ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Wanderer

    ลำดับตอนที่ #1 : สมาคมนักเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 54


                    สมาคมนักเดินทาง
                    “ฮากี้!!!! ตื่นได้แล้วจะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง” เสียงหญิงสาวคนร้องเรียก เด็กหนุ่มผมสีดำ หน้าตาคมเข้นที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนอย่างมีความสุข
                    “ตื่นแล้วๆ แง่มๆ” เด็กหนุ่มบนเตียงตอบอย่างงัวเงีย
                    “รีบอาบน้ำแต่งตัวซะ วันนี้เป็นวันแรกที่เจ้าต้องไปสอบคัดเลือกสมาคมนักเดินทางไม่ใช่เหรอ” เสียหญิงคนเดิมตะโกนต่อ
                    “จริงสิ ลืมไปเลย ขอบคุณมากครับ มาลี” ฮากี้รีบตอบและลุกขึ้นทำภารกิจส่วนตัวด้วยความเร็วไวก่อนจะวิ่งลงบรรไดจากห้องข้างบนลงมาสู่ห้องโถงด้านล่าง
                    “มาลี มีอะไร ง่ายๆให้กินบ้างมั้ย” ฮากี้ตะโกนถามทันทีที่มาถึงโต๊ะอาหาร
                    “ขนมปังที่วางไว้ที่โต๊ะ แล้วก็นมในเหยือก จัดการเองเลย ” เสียงมาลีตอบกลับมาจากข้างหลังบ้าน
                    ฮากี้หยิบขนมปังที่วางไว้ในจานสีเหลืองสดกลางโต๊ะอาหาร ใส่ปากอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่คำ ขนมปังก้อนใหญ่ก็หายไปในพริบตาเดียว เขายังรีบเดินไปหยิบนมเหยือกใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารยกดื่มโดยไม่เทใส่แก้ว
                    “มาลี ขอบคุณมากนะ ข้าไปก่อนนะสายแล้ว” ฮากี้ตะโกนบอก
                    “เดี๋ยวสิ เอานี่ไปด้วย” เสียงของมาลีดังมาจาก หลังบ้าน ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งเข้ามา ค้นของในลิ้นชักโต๊ะของเธอ แล้วหยิบกล่องสีดำใบเล็กๆ เอามาใส่มือ ของฮากี้ไว้
                    “พี่รอเวลาที่จะให้เจ้ามา 16 ปี ในที่สุด ของสิ่งนี้มันก็ควรเป็นของเจ้า มันเคยเป็นของพ่อมาก่อน ถือซะว่านี่เป็นเครื่องรางทำให้เจ้าผ่านการคัดเลือกครั้งนี้ก็แล้วกัน” มาลีกอดฮากี้ไว้ก่อนจะจูบที่หน้าผากหนึ่งที
                    “โถ่มาลี ข้าไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” ฮากี้ดันมาลีออกพร้อมกับถูหน้าผากด้วยอาการเขินๆ
                    “ข้ารู้ ไปได้แล้ว จะสายแล้วเนี่ย ขอให้โชคดี ข้าจะรอฟังข่าวดีที่นี่นะ” มาลีตบบ่าฮากี้เบาๆ ฮากี้พยักหน้าและยิ้มให้ก่อนจะวิ่งออกมาทางหน้าบ้านที่เป็นร้านขายดอกไม้
