ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {fic exo} n o t a l o n e 。 | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #2 : n o t a l o n e : 01 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 57



    - 01 -






     

     

            แบคฮยอนเอนตัวพิงกับเบาะพลางทอดสายตาออกไปนอกรถแม้จะมองไม่เห็นอะไรก็ตาม สายลมอ่อนๆพัดผ่านใบหน้าของเขาทำให้นึกถึงเหตุการณ์ตอนเด็กๆที่เขา พ่อและแม่ ทั้งสามคนเดินทางด้วยกันอย่างมีความสุข แบคฮยอนชอบเดินทางไกล ทำให้พ่อและแม่ของเขามักจะพาแบคฮยอนไปเที่ยวที่ไกลๆบ้านตลอด แบคฮยอนมีความสุขทุกครั้งที่ได้



          เราจะไปพักกันที่ไหนหรือคะ คุณชานยอล



          เกาะ




          โบ มีนาพี่เลี้ยงของแบคฮยอนพยักหน้าเมื่อได้รับคำตอบ เธอหันหน้ากลับมามองแบคฮยอนที่นั่งอยู่เบาะหลังเพียงลำพังเขากำลังทอดสายตาออกไปนอกรถ เธอรู้สึกสงสารแบคฮยอนจับใจที่ไม่สามารถช่วยทำอะไรให้แบคฮยอนรูสึกดีขึ้นได้เลย มีนามองแบคฮยอนอยู่นานจนชานยอลต้องมองหน้าอีกฝ่ายผ่านกระจกหลังตาม

        





        ครืนน



            ชานยอลจอดรถหน้าร้านซุปเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่งเพื่อซื้อกาแฟดื่มแก้ง่วง ส่วนมีนาก็ลงไปหาซื้อขนมนมเนยมาให้คุณหนูของเธอที่เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

     
         
    ชานยอลเป็นฝ่ายกลับมาถึงรถก่อน เขายืดเส้นยืดเส้นสักพักก็กลับไปนั่งประจำที่คนขับของตัวเอง มองผ่านกระจกหลังก็เห็นแบคฮยอนตื่นแล้วแต่ยังคงนั่งนิ่งๆเหมือนเคย ชานยอลหันหน้ามาทางแบคฮยอนโดยตรงก่อนที่จะยกมือขึ้นโบกไปมาผ่านหน้าของคนตัวเล็ก แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรกลับมานอกจากความเงียบ ชานยอลมองจ้องเข้าไปในดวงตาของแบคฮยอนพลางนั่งคิดว่าตอนนี้แบคฮยอนกำลังรู้สึกอย่างไรกัน


         โศกเศร้า เสียใจ สินะ..




         มีอะไรหรอครับ



         คำพูดของแบคฮยอนทำให้ชานยอลสะดุ้งด้วยความตกใจ ทำไมแบคฮยอนถึงรู้หล่ะว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ หรือว่า. . .จะไม่ได้ตาบอดจริงๆงั้นหรอ



        ใช่พี่มีนาหรือป่าวครับ  หรือว่าคุณปาร์ค



         คำถามถัดมาทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัด แบคฮยอนมองไม่เห็นจริงๆว่าใครที่อยู่บนรถกับเขาระหว่าชานยอลกับมีนา แต่ก็ยังเชื่อไม่สนิทใจเท่าไร




       นาย..ลองบอกมาซิว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่



        ครับ?..คุณปาร์คหนะหรอครับ..”




        ชานยอลไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าใบหน้าของเขานั้นยื่นเข้ามาใกล้แบคฮยอนมากขนาดไหน ที่แบคฮยอนรู้ว่ามีใครกำลังทำอะไรอยู่นั้นก็เป็นเพราะว่าลมหายใจของชานยอลรดใบหน้าของแบคฮยอนนั่นแหละ



        แต่แบคฮยอนจะไปรู้ได้ยังไงหล่ะว่าชานยอลกำลังทำอะไรอยู่..

     



        คุณปาร์คกำลังมองผม



     
        
    “…”




         “..ใช่หรือป่าวครับ




            สองมือบางค่อยๆยกขึ้นสัมผัสใบหน้าของชานยอลอย่างแผ่วเบา แบคฮยอนรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนแต่ความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่า เขาสัมผัสเรียวคิ้วโค้งไล่ลงมาที่ดวงตาคม จมูกโด่งเป็นสัน..


