ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hug Me Please

    ลำดับตอนที่ #2 : 02 Who are you ?

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 54





     


    02 Who are you ?


                 “ ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้วนะ ที่รัก ”  คำพูดของเขาสะท้อนไปมาในหูฉันไม่รู้กี่รอบ

    “ ฮะ ว่าไงนะ !!!   ฉันขึ้นเสียงสูง และก็ยังยืนทื่ออยู่ในอ้อมแขนนายนี่  อืม พอมองใกล้ๆแบบนี้ เพิ่งสังเกตว่าเขาหน้าใสจริงๆแฮะ

                แต่เอ๊ะ นั่นมันไม่ใช่ประเด็นนี่ สิ่งที่ฉันต้องทำอย่างเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ ก็คือ กลับไปถามยัยเพื่อนตัวดีว่าทั้งหมดนี่ มันเป็นเรื่องบ้าอะไรกันแน่ และจะว่าไป ฉันควรจะออกจากอ้อมกอดนายนี่ซักที เพราะว่ามันจะนานเกินไปละนะ

                “ คุณไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ ”

                “ ขอโทษนะคะ ฉันว่ามันต้องเป็นการเข้าใจผิดแน่ๆ งั้นฉันไปก่อนนะคะ ”

                “ ยังไม่ได้ครับ ก่อนจะไป คุณต้องเซ็นสัญญาใบนี้ก่อน ”  ว่าแล้วเขาจึงปล่อยฉันชั่วคราว แต่ว่ามือข้างหนึ่งยังจับแขนฉันเอาไว้ เหมือนกลัวฉันจะชิ่งหนีไปอะไรประมาณนั้น มืออีกข้างก็หยิบกระดาษอะไรซักอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะคลี่ๆสลัดๆ มันให้กางออกและชูขึ้นมาตรงหน้าฉัน

                “ สัญญาผูกพัน ”  ฉันอ่านเสียงเบา จนแทบจะเป็นเหมือนกับเสียงกระซิบ

                “ ถูกต้องครับ ที่รัก คุณต้องเซ็นมันก่อนที่คุณจะไป ”  ถ้าฉันฟังไม่ผิด เมื่อกี้นายนี่เรียกฉันว่า ที่รัก ที่รักงั้นเหรอ ??

                “ ฮะ ฉันไปเป็นอะไรกับคุณตอนไหนเนี่ย ”

                “ ตั้งแต่ที่คุณเดินมากอดผมนั่นแหละครับ ”  พอพูดจบเขาก็ยื่นปากกามาให้ฉัน พร้อมกับยิ้มหวานจนน่าขนลุก ฉันคิดว่าตัวเองกำลังไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ

                และตอนนี้ฉันก็งงมากเลยอ่ะ มีใครพอจะรู้บ้าง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉัน ! !

                “ เอ่อ ขอโทษนะคะ ฉันว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาด คุณคงเข้าใจผิดแล้ว ”

                “ ไม่ผิดหรอกครับ มันถูกต้องที่สุด ”

                ตอนนี้หน้าเขาแบบจริงจังมากถึงมากที่สุด และฉันก็งงมากถึงมากที่สุดเช่นกัน เมื่อหันไปมองหายัยตัวต้นเหตุตรงที่เคยยืนอยู่ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเธอเลยซักนิด แล้วนี่ฉันจะทำยังไงล่ะ

                “ ขอถามตรงๆเลยนะคะ ทำไมฉันต้องเซ็นสัญญานี่ด้วย ”

                “ เพราะว่าคุณคือพรหมลิขิตของผม ”

                “ ฉัน ?? ”  ฉันชี้ตัวเองและถามเขาเสียงสูง

                เขาทำหน้ายิ้มๆ และก้าวเท้าเข้ามาใกล้ฉันอีกหนึ่งก้าว ฉันเองก็ถอยออกมาหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติเช่นกัน เขามองหน้าฉันแปลกๆและก้าวตามมาอีกครั้ง แต่ก่อนที่ฉันจะถอยเป็นครั้งที่สอง เขาก็ดึงฉันกลับมาและลากฉันให้เดินตามเขาไปที่ไหนซักแห่ง

