ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2
บทที่ 2
สองสาวพี่น้องแห่งไร่ปาริชาติ  บุตรสาวของคุณปรเมศร์เจ้าของไร่ชื่อดังในตัวเมืองเชียงใหม่ กำลังนั่งเอกเขนกกันอยู่บริเวณระเบียงบ้านชั้นสอง
เปรมมิดานั่งคิดวางแผนงานที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้าต้อนรับเทศกาลรับลมหนาวที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า  หล่อนเหลือบแลมองร่างบางที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตน ที่กำลังนั่งอ่านพ็อกเก็ตบุ๊คส์เล่มโปรดอย่างอารมณ์ดี
สายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านบนระเบียงกว้างนั้นทำให้คนที่นั่งอยู่รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็พบดวงดาวมากมายกำลังทอแสงแข่งกันอย่างสวยงาม ขณะที่กำลังชื่นชมความงามของท้องฟ้านั้น ก็พลันรู้สึกเหมือนใครกำลังเรียกหาหล่อนอยู่ นัยน์ตากลมหันกลับมามองปวีณาที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ เหมือนเดิม
“ฝ้าย เมื่อกี้เราเรียกพี่หรือเปล่า”  คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นสบตาคนถาม  ส่ายหน้าปฏิเสธยิกๆ
“เปล่านี่ ฝ้ายยังไม่ได้ยินเสียงใครเลยนะ”  ใบหน้าสวยไม่ต่างจากคนเป็นพี่ตอบกลับทันที
“เหรอ  ทำไมพี่รู้สึกเหมือนมีใครเรียกเลยล่ะ”
“หูแว่วมั้ง อาจจะเป็นเสียงลมก็ได้นะ”
“อือ....ก็อาจจะเป็นได้นะ”  เปรมมิดาครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยรับคำเสียงเบา  พลันสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์เครื่องบางกำลังสั่นอย่างหนักร้องเรียกให้หล่อนสนใจ มือบางกดปุ่มรับทันทีเมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้าที่ปรากฏบนหน้าจอ
“ว่าไงจ้ะ  ฟ้า โทรมาซะดึกเชียวนะ”  เสียงใสทักกลับทันทีที่ได้ยินฝ่ายนั้นทักทายเสียงหวาน
“พรุ่งนี้นุ่นว่างหรือเปล่า  พอดีพี่เมฆจะกลับมาพรุ่งนี้น่ะ  ว่าจะชวนไปรับด้วยกันหน่อย”  ปลายสายน้ำเสียงออกจะสั่นนิดๆ เนื่องจากตื่นเต้นดีใจ ที่พี่ชายคนเดียวของเธอกำลังจะกลับมาหลังจากที่ไปเรียนต่อที่เมืองนอกนานหลายปี
“ว่างจ้ะ  ไปได้อยู่แล้ว  คิดถึงพี่เมฆเหมือนกัน  ไม่เจอตั้งหลายปี ไม่รู้จะเปลี่ยนไปเยอะมั้ยนะ”  เปรมมิดารับคำเสียงใส ก่อนจะเอ่ยถึงพี่ชายเพื่อนอย่างใคร่รู้