     
     
        อืม..คุณตาโตกว่าผมนะ



           “…”



           จมูกโด่งด้วย



            “…”

      

           
    ก่อนที่จะแตะที่ริมฝีปาก แบคฮยอนก็รีบชักมือกลับไปวางบนตักของตนดังเดิมเมื่อคิดว่าตนเองนั่นทำเกินไปแล้ว เขาไม่ควรทำกับปาร์ค ชานยอลแบบนี้ ชานยอลอายุมากกว่าเขา โตกว่าเขา เขาควรจะให้ความเคารพชานยอลมากกว่านี้



          ชานยอลที่เผลอไผลกับสัมผัสจากมือบางนั้นก็รีบหันกลับไปข้างหน้าทันที ไม่รู้ว่าสติเขาขาดหายไปตอนไหนกันนะ เขาคงขะง่วงมากแน่ๆเลย ชานยอลยกแก้วกาแฟดื้มอีกหลายอีกเพื่อหวังให้ตนมีสติมากกว่านี้

     
        
    คุณปาร์คครับ..ผม ผมเป็นอย่างไงบ้างหรอ

     
         “…”

     
      
      ผมหล่อเหมือนคุณปาร์คบ้างหรือป่าวครับ

     

          ตอนแรกชานยอลหันมามองด้วยความสงสัย แต่แล้วเขากลับยกยิ้มออกมาเมื่อได้ยินประโยคคำพูดจากคนตัวเล็ก

     

         
    นายคิดว่าฉันหล่องั้นหรอ

     
         
    ครับ ผมว่าคุณต้องมีผู้หญิงมาชอบเยอะมากๆแน่เลย

     
         
    “…”

     
         คุณต้องฮอตมากแน่ๆเลย เพื่อนคุณคงเยอะมากๆเลยใช่มั้ยครับ…” น้ำเสียงแผ่วเบาลงจนปาร์ค ชานยอลต้องเงยหน้ามองผ่านกระจกหลังอีกครั้ง แบคฮยอนคงจะเหงามากสินะ..

     

        
    ใครบอกล่ะ ฉันนะขี้เหร่มากๆเลยแหละ

     
        
    ไม่จริง คุณโกหก ผมว่าคุณต้องหล่อแน่ๆเลย

     
     
        นายพูดอย่างกลับมองเห็นหน้าฉันงั้นแหละ

     
     
        ประโยคที่ออกมาจากชานยอลโดยไม่ทันคิดทำให้แบคฮยอนมีสีหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด เกิดความเงียบขึ้นภายในรถจนชานยอลรู้สึกอึดอัด ก็ไม่ต่างจากแบคฮยอนหรอกเขาก็อึดอัดไม่แพ้กันนั่นแหละ

     

     
        
    นาย..หล่อกว่าฉันนะ

     

     
         คำพูดของชานยอลเรียกใบหน้าของแบคฮยอนให้หันกลับมาได้ แม้จะมองไม่เห็นก็ตามแต่ก็เรียกรอยยิ้มจากคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี นั่นทำให้ชานยอลที่มองใบหน้าของเขาผ่านกระจกรู้สึกใจชื้นขึ้นมาที่ไม่ได้พูดทำร้ายจิตใจแบคฮยอนไปมากกว่านี้


         คุณมีเพื่อนเยอะหรือป่าวครับ


         ทำไม..ฉันไม่ชอบคนเยอะ วุ่นวาย ชานยอลขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจพร้อมพูดเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง


          ผมไม่มีเพื่อน..”


          “…”


          มีแค่มีนาคนเดียว


         มีเพื่อนเยอะหรือไม่เยอะมันไม่สำคัญหรอกนะ ถ้าไม่จริงใจน่ะ


         จริงหรอครับ มีคนไม่จริงใจต่อกันด้วยหรอครับ


         “…”


         คุณ..เป็นเพื่อนกับผมได้มั้ย


          ชานยอลหันไปเห็นมีนากำลังเดินหิ้วของตรงมายังรถแล้ว เขาจึงสตาร์ทรถรอก่อนที่จะหันกลับไปมองแบคฮยอนกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างแต่เป็นเพราะมีนาดันเปิดประตูรถเข้ามาก่อนทำให้เขาเลือกที่จะเงียบแทน และไม่นานรถของชานยอลก็ค่อยๆเคลื่อนออกไปตรงไปยังจุดหมายปลายทาง

     













    Roading,,,












     


            รถของชานยอลยังคงขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ บนท้องถนนนอกตัวเมือง พระอาทิตย์ที่ทำท่าจะลับขอบฟ้าอยู่รำไร มีเสียงพูดคุยเบาๆดังขึ้นภายในรถคันหรู


