คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter three ::: 100% :::
Flirt Love วุ่นรักป่วนหัวใจนายนักดนตรี
วอเทอร์
ตอนที่ 3
**แวะมาแก้คำผิดงับ**
ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นพอดิบพอดีครับ ถามว่าจะมานั่งใส่ใจเวลาอยู่ทำไม ก็ตอนนี้น่ะผมเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้วน่ะสิ คิมยูคยอมยังคงนอนหลับอยู่บนโซฟาของผมอย่างสบายอกสบายใจ คนที่เครียดน่ะคือผมตั้งหาก ทำไมเขาไม่ตื่นแล้วไปนอนที่บ้านล่ะ แต่ให้ตายเถอะไม่กล้าปลุกเขาจริงๆ
ผมจะทำยังไงดีครับ ปล่อยให้นอนไปก่อนหรือว่าไล่เขากลับบ้านดี ถ้าไล่กลับบ้านไปผมคงเสียดายแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะว่าวันนี้ก็ได้จากยูคยอมหลายอย่างเลย แต่ถ้าให้เลือกนอนต่อ เขาจะนอนไปถึงตอนไหนเนี่ย ผมเริ่มจะหิวแล้วด้วย วันนี้ต้องต้มบะหมี่กินอีกแล้วสินะ
ผมเข้าครัวไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อ่า แล้วต้องเผื่อยูคยอมด้วยหรือเปล่านะแต่ต้มๆไปเถอะถ้ากินเหลือก็ค่อยแช่เย็นเอาก็ได้มั้ง สรุปได้แบบนั้นก็เลือกต้มไปสองห่อเลยแล้วกัน
ผมยืนรอน้ำเดือดก่อนจะค่อยๆแกะซองบะหมี่ออกแล้วต้มเส้นลงไปสองห่อถ้วนๆ แล้วก็ปิดฝารอเวลา ผมชอบใส่เครื่องปรุงสุดท้ายน่ะ ไม่รู้มีใครเป็นแบบผมไหมนะ โอเคพอบะหมี่ได้ที่แล้ว ผมก็จัดการยกหม้อไปที่โต๊ะ
"ทำอะไรหรอ"
"โอ๊ย! (ปึ้ก!)"เพราะว่ายูคยอมมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงผมก็เลยตกใจจนน้ำในหม้อกระเซ็นออกมาโดนมือทำให้ผมเผลอปล่อยหม้อที่ต้มบะหมี่อยู่ลงกระแทกโต๊ะ
"เห้ย แจ็คสันเป็นอะไรไหม"ยูคยอมรีบเข้ามาดูมือของผม เขาคว้ามือผมไปดูก่อนจะลากไปล้างอ่างล้างจานของผม
เขาลูบเบาๆไปตรงมือผมที่โดนน้ำซุปบะหมี่ลวก เขาได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้เขาทำอยู่แบบนั้น โกรธก็โกรธ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตั้งใจ แถมมายืนลูบมือเขาแบบนี้ เขาก็แย่น่ะสิ หัวใจทำงานหนักอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้อันตรายต่อหัวใจของผมมากๆเลยครับ
"เอ่อ ผมไม่เป็นไรแล้ว"ผมอ้อมแอ้มบอกตอบไป
"งั้นหรอ ขอโทษด้วยนะไม่คิดว่าจะตกใจแบบนั้น"ยูคยอมยังไม่ปล่อยมือของผมออกเลย นี่เขารู้เรื่องไหมนี่ว่าผมหายแล้ว
"เอ่อ พี่ครับ มือ.. มือผมน่ะ"ผมพยายามจะบอกเขา แต่จะให้บอกปล่อยเลยนะเว้ยแบบนั้นก็น่าเกลียดใช่ไหมล่ะ หวังว่าเขาจะเก็ทอะนะ
ฟู่วว
"..."ตาย แจ็คตาย
"เพี้ยง หายเจ็บนะครับ"ยูคยอมเป่าลมใส่นิ้วผม แล้วลูบๆอีกเบาๆก่อนจะปล่อยมือออก
"เอ่อ พี่กินบะหมี่ได้ไหม ผมต้มเผื่อด้วย กลัวว่าพี่จะหิว"ผมถามออกไป มือก็คว้าถ้วยเล็กกับตะเกียบมาสำหรับสองคน
"งั้นหรอ งั้นรบกวนด้วยนะแจ็คสัน"ยูคยอมส่งยิ้มมาให้ผม หื้ออ โครตหล่อ ใจสั่นเลยอะครับทุกคน
"อ่า นี่ครับถ้วย"ผมส่งถ้วยกับตะเกียบให้ยูคยอมและเขาก็รับไป
เราสองคนนั่งกินกันเงียบๆ ผมตักเส้นใส่ถ้วยของตัวเอง ยูคยอมก็คีบใส่ตาม ผมก้มหน้าสูดเส้นบะหมี่ในถ้วย บะหมี่นี่อร่อยดีเหมือนกันนะครับ น่าเสียดายที่มันไม่ค่อยมีประโยชน์ ถ้าคราวหน้าผมกิน ผมสัญญาว่าจะใส่เนื้อสัตว์และผักลงไปด้วย
"โอะ แจ็คสัน"ผมเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงเรียกของอีกฝ่าย ก่อนจะเลิกคิ้วใส่งงๆ