เมฆาหรือพี่เมฆของนิสานั้นสนิทสนมกับบ้านเธอเป็นอย่างดี ตอนเด็กๆ พวกเรามักจะมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ  หลังจากที่ครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่กรุงเทพ ก็ยังได้เจอกับเมฆาอยู่เสมอ เนื่องจากพี่ชายเพื่อนคนนี้มาเรียนต่อในกรุงเทพเช่นกัน  อาจจะเป็นเพราะวัยที่เริ่มโตขึ้นก็ได้ ที่ทำให้เมฆาห่างจากบ้านหล่อนไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งอยู่ดีๆ ก็บินไปเรียนต่อที่เมืองนอกทันทีที่เรียนจบ ทั้งที่เคยพูดนักหนาว่าจะไม่ไปเมืองนอกเด็ดขาด
“อือ....เราก็อยากรู้เหมือนกัน ยังไม่รู้เลยว่าจะจำหน้าพี่ชายตัวเองได้มั้ย  ก็อย่างที่รู้ๆ กันรายนั้นนะไม่เคยติดต่อกลับมาบ้านเลย  คิดๆ แล้วก็น่าหมั่นไส้เหมือนกันนะ”  ท้ายเสียงนั้นออกแนวฉุนๆ เมื่อนึกถึงการกระทำของเมฆา
“เอาน่ะ  ยังไงซะพี่เมฆก็กลับมาแล้ว  รับรองคราวนี้แกได้เบื่อหน้ากันไปเลยแหละ”  เอ่ยเสียงเย้าใส่เพื่อนสาว  รู้ดีว่านิสานั้นไม่มีทางเบื่อเมฆา เพราะพี่น้องคู่นี้รักกันอย่างกับอะไรดี
“ก็ว่างั้นแหละ  งั้นพรุ่งนี้ฉันขับรถไปรับแกที่ไร่เองละกัน  คงจะเข้าไปช่วงสายๆ นะ”  นิสารับคำอย่างอารมณ์ดี พร้อมนัดแนะเวลาเสร็จสรรพ ก่อนจะขอวางสายลงเตรียมไปจัดห้องให้เมฆา
นัยน์ตากลมของคนเป็นพี่ทอแสงอ่อนโยน  มองโทรศัพท์เครื่องบางที่วางสายไปแล้วอย่างเอ็นดู จนปวีณาต้องเอ่ยถามอย่างสงสัย
“พี่นุ่นจ้องโทรศัพท์แล้วยิ้มแบบนี้  ใครโทรมาหรือคะ”
“พี่ฟ้าจ้ะ โทรมาบอกว่าพี่เมฆจะกลับมาพรุ่งนี้จ้ะ”  คนฟังหน้าเบ้ทันทีที่ได้ยิน จนเปรมมิดาต้องเอ่ยถามเสียงหวาน
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ฝ้ายไม่ดีใจเหรอที่เมฆกลับมาน่ะ”
“ไม่เลยค่ะ จะกลับมาทำไมก็ไม่รู้  คนลมเพลมพัดแบบนั้น กลับมาทำไมให้เสียเวลา”  น้ำเสียงประชดประชันของปวีณา ทำให้คนเป็นพี่มองอย่างครุ่นคิด
‘คู่นี้ต้องมีเรื่องอะไรกันแน่ๆ’  เปรมมิดาไม่อาจรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตราบใดที่ปวีณาไม่เอ่ยเล่าให้ฟัง เธอก็ไม่เคยคิดที่จะถาม เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน
“อย่าพูดให้พี่เมฆได้ยินล่ะ  เดี๋ยวจะน้อยใจกันซะเปล่าๆ”
“ดีค่ะ อยากให้ได้ยินด้วยซ้ำ”  คนเป็นน้องสะบัดหน้าอย่างงอนๆ ลุกขึ้นก้าวออกจากบริเวณระเบียง  แต่ยังไม่วายหันมาบอกกับคนเป็นพี่ต่อว่า
“แล้วพรุ่งนี้พี่นุ่นก็ไม่ต้องพามาที่นี่นะคะ  ฝ้ายไม่อยากเจอ”  จบคำร่างบางก็หมุนตัวเข้าห้องทันที ทิ้งให้คนเป็นพี่ได้แต่มองอย่างเอือมๆ
ท่าอากาศยานเมืองเชียงใหม่ในช่วงบ่าย  ค่อนข้างปลอดผู้คน ซึ่งต่างจากช่วงหน้าเทศกาลสำคัญที่จะมีผู้คนเดินทางมากันมากมาย
