คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2:คิดจะปลูกต้นรักสักกอ
บทที่2:คิดจะปลูกต้นรักสักกอ
เจติมากลับมาถึงบ้านก็ตอนเย็นมากแล้ว เธออยู่เป็นเพื่อนมินตราจนกว่าพ่อแม่ของเพื่อนสาวจะกลับมา คุณเจษฎามารับถึงที่
“แหม ได้โทรศัพท์คืนล่ะยิ้มหน้าบานเชียวนะ...ว่าแต่มันไม่ใช่เครื่องเดิมนี่นา ดูท่าจะราคาแพงซะด้วยสิ เค้าคงมีเงินเยอะเหมือนกันนะถึงได้ซื้อเครื่องใหม่ให้แบบนี้”คุณเจษฎาเปรยขึ้นมา
"เอ่อ อันนี้หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะพ่อ พ่ออย่าไปสนใจเลยค่ะ บางทีเครื่องนี้อาจจะเป็นเครื่องมือสองก็ได้"เจติมาพูดขึ้นอย่างขำๆ
"มันก็จริงนะ แต่พ่อไม่เข้าใจอยู่อย่างนึง ทำไมลูกไม่ซื้อเครื่องใหม่ตั้งแต่แรก บ้านเราก็ใช่ว่าจะขัดสนเรื่องเงินทองจนซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไม่ได้นี่ลูก"คุณเจษฎาถามออกมา
"ก็...หนูเสียดายเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่ในซิมการ์ดน่ะค่ะ เบอร์สำคัญตั้งหลายเบอร์ หนูขี้เกียจไปตามล่าเบอร์โทรศัพท์ใหม่อีกรอบอ่ะค่ะ แล้วอีกอย่างพี่เค้าก็ต้องการแสดงความรับผิดชอบที่ทำโทรศัพท์หนูพังด้วย หนูก็เลยคิดว่ารอจากพี่เค้าก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่คะ"เจติมาอธิบายให้บิดาฟัง
"อ้าวหรอ พ่อก็นึกว่าจะมีหนุ่มมาจีบลูกสาวพ่อซะอีก"คุณเจษฎาพูดขึ้น
"พ่อ! พูดอะไรก็ไม่รู้ จีบเจิบอะไรกัน หนูยังเด็กอยู่เลยนะ"เจติมาทำเสียงเข้มกลบเกลื่อน
"อะไรกัน อายุเท่านี้สมัยนี้มีลูกกันแล้วก็มีนะเจ เฮ้อ พ่อจะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ยที่จนป่านนี้แล้วลูกสาวพ่อยังขายไม่ออกเลย ฮ่าๆๆ"คุณเจษฎาหัวเราะเสียงดัง เจติมายิ่งหน้างอขึ้นไปอีก
"พ่ออ่ะ หนูไม่คุยกับพ่อแล้ว แซวหนูจังเลยเรื่องไม่ทีแฟนเนี่ย"เจติมาบ่นกระปอดกระแปด
"โอ๋ๆ พ่อไม่ล้อแล้วก็ได้ เดี๋ยวพ่อพาไปกินข้าวเย็นนอกบ้านก็แล้วกัน ดีมั้ย"คุณเจษฎาง้อลูกสาว เจติมาพยักหน้าหงึกๆเพราะตอนนี้เธอหิวขึ้นมาแล้ว
คุณเจษฎาพาลูกสาวมารับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารริมแม่น้ำบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง สองพ่อลูกนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ริมแม่น้ำ
“ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงจะดีนะคะพ่อ เราสามคนพ่อแม่ลูกคงมีความสุขกันมากแน่ๆเลย”อยู่ๆเจติมาก็พูดขึ้น คุณเจษฎามาองหน้าลูกสาวยิ้มๆ
“นั่นสินะ ป่านนี้แม่คงมองพวกเราจากข้างบนอยู่ แต่พ่อเชื่อว่าเราก็มีความสุขอยู่นะตอนนี้ ในเมื่อแม่ยังคงอยู่ในใจของพวกเราตลอดมา และตลอดไป”คุณเจษฎาพูด ทำเอาเจติมายิ้มขึ้นมา
“ถ้าแม่ได้ยินพ่อพูดแบบนี้ แม่คงดีใจมากเลยนะคะที่พ่อยังคิดถึงแม่อยู่”เจติมาว่า
“พ่อไม่เคยไม่คิดถึงแม่ของลูกเลยแม้แต่นาทีเดียว แต่ชีวิตคนเรามันก็ต้องเดินหน้าต่อไป ถึงวันนี้แม่เค้าจะไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว แต่เราสองพ่อลูกก็ต้องอยู่กันให้ได้ ไม่ให้แม่เค้าต้องเป็นห่วงเรานะลูก”คุณเจษฎาเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ลูกสาวคนเดียว เจติมายิ้มตอบ บิดาของเธอเป็นคนรักเดียวใจเดียวอย่างนี้นี่เอง ถึงไม่มีแม่เลี้ยงให้เธอซักที บางทีเธอก็คิดอยากจะให้คุณเจษฎามีคนมาดูแลบ้าง ไม่ใช่วันๆเอาแต่ทำงาน แล้วก็ดูแลเธออย่างนี้ เธออยากเห็นพ่อของเธอมีความสุข แต่จากคำตอบที่ได้ยินเมื่อสักครู่ก็คงรู้แล้วว่าพ่อของเธอมีความสุขดีที่เป็นแบบนี้ ไม่ต้องไปไขว่คว้าหาความรักมาเติมเต็มในหัวใจอีก เพราะข้างในนั้นมันมีแต่แม่ของเธออยู่เต็มไปหมด แล้วเธอล่ะ เจติมาคิด ชาตินี้จะได้มีความรักกับเค้าบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้