                “ คุณ ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ”

                “ ชู่วว คุณจะตะโกนทำไมเนี่ย เดี๋ยวใครๆเค้าก็เข้าใจผิดหมด ”

                “ คนอื่นเข้าใจผิด แต่ว่าฉันเนี่ยไม่เข้าใจเลย ....ฉันกำลังไม่เข้าใจคุณเนี่ย คุณกำลังจะทำอะไร หา ? ”  ได้ผลแฮะ เขาหยุดเดินและหันมามองฉันที่กำลังหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างยากเย็น เพราะว่าฉันกำลังเหนื่อยกับการถูกลากพร้อมกับตะโกนคุยกับเขาไปด้วย

                “ ถ้าผมบอกคุณ คุณต้องทำตามข้อเสนอของผมหนึ่งอย่าง แค่อย่างเดียว คุณจะตกลงมั้ย ”

                “ ขอโทษนะ แล้วทำไมฉันจะต้องทำแบบที่คุณพูดด้วย คุณสนุกมากมั้ยที่มาเล่นอะไรไร้สาระแบบนี้ แต่ขอโทษที ฉันไม่สนุกกับคุณด้วยหรอกนะ ”  ฉันดึงแขนตัวเองออกมาจากเขา และหันหลังเดินกลับไปทางเดิมที่เราเพิ่งจะเดินผ่านมาเมื่อกี้

                แปลกดีเหมือนกัน ทั้งๆที่ฉันเป็นคนต่อว่าเขาเองแท้ๆ แต่ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกแย่ซะเองแบบนี้นะ หวังว่าเขาคงจะไม่คิดมากอะไรกับคำพูดนั่นใช่มั้ย โธ่ จริงๆแล้วฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแรงอะไรแบบนั้นเลยนะ

                “ คุณ เดี๋ยวก่อน ”  เสียงเรียกของใครซักคนดังอยู่ด้านหลังฉันนี่เอง พอหันไปมองฉันก็โดนดึงเข้าไปหาเขาทันที

                “ คุณทำอะไรของคุณเนี่ย ”  ถูกต้องแล้วค่ะ เขาก็คือผู้ชายคนนั้นแหละ

    ให้ตายเถอะ ตอนนี้เขาบีบแขนฉันจนเจ็บไปหมดเลย แถมสายตานั่นยังมองเหมือนจะฆ่าฉันอีก ที่ฉันรู้สึกผิดเมื่อกี้น่ะ ฉันขอเอาคืน !!

                “ คุณกล้าเดินหนีผมแบบนั้นได้ยังไงนะ ”  ไม่พูดเปล่า เขายังเขย่าตัวฉันแรงๆอีกด้วย

                “ คุณนี่ยังไง เราไม่รู้จักกันซักหน่อยนะคะ ขอร้อง อย่ายุ่งกับฉันเลยนะ ” 

                  “ งั้นเหรอ เราไม่รู้จักกันใช่มั้ย ”  เขายักคิ้วขึ้นมานิดๆ และเอียงคอถามฉัน ถึงแม้ว่าไม่อยากจะยอมรับ แต่ว่าผู้ชายคนนี้หล่อจริงๆนะ ถ้าไม่นับว่าเขาดูประหลาดๆไปนิด อืม เรียกว่ามากจะดีกว่านะ

                “ ใช่สิ ฉันไม่รู้จักชื่อคุณ คุณเองก็คงไม่รู้จักชื่อฉัน แบบนี้เนี่ย แถวบ้านฉันเค้าเรียกว่าคนไม่รู้จักกัน ” 

                “ งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้น คุณอยากรู้จักผมมั้ย ”

                “ ไม่ดีกว่าค่ะ ”  ฉันยิ้มและตอบเขาทันทีโดยไม่คิด เพราะว่าถ้าคิด ฉันกลัวจะตอบตกลงเขาไป ตอนจ้องมาแต่ละทียิ่งคิดอะไรไม่ค่อยออกอยู่ด้วย เฮ้อ... เขามีเวทมนตร์รึเปล่านะ

