ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดีฟ หนุ่มน้อยแห่งโลกปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #8 : รับน้องชัดๆ

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 49



    ตอนที่ 8 รับน้องชัดๆ

            ตอนบ่าย หลังรับประทานอาหารแล้วนักเรียนต่างก็แยกเป็นส่วน เดินมุ่งหน้าเข้าสู่ตึกเรียนที่ไม่เคยลองเข้าไป


            ดีฟเดินไปพร้อมๆกับเพื่อนในส่วนส่วนเดียวกันรวมทั้งโวคด้วย ทั้งหมดก้าวไปหยุดยืนอยู่หน้าตึกรูปทรงประหลาดที่เป็นคทา โวคก้าวเดินออกไปเปิดประตูบานใหญ่ที่อยู่ส่วนปลายของคทา

            เมื่อเข้าไปข้างในก็พบกับบันไดวน สองข้าง ที่วนไขว้กันสูงขึ้นไปจนถึงยอด ตรงกลางสลักลวดลายสวยงามไว้เป็นวงกลม เป็นพื้นที่ว่างสามารถมองไปเห็นฐานลูกแก้วซึ่งเป็นจุดสูงสุดของตึกนี้ที่คาดว่าจะเป็นที่เรียนได้ นักเรียนใหม่พร้อมใจกันทำตาแตกตื่น จะให้เดินขึ้นไปจริงๆเหรอ

             ไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้แต่ยืนอึ้งจนกระทั่งโวคเป็นผู้ทำลายความสงบ

             “เอ่อ ถ้าต้องเดินขึ้นจริงๆ ก็หมายความว่าทุกวันที่มีเรียนวิชานี้พวกเราต้องปีนไอ้บันไดนี่ขึ้นไปเหรอพูดจบ โวคก็กลืนน้ำลายเฮือกหนึ่ง

             “อาจจะมีกลไกอะไรก็ได้มั้ง ไม่งั้นเดินขึ้นอย่างนี้ทุกวันคงแย่จริงๆดีฟพูดขึ้นมาเรียบๆ

             ทุกคนต่างช่วยกันหากลไก แต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งตัดใจกันไป แล้วก็เริ่มต้นเดินขึ้นบันไดไป เมื่อเดินกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ก็เลยลดความเหนื่อยล้าลงไปได้บ้าง ทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่พอปีนบันไดไปได้เกินครึ่ง ก็เริ่มออกอาการล้าขึ้นมาให้เห็น แต่ละคนเริ่มเดินช้าลงช้าลง เสียงพูดคุยก็แทบจะไม่เหลือแล้ว อีกไม่กี่สิบขั้นก็ใกล้จะถึงยอดแล้ว

             “แฮ่กๆๆ อีกนิดเดียวเองเพื่อนๆ ใกล้จะถึงละโวคที่เดินอยู่หน้าสุดพูดพลางหันหน้าลงมามองเพื่อนๆที่เดินตามหลังมา

             “อ่าว น้องๆทำไรกันน่ะเสียงดังมาจากใครคนหนึ่ง ทุกคนหันควับไปมองทางต้นเสียง ก็เห็น รุ่นพี่คนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางอากาศ ในช่องว่างตรงกลาง

             “เดินขึ้นบันไดมากันเหรอ อึดกันจริงๆเลย ทำไมไม่ขึ้น ลิฟต์มาล่ะ มาเดินขึ้นบันไดกันทำไม มิน่าทำไมไม่มาสักทีจนอาจารย์ต้องให้พี่มาตามหาน้องๆเนี่ยพี่พูดไปทำหน้าแปลกใจไป มองสีหน้า น้องๆที่แต่ละคนทำหน้าแตกต่างกันไป

              “อ่า... พี่ครับ มีลิฟต์ด้วยเหรอครับโวคที่อยู่หน้าสุดถามขึ้นด้วยใบหน้าที่บรรยายไม่ถูก

              “อ่าว อ่าว อ่าว....           ฮ่าๆๆๆ น้องไม่รู้กันเหรอว่ามีลิฟต์ ฮ่าๆๆๆๆ ก็เลย ฮ่าๆ เดินขึ้นมา งั้นเหรอ ฮิๆๆ ฮ่าๆๆ ก๊ากๆๆรุ่นพี่พูดไปหัวเราะไปจึงพูดขาดเป็นช่วงๆ ไม่สนใจสีหน้า ทั้งหมั่นไส้ทั้งเคียดแค้นของรุ่นน้องตาดำๆ ที่ทั้งเหนื่อยแสนเหนื่อยยังมาเจอรุ่นพี่หัวเราะเยาะอีก โวคเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนโดนหัวเราะเยาะแล้ว ดีฟที่ยืนนิ่งมาตลอดไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยอ่อนเหมือนผู้อื่นๆ ก็ถามรุ่นพี่