                    ฮากี้รีบวิ่งผ่านย่านตลาดกลางเมือง ซึ่งเป็นบริเวณของฮากี้เอง เขารีบตรงไปที่สมาคมนักเดินทาง เพื่อจะไปเข้ารับการคัดเลือกเข้าเป็น The Wanderer ฮากี้วิ่งมาจนถึงบริเวณที่เด็กหนุ่มสาวมากมายยืนรวมกลุ่มกันอยู่หน้ารั้วสูงที่ก่อด้วยหินทรายสีขาว และมีประตูทางเข้าขนาดใหญ่ที่ทำจากเหล็กกล้าที่มันเงา และข้างบนประตูทางเข้านั้นที่มี ตัวอักษรขนาดใหญ่ที่แกะด้วยหินสีดำ เขียนว่า สมาคมนักเดินทาง และมีตราสัญลักษณ์เป็นรูปกรงจักห้าแฉก และมีตัว w อยู่ตรงกลางของกรงจักร
                    ฮากี้ยืนมองประตูอย่างตื่นเต้น ในมือเขากำกล่องที่มาลีเพิ่งให้เขาแน่นขึ้น ความคิดในใจตอนนี้เขารู้สึกอยากจะเป็น เดอะ แวนเดอร์เรอร์ เพื่อตามรอยพ่อของเขา หลังจากที่หลงอยู่ในภวังค์จู่ๆ เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กหนุ่มสาวก็เงียบลงและทุกๆก็เงยหน้าขึ้นไปมองเหนือป้ายสมาคมนักเดินทาง ฮากี้ก็มองตามขึ้นไปเช่นกัน เขาพบเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่อายุไม่น่าจะเกิน 12 ปี มัดผมแกะ แต่งตัวดูชุดกระโปรงบานลูกไม้สีแสดตัดกับสีบานเย็น
                    “สวัสดีผู้ที่ต้องการเข้ารับคัดเลือกเพื่อเป็นเดอะแวนเดอร์เรอร์ในครั้งนี้เจ้าค่ะข้าน้อยชื่อ มินจี้ เจ้าค่ะเป็นผู้ประชาสัมพันธ์และดำเนินการคัดเลือก เดอะแวนเดอร์เรอร์ในครั้งนี้เจ้าค่ะ ซึ่งโดยธรรมเนียมที่ทุกท่านรู้กันแล้ว การคัดเลือกจะเกิดขึ้นทุกๆ 5 ปี หรือถ้าจำนวนเดอะ แวนเดอร์เรอร์ของเราลดน้อยลงมากกว่าปกติ แต่ในปีนี้เป็นการคัดเลือกรุ่นที่ 15 แล้ว นะเจ้าคะ ยินดีตอนรับทุกๆท่านเลยเจ้าค่ะ ก่อนอื่น ขอให้ทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม ต่อจากนี้ไป จะเป็นการทดสอบด่านแรกเจ้าค่ะ นั้นคือการสอบข้อเขียนเจ้าค่ะ ให้เวลาทำ 1 ชั่วโมงนะเจ้าคะ ตั้งใจทำนะเจ้าค่ะ เพราะข้อสอบนี้ จะเป็นคะแนนที่จะวัด หน่วยที่ท่านต้องการเข้าเจ้าค่ะ โดนเกณฑ์การคัดเลือก จะเลือกจากผู้ที่มีคะแนนผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด จากนั้น ค่อยให้ผู้ที่เข้าคัดเลือก เลือกยื่นคะแนนเข้าหน่วยที่ท่านต้องการนะเจ้าคะ ซึ่งกรรมการและหัวหน้าของหน่วยแต่ละหน่วยก็จะมีเกณฑ์การทดสอบขั้นต่อไปเจ้าค่ะ ส่วนมีหน่วยอะไรบ้างนั้น มินจี้ จะชี้แจงอีกรอบในการประกาศผลผู้สอบผ่านนะเจ้าคะ ฉะนั้นขอให้ทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อมนะเจ้าค่ะ มินจี้จะเริ่มนับถอยหลังแล้วนะเจ้าค่ะ 5 4 3 2 1 เริ่มการสอบคัดเลิก เดอะแวนเดอร์เรอร์ของสมาคมนักเดินทางครั้งที่ 15 เจ้าคร้า!!!!” สิ้นเสียงเด็กน้อยที่ชื่อมินจี้ ประตูเหล็กก็เปิดออก ผู้คนหนุ่มสาวต่างกรูกันเข้าไปยังภายใน ฮากี้ก็คือหนึ่งในนั้น ที่พยายามเบียดเสียดที่จะเข้าไปรับการทดสอบ