    และก็ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเขา ยิ่งพูดคุยก็ยิ่งรู้สึก เอ๊ะ หรือว่าจริงๆแล้วเราอาจจะเคยรู้จักกัน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ เขากับฉันยังไงก็ดูเหมือนอยู่กันคนละโลกชัดๆ

    ก็เขาน่ะ ดูสว่างไสวเหมือนแสงอาทิตย์ แต่ว่าตัวเหมือนก้อนหินที่อยู่ในถ้ำลึกที่ไม่เคยมองเห็นทางออก แล้วแบบนี้ แสงอาทิตย์จะส่องถึงได้ยังไงกัน

    “ งั้นผมก็ไม่มีทางเลือก คุณเป็นคนเลือกแบบนี้เองนะ ”  พอพูดจบ เขาก็ยกฉันขึ้นบ่าทันที โดยที่ฉันไม่ทันได้ออกความเห็น และที่สำคัญ ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวเลยซักนิด

    “ ปล่อยนะ ไอ้บ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ใครก็ได้ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันที ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว ”  ฉันทั้งดิ้นทั้งตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แต่เขายังขำ และแถมมาตีก้นฉันอีก

    เขานี่มันบ้าจริงๆ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครทำกับฉันแบบนี้เลยนะ แม้แต่พ่อก็เถอะ

    ฉันทั้งโกรธทั้งอาย เจ็บใจก็เจ็บใจ คนที่เดินผ่านไปมาก็หันมามองเราแปลกๆ แถมบางคนก็หยุดดูเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงไม่มีใครมาช่วยฉันเลยล่ะ  

                “ ปล่อยนะ ทำบ้าอะไรของนาย ”  ฉันกระหน่ำทุบหลังเขาอย่างแรง จนเขาทรงตัวไม่ได้และต้องหยุดเดินชั่วขณะ พอนึกอีกทีแล้วมันก็เสียวๆแฮะ ก็ไอ้ตอนที่มองลงไปน่ะ พื้นกับฉันมันอยู่ห่างกันชะมัด หวังว่าเขาคงไม่โกรธจนโยนฉันลงไปตอนนี้ ไม่งั้นฉันได้เจ็บหนักแน่ๆ เขาจะสูงไปไหนเนี่ย

                “ อย่าดื้อสิครับ หายโกรธผมเถอะนะ ”

                “ ฮะ เมื่อกี้นายว่าไงนะ ”

                “ เราดีกันเถอะ อย่าโกรธผมเลยนะ ”

                “ ไม่ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ปล่อย ได้ยินมั้ยเนี่ย นายหูหนวกหรือไง ”  เขาทำเป็นไม่ได้ยิน และเดินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                “ ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร พอดีแฟนผมเค้ากำลังงอน ผมกำลังง้อเค้าอยู่น่ะครับ ”

                “ ไม่จริงนะคะ เราไม่รู้จักกัน เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะคะ ”

                แต่เชื่อเถอะ หลังจากที่พวกเขาได้ยินประโยคแรกที่หมอนี่พูดไปแล้ว ก็ไม่มีใครสนใจจะฟังประโยคที่สองของฉันอีก ฉันจะทำยังไงดี จะทำยังไง

                ฉันจึงเลิกดิ้นและโวยวาย พร้อมกับใช้ความคิด

                “ หายดื้อแล้วเหรอ คุณที่รัก ” 

                “ ปล่อยฉัน ”  ฉันพูดเสียงเรียบ แต่ในใจนี่กำลังจะระเบิดออกมาแล้ว

                “ ข้อเสนอเดิม คุณต้องสัญญากับผม ว่าจะทำตามที่ผมบอก ”

