ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซุป'ตาร์สุดที่รัก

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1:สานสัมพันธ์

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 59


      บทที่1:สานสัมพันธ์

                พีรวัฒน์ขับรถพาเจติมาเข้ากรุงเทพฯ เมื่อเจติมารู้เข้าก็เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที

    “นี่คุณจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่คะ”เจติมาถาออกมาอย่างลนลาน

    “ใจเย็นๆครับน้อง พี่ไม่ได้จะพาน้องไปทำมิดีมิร้ายหรอกครับ แค่จะพาไปทานอาหารเย็นอย่างที่พี่บอกจริงๆ แต่ว่าร้านที่พี่อยากจะพาไปน่ะ มันอยู่ในกรุงเทพฯ พี่ก็เลยต้องขับรถพามาที่นี่”พีรวัฒน์ว่า

    “ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ แค่ทานอาหารเย็นเองไม่ใช่หรอ”เจติมาบอก แต่พีรวัฒน์หันมามองหน้าหญิงสาวแวบหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา

    “นี่น้องไม่รู้จักพี่จริงๆหรอเนี่ย ว่า แย่จัง คืออย่างนี้นะ ถ้าเป็นคนอื่นก็คงพาน้องไปกินอาหารร้านธรรมดา ที่มีผู้คนผ่านเข้าออกได้อย่างสบายใจ แต่สำหรับพี่เป็นข้อยกเว้น...พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้น้องต้องมาลำบากกับพี่ด้วย แต่พี่แค่อยากจะไถ่โทษที่ทำให้น้องต้องตกน้ำจริงๆนะ”พีรวัฒน์พูดออกมา ทำให้เจติมาต้องกลั้นยิ้มแทบแย่

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ฉันไม่โกรธคุณแล้วล่ะค่ะ”เจติมาบอกกับชายหนุ่ม พีรวัฒน์ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันที ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พีรวัฒน์ก็พาเจติมามายืนอยู่หน้าร้านอาหารสไตล์วินเทจแห่งหนึ่ง

    “ถึงแล้วครับ”พีรวัฒน์บอก

    “เอ่อ เราคงมาผิดวันแล้วล่ะค่ะ ป้ายหน้าร้านเค้าบอกว่าปิด”เจติมาชี้ให้ชายหนุ่มดู

    “ฮ่ะๆๆ ความจริงแล้วพี่สั่งปิดเองแหละ ร้านนี้เป็นร้านของเพื่อนพี่ พี่จะพาน้องมาเลี้ยงทั้งที ก็คงต้องเป็นแบบส่วนตัวซักนิดนึง”พีรวัฒน์บอกยิ้มๆ ก่อนจะคว้าข้อมือของเด็กสาวให้ตามเข้าไปในร้าน  เจติมาเดนตามเข้ามาอย่างงงๆ ก่อนจะถูกพีรวัฒน์จับให้นั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง

    “คุยกันมาตั้งนาน พี่ยังไม่รู้จักชื่อน้องเลยนะครับเนี่ย”พีรวัฒน์ถามขึ้น

    “เอ่อ เจค่ะ เจติมา”เด็กสาวตอบไปอย่างไม่มั่นใจ

    “น้องเจ ชื่อเหมือนผู้ชายเลยนะเรา พี่ชื่อพีทครับ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ”พีรวัฒน์ยื่นมือออกมาให้จับ แต่เจติมาไม่กล้าที่จะเอื้อมมืออกมาสัมผัสกับเขา จึงได้แต่ยกมือขึ้นไหว้

    “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”เจติมาบอกอย่างเก้ๆกังๆ ทาทางไร้เดียงสาอย่างนั้นทำให้พีรวัฒน์อดยิ้มออกมาไม่ได้

    “เอาล่ะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ เดี๋ยวพี่สั่งให้”พีรวัฒน์ถามเมื่อดูเมนู

    “อะไรก็ได้ค่ะ”เจติมาตอบอย่างไม่ลังเล เธอไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรนี่นา ร้านหรูๆแบบนี้เธอเคยมากินที่ไหนกัน อย่างมากก็ไปกินที่ร้านอาหารแถวๆบ้าน ไม่เคยได้เข้ามากินที่กรุงเทพฯเลยสักครั้ง

    “ถ้าอย่างนั้นกินเหมือนกันเลยดีกว่า เดี๋ยวพี่มานะครับ น้องเจนั่งเล่นแถวนี้ไปก่อนนะครับ”พีรวัฒน์พูดจบก็ลุกออกจากโต๊ะไป เจติมาไม่รู้จะทำอะไร จึงเดินดูบรรยากาศรอบๆร้าน เธออยากจะถ่ายรูปแต่โทรศัพท์ของเธอดันตกน้ำไปพร้อมกับเธอแล้ว คราวนี้คงต้องซื้อเครื่องใหม่แล้วล่ะ เจติมาเดินไปตรงมุมหนึ่งของร้านที่ให้เขียนความรู้สึกเอาไปติดที่ฝาผนังของร้านได้ เธอจึงหยิบปากกาสีเหลืองกับกระดาษสีเขียวอ่อน ซึ่งถ้าไม่เพ่งดีๆคงจะมองไม่เห็นว่าเขียนอะไรไป เธอบรรจงเขียนข้อความบางอย่างลงบนกระดาษ ก่อนจะแปะลงบนผนังร้านอย่างเบามือ จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางของตัวเองแตะบนริมฝีปากก่อนจะแตะกับกระดาษนั่นอีกที เป็นเหมือนการส่งจุมพิตผ่านกระดาษแผ่นนั้นด้วยนิ้วของเธอนั่นเอง

    “อาหารมาแล้วครับ”พีรวัฒน์เดินถือถาดใส่อาหารออกมาพร้อมกับเสิร์ฟสำหรับสองที่ เจติมาจึงเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ของเธอเอง

    “นี่อะไรหรอคะ”เจติมาถาม เพราะเธอเองก็ไม่เคยเห็นอาหารหน้าตาประหลาดแบบนี้มาก่อน

    "ข้าวผัดซอสพริกใส่หมูยอ สูตรพิเศษครับ"พีรวัฒน์บอกอย่างภาคภูมิ

    "เอ่อ ร้านแบบนี้มีข้าวผัดเมนูแปลกๆอย่างนี่ด้วยหรอคะ"เจติมาถาม เพราะเธอไม่เคยกินอะไรแบนี้มาก่อน

    "อ่าว เป็นงั้นไป...ความจริงแล้วที่ร้านไม่มีเมนูนี้หรอกครับ บอกแล้วว่าเมนูนี้พิเศษ เรามากินกันดีกว่านะครับ"ว่าแล้วพีรวัฒน์ก็เริ่มกินทันที เจติมาเห็นแล้วก็ตักข้าวเข้าปากดูบ้าง

    "เป็นยังไงบ้างครับ อร่อยมั้ย"พีรวัฒน์ถาม พร้อมกับลุ้นคำตอบ เด็กสาวมัวแต่เคี้ยวอยู่อย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆกลืนอาหารลงไป แล้วดื่มน้ำตาม

    "ก็...อร่อยค่ะ แต่ว่าเผ็ดไปหน่อย ถ้าเปลี่ยนจากซอสพริกเป็นซอสมะเขือเทศจะอร่อยกว่านี้ค่ะ"เจติมาบอก ก็เธอไม่ชอบกินซอสพริกนี่ เธอชอบกินซอสมะเขือเทศมากกว่า

    "อ่อ ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปเปลี่ยนให้ใหม่ดีกว่า"พีรวัฒน์จะยกจานไปเปลี่ยนให้ใหม่ แต่เจติมากลับดึงจานไว้

