ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 5
บทที่ 5
ทันทีที่ประคองเปรมมิดานั่งลงที่โต๊ะทำงาน  นิสาก็ต้องรีบกลับไปทำงานต่อ เนื่องจากเลยเวลางานมามากแล้ว  เปรมมิดานั่งทำแผลที่หัวเข่าไปได้สักพัก เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องบางก็ดึงความสนใจให้ต้องเอื้อมไปกดรับ เมื่อเหลือบเห็นชื่อคนโทรเข้า
“สวัสดีค่ะพี่เมฆ  มีอะไรให้นุ่นรับใช้หรือเปล่าคะ”  เปรมมิดาทักอย่างอารมณ์ดี เพราะหลังจากที่เมฆาไปบ้านเธอครั้งก่อนนั้น เจ้าตัวก็มักจะโทรมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องของน้องสาวจอมดื้อของเธอแทบทุกวัน
“นุ่นจ๊ะ  คือว่าพี่ มีเรื่องอยากวานให้นุ่นช่วยหน่อยน่ะ”  เมฆาอ้อนเสียงหวานอย่างที่เปรมมิดาชักเริ่มชิน ยามที่เจ้าตัวต้องการขอร้องให้ช่วยเหลือ
“เรื่องอะไรคะ?” 
“คือว่าเสาร์นี้เพื่อนพี่จะมาเชียงใหม่น่ะ  แล้วทีนี้พี่เองก็เพิ่งกลับมา  ยังไม่คุ้นกับที่นี่เท่าไร  เลยอยากได้ไกด์นำเที่ยวหน่อยจ้ะ  นุ่นว่างมั้ย?” 
“เสาร์นี้เหรอคะ  อืมม์..........เดี๋ยวนะคะ”  ว่าแล้วก็เปิดดูตารางนัดหมายต่างๆ
“ว่าไงจ้ะ”
“ว่างค่ะ  แล้วทำไมพี่เมฆไม่ให้ฟ้าช่วยล่ะค่ะ  รายนั้นเป็นนักประชาสัมพันธ์เลยนะคะ  รับรองนำเที่ยวฉลุย”    รับคำแล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ดีกว่าจ้ะ  พี่กลัวยัยฟ้าจะไปกินเพื่อนพี่ก่อนน่ะสิ  แค่วันนั้นเพื่อนพี่โทรมาหา เจอฤทธิ์ยัยฟ้าเข้าให้ เพื่อนพี่งี้เข็ดไปเลย”
“ค่า...ค่ะ พอจะเข้าใจค่ะ”  เอ่ยเสียงใสอย่างอารมณ์ดีเพราะชินกับนิสัยวีนแตกของเพื่อนอยู่แล้ว
“พี่อยากจะให้นุ่นช่วยพาเที่ยวสักสองอาทิตย์จะได้มั้ย  เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ไม่รบกวนเวลางานของนุ่นแน่ๆ จ้ะ”
“อืมม์...ก็ได้ค่ะ  เห็นว่าเป็นเพื่อนพี่เมฆนะเนี่ย  ว่าแต่เสาร์นี้จะให้นุ่นไปเจอที่ไหนคะ” 
“เดี๋ยวพี่ไปรับนุ่นเองดีกว่าจ้ะ”
“นั่นแน่!  อยากเจอใครหรือเปล่าคะ  เลยเอานุ่นมาอ้าง”  เสียงใสถามอย่างรู้ทัน 
“นุ่นก็รู้อยู่แล้ว ยังมาแซวพี่อีกแน่ะ  พอเลยๆ  เดี๋ยววันเสาร์ สายๆ หน่อยพี่ไปรับ”  เมฆารีบเอ่ยตัดบทอย่างเร็วก่อนที่จะโดนแซวมากกว่านี้
“ค่า  เดี๋ยวนุ่นจะบอกให้ฝ้ายเตรียมของว่างไว้รอนะค้า”  เปรมมิดาวางสายลงอย่างอารมณ์ดี เช่นเดียวกับเมฆาที่กำลังนั่งอมยิ้มอย่างเป็นสุข คิดถึงน้องฝ้ายของเขาที่กำลังจะได้เจออีกครั้ง
เช้าวันเสาร์ภายในไร่ปาริชาติ ปกคลุมไปด้วยไอหมอก  อากาศเย็นชื้น มีน้ำค้างเกาะตามดอกไม้ใบหญ้า แสงแดดอ่อนที่ส่องกระทบเข้ามาทำให้เป็นประกายระยิบระยับ  ดูสวยงามจับตา