"กินยังไงให้เลอะปากขนาดนั้นเนี่ย"ยูคยอมใช้นิ้วมือของตัวเองปาดสิ่งที่มันเปื้อนปากของผม ก่อนจะมองหากระดาษทิชชู่แล้วคว้ามันมาเช็ดนิ้วตัวเอง
ฉ่า
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
"ขะ ขอบคุณครับ"ผมพูดขอบคุณเขาเบาๆ ก่อนจะก้มหน้ากินต่อ กินแบบไม่สนใจใครอะไรทั้งนั้น หื้ออ ผมเขินอะ ทำไมเขาใจร้ายกับผมแบบนี้ มาทำให้ผมใจเต้นแรงแบบนี้ถ้าผมเป็นโรคหัวใจตายไปทำยังไง
กินจนอิ่มหมดเกลี้ยงเรียบร้อย ผมก็รวบทุกอย่างไปล้างที่อ่างล้างจานโดยปฏิเสธความช่วยเหลือของยูคยอมอย่างสิ้นเชิง ถ้าเกิดใกล้กันกว่านี้ผมต้องช็อคตายแน่นอน ผมรีบล้างทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะออกไปหาเขา
"พี่จะกลับแล้วใช่ไหมครับ เริ่มมืดแล้วนะครับ"ผมถาม
"อื้ม เมเนเจอร์จะมารับน่ะ ไว้เจอกันใหม่นะแจ็คสัน"ยูคยอมบอกแล้วสวมหมวกแก็ปให้เข้าที่ก่อนจะสวมแว่นกันแดดกับผ้าปิดปากเรียบร้อย
"อ้ะ เดี๋ยวผมลงไปส่งที่ล็อบบี้"ผมว่าแล้วเดินไปคว้ากุญแจกับเสื้อกันหนาวใส่ก่อนจะรีบวิ่งไปหาอีกคน ดึกๆลมหนาวมันแรงมากเลยครับ ที่ล็อบบี้นี่ตัวลมโกรกเลย ไม่รู้ว่าจะทำเปิดโล่งไว้ทำไมทั้งที่ดึกแล้ว
"ไปครับ"ผมเดินนำยูคยอมออกมาก่อนจะเปิดประตูค้างไว้ให้เขาเดินออกมา
"ขอบใจ"พอเขาเดินออกมาแล้วผมก็จัดการปิดแล้วล็อกห้องไว้ เอาจริงๆผมกลัวแมลงน่ะ ถ้าเกิดในห้องผมมีแมลงผมต้องตายแน่ ยิ่งที่บ้านพ่อกับแม่ผมน่ะ แมลงเยอะมาก เวลากลับบ้านผมแทบจะใส่แขนยาวขายาวกันเลยทีเดียว ก็ไร่ชาอะครับ เลยเป็นแบบนี้
เราสองคนไม่ได้คุยอะไรกันจนผมเดินไปถึงที่รอลิฟต์แล้ว จู่ๆยูคยอมก็เอ่ยออกมา
"แจ็คสันขอยืมมือถือหน่อยสิ"ผมมองหน้าเขาก่อนจะยื่นให้
"ลืมไว้ที่ห้องหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมวิ่งกลับไปเอาให้"ผมทำท่าจะเดินไปแต่เขาดันกดโทรเข้าเครื่องตัวเองติดก่อน
"อ้าว อยู่ที่เสื้อนี่เอง"ยูคยอมว่าก่อนจะล้วงมือถือมาเปิดดูและส่งมือถือมาคืนผม ผมก็รับมางงๆ มือถือมันอยู่ในแจ็คเก็ตของเขาอะครับ
ผมไม่ได้สนใจอะไร พอดีกับที่ลิฟต์มาแล้วก็เลยเดินก้าวเข้าลิฟต์ไป ยูคยอมกดมือถืออยู่ข้างๆผม สงสัยจะคุยกับพี่เมเนเจอร์ของเขาล่ะมั้ง
"เมเนเจอร์ของพี่รออยู่ตรงไหนครับ พี่เขามาหรือยัง"ผมถาม
"รออยู่ที่ล็อบบี้แล้วแหล่ะ"ยูคยอมบอก
"ครับ"ผมตอบรับออกไป ระหว่างนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกัน จนถึงลิฟต์ลงไปชั้นล่างสุด ผมเดินออกมาส่งยูคยอมที่ล็อบบี้ของคอนโด
"สวัสดีครับ"ผมยกมือไหว้พี่เมเนเจอร์ของยูคยอม
"...อืม"พี่เมเนปรายตามองมาทางผมเท่านั้นก่อนจะยืนขึ้นสวมแว่นตาดำแล้วเดินออกไปพร้อมกับยูคยอมเลย ยูคยอมเพียงแค่หันไปโบกมือให้ผมนิดหน่อยก่อนเท่านั้นก่อนจะเดินออกไป
.
.
.
ผมเดินลากขาตัวเองกลับมาถึงห้องชั้นบน ก่อนจะนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่หน้าทีวี อ่า ข่าววันนี้นี่มันอะไรน่ะ สังคมสมัยนี้น่ากลัวจัง เปลี่ยนช่องดีกว่า บางทีก็ต้องดูอะไรที่มันจรรโลงใจนิดนึงใช่ไหมล่ะครับ ดูข่าวพวกนี้ก็จะทำให้ชีวิตหดหู่ไปเปล่าๆ ว่าแล้วผมก็ควานมือไปจะคว้ารีโมทแต่ว่าที่แปลกไปก็คือตรงข้างๆรีโมทไม่ได้มีแต่รีโมทอย่างที่ควรจะเป็น กลับมีกระเป๋าสตางค์ใบหนาสีดำมันปลาบวางอยู่ด้วย นี่ไม่ใช่ของผมแน่นอน แล้วถ้าไม่ใช่ของผมจะเป็นของใครล่ะ นอกซะจาก 'คิมยูคยอม'
คำถามคือ
ผมจะเอากระเป๋าใบนี้ไปคืนเจ้าของยังไง?
