ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 8 ศึกท่ามกลางดาราพงไพร ยุทธการแก้แค้นด้วยอุ้งเล็บทั้งสอง ครึ่งแรก
ที่ห้องประชุมเมนซิกส์ทีน บนยานไทรแองเกิ้ลที่ลอยลำอยู่นอกดาววอเทเชี่ยนพร้อมยานไฮด์เดาท์ เฮฟไดซ์อินสเปคทรัลและแทนทารัส
TriVeser Manigator Saga: Hyperstar Troopers ภาคแปดดารา
ตอนที่ 8 ศึกท่ามกลางดาราพงไพร ยุทธการแก้แค้นด้วยอุ้งเล็บทั้งสอง
2 วันต่อมา เวลาบนยานไทรแองเกิ้ล 7 โมง 45 นาที
"แต่ไม่ว่าเดลอาเนี่ยนจะเสียขุมกำลังไปให้พวกเดลอาเนี่ยนสังเวยต่อมหาดารามรณะกันยังไง เราก็ยอมให้ฝ่ายเดธซิลเวอร์พลาเนตทำไปมากกว่านี้กันหรอกน่ะ" พีวิลบอก อิลมิคพยักหน้า "แต่ เราจะลงไปที่ดาวได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้พื้นที่ส่วนมากล้วนเป็นเขตของพวกเดธซิลเวอร์พลาเนต ที่พร้อมจะจัดการกับพวกเราในทันทีที่โผล่มาได้น่ะ"
"คงต้องเสี่ยงในการหลอกตาของฝ่ายตรงข้ามกันสักหน่อยแล้วละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว เฟลิคบอก "หลอกตาฝ่ายตรงข้ามนะหรือ นายคงไม่ได้คิดแผนในเวลาที่นายมีปัญหา...."
ที่ดาวจังกรอเรล เขตป่าบันโรว ที่มั่นสุดท้ายของอเมซอเนลและเหล่านักรบจังกรอลผู้ภักดีกับเธอ
ในโถงหลักของบ้านใหญ่กลางหมู่บ้าน
"แสดงว่า เรื่องที่ดาวดวงนี้เคยมีอารยธรรมล้ำยุคมาก่อนหน้านั้น ก็คงจะเป็นจริงสิน่ะ เพราะถ้าดาวดวงนี้ไม่มีวิทยาการล้ำหน้า ก็คงไม่สามารถสร้างวัสดุที่มีลักษณะเหมือนหนังสัตว์ป่า และเขียนลงไปได้โดยไม่กังวลถึงความเสื่อมสภาพเลยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก โดยตอนนี้โต๊ะประชุมเปิดโฮโลแกรมแผนที่ทั้งภาคพื้นและใต้ดินเอาไว้ "แล้วสภาพอากาศในช่วงปฏิบัติการณ์กันละ ถ้าเราอยู่ใต้ดิน เราคงไม่รู้เลยว่าวันไหนแดดออก วันไหนฝนจะตกกันน่ะ" ไซโคลเนียบอก
แล้วเช้าวันต่อมา ในเขตป่าอันเป็นถิ่นของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมีค่ายของพวกแมทเฟลิมตั้งอยู่ โดยที่มีพวกจังกรอลอยู่ในค่ายด้วย
"ฟ้าวววว เชร้งๆๆๆๆๆๆ" บาร์ท รอมมิชและช็อปเปอร์ปะอาวุธกับพวกนักรบจังกรอลที่ใช้ขวาน ในช่วงที่พวกมันบุกเข้ามายังหมู่บ้านของอเมซอเนล โดยใช้เกวียนลอยเหนือพื้นขนถังสีดำเข้ามา "ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว" พวกจังกรอลส่วนหนึ่งใช้เครื่องร่อนบินข้ามหัวพวกบาร์ทไป "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆ ป้ากกก ฟึ่บๆๆๆๆ ป้ากกก ฟึ่บๆๆๆๆ กร้องงงง ฟึ่บๆๆๆๆ ป้ากกก" โรซารี่ใช้วิชาตัวเบาเข้าถีบใส่นักรบจังกรอลรายแรกให้ล้ม จากนั้นก็กระเด้งเข้ามาถีบรายที่สอง กระโดดมาหวดตะบองใส่รายที่สาม แล้วก็หมุนตัวหวดตะบองอัดใส่รายที่สี่ แล้วก็ตีลังกาถีบรายที่ห้าให้อัดกับต้นไม้ตาม "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าวว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว" แต่นักรบจังกรอลเจ็ดตนบินผ่านมาได้ ซึ่งก็ "ฟ้าววว ฉั้วะๆ" อิคกรีทบินตัดปีกเครื่องร่อนของนักรบจังกรอลสองตนขาด "ฟ้าววว ฉับ" สวอนน่าหวดดาบเรเฟียร์ตัดปีกเครื่องร่อนให้ขาด ฟลาแน็กซ์พุ่งเข้า "แคว้กก แคว้กกก" ใช้อุ้งเล็บเท้าเตะใส่นักรบจังกรอลสองตนให้ร่วง "ป้ากกกก" ไซโคลเนียพุ่งปะทะใส่นักรบจังกรอลตนที่หกให้ร่วง โดยบินทะยานขึ้นหลบการหวดขวานของนักรบตนที่เจ็ดและพุ่งลงมา "แรปิดแอร์สไตร์ค" กระหน่ำต่อยใส่นักรบตนที่เจ็ดไม่ยั้งพร้อมกับ "เปรี้ยงงง" หมุนตัวเตะให้นักรบรายที่เจ็ดร่วงลงกระแทกพื้น "ป้ากกก ฉั้วะ ฉับบ" นักรบจังกรอลที่ใช้โลห์ไม้ขนาดใหญ่โดนแรมเบจแทงดาบและฟันเสยขึ้นจนเล่นงานตัวนักรบไว้ โดยที่ฟิเกซพุ่งเข้าจู่โจมใส่นักรบรายที่เหลือให้ล้มกลิ้งไปกันหมด "คุณฟิเกซ พวกเราขวางพวกมันไม่หมดเลยนะครับ" อิคกรีทบอก
ส่วนเมืองใต้ดินหมายเลข 15 ซึ่งอยู่อีกด้านของมัลเฟียนโฟลิสนั้น "อุว้ากกกกก" บรูซาเรมติดกงเล็บอนุภาคร้องลั่นเมื่อถูกเนคมาดูซัม หวดดาบใหญ่ฟันใส่จนเกราะหน้าอกแตกกระจุย จนทำให้พวกบรูซาเรมติดแขนขากลบุกเข้าจู่โจม "ย้าๆๆๆๆๆๆๆ" คลอเวฟบุกจู่โจมด้วยการจ้วงแอทแลนไทรเดนท์เข้าใส่พวกบรูซาเรมไปหลายดอก จนแขนขากลแหลกออกจากตัวและเกราะมีรูพรุนไปหลายจุดด้วยกัน "ป้ากกก เปรี้ยงงงง โครมมม" ไรแกทพุ่งถีบขาคู่อัดใส่ทหารบรูซาเรมแบบไซบอร์คให้ปลิวไปอัดกับนักรบจังกรอล 3 ตนจนล้ม บุลฟลาทพุ่งกระแทกใส่นักรบบรูซาเรมที่ใช้แขนสว่านแล้วก็ "หวับบบ โครมมม" ขวิดให้ตัวศัตรูปลิวข้ามหัวไปปักพื้นข้างหลังเต็มแรง "แง้วววว แง้วววว แง้วววว แง้วววว" ไม่ทันไร แมทเฟลิมตัวโต 4 ตัวกระโจนเข้ามาหมายจะเล่นงานแบร็อค "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆ" เนคกี้และเนคกัสใช้บ็อกซ์บัสเตอร์ยิงจรวดเข้าเล่นงานแมทเฟลิมสี่ตัวให้ชะงัก พร้อมกับ "ป้ากกก เปรี้ยงงงง" เนคกี้กระโดดชกด้วยสองหมัดใส่แมทเฟลิมตัวโต ในขณะที่อีกตัวโดนเนคกัสกระโดดถีบขาคู่ใส่ "ขอสักทีหนึ่งเหอะมึง" แบร็อคยั้วะพร้อมกับ "แคว้กกก" ข่วนด้วยกงเล็บหมีดุใส่แมทเฟลิมตัวโตสองตัวให้แดดิ้นลง "ฟ้าววว" สเตฟอร์ดใช้กริฟบาซูก้ายิงจรวดหัวกงเล็บพุ่งเข้า "แกร็กกกก เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากกก" เกาะตัวจานบินสร้างสนามพลังควบคุมสมองของชาวจังกรอลที่หลบซ่อนในเมือง และช็อตด้วยไฟฟ้าแรงสูงซ้ำจนพังอย่างรวดเร็ว "จังหวะนี้แหละ ตามฉันมาเลย" สเตฟอร์ดบอก พร้อมกับนำทีมไดนอนและดีฟไทด์บุกเข้าไปช่วยชาวเมืองจังกรอลจากฝ่ายตรงข้าม ที่เตรียมจะลงมือฆ่าในทันทีที่ชาวเมืองรู้สึกตัวโดยเร็ว
หลังจากนั้น ยุทธการปลดปล่อยดาวจังกรอเรสก็ดำเนินต่อไปอีก 2 วันถัดมา
"นายจะเรียกเรามาประชุมกันทำไมวะ เนคเกอร์ ในเมื่อนายสั่งปลดแอนเดรียออกจากแนวหน้ามาอยู่แนวหลังตามคำขอของมาสวาร์ทาร์แล้ววะ" คลอเวฟบ่น
สเตฟอร์ดกล่าว "ที่นายเรียกเรามาประชุมโดยที่ไม่มีมาสวาร์ทาร์กับแอนเดรียนิ คงเพราะนายอยากรู้ข้อมูลสภาพร่างกายของแอนเดรียในตอนนี้เลยละสิ"
"ใช่ จากสภาพของแอนเดรียในตอนนี้ เราไม่สามารถบีบบังคับให้เธอออกจากห้องได้ ดังนั้น ฉันเลยต้องเรียกหมอเดเมี่ยนให้เอาผลการตรวจร่างกายของแอนเดรียครั้งล่าสุด และครั้งก่อนหน้ามาให้เราดู ซึ่งฉันให้พลัสเชอริทออกไปตามมา เพื่อความแน่ใจในข้อมูลที่ได้รับไว้นะสิ" เนคมาดูซัมบอก
จายด์กล่าว "หวังว่าคำตอบที่เราอยากได้นั้น คงไม่ตรงข้ามกับความหวังของเรากันหรอกน่ะ"
"ดูท่าว่าพวกเธอจะตัดสินใจเร็วไปหน่อยน่ะ ที่ไม่ได้ถามความเห็นจากเราด้วยน่ะ" เบติสบอก โดยที่เขามากับวิลด้า เดเมี่ยนและพลัสเชอริทกันแล้ว
เนคมาดูซัมกล่าว "ผมรู้ดีนะครับ ว่าทำแบบนั้นอาจจะทำให้แอนเดรียไม่พอใจอย่างมาก แต่....เราทำเพื่อไม่ให้มีเหตุแบบนี้ซ้ำรอยเดิมอีกนะครับ"
"และที่เธอไม่ให้มาสวาร์ทาร์มาเข้าประชุม แต่ให้ไปเขียนรายงานในห้องนิ ส่วนหนึ่งเพราะพวกเธอยังคิดว่ายังมีทางเลือกอื่นเลยสิน่ะ" วิลด้ากล่าว
ลิเนียร์ตี้พยักหน้า "เพราะมาสวาร์ทาร์มีทางเลือกเดียวซึ่งก็คือ ต้องฆ่าแอนเดรียให้ตายนะคะ"
"ทุกคน ตอนนี้ฉันรวบรวมข้อมูลสภาพร่างกายของแอนเดรียไว้ให้พวกนายเช็คดูแล้วละ" เดเมี่ยนกล่าวพร้อมส่งเอกสารมาให้พวกเนคมาดูซัมดู
โฟรซ่าเห็นแล้วก็ถึงกับถอนใจ "นี้มัน....แย่กว่าที่คิดไว้แล้วน่ะ เพราะค่ามิวทาเจนในตัวแอนเดรียครั้งล่าสุดนั้น มันระดับ 800 หน่วยขึ้น แต่ไม่ถึง 900 หน่วยกันเลยน่ะ"
"นั้นก่ำกึงระหว่างเอสคู่กับตองเอส แต่ใกล้กับอันหลังสุดเลยนะเนี้ย แล้วอันก่อนหน้านั้นละ" ไซโคลเนียกล่าว
แอบไบออสบอก "ฉันเช็คข้อมูลหลังจากช่วงอุบัติเหตุของเธอไปแล้ว ค่ามิวทาเจนในช่วงแรกของแอนเดรียมันลดลงในระดับ 500 หน่วย ซึ่งอยู่ระหว่างระดับเออย่างแท้จริง แม้จะเจอกับไซมาเทนที่สร้างความรุนแรงจนค่ามิวทาเจนของเธอสูงขึ้นถึง 781 หน่วย แต่คุณเมซ่าก็ลดระดับลงมาที่ 500 ลง แม้จะมากกว่าเดิมถึง 44 หน่วยก็ตามน่ะ"
"แน่ละ ไซมาเทนทรงพลังขนาดป่นดาวบ้านเกิดของนายให้กระจุยได้อยู่แล้ว มันก็ทำให้แอนเดรียเกือบเสียสูญได้เช่นกันละว้า" คลอเวฟบอก
พีวิลกล่าว "แต่หลังจากจบศึกลงไปแล้ว ระดับ 500 หน่วยเพิ่มขึ้นมาเป็น 600 หน่วยในช่วง 3 เดือนก่อน และค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละ 2 หรือ 3 หน่วยทุกครั้งที่ปะทะกับพวกเดลอาเนี่ยนที่หนักข้อมากขึ้น ยิ่งในช่วงที่เธอกับพวกมาสวาร์ทาร์ถูกจับตัวไปเป็นหนที่สองนั้น ค่ามิวทาเจนในตัวของเธอเพิ่มขึ้นทีละ 10 หน่วย จนแตะถึงระดับ 790 หน่วยกัน ก่อนที่จะลดลงมาในระดับ 660 หน่วย หลังจากที่แอสเทลน่าใส่มัดตราสังปิดตายไว้เลยน่ะ"
"แต่พลังของเธอก็ไม่กล้าแกร่งมากพอ เพราะผลตรวจร่างกายหลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือและกลับสู่แคสเซเดี่ยน-3 ในช่วง 3 เดือนถัดมานั้น ค่ามิวทาเจนเพิ่มขึ้นทีละ 2 หรือ 4 หน่วย แล้วก็ลดลงทีละ 3 หน่วย เป็นอย่างงี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาจบการสู้รบกับเดลมูดัลในร่างของแม่ทัพใหญ่บูเรนนอฟกันน่ะ ระดับมิวทาเจนของแอนเดรียอยู่ในระดับ 775 หน่วยเลยน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
สเปียริทกล่าว "แจ่ม และมัดตราสังของแอสเทลน่าก็เสื่อมลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแบบนี้ จนค่ามิวทาเจนในตัวแอนเดรียอยู่ในระดับปัจจุบันแล้วน่ะ"
"แล้วหมอไม่มีหนทางรักษากันเลยหรือ" เบติสบอก
เดเมี่ยนส่ายหน้า "คงยากน่ะครับ เพราะผมไม่อยากจะใช้ยาลดค่ามิวทาเจนกับแอนเดรีย ซึ่งมันจะทำให้สภาพร่างกายของเธออ่อนแรงลงอย่างฉับพลัน เผลอๆอาจจะทำให้เธอตายได้เลย หากร่างกายของเธอรับกับความแรงของยาไม่ได้หรือมีการต่อต้านยาขึ้นมานะครับ"
"แต่อย่างน้อย มัดตราสังที่ใช้พลังของลินี่กับสเปียริทนั้น คงช่วยได้บ้างละน่า" ไซโคลเนียกล่าว
เนคมาดูซัมส่ายหน้า "ต่อให้พลังของสเปียริทกล้าแกร่งและทรงพลัง กับพลังเพรแครทเดี่ยนของลิเนียร์ตี้ ซึ่งมีอำนาจการชำระล้างความชั่วร้ายกันก็จริง แต่ พลังของทั้งคู่นั้น มันไม่คงทนถาวรเหมือนกับพลังของคุณเมซ่า อีกทั้งด้านมืดของแอนเดรียเอง ก็แรงกว่าจนเรารู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวจากร่างปีศาจของเธอได้แล้ว ยิ่งจะทำให้มัดตราสังอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเลยน่ะ"
"พูดง่ายๆก็คือ การปลดแอนเดรียไม่ให้ออกรบภาคสนามนั้น ก็เพื่อลดความเสี่ยงที่ทำให้เธอกลายร่างจนฆ่าพวกเรากันได้เลยสิน่ะ" วิลด้าบอก เนคมาดูซัมพยักหน้า
ฟิเกซกล่าว "ผมเองก็เห็นด้วยกับเนคมาดูซัมนะครับ ป้าวิลด้า แม้นั้นจะทำให้เรารับภาระเยอะ อย่างน้อยเราก็ทำเพื่อปกป้องแอนเดรียไว้นะครับ"
"จนกว่าจะกลับสู่อีสทาล่าฟรอนเทียร์เลยสิน่ะ" เบติสบอก "แล้วถ้าเกิดว่าผลตรวจร่างกายล่าสุดนั้น มันถึงระดับร้ายแรงสุดกันละ"
เนคมาดูซัมและพวกยืนนิ่งขึ้นมา ลิเนียร์ตี้กล่าว "ทางเราภาวนาว่าแอนเดรียจะหาทางแก้ไขได้ด้วยตนเอง จนคลี่คลายปัญหาในตัวของเธอได้เท่านั้น หาไม่แล้ว ไม่พวกเราก็แอนเดรีย ที่ต้องเป็นฝ่ายไปนะคะ"
"เพราะมีแต่แอนเดรียเท่านั้นที่แก้ปัญหาของเธอเองเลยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก ลิเนียร์ตี้พยักหน้า
พีวิลบอก "หมอเดเมี่ยน นอกเหนือจากการรักษาบุคลากรทั่วไป รวมถึงพวกเราด้วยนั้น เราขอให้หมอช่วยตรวจเช็คร่างกายของแอนเดรียกันได้มั้ยละครับ"
"หมออยากจะเช็คได้อยู่หรอก แต่ถ้าตัวคนไข้ไม่ต้องการ หมอก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับคนไข้กันอยู่ดีนี้แหละ" เดเมี่ยนกล่าว
เจเนลบอก "อาเจ้ อาเจ้พอจะไปช่วยพูดกับแอนเดรียได้มั้ยละ"
"ถึงนายไม่บอก ฉันก็ขันอาสาไปอยู่แล้วละ เจมส์" โฟรซ่ากล่าว
พีวิลกล่าว "งั้นเราฝากแอนเดรียให้รุ่นพี่ด้วยนะครับ" แล้วก็บอก "คลอเวฟ นายบอกกับบริคซ์ให้ช่วยแจ้งพวกลูกเรือในยาน ให้ช่วยทำตัวไปตามปกติจะดีกว่าน่ะ อย่างน้อย เราต้องให้แอนเดรียไม่รู้สึกกดดันจากข่าวลือดังกล่าวไว้น่ะ"
"ฉันเองก็รับประกันไม่ได้น่ะ ว่าลูกเรือของบริคซ์จะทำตามกันทั้งหมดเลยหรือเปล่า อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยน่ะ" คลอเวฟบอก
เนคมาดูซัมพยักหน้า "งั้นเราขอจบการประชุมเลยดีกว่าน่ะ เพราะเราต้องออมแรงเพื่อภารกิจต่อไปกันน่ะ"
"ตอนนี้ฉันกับหมอเดเมี่ยนขอไปเช็คมาสวาร์ทาร์ก่อนดีกว่าน่ะ" พีวิลบอก
แล้วหลังจากนั้น... "นายโชคดีมากแล้วน่ะ ที่แอนเดรียอ่อนแรงลงจากการปะทะกับอัลบาดอฟมา ไม่เช่นนั้น นายอาจจะเสียขากรรไกรล่างไปเลยก็ได้น่ะ" เดเมี่ยนเช็คตรงกรามซ้ายของมาสวาร์ทาร์ที่ถูกแอนเดรียตบไปก่อนหน้า จนทำให้บวมอักเสบขึ้นมา แม้จะไม่ทำให้กรามหักเลยก็ตาม
"ฉันรู้ดีแล้วละ เดเมี่ยน แม้ว่านายจะพาพีวิลมาด้วยก็ตามน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก และหันมาถาม "พวกนายคงคิดหาหนทางอื่นเพื่อช่วยแอนเดรียกันไม่ได้สิ"
พีวิลกล่าว "นายเดาเก่งมากเลยน่ะ มาส แม้ว่าทางเลือกของนายเป็นแค่ทางเดียวที่พอทำได้กันก็จริง แต่นายก็อย่าลืมน่ะ ว่าเหตุผลที่พวกเรากำชัยชนะมาได้ เพราะเราเชื่อมั่นในความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดว่าจะเป็นจริงได้ด้วยมือของพวกเราเองน่ะ"
"มันก็จริงน่ะ พีวิล แต่ในเคสของแอนเดรียนั้น มันเลยจุดนั้นไปไกลมากแล้วน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลบอก "แต่ก็ไม่สายเกินไปกันจริงๆหรอกน่ะ มาส เพราะเราพึ่งมารู้ตอนนี้ ดีกว่ามารู้เอาในช่วงที่แอนเดรียไม่สามารถช่วยได้จริงๆเลยน่ะ" แล้วก็บอก "แม้ว่าการกระทำของนายมันไม่ใช่ลูกผู้ชายกันก็ตาม ซึ่งฉันรู้สึกโมโหไม่น้อยเลยน่ะ"
"แล้วนายก็ยังโมโหอยู่เลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์ถาม
พีวิลบอก "ถ้านายโกหกพวกเราโดยไม่มีเหตุผลที่ฟังขึ้นละก็ ฉันคงโกรธนายไปนานแล้ว แต่ที่นายทำไปนั้นเพื่อไม่อยากให้พวกเราเป็นห่วง และไม่อยากให้แอนเดรียรับไม่ได้กับสภาพกายของตัวเธอเอง ซึ่งนั้นบ่งบอกว่า นายเองก็มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้นอยู่ แม้นั้นจะหมายถึง นายได้ทำผิดกฎเสียเองมาตลอด 4 ปีเลยก็ตาม นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันรู้สึกเห็นใจกันบ้างน่ะ"
"แต่ตอนนี้ ฉันคงทำให้พวกนายผิดหวังไปไม่น้อยแล้ว เผลอๆ ทุกๆคนอาจจะสูญเสียความเชื่อถือจากฉันไปเลยก็ได้น่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลบอก "เราต่างก็มีรอยแผลเป็นที่ไม่มีทางรักษาให้หายติดตัวมาอยู่แล้วน่ะ มาส อีกอย่าง ต่อให้เราทำผิดอะไรไป ทุกๆคนก็พร้อมจะให้อภัยนายได้เสมอ เพราะเราไม่อยากให้นายทุกข์ใจเพียงลำพังน่ะ"
"ส่วนหนึ่งเพราะนายเคยหาเรื่องพลีชีพไปพร้อมกับพวกอีเนอไมนด์ ในช่วงแรกๆที่นายเข้าร่วมกับกองกำลังของท่านประธานาธิบดี โดยไม่สนใจคำพูดของฉันและทุกๆคนเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
พีวิลพยักหน้า "ใช่ ฉันคิดไว้ว่า ความตายของฉันจะชำระบาปหนาที่ฉันได้ก่อเอาไว้กันก็จริง" แล้วก็มองดูฝ่ามือที่แบอยู่ "....แต่ ฉันกลับนึกขึ้นมาได้ ว่าหากฉันจากไป นายกับพวกสเปียริทจะต้องต่อสู้กับโอเวอร์เดสและกองรบที่เหลือต่อ โดยไม่มีฉันอยู่ด้วย ซึ่งนั้นหมายถึงความตายของฉัน คือหายนะของพวกนายทั้งหมด ดังนั้นฉันจึงฮึดสู้กับแพทรีออทจนกำชัยชนะมาได้ และอยู่ช่วยนายและพวกประธานาธิบดีสู้กับโอเวอร์เดสและพวกจนกำชัยชนะมาได้ ซึ่งด้วยการตัดสินใจของฉันในครั้งนั้น ได้นำพาพวกเรามาถึงจุดนี้แหละ"
"นายตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วละ พีวิล เพียงแต่....เรื่องของแอนเดรียนั้น...." มาสวาร์ทาร์กล่าว
พีวิลกระแอ่มก่อนบอกไปว่า "...สำคัญในตอนนี้ นายควรโฟกัสไปที่เรื่องภารกิจกันก่อนดีกว่าน่ะ มาส อีกอย่าง พวกเราช่วยแอนเดรียในส่วนที่เราพอจะทำได้ไปก็พอ"
"แล้วแอนเดรียละ" มาสวาร์ทาร์ถาม
พีวิลบอก "ตอนนี้ ฉันให้รุ่นพี่โฟรซ่าเข้าไปคุยกันแล้ว อย่างน้อย ต่อให้แอนเดรียไม่คุยกับพวกเรา เธอก็คงเกรงใจต่อรุ่นพี่กันบ้างน่ะ"
"แอนเดรียยังขังตัวเองอยู่สิน่ะ" โฟรซ่าบอกกับแมบิลีน บรูทูซและแฟริลที่อยู่หน้าห้องของแอนเดรีย
บรูทูซบอก "พวกเราพยายามเคาะประตูแล้ว แต่คุณแอนเดรียไม่เปิดประตูออกมาเลยนะครับ"
"แอมเบอร์ เปิดล็อกประตูออกได้มั้ยละ" โฟรซ่ากล่าว
แฟริลพูดขัดขึ้นมา "เออ คุณแอนเดรียสั่งคุณแอมเบอร์ให้ปิดล็อกไว้นะคะ ซึ่งเราขอร้องคุณแอมเบอร์ไว้ แต่คุณแอมเบอร์...."
