คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : (หลังจากวันฮีโร่ตาย)
Rockman Special Story
Part1 : The Day After Dead Hero
(หลังจากวันฮีโร่ตาย)*ตอนที่1*
By : vava2 All : My brother
หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเกมส์จริงๆและไม่ได้ต่อเนื่องมาจากการ์ตูนร็อกแมน
---------------------------------------
สามเดือนผ่านไปแล้ว นับตั้งแต่วันสิ้นสุดสงครามที่ยาวนาน ในที่สุดเนโออาร์คาเดียกับหน่วยต่อต้าน Resistance ก็ยุติความบาดหมางกันได้ด้วยการตายของกบฏจอมอหังการที่น่ากลัว นาม ดร.ไบล์ แม้ว่าจะเป็นการจบที่ไม่สวยหรูก็ตามที เมื่อวีรบุรุษของเรา เซโร่ต้องตายลงเพราะภารกิจสุดท้ายของเขานั้นเอง
เซโร่หรือที่รุ้จักกันดีในชื่อร็อกแมนเซโร่ บุรุษผู้มีบอดี้สีแดง ผมยาวสีทอง ผู้ซึ่งได้สละชีวิตตัวเองเพื่อกำจัด ดร.ไบล์ ซึ่งเป็นมนุษย์ที่พยายามจะทำลายโลกนี้ เขาได้สูญหายไประหว่างการต่อสู้ในแร็กนาร๊อก สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ของเขาก็คือ หมวกไททาเนียมสีแดงที่แตกร้าวซึ่งอยู่ท่ามกลางเศษซากชิ้นส่วนของแร็กนาร็อกนั้นเอง
สามเดือนที่ผ่านมานี้มีหลายๆอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร ในที่สุด “เชล ซิสเทม” พลังงานรูปแบบใหม่ของดร.เชลก็เสร็จสมบูรณ์ ทำให้สภาวะโลกขาดแคลนพลังงานยุติลง มนุษย์ก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเรพลิลอยอีกครั้งด้วยความสงบสุข ฐานหน่วยต่อต้านก็ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นหน่วยงานใหม่ที่เคยมีขึ้นในอดีต นั้นก็คือ อิเร่กุล่าห์ฮันเตอร์ นั้นเอง
ทางสมาคมโลกได้ตระหนักว่าตอนนี้เนโออาร์คาเดียกำลังขาดผู้นำ ดังนั้น ทางสมาคมโลกจึงได้แต่งตั้งให้ ฮาเปียร์ ผู้มีบอดี้สีเขียว ซึ่งเป็นผู้ที่มีDNAใกล้เคียงเอ็กซ์(ตัวจริง)มากที่สุดและเคยเป็นสี่จตุรเทพมาก่อน ให้มาเป็นผู้นำของเนโออาร์คาเดียนี้เอง
- 24 ธันวาคม ปีxxxx (วันครบรอบการสิ้นสุดสงคราม) - *ข้อนี้เป็นค่าสมมุติฐาน
“..........” หญิงสาวร่างบาง ผมสีทอง ในชุดลำลองสีชมพู กำลังยืนอยู่ในห้องสีขาวเล็กๆห้องหนึ่ง ซึ่งรอบๆถูกจัดเป็นสวนย่อมขนาดเล็ก ตรงกลางมีแคปซูลแก้วที่สูงยาวบรรจุของบางสิ่งไว้ภายใน ซึ่งสิ่งที่อยู่ในนั้นก็ เศษซากชิ้นส่วนเพียงหนึ่งเดียวของวีรบุรุษผู้กอบกู้ หมวกที่แตกร้าวของเซโร่นั้นเอง
“สามเดือนแล้วสินะ......เซโร่......ที่คุณจากพวกเราไป” เชลเอื้อมมือขึ้นมาแตะแคปซูลแก้ว ดวงตาสีฟ้าครามดูเศร้าเล็กน้อย
“ถ้าคุณมองดูตอนนี้คุณก็คงจะดีใจ.......ที่ความปรารถนาของคุณได้เป็นจริงแล้ว....”
“แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่มันก็เป็นการเปลี่ยนไปในทางที่ดี”
“และตอนนี้ฉันก็ยังหวังอยู่นะว่า คุณยังจะกลับมาหาฉัน......อย่างปลอดภัย......” เชลผละออกมาจากแคปวูลแก้วนั้น และเดินไปยังระเบียงห้อง ห้องๆนี้อยู่ที่ชั้นบนสุดของตึกเนโออาร์คาเดีย ข้างๆห้องที่เคยมีร่างของเอ็กซ์(ตัวจริง)อยู่นั้นเอง
“เซโร่.......” เชลเหม่อมองออกไปข้างนอกระเบียงนั้น เสียงที่เอ่ยออกมาช่างเบายิ่งนัก แสงสีขาวนวลของดวงจันทร์ยามค่ำคืน ส่องกระทบกับใบหน้าของหญิงสาวที่มีสีหน้าเศร้าสร้อยราวกับจะปลอบใจ
- ในงานฉลองครบรอบวันสิ้นสุดสงคราม ภายในของตึกเนโออาร์คาเดีย
งานเลี้ยงฉลองอันยิ่งใหญ่และหรูหราถูกจัดขึ้นที่นี้ ห้องโถงแห่งนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนและเรพลิลอยมากหน้าหลายตา ส่วนมากผู้ที่มาที่นี้จะเป็นพวกที่มียศสูงๆและหัวหน้าระดับสูงของหน่วยต่อต้านและของเนโออาร์คาเดีย มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ โต๊ะอาหารยาวเป็นแถบบริการแบบไม่อั้น มีทั้งอาหารสำหรับคนและเรพลิลอย ช่างเป็นงานฉลองที่โอ้อ่าพอสมควรเลยทีเดียว
ด้านข้างของที่นี้มีห้องส่วนตัวสำหรับพวกผู้นำระดับสูงสุด ซึ่งเป็นห้องที่พวกจตุรเทพกับผู้นำของเนโออาร์คาเดียอยู่นั้นเอง ภายในนั้นมีโต๊ะและโซฟาชุดหนึ่งกับอาหารเล็กน้อยตั้งอยู่บนโต๊ะ เรพลิลอยบอดี้สีเขียว สวมเกราะหมวกสีเขียวติดปีก นั่งอยู่ต่อหน้า ผู้เป็นลูกน้องทั้งสามคน(?) คนแรกนั้นเป็นจตุรเทพหนุ่มไฟแรงผู้มีบอดี้สีแดงอมส้มนาม แฟฟเนอร์ คนที่สองเป็นจตุรเทพสาวเพียงหนึ่งเดียว ผู้มีบอดี้สีฟ้าเข็มนาม เลเวียธาน คนสุดท้ายนี้ เป็นจตุรเทพซึ่งเคยเสียชีวิตไปแล้วเพราะการต่อสู้กับเซโร่ แต่ดร.เชลได้สร้างขึ้นมาใหม่อีกครั่งเพราะบังเอิญเธอไปเจอตัวเขาในโลกไซเบอร์สเปซ เรพลิลอยผู้นี้มีร่างสีดำ สวมหน้ากากคล้ายนินจา(ก็นินจานี้หว่า) นาม แฟนธ่อม
“ไม่ว่ากี่ทีต่อกี้ที งานเลี้ยงของพวกมนุษย์ก็น่าเบื่อทุกทีสิน่า” แฟฟเนอร์พูดด้วยสีหน้าเซ็งๆ ขณะที่เหม่อมองไปที่กระจกห้องซึ่งทำให้มองเห็นห้องโถงทั้งหมดได้
“นั้นสินะ ว่าแต่ฮาเปียร์ ทำไมวันนี้นายถึงมาที่นี้ละ เห็นปกติบอกไม่ชอบงานเลี้ยงที่มีคนมากๆแล้วเที่ยวแอบไปไหนทุกทีไม่ใช่เหรอไง” เลเวียธานถามผู้เป็นใหญ่แห่งเนโออาร์คาเดีย ด้วยคำพูดที่แสดงถึงความสนิทสนมพอสมควร
“........” แฟนธ่อม.....ช่างมันเถอะ -*-
“ที่ฉันมาวันนี้ก็มีเรื่องจะปรึกษากับพวกนายนะสิ” ฮาเปียร์พูด
“เรื่องอะไรเหรอ หรือว่านายจะแต่งงานกับฉัน?” เลเวียธานพูดขึ้นมา นั้นทำให้สามหนุ่มสะดุ้ง ขนลุกซู่ขึ้นมา สองหนุ่มจ้องมองไปที่ร่างสีเขียวด้วยสายตาแปลกๆ
“ไม่ใช่เรื่องน้าน!!-*-” ฮาเปียร์รีบแก้ต่างโดยเร็วพลัน เพราะกลัวว่าสองหนุ่มที่เหลือจะเข้าใจผิดเอาเสียกัน
“แล้วเรื่องอะไรละ?”
