ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Light Spirit

    ลำดับตอนที่ #3 : ยอมรับ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 49




        “ นี่คือสิ่งที่ท่านปรารถนาไม่ใช่หรือ? ท่านหญิง ”   เสียงที่คุ้นเคยกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา



        “ ลืมตาเถิด ไม่มีเราผู้ใดกล้าทำร้ายท่านหญิงแห่งเรนจ์ไชส์หรอก ขอท่านหญิงโปรดวางพระทัย ”



        เสียงนั้นชวนให้วางใจยิ่งนัก เสียงที่เปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี ทันทีที่ข้าลืมตา กองทัพภูตินับพันก็โค้งศีรษะอยู่ตรงหน้าข้า

        ภูติที่ยืนอยู่ข้างกายยังคงกระซิบบอกข้าอย่างแผ่วเบา ทว่า สุขุมเยืกเย็นยิ่งนัก



        “ เป็นไปตามที่ท่านหญิงต้องการทุกประการ พวกมันทุกคนสมควรได้รับความเจ็บปวดไม่ใช่หรือ?  พวกมันสร้างบาดแผลให้ในใจนายหญิง มันชี้หน้าประนามท่านไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่ให้เราสมุนผู้จงรักภักดี ปลิดชีพชายผู้นั้นเสีย ”



        ข้าหวาดกลัว สับสน ข้าไม่ได้พูดอะไรอีกเลยนอกจากสั่งห้ามพวกเขาทำร้ายพี่เท่านั้น ภูติพาข้ากับพี่มายังที่แห่งหนึ่ง ที่ซึ่งมืดสนิทไปเสียทุกอย่าง ข้ารู้สึกเคว้งคว้าง ร่างกายของข้าเบาหวิว ราวกับรอบกายไม่มีอะไร ไม่มีอะไรที่สัมผัสได้นอกจากความมืดและโดดเดี่ยว มีบางอย่าที่ที่หลังของข้าไปสัมผัสเข้า มันอ่อนนุ่ม สบาย ข้านอนลงตรงนั้นพลันหลับตาลงช้าๆ ที่นี่ชั่งมืนเหลือเกิน มันมืดราวกับว่า ความมืดกลืนกินกันเองเสียจนหมดสิ้น

            

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



        ท่านอาจคิดว่า เราฝ่ายภูติอาศัยอยู่บนพื้นพิภพที่ไกลๆแสนไกล เป็นที่ที่โหดร้ายและอับชื้น  แต่ตามความเป็นจริงแล้ว ข้าคงต้องบอกท่านว่า พวกเรามีอาณาเขตุเป็นของตนเอง ซึ่งถูกจารึกไว้ในคัมภีร์ศาสนา และรู้จักกันในนามว่า ‘ เรนจ์ไชส์ ’ ดินแดนแห่งผู้ดับชีพ ข้าเรียนรู้การอยู่ที่นี่ ตาของข้าเริ่มมองเห็นได้แม้ในความมืด ภูติหนึ่งที่คล้ายผู้ดูแลข้า เป็นผู้ฝึกปรือการใช้พลังมนต์ดำซึ่งเขาว่ามีอยู่มากมายมหาศาลในตัวข้า  



        พี่รับไม่ได้กับสิ่งที่ข้ากำลังจะเป็น พี่ไม่ยอมรับเรื่องใดๆทั้งสิ้น พี่ว่าเราควรยอมตาย เสียดีกว่าต้องกลับกลายมาเป็นเผ่าพันธ์ของด้านมืด พี่โน้มน้าวข้า ให้ข้าหนีไปเสียด้วยกัน แต่…ท่าน  ข้ารู้ว่าทางของข้า ทอดยาวอย่างราบรื่นมาสู่ที่นี่ แล้วเหตุใด ข้าจึงจะทิ้งที่นี่ไปเสีย ที่ซึ่งเป็นที่ของข้า



        แต่ก็อีกนั่นแหละท่าน ข้ารู้ว่าพี่ไม่อยากอยู่ที่นี่ และถ้าไม่มีพี่  ข้าเองก็ไม่อยากอยู่เช่นกัน ดังนั้นในที่สุด เมื่อเห็นว่าพี่ทำท่าจะปลิดชีพตนเองให้ตาย  ข้าจึงจำต้องอำลาเรนจ์ไชส์เสียที



