[DGM Fiction] Kandarella - [DGM Fiction] Kandarella นิยาย [DGM Fiction] Kandarella : Dek-D.com - Writer

    [DGM Fiction] Kandarella

    จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคันดะนั้นรับบทเป็น "คันดะเรลล่า" แล้วใครกันนะคือผู้ที่เป็นเจ้าชาย

    ผู้เข้าชมรวม

    1,728

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    1.72K

    ความคิดเห็น


    22

    คนติดตาม


    13
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 เม.ย. 49 / 11:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีตระกูลขุนนางตระกูลหนึ่ง มีนามของตระกูลว่าเวนแฮม อันว่าบ้านของตระกูลนี้มีราคาอันสูงลิบลิ่วชนิดคนธรรมดาซื้อไม่ได้ หรือถ้าเอาไปขายก็สามารถนำเงินไปแจกจ่ายคนยากจนใช้กันทั้งชาติไม่หมด เจ้าของบ้านราคามหาศาลหลังนี้ก็คือขุนนางผู้ร่ำรวยอันมีชื่อว่า ริเวอร์ เวนแฮม เขาเป็นขุนนางที่แสนดีและเป็นเศรษฐีที่ใจดีเป็นอย่างยิ่ง เขามีภรรยาแสนดีอยู่คนหนึ่งและมีลูกสาววัยกำลังน่ารักน่าจับกดอยู่อีกคนหนึ่ง น่าเสียดายที่ภรรยาของเขาด่วนตายไปเสียก่อนจึงทำให้ไม่สามารถแจ้งชื่อแซ่ได้ (ขี้เกียจก็บอกมาเหอะ) ด้วยว่าภรรยาเสียชีวิตเขาจึงต้องดูแลลูกสาวตัวน้อยๆอยู่เพียงลำพัง

       

      เพราะภรรยาของเขาเป็นคนดี น่ารักและเรียบร้อยเพียบพร้อมไปด้วยมารยาหญิ...เอ้ย ไม่ใช่ เพียบพร้อมไปด้วยความดีต่างๆ ทำให้ลูกสาวที่แสนจะน่ารักของเขาได้รับกุศลนิสัยอันดีและเบญจกัลยานีของแม่มาทั้งหมด

       

      ลูกสาวของขุนนางแสนดีริเวอร์มีนามว่า

       

      คันดะเรลล่า เวนแฮม

       

      คันดะเรลล่านั้นไม่มีส่วนใดของร่างกายเลยที่เหมือนพ่อ ผมก็คนละสี นิสัยก็ไม่เหมือนกันอย่างแรงแต่ว่าเธอรักพ่อมาก พ่อเองก็รักเธอมากเช่นกัน นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกก็จะขอแต่งงานไปแล้ว แต่...อย่าพูดเรื่องนี้เลย พูดเรื่องอื่นดีกว่า

       

      เนื่องด้วยท่านขุนนางผู้สูงศักดิ์อย่างริเวอร์จำเป็นจะต้องจากบ้านไปคราวละนานๆทำให้ไม่มีคนดูแลคันดะเรลล่าซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ในขณะนั้น เขาจึงคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงซักคนที่จะสามารถช่วยดูแลคันดะเรลล่าได้ ซึ่งคันดะเรลล่าซึ่งขณะนั้นยังเด็กไม่ประสีประสาอะไรก็ดีใจที่พ่อจะแต่งงานมีแม่ใหม่ให้เธอ

       

      และแล้ว วันหนึ่งที่ริเวอร์ไปทำงานที่ต่างเมือง ก็ได้ประสบพบพักตร์นางในฝันเข้าตอนที่คันดะเรลล่าเริ่มโตเป็นสาวแล้ว หญิงที่เขาได้พบนั้นเข้าสเปคอย่างแรง ผิวขาว ผมดำ หน้าตาออกจีนๆ ใส่แว่นและ...ชอบสวมหมวกกับดื่มกาแฟมาก เธอคนนั้นที่เขาตกหลุมรักมีชื่อว่า โคมุอิ ลี