“เจ อิ่มรึยังลูก นี่เกือบจะสองทุ่มแล้วนะ เดี๋ยวกลับบ้านดึก จะอ่านหนังสือไหวมั้ยเนี่ย...ไม่เป็นไร วันนี้พ่อให้พักผ่อนหนึ่งวัน กลับไปก็อาบน้ำเข้านอนเลยก็แล้วกัน ดีมั้ย”คุณเจษฎาว่า เจติมามองหน้าบิดาอึ้งๆ ก่อนจะยิ้มแก้มแทบปริ พยังหน้ารัวๆอย่างยินดี
“ขอบคุณค่ะพ่อ หนูอิ่มตื้อเลยค่ะ เรากลับบ้านกันดีกว่านะคะ หนูอยากไปนอนดูทีวีแล้ว”เจติมาบอกกับบิดา
“พ่อบอกตอนไหนว่าให้ดูทีวีน่ะ พ่อให้นอนไม่ใช่หรอ”คุรเจษฎาทำเสียงดุ
“พ่อคะ คนเราอ่านหนังสือมากๆมันก็ต้องเครียดเป็นธรรมดา การดูทีวีก็เป็นกรพักผ่อนสมองเหมือนกันนะคะ”เจติมาให้เหตุผล
“พ่อล้อเล่น ดูได้พ่อไม่ว่า แต่อย่าให้มันดึกนักล่ะ พ่อให้ไม่เกินเที่ยงคืน ตกลงตามนี้”คุณเจษฎามัดมือชก เจติมาได้แต่พยักหน้าอย่างปลงๆ ปกติพ่อของเธอไม่ให้ดูทีวีเพราะต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะมีให้เปิดเพลงฟังเพื่อผ่อนคลายบ้าง นานๆทีจะได้ดูทีวีกับเค้าบ้าง พ่อก็ให้แค่ไม่เกินเที่ยงคืน เธอไม่ใช่ซินเดอเรลล่านะที่จะต้องกลับบ้านก่อนระฆังตีบอกเวลาเที่ยงคืน แต่ก็เอาเถอะ ยังดีกว่าไม่ได้ดู เจติมาเดินตามบิดาออกมาหลังจากที่จ่ายเงินค่าอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเพื่อกลับบ้าน
เจติมากลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่ม คุณเจษฎาแยกไปเข้านอนส่วนเจติมาก็เข้าไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อดูรายการทีวีที่เธออยากดู ความจริงแล้วเธอตั้งใจจะขึ้นนอนช้าๆเพื่อรอโทรศัพท์ของใครบางคนอยู่ แต่จ้องมองโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ทีไรก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครโทรมาซักที จวบจนนาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง เธอจึงตัดสินใจปิดทีวีแล้วลุกขึ้นเดินขึ้นไปยังห้องนอนของตนเองแล้วจัดการอาบน้ำเตรียมเข้านอน เจติมาออกมาจากห้องน้ำอีกทีก็เป็นเวลาเทียงคืนพอดิบพอดี
“เที่ยงคืนแล้ว ควรนอนได้แล้วนะเจติมา ไม่มีใครโทรมาหาเอตอนดึกดื่นขนาดนี้หรอกนะ”เจติมาพูดกับตัวเองอย่างปลงๆ ก่อนจะพาตัวเองเข้านอนอย่างเหงาๆเช่นเคย
00.15 น.
“ครืดดดดด ครืดดดดดด”เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เจติมาซึ่งกำลังเคลิ้มหลับปรือตาขึ้นมาหยิบโทรศัพ์ขึ้นมากดรับอย่างงัวเงีย
“ฮัลโหล”เสียงที่งัวเงียของเจติมาทำให้พีรวัฒน์ที่ได้ยินถึงกับอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ฝันดีครับ”พีรวัฒน์ไม่พูดอะไรมาก แค่บอกฝันดีหญิงสาวเท่านั้น
“ฝันดีเช่นกันค่า”เจติมาบอกฝันดีคนปลายสายแล้วกดตัดสายทิ้งแล้วนอนต่อ ใครนะช่างโทรมาขัดจังหวะการนอนของเธอเสียจริง คนกำลังเคลิ้มๆเลย...ว่าแล้วหญิงสาวก็นอนต่อย่างไม่สนใจสิ่งใดอีก
ด้านพีรวัฒน์ที่วางสายจากเจติมาก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์มือถือราคาแพงของเขาอยู่นานสองนาน เด็กอะไร แทนที่จะดีใจที่เขาโทรหา กลับตอบฝันดีกลับแล้วก็วางสายไปวะดื้อๆ เด็กหนอเด็ก พีรวัฒน์คิดแล้วก็ยิ่งหุบยิ้มไม่ได้ นี่เขากำลังหลงเด็กใช่มั้ยเนี่ย
