ตอนที่ 16 : FIFTEEN
15
ความลับของมาร์ค
“น้องแจม ปล่อยมือเถอะนะ”
หัวใจของแจมินวูบไหว น้องแจม งั้นหรอ ทั้งๆ ที่คนมากมายต่างก็เรียกเขาแบบนี้ แต่พอมาร์คเรียก กลับทำให้เขารู้สึกใจหาย เพิ่งจะรู้ว่าเขาชอบที่มาร์คเรียกเขาว่า ยัยตาโต มากกว่าก็วันนี้
“ผมไม่..” แจมินส่ายหน้า มือขาวยังคงกุมปลายด้ามของมีดที่มาร์คถืออยู่เลยด้วยซ้ำ ซึ่งต่างคนต่างก็มือสั่นพอกัน
“หยุดพูดแล้วฆ่ามันได้แล้วมาร์ค” ดวงตากลมจ้องมองแวมไพร์กบฏตัวสูงที่พูดเสียงนิ่ง ทำไมในน้ำเสียงที่แสนเย็นชาถึงได้แฝงความรู้สึกนุ่มนวล ในตอนที่เรียกชื่อคนตรงหน้าเขาด้วย แจมินก็ไม่เข้าใจ
“พี่จะฆ่าผมหรอ” แจมินถามอีกฝ่ายเสียงเบา ดวงตากลมโตประสานสายตากับดวงตาที่สั่นไหวของมาร์ค
“ไม่ ฉันจะไม่ฆ่านาย” มาร์คพูดเสียงแข็ง ดวงแข็งกร้าวจ้องมองคนตัวสูงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาบงการชีวิตเด็ดขาด
“หยุดหลอกตัวเองได้แล้วมาร์ค เจ้ามนุษย์เลือดผสมโสโครกต้องหมดไปจากโลกนี้” เสียงคำรามต่ำในลำคอของแวมไพร์ตรงหน้าทำให้แจมินหายใจผิดจังหวะ
“มันไม่เกี่ยวกับแจมินเลยสักนิด” มาร์คกัดฟันพูดเสียงต่ำ ดวงตาหลุบมองพื้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“เกี่ยวสิ !!” แจมินและมาร์คต่างสะดุ้งกับเสียงตวาดลั่นของแวมไพร์ตรงหน้า แต่มาร์คเองก็ไม่ยอมแพ้ เขาตะโกนเถียงกลับไปด้วยความโมโหไม่แพ้กัน
“ผมบอกว่าไม่เกี่ยวไง ! หรือถ้ามันจะเกี่ยวก็เพราะพี่ดึงคุณมินฮยอนมาเกี่ยวด้วยนั่นแหละ !”
ดวงตากลมของแจมินเบิกกว้างเท่าที่จะทำได้ เขามองมาร์คกับแวมไพร์ตรงหน้าสลับกันด้วยความงุนงงปนตกใจ ทั้งที่มาร์คเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ หรือแม้แต่ชื่อมินฮยอนที่หลุดออกมาจากปากมาร์ค
“นี่มันอะไรกัน..”
“เหอะ พูดมาขนาดนี้แล้ว จะช่วยบอกให้หายโง่แล้วกัน คนที่อยู่ตรงหน้าแกน่ะ..”
“ลูคัส !” มาร์คตะโกนเพื่อขัดแวมไพร์ตัวสูงที่อ้าปากเตรียมจะพูด ดวงตาแดงก่ำตวัดมองมนุษย์ตรงหน้าแทบจะทันทีด้วยความไม่พอใจ
“พี่มาร์คบอกผมมานะ” แจมินเรียกอีกฝ่ายเสียงสั่น ความสับสนเริ่มประเดประดังเข้ามาจนใจสั่นไปหมด แวมไพร์ตรงหน้าคงไม่ใช่กบฏธรรมดาแล้ว แต่ต้องเกี่ยวข้องกับมาร์คไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“ถ้าไม่ยอมพูดก็ฆ่ามันซะ” แวมไพร์ที่ชื่อลูคัสเอ่ย ดวงตาแดงก่ำยังคงจ้องมองเขาเขม็งจนตาแทบจะถลนออกมา สร้างความรู้สึกกลัวให้กับแจมินไม่น้อย ความแสบร้อนยุบยิบจากรอยสามเหลี่ยมเทียบไม่ได้กับสายตากดดันตอนนี้เลยสักนิด
“ผมมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นอีก” มาร์คเองก็พูดเสียงแข็งไม่แพ้กัน เขาสบตากับแวมไพร์ตัวสูงที่อ้างว่าเป็นพี่ชายของตนเอง ใช่ พี่ชายของเขา..
"พี่ฆ่ามันเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่ ไม่ใช่เพื่อให้เรามาทำลายมัน”
“พี่มาร์ค” แจมินเบิกตากว้าง เอ่ยเรียกมาร์คซ้ำอีกครั้ง ส่งผลให้แวมไพร์เลือดร้อนตวาดออกมาอย่างรำคาญ
“น่ารำคาญเสียจริง ! ฉันฆ่ามินฮยอนเพื่อใส่วิญญาณน้องของฉันลงไป ร่างที่มาร์คใช้อยู่ตอนนี้ก็คือญาติของแกยังไงล่ะ !”
