ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สามคนในห้องสี่เหลี่ยม [บทนำ]
บทนำ
ในห้องมืดสลัว มีโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวยาวกับเก้าอี้ที่วางอยู่สองฟาก หลอดไฟนีออนเป็นเพียงแสงสว่างเดียวซึ่งทอดตัวอยู่กลางโต๊ะ ส่วนรอบห้องนั้นมืดมิดจนมองไม่เห็นผนัง มองไม่เห็นประตูทางออก แต่นั่นไม่สำคัญ จะอย่างไร เธอก็ไม่มีวันออกจากที่นี่ได้
เธอที่ว่านั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ฟากหนึ่งของโต๊ะ แสงไฟสลัวต้องกับผมสีดำเงางามแซมด้วยสีฟ้าสดใส แต่บัดนี้กลับดูหม่นหมอง น้ำตาไหลรื้นอาบแก้ม ชุ่มชื้นไปทั้งคอเสื้อ อย่าว่าแต่ผนัง แค่บุคคลที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอก็ไม่สามารถจะมองเห็น
เธอพยายามพูด แต่ก็คล้ายกับส่งเสียงประหลาด มันเต็มไปด้วยก้อนสะอื้น เสียงก็เล็กแหลม “คุณทำทำกับพวกเราแบบนี้เหรอ”
“เธอหมายความว่าอย่างไร สาวน้อย เราทำตามขั้นตอนทางกฎหมายทุกประการอย่างถูกต้อง” ชายวัยฉกรรจ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามตอบกลับมา น้ำเสียงนั้นไร้ความเมตตาหรือสงสาร
“ไม่จริง!” สาวน้อยกรีดร้องสุดเสียง พร้อมกับสะอื้นไห้อีกพักใหญ่ ก่อนจะพยายามพูดอีกครั้ง “พวกคุณมันมันคุณทำกับเราแบบนี้ไม่ได้!”
“เราไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับเธอเลย อันที่จริง เธอต่างหากที่ทำผิด” ชายคนนั้นยังคงตอบกลับมาเหมือนเดิม คือไร้ความรู้สึกใดๆ สาวน้อยร้องไห้มากกว่าเดิม
“เธอควรทำตามคำแนะนำของเรา แล้วเธอจะพ้นผิด เราจะให้เธอกลายเป็นพยาน”
“ไม่มีทาง! ฉันไม่มีวันขายเพื่อนให้พวกคุณหรอก!” สาวน้อยผมฟ้าพยายามเบิกตากว้างมองดูชายใจร้ายตรงหน้า แต่เธอก็มองเห็นทุกอย่างมัวไปหมด เธอไร้เรี่ยวแรงจนไม่สามารถยกมือมาปาดน้ำตาได้
ชายคนนั้นยิ้มเย็นยะเยือก
“ฉันคิดว่า...เธอกำลังถูกเพื่อนขายอยู่ไม่ใช่เหรอ จากที่ฉันรู้มา ผู้ชายคนนั้น ที่เธอคร่ำครวญถึง เขาเองก็...“
“หยุดนะ!” แล้วสาวน้อยก็กรีดร้องเสียงแหลม เกือบเหมือนคนเสียสติ
เธอก็ตะโกนเสียงดังอย่างชัดเจนว่า
“คุณอย่าได้คิดก้าวก่ายเขาเป็นอันขาด!” คราวนี้สาวน้อยยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา มองผู้ชายอีกฟากของโต๊ะด้วยดวงตาหม่นหมอง เศร้าสร้อย แต่มุ่งมั่น “ฉันไม่ยอมให้คุณยัดข้อหาในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำแน่นอน ไม่มีวัน!”
อีกฝ่ายยังคงสงบ แต่คราวนี้น้ำเสียงที่พูดออกมาเหมือนกำลังสั่งสอนเด็กวัยหัดเดิน
“สาวน้อย ฉันไม่เคยยัดเยียดข้อหา นั่นมันผิดนะ ผิดมาก ผิดกฎหมาย ผิดจรรยาบรรณ ผิดหมดทุกอย่างเลย”
“เขาอยู่ที่ไหน” จู่ๆ เสียงของสาวน้อยก็แข็งกร้าวขึ้นมา ผู้ชายคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำให้ชายฉกรรจ์รู้ว่ามีผลกระทบต่อจิตใจของเธอมาก
“ถ้าเธอหมายถึงชายหนุ่มคนนั้นที่ชื่อโรล” สาวน้อยไม่พยายามปกปิดแววตาอยากรู้นั่นสักนิด เธอจ้องชายตรงหน้า เรื่องนี้ดูจะเป็นเรื่องที่เธออยากพูดถึงมากที่สุด แต่เขากลับตอบว่า
“ฉันเองก็ไม่รู้”
“หมะหมายความว่าไง” น้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาเธอหม่นหมองมากกว่าเดิม อาจเรียกได้ว่าหดหู่
สิ้นหวัง
“ฉันคิดว่าถ้าเธอให้ความร่วมมือตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้คงไม่“
“คุณโกหก! คุณต้องเจอเขา!” แล้วเธอก็สะอื้นอีกครั้ง เบะปากร้องไห้เสียงดัง
“เปล่า ฉันพูดความจริง สาวน้อย เธอไม่เหลืออะไรแล้ว เธอเหลือแค่เรา เราช่วยให้เธอกลายเป็นพยานและพ้นโทษได้ เธอก็แค่“ ชายวัยฉกรรจ์ชะงักเพราะสาวน้อยตรงหน้าแหกปากเสียงดัง
“คุณโกหก! ออกไป! ออกไป!”