ให้ตายเถอะ ทำไมชีวิตเขาถึงได้มาเจอเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ผมจะไปติดต่อเขาได้ยังไงกันล่ะครับทุกคน หรือผมต้องรอให้อีกฝ่ายติดต่อกลับมาเอง บ้าจริงๆเลยที่เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ คำว่าสงบสุขของผมอยู่ไหนกัน งือออ นึกว่าวันนี้จะได้พักผ่อนแบบสบายๆแล้วแท้ๆ
ผมนั่งคิดนอนคิดกับเรื่องกระเป๋าสตางค์ของคิมยูคยอมอยู่สักพักหนึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เลยตัดสินใจลุกไปอาบน้ำเข้านอนจะดีที่สุดเพราะพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าด้วย รีบนอนแล้วจะได้ตื่นแต่เช้าไปเรียนครับ
ผมอาบน้ำอยู่นานพอสมควรก่อนจะออกมาแต่งตัวหยิบชุดนอนผ้านิ่มๆมาสวมใส่ก่อนจะนั่งทาครีมบำรุงที่โต๊ะเครื่องแป้งเพราะว่าผิวของผมติดจะแห้งง่ายๆ หน้าหนาวแบบนี้ก็ยิ่งต้องบำรุง แต่ก็ทาได้เฉพาะส่วนที่ทาถึงครับ ถ้าวันไหนมาร์คมานอนด้วยก็จะทาหลังให้ เพราะอากาศมันเย็นมาก ก็เลยไม่เหนียวหลัง ครีมจะแห้งไวมากๆแต่ก็ชุ่มชื่นอยู่นานเลยแหล่ะครับ จะว่าไปไม่รู้ว่าป่านนี้มาร์คจะหายงอนหรือยัง ผมโทรไปหามาร์คสักหน่อยดีกว่า
ตู๊ดดด
ตู๊ดดด
ตู๊ดดด
ติ๊ด!
"อะ ฮัลโหลมาร์ค"ผมพูดออกไป
"อะ อื้อ วะ ว่าไงแจ็ค"เสียงมาร์คตอบกลับมา แต่เสียงมันดูขาดหายไม่ต่อกันเป็นประโยค
"อ่า มาร์คนายโอเคหรือเปล่า เสียงแปลกๆ"ผมถามออกไปอย่างงงๆ
"โอเคๆ ฉันโอเค แจ็คมีอะไร อ้ะ"มาร์คส่งเสียงแปลกๆออกมาแต่นั่นมันก็ทำให้ผมหน้าแดง
"เราคิดว่ามาร์คงอนเราอยู่ก็เลยโทรมาถะ..."ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคดีแต่ก็ดันมีเสียงคนคุ้นเคยแทรกเข้ามาในโทรศัพท์เสียก่อน
"พี่แจ็คครับ ผมแบมนะพี่ (แบมเอามือถือกูคืนมานะ!) ตอนนี้พี่มาร์คไม่สะดวกคุยอะครับ ไว้จะโทรกลับไป ติ๊ด!"วางสายไปแล้ว แต่ว่ามาร์คอยู่กับแบมแบมหรอ ถ้ามีธุระก็น่าจะบอกกันนี่ไม่เห็นต้องอ้ำๆอึ้งๆเลย สองคนนี้นี่แปลกๆขึ้นทุกวันนะเนี่ย คึคึ
โอเคเป็นอันว่าผมคงต้องโทรไปคุยกับมาร์คมันทีหลังแล้วแหล่ะเพราะว่าตอนนี้สองคนนั้นคงกำลังติดพันธุระส่วนตัวอยู่ก็เป็นได้ ไม่มีอะไรจะทำเลยอะ แล้วคือพอหันไปเจอกระเป๋าสตางค์เจ้ากรรมที่วางแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะก็เกิดอาการเซ็งๆขึ้นมาอีก แถมเมื่อกี้นี้พี่เมเนเจอร์ของยูคยอมก็มองแรงใส่เขาด้วย บอกตามตรงเลยว่าคงจะถูกเกลียดเข้าแล้วแหล่ะนะ ก็พี่เขาเล่นเย็นชาใส่ขนาดนั้น ไปทำเด็กในสังกัดเขาวุ่นวายนี่เนาะ พอๆเลิกๆจะเข้านอนแล้ว
.
.
.
In your eyes noses lips the way she…ติ๊ด!