              “พี่ครับ ลิฟต์ใช้ไงครับ

              “อ๋อ ก็ไปยืนที่วงเวทย์มนต์ตรงกลางข้างล่างนั่น แล้วก็กำหนดจิตว่าจะขึ้นไปชั้นไหนแล้วมันก็จะส่งพวกน้องขึ้นมาเอง บันไดที่นี่เขามีไว้เผื่อเวลาเวทย์มนต์ลิฟต์ที่ส่งให้ลอยขึ้นเสื่อมน่ะ แต่ก็ไม่เคยเห็นไอ้วงเวทย์นี่จะเสื่อมสักที เลยไม่เห็นใครเดินขึ้นบันไดมา เพิ่งได้เจอเป็นครั้งแรกเนี่ย เพราะมันเขียนไว้หน้าประตูทางเข้าเลยนะวิธีใช้น่ะรุ่นพี่ตอบด้วย สีหน้าสีตาที่ติดจะยิ้มๆ

              “ขอบคุณครับ หึหึดีฟกล่าวขอบคุณพร้อมกับหัวเราะนิดๆ ให้กับความสะเพร่าของตนเองที่ไม่ดูให้ดีซะก่อน

              “แล้วถ้าครึ่งๆกลางๆอย่างนี้ขึ้นได้ไหมครับสมาชิกที่ยืนฟังเงียบๆ เนื่องจากเหนื่อยจนพูดไม่ออก ก็ถามขึ้นมาบ้าง

              “ได้สิๆ เข้ามาๆ ก้าวมาข้างหน้าเลย นึกไว้ละกันว่าไปชั้นเดียวกับพี่ ต้องคิดว่ามีพื้นอยู่ตรงนี้นะ ไม่งั้นร่วงแน่ทุกคนก้าวออกไปกระจุกอยู่ตรงกลางอย่างกลัวๆกล้า เมื่อเข้ามากันครบก็เริ่มเคลื่อนขึ้นอย่างช้าๆ ลอยผ่านฐานของลูกแก้วขึ้นมา พบว่าแท้จริงแล้วภายในลูกแก้วก็มีอีกหลายชั้น รุ่นพี่พาลิฟต์ล่องหนมาจอดที่ชั้นที่สองซึ่งเป็นห้องเรียนของเด็กปีหนึ่ง ก็พบกับอาจารย์นั่งหน้าบูดรออยู่อย่างหงุดหงิด

               “พี่ไปก่อนนะ อาจารย์เขาไม่โหดหรอก แต่ขี้โมโหนิดหน่อยรุ่นพี่รีบชิ่งหนีไปทันทีที่กระซิบกระซาบจบ ทิ้งน้องๆ 15 ชีวิต ให้เผชิญชะตากรรมกับอาจารย์หน้าบูด

                หลังจากเจออาจารย์สวดไปสักพัก อาจารย์ก็เริ่มสอนเกี่ยวกับเวทย์มนต์พื้นฐานบทต่างๆ ให้รู้จักก่อน ยังไม่ได้ลองร่ายจริง ดีฟจึงรอดตัวไปได้

                เมื่อจบวิชาซึ่งก็ทำให้หมดเวลาช่วงบ่ายไป ตอนลงมาจากตึก ดีฟหันกลับมาดูที่หน้าประตู ก็เห็นป้ายปักไว้อยู่ข้างหน้าตามที่พี่บอกไว้จริงๆ แต่ก็แปลกใจเล็กน้อยที่เหมือนตอนขาเดินเข้าไม่เห็นมีป้ายนี้อยู่ แต่ก็ไม่คิดอะไรมากเพราะคิดว่าตัวเขาเองอาจจะไม่ทันได้สังเกตเอง ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปที่หอ ตามห้องที่ได้จดมาจากบอร์ด ขนย้ายสัมภาระของตัวเองเข้าไปที่ห้อง สถานนักเวทย์เลิกหลังหอคอยรักษาเล็กน้อย จึงทำให้ดีฟเดินมาที่ห้องช้ากว่าฟีรานิดหน่อย เมื่อเข้าไปก็พบว่าฟีรากำลังนั่งจัดเรียงของบนโต๊ะอ่านหนังสืออยู่