“ก็เรื่องจตุรเทพนะสิ.......ก็นี้นะ ตอนนี้พวกนายมีกันอยู่แค่สามคนเองไม่ใช่เหรอ แล้วไอ้จตุรเทพมันจะต้องมีสี่คนนี้หน่า ฉันเลยจะถามพวกนายว่า จะหาใครมาเป็นจตุรเทพคนที่สี่ดีนะสิ”
“เออ.......แล้วมีใครให้เลือกบ้างละ?” ในที่สุดแฟนธ่อมก็เอ่ยพูดขึ้นมาบ้าง ซึ่งคำพูดของเขานั้นก็ทำให้อีกสามคนนั้นคิดได้ ว่าไม่มีใครเหลือให้เลือกแล้ว.....
“เออ.....ขอประทานโทษนะ ที่เข้ามาขัดจังหวะการพูดคุย” เรพลิลอยอาวุโสคนนึงแหวกม่านสีแดงเข้ามา เขาคนนี้คือเซร์วอ นั้นเอง
“อ้าว? มีอะไรเหรอคุณเซร์วอ” ร่างสีเขียวเอ่ยถามกับผู้มาใหม่
“คือฉันจะมาถามพวกนายหน่อยนะว่า มีใครเห็นเชลบ้างละ ฉันไม่เห็นเธอตั้งแต่งานเริ่มแล้วละ”
“หรือครับคุณเซร์วอ พวกเราก็ไม่เห็นเหมือนกัน”
“แย่จังแฮะ....” เซร์วอถอดหายใจเฮือกใหญ่
“แต่......ฉันพอจะรู้นะว่าเธอจะอยู่ที่ไหน” จู่ๆฮาร์เปียก็ผุดลุกขึ้นมา นั้นทำให้อีกสามคนก็ทำท่าจะลุกขึ้นบ้าง แต่ร่างสีเขียวก็กางฝ่ามือห้ามทั้งสามไว้
“พวกนายอยู่ที่นี้เถอะ ฉันจะไปหาเชลเอง เดี๋ยวก็มาแล้ว” ฮาร์เปียกล่าว นั้นทำให้ทั้งสามลงไปนั่งอีกครั้ง
“คุณเซร์วอ คุณคอยอยู่ที่นี้นะ” แล้วฮาร์เปียก็แหวกม่านออกไป ปล่อยให้สามเทพและเซร์วอนั่งงงอยู่อย่างนั้น
- ห้องเก็บเศษซากของเซโร่ -
เชลยืนเหม่อมองภาพเมืองยามค่ำคืนที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย สายลมพัดมาให้ผมสีทองปลิวไสวเป็นระยะ ค่ำคืนนี้สว่างพอสมควรเพราะพระจันทร์นั้นใกล้เต็มดวงอีกไม่กี่วันนี้ เสียงดังอึกทึกลอยล่องมาตามสายลม คนเบื้องล่างช่างมีความสุขสนุกสนานเสียเหลือเกิน ต่างกับหญิงสาวที่อยู่ข้างบนนี้ราวกับฟ้ากับดิน
“อ๊ะ!?!” อยู่ๆเชลก็เห็นร่างของเซโร่ที่ยิ้มให้เธอยืนพิงระเบียงอยู่ด้านข้าง เชลเอื้อมมือจะไปจับ แต่นั้นเป็นเพียงภาพหลอนที่เธอสร้างเท่านั้น ร่างสีแดงหายไปกับอากาศ
“เซโร่.......” เชลไหล่ตก และทรุดนั่งลง เอามือกอดเข่าของตัวเอง น้ำตาไหล่เออออกมา
“อยู่ที่เองนะ.....เจ้าหญิง....” ร่างสีเขียวเดินเข้ามาใกล้ร่างที่ทรุดนั่งลงช้าๆ ก่อนจะคุกเข่าลงไปพูดด้วย
“ฮาร์เปีย....” เชลเงยหน้ามองผู้ที่มาพูดด้วย
“ร้องไห้รึ ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะ ถ้าเซโร่มาเห็นเขาจะคิดยังไงกัน”
“ถ้ามาเห็นก็ดีสิ นั้นจะได้แสดงว่าเขายังอยู่กับพวกเรา” เชลเสหน้าไปด้านข้าง ราวกับไม่อยากให้ชายที่อยู่ตรงหน้ามองเห็นใบหน้าของตนเอง
“เซโร่เขาไปแล้วนะ คุณก็น่าจะยอมรับได้บ้างแล้ว”
“ก็มัน....”
“หยุดร้องให้เถอะ” ฮาร์เปียเอื้อมมือมาที่ใบหน้าของเชล ก่อนจะใช้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาของผู้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
“.......” เซลหน้าแดงเล็กน้อย ถึงแม้คนตรงหน้าจะเป็นเรพลิลอย แต่ก็ยังเป็นผู้ชายนั้นแหละ
“เซโร่นะ ยังไม่ได้ตายสักหน่อยนะ”
“เอ๊ะ?”
“เขานะ ยังอยู่ในใจพวกเรานี้หน่า” ฮาเปียร์เอามือชี้ที่หน้าอกของตัวเอง จุดที่คาดว่าจะเป็นหัวใจ(แต่ไม่ใช่)
“ฉันรู้....แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจนี้หน่า”
“เชล.....” แล้วฮาร์เปียที่นั่งชัดเข่าอยู่เบื้องหน้า ก็หันไปนั่งพิงระเบียงข้างๆกายสาวน้อยร่างบาง โดยมีระยะห่างเพียงไม่มากนัก
“ผมไม่อย่างให้คุณคิดว่าเซโร่นั้นจากเราไปแล้วนะ”
“......”
“ผมอยากให้คุณคิดว่าเซโร่นั้นไปพักผ่อนจากการต่อสู้เสียยาวนานกับเอ็กซ์ที่เป็นเพื่อนสนิทของเขานะ บางทีเขาอาจจะกำลังมีความสุขอยู่กับเพื่อนของเขาก็ได้ แล้วคุณจะมานั่งเสียใจทำไมละ”
“แต่....ฮาร์เปีย ฉัน....” เชลนั้นยังคงหาข้ออ้างมาเป็นเหตุผลต่อ แต่ยังไม่ทันพูดจบ ฮาร์เปียก็ได้พูดขัดขึ้นว่า
“คุณคิดว่าพวกเราไม่เสียใจเหรอ.....ผมนะเสียใจจริงๆที่ไม่สามารถช่วยเขาในการต่อสู้ได้ ทั้งๆที่ผมเป็นคนของเนโออาร์คาเดีย แต่กลับต้องให้เขาซึ่งพวกเรากล่าวหาว่าเป็นอิเร่กุล่าห์มาช่วยปกป้องเนโออาร์คาเดียไว้ มันไม่น่าเจ็บใจนักหรือ.....”