“ฮัลโหลมาร์คหรอมีไร เราจะนอนแล้ว”ผมที่ปิดไฟนอนไปได้สักพักแล้วก็ตื่นเพราะได้ยินเสียงมือถือดังเลยควานหามือถือที่หัวเตียงก่อนจะกดรับ คงไม่พ้นมาร์คแน่ๆที่โทรหาเขา นอกจากมาร์คกับจินยองแล้วก็ไม่มีเพื่อนคนไหนโทรหาเขาแล้วแหล่ะ จินยองก็ไม่ค่อยโทรมาดึกๆด้วย ก็ไม่พ้นมาร์คแหล่ะนะ
“...ผมเอง”เสียงปลายสายตอบกลับมาทำให้แจ็คสันแปลกใจ
“ผมไหน”แจ็คสันเกิดอาการงุนงง ใครอะถ้าไม่ใช่มาร์ค ก้มดูเบอร์ที่เมมไว้
‘คิมยูคยอม <3’
เดี๋ยวก่อนนะ เขาไปเซฟเบอร์ของคิมยูคยอมตอนไหนกัน งงจริงๆเลย แล้วที่โทรมาคงไม่พ้นเรื่องกระเป๋าสตางค์ โทรมาดึกเชียว พึ่งกลับถึงบ้านพักหรือเปล่านะ
“คุณแฟนบอยแจ็คสันลืมผมไปแล้วหรอ เสียใจจังพึ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเองนะครับ”เสียงที่แกล้งทำเป็นเศร้าๆเอ่ยออกมาผ่านมือถือ แจ็คสันได้แต่ขำให้กับความงอแงของยูคยอมเบาๆคนเดียว
“ยูคยอมไหนครับ โทรผิดแล้วนี่ไม่ใช่แจ็คสัน”แจ็คสันแกล้งตอบอีกคนกลับไปด้วยความขบขันและอยากจะเอาคืนอีกฝ่ายที่วันนี้แกล้งเขาไว้เสียมากมาย
“เฮ้ ตลกน่า ก็เมื่อเย็นผมแอบเมมเบอร์ของผมไว้แล้วนี่ คุณแฟนบอยแกล้งอำผมใช่ไหมล่ะ”ยูคยอมพูดอย่างรู้ทันมุขอีกฝ่าย แต่ว่าคำตอบของยูคยอมที่แจ็คสันได้ยินนั้นทำให้แจ็คสันยิ้มเขินคนเดียวจนแก้มแทบแตก ตอนแรกที่ว่าจะแกล้งเขาคืนไหงตอนนี้สถานะมันเปลี่ยนไปแล้วล่ะ และแล้วแจ็คสันก็พ่ายแพ้ให้กับผู้ชายที่คิมยูคยอมอีกครั้งนึง
“ผมล้อเล่น ยอมรับก็ได้นี่แจ็คสันพูดเองครับ ไม่ทราบว่าคุณยูคยอมต้องการอะไรหรือครับผม”แจ็คสันพูดเสียงงอนๆตอบกลับอีกฝ่ายไป
“ขี้งอนเสียจริงๆนะแจ็คสันเนี่ย ฮ่าๆ ผมจะโทรมาถามว่าเห็นกระเป๋าสตางค์ของผมบ้างไหม”ยูคยอมพูดเข้าเรื่อง
เอาจริงๆแบบไม่แอ๊บเลยไหม
ความจริงจากปากของผู้ชายที่ชื่อคิมยูคยอมคนนี้
...เขาจงใจทิ้งกระเป๋าสตางค์เอาไว้เพื่อที่จะติดต่อกับอีกฝ่ายอีก
“ใบสีดำใช่ไหมครับ ผมเก็บเอาไว้ให้แล้วแหล่ะ แล้วรุ่นพี่จะมาเอาคืนตอนไหนล่ะครับ”แจ็คสันเอ่ยถามออกไปถ้าไม่ใช่วันพรุ่งนี้ก็คงต้องอีกสักพักเลยแหล่ะจนกว่าแจ็คสันจะว่างงานมาถึงหยุดสุดสัปดาห์อย่างเช่นวันนี้
“พรุ่งนี้นายว่างไหม”ยูคยอมเอ่ยถามอีกฝ่ายปลายสาย แจ็คสันเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยตอบออกมา
“ผมมีเรียนภาคเช้าที่มหาลัยเลิกอีกทีก็ตอนเที่ยงเลยครับ”แจ็คสันตอบกลับ
“ได้ งั้นผมจะโทรหาแจ็คสันอีกทีนะ ฝันดีนะครับ”ยูคยอมบอกลาอีกฝ่ายปลายสายเขาได้แต่แอบยกยิ้มมุมปากแบบเงียบๆคนเดียวโดยที่แจ็คสันไม่มีทางรู้ถ้าไม่ได้เปิดกล้องเอาอะนะ
“เอ่อ ฝะ ฝันดีครับ”แจ็คสันตอบกลับมาเบาๆจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงแต่ถึงอย่างนั้นยูคยอมก็ยังได้ยินอยู่ดีเขาเป็นนักร้องนะ เสียงแค่นี้ทำไมจะไม่ได้ยิน ประสาทหูต้องดีมากๆอยู่แล้ว
แจ็คสันวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว ตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในภวังค์ห้วงความคิดของตัวเองอีกรอบ เรื่องของยูคยอมที่เหนือความคาดหมายที่สุดของที่สุดทำให้แจ็คสันอดจะย้อนคิดไม่ได้ เขาโชคดีไปหรือเปล่านะที่มีเรื่องได้เกี่ยวข้องกับยูคยอมแบบใกล้ชิดเขาขนาดนี้ อยู่ๆก็ได้นั่งคุยกับคนที่ตัวเองชอบแบบใกล้ชิด ไหนที่จะพาเขาเข้าห้องอีก ไม่พอๆแถมด้วยความพิเศษแบบที่แฟนคลับคนไหนก็ทำไม่ได้คือการที่ยูคยอมมาหลับในห้องและกินข้าวในห้องพักของเขา จุดนี้แจ็คสันได้ตายไปเรียบร้อยแล้ว....
.
.
.