“ว่ายังไงนะ..” แจมินรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงวิ้งๆ อยู่ในหัว เขารู้สึกหูอื้อและมึนเบลอเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกมามากกว่านี้ เขาปล่อยมือจากปลายมีดแล้วเซถอยหลังออกมาเล็กน้อย
"ส่วนคำสาปที่ฉันทิ้งไว้ก็เพื่อเล่นสนุกเฉยๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเจ็บแล้วสินะ น่าเสียดายจัง”
“พี่มันชั่ว ลูคัส” มาร์คพูดเสียงต่ำ ดวงตาคู่สวยสั่นระริกเพราะความเจ็บแค้นแทนแจมิน นั่นทำให้ลูคัสชะงักกับท่าทางของน้องชายตนเอง
"น้องแจม ถอยออกมา !"
แจมินสะดุ้งด้วยความตกใจ เขาหันหลังไปตามเสียงตะโกนก็พบแจฮยอนกับเจโน่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น เหตุการณ์ช่างคล้ายกับวันนั้นไม่มีผิด
"แล้วพี่มาร์ค.." แจมินมองมาร์คอย่างลังเล แต่แววตาของแจฮยอนไม่ได้เล่นด้วยเลยสักนิด
"แจมิน ถอย !" เจ้าของชื่อตกใจจนเผลอถอยหลังออกห่างจากมาร์คหลายก้าว แจฮยอนไม่ใช่คนที่ใจดีคนเก่า ความน่ากลัวจากดวงตาแดงก่ำที่แฝงไปด้วยความคุกกรุ่นนั่นทำให้แจมินยอมทำตามแต่โดยดี
"แจฮยอน แจมไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” เจโน่หันหน้าหาคนข้างตัว เพราะพี่ชายกำลังทำให้คู่หมั้นของตนกลัวซึ่งเขายอมไม่ได้ แต่ครั้งนี้แจฮยอนไม่ได้สนใจน้องชายอย่างเคย เขาไม่ตอบอะไรและยังคงจ้องมองไปทางมาร์คและลูคัสเขม็ง
"เรามาทำเรื่องนี้ให้มันจบเถอะ ผมขอคืนร่างนี้ให้กับครอบครัวของเขานะ” มาร์คพูดเสียงอ่อน เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน มือสวยตัดสินใจกรีดมีดเล่มคมลงบนลำคอตัวเองโดยไม่มีความลังเลหลงเหลือเลยสักนิด หยาดเลือดมากมายไหลออกมาจากรอยบาดแผลจนเปรอะเปื้อนเสื้อที่ตนสวมใส่อยู่
"ไม่ !!" เสียงร้องดังลั่นที่ไม่ได้มาจากแจมิน แต่มาจากแวมไพร์ตัวสูงทั้ง 2 ดวงตากลมของแจมินเบิกกว้างด้วยความตกใจ หยาดเลือดของมาร์คที่กระเซ็นมาโดนใบหน้านั้นทำให้คนตัวเล็กช็อค ภาพความทรงจำในอดีตกับปัจจุบันนั้นซ้อนทับกันจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรทำให้เขาทรุดลงไปที่พื้นพร้อมกับร่างของมาร์คที่ล้มลงไป
"ม..มาร์ค..มิ..นฮยอน..ล..เลือด" เสียงแหบแห้งของแจมินเพ้อออกมา พร้อมกับร่างบอบบางที่พยายามคลานไปที่พื้น เพื่อไปหาร่างที่นอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น
"แจมิน"
เฮือก
"ป..ปล่อยนะ มินฮยอนกำลังจะตาย..อึก..ต้องรีบช่วย" มนุษย์ตัวน้อยสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนมือเย็นเฉียบจากเจโน่แตะลงบนบ่า
"นั่นมาร์ค ไม่ใช่มินฮยอน” เจโน่พูดเสียงนุ่มหวังจะให้คนตัวเล็กลดความตื่นตระหนกลง แต่นั่นก็ช่วยได้แค่เพียงนิดหน่อยเท่านั้น เพราะแจมินยังคงเอาแต่ร้องไห้ และปัดป่ายมือเขาออกอยู่ดี
“มาร์คหรอ ต..ต้องรีบช่วย..อึก..ไม่อยากให้ใครตายอีกแล้ว..” มือเล็กที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินยกขึ้นมาปัดมือเย็นออก และพยายามที่จะคลานไปหามาร์คตามเดิม ดวงตาบอบช้ำที่เปื้อนไปด้วยน้ำตามองตรงไปข้างหน้า แต่ก็แทบไม่เห็นร่างของมาร์คแล้วเพราะแวมไพร์ทั้ง 2 ที่บดบังภาพตรงหน้าเสียมิด
“ปล่อยน้องฉัน" ลูคัสปัดมือของแจฮยอนที่ยกขึ้นแตะบาดแผลบนลำคอของมาร์คออก ดวงตาแดงมองแวมไพร์ตรงหน้าอย่างข่มขู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้แจฮยอนสนใจสักเท่าไหร่