                “ฟีรา เลิกก่อนเราอีกเหรอเนี่ย เป็นไงบ้าง ขึ้นไปข้างบนหอคอยยังไงดีฟทักฟีราขึ้นก่อนพลางถามด้วยความสงสัยเพราะหอคอยรักษาก็เป็นหอคอยที่สูงมากๆเหมือนกัน

                “หือ อ๋อ ปีหนึ่งเขาให้เรียนข้างล่างค่ะ ยังไม่อนุญาตให้ขึ้นข้างบน แต่ถ้าขึ้นข้างบนรู้สึกว่าจะมีวงเวทย์อยู่นะคะ น่าจะใช้วงเวทย์นั่นขึ้นแหละค่ะเห็นเขียนไว้ด้านหน้า คงไม่ได้ใช้บันไดเดินขึ้นหรอกค่ะ สูงจะแย่ นอกจากจะมีคนไม่ดูตาไม้ตาเรือมั้งคะถึงจะเดินขึ้น ทำไมเหรอคะฟีราหันมามองนิดหน่อยแล้วก็หันกลับไปจัดของไปพูดไปอย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดบางคำที่ทำคนฟังสะอึกไปเล็กน้อย

                “ฮ่าๆๆ อืม ไม่มีไรครับ” ‘คนไม่ดูตาไม้ตาเรือทำหน้าเอ๋อไปเล็กน้อย

                รีอากับเรฟเปิดประตูเข้ามาพร้อมสัมภาระมากมาย เรฟรีบโวยวาย

                “เฮ้ย ดีฟ นายไม่อยู่เป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมของเราเลย ยัยเจ๊นี่เลยใช้เราแบกมาคนเดียวเลยนี่

                “ฮ่าๆๆๆ ขอโทษที ลืมไปดีฟหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

                “ฮิๆ แล้วทำไมทั้งสองคนกลับมาพร้อมกันล่ะคะฟีราแอบหัวเราะเล็กน้อยแล้วจึงถามด้วยความแปลกใจ

                “ก็เจ๊ เค้าเลิกก่อนแต่มายืนรอหนุ่มรูปหล่อคนนี้ ไอ้เราก็นึกว่าเรานี่ก็มีเสน่ห์พอใช้ได้ ทำให้ยัยคนนี้อยากเดินกลับพร้อมกับเรา แต่ที่ไหนได้ ยืนรอเพราะไม่มีคนช่วยแบกของT_T” เรฟสาธยายยืดยาว โดยไม่สนใจรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมารอบกายใครบางคนในที่นั้นที่กัดฟันกรอดเลย

                 “คำ สอง คำ ก็ เจ๊’ ‘ยัยเจ๊’  อีกคำก็ ยัยคนนี้’  อืมม กรอดดด อืม......... แต่ให้อภัยก็ได้ ในฐานะที่ช่วยยกของให้เรารีอาบ่นงึมงำเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็วยิ้มแฉ่งออกมา พร้อมๆกับเรฟที่เตรียมตั้งรับมะเหงกหรือลูกถีบที่อาจจะได้รับ แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก

                 “นี่ ฟีรา เราว่านะ ฟีราไม่ต้องใช้คำสุภาพกับพวกเรามากก็ได้นะรีอาหันไปพูดกับฟีรา พร้อมกับเริ่มจัดลำเลียงของออกมาจัดวางบ้าง ดีฟกันเรฟ ก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย

                  “อ๋อ ได้สิ มันติดน่ะจ่ะ จะพยายามไม่ใช้ละกันนะฟีรายิ้มรับ

                  “เนี่ย วันนี้นะกว่าเราจะข้ามคูรอบวิหารเข้าไปเรียนได้นะ โดนพี่ๆแกล้งยกสะพานข้ามคูไปซะงั้นอ่ะ นึกว่าต้องว่ายน้ำข้ามไปซะแล้ว กว่าจะทำให้พี่ๆยอมยกสะพานลงนะ เข้าเรียนสายเลยรีอาบ่นถึงการเข้าเรียนของเธอที่วิหารนักปราชญ์ ที่เมื่อไปยืนอยู่หน้าวิหารกำลังจะเดินข้ามสะพานไปที่ประตูทางเข้า อยู่ดีๆสะพานก็ยกขึ้นทำเอาคนที่เดินอยู่ข้างหน้าเบรกแทบไม่ทัน ต้องตอบปัญหารุ่นพี่ให้ครบ 5 ข้อซะก่อน พี่ถึงจะยอมยกสะพานลง ทำให้พวกเธอต้องเข้าเรียนสายอีก เนื่องจากรุ่นพี่แกล้งบอกทางผิดๆ ทำให้หาห้องเรียนไม่เจอ กว่าจะเจอก็อาจารย์ทำท่าจะไม่สอนแล้ว ต้องขอโทษอยู่นาน วันนี้เลยต้องเลิกเรียนช้าไปด้วยเพื่อชดเชยเวลาที่มาสาย