เช้าวันถัดมา
แจ็คสันที่กำลังหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มที่แสนนุ่มนิ่มผืนหน้าก็ถูกปลุกด้วยนาฬิกาที่เขาตั้งปลุกไว้เองแหล่ะ แถมตั้งปลุกโดยใช้เสียงเพลงของคิมยูคยอมด้วยนะ หายใจเข้าหายใจออกเป็นคิมยูคยอมจริงๆเลยนะ
ในเมื่อตื่นแล้วก็ต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัวสักที อย่าลืมว่าวันนี้เขามีนัดกับใคร กระเป๋าสตางค์ของยูคยอมวางอยู่ที่หัวเตียงไม่หายไปไหน เมื่อแน่ใจแล้วก็จัดการเก็บพับผ้าห่มอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะคว้าเช็ดตัวผืนที่ตนเองใช้เป็นประจำเข้าไปในห้องน้ำด้วย ใช้เวลาอาบน้ำแค่ครึ่งชั่วโมงแจ็คสันก็ออกมาอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดนักศึกษาเตรียมตัวไปเข้าเรียน
In your eyes noses lips she used to tou…ติ๊ด!
“ฮัลโหล”แจ็คสันกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“มารอข้างล่างแล้ว รีบๆลงมานะ”เป็นมาร์คเพื่อนรักของเขานั่นแหล่ะที่โทรมาทุกวันที่มีเรียนมาร์คมักจะมาคอยไปรับไปส่งเสมอ เว้นเสียแต่ว่าเราต่างมีธุระของตน
“เคๆรอแป๊บนึงเก็บของอยู่”ผมตอบกลับมาร์คไปก่อนจะตัดสายทิ้งแล้วรีบเก็บของที่จำเป็นสำหรับการเรียนใส่กระเป๋าเป้ ใช้สะพายเวลาไปเรียนน่ะมันเก็บของได้เยอะแล้วก็ถือไปมาได้สะดวกดีเป็นเหตุผลง่ายๆที่เลือกใช้กระเป๋าใบนี้
.
.
.
มาร์คขับรถพาผมมาที่มหาลัยอย่างเช่นเดิมทุกวัน ดูเหมือนว่ามาร์คจะไม่ได้มีอาการงอนอะไรผมแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีล่ะนะเพื่อนกันคงไม่อยากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาโกรธกันหรอก แต่ว่าเมื่อคืนที่โทรมาเนี่ยรู้สึกว่ามาร์คจะอยู่กับแบมแบมนะ แบมแบมได้มานอนกับมาร์คด้วยหรอเนี่ย แปลกใจเสียจริง
“เมื่อคืนแบมแบมมานอนห้องนายเหรอมาร์ค”ผมหันไปชวนเขาคุยแต่ว่าสีหน้าของมาร์คที่กำลังเพลิดเพลินกับเพลงบนรถก็เป็นอันต้องบูดบึ้งไป
“อย่าไปพูดถึงไอ้เด็กเวรนั่นเลยจะดีกว่า”มาร์คตอบเพื่อนสนิทของเขาอย่างเบื่อหน่ายในอารมณ์
“ทะเลาะกันเหรอไง”ผมยังคงถามต่อ แหม ก็เรื่องของเพื่อนก็เหมือนเรื่องของเรานั่นแหล่ะครับ อัพเดทบ้างอะไรบ้างเดี๋ยวเพื่อนจะน้อยใจ(?)
“ก็เปล่าหรอก...”มาร์คสีหน้าแย่ลงเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ เห็นแบบนี้ก็อดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ ก็ชีวิตของผมไม่มีอะไรต้องเครียดนี่ อิอิ
“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ มีอะไรก็เล่าให้แจ็คฟังก็ได้ แจ็คเป็นเพื่อนมาร์คนะ”ผมเลือกที่จะแทนตัวเองด้วยชื่อพูดกับอีกฝ่าย การที่เราแทนตัวเองด้วยชื่อมันก็เหมือนว่าเราลดช่องว่างระหว่างความรู้สึกกันและกันได้นะครับ แถมอีกฝ่ายก็จะรู้สึกอยากจะเล่าเรื่องราวที่เขาเจอมาให้เราฟังหรือ หรือสบายใจที่จะได้พูดกับเรา เหมือนว่าเขาวางใจไว้ใจเราน่ะครับ อันนี้ผมก็คิดเอาเองน่ะนะ แต่ว่ามันก็ใช้ได้ดีกับมาร์คเลย
“ฉันเห็นแบมแบมไปเดทอยู่กับใครก็ไม่รู้”มาร์คพูดออกมานัยน์ตาของมาร์คคลอไปด้วยน้ำใสๆเล็กน้อย
“เรื่องนี้หรอกหรอ แล้วมาร์คได้ถามแบมหรือเปล่าล่ะ หรือว่ายังไม่ได้คุยกัน”แจ็คถามต่อ
“ก็ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คุยกันน่ะ ฉันกลัวคำตอบว่ะ”มาร์คกำพวงมาลัยในมือแน่นก่อนจะเลี้ยวเข้าตัวมหาลัยและขับตรงไปที่ลานจอดรถสำหรับนักศึกษา
“แบมแบมไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก แจ็คว่ามาร์คก็ควรจะทำอะไรให้มันชัดเจนนะ อย่าให้น้องมันมาไล่ตามเราอย่างเดียวแบบนั้นสิ บางทีคนรอก็คงจะรู้สึกท้อเหมือนกัน มาร์คเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ใจตัวเองอีกหรือไง”ผมพูดบอกออกไป เรื่องโน้มน้าวใจไว้ใจพี่แจ็คครับผมรับรองจะไม่ทำให้ผิดหวังงานนี้ต้องไปขอขนมจากเจ้าแบมแบมเยอะๆซะแล้วอุตส่าห์เกลี้ยกล่อมชงความสัมพันธ์ให้กลมกล่อมให้เลยนะเนี่ย
“แบมแบมมันคงเบื่อฉันแล้วแหล่ะ ไม่งั้นมันไม่เปลี่ยนไปแบบนี้หรอก”มาร์คว่าแล้วก่อนจะเปิดประตูลงจากรถก่อนแจ็คสันจะเดินตามลงมา แจ็คสันไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก เขาไม่อยากให้มาร์คคิดมากแล้วเขาเลือกที่จะเดินไปจับมือมาร์คไว้เบาๆก่อนจะฉุดให้เดินมาด้วยกัน
.