“ฮาร์เปีย....” แม้ใบหน้าของคนที่อยู่ข้างๆจะดูเย็นชาตลอดเวลา แต่เชลนั้นก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ปวดร้าวของคนที่อยู่ข้างๆ
“ผมยังเชื่อนะว่าเซโร่จะกลับมา เขาต้องกลับมาช่วยเหลือโลกนี้อีกแน่นอน ตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อนแล้วที่เขาคอยปกป้องโลกนี้มาตลอด”
“เป็นร้อยปีที่เหนื่อยพอสมควร ในที่สุดพวกเขาก็ได้พักเสียที”
“ตอนนี้ถึงเวลาของเราแล้ว ที่คนรุ่นใหม่อย่างเราจะปกป้องโลกนี้เองแทนคนรุ่นก่อน” ฮาร์เปียกล่าวออกมาด้วยใจที่มุ่งมั่นอย่างประหลาด ซึ่งคนข้างๆก็รู้สึกได้
“........นั้นสินะ บางทีเซโร่อาจจะมองพวกจากบนนั้นก็ได้” เชลเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวเบื้องบนด้วยใบหน้าที่เริ่มยิ้ม นั้นก็ทำให้ชายที่อยู่ใกล้ตัวยิ้มออกบ้าง แม้ใบหน้าจะยังเย็นชาอยู่ก็ตามที
“ไปกันเถอะคุณเชล อากาศเริ่มหนาวแล้วละ” แล้วฮาร์เปียก็ลุกขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปให้เชล
“อื้อ!” เชลคว้ามือของฮาร์เปียก่อนจะลุกขึ้นตามและทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องนี้ไปด้วยกัน
- ห้องรับรองของผู้นำระดับสูงสุด -
“ชนแก้วหน่อย ฮ่าๆๆๆ” ชายหนุ่มบอดี้สีแดงเอ่ยขึ้นก่อนจะจับแก้วใส่เบียร์ชนกับแก้วของชายหนุ่มบอดี้สีดำ และดื่มมันลงไปในคออย่างรวดเร็ว
“น่าเบื่อจัง....” เลเวีนธานเอ่ยออกมาอย่างเบื่อหน่าย เซร์วอที่นั่งอยู่ด้านข้างๆก็คิดเช่นนั้น ทั้งๆที่สองเทพนั้นเริ่ม *เมา เอาเสียแล้ว
“ทำไมฮาร์เปียถึงช้าจังนะ” เซว์วอกล่าวออกมาอย่างเซ็งๆ
“ไงทุกคน ฉันมาแล้ว” แล้วร่างสีเขียวก็แหวกม่านมาปรากฏตัวพร้อมกับหญิงสาวร่างบาง นั้นก็ทำให้หนึ่งในสามเทพหันไปมอง พร้อมกับชายชราในชุดสีเขียว
“คุณเชล....คุณไปไหนมา....ผมตามหาแทบแย่เลย”
“ขอโทษนะค่ะ คุณเซว์วอ ที่ไม่ได้บอก เพียกแต่หนูขึ้นไปคุยกับเซโร่นิดหน่อย.......ก็เท่านั้นเอง.....” เชลก้มหน้าลงราวกับจะสำนึกผิด
“เชิญนั่งเลยครับคุณเชล ผมว่าคุณคงจะหิวแล้ว” ฮาร์เปียบอกให้เชลนั้นไปนั่งตรงที่ว่างข้างๆเซร์วอ เชลนั้นก็เดินไปนั่งลงอย่างว่าง่าย
“งาย~~~ฮาร์เปีย พึ่งมาเหรอ~~~ ไปจีบกานอยู่ลาซี้~~~” เฟฟเนอร์กล่างออกมาด้วยความเมามาย ซึ่งก็ทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงกับร้อนตัวไปเลย
“ไม่ใช่งั้นซักหน่อย นายนี้ เมาแล้วก็ไปนอนซะเถอะ เป็นเรพลิลอยได้ไง ปล่อยให้เมาเสียได้”
“เรื่องของฉานเฟ้ย~~~” แล้วเฟฟเนอร์ก็นอนคอพับไปทั้งๆอย่างงานแหละ-*-
“........เลเวียธาน เธอช่วยพาเฟฟเนอร์ไปนอนหน่อยสิ ปล่อยให้นอนตรงนี้ไม่ได้นะ” ฮาร์เปียสั่งเลเวียธานซึ่งนั่งเซ็งอยู่ ทำให้ร่างสีฟ้าลุกขึ้น
“อืมๆ งั้นฉันไปก่อนละ อีกอย่างฉันจะไม่กลับมานี้แล้วนะ ขี้เกียจอะ” เลเวียธานตรงไปพยุงร่างที่สลึมสลือนั้นขึ้นมา
“เออๆ ไปเถอะ” ร่างสีฟ้ากึ่งลากกึ่งดึงร่างสีส้มผ่านผ้าม่านนั้นไป แต่แล้วร่างสีดำที่เงียบๆอยู่ก็ตะโกนขึ้นว่า
“อย่าให้โดนเฟฟเนอร์ปล้ำเอาได้น้า!!!”
- โครม!!! -
“-*- ”คนที่อยู่ในห้องถึงกับเหงื่อตก เมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนล้มลงดังลั่นมาจากนอกม่าน ก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
“เฮ้อ~~ ฮาร์เปีย ฉันไปก่อนนะ อยากไปหาอะไรกินข้างนอกหน่อย” หลังจากที่พวกเขาคุยเรื่องต่างๆได้ไม่นาน แฟนธ่อมก็ได้ขอตัวออกไปข้างนอก และเดินออกจากผ้าม่านไป ไม่นานนักเซร์วอก็ออกไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในห้องนี้จึงเหลือเพียงแต่ฮาร์เปียและเชลเท่านั้น
“แล้วก็เหลือแต่พวกเรา.....” ฮาร์เปียมองไปรอบๆ ซึ่งโล่งไปหมด
“........”
“.................”
“..........................”
“มันเงียบจังแฮะ เออ....ถ้าคุณไม่ว่าอะไร เชล.....เราขึ้นไปดูดาว......ที่ระเบียงห้องเก็บชิ้นส่วนของเซโร่กันไหม” ฮาร์เปียแก้มมีสีชมพุน้อยๆกล่าวออกมาอย่างกลัวๆกล้าๆ
“อืม..” เชลกล่าวอย่างเห็นดีด้วย ทั้งสองคนจึงออกจากผ้าม่านและขึ้นบันไดไปยังชั้นบนสุด ที่ๆซึ่งพวกเขาจากมาเมื่อไม่นานมานี้
- ณ ระเบียง -
ร่างสองร่างยืนอยู่ที่ระเบียงซึ่งโล่งทั้งสามทิศ มีระเบียงโครงเหล็กกั้นไว้ไม่ให้ใครตก ร่างสองร่างนั้นเหม่อมองออกไปยังทัศนียภาพเบื้องหน้าที่สวยงาม เพราะว่าวันนี้เป็นวันเลี้ยงฉลองของพวกคนในเมือง จึงมีการเปิดไฟประดับประดาตามเมืองอย่างสวยงาม ทั้งยังมีพลุจุดเป็นระยะๆ ถนนตามเมืองมีแต่แสงไฟยาวเป็นแถบๆ ทำให้เห็นภาพการสัญจรไปมาของคนเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน
“สวยจังเลยนะ.......คุณเชล” ร่างสีเขียวเอ่ยขึ้น
“นั้นสิค่ะ......สวยมากเลยละ
..” สายลมเบาๆพัดผ่านเส้นผมสีทองให้ปลิวเล่มลม แสงจากดวงจันทร์ที่สองกระทบกับผม ยิ่งทำให้ให้ผมของเชลส่องประกายแสงทองอ่อนๆออกมา
“บนท้องฟ้าก็มีดวงดาว บนโลกเราก็มีดวงดาว สวยกว่าบนท้องฟ้าเสียอีก” ฮาร์เปียพูดแล้วมองหน้าเชล
“ชอบมาที่นี้ประจำเหรอครับ”
“ก็ว่างๆมานะ ไม่ได้มาทุกวันหรอก”
“ดีเหมือนกันนะ มีวิวสวยๆแบบนี้ อยู่ไม่ไกลเรานี่เอง.....” เสียงสายลมผ่านไปเบา เหมือนกับจะให้หญิงสาวที่อยู่ข้างๆชายหนุ่มนั้นหนาว จนต้องสั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“อากาศเริ่มหนาวแล้วสิ คุณเอานี้ไปสวมเถอะ” ฮาร์เปียถอดผ้าคลุมที่สวมอยู่ออก และยื่นมันให้แก่หญิงสาวที่อยู่ข้างเคียง
“อืม.....ขอบคุณนะ^.^” เชลรับผ้าคลุมนั้นไว้ ก่อนจะสวมมันกับตัว ด้วยความหนาของมันก็พอที่จะให้ความอบอุ่นได้พอสมควร
“ม....ไม่เป็นไรครับ.....” ฮาร์เปียที่เผลอสบตากับเชลนั้นเสหน้าออกไป แก้มเป็นสีชมพูเล็กน้อยเพราะเกินความเขินอายอะไรบางอย่าง
“ว่าแต่ ทำไมคุณถึงไม่สวมเกราะละ?” เชลเอ่ยถามผู้ที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งใส่ชุดลำลองเสื้อยืดสีเขียว กางเกงขายาวสีขาว แต่ก็ยังสวมเกราะหมวกอยู่ราวกับจะปกปิดอะไรบางอย่าง
“ก็เดี๋ยวนี้ไม่มีสงคราม การต่อสู้ให้ต้องกังวลแล้วนี้ ใส่ไปก็หนักเปล่าๆนะครับ”
“พอมองดูแบบนี้คุณก็เหมือนมนุษย์มากเลยนะ”
“ถ้านับรวมๆภายนอกละคงใช่ แต่ยังไงซะภายในของผมก็ยังเป็นเหล็กและสายไฟอยู่นั้นแหละครับ” ฮาร์เปียก้มหน้า เพราะไม่ต้องการให้เชลเห็นใบหน้ายามเศร้าของเขา
“........ทำไมถึงคิดเช่นนั้นละ?”