        “ พี่ไม่รู้ว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร เพราะพี่มองไม่เห็นสิ่งใด เจ้ามองเห็นหรือไม่? ”



        ข้าอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง

        “ ไม่…ข้าเองก็มองไม่เห็นเช่นกัน ” ข้าโกหก ข้าโกหกพี่ทุกเรื่องท่าน



        ข้าไม่สามารถบอกพี่เรื่องที่แม่ตายเพราะคำสาปแช่งของข้าได้ ข้าไม่ได้บอกพี่ว่าเหล่าภูตินั้นเรียกข้าว่าท่านหญิง  ข้าเพียงแต่บอกเขาว่า ภูติเชื้อเชิญข้าเข้ากลุ่มเท่านั้น



        “ ถ้าเช่นนั้น พี่จะสวดมนต์อ้อนวอนเทวดาขาว ให้ท่านชี้ทางออกให้ ”



        “ ทำเช่นนั้นไม่ได้ ” ข้ารีบห้ามอย่างร้อนรน



        “ ทำไมหรือ? ”



        “ ก..ก็  หากเราสวดอ้อนวอนเทวดาขาว ทิศของออกก็จะสว่าง เช่นนั้น พวกภูติไม่ทำร้ายเราหรือ ”



        “ ก็จริงของเจ้า แต่พี่ยอมตาย เสียดีกว่าถูกขังอยู่ในนี้ ”



        ข้าจนปัญญาแล้วท่าน สุดท้ายข้าจึงบอกพี่ว่า

        “ ถ้าเช่นนั้น เราก็ช่วยกันคลำทางไปจะดีกว่า ”



        ข้ามองเห็นในที่มืดท่าน เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะหาทางออก แต่ปัญหาก็คือ ข้าไม่สามารถให้คำตอบแก่ภูติที่ดูแลข้าได้ ว่าเหตุใดข้าจึงนำทางเบรว์ฟสู่แสงสว่าง



        “ ท่านจะจากพวกเราไปหรือ? ” ภูติภามหลังจากข้าใช้พลังปิดหูเบรว์ฟเอาไว้



        “ ท่านทิ้งพวกเราไปไม่ได้นะท่านหญิง เราเฝ้าคอยมาสิบปี พวกเราถูกกดขี่ เมื่อสิ้นยุคแห่งนายท่าน เราต้องอยู่กันอย่างหลบๆซ่อนๆ นายหญิง..ท่านเป็นเพียงความหวังหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่จะปลดปล่อยและนำเราให้ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แห่งอำนาจอีกครั้ง ”



        “ ข้าไม่ไปหรอกซิลลี่ทรัค ขอท่านจงโปรดวางใจ ข้าให้คำสัตย์ ”



        “ ถ้าเช่นนั้น ขอข้าติดตามท่านหญิงไปด้วย ”



        “ ท่านไม่ไว้ใจข้าหรือ? ” ข้าเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เมื่อเห็นดังนั้น ซิลลี่ทรัคก็รีบปฏิเสธโดยเร็ว



        “ ข้าไม่บังอาจขอรับท่านหญิง เพียงแต่คิดว่าอาจได้อยู่รับใช้ท่านระหว่างการเดินทาง ”



        “ ไม่เป็นไรหรอก เราอยากไปกันเอง ”



        เมื่อเห็นข้ายืนกรานเช่นนั้น ท้ายที่สุด ซิลลี่ทรัคก็จำยอม



        อย่างไรก็ตามข้าเองก็จับพลังได้หลายครั้งระหว่างการเดินทาง ว่าเขาแอบติดตามข้าอยู่



        เราใช้เวลาอยู่ในป่า 2-3 วัน จึงออกจากประตูเรนจ์ไชส์ได้สำเร็จ อันที่จริง ข้าคงต้องยอมรับกับท่านตรงนี้ว่า ข้านั้นสามารถออกจากเรนจ์ไชส์ได้ในเวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น หากแต่ที่การเดินทางกินเวลาถึง 3 วันนั้น เป็นเพราะข้าแสร้งให้ล่าช้าเสีย เพื่อให้พี่จะได้ไม่สงสัย



