คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 01 Hug Me Please !
01 HuG me Plaese
“ อุ่นจ๋า วันนี้ไปเดินเล่นซื้อของที่ถนนคนเดินเป็นเพื่อนกันหน่อยน้า น้า น้า ”
“ วันนี้ไม่ได้อ่ะ ไซน์ ฉันต้องไปทำงานพิเศษ ” ฉันหันหน้าไปตอบ ‘ดีไซน์’ เพื่อนสนิทคนสวยที่ยืนทำตาแป๋วอยู่ตรงหน้า พลางเก็บหนังสือใส่กระเป๋าต่ออย่าเร่งรีบ
ให้ตายเหอะ ทำไมอาจารย์จะต้องเมคอัพคลาสวันนี้นะ แถมยังจะปล่อยเลทอีก ฉันคงไม่ต้องตกงานตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำหรอกนะ ใช่มั้ย เฮ้ออ
“ อุ่นอ่ะ ขาดวันหนึ่งไม่ได้เหรอ วันนี้มันวันเสาร์นะ ฉันอยากให้แกไปจริงๆ ไปเถอะ นะ นะ นะ ”
“ ได้ไงล่ะ วันนี้เพิ่งจะเริ่มงานวันแรก เดี๋ยวเขาก็ไล่ออกกันพอดี ” ฉันรูดซิบกระเป๋าและหยิบขึ้นมาสะพายก่อนจะมองหน้าดีไซน์เพื่อนรักอีกครั้ง
“ ครั้งหน้าละกันนะไซน์ โธ่ แกอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ใช่ว่าฉันไม่อยากไปกับแกที่ไหนล่ะ แต่วันนี้มันไม่ได้จริงๆ ”
ตัวฉันเองชื่อ ไออุ่น ค่ะ มันเป็นชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้มาตั้งแต่เกิด เพราะว่าท่านทั้งสองอยากให้ฉันเป็นคนอบอุ่น ใครอยู่ด้วยแล้วก็สบายใจ อยากให้ฉันเป็นที่รักของทุกคน...
แต่ท่านคงไม่รู้หรอกว่า มันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยซักนิด แล้วตอนนี้ ตัวฉันเอง...ก็เกลียดชื่อนี้ที่สุด
“ ไม่ได้จริงๆน่ะเหรอ วันนี้อยากให้แกไปจริงๆนะ เอางี้ ถ้าโดนไล่ออก ฉันจะให้ป๊ารับแกทำงานเอง โอเคป่ะ ”
“ เฮ้ย จะทำงั้นได้ไงล่ะ เอาไว้คราวหน้านะ นะ นะ ไปละ ขอโทษจริงๆนะไซน์ ” ฉันหยิกแก้มยัยไซน์เบาๆ ก่อนที่จะรีบวิ่งออกมาจากห้อง โดยมีเสียงแม่ตัวดีโวยวายเรียกฉันตามหลังมาไม่หยุด
ฉันยิ้มออกมานิดๆ เมื่อนึกถึงหน้ายัยนั่นตอนจะต้องเจอกันอีกครั้ง เฮ้ออ ..แล้วนี่ฉันจะง้อยังไงดีล่ะเนี่ย ใครเค้าจะไม่อยากไปกันล่ะไซน์เอ๊ยย ฉันเองก็ไม่อยากจะต้องมาทำงานแบบนี้หรอก แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่ ฉันจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ
และเมื่อมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง ฉันก็แทบอยากจะมุดลงดินมันซะเดี๋ยวนี้ มันเลยเวลาเข้างานมาตั้งสิบนาทีแล้ว แต่ว่าฉันยังไม่ได้ก้าวเท้าออกจากมหาลัยเลย โธ่ ชีวิตฉันมันจะมีอะไรดีบ้างมั้ยนะ
“ ขอโทษจริงๆนะคะ พี่ป้อง ” ฉันกล่าวขอโทษพี่ป้องซ้ำแล้วซ้ำอีก ตั้งแต่มาถึงร้านจนกำลังจะเลิกงานอยู่รอมร่อ โชคดีที่วันนี้ร้านกาแฟคนไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ฉันก็รู้สึกผิดอยู่ดีนั่นแหละ
“ คุณอุ่นครับ ถ้าคุณอุ่นพูดอีกคำเดียว พี่ป้องสุดหล่อคนนี้จะตัดเงือนเดือนจริงๆ นะครับ ” เขาเข้ามายีหัวฉันที่กำลังก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
“ ก็วันนี้อุ่นเริ่มงานวันแรก แล้วยังจะมาสายอีก ” ฉันตอบเสียงเบา
“ งั้นถ้าอุ่นไม่อยากรู้สึกผิด พรุ่งนี้ก็มาเร็วๆแล้วกันนะ วันนี้กลับได้แล้วล่ะ คนน้อย เค้าคงไปเดินถนนคนเดินกันหมด เดี๋ยวพี่กับแป้งปิดร้านเอง ”
“ ค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ ”
พี่ป้องยิ้มและส่ายหัวแบบขำๆ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์เครื่องดื่ม ส่วนฉันก็รีบเก็บโต๊ะให้เสร็จ เลิกงานเร็วแบบนี้ แวะไปหาไซน์ซักหน่อยดีกว่า ป่านนี้คงจะด่าฉันในใจไม่รู้กี่รอบแล้วล่ะ