                    “โธ่เอ้ย จะแย่งกันเข้าไปทำไม เดี๋ยวก็ได้สอบกันทุกคนอยู่แล้ว” เสียงหญิงสาวบ่นพึมพำอยู่ข้างหลังฮากี้ ฮากี้หันกลับไปมอง ก็พบ หญิงสาวสูงเท่าๆกับฮากี้ สวมผ้าคลุมสีน้ำตาลอ่อน เสื้อสีฟ้าและกางเกงขายาวสีดำ ฮากี้ไม่สามารถมองเห็นหน้าเธอได้ เพราะมีหนังสือเล่มหนาปิดหน้าเธออยู่ตอนนี้ แต่ฮากี้ก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาหันกลับมาเดินเบียดเสียดกับผู้คนเพื่อเข้าไปรับการทดสอบข้างใน เมื่อฮากี้ผ่านประตูรั้วเข้ามาเขาก็พบกับสนามหญ้าขนาดใหญ่และ น้ำพุที่มีรูปคนห้าคนยืนอยู่ แต่ฮากี้ไม่ทันจะได้มองเก็บรายละเอียดเข้าก็ถูกฝูงชนดันเข้าไปในห้องโถงใหญ่ภายใน ปราสาทขนาดยัก เข้าพบ โต๊ะเล็กๆมากมายวางอยู่ บางโต๊ะมีคนนั่งจับจองเรียบร้อยแล้ว อย่างที่เธอคนนั้นว่าจริงๆ ห้องนี้ กว้างมาก พอที่จะให้ผู้คนทั้งเมืองมานั่งสอบด้วยก็ยังได้
                    ฮากี้ค่อยๆเดินเข้าไปในห้อง เข้าพบว่าแต่ละโต๊ะนั้นมีสีของกระดาษข้อสอบที่แตกต่างกัน ฮากี้คิดว่าคงเป็นการป้องกันการลอกข้อสอบ เขาจึงเดินไปยังโต๊ะริมหน้าต่างที่ถูกปิดด้วยผ้าม่ายสีขาว เขาค่อยๆนั่งลง และมองแผ่นกระดาษสีแดงบนโต๊ะอย่างตั้งใจ ภายในใจเขานั้นดั่งมีไฟที่ลุกขึ้นมาดั่งกับสีกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้า ฮากี้ ค่อยๆ หยิบปากกาที่วางไว้ข้างๆข้อสอบขึ้นมา เขาเริ่มอ่านข้อสอบข้อแรก ที่ถามถึงประวัติทั่วไปของสมาคม เขาค่อยๆเขียนลงไปตามความรู้ที่เค้าได้ฟังและหามา ฮากี้ตั้งใจทำข้อสอบอย่างตั้งใจ ในระหว่างที่เขากำลังเขียนข้อสุดท้ายอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกจับความเครื่องไหวบางอย่างภายในห้องได้
                    “ขออนุญาตค่ะ ดีฉันทำเสร็จแล้ว” เสียงหญิงสาวที่คุ้นหูดังขึ้น ฮากี้หันไปมอง เขาพบ หญิงสาวที่นั่งยกมือ เธอมีผมสีน้ำตาลอ่อน มันรวบอย่างหลวมๆไว้ด้านหลังหน้าตาน่ารัก เธอนั่งห่างจาเขาไปสองแถว ผู้คุมที่เดินอยู่ใกล้ที่สุด เดินเข้าไปหาเธอ จากนั้นก็หยิบกระดาษสีฟ้าสดใสของเธอขึ้นมา ผู้คุมยืนอ่านกระดาษของเธอสักพัก ก่อนจะหยิบ ไม้เท้าสีน้ำตาลออกมาจากผ้าคุมสีดำ เขายกไม้เท้าขึ้น เกิดแสงสีฟ้าที่หัวไม้เท้า เขาเคาะไปที่กระดาษ แสงสีฟ้าวิ่งกระจายไปทั่วแผ่น
                    “ยินดีด้วยสาวน้อย เธอสอบผ่าน” ผู้คุมการทดสอบบอกและยื่นกระดาษให้เธอ เธอคนนั้นยิ้มให้และรับกระดาษมา
                    “เชิญไปรอที่ห้องรับรอง ทางด้วนนั้นครับ” ผู้คุมการทดสอบบอกเธอ และชี้ไปยังประตูไม้ขนาดใหญ่ที่หน้าห้องโถง
                    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวตอบก่อนจะลุกเดินตรงไปยังประตู เมื่อฮากี้ได้เห็นชุดของเธอ เขาก็จำได้ว่า เธอคือเด็กสาวที่ยืนบ่นข้างหลังเขานั้นเอง
                    “จะไม่ทำข้อสอบของตัวเองเหรอจ๊ะพ่อหนุ่มน้อย” เสียงหญิงสาวดังมาจากข้างหลังของฮากี้ เขาหันไปเจอกับ ผู้คุมการทดสอบผู้หญิง คุมผ้าคุมสีดำ เธอใส่แว่นรูปเหลี่ยมแปลกๆ ผมสีบลอนมันรวบตึง ไว้หลังหัว