        จากนั้นเราก็ลัดเลาะตามป่าเขา มุ่งหน้าสู่เวิร์ดดิ้งเลจ บ้านเกิด



        แต่ในจิตใจของข้าไม่เคยเป็นสุขท่าน ใจข้าร้อนรน อยากกลับเรนจ์ไชนส์  และเมื่อดวงตาของข้าอ่อนล้าในที่สว่าง ข้าก็รู้ได้ในทันที ว่าข้าไม่สามารถกลับไปเป็นเช่นคนปกติได้อีกแล้ว



        ข้าลังเลว่า หากยังอยู่กับพี่ต่อไป ข้าก็จะรังแต่ร้อนใจไปเช่นนี้เรื่อยๆ ในที่สุดข้าก็ตัดสินใจ ข้าจะย้อนรอยสู่เรนจ์ไชส์ แล้วแกล้งให้พี่เข้าใจว่าข้าตายจากไปเสียแล้ว



        วันนั้นท่าน… วันที่ข้าเริ่มดำเนินแผนการของข้า กลับมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น



        เราเดินขึ้นเขาที่สูงชั้น ข้าแสรงเดินตามพี่ไม่ทัน แสร้งเหนื่อยแรงและอ่อนล้า ต่อเมื่ออาทิตย์อัสดง เมื่อความมืดเริ่มกร้ำกราย  ข้าก็พลัดตกจากหน้าผาที่สูงชัดที่สุด พี่หันมาเห็นและจับมือข้าเอาไว้แน่น



        “ จับให้แน่นอีย์วาร์ ”



        “ พี่อย่าปล่อยนะ ข้าไม่มีแรง ”



        “ พี่ไม่ปล่อยๆ เจ้าจับให้แน่นๆนะ ”



        และในวินาทีนั้นเอง วินาทีที่ข้ากำลังจะปล่อยมือจากเบรว์ฟ กลับมีชายร่างกำยำ 3 คนมาช่วยดึงมือข้าขึ้นจากก้นเหว ข้าอารมณ์เสียท่าน คนพวกนี้ มาทำให้แผนการของข้าต้องผิดพลาด



        “ น้องตอบขอบคุณพวกท่านทั้ง 3 คนนี้นะอีย์วาร์ พวกท่านช่วยชีวิตน้องเอาไว้ ”   ข้าก้มศีรษะจรดพื้น



        “ ขอบคุณพวกท่านมาก ”

        แต่ในทันทีที่ข้าเงยหน้าขึ้นแหละท่าน รอยยิ้มของชายทั้ง 3 คนก็แปรเปลี่ยนไป เป็นความเคลือบแคลงและสงสัย



        “ หน้าผากเจ้า ” 1 ใน 3 คนนั้นถาม



        ข้ารีบก้มหน้าลง



        “ เธอเป็นน้องสาวของผมขอรับ ไม่ใช่ปีศาจ ผมยืมยันได้ ” พี่พูดปกป้องข้า



        “ เราขอนำน้องของเค้าไปพบท่านเยนาร์ดหน่อยได้ไหม? ”



        “ น้องของผมเป็นเด็กหญิงทั่วไป อีกอย่างเราต้องรีบเดินทาง ขอบคุณที่ช่วยเราเอาไว้ ”

        พี่พูดจบก็ดึงมือข้าขึ้นแล้วเดินจากไป



        “ พี่ไม่ชอบให้ใครมองหน้าเจ้าแบบนั้น ” พี่ว่า



        เราเดินลงเนินเขา แล้วนั่งพักทานอาหารกลางวันกันที่ข้างๆลำธารแห่งหนึ่ง เบรว์ฟก่อกองไฟสำหรับปิ้งปลาที่พี่จับมาได้



        สักครู่หนึ่ง เราก็ได้ยินเสียงควบม้า



        “ เร็วอีย์วาร์ ไปหลบกันก่อน พี่ได้ยินเสียงม้า ”



        ข้ากับเบรว์ฟวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่



        กองทหารม้ากองหนึ่ง มุ่งหน้ามายังที่ที่เราก่อกองไฟไว้ ข้าเห็นชายคนหนึ่งใส่ชุดคลุมสีขาว คลุมตั้งแต่ศีรษะ ยามจรดพื้น ผมและเคราของเขาก็เป็นสีขาวเช่นกัน



        “ นั่นมหาปราชญ์เยนาร์ด เค้าต้องมาตามหาเจ้าแน่ๆ หลบดีๆนะอีย์วาร์”

