกล่าว "และถึงแม้ว่าความคิดและความรู้สึกด้านลบที่ฉันประสบมาจะทำให้เธอเข้มแข็งมากแค่ไหน ฉันก็เลือกที่จะยอมรับและอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุและการกระทำอันเลวร้ายได้เช่นกัน" แล้วก็ "แฟ้วววววววว หมับบบบบ" ยืดเส้นผมยาวเข้ามัดข้อมือของด้านมืดร่างยักษ์จนเจ็บ แม้จะทำให้มือซ้ายของแอนเดรียเจ็บตามไปด้วยก็ตาม
              "เธอเองก็รู้แล้วมิใช่หรือ ว่าทำแบบนั้นมันก็ไม่ต่างจากการทำร้ายตัวเธอเองด้วยน่ะ"
              "ฉันรู้ดีแล้วน่ะ เพราะอะไรนะหรือ เพราะว่าเธอก็คือตัวฉัน และฉันก็คือตัวเธอ ด้านมืดคืออีกด้านของด้านสว่าง ความชั่วที่ตรงข้ามกับความดี ความโหดร้ายที่สวนทางกับความอ่อนโยน แม้ฉันจะท้อแท้ ทุกข์ใจ เศร้าโศก เจ็บแค้นหรือสิ้นหวังเพียงไร ฉันก็ยังยืนหยัดต่อไปด้วยรอยยิ้ม ด้วยความอ่อนโยน ด้วยความสุข และด้วยความเชื่อมั่นในความหวังอันริบหรี่ได้ต่อ แม้ฉันหรือเรา ไม่อาจจะสลัดความเป็นปีศาจในตัวเองลงได้" แอนเดรียบอก "แต่ฉันเลือกที่จะเป็นในสิ่งที่ฉันเป็น ยอมรับในสิ่งที่ฉันตัดสินใจไว้ แม้นั้นจะทำให้ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือสูญเสียมันไปตลอดกาล แต่ฉันเชื่อเสมอว่าฉันยังกลับมาเหมือนเดิมได้ ตราบใดที่ฉันยังมีความเชื่อมั่นหลงเหลืออยู่ เพราะว่าฉัน ได้สัญญากับเพื่อนๆของฉันไว้ ว่าฉันจะต้องกลับมาให้ได้กันน่ะ" ไม่ทันไรก็ "แว้งงงงงง" ร่างของแอนเดรียก็เรืองแสงขึ้นมา โดยที่เส้นผมของเธอเรืองแสงและยืดยาวจนพันร่างด้านมืดเอาไว้ "แวบบบบบบ" พร้อมกับทำให้ด้านมืดของเธอเรืองแสงไปด้วย
              "แสงนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ละ" ด้านมืดบอก พร้อมกับคุกเข่าลง จากนั้นร่างด้านมืดก็หดตัวลงจนกลายเป็นแอนเดรียอีกตนไว้ จนแอนเดรียลงสู่พื้นตาม
              "ดูท่าว่าพลังแห่งความหวังที่ฉันหลงเหลือไว้ในตัวเธอเพียงน้อยนิด บวกกับเจตจำนงและการยอมรับในตัวเธอเองนั้น ได้ช่วยเธอไว้แล้วละน่ะ" เสียงของผู้หญิงกล่าวขึ้น
              แอนเดรียบอก "เสียงนี้ คุณเมซ่านิ แต่ว่าคุณ...."