    "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก เสียดายของ เดี๋ยวจะกินให้หมดเลยค่ะ"เจติมาพูดก่อนจะรีบตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว พีรวัฒน์เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ก่อนที่ทั้งสองจะนั่งรับประทานอาหารเย็นกันไปอย่างเงียบๆ

    "เอ้อ เกือบลืมไปเลย น้องเจโทรไปบอกที่บ้านรึยังครับเนี่ยว่าจะกลับมืด เดี๋ยวที่บ้านจะเป็นห่วง"พีรวัฒน์ถามขึ้นมา

    "ก็อยากจะโทรเหมือนกันนะคะ แต่ว่า..."เจติมาหยิบโทรศัพท์ที่ทำตกน้ำออกมาให้ชายหนุ่มดูพร้อมกับน้ำที่หยดติ๋งๆออกมา พีรวัฒน์เห็นแล้วก็อยากจะเอาหัวโขกกำแพงซะจริงๆ

    "พี่ขอโทษนะครับเอาเป็นว่าเดี๋ยวใช้โทรศัพท์พี่โทรไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวพี่จะซื้อเครื่องใหม่ให้นะครับ"พีรวัฒน์บอกกับเด็กสาวอย่างใจดี

    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอแค่ยืมโทรศัพท์โทรบอกที่บ้านก็พอค่ะ”เจติมาว่า ก่อนจะรับโทรศัพท์ที่พีรวัฒน์ยื่นให้มากดเบอร์บ้าน แต่ก็ไม่มีใครรับสาย จึงโทรเข้าเบอร์ของพ่อ

    “ฮัลโหล พ่อหรอคะ นี่เจเองนะคะ คือว่า เจอาจจะกลับค่ำๆหน่อยนะคะ...”เจติมายังพูดไม่ทันจบ คุณเจษก็พูดสวนมาด้วยความเร็ว จนเจติมาทำได้แค่เพียงฟังอย่างเงียบๆ

    “ค่ะ...ได้ค่ะ พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”เจติมาบอกก่อนจะวางสายไป

    “เป็นไงบ้างครับ มีอะไรให้พี่ช่วยรึเปล่า ดูสีหน้าน้องเจไม่ค่อยดีเลย”พีรวัฒน์ถามขึ้นหลังจากรับโทรศัพท์คืน

    “วันนี้พ่อไม่อยู่บ้านค่ะ ไปส่งของที่ต่างจังหวัด ให้ฉันไปนอนที่บ้านเพื่อนก่อนแล้วพรุ่งนี้ถึงจะมารับ”เจติมาบอก

    “อืมมม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านเพื่อนน้องเจก็ได้ครับ เราไปกันดีกว่า เดี๋ยวจะถึงดึก”พีรวัฒน์ว่า ก่อนจะพาเด็กสาวกลับมาส่งยังบ้านเพื่อน ตลอดทางเขาก็เปิดเพลงของเขาบนรถ เผื่อว่าจะทำให้เด็กสาวนึกออกว่าเขาเป็นใคร

    “น้องเจเคยฟังเพลงพวกนี้มั้ยครับ”พีรวัฒน์พยายามชวนเจติมาคุย

    “เคยค่ะ”เจติมาตอบสั้นๆ

    “แล้วชอบเพลงไหนมากที่สุดครับ”พีรวัฒน์อยากรู้ขึ้นมา

    “ตอบไม่ถูกหรอกค่ะ”เจติมาว่า ก็จริงนี่เธอเลือกไม่ถูกหรือกว่าชอบเพลงไหนมากที่สุด ก็เธอชอบทุกเพลงที่เขาร้องนี่ แต่คนฟังกลับหน้าเสียขึ้นมา นี่เขาคงยังดังไม่พอ หรือเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่สนใจโลกกันนะ พีรวัฒน์คิดในใจ

    “อ้อ ครับ”พีรวัฒน์ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลย เขาจึงขับรถไปตามทางที่เธอบอกเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงบ้านของมินตราจนได้

    “ขอบคุณนะคะ ที่พามาส่ง”เจติมาไหว้พีรวัฒน์ก่อนจะเปิดประตูรถ

    “เดี๋ยวครับ คือว่าถ้าพี่จะเอามือถือเครื่องใหม่มาให้แทนเครื่องเก่า น้องเจจะให้พี่เอามาให้ที่ไหน ยังไงครับ พี่จะได้เตรียมตัวถูก”พีรวัฒน์ถาม เขาอยากจะหาโอกาสมาเจอเธออีกซักครั้ง เพื่อทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ บอกตามตรงว่าเขาเอก็สนใจสาวน้อยน่ารักคนนี้ไม่น้อย

    “อ๋อ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูไม่ใช้โทรศัพท์ก็ได้”เจติมาตอบยิ้มๆ

    “ไม่ได้หรอกครับ พี่อยากจะรับผิดชอบ มันเป็นความผิดของพี่เองที่ทำให้โทรศัพท์ของน้องพัง เอาเป็นว่าพี่จะหาเวลาเอาโทรศัพท์เครื่องใหม่พร้อมกับเบอร์มือถืออันเก่าของน้องมาคืนน้องให้เร็วที่สุดนะครับ...แต่พี่เองก็ไม่แน่ใจว่าพี่จะว่างมาให้ได้วันไหน ถ้าอย่างนั้นพี่ขอเบอร์โทรที่จะติดต่อน้องเจหน่อยได้มั้ยครับ เผื่อว่าถ้าพี่จะเอาโทรศัพท์มาคืนจะได้ติดต่อกันได้”พีรวัฒน์เสนอ

     "ถ้าอย่างนั้นก็โทรมาเบอร์ของพ่อก็ได้ค่ะ...เอ่อ ไม่ดีกว่า เอาเบอร์บ้านไปดีกว่าค่ะ หนูน่าจะอยู่บ้านตอนเย็นนะคะ"เจติมาพูดจบก็รับโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มมาแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์บ้านไปให้ ก่อนจะยื่นให้เขาไปบันทึกรายชื่อเอาเอง

    "ขอบคุณมากครับน้องเจ"พีรวัฒน์ยิ้มให้สาวน้อยตรงหน้าอย่างจริงใจ แค่นี้เจติมาก็แทบจะละลายกับความน่ารักของซุปเปอร์สตาร์ในดวงใจของเธออยู่แล้ว

    "เอ่อถ้าอย่างนั้นก็...ขับรถดีๆนะคะ...พี่พีท"เจติมารวบรวมความกล้าในการเรียกชื่อเล่นของชายหนุ่ม เพราะเธอไม่คิดว่าจะได้เรียกชื่อนี้ต่อหน้าเจ้าตัวเลยซักครั้ง

    "อย่าเพิ่งไล่พี่สิครับ เอาเป็นว่าพี่จะรอจนกว่าน้องเจจะเดินเข้าบ้านไป เพราะถ้าเกิดพี่ขับรถออกไปก่อนแล้วเกิดมีพวกผู้ร้ายมาฉุดน้องไปพี่คงจะเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ"พีรวัฒน์บอก ทำเอาเจติมาอึ้งไป ไม่คิดว่าเขาจะมาเป็นห่วงเธอด้วย

     "ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าบ้านก่อนดีกว่า ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"เจติมาพูดจบก็รีบหมุนตัวกลับและตรงไปกดกริ่งหน้าบ้าน ซักพักนายบอลก็เดินออกมาเปิดประตูให้