.
.
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกคลาสเช้าแล้ว เขาควรพามาร์คไปหาอะไรกินให้จิตใจแจ่มใสเสียหน่อย เพื่อนตัวบางคนนี้ของเขายังคงคีพลุคซึมกะทือเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยมนั่นทำให้เขาไม่สบายใจเป็นอย่างมากเลย
In your eyes noses lips the way she…ติ๊ด!
“ฮัลโหลครับ”แจ็คสันกดรับสายมือถือ
“แจ็คสัน ผมยูคยอมนะครับ”เสียงยูคยอมดังขึ้นมานั่นทำให้หัวใจของแจ็คสันเต้นเร็ว
จริงสิ
วันนี้ยูคยอมจะมาเอากระเป๋าสตางค์คืนจากเขานี่นะ เกือบลืมไปเลย แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้พามาร์คไปเดินเล่นที่ห้างด้วยซะเลย
“ครับ รุ่นพี่จะมาเอากระเป๋าสตางค์คืนใช่ไหมตอนนี้ผมอยู่ที่มหาลัยอยู่เลยครับ จะเป็นอะไรไหมถ้าเราจะไปเจอกันที่ร้านขนมแถวๆย่านดาวน์ทาวน์”ผมถามยูคยอมกลับไป พามาร์คไปกินขนมแถวนั้นก็คงดี ได้ทั้งกินขนมและคืนกระเป๋าสตางค์ด้วย โอเคเป๊ะลงตัวมาก เหลือแค่อีกฝ่ายว่าจะตกลงได้ไหม
“ตกลง เดี๋ยวเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าตรงแถวๆมหาลัยแล้วกันนะ”ยูคยอมตอบตกลงพร้อมกับนัดสถานที่อีกฝ่าย
“ครับ ถึงแล้วเดี๋ยวผมโทรหานะครับ แค่นี้ก่อนนะครับ”แจ็คสันกดตัดสายมือถือไปเรียบร้อยแล้ว พอเงยหน้าขึ้นมาจากมือถือก็เจอกับสายตาของมาร์คที่มองมาด้วยความฉงน
“คุยกับใคร แล้วนายจะไปไหน”มาร์คถามพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“กับคิมยูคยอมน่ะ พอดีเราจะเอากระเป๋าสตางค์ไปคืนเขา”ผมตอบกลับออกไปอย่างปกติ รวบกองหนังสือใส่กระเป๋าก่อนจะลุกจากโต๊ะเลคเชอร์
“แจ็คสันรอด้วย หมายความว่าไงที่บอกว่าคิมยูคยอม? ใช่คนเดียวกับนักร้องที่ปลื้มๆนั่นใช่ไหม?”
“อ้า จะว่างั้นก็ได้”ผมหันไปตอบมาร์คก่อนจะเดินดุ่มๆออกมาเลย
“เห้ยเดี๋ยว! แจ็คสันนน เล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้เลย ไปสนิทถึงขั้นมีเบอร์เขาได้ไง”มาร์ควิ่งตามมาก่อนจะดึงข้อมือของผมไว้
“เอาน่าตอนนี้ไปที่รถก่อน เดี๋ยวเราเล่าให้ฟัง”แจ็คสันว่าจบก็ปิดข้อมือตัวเองออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นคนลากแขนมาร์คมาที่รถแทน
.
.
.
“ตกลงยังไงแจ็คสัน”เมื่อเปิดประตูขึ้นรถมามาร์คไม่รอช้าที่จะถามสิ่งที่เขาสงสัยอยู่ภายในใจ
“คือว่าเราไปเจอเขาโดยบังเอิญอะ แล้วเขาก็หนีพวกแฟนคลับมาที่ห้องเรา ก็ตามนั้นไม่มีไรมากแล้วก็ดันลืมกระเป๋าสตางค์เอาไว้”แจ็คสันเล่าไปอย่างไม่ละเอียดมากนัก หากมาร์ครู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างระหว่างนั้นคงโดนบ่นหูชาแน่นอน เพราะฉะนั้นทุกคนเงียบๆไว้นะครับ
“ก็แล้วไป ทำอะไรก็ระวังๆนะแจ็คสัน นายกับคิมยูคยอมอะไรนั่นอยู่สถานะอะไรก็รู้ตัวเองดีใช่ไหม?”มาร์คถามผมอย่างซีเรียส รู้สิทำไมจะไม่รู้ รักของผมที่มันไม่มีทางสมหวังยังไงเล่า .___.
“อื้อ เรารู้น่า”ผมตอบออกไปอย่างตัดบทไม่อยากคิดถึงเวลานั้นให้ช้ำใจเล่นๆ
“ที่บอกเพราะฉันเป็นห่วงนายหรอกนะแจ็คสัน เข้าใจไหมไอ้ดื้อ หื้ม”มาร์คอื้มมือมายีเส้นผมสีสว่างของแจ็คสันจนยุ่งเหยิง
“ย่าห์มาร์ค! ถ้าแบบนั้นนายก็ช่วยเป็นห่วงทรงผมของเราด้วยได้ไหมเล่า!?”แจ็คสันตีฝ่ามือขาวๆของมาร์คหลายๆที
“เจ็บนะแจ็คสัน! ตีมาได้ไง นี่เพื่อนไงจำไม่ได้หรอ -3-”มาร์คงอน(อีกแล้ว) ปล่อยๆไปก่อนมาร์คไม่ได้งอนจริงจังอะไรขนาดนั้น ไว้โกรธจริงๆค่อยง้อ อิอิ
“คร้าบๆ ขอโทษครับคุณชายมาร์คต้วน ขับรถไปได้แล้ว หลับรอนะถึงแล้วปลุกด้วย”แจ็คสันสั่งก่อนจะเอนเบาะรถของมาร์คแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราทันทีทิ้งไว้แต่มาร์คที่ได้แต่หมั่นไส้อีกฝ่ายที่นอนสบายใจเฉิบอยู่อย่างนั้น
.