                    “ครับๆ จะเสร็จแล้วครับ” ฮากี้ตอบและหันมาสนใจกับข้อสอบ เขาเขียนต่ออย่างรวดเร็ว
                    “เสร็จแล้วครับ/เสร็จแล้วครับ!!!” เสียงของฮากี้ดังดังขึ้นทันทีที่เขาเขียนตัวสุดท้ายเสร็จ พร้อมทั้งเสียงของอีกหลายๆ คนหนึ่งในนั้น คือคนที่นั่งข้างๆ เขา เป็นเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันกับฮากี้ เขาใส่เสื้อคลุมยาวเก่าๆ แว่นตาหนาๆ ผมสีนำตาลแดง เขาหันมามองฮากี้และยิ้มให้ ก่อนที่ผู้คุมจะเดินมาหาเขา และผู้คุมการทดสอบ คนที่เพิ่งเตือนฮากี้ก็เดินกลับมาที่โต๊ะของฮากี้เพื่อตรวจข้อสอบ
                    “เสียใจด้วย ค่ะ คุณสอบไม่ผ่าน นะคะ เชิญใหม่ครั้งต่อไปนะคะ” เสียงผู้คุมบอกกับผู้เข้าทดสอบถัดไปข้างหลังของฮากี้ 5 คน เขาเดินคอตกกลับไปด้านหลังห้องโถง ฮาก้หันกลับมามองกระดาษของเขาอย่างตื่นเต้น ผู้คุม ที่มาตรวจฮากี้นั้น ล้วงเข้าไปหยิบไม้เท้า สีเงินแวววาว หัวเป็นลูกแก้วสีเขียวสดใส ข้างๆ ก็มปีกสีเงินแววาวประดับอยู่ ลูกแก้วนั้นส่องแสงเป็นสีแดงสด เธอแตะไม้เท้ากับกระดาษของฮากี้ ตอนนี้หัวใจของฮากี้เต้นไม่เป็นจังหวะ เขามองผ่านด้านหลังของแผ่นกระดาษ ตัวอังษรที่เขาเขียน เรืองแสงเป็นสีทอง และวิ่งไปวิ่งมามั่วกันไปทั่วกระดาษ ก่อนจะมารวมกันใหม่เป็นตัวหนังสือสวยๆ และตารางบอกคะแนน  ผู้คุมมองหน้าฮากี้ และมองกระดาษสลับกัน ก่อนจะจ้องที่หน้าของฮากี้ ตอนนี้หัวใจของฮากี้ เริ่มเต้นรัว ท้องปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก
                    “ยินดีด้วยจะ เธอสอบผ่าน เชิญประตูด้านหน้าเลย” ผู้คุมพูดและยิ้มให้ก่อนจะชี้ไปยังประตูข้างหน้า และยื่นกระดาษมาให้ เขามองกระดาษที่เขารับมา มันมีตารางที่มีตัวเลขเขียนอยู่ ซึ่งแบ่งคะแนนเป็นด้านต่างๆ
     
     
    ระดับสติปัญญา 62 %
    ระดับพละกำลัง 93 %
    ระดับความคล่องตัว 72 %
    ระดับความแม่นยำ 80 %
    ระดับพลังเวทย์ 80 %
    รวม 387 % ผ่าน
                    ฮากี้ค่อยๆลุกขึ้นและเดินไปยังห้องข้างหน้าอย่างดีใจ ตอนนี้หัวใจเขาพองโต และดีใจเกินกว่าที่เขาจะพูดออกมาได้ ในระหว่างที่เขาเดินไปยังประตูไม้บานใหญ่ข้างหน้า ผู้คุมการทดสอบที่ดูจะเพิ่มขึ้น เริ่มเดินตรวจข้อสอบ บางคนก็เดินามเขามาบางคนก็ต้องเดินกลับออกไป แต่ตอนนี้ เขาไม่มีเวลามาสงสารใคร เพราะในใจเขานั้นเต็มไปด้วยความดีใจอย่างเปี่ยมล้น
                    เมื่อฮากี้เดินมาถึงประตูเขาค่อยๆ ผลักประตูเปิดออก เขาพบเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่วางเรียงรายกันอยู่และ พบคนนั่งประจำที่แล้ว 7-8 คน เขามองไปที่หญิงสาวที่ตอนนี้มีหนังสือมาบดบังใบหน้าเธออีกครั้ง เขาเดินไป ยังเก้าอี้ตัวถัดจากเด็กหนุ่มคนนึง ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นคนที่นั่งสอบข้างๆเขานั้นเอง