“พีท...ยิ้มแบบนี้อย่าบอกนะว่ากำลังมีความรักน่ะ พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งมีเด็ก เรากำลังจะได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตทั่วเอเชียนะ เราต้องซ้อม ไหนจะงานถ่ายแบบ ไหนจะงานโฆษณา ไหนจะงานแสดงรับเชิญอีกตั้งเยอะ ที่มีงานเข้ามานี่ก็เพราะว่าเธอเป็นซุปเปอร์สตาร์หนุ่มโสดตลอดกาล ตั้งแต่เข้าวงการมาเป็นเด็กดี มีสัมมาคารวะ และที่สำคัญเธอยังโสด นี่เป็นจุดขายของเรา ที่พวกบรรดาแฟนคลับ ติ่งพี่พีททั้งหลายชื่นชอบมากที่สุด เรื่องแค่นี้จะต้องให้ฉันพูดกรอกหูแกอีกกี่รอบย๊ะแกถึงจะจำน่ะพีท”พี่หมึก ผู้จัดการส่วนตัวจอบเข้มงวดพูดขึ้นเมื่อเห็นพีรวัฒน์ยิ้มไม่หุบแบบนี้
“นี่พี่หมึกครับ ผมขอร้องล่ะ เลิกพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆแบบนี้กับผมได้แล้ว ผมรู้หน่าว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แล้วอีกอย่าง พี่สั่งผมได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของหัวใจ บายครับ พรุ่งนี้เจอกัน”พีรวัฒน์พูดพร้อมกับยักคิ้วให้ผู้จัดการส่วนตัวของเขา แล้วเดินเข้าห้องนอนทันที
“นี่พีท กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน โว้ย จะให้ฉันปวดหัวกับแกอีกแค่ไหนเนี่ย พ่อซุปตาร์"พี่หมึกโวยวาย เขาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของดารานักร้องมาก็มาก ไม่มีใครที่จะทำให้เขาไม่เหนื่อยเลย ยกเว้นแต่พีรวัฒน์นี่แหละที่ว่านอนสอนง่ายไปวะเกือบทุกเรื่อง ยกเว้นก็แต่เรื่องของความรักนี่แหละ ที่ทำเอากระเทยอย่างเขาปวดหัว แต่ใช่ว่าเขาจะจัดการกับแม่ผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้ซะเมื่อไหร่ เพราะที่ผ่านมาผู้หญิงพวกนั้น ถ้าไม่อยากดังก้อยากได้เงิน มีอยู่สองอย่างเท่านั้นแหละ พี่หมึกคนนี้ก็กำจัดง่ายซิ แค่โยนเศษเงินของพีรวัฒน์ให้พวกหล่อนไปก็จบเรื่องแล้ว ผู้หญิงคนล่าสุดที่ทำให้นักร้องในสังกัดของเขายิ้มไม่หุบนี่ก็คงจะมาอีหรอบเดียวกับคนก่อนหน้าอย่างแน่นอน รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีทางได้ขึ้นแท่นเป็นหวานใจตัวจริงของซุปเปอร์สตาร์อย่างพีท พีรวัฒน์ได้อย่างแน่นนอน ถ้ายังมีพี่หมึกคนนี้อยู่!
เจติมาตื่นมาในตอนเช้าของวันอาทิตย์อย่างสดชื่น เมื่อคืนเธอฝันว่าพี่พีทของเธอโทรมาบอกฝันดีด้วยแหละ ในฝันมันเหมือนจริงมากๆ เจติมาจึงคิดว่าจะโทรไปหาเพื่อนสาวเพื่อเล่าความฝันให้ฟัง แต่ก็ต้องตกใจจนแทบช็อค เมื่อเบอร์โทรครั้งล่าสุดปรากฏชื่อ ‘พี่พีท’ โทรเข้ามาเมื่อเวลาเที่ยงคืนสิบห้านาที
“นะ นี่มัน...เราไม่ได้ฝันไปหรอกหรอเนี่ย เรื่องจริงใช่มั้ย? อ๊ายยยยยยยยยยยยยย”เจติมากรี๊ดออกมาเสียงดังจนคุณเจษฎาต้องเปิดประตูเข้ามาดูอาการของลูกสาว
“เจ เป็นอะไรรึเปล่าลูก ร้องซะเสียงดังลั่นบ้านเลย”คุณเจษฎาถามลูกสาว
“ไม่ ไม่เป็นไรค่ะพ่อ พอดีว่าดีใจมากไปหน่อยที่หาคนติวหนังสือให้ได้แล้ว”เจติมาอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดที่บังอาจไปโกหกบิดาแบบนั้น แต่มันก็ไม่ทันแล้ว
“อ้อ ดีแล้วล่ะ จะไปติวกันที่ไหนยังไงก็บอกละกัน เดี่ยวพ่อไปรับไปส่งให้”คุณเจษฎาบอกอย่างใจดี
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพ่อ”เจติมาจำเป็นต้องฝืนยิ้มออกไป ทั้งๆที่ในใจอยากจะร้องให้ออกมาดังๆมากกว่า ตอนแรกแค่คิดว่าจะแกล้งบอกให้มันจบๆไป แต่ที่ไหนได้ ต้องมานั่งเครียดกับการหาคนมาติวหนังสือให้อีก