       

      ดูเหมือนโคมุอิเองก็จะหลงรักริเวอร์อยู่เหมือนกันเพราะเมื่อริเวอร์ขอแต่งงานเธอก็ตอบตกลงทันที ริเวอร์นั้นขอเธอแต่งงานทั้งๆที่รู้ว่าเธอมีลูกติดแต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเพราะจะได้เป็นเพื่อนคันดะเรลล่า

       

      อันว่าลูกติดของโคมุอินั้นเป็นสาวรุ่นๆเดียวกับคันดะเรลล่าทั้งสองคน คนโตชื่อว่าเจรี่ คนนี้ทำอาหารเก่งแต่กระเดียดไปทาง ถึกนิดๆ ส่วนลูกสาวคนเล็กชื่อเอริอาเด เป็นคนสวยมากๆหน้าตาผิดแม่ผิดพี่อย่างแรงจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นลูกของโคมุอิ เธอเป็นคนหุ่นดีอย่างแรงและชอบสิ่งสวยงามเป็นอันมาก

       

      เมื่อวันที่โคมุอิก้าวเข้ามาในบ้าน เธอนั้นดูรักคันดะเรลล่ามากเหมือนกับเป็นลูกของเธอเอง ส่วนลูกๆทั้งสองของเธอนั้นก็ดูรักคันดะเรลล่ามากจนคันดะเรลล่าเองคิดว่าโคมุอิเป็นแม่ของเธอจริงๆและเธอก็เข้ากับน้องสาวทั้งสอง(อีนังเจรี่นี่น้องสาวเรอะ?)ได้เป็นอย่างดี จนใครมาเห็นก็ต้องนึกว่าเป็นครอบครัวกันจริงๆ ริเวอร์เองก็ดีอกดีใจที่ภรรยาใหม่และลูกเลี้ยงสามารถเข้ากับลูกสาวของเขาได้เป็นอย่างดี

       

      แต่...วันเวลาผ่านไป ท่าทีของโคมุอิและลูกสาวทั้งสองที่มีต่อคันดะเรลล่าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จากที่รักกันปานจะกลืนก็เริ่มถอยห่างไปเรื่อยๆและก็เริ่มมีการกลั่นแกล้งกันเกิดขึ้น คันดะเรลล่าผู้แสนดีมักจะถูกแกล้งเป็นประจำ เช่น แกล้งให้หกล้มหรือว่าการด่ากระทบ คันดะเรลล่าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องสาวและแม่เลี้ยงถึงเปลี่ยนไปอย่างนี้

       

      แต่เวลาที่พ่อเธออยู่ด้วยทุกอย่างก็จะดีเหมือนกับตอนเริ่มแรก ก็ยังดีที่เป็นแบบนั้น แต่ว่าอยู่มาวันหนึ่งพ่อของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถ(ม้า)จนเสียชีวิต คันดะเรลล่านั้นเศร้าใจมาก ในงานศพเธอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมหยุด ทางฝ่ายแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงนั้นก็ดูเสียใจแต่ว่าไม่มากมายเท่าเธอ

       

      ในพินัยกรรมของริเวอร์ระบุว่าให้แบ่งสมบัติออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้แบ่งให้คันดะเรลล่าพร้อมทั้งบ้านหลังใหญ่นี้ด้วย ส่วนอีกส่วนหนึ่งให้แบ่งให้กับภรรยาใหม่และลูกเลี้ยงพร้อมกับที่ดินนอกเมือง สร้างความไม่พอใจและอิจฉาเล็กๆแก่บรรดาผู้มาใหม่ แต่ว่าคันดะเรลล่าเป็นคนดีจึงไม่ได้ว่าอะไรที่แม่เลี้ยงและน้องๆจะอยู่ในบ้านหลังนี้จึงทำให้เกิดโอกาสที่ตัวเองจะถูกกลั่นแกล้งขึ้น

       