“เอ๊ะ? คุณเชล คุณว่ายังไงนะ....” ฮาร์เปียเงยหน้าขึ้นมามองเชลอย่างรวดเร็วด้วยความงง
“นั้นมันเฉพาะพวกเรพลิลอยทั่วไปนะ สำหรับคุณและสามจตุรเทพ....เออ.....จะบอกไงดี.....”
“คุณจะบอกอะไรผมเหรอครับ?”
“พวกคุณนะ......ไม่เหมือนเรพลิลอยทั่วไปนะสิ.....”
“หา???”
“พูดไปคุณคงไม่เชื่อ ฉันว่าคุณไปดูให้เห็นกับตาที่ห้องฉันเลยดีกว่า....” ว่าแล้วเชลก็ดึงมือของร่างที่อยู่ข้างๆเข้าไปในห้อง ก่อนจะกดปิดกระจกกั้นระเบียง และพาร่างสีเขียวครามนี้ลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลากร่างนี้ไปยังห้องของตัวเองซึ่งอยู่สุดทาง
- แอ๊ด!!! -
“เชิญเข้ามาซิ ฮาร์เปีย” ประตูห้องเปิดขึ้นอัตโนมัติหลังจากหญิงสาวเจ้าของห้องกดเปิดรหัสได้อย่างถูกต้อง ไฟในห้องนั้นติดพรึบขึ้นมาพร้อมเพรียงกัน ทำให้ชายหนุ่มผู้มาเยือนมองเห็นสภาพของที่ถูกจัดค่อนข้างเรียบร้อย มุมทำงานถูกจัดไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนเตียงนอนและโต๊ะมีกระจกก็ถูกจัดไว้อีกด้านหนึ่ง
“เข้ามาสิฮาร์เปีย งงอะไรอยู่ละ?” เชลเรียกอีกครั้ง ทำให้ฮาร์เปียรีบเข้าห้องไป ประตูห้องปิดอย่างรวดเร็ว จนร่างสีเขียวสะดุ้ง
“มาทางนี้ก่อนสิ” เชลพาฮาร์เปียเข้ามายังมุมทำงานของห้อง ฮาร์เปียมองไปมาอย่างงุนงงว่าของที่อยู่แถวนี้จะใช้ตรวจอะไรได้ ในเมื่อมีแต่แฟ้มเอกสาร ปากกา และเครื่องเขียนต่างๆเท่านั้น
“เออ......คุณเชลจะตรวจผมยังไงเหรอครับ?” ในที่สุดฮาร์เปียก็ต้องเอ่ยถาม เมื่อความสงสัยมีถึงขีดสุด
“สักครู่นะค่ะ....” เชลเดินไปที่โต๊ะก่อนจะเปิดช่องๆหนึ่งบนโต๊ะออกและกดปุ่มๆนั้น ส่งผลให้กำแพงที่อยู่ข้างๆแยกออกคล้ายประตู ฮาร์เปียตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีประตูลับอยู่ตรงนี้ เชลเห็นฮาร์เปียยืนอึ่งนิ่งอยู่ก็เข้าไปจับแขนร่างสีเขียว และจูงร่างนั้นเข้าไปในห้อง
“ยินดีต้อนรับห้องแล็ปลับของฉันค่ะ ฮาร์เปีย” เชลหันหน้ามาพูดกับฮาร์เปียที่ยิ่งตกตะลึงเข้าไปอีก เมื่อเห็นว่าในห้องนี้ถูกฉาบด้วยผนังสีขาวสะท้อนแสง มุมห้องหนึ่งเป็นเครื่องตรวจสอบแบบนั่ง อีกมุมมีแคปซูลตั้งอยู่ และอีกด้านก็ถูกจัดเป็นส่วนใช้เก็บเอกสาร กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดไม่ใหญ่นัก
“ไม่เคยคิดเลยนะว่าห้องคุณจะมีห้องลับด้วย”
“ก็ไม่เคยบอกใครและไม่เคยให้เข้าห้องนี้เลยนี้”
“งั้นผมก็เป็นคนแรกที่ได้เข้าห้องนี้นะสิ”
“อืม.....ใช่จ๊ะ แต่ตอนนี้ฉันว่าเธอมานั่งที่นี้ก่อนสิ จะได้เริ่มตรวจสอบกันสักที” ว่าแล้วเชลก็ดึงร่างสีเขียวข้างกายมายังมุมเครื่องตรวจสอบ ก่อนจะจัดแจงให้ร่างตรงหน้านั่งลง และเสียบตัวเชื่อมต่างๆเข้าที่จุดต่างๆของฮาร์เปีย
“เอาละ.... เรียบร้อยแล้ว” ว่าแล้วเชลก็หันมาสนใจที่แป้นพิมพ์ข้างๆตัวเครื่องตรวจสอบ และเริ่มเดินเครื่อง มีภาพของฮาร์เปีย(ภายนอก+สวมชุด) ฉายขึ้นมาที่จอLCDขนาดกลางข้างหน้า
“นี้คือรูปลักษณะภายนอกของคุณนะค่ะ ฮาร์เปีย”
“อืม”
“แล้วก็....” เชลคลิกปุ่มบนคีบอร์ดสั่งให้มันฉายภาพภายในตัวของฮาร์เปีย เผยให้เห็นอวัยวะภายในที่มีสายไฟและเครื่องในต่างๆที่เป็นเหล็ก
“ไหนละ ก็ผมเป็นเหมือนเรพลิลอยปกตินี้หน่า.......” ฮาร์เปียที่มองรูปตรงหน้าพูดออกมา
“ก็ใช่จ๊ะ แต่นี้เป็นการตรวจภายในของพวกเรพลิลอยเท่านั้น หากเราลองเอาการตรวจภายในของพวกมนุษย์มารวมกับการตรวจภายในของเรพลิลอย ผลที่ได้ก็จะเป็นอย่างนี้....เออ....คุณอย่าตกใจนะ....” เชลกดปุ่มอีกปุ่มหนึ่งทำให้มีบางสิ่งยื่นออกมาจากตัวเครื่อง และฉายแสงไปกระทบตัวทั้งตัวของฮาร์เปีย ก่อนจะดับลงพร้อมกับหน้าจอที่แสดงข้อความ “Loading” ราวกับจะให้ผู้ที่รอคอยผลหัวใจวายเพราะรอคอยคำตอบไม่ไหว
“อ๊ะ!!! ไม่จริงน่า!!!” ฮาร์เปียสะดุ้งสุดตัวจนเกือบดังสายวงจรที่เชื่อมอยู่ขาด เมื่อเห็นภายตรงหน้านั้น ภาพที่ไม่คิดว่าจะเห็น เป็นภาพของอวัยวะภายในของมนุษย์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือด หัวใจ เส้นประสาท อวัยวะของระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย(ยกเว้นกระดูกที่ยังเป็นเหล็กอยู่) แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจนั้นก็คือ อวัยวะภายในแบบมนุษย์ต่างๆ นั้น จะมีสายไฟแทรกตัวอยู่ไปทั่วทุกแห่งของร่าง ข้างๆหัวใจก็มีผลึกพลังงานสีแดงที่มีสายไฟเชื่อม เครื่องในต่างๆที่เป็นเหล็กก็ครอบอวัยวะภายในของมนุษย์อีกที ราวกับจะปกป้องไว้
“มันเป็นเทคโนโลยีที่แปลกมากเลย มันเป็นการผสมกันระหว่างเทคโนโลยีการสร้างเรพลิลอย+ไบโอเทคโนโลยีเลยนะ.....” เชลพูดออกมาอย่างทึ่งมากๆ เพราะไม่เคยเห็นระบบร่างกายแบบนี้มาก่อน
“แต่.....ไม่จริง.....มันไม่มีทางเป็นไปได้ อวัยวะที่แสนเปราะบางของมนุษย์จะไปทำงานร่วมกับร่างกายที่แข็งแกร่งดังเหล็กของหุ่นยนต์ได้ไงกัน”
“แต่มันก็เป็นไปแล้ว และเป็นสิ่งที่เคยมีในอดีต คุณคือแอนดรอย(หุ่นยนต์เสมือนมนุษย์) ไม่ใช่เรพลิลอยอย่างที่ใครเขาคิดกัน”
“อ..แอนดรอย.....เทคโนโลยีของเมื่อยุคเริ่มแรกของหุ่นยนต์มีชีวิตนั้นะรึ!!!”