                   “เหรอ เราก็โดนรุ่นพี่แกล้งเหมือนกันอ่ะ ปิดประตูตึก ตึกที่เหมือนกำแพงเมืองล้อมรอบทุกด้านนั่นแหละ ใครจะบุกเข้าไปได้ล่ะ นั่งรอตั้งนาน แล้วรุ่นพี่ก็ส่งคนออกมา 15 คน ให้ลองสู้ตัวต่อตัวเหมือนลองเชิง แล้วพี่เขาก็แกล้งแพ้ ยอมให้พวกเราเข้าไปข้างใน ไม่รู้ทำทำไมเรฟพูดออกมาอย่างงงๆ แล้วไม่ยอมบอกต่อว่าจริงๆแล้วเขากลับมาสายสุดในทั้งสี่ส่วนก็เพราะเจออาจารย์ลงโทษ ที่เข้าห้องเรียนสาย ทำให้ต้องไปขัดกำแพงตึกด้านในก่อนจะแยกย้ายกลับหอได้

                   “แล้วดีฟกับฟีราล่ะไม่โดนแกล้งบ้างเหรอรีอาถามขึ้นมาเนื่องจากทั้งเธอและเรฟก็โดนทั้งคู่ อีกสองคนก็น่าจะโดนเหมือนกัน

                   “หึหึดีฟไม่ตอบเอาแต่หัวเราะในลำคอ ก็เรื่องไรเขาจะบอกว่าเสียรู้รุ่นพี่ไปซะแล้ว เขาเริ่มมั่นใจว่า ป้ายหน้าประตูนั่น มันไม่ได้อยู่ในที่ควรอยู่ตอนเขาเข้าไปแน่นอน

                   “ก็ไม่นิ มีแต่ เรื่องแปลกๆตรงมีคนมานอนบาดเจ็บอยู่หน้าหอคอย ขวางทางเข้าออกอยู่ ก็แค่รักษาเขา แล้วเขาอยู่ดีๆก็หายไป แล้วพวกเราก็เข้าไปเรียน ก็แค่นั้นเองนิฟีราพูดแบบไม่ใส่ใจอะไรมากนัก

              “อ๋อรีอา ดีฟ และเรฟทำหน้าเข้าใจ

              “ใครจะนอนห้องไหน

              ห้องไหนก็ได้ หน้าตาเหมือนกันหมดอยู่แล้วนิดีฟพูด

              งั้นเราขอห้องติดห้องน้ำละกันนะรีอาขอห้องที่เธอต้องการ

              “อือ ตามบายดีฟกับเรฟตอบพร้อมกัน ทั้งสองคนจึงเดินแบกของเข้าห้องที่เหลือจากการเลือกของรีอาและฟีรา ทุกคนแยกย้ายกันไปจัดการสัมภาระของตนเองจนเสร็จ ทำธุระส่วนตัวจนกระทั่งได้เวลารับประทานอาหารเย็น

     

    ไปทานข้าวกันเหอะ หิวแล้วดีฟไปเคาะประตูห้องของเพื่อนๆที่ปิดประตูเงียบ หลังจากที่เขามานั่งรอ แต่กลับไม่มีคนไหนออกมาสักที

     

    เอ๋ เงียบแฮะ แปลกจริงๆดีฟรู้สึกแปลกใจ

              ‘ป๊อกๆๆๆดีฟเดินเคาะประตูทั้งสามห้องแต่ก็ยังไม่มีใครออกมาเลย จึงลองเปิดประตูเข้าไปในห้องของเรฟ

              ‘เงียบ!!!! ไม่มีใครอยู่เลย!!!