      นานวันเข้าคันดะเรลล่าก็ถูกแกล้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถูกDowngradeลงเป็นคนรับใช้ แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนดี๊คนดีก็เลยไม่ได้ทักท้วงอะไร ก็เลยกลายเป็นว่าคนที่ครอบครองบ้านหลังใหญ่นี้เป็นโคมุอิแม่เลี้ยงกับน้องสาวทั้งสองคน

       

      คันดะเรลล่านั้นมักจะถูกโคมุอิแม่เลี้ยงและเจรี่แกล้งเสมอ ยังดีที่เอริอาเดแค่ชอบว่ารับประทานไม่งั้นคันดะเรลล่าคงทนไม่ได้แน่ๆ

       

      อยู่มาวันหนึ่ง วันนั้นมีทหารคนหนึ่งขี่ม้าเข้ามาในเมืองและร้องป่าวประกาศไปทั่วเมืองถึงงานเต้นรำที่ในวังซึ่งจะเป็นงานเลือกคู่ของเจ้าชายด้วย สร้างความตื่นเต้นแก่คนในเมืองกันใหญ่

       

      คืนนี้จะมีงานเต้นรำที่ในวังและจะถือว่าเป็นงานเลือกคู่ของเจ้าชายอเลนด้วย เจ้าชายอเลนและพระราชามาน่าขอเรียนเชิญหญิงสาวทุกคนในเมืองของเราไปร่วมงานด้วย ขอให้ทุกคนพยายามไปงานให้ได้ เพราะเจ้าชายอาจจะเลือกท่านก็ได้ ก็อย่าลืมไปก็แล้วกันน้า~” ทหารผมสีส้มแถมปิดตาข้างนึงตะโกนลั่นพร้อมกับขี่ม้าผ่านไปแล้วก็โยนใบปลิวโปรโมตงานไปด้วย คันดะเรลล่าที่กำลังทำงานอยู่ก็บังเอิญได้ยินเข้าเพราะทหารคนนี้ก็ผ่านหน้าบ้านไปตอนที่เธอกำลังตัดต้นไม้อยู่ เธอเองก็อยากเข้าไปในวังซักครั้งเพราะถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกขุนนางแต่ก็ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าวังเลย

       

      แต่ว่าแม่เลี้ยงของเธอล่ะหรือจะยอมให้เธอเข้าวัง

       

      ฝ่ายพวกแม่เลี้ยงและน้องสาวของคันดะเรลล่าต่างก็กระดี๊กระด๊ากันใหญ่เมื่อรู้ว่าจะมีงาน พวกเธอรีบออกไปเลือกซื้อชุดที่ดีที่สุดกันใหญ่แล้วพวกเธอก็นำมันมาลองที่บ้านเป็นที่แสลงตาแสลงใจแก่คันดะเรลล่ายิ่งนัก

       

      คุณแม่ขา ชุดสีแดงนี่จะเข้ากับเจรี่มั้ยคะเนี่ย ลูกสาวคนโตของโคมุอิถามผู้เป็นแม่พร้อมกับทาบชุดราตรีกระโปรงฟูฟ่องเข้ากับอกแล้วส่องกระจกดู

       

      เริดมากค่ะลูกขา ไม่มีใครในงานสวยสู้หนูได้หรอกค่ะ โคมุอิพูดอย่างชื่นชม ทางฝ่ายเอริอาเดนั้นกำลังยืนเลือกระหว่างชุดสีน้ำเงินกับชุดสีดำอยู่

       

      นี่ นังดะ เอริอาเดเรียกคันดะเรลล่าที่กำลังถือชุดหนักๆหลายชุดอยู่

       

      คะ? คันดะเรลล่ารับคำ

       

      แกว่าชุดสีน้ำเงินหรือชุดสีดำสวยกว่ากันยะ เอริอาเดถาม คันดะเรลล่านั้นเลือกไม่ถูกเพราะโทนสีมันก็เหมือนๆกัน เธอก็เลยเลือกส่งๆไปว่าสีดำ