                    “สวัสดี” เด็กหนุ่มคนนั้นทักทาย
                    “หวัดดีๆ” ฮากี้ทันตอบเขายิ้มให้และนั่งลงข้างๆ
                    “เราชื่อ โทนี่ นะ” เด็กหนุ่มคนนั้นแนะนำตัว
                    “ข้า ฮากี้ ยินดีที่รู้จัก” ฮากี้แนะนำตัวกลับ
                    “นายโชคดีมากเลย ที่ได้ตรวจข้อสอบกับท่าน มาริเอต้า” โทนี่พูดขึ้นหลังจากที่ฮากี้แนะนำตัว ฮาก้รู้สึกงงเล็กน้อย และมองหน้าของโทนี่
                    “ใครคือมาริเอต้า” ฮากี้ถามกลับ
                    “นี่นายอย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก หัวหน้าหน่วย นักปราชญ์ แห่งสมาคม นักเดินทาง ท่านมาริเอต้า นที่ตรวจข้อสอบให้นายหละ เขาว่ากันว่า ลูกแก้วที่หัวไม้เท้าของเธอทำมาจาก ศิลาพิเศษที่มีชิ้นเดียวในโลก หละ” โทนี่เล่าต่อ
                    “ละ ละ เหรอ ว้าว สุดยอดเลย” ฮากี้ตอบอย่าง งงๆแต่เขาก็ดีใจนิดๆ ที่ได้สนทนากับ หัวหน้าหน่วยตั้งแต่ได้เข้ามาครั้งแรก
                    “ตื่นเต้นจัง” โทนี่พูดต่อและมองมาที่ฮากี้
                    “อื้ม ใช่ๆ ” ฮากี้ตอบกลับ เขาเองก็ไม่รู้จะชวนสนทนาต่อในเรื่องอะไร
                    “นายคิดว่านายจะเข้าหน่วยไหนเหรอ จะว่าอะไรมั้ยถ้าเราของดูใบคะแนนของนาย” โทนี่พูดต่อและมองไปที่กระดาษสีแดงที่ฮากี้ถืออยู่
                    “ได้สิๆ” ฮากี้ตอบและส่งกระดาษให้โทนี่
                    “ว้าว!!! ระดับพละกำลังนายสูงมาก ของเดาว่า นายต้องอยู่หน่วยอัศวิน แน่ๆ เลย” โทนี่พูดและมองหน้าฮากี้อย่างอึ้งๆ “ของเราได้แค่ 54 % เอง”
                    “อื้ม ข้าก็คิดไว้เหมือนกัน แต่พ่อของข้างอยู่หน่วยช่าง เขาเป็น นักตีดาบหละ” ฮากี้ตอบ
                    “ว้าว!!! เจ๋งไปเลย” โทนี่พูดเสียงสูงและทำตาโต “เรานะเป็นคนแรกของครอบครัวหละ ที่เข้าสมาคมนักเดินทางได้” โทนี่ตอบยิ้มๆ “เราเลยยังไม่แน่ใจว่าเราจะเลือก หน่วยอะไรดี รอฟังระดับคะแนนก่อนดีกว่า” โทนี่พูด
                    สักพัก ห้องที่ฮากี้และโทนี่นั่งอยู่นั้นก็เต็ม ประตูสีทองอีกบานท่อยู่ข้างหน้าห้องนี้ได้เปิดออก มินจี้ ที่เป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือกได้เดินเข้ามา และมายืนข้างหน้าตรงกลางห้อง