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งสองคนที่กำลังยืนอยู่บริเวณทางออกผู้โดยสาร  เป็นที่สะดุดตาคนมองอย่างมาก  เนื่องจากหญิงสาวทั้งสองคนเป็นที่รู้จักดีในเมืองนี้  ไม่มีใครไม่รู้จักบุตรสาวผู้ว่า กับ บุตรสาวเจ้าของไร่ปาริชาติ
ร่างสูงที่กำลังเดินออกมา  มองเห็นคนทั้งคู่ได้อย่างง่ายดาย  ‘ก็คนมองกันเยอะอย่างนี้ เป็นใครก็ต้องหันไปมองตามบ้างล่ะ’ แม่น้องสาวตัวดียังคงมองไม่เห็นว่าเขากำลังเดินมาจะถึงตัวเธออยู่แล้ว 
เมฆามองร่างบางนั้นอย่างเอ็นดู และคิดถึงอยู่สักพัก  น้องสาวเขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าตอนนี้ชายหนุ่มมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังแล้ว  จะมีก็แต่เปรมมิดาที่หันมาเห็นเขา แล้วทำท่าจะเรียกเพื่อนสาว 
ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นแตะที่ริมฝีปาก  ส่ายศีรษะเบาๆ ไม่ให้เปรมมิดาร้องบอก  ความคิดแผลงๆ แว่บขึ้นสมองมาทันที  สองมือสองเท้าจึงพร้อมใจกันออกเดินแล้วเข็นรถขนสัมภาระชนเบาๆ ที่ด้านหลัง 
คนถูกชนหันมาโวยใส่คนแกล้งซุ่มซ่าม  ปากที่กำลังจะเอ่ยต่อว่าเป็นอันต้องค้างไปโดยปริยาย เมื่อเห็นว่าคนที่ชนเธอคือใคร
“พี่เมฆ”
“ก็พี่น่ะสิ  เห็นเป็นใครล่ะ ยัยน้องตาเซ่อ”  เสียงทุ้มเอ่ยเย้าแหย่ รอยยิ้มขบขันปรากฏบนใบหน้า ที่เห็นน้องสาวเขาอ้าปากค้าง มองอย่างตะลึงเมื่อครู่
“พี่มาตั้งแต่เมื่อไร  ทำไมฟ้าไม่เห็นเลยล่ะ”  คนเป็นน้องเอ่ยถามอย่างงงๆ  จนคนเป็นพี่ต้องเอามือเขกศีรษะเบาๆ
“พี่ยืนดูเราอยู่ตั้งนานแล้ว ว่าจะเห็นพี่มั้ย  ดูสินุ่นยังเห็นพี่เลย  เราเป็นน้องซะเปล่ามองไม่เห็นพี่ตัวเอง”  ท้ายเสียงเอ่ยอย่างงอนๆ
“อ้าว....แล้วทำไมไม่เรียกล่ะ มายืนบื้อใบ้อยู่ทำไม”  เมื่อถูกกวนมากเข้า นิสาก็เริ่มออกอาการรวนพี่ชายสุดที่รักทันที
“แกนี่นะ  มันน่า.......จริงๆ”  เมฆาเอ่ยอย่างหมั่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  แล้วหันไปทักคนที่ยืนอยู่อีกคน
“นุ่นสบายดีมั้ย  ไม่ได้เจอเราตั้งหลายปี  สวยขึ้นนะ  ท่าทางหนุ่มๆ จะติดตรึม”
“สบายดีค่ะ  พี่เมฆก็ดูดีนะคะ สาวๆ คงติดพี่เหมือนกัน” 
“แหม.....น้องสาวพี่คนนี้ก็สวยเหมือนกันนะคะ ไม่เห็นชมบ้างเลย”  นิสาที่ยืนฟังคนโน้นชมคนนี้อยู่ก็เลยเสริมชมตัวเองขึ้นมาบ้าง  เรียกเสียงหัวเราะจากคนฟังได้ดีทีเดียว
“แกน่ะมันสวยก็จริง แต่นิสัยหลงตัวเองอย่างนี้จะมีใครเอา”
“โห...ไม่มีเข้าข้างน้องตัวเองเลยนะ  ดีล่ะอุตส่าห์เตรียมห้องไว้ให้  คืนนี้ก็นอนมันนอกบ้านเลย”  นิสาสะบัดหน้างอนอย่างแกล้งทำ  ยืนหันหลังให้พี่ชาย  ด้วยรู้ดีว่านิสัยของเมฆานั้น ต้องง้อเธอเป็นแน่ 