ที่ห้องทานอาหาร ประมุขของไร่พร้อมทั้งภรรยาและบุตรสาวคนเล็กนั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่  ขาดก็แต่บุตรสาวคนโตที่เป็นที่รู้กันว่าวันหยุดเมื่อไร เจ้าตัวจะของดอาหารเช้า เนื่องจากต้องการพักผ่อน  คุณปรเมศร์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เหลือบเห็นบุตรสาวคนโตแต่งกายเรียบร้อยเข้ามานั่งลงข้างปวีณาก็ทักอย่างสงสัย
“ทำไมวันนี้ ลูกสาวคนสวยของพ่อตื่นเช้าจัง  จะไปไหน  หือม์ ?” 
“นุ่นมีนัดกับพี่เมฆน่ะค่ะ  จะไปเป็นไกด์ให้เพื่อนพี่เขา”  ตอบผู้เป็นพ่อ  แต่สายตากลับชำเลืองมองอากัปกิริยาของน้องสาวที่ชะงักไปชั่วครู่
“เหรอ ดีแล้ว  ช่วยพี่เขาได้ก็ช่วยไป  คนกันเองทั้งนั้น  แล้วนายเมฆจะมาเมื่อไรล่ะ”  สายตาของบุพการีทั้งสองมองตามบุตรสาวคนโตไปยังอีกคนที่ก้มหน้าก้มตาทำทีไม่สนใจ อย่างใคร่รู้ปฏิกิริยาเช่นกัน
“เดี๋ยวก็ใกล้จะมาแล้วล่ะค่ะ คุณพ่อ”
“ยังไงก็อย่ากลับดึกนะจ้ะ  จะได้ชวนตาเมฆมาทานข้าวด้วยกัน”  คุณกัลยาวางชามข้าวต้มกรุ่นให้ลูกสาวพลางเอื้อนเอ่ยบ้าง
“ค่ะแม่  รับรองพี่เมฆต้องมาแน่ๆ ค่ะ”  เปรมมิดาตอบมารดาแต่สายตากลับมองไปทางคนใจแข็งของพี่เมฆ  ครั้นเห็นสายตาวิบวับของทุกคนที่มองมาทางตนอย่างแปลกๆ ปวีณาก็เอ่ยขอตัว หยิบชามของตัวเองไปวางที่ห้องครัวทันที  ทิ้งให้สามคนที่เหลือมองสบตากันอย่างยิ้มๆ
ร่างบางที่นั่งบนโซฟานุ่มคนเดียวภายในห้องนั่งเล่นมีสีหน้าครุ่นคิด หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว  เปรมมิดาก็แยกมานั่งรอเมฆาเงียบๆ อย่างใช้ความคิด พยายามนึกถึงความฝันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ภาพเธอกับผู้หญิงคนหนึ่งในความฝันที่อบอวลไปด้วยมิตรภาพนั้นยังแจ่มชัดอยู่ในใจ
หญิงสาวร่างบอบบางที่คล้ายว่าจะสามารถแตกหักได้ง่ายหากมีอะไรมากระทบ ผิวขาวใสกับใบหน้าอ่อนละมุน รับกับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ประกอบด้วยแพขนตาหนานั้น ทำให้เจ้าของเครื่องหน้านี้สมบูรณ์แบบคล้ายกับนางฟ้าขาวผู้แสนบริสุทธิ์
“เราจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป  จะไม่มีอะไรมาทำลายมิตรภาพระหว่างเราได้  นุ่นสัญญาว่าจะปกป้องมันไว้อย่างเต็มที่”  ถ้อยคำที่เธอเป็นผู้เอื้อนเอ่ยยังคงชัดเจนอยู่ในใจ  เปรมมิดารู้สึกคุ้นเคยกับคำพูดนี้ คล้ายกับว่ามันเคยออกมาจากปากของเธอเมื่อนานมาแล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่เธอจำไม่ได้