“นี่ร่างพี่ชายฉัน”
"ใครสนล่ะ ตอนนี้จิตที่อยู่ในนี้คือมาร์ค" ถ้อยคำไม่ยี่หระของแวมไพร์กบฏตรงหน้าทำเอาแจฮยอนโมโหเสียจนอยากจะฆ่าอีกฝ่ายไปให้พ้นหูพ้นตา แต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ เพราะตอนนี้ดูจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเสียเท่าไหร่
มือเย็นเฉียบของทั้งคู่ต่างก็จับแขนของมนุษย์ตัวน้อยเอาไว้คนละข้าง แวมไพร์สองตนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับว่ากำลังหาจังหวะพุ่งเข้าใส่กันยังไงอย่างนั้น
"ถ้ามัวแต่เถียงกัน เขาจะตาย" เจโน่ที่อุ้มร่างของแจมินอยู่ในอ้อมแขนนั้นพูดออกไปเสียงเรียบเพื่อเตือนสติทั้งคู่ เสียงหัวใจของมาร์คนั้นเต้นแผ่วลงเรื่อยๆ พอๆ กับลมหายใจที่เริ่มขาดห้วง
แจฮยอนมองเสี้ยวหน้าซีดของมาร์ค กลิ่นเลือดที่อบอวลอยู่โดยรอบนั้นชัดเจนพอที่จะบอกแจฮยอนว่าร่างนี้คือพี่ชายของเขาจริงๆ แม้จิตวิญญาณจะไม่ได้อยู่ในนี้แล้ว ดวงตาคมมองใบหน้าของมนุษย์ตรงหน้า ความรู้สึกเก่าๆ ในวันที่ตนนั้นเห็นร่างไร้ลมหายใจของพี่ชายก็ประเดประดังขึ้นมาจนรู้สึกเจ็บปวดไปหมด
"มาร์ค ได้ยินพี่รึเปล่า" แจฮยอนเงยหน้ามองใบหน้าของแวมไพร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากอีกฝ่าย ความรู้สึกของคนที่กลัวว่าจะเสียคนในครอบครัวเขาก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก แต่มันก็ทำร้ายคนในครอบครัวของเขาเหมือนกัน
"จะพาน้องฉันไปไหน" ลูคัสร้องด้วยความตกใจเมื่อแจฮยอนอุ้มร่างของมาร์คขึ้นแนบอก
"ฉันจะพาร่างพี่ฉันกลับบ้าน"
“แต่น้องฉันจะตาย” แวมไพร์กบฎชะงักกับเสียงแหบพร่าของตนเอง แต่ก็ยังคงจ้องมองแผ่นหลังของแจฮยอนเขม็ง
"เรื่องของมันสิ" สาบานได้ว่านั่นไม่ได้มาจากใจแจฮยอนจริงๆ หรอก
"นี่แก !"
"รับความรู้สึกที่แกทำไว้กับครอบครัวฉันเถอะ" แจฮยอนหายตัวไปแทบจะทันทีที่พูดจบ เจโน่ปรายตามองลูคัสที่ก้มหน้าคุกเข่าอยู่ที่พื้น แวมไพร์หนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ ก่อนที่จะหายตัวตามพี่ชายคนกลางไป
แวมไพร์คนเล็กของตระกูลจางนั่งเงียบอยู่ปลายเตียงนอนขนาดใหญ่ ดวงตาคู่คมมองร่างเล็กของนาแจมินที่เอาแต่ซุกหน้าลงบนหน้าขาแล้วร้องไห้ผ่านความมืดมิด ในฐานะที่เขารักแจมินมาก แน่นอนเขาแทบจะทนเห็นน้ำตาของแจมินไม่ไหว
"แจม" เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาเพื่อป้องกันไม่ให้น้องตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอาการช็อคของน้อง เมื่อหลายปีก่อน แจมินก็คงจะเป็นแบบนี้ ราวกับโชคชะตาต้องการให้เขากลับมาแก้ไขอดีต มาอยู่ข้างแจมินในยามที่คนตัวเล็กตื่นกลัว อย่างที่ไม่มีโอกาสทำในอดีต
“ฮึก..”
“ชู่ว..ไม่เป็นไร ไม่มีใครเป็นอะไรแจมิน ใจเย็นๆ” แวมไพร์หนุ่มโอบกอดร่างของมนุษย์ตรงหน้าไว้แทบจะทั้งตัว แม้จะแอบรู้สึกเจ็บเล็กน้อยจากบาดแผลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แน่สิ เพิ่งโดนทะลวงท้องมาเพียงแค่ไม่กี่วัน สำหรับร่างกายแวมไพร์ที่แสนจะอ่อนแอตอนนี้จึงรักษาตัวได้ช้าจนน่าหงุดหงิด แต่เห็นแจมินแทบจะไม่เจ็บปวดจากรอยสามเหลี่ยมก็นับว่าคุ้มอยู่
“จริงหรอ..” ใบหน้าน่ารักที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาเงยขึ้นสบตากับเจ้าของอ้อมกอด เจโน่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
ถ้าไม่นับที่มินฮยอนตายก็ไม่มีใครตายหรอก..