                    “ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่สอบผ่านทุกคนนะเจ้าคะ ต่อไปจะเป็นการชี้แจงต่างๆ อย่างละเอียดเจ้าค่ะ สำหรับผู้ที่เข้ามาสอบคงจะสงสัยนะเจ้าคะว่าทำไม คะแนนข้อสอบถึงวัดเป็นด้านทางกายภาพได้ เนื่องจาก ปากกา หมึก และกระดาษที่เราจัดเตรียมไว้ให้นั้น เป็นอุปกรณ์ที่พัฒนามาจาก แผนก แอลเชอร์มิท สังกัดหน่วยช่างร่วมกับ แผนกเวทย์ สังกัดหน่วยปราชญ์เจ้าคะ พูดง่ายๆก็คือ ข้อสอบ บนกระดาษนั้นจะแปรผันตามความคิดเบื้องลึกของเรา ทำให้ทุกท่านรู้สึกว่าทำข้อสอบได้ เพื่อที่จะดึงเอาระดับความสามารถในด้านต่างๆ ออกมาได้ อย่างเต็มที่ พูดง่ายๆ ก็คือ ข้อสอบที่ทำลงไปไม่ได้มีผลต่อการสอบผ่าน แต่เป็นการวัดระดับความสามารถที่มีอยู่แล้วต่างหากเจ้าค่ะ” มินจี้เดินอธิบายอยู่ด้านหน้าไปมา “เอาละเจ้าค่ะ เข้าสู้การชี้แจงในหน่วยต่างๆ นะเจ้าค่ะ มินจี้จะขอเริ่มจากหน่วยปราชญ์ ก่อนเลยเจ้าค่ะ โดยหน่วยนี้เป็นหน่วยที่ศึกษาเกี่ยวกับพลังเวทย์ ซึ่งผู้ที่จะสามารถยื่นคะแนนเข้าได้นั้น ต้องมีระดับสติปัญญา มากว่า 75% ระดับพลังเวทย์ ไม่ต่ำกว่า 80 % และ ระดับความแม่นยำ ไม่ต่ำกว่า 60 % เจ้าค่ะ อ้อ ถ้าระดับความสามารถใดไม่ได้เอ่ยถึงคือไม่ได้นำมาพิจารณาแต่ โดยปกติแล้วทุกด้านของทุกคน ต่ำสุดจะไม่ต่ำกว่า 25 % นะเจ้าคะ ซึ่งผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปยื่นคะแนนและรอรับการทดสอบที่ประตู้สีฟ้านะเจ้าค่ะ” มินจี้แนะนำและชี้ไปที่ประตูสีฟ้าด้านข้างห้อง “ต่อไปสังกัดหน่วยแพทย์เจ้าค่ะ สำหรับหน่วยนี้ เป็นหน่วยเดียวที่ไม่มีแผนกย่อยเจ้าค่ะ ซึ่งผู้ที่ต้องการจะเข้าสังกัดหน่วยนี้ จะต้องมีระดับสติปัญญา มากกว่า 85% ระดับพลังเวทย์ไม่ต่ำกว่า 75% ระดับพละกำลังไม่ต่ำกว่า 50% และระดับความคล่องตัวไม่ต่ำกว่า 50% เจ้าค่ะ ผู้ที่สนใจนะเจ้าคะ สามารถเข้าไปยื่นใบสมัครได้ที่หลังประตูสีขาวบานนี้เจ้าค่ะ ” มินจี้แนะนำแล้วชี้ไปยังประตูบานที่ขาวที่อยู่ตรงข้ามประตูบานสีฟ้า “ต่อไปสังกัดหน่วยช่างเจ้าค่ะ สำหรับหน่วยนี้ ต้องการผู้ที่มีระดับสติปัญญาไม่ต่ำกว่า 60% ระดับพละกำลัง ไม่ต่ำกว่า 75% และระดับความแม่นยำไม่ต่ำกว่า 60% เจ้าค่ะ ผู้ที่สนใจหน่วยนี้สามารถยื่นใบสมัครได้ในห้องหลังประตูบานสีเหลืองนี้นะเจ้าคะ” มินจี้ชี้ไปที่ประตูที่อยู่ถัดจากประตูบานสีฟ้า “ส่วนสังกัดต่อไปคือ สังกัดหน่วยลับ เจ้าค่ะ สังกัดหน่วยลับนี้ต้องการผู้ที่มีระดับความคล่องตัวไม่ต่ำกว่า 90% ระดับความแม่นยำไม่ต่ำกว่า 80% เจ้าค่ะ ผู้ที่สนใจ สมัครได้ที่ห้องประตูสีดำ ด้านนั้นนะเจ้าคะ” มินจี้ชี้ไปที่ประตูสีดำถัดจากประตูสีขาว “อ้า!!! ถึงสังกัดหน่วยสุดท้ายแล้วนะเจ้าค่ะ คือสังกัดหน่วยอัศวินเจ้าค่ะ สังกัดหน่วยนี้ เกณฑ์พิจารณาจะเยอะกว่าสังกัดอื่นหน่อยนะเจ้าค่ะ คือ ระดับพละกำลัง ไม่ต่ำกว่า 80% ระดับความแม่นยำ ไม่ต่ำกว่า 80% ระดับความคล่องตัวไม่ต่ำกว่า 70% ระดับพลังเวทย์ไม่ต่ำกว่า 60 % เจ้าค่ะ ส่วนอีกด้านที่เหลือ เท่าไหร่ก็ได้เจ้าค่ะ ผู้ที่สนใจนะเจ้าคะ เชิญที่ประตูสีแดง ถัดจากประตูสี เหลือเลยนะเจ้าคะ” มินจี้ชี้ไปทางประตูที่อยู่ริมกลังสุด บานใหญ่และดูแข็งแรงที่สุด ซึ่งอยู่ถัดจากประตูอื่นๆ ไปห่างมาก