                ฉันจึงนิ่งอย่างใช้ความคิด จะเอาไงดีนะ ถ้าฉันไม่ตอบตกลง ฉันก็ไม่มีโอกาสจะหนีเขาได้เลยถ้ายังโดนอุ้มไว้แบบนี้ แต่ถ้าฉันตกลง ถ้าเขาเชื่อฉัน ฉันยังมีโอกาสรอด และฉันจะใช้จังหวะนั้นหนีเขา ...ตกลงเอาตามนี้ล่ะ

                “ ตกลง ฉันสัญญา ”

                “ แต่ถ้าคุณคิดจะชิ่งผมล่ะก็ จะมาหาว่าผมใจร้ายไม่ได้นะ ”  เขาพูดเสียงเย็น เหมือนกับรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาคงจะไม่ทำอะไรจริงๆหรอกมั้ง ฉันว่านะ

                เขาวางฉันลง และจับแขนฉันไว้หนึ่งข้าง พร้อมกับมองหน้าฉันดุๆ เหมือนผู้ใหญ่ที่จับได้ว่าเด็กกำลังทำความผิด

                “ คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ว่ามา ”  ฉันเชิดหน้าใส่เขาอย่างอวดดี กับคนที่ไม่เกรงใจกัน ฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องมีมรรยาทกับเขานี่ จริงมั้ย

                “ เซ็นสัญญานี่ ”  เขาหยิบมันขึ้นมาและยัดมันใส่มือฉันอย่างไม่สนใจว่ามันจะขาดมั้ย

                “ ฉันจำเป็นต้องอ่าน ”            

    “ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ เชิญ ”  เขายักคิ้ว และทำเสียงกวนประสาทได้อย่างน่าโมโหที่สุด

    ช่วงเวลานี้แหละ ฉันต้องอาศัยจังหวะที่เขาคิดว่าฉันกำลังอ่านมัน เพื่อหนีให้เร็วที่สุด แต่ตรงนี้คนก็เยอะชะมัดยาดเลย ฉันต้องหนีไม่ทันแน่ แต่ถึงแม้เปอร์เซ็นมันจะติดลบ ก็ดีกว่าอยู่แบบนี้ล่ะนะ

    เอาล่ะ..... วิ่ง

    “ เฮ้ย ยัยตัวดี กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ”

    “ ไม่ ”  ฉันตะโกนตอบกลับไป และวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เรื่องอะไรที่ฉันต้องทำตามที่เขาบอกล่ะ ฉันไม่ได้โง่นะ

                “ ผมบอกให้หยุด ”

                ฉันวิ่งซอกแซกไปมาอย่างน่าเวียนหัว และกล่าวขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับคนที่ฉันวิ่งชนอย่างไม่ตั้งใจ และนี่มันก็ไกลพอสมควรแล้ว ฉันคิดว่าเขาคงตามมาไม่ทันแล้วล่ะ

                “ แฮ่กๆ เหนื่อยจริงๆเลย นายคงจะตามมาไม่ทันแล้วล่ะนะ ”  ฉันพ่นลมออกมาอย่างหมดแรง 

    แต่เหมือนสวรรค์จะไม่เข้าข้างคนอย่างฉันเท่าไหร่ เพราะเมื่อฉันกำลังหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปและคิดว่าตัวเองหนีพ้นแล้ว เขากลับโผล่มาจากทางไหนก็ไม่รู้ ก่อนที่จะกระชากแขนฉันเข้าไปใกล้ และบีบมันไว้แน่น

     

                “ เหนื่อยมั้ยครับ ”  เขาถามเสียงเบาราวกับกระซิบ แต่ว่าคนฟังอย่างฉันกลับรู้สึกเยียบเย็นจนน่าประหลาด ตอนนี้ฉันรู้สึกกลัวจนน้ำตาเหมือนจะไหลออกมาจริงๆ

                “ ผมเตือนคุณแล้วนะ ” 