“อ้อมก็เหมือนกัน  นุ่นคือเพื่อนที่ดีที่สุดที่อ้อมจะไม่มีวันสูญเสียไป”  นิ้วก้อยของทั้งสองเกี่ยวกันไว้แน่นเพื่อยืนยันคำมั่นสัญญา  พร้อมกับส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
รอยยิ้มที่ทั้งเธอและผู้หญิงคนนั้นส่งให้กัน ทำให้น้ำตาเอ่อคลอนัยน์ตากลม พร้อมกับความรู้สึกหลายๆ อย่างที่วิ่งผ่านเข้ามา ทั้งรักและผูกพัน  มีความสุขและก็ทุกข์ในคราวเดียวกัน  ส่วนลึกในใจร้องบอกว่าเธอคนนี้คือคนสำคัญ
แต่เมื่อลืมตาตื่นจากฝัน  ภาพหญิงสาวผู้นั้นที่จำได้ดีในความฝัน กลับเลือนหายไป  ไม่ว่าจะพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ซ้ำยังกลับทำให้เธอปวดหัวจนแทบระเบิด  ดีที่ว่าได้ยาแก้ปวดช่วยบรรเทาไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถลงไปข้างล่างได้อย่างหน้าตาแจ่มใสเป็นปกติเหมือนเช่นทุกวันแน่
‘เธอคือใครกันแน่นะ’  เปรมมิดาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องฝันถึงผู้หญิงคนนี้บ่อยครั้ง และทุกๆ ครั้งที่เห็นใบหน้านั้น เธอจะรู้สึกปวดร้าวเสมอ  ที่สำคัญยามตื่นเธอไม่เคยจดจำใบหน้านั้นได้เลยสักครั้ง
ความคิดของเธอที่กำลังล่องลอยไปไกลนั้น ถูกเรียกกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเครื่องรถยนต์  ร่างบางผุดลุกขึ้นจากโซฟา สลัดความรู้สึกเมื่อครู่ทิ้งไป ก้าวออกไปต้อนรับผู้มาเยือน
รถปิกอัพสีดำคุ้นตาขับมาจอดหน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่  ประตูรถถูกเปิดออกสองฝั่ง  เมฆาและชายหนุ่มร่างสูงที่ดูคุ้นตาก้าวลงมาจากรถ  ร่างบางเพ่งมองอย่างสงสัย จนเมฆาส่งยิ้มเดินมาหาเธอ ปล่อยให้อีกคนหยุดยืนชมธรรมชาติอยู่  เปรมมิดาจึงรีบถามอีกฝ่ายเสียงเบา
“ใครคะพี่เมฆ”  เสียงใสๆ ที่กระซิบถาม ทำให้เมฆาที่เดินมาอย่างอารมณ์ดีเพราะมีแผนการในใจ ทำหน้างงงวยในทันที 
“หือ ?.....อ๋อ...เพื่อนพี่เอง  เดี๋ยวนะ”  ใบหน้าคมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ มองตามสายตาของเจ้าบ้านคนสวยแล้วก็ถึงบางอ้อ ส่งยิ้มบางๆ ให้ แล้วเดินไปตามคนที่อยู่เบื้องหลังให้เดินมาพร้อมกัน
“นุ่นจ้ะ  นี่เพื่อนพี่ ชื่อ ‘พีระ’ เรียก ‘พี’ เฉยๆ ก็ได้  แล้วก็นายพี นี่น้องนุ่น ที่ฉันเล่าให้ฟัง”  เมฆาเอ่ยแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกัน
เปรมมิดายกมือไหว้ชายหนุ่ม ที่มองดูแล้วรู้สึกคุ้นตา  ก่อนจะร้องออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อสบสายตาที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าคมเผยรอยยิ้มชวนมองให้คนเห็นรู้สึกใจหวิวๆ ชอบกล