       

      งั้นเหรอ...ดีมาก งั้นชั้นจะยกชุดสีน้ำเงินให้แกใส่ไปงาน เอริอาเดพูด คันดะเรลล่ามีท่าทีลิงโลดขึ้นมาทันที

       

      ต๊าย คุณลูกขา อย่าให้ชุดมันใส่เลยค่ะ ของมันจะหมองซะเปล่าๆ อย่างนังนี่ใส่ไปน่ะชุดมันจะราคาตกนะคะ โคมุอิจีบปากจีบคอพูด

       

      ใช่แล้วจ้ะคุณน้องขา อย่างที่คุณแม่ว่าน่ะถูกแล้ว อย่างนังนี่ต่อให้ใส่ผ้าขี้ริ้วขาดๆวิ่นๆไปงานอยู่คนเดียว สุนัขยังไม่แลเลยค่า พี่สาวคนโตพูดบ้าง

       

      นั่นสินะ...จะให้นังคนแบบนี้ใส่ชุดหรูๆไปงาน ไม่มีทางซะล่ะ เอริอาเดเริ่มคล้อยตามก่อนหยิบชุดสีน้ำเงินขึ้นมาแล้วฉีกทิ้ง

       

      โอ๊ะ คุณแม่ขา สั่งเด็กคนอื่นให้ดูแลชุดของเราให้ดีนะคะอย่าให้ใครมาขโมยใส่ได้ ไม่งั้นเนี่ย หนูคงทำใจใส่มันอีกไม่ได้หรอกค่ะ เอริอาเดว่ากระทบคันดะเรลล่า ทั้งสามหัวเราะร่วนด้วยความสะใจที่คันดะเรลล่าจะไม่มีชุดใส่ไปงานก่อนที่จะทิ้งเธออยู่กับกองเสื้อผ้าที่เธอไม่มีวันได้ใส่จากไป

       

       

      คืนนั้น

       

      คันดะเรลล่านั้นเป็นผู้พยายามอย่างแรง เธอนั่งตัดเย็บชุดไปงานของเธอตั้งแต่ช่วงสายจนเกือบถึงเวลางานจนเสร็จ แต่ว่าพอเธอตัดเย็บเสร็จก็ถูกน้องสาวทั้งสองคนตัดชุดซะจนขาดวิ่นโดยที่เธอไม่สามารถแก้ไขได้ทัน ทั้งสามคนนั้นออกจากบ้านไปด้วยท่าทางที่สะใจและดีอกดีใจเป็นอย่างมากในขณะที่คันดะเรลล่าต้องมานั่งน้ำตาตก

       

      ขณะที่คันดะเรลล่ากำลังร้องไห้เสียใจอยู่นั่นเองก็ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งซึ่งเธอรู้จักเป็นอย่างดี คนๆนั้นก็คือแม่ของเธอนั่นเอง แต่เธอมาในมาดของนางฟ้าแสนใจดี มีปีกสีขาวโผล่มากลางหลังด้วย

       

      คันดะเรลล่าลูกรัก

       

      คุณแม่? คันดะเรลล่าตกใจที่เห็นแม่ของเธอที่ตายแล้วมาปรากฏตัวขึ้น แม่ของเธอเดินช้าๆมาหาเธอพร้อมกับลูบหัวเธออย่างเอ็นดู

       

      ร้องไห้ทำไมจ๊ะ ลูกรักของแม่ เธอถาม คันดะเรลล่าโผเข้ากอดเธอทันที

       

      หนูอยากไปงานเต้นรำค่ะคุณแม่ แต่ว่าหนูไม่มีชุดใส่ไปงานน่ะค่ะ... คันดะเรลล่าว่าพร้อมกับร้องไห้งอแงเหมือนเด็กๆ

       