     "อ้าว..."บอลไม่ทันจะได้ถามอะไร เจติมาก็รีบดึงมือของน้องชายเพื่อนให้เข้าบ้านทันที พีรวัฒน์ที่เห็นผู้ชายออกมารับเจติมาก็คิดไปไกลแล้ว

    "บ้านเพื่อน เพื่อนหรือแฟนกันแน่นะสาวน้อย"พีรวัฒน์ส่ายหน้าให้กับความใจง่ายของตัวเขาเองที่แอบไปหลงเสน่ห์ของสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้ ความจริงซุปเปอร์สตาร์อย่างเขาไม่จำเป็นจะต้องมาสนใจเด็กสาวธรรมดาๆแบบนี้ก็ได้ เพราะมีผู้หญิงอีกตั้งมากมายที่พร้อมใจจะเป็นคู่ควงกับเขา แต่พีรวัฒน์เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ติดใจสาวน้อยคนนี้ซะเหลือเกิน แม้กระทั่งตอนนี้ที่รู้ว่าเธอมีเจ้าของอยู่แล้วเขาก็ยังจะอยากสานสัมพันธ์กับเธออยู่ดี ชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเองก่อนที่จะกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

    “พี่เจ มาได้ยังไงเนี่ย แล้วเมื่อกี้ใครมาส่ง บอลมองไม่ทันอ่ะ แต่รับรู้ด้วยสัญชาตญาณของเก้งน้อยว่าต้องหล่อเหลาเอาการอยู่แน่ๆ”บอลถามเจติมาอย่างใคร่รู้

    “อ๋อ เอ่อ รุ่นพี่ที่รู้จักกันมาส่งน่ะคือว่าวันนี้พ่อพี่เข้ากรุงเทพอีกแล้ว เลยว่าจะขอนอนกับหมิวซักคืน พี่ไปหาหมิวก่อนนะ ฝันดีจ๊ะน้องสาว”เจติมาพูดจบก็หยิกแก้มบอลก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อบอกกล่าวกับคุณวิราวัลย์ก่อนแล้วจึงขึ้นไปยังห้องนอนของเพื่อนสาวทันที คุณวิราวัลย์ตอนแรกก็งงๆแต่ก็อนุยาติให้เพื่อนของลูกสาวพักได้ตามสบาย

    “ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้หมิวที่กำลังฝึกเต้นเพลงของศิลปินเกาหลีที่เธอชื่นชอบอยู่ต้องหยุดเพลงไว้แล้วเดินมาเปิด

    “อ้าวเจ มาได้ยังไงเนี่ย”หมิวถามอย่างประหลาดใจที่เห็นเพื่อนรักมาอยู่ที่หน้าห้องของเธอ

    “เรื่องมันยาวน่ะ แต่ขอเวลาแป็บนึงนะ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้แกฟังอย่างละเอียดเลย”เจติมาบอกกับเพื่อน มินตรายังคงงงกับคำพูดของเพื่อน ก่อนที่จะได้เห็นว่าเพื่อนเธอกระโดดขึ้นไปนอนคว่ำอยู่บนเตียงแล้วก็ส่งเสียงกรี๊ดกับหมอนอยู่นานสองนาน  พอเจติมาเปิดหน้าออกมาจากหมอนใบโต ก็เจอกับมินตราที่นั่งจ้องหน้าอยู่ก่อนแล้ว

    “มีอะไร เล่ามาเลย”มินตราไม่พูดพร่ำทำเพลงเปิดประเด็นทันที เพราะที่ผ่านมาเพื่อนสาวคนนี้ของเธอไม่เคยออกอาการกรี๊ดกร๊าดอะไรแบบนี้มาก่อน ยกเว้นถ้าเป็นเรื่องของพี่พีท พีรวัฒน์นักร้องซุปตาร์ในดวงใจของยัยเพื่อนคนนี้

    “แกจำได้มั้ยที่ฉันบอกว่าให้แกกลับมาก่อน เพราะฉันจะกลับไปหากระเป๋าน่ะ คือว่า...ฉันกลับไปเอากระเป๋าได้แล้ว พอจะเดินกลับไปขึ้นรถเมล์ ก็มีคนมาเดินชนฉันตกท้องร่องซะก่อน ชุดทั้งชุดของฉัน กระเป๋า โทรศัพท์มือถือก็ตกน้ำ ฉันเงยหน้าไปกะจะต่อว่าซักหน่อยว่าทำไมเดินไม่ดูทางบ้างเลย คนอื่นเค้าเดือดร้อน แต่แกรู้มั้ยว่าพอฉันเงยหน้าขึ้นไป ฉันใบ้กินไปหลายนาทีเลยนะ”เจติมาพูดไปก็ตื่นเต้นไปเหมือนว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ

    “อย่าบอกนะว่าคนที่ชนแกคือพี่พีทน่ะ”มินตราชี้หน้าถามเพื่อนสาว

    “ถูกต้อง...พี่พีท คนที่ฉันปลื้มมาตั้งนาน ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอตัวเป็นๆอ่ะแก กรี๊ดดดดด”เจติมายังคงกรี๊ดต่อไป

    “แล้วยังไงต่ออ่ะแก ฉันอยากรู้ๆ”มินตราพอรู้เรื่องก็อดที่จะตื่นเต้นตามเพื่อนไม่ได้

    “เค้ายื่นมือมาให้ฉันจับด้วยแหละ แกคิดดูนะ ในชีวิตนี้ฉันไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่าฉันจะได้จับมือกับนักร้องที่ชื่นชอบแบบนี้ แล้วเค้าก็ยังซื้อชุดให้ฉันเปลี่ยน พาไปกินข้าวเย็น แล้วก็พาฉันมาส่งที่บ้านแกด้วยแหละ โอ๊ย แค่นี้ฉันก็ฟินมากแล้วอะแก”เจติมาพูไปก็หน้าแดงไป จนมินตราอดใจไม่ไหวหยิกแก้มเพื่อนสาวแรงๆ

    “ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆเลยนะ...แล้วทำไมแกถึงให้พี่พีท มาส่งแกที่บ้านฉันล่ะ ทำไมไม่พากลับไปส่งที่บ้านเลย”มินตราถาม

    “ก็พอดีว่าฉันโทรหาพ่อบอกว่าอาจจะกลับมืด พ่อก็เลยบอกว่าให้มาค้างที่บ้านแกเลยเพราะพ่อต้องเข้ากรุงเทพฯ ฉันก็เลยบอกให้พี่เค้ามาส่งที่บ้านแกเนี่ยแหละ”เจติมาอธิบาย

    “แล้วพ่อแกไม่ว่าหรอที่กลับมืดๆค่ำๆน่ะ แล้วพ่อแกรู้มั้ยว่าแกอยู่กับพี่พีท ท่านไม่โวยวายเอาหรอ ฉันจำได้นะว่าแกเคยเล่าให้ฉันฟังว่าพ่อแกออกจะแอนตี้พี่พีทด้วยซ้ำไป”มินตราถามไม่ยั้งจนเจติมาต้องปราม

    “ใจเย็นๆก่อนแก คือว่าเรื่องที่ฉันอยู่กับพี่พีทน่ะ พ่อยังไม่รู้หรอก พ่อรู้แค่ว่าโทรศัพท์ฉันพังแค่นั้น ขืนให้พ่อรู้นะว่าฉันเจอพี่พีท ท่านได้ดุฉันแน่ๆ แกก็อย่าไปบอกพ่อฉันล่ะ เข้าใจมั้ย”เจติมากำชับเพื่อน

