ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ท่อนที่10
“พ.....พ่อ...พ่อพูดอะไรของพ่อนะ พ่อไม่เคยเจอเพื่อนหนูมาก่อนเลย แล้วทำไมพ่อถึงพูดอะไรเช่นนี้” เบลพูดอย่างตะกุกตะกัก เพราะคิดว่า ่อของเธอต้องพูดโกหกเหลวไหลไม่ให้ตนเป็นเพื่อนกับหมาป่าเป็นแน่แท้ ซีโร่ถอดหายใจในความหัวรั้นของลูก แล้วพูดว่า
“วันนี้มีคนสองคนไปทำร้ายลูกกับเพื่อนของลูกใช้ริเปล่า” เบลตกใจในคำพูดของซีโร่เป็นอย่างมาก “พ่อรู้ได้ไงค่ะ รึว่า.....” เบลชักลังเลใจในตัวพ่อของตนเสียแล้ว ซีโร่พูดต่อขึ้นมาว่า “ใช่แล้วละ สองคนนั้นเป็นลูกน้องของพ่อเองแหละ” เบลพูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆกลับไปว่า “แล้วทำไมพ่อต้องสั่งคนไปทำร้ายเพื่อนหนูด้วย!!!!” ซีโร่ยิ้มและหัวเราะออกมา “หึๆๆๆ พ่อก็แค่อยากรู้ว่า แวร์วูฟหนุ่มตัวนั้นเป็นคนดีพอที่จะเป็นเพื่อนกับลูก คอยปกป้องลูกได้รึเปล่า ก็แค่นั้นแหละ” ซีโร่ทำหน้ากวนอย่างมาก จนเบลเริ่มจะหงุดงิดแล้ว
“ทำไมพ่อถึงพูดจาเหลวไหลอย่างนี้!!!! เพื่อนของลูกนะเขาเป็นแค่หมาป่านะ ไม่ใช่แวร์วงแวร์วูฟอะไรที่พ่อว่าสักหน่อย!!!!!” เบลตอบด้วยเสียงดังฉะฉาน หน้าตาก็แดงด้วยความโกรธ ซีโร่มองลูกอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงเย็นๆช้าๆว่า “ข้อแตกต่างของหมาป่าธรรมดากับหมาป่าแวร์วูฟมีอยู่สี่อย่างคือ ๑.ดวงตาหมาป่าธรรมดาจะมีสีน้ำตาลหรือไม่ก็ดำ แต่หมาป่าแวร์วูฟจะมีสีเทาเงิน ๒.ขนของหมาป่าแวร์วูฟจะยาวหนาและนุ่มกว่าหมาป่าธรรมดา ๓.ที่ต้นขาหน้าซ้ายมีแผลเป็นรูปกากบาทอยู่ ๔.พลังพื้นตัวของหมาป่าแวร์วูฟจะมีสูงมาก ดังนั้น แผลถลอกจะหายไปอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงสองนาที” คำพูดของซีโร่ทำให้เบลต้องชะงักครุ่นคิดไป
“(......จะว่าไปตอนนั้น ตอนที่เราทำแผลให้หมาป่าหนุ่ม เราก็เห็นแผลเป็นรูปกากบาทแปลกๆที่ต้นขาซ้ายของนายหมาป่าด้วยนี้หน่า แถมยังแผลถลอกที่หายไปอีก รึว่า.....ที่พ่อพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริงกันแน่.....)” เบลทำท่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนซีโร่ต้องเบื่อหน่ายในความงี่เง่า(ใช้คำรุนแรงไปป่าวเนี้ย)ของลูกสาวตัวเอง ก่อนจะล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นตลับสีฟ้าๆ มีดวงตาสองข้าง และมีปุ่มกดตรงกลางสีแดง(ไม่ใช่ตลับโมเดลนะ) ซีโร่ยื่นไปให้เบลซึ่งทำหน้างงอยู่
“นี้คือเครื่องพรางตัว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ของพ่อคิดค้นขึ้นมา(นักวิทยาศาสตร์ของแกอะไรกัน พ่อแกเองไม่ใช่เหรอที่ทำให้แก(ดร.เคนเป็นพ่อซีโร่)) เพียงกดปุ่มและเอาใส่ไว้ในกระป๋าเสื้อหรือกระโปรง มันจะช่วยกลบกลิ่น เสียงและยังพรางตัวเราได้ด้วยคล้ายกับล่องหน ซึ่งแวร์วูฟจะไม่สามารถจับตัวเราได้แน่นอน” ซีโร่บรรยายถึงคุณประโยชน์ของเครื่องมือที่เอาออกมาให้เบลฟัง เบลทำหน้าเอ๋อสนิทเลย