                “ ฉัน ฉัน ..... ”  ยิ่งเขามองฉันแบบนี้ ฉันยิ่งพูดอะไรไม่ออก

                “ คุณคิดว่าผมใจดีนักรึไง ฮะ ”  เขาตะคอกใส่ฉัน และไม่หลงเหลือรอยยิ้มบนหน้าอีกแล้ว

                ฉันไม่กล้ามองหน้าเขา จึงก้มหน้าลงมามองเท้าอย่างสิ้นหวัง ทำไมชีวิตฉันมันต้องโชคร้ายแบบนี้ด้วยล่ะ ฉันเคยไปทำอะไรกับใครไว้หนักหนามากเหรอ คุณจะบอกฉันได้มั้ย คุณบนเบื้องบนที่กำลังกำหนดชะตาชีวิตฉันอยู่น่ะ

                “ เงยหน้าขึ้นมามองผม ผมไม่ชอบให้ใครก้มหน้าเวลาคุยด้วย ”

                เสียงเขาตอนนี้มันน่ากลัวมากจริงๆ แล้วเขาจะให้ฉันกล้ามองหน้าเขาได้ยังไงกันนะ ถึงแม้ว่าจริงๆแล้ว ทุกอย่างมันจะไม่ใช่ความผิดของฉันก็เถอะ

                “ ผมกำลังพูดกับคุณ คุณได้ยินมั้ย ”  และเมื่อฉันไม่ทำตามที่เขาบอก เขาจึงจับหน้าฉันให้ขึ้นมามองเขาซะเอง

                “ ได้ยิน แต่ไม่อยากทำ ”

                “ เก่งจริงนะ ให้มันได้อย่างนี้ตลอดละกัน เอาล่ะ ครั้งนี้ผมจะไม่เอาโทษคุณ แต่คุณต้องเซ็นนี่ให้ผม ...เดี๋ยวนี้ ”

                “ ก็ถ้าฉันไม่ทำ ... ”  ฉันยังพูดไม่ทันจบ เขาก็เอานิ้วมาแตะปากฉัน และก้มลงมาชิดจนหน้าเราเกือบจะติดกัน ลมหายใจร้อนๆของเขาทำให้ฉันกำลังหายใจไม่ออก

                “ ผมก็จะจูบคุณ...ตรงนี้แหละ ”

                ท่าทางเขาไม่ได้บอกว่าล้อเล่น และฉันเองก็ไม่กล้าเสี่ยง ขนาดตอนนี้คนที่เดินผ่านไปมากำลังจ้องมองเราอยู่ เขายังไม่แคร์เลย และถ้าจะทำมากกว่านี้ ฉันว่าเขาก็คงไม่แคร์เหมือนกัน

                “ เอากระดาษมา ”  ฉันพูดและผลักเขาออกไป

                “ น่าจะเล่นตัวอีกนิดนึงนะ คุณจะได้รู้ว่าผมเป็นคนพูดจริงทำจริง และก็...จะได้รู้ว่าปากคุณน่ะ หวานขนาดไหน ”  เขายื่นกระดาษมาตรงหน้า พร้อมกับปากกาหนึ่งด้าม

                “ ไอ้คนโรคจิต ”  ฉันพูดและดึงกระดาษมาจากมือเขา ก่อนจะเซ็นชื่อตัวเองลงไปตรงมุมท้ายกระดาษ เอาเถอะ มันคงไม่ใช่อะไรคอขาดบาดตายหรอกมั้ง แต่ขืนฉันยังอยู่กับเขานานกว่านี้สิ ฉันต้องตายด้วยน้ำมือเขา หรือไม่ก็บ้าตายเองแน่ๆ

                “ เอาของของคุณคืนไป และเราคงไม่ต้องเจอกันอีก ลาก่อน ”  ฉันส่งกระดาษคืนไป และเดินออกมาทันทีโดยไม่รอให้เขาตอบอะไร

                อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลยนะ เฮ้ออ

                และฉันก็นึกถึงยัยเพื่อนตัวแสบที่เป็นตัวต้นเรื่องทั้งหมดขึ้นมาทันที ป่านนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้ว ทิ้งให้ฉันต้องรับชะตากรรมคนเดียวแบบนี้ได้ยังไงนะ