“อืม ไม่มีใครเป็นอะไร”
“ดีแล้ว” แจมินยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแต่ก็ยังสะอื้นอยู่เล็กน้อย มือเย็นเกลี่ยปอยผมที่ปรกใบหน้าน่ารักออกช้าๆ อย่างรักใคร่
“นอนพักไหม เจ็บตรงนี้รึเปล่า” เขาชี้ไปที่บริเวณข้อมือบาง ขมวดคิ้วเล็กน้อยในตอนที่สังเกตเห็นรอยสามเหลี่ยมที่ยังหลงเหลืออยู่ให้ขัดหูขัดตา
ทำไมยังไม่หายไปอีกวะแม่ง
แจมินชะงักก่อนจะส่ายหน้าไปมา หลังจากได้สติเขาก็ตระหนักถึงเรื่องที่เขายังคงติดค้างอยู่กับเจโน่ก่อนหน้านี้ ร่างผอมเอนตัวนอนลงตามแรงดึงของแวมไพร์ข้างกาย ไม่พูดอะไรกับอีกฝ่ายอีก แม้ในใจอยากจะถามอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายก็ยังไม่กล้าที่จะพูดออกไป
ความเงียบปกคลุมรอบห้องนอนที่มืดสนิท มีเสียงสะอื้นของแจมินให้ได้ยินอยู่บ้านเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงเหมือนตอนแรก เจโน่เงยหน้าขึ้นผ่านความมืด เขาสัมผัสได้ถึงพี่ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ร่างของแวมไพร์หนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูงเหลือบมองร่างที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มเล็กน้อยแล้วค่อยเปิดประตูออกไปข้างนอก
พวกเขาสองพี่น้องคุยกันผ่านทางสายตา ก่อนแจฮยอนจะเป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาก่อนแล้วยกมือขึ้นขยี้ผมจนยุ่งเหยิงไปหมด เจโน่ก็อยากจะหัวเราะกับท่าทางหัวเสียของพี่ชายอยู่หรอก ปกติแจฮยอนชอบทำเป็นใจเย็นกับทุกสิ่งบนโลก แต่พักหลังๆ นี้ก็เริ่มทำท่ากระวนกระวายให้เห็นบ่อยจนน่าขัน
"มันโอเคจริงๆ หรอ” เจโน่ชะงัก เพราะมัวแต่ห่วงแจมินจึงลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท ชั่ววูบหนึ่งความรู้สึกผิดต่อพี่ชายคนโตก็แว่บขึ้นมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่สนใจแจมินที่นั่งร้องไห้อยู่ที่พื้น และคงพุ่งเข้าไปฆ่าแวมไพร์ลูคัสและฆ่ามาร์คเพื่อเอาร่างของพี่ชายคืนมาแล้ว แต่ครั้งนี้ เขากลับคิดว่าถ้าเขาทำแบบนั้น แจฮยอน..พี่ชายคนกลางของเขาคงจะเสียใจมาก
“ผมเชื่อในการตัดสินใจของพี่" เอาล่ะ ถึงแม้ว่าเรื่องมินฮยอนจะเป็นเรื่องในครอบครัวเหมือนกัน แต่เจโน่คิดว่าเวลานี้ควรปล่อยให้แจฮยอนเป็นคนจัดการต่อแล้ว ท่านพ่อและท่านแม่ก็คงคิดเหมือนเขา ตัวแจมินเองก็คงไม่อยากให้มาร์คตายเหมือนกัน
“พี่อยากดูแลเขา” แววตาคู่คมแน่วแน่พอๆ กับเสียง เจโน่พยักหน้าตอบรับพี่ชาย ก็คิดอยู่แล้วล่ะ ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ ต่อให้มาร์คจะใช้ร่างของมินฮยอนหรือไม่ มันก็ไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าพี่ชายของเขาเผลอรักมาร์คไปเสียแล้ว
"ผมเข้าใจ ดูแลเขาให้ดีนะ" เจโน่สบตากับพี่ชายราวกับจะบอกว่า หลังจากนี้ พี่ต้องเจอเรื่องอีกเยอะ ซึ่งแจฮยอนก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ไอ้ลูคัสมันต้องกลับมาเพื่อชิงน้องชายตัวเองไปแน่
