คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Capitolo I
ยืนรออย่างนี้มาชาติหนึ่งแล้วนะเมื่อไหร่จะเดินมาถึงเสียทีแม่คุณ! ฉันยืนอย่างนี้มาตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอยังไม่เสด็จเลยนะเพื่อนบ้า ดีนะที่เลือกจัดในโบสถ์ที่ใหญ่ปานกลางไม่ใช่วิหารดูโอโม่ ไม่อย่างนั้นฉันได้ไปกองรออยู่ที่พื้นแน่
วันนี้ฉันมางานแต่งงานเพื่อนค่ะ แต่อีกสองสามวันมันจะเป็นงานศพฉันแทน ‘พรีม’ เพื่อนสาวของฉันก็ได้แต่งงานมีครอบครัวกับนาย ‘อันโตนีโอ’ หนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาลี ตามประเพณีไทยนั้นเจ้าบ่าวต้องไปแต่งงานที่บ้านเจ้าสาว แต่นี่เจ้าสาวต้องหอบสังขารมาแต่งกับเจ้าบ่าวแบบข้ามทวีป ค่าใช้จ่ายมันก็สูงนะ แต่พอดีว่าเจ้าบ่าวเขาออกให้หมดอ่ะ โฮะๆ
ฉันมองเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวกล่าวคำปฏิญาณพร้อมกับแลกแหวนแต่งงาน ก็ได้แต่มองคนอื่นเขามีความสุขกัน ฉันมีพี่สาวอยู่สองคนก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว เหลือฉันกับน้องสาวแค่สองคนแต่คุณเธอนั้นมีพัดลมแล้ว
“ขอบใจแกมากนะวีที่มาช่วยงาน”
“ไม่เป็นไร แกกับฉันเพื่อนกันนี่” J
อีตอนแรกก็ปฏิเสธอยู่หรอกนะ แต่ดันเป็นคนแพ้น้ำตา เห็นน้ำตาแล้วใจอ่อนทุกที งานพิธีตอนเช้าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ตอนนี้ฉันอยู่ที่งานเลี้ยงบ้านอันโตนีโอ บรรยากาศไม่ค่อยตึงเครียดเหมือนช่วงเช้าเพราะมีแต่พวกรุ่นราวคราวเดียวกัน ฉันนั่งจิบไวน์ดูพวกนั้นเต้นรำอยู่ที่ฟลอร์กันอย่างสนุกสนาน ไม่ใช่ว่าฉันมาคนเดียวนะถึงได้นั่งหง่อยเหงา ฉันพา ‘มัสลิน’ น้องสาวตัวดีมาด้วยกันและเจ้าตัวก็ควงพัดลมของเธอมาด้วย
“พี่วีทำไมไม่ไปเต้นด้วยกันล่ะ”
มัสลินผละจากคู่เต้นแล้วเดินมานั่งข้างฉัน เธอกอดแขนเอาหน้าซบไหล่ของฉันอย่างเด็กน้อย ส่วนพัดลมของเธอน่ะหรอ...ก็นั่งอยู่ถัดไปนั่นไง
“ไม่ดีกว่า อยู่อย่างนี้ดีกว่า”
ฉันตอบไปส่งๆ แล้วหันกลับไปดูคู่เต้นรำที่เหลืออยู่ หลายคนอาจจะสงสัยว่าพัดลมมันคือใคร แล้วทำไมฉันถึงเรียกเขาอย่างนั้น เขาชื่อ ‘ตะวัน’ แฟนน้องสาวฉันเองล่ะ ที่เรียกพัดลมนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แค่ไม่อยากนึกคำว่าแฟนให้มันมาทำร้ายจิตใจตัวเอง (หรอ~)
“อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาก็ให้มันเฮฮาหน่อยสิ” ตะวันพูดขึ้น
และที่สำคัญ....