          คุณปาร์คคะ อีกนานมั้ยคะกว่าจะถึง


          อีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงท่าเรือแล้วครับ


          ต้องขึ้นเรือด้วยหรอคะ


         ใช่ครับ



          ปาร์คชานยอลนึกในใจอย่างตลกขบขัน ไปเกาะถ้าไม่ขึ้นเรือแล้วจะให้ขึ้นอะไรไปหล่ะ เครื่องบินหรือไง? เค้าไม่ได้รวยขนาดนั้นนะ



          มีอะไรหรือป่าวครับ ชานยอลถามออกไปตามมารยาทเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของมีนาประกอบกับที่เธอหันไปมองแบคฮยอนที่นอนหลับอยู่เบาะหลัง


          คุณหนูเมาเรือน่ะค่ะ นานมากมั้ยคะกว่าจะถึงเกาะ


          ก็ประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ



          มีนาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจพร้อมกับปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมเมื่อไม่มีบทสนทนาที่เธอจะพูดต่อ บางทีการพูดคุยกับชานยอลในขณะที่เขากำลังขับรถนั้นอาจจะเป็นการรบกวนสมาธิ

     





           ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสามคนก็มาถึงท่าเรือ ชานยอลอาสายกกระเป๋าทั้งหมดขึ้นบนเรือ โดยที่มีนาบอกว่าจะช่วยด้วยแต่ชานยอลกลับปฏิเสธและบอกว่าจะเป็นคนยกเองให้มีนาคอยดูแลแบคฮยอนแทน ใช้เวลาไม่นานทั้งสามคนก็ขึ้นมาอยู่บนเรือ มีนาก็คอยดูแลแบคฮยอนตลอดเวลาไม่ห่างเพราะกลัวว่าแบคฮยอนอาจจะเกิดอาการเมาเรือได้



         คุณปาร์คคะ ฝากดูแบคฮยอนหน่อยนะคะ พอดีฉันรู้สึกปวดท้องนิดหน่อยนะค่ะ



          มีนาพาแบคฮยอนเดินมาหาชานยอลที่หัวเรือ เขากำลังยืนรับลมอยู่เพียงลำพัง ชานยอลหันมาพยักหน้าให้แทนคำตอบ ก่อนจะหันไปมองร่างเล็กที่ยังคงยืนอยู่นิ่งๆ  เป็นเพราะคลื่นทะเลที่ซัดมาแรงทำให้เรือโคลงเคลงจนคนตัวเล็กเซเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งตัว ชานยอลที่เตรียมจะเข้าไปรับร่างเล็กไว้แล้วแต่ก็ชะงักมือไว้เสียก่อนเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนสามารถกลับมาทรงตัวได้ดังเดิมแล้ว



         เรือเกิดโคลงเคลงอีกครั้ง แบคฮยอนก็เกิดอาการเซอีกรอบ ชานยอลจับจ้องมองแบคฮยอนดูว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป

     


         คุณปาร์ค..คุณปาร์คครับ

     


         ชานยอลไม่ปริปากตอบรับอะไรทั้งสิ้น นอกจากขยับกายของตนเองไปยืนด้านหลังของแบคฮยอนแทน พร้อมกับอ้าสองมือกว้างเผื่อแบคฮยอนอาจจะล้มลง แบคฮยอนที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดใดเลยจึงค่อยๆเอื้อมมือหาที่ยึดจับแต่ก็คว้าได้เพียงแค่ความว่างเปล่า


         คุณปาร์คอยู่ตรงนี้หรือป่าวครับ



         “…”



         คุณปาร์ค..”



         “…”



         พี่มีนาผมกลัว



         หยดน้ำใสใสไหลอาบแก้มคนตัวเล็กโดยที่ปาร์คชานยอลที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ทันได้เห็น เขาได้ยินเพียงแค่น้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตัวเล็ก จนกระทั่งได้ยินเสียงสะอื้นของแบคฮยอนนั่นแหละ ชานยอลจึงได้รู้สึกตัวว่ากำลังทำให้คนตัวเล็กกลัวมากขนาดไหน เขาเดินอ้อมไปยืนด้านหน้าของแบคฮยอนนึกโทษตัวเองที่เล่นพิเรนท์ไม่รู้เวล่ำเวลา ชานยอลก็แค่อยากจะรู้ว่าคนที่มองไม่เห็นเขาเอาตัวรอดในยามขับขันยังไงก็เท่านั้นแหละ