.
.
“แจ็คๆ ถึงแล้ว”มาร์คเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ห้างตามที่แจ็คสันบอกให้พามาก่อนจะปลุกเพื่อนตัวกลมขี้เซาของเขา มองดีๆหมอนี่ก็หล่อนะ แต่มันเป็นบ้า เพราะงั้นเขาสองคนถึงไม่สามารถเกินเลยคำว่าเพื่อนรักไปได้อีก
“ฮื่ออ ถึงแล้วหรอ”แจ็คสันงัวเงียรู้สึกขัดใจหน่อยๆเมื่อโดนปลุก ยังนอนไม่เต็มอิ่มเป็นใครก็ต้องเซ็งกันทั้งนั้นแหล่ะ
“เออถึงแล้ว ลงด้วยจะล็อกประตู”มาร์คสั่งแจ็คสันซึ่งเขาก็ยอมทำตามแต่โดยดีไม่มีอิดออด(ลองช้ากว่านี้ดูอาจจะโดนมาร์คงับหัวเอาก็เป็นได้) พอแจ็คสันลงไปแล้วมาร์คก็เอื้อมตัวมาล็อกรถเขาขี้เกียจเดินไปล็อกอีกฝั่งจึงจัดการล็อกมันตั้งแต่อยู่ในรถซะเลย จากนั้นก็ค่อยลงมาจากรถและเดินไปหาแจ็คสันที่ยืนรออยู่
.
.
.
“หิวข้าวอะแวะกินข้าวก่อนได้ไหม”มาร์คสะกิดแจ็คสัน
“แป๊บนึง เดี๋ยวเราขอลองโทรหาพี่เขาก่อน”ว่าแล้วแจ็คสันก็ล้วงมือถือมาเพื่อจะโทรหาคนที่ตนเองนั้นนัดไว้
“มาร์คๆ ไปกินที่ร้านซูชิชั้นบนได้ไหม”แจ็คสันถามปกติมาร์คชอบกินแต่อาหารไทยกับจีน ไม่รู้จะยอมไปกินอาหารญี่ปุ่นหรือเปล่า
“เอางั้นก็ได้กินที่นั่นแหล่ะ”มาร์คตอบตกลงและเดินกอดคอแจ็คสันเดินไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าตรงไปยังบันไดเลื่อน วันนี้จะได้กินอาหารญี่ปุ่นหลังจากที่ไม่ได้กินมานาน ท้องก็เริ่มร้องประท้วงแล้วสิ เอาเข้าจริงๆไม่ใช่แค่มาร์คคนเดียวหรอกนะที่หิว แจ็คสันเองก็หิวเหมือนกัน แต่กลัวว่ายูคยอมจะต้องมานั่งรอตน ถ้าอีกฝ่ายมีงานต้องไปทำอีกแล้วเกิดไปสายขึ้นมาคงจะแย่เอา แจ็คสันรอบคอบใช่ไหมล่ะ อิอิ
“แจ็คสัน! ทางนี้”เสียงยูคยอมเรียกชื่อแจ็คสัน
“อะ รุ่นพี่ แป๊บนึงนะครับ”แจ็คสันเมื่อเห็นยูคยอมแล้วก็เปิดกระเป๋าเป้ใบโตของตัวเองเพื่อจะหาเอากระเป๋าสตางค์ของอีกฝ่ายมาคืน
“เดี๋ยวๆ ไว้ค่อยหาก็ได้ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม?”ยูคยอมเบรคการค้นหากระเป๋าสตางค์เอาไว้เท่านั้นและเอ่ยชวนอีกคนไปทานข้าวด้วยกัน
“เอ่อ แต่ว่าจะดีหรอครับ”
“ดีสิ งั้นกินร้านซูชินี่เลยแล้วกันนะ”ยูคยอมดึงแจ็คสันให้เข้าร้านไปด้วยกัน มาร์คที่ยืนรออยู่ห่างๆก็งงแต่ก็เดินตามเข้าไปด้วย ไม่ใช่อะไร เขาหิวข้าวจนสามารถกินตึกใบหยกทั้งตึกได้แล้ว!