“สาวน้อย เกรงว่าเธอจะกำลัง“
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรีดร้องนี้ดังจนชายตรงหน้าไม่อาจตีหน้าตายได้อีกต่อไป เขาทุบโต๊ะเสียงดัง
“หุบปากเดี๋ยวนี้!”
ซึ่งแทบไม่ได้ยิน เพราะสาวน้อยยังคงกรี๊ดไม่หยุด น้ำตาไหลนองหน้า แล้วเขาก็นิ่งไปเหมือนฟังคำสั่งจากลำโพงจิ๋วในหู จากนั้นก็เดินออกจากห้อง โดยไม่ลืมหันหน้ามาด่าสาวน้อยว่า
“นังโรคจิต”
สาวน้อยเงียบเสียงทันทีที่ประตูปิดลง เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ ท่ามกลางบรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมที่แสนหดหู่ อีกสิบนาทีต่อมา ประตูก็เปิดอีกครั้ง คราวนี้เป็นผู้หญิงในชุดสุภาพ ท่าทางทะมัดทะแมง เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงเก้าอี้
“ขอฉันนั่งได้ไหมจ๊ะ”
สาวน้อยเจ้าของดวงตาหดหู่นั้นเหลือบขึ้นมามองผู้มาใหม่ แล้วก็มองไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ หญิงสาวในชุดสุภาพจึงถือวิสาสะนั่งลง การวางตัวของเธอเหมือนได้รับการฝึกมาดี เรนนึกสมเพชตัวเองที่ต้องมาอยู่ในสถานที่นี้ กับผู้หญิงตรงหน้า มากกว่าชายฉกรรจ์เสียอีก
“ฉันชื่อดวงพร”
“ฉันไม่อยากรู้ คุณบอกมาเลยดีกว่าว่าต้องการอะไร” แต่สายตาเธอยังคงมองอยู่ที่อื่น
“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันต้องการอะไรจากเธอล่ะ”
“คำถามจิตวิทยาหรือไง รู้อะไรไหม ฉันไม่ตอบ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็ไม่ตอบ”
“แสดงว่าคุณต้องการอะไรจากฉัน” สาวน้อยยิ้มเยาะเหมือนรู้ทัน แต่กลับกลายเป็นอีกคนที่รู้ทัน
“นั่นคือคำตอบใช่ไหม เพราะเธอรู้ว่าตัวเองมีอะไรบางอย่างที่สำคัญ เลยคิดว่าฉันต้องการมัน...เปล่าหรอก ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีอะไร ความจริง ฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่าเธอจะมีอะไรที่ฉันต้องการ”
“คำพูดจิตวิทยาอีกแล้วหรือไง”
“เปล่าอีกนั่นแหละ แต่เธอเป็นอย่างนั้นจริงๆ... เมื่อเช้านี้ฉันแวะซื้อกาแฟที่ร้านสตาร์บัคส์ รู้ไหมฉันเห็นอะไร ฉันเห็นกลุ่มเด็กสาวรุ่นเดียวกับเธอเลย พวกเธอกำลังนั่งคุยกันประสาสาวๆ กระซิบกระซาบถึงหนุ่มโต๊ะถัดไป ฉันไม่เห็นความแตกต่างระหว่างเธอกับเด็กกลุ่มนั้นสักนิดเดียว”
คราวนี้สาวน้อยหันมามองหญิงตรงหน้าอย่างเต็มตา
“ฉันสงสัยจริงๆ นะว่าเธอเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร อะไรทำให้เธอร้องให้ขนาดนี้” หญิงสาวซึ่งสวมชุดสุภาพจ้องตอบกลับมา มันเต็มไปด้วยแววตาของความสงสาร อาดูร และอยากช่วยเหลือ อย่างน้อยสาวน้อยก็ปล่อยให้ตัวเองเชื่ออย่างนั้น เพราะห้าวินาทีต่อมาเธอก็ร้องให้ ไม่ใช่ในแบบที่เธอเคยร้อง แต่เป็นเสมือนตอนที่ลูกกำลังร้องให้ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ตอนที่เธอกำลังสารภาพผิด
“เรน...เธอเล่าให้ฉันฟังได้นะ"
---------------------------------
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ อย่าลืมอ่านตอนต่อไปกันน้า
เม้นกันด้วยน้า ^_^ ขอบคุณจ้า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองของเรา (เรื่องแรกอันแสนห่วยแตกที่ทำให้เราปรับปรุงขึ้น)
ก็ฝากโรล(ที่ยังไม่โผล่)กับเรนไว้ในอ้อมอกทุกคนด้วยน้า
---------------------------------
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ อย่าลืมอ่านตอนต่อไปกันน้า
เม้นกันด้วยน้า ^_^ ขอบคุณจ้า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองของเรา (เรื่องแรกอันแสนห่วยแตกที่ทำให้เราปรับปรุงขึ้น)
ก็ฝากโรล(ที่ยังไม่โผล่)กับเรนไว้ในอ้อมอกทุกคนด้วยน้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น