“พ...พ่อ...พ่อเอามาให้หนูทำไมค่ะ” เบลพูด ซีโร่ยิ้ม “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น พ่ออยากให้ลูกพิสูตรเอาเองว่าเพื่องของลูกเป็นแวร์วูฟจริงๆรึเปล่า” เบลเริ่มงงหนักเข้าไปอีก “ยังไงอะ” จนซีโร่แทบอยากจะเขกหัวลูกจอมซื่อของตัวเองเต็มทนอยู่แล้ว
“ตามเขาไป.....หลังจากที่ลูกบอกลาเขากลับปราสาทในช่วงบ่ายแล้วอลูกก็ทำทีกลับมา แต่ความจริงลูกต้องหาที่หลบซ่อนแถวประตูรั้วก่อน พอหมาป่าหนุ่มเดินกลับเข้าป่า ลูกก็พรางตัวตามเขาไปติดๆเลย เขาจะไม่เห็นลูกหรอกนะ”
“หา!!!!” เบลร้องเสียงหลงดังลั่นห้องด้วยความตกใจ จนซีโร่ต้อปิดปากไว้ เนื่องจากกลัวองค์ราชินีเข้าใจผิด คิดว่าตนมาแอบปล้ำลกสาวตัวเอง(คนๆนั้นยิ่งขี้งอนอยู่ด้วย-ซีโร่คิด) จนในที่สุดเสียงก็เงียบลง ซีโร่จึงปล่อยปากของเบลและเดินออกไปที่ประตู ก่อนจะกลับหันไปมองลูกที่ท่าทางเหม่อๆอยู่ พร้อมพูดว่า “ลูกคิดเอาดีๆละกัน ว่าลูกต้องการรู้ตัวจริงของเพื่อนลูกรึเปล่า” แล้วซีโร่ก็ออกนอกห้องไป ปล่อยให้เบลนั่งคิดอะไรไปคนเดียว
หน้าประตูห้อง
“อย่างน้อยลูกก้สมควรจะรู้ความจริง” ซีโร่ปิดประตูและหันออกไป ก็เผชิญหน้ากับสิ่งที่โหดร้ายที่สุดเข้า ไอริชที่กำลังโมโห มีเส้นเลือดปุดขึ้นเต็มใบหน้าจนดูหน้ากลัว แม้กระทั้งซีโร่ที่ขี้เก๊กและเย็นชายังคงลัวจนสั่นไปหมด “เข้าไปทำอะไรในห้องลูก......หา.....คุณสามี...” ไอริชพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆจนน่าวังเวง ซีโร่ตอบสั่นๆว่า “ก..ก็ เข้าไป...คุยกับลูก...นิดหน่อยนะจ๊ะ...” ไอริชพูดโต้กลับมาอีกว่า “คุยกันตอนดึกเนี้ยนะ.....ฉันไม่เชื่อหรอก...อย่าอยู่เลยค่ะคุณสามี...” และแล้วก็มีสงครามขนาดย่อมๆเกินที่หน้าห้องของเบลนั้นเอง โดยเจ้าของห้องเหงือตกและคิดว่าพ่อของเธอจะรอดจากฝ่าละมือของแม่เธอรึเปล่า
“วันนี้มีคนสองคนไปทำร้ายลูกกับเพื่อนของลูกใช้ริเปล่า” เบลตกใจในคำพูดของซีโร่เป็นอย่างมาก “พ่อรู้ได้ไงค่ะ รึว่า.....” เบลชักลังเลใจในตัวพ่อของตนเสียแล้ว ซีโร่พูดต่อขึ้นมาว่า “ใช่แล้วละ สองคนนั้นเป็นลูกน้องของพ่อเองแหละ” เบลพูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆกลับไปว่า “แล้วทำไมพ่อต้องสั่งคนไปทำร้ายเพื่อนหนูด้วย!!!!” ซีโร่ยิ้มและหัวเราะออกมา “หึๆๆๆ พ่อก็แค่อยากรู้ว่า แวร์วูฟหนุ่มตัวนั้นเป็นคนดีพอที่จะเป็นเพื่อนกับลูก คอยปกป้องลูกได้รึเปล่า ก็แค่นั้นแหละ” ซีโร่ทำหน้ากวนอย่างมาก จนเบลเริ่มจะหงุดงิดแล้ว
“ทำไมพ่อถึงพูดจาเหลวไหลอย่างนี้!!!! เพื่อนของลูกนะเขาเป็นแค่หมาป่านะ ไม่ใช่แวร์วงแวร์วูฟอะไรที่พ่อว่าสักหน่อย!!!!!” เบลตอบด้วยเสียงดังฉะฉาน หน้าตาก็แดงด้วยความโกรธ ซีโร่มองลูกอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงเย็นๆช้าๆว่า “ข้อแตกต่างของหมาป่าธรรมดากับหมาป่าแวร์วูฟมีอยู่สี่อย่างคือ ๑.ดวงตาหมาป่าธรรมดาจะมีสีน้ำตาลหรือไม่ก็ดำ แต่หมาป่าแวร์วูฟจะมีสีเทาเงิน ๒.ขนของหมาป่าแวร์วูฟจะยาวหนาและนุ่มกว่าหมาป่าธรรมดา ๓.ที่ต้นขาหน้าซ้ายมีแผลเป็นรูปกากบาทอยู่ ๔.พลังพื้นตัวของหมาป่าแวร์วูฟจะมีสูงมาก ดังนั้น แผลถลอกจะหายไปอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงสองนาที” คำพูดของซีโร่ทำให้เบลต้องชะงักครุ่นคิดไป