“โอ๋.....พี่ล้อเล่นน่ะ  น้องพี่คนนี้สวยที่สุด เลิศที่สุดเลยจ้า  อย่าให้พี่นอนข้างนอกเลยนะ  สงสารพี่ชายตาดำๆ คนนี้หน่อยน้า”  ท้ายเสียงออดอ้อนจนคนถูกง้อแอบลอบยิ้ม พยายามเก๊กหน้าขรึม
ร่างบางสาวเท้ายาวๆ เดินหนีร่างสูงของคนเป็นพี่ที่เดินตามยื่นนิ้วก้อยให้เกี่ยวขอคืนดี  จนเปรมมิดาอดที่จะยิ้มขำไม่ได้  ‘ก็นะตัวโตซะเปล่าพี่เมฆ  หลงกลยัยฟ้าจอมเจ้าเล่ห์อีกจนได้  แล้วดูเอาเถอะ มือหนึ่งก็ยื่นนิ้วก้อยไปหายัยตัวแสบ  อีกมือก็เข็นรถเดินตาม ดูทุลักทุเลพิกล’
เปรมมิดาก้าวเดินตามคนทั้งคู่ออกมาจนถึงลานจอดรถ  ก็พบว่าทั้งสองคนดีกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  นิสาที่ยืนยิ้มแก้มปริ มีร่างสูงของคนเป็นพี่คอยเปิดประตูรถให้ จนเข้าไปนั่งเป็นที่เรียบร้อย
เมฆาหันมาเปิดประตูให้เปรมมิดาเช่นกัน  เขาเอ็นดูหญิงสาวไม่ต่างจากน้องสาวแท้ๆ ของเขาเลย  ปิดประตูให้สองสาวเสร็จเรียบร้อย  ชายหนุ่มก็พาร่างสูงของตนเข้าประจำที่คนขับอย่างรู้หน้าที่  เลี้ยวรถออกจากสนามบินมุ่งสู่จวนผู้ว่า
เปรมมิดาอยู่ทานข้าวเลี้ยงต้อนรับเมฆาที่จวนผู้ว่า จนฟ้าเริ่มมืด  หญิงสาวยืนมองดูดาวอยู่คนเดียว หลังจากที่นิสาขอตัวไปคุยกับบิดา   
“คนที่บ้านนุ่นสบายดีกันใช่มั้ย”  เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้หญิงสาวหันกลับมายิ้มให้ร่างสูงที่เดินมาหา
“สบายดีทุกคนค่ะ  พ่อกับแม่นุ่นก็บ่นคิดถึงพี่เหมือนกันนะคะ  แต่ว่างานที่ไร่ค่อนข้างยุ่งเลยไม่ได้มาด้วย”
“เอ่อ...เอ่อ....แล้ว....แล้วฝ้ายล่ะเป็นอย่างไรบ้าง”  ชายหนุ่มอ้ำอึ้งไม่กล้าถามเรื่องราวของคนที่ตนคิดถึง  กว่าจะหลุดเสียงถามออกมาได้เล่นเอาคนฟังยืนลุ้นอยู่ใกล้ๆ อดขำไม่ได้
“ก็สบายดีเหมือนกันค่ะ  ช่วงนี้ปิดเทอมเลยกลับมาอยู่บ้าน เดือนหน้ามหาลัยก็เปิดแล้วคงต้องกลับไปเรียน”  เปรมมิดาเอ่ยตอบ  ใบหน้าหวานระบายยิ้มอย่างนึกขัน
“ใกล้จะจบแล้วสินะ”  เสียงทุ้มเอ่ยเบาจนเหมือนกระซิบ  แต่เปรมมิดาก็ยังได้ยิน
“ปีนี้ก็จะจบแล้วค่ะ” 
“เหรอ” 
“พี่เมฆจะแวะไปหาก็ได้นะคะ  เดี๋ยวยัยฝ้ายกลับไปจะไม่ได้คุยกันซะก่อน”  เอ่ยอย่างแนะนำคนตัวโตกว่า
“ฝ้ายคงไม่อยากคุยกับพี่นักหรอก”  เสียงทุ้มเอ่ยเศร้า  ก้มหน้ามองพื้น  จนคนฟังต้องถอนใจ
“นุ่นไม่รู้หรอกนะคะ ว่าระหว่างฝ้ายกับพี่เมฆเกิดอะไรขึ้น  แต่นุ่นเชื่ออยู่อย่างว่าความผูกพันของพวกเราตัดกันไม่ได้ง่ายๆ หรอกค่ะ  ฝ้ายยังคงมีพี่เมฆอยู่มุมใดมุมหนึ่งในหัวใจแน่นอนค่ะ”  เสียงใสกล่าวให้กำลังใจร่างสูง