"แอมเบอร์ จะเปิดดีๆ หรือว่าจะให้ฉันใช้วิธีปลดล็อกเองมั้ยละ" โฟรซ่าบอกกับแอมเบอร์ พร้อมกับชูนิ้วที่มีประกายไฟฟ้าออกมา แอมเบอร์ได้ฟังเลยต้อง.... "แกร็ก" ปลดล็อกประตูเสียแต่โดยดี "พวกเธอกลับไปก่อนดีกว่า ให้เป็นหน้าที่ของฉันเองแล้วกัน" โฟรซ่ากล่าว
แมบิลีนบอก "ช่วยปลอบใจคุณน้าแอนเดรียด้วยนะคะ คุณป้าโฟรซ่า"
"ฉันบอกแล้วมิใช่หรือ แอมเบอร์ ว่าอย่าเปิดประตูให้ใครเข้ามากันน่ะ" แอนเดรียกล่าว โดยที่ประตูเปิดออก
โฟรซ่ากล่าว "เธอกลัวว่าฉันจะมาฆ่าเธอทิ้งเลยสิน่ะ แอนเดรีย" ซึ่งเดินเข้ามาโดยสวมถุงมือสีดำเอาไว้ "อย่าห่วงไปเลยน่า แอนเดรีย ผนึกพลังที่ลิเนียร์ตี้และสเปียริทใช้อยู่นั้น ก็ช่วยกักด้านมืดของเธอไว้ได้อยู่ อีกทั้งฉันมิได้มาร้าย เธอควรจะวางใจได้บ้างน่ะ"
"มันก็จริงนะคะ คุณโฟรซ่า แต่...." แอนเดรียบอก โดยที่มองมือขวาของเธออยู่ "....ถึงฉันจะวางใจได้ที่ลิเนียร์ตี้และสเปียริทช่วยฉันไว้ แต่....ฉันยังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของอีกด้านของฉันเองน่ะ"
โฟรซ่าพยักหน้าและนั่งลงใกล้กับแอนเดรีย "ส่วนหนึ่งเพราะว่าเธอรับรู้ความจริงที่ว่า เธอมีอีกด้านที่อันตรายกว่า น่ากลัวกว่า โหดร้ายยิ่งกว่า และพร้อมจะทำร้ายผู้อื่นได้ทุกเมื่อ ซึ่งนั้นทำให้เธอขังตัวเองไว้เลยสิน่ะ"
"แล้วจะให้ฉันออกไปข้างนอก และทำให้ทุกๆคนหวาดกลัวฉันเลยหรือคะ นั้นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกลัวตัวเองไปด้วยน่ะ" แอนเดรียกล่าว
โฟรซ่าบอก "มันก็จริงอยู่น่ะ ที่เธอหวาดกลัวตัวเองแบบนั้น ซึ่ง....เธอมิใช่แค่รายเดียวหรอกที่หวาดกลัว พวกเราเองก็หวาดกลัวตัวเองด้วยน่ะ" แล้วก็บอก "เธอยังจำฉันในช่วงที่บุกรุกสถาบันลับของดร.รีไลฟ์เวอรี่กันได้มั้ยละ"
"จำได้สิคะ คุณในตอนนั้น สายตาเย็นชาอย่างมาก คุณพร้อมที่จะฆ่าใครก็ได้ โดยที่ไม่รู้สึกผิดบาปหรือกลัวเกรงแต่อย่างใดเลยนะคะ" แอนเดรียบอก
โฟรซ่าพยักหน้า "ใช่ แม้ฉันจะได้โอกาสหนที่สองจากดร.รีไลฟ์เวอรี่ให้กลับมาไถ่โทษในสิ่งที่ฉันและสเตฟอร์ดทำไว้กันก็จริง ฉันก็รู้สึกเหมือนกับเธอในตอนนี้เป๊ะ เพราะฉันเห็นริดิวิเนี่ยนส่วนหนึ่ง เกิดความหวาดกลัวอย่างมากที่ได้เห็นฉันกับสเตฟอร์ดอยู่ในส่วนพักฟื้น ซึ่งนั้นไม่แปลกใจเลย เพราะว่าเราสองตนก่อเรื่องเอาไว้กับพวกเขาอย่างมาก ถ้าไม่เพราะดร.รีไลฟ์เวอรี่ปลอบใจพวกเราให้อดทนต่อไป และรู้เรื่องภายนอกสถาบันมา ว่าเจมส์ก็ฟื้นคืนชีพกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายตรงข้ามกันด้วยแล้ว ฉันกับสตีฟคงจบสิ้นลงไปนานแล้วละ"
"แล้วคุณไม่รู้สึกหวาดกลัวตัวเองเลยหรือคะ" แอนเดรียถาม
โฟรซ่าตอบ "ถ้ากลัวตัวเองว่าจะทำอันตรายต่อผู้อื่นกันจริง ปานนี้ฉันคงไม่มาคุยกับเธอได้หรอกน่ะ แอนเดรีย" แล้วก็มองดูมือซ้ายของเธอไว้ "แม้ฉันไม่อาจจะสลัดความเย็นชาและอำมหิต ในช่วงที่ฉันถูกควบคุมโดยเทคไครด์ให้เป็นเพชรฆาตเลือดเย็นลงไปได้ก็ตาม แต่....ฉันก็ยังยืนหยัดต่อไปได้ เพราะฉันเลือกที่จะสู้ต่อไป แม้จะไม่ได้อยู่ในฐานะของโฟรน่า แลงครูดแล้วก็ตามน่ะ"
"มันก็จริงนะคะ เพราะว่าคุณกับพวกคุณพีวิล รวมถึงคุณมาสวาร์ทาร์ ต่างก็เป็นทหารมาก่อน แต่ฉันเองมิได้เป็นทหารเหมือนกับพวกคุณเลยนิคะ" แอนเดรียบอก "อีกอย่าง อัลบาดอฟพูดถูกอยู่หนึ่งเรื่อง ไม่ว่าฉันจะพยายามแค่ไหน ฉันก็อาจจะเป็นเหมือนกับเขา เป็นปีศาจแห่งการทำลายล้างกันเลยนะคะ"
โฟรซ่ากล่าว "ถึงเธอมิได้เป็นทหารเหมือนกับพวกเรา หรือเหมือนกับเนคมาดูซัมเลยก็ตาม แต่เธอก็เป็นแมนิเกเตอร์เหมือนกับพวกเรากันนี้แหละ ซึ่ง....มนุษย์ส่วนมาก ไม่ว่าจะอยู่บนโลกก็ดี ในอวกาศก็ดี ล้วนมองเราเป็นปีศาจกันทั้งนั้นแหละ เพียงแต่....เราเลือกที่จะยอมรับในตัวตนที่เราเป็นอยู่ในเวลานี้ เลือกที่จะใช้พลังและร่างกายที่เราได้มาจากฝ่ายศัตรู สู้กับภัยคุกคามที่เหนือกว่า ปกป้องผู้อ่อนแอยิ่งกว่า และกอบกู้รอยยิ้มและความสงบสุขคืนสู่ผู้ทุกข์ยากกลับมา มากกว่าคล้อยตามคำพูดแย่ๆของพวกไม่ชอบและเกลียดชังพวกเรา จนกลายเป็นปีศาจตามที่พวกเขาต้องการกันนี้แหละ"
"ส่วนหนึ่งเพราะพวกคุณเชื่อว่ายังมีมนุษย์ที่เข้าใจพวกเรา เหมือนกับพวกผู้การฮาซาเดนเลยสิคะ" แอนเดรียบอก
โฟรซ่าพยักหน้า "ถึงอัลบาดอฟพูดมานั้นถูกเผงเลยก็ตาม แต่....หมอนั้นเลือกที่เป็นปีศาจเสียเอง และมันพยายามที่จะทำให้เธอหวั่นไหวจนทำให้เธอไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะมันสู้เธอกับลิเนียร์ตี้และสเปียริทไม่ได้เท่านั้นเอง ซึ่งไม่แปลกใจหรอก ที่ซาดูร่าเห็นหมอนี้เป็นตัวอันตรายอย่างมากเลยละ"
"ซาดูร่าพูดมาเช่นนั้นเลยหรือคะ" แอนเดรียกล่าว
โฟรซ่าบอก "ในช่วงที่ซาดูร่าอยู่ในความดูแลของผบ.บัลโต้กันนั้น ฉันลองถามเธอถึงอัลบาดอฟแล้ว ปรากฎว่า อัลบาดอฟไม่เพียงแสดงความก้าวร้าวต่อสมาชิกในแก็งค์ ซึ่งรวมถึงไซเมี่ยนและคามาลตัสกันอย่างเดียว มันยังแสดงความโอหังต่อซาดูร่า ที่มาตำหนิเรื่องที่มันใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจนปางตายไป 4 นายในช่วงการปล้นธนาคารบนดาวอูคาเดียท-7 กันอีกด้วย ซึ่งคำพูดที่อัลบาดอฟใช้กับซาดูร่านั้น หยาบคายมากกว่าคุณโสฯเสียอีกน่ะ"
"นี้แปลว่าอัลบาดอฟหยาบช้ามากถึงขนาดนี้เลยหรือคะ แสดงว่าวัยเด็กของเขาคงมีปัญหากับแม่ของเขาเลยละสิ" แอนเดรียถาม
โฟรซ่าตอบ "ซาดูร่าเคยเล่าให้ฟัง ว่าอัลบาดอฟเคยถูกพ่อโขกสับและปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นคนใช้กันไม่ว่า แม่ของเขาก็ดันไปมีชู้ตั้ง 7-8 ตนกันจะๆด้วย ซึ่งนั้นเป็นเหตุให้อัลบาดอฟก่ออาชญากรรมร้ายแรง ด้วยการกระทืบชายชู้แบบเรียงตัว ทำร้ายบุพการีจนตาย และเล่นงานพวกทหารที่พ่อเรียกให้มาจับกุมจนสาหัสอย่างหนัก แถมยังไปก่อเรื่องทำนองนี้อีกหลายสิบคดี ก่อนที่จะหนีไปอยู่ในแก็งค์กริเดี้ยนโร็คกันในเวลาต่อมา ซึ่งต่อให้มีเหตุผลน่าเห็นใจแค่ไหน ความเสียหายก็บังเกิดขึ้นไปแล้วน่ะ เพราะเขาลงมือทำเองหมดเลยน่ะ"
"แต่นั้นก็มิได้เปลี่ยนความจริงที่ฉันเป็นอยู่เลยนิคะ" แอนเดรียบอก
โฟรซ่ากล่าว "แต่เธอกับพวกเราต่างจากอัลบาดอฟ ตรงที่ พวกเราเลือกที่จะสู้กับภัยคุกคาม และหยุดยั้งผู้ที่มีพลังแบบเดียวกับที่พวกเราไม่ให้ก่อเรื่องเดือดร้อนขึ้นมา ต่อให้เธอเป็นตัวอันตรายที่อาจจะฆ่าพวกเราทั้งหมดได้ก็ตาม เธอก็ต้องเข้มแข็งให้มากพอ จนต้านทานด้านมืดของเธอได้เองนี้แหละ"
"แต่ฉันจะทำได้นะหรือคะ ในเมื่อฉันเองก็...." แอนเดรียกล่าวอย่างไม่มั่นใจ
โฟรซ่าบอก "ถ้าเธอไม่มั่นใจกันจริงๆ เธอคงไม่เอาตัวเองเข้ามาปกป้องพวกเรา และเธอก็คงไม่น่าปกป้องพวกเฟรดที่สวมเกราะต่อสู้กับพวกอัลแทเรี่ยนบนฮิชเลไบน์-4 จนผ่านเรื่องร้ายๆมาจนถึงตอนนี้ได้หรอกน่ะ แอนเดรีย" แล้วก็ลุกขึ้นยืนมา "อีกอย่าง ฉันหวังว่าคำเตือนของฉันคงจะช่วยให้เธอคิดได้บ้างน่ะ แม้จะไม่มากมายเลยก็ตามน่ะ"
"ส่วนหนึ่งเพราะว่าพวกคุณยังหวังว่าจะช่วยฉันได้เลยสิคะ" แอนเดรียถาม
โฟรซ่าตอบ "ฉันไม่อยากจะพูดในแง่ของคนเห็นแก่ตัวกันหรอกน่ะ แอนเดรีย แต่....ปัญหาของเธอนั้นมาจากด้านมืดของเธอเอง ซึ่งถ้าเธอแก้ไขเองไม่ได้ พวกเราคงไม่มีหวังแล้วละน่ะ" จากนั้นก็เดินออกไป
ทิ้งให้แอนเดรียนั่งคิดคำนึงขึ้นมา "ปัญหาของฉันมาจากด้านมืดของฉันนะหรือ...."
TriVeser Manigator Saga: Hyperstar Troopers ภาคแปดดารา
ตอนที่ 8 ศึกท่ามกลางดาราพงไพร ยุทธการแก้แค้นด้วยอุ้งเล็บทั้งสอง
2 วันต่อมา เวลาบนยานไทรแองเกิ้ล 7 โมง 45 นาที
"ดูเหมือนว่าทุกๆคนยังกลัวเกรงฉันเลยสิคะ" แอนเดรียบอกอย่างกังวลใจ จากการที่ลูกเรือในยานต่างไม่กล้าสบตา ไม่กล้าเข้าใกล้ หรือแม้กระทั่งทักทายกันด้วย ในขณะที่เธออยู่กับอีธาน เอโอลีน แมบิลีน ฟูลออเรส และเมดิน่า
"แสดงว่าคุณหัวหน้าบริคซ์คงกล่อมลูกเรือได้แค่ส่วนหนึ่งเองนะคะ" เมดิน่าบอก "แล้วตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างละคะ"
"ฉันไม่เป็นไรมากหรอกน่ะ แม้ฉันรู้ดี ว่าไม่วันใดวันหนึ่งที่ฉันอาจจะคุมสติของฉันไม่ได้เลยก็ตาม ฉันคงไม่อยากให้ใครกังวลใจได้นะจ๊ะ" แอนเดรียบอก
ฟูลออเรสกล่าว "คุณแอนเดรียทราบหรือเปล่าครับ ว่าตอนนี้หัวหน้าเนคมาดูซัมปลดคุณจากตำแหน่งภาคสนาม แล้วให้คุณมาอยู่ทำงานในยานลำนี้นะครับ"
"แอมเบอร์บอกกับฉันไว้แต่เช้าแล้วละ ฟูลออเรส และถ้าให้เดา ดีเฟนด้าก็คงจะ...." แอนเดรียบอก
เมดิน่าพยักหน้า "คุณเนคมาดูซัมสั่งให้ปิดการทำงานของดีเฟนด้าเอาไว้ โดยที่ทีมช่างสามารถซ่อมบำรุงได้ แต่ห้ามมิให้ใครนำหุ่นออกไปขับโดยพลการได้นะคะ ซึ่งนั้นบ่งบอกได้ว่า พวกเขายังเป็นห่วงคุณอยู่บ้างนะคะ"
"แล้วเธอคงจะให้อภัยกับคุณมาสวาร์ทาร์...." เอโอลีนถาม แอนเดรียเลยหยิบชิ้นปลามากินโดยเร็ว
แมบิลีนกล่าว "คุณแม่คะ แม่ลืมไปหรือเปล่า ว่าคุณน้าแอนเดรียยังงอนคุณลุงมาสวาร์ทาร์อยู่เลยนะคะ"
"ตอนนี้ เธอคงต้องช่วยงานพวกเราไปตามปกติก่อนนะ แอนเดรีย ส่วนเรื่องสอนพวกไทรเมร่านั้น เดียวฉันจะช่วยให้" อีธานกล่าว
แอนเดรียพยักหน้า "ขอบคุณมากคะ แต่ฉันพอทำเองได้อยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงคะ"
"น่าเสียดายเหลือเกินน่ะ นึกว่าแอนเดรียจะได้ช่วยปกป้องทุกๆคนกันเสียอีกน่ะ" มินอร์ตี้บอก โดยมองมายังฟาลครีด้าดีเฟนด้าของแอนเดรียที่ถูกแขนกลหลังแท่นตรึงเอาไว้ ในขณะที่ทีมช่างช่วยซ่อมบำรุงกันอยู่
ฟูแรมกล่าว "ทำไงได้ละครับ คุณแอนเดรียไม่อยู่ในสภาพที่ออกรบได้ทุกกรณี เลยทำให้เราเสียโลห์ไปหนึ่งอันด้วยกันนะครับ"
"รวมถึงมาสวาร์ทาร์ด้วยสิน่ะ" มินอร์ตี้กล่าวโดยหันมายังลอร์ดวาทรัลที่โดนล็อกด้วยเหตุผลเดียวกัน
ฟูแรมพยักหน้า "นั้นก็โลห์อีกอันด้วยนะครับ แม้ว่าเราอยู่ในดาวป่า ซึ่งมีความยุ่งยากอย่างมาก เพราะเขตป่าทึบนั้น เป็นอุปสรรค์ต่อโมบิลลอยด์ใช้งานภาคพื้น จากการที่มีกิ่งไม้กีดขวางส่วนเอวและขานะครับ"
"แล้วเราไม่บินเหนือเขตป่าเลยหรือ" มินอร์ตี้บอก
ฟูแรมส่ายหน้า "อย่าลืมสิครับ ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเจ้าป่าบนดาวที่เราเข้าไป ซึ่งพวกเขาเตรียมการรับมือการบุกทางอากาศกันไว้อย่างแน่นอน ยิ่งมีพวกเดลอาเนี่ยนหนุนช่วยด้วยแล้ว เกรงว่าภารกิจการใช้โมบิลลอยด์ออกรบนั้น คงมีน้อยมากๆเลยละครับ"
"ส่วนหนึ่งเพราะศัตรูที่เป็นพวกแมทเฟลิมนั้นถนัดการบุกด้วยความเร็วและความว่องไวเลยสิน่ะ แต่ไม่กลัวว่าพวกหมีอวกาศนั้นใช้วิธีถล่มป่าให้ราบเลยหรือ" มินอร์ตี้กล่าว
ฟูแรมบอก "คุณลุงเคยว่าไว้ พวกที่ใช้แผนเผาป่าให้ราบนั้น มันง่ายที่สุด และเลวมากที่สุดด้วย เพราะไฟป่าที่ลุกโหมกระหน่ำนั้น เผาทุกอย่างที่อยู่ในอาณาบริเวณให้วอดวายไป โดยไม่สนว่านั้นมิตรหรือศัตรูเลยนะครับ" โดยที่ทีมช่างนำอาวุธไฟออกไปเก็บไว้ แล้วเอาอาวุธพลังงานน้ำออกมา "ถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นจริง เกรงว่าการรบของเรา ได้มีภารกิจกู้ภัยแถมมาด้วยแน่นอน"
"ดูท่าว่าพวกนายจะมีปัญหาหลังจากเรื่องที่วอเทเชี่ยนตกค้างอยู่เลยสิน่ะ" โคเซวิคบอก
คลอเวฟบอก "ถ้านายอยากจะอยู่สั่งการลูกน้องเพื่อช่วยเราหยุดพวกเดลอาเนี่ยนกันต่อ ทางที่ดีอย่าเสือกยุ่งเรื่องของพวกเราจะดีกว่าน่ะ"
"ว่าแต่ ทางจังกรอเรลเป็นยังไงกันบ้างละ" เนคมาดูซัมถาม
โคเซวิคกล่าว "แย่มากเลยละ เพราะในช่วงที่เราปลดปล่อยดาวห้าดวงไปได้นั้น พวกจังกรอลฝ่ายเดธซิลเวอร์พลาเนตมันรุกคืบยึดพื้นที่ของอเมซอเนลไปอย่างช้าๆ ซึ่งจากเดิม พื้นที่อาณาเขตของนางที่มีเพียง 24 เขตจาก 80 เขตในช่วงที่มันเทิร์คยึดอำนาจจากเจดเดร่าแล้ว" แล้วก็เปิดแผนที่บนดาวจังกรอเรล ซึ่งแสดงอาณาเขตสีเขียวอ่อน อันเป็นพื้นที่ของอเมซอเนลที่มีเพียง และสีเขียวแก่ อันเป็นสีของฝ่ายเดธซิลเวอร์พลาเนต ซึ่งสีเขียวอ่อนได้เปลี่ยนเป็นเขียวแก่อย่างรวดเร็ว "ล่าสุด เมื่อวานนี้ เธอเหลือเพียงแค่สองเขตย่อยสุดท้ายแล้วละ"
"นั้นไม่ค่อยดีแล้วสิเนี้ย" สเตฟอร์ดบอก "แล้วพวกเดลอาเนี่ยนที่อยู่ช่วยพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตบนดาวดวงนี้ละ"
เฟลิคบอก "เราตรวจพบยานส่วนพระองค์ของอุลซาร์ฟและมิวนัส จอดอยู่ในเขตป่าลึกที่อยู่ทางทิศตะวันออกไกลจากเขตเมืองหลวงอยู่ ซึ่งทั้งสองได้สื่อสารกับจักรพรรดิและจักรพรรดินีสี่ตนแรก ในช่วงที่เรายึดดาวแซนดอมกันอยู่ ซึ่งคราแค็กซ์และอาร์ควิท รับผิดชอบเรื่องการส่งกองกำลังเดินเท้าเข้าประตูมิติ ฮาชูลั่มกับไทโรนอฟส่งกองยานรบ ส่วนมิวนัสและอุลซาร์ฟ ส่งหน่วยพิเศษ รุกคืบเข้าจู่โจมเขตปกครองสำคัญๆของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศ ซึ่งรวมถึง กองบัญชาการทางทหารกันอีกด้วยน่ะ"
"แล้วทั้งคู่ก็ได้ส่งกำลังรบดังกล่าวออกไปพร้อมกับกองยานรบที่ไทโรนอฟและฮาชูลั่มส่งไปเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก
เฟลิคพยักหน้า "จากข้อมูลประตูดาราที่โอแอดไปเช็คมาแล้วน่ะ พบว่า รหัสพิกัดที่หมายปลายทางนั้น ถูกสับเปลี่ยนจากตำแหน่งเดิมที่ควรจะเป็นระบบดาวในเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์อวกาศ รวมถึงของเราและของพวกนาย เป็นที่ไหนก็ไม่รู้ เนื่องจากว่ารหัสพิกัดนั้น ไม่มีอยู่ในสารบบมาตราฐานของฝ่ายเราและฝ่ายพวกนายกันเลยนะสิ"
"แสดงว่า ที่ไรฟอนเทียมอ้างว่า ตนได้ส่งกองยานรบของพวกเดลอาเนี่ยนไปเป็นเครื่องสังเวยต่อมหาดารามรณะนั้น ก็เป็นจริงละสิน่ะ" พีวิลบอก
อิลมิคกล่าว "ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราคงไม่ต้องตามพวกเดลอาเนี่ยนไปหรอกน่ะ เพราะเราก็ไม่อยากมีชาตะกรรมเหมือนกับพวกที่เข้าประตูมิติหรือประตูดารากันเลยนะ แม้ว่ารอบแรกเหมือนจะสำเร็จเลยก็ตาม"
"เว้ากันซื่อๆก็คือ รอบแรกนั้น แค่หลอกพวกเดลอาเนี่ยนให้ตายใจก่อน แล้วค่อยลงมือในครั้งถัดไปกันนี้แหละ" คลอเวฟบอก "แล้วไอ้อุลซาร์ฟกับมิวนัส มีบ่นเรื่องหน่วยรบพิเศษที่ขาดการติดต่อหลังเข้าประตูมิติกันบ้างหรือเปล่าวะ"
โคเซวิคบอก "ถ้าถามว่า ไอ้จักรพรรดิโง่บรมของฉันและกริซซิก แล้วก็ยัยแมวหง่าวหลังหักนั้นไม่บ่นอะไรสักคำละก็ เกรงว่าจะไม่มีแน่นอนเลยวะ"
"แสดงว่าทั้งเดลอาเนี่ยนและเดธซิลเวอร์พลาเนต ต่างก็หลอกใช้กันเองเลยสิน่ะ" สเปียริทบอก
โฟรซ่ากล่าว "พวกเดลอาเนี่ยนให้ความร่วมมือกับเดธซิลเวอร์พลาเนต ให้ช่วยยึดครองดาวแต่ละดวง รวมถึงเทคโนตัน เพื่อหวังจะได้ดาวมาเป็นขุมกำลังในการรุกรานเขตอวกาศของฝ่ายสมาพันธ์ ให้ได้ก่อนที่เดลวูลและเนโอเดลอาเนี่ยนจะมายึด ซึ่งพวกเดลอาเนี่ยนคงได้ข้อมูลจากมิดโดราเคิ้ลมา จึงทำให้พวกนั้นนำกำลังไปรุกราน เพื่อดึงความสนใจของกองทหารที่เข้าปกป้องจากด้านหน้า แต่ใช้ประตูมิติลอบเข้าไปในดวงดาว และติดต่อกับฝ่ายเดธซิลเวอร์พลาเนตอย่างลับๆ ส่งผลให้ฝ่ายกบฎต่อต้านนั้น มีขุมกำลังมากกว่าเดิม และสร้างเหตุผลให้องค์ราชาเรียกพวกเรา ที่เป็นศัตรูของพวกเดลอาเนี่ยนให้เข้ามากันด้วย"
"อย่างที่มันเทิร์คและพวกพยายามจะจัดการกับพวกเราและพวกยูเนี่ยนพีช ที่เป็นศัตรูอีกกลุ่มของเดลอาเนี่ยนให้สิ้นซากไปเลยสิน่ะ" จิลบอก
โฟรซ่าพยักหน้า "เดลอาเนี่ยนสนับสนุนพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตให้ยึดครองดวงดาว เพื่อใช้ทรัพยากรจากดาวแต่ละดวงเว้นแต่เทคโนตันไว้สำหรับสร้างขุมกำลัง ในขณะที่ พวกเดธซิลเวอร์พลาเนตต้องการประตูมิติจากพวกเดลอาเนี่ยน ซึ่งน่าจะเป็นเทคโนโลยี่ที่ใช้ในการเรียกมหาดารามรณะให้ออกมาได้อย่างแน่นอน โดยอาศัยพลังงานไฟฟ้าจากดาวแซนดอมที่ไปขโมยส่วนหนึ่งมาจากลาคาดัลให้เป็นประโยชน์ ซึ่งพวกเดลอาเนี่ยนเห็นพวกเดธซิลเวอร์พลาเนต เป็นแค่เครื่องมือในการสร้างขุมกำลังในการรุกรานสมาพันธ์อวกาศ และพร้อมจะจัดการทิ้งเมื่อพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตหมดประโยชน์ไปแล้ว" แล้วก็ถอนใจขึ้นมา "แต่ พวกเดธซิลเวอร์พลาเนตเองก็ไม่ใช่พวกที่โดนหลอกใช้กันง่ายๆ พวกนั้นเลยคิดแผนโต้ตอบพวกเดลอาเนี่ยนขึ้น ซึ่งคงจะเป็นแผนทดสอบประตูมิติและประตูดาราที่สร้างขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เหมือนที่พวกนั้นส่งกำลังรบออกไปเป็นชุดแรกแล้วประสบความสำเร็จกันน่ะ"
"ซึ่งครั้งถัดมาก็คือกับดัก แทนที่พวกเดลอาเนี่ยนจะส่งกองรบเข้าไปซ้ำเติมสมาพันธ์อวกาศ สาธารณรัฐเอาท์เดนท์และสหพันธมิตรแมนิเกเตอร์ของพวกเรา พวกเดธซิลเวอร์พลาเนตส่งกองรบดังกล่าวไปให้มหาดารามรณะเลยสิน่ะ" เฟลิคบอก โฟรซ่าพยักหน้า มาสวาร์ทาร์บอก "แต่จากการที่พวกเราได้รับการช่วยเหลือจากกองกำลังหลังฉากที่เราให้เป็นมาตราการสำรองที่เหลือเอาไว้ จนทำให้พวกเรากอบกู้ดาวคืนไป 3 ดวงแล้ว ส่งผลให้พวกเดลอาเนี่ยนและเดธซิลเวอร์พลาเนต เร่งแผนการให้เร็วขึ้นกว่าเดิมจนถึงบัดนี้แล้วสิ""แต่ไม่ว่าเดลอาเนี่ยนจะเสียขุมกำลังไปให้พวกเดลอาเนี่ยนสังเวยต่อมหาดารามรณะกันยังไง เราก็ยอมให้ฝ่ายเดธซิลเวอร์พลาเนตทำไปมากกว่านี้กันหรอกน่ะ" พีวิลบอก อิลมิคพยักหน้า "แต่ เราจะลงไปที่ดาวได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้พื้นที่ส่วนมากล้วนเป็นเขตของพวกเดธซิลเวอร์พลาเนต ที่พร้อมจะจัดการกับพวกเราในทันทีที่โผล่มาได้น่ะ"
"คงต้องเสี่ยงในการหลอกตาของฝ่ายตรงข้ามกันสักหน่อยแล้วละ" มาสวาร์ทาร์กล่าว เฟลิคบอก "หลอกตาฝ่ายตรงข้ามนะหรือ นายคงไม่ได้คิดแผนในเวลาที่นายมีปัญหา...."