    “จ้า ฉันไม่บอกหรอก ว่าแต่พี่พีทของแกเค้าเป็นยังไงบ้างอ่ะ หล่อเหมือนในทีวีมั้ย”มินตรายังคงอยากรู้

    “ไม่เหมือน เพราะตัวจริงพี่เค้าหล่อกว่าในทีวีเยอะมากอ่ะแก ฉันนี่เห็นแล้วใจแทบละลายเลย”เจติมาออกอาการอย่างหนักจนมินตราหัวเราะออกมา

    “แกนี่บทจะบ้าบทจะคลั่งไคล้ก็ทำเอาฉันตกใจเหมือนกันนะเนี่ย ทีเมื่อก่อนทำเป็นไม่สนใจ บอกว่าจะตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือสอบเข้าแพทย์ให้ได้เพื่อคุณพ่อสุดที่รัก แต่พอฉันเห็นแกวันนี้แล้วรู้เลยว่าแกคงตบะแตกแล้ว ฮ่ะๆๆอุตส่าห์เก๊กทำไม่สนใจเค้ามาตั้งนาน มาตายน้ำตื้นซะอย่างนั้นเพื่อนฉัน”มินตราเอ่ยแซวเพื่อนรัก แต่นั่นกลับทำให้เจติมาหน้าเศร้าขึ้นมาทันที

    “จริงสินะ นี่ฉันลืมความตั้งใจของฉันไปได้ยังไงเนี่ย ขอบใจแกมากนะหมิวที่เตือนสติฉัน”เจติมาจับมือมินตรามากุมอย่างขอบคุณ

    “เฮ้ยแก ฉันล้อเล่น แกอย่าคิดมากเลยนะ เรื่องที่แกจะตามกรี๊ดพี่พีท ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน มันไม่ได้ทำให้การเรียนของแกตกต่ำไปด้วยเลยซักนิด ถ้าแกไปตามติดพี่พีทจนเกรดแกตกฉันค่อยว่าแก แต่นี่แกเรียนดีมาตลอด กับอีแค่ความสุขเล็กๆน้อยๆในชีวิตของแก ฉันไม่ห้ามแกหรอก เผลอๆฉันอาจจะติดสอยห้อยตามแกไปร่วมกรีดพี่พีทด้วยอีกคน แกอย่าคิดมากเลยนะ ช่วงนี้เราต้องเก็บเกี่ยวความสุขของเราเอาไว้ให้เยอะๆ เพราะไม่รู้ว่าถ้าเราไปมีชีวิตในมหาวิทยาลัย เราจะได้ทำอะไรแบบนี้ด้วยกันอีกมั้ย เชื่อฉันเถอะนะแก ถ้าแกมีความสุขก็ทำต่อไปเถอะ ฉันจะอยู่ข้างๆแกเอง”มินตรากระชับมือที่กุมเพื่อนเอาไว้เพื่อเป็นการให้กำลังใจอีกฝ่าย เจติมาพยักหน้ารับ เธอจะลองดูซักตั้ง กับการได้ทำความรู้จักศิลปินในดวงใจให้มากขึ้น

    “ก็ได้ ฉันจะลองดูซักตั้ง”เจติมาบอกกับเพื่อน มินตรายิ้มดีใจที่เห็นเพื่อนมีความสุขเสียที

    แต่แล้วเหตุการณ์ในวันนั้นก็เป็นเพียงสายลมที่ผ่านพัดเข้ามาให้จิตใจของเจติมาชุ่มชื่นเพียงชั่วคราว เพราะนี่ก็ผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอได้พบเจอกับพีรวัฒน์ แต่จนป่านนี้เขายังไม่ติดต่อกลับมาหาเธอซักครั้ง

    "รอหนุ่มที่ไหนโทรมากันล่ะ"คุณเจษฎาถามลูกสาวสุดที่รักเมื่อเห็นว่าเจติมามักจะมานั่งเฝ้าโทรศัพท์ทุกเย็นหลังเลิกเรียน เด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน

    "ไม่ใช่นะคะพ่อ ก็...ก็โทรศัพท์หนูพัง เวลาใครจะติดต่อก็ต้องโทรเข้าเบอร์บ้านนี่คะ เผื่อว่าเพื่อนจะมีธุระคุยเรื่องงาน หนูก็เลยมานั่งใกล้ๆ เผื่อมีคนโทรมาจะได้ไม่ต้องลำบากพ่อไงคะ"เจติมาพยายามอธิบาย

    "จ้ะ พ่อเชื่อ ลูกน่ะไม่มีหนุ่มๆที่ไหนกล้ามายุ่งหรอก เพราะลูกสาวพ่อนะไม่สนหนุ่มๆธรรมดาแถวนี้หรอก ต้องเป็นไอ้นักร้องซุปๆอะไรนั่นคนเดียวสินะ เหมือนที่เคยบอกพ่อไว้ใช่มั้ย"คุณเจษฏาเข้ามาลูบผมลูกสาวเล่นอย่างเอ็นดู เจติมาได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไปให้บิดา

    "นักร้องซุปเปอร์สตาร์ค่ะคุณพ่อสุดหล่อ แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะนะคะตอนนี้หนูได้อยู่กับผู้ชายที่รักหนูที่สุดในโลกอย่างพ่อ แค่นี้หนูก็มีความสุขมากแล้วล่ะค่ะ อยู่เป็นโสดไปจนตายก็ไม่เห็นเป็นไรเลย"เจติมาบอกกับบิดายิ้มๆ

    "ตอนนี้ลูกอาจจะคิดอย่างนี้ แต่พอโตไปความคิดลูกก็จะเปลี่ยนไป พ่อน่ะไม่อยากให้ลูกติดพ่อจนเกินไป หากว่าวันหนึ่งที่พ่อไม่อยู่แล้วใครจะดูแลลูกสาวของพ่อแทนพ่อได้ล่ะพ่อรู้ว่าตอนนี้ลูกยังเด็กเกินกว่าที่จะพูดเรื่องการมีครอบครัวแต่ซักวันหนึ่งลูกก็จะต้องออกเรือนไปอยู่ดีพ่อขอแค่ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดีและรักลูกให้ได้เท่ากับที่พ่อรักลูกก็พอ"คุณเจษฎาว่า

    "พ่อคะ...หนูเพิ่งอายุสิบแปดเองนะคะพ่อพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้พ่อยังต้องอยู่ดูแลหนูไปอีกนาน"เจติมาเข้าไปกอดบิดาอย่างอ้อนๆ คุณเจษฎายิ้มให้กับลูกสาว

    "กรี๊งงงงงงง กรี๊งงงงงงง"เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เจติมาสะดุ้้งอีกครั้ง ก่อนที่จะผละจากบิดามารับโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น ว่าจะใช่สายที่เธอรอมาเป็นอาทิตย์รึเปล่า

    “สวัสดีค่ะ เจติมาพูดสายค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการจะเรียนสายกับใครคะ”เจติมากรอกเสียงไปตามสาย พลางกลั้นใจรอฟังคำตอบ

    [สวัสดีครับน้องเจ นี่พี่พีทเองนะ แหม พูดจาซะเป็นทางการเชียวนะครับ]เป็นเสียงของพีรวัฒน์อย่างที่เธอหวังไว้จริงๆด้วย

    “เอ่อ...พี่มีอะไรรึเปล่าคะ”เจติมากรอกเสียงลงไปอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้บิดาได้ยินถนัดนัก

    [อ๋อ เรื่องโทรศัพท์มือถือของน้องเจน่ะครับ พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว วันเสาร์นี้พี่ว่างพอดีก็เลยว่าจะเอาโทรศัพท์ไปคืนน้องด้วยเลย จะให้พี่เอาไปให้ที่ไหนดีครับ]พีรวัฒน์ถาม

