ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fontana รักนี้ ฉันขอล่ะ!

    ลำดับตอนที่ #2 : Capitolo I

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 54


                เสียงบรรเลงเพลงอวยพรคู่บ่าวสาวดังก้องไปทั่วโบสถ์แบบโกธิค  ฉันซึ่งได้รับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวและเป็นคนเชิญแหวน  ตอนนี้ฉันกำลัง...เมื่อยค่ะ -_-

                ยืนรออย่างนี้มาชาติหนึ่งแล้วนะเมื่อไหร่จะเดินมาถึงเสียทีแม่คุณ!  ฉันยืนอย่างนี้มาตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว  เธอยังไม่เสด็จเลยนะเพื่อนบ้า  ดีนะที่เลือกจัดในโบสถ์ที่ใหญ่ปานกลางไม่ใช่วิหารดูโอโม่  ไม่อย่างนั้นฉันได้ไปกองรออยู่ที่พื้นแน่

                วันนี้ฉันมางานแต่งงานเพื่อนค่ะ  แต่อีกสองสามวันมันจะเป็นงานศพฉันแทน  พรีมเพื่อนสาวของฉันก็ได้แต่งงานมีครอบครัวกับนาย อันโตนีโอหนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาลี  ตามประเพณีไทยนั้นเจ้าบ่าวต้องไปแต่งงานที่บ้านเจ้าสาว  แต่นี่เจ้าสาวต้องหอบสังขารมาแต่งกับเจ้าบ่าวแบบข้ามทวีป  ค่าใช้จ่ายมันก็สูงนะ  แต่พอดีว่าเจ้าบ่าวเขาออกให้หมดอ่ะ  โฮะๆ

                ฉันมองเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวกล่าวคำปฏิญาณพร้อมกับแลกแหวนแต่งงาน  ก็ได้แต่มองคนอื่นเขามีความสุขกัน  ฉันมีพี่สาวอยู่สองคนก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว  เหลือฉันกับน้องสาวแค่สองคนแต่คุณเธอนั้นมีพัดลมแล้ว

                ขอบใจแกมากนะวีที่มาช่วยงาน

                ไม่เป็นไร แกกับฉันเพื่อนกันนี่J

                อีตอนแรกก็ปฏิเสธอยู่หรอกนะ  แต่ดันเป็นคนแพ้น้ำตา  เห็นน้ำตาแล้วใจอ่อนทุกที  งานพิธีตอนเช้าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี  ตอนนี้ฉันอยู่ที่งานเลี้ยงบ้านอันโตนีโอ  บรรยากาศไม่ค่อยตึงเครียดเหมือนช่วงเช้าเพราะมีแต่พวกรุ่นราวคราวเดียวกัน  ฉันนั่งจิบไวน์ดูพวกนั้นเต้นรำอยู่ที่ฟลอร์กันอย่างสนุกสนาน  ไม่ใช่ว่าฉันมาคนเดียวนะถึงได้นั่งหง่อยเหงา  ฉันพา มัสลินน้องสาวตัวดีมาด้วยกันและเจ้าตัวก็ควงพัดลมของเธอมาด้วย

                พี่วีทำไมไม่ไปเต้นด้วยกันล่ะ

                มัสลินผละจากคู่เต้นแล้วเดินมานั่งข้างฉัน  เธอกอดแขนเอาหน้าซบไหล่ของฉันอย่างเด็กน้อย  ส่วนพัดลมของเธอน่ะหรอ...ก็นั่งอยู่ถัดไปนั่นไง

                ไม่ดีกว่า อยู่อย่างนี้ดีกว่า

                ฉันตอบไปส่งๆ แล้วหันกลับไปดูคู่เต้นรำที่เหลืออยู่  หลายคนอาจจะสงสัยว่าพัดลมมันคือใคร  แล้วทำไมฉันถึงเรียกเขาอย่างนั้น  เขาชื่อ ตะวันแฟนน้องสาวฉันเองล่ะ  ที่เรียกพัดลมนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ  แค่ไม่อยากนึกคำว่าแฟนให้มันมาทำร้ายจิตใจตัวเอง (หรอ~)

                อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาก็ให้มันเฮฮาหน่อยสิ ตะวันพูดขึ้น

                และที่สำคัญ....