"เราก็ดูแลแจมินดีๆ" มือเย็นตบไหล่น้องชายแรงๆ
"เรื่องนั้นไม่ต้องรอให้บอกหรอก" มั่นหน้ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ก็บอกไปเป็นล้านครั้งแล้วไม่ใช่รึยังไงล่ะ เหอะ เขาจะให้ดูแลรึเปล่าเถอะ แต่แจฮยอนก็ได้คิดอยู่ในใจ กลัวพูดออกไปแล้วจะทำให้เสียกำลังใจเปล่าๆ
แวมไพร์คนรองจากบ้านจางเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตนเอง นึกไปถึงเรื่องราววุ่นวายก่อนหน้านี้ก็ต้องยกมือขึ้นกุมขมับ
เขาวางร่างที่หายใจรวยรินของมาร์คลงบนที่นอนนุ่มของตนเอง โดยไม่แคร์ว่าเลือดของอีกฝ่ายจะเปรอะเปื้อนผ้าห่มเลยแม้แต่น้อยดวงตาคมมองเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลไม่หยุดด้วยความหนักใจ ถ้าเขาช่วยชีวิตมาร์คไว้ก็เหมือนกับหักหลังครอบครัว แต่ถ้าเขาไม่ช่วยก็เหมือนกับหักหลังหัวใจของตัวเอง
แวมไพร์หนุ่มโน้มตัวลงบนเตียงนุ่ม คร่อมร่างคนหมดสติเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะเลียบาดแผลของมาร์คเพื่อห้ามเลือด
"นั่นมินฮยอนใช่ไหม" แจฮยอนหันไปมองที่หน้าประตู พ่อของเขาเป็นคนถาม โดยที่โอบร่างของแม่เอาไว้ เขาพยักหน้าตอบอย่างจนใจ ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไง พอได้รับคำตอบแม่เขาทำท่าจะเป็นลม จนพ่อของเขาต้องช่วยประคองไว้เพื่อไม่ให้ล้ม
"โดยอง พาคุณจุนมยอนไปพักก่อน" แวมไพร์องค์รักษ์เดินเข้ามารับร่างควีนของตนและพาออกไปพร้อมกัน
จางอี้ชิงเดินมาถึงเตียงภายในพริบตาเดียว เขาจับแขนซีดของร่างมนุษย์ตัวน้อยแบ่งพลังงานของตัวเองบางส่วนเข้าไปในร่างเพื่อต่อเวลาอีกนิด
"แจฮยอน"
"ครับ" คนเป็นลูกก้มหน้าลงต่ำ เชากลัวเหลือเกินว่าพ่อของเขาจะสั่งให้ปล่อยให้มาร์คตาย เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็คงไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของพ่อได้
"พ่อให้ลูกเลือกเส้นทางของลูกเอง"
“..หมายความว่ายังไงครับ" ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นสบตากับพ่อของตนด้วยความตกใจ
"ถ้าเราอยากแก้แค้น กองทัพของเราก็พร้อมเสมอ แต่ถ้าเราอยากดูแลเขา ครอบครัวเราก็ไม่ขัด" ความกดดันทั้งหมดกลั่นกรองออกมาเป็นน้ำตาที่คลอหน่วงอยู่ในดวงตาคู่คม เขาก้มหน้าลงอีกครั้งพร้อมกับยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย
คำว่า 'ครอบครัว' ที่พ่อเขาพูดไม่ได้หมายถึงแค่พ่อเพียงคนเดียว แต่ยังรวมไปถึงแม่และน้องชายของเขาด้วย
“ผม..อยากดูแลเขาครับ” น้ำเสียงแน่วแน่เปล่งออกมาจากลำคอพร้อมด้วงตาที่สบตากับพ่ออย่างมั่นใจในคำตอบของตนเอง อี้ชิงมองลูกชายแล้วยิ้มออกมาพร้อมพยักหน้า
"งั้นรีบช่วยเขาเถอะ"
"ผมควรทำยังไง เขามีเลือดเนื้อของมินฮยอน มีสัญลักษณ์ของตระกูลเรา ถึงกัดไปก็ไร้ความหมาย"
"ถ้าสัญลักษณ์ช่วยไม่ได้ งั้นเราควรทำอะไรดีล่ะ" จางอี้ชิงยิ้มจนแก้มบุ๋มแล้วเคลื่อนตัวออกจากห้องไปช้าๆ ทิ้งลูกชายคนกลางเอาไว้อย่างนั้น
สัญลักษณ์ไม่ได้ผล ถ้าอย่างนั้น...