    “อ๋อ...ที่บ้านหมิวก็ได้ค่ะ เดี๋ยววันเสาร์นี้หนูไปทำรายงานที่บ้านหมิวอยู่แล้ว”เจติมาบอก

    [บ้านหมิว ที่ไหนครับ...ใช่บ้านเพื่อนน้องเจที่พี่ไปส่งน้องวันนั้นรึเปล่าครับ]

    “ใช่ค่ะใช่...ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ต้องไปช่วยพ่อทำงานแล้ว สวัสดีค่ะ”เจติมาพูดจบก็รีบวางสายไปทันที พีรวัฒน์ยังไม่ทันถามด้วยซ้ำ เขาจึงโทรเข้าไปอีกครั้ง

    “สวัสดีครับ เจษฎาพูดครับ ไม่ทราบว่านั่นใครครับ”คุณเจษฎาเป็นคนรับสาย เพราะตอนนี้ลูกสาววิ่งขึ้นห้องไปเรียบร้อยแล้ว

    [เอ่อสวัสดีครับ คือผมเป็น...เป็นคนที่ทำโทรศัพท์ของคุณเจติมาพังน่ะครับ ก็เลยจะโทรนัดให้มารับโทรศัพท์เครื่องใหม่เพื่อทดแทนเครื่องเก่าที่ผมทำพังไปน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณเจติมาสะดวกรับสายมั้ยครับ] พีรวัฒน์ถามไป

    “เจขึ้นห้องไปแล้ว คุณมีธุระอะไรก็ฝากผมไว้ เดี๋ยวผมจะบอกเจเอง”คุณเจษฎาพูดเสียงเข้ม

    [เอ่อ ถ้าอย่างนั้น...] พีรวัฒน์กำลังจะบอก แต่เสียงของเจติมาดังขึ้นมาขัดซะก่อน

    “พ่อคะ พ่อคุยโทรศัพท์กับใครหรอคะ”เจติมาถามคุณเจษฎาอย่างตื่นเต้น เพราะไม่ค่อยมีใครโทรเข้าบ้านนานมากแล้ว

    “อ๋อ ก็คนที่ทำโทรศัพท์ลูกพังน่ะ เค้าโทรมาบอกว่าจะนัดให้ลูกไปรับโทรศัพท์ ลูกมาก็ดีแล้ว ลงมาคุยกับเค้าเลย เดี๋ยวพ่อต้องเข้าสวนไปดูคนงานซักหน่อยว่าเก็บผลไม้กันเสร็จรึยัง”คุณเจษฎาว่า ก่อนจะยื่นหูโทรศัพท์ให้ลูกสาวแล้วเดินออกจากบ้านไปทันที

     

    “สวัสดีค่ะ พี่พีทโทรมาทำไมอีกคะ”เจติมาถามเสียงกังวล

    [อ๋อ พี่จะโทรมาถามว่าวันเสาร์น่ะ จะให้พี่ไปกี่โมง พี่จะได้กะเวลาถูก] พีรวัฒน์ถาม

    “กี่โมงก็ได้ค่ะ หนูอยู่ที่บ้านหมิวทั้งวัน พี่พีทมีอะไรอีกมั้ยคะ”เจติมาถาม พลางหันหน้าหันหลังมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่าบิดาอยู่แถวๆนี้รึเปล่า

    [ดูท่าว่าน้องเจคงไม่สะดวกจะคุยกับพี่ซักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าวันเสาร์เจอกันนะครับ บาย] พีรวัฒน์พูดจบก็วางสายไป เจติมาเองก็อดเสียดายไม่ได้ที่ซุปตาร์ในดวงใจโทรมาหาทั้งที ได้คุยแค่แป็บเดียวเอง แต่เธอก็ห่วงความรู้สึกของบิดามากกว่า ยิ่งถ้ารู้ว่าคนที่โทรมาเป็นพี่พีทล่ะก็ บิดาของเธอได้เทศนาอีกยาวแน่ๆ

    “มีอะไรจะบอกพ่อมั้ย” ทันทีที่เจติมาหันหลังให้โทรศัพท์ ก็เจอคุณเจษฎาดักรออยู่

    “อุ้ย พ่ออ่ะ ตกใจหมดเลย เอ่อ คือว่า ก็คนที่ทำโทรศัพท์หนูพังนั่นแหละค่ะ เค้านัดให้ไปเอาโทรศัพท์คืน ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”เจติมาพูดปัด

    “ไปรับที่ไหน เดี๋ยวพ่อไปด้วย พ่อไม่ไว้ใจ ผู้ชายสมัยนี้มันไว้ใจได้ซะที่ไหน อีกอย่างลูกก็เป็นสาวเป็นนาง จะไปนัดเจอกับผู้ชายสองต่อสองมันไม่เหมาะ”คุณเจษฎาว่า เจติมาหน้าซีดไปทันที ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

    “โอ๊ย เรื่องนั้นพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ เพราะว่าหนูจะลากกลุ่มเพื่อนๆหนูไปด้วย ก็แก๊งที่ไปทำรายงานกันวันเสาร์นั่นแหละค่ะ ไปกันเป็นโขยงเลย รับรองว่าเค้าไม่กล้าทำอะไรลูกสาวพ่อหรอกค่ะ เอาอย่างนี้ดีมั้ย ถ้าหนูได้โทรศัพท์คืนเมื่อไหร่จะโทรหาพ่อทันทีเลย ดีมั้ยคะ”เจติมาบอกกับบิดาเพื่อให้ท่านสบายใจ

    “เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่อย่าลืมโทรหาพ่อทันทีล่ะ”คุณเจษฎายอมผ่อนให้ลูกสาวในที่สุด

    “พ่อใครเนี่ย น่ารักที่สุดเลย”เจติมากระโดดกอดบิดาทันที คุณเจษฎาก็ได้แต่หัวเราะกับท่าทางราวกับเด็กน้อยของลูกสาว

                และแล้ว วันเสาร์ที่เจติมารอคอยก็มาถึงจนได้ เธอรีบออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปรอพีรวัฒน์ที่บ้านของมินตราอย่างตื่นเต้น จนมินตราแปลกใจที่เพื่อนสาวมาก่อนเวลานัดตั้งสองชั่วโมง

    “แกมาเช้ามากเลยนะเจ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าการที่ซุปตาร์จะเอาโทรศัพท์มาคืนนี้ถึงกับแต่งตัวออกจากบ้านตั้งแต่ไก่โห่เพื่อมารอกันขนาดนี้น่ะ”มินตราอดแซวเพื่อนไม่ได้ เธอรู้เรื่องนี้เพราะเจติมาเป็ฯคนเล่าให้ฟังตอนเช้าวันถัดมาที่เจติมาไปโรงเรียน

    “ก็ฉันไม่รู้ว่าพี่พีทจะมากี่โมงนี่ ก็เลยมาแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ”เจติมาอธิบาย

    “จ้ะ แม่คนสวย นี่แน่ใจนะว่าชุดนี้เป็นชุดที่ดูดีที่สุดของแกแล้วน่ะ แต่งตัวอย่างกับป้าตลอดอ่ะแก”มินตราอดบ่นออกมาไม่ได้ นี่ขนาดมีซุปตาร์มาหาถึงที่ เธอยังแต่งตัวเหมือนหลุดออกมาจากละครพีเรียดอย่างนั้นแหละ