มันคือเพื่อนของฉันที่สัญญากันดิบดีว่าจะโสดไปด้วยกัน แต่พอเจอยัยมัสลินก็ตบะแตกเสียอย่างนั้น! (ใส่อารมณ์ไปไหม?) คานจ๋าคานไม่มีใครโสดเป็นเพื่อนฉันแล้วนะ โปรดส่งใครมารักฉันที~
“เอาอย่างนี้ไหม” มัสลินพูดขึ้น
“พึ่งตัวเองไม่ได้ ก็พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิ”
ใครพึ่งตัวเองไม่ได้กันยัยน้องบ้า อยู่อิตาลีจะไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนกันล่ะ พูดไม่ทันขาดคำก็ลากฉันออกมาตามถนนโดยมีตะวันตามมาด้วย เราสามคนเดินมาตามถนนที่ผู้คนยังเดินพลุกพล่าน ตรงไปที่...น้ำพุเทรวี
น้ำพุเทรวีตั้งอยู่ที่เทรวีริโอเนในกรุงโรม เป็นน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม ตรงกลางคือรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูนขี่ปีกาซัส ด้านขวาเป็นภาพนูนของสาวพรหมจรรย์ที่พบแหล่งน้ำ สถานที่นี้โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง ‘Three coins in the fountain’ ในปีค.ศ.1954 ที่รู้เยอะขนาดนี้ไม่ใช่ว่าฉันเกิดยุคนั้นนะ แต่ฉันชอบประเทศนี้มากเลยศึกษาเอาไว้น่ะ ^_^
“ถึงแล้วค่ะคุณพี่”
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แกว่าคือ...น้ำพุเทรวีนี่นะ”
“Yep”
ถึงฉันจะรู้เรื่องประเทศอิตาลีมากแค่ไหน แต่สถานที่จริงฉันยังไม่เคยได้ไปสัมผัสจริงๆ เลยสักครั้ง ฉันชะเง้อมองข้ามรั่วเพื่อดูว่าใต้น้ำนั้นมีอะไร เพราฉันเห็นแสงวับวาวสะท้อนขึ้นมาเตะตาฉัน นั่นมันเหรียญนี่นา ฉันลืมไปเลยว่าเวลาขอพรให้โยนเหรียญลงไปแล้วจะได้กลับมาที่โรมอีกครั้ง แต่มันก็เหมือนเราทำบุญนั่นแหละ เพราะเขาจะเอาเงินพวกนี้ไปบำรุงตลาดอาหารของผู้ยากไร้
“แล้วแกจะให้ฉันทำอะไรล่ะ”
“พี่ตะวันเค้าขอสักเหรียญสิ” J
มัสลินยื่นมือทั้งสองข้างไปรอรับเหรียญยูโรที่ตะวันหยิบมาจากกระเป๋ากางเกง เธอเดินมาหาฉันพร้อมกับยื่นเหรียญที่อยู่ในมือมาให้
“พี่ก็อธิษฐานสิ”
“อธิษฐานไปแล้วจะเป็นจริงหรอ”
“ถ้าที่พี่อธิษฐานไปไม่ได้ผล ก็ถือเสียว่าทำบุญแล้วกันนะ”
ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา ถ้าไม่ได้ผลจริงก็คิดว่าทำบุญให้คนยากไร้ ฉันตั้งจิตอธิษฐานในใจขอให้ฉันพบรักแท้ที่ฉันรอคอยมานาน เพื่อความขลังในการโยนเหรียญเสียหน่อย ฉันหันหลังให้กับน้ำพุ แล้วโยนเหรียญด้วยมือขวาให้ผ่านไหล่ซ้ายไป ฉันหันกลับไปที่น้ำพุเพื่อดูว่าเหรียญของฉันจะลงน้ำพอดีและมันก็เป็นเช่นนั้น ฉันเงยหน้าสบตากับรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน พยายามจ้องเข้าไปข้างในเพื่อขอคำสัญญาจากท่านว่าจะทำให้คำอธิษฐานของฉัน...เป็นจริง
“รักครั้งนี้ ฉันขอล่ะ”
ความคิดเห็น