                แต่เอ๊ะ กระเป๋าสะพายฉันไปไหน ฉันหยุดและหันกลับไปมองที่พื้นด้านหลัง แต่ว่ามันก็ไร้วี่แวว นั่นมันชีวิตทั้งชีวิตของฉันเลยนะ

                “ กำลังหานี่อยู่รึเปล่า ”  เสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากด้านหลัง พร้อมกับยื่นกระเป๋าฉันมาตรงหน้า ใช่แล้ว นี่เป็นกระเป๋าของฉันไม่ผิดแน่

                ฉันจึงเอื้อมมือจะไปคว้าไว้ แต่ใครคนนั้นกลับชักมันกลับไปซะก่อน ก็ถ้าจะช่วยและทำไมจะต้องกวนประสาทด้วยนะ ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ จึงได้แต่หันกลับไปมองหน้าเขาอย่างเสียไม่ได้

                นายนี่อีกแล้ว โอ๊ยย มันอะไรกันนักกันหนานะ

                “ ผมลืมไป ว่าผมหยิบมาก่อนที่จะแบกคุณขึ้นหลังน่ะ ”  เขายิ้มอย่างใสซื่อ แต่ฉันรู้ว่าเขากำลังเสแสร้ง

                “ ถ้าอย่างนั้นก็เอาคืนมาได้แล้ว ”

                “ นางสาว รวิ กิตติคุณวาณิชย์ ”  เขามองหน้าฉันอีกครั้ง ในมือนั้นมีกระเป๋าตังและถือบัตรนักศึกษาของฉันอยู่

                “ เอาคืนมานะ นายกำลังเสียมารยาทค้นของๆคนอื่นอยู่ ” 

                เขาไม่สนใจฉัน และยังหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายขึ้นมาอีก ก่อนจะกดๆอะไรซักอย่าง และเสียงโทรศัพท์เพลงเมทัลร็อคก็ดังขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา

                ถ้าเดาไม่ผิด ....

                “ ตอนนี้ ผมมีทั้งเบอร์โทรศัพท์คุณ บัตรนักศึกษา และก็สัญญาในมือนี่ คุณคงหนีผมไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ ”

                “ มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ”  ในสมองฉันมึนงงและสับสนไปหมด ฉันจับต้นชนปลายไม่ถูก และไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่

                “ งั้นผมจะบอกคุณชัดๆเลยแล้วกันนะ หลังจากนี้ไป คุณคือคนรักของผม เราจะใช้เวลาดีๆร่วมกันสามเดือนต่อจากนี้เป็นต้นไป และหลังจากนั้น โชคชะตาและพรหมลิขิตจะบอกเอง ว่าคุณคือคนที่ใช่ของผมมั้ย ”

                “ แล้วทำไมต้องเป็นฉัน ” 

                “ คุณคงลืมไป ว่าคุณเป็นคนเดินเข้ามาหาผมเองนะครับ ที่รัก ”  เขาบอกและยื่นกระเป๋าคืนมาให้ฉัน แต่ในมือเขายังถือบัตรนักศึกษาของฉันอยู่

                “ เลิกเรียกฉันว่าที่รักซักที ”  ฉันตะโกนออกไป และเอื้อมไปคว้าบัตรของตัวเองคืนมา แต่เขาก็ดึงมันหนีไปอีก

                “ งั้นจะให้ผมเรียกคุณว่ายังไงดี รวิ ดาร์ลิ้ง หวานใจ หรือว่า... คุณภรรยาดีล่ะ ”

                “ ฉันชื่อไออุ่น กรุณาเรียกชื่อนั้น ”

                “ ตกลงครับ ไออุ่น และคุณ....ไม่อยากรู้จักผมบ้างเหรอ ”

                “ ไม่จำเป็น ”  ฉันคว้ามือไปหยิบบัตรอีกครั้ง แต่เขาก็ดึงมันกลับไปเหมือนเดิม ฉันเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ นี่มันชักจะมากเกินไปแล้ว

                “ แต่ผมอยากให้คุณรู้จักชื่อผม เพราะทุกอย่าง มันเกี่ยวข้องกับสัญญาใบนั้น สัญญาร่วมกัน...ระหว่างเรา ”