              ‘แปลกมากๆ เรฟกับรีอามักจะรอเขาไปกินข้าวด้วยเสมอ ไหงวันนี้มาทิ้งเขาล่ะดีฟคิดด้วยความแปลกใจ

              “เฮ้อ ช่างเหอะ เดินไปคนเดียวก็ได้” T_T ดีฟผู้ถูกทิ้ง

               ขณะที่เดินไปโรงอาหารซึ่งเป็นโรงอาหารรวมของทุกชั้นปีที่ปราสาทตรงกลาง กำลังพ้นจากมุมตึกของหอพัก

               เพี้ยวววว!!!!

               ดีฟได้ยินเสียงจึงรีบหันไปทางต้นเสียง แล้วก็ต้องก้มหัวหลบอย่างรวดเร็ว เมื่อหางตาเหลือบไปเห็น มีดที่พุ่งตรงมา อะไรกันอีกเนี่ย หิวนะ

                แต่คราวนี้ผู้ลอบทำร้ายไม่ได้หลบไปอย่างทุกครั้งที่เขาเจอ แต่กลับมายืนประจันหน้ากับเขา คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าใส่ชุดดำปิดหน้าเหลือเพียงตาที่มีเงามืดของผ้าเหนือตาทำให้ไม่สามารถมองเห็นสีนัยน์ตาได้ ตัวไม่สูงมากนักทำให้ยากแก่การคาดเดาว่าเป็นหญิงหรือชาย

    ผู้ที่อยู่ชุดดำเริ่มเคลื่อนไหว โดยพุ่งตัวมาทางดีฟพร้อมมีดสั้นสองมือ ดีฟที่ไร้อาวุธ จึงได้แต่กระโดดหลบ แล้วยกเท้าขึ้นมาเตะท้องของคนร้าย แต่คนร้ายก็รีบหมุนตัวหลบได้ทัน และพยายามปักมีดใส่ขาข้างที่ดีฟยกขึ้นมาเตะ ดีฟจึงรีบชักขากลับแล้วเตะมีดให้หลุดจากมือของคนร้ายไปได้ข้างหนึ่ง พร้อมๆกับใส่หมัดเข้ากลางใบหน้าของคนร้าย คนร้ายยกแขนขึ้นมาขวาง แต่ก็ไม่สามารถรับหมัดอีกข้างของดีฟที่พุ่งตามมาเสยคางอย่างรวดเร็วได้ คนชุดดำเริ่มมึน ดีฟจึงอาศัยจังหวะนั้นเอาสันมือฟาดที่ข้อมือของคนชุดดำจนกระทั่งมีดอีกข้างหลุดออกจากมือ ดีฟคว้าเอาได้ แล้วจึงเอามีดจ่อที่คอของคนร้าย

              “ทำเพื่ออะไร?” ดีฟถามเสียงเรียบ พร้อมๆกับมีดจ่อเข้าไปที่คอใกล้มากขึ้น

    “……” คนในชุดดำไม่ตอบ

              “งั้นเปลี่ยนคำถาม แกเป็นใคร?” มีดกดไปที่คอของคนร้ายมากขึ้นจนเริ่มมีเลือดซึมชื้นออกมาจากเสื้อผ้าสีดำ

    “…….”

     

    มีเสียงคนเดินมาที่หอพร้อมเสียงพูดคุย คุ้นหู

              “ดีฟไม่เห็นอยู่ที่โรงอาหารเลย ใครนะมาหลอกพวกเราได้

              “นั่นสิ มากดกริ่งที่ห้องของพวกเรา แล้วดันมาบอกว่า ดีฟบอกให้ตามไปที่โรงอาหารด่วน หลอกกันชัดๆเลยเสียงคล้ายเรฟกับรีอาเดินคุยกันมา

              ดีฟได้ยินจึงยิ้มออกมา มิน่า ถึงได้หายไปกันหมด

              ช่วงที่ดีฟเผลอหยุดฟังเสียง คนชุดดำจึงได้ทีปัดมีดในมือดีฟทิ้งแล้วเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว ดีฟไม่อยากตามจึงเปลี่ยนเป็นสาวเท้าให้พ้นมุมตึก เดินเข้าไปหาเรฟ รีอาและฟีราที่เดินตามมาเงียบๆ

               “อ่าวนั่นไง ดีฟอยู่นี่เองรีอาทักเสียงใส

               “อืม มาแล้ว

               “เมื่อตะกี้มีใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักมาบอกว่าดีฟให้รีบตามไปโรงอาหารด่วน มากดกริ่งของห้องเรา เรฟ แล้วก็ฟีรา พร้อมๆกันเลยอ่ะ พวกเราก็นึกว่ามีธุระด่วนอะไรเลยรีบตามออกไป ที่ไหนได้ นายไม่ได้อยู่ที่โรงอาหารสักกาหน่อยรีอารีบฟ้องเพราะเขาโดนหลอกให้รีบวิ่งร้อยเมตรไปจนเหงื่อแตกไปถึงโรงอาหารซึ่งอยู่ไม่ใกล้นัก