              "....ฉันรู้ตัวดีนะ ว่าไม่วันใดวันหนึ่งที่ฉันถูกคุณพ่อจับตัวไป เพื่อใช้พลังของฉันในการเปลี่ยนชนเผ่าต่างดาวและมนุษยชาติให้กลายเป็นแมนิเกเตอร์ทั้งหมด ฉันจะต้องสิ้นสูญเพราะพลังชีวิตที่ถูกสูบไปใช้กับกระบวนการแปรสภาพขนานใหญ่ไป ซึ่งนั้นหมายถึง ด้านมืดของเธอที่ฉันปิดตายไว้จะต้องหลุดออกมาได้แน่นอน แม้จะมีชาวดาวฤกษ์มาใส่ผนึกไว้ก็ตาม เพราะ ความเจ็บปวดทั้งทางกายและทางใจที่เธอได้รับมานั้น จะหล่อเลี้ยงด้านมืดของเธอให้กล้าแกร่งกันขึ้นมา" เสียงของเมซ่ากล่าว "ดังนั้น ฉันจึงใส่พลังของฉันเอาไว้ในร่างจิตของเธอ ซึ่งจะสำแดงออกได้ ต่อเมื่อเธอกล้าเผชิญหน้ากับด้านมืดด้วยตัวเองน่ะ"
    แอนเดรียบอก "พลังของคุณที่ว่ามานั้น คงเป็นพลังแทรนซิ่งเลยสิคะ"
              "ใช่ ด้วยพลังที่เหมือนกับพวกพ้องของเธอใช้อยู่นั้น ถือว่าทรงพลังพอที่จะทำลายล้างได้ทุกสิ่ง แต่ก็สามารถปกป้องได้ทุกสิ่งเช่นกัน แม้เธอจะได้ช้ากว่าคนอื่นเลยก็ตาม" เสียงของเมซ่าบอก "จงจำเอาไว้ ว่าเธอจะใช้พลังนี้ ต่อเมื่อเธอหรือพรรคพวกไม่สามารถรับมือกับศัตรูที่เหนือกว่าหรืออันตรายที่ร้ายแรงกว่ากันได้เท่านั้นน่ะ"
              แอนเดรียพยักหน้า "ฉันรู้ดีแล้วละคะ คุณเมซ่า แล้วก็ ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยฉันไว้น่ะ" โดยที่แอนเดรียอีกตนพยักหน้าพร้อมกับแบมือมา แอนเดรียก็แบมือสัมผัสขึ้นจน "แวบบบบบบ" เกิดแสงสว่างไปทั่วรอบด้านจนพื้นดินปรากฎทุ่งหญ้าและดอกไม้ใบหญ้า ฟากฟ้าที่มืดมนกลายเป็นฟ้าครามอันแจ่มใสขึ้น
              "กรรรรรรรรรรรร" ออร์เครย์ตัวโตคำรามพร้อมกับเสยกงเล็บหินย้อยเข้าใส่แอนเดรียที่กลายร่างไปแล้ว "ฟึ่บบบ" ซึ่งเธอลืมตาขึ้นมา "หวับบบบ ป้ากกกกก" และฟาดฝ่ามือซ้ายเสยกงเล็บหินย้อยข้างขวาสบัดขึ้น มันเลยหวดหมัดซ้ายล่างเข้าใส่ "ฟึ่บบบบ ป้าบบบบ" แอนเดรียโต้ตอบด้วยการหวดฝ่ามือขวาปะทะกำปั้นหินผาเข้าใส่ โดยที่ตัวของเธอเปลี่ยนตรงส่วนเขี้ยวบนหัวไหล่แหลมเป็นสีส้มใส เพิ่มส่วนผลึกยาวมลที่หน้าแข้งสองข้าง โดยที่ส่วนกางเกงในและชุดขาดตรงเอวสลายไป แต่แทนที่ส่วนเกราะช่วงสะโพกเป็นปล้องที่มีลูกแก้วสีแสดอยู่ตรงกลางหน้าท้อง
              "แอนเดรีย เธอไม่เป็นไรใช่มั้ยละ" สเปียริทกล่าว
              แอนเดรียพยักหน้า "ดีที่ฉันได้สติขึ้นมาเสียก่อนน่ะ" โดยที่มือขวาของเธอจิกบนกำปั้นหินผาเข้า "ปริๆๆๆๆ เปรี้ยะๆๆ โครมมม" ซึ่งหมัดและแขนซ้ายล่างของออร์เครย์ปริแตกอย่างรวดเร็วจนแหลกกระจุยคามือแอนเดรียไป "และดูท่าว่าตัวนี้คงร้ายกาจมากเลยสิน่ะ"
              "ใช่ แต่เธอจะรับมือกับมันไหวหรือเปล่าละ" โฟรซ่าบอก
              แอนเดรียยืนนิ่งแล้วก็ "หวืดดดด แฟ้วววว ป้ากกก" ยืดปล้องปอยผมพุ่งกระเทาะหินที่เกาะตามหลังไซโคลเนีย แล้วก็ "ฟ้าววววว ป้ากก ป้ากกก ป้ากกก ป้ากกก" ทิ้มใส่หินที่เกาะหลังลิเนียร์ตี้ จิล และแท่งหนามหินที่ล็อกตัวสเปียริทและโฟรซ่าให้กระจุยไป "ถ้าเดมอนเนสแอนเดรียผู้นี้รับมือไม่ได้ละก็ นั้นหมายถึงความเสียหายต้องเกิดกับทุกๆคนแน่นอน ซึ่งฉันยอมให้เกิดไม่ได้เป็นอันขาดเลยละคะ" จากนั้นเธอก็รีบโดดหลบตีลังกากลับหลังการหวดกงเล็บหินย้อยของออร์เครย์ตัวใหญ่โดยเร็ว "ดังนั้น ฉันจะหยุดยั้งอสูรกายตัวนี้ด้วยมือของฉันเองนะคะ"
    ต่อช่วงที่ 2 กัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×