                เออ จะว่าไปแล้วฉันเองก็ลืมคิด ไอ้ที่เซ็นๆไปยังไม่ได้อ่านรายละเอียดอะไรเลย ถ้าเป็นสัญญาใช้หนี้ขึ้นมาละฉันจะทำยังไง หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้น มันคงไม่ใช่สัญญาส่งฉันไปขายชายแดนหรอกนะ

                 “ มันเป็นสัญญาอะไร คุณบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ”

                “ ผมบอกไปแล้วไง ว่ามันเป็นสัญญาผูกพัน ซึ่งนั่นก็แปลว่า คุณกับผมต้องมีความผูกพัน...ลึกซึ้งต่อกัน ”  เขาพูดยิ้มๆ และทำเป็นหยิบกะดาษขึ้นมาอ่าน

                “ นี่ พูดจาให้มันดีๆนะ ไม่งั้นฉัน...ฉัน ฉันจะ... ”  โธ่เว้ย ทำไมมันคิดคำด่าอะไรไม่ออกเลยเนี่ย

                “ แล้วผมพูดผิดตรงไหน เป็นคนรักกัน ถ้าจะผูกพันลึกซึ้งต่อกัน มันก็ไม่แปลกตรงไหนนี่ ”  เขาพูดหน้าตาย แถมยังเอามือมาประคองหน้าฉันเหมือนกับจะก้มลงมา ... จูบ

                “ พูดเงื่อนไขในสัญญามา ฉันจะได้กลับซักที ”  ฉันผลักเขาออก แล้วมองกระดาษในมือเขาอีกครั้ง

                “ ฟังดีๆนะครับ ไออุ่น สิ่งแรกที่คุณควรจะต้องรู้ไว้ก่อนเลย คือ ตอนนี้คุณมีแฟนแล้ว ซึ่งนั่นก็คือ...ผมเอง ”

                “ ว่าไงนะ ”

                “ สัญญานี้มีระยะเวลาสามเดือน ในระหว่างสามเดือนนี้ คุณกับผมมีสิทธิที่จะรับรู้ทุกอย่างทั้งในเรื่องงาน...และเรื่องส่วนตัว ”  เขาย้ำคำว่า เรื่องส่วนตัว หนักๆและมองหน้าฉัน ก่อนจะกลับไปอ่านต่อ

                ส่วนฉัน ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และตั้งใจฟังเขาต่อ

                “ ผมและคุณจะต้องมีเวลาส่วนตัวให้กัน อาทิตย์หนึ่งไม่ต่ำกว่าสามวัน หรือจะพูดง่ายๆก็คือ คุณต้องมาเจอผมสามครั้งนั่นแหละ ”

                “ ฉันไม่ว่าง ฉันไม่รับรู้ ฉันไม่เห็นด้วย ”  ฉันตะโกนใส่หน้าเขา และหันหลังกลับ

                แต่เขาก็คว้าแขนฉันไว้ก่อนจะกระชากกลับมา โดยที่ไม่สนใจว่าแขนฉันจะเจ็บ หรือว่าจะล้มลงไปกองกับพื้นมั้ย นี่น่ะเหรอ ที่เขาบอกว่าเราเป็นแฟนกัน มันช่างน่าตลกจริงๆ

                “ คุณยังไปไหนไม่ได้ ผมยังพูดไม่จบ ”

                “ ฉันจะไม่ทนฟังคนบ้าอย่างคุณต่อไป เชิญบ้าต่อไปคนเดียวแล้วกันนะ ”

                “ อ้อ และผมก็ลืมบอกไป คุณจะต้องเชื่อฟังและทำตัวเป็นคนรักที่ดีของผมด้วยนะ ในสัญญาบอกเอาไว้ เพราะฉะนั้นตอนนี้ ผมของสั่งให้คุณยืนฟังผมให้จบด้วยนะครับ...ไออุ่น ”