“(......จะว่าไปตอนนั้น ตอนที่เราทำแผลให้หมาป่าหนุ่ม เราก็เห็นแผลเป็นรูปกากบาทแปลกๆที่ต้นขาซ้ายของนายหมาป่าด้วยนี้หน่า แถมยังแผลถลอกที่หายไปอีก รึว่า.....ที่พ่อพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริงกันแน่.....)” เบลทำท่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนซีโร่ต้องเบื่อหน่ายในความงี่เง่า(ใช้คำรุนแรงไปป่าวเนี้ย)ของลูกสาวตัวเอง ก่อนจะล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นตลับสีฟ้าๆ มีดวงตาสองข้าง และมีปุ่มกดตรงกลางสีแดง(ไม่ใช่ตลับโมเดลนะ) ซีโร่ยื่นไปให้เบลซึ่งทำหน้างงอยู่
“นี้คือเครื่องพรางตัว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ของพ่อคิดค้นขึ้นมา(นักวิทยาศาสตร์ของแกอะไรกัน พ่อแกเองไม่ใช่เหรอที่ทำให้แก(ดร.เคนเป็นพ่อซีโร่)) เพียงกดปุ่มและเอาใส่ไว้ในกระป๋าเสื้อหรือกระโปรง มันจะช่วยกลบกลิ่น เสียงและยังพรางตัวเราได้ด้วยคล้ายกับล่องหน ซึ่งแวร์วูฟจะไม่สามารถจับตัวเราได้แน่นอน” ซีโร่บรรยายถึงคุณประโยชน์ของเครื่องมือที่เอาออกมาให้เบลฟัง เบลทำหน้าเอ๋อสนิทเลย
“พ...พ่อ...พ่อเอามาให้หนูทำไมค่ะ” เบลพูด ซีโร่ยิ้ม “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น พ่ออยากให้ลูกพิสูตรเอาเองว่าเพื่องของลูกเป็นแวร์วูฟจริงๆรึเปล่า” เบลเริ่มงงหนักเข้าไปอีก “ยังไงอะ” จนซีโร่แทบอยากจะเขกหัวลูกจอมซื่อของตัวเองเต็มทนอยู่แล้ว
“ตามเขาไป.....หลังจากที่ลูกบอกลาเขากลับปราสาทในช่วงบ่ายแล้วอลูกก็ทำทีกลับมา แต่ความจริงลูกต้องหาที่หลบซ่อนแถวประตูรั้วก่อน พอหมาป่าหนุ่มเดินกลับเข้าป่า ลูกก็พรางตัวตามเขาไปติดๆเลย เขาจะไม่เห็นลูกหรอกนะ”
“หา!!!!” เบลร้องเสียงหลงดังลั่นห้องด้วยความตกใจ จนซีโร่ต้อปิดปากไว้ เนื่องจากกลัวองค์ราชินีเข้าใจผิด คิดว่าตนมาแอบปล้ำลกสาวตัวเอง(คนๆนั้นยิ่งขี้งอนอยู่ด้วย-ซีโร่คิด) จนในที่สุดเสียงก็เงียบลง ซีโร่จึงปล่อยปากของเบลและเดินออกไปที่ประตู ก่อนจะกลับหันไปมองลูกที่ท่าทางเหม่อๆอยู่ พร้อมพูดว่า “ลูกคิดเอาดีๆละกัน ว่าลูกต้องการรู้ตัวจริงของเพื่อนลูกรึเปล่า” แล้วซีโร่ก็ออกนอกห้องไป ปล่อยให้เบลนั่งคิดอะไรไปคนเดียว
หน้าประตูห้อง
“อย่างน้อยลูกก้สมควรจะรู้ความจริง” ซีโร่ปิดประตูและหันออกไป ก็เผชิญหน้ากับสิ่งที่โหดร้ายที่สุดเข้า ไอริชที่กำลังโมโห มีเส้นเลือดปุดขึ้นเต็มใบหน้าจนดูหน้ากลัว แม้กระทั้งซีโร่ที่ขี้เก๊กและเย็นชายังคงลัวจนสั่นไปหมด “เข้าไปทำอะไรในห้องลูก......หา.....คุณสามี...” ไอริชพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆจนน่าวังเวง ซีโร่ตอบสั่นๆว่า “ก..ก็ เข้าไป...คุยกับลูก...นิดหน่อยนะจ๊ะ...” ไอริชพูดโต้กลับมาอีกว่า “คุยกันตอนดึกเนี้ยนะ.....ฉันไม่เชื่อหรอก...อย่าอยู่เลยค่ะคุณสามี...” และแล้วก็มีสงครามขนาดย่อมๆเกินที่หน้าห้องของเบลนั้นเอง โดยเจ้าของห้องเหงือตกและคิดว่าพ่อของเธอจะรอดจากฝ่าละมือของแม่เธอรึเปล่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น