      งั้นเดี๋ยวแม่จะช่วยนะจ๊ะ แต่ว่าหลังจากนี้หนูต้องทำตามที่แม่บอกนะ คันดะเรลล่ารับคำทันที เมื่อเธอรับคำเสร็จแม่ของเธอก็กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับเธอ ซึ่งมันก็ทำให้คันดะเรลล่าแสยะยิ้มอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

       

      แม่เสกชุดให้นะจ๊ะ นางฟ้าว่าก่อนที่จะโบกคทาสองสามที ยังผลให้คันดะเรลล่าที่อยู่ในชุดโทรมๆเก่าๆนั้นเปลี่ยนไปทันที

       

      ขณะนี้คันดะเรลล่าอยู่ในชุดกระโปรงฟูฟ่องสีฟ้า ผมของเธอถูกรวบขึ้นไปแล้วตกแต่งมวยผมอย่างงดงาม รองเท้าของเธอนั้นเป็นรองเท้าที่ทำมาจากแก้วเสียด้วยดูหรูหราขายน่าจะได้ราคาดี... ริมฝีปากถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูประกายมุก เธอดูน่ารักมากอย่างที่ไม่สามารถจะเห็นได้จากที่ไหน คันดะเรลล่าดีใจมากก่อนเข้าไปกอดแม่เธออีกครั้ง

       

      ขอบคุณค่ะคุณแม่ แม่ของเธอลูบหัวเธออีกครั้งอย่างรักใคร่ แม่ของเธอโบกคทาอีกครั้งแล้วบอกให้คันดะเรลล่ามองออกไปที่นอกหน้าต่าง

       

      ที่นอกหน้าต่างนั้นปรากฏรถรูปร่างแปลกๆคันหนึ่ง เป็นรถแบบมอเตอร์ไซค์...รึช็อปเปอร์กันหว่า...ช่างเหอะ เอาเป็นว่ามันเท่มากก็แล้วกัน แถมมีคนขับรถมาให้คนนึงด้วย ไอ้คนขับรถนั้นหัวฟูๆสีเหลืองๆเหมือนนกชนิดหนึ่ง นัยน์ตาก็เป็นสีฟ้าแถมหน้าดูนิ่งมากๆ เห็นหน้าแล้วนึกถึงคำว่า โจโกโบะ ขึ้นมาทันที

       

      นี่จ้ะ รถที่จะพาลูกไปงาน แม่ของเธอว่าก่อนที่จะพาเธอไปส่งที่รถคันนั้น ก่อนที่จะไปงานแม่ของคันดะเรลล่าได้กำชับเอาไว้ว่าต้องกลับออกมาจากงานก่อนเที่ยงคืนไม่เช่นนั้นมนตร์จะเสื่อมสลายไป ซึ่งคันดะเรลล่าเองก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วก็ออกเดินทางไป

       

       

       

      ณ วังของเจ้าชายอเลน

       

      ขณะนี้มีคนเดินขวักไขว่กันในงานอยู่เต็ม ผู้หญิงทั้งหลายพยายามพรีเซ็นต์ตัวเองกันเต็มที่แบบที่เห็นแล้วน่าตบ แต่นังเจรี่กะนังเอริอาเดดูจะสิบเอ็ดรอดอมากกว่าชาวบ้าน ซึ่งพอเจ้าชายอเลนเห็นแล้วก็เหนื่อยหน่ายพระทัยเหลือเกิน

       

      เจอคนที่ถูกใจรึยังพะย่ะค่ะ ทหารคนสนิท ราบี้ กล่าวถาม

       

      ยัง...มีแต่พวก...อยากเต้นรำกับเราจนเกินเหตุทั้งนั้นเลย เจ้าชายอเลนกล่าวตอบพร้อมถอนหายใจ...จะมีใครซักคนมั้ยนะที่ไม่พรีเซ็นต์ตัวเองจนเกินเหตุ

       

      และแล้ว...

       

      เธอก็มา

       

      ใช่เลย...ต้องสวยขนาดนั้น ต้องหวานขนาดนี้ ทุกอย่างกำลังดี คนนี้ใช่เลย ช่าย...เลย...