"....ต่อให้มีปัญหาส่วนตัวรุมเร้าเข้ามา ฉันนิ่งเฉยไม่ทำอะไรไม่ได้กันหรอกน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก "และฉันไม่อยากจะบีบบังคับพวกนายกันด้วย แม้ว่าพวกนายจะไม่เชื่อใจฉันไปแล้วก็ตามน่ะ อย่างน้อยฉันอยากให้พวกนายฟังฉันหน่อยน่ะ"
เนคมาดูซัมบอก "ว่าแต่ นายมีแผนอะไรมารับมือกันบ้างละ มาส"
"นี้แปลว่าตอนนี้ ทุกคนออกรบกันแล้วสิคะ" แอนเดรียบอก โดยที่เธออยู่ในห้องหมอเดเมี่ยน พร้อมกับพยาบาลหญิงที่ช่วยดูแลกันอยู่ ซึ่งเธอเห็นเฮฟไดซ์อินสเปคทรัลเคลื่อนตัวไป
เดเมี่ยนกล่าว "สถานการณ์บนดาวนั้นหนักหนาไม่น้อย และจำเป็นต้องรีบรุดหน้าลงไปโดยเร็วเลยน่ะ" แล้วก็หยิบเข็มฉีดยาออกมา "ตอนนี้ หมอแนะนำให้นิ่งๆก่อนน่ะ" หลังจากที่พยาบาลทายาฆ่าเชื้อ ในช่วงที่แอนเดรียถอดปลอกแขนออกไปแล้ว
"ทั้งๆที่ผลการตรวจนั้น ส่อไปในทางที่แย่เลยหรือคะ" แอนเดรียกล่าว
เดเมี่ยนบอก "ทำใจให้สบายจะดีกว่าน่ะ แอนเดรีย" จากนั้นก็ "ฉึก" ใช้หลอดเข็มฉีดยาปักตรงร่องข้อพับแขนซ้าย เพื่อดึงเลือดส่วนหนึ่งออกมา "แล้วว่าแต่ แผลที่โดนแทงเป็นไงบ้างละ"
"แม้แผลนั้นถูกสมานอย่างรวดเร็วกันก็จริง แต่ก็เจ็บแปล็บในทันทีที่นอนตะแคงหันข้างนั้นลงเตียงนะคะ" แอนเดรียบอก โดยที่เธอถลกชุดคอมแบทโปรเทคสูทท่อนบนออก เผยให้เห็นรอยแผลเป็นตรงข้างลำตัวอยู่ เดเมี่ยนเลยให้พยาบาลทายาฆ่าเชื้อให้
"ถึงคุณจะเป็นมิวแทนอยด์ ซึ่งร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็ว แม้จะไม่เร็วเท่ากับเวโนมิไนซ์ แต่ยังไงก็ต้องให้หมอทำแผลกันอยู่ดีนี้แหละ เพราะอาจจะมีเชื้อโรคที่ก่ออันตรายต่อมิวแทนอยด์เลยก็ได้น่ะ"
"โดยเฉพาะในสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคย อย่างในระบบดาวนี้นะหรือคะ" แอนเดรียบอก
เดเมี่ยนพยักหน้า "สำคัญในตอนนี้ คือคุณต้องทำตัวไปตามปกติแล้วกันน่ะ"
"วู้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" นักรบจังกรอลฝ่ายตรงข้ามแห่แหนเข้ามา โดยไม่กลัวเกรงต่อนักรบจังกรอลของอเมซอเนล ซึ่งระดมยิงหน้าไม้ปล่อยกระสุนเข้าใส่เป็นจำนวนมาก "ตรุ้งงงง ตรุ้งงง ตรุ้งงง" เพราะฝ่ายบุกนั้นมีทหารบรูซาเรมถือปืนโตมายิงกระสุนพลังอนุภาคเป่ากำแพงไม้ติดหนามที่อยู่ตรงหน้าจน "ตรูมมมม บรึมมมม บรึมมมม" ระเบิดแหลกเป็นจุลพร้อมกับเป่านักรบจังกรอลปลิวตามไปด้วย "แง้ววววว แง้วววว แง้ววววว" พวกแมทเฟลิมวิ่งเข้ามาใช้ปลอกแขนกงเล็บอนุภาค เข้าจัดการกับนักรบจังเกรลที่ถือขวานสองเล่มจนล้มไปเป็นจำนวนมาก "ท่านหญิงขอรับ พวกเราจะต้านไม่อยู่แล้วละครับ" นักรบจังกรอลสวมหน้ากากสีแดงกล่าวต่ออเมซอเนลที่อยู่บนระเบียงบ้านใหญ่กลางหมู่บ้านแห่งสุดท้ายอยู่
อเมซอเนลบอก "เรายอมให้ประชาชนที่อยู่หลังกำบังนั้นพลอยเดือดร้อนไปไม่ได้หรอก"
"อีกไม่ช้า พวกเราจะก็บุกเข้าจับกุมอเมซอเนลกันแล้วน่ะ" จ่าฝูงเหล่านักรบจังกรอลฝ่ายตรงข้ามกล่าวอย่างลำพองใจ
แต่ลูกน้องคนสนิทบอก "แล้วไม่กลัวว่าฝ่ายกองกำลังจากเขตอวกาศทางใต้จะบุกลงมาเลยหรือ เพราะพวกนั้น ทำให้พวกพ้องฝ่ายเราที่อยู่อีก 5 ดวงนั้นพ่ายแพ้กันไปไม่น้อยเลยน่ะ"
"พวกมันไม่มีทางลงมาได้หรอก เพราะทันทีที่ยานรบของพวกมันผ่านฟากฟ้าลงมา ปืนโตของฝ่ายพันธมิตรของเราที่ซ่อนอยู่ในป่านั้นพร้อมจะยิงถล่มใส่ได้ในทันที ต่อให้พวกมันบุกลงมาอย่างเร็วเลยก็ตาม" จ่าฝูงนักรบจังกรอลบอก โดยภายในป่านั้น พวกบรูซาเรมนำอุลไซน์ไดซ์ติดปืนใหญ่อนุภาคและป้อมมิไซล์ต่อต้านอากาศยานเอาไว้หลายหน่วย เช่นเดียวกับพวกแมทเฟลิมที่นำเพรเดแคทติดปืนยาวพิสัยไกลและเรดาห์ตรวจการณ์ทางอากาศเสริมไว้อีกที
"หวังว่าความช่วยเหลือของพวกพันธมิตรของเรา จะช่วยได้บ้างน่ะ" นักรบจังกรอลฝ่ายตรงข้าม
"โครมมมมมมม" ทหารบรูซาเรมพังประตูไม้ขนาดใหญ่อันเป็นปากทางหมู่บ้านจนพังไปแล้ว ซึ่งพวกจังกรอลฝ่ายศัตรูรีบกรูกันไปตามบ้านโดยเร็ว "จังหวะนี้แหละ รีบตามไปจับกุมอเมซอเนลมาเดียวนี้เลย" หัวหน้านักรบจังกรอลตนหนึ่งกล่าว แต่.... "ฟิ้วๆๆๆ ปั้กๆๆๆ" นักรบจังกรอล 4 ตนถูกบางอย่างกระแทกเข้าตรงหน้ากากอย่างจังๆ
"ใคร ใครเล่นงานพวกเรากัน" ตัวหัวหน้าโวยลั่น "เปรี้ยงงงง" ทหารแมทเฟลิมที่อยู่ข้างหลังล้มพร้อมกับหน้าผากแหว่งไปส่วนหนึ่ง ตามด้วย "ป้ากกกก" หัวหน้านักรบจังกรอลล้มตัวลอยขึ้น จากการถูกฟิเกซพุ่งสไลด์กับพื้นมาอย่างเร็ว แล้วก็พุ่งมาอยู่ข้างหลัง "หมับบบบ ตึก ฟ้าววววว" ใช้แขนสี่ข้างจับตัวหัวหน้านักรบพุ่งขึ้นไปและลงมาในท่าคว่ำเอาหัวตัวศัตรูลงกับพื้น ด้วยท่า "สแลมไดรเวอร์" กระแทกกับพื้นหินจนแตกร้าวเป็นวงกว้าง จัดการน็อกตัวหัวหน้านักรบให้สลบเหมือดในคราวเดียว
"แก พวกแกลงมาได้ไงกัน ในเมื่อ เรามีเรดาห์ตาแมวที่มองทะลุการอำพรางตัวของพวกแกได้น่ะ" จ่าฝูงแมทเฟลิมกล่าว
"เกรงว่านายไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องกันหรอกน่ะ" ฟิเกซกล่าวพร้อมกับ "ฟึ่บบบบ" นำสปีดครอสโบว์กันออกมา "ทิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" กราดยิงใส่พวกจังกรอลที่ดาหน้าเข้ามาจนล้มในสภาพเกราะไม้แตกกระจุย ทหารแมทเฟลิม 4 ตนเลยสบัดแขนใช้กงเล็บอนุภาคเพื่อเข้าจู่โจมใส่ฟิเกซ.... "เปรี้ยงงงงง ป้ากกกก" ทหารแมทเฟลิมสองตนถูกพีวิลและพลัสเชอริทพุ่งจู่โจมด้วยหมัดและฝ่ามือเข้าที่หัวจน "โครมมม โครมมมม" ตัวล้มกลิ้งลงกับพื้นน็อกแน่นิ่งไป แต่แมทเฟลิมสองตัวที่เหลือบุกเข้ามา "หวับบบบ เปรี้ยงงง" พีวิลเอี้ยวตัวหลบกงเล็บของแมทเฟลิมที่จ้วงแทงมาและเสยอัปเปอร์คัตเข้าท้องไปเต็มๆ "กะ อ่า" แมทเฟลิมอ้าปากค้างจากอาการจุกที่ท้องแล้วก็ "ป้ากกก" โดนพีวิลถีบซ้ำจนกระเด็น "ฟ้าววววว" แมทเฟลิมตัวที่สี่กระโจนใส่พลัสเชอริท "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆ" แต่พลัสเชอริทจู่โจมด้วยการทิ้มนิ้วเสยขึ้นปะทะใส่ทหารแมทเฟลิมให้ค้างกลางอากาศไปหลายทีด้วยกัน "หมับบบ หวับ ฟ้าวววว โครมมม" แล้วก็ใช้มือตะบบคอทหารแมทเฟลิมเพื่อทุ่มไปอัดกับพวกนักรบจังเกรลสามรายล้มไป
"พวกไทรเวเซอร์โผล่มาเช่นนี้ แจ้งให้หน่วยต่อต้านอากาศตรวจจับหายานแล้วก็....ถล่มมันเลย"
"ซวบๆๆๆๆๆ" เพรเดรแคทและอุลไซน์ไดซ์ที่ซ่อนอยู่ในป่าโผล่ออกมาเพื่อจู่โจม.... "แชดดดดดด ป้าก ตรูมมมม" ฉับพลันก็มีลำแสงพุ่งลงมากลางกลุ่มอุลไซน์ไดซ์จนระเบิดวินาศสันตะโรไปเป็นจำนวนมาก "รีบจับตำแหน่งของลำแสงโดยเร็ว...." หัวหน้าหน่วยแมทเฟลิมที่คุมวอร์แมชชีนต่อต้านอากาศยานสั่ง แต่.... "ฟ้าววววววววววววว ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ ตูมๆๆๆๆๆๆๆ" คอสมิคไฟต์เตอร์ที่มีฟาลครีด้าสกายไฮซ์มัคซ์บริซครีท ขี่อยู่พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วพร้อมกับปล่อยมิไซล์เล็กจากใต้ท้องยานให้แตกระเบิดกลางอากาศกัน "บ้าเอ้ย มันเล่นใช้ระเบิดอนุภาครบกวนระบบตรวจจับของเซนเซอร์เช่นนี้ รีบสอยตัวที่บินนั้นก่อนเลย" หัวหน้าหน่วยสั่ง "แชดๆๆๆๆๆๆๆ" เพรเดรแคทระดมยิงใส่ไซโคลเนียกันอย่างอุตลุต
"รู้น่ะ ว่าอยากจะบินแบบนี้อีกรอบ แต่น่าจะให้ฉันคุมยานซะมากกว่านะคะ" ไซโคลเนียกล่าวกับโดซี่ ซึ่งรับผิดชอบในการขับยานคอสมิคไฟต์เตอร์ในคราวนี้
"ฉันแค่อยากจะบินกับอดีตเสืออากาศสาวอาเจนติน่าที่มีหลายฉายาในช่วงอายุน้อยกันก็แค่นั้นแหละ อีกอย่าง ถึงเธอจะเก่งแค่ไหน แต่....ชั่วโมงบินของฉันมากกว่าเธอ 14,000 ชั่วโมงเลยนะ" โดซี่พูดโดยที่เธอหมุนยานหลบออกด้านข้างแล้วก็บินวกย้อนศรกลับ "หวับบบ แชด แชด ตรูมมม บรึมมม" จากนั้นก็หมุนป้อมปืนใหญ่พลังงานกำลังสูงลงมาระดมยิงใส่พวกเพรเดรแคทให้กระเจิง "ฟิ้วๆๆๆ" ไซโคลเนียยิงอาร์มมิไซล์แคนน่อนข้างซ้ายลงไป "ตรูมมม บรึมมม บรึมมม บรึมมม" เล่นงานเพรเดรแคทที่พยายามหันปืนใหญ่หมายจะสอยยานให้ร่วงจนระเบิดไป 4 ตัว
"แคทเทอบอส รีบมาช่วยจัดการสอยไอ้หุ่นกับยานบินของพวกแมนิเกเตอร์กันโดยเร็ว...." หัวหน้าหน่วยภาคพื้นที่รีบหลบหลีกอย่างหวุดหวิดสั่งให้แคทเทอบอสจำนวน 10 ตัวบุกเข้ามา "แฟ้ววววว เปรี้ยงงงง" แคทเทอบอสตัวหนึ่งโดนบางอย่างปะทะจนล้มหัวบิดไปข้างหลัง "ปั้กๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆ ป้ากก ป้ากก" แคทเทอบอสตัวที่สองถูกระดมยิงเข้าที่หน้าอก ตัวที่สามถึงหกถูกจู่โจมด้วยระเบิดอย่างฉับพลัน ตัวที่เจ็ดและแปดถูกจู่โจมจนหน้าอกทะลุไป "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆๆๆ" ลาสแบรทส่วนที่ดักซุ่มอยู่กับอุลไซน์ไดซ์ถูกถล่มยับจากเบื้องบนจนระเบิดกระเจิดกระเจิง "ตรุ้งงงง ป้ากก ป้ากกก" แคทเทอบอสสองตัวสุดท้ายถูกจู่โจมจนท่อนบนกระจุยจนระเบิดอย่างจังๆ "หัวหน้า เราต้องถอยแล้วละครับ" ทหารแมทเฟลิมที่ไปกับพวกจังกรอลนั้นกล่าว โดยตอนนี้ พวกจังกรอล ทหารบรูซาเรมและแมทเฟลิมส่วนที่ไปด้วย โดนเนคมาดูซัม คลอเวฟ สเตฟอร์ด เจเนไซด์ทีมจัดการจนราบด้วยอาวุธปืนไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนฝ่ายที่อยู่ในตัวหมู่บ้านนั้น พีวิล พลัสเชอริท ฟิเกซ และโฟรซ่าเคลียร์ไปหมดแล้ว
"ฮึยยยย แง้วววววว ถอยด่วนเลยเร็ว" หัวหน้าหน่วยภาคพื้นได้ฟังก็สบถ แล้วก็รีบพาพวกส่วนหนึ่งล่าถอยกลับไปด้วยยานลอยลำเลียงพล
"โอเค ฟูลออเรส เมดิน่า พวกมันไปแล้ว โผล่หัวออกมาได้เลย" เนคมาดูซัมบอก "แว้งงงงง งี้งงงงงง" ฉับพลัน อิชเชเตียนและฟาร์โอเวี่ยนฮาร์ดนัคเคิ้ลปรากฎตัวขึ้นมา
"โชคดีมากเลยน่ะ ที่เราใช้วิธีไลท์โคฟเวอร์เอาไว้ เลยทำให้เราสามารถเข้ามาในดาว พร้อมกับพวกคุณและคุณโดซี่ โดยที่พวกเดลอาเนี่ยนมองไม่เห็นพวกเรากันเลยนะคะ" เมดิน่าบอก โดยเอ่ยถึงเทคนิคของพวกเพรโทรน็อกซ์ ในการใช้โชนโครคิฟดูดซับแสงจากฟากฟ้าให้ตัวยานหรือหุ่นรบ อยู่ในสภาวะโปร่งแสงกันทั้งหมด ซึ่งมีผลทำให้เรดาห์และระบบตรวจจับการล่องหนไม่สามารถมองเห็นหรือตรวจจับได้
"ดีหน่อยหนึ่งที่ใช้พาร์ทฮาร์ดแคนน่อน ซึ่งเสริมพลังป้องกันไว้ เลยทำให้สามารถพลางตัวจนฝ่ายตรงข้ามโจมตีไม่โดนเลยน่ะคะ" เมดิน่าบอก
ฟูลออเรสกล่าว "เราทำแบบนี้อีกรอบได้มั้ยละครับ"
"เกรงว่า ได้แค่ครั้งเดียวเองน่ะ เพราะถ้าทำอีกเป็นหนที่สองและสามละก็ ฝ่ายตรงข้ามจะจับได้กันพอดีนะสิ" เนคมาดูซัมบอก "อีกอย่างน่ะ มุขนี้ใช้ได้ผลเฉพาะภาคอากาศ ถ้าพวกเธอลงพื้น รับรอง ว่าพวกมันรู้ได้จากการขยับของต้นไม้ที่ผิดธรรมชาติได้อย่างแน่นอน"
ฟูลออเรสได้ฟังก็บ่นเสียดายขึ้นมา "งั้นหรือ นึกว่าเราจะใช้แผนนี้ได้หลายๆทีเลยน่ะ"
"เอาเถอะ ตอนนี้เราขับไล่พวกศัตรูออกไปกันแล้วน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
โดยตอนนี้ ยานไทรแองเกิ้ลและไฮด์เดาท์บินฝ่าชั้นบรรยากาศมา ซึ่งยานเฮฟไดซ์อินสเปคทรัลและแทนทารัสลงจอดมาก่อนหน้าแล้ว เช่นเดียวกับโดซี่และไซโคลเนียด้วย โฟรซ่ากล่าว "พวกเธอรีบกลับเข้าไปในยานโดยเร็วเลย เดียวหน่วยสอดแนมของแมทเฟลิมจะมาเจอเข้าเสียก่อนน่ะ"
"ถ้าเช่นนั้นพวกเราเข้าไปหาผู้นำอเมซอเนลกันดีกว่าน่ะ" ฟิเกซบอก
พีวิลพยักหน้า "อย่างน้อย เราไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าความร่วมมือจากรานีท่านนี้บ้างน่ะ"
ในโถงหลักของบ้านใหญ่กลางหมู่บ้าน
"ข้าทราบเรื่องของพวกท่านจากองค์หญิงเทคเนล่ากันมาแล้วละ" อเมซอเนลกล่าวต่อโคเซวิค เฟลิค อิลมิค อาชิลน่า เนคมาดูซัม มาสวาร์ทาร์ พีวิลและฟิเกซ ซึ่งนั่งบนพื้นไม้อยู่
โดยที่นักรบจังกรอลหน้ากากแดงกล่าวอย่างไม่พอใจ "แต่การมาของพวกเจ้านั้นได้ทำให้ป่าโดยรอบเสียหายไปแล้ว ต่อให้มีฝ่ายศัตรูกบดานอยู่เลยก็ตาม ข้ายังถือว่าพวกเจ้าใช้ความป่าเถื่อนก่อความเดือดร้อนไปด้วยน่ะ"
"ท่านก็พูดเกินไปหน่อยน่ะ ท่านโอ็คเครม แม้ว่าการสู้รบนั้นจะทำให้ป่าส่วนหนึ่งเสียหายไป แต่....สถานการณ์บนดาวของเราคือสงคราม ซึ่งเราไม่มีทางหลีกเลี่ยงความเสียหายไปได้แน่นอนน่ะ" อเมซอเนลกล่าวโดยยอมรับกับสถานการณ์ในตอนนี้ "ที่สำคัญ คนของข้าส่วนมากนั้น แม้ไม่ตาย แต่ล้วนตกอยู่ในอำนาจของลัทธิบูชาเทพแห่งความตาย จนพวกเขาเข้าช่วยเหลือกลุ่มผู้รุกรานจากฝั่งตะวันออกหันดาบมาทางพวกเรากันน่ะ"
ฟิเกซบอก "ลัทธิบูชาเทพแห่งความตายนิ หมายถึงพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตละสิครับ"
"ถูกต้องแล้วละ แม้ว่าบรรพบุรุษของพวกเรากับอีกเจ็ดดาว ได้ส่งเทพแห่งความตายในรูปของดาวไปอยู่ในภพต้องห้ามกันไว้ แต่.....ชนเผ่าส่วนหนึ่งต่างหลงไหลในอำนาจแห่งการทำลายล้างของเทพแห่งความตาย ซึ่งมีพลังในการทำให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราสูญหายไปอย่างรวดเร็ว เฉกเช่นแดนดินแบบเดียวกับพวกเราอีก 5 แห่งที่ประสบเคราะห์กรรมนั้นเมื่ออดีตกาลมา และเห็นว่าพลังจากเทพแห่งความตายนั้น คู่ควรที่จะมีไว้ใช้เพื่อปกครองแดนดินแห่งนี้ โดยโทษบรรพบุรุษที่รวมมือกับเพื่อนพ้องต่างแดนว่าเป็นความผิดของพวกเขา ที่ปิดตายเทพที่พวกเขาเคารพบูชาไป" อเมซอเนลบอก "ดังนั้นพวกที่บูชาเทพแห่งความตายจึงอุบัติขึ้นมา โดยรวบรวมเหล่าชนเผ่าที่หัวอ่อนและไม่รู้ความจริงถึงเหตุการณ์ในอดีตมาเป็นสมัครพรรคพวก ซึ่งก็ใช้ทุกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ กดดัน ชักชวน เกลี้ยกล่อม ยั่วยุ และขอร้องให้อีกฝ่ายร่วมมือในการต่อกรกับบรรพบุรุษของเรา ซึ่งเราแน่ใจว่า เหตุที่เกิดขึ้นบนแดนดินของเรา ต้องเกิดกับอีก 7 แดนดินแน่นอน"
โอ็คเครมบอก "เพราะอย่างงั้น ทางเราเลยก่อตั้งกลุ่มนักรบแห่งพงไพรขึ้นมา เพื่อต่อกรกับพวกลัทธิเลวทรามเหล่านี้ รวมถึงกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อความสงบสุขในป่า แม้กระทั่งชนเผ่าแดนดินอื่นที่เข้ามาเพื่อขโมยต้นไม้ของพวกเราไป โดยมิได้ขอจากรานีและราชาของพวกเรากันเลยน่ะ"
"แสดงว่าพวกท่านเองก็หวงแหนสิ่งแวดล้อมของพวกท่านเลยสิน่ะ" เฟลิคบอก
อเมซอเนลกล่าว "ถูกต้อง ป่าเขาที่พวกท่านเห็นอยู่นี้ ส่วนหนึ่งเป็นพืชพันธุ์จากดาวอื่นที่เรานำมาจากดาวที่ตกเป็นเป้าของเทพดาราแห่งความตาย เพื่อให้พวกเขายืนต้นอยู่บนดาวดวงนี้และขยับขยายต่อไป แม้จะมีบางส่วนที่ปรับตัวกับดาวของเรามิได้เลยก็ตาม แต่อย่างน้อย บรรพบุรุษของพวกเราก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้กันแล้วน่ะ"
"แล้วท่านพอทราบมั้ยละครับ ว่าทำไมฝ่ายเดธซิลเวอร์พลาเนตถึงได้ยึดพื้นที่ของท่านที่มีมากกว่าฝ่ายมันได้อย่างรวดเร็วละ" พีวิลถาม โอ็คเครมไม่ตอบ
อเมซอเนลกล่าว "เพราะในขณะที่พวกเรารับมือกับเหล่าพันธมิตรจากฝั่งตะวันออก ที่มากับลัทธิบูชาเทพแห่งความตายบนภาคพื้นกันนั้น พวกนั้นแบ่งกำลังส่วนหนึ่ง บุกจู่โจมเขตนครใต้พิภพของพวกเรา ซึ่งเป็นที่พำนักพักพิงแห่งสุดท้ายของชาวบ้านในยามที่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกัน จนเสียงของพวกเขาได้หายไปในความมืดทีละกลุ่มๆ กันแล้วน่ะ"
"แล้วกลุ่มนักรบที่ท่านส่งไปแก้ปัญหากันละ" โคเซวิคบอก