               “แปลกจริงๆเลย ใครก็ไม่รู้ทำไมต้องมาแกล้งพวกเราด้วยนะเรฟบ่นพึมพำ

               “คุณดีฟคะ ขาคุณไปโดนอะไรมาคะฟีราที่เงียบมาตลอดพูดขึ้น

               “เอ๊ ฟีรา พูดสุภาพอีกล่ะ เอ๊ะ อ่าว เฮ้ย จริงด้วยดีฟ ขานายไปโดนอะไรมากเลือดไหลออกมารีอาทำหน้าตกใจเมื่อมองไปที่ขาของดีฟแล้วเห็นเลือดซึม ออกมาจากขากางเกงสีน้ำตาลอ่อน

               “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก คงไปเกี่ยวกับกิ่งไม้มั้ง มันคงถลอกนิดๆ หน่อยๆน่ะดีฟพูดแบบไม่ใส่ใจกับบาดแผลมากนัก

               เรฟมองหน้าดีฟด้วยความสงสัย

               “ขอดูหน่อยสิฟีราพูดแล้วก็สืบเท้าเข้าไปใกล้ นั่งลงเลิกขากางเกงขึ้นโดยไม่รอคำอนุญาต

              ดีฟไม่อยากชักขาหลบเพราะเดี๋ยวจะหาว่ารังเกียจได้แต่ลงนั่งที่พื้น ดูฟีราที่กำลังเพ่งพิศบาดแผล

              “ดูเหมือนจะโดนขอมีคมฟัน แผลค่อนข้างลึกพูดจบก็หันขึ้นมามองหน้าดีฟอย่างสงสัย นัยน์ตาสีน้ำตาลสบกับนัยน์ตาสีเทาอย่างมีคำถาม เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่แค่เกี่ยวกิ่งไม้แน่ๆ

              ดีฟมองตอบแต่ไม่ตอบอะไร ในเมื่อไม่ตอบ ฟีราก็ไม่อยากถามอีกครั้ง จึงก้มหน้าก้มตาจะรักษาแผล แต่ยังไม่ทันจะเริ่มถ่ายพลังไปที่บาดแผล ฟีราก็เริ่มสังเกตเห็นบาดแผลเริ่มไม่มีเลือดไหลออกมา

     

     แล้วสิ่งที่ทำให้ฟีราต้องหันขึ้นมามองหน้าดีฟอีกครั้งคือ บาดแผลของดีฟกำลังเริ่มผสานตัวเองอย่างช้าๆ บาดแผลที่ดูลึกน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งสมานตัวกันเหลือเพียงรอยบางๆเป็นเส้น แล้วอีกไม่กี่วินาที รอยเส้นนั้นก็หายไป ทิ้งไว้แต่รอยเลือดที่ไม่อาจเลือนหายไปด้วย

               ดีฟไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเกี่ยวกับการรักษาตนเองเช่นนี้ ตัวเขาเองก็ไม่อาจบังคับไม่ให้รักษาตนเองด้วย แผลที่เขาเคยได้รับจะหายในระยะเวลาสั้นๆ ได้แต่ยักไหล่เบาๆ แล้วส่ายหัวน้อยๆ เป็นการบอกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเป็นแบบนี้

               รีอากับเรฟเดินมาดูที่แผล ก็เห็นแผลที่หายสนิทแล้ว

               “โอ้โห แผลหายแล้ว!! ฟีราเก่งจังเลย รักษาได้เร็วมากๆเลย สมกับที่อยู่ส่วนรักษาเลยนะรีอาหันไปชื่นชมฟีราอย่างเปิดเผย ฟีราจึงอึกๆอักๆ ก่อนที่ฟีราจะพูดอะไรออกไป ดีฟก็รีบพูดขึ้นก่อน

               “อืม ขอบคุณนะ ฟีราดีฟจ้องไปที่ฟีราอย่างมีความหมาย ทำให้ฟีราเงียบไม่พูดอะไร แล้วดีฟก็ลุกขึ้นยืน

               “ไปโรงอาหารกันเหอะ หิวจะแย่แล้วดีฟพูด ทุกคนจึงออกเดินไปยังโรงอาหารด้วยกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×