“คุณนั่นเอง”
“อ้าว?  นี่รู้จักกันมาก่อนเหรอ”  เมฆาร้องทักอย่างแปลกใจ
“นิดหน่อยน่ะ  แต่ยังไม่รู้จักกันอย่างเป็นทางการ”  พีระตอบยิ้มๆ จับจ้องใบหน้าใสไม่วางตา
“งั้นก็รู้จักกันไว้ซะ  เพราะว่าน้องนุ่นจะเป็นคนพานายเที่ยว” 
“แล้วพี่เมฆล่ะคะ”  เปรมมิดาถามอย่างสงสัย  ‘ทำไมพี่เมฆบอกว่าเธอ ไม่ใช่พี่เมฆกับเธอหรอกเหรอที่จะพาเขาไป’
“นุ่นคงไม่ว่านะ  ถ้าพี่จะขออยู่ที่ไร่นี้  ไม่ไปด้วยน่ะ  พี่อยากอยู่ใกล้ๆ ฝ้าย  นุ่นช่วยพี่หน่อยนะ”  เมฆารีบกระซิบบอก พลางทำตาปริบๆ อ้อนวอน
“สรุปว่าถ้านุ่นอยากช่วยน้อง  ก็ต้องช่วยพี่เมฆใช่มั้ยคะ”  คนถูกขอร้องส่ายหน้าช้าๆ ถามอย่างจนใจ
“นะนุ่นน้า.....  ถ้างานนี้สำเร็จ พี่มีรางวัลให้เลย”  พีระมองอาการออดอ้อนเหมือนเด็กห้าขวบของเพื่อนตัวเอง ก็หลุดขำพรืดออกมาอย่างทนไม่ได้  เลยได้รับสายตาพิฆาตที่ส่งมาจากคนทำท่าเหมือนเด็ก ทำให้ต้องรีบกลั้นหัวเราะ แล้วเสไปมองดูอย่างอื่นแทนอย่างยิ้มๆ
‘เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเวลาความรักมันเข้าตา  อะไรๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น’
“เฮ้อ....ก็ได้ค่ะ”  เปรมมิดาถอนหายใจก่อนจะรับคำอย่างจำยอมแกมอ่อนใจ
“งั้นเดี๋ยวนุ่นเอารถพี่ไปละกันนะ  พี่จะอยู่รอที่นี่จ้ะ”  เมฆาบอกอย่างอารมณ์ดี  จนเปรมมิดาอดหมั่นไส้ไม่ได้  ‘ดูเถอะมาใช้เค้าทำงาน ส่วนตัวเองนั่งง้อสาวสบายอยู่ที่นี่แทน’
“พอดีเลยค่ะ คุณแม่เพิ่งบอกให้นุ่นชวนพี่เมฆอยู่ทานข้าวด้วยกัน  แต่ถ้าเป็นแบบนี้พี่เมฆคงฝากท้องตั้งแต่มื้อเที่ยงแน่ๆ เลยใช่มั้ยคะ”  ถามอย่างไม่ต้องการคำตอบในตอนท้าย  แล้วหันกลับมามองอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เชิญคุณด้วยเลยละกันค่ะ”
“ขอบคุณครับ”  พีระรับคำอย่างยินดี
“พี่ว่าเราสองคนรีบไปเถอะ  เดี๋ยวจะเที่ยวได้ไม่เยอะ”  เมฆาแนะนำ  รุนหลังให้สองคนเดินไปที่รถพร้อมกับเปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นนั่ง  ส่วนพีระนั้นเดินไปด้านคนขับอย่างรู้หน้าที่
“แหม....ได้ที ไล่กันเลยนะคะ  ยังไงก็อย่าทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาคุณพ่อคุณแม่นะคะ  พี่เมฆ”  เปรมมิดาลดกระจกลงบอกเสียงใสอย่างล้อเลียน
“รีบๆ ไปเลยเรา  แล้วก็รีบกลับมาล่ะเดี๋ยวคุณน้าจะเป็นห่วง  พี ดูแลน้องแทนเราด้วยนะ”  ออกปากไล่เสียงขรึมอย่างจงใจทำกลบเกลื่อน  ก่อนจะพูดเสียงเข้มกับเพื่อน  พีระพยักหน้ารับคำ  ก่อนจะขับเคลื่อนรถออกนอกไร่  โดยมีสายตาของเมฆามองตาม  เมื่อรถลับตาแล้ว ชายหนุ่มก็เดินยิ้มอย่างอารมณ์ดีเข้าไปในบ้านที่มี ‘สาว’ ที่เขาคิดถึงทันที