          ไม่ได้นึกว่าจะทำให้แบคฮยอนร้องไห้แบบนี้



          ชานยอลค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือบางที่กำลังพยายามไขว่คว้าความว่างเปล่าในอากาศ แบคฮยอนหยุดชะงักมือก่อนจะจับมือของปาร์คชานยอลแน่นเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่เพียงลำพังแล้ว แบคฮยอนดึงมือชานยอลเข้าหาตัวเองอย่างแรงเหมือนกลัวว่ามันจะหายไป



           โทษที


          คุณปาร์คอย่าไปไหนนะครับ


          กลัวขนาดนั้นเลยหรือไง



          แบคฮยอนพยักหน้าอย่างไม่อายกับความขี้ขลาดก่อนจะก้มหน้าลงพลางยกมือปาดน้ำตาที่แก้ม



          นายไม่ควรจะทำตัวให้เป็นภาระของใครนะ ควรยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ใช่ต้องมีใครมาดูแลนายอยู่ตลอดเวลา นายไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ



          แบคฮยอนสะอึกกับคำพูดของชานยอล ชานยยอลพูดแทงใจดำเขาเหลือเกิน เขาค่อยๆทอดถอนมือออกจากมือของร่างสูง นั่นทำให้ชานยอลก้มมองด้วยความแปลกใจกับท่าทีของเขา  แบคฮยอนปาดน้ำตาหยดสุดท้ายบนใบหน้าของตัวเองก่อนจะค่อยๆหันหลังให้ชานยอล



          ครับ...ผมจะไม่เป็นภาระของใคร



          สิ้นเสียงแบคฮยอนก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าโดยไม่รู้จุดหมาย เขารู้แต่ว่าตอนนี้อยากจะออกไปให้ไกลที่สุด ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีคนใจร้ายอย่างชานยอลอยู่ด้วย



         ชานยอลมองตามพลางนึกสงสัย นี่เขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า พูดแรงไปงั้นหรอ ก็ไม่นี่..ที่เขาพูดมันถูกทุกอย่างเขาก็แค่หวังดีกับแบคฮยอนไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายแบคฮยอนสักหน่อย

     

     





            อ้วกก



           เสียงพะอึดพะอมดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยอาหารและขนมที่ยังไม่ทันย่อยขย้อนออกมาเกือบทั้งหมด  มีนาลูบหลังแบคฮยอนด้วยความเป็นห่วงมือซ้ายก็ยกขวดน้ำป้อนให้ ทันทีที่ลงจากเรือได้ไม่นานแบคฮยอนก็ทนต่อแรงอัดของอาหารภายในร่างกายเขาไม่ไหว เขารู้สึกมึนหัวและอยากจะอ้วกเต็มทีตั้งแต่ยังไม่ทันลงจากเรือเลยด้วยซ้ำ

     


          ชานยอลทำไมมาถึงช้าจังว่ะ


     
        
    รถติด



          อ้อ นึกว่าโดนลอบยิงตายห่าไปแล้ว

     

       
      ชานยอลโยนกระเป๋าเป้สองใบส่งให้คิม จงอินอย่างแรงตัดบทสนทนาที่น่ารำคาญระหว่างเขาและจงอิน ก่อนที่ตัวเองจะแบกกระเป๋าใบใหญ่ตามลงมา ชานยอลวางมันลงบนพื้นทรายก่อนจะเหลียวหลังหันไปมองมีนาที่กำลังเช็ดปากให้แบคฮยอนอยู่ ที่จริงแบคฮยอนก็โตพอสมควรแล้วนะ ประคบประหงมแบบนี้นี่เองถึงดูแลตัวเองไม่ได้สักที

     

          
    นั่นนะหรอคุณหนูแบคฮยอนอะไรนั่น

     
     
         
    ชานยอลหันกลับมามองผู้ชายผิวเข้มก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ

     

          
    คิดดีแล้วใช่ไหม ที่เข้าไปยุ่งกับครอบครัวนั้นอีก



         จงอินหยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวน ก่อนจะคาบมันด้วยปาก  ชานยอลเห็นอย่างนั้นก็เบนสายตาหนีเขาไม่ได้รังเกียจแต่ก็ไม่ได้ชอบ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหามีนาและแบคฮยอนทิ้งคิม จงอินให้ยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เพียงลำพัง



          หวังว่าการมาของคุณหนูแบคฮยอนจะไม่นำพาหายนะมาที่นี่นะ

     






           คุณไหวมั้ย


            ชานยอลเอ่ยปากถามมีนาเมื่อเห็นว่าเธอประคองแบคฮยอนอย่างทุลักทุเล ทนดูได้ไม่นานจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดึงตัวแบคฮยอนมาประคองเอง 