       

      มิวสิกประกอบฉากดังขึ้นในอกเจ้าชายอเลน เมื่อเห็นหน้าคันดะเรลล่าก็ราวกับว่าทั้งโลกมีแต่พวกเขาสองคน เกิดมาก็เพิ่งเคยใจเต้นตึกตักเป็นครั้งแรก อีกฝ่ายดูเคอะเขินเมื่อเจ้าชายอเลนจ้องมองไม่วางตา เจ้าชายอเลนตรงดิ่งเข้าไปหาคันดะเรลล่าทันทีโดยไม่รีรออะไรใดๆทั้งนั้น ก่อนกล่าวอย่างไม่เจียมส่วนสูงว่า

       

      เต้นรำกับข้ามั้ย ซึ่ง...คันดะเรลล่าเองก็ไม่ปฏิเสธ คนในงานต่างจับจ้องทั้งคู่เป็นตาเดียว นังเจรี่กะนังเอริอาเดนั้นจำคันดะเรลล่าไม่ได้จึงได้แต่ฮึ่มๆหาที่ระบายไม่ได้ แต่ภาพที่เห็นออกจะพิลึกนิดนึงเมื่อเจ้าชายนั้นตัวเตี้ยกว่าคันดะเรลล่าเล็กน้อย

       

      ทั้งคู่เต้นรำกันอย่างเพลิดเพลิน เจ้าชายอเลนจึงเริ่มชวนคุย

       

      เจ้าชื่ออะไรเหรอ เจ้าชายอเลนถาม

       

      กระหม่อมชื่อ...

       

      แก๊ง แก๊ง แก๊ง

       

      เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน ถ้าหากครบสิบสองครั้งเมื่อไหร่มนตร์ที่แม่ของคันดะเรลล่าร่ายไว้ก็จะเสื่อมลงทันที เธอจึงรีบผละออกจากเจ้าชายอเลนทันที

       

      กระหม่อมต้องไปแล้วเพคะ คันดะเรลล่าว่าก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปจากวังทันที

       

      เดี๋ยวสิ!!” เจ้าชายอเลนร้องก่อนวิ่งตาม พอวิ่งตามไปเธอก็นั่งรถหน้าตาประหลาดกลับไปเสียแล้ว

       

      เธอคนนั้นชื่ออะไรกันนะ... เจ้าชายอเลนรำพึงพร้อมนึกในใจว่าคงไม่ได้พบเธออีกแล้ว แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง

       

      รองเท้าแก้วของผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง

       

      เจ้าชายเก็บรองเท้าแก้วเอาไว้ก่อนที่จะเดินกลับเข้างานไป

       

       

       

       

      เช้าวันรุ่งขึ้น

      ทหารคนสนิทราบี้(หรือเจเนอรัล เบ๊กันแน่)ออกมาป่าวประกาศอีกครั้งพร้อมกับรองเท้าแก้วที่เจ้าชายมอบให้

       

      เจ้าชายมีรับสั่งว่า ผู้หญิงคนไหนก็ตามที่สวมรองเท้าข้างนี้ได้พอดีก็จะอภิเษกสมรสด้วย ขอให้ผู้หญิงในเมืองทุกคนได้ลองรองเท้าข้างนี้ด้วย ทหารคนสนิทราบี้กล่าวพร้อมกับเริ่มการทดลองสวมรองเท้าไปทั่วทุกบ้านที่มีผู้หญิงในเมืองนี้ ลองคนแล้วคนเล่า ตีน...เอ่อ...เท้าแล้วเท้าเล่าก็ไม่มีใครสวมได้พอดีซักคน

       

      จนกระทั่งทหารคนสนิทราบี้ได้มาถึงบ้านของตระกูลเวนแฮม

       

      คนแรก เจรี่สวม...เล็กไป

       

      คนที่สอง เอริอาเด...หลวมไป

       

      คนที่สาม โคมุอิ(ยังจะลองกับเค้าอีกเรอะ) เล็กไป...