โอ็คเครมบอก "ถึงเราส่งไปเพื่อหยุดพวกบูชาเทพแห่งความตายกันก็ตาม อนิจจา นอกจากเราสูญเสียเหล่านักรบไปทีละกลุ่มสองกลุ่มกันแล้ว พวกนั้นถูกส่งออกไปนอกแดนดินและไปก่อเรื่องให้กับกลุ่มชนเผ่าในเขตอวกาศอันกว้างใหญ่นี้ นำเข้าปัญหามาที่แดนดินของพวกเรากันหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งลูกๆของข้าพเจ้าเอง ล้วนอยู่ในกลุ่มนั้นแหละ" แล้วก็ส่ายหน้าขึ้นมา "แน่นอน ว่าพวกนี้ก็เป็นอีกต้นเหตุที่ทำให้เราสูญเสียอาณาเขต สูญเสียกำลังรบ และสูญเสียคนของพวกเราไปให้ฝ่ายบูชาเทพแห่งความตายกันด้วย ซึ่งพวกนั้นคงช่วยพวกรุกรานจากฝั่งตะวันออกสร้างประตูขนาดใหญ่เพื่อทำอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ"
"เราทราบเรื่องนี้แล้วละ ว่าพวกเดลอาเนี่ยนยืมดาวของพวกท่านกับอีก 5-6 ดวงมาใช้สร้างขุมกำลังและสร้างประตูมิติกับประตูดารา ไว้ใช้รุกรานสมาพันธ์อวกาศ ซึ่งมีดาวบ้านหลังที่สองของพวกเรา และระบบดาวของพวกไทรเวเซอร์กันด้วยน่ะ" โคเซวิคบอก
อาชิลน่ากล่าว "แต่ เนื่องจากว่าพวกเรามาที่ดาวดวงนี้เป็นครั้งแรกนั้น ท่านพอจะมีแผนที่ของดาวดวงนี้ ทั้งภาคพื้นและใต้พิภพกันมั้ยละคะ"
"ถึงแม้ว่าข้าอยากจะมอบให้ตามคำสั่งของท่านอเมซอเนลกันก็จริง" โอ็คเครมบอก "แต่....ถ้าจะจู่โจมฐานที่มั่นและแหล่งซ่องสุ่มของพวกศัตรูกับพวกบูชาเทพแห่งความตายด้วยการระเบิดละก็ ข้าเกรงว่าพวกเจ้าควรจะใช้วิธีอื่นกันบ้างน่ะ"
อิลมิคบอก "ท่านกลัวว่า เราจะเผลอเผาป่าของพวกท่านไปเลยสิน่ะ"
"ท่านเองก็น่าจะทราบ ว่าผืนป่าบนดาวของพวกเรานั้น ล้วนมีพืชไม้นานาพันธุ์ของดาวดวงนี้และจากดาวอื่นที่สูญสิ้นไปแล้ว การสูญเสียของผืนป่าส่วนหนึ่งก็คือเราสูญเสียสิ่งที่หลงเหลือไว้ไปโดยมิหวนกลับกันด้วย" อเมซอเนลกล่าว "เราไม่อยากจะให้ผู้รุกรานมาทำลายต้นไม้ใบหญ้าที่บรรพบุรุษเก็บรักษาและดูแลจนเติบใหญ่เป็นป่าในเวลานี้ และเราก็ไม่ควรให้พวกท่านทำอะไรต้นไม้ทุกต้นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามน่ะ" แล้วก็เดินไปที่ตู้ไม้ เพื่อนำแผนที่ม้วนกระดาษสามม้วนในตู้ออกมอบมาให้อาชิลน่ารับไว้
โอ็คเครมกล่าว "ข้าลืมบอกไปน่ะ ว่าท่านอเมซอเนลอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ เธอไม่ควรอยู่ใกล้กับบุรุษเพศใดๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกเรา เป็นชาวแดนอื่น หรือแม้กระทั่งพวกท่านด้วยน่ะ"
"ไว้ทุกข์นิ คงไม่ได้หมายความว่า ท่านอเมซอเนล...." เนคมาดูซัมบอก
โอ็คเครมกล่าว "....มีสามีแล้ว สามีของท่านอเมซอเนล คือองค์ราชาคาวคอไซน์ ผู้นำคนก่อนของพวกเรา ซึ่งเสียชีวิตจากการปะทะกับพวกบูชาเทพแห่งความตายเมื่อ 7 ปีก่อน ตามธรรมเนียมของดาวเรา หากสามีหรือภรรยาเสียชีวิต ผู้เหลืออยู่จะต้องอยู่ไว้ทุกข์ให้กับผู้ที่จากไปเป็นเวลา 10 ปี เพื่อให้อยู่ดูแลบุตรหลานที่สืบสายเลือดให้เติบใหญ่ต่อไป หากใครฝ่าฝืนด้วยการพบเจอกับผู้มาเยือนไม่ว่าจะมาจากต่างกลุ่ม ต่างเผ่า หรือต่างที่ ผู้นั้นจะถูกประนามหยามเหยียดในฐานะผู้ทรยศต่อคู่สมรสเดิม ต่อให้ผู้ตายมีคำสั่งเสียให้สมรสใหม่กับญาติผู้ใกล้ชิดได้ก็ตาม แน่นอน ว่ากฎนี้ไม่ละเว้นแม้กระทั่งผู้นำของเรานะ" แล้วก็ยืนกอดอก "ที่สำคัญ เหล่าบุตรของท่านอเมซอเนลเองต่างก็ตกอยู่ในกำมือของฝ่ายตรงข้ามนั้น ยิ่งทำให้ท่านอเมซอเนลรู้สึกเสียใจไม่น้อย เพราะนั้นหมายถึง ลูกๆของท่านจะกลายเป็นเหล่าลูกทรพี ที่หันดาบมาทางท่าน ไม่ว่าจะถูกครอบงำหรือไม่ก็ตามน่ะ"
"แต่เกรงว่านาวาอวกาศของพวกท่านคงเป็นที่สะดุดตาเกินไปแล้วนะสิ" อเมซอเนลกล่าว แล้วก็ "ฟึ่บบบ แว้งงงง" สบัดข้อมือซ้ายเพื่อสร้างวงเวทย์สีเขียวขึ้น โดยใช้นิ้วชี้ขวากดตรงวงกลมบนวงที่สองเลื่อนทวนเข็ม 1 รอบ และกดตรงวงกลมบนวงที่ 3 พร้อมเลื่อนตามเข็มไปเสี้ยวหนึ่ง
"ถ้าให้เดาน่ะ นี้คงเป็นเวทย์มนต์ของพวกท่านละสิ" เฟลิคบอก
"พวกท่านคงจะได้รู้ข้อมูลจากชาวผิวเหล็กกันมาบ้างแล้วน่ะ ว่าแม้พวกเราอยู่ภายใต้ดาวที่ร่มรืนด้วยธรรมชาติอันแสนสงบสุขแค่ไหน พวกเราก็ต้องก้าวทันตามวิทยาการที่ล้ำหน้าไปกันอยู่ดีนี้แหละ" โอ็คเครมบอก โดยตอนนี้ "กึก" มีเสียงดังขึ้นมาพร้อมกับ "ครืดดดดดด" ตัวหมู่บ้านเลื่อนลงไป พร้อมกับยานทั้งสี่ลำ
"เฮ้ยๆๆๆๆ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันแน่วะเนี้ย" กริซซิกโวยลั่น
"เหมือนยานของเราจะอยู่บนลิพท์ขนาดใหญ่ที่พาเราลงสู่ใต้พิภพกันแน่ๆเลยละ" สเปียริทบอก
แอมเบอร์บอก "หวังว่าคงไม่พาลงมาเจอกับสัตว์ประหลาดตัวโต ที่กำลังหิวยานอวกาศกันแน่ๆ ฉันไม่อยากจะถูกขย้ำกันเลยน่า"
"แอมเบอร์ ถ้ามันเป็นอย่างงั้นจริง ฉันจะยิงให้ปากสัตว์ประหลาดนั้นกระจุยเลยคอยดูสิ" คลอเวฟกล่าว
ลิเนียร์ตี้มองออกไปข้างนอก ซึ่งยานทั้งสี่ลำเลื่อนลงมายัง "เออ พวกเรา เกรงว่าเราจะถูกดึงลงมายังโพลงใต้ดินขนาดใหญ่ยักษ์แล้วละ" โพลงขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้หมู่บ้านแห่งสุดท้ายของอเมซอเนล อันมีตึกสูงยอดทรงมนอยู่มากมาย มีถนนอยู่ใกล้กับตึกรามบ้านช่อง เพียงแต่ชาวจังกรอลที่อาศัยอยู่ในเมือง ต่างขี่สัตว์เดินบนถนน พาหนะไฮเทคถูกใช้งานขนของและลากจูง ใช้ดาดฟ้าตึกเป็นที่ปลูกพืชผักกลางแจ้ง โดยอาศัยเพดานที่เรืองแสงให้เหมือนเป็นฟากฟ้าในยามกลางวัน
"และเรามาอยู่ในอารยธรรมอันล้ำยุคที่อยู่ใต้ธรรมชาติอันแสนสงบกันแล้วน่ะ" โฟรซ่าบอก
คลอเวฟกล่าว "แต่คงไม่ดีแน่ๆ ที่อารยธรรมเหล่านั้นถูกเดลอาเนี่ยนยึดเพื่อใช้ทรัพยาการในการสร้างขุมกำลังกันอยู่น่ะ"
"ที่แห่งนี้ คงจะเป็นเมืองดั่งเดิมของพวกคุณเลยสิน่ะ" มาสวาร์ทาร์บอก เมื่อเขากับพวกออกมานอกหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองแล้ว
อเมซอเนลกล่าว "ขอต้อนรับสู่ มัลเฟียนโฟลิส นครอันรุ่งเรืองที่เคยอยู่กลางป่าในช่วงที่แดนดินของเราออกเดินทางไปพร้อมกับแดนดินอื่นๆ ซึ่งผลจากการสู้รบกับกองรบของเทพแห่งความตายนั้น ได้ทำให้เมืองส่วนมากได้รับความเสียหายไม่น้อย จนพวกเราต้องโยกย้ายเมืองอยู่ใต้โพลงพิภพขนาดใหญ่มานานเป็นสิบๆปี หลังจากนั้น พวกเราก็นำพืชพันธุ์และต้นอ่อนที่เราเก็บได้จากเบื้องบนและตามดาวที่ถูกเทพแห่งความตายกลืนกิน มาฟื้นฟูจนกลายเป็นป่าตามที่พวกท่านเห็นในเวลานี้แหละ" แล้วก็บอก "แน่นอน ว่าพวกเราตัดสินใจที่จะเก็บรักษาอารยธรรมดั่งเดิมของพวกเราให้อยู่ใต้ผืนปฐพีของแดนดินแห่งนี้ไว้ แม้ในช่วง 500 ปีที่ผ่านมานั้น พวกเราส่วนหนึ่งได้นำยุทโธปกรณ์ของเราประยุกต์กับวัตถุทางธรรมชาติในป่านี้ เพื่อใช้รับมือกับพวกผู้บุกรุกที่เข้ามาในแดนดินแห่งนี้ก็ตาม ซึ่งรวมไปถึงฝ่ายบูชาเทพแห่งความตายนั้นด้วย"
"แสดงว่าพวกท่านเองก็เลือกที่จะอยู่กับธรรมชาติของดาวดวงนี้ โดยเลี่ยงการใช้วิทยาการล้ำยุคที่อาจจะสร้างความเสียหายให้กับดาวดวงนี้ให้น้อยที่สุดเลยสิน่ะ" อาชิลน่าบอก
โอ็คเครมกล่าว "แต่ตอนนี้ไอ้พวกบูชาเทพแห่งความตายนั้น มันมอบทรัพยากรจากเมืองอันเก่าแก่ของเราให้กับผู้รุกรานจากฝั่งตะวันออก มาระรานเรากันเช่นนี้ ถ้าพวกเราไม่สามารถรักษาเมืองนี้ไว้ได้ละก็ นั้นหมายถึงดาวดวงนี้จะไม่มีใครหน้าไหนหยุดยั้งพวกลัทธินั้นได้แน่นอน"
"วางใจได้เลย เพราะว่าพวกเราจะจัดการกับพวกเดลอาเนี่ยนและพวกบูชาดาวเฮงซวยนี้ให้เองแหละ" อิลมิคบอก
อเมซอเนลกล่าว "นั้นขึ้นกับว่าพวกท่านปฏิบัติการณ์หยุดยั้งพวกศัตรูกันดีแค่ไหนน่ะ"
"สรุปคือ พวกเราคงมิได้โผล่มาเห็นเดือนเห็นตะวันเลยสิน่ะ" คลอเวฟกล่าว
พีวิลบอก "ผลจากการจู่โจมขับไล่พวกเดธซิลเวอร์พลาเนตและเดลอาเนี่ยนนั้น ได้ทำให้พวกที่อยู่ในดาวรู้ว่า พวกเราบุกรุกเข้ามากันแล้ว ซึ่งคงไม่ดีแน่ หากพวกนั้นรู้ตำแหน่งของพวกเราและนำกองยานที่ดักซุ่มเอาไว้ มาถล่มทิ้งไปพร้อมกับหมู่บ้านและเมืองแห่งนี้นะสิ" แล้วก็บอก "แม้ว่าพวกดีฟรอต้ากับลาคาเมสจะส่งทีมมายึดวอร์มูนไปได้ จนเปิดช่องทางให้พวกเราเข้ามาในดาวกันก็จริง แต่เราคงต้องปฏิบัติการณ์แบบลับๆกันเสียแล้วน่ะ"
"พูดง่ายๆ ว่าเราต้องปลดปล่อยทั้งภาคพื้นและใต้พิภพไปพร้อมกันสิน่ะ" สเตฟอร์ดบอก ทั้งหมดในที่ประชุมพยักหน้า "ถ้าเป็นเรื่องใต้ดินละก็ ฉันพอจะรับมือได้ ในกรณีที่พวกศัตรูพาพวกบรูซาเรมหัวร้อนที่ติดอาวุธหนักและระเบิดแรงสูง มาเพื่อถล่มเมืองใต้ดินให้พังเป็นหน้ากอง รวมไปถึงจัดการกับพวกบุกภาคพื้นกันอีกด้วยน่ะ"
เนคมาดูซัมกล่าว "ส่วนหนึ่งเพราะตอนที่นายติดแหงกอยู่ในดาวของพวกซอร์แรคนั้น พวกซอร์แรคเล่นมาจากข้างใต้เลยสิน่ะ"
"แต่รุ่นพี่เองก็อย่าลืมนะครับ ว่าอย่าสร้างความเสียหายให้กับดาวดวงนี้ ไม่ทางใดทางหนึ่งเลยนะครับ" พีวิลบอก
สเตฟอร์ดพยักหน้า "นั้นขึ้นกับว่าเราจะทำอะไรกันนะสิ และขึ้นกับว่าพวกเดลอาเนี่ยนมีอาวุธร้ายแรงอะไรบ้างน่ะ"
"ส่วนภายในป่านั้น ถ้าเราส่งหน่วยย่อยเข้าไปจัดการกับฐานย่อยของพวกเดลอาเนี่ยนที่วางตั้งไว้ในป่า และลงมือยึดอย่างรวดเร็วกันละ" ฟิเกซบอก
ไซโคลเนียบอก "กลัวว่าในป่าอาจจะมีกับดักกันนะสิ สู้บุกทางอากาศไปเลยไม่ดีกว่าเลยหรือ"
"ไม่ดีหรอก ไซโคลเนีย อย่าลืมสิ ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเจ้าป่าบนดาวแถบนี้ ซึ่งเธอน่าจะเห็นแล้วน่ะ ว่าพวกเดลอาเนี่ยนวางกำลังดักซุ่มไว้ในป่ากันยังไง พวกเราคงไม่เล่นวิธีเดิมๆให้ถูกสอยร่วงกันไปได้หรอกน่ะ" โฟรซ่าบอก
เจเนลบอก "เจ้คิดจะใช้ยุทธวิธีกองโจรมาเล่นงานไอ้พวกแมวหง่าวและพวกหมีอวกาศหัวร้อนกันสิน่ะ"
"ถูกแล้วละ เจมส์ ด้วยประสบการณ์รบบนดาวแครคยัค-3 นั้น ฉันมีแผนรับมือพวกแมทเฟลิมในตอนกลางคืนกันอยู่ อีกทั้ง หน่วยรบวิหคและสติลลิมบ์เองก็เคยร่วมรบกับแอนเดรียในฮิชเลไบน์-4 ซึ่งเป็นดาวป่าเหมือนกันนั้น เท่ากับว่าเราสามารถรับมือกับพวกศัตรูในป่ากันได้น่ะ" โฟรซ่าบอก
มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "ฉันเองก็เห็นด้วยน่ะ เพราะด้วยประสบการณ์ของเธอและฟิเกซ บวกกับหน่วยรบทั้งสองหน่วยนั้น พอจะรับมือกับพวกศัตรูในป่าได้ แต่จะดีกว่ามาก หากให้พวกเฮเรเค้นร่วมรบไปด้วยน่ะ"
"ส่วนหนึ่งเพราะ นายจะให้ลูกศิษย์ของนายที่ชำนาญเรื่องป่านั้นมาช่วยหนุนอีกแรงเลยสิน่ะ" คลอเวฟบอก
มาสวาร์ทาร์พยักหน้า "เพียงแต่ ฉันกับแอนเดรีย ออกรบภาคสนามไม่ได้ ดังนั้น ฉันจึงอยากจะฝากให้พวกนายช่วยคุมพวกเฮเรเค้นกันสักหน่อย และช่วยลงโทษตามกฎกันไว้ด้วย เพราะต่อให้พวกเขาถนัดเรื่องป่าเขาได้ดีแค่ไหน แต่ที่นี้เป็นถิ่นของพวกจังกรอล ซึ่งรู้ที่ทางได้ดีกว่าฝ่ายเรา รวมถึงรู้ว่าตำแหน่งไหนวางกับดักอะไรไว้กันด้วยน่ะ"
"แล้วเราใช้ยานตรวจการณ์สำรวจพื้นที่ก็ไม่ได้เลยสิน่ะ" ไซโคลเนียบอก "ทำไมเราไม่ให้พวกยูเนี่ยนพีชมาช่วยเราเลยละ"
พีวิลบอก "เกรงว่านั้นเป็นข่าวร้ายแล้วละ เพราะ สมาชิกเกือบทั้งหมดของยูเนี่ยนพีช ต้องพักยาวแล้วละ"
"พักยาวเลยหรือ โม้หรือเปล่าน่ะ ไอ้หมีควายคงหาเรื่องอู้งาน แล้วทิ้งให้เราทำเพียงลำพังละสิ" คลอเวฟบอก
เนคมาดูซัมกล่าว "ทีแรก ฉันก็คิดเหมือนนายน่ะ คลอเวฟ แต่พอเราไปที่ไฮด์เดาท์มา พบว่า....ทีมปฏิบัติการณ์ส่วนมาก ต้องพักรักษาตัวในอยู่ยาน อันเนื่องมาจากออกรบแบบต่อเนื่องไม่มีหยุดพักเลยนะสิ"
"แล้วมีใครหมดสภาพไปบ้างละ" สเปียริทบอก
พีวิลบอก "เครนิสกับทีมท็อปเกล เจกรอน่ากับทีมวอลเกน ดอลฟูลนิสที่เป็นพยาบาลเอง ก็ต้องไปนอนพักพร้อมกับทีมเทรลเวฟ คุณอาชิลน่าที่เหมือนดีๆ เริ่มมีอาการหน้ามืด เลยต้องนอนพักพร้อมกับลูกทีมอาบินอลเลยน่ะ" โดยตอนนี้ เครนิสและนักบินชาวอัลแทเรี่ยนหลับอยู่ในเตียงทรงรังนก เจกรอน่ากับลูกทีมวอลเกนของเธอ นอนอยู่บนเตียงทรงกลมพร้อมกับดิ้นตัวไปมา ดอลฟูลนิสอยู่ในเตียงทรงโหลปลาทอง ซึ่งมีน้ำเติมอยู่เต็ม โดยที่ลูกทีมของเธอนอนอยู่ข้างในนั้น ส่วนอาชิลน่ากับนักบินชาวเฟลาเลี่ยม หลับอยู่บนเตียงทรงกระบอกเรืองแสง โดยที่ยูเรน่ายืนอยู่กับคิวรอส หมอชาวแดคน็อกซ์ที่รับผิดชอบในการเยียวยารักษานักบินกันอยู่
"แล้วไอ้หน้าตะกวดกับโจรสลัดฉลามนั้นละ" คลอเวฟถาม
มาสวาร์ทาร์บอก "ที่ว่ามานั้น ล้วนหมดสภาพจากการต่อสู้อันหนักหน่วงเลยนะสิ" โดยในห้องตรงข้ามกับแผนกพยาบาล ครีซ กริซซิก ริชาร์ท เร็กซอนนอนบนเตียงในสภาพอ่อนแรงจากการต่อสู้อย่างหนักหน่วง เช่นเดียวกับเซรีนและโครว์เชดที่แยกกันนอนคนละห้อง ส่วนวิเวลลี่และอาแรคคัสนั้น หลับกันในรังไหมที่ห้องพักคนละห้องเช่นกัน ซึ่งพยาบาลชาวแดคน็อกซ์คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา
"งั้นภาระตกมาอยู่กับพวกเราเลยละสิ" เจเนลกล่าว
เนคมาดูซัมพยักหน้า "แน่ละ เพราะพวกเราปฏิบัติการณ์ได้ทั้งหน่วยรบบุคคลและควบคุมด้วยโมบิลลอยด์ ถ้าไม่สามารถทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็สามารถทำอีกอย่างได้เช่นกัน แน่นอน ว่ากองกำลังหลังฉากเองก็เหมือนกับพวกเราด้วยน่ะ" แล้วก็ติดต่อไปหา "โดซี่ ฉันอยากจะหารือกับเธอเรื่องยุทธการในวันพรุ่งนี้หน่อยน่ะ"
"ได้อยู่แล้วละ เพราะฉันอยากจะให้พวกนายช่วยคุมหน่วยรบวิหคและสติลลิมบ์กันสักหน่อย ซึ่งคงต้องใช้มากกว่า 2 รายขึ้นไปในการคุมทั้งทีมเลยน่ะ" โดซี่บอก
ทันกุนกล่าว "และโชคดีมากที่ทางเราได้ข้อมูลแผนที่มาจากศพของพวกทหารแมวอวกาศมา เพียงแต่มันไม่มีแผนที่เมืองใต้ดินอื่นๆเลยนะสิ"
"วางใจได้ เพราะเรามีแผนที่ภูมิประเทศของดาวดวงนี้ ทั้งภาคพื้นและใต้ดินอยู่ ซึ่งเราได้ให้แอมเบอร์สแกนข้อมูลกันอยู่น่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก แอมเบอร์กล่าว "เออ ถึงแม้ว่าม้วนแผนที่นี้จะมีลักษณะเหมือนหนังสัตว์ป่า ซึ่งตามหลักแล้ว ฉันไม่สามารถสแกนข้อมูลที่ถูกจารึกลงไปในนั้นได้ หรือสแกนได้แต่ก็ให้ข้อมูลมาไม่สมบูรณ์ อันเนื่องมาจากกาลเวลา ความผันแปรของตัววัตถุที่ใช้จารึก ตัวหมึกหรือสิ่งเขียนลงไป รวมถึงการลบออกและเขียนทับลงไป แต่เครื่องสแกนนี้สามารถสแกนข้อมูลแผนที่เอาไว้ได้ถึง 98 เปอร์เซนต์นะคะ""แสดงว่า เรื่องที่ดาวดวงนี้เคยมีอารยธรรมล้ำยุคมาก่อนหน้านั้น ก็คงจะเป็นจริงสิน่ะ เพราะถ้าดาวดวงนี้ไม่มีวิทยาการล้ำหน้า ก็คงไม่สามารถสร้างวัสดุที่มีลักษณะเหมือนหนังสัตว์ป่า และเขียนลงไปได้โดยไม่กังวลถึงความเสื่อมสภาพเลยสิน่ะ" โฟรซ่าบอก โดยตอนนี้โต๊ะประชุมเปิดโฮโลแกรมแผนที่ทั้งภาคพื้นและใต้ดินเอาไว้ "แล้วสภาพอากาศในช่วงปฏิบัติการณ์กันละ ถ้าเราอยู่ใต้ดิน เราคงไม่รู้เลยว่าวันไหนแดดออก วันไหนฝนจะตกกันน่ะ" ไซโคลเนียบอก
"นั้นขึ้นกับว่าสภาพอากาศวันพรุ่งนี้เป็นยังไงบ้างน่ะ" โดซี่บอก
สเตฟอร์ดบอก "งั้นพวกเราก็วางแผนการกันก่อนเลยดีกว่าน่ะ เพราะอย่างน้อย เราต้องพร้อมรับมือกับพวกศัตรูที่ชอบเล่นตุกติกเอาไว้น่ะ"
"นี้แสดงว่า พรุ่งนี้จะออกรบกันเลยสิน่ะ" แอนเดรียบอก
สเปียริทพยักหน้า ไซโคลเนียบอก "ตอนนี้มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ออกปฏิบัติการณ์แบบทีมภาคพื้นกันแล้ว แม้ว่าจะเป็นงานหนัก แต่เราก็ต้องทำอยู่ดีนี้แหละ"
"แล้วเกิดอะไรขึ้นกับกองกำลังยูเนียนพีชละคะ" แอนเดรียถาม
โฟรซ่าบอก "สมาชิกส่วนมากนั้น คงต้องพักยาว เพราะพวกเขาเหนื่อยมามากแล้วนะสิ"
"ทั้งๆที่พวกเขามิได้ออกรบภาคพื้นเหมือนกับพวกเราเลยหรือคะ" แอนเดรียกล่าว
สเปียริทบอก "สมาชิกส่วนมากของยูเนี่ยนพีชล้วนเก่งกาจในเรื่องการต่อสู้แบบบุคคลกัน หากแต่ พวกเขาไม่เก่งถึงขั้นปล่อยพลังได้เหมือนกับพวกเราหรอกน่ะ"
"รวมถึงพวกเราส่วนหนึ่งที่มิได้เป็นไทป์ต่อสู้เลยสิคะ" แอนเดรียบอก "แต่ถึงกระนั้น ฉันก็คงจะ...."