                เขาเอามือมาโอบไหล่และดึงฉันไปยืนชิดกับเขา ท่าทางตอนนี้ เหมือนฉันกำลังยืนพิงไหล่เขาอยู่ และเขาก็แนบหน้าลงมาบนผมฉันท่าทางเหมือนรักฉันมากอะไรทำนองนั้น ฉันพยายามจะดึงตัวเองออก แต่เชื่อสิ เขาไม่ยอมขยับเลย

                ฉันจึงได้แต่มองกระดาษที่อยู่ในมืออีกข้างของเขาแทน

                “ ข้อต่อไป เราทั้งสองคนต้องแนะนำแต่ละฝ่ายให้ครอบครัวได้รู้จัก และแนะนำว่าเราเป็นอะไรกัน ”

                “ ไม่นะ ”

                “ ยังไม่จบ ข้อนี้สำคัญมากด้วย ทั้งคุณและผมจะต้องไม่โกหก ปิดบัง หรือมีความลับต่อกัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ”  เขาเอามือมาลูบหัวฉันเบาๆ และอ่านต่ออย่างใจเย็น

                “ หากว่าสามเดือนผ่านไป ผมพอใจในตัวคุณ คุณจะต้องแต่งงานกับผม ”

                “ คุณไม่มีสิทธิ ”

                “ ผมมีสิทธิครบถ้วนตามสัญญา ”

                “ สัญญานายขี้โกง ทำไมเห็นแก่ตัวแบบนี้ถ้าเกิดฉันไม่ได้ชอบคุณล่ะ ถ้าฉันอยากเป็นอิสระ ... ”

                “ เรื่องที่คุณจะไม่ชอบผมน่ะ บอกไว้เลยว่ามันยากมาก ไออุ่น ”

                “ แต่ฉันว่าไม่ได้ ฉันมั่นใจ อย่าเข้าข้างตัวเองให้มันมากไปหน่อยเลย ”  เขาบีบไหล่ฉันแรงจนรู้สึกเจ็บ แต่ว่าฉันจะไม่บอกหรือร้องออกมาให้เขาได้ยิน และฉันจะทำทุกอย่างให้เขาเกลียดฉันให้ได้

                “ และถ้าฉันไม่ทำตามสัญญา ”

                “ อย่าทำอะไรโง่ๆดีกว่า คุณไม่มีทางหนีผมพ้น เพราะสัญญานี่ คุณเป็นคนเซ็นมันเอง และผมก็มีพยานเซ็นไว้แล้วด้วย คุณไม่มีทางทำได้หรอก งั้นผมจะบอกข้อสุดท้ายเลยแล้วกันนะ ”

                “ นายนี่มัน ... ”

                “ ถ้าหากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา จะต้องทำตามเงื่อนไขหรือมาตรการใดๆก็ตามที่อีกฝ่ายกำหนดขึ้นมาตามความพอใจ และไม่มีสิทธิคัดค้านหรือโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น ”

                พอพูดจบเขาก็พับกระดาษและเก็บมันลงในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะดึงฉันให้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา พร้อมกับจับไหล่ฉันไว้ทั้งสองข้าง

                ยิ่งมองหน้าเขาชัดๆแบบนี้ ฉันยิ่งรู้สึกว่าต่อไป มันจะมีเรื่องยุ่งตามมาไม่รู้จบ มันไม่มีทางเป็นไปได้ เราสองคนไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยพบหน้ากัน และยิ่งไปกว่านั้น ฉันเชื่อว่าเรื่องพรหมลิขิตบ้าบออะไรของเขานั่นมันไม่มีทางมีอยู่จริง

                “ ตอนนี้คุณก็รู้ทุกอย่างแล้วนะ ผมจะขำแนะนำตัวเองเลยละกัน ”  เขาสบตาฉันด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ และหนักแน่น

                “ ผมชื่อ กราฟฟิก หรือเรียกสั้นๆว่า กราฟ คนที่จะเป็นแฟนคุณตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ระวังให้ดีนะที่รัก คุณจะเผลอชอบผมโดยไม่รู้ตัว ”




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×