เจติมาแบกสีหน้ากลุ้มใจไปโรงเรียนด้วยในวันจันทร์ จนมินตราต้องสะกิดถามเพราะอดห่วงไม่ได้
“นี่เจ แกเป็นอะไรวะ มีอะไรก็บอกกันสิ ไม่ใช่มานั่งทำหน้าเครียดเหมือนคนท้องผูกอยู่อย่างนี้”มินตราถามขึ้น เจติมามองหน้าเพื่อนก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ
“เฮ้อออออ ฉันกลุ้มน่ะสิแก ฉันดันไปโกหกพ่อว่าเราหาติวเตอร์ที่จะมาติวหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยได้แล้วน่ะสิ”เจติมาเล่าให้เพื่อนฟัง
“เอ้า แล้วทำไมแกต้องไปโกหกพ่อแกอย่างนั้นด้วยเล่า”มินตราไม่เข้าใจ ปกติเพื่อนเธอไม่เคยโกหกบิดาแบบนี้เลยซักครั้ง
“ก็เพราะฉันกรี๊ดเสียงดังไปหน่อยน่ะสิ เมื่อคืนพี่พีทโทรมาบอกฝันดีฉัน แต่ฉันคิดว่าเป็นแค่ความฝัน พอตื่นเช้าขึ้นมาเปิดดูโทรศัพท์ พี่พีทโทรมาจริงๆด้วยแก...แต่ฉันสงสัยว่าฉันมีเบอร์พี่เค้าได้ยังไง”เจติมาบอก มินตราได้แต่ส่ายหน้าให้กับความซื่อบื้อของเพื่อนสาว
“เค้าก็คงจะเมมเบอร์ไว้ในเครื่องแก ก่อนที่เค้าจะเอามาคืนให้แกน่ะสิ เรื่องแค่นี้แกน่าจะฉลาดนะยัยเจ”มินตราแอบแขวะเพื่อนอย่างหมั่นเขี้ยว เจติมาเป็นคนฉลาด แต่กับเรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ไม่รู้ นี่ล่ะน้าที่เค้าว่าเราฉลาดได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของหัวใจ
“แกช่วยฉันคิดหน่อยสิว่าจะหาติวเตอร์ที่ไหนมาสอนพวกเรา เอาด่วนที่สุดเลยได้ยิ่งดี ฉันจะได้ไปบอกพ่อ ฉันไม่อยากทนโกหกพ่อไปนานกว่านี้แล้วอ่ะแก รู้สึกไม่ดีอ่ะ”เจติมาพูดอย่างกังวล
“เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันขอเวลาซักพัก แล้วฉันจะให้คำตอบแกอย่างแน่นอน รอแป็บหนึ่ง”มินตราว่า ก่อนจะลุกหายไป เจติมามองตามเพื่อสาวไปอย่างงงๆ
มินตราที่เดินออกมาโทรศัพท์ตรงซอกตึกที่คนไม่ค่อยผ่านไปมซักเท่าไหร่ เธอเลื่อนหารายชื่อที่ต้องการ ก่อนจะกดโทรหาใครคนหนึ่งทันที รอสายอยู่ซักพักปลายสายก็กดรับ
[ฮัลโหล สวัสดีครับ พีทพูดครับ ไม่ทราบว่านั่นใครครับ] พีรวัฒน์พูด มินตราเก็บเสียงกรี๊ดไว้ ก่อนที่จะรายงานตัว
“สวัสดีค่ะพี่พีท นี่หมิว เองนะคะ เพื่อนสนิทของเจติมา ที่พี่เคยมาส่งเจที่บ้านหนูอ่ะค่ะ พี่จำได้มั้ยคะ”มินตราถาม
[อ๋อ จำได้สิ มีอะไรรึเปล่าครับ] พีรวัฒน์ถามกลับ
“คือว่าพี่พีทพอจะมีเวลาว่างฟังหนูซักสามสี่นาทีมั้ยคะ หนูมีเรื่องจะให้พี่ช่วยซักเล็กน้อย”มินตรากลั้นใจถามออกไป
[ได้สิ ตอนนี้พี่พักกลางวันอยู่พอดีเลย มีอะไรก็ว่ามาเลยครับน้องหมิว] พีรวัฒน์บอกอย่างใจดี
“คือว่าเจกับหนูน่ะค่ะ กำลังหาติวเตอร์มาช่วยติวหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยให้น่ะค่ะ แต่ตอนนี้ยังหาไม่ได้เลย แล้วยัยเจก็ดันไปบอกพ่อว่าหาได้แล้ว ตอนนี้ยัยเจมันก็เลยนั่งกลุ้มอยู่เนี่ยค่ะ ไม่รู้ว่าจะไปหาติวเตอร์ที่ไหนมาสอนดี พี่พีทพอจะช่วยหาให้ได้มั้ยคะ”มินตราถาม
[ติวเตอร์...แบบติวกันตัวต่อตัวอย่างนี้ใช่มั้ย...อืมมมม พี่คิดว่าพี่พอจะหาได้หนึ่งคนนะ ไม่รู้ว่าจะพอรึเปล่า] พีรวัฒน์ว่า
“พอค่ะพอ เอ่อ จะรบกวนเกินไปมั้ยคะถ้าจะให้เค้ามาติวให้ทุกเย็นที่โรงเรียนน่ะค่ะ” มินตราเริ่มนัดแนะ
[อืม อันนี้พี่ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ เอาไว้พี่ถามเค้าก่อนก็แล้วกัน ถ้ายังไงเดี่ยวพี่โทรบอกอีกทีนะครับ] พีรวัฒน์ว่า