    “ก็ฉันมีแต่ชุดแบบนี้นี่นา ขาสั้นนี่อย่าหวังว่าพ่อฉันจะอนุญาตให้ออกจากบ้านเลยแก”เจติมาบอก แต่จะว่าไปเธอเองก็ไม่ค่อยชอบใส่เสื้อผ้าตามสมัยนิยมพวกเสื้อกล้ามหรือเสื้อเอวลอย กับกางเกงขาสั้นมากๆ เหมือนกัน เพราะดูว่ามันไม่ค่อยเรียบร้อยซักเท่าไหร่

    “อันนั้นฉันรู้แล้วว่าพ่อแกน่ะหวงมาก แต่ว่าการที่จะเรียกความสนใจจากซุปตาร์อย่างพี่พีทให้หันมาสนใจยัยเป็ดขี้เหร่...เอ่อ แกก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรหรอกนะเจ แต่การที่แกแต่งเป็นป้าอยู่แบบนี้แหละจะทำให้แกดูเฉิ่มเชย เพราะฉะนั้น ฉันจะให้แกยืมชุดใส่ไปก่อนหนึ่งวัน แล้วเราค่อยไปช็อปปิ้งกันใหม่ ดีมั้ย”มินตราออกความคิดเห็น

    “ไม่เอาหรอกแก ฉันแต่งตัวแบบนี้น่ะดีแล้ว อีกอย่างแกคงลืมไปว่าที่เราพูดถึงกันน่ะคือพี่พีท ซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทย เค้าคงจะมาชายตาแลเด็กกะโปโลอย่างฉันหรอก ฉันไม่อาจคิดฝันไปไกลขนาดนั้นหรอกแก แค่ได้มีโอกาสได้พบเจอ ได้พูดคุยกับพี่พีทอีกครั้งฉันก็ถือว่าเป็นโชคดีที่สึกของฉันแล้วล่ะ”เจติมาบอกกับเพื่อนสาวออกมาจากใจจริง

    “โอเคๆ ฉันไม่ขัดแกแล้วก็ได้ งั้นไหนๆแกก็มาแล้ว เรามานั่งทำรายงานฆ่าเวลาไปเรื่อยๆดีกว่า”มินตราชวน เจติมาพยักหน้ารับ ก่อนที่จะพากันไปนั่งทำงานกันตรงศาลาริมน้ำ ผ่านไปสองชั่วโมง เพื่อนๆที่เหลือก็ทยอยกันมาช่วยกันทำรายงาน

    “ว้าวๆ วันนี้พวกเราทำงานเสร็จก่อนเวลาที่กำหนดกันด้วยแหละ แต่ว่ามีบางคนที่แอบอู้งานเดินไปชะโงกดูที่หน้าบ้านอยู่บ่อยๆ ถามจริงเถอะเจ นัดใครไว้รึเปล่าฮะ”แนนถามขึ้นมา เจติมาส่งค้อนให้เพื่อนทันที

    “เปล่ารอใครซักหน่อย ไปๆๆ งานเสร็จกันแล้ว แยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว พวกแกมีนัดกับที่บ้านไม่ใช่หรอ ฉันจำได้ว่าพวกแกเคยบอกตอนเรานัดกันทำรายงาน”เจติมาหาข้ออ้างไล่เพื่อนกลับทันที

    “จ้ะ งานเสร็จล่ะรีบไล่กันเชียวนะ อย่าให้พวกฉันรู้นะว่าแอบนัดหนุ่มที่ไหนไว้แล้วไม่ยอมบอกเพื่อน เดี๋ยวงอนซะให้เข็ด”จูนบอก

    “เฮ้ย พวกแกก็คิดมากไปได้ เจมันไม่มีอะไรหรอก ที่หงุดหงิดนี่อาจจะเพราะว่าใกล้วันนั้นนของเดือนก็ได้ พวกแกก็กลับกันได้แล้ว เดี๋ยวยิ่งช้าแดดจะยิ่งแรง ผิวเสียหมดนะแก”มินตราช่วยเจติมาอีกแรง

    “ก็ได้ๆ พวกฉันกลับละ เจอกันวันจันนะจ๊ะเพื่อนๆ”แนนบอก่อนจะเดินทางกับพร้อมกับเพื่อนๆที่เหลือ เจติมายังคงนั่งหน้างออยู่อย่างนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ

    “ฉันว่าพี่พีทคงไม่มาแล้วแหละ ฉันกลับเลยดีกว่า”เจติมาพูดจบก็ทำท่าจะลุกไปเช่นกัน

    “เฮ้ย เดี๋ยวก่อนสินี่มันเพิ่งจะบ่ายโมงเองนะ พี่เค้าอาจจะยังเคลียร์คิวไม่เสร็จก็ได้ แล้วใครใช้ให้แกบอกเค้าล่ะว่ามาตอนไหนก็ได้ แกอยู่บ้านฉันทั้งวันน่ะ แล้วแกก็มานั่งชะเง้อคอรอหาเค้าอยู่แบบนี้ ยัยเจเอ๊ย ฉันไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าแกดีเนี่ย”มินตราว่า เจติมายิ่งหน้างอเข้าไปอีก

    “ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าเค้าจะไม่มาแบบนี้น่ะ ช่างมันเหอะแก ฉันจะกลับละ ถ้าเกิดว่าพี่พีทเค้ามาก็บอกเค้าด้วยแล้วกันว่าฉันกลับบ้านไปแล้ว ส่วนโทรศัพท์ก็ฝากไว้ที่แกก่อนก็ได้ ฉันไม่รีบ”เจติมาบอกกับเพื่อนพลางเก็บของใส่กระเป๋าไป
    “พี่เจ มีคนมาหา”บอลวิ่งกระหืดกระหอบมาบอก เจติมาอึ้งไปซักพัก ก่อนจะรีบวิ่งออกไปที่หน้าบ้านทันที

    “สวัสดีครับน้องเจ ขอโทษที่พี่มาช้าไปหน่อย พอดีว่ามีคิวงานเข้ามากะทันหัน เพิ่งเลิกเมื่อตอนเที่ยงนี้เอง”พีรวัฒน์รีบอธิบายทันที

    “อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้รออะไร ว่าแต่โทรศัพท์ล่ะคะ ฉันจะได้โทรบอกพ่อซักทีว่าได้โทรศัพท์คืนแล้ว พอดีว่าพ่อฉันเป็นห่วงน่ะค่ะ”เจติมาพูดเรียบๆ พีรวัฒน์เห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี

    “อ๋อ อยู่นี่ครับ”พีรวัฒน์ยื่นโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวทันที

    “ขอบคุณนะคะ”เจติมากล่าวขอบคุณจบก็ทำท่าจะหันหลัง แต่พีรวัฒน์คว้าข้อมือไว้

    “ใจคอจะไม่เชิญพี่เข้าบ้านไปดื่มน้ำดื่มท่าซักหน่อยหรอครับ นี่พี่รีบขับรถเอาโทรศัพท์มาให้น้องเจเลยนะครับเนี่ย น้ำซักแก้วยังไม่ได้กินเลยตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ถือว่าช่วยสงเคราะห์คนหิวน้ำหน่อยนะครับ”พีรวัฒน์บอกอย่างอ้อนๆ

    “เอ่อ ฉันว่ามันคงไม่เหมาะมั้งคะ นี่ไม่ใช่บ้านฉันด้วย เดี๋ยวฉัน...”เจติมายังพูดไม่ทันจบ มินตรากับบอลก็ออกมาขัดจังหวะซะก่อน