                มันคือเพื่อนของฉันที่สัญญากันดิบดีว่าจะโสดไปด้วยกัน  แต่พอเจอยัยมัสลินก็ตบะแตกเสียอย่างนั้น!  (ใส่อารมณ์ไปไหม?)  คานจ๋าคานไม่มีใครโสดเป็นเพื่อนฉันแล้วนะ  โปรดส่งใครมารักฉันที~

                เอาอย่างนี้ไหม มัสลินพูดขึ้น

                พึ่งตัวเองไม่ได้ ก็พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิ

                ใครพึ่งตัวเองไม่ได้กันยัยน้องบ้า  อยู่อิตาลีจะไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนกันล่ะ  พูดไม่ทันขาดคำก็ลากฉันออกมาตามถนนโดยมีตะวันตามมาด้วย  เราสามคนเดินมาตามถนนที่ผู้คนยังเดินพลุกพล่าน  ตรงไปที่...น้ำพุเทรวี

                น้ำพุเทรวีตั้งอยู่ที่เทรวีริโอเนในกรุงโรม  เป็นน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม  ตรงกลางคือรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูนขี่ปีกาซัส  ด้านขวาเป็นภาพนูนของสาวพรหมจรรย์ที่พบแหล่งน้ำ  สถานที่นี้โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง ‘Three coins in the fountain’ ในปีค.ศ.1954  ที่รู้เยอะขนาดนี้ไม่ใช่ว่าฉันเกิดยุคนั้นนะ  แต่ฉันชอบประเทศนี้มากเลยศึกษาเอาไว้น่ะ  ^_^

                ถึงแล้วค่ะคุณพี่

                สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แกว่าคือ...น้ำพุเทรวีนี่นะ

                “Yep”

                ถึงฉันจะรู้เรื่องประเทศอิตาลีมากแค่ไหน  แต่สถานที่จริงฉันยังไม่เคยได้ไปสัมผัสจริงๆ เลยสักครั้ง  ฉันชะเง้อมองข้ามรั่วเพื่อดูว่าใต้น้ำนั้นมีอะไร  เพราฉันเห็นแสงวับวาวสะท้อนขึ้นมาเตะตาฉัน  นั่นมันเหรียญนี่นา  ฉันลืมไปเลยว่าเวลาขอพรให้โยนเหรียญลงไปแล้วจะได้กลับมาที่โรมอีกครั้ง  แต่มันก็เหมือนเราทำบุญนั่นแหละ  เพราะเขาจะเอาเงินพวกนี้ไปบำรุงตลาดอาหารของผู้ยากไร้ 

                แล้วแกจะให้ฉันทำอะไรล่ะ

                พี่ตะวันเค้าขอสักเหรียญสิ J

                มัสลินยื่นมือทั้งสองข้างไปรอรับเหรียญยูโรที่ตะวันหยิบมาจากกระเป๋ากางเกง  เธอเดินมาหาฉันพร้อมกับยื่นเหรียญที่อยู่ในมือมาให้

                พี่ก็อธิษฐานสิ

                อธิษฐานไปแล้วจะเป็นจริงหรอ

                ถ้าที่พี่อธิษฐานไปไม่ได้ผล ก็ถือเสียว่าทำบุญแล้วกันนะ

                ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา  ถ้าไม่ได้ผลจริงก็คิดว่าทำบุญให้คนยากไร้  ฉันตั้งจิตอธิษฐานในใจขอให้ฉันพบรักแท้ที่ฉันรอคอยมานาน  เพื่อความขลังในการโยนเหรียญเสียหน่อย  ฉันหันหลังให้กับน้ำพุ  แล้วโยนเหรียญด้วยมือขวาให้ผ่านไหล่ซ้ายไป  ฉันหันกลับไปที่น้ำพุเพื่อดูว่าเหรียญของฉันจะลงน้ำพอดีและมันก็เป็นเช่นนั้น  ฉันเงยหน้าสบตากับรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน  พยายามจ้องเข้าไปข้างในเพื่อขอคำสัญญาจากท่านว่าจะทำให้คำอธิษฐานของฉัน...เป็นจริง

                รักครั้งนี้ ฉันขอล่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×