“พี่เชื่อนุ่นจ้ะ  พี่จะลองพยายามดูอีกครั้ง”
“ดีมากค่ะ แบบนี้ค่อยสมกับเป็นพี่เมฆหน่อย”  ทั้งสองสบตายิ้มให้กันอย่างเข้าใจ
หลังจากที่ยืนส่งน้องสาวตัวดีขับรถไปส่งเปรมมิดาที่ไร่  เมฆาก็เดินหันกลับเข้าบ้านทันทีกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น  มือหนายกหูโทรศัพท์รับ
“สวัสดีครับ จวนผู้ว่าอานนท์ครับ”
“ขอสายคุณเมฆาหน่อยครับ”  เสียงปลายสายนั้นคุ้นเคยจนเมฆาอมยิ้ม
“ไม่ทราบว่าคุณชายพี มีเรื่องอะไรให้กระผมรับใช้หรือขอรับ”
“อ้าว...เมฆเองเหรอ  เห็นพูดซะเพราะเชียวนึกว่าไม่ใช่นาย”  น้ำเสียงนั้นเอ่ยอย่างแปลกใจ ก่อนจะเย้าในตอนท้าย
พีระกับเมฆานั้นสนิทสนมกันอย่างมาก  เนื่องจากเป็นรูมเมทตอนที่เรียนอยู่เมืองนอกด้วยกันหลายปี  ทั้งสองคนตกลงกลับเมืองไทยพร้อมกัน  แต่เนื่องจากเที่ยวบินเต็ม ทั้งคู่เลยต้องแยกกันกลับคนละไฟล์ท ทำให้เดินทางมาถึงคนละวันกัน
“เป็นไงถึงบ้านแล้ว ลุงกับป้านายคงเลี้ยงต้อนรับใหญ่โตเลยสินะ” 
“ไม่หรอก ก็แค่เลี้ยงกันในครอบครัวเอง แล้วนายล่ะ”  พีระเอ่ยถามกลับบ้าง
“ก็เหมือนกัน  แล้วนี่นายจะมาที่นี่เมื่อไรล่ะ”
“ว่าจะขอพักก่อนน่ะ แล้วค่อยทำงาน  นี่ก็ว่าจะลงไปเที่ยวทางใต้อยู่เหมือนกัน”
“ไม่ลองมาสำรวจสถานที่ ที่นี่ก่อนเหรอ”
“หือม์...ก็น่าสนนะ อาจจะลงใต้ก่อนแล้วค่อยขึ้นไป”
“จะมาเมื่อไรก็โทรมาบอกละกัน  น้องสาวฉันทำงานอยู่บริษัทนายนั่นแหละ  ไว้แล้วจะให้พาเที่ยวให้ทั่วเลย”
“อือ...ขอบใจนะ  เฮ้ย...แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่นะ ป้าฉันมาว่ะ”  ท้ายเสียงร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นผู้เป็นป้า  เพราะพีระกำลังวางแผนจะไปเที่ยวโดยไม่บอกให้ท่านรู้  รับรองได้เลยว่าถ้ารู้ถึงหูเมื่อไร  เขาต้องอดไปแน่นอน
“เออแล้วค่อยคุยกันเว้ย”  เมฆาวางหูโทรศัพท์ลงอย่างอารมณ์ดี เดินฮัมเพลงกลับขึ้นห้อง
ไร่ปาริชาติเช้านี้ต้อนรับแขกผู้มาเยือนถึงสองคน ปวีณาเดินลงมาจากด้านบนได้ยินเสียงหัวเราะและพูดคุยของบิดากับมารดาหล่อน คุยอยู่กับใครสักคนดังมาจากห้องนั่งเล่น ด้วยความอยากรู้จึงเดินเข้าไปดู
เมื่อได้เห็น ‘แขก’ ที่ว่า ปวีณาก็ทำท่าจะเดินหันหลังกลับทันที แต่นัยน์ตาสีสนิมหันมาเห็นหล่อนซะก่อน จึงร้องเรียกไว้
“น้องฝ้าย”  ร่างบางหยุดชะงักฝีเท้า เมื่อได้ยินเสียงนั้นเรียกเธออย่างอ่อนโยนเหมือนเช่นวันวาน
                                      ********************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น