“ได้ค่ะ เท่านี้ก็ถือว่ารบกวนพี่พีทมากแล้ว ยังไงก็ขอบคุณล่วงหน้านะคะ พวกหนูจะรอฟังคำตอบนะคะ สวัสดีค่ะ”มินตราพูดจบก็วางสายแล้ววิ่งไปหาเพื่อนอย่างอารมณ์ดี
“ฉันหาติวเตอร์ให้พวกเราได้แล้ว”มินตราบอกกับเจติมายิ้มๆ
“แกหาได้ยังไงอ่ะ ทำไมรวดเร็วขนาดนี้ แล้วเค้าเป็นใคร มาจากไหน ทำอาชีพอะไร อายุเท่าไหร่ แล้วน่าเชื่อถือมั้ย”เจติมาถามอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวๆๆๆ ใจเย็นๆนะแก คือว่า ฉันรู้แค่ว่าจะมีคนมาติวให้เราแน่ๆ แต่ว่าเรื่องที่ว่าเป็นใครอะไรยังไงนี่ฉันก็ยังไม่รู้ กำลังรอฟังคำตอบเช่นกัน”มินตราพูดพร้อมกับยิ้มให้เพื่อนสาว เจติมาถึงกับอึ้งในคำตอบของเพื่อนซี้
ด้านพีรวัฒน์ที่นั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่กับคุณหมอนพ เพื่อนเก่าสมัยมัธยมซึ่งสนิทกันจนกระทั่งตอนนี้ แต่ด้วยภาระหน้าที่ของทั้งสองคน จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกันซักเท่าไหร่ วันนี้บังเอิญเจอกันก็เลยได้โอกาสมารับประทานอาหารกลางวันด้วยกันในรอบเกือบสองปี
“ใครโทรมาวะไอ้พีท อย่าบอกนะว่าเด็กแก”หนมอนพถามเพื่อนอย่างตกใจ
“ไม่ใช่เว้ย คนที่โทรมาน่ะเพื่อน แต่น้องที่ฉันชอบน่ะเป็นเพื่อนสนิทเค้า”พีรวัฒน์บอก
“อ้าว แล้วน้องเค้ามีเบอร์แกได้ไงวะ...หรือว่าแกให้เบอร์น้องเค้าไป นี่กะจะคบซ้อนเลยหรอไอ้พีท อย่าเชียวนะเว้ย เสียชื่อนักร้องซุปตาร์หนุ่มโสดตลอดกาลของแกหมด”หมอนพเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี
“เฮ้ยๆไม่ใช่ ฉันกะว่าจะให้น้องหมิวเค้าเป็นคนคอยเชียร์ฉันให้น้องเจหน่อย แบบว่าเป็นเหมือนแม่สื่ออะไรประมาณเนี้ย”พีรวัฒน์อธิบายให้เพื่อนฟัง
“อ่อ แล้วไป ไอ้เราก็นึกว่าจะควงสอง...แล้วน้องเค้าโทรมาทำไมวะ” หมอนพอดสงสัยไม่ได้
“อ๋อ โทรมาให้ช่วยหาคนติวหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้น่ะ แล้วตอนนี้ฉันก็หาให้น้องเค้าได้แล้วด้วย”พีรวัฒน์พูดยิ้มๆพลางส่งสายตามีเลสนัยไปให้เพื่อนรัก
“เฮ้ยๆ มองหน้าฉันแบบนี้หมายความว่าไงวะ...อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันไปติวให้เด็กแก ไม่เอาๆๆ เซย์โนเว้ย อย่าเอาฉันไปเป็นเครื่องมือจีบสาวของแก...เดี๋ยวนะ สอบเข้ามหาลัย นี่แกคิดจะจีบเด็กขนาดนี้เลยหรอวะ ระวังนะเว้ย จะโดนขอหาพรากผู้เยาว์”หมอนพใส่มาเป็นชุด
“เฮ้ย ใจเย็นดิวะ ก็แค่ให้ไปช่วยติวหนังสือตอนเลิกเรียนให้น้องเค้าหน่อย ไม่ได้รึไง นี่ช่วยเพื่อนไม่ได้หรอ ช่วยหน่อยเหอะนะ ถือว่าช่วยเด็กน้อยให้สอบติดคณะที่หวังไว้ไง แกไม่เข้าใจหัวอกเด็กจะสอบเข้ามหาลัยแล้วไม่มีติวเตอร์ติวให้นี่หว่า แกไม่รู้หรอกว่ามันลำบากเลือดตาแทบกระเด็นแค่ไหน”พีรวัฒน์พยายามกล่อมเพื่อน
“เออๆๆ ก็ได้ แต่ว่าเวลาที่จะติวให้นี่ไม่แน่นอนนะ เพราะบางวันก็มีอยู่เวรบ่าย ดังนั้นจะให้ไปติวทุกวันหลังเลิกเรียนคงไม่ได้ แต่เสาร์อาทิตย์หมอนพว่างตลอดนะครับ ไปติวที่คอนโดพี่หมอนพได้นะครับ”หมอนพบอกเพื่อนสนิทอย่างแซวๆ เพราะรู้ว่าเพื่อนรักคนนี้ต้องตามไปแน่นอน พีรวัฒน์ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเป็นเชิงว่าฝากไว้ก่อน
“เอาเป็นว่าแกตกลงจะเป็นติวเตอร์ให้กับน้องๆของฉัน วันเวลาถ้าแกไม่ติดอยู่เวรบ่ายก็ไปติวได้ตลอด เสาร์อาทิตย์สามารถติวได้ทั้งวัน เดี๋ยวฉันโทรไปบอกน้องหมิวก่อน”พีรวัฒน์พูดจบก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหามินตราทันที
หลังจากที่มินตราได้รับคำตอบจากพีรวัฒน์เรื่องติวเตอร์แล้ว ก็รีบมารายงานเพื่อนรักทันที