ดวงตาคมจับจ้องร่างที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความลังเล
ถ้าแค่กัดมันไม่ได้ผล ก็คงต้องให้ 'กิน'
เขาต้องให้มาร์คกินเลือดตัวเอง
แวมไพร์หนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ การที่พ่อเขาเสนอวิธีนี้มาให้ แสดงว่าอีกฝ่ายหมายความตามที่พูดจริงๆ
ให้ทำอะไรก็ได้งั้นหรอ
"เอาวะ !" แวมไพร์หนุ่มพูดให้กำลังใจตัวเอง ก่อนตัดสินใจขึ้นคร่อมร่างของคนหมดสติไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ใบหน้าขาว กัดปากตนเองจนได้เลือด แล้วประทับลงบนริมฝีปากซีด เพื่อป้อนเลือดของตัวเองให้มาร์คที่หมดสติ
เหนือกว่าพันธะเลือดก็แลกเลือดนี่ละโว้ย ถ้าทำแบบนี้จะถอยหลังก็คงไม่ทันแล้ว
ดวงตาคู่คมมองใบหน้าซีดของมาร์ค ซึ่งผิวซีดคงไม่กลับมามีเลือดฝาดอีกแล้ว เพราะมาร์คกำลังจะกลับมาเป็นแวมไพร์..อย่างที่เคยเป็น
"เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม มาร์ค"
"ผม.."
ใบหน้าหล่อเหลาของแวมไพร์หนุ่มเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่เกริ่นออกมาเสียงเบาหลังจากเงียบเป็นเวลานาน นานชนิดที่ว่าพวกเขานั่งปล่อยเวลาทิ้งไปเกือบร่วมชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ
"คุณควรฆ่าผม"
"พี่จะฆ่ามาร์คทำไมครับ" แจฮยอนถามคนเด็กกว่าเสียงนุ่ม ดวงตาที่เคยทอประกายสุกใส นั้นหม่นแสงเสียจนแวมไพร์หนุ่มรู้สึกวูบโหวง เขาดึงร่างบอบบางเข้ามากอด แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามขัดขืนก็ตาม แต่มาร์คสู้แรงเขาไม่ได้หรอก
“ผมตายไปแล้ว”
“…”
"ร่างที่ผมใช้อยู่คือร่างพี่ชายของคุณ.."
"พูดอะไรน่ะ" น้ำตารื้นเต็มดวงตาของมาร์คเพราะสีหน้าชองเจ้าของอ้อมกอด เขาพยายามดิ้นรนออกมาจากแวมไพร์หนุ่มเพราะความรู้สึกเจ็บปวด เสี้ยวหนึ่งของจิตใจเขาแอบหวังว่าแจฮยอนจะรับเรื่องนี้ได้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันคงเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ใครจะยอมรับคนที่ขโมยร่างพี่ชายของตนไปใช้กันล่ะ
"3 วันก่อน ผมไปเจอกันลูคัส เขาอ้างว่าเป็นพี่ชายของผม เขาเป็นแวมไพร์ และเขาก็บอกว่าผมเคยเป็นแบบนั้น แต่ถูกมนุษย์เลือดผสมฆ่าตาย วันนั้น..เขาเลยฆ่า..มินฮยอน เพื่อให้ผมมีชีวิตรอด"
"แม่ง" แวมไพร์หนุ่มสบถ เขาแอบลุกขึ้นเดินไปดูคู่หมั้นของน้องชายที่ห้องข้างๆ เพราะได้ยินเสียงร้องไห้ที่ดังแว่วมา เพียงแค่ยืนอยู่หน้าประตู เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของแจมินชัดเจนเสียจนรู้สึกอยากจะร้องไห้ตาม เสียงร้องไห้ที่แสนเจ็บปวดนั้นบั่นทอนจิตใจของเขาเหลือเกิน
ถ้าตอนที่มาร์คเล่าให้ฟัง เขาพูดอะไรออกไปสักนิด เหตุการณ์นี้ก็คงไม่เกิด
"อึก..ห..หิว"
แวมไพร์หนุ่มเจ้าของห้องสะดุ้งออกจากภวังค์ หันมองคนบนเตียง เขาสามารถมองเห็นมาร์คได้อย่างชัดเจนแม้ไร้แสงไฟ ร่างบอบบางคลานอยู่เตียงอย่างทรมานทำให้แจฮยอนรีบโผตัวไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
"มาร์ค"
"หิว..ข..ขอน้ำ" แจฮยอนรู้ดีว่ามาร์คไม่ได้หิวน้ำหรอก อาการคอแห้งที่ไม่ได้มาจากการหิวน้ำ แต่มาจากการขาดเลือด
"น..น้ำ..อื้ม !!" แจฮยอนป้อนเลือดให้กับคนบนเตียงผ่านทางเลือดจากริมฝีปากของตัวเองอย่างเคย เลือดของแจฮยอนและมาร์คต่างก็ผสมกันมั่วไปหมดจนไม่รู้ของใครเป็นของใคร เรียวลิ้นของพวกเขาผัวพันกันอย่างไม่มีคนยอมแพ้ ร่างเล็กเป็นคนเบือนหน้าหนีออกไปก่อนเพราะทนไม่ไหว ได้พักเพียงแค่ครู่เดียวก็โดนแวมไพร์ตัวสูงดึงให้กลับไปประกบจูบกันอีก
"ม..ไม่ไหว..อื้อ.." คนตัวเล็กครางออกมาเสียงแผ่ว แจฮยอนตัดใจผละหน้าออกจากริมฝีปากที่แดงช้ำของมาร์ค มือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติ ถ้าจูบกันนานกว่านี้เขาต้องหน้ามืดจนไม่สามารถห้ามตัวเองได้แน่
"คุณ..ทำไม..เลือด.." มาร์คจ้องหน้าของแจฮยอนที่ห่างกันเพียงแค่คืบ แต่ก็จ้องได้เพียงไม่นานเพราะไม่สามารถทนสายตาของแวมไพร์หนุ่มได้
"รู้สึกยังไงบ้าง" ทันทีที่ได้ยินคำถาม มาร์คก็เริ่มตระหนักถึงความเปลี่ยนไปของร่างตนเอง ทั้งๆ ที่ห้องมืดขนาดนี้ แต่ทำไมเขากลับเห็นหน้าของแจฮยอนอย่างชัดเจน แล้วกลิ่นคาวเลือดกับความรสชาติของเลือด แทนที่จะรู้สึกขยะแขยง แต่เขากลับรู้สึกว่ามันหอม..และอร่อย..