“ใช่......และฉันคิดว่าผู้ที่จงใจให้คุณเป็นแอนดรอยคงจะเป็นพ่อของคุณ....เออ.....ไม่สิ.....คุณเอ็กซ์นะ..”
“หา!!! มาสเตอร์นะเหรอเป็นพ่อของผม!!!” ฮาร์เปียกล่าวอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ไม่ใช่โอเมก้าเอ็กซ์นะ หมายถึงเอ็กซ์คนที่เป็นไซเบอร์เอล์ฟไปต่างหากละ”
“ผมรู้ครับ ผมรู้ แต่.....ทำไมเขาถึงเป็นพ่อผมละ?”
“มีข้อสักเกตง่ายๆสามข้อนะ 1.คุณคือผู้ที่มีDNAเอ็กซ์ 2.เพราะเอ็กซ์มาบอกฉัน และ 3....”
เชลค่อยๆปลดระบบเชื่อมต่อของฮาร์เปียออก ก่อนจะค่อยๆถอดหมวกสีเขียวที่ฮาร์เปียสวม เผยให้เห็นทรงผมสีน้ำตาลสั้นระต้นคอ พอมองในลักษณะนี้แล้ว ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นเอ็กซ์แน่ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ฮาร์เปียไม่เหมือนเอ็กซ์ก็คือรอยสักสีเขียวที่แก้ม
“ก็คุณเล่นมีหน้าตาคล้ายซะขนาดนี้ ถ้าใครมาเห็นเข้าคงจะคิดว่านายเป็นคู่แฝดของเอ็กซ์เป็นแน่ ถ้าเกิดไม่มีสองข้อแรกมาสนับสนุนอะนะ”
“เออ.....” ฮาร์เปียที่ตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆหญิงสาวข้างกายก็ถอดหมวกของตนออก แต่แล้วเชลก็ยื่นหมวกคืนให้ฮาร์เปีย ฮาร์เปียรับมันมาสวมไว้
“ตอนนี้คุณก็ไม่ต้องเศร้าแล้วนะค่ะ เพราะถึงแม้คุณจะยังมีสายไฟในร่าง แต่ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ถึงครึ่งร่าง คุณโชคดีกว่าเรพลิลอยคนอื่นมากเลยละค่ะ” เชลยิ้มให้กับร่างสีเขียวตรงหน้า ซึ่งทำให้หน้าของฮาร์เปียออกสีชมพูน้อยๆออกมา จนร่างนั้นต้องเอามือมาลูบแก้มที่รู้สึกร้อนอย่างแปลก
“อืม...ข....ขอบคุณมาก....ผมไปละ....มันดึกมากแล้ว....” ฮาร์เปียกล่าวละล่ำละลัก
“หือ...นี้เที่ยงคืนแล้วรึ ไม่ทันได้มองเลย งั้นฉันไปส่งนะค่ะ” แล้วเชลก็พาชายหนุ่มชุดสีเขียวออกจากห้องแล็บลับ ไปยังประตูห้อง ฮาร์เปียหันมามองเชล
“ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์”
ถึงจะพูดกล่าวลากันแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังยืนนิ่งเงียบกันอยู่ ก่อนที่ฮาร์เปียจะพูดว่า
“รู้สึกเหมือนผมอย่างจะทำกับคุณแบบนี้มาหลายหนแล้ว แต่ไม่ไกล้าสักทีเพราะเห็นว่าตัวผมกับคุณมันต่างกันเกินไป แต่พอผมได้รู้ถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกกล้าที่จะทำตามใจตัวเองขึ้นมาอย่างไรไม่รู้....”
“หือ....อะไรนะค่ะ อื้อ!!!” เชลเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งเป็นผู้พูด แต่ก็ต้องตกใจเมื่อร่างตรงหน้ากลับดึงเธอเข้าไปประกบจูบ เธอขัดขืนเล็กน้อยเพราะไม่เคย แต่ด้วยความรู้สึกนิ่มนวลแปลกๆ ทำให้เธอค่อยๆอ่อนแรงลงภายในอ้อมแขนของฮาร์เปียและผ่อนตามจนหยุดนิ่งไป แล้วฮาร์เปียที่ตั้งสติได้ก็ตกใจ ถอดจุมพิตออกอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เชลอารมณ์ค้างไปดื้อๆ
“อ...เอ..เออ....ผมขอโทษ..ผ...ผมคุมตัวเอง....ไม่อยู่” ฮาร์เปียที่หน้าแดงกล่าวอย่างละล่ำละลักเพราะกลัวผิดใจกับหญิงตรงหน้า จนเธอไม่อยากจะเห็นหน้าเขาอีก แต่เขาก็ต้องงุนงงเมื่อหญิงสาวตรงหน้านั้นยิ้มออกมา แก้มสองข้างมีสีชมพูเล็กน้อย
“ไม่ต้องขอโทษหรอก....บางที ใจจริงของฉันอาจต้องการอยากทำแบบนี้ก็ได้”
“......”
“แต่ฉันก็ว่าคุ้มนะค่ะเนี้ย ที่ได้เห็นสีหน้าของคุณเวลาอายเช่นนี้” เชลเอื้อมมือไปแตะแก้มของฮาร์เปียที่แดงและอุ่นอยู่ จนร่างสีเขียวนั้นรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับจะห้ามใจตัวเองไม่ไหวอีกครั้ง อาจจะเพราะจู่ๆฮอร์โมนแปลกๆของร่างเนื้อตนกำลังเริ่มทำงานผสานกับร่างเหล็กเป็นครั้งแรก
“อยากกิน.....”
“หือ?”
“อย่างลิ้มลอง.... อยากสัมผัสความหวานนั้นอีก...”
“ฮาร์เปีย คุณเป็นอะไรไป???”
“ขอโทษนะครับ!!!”
“อื้อ!!!” หญิงสาวชุดสีชมพูถูกดึงเข้าไปประกบปากอีกครั้ง ราวกับอารมณ์ถูกต่อยอดมาจากครั้งแรก เชลเริ่มคุ้นเคยและไม่ขัดขืนร่างตรงหน้า สัมผัสจากลิ้นของคนตรงหน้าที่เข้ามาพัวพันในปากของตนทำให้รู้สึกแปลกๆ ริมฝีปากที่หวานเหมือนลูกอมส่งผลให้ร่างสีชมพูเคลิบเคลิ้ม ราวกับร่างนี้จะสิ้นเรี่ยวแรงไปในบัดนั้น แล้วฮาร์เปียก็ถอดจุมพิตออกมา
“อยากชิมอีก อย่างกินทั้งตัวเลย...”