ลิเนียร์ตี้บอก "อย่ากลัวไปสิ แอนเดรีย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถออกไปต่อสู้ได้ ก็มิได้หมายความว่าเธอจะทำอะไรไม่ได้หรอกน่า"
"สำคัญในตอนนี้คือ พวกเราต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่ในส่วนของเธอ แล้วก็ของมาสวาร์ทาร์กันด้วย" โฟรซ่าบอก
จิลกล่าว "ดังนั้น พวกเราจะต้องกลับมาหาเธอและทุกๆคนได้แน่นอนเลยละ"
"ขอให้เป็นเช่นนั้นบ้างน่ะ" แอนเดรียกล่าว แม้เธอจะวางใจและเชื่อมั่นในตัวพวกโฟรซ่าแล้วก็ตาม แต่พอออกมาจากห้องไปที่โรงอาหาร
สเปียริทบอก "เออ ยัยเปี้ยก รู้น่ะ ว่าเธอเห็นบางอย่างไม่เข้าท่ามา ช่วยหยุดทำแบ๊วต่อหน้าพวกเราได้มั้ยละ"
"บอกตามตรงน่ะ สเปียริท เธอช่วยได้มากเลย ในการดึงฉันที่รู้สึกหวาดกลัวให้รู้สึกหงุดหงิดแทนแล้วน่ะ" จิลบอก
ลิเนียร์ตี้ถาม "ว่าแต่ ที่บอกว่ารู้สึกกลัวนิ คงไม่ได้หมายความว่า...."
"ใช่ ต่อให้อยู่ในผนึกมัดตราสังที่เธอกับสเปียริททำเอาไว้ แต่....ด้านมืดของแอนเดรีย แยกเขี้ยวใส่ฉันที่มองผ่านหน้าแอนเดรียกันนะสิ" จิลกล่าว สเปียริท ลิเนียร์ตี้ กับโฟรซ่าได้ฟังก็ชะงักลง
ไซโคลเนียบอก "จริงหรือ งั้น เรื่องที่ด้านมืดของแอนเดรียแข็งแกร่งกว่าก็คงเป็นเรื่องจริงนะสิ"
"พอจะใส่ผนึกเสริมเข้าไปอีกได้มั้ยละ" โฟรซ่าบอก
สเปียริทส่ายหน้า "ถึงเสริมเพิ่มเข้าไป แต่ตราบใดที่อีกด้านของแอนเดรียเหนือกว่า นั้นคงไม่ต่างจากฉาบปูนบนผนังอิฐที่ผุกร่อนอย่างแรงไปได้หรอก"
"และต่อให้ฉันมีพลังของเพรแครทเดี่ยนที่ทรงพลังมากก็จริง แต่ถ้าลบด้านมืดของแอนเดรียทิ้ง ก็เท่ากับว่าจิตของแอนเดรียพลอยโดนไปด้วยนะคะ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
โฟรซ่าเลยหยิบเหรียญแกลดอลออกมา "งั้นที่เธอกับสเปียริทผนึกด้านมืดของแอนเดรียได้ คงมีแค่ให้แอนเดรียฮึดสู้เพียงอย่างเดียวละสิน่ะ" โดยเธอหมุนเหรียญสลับด้านหัว อันเป็นภาพชาวลิเบรม และก้อยที่เป็นตราดาวห้าแฉกอยู่ "พวกเราจึงทำได้แค่ช่วยให้แอนเดรียมีแรงใจอยู่ต่อไปจนกว่าจะจบภารกิจเองแหละ"
"เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย เพราะเรามีเรื่องพวกเดลอาเนี่ยนที่ต้องจัดการกันนี้แหละ" สเปียริทบอก
ไซโคลเนียกล่าว "ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้พวกเราทำให้เต็มที่เลยดีกว่าน่ะ"
แล้วเช้าวันต่อมา ในเขตป่าอันเป็นถิ่นของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมีค่ายของพวกแมทเฟลิมตั้งอยู่ โดยที่มีพวกจังกรอลอยู่ในค่ายด้วย
"โอ้ รอบฐานมีเสาเซนเซอร์ตรวจการณ์พิสัยไกล รั้วพลังอนุภาค กันผู้บุกรุกพุ่งเข้าทะลวงออก แต่ให้พวกเดียวกันผ่านไปได้ มีอาคารที่พัก มีคลังแสง และอาคารทำการซึ่งมีจานรับส่งสัญญาณสื่อสาร....ทั้งหมดนี้ ค่ายทหารสำหรับบุกแน่นอน" โฟรซ่ากล่าว หลังจากใช้ดวงตาข้างขวามองจากระยะไกล ในช่วงที่เธอกับหน่วยรบวิหคดักซุ่มอยู่ "ค่ายที่ฮิชเลไบน์นั้นเป็นแบบนี้หรือเปล่าละ"
มาริบอก "คะ หากแต่ ค่ายนั้นไม่มีรั้ว และเป็นจุดรวมกำลังพลโดยมีประตูมิติสำหรับเรียกกำลังรบจากเผ่าอื่นมานะคะ"
"ว่าแต่ เราเดินดุ่ยๆเข้าไปไม่ได้เลยละสิคะ" นาเดียบอก
โฟรซ่ากล่าว "ต่อให้เราเห็นรอบค่ายได้ชัดแค่ไหน แต่เราไม่ควรประมาทกับดักบนพื้น อย่างกับระเบิดหรือหลุมพลางกันไปได้หรอกน่ะ" แล้วก็นำฟาร์ไซน์ไรเฟิ่ลติดลำกล้องเก็บเสียงยาวออกมา "พอฉันยิงไป 3 นัด พวกเธอบุกด้านหน้าได้เลย" แล้วก็ "ปุ้" เหนี่ยวไกยิงใส่หัวเสาทรงหกเหลี่ยมจนลัดวงจร ตามด้วย "ปุ้ เปรี้ยะๆๆๆๆ" จากนั้นก็ยิงใส่โคนเสาจานดาวเทียม แล้วก็ "ปุ๊" นัดที่สามพุ่งทะลวงใส่หลังคอทหารแมทเฟลิมทะลุไปด้านหน้า "โป้งงงง" ปะทะกับเสาอาคารด้านนอกแฉลบออกด้านข้างขวาไป "ฟึ่บบบ ตึกๆๆๆๆ" แฮรี่รีบพาพวกเฟรดวิ่งออกด้านข้าง ในขณะที่โฟรซ่า.... "แว้งงงง" พลางตัวหายลับไป
"เฮ้ย พวกแก เป็นฝีมือของพวกแกเองสิน่ะ" ทหารแมทเฟลิมบอก เมื่อเห็นหน่วยรบวิหคโผล่มา
นักรบจังกรอลกล่าว "เกรงว่าพวกแกจะต้องโดนเราเล่นงานแน่นอน" แล้วก็ "วี้ดดด" ผิวปากดังๆจน "ฟึ่บๆๆๆๆๆ" พวกจังกรอลโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ ซึ่งมีจำนวนเยอะถึง 15 ตนด้วยกัน "จัดการกับพวกมันเดียวนี้เลย" แล้วนักรบจังกรอลที่ล้อมบุกเข้าใส่ โดยถือขวานเป็นอาวุธ ในขณะที่หน่วยรบวิหคมีแค่ดับเบิ้ลแมกนั่ม "หวับบบบ กร้องงงงง ป้ากกก เปรี้ยงงงง" แฮรี่ยกแขนซ้ายป้องกันคมขวานของนักรบจังกรอล ซึ่งมีความแข็งแกร่งอย่างมาก พร้อมกับอัปเปอร์คัตขวาเข้าที่ท้องนักรบจังกรอลไปเต็มๆ จนตัวปลิวขึ้นไปและร่วงลงมา "หวับบบ ป้ากกกก เปรี้ยงงงง" เฟรดเอี้ยวหลบขวานของนักรบจังกรอลรายที่สองพร้อมกับแทงศอกขวาใส่สีข้างซ้ายไปเต็มแรง จากนั้นก็กระโดดเข้าแทงศอกซ้ายปะทะบนหัวจนหน้ากากไม้แตกออก "ย้ากกก" นักรบจังกรอลตนที่สามบุกเข้ามาพร้อมขวานตรงมายังคีธ "หวับๆๆๆๆ เกร้งงง ป้ากกก" แต่คีธหมุนตัวเตะปัดขวานให้ปลิวพร้อมกับเตะใส่ข้างหัวฝั่งซ้ายนักรบจังกรอลไปเต็มๆ จากนั้นก็ "หวับบบบ ป้ากกก" สบัดขาถีบไปข้างหลังใส่นักรบจังกรอลที่บุกมาลอบกัดจนเกราะไม้กระจุย "หวับบบ ฉึกกก" นักรบจังกรอลหวดขวานฟาดใส่มาริ แต่กลับเฉาะลงพื้นดินแทน "ป้ากกกก" และถูกมาริที่พุ่งอ้อมหลังด้วยความเร็วสูงถีบเข้ากลางหลัง กระเด้งมา "หวับบบ ป้ากกก" หวดขาเตะใส่นักรบจังกรอลที่ตามมาช่วยจนล้ม "หวับบบ ฟึ่บบบ กร็อบบบบ" นาเดียโยกออกด้านข้างขวาหลบขวานของนักรบจังกรอลที่บุกเข้ามา พร้อมกับเสยเข่าขึ้นกระแทกใส่ข้อศอกของนักรบจังกรอลจน "อ้ากกกกกก" มันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด "เปรี้ยงงงง" แล้วนาเดียก็ถีบใส่หน้าเพื่อหุบปากนักรบจังกรอลลงในหนึ่งเท้าด้วยกัน "ป้ากกก" เฟรดชกใส่หน้านักรบจังกรอลจนชะงัก แล้วก็จับแขนซ้ายดัดและตะบบหัวนักรบจังกรอลให้เงยขึ้น "ไฮย้า" เพื่อให้มาริที่วิ่งเข้ามากระโจนใส่และใช้ฝ่ามือไขว้กากบาท "เปรี้ยงงงง" กระแทกตรงคอนักรบจังกรอลไปเต็มๆ "ป้าก ป้าก ป้าก เปรี้ยงงง" แฮรี่ก้มลงต่อยตรงหัวเข่าซ้ายนักรบจังกรอลตัวที่บุกมาให้ล้ม จากนั้นก็ต่อยตรงท้อง หน้าอกและอัปเปอร์คัตเสยปลายคางให้ปลิว จากนั้นก็ "หวับบบ ฉึก ป้ากก" ถอยหลังหลบคมขวานที่นักรบจังกรอลฟาดลงมาจนขวานปักพื้น แล้วก็ต่อยใส่นักรบจังกรอลตนนั้นให้ล้ม แล้วก็ "หวับบบ" จับผลักให้เซไป "วาช้ากกก" คีธวิ่งเข้ามาหมุนตัวถีบซ้ำอีกที "ปึกกกก" เฟรดสบัดศอกขวาเสยนักรบจังกรอลให้ชะงักพร้อมกับจับผลักออกไป ในจังหวะเดียวกับ "นี้แน่" นาเดียถีบยันนักรบจังกรอลอีกตนให้กระเด็นไป "โครมมมม" กระแทกใส่หลังนักรบจังกรอลตัวที่เฟรดผลักไป "จังหวะนี้แหละ โท้ว" เฟรดกระโดดเข้าใส่พร้อมกับนาเดีย "โท้ว เข่าคู่ประสานงาพิฆาต" ซึ่งกระโดดเข้าแทงเข่า "เปรี้ยง!!!!" เสยอัดหน้านักรบจังกรอลทั้งสองอย่างพร้อมเพียงกัน จนหน้ากากไม้แตกกระจุยพร้อมใบหน้าที่ยับเยิ่นจากเข่าของเหยี่ยวดินระเบิดและพิราบทะยานฟ้า นักรบอีกสี่เลยบุกเข้ามา "หวับบบ เพี้ยะ!!!!" คีธหวดเลเซอร์วิปฟาดใส่นักรบจังกรอลให้ล้มไปก่อน "ฟึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" มาริซัดดาวกระจายปักคานักรบจังกรอลสามตนให้ล้ม โดยคมดาวกระจายทะลุเกราะเข้าถึงเนื้อในกัน "แง้ววววววว แง้วววววว แง้ววววว" ทหารแมทเฟลิมกู่ร้องพร้อมกับรีบวิ่งไปพร้อมกับพวกนักรบจังกรอล "เกรงว่าเราไม่ติดกับง่ายๆหรอก" แฮรี่บอก พร้อมกับ "หวับ" ซัดลูกระเบิดฮอคกี้ออกไป โดยลูกระเบิดพุ่งลอดหว่างขานักรบจังกรอลเข้าถึงกลุ่ม "ตรูมมมม" จากนั้นก็ระเบิดเป่าพวกแมทเฟลิมและนักรบจังกรอลให้ปลิวจน "หวับๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆ" ทหารแมทเฟลิมที่ร่วงกระแทกพื้นข้างหน้า ถูกกับดักหมีหนีบขบกัดตรงแขนขา หัว ลำตัวกันยกใหญ่ "ฉึกๆๆๆๆๆ" นักรบจังกรอลโดนหอกทิ้มตามตัวหลังจากที่ตัวกระทบกับพื้นไปแล้ว บางตัวก็โดนตาข่ายมัดลอยขึ้นจากพื้น บางตนถูกห่วงเชือกรัดคอขึ้นกลางอากาศกัน
"โว้ว กลุ่มต่างดาวในจักรวาลอื่นยังใช้กับดักบ้านๆในป่ากันด้วยหรือ" คีธบอก
แฮรี่กล่าว "ไม่แปลกใจหรอก เพราะชนเผ่าในป่านั้น ก็คงคิดและทำกับดักแบบเดียวกับที่เราทำอยู่ในป่ากันนี้แหละ" จากนั้นก็ "ฟ้าวววว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าวววว" กระโจนเข้าไปในค่าย โดยตอนนี้พวกแมทเฟลิมที่อยู่ในค่ายแห่ออกมาพร้อมกับพวกจังกรอลกันแล้ว ซึ่งพวกจังกรอลเตรียมหน้าไม้ออกมา "ดับเบิ้ลแมกนั่ม เลเซอร์ช็อต" หน่วยรบวิหคโต้ตอบด้วยปืนสั้นติดปืนเลเซอร์ยิงใส่หน้าไม้ของพวกจังกรอลจนหักลง บีบให้พวกจังกรอลบุกมาด้วยมีดดาบยาวในมือ "กริฟอาร์ม" เฟรดใช้กริฟซอร์ด แฮรี่ใช้กริฟเกรทซอร์ด คีธใช้กริฟทวินเบลด นาเดียใช้กริฟทอนฟ่า ส่วนมาริใช้กริฟแดกเกอร์คลอว์บุกเข้า "กร้องง เกร้ง แคร้งๆๆๆๆ" โดยทั้งห้าดวลกับพวกแมทเฟลิมและนักรบจังกรอลที่อยู่ในค่ายกันอยู่ แต่พวกแมทเฟลิมบุกมาจากด้านหลังด้วยความเร็วสูง "ฟ้าวววว ฉั้วะๆๆๆ" วูลเฟลล่ากระโจนเข้าข่วนใส่ทหารแมทเฟลิมกลางอากาศ "หวับบบ ฉึกกก ป้ากกก" ดิเรนท์กระโจนเข้ามาใช้มีดติดส้นทิ้มใส่บ่าทหารแมทเฟลิมพร้อมกับถีบเข้ากลางหลังไป "ว้ากกก" ไลเอิร์ทพุ่งกระโจนเข้า "ปั้กๆๆๆๆๆๆๆๆ" กระหน่ำถีบใส่ทหารแมทเฟลิมที่โดดมาเล่นงานแฮรี่แบบไม่ยั้ง แล้วก็ "ป้ากกก โครมมมม" ถีบตัวทหารแมทเฟลิมพุ่งอัดใส่พวกจังกรอลที่ดาหน้าเข้ามาจนล้มกลิ้งไป "พึ่งจะมาเลยสิน่ะ" แฮรี่กล่าว โดยใช้หมัดต่อยหน้านักรบจังกรอลให้หน้ากากแตก
"หนอยยย มีพวกมาเสริมด้วยหรือ เปิดระบบหอสังเกตุการณ์ให้ยิงใส่เป้าหมายกันเดียว...." หัวหน้าค่ายแมทเฟลิมบอก "แอ้" แต่ฉับพลันมันก็ร้องลั่นและล้มหน้าคว่ำ พร้อมเผยรอยแผลฟันกลางหลัง "แง้งงงงงง" และเผยตัวโฟรซ่ามา "แกหลุดเข้ามาในค่ายได้ไง ในเมื่อเราใช้กำแพงติดระบบป้องกันไว้แน่นหนาเลยน่ะ" ทหารแมทเฟลิมโวยลั่น "ปังๆๆๆ" โฟรซ่าใช้เดริงเจอร์แมกนั่มสอยพวกแมทเฟลิมที่อยู่ตรงหน้าจนล้มลง
"เกรงว่าฉันจะทำระบบป้องกันของพวกแกพังแล้วละน่า" แล้วโฟรซ่าก็วิ่งเข้ามาช่วยหน่วยรบวิหค "ฉั้วะ ฉับ ฉั้วะ ฉั้วะ ฟึ่บบบบ ป้ากกก" ใช้เรซเซอร์อาร์มจัดการกับพวกแมทเฟลิมให้ล้มกลิ้ง แม้จะถูกนักรบจังกรอลบุกมา เธอก็ถีบเข้าใส่นักรบจังกรอลตนหนึ่งจนล้ม แล้วก็ "หวับบบ ฉั้วะ" หวดเรซเซอร์อาร์มข้างซ้ายฟันซ้ำอีกที จนกระทั่งศัตรูในค่ายถูกปราบลง
"นี้คงจะเป็นยุทธวิธีการบุกของพวกนายตอนไปกับครูแอนเดรียสิน่ะ" ไลเอิร์ทบอก
เฟรดกล่าว "ใช่ เพียงแต่ ในค่ายนี้มีการป้องกันหนาแน่น รวมถึงมีการวางกับดักไว้รอบๆ บ่งบอกว่า พวกนั้นคงไม่ยอมให้เรายึดได้แน่ๆน่ะ"
"นั้นไม่แปลกหรอก ที่พวกเดลอาเนี่ยนเตรียมการเช่นนั้น เพราะพวกนั้นไม่ยอมให้ซ้ำรอยเดิมแน่ๆเลยน่ะ" พลัสเชอริทเดินมาพร้อมกับนำแพดที่เปื้อนเลือดมา "ปี้บๆๆๆ" กดปุ่มบนแพดเพื่อเปิดภาพการสู้รบ
"นั้นมันตอนที่พวกเราบุกเข้าจุดรวมพลที่ฮิชเลไบน์กันนิน่า" นาเดียบอก โดยเห็นภาพเธอและสติลลิมบ์บุกเข้าจู่โจมจุดรวมพลที่ว่าง แต่ถูกล้อมจนทำให้แอนเดรียต้องกางโปรเทคชั่นสเฟียร์ครอบทั้งสองหน่วยเอาไว้
"ใช่ และฉันก็เดาถูกเผงเลยน่ะ เพราะตอนที่เราลอบมาสอดแนมนอกค่ายนั้น พลัสเชอริทเห็นพวกแมทเฟลิมจำนวนหนึ่งพร้อมปืนยาวดักซุ่มอยู่ข้างหลัง เลยแจ้งให้ฉันรีบไปจัดการกับพวกมันในช่วงที่พวกเธอรับมือกับพวกที่ออกมาจากค่าย จากนั้นก็รีบมาสมทบกับพวกเธอในทีหลังนี้แหละ" โฟรซ่าบอก
คีธกล่าว "เกรงว่าพวกคุณแอบไบออสกับคุณฟิเกซคงจะเจอปัญหาเข้าให้แล้วสิ"
ทางด้านแอบไบออสที่ไปกับสติลลิมบ์ในการจู่โจมค่ายกักสัตว์ใหญ่ที่อยู่ในป่าฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือนั้น "ป้ากกกก" ทหารบรูซาเรมที่ดักซุ่มถูกแด็กซ์ต่อยด้วยช็อคเวฟบลัสต์เป่ากระเด็นไปอัดกับต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง "อ้านนนน อ้านนน ฉั้วะๆ" บรูซาเรมที่ใช้กงเล็บเหล็กโดนน็อกกี้ใช้ไนโตรแอ็กซ์ฟันจนตัดแขนขาด แล้วก็ "เปรี้ยงงง" ต่อยใส่หน้าหมีอวกาศตนนั้นให้ล้มไป "แชดดดด" แจ็สยิงลำแสงเข้าอัดใส่หน้าทหารบรูซาเรมไปเต็มๆ เพื่อช่วยแอบไบออสที่ใช้โบนซัมเบอร์ฟาดฟันใส่ทหารบรูซาเรมที่ใช้ปลอกแขนกงเล็บจนขาดสะบั้นไว้ได้ทัน "นีดเดิ้ลแกตลิ่ง" นิคระดมยิงห่ากระสุนเข็มเข้าทะลวงใส่ทหารบรูซาเรมอย่างหนักหน่วง "ย้า ย้า ย้า" รีฟบุกจู่โจมด้วยเกรฟฮัลบาร์ดฟันใส่ทหารบรูซาเรมที่บุกมาด้วยดาบอีโต้สองเล่มจนกรีดตัดคมดาบทิ้ง "เราไม่ว่างมายุ่งกับพวกนายกันหรอกน่ะ" แอบไบออสสร้างลูกบอลหนังที่อัดของเหลวสีแดงบนฝ่ามือซ้าย 3 ลูก แล้วก็ "พาราซิติคบอมส์" ซัดลูกบอล 3 ลูกให้พุ่งเข้า "ปั้กๆๆ โพละๆๆ" แตกระเบิดสาดของเหลวสีแดงเข้าใส่ทหารบรูซาเรมทั้งสาม จน "กรรรร โอ้ววว โว้วววว" ทั้งสามกู่ร้องด้วยเสียงอันคลุ้มคลั้งและหันมา "ป้ากกก โครมมม ป้ากกก" เล่นงานพวกบรูซาเรมที่เหลือกันโดยเร็ว แอบไบออสเลยรีบนำสติลลิมป์ทีมวิ่งตรงไปที่ค่ายกักกันสัตว์ใหญ่ ซึ่งพวกจังกรอล เตรียมจะนำสัตว์ใหญ่ออกมา "ฟ้าววว เปรี้ยงงงง" แต่ถูกแขนงูสีแดงพุ่งขึ้นจากพื้นต่อยเข้าเป้าหว่างขาจนชะงัก "เปรี้ยงงง ป้ากกก เปรี้ยงงง" นักรบจังกรอลสามตนโดนเล่นงานอย่างทันควัน "ฟ้าววว งับ หวับบบ ป้ากกก" บราไทน่าพุ่งเข้าใช้หลังขาทั้งสองข้างเข้าหนีบตัวนักรบจังกรอลหญิง แล้วก็หมุนตัวเพื่อกลับหัวนักรบจังกรอลกระแทกกับพื้นไปเต็มๆ
"พวกแกมาจากไหนกัน...." หัวหน้านักรบจังกรอลกล่าวเพราะเห็นบราไทน่าอยู่ และเห็นเฮเรเค้นที่อยู่ข้างนอกค่ายด้วย "เปรี้ยงงงง โครมๆๆๆๆ" แต่โดนพีวิลโผล่มาต่อยจนล้มกลิ้งกระเด็นกระดอนไปนอกค่าย นักรบจังกรอลอีกตนที่เห็นพีวิลโผล่มาเลยเตรียมหลาว "หมับบบ ฟึ่บบบ เปรี้ยงงง" แต่โดนเรฟไซท์โผล่มาจับตัวยกสูงและกระแทกหว่างขานักรบจังกรอลด้วยหัวเข่า จนลงไปกองกับพื้นกัน