เปรมมิดาพาชายหนุ่มตระเวนไปรอบๆ ตัวเมือง พลางเอื้อนเอ่ยแนะนำสถานที่ต่างๆ ไปเรื่อยๆ เกือบทั้งวัน จนมาหยุดพักที่สวนสวยร่มรื่นแห่งหนึ่ง  เก้าอี้ม้านั่งตัวยาวสีขาวหลายตัวใต้ต้นไม้ใหญ่ทั้งหลายวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่ทั่วทั้งสวน ทั้งคู่เลือกที่นั่งพักกันบริเวณใกล้ริมบึงน้ำ เพื่อรับสายลมเย็นๆ
“น้ำครับ”  พีระส่งขวดน้ำที่ตนแวะซื้อก่อนเดินเข้ามาในสวนให้หญิงสาวที่กำลังนั่งเช็ดหน้าเช็ดตาอยู่
“ขอบคุณค่ะ”  เปรมมิดารับมาดื่มพร้อมส่งยิ้มให้บางๆ 
“ผมทำให้คุณลำบากหรือเปล่าครับ ที่ต้องมาคอยเทคแคร์ผม ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดคุณ” 
“ไม่หรอกค่ะ  ถือว่าได้เที่ยวไปในตัวด้วยค่ะ  ปกตินุ่นไม่ค่อยได้ออกมาทำแบบนี้สักเท่าไรหรอกค่ะ ส่วนมากออกมาจากไร่ก็มาทำงานอย่างเดียวเลยค่ะ”  บอกเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาดื่มน้ำแล้วมองรอบๆ สวนอย่างสบายๆ
พีระพินิจมองร่างบางข้างกาย  เธอต่างจากเมื่อก่อนมากจนเขาเกือบจำไม่ได้  สาวน้อยผู้มีประกายตาอันสดใสในครั้งเก่าก่อนที่เขาเคยเห็นนั้นหายไป เหลือแต่เพียงหญิงสาวผู้มีนัยน์ตาหวานประกายเศร้า ที่ดูหม่นหมอง  มันทำให้ใจเขารู้สึกสลดหดหู่ตามไปด้วย เมื่อคิดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุให้เธอเป็นเช่นนี้
เขาชอบในความสดใสของเธอ ตั้งแต่ได้เห็นครั้งแรกในวีดีโองานเลี้ยงวันเกิดน้องสาวของเขาที่ส่งไปให้เขาดูที่เมืองนอกในปีที่ได้เริ่มเข้าเรียนปีแรกในรั้วมหา’ลัย  ดวงตากลมโตของเธอมีประกายความสดใส ที่ทำให้เขา คนที่พยายามไขว่คว้าหาแสงสว่างให้กับจิตใจที่เหงา ว้าเหว่ ยามนึกถึงบุพการีที่จากไป  ชีวิตที่เหลืออยู่เพียงลำพัง ที่ถึงแม้จะมีญาติที่ยังรักและหวังดีกับเขาอยู่ก็ตาม แต่มันก็ยังไม่พอที่จะเติมเต็มในส่วนที่หายไปจากใจเขาได้
แค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มของเธอในครั้งนั้น เขาก็บอกตัวเองได้เลยว่า นี่คือสิ่งที่ตามหามาโดยตลอด ที่จะทำให้เขาไม่ต้องรู้สึกอ้างว้างอีกต่อไป  และวันนี้ตอนนี้เธอก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เธอมีตัวตนไม่ใช่เพียงแค่ภาพในจอ หรือภาพในกรอบรูปเท่านั้น  เจ้าหญิงของเขาจะต้องมีประกายสดใสเช่นเดิม ไม่ว่าเพราะอะไรก็ตามที่ทำให้เธอต้องเป็นอย่างนี้ เขาจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้เธอกลับเป็นเหมือนเดิม