“...... //- -//”
หญิงสาวร่างสีชมพูหน้าแดงขึ้น เมื่อได้ยินคำของคนตรงหน้า แล้วเธอก็ถูกคนตรงหน้าอุ้มขึ้นอ้อมแขน พาไปยังเตียงในห้อง(ประตูปิดอัตโนมัติ) และวางร่างสีชมพูลงบนเตียงสีชมพูนั้นอย่างนุ่มนวล เชลเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่อุ้มตนมา เธอเองก็รู้สึกเหมือนมีความสุขๆน้อยเหมือนกัน
“อยากชิมร่างนี้......” ฮาร์เปียค่อยๆหย่อนตัวเองลงไปนั่ง และค้อมตัวลงไปประกบจูบเชล ลิ้นของทั้งคู่พัวพันกับราวกับจะสวมกอดกันเหมือนร่างทั้งสองบนเตียง มือของฮาร์เปียที่ว่างอยู่ก็เริ่มซุกไซเข้าไปในเสื้อของเชลที่หลวมเล็กน้อย มือที่อ่อนนุ่มกำลังสัมผัสกับสิ่งที่อ่อนนุ่มของหญิงสาวไปทั่ว ส่งผมให้ร่างเบื้องร่างอ่อนตัวลงและเริ่มครางออกมา
จากนั้นฮาร์เปียก็เริ่มต้นปลดเปลื้องเสื้อผ้าของร่างตรงหน้าอย่างนิ่มนวล พร้อมกับของตัวเองจนร่างทั้งสองเปลือยเปล่า เชลยกลำตัวข้างบนมามองมองฮาร์เปีย ก่อนจะพูดทั้งๆที่มีอาการขวยเขินอยู่ว่า
“พอเห็นแบบนี้..... คุณดูเหมือนมนุษย์มากที่สุดเลย....”
“แล้วชอบไหมละ?” ฮาร์เปียถาม ร่างตรงหน้าไม่ตอบได้แต่พยักหน้างึกๆ ฮาร์เปียยิ้มก่อนจะดึงเชลขึ้นจากเตียง หมุนเชลให้ไปอยู่หน้ากระจก โดยมีตนอยู่ข้างหลัง
“ผมอยากให้คุณมอง.....”
ฮาร์เปียพูดใกล้ๆหูของเชล เชลมองตนเองในกระจกแล้วต้องกลืนน้ำลายไม่ลง เพราะรู้สึกอายเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของตนตรงหน้าแล้วมีร่างของเขายืนซ้อนอยู่ข้างหลัง และด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง ทำให้เธอต้องยกมือขึ้นมาปิดเรือนกายเอาไว้ หากแต่ฮาร์เปียนั้นกลับตรึงมือของเธอไว้
“ไม่ต้องกลัว....มองสิ....มองสิว่าผมเหมือนคุณขนาดไหน ผมเป็นมนุษย์เหมือนคุณ ผมไม่ใช่เพียงแค่เครื่องจักรสังหาร ปฏิบัติตามคำสั่งมนุษย์อย่างคุณแล้วเท่านั้น เพราะคราวนี้ผมจะทำให้คุณอยู่ภายใต้อาณัติของผม”
ฮาร์เปียค่อยๆเกลี่ยผมของหญิงสาวตรงหน้าตรงช่วงลำคอออกเบาๆ เผยให้เห็นลำคอสีนวลไข่ที่น่าสัมผัส เขาค่อยๆจุมพิตที่ลำคอนั้นอย่างเบาๆจนร่างหญิงสาวต้องสะท้าน อารมณ์ในกายเริ่มคุกรุนเป็นครั้งแรก ฮาร์เปียรับรู้ได้ถึงจิตใจของหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะเลื่อนลำแขนไปโอบกอดและสัมผัสไปทั่ว ก่อนค่อยๆเลื่อนลงจนไปถึงจุดซ่อนเร้นที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ เขาค่อยๆสัมผัสสิ่งนั้นอย่างอ่อนโยน จนหญิงสาวต้องครางออกมา
“บอกผมสิ ว่าอยากให้ผมหยุด ผมจะหยุดตามที่คุณบอก...” แต่แล้วร่างสีเขียวก็หยุดมือของตนไว้ ทำให้หญิงสาวชะงักเมื่อความรู้สึกนั้นหายไป
“อ๊า....ฮาร์เปีย...อย่า.....หยุดได้ไหม...”
“รับทราบครับ.....เจ้าหญิง....”
แล้วฮาร์เปียดึงร่างของหญิงสาวไปนอนแผ่บนเตียงอีกครั้ง หญิงสาวนั้นมองหน้าชายหนุ่มราวกับจะรอสัมผัสนั้นอีก ชายหนุ่มยิ้มกริมก่อนจะพุ่งตัวลงไปประกบจูบกับหญิงสาว นิ้วมือของตนก็ค่อยๆแทรกตัวเข้าไปในตัวของหญิงสาว จนร่างนั้นต้องสะดุ้ง อาจจะเป็นเพราะมันเป็นครั้งแรกก็เป็นได้ที่มีบางสิ่งลุกล้ำเข้ามาในตัวของตน
“ฮาร์เปีย....ฉันเจ็บ...คุณทำ....อะไร” เชลเบิกตากว้างเมื่อมีบางสิ่งลุกล้ำเข้ามาในตัวตน น้ำตาเริ่มไหลซึมออกมาจากดวงตาสีฟ้าคราม
“ร้องไห้รึ....” ฮาร์เปียโน้มหน้าลงไปพูดกับเชล
“อ....ฮาร์เปีย....อ๊า....อย่าขยับ..” เชลเริ่มโยกไหวไปตามนิ้วของผู้ลุกล้ำ
“เจ็บเหรอ...อย่าเกรงสิ....ผ่อนคลายไปตามมัน...”
“มันอึด...อัด....อ๊า!!!” เชลเริ่มครางออกมาอีกครั้ง แม้จะมีน้ำตาไหลเอ่อที่แก้มทั้งสอง
“อย่าเกรงเลย....เชล” ชายหนุ่มหยุดนิ้วของตนไว้ ก่อนจะโน้มตัวลงไปจุมพิตกับหญิงสาวอีกครั้ง มือที่ว่างก็หันไปสัมผัสกับหน้าอกหญิงสาว เพื่อให้เธอลืมความเจ็บปวดเบื้องล่าง เมื่อหญิงสาวเริ่มเคลิบเคลิ้มอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ค่อยๆดันนิ้วของตัวเองช้าๆโดยไม่ให้เธอรู้ตัว จนมันก็ถึงจุดสิ้นสุดของการเข้าไปในร่างของหญิงสาว ชายหนุ่มถอนปากออกและเอ่ยกับหญิงสาวว่า
“เป็นไงครับ....ยังเจ็บรึเปล่า?”
“ม....ไม่แล้ว...ค่ะ...มันรู้สึก...หวิวๆอย่างไงไม่รู้.....”
ฮารืเปียโยกนิ้วๆไปสักครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า
“ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีกว่านี้....เจ้าหญิง....”
แล้วฮาร์เปียก็ถอนนิ้วของตนออกจากร่างของหญิงตรงหน้า หญิงสาวโยกตัวไปกับสัมผัสที่หายไปราวกับจะโหยหาสัมผัสนั้นอีก ชายหนุ่มก็เริ่มไล้ลิ้นลงไปตามต้นคอเรื่อยๆ หญิงสาวสั่นสะท้านเพราะสัมผัสได้ถึงความร้อนของลิ้นชายหนุ่มที่ต้องผิวกายตน ฮาร์เปียค่อยๆลากลิ้นลงไปข้างล่างจนไปถึงจุดไวต่อสัมผัส เมื่อลิ้นของชายหนุ่มสัมผัสกับจุดนั้น ก็ทำให้เชลต้องครางออกมาอย่างอดไม่ได้
“อ๊า..ฮาร์เปีย...ตรงนั้น....มัน...อืม...”