       

      ทั้งสามนั้นไม่พอใจอย่างมากที่ตัวเองไม่อาจสวมใส่รองเท้าได้พอดี เมื่อเห็นว่าทั้งสามลองครอบแล้วแถมคนรับใช้หญิงในบ้านก็ลองสวมหมดแล้ว ทหารคนสนิทราบี้จึงเอ่ยปากถาม

       

      มีใครอีกมั้ยที่ยังไม่ได้ลอง

       

      ทั้งสามต่างตอบว่าไม่มี แต่พอดีว่าคันดะเรลล่านั้นกำลังจะยกน้ำชามาให้ราบี้พอดีราบี้จึงเรียกไปลองสวมรองเท้าดูบ้าง

       

      และมันก็พอดี...

       

      ราบี้จึงพาคันดะเรลล่าเข้าวังเพื่อพบเจ้าชายอเลนท่ามกลางความอิจฉาของแม่เลี้ยงและน้องสาวของเธอ

       

      หลายวันต่อมาคันดะเรลล่ากับเจ้าชายก็อภิเษกสมรสกันท่ามกลางความปลื้มปิติของคนหลายๆคน เว้นก็แต่...

       

      นี่ นังเจรี่ ทำข้าวกล่องเสร็จรึยังยะ แล้วนังเอริอาเดน่ะมัวทำอะไรอยู่ ขัดพื้นเข้าไปสิมัวแต่ห่วงเล็บอยู่นั่นแหละ เอ้า นังโคมุอิ ล้างรถม้าให้ดีๆสิยะ เดี๋ยวพระราชาอเลนจะเสด็จไปเที่ยวกับชั้นนะ คันดะเรลล่าสั่ง นับจากวันที่เธอได้เป็นชายาของเจ้าชายอเลนและเจ้าชายอเลนได้รับการยกระดับเป็นพระราชาทั้งคู่ก็อยู่กันอย่างมีความสุข โดยที่คันดะเรลล่านั้นไม่ลืมแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างบิดาเลย เธอพาเข้าวังมาในฐานะเจเนอรัล เบ๊ เพราะเธอไม่ลืมคำขอร้องที่แม่นางฟ้าของเธอขอร้องเอาไว้เลย

       

      (ถ้าลูกได้เป็นราชินี อย่าลืมโขกสับมันมากๆนะลูกจ๋า)

       

      อ้าว ที่รัก มายืนทำอะไรอยู่ที่นี่เหรอจ๊ะ โดนแดดมากๆเดี๋ยวผิวเสียหรอก พระราชาอเลนออกมาที่ห้องครัวซึ่งขณะนี้เจรี่กำลังทำอาหาร เอริอาเดขัดพื้นห้องครัวและโคมุอิกำลังล้างรถม้าอยู่ข้างนอกห้องครัว พระราชาถามภรรยาที่ยืนคุมงานอยู่อย่างเป็นห่วง

       

      อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกเพคะ ก็พวกนี้ทำงานไม่ได้เรื่องก็เลยต้องมาคุมน่ะเพคะ ว่าแต่พระองค์ล่ะเพคะมาทำอะไรที่นี่ คันดะเรลล่าถาม

       

      ก็ออกมาตามที่รักนั่นแหละ ก่อนจะไปเที่ยวน่ะรีบเข้าไปในวังก่อนดีกว่า เดี๋ยวผิวคล้ำขึ้นมาแล้วลูกของเราก็ออกมาคล้ำแย่น่ะสิจ๊ะ พระราชาอเลนว่าก่อนจูงมือภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆเข้าไปในวัง

       

      ก่อนเข้าวังทั้งคู่ยืนจูบกันอย่างดูดดื่ม แสลงใจนังคนที่เคยโขกสับคันดะเรลล่ามาก

       

      และแล้ว...คันดะเรลล่า พระราชาอเลน โคมุอิ เจรี่และเอริอาเดก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป...

       

       

      เอวังเถอะนะ...ขอร้อง...

       

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×