“คุณนุ่นอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดหรือครับ”
เปรมมิดาหันสบตาคนถามครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “อืม...ยังไงดีล่ะคะ ก็ไม่เชิงอยู่มาตั้งแต่เกิดหรอกค่ะ สมัยเด็กๆ นุ่นก็อยู่ที่นี่แหละค่ะ แต่ว่าพอช่วงมัธยมก็ไปอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ  แล้วก็กลับมาเรียนที่นี่อีกทีก็ช่วงมหาลัย  จนถึงตอนนี้แหละค่ะ”
“คุณนุ่นจบจากที่นี่?”  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน  “ไม่ได้เรียนต่อในกรุงเทพหรือครับ”  พีระถามอย่างสงสัย ก็ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนกับน้องสาวเขาในมหาลัยเดียวกัน แล้วทำไมเธอถึงบอกว่าเรียนที่นี่
“ค่ะ  คุณพ่อกับคุณแม่อยากให้กลับมาเรียนที่นี่มากกว่า  ท่านว่าอยู่ที่กรุงเทพทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่  สู้กลับมาอยู่ที่นี่ไม่ได้”  ท้ายประโยคนั้นแผ่วเบา เมื่อหวนนึกถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ต้องกลับมา
“เหรอครับ”  พีระรับคำอย่างสงสัย คิ้วเข้มยังคงขมวดอย่างคนใช้ความคิด จนอีกฝ่ายชักเริ่มแปลกใจ
“คุณพีมีอะไรหรือเปล่าคะ  นุ่นเห็นทำหน้ายุ่งเชียว”
“ปะ เปล่าครับ พอดีผมคิดอะไรนิดหน่อยน่ะครับ” 
“เล่าเรื่องคุณพีให้นุ่นฟังบ้างสิคะ เห็นพี่เมฆเล่าว่าคุณพีอยู่ที่เมืองนอกนานกว่าพี่เมฆซะอีก”  เปรมมิดาถามอย่างใคร่รู้ 
พีระคลายคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน ส่งยิ้มบางๆ ให้ นัยน์ตาใสที่จ้องหน้าเขาอย่างสนใจคำตอบ  แล้วก็พลันอยากคิดแกล้งหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมา
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็เหมือนกับเด็กที่ไปเรียนต่อเมืองนอกทั่วๆ ไปแหละครับ”  คำตอบแบบกำปั้นทุบดินทำให้คนถามหน้ามุ่ยทันควัน
“โห  เล่าให้ฟังหน่อยก็ไม่ได้นะคะ  หวงเรื่องน่าดู สงสัยต้องมีความลับอะไรแน่ๆ เลย”  ชายหนุ่มเพียงแต่ส่งยิ้มให้อีกเช่นเดิม  จนคนถามเริ่มมองหาคำถามใหม่
“งั้นเอาเรื่องของพี่เมฆก็ได้ค่ะ  นุ่นจะเอาไว้ไปเล่าให้ยัยฝ้ายฟัง  อ๊ะๆ  หวังว่าคราวนี้คงเล่านะคะ  ห้ามยิ้มอย่างเดียวแล้วด้วย”  เปรมมิดารีบร้องดักไว้ก่อน คนถูกถามเลยส่งยิ้มกว้างกว่าเดิมให้พร้อมกับเริ่มเล่าเรื่องราววีรกรรมต่างๆ ให้ฟังอย่างเต็มใจ
        *********************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น