“.........”
“อ๊า!!!” แล้วเชลก็เกร็งตัวอย่างไม่อาจจะทานทนได้
“......เชล....ผมอยากจะถามคุณมานานแล้ว ว่าคุณนะ รักเซโร่เขาหรือเปล่า?....” ฮาร์เปียเงยหน้าขึ้นมามองเชลที่แก้มแดงเล็กน้อย พลางเช็ดคราบอะไรบางอย่างซึ่งติดอยู่ที่แก้มมาเลีย
“......ฉันก็แค่ห่วงเขา....ฉันนะ ใฝ่ฝันอย่างมีพี่ชายมานานแล้ว.....ครั้งแรกที่ฉันเจอเขา เขารับฟังคำร้องขอของฉัน ทั้งๆที่เราพึ่งเจอกันเป็นครั้งแรก ตอนที่ฉันพลาดท่าสะพานพัง เขาก็มาช่วยอุ้มฉันลงพื้นอย่างปลอดภัย ฉันก็คิดว่าเขานั้นเป็นเหมือนพี่ชายที่คอยช่วยปกป้องฉันหลายๆครั้ง......ฉันคิดกับเขาเป็นเพียงพี่กับน้องก็เท่านั้นเอง”
“เหรอ....งั้นที่ฉันกังวลอยู่ก็หายห่วงหน่อย.....ว่าแต่....คุณรักผมหรือเปล่า? อย่าโกหกผมนะ”
“คึๆๆ...” เชลหัวเราะออกมาทั้งๆที่ท่อนล่างได้รับสัมผัสจากชายตรงหน้าอีกครั้ง นิ้วของฮาร์เปียค่อยๆแทรกตัวเข้าร่าง แต่เพราะพึ่งได้สัมผัสครั้งแรกไปแล้ว ร่างกายของเธอจึงสามารถรับมันได้
“ขำอะไร?”
“คึๆๆ ถ้าเกิดฉันไม่รักคุณ ฉันคงไม่ปล่อยให้คุณมาทำแบบนี้อยู่ตั้งนานหรอก... คึๆๆ”
“งั้นคุณก็ยอมรับผมแล้วสินะ.....เจ้าหญิง...”
ฮาร์เปียค่อยๆดึงนิ้วของตนออกจากร่างเชล และเริ่มจัดการอะไรบางอย่างกับตัวเอง ดวงหน้าก็โน้มไปให้สัมผัสกับริมฝีปากของหญิงสาวที่เคยห่างหายไปแล้วอีกครั้ง เชลนั้นกำลังมีความสุขอยู่กับริมฝีปากของฮาร์เปีย โดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ใช่นิ้ว กำลังจะรุกล้ำเข้ามาในร่างของตน ขนาดของสิ่งที่รุกล้ำเข้ามาใหม่นั้นเพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวต้องสะดุ้ง
“ฮ.....ฮาร์เปีย..อะไร...มัน....เจ็บ......”
“อย่าเกร็งตัวสิ.....อย่างนั้นแหละ.....อืม.....”
“อ๊า!!” เชลเริ่มครางออกมาอีกครั้ง พอฮาร์เปียเห็นเช่นนั้นเขาขยับตัวท่อนล่าง และเริ่มเร่งจังหวะขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างกายของหญิงตรงหน้าเริ่มรับได้แล้ว จนมันเกือบถึงจุดสิ้นสุด แต่แล้วฮาร์เปียก็ถามขึ้นมาว่า...
“คุณชอบที่ผมทำเช่นนี้รึเปล่า?”
“อืม....มัน......อ๊า!!! รู้สึก......อืม......ดี.....”
“รึว่าคุณอยากจะหยุดมันไว้เพียงแค่นี้?” จู่ๆฮาร์เปียก็หยุดการโยกไว้ และถอดของตัวเองออกมา เชลมองหน้าฮาร์เปียอย่างงอน ฮาร์เปียมองหญิงสาวแล้วยิ้มกริมออกมา
“อย่ามายั่วคนอื่นให้อยาก แล้วจากไปสิ!!!”
“หือ.....” ฮาร์เปียค่อยๆพาร่างของหญิงตรงหน้าให้คว่ำ ก่อนจะให้เธอค้ำขาและแขนตัวเองไว้ ของๆเขาเตรียมจ่อที่จุดเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว ฮาร์เปียค่อยๆโน้มตัวไปข้างหูของหญิงเบื้องล่าง
“คุณอยากให้ความสัมพันธุ์เช่นนี้มีต่อรึเปล่า?”
“บ้า!....เริ่มอีก...สิ...” เชลก้มหน้าลง เพราะรู้สึกอายในคำพูดของตัวเอง
“รับทราบคำสั่งครับ......เจ้าหญิง.....”
แล้วฮาร์เปียก็ดันของตัวเองแทรกเข้าไปในร่างของหญิงสาวอีกครั้ง คราวนี้หญิงสาวรู้สึกแปลกกว่าที่เคยทำครั้งแรก อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนท่าของเธอก็เป็นได้ ฮาร์เปียค่อยๆเริ่มโยกตัวเป็นจังหวะ ร่างที่อยู่ข้างล่างก็ส่ายก้นไปมาอย่างอดไม่ได้ ชายหนุ่มเลื่อนมือข้างหนึ่งไปสัมผัสหน้าอกของหญิงสาวไปทั่ว อีกมือก็เลื่อนไปสัมผัสจุดไวต่อความรู้สึกของหญิงสาว สัมผัสมันอย่างแผ่วเบา ทั้งสองครางออกมาอย่างอดไม่ได้ จนทั้งสองเริ่มทนต่อความรู้สึกของตนไม่ไหวไม่ไหว
“อื๊อ!!! อ๊า!!!”
“ไหวรึเปล่า......ผมจะเร่งละนะ...” ฮาร์เปียค้อมไปกระซิบเชลอีกครั้ง หญิงสาวไม่ตอบได้แต่พยักหน้า ชายหนุ่มจึงเร่งจังหวะการโยก จนในที่สุด
“อ๊า!! ฮาร์เปีย! มันจะ!!”