    พี่กระซิบบอก



        “ กองไฟยังไม่ได้ดับ พวกเค้าคงอยู่แถวนี้แหละ ค้าหา แล้วนำตัวมาพยข้า ” หมาปราชญ์กล่าว



        เราหลบอยู่ไม่ไกลท่าน และหากอยู่เฉยต่อไป เราคงถูกจับได้ แต่สำหรับตอนนั้น อยู่นิ่งหรือวิ่งหนีก็มีค่าเท่ากัน ทหาร 2-3 คนเดินมาพบเราในที่สุด



        “ วิ่งไปอีย์วาร์ ” พี่บอก



        ข้าออกวิ่งในทันทีที่สิ้นเสียงพี่ อย่างนั้น ก็ยังมีทหารอีก 2 คน ดักอยู่ข้างหน้า แล้วข้าก็ถูกจับได้ในที่สุด เขาพาข้ามาพบเยนาร์ด ซึ่งยืนม้ารออยู่ที่เดิมอย่างสงบ



        “ ไปกับข้าเถิดอีย์วาร์ เจ้ายอมรู้ดีไม่ใช่หรือ ว่าเจ้าเป็นกุญแจดอกสำคัญ อย่าได้อยู่ตามเผ่าพันธ์เพื่อทำร้ายใครเลย ”



        “ น้องสาวของผมเป็นมนุษย์นะขอรับ ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ”



        แต่มหาปราชญ์ไม่ได้โต้เถียง กลับยิ้มให้อย่างใจเย็น และพูดว่า

        “ น่านับถือ เจ้ากล้าหาญสมชื่อที่บิดาตั้งไว้ บุตรของเซ่อร์นาธาน ”



        “ ท่านรู้จักบิดาของผมหรือขอรับ ถ้าเช่นนั้น ท่านย่อมรู้ว่าน้องไม่ใช่ปีศาจ ”



        “ อัศวินผู้ถือตำแหน่งชั้นบัญชาการ ย่อมถวายสัตย์มิใช่หรือ ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายมืด หากผิดคำสัตย์ย่อมสิ้นชีพ แล้ว..บิดาเจ้าเสียชีวิตด้วยเหตุใด ”



        “ ท่านพ่อตายเพราะรับธนูแทนผม ” พี่ตอบเสียงเบา



        “ ไม่ใช่หรอกเบรว์ฟ บิดาท่านสิ้นชีวิตเพราะคันศรธจากเทวดาขาว  บิดาเจ้าผิดสัจวาจา เขายุ่งเกี่ยวกับลูกปีศาจ เขาเมตตา และเอ็นดู ”



        “ ท่านหมายถึงอะไร ” พี่พูดอย่างมีน้ำโห แล้วหันมาทางช้า



        “ น้องบอกเขาไปสิ ว่าน้องไม่ใช่ ” พี่พูด



        แต่ข้ากลับนิ่งเงียบ และยังคงก้มหน้าอยู่เช่นเดิม พี่เห็นข้าไม่ตอบโต้อะไร ก็ยิ่งสงสัย พี่เอามือทั้ง 2 ข้างจับบ่าของข้าเอาไว้

        “ บอกพี่สิอีย์วาร์ ว่าน่องไม่ใช่ ..พวกเดียวกับมัน ”



        และ.. ท่าน ข้าไม่สามารถโกหกพี่ได้เช่นเดิม เมื่ออยู่ต่อหน้ามหาปราชญ์เยนาร์ด ข้าจนมุม และรู้สึกผิด  ข้ายังคงนิ่งเฉยไม่ได้ตอบอะไร นั่นทำให้พี่บีบไหล่ข้าแน่นยิ่งกว่าเดิม



        “ ตอบพี่ ” พี่เสียงสั่น



        นั่นยิ่งทำร้ายข้า ข้ามไม่สามารถนิ่งอยู่ได้อีกต่อไป



        “ ข้าขอโทษพี่ ข้าเป็น ” ข้าตอบเสียงแผ่วเบาและสั่นเทา



        “ ท่านไปกับพวกเขาเถิดนะ ไปเป็นทหารอย่างที่พี่อยากเป็น ข้าจะกลับไปอยู่ตามเผ่าพันธ์ของข้า”



        และในนาทีนั้นเอง ซิลลี่ทรัคและทหารภูติของข้า ก็ปรากฏกายตรงหน้านับร้อย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×