"ยังมีพวกบรูซาเรมอยู่ข้างนอกด้วยสิน่ะ สิบเอก" พีวิลบอก
"ใช่ และยังมีอีก 15 ตนหรือมากกว่านั้นกำลังมาถึงด้วยน่ะ" แอบไบออสบอก
พีวิลบอก "งานนี้เราต้องปล่อยพวกนี้ไปก่อนน่ะ" แล้วก็ "ป้ากกก" พุ่งเข้าไปต่อยแผงปุ่มสร้างกำแพงกันตัวโลดอฟ ซึ่งเป็นสิงโตมีเขี้ยวและมีขนาดตัวเท่ากับหมีดุให้กำแพงอนุภาคหายไป "ป้ากๆๆ" พวกน็อกกี้รีบจัดการทำลายแผงควบคุมเพื่อเปิดกำแพงอนุภาคออก "เซเว่น เซเว่น ซิกส์ ทรี โฟว์ เอท เอท วัน" รีฟใช้มือถือเปิดแอพลูแพทดีโค้ดเดอร์ปลดล็อกแบบง่ายๆโดยเร็ว จนปล่อยพวกโลดอฟออกมา ซึ่งพวกมันก็.... "กรรรรรรรร" คำรามเสียงดังกันทั้งหมด พร้อมกับ "ตึกๆๆๆๆๆๆๆ" วิ่งกรูกันออกไปจากค่ายกักกันไปโดยเร็ว
"คงไม่ดีแน่ๆที่เราปล่อยให้พวกมันโดนพวกบรูซาเรมใช้ปืนโตยิงทิ้งไปได้น่ะ ร้อยเอก" แอบไบออสบอก
"งั้นรีบไปกันเถอะ" พีวิลกล่าว โดยตอนนี้พวกโลดอฟวิ่งตรงมายังพวกบรูซาเรมที่รีบตามมา
"โอ้ว มันหลุดมาได้เลยสิน่ะ แต่เกรงว่าพวกมันคงไม่มีทางรอดไปได้...." จ่าฝูงบรูซาเรมกล่าวโดยให้ลูกน้องเตรียมปืนอนุภาคกระบอกโตมา "ครืนๆๆๆๆๆๆๆ" แต่มีเสียงสั่นสะเทือนจากเบื้องล่างพร้อมกับ "หมับบบบบ" แด็กซ์เจาะพื้นดินขึ้นมาจับตัวจ่าฝูงบรูซาเรมยกขึ้น ในจังหวะที่ "กรรรรร" โลดอฟพุ่งกระโจนเข้าตะบบใส่จ่าฝูงไปเต็มๆ ส่วนแด็กซ์รีบปล่อยขาและหลบลงมา "หัวหน้า หนอย ไอ้หน้าขน เตรียมตัว...." ทหารบรูซาเรมเห็นเลยรีบยิง.... "โท้ววว โท้วววว โท้วววว โท้วววว โท้วววว" พีวิล แอบไบออส น็อกกี้ แจ็ส นิค และเฮเรเค้นกระโจนข้ามพวกโลดอฟมา "ฮาร์ดนัคเคิ้ล" "เทอโบพันซ์" พีวิลและน็อกกี้กระโจนเข้า "เปรี้ยงงง" ต่อยใส่ทหารบรูซาเรมสองตัวให้ล้ม "คลอว์ทูซไบค์คิก" "กัลโวลดรอป" แอบไบออสและแจ็สถีบขาคู่อัดใส่บรูซาเรมสองตัวให้กระเด็นไป จนถูกโลดอฟเข้าเล่นงาน "ป้ากกก เปรี้ยงงง" นิคและเฮเรเค้นถีบใส่บรูซาเรมเข้าที่หน้าไปเต็มแรง "ฟึ่บๆๆ" รีฟ เรฟไซท์และบราไทน่าโผล่ขึ้นจากหลุมที่แด็กซ์ขุดไว้ เข้าจัดการกับพวกบรูซาเรมไม่ให้ยิงใส่โลดอฟโดยเร็ว บรูซาเรมตัวหนึ่งเตรียมปืนโตมาเพื่อยิงโลดอฟเข้าใส่ "ฟ้าววว กุ๊ก" แต่มีบางอย่างพุ่งเข้าไปในกระบอกปืนโตจน "ตรูมมมม" เป่าระเบิดปืนให้แตกกระจุยพร้อมกับเพลิงสีเขียวครอกร่างบรูซาเรมให้มอดไหม้หายไปในทันที เช่นเดียวกับพวกบรูซาเรมที่โดนเล่นงานโดยพวกพีวิล และพวกโลดอฟเอง
"กรรรรรรรรรรรรร" โลดอฟทั้งหลายขู่คำรามขึ้นมา ซึ่งแอบไบออสหันหน้ามาทางพวกมัน "อือออ ครือออออ" โลดอฟตัวหนึ่งส่งเสียงครางบ่งบอกว่า มันหวาดกลัวความเป็นเวโนมิไนซ์ของแอบไบออส ซึ่งได้เซลของเวโนม็อคซ์ มังกรกินดาว สัตว์ประหลาดอวกาศที่น่ากลัวที่สุดในเขตอวกาศดาวเหนือ ซึ่งลี้ภัยมาสิ้นชีพลงที่ทวีปลอร์เดเซรอธของดาวแรซัลก้า ส่งผลให้เซลและเศษซากของมังกรอวกาศแปรสภาพชาวซัลคาเลี่ยนให้เป็นเวโนมิไนซ์ขึ้นมา เช่นเดียวกับอีกหลายตัวกันด้วย
"ดูท่าว่า เจ้าจะมีอณูเศษเสี้ยวของมังกรอวกาศที่น่าหวาดกลัวที่สุดอยู่ในตัวสิน่ะ โลดอฟในป่านี้ถึงได้หงอลงไปได้น่ะ" โอ็คเครมกล่าว โดยพาเหล่านักรบจังกรอลฝ่ายตนมาคุมพวกโลดอฟไป
แอบไบออสบอก "แสดงว่าพวกคุณคงจะได้ยินชื่อเวโนม็อกซ์กันมาก่อนละสิ"
"เราไม่อยากได้ยินชื่อต้องห้ามของมังกรร้ายตัวนั้นกันหรอกน่ะ รู้แค่ว่า เพียงมันบินผ่านแดนดินของเราไปไม่ถึงชั้นอากาศปกคลุม สัตว์ป่าทุกตัวและทุกพันธุ์ ถ้าไม่คำรามด้วยความโกรธ ก็ต้องกู่ร้องด้วยความหวาดกลัวกันเลยน่ะ" โอ็คเครมบอก และหันมาถาม "แล้ว มังกรนั้นยังอยู่หรือเปล่าละ"
พีวิลบอก "วางใจได้นะครับ เพราะเวโนม็อกซ์ ไปอย่างสงบแล้วนะครับ"
"แต่มรดกของมันนั้นยังอยู่ แม้ว่านั้นจะเป็นข้อดีของพวกคุณกันบ้าง แต่นั้นไม่ดีสำหรับพวกเรา โดยเฉพาะตอนที่เราจะใช้สัตว์เหล่านี้เลยน่ะ" โอ็คเครมบอก
น็อกกี้บอก "อ่า อย่างน้อย เราก็ดีใจที่คุณแอบไบออสมาด้วยน่ะ เราจะได้ไม่ต้องมีปัญหากับสัตว์ใหญ่ดุๆเหล่านั้นกันบ้างน่ะ"
"อะแอ่ม น็อกกี้ ระวังปากหน่อยน่ะ นายกำลังทำให้คุณแอบไบออสไม่มีกำลังใจสู้ต่อน่ะ" นิคห้ามปรามไว้
พีวิลบอก "สิบเอกครับ ถึงคุณจะน่ากลัวแค่ไหน แต่คุณเองก็...."
"....ฉันรู้ดีแล้วนะ ร้อยเอก ว่าฉันน่ากลัวมากแค่ไหน แม้ว่านั้นจะเป็นข้อเสียที่ทำให้ฉันถูกมองว่าเป็นปีศาจและตัวประหลาดที่น่ากลัว แต่นั้นก็เป็นข้อดีอีกอย่าง แม้ฉันไม่อยากจะได้ก็ตามน่ะ ฉันก็ต้องสู้เพื่อปกป้องครอบครัวของฉันมิให้ถูกปองร้ายจากภัยคุกคามใดๆกันให้ได้น่ะ" แอบไบออสบอก "ที่สำคัญ และฉันมิได้น่ากลัวเพียงรายเดียวเสมอไปหรอกน่ะ"
พีวิลพยักหน้า "สำคัญในตอนนี้คือ เราต้องปลดปล่อยดาวดวงนี้กันเสียก่อนนะครับ"
"อย่าห่วงไปเลย เพราะพวกที่บินได้นั้น คงไม่ต่างอะไรไปกว่าพวกนกติดแหกลางป่ากันหรอก" ฟิเกซกล่าว เพราะกลุ่มนักรบจังกรอลฝ่ายตรงข้ามที่บินมา โดนตาข่ายเชือกที่ขึงไว้บนยอดไม้ดักไว้กันหมด
รอมมิชบอก "ดูเหมือนว่าวิธีโต้ตอบแบบควอเดี่ยมของนายจะใช้ได้ผลกันบ้างน่ะ แม้จะไม่ได้มากมายเลยก็ตามน่ะ"
"แต่ปัญหาคือ ไอ้ถังบ้าที่พวกมันขนมานั้น คงไม่ใช่แค่ระเบิดอย่างเดียวแน่นอน" แรมเบจกล่าว
ฟิเกซพยักหน้า โดยตอนนี้โอ็คเครมกับเหล่านักรบจังกรอลขี่โลดอฟไปรับหน่วยรบวิหคและโฟรซ่ามาพบเข้าพอดี "นั้นไม่ดีแล้วละ นั้นพิษอาคันช่า พิษร้ายแรงที่ควรจะสูญหายไปนานถึง 300 ปีแล้วน่ะ" โอ็คเครมมองดูถังสีดำก็กล่าวอย่างไม่พอใจ
"พิษนี้มันร้ายแรงมากแค่ไหนละ" โรซารี่บอก
โอ็คเครมกล่าว "พิษนั้น มันไม่เพียงทำลายอวัยวะทุกอย่างภายในร่างกายของเรา แต่มันสามารถทำลายพืชและต้นไม้ทุกชนิด ซึ่งรวมถึงสมุนไพรที่ใช้รักษากันด้วย แน่นอน ว่ามันแพร่กระจายได้ทางน้ำ ทางดินและทางอากาศ หากที่ไหนโดนพิษนี้ เราจำต้องกักบริเวณเพื่อทำลายพื้นที่เหล่านั้นทิ้งด้วยไฟอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยน่ะ" แล้วก็บอก "แน่นอน ว่าพวกบูชาเทพแห่งความตายนั้น เก็บพิษร้ายนี้เอาไว้เพื่อบีบบังคับให้เรายอมจำนน แต่เราซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากชาวอัคคี ชาววารี ชาวภูผา ชาวนภาและชาวทรายในการหยุดพิษนี้ ด้วยการส่งมันออกฟากฟ้าสูงไปเท่านั้นน่ะ"
"พูดง่ายๆก็คือ ต้องใช้สภาวะสูญญากาศในการทำลายพิษสถานเดียวสิน่ะ" ฟิเกซกล่าว
โอ็คเครมบอก "แต่นั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ที่เราจะให้พิษนี้คงอยู่ได้ ซึ่งนั้นไม่เพียงเป็นเป้าหมายให้พวกลัทธิคลั่งแย่งกลับไป การทำลายทิ้งด้วยระเบิดจะยิ่งทำให้มันแย่กว่าเดิมน่ะ"
"พูดถึงระเบิดนิ ว่าแต่ ทีมบุกใต้ดินของเราละ" แรมเบจบอก
ไซโคลเนียบอก "ยังทำงานกันอยู่น่ะ เพราะฉันรู้สึกถึงแรงสั่นจากข้างใต้ได้เลยน่ะ"
โดยตอนนี้ ทีมบุกใต้ดินนั้น "โครมมมมมม" จายด์ถีบบรูซาเรมที่ฉีดยาโกลเดี้ยมบูสท์ให้อัดกับผนังอุโมงค์ใต้ดิน จนตัวมันเซออกมา "หมับบบ ป้ากกก" โดนจายด์คว้าจับกลางหลังและใช้ท่าแบ็คดรอปจัดการทิ้ง "เอานี้ไปเลย แนชเชอรอลบาเรีย ชาร์จช็อต" จิลจู่โจมด้วยพลังพายุใบไม้และกลีบดอกไม้อัดใส่พวกแมทเฟลิมที่ใช้แขนขากลจนชะงัก "เชร้งงงง ฉึกกก แชบบบ" มัลแด็กซ์ บีทเทม และบัลตาฟรีบุกเข้าจู่โจมซ้ำโดยเร็ว เพื่อเปิดทางให้.... "สปาร์คช็อค ชาร์จช็อต" เจเนลยิงกระสุนไฟฟ้าขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่จานลอยเหนือเขตเมืองใต้ดินหมายเลข 14 ของจังกรอลจน "เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆ ตรูมมมมม" จานลอยลัดวงจรอย่างรวดเร็วจนระเบิด ทำให้โดมแสงที่ครอบเขตเมืองใต้ดินสูญหายไป ชาวจังกรอลที่กำลังทำอาวุธอยู่ในเมืองนั้นรู้สึกตัวขึ้นมา
"หนอยยย พวกมันทำให้ชาวบ้านรู้สึกตัวแล้ว รีบจัดการ...." นักรบจังกรอลฝ่ายตรงข้ามเห็นชาวบ้านโยนอาวุธลงเลยรีบนำมีดดาบยาวออกมาเพื่อฆ่าชาวบ้าน "โครมมมมมม ตรึงงงง" ไม่ทันไร จายด์ก็โดดทะลุเพดานอาคารลงมาตรงหน้าพวกนักรบจังกรอลฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับพาเจเนล จิล และพวกมัลแด็กซ์ลงมา "ฟิ้วๆๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆๆ" จิลใช้ไซโคบิทพุ่งกระแทกมีดดาบยาวของพวกศัตรูให้หลุดมือ พร้อมกับ "ป้ากกกก โครมมมม เปรี้ยงงงง ป้ากกก" เจเนลพาพวกมัลแด็กซ์บุกจัดการกับนักรบจังกรอลที่เหลือจนสลบไปหมด "รานีอเมซอเนลส่งพวกเรามาช่วยพวกคุณแล้วละ" มัลแด็กซ์กล่าว เหล่าชาวบ้านจังกรอลเลยเฮลั่นขึ้นมาส่วนเมืองใต้ดินหมายเลข 15 ซึ่งอยู่อีกด้านของมัลเฟียนโฟลิสนั้น "อุว้ากกกกก" บรูซาเรมติดกงเล็บอนุภาคร้องลั่นเมื่อถูกเนคมาดูซัม หวดดาบใหญ่ฟันใส่จนเกราะหน้าอกแตกกระจุย จนทำให้พวกบรูซาเรมติดแขนขากลบุกเข้าจู่โจม "ย้าๆๆๆๆๆๆๆ" คลอเวฟบุกจู่โจมด้วยการจ้วงแอทแลนไทรเดนท์เข้าใส่พวกบรูซาเรมไปหลายดอก จนแขนขากลแหลกออกจากตัวและเกราะมีรูพรุนไปหลายจุดด้วยกัน "ป้ากกก เปรี้ยงงงง โครมมม" ไรแกทพุ่งถีบขาคู่อัดใส่ทหารบรูซาเรมแบบไซบอร์คให้ปลิวไปอัดกับนักรบจังกรอล 3 ตนจนล้ม บุลฟลาทพุ่งกระแทกใส่นักรบบรูซาเรมที่ใช้แขนสว่านแล้วก็ "หวับบบ โครมมม" ขวิดให้ตัวศัตรูปลิวข้ามหัวไปปักพื้นข้างหลังเต็มแรง "แง้วววว แง้วววว แง้วววว แง้วววว" ไม่ทันไร แมทเฟลิมตัวโต 4 ตัวกระโจนเข้ามาหมายจะเล่นงานแบร็อค "ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ ตรูมๆๆๆๆๆ" เนคกี้และเนคกัสใช้บ็อกซ์บัสเตอร์ยิงจรวดเข้าเล่นงานแมทเฟลิมสี่ตัวให้ชะงัก พร้อมกับ "ป้ากกก เปรี้ยงงงง" เนคกี้กระโดดชกด้วยสองหมัดใส่แมทเฟลิมตัวโต ในขณะที่อีกตัวโดนเนคกัสกระโดดถีบขาคู่ใส่ "ขอสักทีหนึ่งเหอะมึง" แบร็อคยั้วะพร้อมกับ "แคว้กกก" ข่วนด้วยกงเล็บหมีดุใส่แมทเฟลิมตัวโตสองตัวให้แดดิ้นลง "ฟ้าววว" สเตฟอร์ดใช้กริฟบาซูก้ายิงจรวดหัวกงเล็บพุ่งเข้า "แกร็กกกก เปรี้ยะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ากกก" เกาะตัวจานบินสร้างสนามพลังควบคุมสมองของชาวจังกรอลที่หลบซ่อนในเมือง และช็อตด้วยไฟฟ้าแรงสูงซ้ำจนพังอย่างรวดเร็ว "จังหวะนี้แหละ ตามฉันมาเลย" สเตฟอร์ดบอก พร้อมกับนำทีมไดนอนและดีฟไทด์บุกเข้าไปช่วยชาวเมืองจังกรอลจากฝ่ายตรงข้าม ที่เตรียมจะลงมือฆ่าในทันทีที่ชาวเมืองรู้สึกตัวโดยเร็ว
"ตอนนี้ พวกนายปลดปล่อยเมืองใต้ดินไปได้ 2 แห่งเลยสิน่ะ" โคเซวิคบอก เมื่อพวกเนคมาดูซัมกลับมาจากการปฏิบัติภารกิจแล้ว
อเมซอเนลบอก "เพียงแต่ ฝ่ายตรงข้ามเล่นใช้พิษอาคันช่าที่เราคิดว่ามันควรจะถูกทำลายไปนานแล้ว ไม่คิดเลย ว่าพวกบูชาเทพแห่งความตายจะเก็บซ่อนพิษร้ายแรงนี้ไว้น่ะ"
"แล้วไม่มีทางแก้อื่นใดที่นอกเหนือจากส่งออกนอกดาวเลยหรือ" คลอเวฟกล่าว
โอ็คเครมบอก "ถ้าเรามีวิธีอื่นจริง เราคงจัดการกับพิษร้ายนั้นไปนานแล้วละ" แล้วก็บอก "และต้องขอบใจพวกท่านด้วย ที่จัดการกับฐานทัพของพวกศัตรูที่อยู่ในเขตป่าใกล้ๆนี้ พร้อมกับปลดปล่อยเมืองใต้ดินไปสองแห่งด้วยกัน ซึ่งนั้นทำให้เราได้กำลังพลกลับมา แม้จะเป็นเพียงส่วนน้อยก็ตามน่ะ"
"แต่วางใจได้ เพราะพวกเราจะช่วยปลดปล่อยเมืองของพวกคุณให้เองนะครับ" พีวิลบอก
อเมซอเนลพยักหน้า "แต่ยังไงก็ต้องระวังด้วยละ เพราะฝ่ายตรงข้ามเองก็รู้และหาทางรับมือไม่ให้พวกคุณเข้าช่วยชาวเมืองกันไปได้ ยิ่งเรารู้ว่าพวกเขาใช้พิษอาคันช่ากันด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหวั่นเกรงกันบ้างแล้วละ"
"จะดีกว่ามาก หากข้าให้คนของข้าไปดูด้วยอีกที ว่าพวกท่านรับมือกับพวกศัตรูและกอบกู้เมืองกันยังไงด้วยน่ะ" โอ็คเครมบอก และหันมาถาม "แต่พวกท่านไม่เห็นออกมาช่วยพวกไทรเวเซอร์กันเลยน่ะ"
เฟลิคบอก "เกรงว่าพวกเราส่วนมากล้วนอ่อนแรงกว่าที่คิดไว้ เลยไม่สามารถออกรบช่วยพวกเขาได้สักระยะหนึ่งนะครับ"
"แปลว่า คนของพวกท่านนั้นคงจะสู้กับพวกพ้องของลัทธิบูชาเทพแห่งความตายจากแดนดินอื่นมาอย่างต่อเนื่องเลยสิน่ะ" อเมซอเนลกล่าว "ข้าหวังว่าคนของพวกท่านคงจะฟื้นตัวได้ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะรู้และหันมาเล่นงานพวกคุณกันบ้างน่ะ"
เนคมาดูซัมกล่าว "ตราบใดที่ฝ่ายตรงข้ามไม่เอาหุ่นรบออกมา เราต้องรีบลงมือกันให้ได้เสียก่อนนะครับ"
หลังจากนั้น ยุทธการปลดปล่อยดาวจังกรอเรสก็ดำเนินต่อไปอีก 2 วันถัดมา
"ชรี้ดดดดดดด" บรูซาเรมควบคุมรถสว่านแบนขุดดินทำอุโมงค์เพื่อเชื่อมทางจากเมืองบาโยคไปยังเขตเมืองมัลเฟียนโฟลิส "กรี้กกกกก เปรี้ยงงงง ตรูมมมม" แต่มาเจอกับสว่านติดสลิงเลเซอร์พุ่งเจาะหัวสว่านแบนเข้าถึงรถขุดจนระเบิดไป ซึ่งก็เป่าเศษดินให้กองกับพื้นจนเห็น "ไอ้พวกแมนิเกเตอร์ แกดักทางเราอีกแล้วหรือวะ" จ่าฝูงบรูซาเรมยั้วะ พร้อมกับให้ลิ้วล้อที่มีแขนอาวุธหนัก "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เนคมาดูซัมและสเตฟอร์ดกราดยิงซีคเก้ไรเฟิ่ลและโพริด็อดซ์กันเข้าใส่พวกบรูซาเรมติดแขนกลให้ล้ม "โว้ววววว" บรูซาเรมตัวโตบุกเข้ามา "ป้ากกก เปรี้ยงงง หมับ หวับบบ โครมมมม" จายด์เลยต่อยใส่บรูซาเรมตัวโตสองตัวให้ล้ม แล้วก็ตะบบหัวตัวที่สามเพื่อทุ่มอัดใส่ตัวที่สี่ที่โดดเข้ามาจนล้ม "ฟ้าววว กร้องงงง" จากนั้นพวกจังกรอลไชเลมระดมยิงธนูอย่างรวดเร็วเข้าใส่ "เปร้งๆๆๆๆๆๆๆ" จายด์ป้องกันด้วยเกราะผลึกโชนโครคิฟจนหัวธนูหักในทันทีที่ปะทะตัวไป "โบลท์รีเฟรคเตอร์!!!!!" เนคมาดูซัมใช้โลห์สะท้อนห่าธนูให้ย้อนกลับไป "ปั้กๆๆๆๆๆๆๆ" เล่นงานพวกไชเลมให้กระเจิง "ตรุ้งงงง ฟ้าวววว แกร็ก เปรี้ยะๆๆๆๆๆ ตรูมมม" สเตฟอร์ดใช้กริฟบลัสต์ลันเชอร์ยิงจรวดกงเล็บช็อตจานบินล้างสมองเข้าใส่ "วู้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เหล่านักรบจังกรอลไชเลมฝ่ายตรงข้ามบินออกจากเมืองตรงมา "ฟ้าวๆๆๆ" ไซโคลเนีย ฟาสท์วิงค์ทีม และเหล่านักรบของโอ็คเครมที่ติดเครื่องร่อนบุกเข้าโต้ตอบใส่ "ไอ้พวกโง่ ฉันจะสอยพวกแกให้...." หัวหน้าจ่าฝูงเตรียมธนูยาวหมายจะสอยใส่พวกไซโคลเนีย พร้อมกับพลธนูยิงไกลบนยอดตึก "ฟ้าววว ฟ้าววว เปรี้ยงงง เปรี้ยงงง" เนคกี้และเนคกัสเปิดนำด้วยการกระโดดชกใส่ธนูสองตนให้ล้ม "ฮึยยย ว้ากกก" เนคมาดูซัมและสเตฟอร์ดพุ่งกระโดดไกลพร้อมกับพุ่งกระแทกหัวไหล่ "เปรี้ยงง เปรี้ยงงง" อัดใส่พลธนูสองตนจนคันธนูยาวหักกระจุย "โว้ววว" จายด์กระโดดขึ้นสูงพร้อมกับทิ้งตัวลงมา "โครมมมม" ทับใส่จ่าฝูงไชเลมไปเต็มๆ จนตัวยุบกับพื้น