          เดี๋ยวผมจัดการเอง


          ชานยอลจัดการประคองร่างเล็กเดินไปอย่างช้าๆคนตัวเล็กก็เดินโดยไม่พูดไม่จาอะไรเลย เขาอยากจะปฏิเสธการช่วยเหลือของชานยอลแต่เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้จึงเลือกที่จะเงียบแทน สายลมอ่อนๆในยามค่ำคืนพัดผ่านจนร่างเล็กรู้สึกหนาวจนขนลุกในขณะเดิน  เขายกมือขึ้นลูบแขนตัวเองด้วยความเย็นเยียบ



        หนาวหรอ



        แบคฮยอนส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงปฏิเสธแต่ร่างกายกลับสั่นเทิ้มตรงข้ามกับคำตอบ



        พูดเองนะ คิดว่าฉันจะถอดเสื้อให้นายหรือไง ไม่มีทาง



        แบคฮยอนหันหน้าไปทางชานยอลพร้อมขมวดคิ้วมุ่น ถึงแม้จะมองไม่เห็นอะไรก็ตาม



        โกรธหรอเชิญ ใครสนกัน? ”



         ชานยอลตั้งใจพูดกวนประสาทแบคฮยอน แต่นั่นกลับทำให้สองมือบางของแบคฮยอนแกะมือของชานยอลออกจากเขา ชานยอลมองการกระทำของแบคฮยอนพลางนึกขัน 


         ทำเป็นเก่ง..



        เก่งจริง ทำไมไม่เดินหละ


        “…”


        ไหนเก่งนัก โชว์ฉันหน่อยสิ


        ชู่วว



         นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของตัวเองเป็นสัญญาณบอกให้ชานยอลเงียบเสียงลง ยิ่งรู้จักแบคฮยอนก็ยิ่งทำตัวแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดแต่เพียงว่าแบคฮยอนเป็นคนประหลาด..


         มีคนเดินตามคุณมาข้างหลังหรือป่าวครับ


           ชานยอลหันไปมองด้านหลังของตัวเองก็ไม่เห็นอะไรนอกจากคนขับเรือกำลังขับเรือห่างออกไปไกลแล้วและเสียงคลื่นน้ำกระทบฝั่ง



         จะเล่นอะไรของนา..”


          เขายังพูดไม่ทันจบฝ่ามือบางก็เอื้อมมาปิดปากของร่างสูงจนเขาหยุดชะงัก แบคฮยอนพลางทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เกิดความเงียบขึ้นอยู่ไม่นานก็มีเสียงร้องทักขึ้น

     


         เห้ย  สองคนนั้นจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย

     


         คุณปาร์คคะ รีบพาคุณหนูเข้ามาเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะคะ

     


          ชานยอลเงยหน้าไปมองทางต้นเสียงก่อนจะดึงมือคนตัวเล็กที่ปิดปากตนอยู่ออกพร้อมกับจูงมือเขาให้
    เดินตามตัวเองไป พลางนึกเสียเวลาในใจ

     

        

        

     



        เอาไงต่อวะชานยอล


        นายเป็นใคร



         ชานยอลพูดพร้อมกับมองหน้าบุคคลที่สามที่เนื้อตัวและใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือดและรอยฟกช้ำ ชานยอลนึกเอะใจกับคำพูดของแบคฮยอนจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ท่าเรืออีกครั้งก่อนจะพบเข้ากับร่างของผู้ชายคนนึงโชกไปด้วยเลือดและหน้าตาปูดบวมเหมือนโดนทำร้ายมา


         แค่กๆ


         เขาสำลักน้ำที่จงอินเป็นคนสาดใส่ก่อนจะค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก

     

         ผม ผมไม่รู้ " 


         "อ้าว ไอ้นี่ แกไม่รู้จักตัวเองหรอวะ ความจำเสื่อมหรือไง" จงอินจิ๊ปากอย่างรำคาญ





        
          ชานยอลและจงอินมองหน้ากันสักพักก่อนจะพยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณรู้กัน จงอินขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะนั่งยองๆลงตรงหน้าของเขา จงอินเอื้อมมือไปดึงป้ายชื่อที่ติดอยู่กับเสื้อนักเรียนของเขาขึ้นมาเช็ดคราบฝุ่นออกพร้อมกับสะกดอ่านทีละคำ

     






         โอ เซฮุนไอ้นักเรียนมัธยมปลายนี่มันชื่อโอ เซฮุน























     



     

     

    ขอบคุณคอมเม้นนะคะ




    (c) Chess theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×