    “ยัยเจนี่เสียมารยาทกับแขกของแกจริงๆเลย จะคิดมากทำไม บ้านฉันก็เหมือนบ้านแกนั่นแหละ เชิญเข้าบ้านก่อนนะคะพี่พีท ถ้าไม่รังเกียจบ้านเล็กๆของพวกเรา”มินตราพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พีรวัฒน์ยิ้มอย่างขอบคุณ

    “เดี๋ยวผมไปหาน้ำมาต้อนรับแขกของพี่เจก่อนดีกว่านะ”บอลพูดจบก็รีบวิ่งเข้าบ้านไป พีรวัฒน์อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นว่าหนุ่มน้อยคนนี้ไม่มีท่าทีเขม่นเขาเหมือนผู้ชายที่คอยหวงแฟนเอาซะเลย ถ้าเป็นเขานะ แค่เห็นผู้หญิงของตัวเองไปสนิทกับชายอื่นนี่ต้องเรียกมาคุยแล้ว

    “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญด้านในก่อนค่ะ”เจติมาบอกกับชายหนุ่ม ก่อนจะเดินนำหน้าเข้าบ้านไป โชคดีนะที่บิดามารดารของมินตราไปทำธุระที่ต่างจังหวัดพอดี บ้านนี้เลยมีแค่มินตราและบอลอยู่เท่านั้น ไม่อย่างนั้น หากพวกผู้ใหญ่เห็นพีรวัฒน์ล่ะก็ มีหวังได้เคลียร์กันยาว

    “น้ำครับ”บอลเดินนำน้ำดื่มมาให้พีรวัฒน์

    “ขอบคุณครับ”ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ ก่อนจะยกน้ำดื่มขึ้นดื่มไปครึ่งแก้ว

    “ไหนว่าหิวน้ำไงคะ ทำไม่ดื่มแค่นั้นเอง”มินตราเอ่ยถามอย่างสงสัย

    “เอ่อ พอดีว่าช่วงนี้ดื่มน้ำเย็นเยอะไม่ค่อยได้น่ะครับ ต้องถนอมเสียงหน่อย”พีรวัฒน์พูดขึ้น เพื่อบอกเป็นนัยๆให้เจติมารรู้ว่าเขาเป็นใคร

    “แหม จะเก็บเสียงไว้เตรียมขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่กลางปีนี้สินะคะพี่พีท เอ่อ หมิวขอเรียกคุณว่าพี่พีทได้ฝช่มั้ยคะ”มินตราชวนคุย เพราะเห็นว่าเพื่อนสาวยังคงนั่งนิ่งไม่พูดอะไร

    “ได้สิครับ น้องหมิวใช่มั้ยครับ แล้วน้องหมิวรู้ได้ยังไงครับว่าพี่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่”พีรวัฒน์ถามอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนของสาวน้อยที่เขาถูกใจจะรู้จักเขาด้วย

    “ไม่มีใครไม่รู้จักนักร้องซุปเปอร์สตาร์อย่างพีท พีรวัฒน์หรอกนะคะ อีกอย่าง เพื่อนของหมิวเนี่ยก็ออกจะคลั่งไคล้พี่อย่างกับอะไรดี จริงมั้ยยัยเจ”หมิวหันไปถามเพื่อนอย่างกระเซ้า แต่เจติมาหันมาถลึงตาใส่เพื่อน

    “อ้าว นี่น้องเจรู้หรอครับว่าพี่เป็นใคร โธ่ ไอ้เราก็ใจแป้ว คิดว่าจะมีคนที่ไม่รู้จักเราด้วย น้องหมิวรู้มั้ยครับว่าวันนั้นที่เจอน้องเจ น้องเค้าไม่กรี๊ดกร้าดดีใจเหมือนคนอื่นๆเลยนะครับ จนพี่นี้เสียเซลฟ์ไปเลย”พีรวัฒน์พูดออกมา ทำเอาทั้งมินตราและบอลขำ

    “ที่ไม่กรี๊ดเนี่ยเพราะอึ้งอยู่น่ะสิคะ ใช่มั้ยยัยเจ”มินตราถามเพื่อน

    “เอ่อ...ก็คงงั้นแหละ”เจติมาที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็เอาปากมาเหมือนกันตอบไปอย่างเขินๆนิดๆ

    “ พี่รู้มั้ยครับว่าผมกับพี่เจเนี่ย เป็นแฟนคลับตัวยงของพี่เลยนะครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พี่คงไม่ว่าอะไรถ้าผมจะขอลายเซ็นของพี่เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก”บอลถามออกมา พีรวัฒน์ยิ้มให้

    “ได้สิครับ ไม่มมีปัญหา จะให้เซ็นตรงไหนล่ะ”พีรวัฒน์ถาม บอลจึงเดินไปหยิบสมุดไดอารี่สีชมพูสุดหวานของตัวเองออกมาจากห้องนอน แล้วยื่นให้ชายหนุ่ม พีรวัฒน์มองบอลอย่างอึ้งๆ ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง แล้วเซ็นลายเซ็นลงไปในสมุด

    “ขอบคุณครับ”บอลพูดจบก็กอดสมุดแล้วเดินลั้นลาออกไปทำการบ้านต่ออย่างสบายใจ ในเมื่อได้ลายเซ็นของนักร้องหนุ่มมาไว้ในอ้อมกอดแล้ว

    “ไม่ยักกะรู้ว่าน้องเจก็เป็นแฟนคลับพี่ด้วย เห็นวันนั้นที่เปิดเพลงไปตั้งหลายเพลง แล้วถามว่าชอบเพลงไหน น้องก็บอกว่าไม่รู้”พีรวัฒน์ถามอย่างน้อยใจ

    “พี่พีทอย่าเพิ่งเข้าใจผิดเลยนะคะ เพราะที่เพื่อนหมิวบอกไปน่ะถูกแล้ว ยัยเจเคยบอกไว้ว่าถ้าจะให้เลือกเพลงของพี่พีทที่มันชอบมากที่สุดจริงๆมันคงเลือกไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมันชอบทุกเพลงเลยที่เป็นเพลงของพี่”มินตราเฉลย นั่นจึงทำให้พีรวัฒน์ยิ้มออกมาได้

    “ยัยหมิว จะไปบอกเค้าทำไมล่ะ”เจติมาตีแขนเพื่อนเบาๆ

    “น้องเจนี่เป็นผู้หญิงที่เก่งจริงๆนะครับ ควบคุมสติได้ดีเลยนะเวลาเจอศิลปินที่ชอบ พี่เคยเจอนะ บางคนพอเวลาเห็นพี่นี่กรี๊ดจนเป็นลมไปเลยก็มี แต่พี่ชอบแบบน้องมากกว่า ดูมีเสน่ห์ดี”พีรวัฒน์ว่า นั่นยิ่งทำให้เจติมาหน้าแดง

    “เอ่อ ฉันขอตัวไปโทรศัพท์หาพ่อก่อนดีกว่า เดี๋ยวพ่อจะเป็นห่วง”เจติมาพูดจบก็รีบวิ่งออกไปโทรศัพท์ทันที

    “พี่พีทคิดจะจีบเพื่อนหมิวหรอคะ”อยู่ๆมินตราก็ตั้งคำถามนี้ขึ้นมา ทำเอาพีรวัฒน์อึ้งไปเหมือนกัน

    “แล้วถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ น้องหมิวจะว่ายังไงครับ”พีรวัฒน์ถามกลับบ้าง ทำเอาคนฟังอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง

    “พะ...พี่ล้อเล่นรึเปล่าคะ อย่างยัยเจเนี่ยนะ สเป็คพี่”มินตราถามอีกครั้ง

    “พี่จะบอกยังไงดีล่ะ พี่รู้สึกถูกชะตากับน้องเจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้ว พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่พี่บอกได้เลยว่าพี่ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน น้องเจเป็ฯผู้หญิงคนแรกที่พี่รู้สึกดีแบบนี้ แต่พอพี่มาส่งน้องเจแล้วเห็นอยู่กับน้องผู้ชายคนเมื่อกี้ พี่คิดว่าน้องเจเป็นแฟนกับน้องคนนั้น พี่ก็รู้สึกเจ็บแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไร น้องหมิวอาจจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่พี่จะมีความรู้สึกแบบนี้ให้กับเพื่อนของน้อง แต่พี่อยากจะบอกว่ามันเป็นไปแล้ว พี่รู้สึกดีกับน้องเจ...รู้แบบนี้แล้วน้องหมิวจะว่ายังไงครับถ้าพี่คิดจะจีบเพื่อของน้อง”พีรวัฒน์ถามเด็กสาว มินตราอึ้งไปอีก ก่อนจะยิ้มออกมา

    “จะว่าอะไรได้ล่ะคะ หมิวจะสนับสนุนเต็มที่ต่างหาก พี่รู้อะไรมั้ยคะว่ายัยเจเคยประกาศต่อหน้าเพื่อนๆเลยนะว่าถ้าไม่ใช่พีท พีรวัฒน์ เธอก็จะขออยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต ไม่รับใครเข้ามาในหัวใจเป็ฯอันขาด ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าวันนี้จะมาถึง ยังไงก็ขอบคุณล่วงหน้านะคะพี่พีท ที่เป็นคนรอดึงยัยเจลงจากคานน่ะค่ะ”มิตราพูดอย่างดีใจ พีรวัฒน์เองก็อึ้งไปเหมือนกันกับข้อมูลที่ได้รู้ เขาจึงขอเบอร์โทรศัพท์ของมินตราไว้เพื่อเอาไว้ติดต่อขอความช่วยเหลือเรื่องการเดินหน้าจีบเจติมาอย่างเต็มขั้นซักที

    “อ้อ แล้วก็เรื่องที่พี่เข้าใจผิดคิดว่าไอ้บอลเป็นแฟนกับยัยเจ พี่หายห่วงได้เลยนะคะ เพราะน้องของหมิวคนเนี้ย ไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกค่ะ”มินตราพูดจบก็ลุกขึ้นไปตามเพื่อนสาวทันที พีรวัฒน์ถึงกับโล่งใจ

    “ยัยเจ แกจะหลบหน้าพี่พีทไปถึงไหน ก็ไหนแกมารอเจอเค้าตั้งแต่ไก่โห่ แต่พอเจอแล้วก็ไม่คุยซะงั้น ยัยเพื่อนบ้า เข้าไปคุยกับพี่เค้าเดี๋ยวนี้เลยนะ”มินตราเข้ามาลากเพื่อนสาวที่นั่งอยู่หน้าบ้านทันที

    “แก ใจเย็นๆสิ ขอฉันทำใจอีกซักพักนะ”เจติมาว่า

    “เวลาทำใจของแกหมดลงแล้ว เข้าไปคุยกับพี่พีทเดี๋ยวนี้”มินตราว่าพลางผลักหลังเพื่อนสาวให้เข้าไปเผชิญหน้ากับนักร้องหนุ่ม

    “เอ่อ...ช่วงนี้พี่พีทเป็นยังไงบ้างคะ”เจติมาไม่รู้จะคุยอะไร เลยถามคำถามที่แสนเชยนี้ออกไป

    “ก็เหนื่อยกับการซ้อมคอนเสิร์ตนะครับ แต่พอมาเห็นหน้าน้องเจวันนี้แล้วหายเหนื่อยขึ้นมาทันทีเลย”พีรวัฒน์ว่า

    “แหม นี่มุกจีบหญิงหรือไงคะเนี่ย”เจติมาถามอก้เก้อ

    “แล้วถ้าใช่ มุกนี้ผ่านมั้ยล่ะครับ”พีรวัฒน์ถามพร้อมกับส่งสายตาวิบวับมาให้ เจติมาเขินจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว

    “ไม่ผ่านค่ะ เชยมากกกกกก”เจติมาตอกกลับไป พีรวัฒน์อึ้ง ก่อนจะปรับสีหน้าแล้วหยอดใหม่

    “ที่มุกเชยแบบเนี้ย เพราะพี่ไม่เคยใช้มุกจีบสาวมาก่อน ไม่รู้ว่าน้องเจจะเชื่อพี่มั้ย แต่น้องเจเป็นคนแรกที่พี่คิดจะจีบ”พีรวัฒน์เอ่ยออกมาในที่สุด เจติมาถึงกับอึ้ง

    “อย่ามาโกหกกันให้ยากเลยค่ะพี่พีท...แต่ก็อาจจะจริงนะคะ คนอย่างพี่ ไม่ต้องใช้มงใช้มุกอะไรหรอกค่ะ แค่พูดคำเดียวก็มีสาวๆพร้อมเป็นคู่ควงให้ตลอดเวลาอยู่แล้ว”เจติมาว่า พีรวัฒน์ได้แต่หัวเราะหึๆ

    “คนอื่นอาจจะเป็นแค่คู่ควง แต่สำหรับน้องเจ พี่อยากให้เป็นคู่ชีวิตของพี่นะครับ ฟังดูมันอาจจะตลก หรือน้องอาจจะคิดว่าพี่พูดจาไร้สาระ ไม่มีวันเป็นไปได้ แต่พี่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า พี่จะทำให้น้องเจเห็นว่าพี่รู้สึกยังไงกับน้อง ขอเพียงแค่น้องเจให้โอกาสพี่ ให้เราได้เริ่มต้นด้วยกันได้มั้ยครับ”พีรวัฒน์ถาม

    “พี่พีทคะ...คือเราเพิ่งจะเจอกันแค่สองครั้งเองนะคะ เจคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ เอาเป็นว่าขอเป็นพี่น้องกันไปก่อนได้มั้ยคะ”เจติมาต่อรอง ทั้งที่ในใจนี่กรีดร้องไปแล้ว

    “จริงสินะ พี่ลืมคิดไปเลยว่ามันอาจจะเร็วเกินไป อาจจะทำให้น้องเจตกใจ เอาเป็นว่าตอนนี้เราเป็นพี่น้องกันแล้วนะ คงไม่ผิดอะไรถ้าพี่จะโทรไปคุยกับน้องเจบ้างเวลาว่างๆน่ะ”พีรวัฒน์เอ่ยอบ่างมัดมือชก

    “โทรได้ค่ะ แต่ห้ามโทรเบอร์บ้านเด็ดขาด”เจติมาเผลอหลุดปากอนุญาตไปแล้วก็ต้องตกใจเพราะพีรวัฒน์ยิ้มกริ่มขึ้นมาทันที

    “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เตรียมตัวรับโทรศัพท์พี่ได้เลยครับน้องสาว”พีรวัฒน์บอก ก่อนจะลุกขึ้นยืน

    “พี่คงต้องกลับซักทีมีถ่ายโปสเตอร์โฆษณาตอนบ่ายสาม ฝากลาน้องอีกสองคนด้วยนะครับ บาย”พีรวัฒน์พูดจบก็เดินออกไป เจติมายังคงอึ้งอยู่ เตรียมตัวรับโทรศัพท์ได้เลย หมายความว่ายังไงกัน... 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×