ว่าแล้วฉันก็รีบเดินเข้าไปคว้ากระเป๋าสะพายที่วางไว้หลังร้าน และไปบอกลาพี่ป้อง และพี่แป้ง (น้องสาวพี่ป้อง)
งานนี้นับว่ามันเป็นความโชคดีมากๆบนความโชคดีแค่ไม่กี่อย่างในชีวิตของฉัน ย้อนกลับไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนหลังจากที่มาเดินเล่นถนนคนเดินกับไซน์ เราแวะมานั่งพักที่รานกาแฟร้านนี้เพื่อรอป๊าของยัยไซน์มารับ ฉันจึงบังเอิญไปเห็นประกาศรับสมัครพนักงานที่ติดอยู่ตรงหน้าร้าน
นั่นล่ะ ฉันจึงเดินไปสมัครมันซะเลย แล้วพี่เขาก็ยิ้มอย่างใจดีแล้วบอกให้มาเริ่มงานได้เดือนหน้า ฮ่าๆ ในที่สุดฉันก็ได้งาน บังเอิญจริงๆแฮะ
ปกติแล้ว ร้านนี้คนจะพลุกพล่านตลอดเวลา ไม่รู้เป็นเพราะกาแฟที่นี่คุณภาพเยี่ยม เค้กรสชาติอร่อย บรรยากาศดี ร้านตกแต่งสวย หรือเป็นเพราะว่าพี่ป้องหล่อ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันคิดว่าอย่างหลังล่ะ ขนาดอยู่ใกล้ๆนี่ ใจฉันยังเต้นแรงเลย แถมยังใจดีอีกต่างหาก
“ ไซน์ อยู่ไหนอ่ะ ฉันเลิกงานแล้ว ” ฉันโทรศัพท์อยู่หน้าร้านหลังจากที่นาฬิกาตีบอกเวลาสองทุ่ม อีกมือก็กระชับกระเป๋าสะพายอย่างเคยชิน
“ หา จริงอ่ะ เลิกงานแล้วเหรอ งั้นมาถนนคนเดินเลย ด่วนๆ ฉันอยู่ตรง ..... แกรู้จักมั้ย ”
“ อืมๆ โอเค งั้นรอตรงนั้นก่อนนะ เดี๋ยวเดินไปหา ”
ฉันออกเดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยร้านค้าและนักท่องเที่ยวมากมายยามค่ำคืน ยิ่งมองดูเท่าไหร่ ทำไมในใจฉันก็ยิ่งรู้สึกอิจฉามากขึ้นทุกทีๆ ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่า แต่ละคนดูมีความสุขกันจริงๆ ในขณะที่ตัวฉันเองกลับมืดมนและเงียบเหงา
ทั้งที่ทางเดินจากร้านไปถึงที่นัดหมายไม่ได้ไกลเท่าไหร่เลย แต่ตอนนี้ฉันกลับทั้งรู้สึกเหนื่อยและล้าจริงๆ มันเป็นเพราะอะไรกันนะ
“ อุ่น ทางนี้ๆ ” เสียงเรียกของไซน์ ทำให้ฉันหลุดออกจากความคิดของตัวเองและรีบเดินตรงไปหาเธอ
“ กว่าจะมานะแก ดูโน่นๆ แกว่าคนนั้นหล่อมั้ย ”
“ หืม อะไรของแกเนี่ย ” โดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว ยัยไซน์ก็ลากฉันให้เดินลิ่วๆไปไหนซักที่ ส่วนฉันก็ได้แต่ทรงตัวไม่ให้ล้มไปตามแรงดึง พร้อมๆกับพยายามเบี่ยงตัวหลบคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจำนวนมหาศาลนี่ด้วย
“ นั่นไง คนที่ยืนชูป้ายอยู่ตรงนั้นอ่ะ แกว่าเค้าหล่อมั้ย ”
“ ที่ลากมาเพื่อจะถามแค่นี้เนี่ยนะ ” ฉันขึ้นเสียงสูง และพยายามจะดึงให้ยัยนี่หยุดเดิน แต่เชื่อเหอะ ฉันทำไม่สำเร็จหรอก ยัยนี่แรงเยอะกว่าผู้ชายบางคนซะอีกนะ
“ โอเค ฟังฉันนะ ” อยู่ดีๆ ไซน์ก็หยุดเดิน จับไหล่ฉันไว้ทั้งสองข้าง และจ้องฉันเขม็ง
“ นี่มันขึ้นอยู่กับอนาคตของฉันเลยนะ แกจะทำให้ฉันได้มั้ย ไออุ่น ”
“ นี่แกบ้าป่ะเนี่ย อะไรมันจะจริงจังขนาดนั้นฮะ ” ฉันพูดขำๆ แต่ในใจมันกลับรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ ฉันพูดจริงๆ แกจะทำเพื่อเพื่อนคนนี้ได้รึเปล่าล่ะ ” และสายตานั่นก็บ่งบอกฉันว่า เธอไม่ได้พูดเล่น
“ ถ้าฉันสามารถทำให้แกได้ แกก็บอกมาเลยเพื่อน ”