“แก ฉันได้ติวเตอร์ให้เราแล้วนะ เป็นคุณหมอเค้าชื่อพี่หมอนพ จบแพทย์ศิริราชมาเลยนะแก จะมาติวให้เราหลังเลิกเรียนในวันที่ไม่ได้อยู่เวรบ่าย และเสาร์อาทิตย์ทั้งวันพี่เค้าจะติวให้เราที่คอนโดของพี่เค้าด้วยแหละ”มินตราบอกอย่างดีใจ
“คอนโด หมายความว่าเสาร์อาทิตย์ต้องเข้ากรุงเทพฯหรอ แล้วอย่างนี้พ่อฉันจะให้ไปติวมั้ยเนี่ย”เจติมาเริ่มกังวล
“ถ้าพ่อแกไม่ให้ไปกรุงเทพฯแกก็ไม่ต้องบอกสิว่าไปติวที่กรุงเทพฯ บอกมาติวบ้านฉันก็ได้”มินตราเสนอ
“จะบ้าหรอ แค่ที่ฉันโกหกพ่อเท่านี้ฉันก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว จะให้โกหกเรื่องไปกรุงเทพฯอีก ฉันว่าฉันทำไม่ได้หรอก”เจติมาว่า
“ไม่เป็นไร แกไม่กล้าแต่ฉันกล้า เดี๋ยวฉันจัดการเอง แกไม่ต้องเป็นห่วง”มินตราพูดจบก็หยิบโทรศัพท์ของเจติมาไปทันที หญิงสาวขวางเพื่อนไม่ทันจึงได้แต่นั่งถอนหายใจอยู่ตรงนั้น ไม่นานมินตราก็ถือโทรศัพท์มาคืน
“เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าฉันไม่ได้โทรหาพ่อแกหรอกนะ ฉันโทรหาคนที่จดการเรื่องติวให้น่ะ บอกว่าวันเสาร์อาทิตย์ขอเปลี่ยนสถานที่เป็นที่อื่นได้มั้ยที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ พี่เค้าก็เลยแนะนำบ้านพักตากอากาศของครอบครัวพี่หมอนพให้ เพราะพี่เค้ามีสถานที่ที่จังหวัดเราพอดี แถมยังไม่ไกลจากบ้านฉันด้วยนะ เป็นไง แค่นี้แกคงสบายใจได้แล้วนะ”มินตราบอกกับเพื่อนสาว นั่นทำให้เจติมายิ้มออกมาได้ในที่สุด อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องโกหกพ่อว่าไปกรุงเทพฯ
“เอ้อ หมิว ว่าแต่เรื่องค่าใช้จ่าย ที่เป็นค่าติวนี่พี่เค้าคิดเท่าไหร่หรอ”เจติมาถาม
“เออ นั่นสิ อันนี้ฉันก็ลืมถามว่ะแก แต่ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เดี๋ยววันติวค่อยถามพี่เค้าก็ได้”มินตราว่า
“แล้วเราจะเริ่มติวกันเมื่อไหร่ละ”เจติมาซักต่อ
“เริ่มอาทิตย์หน้าจ้ะ แกเตรียมตัวไว้ให้ดีๆล่ะ เผื่อว่าจะมีคนมาช่วยติวให้” มินตราบอกเป็นนัยๆให้ ก่อนจะเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
“เป็นอะไรของเค้านะ”เจติมาถึงกับส่ายหัวกับความเพี้ยนของเพื่อนสาว
และแล้ววันแรกของการติวหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยของสองสาวก็มาถึง ทั้งเจติมาและมินตรารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่จะต้องมาติวนอกสถานที่ เพราะว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ พี่หมอนพเลยนัดติวที่บ้านพักตากอากาศหรือที่พี่หมอนพเรียกติดปากว่าบ้านสวนนั่นเอง
“แก พี่หมอนพนี่เค้าลงทุนมารับเราถึงบ้านแกเลยหรอ”เจติมาอดถามเพื่อนขณะยืนรอรถมารับไม่ได้
“เปล่า พี่หมอเค้าไม่รู้จักบ้านฉัน จะมารับพวกเราได้ยังไงล่ะ”มินตราบอกหน้าตาเฉย
“อ้าว ถ้าอย่างนั้นใครจะเป็นคนมารับเราล่ะ ทางไปบ้านพี่หมอนพของกพวกเราก้ไปไม่ถูก แล้วอย่างนี้จะได้ติวกันมั้ยเนี่ย”เจติมาเริ่มโวยวาย
“เพื่อนเค้ามารับหรอกย่ะ เพราะเพื่อนเค้ารู้จักบ้านฉันดี เคยมาก็ตั้งสองครั้งสองครา แถมแกยังรู้จักมักจี่กับเค้าอีกด้วย”นตราว่า
“ใครวะ ฉันไปรู้จักเพื่อนพี่หมอนพเค้าตอนไหน”เจติมางงหนัก
“ก็พี่พีทของแกไงย๊ะ ฉันเป็นคนขอร้องให้พี่พีทหาติวเตอร์ให้พวกเราเองแหละ แล้วก็ได้พี่หมอนพมาติวให้พวกเราไง...นั่งไง แหมอายุยืนจริงๆเลยนะพ่อนักร้องขวัญใจแกน่ะ ขับรถมาโน่นแล้ว”มินตราพยักเพยิดให้เจติมาดู เจติมายังคงอึ้งไม่หายกับคำตอบของเพื่อนสาว ไม่ทันไร ชายหนุ่มที่ถูกกล่าวถึงก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“สวัสดีครับ น้องเจ น้องหมิว พร้อมกันรึยังครับสำหรับการติวเข้ม”พีรวัฒน์ถาม