“อะ...อ๊า!!!” แล้วสองร่างก็เกร่งตัวพร้อมกันด้วยว่าไม่อาจทานทนความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไป
ฮาร์เปียหอบเล็กน้อย แต่ก็ยังโอบกอดเชลไว้ข้างๆ ในขณะที่ร่างที่อยุ่เบื้องล่างนั้นเริ่มอ่อนแรงและทรุดตัวลงกับที่นอนราวกับจะหลับ แต่ไม่นานนักร่างนั้นก็หลับลงด้วยความเพลีย ฮาร์เปียค่อยๆถอดตัวออกจากร่างของหญิงสาว และลุกขึ้นมองใบหน้าของเชลที่กำลังยิ้มทั้งๆที่หลับ ฮาร์เปียค่อยๆเอามือจับแก้มของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมาจัดผมเธอให้เข้าทรงและดึงผ้าห่มมาคลุมร่างนั้นไว้จนถึงคอ
“เชล.....ผมขอโทษ......” แล้วสติก็หวนกลับมาสู่ชายคนนี้อีกครั้ง พร้อมกับความรู้สึกผิดที่มิอาจห้ามได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงและนำชุดของตนเองมาสวม เนื่องด้วยความเพลียและเหนื่อย ทำให้เขาไม่อยากกลับไปที่ห้องอีก จึงไปที่มุมหนึ่งของผนัง ก่อนจะนั่งชันเข่าพิงผนัง และไม่ช้าไม่นานร่างๆนี้ก็เข้าสู่นิททราไปอีกคน
- อรุณรุ่งต่อมา(ประมาณ5โมงครึ่ง)-
“อืม....” ร่างของหญิงสาวที่นอนสงบนิ่งไปนานเริ่มมีการเคลื่อนไหว เธอค่อยๆกระพริบตาเล็กน้อยและยันตัวขึ้นมา ผ้าห่มค่อยๆไหล่ลงเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่ขาวนวลเมื่อต้องแสงจันทร์ เชลค่อยๆลุกขึ้นยื่นข้างๆเตียงทั้งๆที่ตัวยังเปลือยเปล่าอยู่ ก่อนจะมองไปรอบๆและเห็นชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าอยู่ข้างผนัง มือสองข้างกอดเข่าเข้าหากับด้วยความหนาว ใบหน้าที่กระทบกับแสงจันทร์มันช่างมองไม่ต่างเด็กหนุ่มที่กำลังหลับปุ่ยอยู่เลย
“ฮาร์เปีย.....” เชลยิ้มเมื่อได้เห็นดวงหน้าของชายตรงหน้า ก่อนที่แก้มจะแดงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เมื่อเธอเห็นว่าชายตรงหน้ากำลังสั่นอยู่จึงเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มบนเตียงนอนมาห่มให้ชายหนุ่ม ส่วนตัวหล่อนก็คว้าผ้าคลุมสีชมพูมาสวมไว้ ก่อนจะเดินไปยังส่วนห้องครัวและชงโอวัลติน (มีด้วยเหรอ)ร้อนๆสองแก้ว
“ไม่รุ้แฮะว่าฮาร์เปียชอบรสชาติแบบไหน เอาตามแบบฉบับเราเลยดีกว่า”
ว่าแล้วเชลก็ปรุงโอวัลตินร้อนๆสองแก้วนั้นอย่างสุดฝีมือ ก่อนจะยกแก้วสองแก้วนั้นไปยังห้องนอนของตน และก็พบว่าฮาร์เปียนั้นตื่นแล้ว เขายืนหันหลังให้หล่อนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ตื่นแล้วเหรอค่ะ”
“อ๊ะ! เชล....” ฮาร์เปียหันมามองเชลที่เอ่ยทัก แก้มก็เริ่มเป็นสีชมพูเล็กน้อย
“โอวัลตินร้อนๆค่ะ” เชลยื่นโอวัลตินให้ฮาร์เปีย
“อืม.....ขอบคุณ” ฮาร์เปียรับมันมา และจิบมันเล็กน้อย หวานตรงใจเขาเลย
“รสชาติเป็นไงบ้างค่ะ?” เชลย้ายตัวเองมายืนค้ำขอบหน้าต่างข้างๆฮารืเปีย
“หวานกลมกล่อมดีครับ....”
“ขอบคุณ.....ว่าแต่ คุณกำลังมองอะไรอยู่เหรอค่ะ”
“เออ ผมกำลังดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นนะ”
“หือ!” เชลหันไปมองทางเดียงกับฮาร์เปีย
มันเป็นโชคดีของเชลที่หน้าต่างห้องของเธอหันไปทางทิศตะวันออก ทำให้เห็นพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นได้ชัดเจน แสงอาทิตย์แผ่ออกมาจากจุดที่ผืนดินและผืนฟ้าประกบกัน แสงนั้นค่อยๆแหวกม่านแห่งความมืดออกทีละน้อย เป็นแสงที่ไม่ทำให้แสบตา มันมีสีแดงอ่อนปนส้มที่ดูสวยงาม
“สวยจัง...”
“นั้นสิครับ ผมชอบตอนที่แสงอาทิตย์แหวกผ่านความมืดมากเลยละครับ”
“อืม....เหมือนที่เซโร่เขาใช้ตัวคนเดียวจัดการผู้หลงผิดมากมายให้ไปอยู่ในทางที่ดีเลยนะ”
“เอ๊ะ? เหรอ....”
“...............”
“.........”
“เชล...” ฮาร์เปียเรียกหญิงสาว ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับเธอ เชลหันมามอง
“มีอะไรเหรอ”
“ขอพูดอย่างเป็นทางการเลยนะ....”
“???”
“..........อนุญาต.....ให้ผม.....เป็นแฟนคุณ.....จะได้รึเปล่าครับ.....” ฮาร์เปียก้มหน้าที่แดงลง ด้วยความขวยเขินในคำพูดที่ตนเอ่ยไป
“ฮ.....ฮาร์....ฮาร์เปีย.....”
“รึว่าคุณจะไม่...” ฮาร์เปียเริ่มร้อนตัวอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเงียบไป
“ใครว่าละ......ฉันอนุญาต....”
“ข....ขอบ...ขอบคุณ!!!” ฮาร์เปียเงยหน้าขึ้นมามอง ด้วยสีหน้าที่แสดงความตื่นเต้นอย่างล้นทะลักออกมา เป็นสีหน้าที่เชลไม่คิดว่าจะได้เห็น จึงเริ่มหัวเราะคิกคักออกมา
“ขำอะไรเหรอครับ”
เชลปิดปากหัวเราะ พลางเหลือบมองใบหน้าที่แสดงความงุนงงของอีกฝ่ายแล้ว ก็ยังหัวเราะต่อจนน้ำตาเล็ดกว่าจะหยุดและพูด
“คุณน่ะ ดูไม่น่าแสดงสีหน้านี้ได้เลยนะ มันค้านกันราวกับฟ้ากับเหวเลยค่ะ พ่อนกหน้าเย็นชา”
ฮาร์เปียหัวเราะเล็กน้อยกับคำเรียกแทนตัวของหญิงสาวตรงหน้า เขาเดินไปนั่งบนเตียงโดยมีเชลมานั่งข้างๆ
“เชล คุณว่าผมเป็นคนเย็นชางั้นเหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวเล็กน้อย แต่พอหญิงสาวข้างกายยอมรับตรงๆนกหนุ่ม(?)ก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหงายหลังนอนก่อนจะยกแขนก่ายหน้าผาก
“ดอกเตอร์ใจร้ายทำร้ายจิตใจนกตัวน้อยๆนี้ได้ลงคอ”
เชลหัวเราะคิกคักให้กับคำพูดของฮาร์เปีย แต่แล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นและคว้าข้อมือหญิงสาวขึ้นมายืนประจันหน้ากัน
“กล้าทำให้จิตใจของนกน้อยๆตัวนี้มีบาดแผล ต้องลงโทษ......”
ฮาร์เปียคว้าร่างของหญิงสาวมากอดไว้ โดยมีตนอยู่ข้างหลัง เชลเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ชายหนุ่มกอดร่างนั้นและก็ได้รับรู้ว่า หญิงสาวไม่ได้ใส่อะไรเลยนอกจากผ้าคลุมผืนเดียว ชายหนุ่มคิดจะปลุกอารมณ์ของเจ้าหล่อนอีก เขาค่อยๆเอามือข้างหนึ่งมาสัมผัสที่จุดยอดของหน้าอกหญิงสาวและจุดไวต่อสัมผัสด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะนวดจุดนั้นอย่างแผ่วเบาจนหญิงสาวต้องครางมาอีกครั้ง พอเธอใกล้ถึงจุดสิ้นสุด ชายหนุ่มก็ชะงักมือทั้งสองข้าง เปลี่ยนมาจุมพิตที่ช่วงลำคอของหญิงสาวอย่างเร็วสามครั้ง
“คุณมาแกล้งผม ดังนั้นผมจะปล่อยให้คุณอารมณ์ค้างไปก่อน เพราะตอนนี้ผมหิวแล้ว”
แล้วชายหนุ่มก็ผละตัวออกจากร่างของเชล ไปหยิบผ้าคลุมของตนมาสวม ก่อนจะเดินไปยังทางออก ปล่อยให้เชลนั่งกระฟัดกระเฟียดหงุดหงิดอยู่บนเตียงคนเดียว
“ฝากไว้ก่อนเถอะพ่อนกหน้าหยก อย่าให้ถึงทีฉันบ้างละ!!!”
หล่อนตะโกนบอกนกหนุ่มที่กำลังจะถึงประตูแล้ว แต่แล้วชายหนุ่มร่างสีเขียวตะโกนบอกกลับมาก่อนจะออกจากประตูว่า
“ผมจะรับฝากไว้!!! แล้วคืนนี้ผมจะมาต่อยอดของตอนนี้ให้เองละกัน!!!”
*****************************
ความคิดเห็น