“หวัดดีครับ ผมคิมยูคยอมนะ”เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้วยูคยอมเอ่ยทักทายมาร์คออกไป
“อ่า สวัสดีครับ ผมมาร์ค ต้วนครับ เป็นเพื่อนกับแจ็คสัน”มาร์คส่งยิ้มน่ารักออกไป
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”ยูคยอมส่งยิ้มมุมปากให้มาร์คเล็กน้อยนั่นทำให้มาร์ครู้สึกแปลกๆ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนตัวดีถึงชอบนักชอบหนา สเน่ห์ของคนตรงหน้านี้เหลือล้นเหลือเกินทำเอาพวกไม่บ้าดาราอย่างเขาถึงกับเผลอกลั้นหายใจไปเลยทีเดียว
แต่ก็นะ รู้สึกว่าแบมแบมหล่อกว่าอยู่ดี
เห๊ะ
เดี๋ยวนะเมื่อกี้นี้เขาเผลอคิดอะไร
อาจจะเพราะเขากำลังโกรธอยู่เลยคิดอะไรแปลกๆออกไป
แบมแบมน่ะหรอหล่อกว่าคิมยูคยอม ขนลุกชะมัด อย่าเผลอคิดอะไรแปลกๆแบบนี้อีกนะมาร์คต้วน เจ้าบ้าเอ้ย
“อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ รายการทั้งหมดได้ครบนะคะ ถ้าต้องการสั่งอาหารเพิ่มสามารถเรียกพนักงานได้เลยค่า”พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟพร้อมตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและทำงานอย่างขยันขันแข็ง แจ็คสันที่เห็นแบบนั้นก็อดจะยิ้มไม่ได้ เป็นพนักงานที่น่ารักจริงๆเลยน้า อ้ะ จริงสิ เขาควรคืนกระเป๋าสตางค์ให้กับยูคยอมได้แล้ว เขาส่งกระเป๋าสตางค์ใบสีดำมันปลาบคืนให้แก่ยูคยอม ยูคยอมก็รับไว้แต่โดยดี
“แจ็คสันลองทานนี่ดูสิ อร่อยดีนะ”ยูคยอมคีบซูชิหน้าแซลมอนชิ้นโตให้ในจานใบเล็กของแจ็คสัน มาร์คที่นั่งกินเงียบๆหันมามองแจ็คสันนิดๆก่อนจะคีบซูชิกินต่อ
“ไม่เป็นไรหรอกครับรุ่นพี่ แต่ก็ขอบคุณนะครับ”แจ็คสันเอ่ยคำขอบคุณอย่างนอบน้อมก่อนจะคีบซูชิคำนั้นขึ้นมารับประทาน ในสมองก็พลางคิดว่าอีกฝ่ายช่างเป็นคนที่ใจดีแถมเอาใจใส่คนอื่นเสียจริงๆเลย
“อือฮึไม่เป็นไรหรอกเล็กน้อยเอง น้องมาร์คก็ทานด้วยนะครับ อร่อยนะ”ยูคยอมหันไปเชียร์ให้มาร์คทานข้าวปั้นด้วยเหมือนกัน มาร์คได้แต่ยิ้มๆตอบไปก่อนจะคีบข้าวกิน ทั้งสามคนนั่งกินข้าวกันจนอิ่ม
มื้อนี้ยูคยอมเป็นคนเลี้ยง ทั้งสองคนเพื่อนรักพยายามปฏิเสธแล้ว แต่ยูคยอมก็อ้างเหตุผลที่ว่าตนทำให้แจ็คสันกับมาร์คต้องลำบากเลยเลี้ยงเป็นการตอบแทนรวมถึงบะหมี่หม้อนั้นที่เขาได้กินที่ห้องของแจ็คสันด้วย ทำให้มาร์คหันขวับไปมองหน้าแจ็คสันแล้วทำการคาดโทษไว้เรียบร้อย จนในที่สุดสองเพื่อนรักก็แยกกันกับยูคยอม
“นายกล้าโกหกฉันหรอแจ็คสัน หื้ม?”มาร์คเอื้อมมือไปบิดเอวเพื่อนรักด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ยๆๆ เจ็บแล้วน้ามาร์คค แจ็คแจ็คขอโทษค้าบ โอ๊ยๆๆ ปะ ปล่อย ปล่อยก่อน”แจ็คสันโดนมาร์คบิดเอวร้องโอดโอยออกมา ดวงหน้าของแจ็คสันมีน้ำตาคลอๆ พอมาร์คปล่อยมือก็เอามือไปลูบๆในส่วนที่โดนทำโทษ
“ถ้าไม่อยากโดนอีกก็ห้ามโกหกเข้าใจไหม มีอะไรก็ต้องบอกกันทุกเรื่อง อย่าลืมสิว่าเป็นเพื่อนกัน ฉันจะไปว่านายทำไมนายจะทำอะไร ฉันจะโกรธก็เพราะนายไม่ยอมบอกกันดีๆแต่แรกนี่แหล่ะ”มาร์คเอามือประคองใบหน้าของแจ็คสันแล้วจับส่ายไปมา
“ง่า ต่อไปมีอะไรแจ็คจะบอกมาร์คต้วนคนหล๊อหล่อใจดี๊ใจดี๊คนแรกเลย โอเคไหมครับ”แจ็คสันส่งสายตาอ้อนวอนให้มาร์คแถมยังเอามือไปกุมทับมือมาร์คที่กำลังแปะแก้มของตนเองอยู่
“อือโอเค แต่ว่าตอนนี้โครตอิ่มเลย ไปนอนเล่นที่ห้องแจ็คได้ไหม”
“ได้ๆ ไปดิ ไปทำรายงานส่งอาจารย์ด้วยเลย”
____________________________________________________________________
โปรดติดตามตอนต่อไป
คุยกันซักแป้บนึง : สวัสดีทุกคนนนน ขอโทษเหลือเกินที่ห่างหายไปนาน ธุระมันติดพันอะ กลัวแบบแต่งออกมาแล้วมันกากๆ (แต่ที่แต่งนี่ก็ยังกากอยู่) ฮ่าๆ เอาเถอะๆ ยังไงฝากติดตามนิยายเรื่องแรกของเราด้วย เราตั้งใจมากๆเลยนะ กดโหวตกับปั่นวิวให้ด้วย อิอิ
ความคิดเห็น