“พร้อมเสมอค่ะ”มินตราตอบยิ้มๆ แต่เจติมายังคงอึ้งอยู่
“เจ ยัยเจ พร้อมมั้ย”มินตราสะกิดเพื่อน
“พะ พร้อม พร้อมก็ได้ค่ะ”เจติมาตอบแบบงงๆ
“ถ้าพร้อมแล้วเราก็ไปกันเลยดีกว่าครับ ป่านนี้เพื่อนพี่คงตั้งตารอแล้วล่ะ”พีรวัฒน์พูดจบก็ผายมือเชิญสองสาวขึ้นรถ มินตราที่รู้หน้าที่เป็นอย่างดีรีบชิงนั่งเบาะหลังแล้วให้เจติมานั่งด้านหน้าไปกับพีรวัฒน์
“บ้านพี่หมอนพนี่ไปอีกไกลมั้ยคะพี่พีท”มินตราเป็นฝ่ายชวนคุย
“ไม่ไกลมากหรอกครับ บังเอิญจริงๆเลยนะครับ ที่ไอ้หมอนพมันมีบ้านสวนอยู่ที่นี่ด้วย ถึงว่าละทางมาบ้านน้องหมิวพี่ถึงคุ้นๆ เส้นทางเดียวกับบ้านเพื่อนพี่นี่เอง”พีรวัฒน์ว่า
“น้องเจดูท่าทางไม่สบายใจเลยนะครับเนี่ย มีอะไรบอกพี่ได้นะ”พีรวัฒน์ที่เห็นสายตากังวลของหญิงสาวก็อดที่จะห่วงไม่ได้
“เอ้อ ไม่มีอะไรค่ะ แค่กลัวว่าจะติวไม่รู้เรื่อง เอ้ย กลัวว่าตัวเองจะหัวช้า เป็นภาระให้พี่หมอนพเค้าน่ะค่ะ”เจติมาแก้ตัว
“ไม่ต้องเครียดหรอกครับ ไอ้นพน่ะใจดี แต่พี่เนี่ยสิ ไม่รู้ว่าจะใจดีเท่ามันรึเปล่านะ”พีรวัฒน์ว่า
“นี่พี่เป็นติวเตอร์ด้วยหรอคะ”เจติมาถามอย่างอึ้งๆ
“รับเป็นติวเตอร์พิเศษให้เฉพาะน้องเจคนเดียวแหละครับ”พีรวัฒน์หยอด
“ว้า อย่างนี้หมิวก็เสียใจแย่สิคะเนี่ย ความจริงแล้วยัยเจควรจะต้องติวกับพี่หมอนพมากกว่า เพราะอยากจะเรียนแพทย์เหมือนพี่หมอนพ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่พีทอาสาติวให้ยัยเจ พี่หมอนพก็ต้องติวให้หนูแล้วล่ะ”มินตราพูดเองเออเองเสร็จสรรพ พีรวัฒน์ได้แต่ยิ้มๆ แต่เจติมากลับหันไปส่งค้อนให้เพื่อนสาว
“เอาล่ะสาวๆ เลี้ยวเข้าซอยข้างหน้าก็ถึงบ้านสวนคุณหมอนพแล้วนะครับ”พีรวัฒน์บอก ทำเอาสาวๆยิ่งตื่นเต้นกันใหญ่
“ว้าว บ้านสวนโดยแท้ อยู่ในสวนซะลึกเลย”มินตรารำพึงรำพันอยู่คนเดียว
“ถึงแล้วครับ”พีรวัฒน์บอก เจติมาและมินตรารีบลงจากรถ แล้วเดินตามพีรวัฒน์เข้าไปยังตัวบ้านทันที
“อ้าว มากันแล้วหรอครับสาวๆ สวัสดีครับ พี่ชื่อพี่หมอนพนะ จะมาเป็นติวเตอร์ให้กับน้องๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”หมอนพแนะนำตัวทันทีที่เห็นหน้าสองสาว
“สวัสดีค่ะ ชื่อเจติมาค่ะ เรียกสั้นๆว่าเจก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่หมอนพ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”เจติมาพูดยิ้มๆ
“โอ้โห ที่กับคนอื่นล่ะพูดฉอดๆ ทีกับพี่ทำไมพูดน้อยจังฮะ น้อยใจเป็นนะครับน้องเจ”พีรวัฒน์บอกเสียงงอนๆ
“ยัยเจก็เป็นแบบนี้แหละค่ะพี่พีท กับคนทั่วไปเนี่ยพูดได้ไม่หยุด แต่กับคนที่ปลื้มเนี่ย ไม่รู้ว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากรึไงก็ไม่รู้ นิ่งเป็นสากอยู่นั่นแหละ”มินตราแซวแรง
“นี่หมิว พูดอะไรน่ะ”เจติมาเขินจนหน้าแดง
“เอ้อ แล้วน้องสาวอีกคนล่ะครับ จะไม่แนะนำตัวให้พี่รู้จักหน่อยหรอเราน่ะ”หมอนพเปลี่ยนประเด็น
“อ๋อ เกือบลืมเลยค่ะ สวัสดีค่ะ ชื่อหมิวนะคะ เป็นเพื่อนกับเจ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”มินตรายิ้มให้กับหมอนพอย่างจริงใจ คุณหมอหนุ่มเห็นแล้วเกิดอาการหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สงสัยงานนี้คงต้องกลับไปทบทวนตัวเองอีกครั้งแล้วว่าที่เคยด่าเพื่อนเอาไว้นี่มันจะย้อนมาเข้าตัวเองรึเปล่า เพราะสาวน้อยแสนน่ารักตรงหน้านี่ก็สวยใช่เล่น