ไซน์ยิ้มอย่างดีใจ และชี้ไปทางผู้ชายที่เธอพยายามถามฉันว่าเขาหล่อมั้ย ฉันจึงมองไปทางนั้นอย่างเสียไม่ได้ และก็เพิ่งจะเห็นว่า เขาไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ แต่ในมือเขากำลังชูป้ายสีขาวแผ่นใหญ่ ซึ่งถ้าอ่านไม่ผิด บนนั้นมันเขียนว่า ‘ Hug Me Please !!! ’
“ ไม่ยากเลย แกแค่เดินไปกอดเขาแค่นั้นเอง กอดแรงๆให้ฉันทีนะ ” แล้วเธอก็ผลักฉันไปข้างหน้าทั้งๆที่ฉันยังเรียบเรียงอะไรต่อมิอะไรในสมองไม่เสร็จ
“ ฮะ แกพูดอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย แกกำลังล้อฉันเล่นใช่มั้ย ไซน์ ”
“ ฉันพูดจริงๆ แกรับปากฉันแล้วนะ เพื่อนรัก ”
“ แต่ตอนแรกแกบอกว่า มันเกี่ยวกับอนาคตของแกนะ แต่นี่ฉันไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวตรงไหน ฉันทำไมได้อ่ะ ”
ฉันพูดและเดินหนีไปอีกทาง อยู่ดีๆจะให้ฉันไปกอดใครที่ไหนก็ไม่รู้เนี่ยนะ ถ้าเราไม่ใช่เพื่อนกัน ฉันคงจะโกรธยัยนี่มากแน่ๆ เชื่อสิ
“ แกรู้ได้ไงว่าไม่เกี่ยว ” เธอเดินมาดักหน้าฉันเอาไว้ และทำหน้าจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
“ แกคิดว่าฉันจะทำไปโดยไม่มีเหตุผลงั้นเหรออุ่น ฉันเป็นเพื่อนแกนะ สิ่งที่ฉันกำลังจะทำ ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีกับทั้งฉันและตัวแก ฉันจะทำไปทำไม ”
“ ฉันไม่เข้าใจ ”
“ แค่แกเชื่อใจฉัน และทำตามที่ฉันบอก แกจะเข้าใจ ” สายตานั่น ทำให้ฉันอยากจะลองเชื่อใจเพื่อนคนนี้ และเสี่ยงทำมันดูซักครั้ง
“ ตกลง ฉันจะทำ ” ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจและความกล้าของตัวเอง ก่อนที่จะมองหน้าเพื่อนสนิทอีกครั้ง และเดินตรงไปหาผู้ชายคนนั้น
แต่ยิ่งใกล้เท่าไหร่ ความกล้าของฉันมันก็น้อยลงทุกทีๆ และอีกอย่างที่ทำให้ฉันก้าวเท้าไม่ออก ก็คือผู้ชายคนที่ฉันกำลังเดินไปหานี่แหละ เขาจะหน้าตาดีเกินไปรึเปล่าเนี่ย
ตอนนี้...ฉันแทบจะหายใจไม่ออกแล้วนะ
“ สู้ๆน่ะ ไออุ่น เธอทำได้ ” ฉันพูดเบาๆกับตัวเอง และพยายามไม่มองสายตาของคนมากมายที่กำลังมองตรงมาที่ฉัน พวกเขาต้องมองว่าฉันบ้าไปแล้วแน่ๆเลย
และในที่สุดฉันก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา โดยที่ไม่รู้ว่าสายตาของเขาเป็นยังไง หรือแม้กระทั่งว่าเขาได้มองมาที่ฉันหรือเปล่า เพราะว่าระดับความสูงของฉันมันถึงแค่คอเขาเท่านั้น และฉันก็กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองเขาซะที่ไหนกันล่ะ
และถึงแม้จะถอยตอนนี้มันก็คงไม่ทันแล้ว ฉันก็เลย .... กอดเขา
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ส่วนตัวฉันเอง ก็ได้ยินแค่เสียงหัวใจที่มันเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกมาเท่านั้น ฉันว่าฉันต้องบ้าไปแล้ว ฉันบ้าไปแล้วแน่ๆ
สัมผัสร้อนๆที่เป่ารดข้างๆหู ปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ และสั่งโสตประสาทให้กลับมาทำงานเป็นปกติอีกครั้ง เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะที่ค่อยๆดังเข้าหูทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ได้กำลังฝันไป และทุกอย่างตอนนี้มันเป็นเรื่องจริง !!!
“ หวัดดีครับ ” เสียงกระซิบเบาๆที่หูทำให้ฉันตกใจ และผละออกจากคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ทำไม่ได้อย่างใจคิด เขายังจับแขนฉันไว้ทั้งสองข้างและก้มลงมามองหน้าฉันจนเกือบจะชิด
“ ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้วนะ ที่รัก ”
ความคิดเห็น