ทำไมกัน
"ทำไมผมยังไม่ตาย"
"เพราะพี่ไม่ยอมให้เราตาย"
"...ผมไม่ใช่คุณมินฮยอนนะครับ" มาร์คชะงัก ไม่ยอมให้ตายงั้นหรอ ก่อนหน้านี้ที่เขากำลังจะหมดสติ เขายังได้ยินที่อีกฝ่ายพูดกับลูคัสอยู่เลยด้วยซ้ำ
"ใช่ เพราะนี่คือมาร์คไง"
"....."
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ" ดวงตาคู่คมที่ทอดมาทางมาร์คอย่างอ่อนโยนทำให้คนโดนมองยิ่งรู้สึกเจ็บปวด จะใจดีไปถึงไหนกันนะ
“คุณทำอะไรกับร่างกายผม.. อ่ะ ขอโทษ ร่างนี้เป็นร่างของพี่คุณนี่นา"
"ตอนนี้มันเป็นร่างของมาร์ค"
"...." แจฮยอนไม่ได้ตอบเพื่อประชด แต่มาร์คกลับไม่คิดแบบนั้น เขากลับคิดว่าโดนแวมไพร์หนุ่มประชดเต็มๆ จนน้ำตาเกือบไหล
"เรามาเริ่มใหม่กันได้ไหม"
เด็กหนุ่มจ้องมองแวมไพร์ตรงหน้าด้วยความสับสน ภายในหัวของเขานั้นว่างเปล่าจนคิดอะไรไม่ออก เขาก็อยากจะพูดว่า โอเค ได้ เรามาเริ่มใหม่กันเถอะ ! แต่มันก็ยากเกินกว่าที่จะพูดประโยคนั้นออกมา
“...ทำไมผมถึงยังไม่ตาย” มาร์คเบือนหน้าหนีดวงตาคู่คมที่พยายามจะสบตากับเขา คำถามคาใจที่ไม่ได้รับคำตอบสักทีกับความรู้สึกแปลกๆ ในร่างกายทำให้เขาไม่ค่อยสบายตัวสบายใจเท่าไหร่
“ฮึก..”
“เสียงใครร้องไห้น่ะ” เรียวคิ้วขมวดพันกันยุ่งเหยิง ดวงตาคู่สวยพยายามหาที่มาของเสียงร้องไห้ที่ดูเหมือนจะใกล้เหลือเกิน แต่พอมองไปรอบๆ ห้อง มันก็ไม่มีใครเลยนอกจากเขากับแจฮยอน จะบอกว่าเขาหูดีจนได้ยินเสียงจากห้องข้างๆ ก็ดูจะดีเกินไปหน่อย
“คุณแจฮยอนครับ” มาร์คถามย้ำอีกทีเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบใดจากแวมไพร์ตรงหน้า แจฮยอนหลบตาเขาแทบจะทันทีที่โดนยิงคำถามใส่ ยิ่งทำให้มาร์ครู้สึกร้อนรนเป็นพิเศษ
“มาร์คกลับมาเป็นแวมไพร์เหมือนเดิมแล้ว”
“ไม่จริง..ได้ยังไงกัน” เด็กหนุ่มที่ได้รับฟังความจริงเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ ก้มลงมองมือขาวซีดสั่นๆ ของตนเองด้วยความรู้สึกสับสน มาร์คยกมือขึ้นมากุมหน้าอกของตนเอง ยิ่งไม่รับรู้ถึงการขยับของก้อนเนื้อตรงหน้าอก ความรู้สึกต่างๆ ก็ตีกันมั่วไปหมดจนพูดไม่ออก
“พี่ให้มาร์คกินเลือดของพี่เพื่อเปลี่ยนเป็นแวมไพร์”
“ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะตายงั้นหรอ”
ล..แล้วให้เลือดทางไหนวะ
ที่โดนจูบเมื่อกี้ก็เพราะให้เลือดรึเปล่า
“อ..เอ่อ..” คนที่อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นแวมไพร์พูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ ด้วยความตกใจ มือขาวยกขึ้นยกลงหลายทีอย่างเก้อเขิน ขอเถอะ ขออย่าให้เป็นแบบที่เขาคิดเลย
“อืม ทางนี้ไง” นิ้วเรียวชี้ริมฝีปากของตนเองพร้อมยิ้มจนแก้มบุ๋ม นับว่าเป็นรอยยิ้มแรกหลังจากที่ได้รู้ความจริงเรื่องของมาร์คเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อเขาไม่ต้องกังวลเรื่องครอบครัวแล้ว เรื่องเครียดๆ ก็แทบจะหายไปหมด
“....”