“เอ้อ เอาล่ะ เรามาเริ่มติวกันดีกว่านะครับ แต่ก่อนจะติวให้พวกเรามาทำข้อตกลงในการติวกันก่อนดีกว่าว่า แต่ละวัน เราจะติวกันวันละสองวิชา หนึ่งวิชาคำนวณ และอีกหนึ่งวิชาที่ไม่ใช่คำนวณ ตกลงนะ”หมอนพอธิบาย ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
“และจะติวกันวิชาละสามชั่วโมง น้องๆพอไหวมั้ยครับ ถ้าไม่โอเคยังไง บอกพี่ได้นะ เราคุยกันได้ จะให้ปรับตรงไหน เปลี่ยนตรงไหนบอกได้ตลอดเวลาเลย”หมอนพว่า
“อย่างนี้ไปก่อนก็ได้ค่ะ ถือว่าลองดู ถ้าไม่เวิร์คคาอยว่ากันอีกที ดีมัยยัยเจ”มินตราถามเพื่อน
“อื้ม เอาอย่างนี้ก็ได้ แต่ว่าวันนี้ขอเริ่มที่ฟิสิกส์กับภาไทยก่อนนะคะ พอดีว่าต้องใช้สอบด้วย แหะๆ”เจติมาว่า
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับน้องเจ เรื่องฟิสิกส์นี่ต้องยกให้วิศวะอย่างนายพีท เค้าเลย ไหวใช่มั้ยไอ้เพื่อนยาก”หมอนพโยนมาให้พีรวัฒน์
“ของแบบนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว น้องเจจะให้พี่เริ่มติวตั้งแต่ตรงไหนบอกพี่มาเลยครับ”พีรวัฒน์ถาม เจติมาตัดสินใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าในการที่จะให้พีรวัฒน์ติวให้เธอ
“ขอตั้งแต่เรื่องแรงเลยได้มั้ยคะ”เจติมาว่า พีรวัฒน์ยิ้มขำ ก่อนที่จะพยักหน้า ล้าพากันไปหาที่นั่งติว ซึ่งก็คือเก้าอ้โซฟาที่มีโต๊ะอยู่ดานหน้า ตรงห้องรับแขกนั่นเอง
“แล้วน้องหมิวล่ะครับ สนใจจะติวเรื่องไหนก่อนดี”หมอนพถาม
“เอ่อ หมิวไม่ค่อยสันทัดเรื่องฟิสิกส์ซักเท่าไหร่ ขอตั้งแต่เริ่มแรกเลยได้มั้ยคะ พวกคำอุปสรรค์ทั้งหลายนี่เป็นอุปสรรคสำหรับ หมิวมากเลยค่ะ ถ้าพี่หมอนพจะกรุณา”มินตราบอกอย่างอายๆ
“ได้เลยครับ แต่ว่าพี่ต้องขอทบทวนหน่อยนะ เอาหนังสือมารึเปล่า ขอพี่ดูหน่อยสิ”ว่าแล้วหมอนพกับมินตราก็แยกออกไปติวที่โต๊ะรับแขกด้านหน้าบ้าน
เพียงแค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ได้ติวหนังสือ มันทำให้ความสนิทสนมของคนทังสองคู่เพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ด้วยความขี้เล่นและเป็นกันเองของหนุ่มๆ และความสดใสน่ารักของสาวๆ ทำให้เกิดความสนิทใจกันมากขึ้น จนเจติมากล้าที่จะคุยกับพีรวัฒน์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมินตราสามารถเรียกชื่อหมอนพว่าพี่นพได้เต็มปากเต็มคำอย่างไม่เคอะเขิน
“เย้ ทำแบบฝึกภาไทยเสร็จแล้ว กลับบ้านได้”มินตราร้องตะโกนออกมาอย่างดีใจที่ทำแบบฝึกหัดเสร็จ ในขณะที่เจติมากับพีรวัฒน์นั่งเล่นเกมบิงโกรอเกือบครึ่งชั่วโมง
“ไม่ต้องมาร้องตะโกนเลย เดี๋ยวพี่จะให้การบ้านเรากลับไปทำด้วย วิชาละห้าสิบข้อ แล้วพรุ่งนี้ส่งก่อนติวนะครับสาวน้อย”หมอนพว่าพลางเขย่าศีรษะของมินตราเล่น
“โอ๊ย ทำไมมันเยอะจังล่ะพี่นพ ลดลงเหลือยี่สิบข้อได้มั้ยอ่ะ”มินตราต่อรอง
“ไม่ได้ น้องเจยังทำตั้งห้าสิบข้อเลย เราจะมาขี้เกียจแบบนี้ไม่ได้นะรู้มั้ย ต้องฝึกทำแบบฝึกหัดเยอะๆ จะได้จำขึ้นใจ เจอโจทย์แบบไหนจะได้รู้แนว”หมอนพอธิบายถึงการที่ต้องฝึกทำข้อสอบ
“โอเค เข้าใจแล้วค่ะ ห้าสิบก็ห้าสิบ คราวนี้กลับบ้านได้รึยังคะ”มินตราถามเสียงเนือย
“ได้แล้วครับ บาย พรุ่งนี้เจอกันที่นี่เวลาเดิมนะครับสาวน้อยทั้งสอง”หมอนพโบกมือลาสาวๆ และรอส่งจนรถยนต์ของพีรวัฒน์ลับสายตาไป การเป็นติวเตอร์จำเป็นนี่มันก็ทำให้เขามีความสุขขึ้นมาได้เหมือนกันแฮะ...
ความคิดเห็น