"ดีที่นายไม่ทิ้งตัวหนักจนทำเพดานถล่มกันน่ะ จายด์" เนคมาดูซัมกล่าว
สเตฟอร์ดบอก "เออ อย่าพูดอะไรให้เป็นลางจะดีกว่าน่า"
"ฟ้าวววว เปรี้ยงงงงง" คลอเวฟพุ่งเข้ากระแทกใส่นักรบจังกรอลที่อาศัยทางน้ำใต้ดินบุกเข้ายึดมัลเฟียนโฟลิสให้อัดกับผนังอุโมงค์ "ป้ากๆๆๆๆๆๆ" เวลลิทใช้หนวดปลาหมึกรั่วทิ้มใส่นักรบจังกรอลที่ถือโลห์ไม้แข็งมาจนโลห์แตกและตัวถูกทิ้มไปหลายทีด้วยกัน "ฟ้าววว ฉึกกก หวับบบบ ป้ากกก โครมมมม" แฮมชัคทิ้มปลายเท้าปลากระโทงแทงใส่โลห์ของนักรบจังกรอลฝ่ายตรงข้าม แล้วหวดซัดไปอัดกับผนังอุโมงค์ด้านข้างกันอีกที "หวับบบ เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ" ชาร์เครฟหวดแส้หางปลากระเบนอัดใส่นักรบจังกรอลที่ใช้หอกเป็นอาวุธให้เกราะไม้แตกกระจุยไป จากนั้นก็ "ซ่าๆๆๆ" ทั้งสี่กระโดดขึ้นจากน้ำมาโผล่ยังโพลงใหญ่ ซึ่งมีชาวจังกรอลส่วนหนึ่งอยู่ราว 13 ตนด้วยกัน
"พวกคุณเป็นใครกันน่ะ เป็นพวกเดียวกันกับพวกทรยศที่พาพวกแมวป่าและหมีป่าเดินได้กันหรือ" ชาวจังกรอลบอก
เวลลิทถาม "พวกเรามิได้เป็นพวกเดียวกันกับพวกศัตรูเหล่านั้น เรามาตามคำสั่งของหัวหน้าโอ็คเครมนะคะ"
"แล้วพวกคุณมาจากไหนกันละ" แฮมชัคถาม
เด็กชายชาวจังกรอลบอก "พวกเราหนีมาจากเมืองใต้ดินซินด้าวิล ซึ่งถูกพวกบูชาเทพแห่งความตายยึดครองไป โดยเราหนีการไล่ล่าเข้ามาในโพลงแห่งนี้ ซึ่งในเวลาต่อมา น้ำใต้บาดาลก็เพิ่มสูงจนเราติดอยู่ในโพลงนี้มานาน 5-6 วันแล้วละครับ" และหันมาถาม "ว่าแต่ พอจะช่วยพวกเราออกไปได้มั้ยละ"
"แล้วเราจะพาพวกนี้ออกไปได้ไง ในเมื่อเราไม่ได้มาเพื่อช่วยเหลือกันแต่แรกน่ะ" ชาร์เครฟบอก
คลอเวฟเงยหน้าพร้อมกับบอกว่า "ฉันคิดว่าฉันหาทางได้แล้วละ หึๆๆๆ" โดยเหนือพื้นขึ้นไปนั้น "เชร้งงง แชร้งงง เชร้งงงง" นักรบจังกรอลเผ่าทาโคลฟโดนลิเนียร์ตี้ใช้คิวตี้เซเบอร์ฟาดฟันใส่จนล้ม แล้วก็ "หวับๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" ซัดลิเนียร์ตี้สลัคเกอร์ปัดดาบยาวของพวกทาโคลฟให้หลุดจากมือ แต่พวกนั้นก็งัดตะบองหนามออกมา "หวับๆๆๆๆ วึมๆๆๆๆ ป้ากๆๆๆๆ" พีวิลบุกจู่โจมด้วยเอนเนอจี้ร็อดสองอันฟาดใส่พวกจังกรอลทาโคลฟให้ล้มเป็นชุด "แง้วววววว แง้วววว แง้วววว" แมทเฟลิมจ่าฝูงสบัดดาบยาวเพื่อยิงลำแสงสีแดงขึ้นฟ้า "แชดดด แกร็กๆๆๆๆๆ" แต่ถูกนาเดียยิงฟรีซซิ่งกันแช่แข็งโดยเร็ว แม้มันจะปล่อยแสงสีแดงเพื่อเรียกรวมพวกแมทเฟลิมที่อยู่ใกล้ๆออกมา "ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แชด แชด ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ แชดดด" เฟรด คีธกราดยิงวอลแกรมไรเฟิ่้ลติดปืนเลเซอร์เข้าใส่พวกแมทเฟลิมที่บุกเข้ามา ในขณะที่แฮรี่กราดยิงดับเบิ้ลแอสเซาท์ไรเฟิ่ลและมาริใช้ชูริเคนแมชชีนกันกราดยิงใส่ "หวับๆๆๆๆๆๆๆๆ" แต่พวกแมทเฟลิมเหล่านั้นอัพเกรดร่างกายให้มีความรวดเร็ว จนหลบกระสุนปืน ลำแสงเลเซอร์และดาวกระจายที่พุ่งเข้ามาได้ทั้งหมด โดยพวกมันเตรียมกระโจนเพื่อยิงจรวดจากปลอกแขน "กึกๆๆๆๆๆ ตรูมมมมม เปรี้ยงงงง" แต่ไม่ทันไร ก็มีน้ำพุขนาดใหญ่พุ่งทะลวงอัดใส่พวกแมทเฟลิมให้ปลิวขึ้นบนท้องฟ้าเป็นส่วนมาก และร่วงลงมากระแทกใส่พวกเดียวกันตาม "ตรูมมมม แป๊ะๆๆๆๆๆๆ" พร้อมกับเป่าระเบิดเป็นห่าฝนตกลงมาในทันที
"กะแล้วว่าต้องเป็นฝีมือลุงคลอฟจนได้สิวะ" เรฟไซท์ที่ใช้ดาบโค้งฟันใส่นักรบจังกรอลทาโคลฟจนร่วงกล่าวอย่างหงุดหงิด เพราะคลอเวฟใช้ไฮโดรลิคแคนน่อนยิงทะลวงจากใต้โพลงขึ้นมายังภาคพื้นจนเป็นรูโตๆขึ้นมา
"แต่อย่างน้อย เขามีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้เลยนะ" เฟรดกล่าวโดยก้มลงไปดูในหลุม ก็พบกับพวกชาวจังกรอลที่ติดอยู่ในโพลงกัน ซึ่งทำให้พีวิล ลิเนียร์ตี้และหน่วยรบวิหคต้องนำตัวชาวจังกรอลขึ้นมาจากหลุม รวมถึงคลอเวฟและทีมดีฟไทด์ขึ้นมาด้วย หลังจากที่พวกเขายึดค่ายของพวกแมทเฟลิมไปแล้ว
"เปรี้ยงงงง โครมๆๆ" บรูซาเรมถือโลห์อนุภาคปลิวทะลุกำแพงและอาคารที่พักในค่ายไปเต็มๆ ในช่วงที่นักรบจังกรอลส่วนหนึ่ง "เคร้งๆๆๆๆๆ" เข้าโรมรันกับแอบไบออสที่ใช้โบนเซเบอร์สองเล่มสู้กัน โดยมีบาร์ท รอมมิชและโรซารี่ กับไวลด์แฟงค์ทีมปะทะกันด้านหน้าค่าย "ป้ากก เปรี้ยงงง ป้ากกก โครมมมม เปรี้ยงงง" สเปียริทบุกเข้าด้านข้างค่ายมาพร้อมกับทีมไดนอน แรมเบจและช็อปเปอร์เข้าจู่โจมใส่พวกบรูซาเรมกันแบบไม่ให้ตั้งตัวได้ติด
"รีบเรียกกองหนุนโดยเร็วเลย" หัวหน้าค่ายบรูซาเรมกล่าว แต่.... "หวับบบ ป้ากกก" เทรอนเร็กซ์จับพาลกีสมาโขกกับโคนเสาจานดาวเทียมจนหักพังลง "โครมมมม เปรี้ยงงง" สเปียริทใช้คริสทรัลร็อดเฮฟวี่ดัมเบลผลักบรูซาเรมตัวหนึ่งพุ่งทะลุผนังอาคารบัญชาการ จนพุ่งไปชนกับแผงคอนโซลไปเต็มๆ "ป้ากๆๆๆๆ โครมมม" แล้วก็หวดพลองดัมเบลจัดการกับพวกบรูซาเรมในห้องสั่งการจนกระเจิงไป "โม้วววววว" ออคบอร์ สัตว์ใหญ่หัววัวแต่มีขนหนาปกคลุมเหมือนหมูป่า และมีเขาเหมือนแกะภูเขากู่ร้องพร้อมกับพุ่งชนใส่ทหารบรูซาเรมที่อยู่นอกค่าย หลังจากที่แอบไบออสและพวกบาร์ทปลดล็อกกรงไปแล้ว
"หนอยยย พวกแก...คงต้องทำให้สลบกัน..." นักรบจังกรอลเผ่าโกลกาลเตรียมหน้าไม้ยิงกระสุนยาสลบเข้าใส่ออคบอร์ "ฉึกๆๆๆๆ" แต่ถูกสเปียริทใช้เทาซันอาร์มแทรปเปอร์แทงตรงขากันทั้งหมดจน "หวับๆๆๆๆ โผละๆๆๆๆๆ ฟู้ววววววว" กระสุนยาสลบร่วงกระแทกพื้นจนแตกเป็นควันเล่นงานพวกโกลกาลเข้าเสียเอง "เหวอออ โว้วววว ว้ากกกก" ส่วนพวกบรูซาเรมก็โดนออคบอร์ขวิดตัวปลิวกระเด็นขึ้นไปกันหมด
"เราน่าจะลองขี่มันออกไปถล่มค่ายกันบ้างน่า" เทรอนเร็กซ์บอก
แอบไบออสกล่าว "แล้วโดนพวกบรูซาเรมตั้งด่านสกัดกั้นพร้อมกับปืนอนุภาคกระบอกโตนะหรือ นั้นเสี่ยงมากเลยน่ะ"
"ส่วนหนึ่งเพราะ นายใช้แผนบุกด้วยสัตว์ใหญ่มาก่อนละสิ" แรมเบจบอก แอบไบออสพยักหน้า
สเปียริทบอก "แสดงว่าพวกบรูซาเรมคงจะบุกดาวแลบบอนที่สร้างสัตว์ประหลาดไฮบริดจ์ และขโมยข้อมูลการบุกของนายและพวกเวโนมิไนซ์ที่ถูกจับมาเลยสิน่ะ"
"คงไม่ดีแล้วละ สำหรับหน่วยอื่นไม่ว่าจะบนดินหรือใต้ดิน เพราะพวกบรูซาเรมและแมทเฟลิมเล่นแรงกันทั้งนั้นน่ะ" แอบไบออสกล่าว
โดยในเวลานี้ "แชดๆๆๆๆๆๆ" แมทเฟลิมไซบอร์คระดมยิงปืนแสงเข้าใส่เขตป่าด้านข้าง ในช่วงที่คุ้มกันพวกจังกรอลบุกเข้าจู่โจมเขตหมู่บ้านฟากายอลที่สเตฟอร์ดกับไซโคลเนีย ไปกับเหล่านักรบจังกรอลของโอ็คเครมปลดปล่อยไปก่อนหน้าที่พีวิลและสเปียริทพาพวกออกจู่โจมค่ายศัตรูกัน "ไอ้พวกแมนิเกเตอร์ พวกมันคิดจะจู่โจมด้านข้างในมุมสูงนะหรือ คงยากกระ..." แมทเฟลิมจ่าฝูงซึ่งมีตาหุ่นยนต์ข้างซ้ายกล่าว แต่ "เปรี้ยงงงง" ก็ถูกยิงเข้าตาหุ่นยนต์ในขณะที่ยังพูดไม่จบไป พวกแมทเฟลิมไซบอร์คเลยรีบบุกมาข้างหน้า เพื่อเตรียมยิงมิไซล์จากปลอกแขน.... "แฟ้วววว แว้งงงง" ฉับพลันก็มีกระสุนพลุเป่าระเบิดแสงสาดใส่เซนเซอร์อายของแมทเฟลิมไซบอร์คจนชะงักงันไปพักหนึ่ง พวกจังกรอลพยายามกระโจนเข้าใส่ "ฟ้าววว ฟ้าววว ฟ้าวววว ป้ากกก เปรี้ยงงง โครมมมม" น็อกกี้ แจ็สและแด็กซ์พุ่งปะทะใส่นักรบจังกรอล โดยน็อกกี้ต่อยใส่นักรบจังกรอลด้วยหมัดเพียวๆ แจ็สกระโดดถีบใส่ ส่วนแด็กซ์พุ่งเอาหัวโขกใส่จนนักรบจังกรอลทั้งสามปลิวลงไป พร้อมกับ "ซูมมมมม ฟ้าววว ฉั้วะ กรี้กกกก ชรี้ดดดด" ใช้บูสเตอร์ตรงหลังปีกผลักทั้งสามพุ่งจู่โจมด้วยไนโตรแอ็กซ์ ชาร์แคลมคัตเตอร์ และเฮฟวี่ดริลอาร์มจัดการกับนักรบจังกรอลที่เตรียมใช้หน้าไม้ยาวจนร่วงลงบนรถขนกำลังพล แต่พวกแมทเฟลิมไซบอร์คก็แห่มา "ฟิ้วๆๆๆ เปรี้ยงๆๆๆ" ซึ่งก็โดนมีดสั้นระเบิดไฟฟ้าช็อตใส่พวกแมทเฟลิมไซบอร์คให้ชะงักและ "ทิ้วๆๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆ แชดด แชดดด แชดดด แชดดดด" โดนโฟรซ่า นิคและรีฟกระหน่ำยิงซ้ำให้ร่วงไป
"แย่หน่อยน่ะ ที่เรารู้ว่าพวกนายจะผ่านมานี้และดักจัดการกับพวกเรา ซึ่งพวกนายยิงถล่มโฮโลแกรมของพวกเราที่วางไว้ก่อนหน้าแล้วน่ะ" โฟรซ่าบอก โดยที่พวกแมทเฟลิมถล่มด้านข้างไปนั้น แค่ตลับฉายโฮโลแกรมพร้อมตัวส่งสัญญาณหลอกไว้อีกชั้นหนึ่งที่ใส่ไว้หลังพุ่มไม้
"แต่ไม่คิดเลย ว่าไอ้พวกแมวหง่าวอวกาศนั้นจะดักทางพวกเราไปได้น่ะ" แจ็สบอก
นิคบอก "ดีที่พวกเราเจอพวกศัตรูที่ดัดแปลงเป็นไซบอร์คได้เสียก่อน ไม่เช่นนั้น เราคงแย่แน่ๆเลยละครับ"
"เออ ป้า พวกจังกรอลเหล่านั้น มันติดเข็มกลัดแปลกๆด้วยน่ะ" น็อกกี้เห็นพวกจังกรอลติดเข็มกลัดสีทองแดงเป็นดอกไม้มีสามกลีบบนและสี่ใบเลี้ยงอยู่ เลยพยายามจะแกะออก
พลัสเชอริทร้องห้าม "อย่าแกะมันออก เข็มกลัดนั้นเป็นสลักระเบิดแรงสูง ซึ่งฉันวิเคราะห์อนุภาคมาแล้ว มันเป็นพิษร้ายแรงที่พวกจังกรอลหวาดกลัวเกรงกันนะสิ" โดยใช้ดวงตาเอ็กซ์เรย์ตรวจสอบอย่างละเอียด "ซึ่งถ้าเธอแกะเข็มกลัดออก พิษที่อยู่ในถุงติดปอดจะฟุ้งกระจายอย่างฉับพลันเลยน่ะ"
"หมายถึงไอ้พิษอาคันช่าอะไรนั้นใช่มั้ยละ ป้า" น็อกกี้กล่าว จนรีบชักมือออกโดยเร็ว
โฟรซ่าบอก "เยี่ยม ไอ้พวกแมทเฟลิมขนพลระเบิดพลีชีพเข้าให้แล้วสิ" แล้วก็แจ้งบอก "กลับไปรีบล้างตัวเดียวนี้เลย เผื่อมีพิษติดแขนขาของพวกเธอทั้งสามด้วยน่ะ" พร้อมกับใช้มือถือถ่ายภาพดังกล่าวมา
"นั้นมัน แย่กว่าที่คิดไว้เลยน่ะ" อเมซอเนลบอก เมื่อเห็นภาพเข็มกลัดที่โฟรซ่านำมา
พีวิลถาม "พอจะบอกได้มั้ยครับ ว่าเข็มกลัดนี้เกี่ยวอะไรกับพวกเดธซิลเวอร์พลาเนตน่ะ"
"เกี่ยวเต็มๆเลยละ เพราะตรานี้ เป็นของกลุ่มชนชั้นสูงของรานีอัมราซด้า ผู้ปกครองดาวของเราเมื่อ 500 ปีก่อน ซึ่งเป็นผู้เกือบจะนำพาหายนะมาสู่ดาวดวงนี้กันแล้วนะ" อเมซอเนลบอก
โฟรซ่าถาม "ว่าแต่ รานีผู้นี้เคยก่อหายนะต่อดาวดวงนี้กันยังไงละคะ"
"แต่เดิมเมื่อ 500 ปีก่อนนั้น ดาวของเราเคยมีเมืองและอารยธรรมอยู่กลางป่ามาหลายแห่งด้วยกัน อีกทั้งรานีอัมราซด้าเองก็เป็นรานีผู้มีเมตตาปราณีและเป็นผู้ปกครองอันชาญฉลาดกันแล้ว" โอ็คเครมบอก "จนกระทั่ง....วันที่มหาดารามรณะได้ครอบงำเธอให้กลายเป็นรานีผู้โหดร้าย ซึ่งเธอได้ครอบงำเหล่าชนชั้นสูงและนักรบภายใต้อำนาจของเธอ ก่อความเดือดร้อนต่อชาวจังกรอลที่รู้เห็นถึงความผิดปกติและผู้ที่ต้องการหยุดยั้งเธอไว้ โดยที่เธอกับพวกร่วมมือกับกองรบของเทพแห่งความตายในการนำดาวของเราเข้าสู่เทพแห่งความตาย จนบรรพบุรุษของพวกเราได้รวมตัวกันกับเหล่านักรบจากแดนดินอื่นที่เข้ามาเตือนพวกเราถึงเหตุร้ายนี้ หยุดยั้งเหตุร้ายไว้ได้ทันก่อนที่เทพแห่งความตายจะนำพาดาวของเราไปสู่หายนะไว้ เช่นเดียวกันกับช่วยรานีอัมราซด้าจากการถูกครอบงำกันด้วย ซึ่งนางได้ยอมรับในการกระทำอันเลวร้ายของนาง ด้วยการสละตำแหน่งให้กับผู้นำของบรรพบุรุษของเรา ส่วนนางก็ถูกจองจำอยู่ในถ้ำและจากไปอย่างสงบ โดยบรรพบุรุษของเราเข้าร่วมกลุ่มกับชาวหน้าเหล็ก ที่เป็นผู้นำกลุ่มดาวในการต่อสู้และหลบหนีเทพแห่งความตายกันในเวลาต่อมานี้แหละ" อเมซอเนลบอก "แม้ว่าอัมราซด้าจะจากไปแล้ว แต่ผลของการสู้รบนั้นได้ทำให้เขตป่าเสียหายอย่างมาก จากการที่ชนชั้นสูงดัดแปลงเขตเมืองให้เป็นปราการติดอาวุธสำหรับโต้ตอบฝ่ายเรา ทำให้เราต้องนำเมืองเกือบทั้งหมดลงสู่ใต้ดินไว้ เพื่อมิให้มีชาวจังกรอลใช้เมืองที่ติดอาวุธดังกล่าวนี้ สร้างปัญหาเดิมๆกันอีก ส่วนกลุ่มชนชั้นสูงนั้น ส่วนหนึ่งได้ยอมจำนนตามรานีอัมราซด้า หลังจากที่รู้ว่าพวกเขาได้ทำอะไรลงไปกับดาวของพวกเรากัน โดยที่พวกเขาอยู่ในฐานะของครูสอนสั่งลูกหลานรุ่นต่อๆไป มิให้คล้อยตามพวกเขากันอีก" "แล้วอีกส่วนหนึ่งนั้น คงยังไม่ยอมจำนนและยังร่วมมือกับมหาดารามรณะ มารังควานพวกคุณเลยสิน่ะ" สเตฟอร์ดบอก
โอ็คเครมพยักหน้า "ตลอดเวลาที่พวกเราร่วมเดินทางไปพร้อมกับกลุ่มดาวแบบเดียวกันนั้น ไม่เพียงพวกเราต้องใช้อาวุธที่ชาวหน้าเหล็กมอบให้ในการหยุดยั้งพวกเทพแห่งความตายกันอย่างเดียว แต่ยังต้องรับมือกับพวกไม่ยอมจำนนที่หาทางเล่นงานพวกเรากันอีกด้วย ซึ่งพวกเราโต้ตอบการจู่โจมของฝ่ายตรงข้ามมาได้หลายครั้ง แต่พวกนั้นก็หลบหนีไปได้ทุกครั้ง โดยพวกนั้นพยายามทำทุกอย่าง ตั้งแต่ลอบจู่โจมกลุ่มหาของป่าและเลี้ยงสัตว์ บ่อนทำลายสวนพืชผักผลไม้ ไปจนถึงพยายามนำเมืองใต้ดินขึ้นสู่ภาคพื้น ซึ่งอย่างหลังนั้น เราพยายามหยุดยั้งพวกเขากันมาหลายครั้ง รวมถึงเรื่องเผาป่าให้วอดวายกันอีกด้วยน่ะ"
"ถึงว่าสิ ว่าทำไมพวกคุณถึงไม่พอใจอย่างมากกับการที่พวกเราบุกมาถล่มเขตป่ากันน่ะ" โคเซวิคบอก
มาสวาร์ทาร์บอก "และเมืองที่อยู่ใต้ดินนั้น พวกชนชั้นสูงไม่ได้เพียงแค่ดัดแปลงให้เป็นป้อมปราการ แต่ดัดแปลงให้เป็นโรงงานผลิตอาวุธด้วยสิน่ะ"
"ถูกต้องแล้วละ และเมืองใต้ดินส่วนที่อยู่ในความควบคุมของเรานั้น 20 แห่งถูกใช้เป็นโรงงานผลิตสตาร์ทรูปเปอร์สำหรับใช้รับมือกับพวกเทพแห่งความตาย โดยที่เราใช้ทรัพยากรโลหะจากแดนนภามาสร้างไว้ เพราะดาวของเรา แทบไม่มีทรัพยากรที่เป็นแหล่งแร่เหล็กเหมือนกับแดนภูผาเลยน่ะ" อเมซอเนลบอก
อิลมิคกล่าว "ตราบใดที่พวกมันไม่เอาเมืองใต้ดินขึ้นมา พวกเรายังพอที่จะ...."
"ครืนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ไม่ทันไรก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา จนแรงสั่นสะเทือนมาถึงมัลเฟียนโฟลิส นักรบจังกรอลตนหนึ่งรีบเข้ามา "แย่แล้วละคะ องค์รานี ท่านโอ็คเครม ฝ่ายศัตรูได้นำเมืองใต้พิภพขึ้นมาแล้วละคะ"
อเมซอเนลกล่าว "ว่ายังไงน่ะ" แล้วก็เรียกกระจกส่องภาพข้างนอก ซึ่งเผยให้เห็นเขตเมืองใต้ดินโผล่ขึ้นมาจากป่าเขากันเป็นจำนวนมาก "แบบนั้นไม่ดีแล้วละ" อเมซอเนลพูดอย่างไม่สู้ดี
"ท่านกำลังจะบอกว่า พวกศัตรูเอาเมืองใต้ดินมานิ คงคิดที่จะถล่มพวกเรากันอย่างเต็มที่เลยสิน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
โอ็คเครมบอก "ที่ถูกก็คือ พวกบูชาเทพแห่งความตายนั้น คิดจะทำลายป่าให้ราบคาบไปพร้อมกับพวกเรากับพวกท่านกันต่างหากละ" โดยพูดไปกำหมัดข้างซ้ายแน่นๆไว้ "แน่นอน ว่าการกระทำของพวกมันคือการท้าทายพวกเราให้ต้องก่อสงคราม เพื่อหวังจะทำลายป่าบนดาวลงไปมากด้วย"
"ใช่ เพราะนั้นถึงคราวที่ดาวของเรากลับมามีอารยธรรมใหม่กันอีกครั้ง เหนือซากสีเขียวที่ปกคลุมดาวของเรามาช้านานแล้วน่ะ" เสียงของผู้หนึ่งกล่าวขึ้น โดยกระจกเผยภาพชาวจังกรอลในชุดเสื้อโค้ทสวมแว่น
อเมซอเนลได้เห็นก็กล่าว "ดร.คิฟเจเดม นี้ท่านหลุดออกมาจากที่คุมขังกันเลยหรือ"
"องค์รานีรู้จักมันนิ มันเป็นใครกันน่ะ" อิลมิคบอก
อเมซอเนลกล่าว "เขาเป็นนักค้นคว้าชาวจังกรอลที่ชาญฉลาดมากที่สุด ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในเผ่าของเราที่ได้รับโอกาสในการไปศึกษาต่อที่แดนดินแห่งเหล็ก เพื่อนำวิชาการมาช่วยสอนให้พวกเรา แต่....เขากลับนำวิชาที่ไปร่ำเรียนมา เพื่อนำเมืองใต้ดินที่เราปิดตายเอาไว้ใต้หมู่บ้านแต่ละแห่งกลับขึ้นมา โดยอ้างว่า เป็นความผิดของพวกเราที่ทำให้ดาวของเราไม่เจริญในด้านวิทยาการ ด้วยการปิดตายอารยธรรมดั่งเดิม ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เมืองที่คิฟเจเดมปลดปล่อยไปนั้น มันมิใช่เมือง แต่เป็นป้อมปราการสงครามที่ใช้ในการก่อสงครามบนดาวของเรา ซึ่งข้าได้ส่งคนไปเกลี้ยกล่อม แต่คิฟเจเดม นอกจากจะไม่ฟัง เขายังดึงดันถึงขั้นไปเข้ากับพวกบูชาเทพแห่งความตาย โดยที่ฝั่งนั้นยื่นข้อเสนอให้เขาศึกษาทุกเมืองในเขตยึดครองเอาไว้ เราเลยต้องจับกุมเขาไปคุมขังไว้ เพื่อหยุดเขามิให้เป็นกำลังเสริมต่อพวกเทพแห่งความตายกันน่ะ"
"แต่สุดท้าย ข้าพเจ้าก็หนีออกมาได้แล้วน่ะ ท่านรานีผู้อยู่แต่ในกะลา คิดว่าการทำให้ดาวดวงนี้เป็นสีเขียวตลอดนั้น จะทำให้พวกเราอยู่ต่อไปได้นะหรือ คิดผิดแล้วละ เพราะว่าพวกเราอยากจะก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ ด้วยเมืองอันล้ำยุคอันเป็นอารยธรรมที่แท้จริงของบรรพบุรุษกันนี้แหละ" คิฟเจเดมบอก "ตลอด 500 ปี ที่บรรพบุรุษของท่านทำให้พวกเราต้องอยู่ในเรือนกระจกที่เต็มไปด้วยต้นไม้และสัตว์ป่า โดยละทิ้งอารยธรรมดั่งเดิมของพวกเราไว้ ซึ่งข้าพเจ้าตั้งใจที่จะนำอารยธรรมดั่งเดิมของพวกเราออกมา เพื่อเป็นการแสดงให้ทุกดาวให้เห็นว่า พวกเราก็เป็นชนเผ่าที่เจริญแล้วน่ะ"
โอ็คเครมบอก "แต่เมืองที่เจ้านำขึ้นมานั้น มันเป็นตราบาปของบรรพบุรุษผู้โง่เขลาในการเปลี่ยนอารยธรรมอันรุ่งเรือง ให้เป็นอาวุธในการประหัตถ์ประหารพวกเรา และทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบเมืองไปอย่างมาก ซึ่งการกระทำของเจ้านั้น มันไม่ต่างจากการช่วยเหลือพวกบูชาเทพแห่งความตายเลยน่ะ"
"ใครสนล่ะ เพราะว่าข้าตั้งใจที่จะทำให้ดาวของเรารุ่งเรืองโดยไม่ต้องพึ่งพาชาวดาวอื่นกันอีกต่อไปแล้ว แน่นอน ว่าการกระทำของพวกท่านนั้นทำให้ข้า รวมถึงผู้มีพระคุณทั้งสองไม่พอใจอย่างมาก จนต้องรีบลงมือกันเช่นนี้แหละ" คิฟเจเดมบอก
โคเซวิคบอก "ผู้มีพระคุณที่แกว่ามานั้น จักรพรรดินีมิวนัสและจักรพรรดิอุลซาร์ฟอย่างงั้นละสิน่ะ"
"ถูกเผงแล้วละ เพราะพวกแกทั้งสองกลุ่มคือตัวปัญหาที่น่าจะจบเห่กันที่ดาวไฟและดาวน้ำแข็งกันอยู่ แต่ไม่คิดเลย ว่าพวกแกไม่เพียงรอดมาได้อย่างเดียว แกทำให้พวกพ้องของเราบนดาวอื่นๆต้องล่มจมกันเช่นนี้ และยังมาป่วนบนดาวของฉันด้วยอีก ซึ่งฉันอภัยให้พวกแกมิได้แล้ว" คิฟเจเดมกล่าว "ก่อนที่ฉันจะอนุญาตให้หน่วยพิเศษของผู้มีพระคุณทั้งสองออกจากดาวไปสู่เขตดาวบ้านเกิดของพวกแกนั้น ฉันจะให้เหล่านักรบที่ฉันได้ครอบงำไว้ก่อนหน้า ร่วมมือกับกองรบของผู้มีพระคุณทั้งสองมาถล่มพวกแกกันไปข้างหนึ่งเลย"
โอ็คเครมบอก "แกทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าแกทำลายป่าให้วอดวายกันไปเลยน่ะ เรายอมให้แกทำแบบนั้นไม่ได้หรอก"
"วางใจได้น่า เพราะพวกเราจะไปเอาต้นไม้หรือพืชไม้จากดาวในเขตอวกาศภาคกลางมาทดแทนกันได้ และเราจะหามาให้เยอะกันได้อยู่แล้ว พวกต้นไม้หรือพืชที่อยู่บนดาวซึ่งโดนทำลายไปก่อนนั้น ก็ถือซะว่ามันช่วยไม่ได้ละน่ะ เพราะสิ่งเก่าๆถูกทำลายไป และแทนที่ด้วยสิ่งใหม่ๆเข้ามากันน่ะ" คิฟเจเดมกล่าว
อเมซอเนลกล่าว "เจ้าไม่รู้เลยหรือ ว่าพืชป่าและต้นไม้ที่อยู่บนดาวของเรานั้น ส่วนหนึ่งเป็นหลักฐานบ่งบอกว่ามันเคยอยู่บนดาวแบบเดียวกับพวกเรา และได้สิ้นสูญไปกับเทพแห่งความตายกันแล้ว แม้เราหยุดเทพแห่งความตายมิให้ทำลายดาวเหล่านั้น แต่เราสามารถเก็บสิ่งที่หลงเหลือจากดาวของพวกเขามาอยู่กับพวกเรากันได้ เพื่อเป็นการนับถือต่อดาวของพวกเขา การที่เจ้าทำลายมันทิ้งก็เท่ากับว่าทำลายหลักฐานตัวตนชิ้นสุดท้ายของพวกเขาไปด้วยน่ะ"
"ข้าพเจ้าไม่สนใจหรอก เพราะเจ้าของพืชพันธุ์เดิมก็สิ้นสูญไปแล้วนิ ไม่มีใครหน้าไหนมาทวงคืนกันไปได้หรอกน่ะ" คิฟเจเดมบอก "ดังนั้น ท่านกับพวกรอรับการถูกถล่มกันในไม่ช้าจะดีกว่าน่ะ" แล้วก็ตัดการติดต่อไปในทันที
อเมซอเนลส่ายหน้า "เจ้าไม่เข้าใจเลยหรือ ว่าบรรพบุรุษของเรารักษาสิ่งที่หลงเหลือไว้ของเหล่าผู้จากไป เพื่อให้พวกเราระลึกว่า ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยอยู่บนแดนดินแบบเดียวกับเรา แต่มีพืชพันธุ์ที่แตกต่างจากของแดนดินของเราเลยก็ตามน่ะ"
"แล้วท่านคงจะไม่ห้ามพวกเราใช้หุ่นรบต่อกรกับพวกศัตรูงั้นละสิ" โคเซวิคบอก
โอ็คเครมกล่าว "เราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหยุดพวกศัตรูเอาไว้ อีกอย่าง ป่าในส่วนยึดครองของฝ่ายตรงข้ามนั้น ถึงถูกทำลายไป เราก็สามารถฟื้นฟูทดแทนได้อยู่แล้ว แม้ว่าจะมีส่วนหนึ่งที่มีพันธุ์ไม้หายากอยู่ด้วยก็ตาม" แล้วก็เปิดแผนที่ระบุจุดที่มีพันธุ์ไม้ติดกับพื้นที่ของศัตรู 15 จุดด้วยกัน "แน่นอน ว่าข้าได้ให้กลุ่มนักรบส่วนหนึ่งเข้าไปเพื่อหยุดตรงนั้นแล้วน่ะ"
"แต่จะดีกว่ามาก หากให้พวกเรามาช่วยด้วยอีกแรงน่ะ" เนคมาดูซัมบอก
โอ็คเครมพยักหน้า "แต่จะดีกว่ามาก หากพวกท่านไม่สร้างความเสียหายในระหว่างที่ต่อกรกับพวกศัตรูกันบ้างน่ะ
"เรื่องนั้นเรารู้ดีแล้วนะ เพราะพวกพ้องของเราหาหนทางแก้เรื่องนี้ให้แล้วน่ะ" โคเซวิคบอก
อเมซอเนลกล่าว "ข้าหวังว่า พวกท่านคงจะหยุดยั้งการคุกคามในครั้งนี้กันได้นะ"
"สรุปคือ หลังจากนี้เราจะเน้นการสู้ด้วยโมบิลลอยด์กันสิน่ะ" ฟิเกซบอก
คลอเวฟกล่าว "แต่ เราจะสู้ในเขตป่าได้เลยหรือ ทั้งๆที่เจ้าถิ่นไม่ยอมให้ต้นไม้ถูกเหยียบย้ำไปมากกว่านี้เลยน่ะ"
"วางใจได้ เพราะเราเตรียมแผนการนี้ไว้ในช่วงที่พวกนายออกปฏิบัติการณ์ภาคพื้นกันอยู่นะสิ" บริคซ์กล่าว
โฟรซ่าบอก "แต่อย่างน้อยเราก็ประมาทสตาร์ทรูปเปอร์ของจังกรอลกันไม่ได้อยู่น่ะ เพราะนอกจากหุ่นมีขนาดเตี้ยกว่าโมบิลลอยด์และวอร์บอทแล้ว เขตป่าทึบนั้นยังช่วยกำบังการมองเห็นของพวกสตาร์ทรูปเปอร์กันไว้ จนเราอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบกันเลยน่ะ"
"เรื่องนี้ฉันถามเฟลิคเอาไว้แล้ว ซึ่งเราต้องใช้ทั้งภาคพื้นและภาคอากาศรับมือกับพวกศัตรูไปพร้อมกันนี้แหละ" มาสวาร์ทาร์บอก
ไซโคลเนียกล่าว "แต่นายบอกเองมิใช่หรือ ว่าฝ่ายศัตรูใช้พลต่อสู้อากาศยานโต้ตอบกันไว้ แถมในเขตป่าเองก็มีกับดักวางไว้ด้วยน่ะ"
"ถ้าเป็นเรื่องนั้น หัวหน้าโอ็คเครมจะส่งคนไปดูลาดเลาและเช็คพื้นที่ฝ่ายตรงข้ามไว้ แม้จะสุ่มเสี่ยงกับการที่ฝ่ายตรงข้ามจัดการทิ้งไปเลยก็ตาม อย่างน้อยเราก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อนน่ะ" มาสวาร์ทาร์กล่าว "ส่วนเรื่องการโต้ตอบขีปนาวุธนั้น แผนเดิม คือให้แอนเดรียกางบาเรียป้องกันขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานไว้ แต่ แอนเดรียออกภาคสนามไม่ได้ ภาระเลยต้องตกอยู่กับมิลด์และเมดิน่า ในการทำหน้าที่รับมือกับขีปนาวุธเอาไว้น่ะ"
เบติสบอก "และฉันคงออกรบไม่ได้เลยสิน่ะ"
"ลุงเบติสก็ลงสนามได้อยู่แล้วนะครับ เพียงแต่ ถ้าจะใช้เมลเบิร์นทอชเชอร์ ก็ต้องยิงขึ้นภาคอากาศเท่านั้น เพราะความร้อนจากอาวุธดังกล่าวอาจจะจุดไฟเผาต้นไม้จนก่อไฟป่ากันได้นะครับ" เนคมาดูซัมกล่าว
บริคซ์บอก "อย่างน้อยก็ช่วยกันมิให้เราโดนผู้นำของดาวดวงนี้ รวมถึงตัวหัวหน้าต่อว่ากันได้นี้แหละ"
"แล้วแผนของฝ่ายยูเนี่ยนพีชล่ะ" วิลด้าบอก แล้วมาสวาร์ทาร์กับพีวิลก็อธิบายแผนการของฝั่งโคเซวิค เพื่อให้ทุกๆคนชี้แจงกับพวกไทรเมร่าและลูกทีมที่เหลือเอาไว้ จนทุกๆคนออกจากห้องประชุมสมาชิกตัวหลักไปแล้ว
เว้นแต่... "ขอคุยด้วยมั้ยละ ลิเนียร์ตี้" เนคมาดูซัมเรียกลิเนียร์ตี้ที่กำลังเดินออกจากห้องให้อยู่ก่อน
"ถ้าจะคุยเรื่องแอนเดรียละก็ เธอไม่เป็นไรอยู่แล้วละน่า" ลิเนียร์ตี้กล่าว
เนคมาดูซัมเคาะมุมโต๊ะ "ครืดดด แกร็ก" เพื่อปิดประตูเอาไว้ "เรื่องแอนเดรียนั้น เราเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยกันแล้วจริง แต่...." เนคมาดูซัมกล่าว "....เรื่องที่เธอรู้ว่าแอนเดรียเป็นมิวแทนอยด์อันตรายนั้น เธอกับสเปียริทพึ่งจะเจอเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับพวกเรา แต่เธอกลับพูดห้ามมาสวาร์ทาร์ไม่ให้ฆ่าแอนเดรียนั้น เธอพูดจากใจจริงหรือเปล่าละ"
"เนคมาดูซัม แอนเดรียเป็นเพื่อนของฉัน แล้วก็ของพวกเรากันน่ะ ถ้าเกิดว่าเราตนใดตนหนึ่งคิดจะกำจัดเธอ ต่อให้มีเหตุผลที่จำเป็น ฉันเองก็ยอมให้ไม่ได้เช่นกันน่ะ" ลิเนียร์ตี้บอก
เนคมาดูซัมบอก "มันก็จริงอยู่น่ะ ที่มาสวาร์ทาร์ฉลาดมากขนาดนั้น ก็น่าจะมีหนทางที่ดีกว่านี้บ้าง ในการช่วยแอนเดรียไว้ เป็นฉันเองก็คงพูดเหมือนกับที่เธอว่ามานี้แหละ" แล้วก็บอก "แต่นั้นเป็นครึ่งเดียวจากความเห็นของเธอเลยสิน่ะ เพราะอีกครึ่งนั้น....คงมาจากคุณโฮร่าโพลก้าละสิ"
"เออ นี้นายรู้ด้วยหรือ นายคงจะไม่ได้ยินฉันติดต่อผ่านโทรจิตกับท่านโฮราโพลก้าละสิ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
เนคมาดูซัมบอก "เธอลืมไปแล้วหรือ ลิเนียร์ตี้ ว่าคุณโฮร่าโพลก้าและเหล่าเพรแครกิสอพยพเข้าเขตอวกาศภาคกลางมาเมื่อ 3 ปีก่อน โดยตอนนี้พวกเราอยู่ในเขตอวกาศเดียวกัน จึงทำให้คุณโฮร่าโพลก้าสามารถติดต่อกับเธอได้ แน่นอน ว่ารวมถึงการบอกใบ้บางอย่างที่เราคาดไม่ถึงกันอีกด้วยน่ะ"
"แล้วนายกลัวว่าฉันจะถูกดึงออกจากภารกิจกลางคันอย่างงั้นสิ" ลิเนียร์ตี้บอก
เนคมาดูซัมกล่าว "ถ้าทำเช่นนั้นจริง เนคกี้ เนคกัสหรือแอมเบอร์ต้องมาฟ้องฉันไปนานแล้ว แต่นี้ผ่านไปหลายวัน เธอยังอยู่ในยานเหมือนเช่นเดิมแบบนี้ แปลว่า คุณโฮราโพลก้าเองก็ไม่อยากให้ใครตามเจอเธอและพวกกันอยู่น่ะ" แล้วก็บอก "เพราะเธอพึ่งจะโดนแอนเดรียกลายร่างเล่นงานมามาดๆ แล้วอยู่ๆมาพูดแก้ต่างให้แอนเดรียและขัดมาสวาร์ทาร์กันนั้น ถ้าไม่เพราะว่าเธอรู้เรื่องบางอย่างมาก่อนหน้า และนึกขึ้นมาได้พอดีนะสิ"
"นึกแล้วเชียวว่านายต้องรู้เรื่องนี้จนได้สิน่า" ลิเนียร์ตี้พูดถอนใจขึ้นมา "ที่จริงแล้ว ท่านโฮราโพลก้าบอกให้ฉันรับกับความเป็นจริงที่อาจจะเกิดขึ้นมา ซึ่งไม่เจาะจงว่าเป็นแอนเดรียเลย เพราะเดิม ฉันก็เหมือนกับพวกนายที่ไม่รู้ว่าแอนเดรียมีด้านมืดที่น่ากลัวกันไว้น่ะ"
เนคมาดูซัมบอก "แต่พอเธอประสบมากับตัว เลยรู้ว่านั้นเป็นสิ่งที่โฮราโพลก้าคอยเตือนไว้เลยสิน่ะ"
"ใช่ แม้นั้นจะทำให้ฉันกับสเปียริทเกือบตายไปเลยก็ตาม แต่พอรู้ว่าแอนเดรียไม่รู้เลยว่าเธอทำอะไรไปนั้น ฉันจำเป็นต้องพูดเพื่อปกป้องแอนเดรียกันไว้ อย่างน้อยก็เพื่อให้พวกเราหาทางช่วยแอนเดรียกันได้นี้แหละ" ลิเนียร์ตี้พยักหน้าและอธิบาย
เนคมาดูซัมบอก "แล้วถ้าคุณโฮราโพลก้าไม่มาบอกนิ เธอยังจะพูดเช่นนี้อยู่หรือเปล่าละ ลิเนียร์ตี้"
"ก็ต้องพูดอยู่แล้วละ เพราะนายเคยพูดเสมอเลยนิ ว่าปัญหาของพวกเราตนใดตนหนึ่งก็คือปัญหาของพวกเราทั้งหมด ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง แล้วปล่อยให้แอนเดรียถูกมาสวาร์ทาร์ฆ่าตายขึ้นมา ฉันก็ต้องรู้สึกผิดที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเพื่อเป็นการช่วยแอนเดรียไปอีกนานเลยละ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
เนคมาดูซัมพยักหน้า "ดีแล้วละ เพราะถึงเธอไม่พูด ฉันก็ต้องออกตัวเบรคมาสวาร์ทาร์ไว้ก่อน แม้ว่าเรื่องของแอนเดรียนั้นอาจจะแก้ไขไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเราไม่ทำอะไรสักอย่างกันสักหน่อยนิ" แล้วก็บอก "สำคัญในตอนนี้คือ เราต้องโฟกัสไปที่ภารกิจหลักกันในตอนนี้เสียก่อนน่ะ"
"เออ แอมเบอร์ คงไม่คิดจะแอบเอาเรื่องนี้ไปโพทะนากันใช่มั้ยละ" ลิเนียร์ตี้กล่าว
แอมเบอร์บอก "เกรงว่าคงจะไม่ใช่เลยนะคะ" แล้วก็เปิดประตูออก "เหวอๆๆๆๆๆๆ" จิล ไซโคลเนีย และเจเนลที่ยืนพิงกับประตูก็ล้มอย่างจังๆ โดยที่เห็นพีวิล มาสวาร์ทาร์ คลอเวฟ สเปียริท สเตฟอร์ด โฟรซ่า ฟิเกซ จายด์ พลัสเชอริท แอบไบออส เบติส และวิลด้ายืนอยู่ด้วย
"เจ็บๆ แอมเบอร์ เธอไม่น่ารีบเปิดประตูเลยน่ะ" จิลบอก โดยที่รีบลุกพร้อมกับไซโคลเนียและเจเนล
เนคมาดูซัมบอก "นึกว่าพวกนายกับลุงและป้าจะออกไปแล้วเสียอีกน่ะ"
"ทำไงได้ละ พอเราเห็นว่าลิเนียร์ตี้ไม่ได้ออกมา เลยคิดว่านายในฐานะหัวหน้าใหญ่คงจะกักตัวเธอ แล้วก็...." โฟรซ่าบอก
ลิเนียร์ตี้กล่าว "ไม่เอาน่า คุณโฟรซ่า เนคมาดูซัมแค่เรียกมาคุยเรื่องที่ฉันพูดแก้ต่างให้กับแอนเดรียก็เท่านั้นเองน่ะ ไม่ได้คิดมีอะไรกันตามที่พวกเราบางตนคิดกันไปได้หรอกน่ะ"
"งั้นหรือ ว้า นึกว่าหัวหน้าใหญ่ของกองรบเราจะ........กับไอดอลเลิฟลี่แองเจิ้ลกันในห้องประชุมของพวกเรากันเสียอีกน่ะ" คลอเวฟบอก
มาสวาร์ทาร์เลยตบหลังหัวคลอเวฟไปทีหนึ่ง "ดีแล้วละ ที่นายกับลิเนียร์ตี้ไม่ฝ่าฝืนกฎข้อที่ 13 กันเสียก่อนน่ะ"
"ฉันไม่คิดทำผิดกฎเหมือนนายกันหรอกน่ะ มาส อีกอย่าง ฉันเองก็รู้ดี ว่ายังไม่เหมาะที่จะมาทำอะไรบ้าๆกันไว้น่ะ" เนคมาดูซัมบอก
เบติสกล่าว "ดีแล้วละ ที่เธอคิดเช่นนั้นไว้จริงๆน่ะ เนคเกอร์ เพราะในช่วงที่ฉันกับวิลด้าอยู่ในกองทัพนั้น ฉันเจอเคสแบบเธออยู่เยอะ ซึ่งส่วนมากก็ลงเอยไม่สวยกันทั้งนั้น ยิ่งเธอกับลิเนียร์ตี้เป็นแมนิเกเตอร์ไทป์ต่อสู้กันด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เราเป็นห่วงมากกว่าเดิมน่ะ"
"และหวังว่าเธอสองตนคงจะรู้น่ะ ว่าการชิงสุกก่อนห่ามในเวลานี้มันไม่ดีเสียเลย ซึ่งพวกเธอคงไม่ซ้ำรอยเดิมเมื่อ 3 ปีก่อนกันเลยน่ะ" วิลด้าบอก
ลิเนียร์ตี้กล่าว "คะ คุณวิลด้า ยิ่งในตอนนี้ที่เรามีภัยคุกคามกันด้วยแล้ว ยิ่งไม่ใช่เวลามาทำแบบนี้กันเลยนะคะ"
"ในเมื่อเธอคิดเช่นนั้นได้ ฉันก็วางใจได้แล้วละ ลิเนียร์ตี้" โฟรซ่าบอก ลิเนียร์ตี้พยักหน้า
เนคมาดูซัมบอก "เออ เราต้องมีตำหนิเรื่องแอบฟังกันหน่อยแล้วละ เดียวลูกทีมระดับล่างจะคล้อยตามไปด้วยน่ะ"
"คงยากวะ เพราะลูกทีมส่วนมาก เป็นพวกสู่รู้เรื่องชาวบ้านด้วยกันทั้งนั้นน่ะ" คลอเวฟบอก
สเปียริทกล่าว "รวมถึงนายด้วยสิน่ะ นายบื้อ ไม่แปลกใจเลย ที่นายเห็นด้วยกับเนคมาดูซัมในเรื่องมาสวาร์ทาร์นั้นน่ะ"
"ตอนนี้ เราหยุดเรื่องไม่เป็นเรื่องไปก่อน แล้วมาโฟกัสเรื่องภารกิจหลักจะดีกว่าน่ะ" พีวิลบอก
สเตฟอร์ดพยักหน้า "เพราะพวกศัตรูมันเอาจริงขึ้นมาแล้ว ดังนั้น พวกเราต้องช่วยพวกยูเนี่ยนพีชหยุดยั้งฝ่ายจังกรอลให้ได้เสียก่อนน่ะ"
"งั้น พวกเราแยกย้ายกลับไปพักก่อน พรุ่งนี้เราจะเรียกสมาชิกในยานมาวางแผนกันเดียวนั้นแหละ" เนคมาดูซัมบอก
มาสวาร์ทาร์กล่าว "ได้อยู่แล้วละ แอมเบอร์ ช่วยเรียกพวกเราตอน 6 โมงเช้าด้วยละ" แอมเบอร์พยักหน้าขึ้นมา จากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกลับไปพักตามเดิม
ต่อช่วงที่ 2 เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น