ว้อทเดอะxัค !
“คุณ..คุณ..คุณไม่รังเกียจหรอ” มือไม้ของมาร์คพันกันวุ่นวายไปหมด ใบหน้าขาวซีดไม่ได้ขึ้นเสียแดงระเรื่อแต่อย่างใด แต่แจฮยอนกลับคิดว่ามันน่ารัก
“หึ”
“..ผมต้องขอโทษแทนลูคัสด้วย” มาร์คพูดเสียงเบา ที่จริงแล้ว ครอบครัวนี้ไม่ควรต้องสูญเสียคนสำคัญไปเลยด้วยซ้ำ เหตุเกิดเพราะความเห็นแก่ตัวของพี่ชายเขาเพียงคนเดียว
“เขารักมาร์คนะ เดี๋ยวก็คงตามมา”
“…” คนบนเตียงก้มหน้านิ่ง เขาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน จะว่าไป เขานึกว่าเขาเป็นลูกชายแท้ๆ ของแด๊ดมาโดยตลอด แต่มันกลับไม่ใช่เลย ตามที่ลูคัสเล่า ยองโฮคือคนที่เก็บเขาไปเลี้ยงในตอนที่ผลัดหลงกับที่บ้านก็เท่านั้น ตั้งแต่รู้ความจริงทั้งหมด มาร์คยังไม่ได้คุยกับยองโฮเลยแม้แต่น้อย หรือแม้แต่จะเล่าเรื่องนี้ให้ดงฮยอกฟังก็ตาม
“ร่างกายของเรากำลังปรับตัว เพราะงั้นนอนพักเถอะ อาจจะต้องกินเลือดอีก” แจฮยอนเอ่ยเสียเรียบ มาร์คที่กำลังจะเอนตัวนอนลงตามเดิมชะงัก ก่อนจะกลับขึ้นมานั่งอีกครั้ง
“ผมขอกินเลือดด้วยวิธีปกติสามัญชนแทนนะครับ”
“หึหึ ก็ได้ๆ เดี๋ยวพี่จะให้คนเอาเลือดใส่แก้ววางไว้ให้ตรงหัวเตียงก็แล้วกัน” แวมไพร์แก่กว่าหัวเราะลั่น ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป ทำให้ห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
มาร์คลืมตามขึ้นมองเพดานผ่านความมืดมิด ความรู้สึกกังวลถาโถมเข้ามาเสียจนคิดอะไรไม่ออก เขาสามารถใช้ร่างนี้ต่อไปได้จริงๆ งั้นหรอ แม้ว่าวิธีที่เอามาจะผิดก็ตาม
ครอบครัวที่แสนดีแบบนี้ ไม่ควรต้องเสียใจเลยด้วยซ้ำ..
---------------------------------
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ
ไม่มีเวลาเลยจริงๆ ยังไงก็จะแต่งเรื่องนี้ให้จบให้ได้ค่ะ แม้ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม T_T
ขอบคุณที่ยังรอคอยกันอยู่นะคะ จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทนน้ำใจของทุกคนค่ะ !
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องมาร์คคคคค คิดไม่ถึงเลยค่ะว่าสุดท้ายแล้วมินฮยอนกับมาร์คเนี่ย ก็คือร่างเดียวกัน พีคดีค่ะ 5555 ได้เป็นแวมไพร์แล้วก็สามารถรักกับแจฮยอนได้สิเนี่ย โอ่ยเขินมากค่ะ เขาดูแลกันดีจริงๆ เล้ยยย ไม่อยากให้มาร์คคิดมากเนอะ ตระกูลแวมไพร์เค้ารับเรื่องนี้ได้แล้ว อย่าหนีไปไหนเน้อ
ปล.เยยย้ ได้กลับมาอ่านแล้วค่าา คิดถึงเรื่องนี้มากๆ ไม่มีเวลามาอ่านเลยค่ะ ดีใจ ^^
เรื่องราวตอนนี้สนุกมาก
พีคไปอีกนึกไม่ถึงจริง
รอคู่น้องแจมหวานๆกันสักที
เจนแจมครับ คุยกันดีดีนะครับ เข้าใจกันเถอะนะครับ สงสารมั้งสองคนเลย เมื่อไม่คุยกันก็ไม่เข้าใจกันนะอย่าคิดแทนกันแบบนี้นะครับ
เป็นกำลังใจให้ไรท์นะ. สู้ๆ