                    “เอาละเจ้าค่ะ คิดให้ดีนะเจ้าคะ เพราะเมื่อท่านเลือกแล้วท่านจะไม่สามารถเปลี่ยนสังกัดหน่วยของท่านได้นะเจ้าค่ะ และถ้าหากท่านเลือกสังกัดหน่วยแล้วไม่สามารถเรียนไหว ท่านก็จะถูกขับออกจาสมาคมนักเดินทางโดยทันทีเจ้าค่ะ” มินจี้หยุดพูดและยิ้มอยู่สักพัก
                    “และตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วนะเจ้าค่ะ ของต้อนรับแวนเดอร์เรอร์รุ่น 15 ทุกคนนะเจ้านะ และเชิญทุกท่านเลือกสังกัดที่ตนเองต้องการได้เจ้าค่ะ สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัย มาสอบถามได้ที่มินจี้และเจ้าหน้าที่ข้างหน้าห้องนี้นะเจ้าคะ ขอบคุณเจ้าค่ะ!!!” มินจี้พูด
                    ตอนนี้ฮากี้มองเห็นทุกคนในห้องเริ่มหันหน้าคุยกันซ้ายขวาและบางส่วนก็เริ่มเดินไปยังห้องที่ต้องการ ฮากี้มองเห็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อน ลุกข้นและเดินตรงไปห้องสีฟ้าอย่างไม่ลังเล และเธอก็หายลับไปหลังประตูสีฟ้าบานนั้น ฮากี้เองก็ได้สติและหันกลับมาสนใจตัวเองอีกครั้ง
                    “ฮากี้ ข้ารู้แล้วหละว่าจะอยู่สังกัดหน่วยไหนที่เหมาะกับข้าที่สุด ไปก่อนนะ ส่วนนายก็เลือกดีๆหละ เอาไวเจอกันนะ” โทนี่หันมาอำลาฮากี้ก่อนจะลุกเดินตรงไปยังประตูสีขาวและหายไปพร้อมๆกับกลุ่มคนที่เดินเข้าประตูนั้น
                    ฮากี้ค่อยลุกขึ้นและเดินอย่างลังเลไปหยุดอยู่ตรงกลางที่มองเห็นประตูสีเหลืองและสแดงได้อย่างชัดเจน ตอนนี้ภายในใจเขาสับสนมาก ใจหนึ่งก็อยากเข้าหน่วยช่างเพือเจริญรอยตามพ่อของเขา แต่อีกใจหนึ่งก็อยากเป็นอัศวินที่เขาใฝ่ฝันมานาน
                    “เลือกไม่ถูกเหรอ” เสียงชายวัยชราดังขึ้นข้างหลังเขา ฮากี้หันกับไปมองเขาพบชายชราที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีน้ำตาลยืนอยู่ข้างหลังเขา
                    “ครับผม คือผม......” ฮากี้ยังไม่ทันจะพูดจบ ชายชราก็จับมือเขามาไว้ที่หน้าอกของเขาเอง
                    “จงเลือกทางของเจ้า ตามหัวใจของเจ้า เพราะเจ้าเป็นเจ้า เจ้ามิได้เป็นใครอื่น” ชายชราพูดก่อนจะปล่อยมือของฮากี้ ฮากี้มองดูมือของตัวเอง เขาเริ่มกำมือแน่น ใช่สิยังไง เขาก็ได้เป็น เดอะแวนเดอร์เรอร์แล้ว เรื่องตามหาพ่อมันก็ไม่ยากแล้วหละ แต่พอเขาเงยหน้ากลับขึ้นมา ชายชราคนนั้นก็หายไป เขายืนงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองประตูทั้งสองบานอีกครั้ง เขาสูดหายใจเข้าให้เต็มปอดเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเองก่อนจะเดินตรงไปยังประตูบานใหญ่สีแดง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×